• How CBCT Dental Imaging Improves Accuracy in Implant Planning

    CBCT dental imaging plays a critical role in dental implant planning by providing precise three-dimensional visualization of the jawbone and surrounding structures. Successful implant placement depends on accurate assessment, which CBCT imaging delivers efficiently.

    Traditional X-rays offer limited information, often failing to show bone thickness or nerve location accurately. CBCT imaging eliminates these limitations by allowing clinicians to evaluate bone volume, density, and orientation in all dimensions.

    With CBCT scans, dentists can identify the exact position of vital structures such as the inferior alveolar nerve and maxillary sinus. This reduces the risk of nerve injury, sinus perforation, and implant failure.

    CBCT technology also supports guided implant surgery. Digital data from CBCT scans can be integrated with planning software to create surgical guides. These guides improve placement accuracy, shorten procedure time, and enhance patient comfort.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cbct-dental-imaging-market-2203
    How CBCT Dental Imaging Improves Accuracy in Implant Planning CBCT dental imaging plays a critical role in dental implant planning by providing precise three-dimensional visualization of the jawbone and surrounding structures. Successful implant placement depends on accurate assessment, which CBCT imaging delivers efficiently. Traditional X-rays offer limited information, often failing to show bone thickness or nerve location accurately. CBCT imaging eliminates these limitations by allowing clinicians to evaluate bone volume, density, and orientation in all dimensions. With CBCT scans, dentists can identify the exact position of vital structures such as the inferior alveolar nerve and maxillary sinus. This reduces the risk of nerve injury, sinus perforation, and implant failure. CBCT technology also supports guided implant surgery. Digital data from CBCT scans can be integrated with planning software to create surgical guides. These guides improve placement accuracy, shorten procedure time, and enhance patient comfort. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cbct-dental-imaging-market-2203
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux 2026: 9 เทรนด์ใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลกเดสก์ท็อปโอเพ่นซอร์ส

    ปี 2025 เป็นปีที่เดสก์ท็อป Linux เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Rust ที่เริ่มเข้ามาในเคอร์เนล, AI ที่เริ่มฝังในแอป, และการเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างจริงจัง บทความจาก It’s FOSS มองไปข้างหน้าและคาดการณ์ว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ Linux เดสก์ท็อป “เปลี่ยนหน้า” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

    หนึ่งในเทรนด์สำคัญคือ Local AI ที่จะถูกฝังในแอปมากขึ้น ตั้งแต่ Calibre, ONLYOFFICE ไปจนถึง Kdenlive โดยใช้ LLM แบบรันบนเครื่อง เช่น Ollama หรือ LM Studio ทำให้ผู้ใช้สามารถสรุปเอกสาร ค้นไฟล์ หรือจัดการข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ นี่คือการเปลี่ยน Linux ให้เป็น “AI workstation ส่วนตัว” อย่างแท้จริง

    ด้านระบบกราฟิก Wayland จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ หลัง Ubuntu, Fedora และ KDE Plasma ต่างประกาศเดินหน้าเต็มตัวในปี 2025 ทำให้ปี 2026 จะเป็นปีที่ Xorg ถูกลดบทบาทอย่างชัดเจน แม้จะยังต้องพึ่ง XWayland สำหรับแอปเก่า แต่ทิศทางโดยรวมชัดเจนว่า Linux เดสก์ท็อปกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ลื่นไหลและปลอดภัยกว่าเดิม

    นอกจากนี้ยังมีเทรนด์สำคัญอื่นๆ เช่น การเติบโตของ RISC‑V ในฮาร์ดแวร์ผู้ใช้ทั่วไป, GNOME ที่เดินหน้าปรับแอปดีฟอลต์ให้ทันสมัย, ดิสโทรแบบ Immutable ที่เริ่มกลายเป็นตัวเลือกหลัก, Hyprland ที่ยังคงครองใจสายแต่งเดสก์ท็อป และแนวโน้มรัฐบาลยุโรปที่หันมาใช้โอเพ่นซอร์สมากขึ้นเพื่อความมั่นคงและลดการพึ่งพาบริษัทต่างชาติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เทรนด์ Linux 2026 ที่โดดเด่นที่สุด
    Local AI ในแอป Linux เพิ่มขึ้น เช่น Calibre, ONLYOFFICE, Kdenlive
    Wayland กลายเป็นมาตรฐาน หลังดิสโทรใหญ่ทยอยเลิก Xorg
    Linux Gaming โตต่อเนื่อง จาก Proton, Wine, Rust‑based NVIDIA driver และ Steam Machine
    RISC‑V เข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป เช่น Framework Mainboard และอุปกรณ์พกพาใหม่ๆ
    GNOME เปลี่ยนแอปดีฟอลต์หลายตัว ไปสู่ GTK4 + libadwaita
    Immutable Distros มาแรง เช่น Fedora Atomic, openSUSE MicroOS, Nitrux
    Hyprland ยังคงเติบโต และถูกดิสโทรหลายตัวเพิ่มเป็นตัวเลือกหลัก
    Rustification เพิ่มขึ้น ทั้งในเคอร์เนลและเครื่องมือระบบ เช่น sudo, coreutils
    รัฐบาลยุโรปหันมาใช้โอเพ่นซอร์ส เช่น เดนมาร์ก, เยอรมนี, แคนาดา

    ความเสี่ยงและข้อควรระวังในเทรนด์เหล่านี้
    แอปเก่าที่ไม่รองรับ Wayland อาจมีปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    Hyprland ยังต้องจัดการไฟล์คอนฟิกจำนวนมาก แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม
    Rustification อาจทำให้เกิด fragmentation หากโครงการต่างๆ รีไรต์โดยไม่ประสานกัน
    Immutable Distros ต้องการการเรียนรู้ใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    https://itsfoss.com/news/linux-future-prediction-2026/
    🐧🔮 Linux 2026: 9 เทรนด์ใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลกเดสก์ท็อปโอเพ่นซอร์ส ปี 2025 เป็นปีที่เดสก์ท็อป Linux เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Rust ที่เริ่มเข้ามาในเคอร์เนล, AI ที่เริ่มฝังในแอป, และการเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างจริงจัง บทความจาก It’s FOSS มองไปข้างหน้าและคาดการณ์ว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ Linux เดสก์ท็อป “เปลี่ยนหน้า” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี หนึ่งในเทรนด์สำคัญคือ Local AI ที่จะถูกฝังในแอปมากขึ้น ตั้งแต่ Calibre, ONLYOFFICE ไปจนถึง Kdenlive โดยใช้ LLM แบบรันบนเครื่อง เช่น Ollama หรือ LM Studio ทำให้ผู้ใช้สามารถสรุปเอกสาร ค้นไฟล์ หรือจัดการข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ นี่คือการเปลี่ยน Linux ให้เป็น “AI workstation ส่วนตัว” อย่างแท้จริง ด้านระบบกราฟิก Wayland จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ หลัง Ubuntu, Fedora และ KDE Plasma ต่างประกาศเดินหน้าเต็มตัวในปี 2025 ทำให้ปี 2026 จะเป็นปีที่ Xorg ถูกลดบทบาทอย่างชัดเจน แม้จะยังต้องพึ่ง XWayland สำหรับแอปเก่า แต่ทิศทางโดยรวมชัดเจนว่า Linux เดสก์ท็อปกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ลื่นไหลและปลอดภัยกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีเทรนด์สำคัญอื่นๆ เช่น การเติบโตของ RISC‑V ในฮาร์ดแวร์ผู้ใช้ทั่วไป, GNOME ที่เดินหน้าปรับแอปดีฟอลต์ให้ทันสมัย, ดิสโทรแบบ Immutable ที่เริ่มกลายเป็นตัวเลือกหลัก, Hyprland ที่ยังคงครองใจสายแต่งเดสก์ท็อป และแนวโน้มรัฐบาลยุโรปที่หันมาใช้โอเพ่นซอร์สมากขึ้นเพื่อความมั่นคงและลดการพึ่งพาบริษัทต่างชาติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เทรนด์ Linux 2026 ที่โดดเด่นที่สุด ➡️ Local AI ในแอป Linux เพิ่มขึ้น เช่น Calibre, ONLYOFFICE, Kdenlive ➡️ Wayland กลายเป็นมาตรฐาน หลังดิสโทรใหญ่ทยอยเลิก Xorg ➡️ Linux Gaming โตต่อเนื่อง จาก Proton, Wine, Rust‑based NVIDIA driver และ Steam Machine ➡️ RISC‑V เข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป เช่น Framework Mainboard และอุปกรณ์พกพาใหม่ๆ ➡️ GNOME เปลี่ยนแอปดีฟอลต์หลายตัว ไปสู่ GTK4 + libadwaita ➡️ Immutable Distros มาแรง เช่น Fedora Atomic, openSUSE MicroOS, Nitrux ➡️ Hyprland ยังคงเติบโต และถูกดิสโทรหลายตัวเพิ่มเป็นตัวเลือกหลัก ➡️ Rustification เพิ่มขึ้น ทั้งในเคอร์เนลและเครื่องมือระบบ เช่น sudo, coreutils ➡️ รัฐบาลยุโรปหันมาใช้โอเพ่นซอร์ส เช่น เดนมาร์ก, เยอรมนี, แคนาดา ‼️ ความเสี่ยงและข้อควรระวังในเทรนด์เหล่านี้ ⛔ แอปเก่าที่ไม่รองรับ Wayland อาจมีปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ Hyprland ยังต้องจัดการไฟล์คอนฟิกจำนวนมาก แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม ⛔ Rustification อาจทำให้เกิด fragmentation หากโครงการต่างๆ รีไรต์โดยไม่ประสานกัน ⛔ Immutable Distros ต้องการการเรียนรู้ใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป https://itsfoss.com/news/linux-future-prediction-2026/
    ITSFOSS.COM
    Here's Our Prediction for the Future of Desktop Linux in 2026
    Our take on the trends that will shape desktop Linux and open source in the year ahead.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Xeon Granite Rapids-WS: หลุดไลน์อัปเต็มก่อน CES — ชน Threadripper แบบตรงๆ ด้วยรุ่นท็อป 86 คอร์

    Intel เตรียมเปิดตัวไลน์อัป Xeon Granite Rapids‑WS สำหรับเวิร์กสเตชันในงาน CES 2026 แต่ข้อมูลสำคัญกลับหลุดออกมาก่อนผ่านร้านค้าปลีกหลายแห่ง ทำให้เห็นภาพรวมของซีรีส์นี้ชัดเจนขึ้นมาก ทั้งจำนวนคอร์ ราคา และตำแหน่งการตลาด โดยไลน์อัปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อชน AMD Threadripper PRO โดยตรงในตลาด HEDT ระดับมืออาชีพ

    รุ่นเริ่มต้นอย่าง Xeon 634 เปิดราคาที่เพียง $541 พร้อม L3 cache 48MB และความเร็ว 2.7GHz แม้ยังไม่รู้จำนวนคอร์ แต่คาดว่าอาจเป็นรุ่นดัดแปลงจาก Xeon 6349P แบบ 6 คอร์ ซึ่งทำให้มันอยู่ในตลาดล่างที่ AMD ไม่มีคู่เทียบตรงๆ ในฝั่ง Threadripper PRO

    ด้านบนสุดของไลน์อัปคือ Xeon 698X ที่มี 86 คอร์ / 172 เธรด พร้อม L3 cache 336MB และความเร็วฐาน 2.0GHz เปิดราคาที่ $8,294 ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Threadripper PRO 9995WX ที่มี 96 คอร์และราคา $11,699 แม้ Intel ยังไม่สามารถเทียบจำนวนคอร์ได้ แต่ราคาที่ต่ำกว่ามากทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานเรนเดอร์และงานวิทยาศาสตร์ข้อมูลระดับสูง

    รุ่นกลางอย่าง Xeon 654 ราคา $1,300 มี 18 คอร์ 36 เธรด และ L3 72MB ซึ่งใกล้เคียงกับ Threadripper PRO 9955WX (16 คอร์) แต่ Intel ให้แคชมากกว่า และยังคงใช้ TDP 350W เหมือนกันทั้งไลน์อัป Granite Rapids‑WS รองรับซ็อกเก็ตใหม่ E2 (LGA 4710) บนแพลตฟอร์ม W890 ที่ออกแบบมาสำหรับงานเวิร์กสเตชันโดยเฉพาะ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไฮไลต์จากไลน์อัป Granite Rapids‑WS
    เปิดตัวทั้งหมด 11 รุ่น ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงระดับเรนเดอร์ฟาร์ม
    รุ่นท็อป Xeon 698X — 86 คอร์ / 172 เธรด ราคา $8,294
    รุ่นเริ่มต้น Xeon 634 ราคาเพียง $541 เจาะตลาดล่างที่ AMD ไม่มีคู่แข่งตรง
    รุ่นกลาง Xeon 654 (18 คอร์) ราคา $1,300 ใกล้เคียง Threadripper PRO 9955WX แต่ให้แคชมากกว่า
    ทั้งไลน์อัปใช้ TDP 350W และรองรับแพลตฟอร์ม W890 + ซ็อกเก็ต E2 (LGA 4710)

    ความเสี่ยงและข้อควรระวังจากข้อมูลหลุด
    รายการราคาจากร้านค้าปลีกอาจ คลาดเคลื่อน ก่อนเปิดตัวจริง
    Intel ยัง ไม่สามารถเทียบจำนวนคอร์ กับ Threadripper PRO รุ่นท็อปได้
    ซ็อกเก็ตใหม่ E2 อาจทำให้ผู้ใช้ต้อง อัปเกรดเมนบอร์ดทั้งหมด
    TDP 350W ต้องการระบบระบายความร้อนระดับสูง อาจเพิ่มต้นทุนรวมของระบบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-xeon-granite-rapids-workstation-lineup-leaks-poised-to-challenge-amd-threadripper-with-usd8-300-86-core-flagship-retailer-lists-prices-ahead-of-ces-launch-starts-at-usd540
    🧩⚙️ Intel Xeon Granite Rapids-WS: หลุดไลน์อัปเต็มก่อน CES — ชน Threadripper แบบตรงๆ ด้วยรุ่นท็อป 86 คอร์ Intel เตรียมเปิดตัวไลน์อัป Xeon Granite Rapids‑WS สำหรับเวิร์กสเตชันในงาน CES 2026 แต่ข้อมูลสำคัญกลับหลุดออกมาก่อนผ่านร้านค้าปลีกหลายแห่ง ทำให้เห็นภาพรวมของซีรีส์นี้ชัดเจนขึ้นมาก ทั้งจำนวนคอร์ ราคา และตำแหน่งการตลาด โดยไลน์อัปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อชน AMD Threadripper PRO โดยตรงในตลาด HEDT ระดับมืออาชีพ รุ่นเริ่มต้นอย่าง Xeon 634 เปิดราคาที่เพียง $541 พร้อม L3 cache 48MB และความเร็ว 2.7GHz แม้ยังไม่รู้จำนวนคอร์ แต่คาดว่าอาจเป็นรุ่นดัดแปลงจาก Xeon 6349P แบบ 6 คอร์ ซึ่งทำให้มันอยู่ในตลาดล่างที่ AMD ไม่มีคู่เทียบตรงๆ ในฝั่ง Threadripper PRO ด้านบนสุดของไลน์อัปคือ Xeon 698X ที่มี 86 คอร์ / 172 เธรด พร้อม L3 cache 336MB และความเร็วฐาน 2.0GHz เปิดราคาที่ $8,294 ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Threadripper PRO 9995WX ที่มี 96 คอร์และราคา $11,699 แม้ Intel ยังไม่สามารถเทียบจำนวนคอร์ได้ แต่ราคาที่ต่ำกว่ามากทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานเรนเดอร์และงานวิทยาศาสตร์ข้อมูลระดับสูง รุ่นกลางอย่าง Xeon 654 ราคา $1,300 มี 18 คอร์ 36 เธรด และ L3 72MB ซึ่งใกล้เคียงกับ Threadripper PRO 9955WX (16 คอร์) แต่ Intel ให้แคชมากกว่า และยังคงใช้ TDP 350W เหมือนกันทั้งไลน์อัป Granite Rapids‑WS รองรับซ็อกเก็ตใหม่ E2 (LGA 4710) บนแพลตฟอร์ม W890 ที่ออกแบบมาสำหรับงานเวิร์กสเตชันโดยเฉพาะ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไฮไลต์จากไลน์อัป Granite Rapids‑WS ➡️ เปิดตัวทั้งหมด 11 รุ่น ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงระดับเรนเดอร์ฟาร์ม ➡️ รุ่นท็อป Xeon 698X — 86 คอร์ / 172 เธรด ราคา $8,294 ➡️ รุ่นเริ่มต้น Xeon 634 ราคาเพียง $541 เจาะตลาดล่างที่ AMD ไม่มีคู่แข่งตรง ➡️ รุ่นกลาง Xeon 654 (18 คอร์) ราคา $1,300 ใกล้เคียง Threadripper PRO 9955WX แต่ให้แคชมากกว่า ➡️ ทั้งไลน์อัปใช้ TDP 350W และรองรับแพลตฟอร์ม W890 + ซ็อกเก็ต E2 (LGA 4710) ‼️ ความเสี่ยงและข้อควรระวังจากข้อมูลหลุด ⛔ รายการราคาจากร้านค้าปลีกอาจ คลาดเคลื่อน ก่อนเปิดตัวจริง ⛔ Intel ยัง ไม่สามารถเทียบจำนวนคอร์ กับ Threadripper PRO รุ่นท็อปได้ ⛔ ซ็อกเก็ตใหม่ E2 อาจทำให้ผู้ใช้ต้อง อัปเกรดเมนบอร์ดทั้งหมด ⛔ TDP 350W ต้องการระบบระบายความร้อนระดับสูง อาจเพิ่มต้นทุนรวมของระบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-xeon-granite-rapids-workstation-lineup-leaks-poised-to-challenge-amd-threadripper-with-usd8-300-86-core-flagship-retailer-lists-prices-ahead-of-ces-launch-starts-at-usd540
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tissue Sectioning Market and Its Role in Modern Laboratory Science

    The Tissue Sectioning Market analysis
    reflects the growing importance of accurate tissue preparation in medical and scientific laboratories. Tissue sectioning is a foundational process used to cut biological samples into extremely thin slices so they can be examined under a microscope. This step is critical in pathology, histology, and biomedical research, as even minor inaccuracies can affect diagnostic interpretation and research outcomes.

    Tissue sectioning supports a wide range of applications, including cancer diagnosis, neurological studies, organ pathology, and pharmaceutical research. Laboratories rely on tools such as microtomes and cryostats to achieve uniform thickness while preserving tissue integrity. As diagnostic techniques become more advanced, the demand for consistent and precise tissue preparation continues to increase. This has led to improvements in equipment design, blade materials, and operator safety features.

    One of the key strengths of the Tissue Sectioning Market is its adaptability across different laboratory environments. Large hospitals may focus on automated systems that handle high sample volumes efficiently, while smaller laboratories often depend on manual or semi-automated solutions that provide control and flexibility. This diversity ensures that tissue sectioning tools remain relevant across clinical, academic, and industrial settings. Ease of use and reliability are especially valued, as they help reduce preparation time and minimize sample loss.

    Technological advancements are also shaping how tissue sectioning is performed. Modern equipment often includes digital controls, programmable thickness settings, and ergonomic designs that reduce operator fatigue. These features not only improve workflow efficiency but also enhance reproducibility, which is essential for consistent diagnostic results. In addition, improved blade durability and coating technologies help maintain sharpness over extended use, ensuring clean and smooth tissue slices.

    Get Full Reports:https://www.marketresearchfuture.com/reports/tissue-sectioning-market-30619

    Another important factor influencing the Tissue Sectioning Market is the growing emphasis on early disease detection. As healthcare providers prioritize preventive diagnostics, the number of biopsies and tissue examinations continues to rise. This directly increases the need for reliable sectioning tools that can deliver accurate results without compromising sample quality. Research institutions also contribute to demand, as tissue analysis remains central to drug development and biological studies.

    Looking ahead, tissue sectioning is expected to benefit from further integration with digital pathology and automated laboratory systems. These advancements aim to improve speed, accuracy, and data consistency while reducing manual intervention. As laboratories evolve to meet increasing diagnostic and research demands, tissue sectioning will remain a vital process that supports scientific discovery and patient care.
    Tissue Sectioning Market and Its Role in Modern Laboratory Science The Tissue Sectioning Market analysis reflects the growing importance of accurate tissue preparation in medical and scientific laboratories. Tissue sectioning is a foundational process used to cut biological samples into extremely thin slices so they can be examined under a microscope. This step is critical in pathology, histology, and biomedical research, as even minor inaccuracies can affect diagnostic interpretation and research outcomes. Tissue sectioning supports a wide range of applications, including cancer diagnosis, neurological studies, organ pathology, and pharmaceutical research. Laboratories rely on tools such as microtomes and cryostats to achieve uniform thickness while preserving tissue integrity. As diagnostic techniques become more advanced, the demand for consistent and precise tissue preparation continues to increase. This has led to improvements in equipment design, blade materials, and operator safety features. One of the key strengths of the Tissue Sectioning Market is its adaptability across different laboratory environments. Large hospitals may focus on automated systems that handle high sample volumes efficiently, while smaller laboratories often depend on manual or semi-automated solutions that provide control and flexibility. This diversity ensures that tissue sectioning tools remain relevant across clinical, academic, and industrial settings. Ease of use and reliability are especially valued, as they help reduce preparation time and minimize sample loss. Technological advancements are also shaping how tissue sectioning is performed. Modern equipment often includes digital controls, programmable thickness settings, and ergonomic designs that reduce operator fatigue. These features not only improve workflow efficiency but also enhance reproducibility, which is essential for consistent diagnostic results. In addition, improved blade durability and coating technologies help maintain sharpness over extended use, ensuring clean and smooth tissue slices. Get Full Reports:https://www.marketresearchfuture.com/reports/tissue-sectioning-market-30619 Another important factor influencing the Tissue Sectioning Market is the growing emphasis on early disease detection. As healthcare providers prioritize preventive diagnostics, the number of biopsies and tissue examinations continues to rise. This directly increases the need for reliable sectioning tools that can deliver accurate results without compromising sample quality. Research institutions also contribute to demand, as tissue analysis remains central to drug development and biological studies. Looking ahead, tissue sectioning is expected to benefit from further integration with digital pathology and automated laboratory systems. These advancements aim to improve speed, accuracy, and data consistency while reducing manual intervention. As laboratories evolve to meet increasing diagnostic and research demands, tissue sectioning will remain a vital process that supports scientific discovery and patient care.
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Tissue Sectioning Market Size, Share, Trends, Report 2035
    Tissue Sectioning Market share is projected to reach USD 1.8 Billion By 2035, at a 2.92 % CAGR by driving industry size, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035 | MRFR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดโมระดับ “Pure Silicon” ที่สร้างโลกทั้งใบด้วยแค่ 4,000 Gates

    โปรเจกต์ Tiny Tapeout 8 ที่ผู้เขียนนำเสนอเป็นการทดลองสร้างเดโมกราฟิกและเสียงบนชิป ASIC ที่มีข้อจำกัดสูงมาก—ไม่มี CPU, ไม่มี RAM, ไม่มี ROM และมีเพียงประมาณ 4,000 logic gates ให้ใช้งานเท่านั้น การสร้างภาพ 2-bit RGB และเสียง 1-bit จากข้อจำกัดระดับนี้ทำให้ทุกฟังก์ชันต้องถูกออกแบบเป็น state machine ล้วนๆ โดยไม่มีพื้นที่สำหรับเทคนิค sizecoding แบบเดิมที่อาศัยการบีบอัดข้อมูลหรือ lookup table ขนาดใหญ่

    หนึ่งในเดโมหลักคืออินโทรสไตล์ C64/Amiga ที่มี starfield, checkerboard 3D, และข้อความเลื่อนแบบ sine wave พร้อมเงาที่ฉายลงบนพื้นผิว—all done in hardware. ผู้เขียนต้องคิดค้นเทคนิคใหม่ เช่น การหมุนเวกเตอร์เพื่อสร้าง sine แบบไม่ใช้ตาราง และการทำ perspective transform ด้วย fixed‑point arithmetic ที่คำนวณได้ภายในไม่กี่บิต

    ด้านเสียง ผู้เขียนสร้าง synthesizer แบบฮาร์ดแวร์ล้วน ใช้ triangle wave ที่มี pitch decay สำหรับ kick, LFSR noise สำหรับ snare และ square‑wave arpeggio สำหรับเมโลดี้ โดยทั้งหมดถูกควบคุมด้วย combinational logic แทนที่จะใช้ตัวนับหรือ state registers จำนวนมาก ซึ่งมีราคาแพงในพื้นที่ของชิป Tiny Tapeout

    แม้จะมีความท้าทาย เช่น การเลือกโหมดวิดีโอ 1220×480 ที่ทำให้เกิดปัญหา aliasing หรือการที่ clock ของเสียงไม่ซิงก์กับภาพจนเกิด tearing แต่สุดท้ายผลงานทั้งหมดก็ทำงานได้จริงบนชิปที่ผลิตออกมาหลังจากกระบวนการ Tiny Tapeout กลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2025 หลังจากบริษัท Efabless ปิดตัวลงชั่วคราว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดของ Tiny Tapeout ทำให้ต้องคิดใหม่ทุกอย่าง
    ไม่มี CPU, RAM, ROM—ทุกอย่างต้องเป็น combinational + flip‑flop
    lookup table ขนาดใหญ่ใช้ไม่ได้ ต้องสร้างฟังก์ชันด้วยตรรกะล้วน

    เทคนิคกราฟิกระดับล่างที่ซับซ้อนมาก
    sine wave จากการหมุนเวกเตอร์ ไม่ใช้ตาราง
    perspective transform แบบ fixed‑point เพื่อสร้าง checkerboard 3D

    ระบบเสียงแบบฮาร์ดแวร์ล้วน
    triangle‑decay kick, LFSR snare, square‑wave arpeggio
    envelope และ pitch ควบคุมด้วย combinational logic เพื่อลดจำนวน flip‑flops

    ความเสี่ยงและข้อผิดพลาดจากการออกแบบ
    clock ของเสียงไม่ซิงก์กับภาพ ทำให้เกิด tearing
    โหมดวิดีโอ 1220×480 ทำให้ภาพบน LCD ดูแย่เพราะ aliasing

    ความไม่แน่นอนจากกระบวนการผลิต
    Efabless ปิดตัวกลางคัน ทำให้ชิป TT08 ติดค้าง
    ต้องรอหลายเดือนจนมีบริษัทใหม่รับช่วงต่อก่อนจะได้ชิปจริง

    https://www.a1k0n.net/2025/12/19/tiny-tapeout-demo.html
    🚀 เดโมระดับ “Pure Silicon” ที่สร้างโลกทั้งใบด้วยแค่ 4,000 Gates โปรเจกต์ Tiny Tapeout 8 ที่ผู้เขียนนำเสนอเป็นการทดลองสร้างเดโมกราฟิกและเสียงบนชิป ASIC ที่มีข้อจำกัดสูงมาก—ไม่มี CPU, ไม่มี RAM, ไม่มี ROM และมีเพียงประมาณ 4,000 logic gates ให้ใช้งานเท่านั้น การสร้างภาพ 2-bit RGB และเสียง 1-bit จากข้อจำกัดระดับนี้ทำให้ทุกฟังก์ชันต้องถูกออกแบบเป็น state machine ล้วนๆ โดยไม่มีพื้นที่สำหรับเทคนิค sizecoding แบบเดิมที่อาศัยการบีบอัดข้อมูลหรือ lookup table ขนาดใหญ่ หนึ่งในเดโมหลักคืออินโทรสไตล์ C64/Amiga ที่มี starfield, checkerboard 3D, และข้อความเลื่อนแบบ sine wave พร้อมเงาที่ฉายลงบนพื้นผิว—all done in hardware. ผู้เขียนต้องคิดค้นเทคนิคใหม่ เช่น การหมุนเวกเตอร์เพื่อสร้าง sine แบบไม่ใช้ตาราง และการทำ perspective transform ด้วย fixed‑point arithmetic ที่คำนวณได้ภายในไม่กี่บิต ด้านเสียง ผู้เขียนสร้าง synthesizer แบบฮาร์ดแวร์ล้วน ใช้ triangle wave ที่มี pitch decay สำหรับ kick, LFSR noise สำหรับ snare และ square‑wave arpeggio สำหรับเมโลดี้ โดยทั้งหมดถูกควบคุมด้วย combinational logic แทนที่จะใช้ตัวนับหรือ state registers จำนวนมาก ซึ่งมีราคาแพงในพื้นที่ของชิป Tiny Tapeout แม้จะมีความท้าทาย เช่น การเลือกโหมดวิดีโอ 1220×480 ที่ทำให้เกิดปัญหา aliasing หรือการที่ clock ของเสียงไม่ซิงก์กับภาพจนเกิด tearing แต่สุดท้ายผลงานทั้งหมดก็ทำงานได้จริงบนชิปที่ผลิตออกมาหลังจากกระบวนการ Tiny Tapeout กลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2025 หลังจากบริษัท Efabless ปิดตัวลงชั่วคราว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดของ Tiny Tapeout ทำให้ต้องคิดใหม่ทุกอย่าง ➡️ ไม่มี CPU, RAM, ROM—ทุกอย่างต้องเป็น combinational + flip‑flop ➡️ lookup table ขนาดใหญ่ใช้ไม่ได้ ต้องสร้างฟังก์ชันด้วยตรรกะล้วน ✅ เทคนิคกราฟิกระดับล่างที่ซับซ้อนมาก ➡️ sine wave จากการหมุนเวกเตอร์ ไม่ใช้ตาราง ➡️ perspective transform แบบ fixed‑point เพื่อสร้าง checkerboard 3D ✅ ระบบเสียงแบบฮาร์ดแวร์ล้วน ➡️ triangle‑decay kick, LFSR snare, square‑wave arpeggio ➡️ envelope และ pitch ควบคุมด้วย combinational logic เพื่อลดจำนวน flip‑flops ‼️ ความเสี่ยงและข้อผิดพลาดจากการออกแบบ ⛔ clock ของเสียงไม่ซิงก์กับภาพ ทำให้เกิด tearing ⛔ โหมดวิดีโอ 1220×480 ทำให้ภาพบน LCD ดูแย่เพราะ aliasing ‼️ ความไม่แน่นอนจากกระบวนการผลิต ⛔ Efabless ปิดตัวกลางคัน ทำให้ชิป TT08 ติดค้าง ⛔ ต้องรอหลายเดือนจนมีบริษัทใหม่รับช่วงต่อก่อนจะได้ชิปจริง https://www.a1k0n.net/2025/12/19/tiny-tapeout-demo.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apache NiFi ช็อกวงการอีกครั้ง: ช่องโหว่ Deserialization ทำ Asana Integration เสี่ยงถูกยึดระบบ

    ช่องโหว่ใหม่ใน Apache NiFi ที่ถูกระบุเป็น CVE‑2025‑66524 กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับองค์กรที่ใช้ NiFi เชื่อมต่อกับ Asana เพื่อจัดการ workflow อัตโนมัติ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน GetAsanaObject Processor ซึ่งใช้ Java Object Serialization แบบ “ไม่กรองข้อมูล” ทำให้ผู้โจมตีสามารถยัด state ที่ถูกดัดแปลงลงใน distributed cache และ NiFi จะโหลดข้อมูลนั้นกลับมาโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยเลย

    แม้การโจมตีจะไม่สามารถทำจากภายนอกได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีเข้าถึง cache server ได้—ไม่ว่าจะผ่านการเจาะระบบมาก่อนหรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด—ก็สามารถทำให้ NiFi ประพฤติผิดปกติหรือรันโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ได้ทันที นี่คือรูปแบบการโจมตีที่คล้ายกับ supply‑chain ภายในระบบ data flow ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่กลุ่ม APT ใช้เพิ่มขึ้นในปี 2025

    Apache แก้ไขปัญหานี้ในเวอร์ชัน 2.7.0 โดยยกเลิก Java Serialization และเปลี่ยนไปใช้ JSON Serialization ซึ่งปลอดภัยกว่าและตรวจสอบได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ดูแลระบบลบ GetAsanaObject Processor ออกหากยังไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มใหญ่ในวงการที่กำลังทยอยเลิกใช้ Java Serialization หลังพบปัญหาความปลอดภัยซ้ำซากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    ช่องโหว่นี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า integration processor ที่เชื่อมต่อกับ third‑party services เช่น Asana, Jira หรือ Slack มักเป็นจุดอ่อนที่ถูกละเลย เพราะหลายองค์กรเชื่อว่าความเสี่ยงอยู่ที่ตัวระบบหลัก แต่ในความเป็นจริง “ช่องโหว่เล็กในปลายทาง” สามารถลุกลามเป็นการยึดระบบ data pipeline ทั้งชุดได้อย่างง่ายดาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่เกิดใน GetAsanaObject Processor
    ใช้ Java Object Serialization แบบไม่กรองข้อมูล
    ทำให้ attacker ใส่ state อันตรายลง cache ได้

    ความรุนแรงระดับสูง (CVSS 7.5)
    ส่งผลให้ NiFi โหลดข้อมูลที่ถูกดัดแปลงโดยไม่ตรวจสอบ
    อาจนำไปสู่การควบคุมพฤติกรรมระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    เงื่อนไขที่ทำให้ถูกโจมตีได้
    ผู้โจมตีต้องเข้าถึง cache server ได้โดยตรง
    ระบบที่ตั้งค่า integration แบบเก่าและไม่เคย audit เสี่ยงสูง

    คำแนะนำเร่งด่วน
    อัปเดตเป็น NiFi 2.7.0 ทันที
    หากอัปเดตไม่ได้ ให้ลบ GetAsanaObject Processor ออก

    https://securityonline.info/apache-nifis-data-leak-how-a-high-severity-deserialization-flaw-puts-your-asana-workflows-at-risk/
    ⚠️ Apache NiFi ช็อกวงการอีกครั้ง: ช่องโหว่ Deserialization ทำ Asana Integration เสี่ยงถูกยึดระบบ ช่องโหว่ใหม่ใน Apache NiFi ที่ถูกระบุเป็น CVE‑2025‑66524 กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับองค์กรที่ใช้ NiFi เชื่อมต่อกับ Asana เพื่อจัดการ workflow อัตโนมัติ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน GetAsanaObject Processor ซึ่งใช้ Java Object Serialization แบบ “ไม่กรองข้อมูล” ทำให้ผู้โจมตีสามารถยัด state ที่ถูกดัดแปลงลงใน distributed cache และ NiFi จะโหลดข้อมูลนั้นกลับมาโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยเลย แม้การโจมตีจะไม่สามารถทำจากภายนอกได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีเข้าถึง cache server ได้—ไม่ว่าจะผ่านการเจาะระบบมาก่อนหรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด—ก็สามารถทำให้ NiFi ประพฤติผิดปกติหรือรันโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ได้ทันที นี่คือรูปแบบการโจมตีที่คล้ายกับ supply‑chain ภายในระบบ data flow ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่กลุ่ม APT ใช้เพิ่มขึ้นในปี 2025 Apache แก้ไขปัญหานี้ในเวอร์ชัน 2.7.0 โดยยกเลิก Java Serialization และเปลี่ยนไปใช้ JSON Serialization ซึ่งปลอดภัยกว่าและตรวจสอบได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ดูแลระบบลบ GetAsanaObject Processor ออกหากยังไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มใหญ่ในวงการที่กำลังทยอยเลิกใช้ Java Serialization หลังพบปัญหาความปลอดภัยซ้ำซากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่องโหว่นี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า integration processor ที่เชื่อมต่อกับ third‑party services เช่น Asana, Jira หรือ Slack มักเป็นจุดอ่อนที่ถูกละเลย เพราะหลายองค์กรเชื่อว่าความเสี่ยงอยู่ที่ตัวระบบหลัก แต่ในความเป็นจริง “ช่องโหว่เล็กในปลายทาง” สามารถลุกลามเป็นการยึดระบบ data pipeline ทั้งชุดได้อย่างง่ายดาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่เกิดใน GetAsanaObject Processor ➡️ ใช้ Java Object Serialization แบบไม่กรองข้อมูล ➡️ ทำให้ attacker ใส่ state อันตรายลง cache ได้ ✅ ความรุนแรงระดับสูง (CVSS 7.5) ➡️ ส่งผลให้ NiFi โหลดข้อมูลที่ถูกดัดแปลงโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ อาจนำไปสู่การควบคุมพฤติกรรมระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ‼️ เงื่อนไขที่ทำให้ถูกโจมตีได้ ⛔ ผู้โจมตีต้องเข้าถึง cache server ได้โดยตรง ⛔ ระบบที่ตั้งค่า integration แบบเก่าและไม่เคย audit เสี่ยงสูง ‼️ คำแนะนำเร่งด่วน ⛔ อัปเดตเป็น NiFi 2.7.0 ทันที ⛔ หากอัปเดตไม่ได้ ให้ลบ GetAsanaObject Processor ออก https://securityonline.info/apache-nifis-data-leak-how-a-high-severity-deserialization-flaw-puts-your-asana-workflows-at-risk/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apache NiFi’s Data Leak: How a High-Severity Deserialization Flaw Puts Your Asana Workflows at Risk
    Apache NiFi patches a High-severity flaw (CVE-2025-66524) in the GetAsanaObject processor. Unfiltered deserialization risks system compromise. Update now!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Advantages of CBCT Over Traditional Dental Imaging

    Traditional dental X-rays have served dentistry well for decades, but CBCT has introduced a new level of diagnostic capability. The most significant advantage of CBCT lies in its ability to generate three-dimensional images, offering a more comprehensive view of oral structures.

    Two-dimensional imaging often compresses complex anatomy into a flat image, which can obscure details. CBCT eliminates this limitation by allowing clinicians to examine anatomy layer by layer. This clarity improves detection of abnormalities such as cysts, lesions, and bone defects.

    Another advantage is accuracy in measurements. CBCT provides precise spatial data, which is essential for procedures requiring exact planning, including implants and oral surgery. This accuracy reduces surgical risks and enhances predictability.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cbct-dental-market-22036
    Advantages of CBCT Over Traditional Dental Imaging Traditional dental X-rays have served dentistry well for decades, but CBCT has introduced a new level of diagnostic capability. The most significant advantage of CBCT lies in its ability to generate three-dimensional images, offering a more comprehensive view of oral structures. Two-dimensional imaging often compresses complex anatomy into a flat image, which can obscure details. CBCT eliminates this limitation by allowing clinicians to examine anatomy layer by layer. This clarity improves detection of abnormalities such as cysts, lesions, and bone defects. Another advantage is accuracy in measurements. CBCT provides precise spatial data, which is essential for procedures requiring exact planning, including implants and oral surgery. This accuracy reduces surgical risks and enhances predictability. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cbct-dental-market-22036
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    CBCT Dental Market Size, Share, Trends, Growth, Report 2035
    CBCT Dental Market growth is projected to reach USD 3.48 Billion, at a 9.75% CAGR by driving industry size, share, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Expanding Scope of Modern Cosmetology

    Modern cosmetology has expanded significantly, embracing innovation, inclusivity, and wellness. Once centered primarily on hairstyling and makeup, the field now includes advanced skincare treatments, nail artistry, and personalized beauty solutions.

    Skincare has become a major focus within cosmetology. Treatments targeting acne, aging, pigmentation, and hydration are increasingly popular. Cosmetologists are trained to assess skin conditions and recommend appropriate treatments, combining professional procedures with daily care guidance.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cosmetology-market-19217
    The Expanding Scope of Modern Cosmetology Modern cosmetology has expanded significantly, embracing innovation, inclusivity, and wellness. Once centered primarily on hairstyling and makeup, the field now includes advanced skincare treatments, nail artistry, and personalized beauty solutions. Skincare has become a major focus within cosmetology. Treatments targeting acne, aging, pigmentation, and hydration are increasingly popular. Cosmetologists are trained to assess skin conditions and recommend appropriate treatments, combining professional procedures with daily care guidance. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cosmetology-market-19217
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Cosmetology Market Size, Industry Trends Report 2035 | MRFR
    Cosmetology market growth to reach USD 482.84 billion at a CAGR of 11.20% by driving cosmetic technology industry report by procedures, trends, size, share, top companies - forecast 2035.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Minimally Invasive Aesthetic Procedures Gaining Momentum in North America

    Minimally invasive aesthetic procedures have become the cornerstone of cosmetic care in North America. These treatments provide noticeable improvements without the risks, recovery time, or commitment associated with surgical interventions.

    Injectable treatments are among the most commonly chosen options. Dermal fillers restore facial volume and contour, while neuromodulators help soften expression lines. These procedures are quick, often completed within an hour, and require little to no downtime, making them ideal for modern lifestyles.

    Energy-based treatments are another rapidly expanding category. Technologies using laser, radiofrequency, and ultrasound energy address skin laxity, texture, and tone. These treatments stimulate collagen production, delivering gradual and natural results that align with patient expectations.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/north-america-aesthetics-market-14031
    Minimally Invasive Aesthetic Procedures Gaining Momentum in North America Minimally invasive aesthetic procedures have become the cornerstone of cosmetic care in North America. These treatments provide noticeable improvements without the risks, recovery time, or commitment associated with surgical interventions. Injectable treatments are among the most commonly chosen options. Dermal fillers restore facial volume and contour, while neuromodulators help soften expression lines. These procedures are quick, often completed within an hour, and require little to no downtime, making them ideal for modern lifestyles. Energy-based treatments are another rapidly expanding category. Technologies using laser, radiofrequency, and ultrasound energy address skin laxity, texture, and tone. These treatments stimulate collagen production, delivering gradual and natural results that align with patient expectations. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/north-america-aesthetics-market-14031
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    North America Aesthetics Market Size, Growth, Report 2035
    North America Aesthetics Market size to reach USD 77.70 billion at 12.50% CAGR by 2035, North America Aesthetics industry analysis by Type, Product, Application, End-User and Distribution Channel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251221 #TechRadar

    AI ช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพงานภาคสนาม
    AI กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของงานปฏิบัติการภาคสนาม โดยช่วยตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ ลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพ และปิดช่องว่างข้อมูลที่เคยทำให้การตัดสินใจล่าช้า ทั้งยังช่วยให้การโค้ชคนขับทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ทำให้องค์กรมีความปลอดภัยและความพร้อมเชิงปฏิบัติการสูงกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-preventing-collisions-driving-productivity-and-transforming-physical-operations

    iPhone พับได้ยังไม่ไร้รอยพับ เพราะ Apple ยังแก้ “ความท้าทายทางเทคนิค” ไม่สำเร็จ
    ข่าวลือใหม่เผยว่า iPhone แบบพับได้ของ Apple ยังติดปัญหาเรื่องการทำให้หน้าจอ “ไร้รอยพับจริง ๆ” แม้จะทดลองกระจก UFG หลายแบบแล้วก็ตาม ทำให้กำหนดเปิดตัวในปี 2026 ยังต้องลุ้นต่อไปว่า Apple จะทำสำเร็จหรือไม่
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-is-rumored-to-still-be-facing-technical-challenges-in-producing-its-crease-free-foldable-iphone

    ช่องว่างลับระหว่าง “ข้อมูล” กับ “การตัดสินใจ” ในยุค AI
    หลายองค์กรลงทุนจัดระเบียบข้อมูลอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ เพราะขาดสถาปัตยกรรม ระบบ และทักษะด้านข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่การใช้งานจริง ทำให้ AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามที่คาดหวัง
    https://www.techradar.com/pro/bridging-the-hidden-gap-between-data-and-decisions-in-the-age-of-ai

    เจาะลึกตลาด HDD ยุคใหม่—จาก 8TB เป็นมาตรฐาน ไปจนถึงรุ่น 30TB+
    การสำรวจ HDD จำนวน 167 รุ่นเผยให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ยังคงสำคัญ โดยเฉพาะในงานดาต้าเซ็นเตอร์และ NAS ที่ต้องการความจุสูง ราคาคุ้มค่า และความทนทาน แม้ SSD จะครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปไปแล้วก็ตาม
    https://www.techradar.com/pro/i-compiled-a-list-of-167-hard-disk-drives-worth-buying-here-are-six-things-i-found-out

    Samsung Galaxy Z Flip 8 อาจใช้ชิป Exynos 2600
    ข่าวหลุดใหม่ชี้ว่า Z Flip 8 อาจหันมาใช้ชิป Exynos 2600 แบบเต็มตัว ซึ่งเป็นชิป 2nm รุ่นแรกของ Samsung ที่เน้นประสิทธิภาพและพลังงานดีขึ้น แม้ Snapdragon ยังถูกมองว่าแรงกว่าในหลายงานก็ตาม
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-z-flip-8-leak-may-have-revealed-the-chipset-its-going-to-run-on

    การเปลี่ยนจาก Google Assistant ไป Gemini ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า
    Google ประกาศเลื่อนการเปลี่ยนผู้ช่วยบน Android จาก Assistant ไป Gemini ออกไปถึงปี 2026 เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นขึ้น โดยสุดท้าย Assistant จะถูกยกเลิกใช้งานทั้งหมด
    https://www.techradar.com/phones/android/the-switch-from-google-assistant-to-gemini-on-android-devices-has-been-pushed-back-to-next-year

    รีวิว MSI Pro MP165 E6 จอพกพางานดี ราคาประหยัด
    จอพกพาน้ำหนักเบา ใช้งานง่ายด้วยสาย USB‑C เส้นเดียว เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอเพิ่มระหว่างเดินทาง แม้สเปกจะไม่หวือหวา แต่คุ้มค่ามากในงบไม่ถึง $100
    https://www.techradar.com/pro/msi-pro-mp165-e6-portable-monitor-review

    5 วิธีเสริมความแกร่งหลังเหตุการณ์ระบบล่ม
    องค์กรจำนวนมากทำแค่ “ปิดงานเอกสารหลังเหตุการณ์” แต่ความยืดหยุ่นจริงเกิดจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในระบบ การควบคุมการแก้ไขฉุกเฉิน และการสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสของข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/five-post-incident-improvements-that-actually-strengthen-resilience

    ทดสอบหูฟัง SomniPods 3—บางที่สุด พร้อมสถิติที่น่าสนใจ
    ผู้เขียนทดลองใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนสำหรับนอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ามีฟีเจอร์ดีและบางมากจนใส่นอนได้สบาย แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ทั้งยังต้องใช้คู่กับแอป Fitnexa เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์เต็ม
    https://www.techradar.com/health-fitness/sleep/i-used-the-thinnest-noise-cancelling-sleep-earbuds-for-two-weeks-and-it-had-one-fascinating-statistic

    Claude บน Chrome—สะดวกมาก แต่ชวนให้รู้สึกถูกจับตามอง
    ส่วนขยาย Claude ใหม่สามารถเข้าถึงแท็บ ประวัติ และไฟล์ของผู้ใช้เพื่อช่วยทำงานอัตโนมัติได้อย่างทรงพลัง แต่ก็สร้างความรู้สึก “ระแวง” เพราะต้องให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/i-tried-the-new-claude-in-chrome-extension-and-it-delivered-convenience-with-a-side-of-digital-paranoia

    Soverli สตาร์ทอัพสวิสสร้างเลเยอร์ OS ปลอดภัยที่สุดบนมือถือ
    Soverli พัฒนาเลเยอร์ระบบปฏิบัติการที่ทำงานคู่กับ Android/iOS เพื่อให้ยังใช้งานได้แม้ระบบหลักถูกโจมตี เหมาะกับงานภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง
    https://www.techradar.com/pro/this-intriguing-startup-wants-to-create-the-worlds-most-secure-smartphones-and-its-doing-it-proton-style

    มาตรฐานบัส HP อายุ 53 ปี ได้ไดรเวอร์ Linux แล้ว
    GPIB มาตรฐานเก่าแก่จากปี 1972 ได้รับไดรเวอร์เสถียรใน Linux 6.19 ทำให้อุปกรณ์ห้องแล็บรุ่นเก่าสามารถใช้งานกับระบบสมัยใหม่ได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/security/better-late-than-never-53-year-old-hp-bus-standard-finally-gets-a-linux-driver-boasting-8mb-s-bandwidth

    แฮ็กเกอร์ล่าค่าจ้างปลายปี ด้วยการหลอก Help Desk
    อาชญากรไซเบอร์ใช้การโทรหลอกพนักงาน Help Desk เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านและเปลี่ยนบัญชีรับเงินเดือนของพนักงานแบบเงียบ ๆ ทำให้เงินเดือนถูกโอนออกโดยไม่รู้ตัว
    https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-hackers-are-coming-after-your-christmas-bonus-as-paychecks-come-under-threat

    Chrome Split View—ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การเปิดสองแท็บง่ายขึ้นมาก
    Chrome เพิ่มฟีเจอร์ Split View ให้เปิดสองแท็บเคียงกันในหน้าต่างเดียว เหมาะกับคนที่ต้องเทียบข้อมูลบ่อย ๆ และช่วยลดความวุ่นวายของแท็บจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/computing/chrome/split-view-tabs-in-chrome-are-a-game-changer-i-cant-believe-i-wasnt-using-this-before

    React2Shell ช่องโหว่ร้ายแรงกำลังถูกโจมตีหนัก
    ช่องโหว่ React2Shell (คะแนน 10/10) ถูกใช้โจมตีหลายร้อยระบบทั่วโลก โดยกลุ่มจากจีนและเกาหลีเหนือ ทั้งเพื่อวางมัลแวร์ ขุดคริปโต และสอดแนมองค์กร
    https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-exploitation-continues-to-escalate-posing-significant-risk

    บริษัทแห่จ้าง AI Specialist แทน Data Engineer—ปัญหาใหญ่ที่กำลังก่อตัว
    ข้อมูลใหม่เผยว่าบริษัทในสหรัฐจ้างงานด้าน AI มากกว่างานด้านข้อมูลเกือบ 50% ทั้งที่ AI จะทำงานไม่ได้เลยหากข้อมูลไม่พร้อม ทำให้หลายโปรเจกต์เสี่ยงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-hiring-ai-specialists-instead-of-data-engineers-and-its-a-big-problem

    Cisco ถูกโจมตีด้วย Zero‑Day บนระบบอีเมล
    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Secure Email ถูกใช้โดยกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีนเพื่อวาง backdoor และเครื่องมือเจาะระบบ ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งอุดช่องโหว่ก่อนเส้นตาย
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-email-security-products-actively-targeted-in-zero-day-campaign

    รีวิว Checkr ระบบตรวจประวัติผู้สมัครงานแบบอัตโนมัติ
    Checkr เป็นแพลตฟอร์มตรวจประวัติที่เน้นความเร็วและการทำงานอัตโนมัติ เหมาะกับองค์กรที่ต้องคัดคนจำนวนมาก แม้จะไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/checkr-review
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251221 #TechRadar 🧠🚚 AI ช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพงานภาคสนาม AI กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของงานปฏิบัติการภาคสนาม โดยช่วยตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ ลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพ และปิดช่องว่างข้อมูลที่เคยทำให้การตัดสินใจล่าช้า ทั้งยังช่วยให้การโค้ชคนขับทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ทำให้องค์กรมีความปลอดภัยและความพร้อมเชิงปฏิบัติการสูงกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-preventing-collisions-driving-productivity-and-transforming-physical-operations 📱✨ iPhone พับได้ยังไม่ไร้รอยพับ เพราะ Apple ยังแก้ “ความท้าทายทางเทคนิค” ไม่สำเร็จ ข่าวลือใหม่เผยว่า iPhone แบบพับได้ของ Apple ยังติดปัญหาเรื่องการทำให้หน้าจอ “ไร้รอยพับจริง ๆ” แม้จะทดลองกระจก UFG หลายแบบแล้วก็ตาม ทำให้กำหนดเปิดตัวในปี 2026 ยังต้องลุ้นต่อไปว่า Apple จะทำสำเร็จหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-is-rumored-to-still-be-facing-technical-challenges-in-producing-its-crease-free-foldable-iphone 📊🔍 ช่องว่างลับระหว่าง “ข้อมูล” กับ “การตัดสินใจ” ในยุค AI หลายองค์กรลงทุนจัดระเบียบข้อมูลอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ เพราะขาดสถาปัตยกรรม ระบบ และทักษะด้านข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่การใช้งานจริง ทำให้ AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามที่คาดหวัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/bridging-the-hidden-gap-between-data-and-decisions-in-the-age-of-ai 💾📦 เจาะลึกตลาด HDD ยุคใหม่—จาก 8TB เป็นมาตรฐาน ไปจนถึงรุ่น 30TB+ การสำรวจ HDD จำนวน 167 รุ่นเผยให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ยังคงสำคัญ โดยเฉพาะในงานดาต้าเซ็นเตอร์และ NAS ที่ต้องการความจุสูง ราคาคุ้มค่า และความทนทาน แม้ SSD จะครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปไปแล้วก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-compiled-a-list-of-167-hard-disk-drives-worth-buying-here-are-six-things-i-found-out 📱⚙️ Samsung Galaxy Z Flip 8 อาจใช้ชิป Exynos 2600 ข่าวหลุดใหม่ชี้ว่า Z Flip 8 อาจหันมาใช้ชิป Exynos 2600 แบบเต็มตัว ซึ่งเป็นชิป 2nm รุ่นแรกของ Samsung ที่เน้นประสิทธิภาพและพลังงานดีขึ้น แม้ Snapdragon ยังถูกมองว่าแรงกว่าในหลายงานก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-z-flip-8-leak-may-have-revealed-the-chipset-its-going-to-run-on 🤖➡️📱 การเปลี่ยนจาก Google Assistant ไป Gemini ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า Google ประกาศเลื่อนการเปลี่ยนผู้ช่วยบน Android จาก Assistant ไป Gemini ออกไปถึงปี 2026 เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นขึ้น โดยสุดท้าย Assistant จะถูกยกเลิกใช้งานทั้งหมด 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/the-switch-from-google-assistant-to-gemini-on-android-devices-has-been-pushed-back-to-next-year 🖥️✈️ รีวิว MSI Pro MP165 E6 จอพกพางานดี ราคาประหยัด จอพกพาน้ำหนักเบา ใช้งานง่ายด้วยสาย USB‑C เส้นเดียว เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอเพิ่มระหว่างเดินทาง แม้สเปกจะไม่หวือหวา แต่คุ้มค่ามากในงบไม่ถึง $100 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-pro-mp165-e6-portable-monitor-review 🛡️🔥 5 วิธีเสริมความแกร่งหลังเหตุการณ์ระบบล่ม องค์กรจำนวนมากทำแค่ “ปิดงานเอกสารหลังเหตุการณ์” แต่ความยืดหยุ่นจริงเกิดจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในระบบ การควบคุมการแก้ไขฉุกเฉิน และการสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสของข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/five-post-incident-improvements-that-actually-strengthen-resilience 😴🎧 ทดสอบหูฟัง SomniPods 3—บางที่สุด พร้อมสถิติที่น่าสนใจ ผู้เขียนทดลองใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนสำหรับนอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ามีฟีเจอร์ดีและบางมากจนใส่นอนได้สบาย แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ทั้งยังต้องใช้คู่กับแอป Fitnexa เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์เต็ม 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/sleep/i-used-the-thinnest-noise-cancelling-sleep-earbuds-for-two-weeks-and-it-had-one-fascinating-statistic 🧩🕵️ Claude บน Chrome—สะดวกมาก แต่ชวนให้รู้สึกถูกจับตามอง ส่วนขยาย Claude ใหม่สามารถเข้าถึงแท็บ ประวัติ และไฟล์ของผู้ใช้เพื่อช่วยทำงานอัตโนมัติได้อย่างทรงพลัง แต่ก็สร้างความรู้สึก “ระแวง” เพราะต้องให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/i-tried-the-new-claude-in-chrome-extension-and-it-delivered-convenience-with-a-side-of-digital-paranoia 🔐📱 Soverli สตาร์ทอัพสวิสสร้างเลเยอร์ OS ปลอดภัยที่สุดบนมือถือ Soverli พัฒนาเลเยอร์ระบบปฏิบัติการที่ทำงานคู่กับ Android/iOS เพื่อให้ยังใช้งานได้แม้ระบบหลักถูกโจมตี เหมาะกับงานภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-intriguing-startup-wants-to-create-the-worlds-most-secure-smartphones-and-its-doing-it-proton-style 🖥️📡 มาตรฐานบัส HP อายุ 53 ปี ได้ไดรเวอร์ Linux แล้ว GPIB มาตรฐานเก่าแก่จากปี 1972 ได้รับไดรเวอร์เสถียรใน Linux 6.19 ทำให้อุปกรณ์ห้องแล็บรุ่นเก่าสามารถใช้งานกับระบบสมัยใหม่ได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/better-late-than-never-53-year-old-hp-bus-standard-finally-gets-a-linux-driver-boasting-8mb-s-bandwidth 💸🎄 แฮ็กเกอร์ล่าค่าจ้างปลายปี ด้วยการหลอก Help Desk อาชญากรไซเบอร์ใช้การโทรหลอกพนักงาน Help Desk เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านและเปลี่ยนบัญชีรับเงินเดือนของพนักงานแบบเงียบ ๆ ทำให้เงินเดือนถูกโอนออกโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-hackers-are-coming-after-your-christmas-bonus-as-paychecks-come-under-threat 🖥️🪟 Chrome Split View—ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การเปิดสองแท็บง่ายขึ้นมาก Chrome เพิ่มฟีเจอร์ Split View ให้เปิดสองแท็บเคียงกันในหน้าต่างเดียว เหมาะกับคนที่ต้องเทียบข้อมูลบ่อย ๆ และช่วยลดความวุ่นวายของแท็บจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/chrome/split-view-tabs-in-chrome-are-a-game-changer-i-cant-believe-i-wasnt-using-this-before ⚠️💥 React2Shell ช่องโหว่ร้ายแรงกำลังถูกโจมตีหนัก ช่องโหว่ React2Shell (คะแนน 10/10) ถูกใช้โจมตีหลายร้อยระบบทั่วโลก โดยกลุ่มจากจีนและเกาหลีเหนือ ทั้งเพื่อวางมัลแวร์ ขุดคริปโต และสอดแนมองค์กร 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-exploitation-continues-to-escalate-posing-significant-risk 🤖👷 บริษัทแห่จ้าง AI Specialist แทน Data Engineer—ปัญหาใหญ่ที่กำลังก่อตัว ข้อมูลใหม่เผยว่าบริษัทในสหรัฐจ้างงานด้าน AI มากกว่างานด้านข้อมูลเกือบ 50% ทั้งที่ AI จะทำงานไม่ได้เลยหากข้อมูลไม่พร้อม ทำให้หลายโปรเจกต์เสี่ยงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-hiring-ai-specialists-instead-of-data-engineers-and-its-a-big-problem 📧🔓 Cisco ถูกโจมตีด้วย Zero‑Day บนระบบอีเมล ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Secure Email ถูกใช้โดยกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีนเพื่อวาง backdoor และเครื่องมือเจาะระบบ ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งอุดช่องโหว่ก่อนเส้นตาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-email-security-products-actively-targeted-in-zero-day-campaign 🧩👤 รีวิว Checkr ระบบตรวจประวัติผู้สมัครงานแบบอัตโนมัติ Checkr เป็นแพลตฟอร์มตรวจประวัติที่เน้นความเร็วและการทำงานอัตโนมัติ เหมาะกับองค์กรที่ต้องคัดคนจำนวนมาก แม้จะไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/checkr-review
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง แตกคอ แตกคอ
    “แตกคอ แตกคอก”
    ตอน 1
    กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว
    เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ
    ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก
    ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย
    ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก
    แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง
    ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน
    เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล…
    อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน
    แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย
    และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน
    ###############
ตอน 2
    เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ
    โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน
    โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ
    แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้
    เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม
    จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน
    และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ
    แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว
    ###############
ตอน 3
    ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย
    สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง
    การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว…
    หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!!
    แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่
    การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย
    เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย
    แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก
    การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว
    …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้)
    ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน
    โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง….
    ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    เรื่อง แตกคอ แตกคอ “แตกคอ แตกคอก” ตอน 1 กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล… อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน ###############
ตอน 2 เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้ เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว ###############
ตอน 3 ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว… หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!! แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่ การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้) ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง…. ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร

    PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า

    หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ

    นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด

    แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ PkgForge
    มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด
    ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ
    เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification

    บทบาทของ Soar
    ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่
    จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา
    รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น

    ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ
    AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage
    Static binaries สำหรับ CLI tools
    เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว

    ความเคลื่อนไหวในชุมชน
    AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น
    มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite
    แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace
    การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration

    https://itsfoss.com/pkgforge/
    🧰 PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ PkgForge ➡️ มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด ➡️ ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ ➡️ เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification ✅ บทบาทของ Soar ➡️ ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่ ➡️ จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา ➡️ รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น ✅ ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ ➡️ AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage ➡️ Static binaries สำหรับ CLI tools ➡️ เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว ✅ ความเคลื่อนไหวในชุมชน ➡️ AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น ➡️ มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite ➡️ แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux ‼️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง ⛔ ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace ⛔ การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration https://itsfoss.com/pkgforge/
    ITSFOSS.COM
    Linux Apps Without Distro Lock-In? Explore This Lesser Known Snap and Flatpak Alternative
    Meet PkgForge: A Distro-Independent Portable Apps 'Foundry' for Linux Users
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 11 แอบซ่อน Native NVMe Driver รุ่นใหม่ — ปลดล็อกได้ผ่าน Registry แต่เสี่ยงพังทั้งระบบ

    มีการค้นพบว่า Windows 11 และ Windows Server 2025 มี NVMe storage driver รุ่นใหม่ ที่ Microsoft ยังไม่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน แต่ซ่อนอยู่ในระบบแบบ “experimental flag” ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านการแก้ไข Registry โดยตรง ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ NVMe โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ I/O throughput สูง เช่นเกม, workstation และ workload แบบ data‑intensive.

    ผู้ใช้ที่ทดลองเปิดใช้งานรายงานว่า driver ใหม่นี้ช่วยลด latency และเพิ่มความเร็ว I/O ได้จริงในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะบน SSD PCIe 4.0 และ PCIe 5.0 ที่มีคอขวดด้าน driver overhead อย่างไรก็ตาม Microsoft ยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการใน Windows 11 เวอร์ชัน consumer เพราะยังอยู่ในสถานะทดสอบ และอาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับ SSD บางรุ่นหรือคอนโทรลเลอร์บางตระกูล.

    สิ่งที่น่าสนใจคือ driver ตัวนี้ถูกเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน Windows Server 2025 ซึ่งบ่งชี้ว่ามันถูกออกแบบมาสำหรับ workload ระดับองค์กร เช่น virtualization, database, และ storage‑heavy compute แต่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ “ปลดล็อก” มาใช้ได้บน Windows 11 ผ่าน Registry hack แม้ Microsoft จะไม่ได้แนะนำให้ทำก็ตาม.

    ในภาพรวม ฟีเจอร์นี้สะท้อนทิศทางของ Microsoft ที่ต้องการยกระดับ stack การจัดการ storage ให้ทันกับยุค SSD PCIe 5.0 ที่มีความเร็วสูงมาก แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่ารองรับ SSD ทุกแบรนด์และทุกคอนโทรลเลอร์ได้อย่างเสถียร ก่อนจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Windows 11 มี NVMe driver รุ่นใหม่ซ่อนอยู่ในระบบ
    ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ I/O และลด latency
    เปิดใช้งานได้ผ่าน Registry hack

    เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นใน Windows Server 2025
    ชี้ว่าฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ workload ระดับองค์กร
    เน้นงาน virtualization และ database

    ผู้ใช้บางรายพบว่าความเร็วเพิ่มขึ้นจริง
    เหมาะกับ SSD PCIe 4.0 และ 5.0
    ลด driver overhead ในงานหนัก

    Microsoft ยังไม่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปอย่างเป็นทางการ
    อยู่ในสถานะ experimental
    อาจเปิดในอัปเดตใหญ่ของ Windows 11 ในอนาคต

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    Registry hack มีความเสี่ยงสูง
    อาจทำให้ระบบบูตไม่ได้หรือเกิด BSOD

    ความเข้ากันได้กับ SSD บางรุ่นยังไม่สมบูรณ์
    โดยเฉพาะคอนโทรลเลอร์รุ่นเก่า

    Microsoft ไม่รับประกันความเสถียรหากเปิดใช้เอง
    อาจมีผลต่อการอัปเดตหรือระบบความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/software/windows/registry-hack-enables-new-performance-boosting-native-nvme-support-on-windows-11-windows-server-2025-feature-can-be-unlocked-for-consumer-pcs-but-at-your-own-risk
    ⚡🗝️ Windows 11 แอบซ่อน Native NVMe Driver รุ่นใหม่ — ปลดล็อกได้ผ่าน Registry แต่เสี่ยงพังทั้งระบบ มีการค้นพบว่า Windows 11 และ Windows Server 2025 มี NVMe storage driver รุ่นใหม่ ที่ Microsoft ยังไม่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน แต่ซ่อนอยู่ในระบบแบบ “experimental flag” ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านการแก้ไข Registry โดยตรง ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ NVMe โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ I/O throughput สูง เช่นเกม, workstation และ workload แบบ data‑intensive. ผู้ใช้ที่ทดลองเปิดใช้งานรายงานว่า driver ใหม่นี้ช่วยลด latency และเพิ่มความเร็ว I/O ได้จริงในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะบน SSD PCIe 4.0 และ PCIe 5.0 ที่มีคอขวดด้าน driver overhead อย่างไรก็ตาม Microsoft ยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการใน Windows 11 เวอร์ชัน consumer เพราะยังอยู่ในสถานะทดสอบ และอาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับ SSD บางรุ่นหรือคอนโทรลเลอร์บางตระกูล. สิ่งที่น่าสนใจคือ driver ตัวนี้ถูกเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน Windows Server 2025 ซึ่งบ่งชี้ว่ามันถูกออกแบบมาสำหรับ workload ระดับองค์กร เช่น virtualization, database, และ storage‑heavy compute แต่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ “ปลดล็อก” มาใช้ได้บน Windows 11 ผ่าน Registry hack แม้ Microsoft จะไม่ได้แนะนำให้ทำก็ตาม. ในภาพรวม ฟีเจอร์นี้สะท้อนทิศทางของ Microsoft ที่ต้องการยกระดับ stack การจัดการ storage ให้ทันกับยุค SSD PCIe 5.0 ที่มีความเร็วสูงมาก แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่ารองรับ SSD ทุกแบรนด์และทุกคอนโทรลเลอร์ได้อย่างเสถียร ก่อนจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Windows 11 มี NVMe driver รุ่นใหม่ซ่อนอยู่ในระบบ ➡️ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ I/O และลด latency ➡️ เปิดใช้งานได้ผ่าน Registry hack ✅ เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นใน Windows Server 2025 ➡️ ชี้ว่าฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ workload ระดับองค์กร ➡️ เน้นงาน virtualization และ database ✅ ผู้ใช้บางรายพบว่าความเร็วเพิ่มขึ้นจริง ➡️ เหมาะกับ SSD PCIe 4.0 และ 5.0 ➡️ ลด driver overhead ในงานหนัก ✅ Microsoft ยังไม่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปอย่างเป็นทางการ ➡️ อยู่ในสถานะ experimental ➡️ อาจเปิดในอัปเดตใหญ่ของ Windows 11 ในอนาคต ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ Registry hack มีความเสี่ยงสูง ⛔ อาจทำให้ระบบบูตไม่ได้หรือเกิด BSOD ‼️ ความเข้ากันได้กับ SSD บางรุ่นยังไม่สมบูรณ์ ⛔ โดยเฉพาะคอนโทรลเลอร์รุ่นเก่า ‼️ Microsoft ไม่รับประกันความเสถียรหากเปิดใช้เอง ⛔ อาจมีผลต่อการอัปเดตหรือระบบความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/software/windows/registry-hack-enables-new-performance-boosting-native-nvme-support-on-windows-11-windows-server-2025-feature-can-be-unlocked-for-consumer-pcs-but-at-your-own-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mullvad เปิดตัว GotaTun — อนาคตใหม่ของ WireGuard บน Rust เพื่อความเร็ว เสถียร และความเป็นส่วนตัว

    Mullvad VPN ประกาศเปิดตัว GotaTun ซึ่งเป็นการนำ WireGuard มาพัฒนาใหม่ด้วยภาษา Rust โดยฟอร์กจากโปรเจกต์ BoringTun ของ Cloudflare จุดมุ่งหมายคือเพิ่มความเร็ว ความเสถียร และลดปัญหาการแครชที่เกิดจาก wireguard-go ซึ่ง Mullvad ใช้มาเป็นเวลาหลายปี การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้สะท้อนการเคลื่อนตัวของอุตสาหกรรม VPN ที่เริ่มหันมาใช้ Rust เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพระดับระบบแกนกลาง

    ก่อนหน้านี้ Mullvad ต้องแบกรับปัญหาจำนวนมากจาก wireguard-go โดยเฉพาะบน Android ที่กว่า 85% ของรายงานแครชทั้งหมดมาจากโมดูลนี้ การดีบักก็ทำได้ยากเพราะการเชื่อม Rust ↔ Go ผ่าน FFI มีความซับซ้อนและไม่ปลอดภัย เมื่อ GotaTun ถูกนำมาใช้บน Android ในเวอร์ชัน 2025.10 ผลลัพธ์ชัดเจนทันที — อัตรา crash rate ลดจาก 0.40% เหลือเพียง 0.01% ซึ่งถือเป็นการลดลงแบบ “หายไปเกือบทั้งหมด”

    นอกจากความเสถียรแล้ว ผู้ใช้ยังรายงานว่า GotaTun ให้ความเร็วที่ดีขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง Mullvad ยังผสานฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว เช่น DAITA และ Multihop เข้าไปในตัว implementation โดยตรง ทำให้ GotaTun กลายเป็นรากฐานใหม่ของสถาปัตยกรรมความเป็นส่วนตัวของ Mullvad ในอนาคต

    ปี 2026 จะเป็นปีสำคัญของ GotaTun — Mullvad เตรียมขยายไปยังทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง desktop และ iOS พร้อมเข้ารับการตรวจสอบความปลอดภัยจาก third-party audit ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในโลก VPN ที่แข่งขันกันด้วยความโปร่งใสและความปลอดภัยเชิงลึก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    GotaTun คือ WireGuard ที่เขียนใหม่ด้วย Rust
    ฟอร์กจาก BoringTun ของ Cloudflare
    ไม่ใช่โปรโตคอลใหม่ แต่คือ implementation ที่ปลอดภัยและเร็วกว่า

    เหตุผลที่ Mullvad ต้องสร้าง GotaTun
    wireguard-go ทำให้เกิดกว่า 85% ของ crash บน Android
    การเชื่อม Rust ↔ Go ผ่าน FFI ทำให้ดีบักยากและไม่เสถียร

    ผลลัพธ์หลังเปิดตัวบน Android
    crash rate ลดจาก 0.40% → 0.01%
    ผู้ใช้รายงานความเร็วดีขึ้นและกินแบตน้อยลง

    ฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว
    รองรับ DAITA และ Multihop แบบเนทีฟ
    ใช้ Rust เพื่อ multi-threading ที่ปลอดภัยและ zero-copy memory

    แผนในปี 2026
    ขยาย GotaTun ไปยัง desktop และ iOS
    เตรียมเข้ารับ third‑party security audit

    คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง
    การย้าย implementation อาจมีผลต่อ ecosystem
    ผู้ให้บริการที่พึ่ง wireguard-go อาจต้องปรับสถาปัตยกรรมใหม่

    Rust implementation แม้ปลอดภัยกว่า แต่ยังต้องผ่าน audit
    ความปลอดภัยต้องได้รับการยืนยันจาก third‑party audit ที่กำลังจะเกิดขึ้น

    การเปลี่ยน stack อาจกระทบ compatibility ชั่วคราว
    ผู้ใช้บางแพลตฟอร์มอาจต้องรอการ rollout ในปี 2026

    https://mullvad.net/en/blog/announcing-gotatun-the-future-of-wireguard-at-mullvad-vpn
    🚀 Mullvad เปิดตัว GotaTun — อนาคตใหม่ของ WireGuard บน Rust เพื่อความเร็ว เสถียร และความเป็นส่วนตัว Mullvad VPN ประกาศเปิดตัว GotaTun ซึ่งเป็นการนำ WireGuard มาพัฒนาใหม่ด้วยภาษา Rust โดยฟอร์กจากโปรเจกต์ BoringTun ของ Cloudflare จุดมุ่งหมายคือเพิ่มความเร็ว ความเสถียร และลดปัญหาการแครชที่เกิดจาก wireguard-go ซึ่ง Mullvad ใช้มาเป็นเวลาหลายปี การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้สะท้อนการเคลื่อนตัวของอุตสาหกรรม VPN ที่เริ่มหันมาใช้ Rust เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพระดับระบบแกนกลาง ก่อนหน้านี้ Mullvad ต้องแบกรับปัญหาจำนวนมากจาก wireguard-go โดยเฉพาะบน Android ที่กว่า 85% ของรายงานแครชทั้งหมดมาจากโมดูลนี้ การดีบักก็ทำได้ยากเพราะการเชื่อม Rust ↔ Go ผ่าน FFI มีความซับซ้อนและไม่ปลอดภัย เมื่อ GotaTun ถูกนำมาใช้บน Android ในเวอร์ชัน 2025.10 ผลลัพธ์ชัดเจนทันที — อัตรา crash rate ลดจาก 0.40% เหลือเพียง 0.01% ซึ่งถือเป็นการลดลงแบบ “หายไปเกือบทั้งหมด” นอกจากความเสถียรแล้ว ผู้ใช้ยังรายงานว่า GotaTun ให้ความเร็วที่ดีขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง Mullvad ยังผสานฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว เช่น DAITA และ Multihop เข้าไปในตัว implementation โดยตรง ทำให้ GotaTun กลายเป็นรากฐานใหม่ของสถาปัตยกรรมความเป็นส่วนตัวของ Mullvad ในอนาคต ปี 2026 จะเป็นปีสำคัญของ GotaTun — Mullvad เตรียมขยายไปยังทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง desktop และ iOS พร้อมเข้ารับการตรวจสอบความปลอดภัยจาก third-party audit ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในโลก VPN ที่แข่งขันกันด้วยความโปร่งใสและความปลอดภัยเชิงลึก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ GotaTun คือ WireGuard ที่เขียนใหม่ด้วย Rust ➡️ ฟอร์กจาก BoringTun ของ Cloudflare ➡️ ไม่ใช่โปรโตคอลใหม่ แต่คือ implementation ที่ปลอดภัยและเร็วกว่า ✅ เหตุผลที่ Mullvad ต้องสร้าง GotaTun ➡️ wireguard-go ทำให้เกิดกว่า 85% ของ crash บน Android ➡️ การเชื่อม Rust ↔ Go ผ่าน FFI ทำให้ดีบักยากและไม่เสถียร ✅ ผลลัพธ์หลังเปิดตัวบน Android ➡️ crash rate ลดจาก 0.40% → 0.01% ➡️ ผู้ใช้รายงานความเร็วดีขึ้นและกินแบตน้อยลง ✅ ฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว ➡️ รองรับ DAITA และ Multihop แบบเนทีฟ ➡️ ใช้ Rust เพื่อ multi-threading ที่ปลอดภัยและ zero-copy memory ✅ แผนในปี 2026 ➡️ ขยาย GotaTun ไปยัง desktop และ iOS ➡️ เตรียมเข้ารับ third‑party security audit ⚠️ คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง ‼️ การย้าย implementation อาจมีผลต่อ ecosystem ⛔ ผู้ให้บริการที่พึ่ง wireguard-go อาจต้องปรับสถาปัตยกรรมใหม่ ‼️ Rust implementation แม้ปลอดภัยกว่า แต่ยังต้องผ่าน audit ⛔ ความปลอดภัยต้องได้รับการยืนยันจาก third‑party audit ที่กำลังจะเกิดขึ้น ‼️ การเปลี่ยน stack อาจกระทบ compatibility ชั่วคราว ⛔ ผู้ใช้บางแพลตฟอร์มอาจต้องรอการ rollout ในปี 2026 https://mullvad.net/en/blog/announcing-gotatun-the-future-of-wireguard-at-mullvad-vpn
    MULLVAD.NET
    Announcing GotaTun, the future of WireGuard at Mullvad VPN | Mullvad VPN
    GotaTun is a WireGuard® implementation written in Rust aimed at being fast, efficient and reliable.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/LV72-V1uMnE?si=WdjoIn0nh95tATer
    https://youtu.be/LV72-V1uMnE?si=WdjoIn0nh95tATer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือกับสถิติการโจรกรรมคริปโต

    รายงานจาก Chainalysis ระบุว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเกาหลีเหนือสามารถขโมยคริปโตได้มากถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกมา โดยรวมแล้วตั้งแต่เริ่มมีการติดตาม เกาหลีเหนือได้ขโมยไปแล้วกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ การโจมตีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อแพลตฟอร์มคริปโต แต่ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญให้กับรัฐบาลที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

    เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน
    หนึ่งในวิธีที่ DPRK ใช้คือการส่งคนไปแฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงระบบภายในและหาช่องโหว่ นอกจากนี้ยังมีการสร้าง ประกาศรับสมัครงานปลอม ที่บังคับให้ผู้สมัครติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น credentials, source code และ SSO access ได้ อีกทั้งยังมีการหลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการปลอม เพื่อใช้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลในการเจาะระบบ

    การโจมตีครั้งใหญ่: ByBit Hack
    เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือการโจมตีแพลตฟอร์ม ByBit ที่สูญเงินไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง FBI ยืนยันว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์จาก DPRK การโจมตีครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 75% ของมูลค่าที่ DPRK ขโมยไปในปีเดียว และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกเป้าหมายที่ใหญ่และมีผลกระทบสูง

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้จำนวนการโจมตีโดยรวมจะลดลง แต่ความเสียหายกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก DPRK มุ่งเป้าไปที่องค์กรใหญ่และระบบที่มีมูลค่าสูง แพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่งเริ่มมีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้แฮกเกอร์หันไปโจมตี exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ที่มีการป้องกันอ่อนแอกว่า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สถิติการโจรกรรมคริปโตของ DPRK
    ปี 2025 ขโมยได้ 2.02 พันล้านดอลลาร์
    รวมตั้งแต่เริ่มบันทึกกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์

    เทคนิคการโจมตี
    แฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย
    ประกาศรับสมัครงานปลอมพร้อมมัลแวร์
    หลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการ

    เหตุการณ์สำคัญ
    ByBit สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์
    FBI ยืนยันเป็นฝีมือ DPRK

    คำเตือนและแนวโน้ม
    จำนวนการโจมตีลดลง แต่ความเสียหายเพิ่มขึ้น
    เป้าหมายหลักคือ exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล
    สะท้อนว่าระบบที่อ่อนแอยังคงเสี่ยงสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/north-korean-hackers-steal-a-record-usd2-billion-in-crypto-in-2025-including-single-heist-worth-usd1-5-billion-report-claims-rogue-state-accounts-for-60-percent-of-all-reported-crypto-thefts-this-year-usd6-75-billion-total-since-records-began
    💰 เกาหลีเหนือกับสถิติการโจรกรรมคริปโต รายงานจาก Chainalysis ระบุว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเกาหลีเหนือสามารถขโมยคริปโตได้มากถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกมา โดยรวมแล้วตั้งแต่เริ่มมีการติดตาม เกาหลีเหนือได้ขโมยไปแล้วกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ การโจมตีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อแพลตฟอร์มคริปโต แต่ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญให้กับรัฐบาลที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ 🕵️ เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน หนึ่งในวิธีที่ DPRK ใช้คือการส่งคนไปแฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงระบบภายในและหาช่องโหว่ นอกจากนี้ยังมีการสร้าง ประกาศรับสมัครงานปลอม ที่บังคับให้ผู้สมัครติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น credentials, source code และ SSO access ได้ อีกทั้งยังมีการหลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการปลอม เพื่อใช้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลในการเจาะระบบ ⚡ การโจมตีครั้งใหญ่: ByBit Hack เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือการโจมตีแพลตฟอร์ม ByBit ที่สูญเงินไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง FBI ยืนยันว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์จาก DPRK การโจมตีครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 75% ของมูลค่าที่ DPRK ขโมยไปในปีเดียว และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกเป้าหมายที่ใหญ่และมีผลกระทบสูง ⚠️ แนวโน้มและคำเตือน แม้จำนวนการโจมตีโดยรวมจะลดลง แต่ความเสียหายกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก DPRK มุ่งเป้าไปที่องค์กรใหญ่และระบบที่มีมูลค่าสูง แพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่งเริ่มมีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้แฮกเกอร์หันไปโจมตี exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ที่มีการป้องกันอ่อนแอกว่า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สถิติการโจรกรรมคริปโตของ DPRK ➡️ ปี 2025 ขโมยได้ 2.02 พันล้านดอลลาร์ ➡️ รวมตั้งแต่เริ่มบันทึกกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ แฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย ➡️ ประกาศรับสมัครงานปลอมพร้อมมัลแวร์ ➡️ หลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการ ✅ เหตุการณ์สำคัญ ➡️ ByBit สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ FBI ยืนยันเป็นฝีมือ DPRK ‼️ คำเตือนและแนวโน้ม ⛔ จำนวนการโจมตีลดลง แต่ความเสียหายเพิ่มขึ้น ⛔ เป้าหมายหลักคือ exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ⛔ สะท้อนว่าระบบที่อ่อนแอยังคงเสี่ยงสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/north-korean-hackers-steal-a-record-usd2-billion-in-crypto-in-2025-including-single-heist-worth-usd1-5-billion-report-claims-rogue-state-accounts-for-60-percent-of-all-reported-crypto-thefts-this-year-usd6-75-billion-total-since-records-began
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows Server 2025: ยุคใหม่ของ Native NVMe

    Microsoft ได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมการจัดการ I/O ของ Windows Server 2025 โดยตัดการแปลงคำสั่ง NVMe ไปเป็น SCSI ที่เคยเป็นคอขวดมานาน ทำให้ระบบสามารถสื่อสารกับ NVMe SSD ได้โดยตรง ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพการอ่านเขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น virtualization, AI/ML workloads และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    ประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้
    การทดสอบภายในของ Microsoft แสดงให้เห็นว่า Native NVMe สามารถเพิ่ม IOPS ได้ถึง 80% และลดการใช้ CPU ลง 45% เมื่อเทียบกับ Windows Server 2022 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการใช้ multi-queue architecture ของ NVMe ที่รองรับได้ถึง 64,000 queues และ 64,000 commands ต่อ queue ซึ่งต่างจาก SCSI ที่จำกัดเพียง 32 commands ต่อ queue

    ผลกระทบต่อองค์กร
    สำหรับองค์กรที่ใช้ SQL Server, Hyper-V หรือระบบไฟล์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเปิดใช้งาน Native NVMe จะช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น VM boot เร็วขึ้น, live migration ลื่นไหลขึ้น และการประมวลผลข้อมูล AI/ML มี latency ต่ำลง นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ เพราะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    แม้ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่ Microsoft เลือกที่จะปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทดสอบก่อนนำไปใช้จริง ต้องเปิดใช้งานด้วยการแก้ Registry หรือ Group Policy และยังมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เอง หากใช้ไดรเวอร์จากผู้ผลิตอื่น ฟีเจอร์นี้จะไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่และอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปลี่ยนแปลงหลักใน Windows Server 2025
    รองรับ Native NVMe โดยตรง ไม่ต้องผ่าน SCSI translation
    เพิ่ม IOPS ได้สูงสุด 80% และลด CPU usage 45%

    ผลลัพธ์ต่อองค์กรและ workload
    SQL Server, Hyper-V, และ AI/ML workloads ทำงานเร็วขึ้น
    ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    ฟีเจอร์ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น ต้องเปิดเองผ่าน Registry/Group Policy
    ต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เท่านั้น
    บาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/windows-server-2025-gains-native-nvme-support-14-years-after-its-introduction-groundbreaking-i-o-stack-drops-scsi-emulation-limitations-for-massive-throughput-and-cpu-efficiency-gains
    🖥️ Windows Server 2025: ยุคใหม่ของ Native NVMe Microsoft ได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมการจัดการ I/O ของ Windows Server 2025 โดยตัดการแปลงคำสั่ง NVMe ไปเป็น SCSI ที่เคยเป็นคอขวดมานาน ทำให้ระบบสามารถสื่อสารกับ NVMe SSD ได้โดยตรง ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพการอ่านเขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น virtualization, AI/ML workloads และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ⚡ ประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้ การทดสอบภายในของ Microsoft แสดงให้เห็นว่า Native NVMe สามารถเพิ่ม IOPS ได้ถึง 80% และลดการใช้ CPU ลง 45% เมื่อเทียบกับ Windows Server 2022 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการใช้ multi-queue architecture ของ NVMe ที่รองรับได้ถึง 64,000 queues และ 64,000 commands ต่อ queue ซึ่งต่างจาก SCSI ที่จำกัดเพียง 32 commands ต่อ queue 🏢 ผลกระทบต่อองค์กร สำหรับองค์กรที่ใช้ SQL Server, Hyper-V หรือระบบไฟล์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเปิดใช้งาน Native NVMe จะช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น VM boot เร็วขึ้น, live migration ลื่นไหลขึ้น และการประมวลผลข้อมูล AI/ML มี latency ต่ำลง นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ เพราะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด แม้ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่ Microsoft เลือกที่จะปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทดสอบก่อนนำไปใช้จริง ต้องเปิดใช้งานด้วยการแก้ Registry หรือ Group Policy และยังมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เอง หากใช้ไดรเวอร์จากผู้ผลิตอื่น ฟีเจอร์นี้จะไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่และอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปลี่ยนแปลงหลักใน Windows Server 2025 ➡️ รองรับ Native NVMe โดยตรง ไม่ต้องผ่าน SCSI translation ➡️ เพิ่ม IOPS ได้สูงสุด 80% และลด CPU usage 45% ✅ ผลลัพธ์ต่อองค์กรและ workload ➡️ SQL Server, Hyper-V, และ AI/ML workloads ทำงานเร็วขึ้น ➡️ ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ ฟีเจอร์ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น ต้องเปิดเองผ่าน Registry/Group Policy ⛔ ต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เท่านั้น ⛔ บาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/windows-server-2025-gains-native-nvme-support-14-years-after-its-introduction-groundbreaking-i-o-stack-drops-scsi-emulation-limitations-for-massive-throughput-and-cpu-efficiency-gains
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenZFS 2.4: รองรับ Linux 6.18 LTS พร้อมฟีเจอร์ใหม่

    OpenZFS 2.4 ได้รับการปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ที่เพิ่มการรองรับ Linux Kernel 6.18 LTS และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการระบบไฟล์ ZFS ซึ่งเป็นที่นิยมในงานเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูล

    ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ
    Uncached I/O: เพิ่มกลไก fallback สำหรับ direct I/O ที่ไม่จัด alignment โดยใช้ lightweight uncached I/O ช่วยให้การอ่าน–เขียนข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบาง workload
    Quota Improvements: ปรับปรุงระบบ quota ให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายราย
    Fragmentation Algorithm ใหม่: ใช้อัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อลดการ fragmentation ของ vdev ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีความเสถียรมากขึ้น

    การแก้ไขและปรับปรุงเพิ่มเติม
    นอกจากฟีเจอร์ใหม่แล้ว OpenZFS 2.4 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงหลายจุด เช่น การทำงานร่วมกับระบบ RAIDZ, การจัดการ deduplication และการปรับปรุงประสิทธิภาพของ snapshot รวมถึงการรองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างราบรื่น

    ความสำคัญต่อผู้ใช้และองค์กร
    การรองรับ Linux 6.18 LTS ทำให้ OpenZFS 2.4 เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบไฟล์ที่มีความเสถียรและปลอดภัยในระยะยาว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง uncached I/O และ quota improvements ยังช่วยตอบโจทย์ workload ที่ซับซ้อน เช่น ระบบฐานข้อมูลและคลาวด์สตอเรจ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รองรับ Linux Kernel 6.18 LTS
    ทำให้ OpenZFS ใช้งานได้กับระบบล่าสุดที่มีการสนับสนุนระยะยาว

    เพิ่มฟีเจอร์ Uncached I/O
    ช่วยให้ direct I/O ที่ไม่ align ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ปรับปรุงระบบ Quota และ Fragmentation Algorithm
    ลดปัญหา fragmentation และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการ quota

    แก้ไขบั๊กและปรับปรุง RAIDZ, deduplication, snapshot
    เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบไฟล์

    คำเตือนต่อผู้ใช้ที่อัปเดตทันที
    ควรทดสอบบนระบบ staging ก่อนนำไปใช้จริงใน production

    ความเสี่ยงจากการ migration
    หากอัปเดตจากเวอร์ชันเก่าโดยไม่ตรวจสอบ compatibility อาจเกิดปัญหากับ workload เฉพาะทาง

    https://9to5linux.com/openzfs-2-4-released-with-linux-6-18-lts-support-quotas-uncached-io-and-more
    💾 OpenZFS 2.4: รองรับ Linux 6.18 LTS พร้อมฟีเจอร์ใหม่ OpenZFS 2.4 ได้รับการปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ที่เพิ่มการรองรับ Linux Kernel 6.18 LTS และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการระบบไฟล์ ZFS ซึ่งเป็นที่นิยมในงานเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูล ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ 🎗️ Uncached I/O: เพิ่มกลไก fallback สำหรับ direct I/O ที่ไม่จัด alignment โดยใช้ lightweight uncached I/O ช่วยให้การอ่าน–เขียนข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบาง workload 🎗️ Quota Improvements: ปรับปรุงระบบ quota ให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายราย 🎗️ Fragmentation Algorithm ใหม่: ใช้อัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อลดการ fragmentation ของ vdev ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีความเสถียรมากขึ้น 🛠️ การแก้ไขและปรับปรุงเพิ่มเติม นอกจากฟีเจอร์ใหม่แล้ว OpenZFS 2.4 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงหลายจุด เช่น การทำงานร่วมกับระบบ RAIDZ, การจัดการ deduplication และการปรับปรุงประสิทธิภาพของ snapshot รวมถึงการรองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างราบรื่น 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้และองค์กร การรองรับ Linux 6.18 LTS ทำให้ OpenZFS 2.4 เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบไฟล์ที่มีความเสถียรและปลอดภัยในระยะยาว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง uncached I/O และ quota improvements ยังช่วยตอบโจทย์ workload ที่ซับซ้อน เช่น ระบบฐานข้อมูลและคลาวด์สตอเรจ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รองรับ Linux Kernel 6.18 LTS ➡️ ทำให้ OpenZFS ใช้งานได้กับระบบล่าสุดที่มีการสนับสนุนระยะยาว ✅ เพิ่มฟีเจอร์ Uncached I/O ➡️ ช่วยให้ direct I/O ที่ไม่ align ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ปรับปรุงระบบ Quota และ Fragmentation Algorithm ➡️ ลดปัญหา fragmentation และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการ quota ✅ แก้ไขบั๊กและปรับปรุง RAIDZ, deduplication, snapshot ➡️ เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบไฟล์ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ที่อัปเดตทันที ⛔ ควรทดสอบบนระบบ staging ก่อนนำไปใช้จริงใน production ‼️ ความเสี่ยงจากการ migration ⛔ หากอัปเดตจากเวอร์ชันเก่าโดยไม่ตรวจสอบ compatibility อาจเกิดปัญหากับ workload เฉพาะทาง https://9to5linux.com/openzfs-2-4-released-with-linux-6-18-lts-support-quotas-uncached-io-and-more
    9TO5LINUX.COM
    OpenZFS 2.4 Released with Linux 6.18 LTS Support, Quotas, Uncached IO, and More - 9to5Linux
    OpenZFS 2.4 file system and volume manager is now available for download with support for Linux kernel 6.18 LTS and several new features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปปั้นกรีก–โรมัน: สีสันที่หายไปและการตีความใหม่

    งานศิลป์กรีกและโรมันที่เราคุ้นเคยในพิพิธภัณฑ์มักเป็นหินอ่อนสีขาวสะอาด แต่หลักฐานทางโบราณคดีชี้ชัดว่ารูปปั้นเหล่านี้เคยถูกทาสีอย่างสดใส (polychromy) เพียงแต่สีเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา เมื่อมีการทำ reconstruction เช่นในนิทรรศการ Gods in Color ของ Vinzenz Brinkmann ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ารูปปั้นดู “น่าเกลียด” และผิดธรรมชาติ

    บทความชี้ว่าคำอธิบายที่นิยมคือ “รสนิยมต่างยุค” — เราในยุคปัจจุบันชอบความขาวสะอาด ขณะที่ชาวกรีก–โรมันชอบสีสด แต่ผู้เขียนโต้แย้งว่า หลักฐานจากภาพวาดและโมเสกโบราณกลับแสดงให้เห็นการใช้สีที่ละเอียดอ่อนและเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฉูดฉาดเหมือน reconstruction ที่เราเห็นในปัจจุบัน

    ทฤษฎีใหม่: ปัญหาคือการทาสีที่ไม่ดี
    ผู้เขียนเสนอว่า เหตุผลที่ reconstruction ดูแย่ไม่ใช่เพราะรสนิยมต่างยุค แต่เพราะการทาสีใหม่ทำได้ “ไม่ดี” — ขาดความละเอียดอ่อนที่ศิลปินโบราณมี และถูกจำกัดด้วยหลักการอนุรักษ์ที่ไม่อนุญาตให้เติมสิ่งที่ไม่มีหลักฐานตรง ๆ ทำให้เหลือเพียงการทาสีตาม pigment ชั้นล่างที่พบ ซึ่งไม่สะท้อนงานจริงที่เสร็จสมบูรณ์

    ตัวอย่างจากศิลปะอียิปต์ เนปาล หรือยุโรปยุคกลาง–บาโรก แสดงให้เห็นว่ารูปปั้นทาสีสามารถดูงดงามและน่าขนลุกในเชิงพิธีกรรม แต่ไม่ถึงขั้น “น่าเกลียด” แบบ reconstruction ของกรีก–โรมันในปัจจุบัน

    มิติทางสังคมและการสื่อสาร
    บทความยังตั้งข้อสังเกตว่า ความสนใจมหาศาลที่เกิดขึ้นอาจมาจาก “ความน่าเกลียด” เองที่ดึงดูดผู้ชม และบางทีนักวิชาการอาจใช้สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างการรับรู้ว่ารูปปั้นโบราณเคยถูกทาสีจริง ๆ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่า “นี่คือหน้าตาที่แท้จริง” อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รูปปั้นกรีก–โรมันเคยถูกทาสีจริง
    หลักฐานจาก pigment และภาพวาดโบราณยืนยันการใช้ polychromy

    Reconstruction สมัยใหม่ดูน่าเกลียด
    ตัวอย่างเช่น Augustus of Prima Porta ที่ถูกทาสีใหม่

    ทฤษฎี “รสนิยมต่างยุค” ถูกตั้งคำถาม
    ภาพวาดและโมเสกโบราณแสดงการใช้สีที่ละเอียดอ่อน ไม่ฉูดฉาด

    ทฤษฎีใหม่: ปัญหาคือการทาสีที่ไม่ดี
    Reconstruction อิง pigment ชั้นล่าง ไม่ใช่งานเสร็จสมบูรณ์

    คำเตือนต่อการสื่อสารวิชาการ
    การนำเสนอ reconstruction แบบ garish อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดและลดความเชื่อมั่นต่อผู้เชี่ยวชาญ

    https://worksinprogress.co/issue/were-classical-statues-painted-horribly/
    🎨 รูปปั้นกรีก–โรมัน: สีสันที่หายไปและการตีความใหม่ งานศิลป์กรีกและโรมันที่เราคุ้นเคยในพิพิธภัณฑ์มักเป็นหินอ่อนสีขาวสะอาด แต่หลักฐานทางโบราณคดีชี้ชัดว่ารูปปั้นเหล่านี้เคยถูกทาสีอย่างสดใส (polychromy) เพียงแต่สีเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา เมื่อมีการทำ reconstruction เช่นในนิทรรศการ Gods in Color ของ Vinzenz Brinkmann ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ารูปปั้นดู “น่าเกลียด” และผิดธรรมชาติ บทความชี้ว่าคำอธิบายที่นิยมคือ “รสนิยมต่างยุค” — เราในยุคปัจจุบันชอบความขาวสะอาด ขณะที่ชาวกรีก–โรมันชอบสีสด แต่ผู้เขียนโต้แย้งว่า หลักฐานจากภาพวาดและโมเสกโบราณกลับแสดงให้เห็นการใช้สีที่ละเอียดอ่อนและเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฉูดฉาดเหมือน reconstruction ที่เราเห็นในปัจจุบัน 🖌️ ทฤษฎีใหม่: ปัญหาคือการทาสีที่ไม่ดี ผู้เขียนเสนอว่า เหตุผลที่ reconstruction ดูแย่ไม่ใช่เพราะรสนิยมต่างยุค แต่เพราะการทาสีใหม่ทำได้ “ไม่ดี” — ขาดความละเอียดอ่อนที่ศิลปินโบราณมี และถูกจำกัดด้วยหลักการอนุรักษ์ที่ไม่อนุญาตให้เติมสิ่งที่ไม่มีหลักฐานตรง ๆ ทำให้เหลือเพียงการทาสีตาม pigment ชั้นล่างที่พบ ซึ่งไม่สะท้อนงานจริงที่เสร็จสมบูรณ์ ตัวอย่างจากศิลปะอียิปต์ เนปาล หรือยุโรปยุคกลาง–บาโรก แสดงให้เห็นว่ารูปปั้นทาสีสามารถดูงดงามและน่าขนลุกในเชิงพิธีกรรม แต่ไม่ถึงขั้น “น่าเกลียด” แบบ reconstruction ของกรีก–โรมันในปัจจุบัน 🤔 มิติทางสังคมและการสื่อสาร บทความยังตั้งข้อสังเกตว่า ความสนใจมหาศาลที่เกิดขึ้นอาจมาจาก “ความน่าเกลียด” เองที่ดึงดูดผู้ชม และบางทีนักวิชาการอาจใช้สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างการรับรู้ว่ารูปปั้นโบราณเคยถูกทาสีจริง ๆ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่า “นี่คือหน้าตาที่แท้จริง” อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รูปปั้นกรีก–โรมันเคยถูกทาสีจริง ➡️ หลักฐานจาก pigment และภาพวาดโบราณยืนยันการใช้ polychromy ✅ Reconstruction สมัยใหม่ดูน่าเกลียด ➡️ ตัวอย่างเช่น Augustus of Prima Porta ที่ถูกทาสีใหม่ ✅ ทฤษฎี “รสนิยมต่างยุค” ถูกตั้งคำถาม ➡️ ภาพวาดและโมเสกโบราณแสดงการใช้สีที่ละเอียดอ่อน ไม่ฉูดฉาด ✅ ทฤษฎีใหม่: ปัญหาคือการทาสีที่ไม่ดี ➡️ Reconstruction อิง pigment ชั้นล่าง ไม่ใช่งานเสร็จสมบูรณ์ ‼️ คำเตือนต่อการสื่อสารวิชาการ ⛔ การนำเสนอ reconstruction แบบ garish อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดและลดความเชื่อมั่นต่อผู้เชี่ยวชาญ https://worksinprogress.co/issue/were-classical-statues-painted-horribly/
    WORKSINPROGRESS.CO
    Were classical statues painted horribly? - Works in Progress Magazine
    Many claim that modern viewers dislike painted reconstructions of Greek and Roman statues because our taste differs from theirs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปีใหม่ 69 เปิดมอเตอร์เวย์ M6 วิ่งฉิวบางปะอินถึงนครราชสีมา

    ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา จะเปิดให้ประชาชนสัญจรเป็นการชั่วคราว ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ช่วงบางปะอิน-ปากช่อง-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ถึง 5 ม.ค. 2569 โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดความแออัดของเส้นทางหลักอย่างถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพ รวมทั้งแบ่งเบาภาระการจราจรสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    โดยทิศทางขาออกกรุงเทพฯ จากด่านบางปะอิน-ปากช่อง เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2568 เวลา 00.01 น. ถึง 1 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. เท่านั้น เนื่องจากการก่อสร้างตอน 4 (สะพานข้ามหนองน้ำ) ยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องเบี่ยงการจราจรตั้งแต่กิโลเมตรที่ 10+150 ถึง 30+800 หลังจากนั้นทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ จากปากช่อง-บางปะอิน เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 2 ม.ค. 2569 เวลา 06.00 น. ถึง 5 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. ส่วนช่วงปากช่อง-นครราชสีมา เปิดให้สัญจรสองทิศทางตลอด 24 ชั่วโมง

    สำหรับทางเข้า-ออกด่านบางปะอินจะมี 3 ทิศทาง ได้แก่ 1. ด้านถนนกาญจนาภิเษก (ทางหลวงหมายเลข 9) เลยทางแยกต่างระดับเชียงราก (ทางหลวงหมายเลข 347) มุ่งหน้าบางปะอินเล็กน้อย 2. ด้านถนนพหลโยธิน เลยปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านใหญ่วังน้อย ขาขึ้น กม.54 3. ด้านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 ก่อนถึงทางออกบางปะอิน โปรดสังเกตป้ายบอกทางสีน้ำเงิน ระบุว่า "มอเตอร์เวย์ M6 ปากช่อง นครราชสีมา" เนื่องจากแอปพลิเคชันบอกทางอาจยังไม่อัปเดตเส้นทาง

    เนื่องจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ครั้งนี้ยังไม่เต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นใช้ได้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ อีกทั้งไม่มีปั๊มน้ำมันหรือ EV Charger กลางทาง จึงควรเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟให้เพียงพอต่อการเดินทางระยะยาว ถ้ามาจากถนนพหลโยธิน เมื่อเลยทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.53-54 จะมีปั๊มน้ำมันเชลล์, บางจาก และ PTT Station แต่ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เลยทางแยกต่างระดับธัญบุรีไปแล้ว ใช้ทางออก 2 (คลองหลวง-หนองเสือ) จะมีปั๊มน้ำมัน PTT Station, บางจาก และคาลเท็กซ์ ที่เข้า-ออกทางหลักได้

    สำหรับผู้ที่มาจากภาคใต้ ผ่านถนนพระรามที่ 2 และจังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ที่ด่านมหาชัย 1 ต่อเนื่องทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ด่านบางขุนเทียน ต่อเนื่องมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ที่ด่านบางแก้ว เสียค่าผ่านทางที่ด่านทับช้าง และด่านธัญบุรี เพื่อเข้ามอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ได้ ซึ่งจากด่านมหาชัย 1 ถึงจังหวัดนครราชสีมา คิดเป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร

    #Newskit
    ปีใหม่ 69 เปิดมอเตอร์เวย์ M6 วิ่งฉิวบางปะอินถึงนครราชสีมา ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา จะเปิดให้ประชาชนสัญจรเป็นการชั่วคราว ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ช่วงบางปะอิน-ปากช่อง-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ถึง 5 ม.ค. 2569 โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดความแออัดของเส้นทางหลักอย่างถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพ รวมทั้งแบ่งเบาภาระการจราจรสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยทิศทางขาออกกรุงเทพฯ จากด่านบางปะอิน-ปากช่อง เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2568 เวลา 00.01 น. ถึง 1 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. เท่านั้น เนื่องจากการก่อสร้างตอน 4 (สะพานข้ามหนองน้ำ) ยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องเบี่ยงการจราจรตั้งแต่กิโลเมตรที่ 10+150 ถึง 30+800 หลังจากนั้นทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ จากปากช่อง-บางปะอิน เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 2 ม.ค. 2569 เวลา 06.00 น. ถึง 5 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. ส่วนช่วงปากช่อง-นครราชสีมา เปิดให้สัญจรสองทิศทางตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับทางเข้า-ออกด่านบางปะอินจะมี 3 ทิศทาง ได้แก่ 1. ด้านถนนกาญจนาภิเษก (ทางหลวงหมายเลข 9) เลยทางแยกต่างระดับเชียงราก (ทางหลวงหมายเลข 347) มุ่งหน้าบางปะอินเล็กน้อย 2. ด้านถนนพหลโยธิน เลยปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านใหญ่วังน้อย ขาขึ้น กม.54 3. ด้านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 ก่อนถึงทางออกบางปะอิน โปรดสังเกตป้ายบอกทางสีน้ำเงิน ระบุว่า "มอเตอร์เวย์ M6 ปากช่อง นครราชสีมา" เนื่องจากแอปพลิเคชันบอกทางอาจยังไม่อัปเดตเส้นทาง เนื่องจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ครั้งนี้ยังไม่เต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นใช้ได้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ อีกทั้งไม่มีปั๊มน้ำมันหรือ EV Charger กลางทาง จึงควรเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟให้เพียงพอต่อการเดินทางระยะยาว ถ้ามาจากถนนพหลโยธิน เมื่อเลยทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.53-54 จะมีปั๊มน้ำมันเชลล์, บางจาก และ PTT Station แต่ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เลยทางแยกต่างระดับธัญบุรีไปแล้ว ใช้ทางออก 2 (คลองหลวง-หนองเสือ) จะมีปั๊มน้ำมัน PTT Station, บางจาก และคาลเท็กซ์ ที่เข้า-ออกทางหลักได้ สำหรับผู้ที่มาจากภาคใต้ ผ่านถนนพระรามที่ 2 และจังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ที่ด่านมหาชัย 1 ต่อเนื่องทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ด่านบางขุนเทียน ต่อเนื่องมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ที่ด่านบางแก้ว เสียค่าผ่านทางที่ด่านทับช้าง และด่านธัญบุรี เพื่อเข้ามอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ได้ ซึ่งจากด่านมหาชัย 1 ถึงจังหวัดนครราชสีมา คิดเป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU

    Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด.

    นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น.

    การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน.

    ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น.

    สรุปสาระสำคัญ
    Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่
    เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs
    ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด

    ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux
    ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox
    รองรับงาน multimedia และ machine learning

    ความสำคัญเชิง ecosystem
    Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux
    รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่
    ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

    https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    🖼️ Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด. นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น. การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน. ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่ ➡️ เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs ➡️ ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด ✅ ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux ➡️ ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox ➡️ รองรับงาน multimedia และ machine learning ✅ ความสำคัญเชิง ecosystem ➡️ Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่ ⛔ ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    9TO5LINUX.COM
    Flatpak 1.16.2 Linux App Sandboxing Framework Enables VA-API for Intel Xe GPUs - 9to5Linux
    Flatpak 1.16.2 Linux app sandboxing and distribution framework is now available for download with various enhancements and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano

    โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo.

    สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น.

    Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment.

    การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว.

    สรุปสาระสำคัญ
    Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่
    เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano
    ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z

    ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI
    รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ
    มี command palette และ file explorer

    ความสามารถขั้นสูง
    รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด
    จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ มี plugin system ด้วย TypeScript

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่
    ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์
    ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป

    https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ✨ Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo. สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น. Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment. การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่ ➡️ เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano ➡️ ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z ✅ ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI ➡️ รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ ➡️ มี command palette และ file explorer ✅ ความสามารถขั้นสูง ➡️ รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด ➡️ จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ ➡️ มี plugin system ด้วย TypeScript ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่ ⛔ ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ITSFOSS.COM
    Easier Than Nano! Fresh is a 'Fresh' New Rust-based Terminal Editor for Linux
    Rust-based editor combines fast performance with GUI-style shortcuts that just work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุมมองใหม่ต่อ “Fragmentation” ของ Linux – ความหลากหลายคือพลัง

    บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า การที่ Linux ถูกมองว่ามี “fragmentation” หรือแตกเป็นหลายส่วน ไม่ใช่จุดอ่อน แต่กลับเป็นจุดแข็งของระบบนิเวศโอเพนซอร์สนี้ เพราะ Linux ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว แต่เป็น ecosystem ที่ประกอบด้วยหลายแพลตฟอร์มย่อย เช่น ดิสโทร (Ubuntu, Fedora, Arch), เดสก์ท็อปเอนจิน (GNOME, KDE, XFCE), และระบบแพ็กเกจ (Flatpak, Snap, AppImage) ซึ่งทั้งหมดร่วมกันสร้างความยืดหยุ่นและทางเลือกให้ผู้ใช้.

    ผู้เขียนอธิบายว่า ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux สามารถทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายของทั้ง ecosystem เช่น เมื่อ GNOME 3 และ KDE 4 เปิดตัว แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ก็เกิดเดสก์ท็อปใหม่ ๆ อย่าง Cinnamon, MATE และ Cosmic ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มต่าง ๆ นี่คือพลังของการกระจายตัวที่ไม่ทำลาย แต่กลับสร้างนวัตกรรมต่อเนื่อง.

    แน่นอนว่า fragmentation ก็มีข้อเสีย เช่น ความสับสนสำหรับผู้ใช้ใหม่, ปัญหาการสื่อสารแบรนด์ “Linux” ที่ไม่ชัดเจน, และความไม่สอดคล้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเดสก์ท็อป (เช่น ธีมไม่ตรงกัน, ปัญหา tray icon, หรือ portal quirks) แต่ชุมชนกำลังแก้ไขด้วยมาตรฐานร่วม เช่น FreeDesktop.org specifications, การใช้ systemd และ PipeWire เป็นฐานกลาง รวมถึงการผลักดัน Wayland ให้เป็นมาตรฐานการแสดงผล.

    บทสรุปคือ Linux ไม่ได้ “แตกเป็นชิ้นส่วนที่เสียหาย” แต่เป็นระบบที่หลากหลายโดยตั้งใจ ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux ยืดหยุ่น แข็งแรง และเปิดกว้างต่อผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะต้องการความเสถียร ความทันสมัย หรือการปรับแต่งขั้นสูง ก็มีดิสโทรและเดสก์ท็อปที่ตอบโจทย์.

    สรุปสาระสำคัญ
    Linux คือ ecosystem ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว
    ประกอบด้วยดิสโทร, เดสก์ท็อปเอนจิน, ระบบแพ็กเกจ
    แต่ละส่วนพัฒนาไปตามแนวทางของตัวเอง

    Fragmentation สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
    GNOME 3 และ KDE 4 จุดประกาย Cinnamon, MATE, Cosmic
    ความหลากหลายทำให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเอง

    การแก้ปัญหาความไม่สอดคล้อง
    ใช้มาตรฐาน FreeDesktop.org
    รวมศูนย์ด้วย systemd, PipeWire และ Wayland

    คำเตือนและข้อท้าทาย
    ผู้ใช้ใหม่อาจสับสนกับดิสโทรและเดสก์ท็อปที่หลากหลาย
    การสื่อสารแบรนด์ “Linux” ยังไม่ชัดเจนและอาจลดการยอมรับในตลาดหลัก

    https://itsfoss.com/linux-fragmentation-as-positive/
    🐧 มุมมองใหม่ต่อ “Fragmentation” ของ Linux – ความหลากหลายคือพลัง บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า การที่ Linux ถูกมองว่ามี “fragmentation” หรือแตกเป็นหลายส่วน ไม่ใช่จุดอ่อน แต่กลับเป็นจุดแข็งของระบบนิเวศโอเพนซอร์สนี้ เพราะ Linux ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว แต่เป็น ecosystem ที่ประกอบด้วยหลายแพลตฟอร์มย่อย เช่น ดิสโทร (Ubuntu, Fedora, Arch), เดสก์ท็อปเอนจิน (GNOME, KDE, XFCE), และระบบแพ็กเกจ (Flatpak, Snap, AppImage) ซึ่งทั้งหมดร่วมกันสร้างความยืดหยุ่นและทางเลือกให้ผู้ใช้. ผู้เขียนอธิบายว่า ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux สามารถทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายของทั้ง ecosystem เช่น เมื่อ GNOME 3 และ KDE 4 เปิดตัว แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ก็เกิดเดสก์ท็อปใหม่ ๆ อย่าง Cinnamon, MATE และ Cosmic ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มต่าง ๆ นี่คือพลังของการกระจายตัวที่ไม่ทำลาย แต่กลับสร้างนวัตกรรมต่อเนื่อง. แน่นอนว่า fragmentation ก็มีข้อเสีย เช่น ความสับสนสำหรับผู้ใช้ใหม่, ปัญหาการสื่อสารแบรนด์ “Linux” ที่ไม่ชัดเจน, และความไม่สอดคล้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเดสก์ท็อป (เช่น ธีมไม่ตรงกัน, ปัญหา tray icon, หรือ portal quirks) แต่ชุมชนกำลังแก้ไขด้วยมาตรฐานร่วม เช่น FreeDesktop.org specifications, การใช้ systemd และ PipeWire เป็นฐานกลาง รวมถึงการผลักดัน Wayland ให้เป็นมาตรฐานการแสดงผล. บทสรุปคือ Linux ไม่ได้ “แตกเป็นชิ้นส่วนที่เสียหาย” แต่เป็นระบบที่หลากหลายโดยตั้งใจ ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux ยืดหยุ่น แข็งแรง และเปิดกว้างต่อผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะต้องการความเสถียร ความทันสมัย หรือการปรับแต่งขั้นสูง ก็มีดิสโทรและเดสก์ท็อปที่ตอบโจทย์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Linux คือ ecosystem ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว ➡️ ประกอบด้วยดิสโทร, เดสก์ท็อปเอนจิน, ระบบแพ็กเกจ ➡️ แต่ละส่วนพัฒนาไปตามแนวทางของตัวเอง ✅ Fragmentation สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ➡️ GNOME 3 และ KDE 4 จุดประกาย Cinnamon, MATE, Cosmic ➡️ ความหลากหลายทำให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเอง ✅ การแก้ปัญหาความไม่สอดคล้อง ➡️ ใช้มาตรฐาน FreeDesktop.org ➡️ รวมศูนย์ด้วย systemd, PipeWire และ Wayland ‼️ คำเตือนและข้อท้าทาย ⛔ ผู้ใช้ใหม่อาจสับสนกับดิสโทรและเดสก์ท็อปที่หลากหลาย ⛔ การสื่อสารแบรนด์ “Linux” ยังไม่ชัดเจนและอาจลดการยอมรับในตลาดหลัก https://itsfoss.com/linux-fragmentation-as-positive/
    ITSFOSS.COM
    Linux Desktop is Fragmented (And That's NOT a Bad Thing)
    Linux desktop is often described as fragmented, but with the right perspective, it becomes clear that this description only makes sense if you see Linux as a single, unified product, and expect it act like one. It isn't, and so it doesn't.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน.

    การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร.

    แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ.

    ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”.

    สรุปสาระสำคัญ
    โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก
    นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส
    หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน)

    การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม
    เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส
    มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ

    เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft
    ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in
    ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่

    คำเตือนและข้อท้าทาย
    ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน
    การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว

    https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    🇩🇰 เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน. การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร. แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ. ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก ➡️ นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส ➡️ หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน) ✅ การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม ➡️ เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส ➡️ มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ ✅ เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft ➡️ ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in ➡️ ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่ ‼️ คำเตือนและข้อท้าทาย ⛔ ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    ITSFOSS.COM
    Denmark Begins its Exit from Microsoft — and This is Just the Beginning
    The move is part of a government-wide effort to reduce dependency on Microsoft software. The traffic department's move is just the beginning.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API

    Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้.

    เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects.

    Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader.

    แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal)
    ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม
    เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล

    วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน
    มี coherent caches และ bindless samplers
    รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access

    แนวคิด “No Graphics API”
    ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น
    ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น
    ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร

    https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    🖥️ แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้. เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects. Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader. แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal) ➡️ ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม ➡️ เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล ✅ วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน ➡️ มี coherent caches และ bindless samplers ➡️ รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access ✅ แนวคิด “No Graphics API” ➡️ ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น ➡️ ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น ⛔ ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    WWW.SEBASTIANAALTONEN.COM
    No Graphics API — Sebastian Aaltonen
    Graphics APIs and shader languages have significantly increased in complexity over the past decade. It’s time to start discussing how to strip down the abstractions to simplify development, improve performance, and prepare for future GPU workloads.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts