• “Caira กล้อง AI ตัวแรกที่แก้ไขภาพได้ทันที — เปลี่ยนการถ่ายภาพให้เป็นการสร้างสรรค์แบบเรียลไทม์”

    Camera Intelligence เปิดตัว “Caira” กล้อง mirrorless ขนาดกะทัดรัดที่เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน MagSafe โดยฝังโมเดล AI จาก Google ที่ชื่อว่า “Nano Banana” ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อของ Gemini 2.5 Flash Image Model ลงในตัวกล้องโดยตรง จุดเด่นคือสามารถแก้ไขภาพทันทีหลังถ่าย โดยไม่ต้องเปิดแอปหรือเชื่อมต่อคลาวด์

    Nano Banana เป็นโมเดล AI ที่มีชื่อเสียงจากการสร้างฟิกเกอร์ 3D จากภาพถ่าย และการแก้ไขภาพแบบ one-shot โดยไม่เกิด “hallucination” หรือความผิดพลาดในการตีความภาพ กล้อง Caira ใช้เลนส์แบบ Micro Four Thirds ซึ่งเป็นมาตรฐานของกล้องระดับโปร และมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึง 400% ทำให้คุณภาพภาพถ่ายสูงขึ้นก่อนจะเข้าสู่กระบวนการแก้ไขด้วย AI

    ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแสง สี หรือแม้แต่ลบวัตถุในภาพได้ทันที เช่น เปลี่ยนไวน์เป็นน้ำ หรือปรับโทนภาพให้เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยไม่ต้องใช้ Lightroom หรือ Photoshop อีกต่อไป

    Caira ยังมีอุปกรณ์เสริม เช่น battery grip เพื่อยืดเวลาการถ่าย และระบบ export ภาพโดยตรงจาก iPhone โดยไม่ต้องผ่านคลาวด์ ทำให้เหมาะกับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำ

    กล้องจะเปิดให้พรีออเดอร์ผ่าน Kickstarter ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ โดยทีมงานยืนยันว่าจะมีระบบ “AI guardrails” เพื่อป้องกันการแก้ไขภาพที่ละเมิดจริยธรรม เช่น การเปลี่ยนสีผิวหรือโครงหน้า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Caira เป็นกล้อง mirrorless ที่ฝังโมเดล AI Nano Banana จาก Google โดยตรง
    เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน MagSafe และใช้เลนส์ Micro Four Thirds
    Nano Banana เป็นเวอร์ชันย่อของ Gemini 2.5 Flash Image Model
    สามารถแก้ไขภาพทันทีหลังถ่าย เช่น เปลี่ยนแสง สี หรือลบวัตถุ
    ไม่ต้องเปิดแอปหรือเชื่อมต่อคลาวด์ — ทำงานแบบเรียลไทม์
    เซนเซอร์ใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึง 400% ให้ภาพคมชัดก่อนแก้ไข
    มีอุปกรณ์เสริม เช่น battery grip และระบบ export ภาพโดยตรง
    เหมาะกับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็วและคุณภาพ
    เปิดให้พรีออเดอร์ผ่าน Kickstarter วันที่ 30 ตุลาคม
    มีระบบ AI guardrails ป้องกันการแก้ไขภาพที่ละเมิดจริยธรรม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Micro Four Thirds เป็นระบบเลนส์ที่นิยมในกล้อง mirrorless ระดับโปร
    Nano Banana มีความสามารถในการรักษารายละเอียดของภาพเดิมได้ดี
    Gemini 2.5 Flash Image Model มีระบบ SynthID ฝังลายน้ำดิจิทัลในภาพที่แก้ไข
    การแก้ไขภาพแบบ one-shot ลดเวลาในการทำงานลงอย่างมาก
    การฝัง AI ลงในกล้องโดยตรงเป็นแนวทางใหม่ที่ลดขั้นตอน post-processing

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-nano-banana-camera-has-arrived-to-edit-reality-in-real-time
    📸 “Caira กล้อง AI ตัวแรกที่แก้ไขภาพได้ทันที — เปลี่ยนการถ่ายภาพให้เป็นการสร้างสรรค์แบบเรียลไทม์” Camera Intelligence เปิดตัว “Caira” กล้อง mirrorless ขนาดกะทัดรัดที่เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน MagSafe โดยฝังโมเดล AI จาก Google ที่ชื่อว่า “Nano Banana” ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อของ Gemini 2.5 Flash Image Model ลงในตัวกล้องโดยตรง จุดเด่นคือสามารถแก้ไขภาพทันทีหลังถ่าย โดยไม่ต้องเปิดแอปหรือเชื่อมต่อคลาวด์ Nano Banana เป็นโมเดล AI ที่มีชื่อเสียงจากการสร้างฟิกเกอร์ 3D จากภาพถ่าย และการแก้ไขภาพแบบ one-shot โดยไม่เกิด “hallucination” หรือความผิดพลาดในการตีความภาพ กล้อง Caira ใช้เลนส์แบบ Micro Four Thirds ซึ่งเป็นมาตรฐานของกล้องระดับโปร และมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึง 400% ทำให้คุณภาพภาพถ่ายสูงขึ้นก่อนจะเข้าสู่กระบวนการแก้ไขด้วย AI ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแสง สี หรือแม้แต่ลบวัตถุในภาพได้ทันที เช่น เปลี่ยนไวน์เป็นน้ำ หรือปรับโทนภาพให้เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยไม่ต้องใช้ Lightroom หรือ Photoshop อีกต่อไป Caira ยังมีอุปกรณ์เสริม เช่น battery grip เพื่อยืดเวลาการถ่าย และระบบ export ภาพโดยตรงจาก iPhone โดยไม่ต้องผ่านคลาวด์ ทำให้เหมาะกับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำ กล้องจะเปิดให้พรีออเดอร์ผ่าน Kickstarter ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ โดยทีมงานยืนยันว่าจะมีระบบ “AI guardrails” เพื่อป้องกันการแก้ไขภาพที่ละเมิดจริยธรรม เช่น การเปลี่ยนสีผิวหรือโครงหน้า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Caira เป็นกล้อง mirrorless ที่ฝังโมเดล AI Nano Banana จาก Google โดยตรง ➡️ เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน MagSafe และใช้เลนส์ Micro Four Thirds ➡️ Nano Banana เป็นเวอร์ชันย่อของ Gemini 2.5 Flash Image Model ➡️ สามารถแก้ไขภาพทันทีหลังถ่าย เช่น เปลี่ยนแสง สี หรือลบวัตถุ ➡️ ไม่ต้องเปิดแอปหรือเชื่อมต่อคลาวด์ — ทำงานแบบเรียลไทม์ ➡️ เซนเซอร์ใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึง 400% ให้ภาพคมชัดก่อนแก้ไข ➡️ มีอุปกรณ์เสริม เช่น battery grip และระบบ export ภาพโดยตรง ➡️ เหมาะกับผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความเร็วและคุณภาพ ➡️ เปิดให้พรีออเดอร์ผ่าน Kickstarter วันที่ 30 ตุลาคม ➡️ มีระบบ AI guardrails ป้องกันการแก้ไขภาพที่ละเมิดจริยธรรม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Micro Four Thirds เป็นระบบเลนส์ที่นิยมในกล้อง mirrorless ระดับโปร ➡️ Nano Banana มีความสามารถในการรักษารายละเอียดของภาพเดิมได้ดี ➡️ Gemini 2.5 Flash Image Model มีระบบ SynthID ฝังลายน้ำดิจิทัลในภาพที่แก้ไข ➡️ การแก้ไขภาพแบบ one-shot ลดเวลาในการทำงานลงอย่างมาก ➡️ การฝัง AI ลงในกล้องโดยตรงเป็นแนวทางใหม่ที่ลดขั้นตอน post-processing https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-nano-banana-camera-has-arrived-to-edit-reality-in-real-time
    WWW.TECHRADAR.COM
    The world’s first Nano Banana camera is here — Caira uses the AI model to edit your photos while you’re still taking them.
    Google’s new AI image model jumps from the cloud to your lens with Camera Intelligence’s new Caira device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GIMP 3.0.6 มาแล้ว! รองรับแปรง Photoshop ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบสำหรับสายกราฟิก”

    GIMP 3.0.6 เวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สชื่อดัง ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการรองรับแปรง Photoshop (.ABR), การจัดการพาเลตสี, การส่งออก SVG และการใช้งานฟิลเตอร์แบบไม่ทำลายภาพ (non-destructive filters)

    หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือการเพิ่ม toggle ในหน้าต่าง Brushes และ Fonts เพื่อให้พรีวิวของแปรงและฟอนต์สามารถปรับตามธีมสีของโปรแกรมได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับค่า alpha, การนำเข้า ACB palettes แบบ CMYK และ Lab ได้ดีขึ้น รวมถึงการกรองรูปแบบไฟล์พาเลตในหน้าต่างนำเข้า

    GIMP 3.0.6 ยังปรับปรุงการใช้งานฟิลเตอร์ให้มีความไวต่อบริบทมากขึ้น เช่น ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่สามารถใช้แบบ non-destructive ได้โดยอัตโนมัติ และเพิ่มความสามารถในการใช้ฟิลเตอร์กับช่องสีแบบไม่ทำลายภาพ

    ด้านการใช้งานทั่วไปก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การซูมใน grid และ list view ด้วย scroll หรือ gesture, การแสดง undo สำหรับการล็อกเนื้อหา, การปรับขนาดภาพให้ตรงกับเลเยอร์โดยไม่สนใจ selection, และการแก้ไขการสร้าง layer mask ให้มีความทึบเต็มเมื่อไม่มี alpha

    เครื่องมือ Text ก็ได้รับการปรับปรุงให้เปลี่ยนสีเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยืนยันเท่านั้น ส่วนเครื่องมือ Transform ก็สามารถ preview แบบ multi-layer ได้แล้ว และเครื่องมือ Foreground Selection จะไม่สร้าง selection หากไม่มีการวาด stroke

    ปลั๊กอินต่าง ๆ ก็ได้รับการอัปเดต เช่น Print plug-in ที่มีหน้าต่างปรับแต่งใหม่สำหรับ Flatpak/Snap, Jigsaw plug-in ที่สามารถวาดบนเลเยอร์โปร่งใสได้, และ Sphere Designer ที่เปลี่ยนมาใช้ spin scale

    รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลายมากขึ้น เช่น JPEG 2000, TIFF, DDS, SVG, PSP, ICNS, DICOM, WBMP, Farbfeld, XWD และ ILBM รวมถึงการส่งออกไฟล์ FITS และ C Source/HTML แบบ non-interactive

    ในส่วนของ GUI มีการปรับปรุงการซูมพรีวิวข้อมูล, การตั้งชื่อที่สอดคล้องกันมากขึ้น, การจัดการหน้าต่าง และการปรับ CSS เพื่อให้สไตล์อินเทอร์เฟซดูดีขึ้น

    GIMP 3.0.6 พร้อมให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ AppImage, Flatpak และ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการคอมไพล์เอง โดย AppImage เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak มีการปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS รวมถึงมี nightly build สำหรับ AArch64 แล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GIMP 3.0.6 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025
    รองรับแปรง Photoshop (.ABR) ได้ดีขึ้น
    เพิ่ม toggle ให้พรีวิวแปรงและฟอนต์ปรับตามธีมสี
    ปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับ alpha และ ACB palettes แบบ CMYK/Lab
    ฟิลเตอร์สามารถใช้แบบ non-destructive กับช่องสีได้
    ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่รองรับแบบ non-destructive โดยอัตโนมัติ
    ปรับปรุงการซูมใน grid/list view ด้วย scroll และ gesture
    เครื่องมือ Text และ Transform ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานแม่นยำขึ้น
    ปลั๊กอิน Print, Jigsaw, Sphere Designer ได้รับการอัปเดต
    รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลาย เช่น JPEG 2000, TIFF, SVG, ICNS
    ส่งออกไฟล์ FITS และ HTML/C Source แบบ non-interactive ได้
    GUI ปรับปรุงการซูมพรีวิว, การตั้งชื่อ, การจัดการหน้าต่าง และ CSS
    AppImage สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak ปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS
    มี nightly build สำหรับ AArch64 พร้อมให้ใช้งาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GIMP เป็นโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่ใช้แทน Photoshop ได้ในหลายกรณี
    PhotoGIMP เป็นแพตช์ที่ปรับ GIMP ให้มีอินเทอร์เฟซคล้าย Photoshop มากขึ้น
    Flatpak เป็นระบบติดตั้งแอปแบบ sandbox ที่นิยมใน Linux
    AppImage เป็นไฟล์รันตรงที่ไม่ต้องติดตั้ง เหมาะกับผู้ใช้ Linux ทุก distro
    GIMP 3.0 ใช้ GTK3 และรองรับ Wayland, HiDPI, และ multi-layer selection

    https://9to5linux.com/gimp-3-0-6-is-now-available-for-download-with-improved-photoshop-brush-support
    🖌️ “GIMP 3.0.6 มาแล้ว! รองรับแปรง Photoshop ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบสำหรับสายกราฟิก” GIMP 3.0.6 เวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สชื่อดัง ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการรองรับแปรง Photoshop (.ABR), การจัดการพาเลตสี, การส่งออก SVG และการใช้งานฟิลเตอร์แบบไม่ทำลายภาพ (non-destructive filters) หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือการเพิ่ม toggle ในหน้าต่าง Brushes และ Fonts เพื่อให้พรีวิวของแปรงและฟอนต์สามารถปรับตามธีมสีของโปรแกรมได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับค่า alpha, การนำเข้า ACB palettes แบบ CMYK และ Lab ได้ดีขึ้น รวมถึงการกรองรูปแบบไฟล์พาเลตในหน้าต่างนำเข้า GIMP 3.0.6 ยังปรับปรุงการใช้งานฟิลเตอร์ให้มีความไวต่อบริบทมากขึ้น เช่น ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่สามารถใช้แบบ non-destructive ได้โดยอัตโนมัติ และเพิ่มความสามารถในการใช้ฟิลเตอร์กับช่องสีแบบไม่ทำลายภาพ ด้านการใช้งานทั่วไปก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การซูมใน grid และ list view ด้วย scroll หรือ gesture, การแสดง undo สำหรับการล็อกเนื้อหา, การปรับขนาดภาพให้ตรงกับเลเยอร์โดยไม่สนใจ selection, และการแก้ไขการสร้าง layer mask ให้มีความทึบเต็มเมื่อไม่มี alpha เครื่องมือ Text ก็ได้รับการปรับปรุงให้เปลี่ยนสีเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยืนยันเท่านั้น ส่วนเครื่องมือ Transform ก็สามารถ preview แบบ multi-layer ได้แล้ว และเครื่องมือ Foreground Selection จะไม่สร้าง selection หากไม่มีการวาด stroke ปลั๊กอินต่าง ๆ ก็ได้รับการอัปเดต เช่น Print plug-in ที่มีหน้าต่างปรับแต่งใหม่สำหรับ Flatpak/Snap, Jigsaw plug-in ที่สามารถวาดบนเลเยอร์โปร่งใสได้, และ Sphere Designer ที่เปลี่ยนมาใช้ spin scale รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลายมากขึ้น เช่น JPEG 2000, TIFF, DDS, SVG, PSP, ICNS, DICOM, WBMP, Farbfeld, XWD และ ILBM รวมถึงการส่งออกไฟล์ FITS และ C Source/HTML แบบ non-interactive ในส่วนของ GUI มีการปรับปรุงการซูมพรีวิวข้อมูล, การตั้งชื่อที่สอดคล้องกันมากขึ้น, การจัดการหน้าต่าง และการปรับ CSS เพื่อให้สไตล์อินเทอร์เฟซดูดีขึ้น GIMP 3.0.6 พร้อมให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ AppImage, Flatpak และ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการคอมไพล์เอง โดย AppImage เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak มีการปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS รวมถึงมี nightly build สำหรับ AArch64 แล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GIMP 3.0.6 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ รองรับแปรง Photoshop (.ABR) ได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่ม toggle ให้พรีวิวแปรงและฟอนต์ปรับตามธีมสี ➡️ ปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับ alpha และ ACB palettes แบบ CMYK/Lab ➡️ ฟิลเตอร์สามารถใช้แบบ non-destructive กับช่องสีได้ ➡️ ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่รองรับแบบ non-destructive โดยอัตโนมัติ ➡️ ปรับปรุงการซูมใน grid/list view ด้วย scroll และ gesture ➡️ เครื่องมือ Text และ Transform ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานแม่นยำขึ้น ➡️ ปลั๊กอิน Print, Jigsaw, Sphere Designer ได้รับการอัปเดต ➡️ รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลาย เช่น JPEG 2000, TIFF, SVG, ICNS ➡️ ส่งออกไฟล์ FITS และ HTML/C Source แบบ non-interactive ได้ ➡️ GUI ปรับปรุงการซูมพรีวิว, การตั้งชื่อ, การจัดการหน้าต่าง และ CSS ➡️ AppImage สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak ปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS ➡️ มี nightly build สำหรับ AArch64 พร้อมให้ใช้งาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GIMP เป็นโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่ใช้แทน Photoshop ได้ในหลายกรณี ➡️ PhotoGIMP เป็นแพตช์ที่ปรับ GIMP ให้มีอินเทอร์เฟซคล้าย Photoshop มากขึ้น ➡️ Flatpak เป็นระบบติดตั้งแอปแบบ sandbox ที่นิยมใน Linux ➡️ AppImage เป็นไฟล์รันตรงที่ไม่ต้องติดตั้ง เหมาะกับผู้ใช้ Linux ทุก distro ➡️ GIMP 3.0 ใช้ GTK3 และรองรับ Wayland, HiDPI, และ multi-layer selection https://9to5linux.com/gimp-3-0-6-is-now-available-for-download-with-improved-photoshop-brush-support
    9TO5LINUX.COM
    GIMP 3.0.6 Is Now Available for Download with Improved Photoshop Brush Support - 9to5Linux
    GIMP 3.0.6 open-source image editor is now available for download with improved Photoshop brush support and many other changes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว

  • Buy Verified Cash App Accounts

    https://globalseoshop.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyVerifiedCashAppAccounts
    #BuyVerifiedCashApp
    #VerifiedCashApp
    #CashApp
    #CashappVirtualMasterCard
    #CashapptoBtc
    #BuyUsaVerifiedCashApp
    #BuyfullVerifiedCashApp
    #BuyVerifiedCashAppBTCenable
    Buy Verified Cash App Accounts https://globalseoshop.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyVerifiedCashAppAccounts #BuyVerifiedCashApp #VerifiedCashApp #CashApp #CashappVirtualMasterCard #CashapptoBtc #BuyUsaVerifiedCashApp #BuyfullVerifiedCashApp #BuyVerifiedCashAppBTCenable
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Verified Cash App Accounts
    Are you looking to Buy Verified Cash App Accounts? Look no further than GlobalSeoShop! We offer top-notch, trustworthy accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Stripe Account

    https://globalseoshop.com/product/buy-verified-stripe-accounts/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyVerifiedStripeAccount
    #BuyVerifiedStripe
    #VerifiedStripeAccount
    #StripeAccount
    #Stripe
    #buyoldstripeaccounts
    Buy Verified Stripe Account https://globalseoshop.com/product/buy-verified-stripe-accounts/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyVerifiedStripeAccount #BuyVerifiedStripe #VerifiedStripeAccount #StripeAccount #Stripe #buyoldstripeaccounts
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Verified Stripe Accounts
    Looking to buy verified Stripe accounts online? GlobalSEOShop offers secure, authentic, and fully verified Stripe accounts for smooth business transactions. Get yours today from a trusted source.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Payoneer Account

    https://globalseoshop.com/product/buy-verified-payoneer-account-2023/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyVerifiedPayoneerAccount
    #BuyPayoneerAccount
    #BuyPayoneerMasterCard
    #BuyPayPaltoPyoneer
    Buy Verified Payoneer Account https://globalseoshop.com/product/buy-verified-payoneer-account-2023/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyVerifiedPayoneerAccount #BuyPayoneerAccount #BuyPayoneerMasterCard #BuyPayPaltoPyoneer
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Verified Payoneer Account
    When you buy verified Payoneer account of high quality, you can enjoy faster and easier transactions, secure payments, and a global network of partners
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Bumble Verified Accounts

    https://globalseoshop.com/product/buy-bumble-verified-account/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyBumbleVerifiedAccounts
    #BuyVerifiedBumbleAccounts
    #BuyBumbleAccounts
    #BumbleAccounts
    Buy Bumble Verified Accounts https://globalseoshop.com/product/buy-bumble-verified-account/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyBumbleVerifiedAccounts #BuyVerifiedBumbleAccounts #BuyBumbleAccounts #BumbleAccounts
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Bumble Verified Account
    Are you looking to buy Bumble verified account? Look no further than GlobalSeoShop! Buy USA dating accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว

  • Buy Verified Github Accounts

    https://globalseoshop.com/product/buy-github-accounts/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp:+1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #Buy_Github_Accounts
    #Buy_old_Github_Accounts
    #Github_accounts_for_sale
    Buy Verified Github Accounts https://globalseoshop.com/product/buy-github-accounts/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp:+1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #Buy_Github_Accounts #Buy_old_Github_Accounts #Github_accounts_for_sale
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy GitHub Accounts
    Buy GitHub Accounts From GlobalSeoShop If you are looking to buy GitHub accounts, look no further than Globalseoshop. With its reliable services and unique offerings, Globalseoshop is the go-to platform for acquiring premium-quality Buy GitHub accounts. When it comes to buying GitHub accounts, Globalseoshop is known for its commitment to providing unique and reliable services. The platform offers a wide range of packages tailored to suit various needs and budgets. Whether you are an individual developer looking for a single account or an organization in need of multiple accounts, Globalseoshop has got you covered One of the key advantages of buy GitHub accounts from Globalseoshop is the high level of account uniqueness. Each account is created using different email addresses, ensuring that they are distinct and authentic. This uniqueness adds great value to the accounts, making them more appealing to potential collaborators and clients. Moreover, Globalseoshop prides itself on its commitment to customer satisfaction. The platform offers a money-back guarantee, ensuring that you receive the desired quality and value from your purchase. Their prompt customer support is always ready to assist you with any queries or concerns. Very Cheap Buy GitHub Accounts Features: Each account is created using different email addresses 100% customer satisfaction Money-back guarantee Accounts from unique IPs Complete Account Access High level of account uniqueness On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp:+1 (864) 708-8783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Telegram Accounts

    https://globalseoshop.com/product/buy-telegram-accounts/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #Buy_Telegram_Accounts
    #Buy_old-telegram_Accounts
    #buy_telegram_number
    #Buy_tg_phone_number
    #tg_accou
    Buy Telegram Accounts https://globalseoshop.com/product/buy-telegram-accounts/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #Buy_Telegram_Accounts #Buy_old-telegram_Accounts #buy_telegram_number #Buy_tg_phone_number #tg_accou
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Telegram Accounts
    Buy Telegram Accounts (PVA) with Fast Delivery. GlobalSeoShop offers only the highest quality services. Buy safely and securely
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว

  • Buy telegram members

    https://globalseoshop.com/product/buy-telegram-members

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +18647088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #Buy_telegram_members
    #telegram_members
    #Buy_telegram_Accounts
    #Buy Telegram Accounts
    Buy telegram members https://globalseoshop.com/product/buy-telegram-members On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +18647088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #Buy_telegram_members #telegram_members #Buy_telegram_Accounts #Buy Telegram Accounts
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Telegram Members
    Buy Telegram Members From GlobalSeoShop GlobalSeoShop is an exceptional platform that offers the opportunity to buy Telegram members. With its reliable and high-quality services, GlobalSeoShop helps businesses and individuals enhance their online presence and reach a wider audience. By buying Telegram members, you can boost the credibility and visibility of your Telegram channel or group. GlobalSeoShop ensures that all members are real and active, providing you with genuine engagement and interaction. This helps in increasing your channel's popularity and attracting more organic members. Whether you are a business owner, content creator, or influencer, buying Telegram members from GlobalSeoShop can give you the competitive edge you need to stand out in today's digital landscape. Buy Telegram Members Features ✔Affordable prices ✔ Telegram members with active accounts ✔ Secure and confidential transactions ✔ Organic Members ✔ Unlimited customer support ✔ Instant express delivery ✔ No spam ✔ Money-back guarantee ✔ 24/7 customer support On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp:+1 (864) 708-8783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด”

    ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง

    Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน

    จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า

    Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที

    นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว

    แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว
    หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน
    รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน
    พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก.
    รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android
    ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที
    มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์
    ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต
    การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า
    จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด
    RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect
    ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel

    https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    ⌨️ “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด” ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ➡️ หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน ➡️ รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน ➡️ พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. ➡️ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android ➡️ ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที ➡️ มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์ ➡️ ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต ➡️ การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า ➡️ จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด ➡️ RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect ➡️ ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel Arc Pro B50 พลิกเกมเวิร์กสเตชัน — แซงหน้า Nvidia RTX A1000 ทั้งด้าน AI และงานสร้างสรรค์ ด้วยราคาที่จับต้องได้”

    Intel สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเวิร์กสเตชันด้วยการเปิดตัว Arc Pro B50 การ์ดจอระดับมืออาชีพรุ่นใหม่ที่แม้จะมีขนาดเล็กและราคาย่อมเยา แต่กลับสามารถเอาชนะ Nvidia RTX A1000 ได้ในหลายด้าน ทั้งงาน AI, การเรนเดอร์ Blender และแอป Adobe ที่ใช้ GPU หนัก ๆ

    Arc Pro B50 ใช้สถาปัตยกรรม Xe2 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับซีรีส์ Battlemage สำหรับผู้บริโภค โดยมี 16 Xe2 cores และ 128 XMX matrix engines พร้อมหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB — มากกว่า A1000 ที่มีเพียง 8GB และให้แบนด์วิดท์สูงถึง 224GB/s

    การ์ดนี้ออกแบบมาให้มีขนาดเล็กเพียง 168 มม. ใช้พลังงานแค่ 70W ไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม และมาพร้อมพอร์ต Mini DisplayPort 2.1 ถึง 4 ช่อง ซึ่งเหนือกว่าพอร์ต 1.4a ของ A1000 อย่างชัดเจน

    ในการทดสอบจริง Arc Pro B50 ทำคะแนนเหนือกว่า A1000 ในหลายแอป เช่น Photoshop (ดีกว่า 7%), Premiere Pro (ดีกว่า 20%) และ Blender (ดีกว่า 20%) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ Nvidia เคยครองตลาดมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังทำคะแนนสูงกว่าใน MLPerf และ Procyon AI benchmarks โดยเฉพาะด้าน computer vision และ text generation

    แม้จะมีจุดอ่อนในบางแอป เช่น Revit และ Inventor ที่ A1000 ยังทำงานได้เร็วกว่า แต่ในภาพรวม Arc Pro B50 ถือเป็นการ์ดที่ให้ความคุ้มค่าสูงมากในราคาเพียง $350 และได้รับการรับรองจากซอฟต์แวร์มืออาชีพกว่า 50 รายการ

    จุดเด่นของ Intel Arc Pro B50
    ใช้สถาปัตยกรรม Xe2 พร้อม 16 Xe2 cores และ 128 XMX engines
    หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB — มากกว่า A1000 ถึง 2 เท่า
    แบนด์วิดท์ 224GB/s และ FP8 compute สูงถึง 170 TOPS
    ขนาดเล็ก 168 มม. ใช้พลังงานเพียง 70W ไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม

    ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง
    Photoshop ดีกว่า A1000 ประมาณ 7% โดยเฉพาะงาน GPU-heavy
    Premiere Pro ดีกว่าเกือบ 20% ในงานตัดต่อวิดีโอ
    Blender เรนเดอร์เร็วกว่า A1000 ถึง 20% — พลิกเกมจากเดิมที่ Nvidia ครอง
    MLPerf และ Procyon AI แสดงผลลัพธ์ดีกว่าในงาน computer vision และ text generation

    ความเหมาะสมกับงานมืออาชีพ
    ได้รับการรับรองจากซอฟต์แวร์มืออาชีพกว่า 50 รายการ เช่น Adobe, Autodesk
    มีพอร์ต Mini DisplayPort 2.1 จำนวน 4 ช่อง — รองรับจอความละเอียดสูง
    เหมาะกับงาน CAD, การตัดต่อ, โมเดล AI ขนาดเล็ก และงานสร้างสรรค์
    ราคาขายเพียง $350 — คุ้มค่ากว่าการ์ดระดับเดียวกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Xe2 cores รองรับ SIMD16 — ดีกว่ารุ่นก่อนที่รองรับแค่ SIMD8
    มี dual media engine รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอ 8K 10-bit
    มีการพัฒนา containerized Linux สำหรับงาน LLM โดยเฉพาะ
    Arc Pro B50 ใช้ GPU BMG-G21 ที่ Intel ปรับแต่งให้เหมาะกับต้นทุน

    https://www.techradar.com/pro/an-impressive-little-gpu-reviewers-surprised-by-intel-arc-pro-b50-gpus-superior-display-against-nvidias-rtx-a1000
    🎨 “Intel Arc Pro B50 พลิกเกมเวิร์กสเตชัน — แซงหน้า Nvidia RTX A1000 ทั้งด้าน AI และงานสร้างสรรค์ ด้วยราคาที่จับต้องได้” Intel สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเวิร์กสเตชันด้วยการเปิดตัว Arc Pro B50 การ์ดจอระดับมืออาชีพรุ่นใหม่ที่แม้จะมีขนาดเล็กและราคาย่อมเยา แต่กลับสามารถเอาชนะ Nvidia RTX A1000 ได้ในหลายด้าน ทั้งงาน AI, การเรนเดอร์ Blender และแอป Adobe ที่ใช้ GPU หนัก ๆ Arc Pro B50 ใช้สถาปัตยกรรม Xe2 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับซีรีส์ Battlemage สำหรับผู้บริโภค โดยมี 16 Xe2 cores และ 128 XMX matrix engines พร้อมหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB — มากกว่า A1000 ที่มีเพียง 8GB และให้แบนด์วิดท์สูงถึง 224GB/s การ์ดนี้ออกแบบมาให้มีขนาดเล็กเพียง 168 มม. ใช้พลังงานแค่ 70W ไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม และมาพร้อมพอร์ต Mini DisplayPort 2.1 ถึง 4 ช่อง ซึ่งเหนือกว่าพอร์ต 1.4a ของ A1000 อย่างชัดเจน ในการทดสอบจริง Arc Pro B50 ทำคะแนนเหนือกว่า A1000 ในหลายแอป เช่น Photoshop (ดีกว่า 7%), Premiere Pro (ดีกว่า 20%) และ Blender (ดีกว่า 20%) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ Nvidia เคยครองตลาดมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังทำคะแนนสูงกว่าใน MLPerf และ Procyon AI benchmarks โดยเฉพาะด้าน computer vision และ text generation แม้จะมีจุดอ่อนในบางแอป เช่น Revit และ Inventor ที่ A1000 ยังทำงานได้เร็วกว่า แต่ในภาพรวม Arc Pro B50 ถือเป็นการ์ดที่ให้ความคุ้มค่าสูงมากในราคาเพียง $350 และได้รับการรับรองจากซอฟต์แวร์มืออาชีพกว่า 50 รายการ ✅ จุดเด่นของ Intel Arc Pro B50 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Xe2 พร้อม 16 Xe2 cores และ 128 XMX engines ➡️ หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB — มากกว่า A1000 ถึง 2 เท่า ➡️ แบนด์วิดท์ 224GB/s และ FP8 compute สูงถึง 170 TOPS ➡️ ขนาดเล็ก 168 มม. ใช้พลังงานเพียง 70W ไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม ✅ ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง ➡️ Photoshop ดีกว่า A1000 ประมาณ 7% โดยเฉพาะงาน GPU-heavy ➡️ Premiere Pro ดีกว่าเกือบ 20% ในงานตัดต่อวิดีโอ ➡️ Blender เรนเดอร์เร็วกว่า A1000 ถึง 20% — พลิกเกมจากเดิมที่ Nvidia ครอง ➡️ MLPerf และ Procyon AI แสดงผลลัพธ์ดีกว่าในงาน computer vision และ text generation ✅ ความเหมาะสมกับงานมืออาชีพ ➡️ ได้รับการรับรองจากซอฟต์แวร์มืออาชีพกว่า 50 รายการ เช่น Adobe, Autodesk ➡️ มีพอร์ต Mini DisplayPort 2.1 จำนวน 4 ช่อง — รองรับจอความละเอียดสูง ➡️ เหมาะกับงาน CAD, การตัดต่อ, โมเดล AI ขนาดเล็ก และงานสร้างสรรค์ ➡️ ราคาขายเพียง $350 — คุ้มค่ากว่าการ์ดระดับเดียวกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Xe2 cores รองรับ SIMD16 — ดีกว่ารุ่นก่อนที่รองรับแค่ SIMD8 ➡️ มี dual media engine รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอ 8K 10-bit ➡️ มีการพัฒนา containerized Linux สำหรับงาน LLM โดยเฉพาะ ➡️ Arc Pro B50 ใช้ GPU BMG-G21 ที่ Intel ปรับแต่งให้เหมาะกับต้นทุน https://www.techradar.com/pro/an-impressive-little-gpu-reviewers-surprised-by-intel-arc-pro-b50-gpus-superior-display-against-nvidias-rtx-a1000
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI สร้างอดีตที่เราไม่เคยมี — เมื่อความคิดถึงยุค 90 กลายเป็นภาพจำปลอมที่คนรุ่นใหม่หลงรัก”

    ในยุคที่โลกจริงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความไม่แน่นอน ผู้คนจำนวนมากหันกลับไปหาความทรงจำในอดีตเพื่อปลอบใจตนเอง และตอนนี้ AI ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสร้าง “อดีตจำลอง” ที่ทั้งสวยงามและน่าหลงใหล แม้จะไม่เคยเกิดขึ้นจริงก็ตาม

    บน TikTok และ Instagram มีคลิปวิดีโอจำนวนมากที่จำลองบรรยากาศยุค 80 และ 90 ด้วยภาพที่ดูเหมือนหลุดมาจากเทป VHS หรือโฆษณาเก่า — แต่ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วย AI เช่น Midjourney, DaVinci Resolve และ Photoshop โดยผู้สร้างเนื้อหาชื่อดังอย่าง Nostalgia Cat, Purest Nostalgia และ Maximal Nostalgia

    คลิปเหล่านี้มักมีตัวละครวัยรุ่นที่พูดประโยคชวนฝัน เช่น “ไม่มีแชต ไม่มี DM มีแต่เรื่องราวรอบกองไฟจนเช้า” ทั้งที่ยุค 2000 ก็มีมือถือแล้วก็ตาม ความย้อนแยงนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกแปลก — กลับยิ่งเพิ่มความรู้สึก “คิดถึง” ที่ไม่ต้องอิงความจริง

    ผู้สร้างเนื้อหาอย่าง Josh Crowe และ Tavaius Dawson ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจให้เนื้อหาถูกต้องทางประวัติศาสตร์ แต่เน้น “ความรู้สึกดี” และ “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับผู้ชม โดยมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหลักแสนต่อเดือน และบางคลิปมียอดวิวถึง 27 ล้านครั้ง

    นักวิจารณ์วัฒนธรรมบางคน เช่น Christine Rosen เตือนว่า การจมอยู่กับภาพจำปลอมอาจทำให้เรายิ่งห่างจากความจริง และความรู้สึกคิดถึงนั้นอาจไม่ได้ช่วยเยียวยา แต่กลับทำให้รู้สึกแย่ลงเมื่อกลับสู่โลกจริง

    การสร้างเนื้อหาแนวย้อนยุคด้วย AI
    ใช้เครื่องมืออย่าง Midjourney, DaVinci Resolve และ Photoshop
    สร้างภาพจำยุค 80–90 ด้วยเทคนิค VHS, Polaroid และ 35mm film
    ตัวละครในคลิปเป็น AI ทั้งหมด รวมถึงบทพูดและฉาก
    เน้นความรู้สึก “คิดถึง” มากกว่าความถูกต้องทางประวัติศาสตร์

    ผู้สร้างเนื้อหาและกระแสตอบรับ
    Nostalgia Cat, Purest Nostalgia และ Maximal Nostalgia มีผู้ติดตามหลักแสน
    Josh Crowe ใช้ภาพจริงผสมกับ prompt engineering เพื่อสร้างฉาก
    Tavaius Dawson เขียนสคริปต์และ storyboard สำหรับแต่ละคลิป
    ผู้ชมจากทั่วโลก เช่น ยูเครนและอิสราเอล ส่งข้อความขอบคุณที่ช่วยเยียวยาจิตใจ

    ความรู้สึกคิดถึงในยุคดิจิทัล
    คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยอยู่ในยุคนั้นกลับรู้สึกผูกพันกับภาพจำที่สร้างขึ้น
    นักวิจัยเช่น Clay Routledge พบว่าเยาวชนมีแนวโน้ม “คิดถึงอดีต” มากขึ้น
    AI กลายเป็นเครื่องมือสร้าง “ความทรงจำจำลอง” ที่มีพลังทางอารมณ์
    ความนิยมของเนื้อหาแนวย้อนยุคเพิ่มขึ้นในช่วงที่โลกจริงเต็มไปด้วยความเครียด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Vanilla Ice แสดงความคิดเห็นว่า “คอมพิวเตอร์ทำลายโลก” ในคลิป AI ย้อนยุค
    นักพัฒนาเว็บอย่าง Scott Anderson พบว่าตนเองดูคลิป AI โดยไม่รู้ตัว
    Christine Rosen เตือนว่า “ความคิดถึงที่สร้างด้วย AI อาจทำให้เรารู้สึกแย่ลง”
    ความนิยมของคลิปแนวย้อนยุคสะท้อนความต้องการ “ความมั่นคงทางอารมณ์”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/11/remember-when-things-were-better-in-the-90s-ai-does-too
    📼 “AI สร้างอดีตที่เราไม่เคยมี — เมื่อความคิดถึงยุค 90 กลายเป็นภาพจำปลอมที่คนรุ่นใหม่หลงรัก” ในยุคที่โลกจริงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความไม่แน่นอน ผู้คนจำนวนมากหันกลับไปหาความทรงจำในอดีตเพื่อปลอบใจตนเอง และตอนนี้ AI ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสร้าง “อดีตจำลอง” ที่ทั้งสวยงามและน่าหลงใหล แม้จะไม่เคยเกิดขึ้นจริงก็ตาม บน TikTok และ Instagram มีคลิปวิดีโอจำนวนมากที่จำลองบรรยากาศยุค 80 และ 90 ด้วยภาพที่ดูเหมือนหลุดมาจากเทป VHS หรือโฆษณาเก่า — แต่ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วย AI เช่น Midjourney, DaVinci Resolve และ Photoshop โดยผู้สร้างเนื้อหาชื่อดังอย่าง Nostalgia Cat, Purest Nostalgia และ Maximal Nostalgia คลิปเหล่านี้มักมีตัวละครวัยรุ่นที่พูดประโยคชวนฝัน เช่น “ไม่มีแชต ไม่มี DM มีแต่เรื่องราวรอบกองไฟจนเช้า” ทั้งที่ยุค 2000 ก็มีมือถือแล้วก็ตาม ความย้อนแยงนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกแปลก — กลับยิ่งเพิ่มความรู้สึก “คิดถึง” ที่ไม่ต้องอิงความจริง ผู้สร้างเนื้อหาอย่าง Josh Crowe และ Tavaius Dawson ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจให้เนื้อหาถูกต้องทางประวัติศาสตร์ แต่เน้น “ความรู้สึกดี” และ “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับผู้ชม โดยมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหลักแสนต่อเดือน และบางคลิปมียอดวิวถึง 27 ล้านครั้ง นักวิจารณ์วัฒนธรรมบางคน เช่น Christine Rosen เตือนว่า การจมอยู่กับภาพจำปลอมอาจทำให้เรายิ่งห่างจากความจริง และความรู้สึกคิดถึงนั้นอาจไม่ได้ช่วยเยียวยา แต่กลับทำให้รู้สึกแย่ลงเมื่อกลับสู่โลกจริง ✅ การสร้างเนื้อหาแนวย้อนยุคด้วย AI ➡️ ใช้เครื่องมืออย่าง Midjourney, DaVinci Resolve และ Photoshop ➡️ สร้างภาพจำยุค 80–90 ด้วยเทคนิค VHS, Polaroid และ 35mm film ➡️ ตัวละครในคลิปเป็น AI ทั้งหมด รวมถึงบทพูดและฉาก ➡️ เน้นความรู้สึก “คิดถึง” มากกว่าความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ ✅ ผู้สร้างเนื้อหาและกระแสตอบรับ ➡️ Nostalgia Cat, Purest Nostalgia และ Maximal Nostalgia มีผู้ติดตามหลักแสน ➡️ Josh Crowe ใช้ภาพจริงผสมกับ prompt engineering เพื่อสร้างฉาก ➡️ Tavaius Dawson เขียนสคริปต์และ storyboard สำหรับแต่ละคลิป ➡️ ผู้ชมจากทั่วโลก เช่น ยูเครนและอิสราเอล ส่งข้อความขอบคุณที่ช่วยเยียวยาจิตใจ ✅ ความรู้สึกคิดถึงในยุคดิจิทัล ➡️ คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยอยู่ในยุคนั้นกลับรู้สึกผูกพันกับภาพจำที่สร้างขึ้น ➡️ นักวิจัยเช่น Clay Routledge พบว่าเยาวชนมีแนวโน้ม “คิดถึงอดีต” มากขึ้น ➡️ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้าง “ความทรงจำจำลอง” ที่มีพลังทางอารมณ์ ➡️ ความนิยมของเนื้อหาแนวย้อนยุคเพิ่มขึ้นในช่วงที่โลกจริงเต็มไปด้วยความเครียด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Vanilla Ice แสดงความคิดเห็นว่า “คอมพิวเตอร์ทำลายโลก” ในคลิป AI ย้อนยุค ➡️ นักพัฒนาเว็บอย่าง Scott Anderson พบว่าตนเองดูคลิป AI โดยไม่รู้ตัว ➡️ Christine Rosen เตือนว่า “ความคิดถึงที่สร้างด้วย AI อาจทำให้เรารู้สึกแย่ลง” ➡️ ความนิยมของคลิปแนวย้อนยุคสะท้อนความต้องการ “ความมั่นคงทางอารมณ์” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/11/remember-when-things-were-better-in-the-90s-ai-does-too
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Remember when things were better in the '90s? AI does, too
    Dubious videos about the glory of bygone eras are creating nostalgia for those too young to fact check them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • DongPleng On Air
    www.dongpleng.com
    ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    เจตนารมณ์ ของเรา
    1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม
    3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ
    4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย
    5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย
    6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ
    7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์
    ขอบพระคุณครับ
    #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    DongPleng On Air www.dongpleng.com ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ เจตนารมณ์ ของเรา 1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ 2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม 3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ 4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย 5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย 6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ 7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์ ขอบพระคุณครับ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: แท็บเล็ตวาดภาพที่พร้อมใช้งานทันที แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคน

    Wacom เปิดตัว MovinkPad 11 แท็บเล็ต Android ขนาด 11.45 นิ้ว ที่มาพร้อมกับปากกา Pro Pen 3 รุ่นมืออาชีพ ซึ่งไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือ Bluetooth และให้ความแม่นยำสูงด้วยเทคโนโลยี EMR (Electromagnetic Resonance)

    จุดเด่นคือฟีเจอร์ “Quick Draw” ที่ให้ผู้ใช้แตะปากกาบนหน้าจอเพื่อเปิดแอป Wacom Canvas ได้ทันที—เหมือนเปิดสมุดสเก็ตช์แบบดิจิทัล ไม่ต้องปลดล็อกเครื่องหรือรอโหลดแอป

    หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อนและให้สัมผัสเหมือนวาดบนกระดาษจริง ๆ เหมาะกับการใช้งานร่วมกับแอป Clip Studio Paint Debut ที่ติดตั้งมาให้แล้ว

    แต่แม้จะมีจุดเด่นด้านการวาด MovinkPad 11 ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ใช้ชิป MediaTek Helio G99 ซึ่งเป็นระดับกลาง และยังไม่มีแอป Adobe Photoshop หรือ Illustrator บน Android ทำให้การทำงานระดับมืออาชีพยังไม่ครบถ้วน

    Wacom MovinkPad 11 มาพร้อมปากกา Pro Pen 3 แบบไม่ต้องชาร์จ
    ใช้เทคโนโลยี EMR ให้ความแม่นยำสูง
    รองรับแรงกด 8,192 ระดับและการเอียงปากกา

    หน้าจอขนาด 11.45 นิ้ว ความละเอียด 2200 x 1440 แบบด้าน
    ลดแสงสะท้อนและรอยนิ้วมือ
    ให้สัมผัสเหมือนวาดบนกระดาษจริง

    ฟีเจอร์ Quick Draw เปิดแอป Wacom Canvas ได้ทันที
    ไม่ต้องปลดล็อกเครื่อง
    เหมาะกับการสเก็ตช์ไอเดียแบบรวดเร็ว

    แอป Clip Studio Paint Debut ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
    เหมาะกับนักวาดมือใหม่และนักเรียน
    ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

    รองรับปากกา EMR จากแบรนด์อื่น เช่น LAMY และ STAEDTLER
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    ไม่จำกัดเฉพาะปากกา Wacom เท่านั้น

    แบตเตอรี่ขนาด 7,700 mAh ใช้งานได้นานหลายชั่วโมง
    น้ำหนักเบาเพียง 1.3 ปอนด์
    พกพาสะดวกและเหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่

    https://www.techradar.com/pro/wacoms-unique-movinkpad-11-android-tablet-with-pro-pen-3-support-gets-its-first-review-and-aspiring-illustrators-will-love-it
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: แท็บเล็ตวาดภาพที่พร้อมใช้งานทันที แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคน Wacom เปิดตัว MovinkPad 11 แท็บเล็ต Android ขนาด 11.45 นิ้ว ที่มาพร้อมกับปากกา Pro Pen 3 รุ่นมืออาชีพ ซึ่งไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือ Bluetooth และให้ความแม่นยำสูงด้วยเทคโนโลยี EMR (Electromagnetic Resonance) จุดเด่นคือฟีเจอร์ “Quick Draw” ที่ให้ผู้ใช้แตะปากกาบนหน้าจอเพื่อเปิดแอป Wacom Canvas ได้ทันที—เหมือนเปิดสมุดสเก็ตช์แบบดิจิทัล ไม่ต้องปลดล็อกเครื่องหรือรอโหลดแอป หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อนและให้สัมผัสเหมือนวาดบนกระดาษจริง ๆ เหมาะกับการใช้งานร่วมกับแอป Clip Studio Paint Debut ที่ติดตั้งมาให้แล้ว แต่แม้จะมีจุดเด่นด้านการวาด MovinkPad 11 ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ใช้ชิป MediaTek Helio G99 ซึ่งเป็นระดับกลาง และยังไม่มีแอป Adobe Photoshop หรือ Illustrator บน Android ทำให้การทำงานระดับมืออาชีพยังไม่ครบถ้วน ✅ Wacom MovinkPad 11 มาพร้อมปากกา Pro Pen 3 แบบไม่ต้องชาร์จ ➡️ ใช้เทคโนโลยี EMR ให้ความแม่นยำสูง ➡️ รองรับแรงกด 8,192 ระดับและการเอียงปากกา ✅ หน้าจอขนาด 11.45 นิ้ว ความละเอียด 2200 x 1440 แบบด้าน ➡️ ลดแสงสะท้อนและรอยนิ้วมือ ➡️ ให้สัมผัสเหมือนวาดบนกระดาษจริง ✅ ฟีเจอร์ Quick Draw เปิดแอป Wacom Canvas ได้ทันที ➡️ ไม่ต้องปลดล็อกเครื่อง ➡️ เหมาะกับการสเก็ตช์ไอเดียแบบรวดเร็ว ✅ แอป Clip Studio Paint Debut ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ➡️ เหมาะกับนักวาดมือใหม่และนักเรียน ➡️ ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ✅ รองรับปากกา EMR จากแบรนด์อื่น เช่น LAMY และ STAEDTLER ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ➡️ ไม่จำกัดเฉพาะปากกา Wacom เท่านั้น ✅ แบตเตอรี่ขนาด 7,700 mAh ใช้งานได้นานหลายชั่วโมง ➡️ น้ำหนักเบาเพียง 1.3 ปอนด์ ➡️ พกพาสะดวกและเหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ https://www.techradar.com/pro/wacoms-unique-movinkpad-11-android-tablet-with-pro-pen-3-support-gets-its-first-review-and-aspiring-illustrators-will-love-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “เงินปลอม” ถูกขายผ่าน Facebook แบบไม่ต้องหลบซ่อน

    ลองจินตนาการว่าคุณเลื่อนดู Instagram แล้วเจอโพสต์ขายธนบัตรปลอมแบบ “A1 quality” พร้อมวิดีโอโชว์กองเงินปลอม และยังมีบริการส่งถึงบ้านแบบเก็บเงินปลายทาง (COD)! นี่ไม่ใช่ฉากในหนังอาชญากรรม แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอินเดีย

    ทีม STRIKE ของบริษัท CloudSEK ได้เปิดโปงขบวนการเงินปลอมมูลค่ากว่า ₹17.5 crore (ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์) ที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยผ่าน Facebook, Instagram, Telegram และ YouTube โดยใช้เทคนิค OSINT และ HUMINT เพื่อระบุตัวผู้กระทำผิด พร้อมส่งข้อมูลให้หน่วยงานรัฐเพื่อดำเนินคดี

    ขบวนการเงินปลอมมูลค่า ₹17.5 crore ถูกเปิดโปงโดย CloudSEK ในช่วง 6 เดือน
    ดำเนินการระหว่างธันวาคม 2024 ถึงมิถุนายน 2025
    ใช้แพลตฟอร์ม XVigil ตรวจจับโพสต์และบัญชีต้องสงสัย

    มีการตรวจพบโพสต์โปรโมทเงินปลอมกว่า 4,500 โพสต์ และบัญชีผู้ขายกว่า 750 บัญชี
    พบเบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกว่า 410 หมายเลข
    ใช้ Meta Ads และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อโดยตรง

    ผู้ขายใช้เทคนิคสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น วิดีโอคอลโชว์เงินปลอม และภาพเขียนมือ
    ใช้คำรหัสเช่น “A1 note” และ “second currency” เพื่อหลบการตรวจจับ
    มีการใช้ WhatsApp เพื่อเจรจาและส่งภาพหลักฐาน

    การผลิตธนบัตรปลอมใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพ
    ใช้ Adobe Photoshop, เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม และกระดาษพิเศษที่มีลายน้ำ Mahatma Gandhi
    ธนบัตรปลอมสามารถหลอกเครื่องตรวจจับได้ในบางกรณี

    ผู้ต้องสงสัยถูกระบุจากภาพใบหน้า, GPS, และบัญชีโซเชียลมีเดีย
    พบการดำเนินการในหมู่บ้าน Jamade (Dhule, Maharashtra) และเมือง Pune
    ผู้ต้องสงสัยใช้ชื่อปลอม เช่น Vivek Kumar, Karan Pawar, Sachin Deeva

    CloudSEK ส่งข้อมูลให้หน่วยงานรัฐเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
    รวมถึงภาพใบหน้า, หมายเลขโทรศัพท์, ตำแหน่ง GPS และหลักฐานดิจิทัล
    มีการแนะนำให้ Meta ตรวจสอบและลบโฆษณาที่เกี่ยวข้อง

    การขายเงินปลอมผ่านโซเชียลมีเดียเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ
    อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อและความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงิน
    ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรายย่อยและประชาชนทั่วไป

    แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยังมีช่องโหว่ในการตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงิน
    โฆษณาเงินปลอมสามารถหลุดรอดการตรวจสอบได้
    การใช้แฮชแท็กและคำรหัสช่วยให้ผู้ขายหลบเลี่ยงการแบน

    การซื้อขายเงินปลอมอาจนำไปสู่การถูกหลอกหรือถูกปล้น
    มีรายงานว่าผู้ซื้อบางรายถูกโกงหรือถูกข่มขู่
    การทำธุรกรรมแบบพบตัวอาจเสี่ยงต่ออาชญากรรม

    การปลอมแปลงธนบัตรเป็นอาชญากรรมร้ายแรงตามกฎหมายอินเดีย
    เข้าข่ายผิดตาม Bharatiya Nyaya Sanhita (BNS) มาตรา 176–179
    และผิดตาม IT Act มาตรา 66D และ 69A หากเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต

    https://hackread.com/researchers-online-fake-currency-operation-in-india/
    💰 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “เงินปลอม” ถูกขายผ่าน Facebook แบบไม่ต้องหลบซ่อน ลองจินตนาการว่าคุณเลื่อนดู Instagram แล้วเจอโพสต์ขายธนบัตรปลอมแบบ “A1 quality” พร้อมวิดีโอโชว์กองเงินปลอม และยังมีบริการส่งถึงบ้านแบบเก็บเงินปลายทาง (COD)! นี่ไม่ใช่ฉากในหนังอาชญากรรม แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอินเดีย ทีม STRIKE ของบริษัท CloudSEK ได้เปิดโปงขบวนการเงินปลอมมูลค่ากว่า ₹17.5 crore (ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์) ที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยผ่าน Facebook, Instagram, Telegram และ YouTube โดยใช้เทคนิค OSINT และ HUMINT เพื่อระบุตัวผู้กระทำผิด พร้อมส่งข้อมูลให้หน่วยงานรัฐเพื่อดำเนินคดี ✅ ขบวนการเงินปลอมมูลค่า ₹17.5 crore ถูกเปิดโปงโดย CloudSEK ในช่วง 6 เดือน ➡️ ดำเนินการระหว่างธันวาคม 2024 ถึงมิถุนายน 2025 ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม XVigil ตรวจจับโพสต์และบัญชีต้องสงสัย ✅ มีการตรวจพบโพสต์โปรโมทเงินปลอมกว่า 4,500 โพสต์ และบัญชีผู้ขายกว่า 750 บัญชี ➡️ พบเบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกว่า 410 หมายเลข ➡️ ใช้ Meta Ads และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อโดยตรง ✅ ผู้ขายใช้เทคนิคสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น วิดีโอคอลโชว์เงินปลอม และภาพเขียนมือ ➡️ ใช้คำรหัสเช่น “A1 note” และ “second currency” เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ มีการใช้ WhatsApp เพื่อเจรจาและส่งภาพหลักฐาน ✅ การผลิตธนบัตรปลอมใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพ ➡️ ใช้ Adobe Photoshop, เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม และกระดาษพิเศษที่มีลายน้ำ Mahatma Gandhi ➡️ ธนบัตรปลอมสามารถหลอกเครื่องตรวจจับได้ในบางกรณี ✅ ผู้ต้องสงสัยถูกระบุจากภาพใบหน้า, GPS, และบัญชีโซเชียลมีเดีย ➡️ พบการดำเนินการในหมู่บ้าน Jamade (Dhule, Maharashtra) และเมือง Pune ➡️ ผู้ต้องสงสัยใช้ชื่อปลอม เช่น Vivek Kumar, Karan Pawar, Sachin Deeva ✅ CloudSEK ส่งข้อมูลให้หน่วยงานรัฐเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ➡️ รวมถึงภาพใบหน้า, หมายเลขโทรศัพท์, ตำแหน่ง GPS และหลักฐานดิจิทัล ➡️ มีการแนะนำให้ Meta ตรวจสอบและลบโฆษณาที่เกี่ยวข้อง ‼️ การขายเงินปลอมผ่านโซเชียลมีเดียเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ ⛔ อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อและความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงิน ⛔ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรายย่อยและประชาชนทั่วไป ‼️ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยังมีช่องโหว่ในการตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงิน ⛔ โฆษณาเงินปลอมสามารถหลุดรอดการตรวจสอบได้ ⛔ การใช้แฮชแท็กและคำรหัสช่วยให้ผู้ขายหลบเลี่ยงการแบน ‼️ การซื้อขายเงินปลอมอาจนำไปสู่การถูกหลอกหรือถูกปล้น ⛔ มีรายงานว่าผู้ซื้อบางรายถูกโกงหรือถูกข่มขู่ ⛔ การทำธุรกรรมแบบพบตัวอาจเสี่ยงต่ออาชญากรรม ‼️ การปลอมแปลงธนบัตรเป็นอาชญากรรมร้ายแรงตามกฎหมายอินเดีย ⛔ เข้าข่ายผิดตาม Bharatiya Nyaya Sanhita (BNS) มาตรา 176–179 ⛔ และผิดตาม IT Act มาตรา 66D และ 69A หากเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต https://hackread.com/researchers-online-fake-currency-operation-in-india/
    HACKREAD.COM
    Researchers Expose Massive Online Fake Currency Operation in India
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจคิดว่า Nvidia ยังเป็นเจ้าตลาด GPU แบบเบ็ดเสร็จทุกแพลตฟอร์ม → แต่ถ้าเรามองไปที่ตลาด eGPU (GPU ภายนอกสำหรับโน้ตบุ๊ก), เกมกลับพลิก!

    ล่าสุดบริษัท Onexplayer เปิดตัว OnexGPU Lite ซึ่งใช้ Radeon RX 7600M XT แบบโมบายจาก AMD เป็นตัวประมวลผล → นี่คือ eGPU ตัวที่ 11 แล้วที่ใช้ชิป AMD จากซีรีส์ RX 7000 → ที่น่าสนใจคือยังไม่มี eGPU ที่ใช้ชิป RDNA4 ใหม่เลย — ทุกตัวใช้รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนพอร์ตให้รองรับ Thunderbolt 5

    แม้ RX 7600M XT จะไม่ใช่ GPU ที่แรงที่สุด แต่กลับกลายเป็น "มาตรฐานของ eGPU รุ่นใหม่" ที่เน้นความบาง, น้ำหนักเบา, และการประหยัดพลังงาน → ขณะที่ Nvidia แทบไม่มีบทบาทในกลุ่มนี้ → Vendor หลายรายเลือก AMD เพราะจัดการเรื่อง driver ได้ง่ายกว่า, ประหยัดไฟกว่า และราคาอาจคุ้มค่ากว่าในแพลตฟอร์ม eGPU

    จุดขายล่าสุดคือพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ทำงานได้ทั้งส่งภาพ, ส่งข้อมูล, และจ่ายไฟผ่านสายเดียว → แม้แบนด์วิดธ์ PCIe ยังเท่ากับ OCuLink (64Gbps) แต่ Thunderbolt 5 ใช้งานง่ายกว่า เพราะรองรับ display + power + data → เหมาะมากสำหรับ creator สายวีดีโอ หรือคนที่ใช้ Photoshop บนโน้ตบุ๊กบาง ๆ

    OnexGPU Lite ใช้ Radeon RX 7600M XT พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5  
    • เป็น eGPU ตัวที่ 11 แล้วจาก AMD RX 7000 Series  
    • พัฒนาจาก OnexGPU 2 ที่ใช้ RX 7800M  
    • เน้น balance ระหว่างประสิทธิภาพ & portability

    Thunderbolt 5 รองรับทั้ง PCIe, display output และการจ่ายไฟผ่านสายเดียว  
    • PCIe bandwidth เทียบเท่า OCuLink (64Gbps)  
    • แต่มอบประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายกว่าและเหมาะสำหรับ creator

    AMD ครองตลาด eGPU แบบเงียบ ๆ ขณะที่ Nvidia ยังไม่โดดเข้ามาเต็มตัว

    Vendor หลายรายอาจเลือก AMD เพราะเหตุผลด้าน power efficiency, driver compatibility, และราคาต่อโมบาย GPU

    แม้จะใช้ RX 7600M XT ซ้ำในหลายรุ่น แต่การเปลี่ยน chassis และพอร์ตเป็น Thunderbolt 5 คือทางเลือกที่คุ้มค่าในตลาด eGPU

    https://www.techradar.com/pro/amd-is-surpassing-nvidia-in-one-particular-market-and-i-dont-understand-why-11th-egpu-based-on-amd-radeon-rx-7000-series-debuts-and-even-has-thunderbolt-5
    หลายคนอาจคิดว่า Nvidia ยังเป็นเจ้าตลาด GPU แบบเบ็ดเสร็จทุกแพลตฟอร์ม → แต่ถ้าเรามองไปที่ตลาด eGPU (GPU ภายนอกสำหรับโน้ตบุ๊ก), เกมกลับพลิก! ล่าสุดบริษัท Onexplayer เปิดตัว OnexGPU Lite ซึ่งใช้ Radeon RX 7600M XT แบบโมบายจาก AMD เป็นตัวประมวลผล → นี่คือ eGPU ตัวที่ 11 แล้วที่ใช้ชิป AMD จากซีรีส์ RX 7000 → ที่น่าสนใจคือยังไม่มี eGPU ที่ใช้ชิป RDNA4 ใหม่เลย — ทุกตัวใช้รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนพอร์ตให้รองรับ Thunderbolt 5 แม้ RX 7600M XT จะไม่ใช่ GPU ที่แรงที่สุด แต่กลับกลายเป็น "มาตรฐานของ eGPU รุ่นใหม่" ที่เน้นความบาง, น้ำหนักเบา, และการประหยัดพลังงาน → ขณะที่ Nvidia แทบไม่มีบทบาทในกลุ่มนี้ → Vendor หลายรายเลือก AMD เพราะจัดการเรื่อง driver ได้ง่ายกว่า, ประหยัดไฟกว่า และราคาอาจคุ้มค่ากว่าในแพลตฟอร์ม eGPU จุดขายล่าสุดคือพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ทำงานได้ทั้งส่งภาพ, ส่งข้อมูล, และจ่ายไฟผ่านสายเดียว → แม้แบนด์วิดธ์ PCIe ยังเท่ากับ OCuLink (64Gbps) แต่ Thunderbolt 5 ใช้งานง่ายกว่า เพราะรองรับ display + power + data → เหมาะมากสำหรับ creator สายวีดีโอ หรือคนที่ใช้ Photoshop บนโน้ตบุ๊กบาง ๆ ✅ OnexGPU Lite ใช้ Radeon RX 7600M XT พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5   • เป็น eGPU ตัวที่ 11 แล้วจาก AMD RX 7000 Series   • พัฒนาจาก OnexGPU 2 ที่ใช้ RX 7800M   • เน้น balance ระหว่างประสิทธิภาพ & portability ✅ Thunderbolt 5 รองรับทั้ง PCIe, display output และการจ่ายไฟผ่านสายเดียว   • PCIe bandwidth เทียบเท่า OCuLink (64Gbps)   • แต่มอบประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายกว่าและเหมาะสำหรับ creator ✅ AMD ครองตลาด eGPU แบบเงียบ ๆ ขณะที่ Nvidia ยังไม่โดดเข้ามาเต็มตัว ✅ Vendor หลายรายอาจเลือก AMD เพราะเหตุผลด้าน power efficiency, driver compatibility, และราคาต่อโมบาย GPU ✅ แม้จะใช้ RX 7600M XT ซ้ำในหลายรุ่น แต่การเปลี่ยน chassis และพอร์ตเป็น Thunderbolt 5 คือทางเลือกที่คุ้มค่าในตลาด eGPU https://www.techradar.com/pro/amd-is-surpassing-nvidia-in-one-particular-market-and-i-dont-understand-why-11th-egpu-based-on-amd-radeon-rx-7000-series-debuts-and-even-has-thunderbolt-5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราคงคุ้นกับ PNG ในฐานะไฟล์ภาพพื้นหลังโปร่งใสและความละเอียดสูง แต่ที่จริง PNG ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1995 เพื่อมาแทน GIF ที่ติดลิขสิทธิ์ของ Unisys สมัยนั้น

    หลังจากนั้น PNG ก็แทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงสำคัญเลย — จนมาถึงปี 2025 นี้ ที่ W3C (องค์กรมาตรฐานเว็บ) ประกาศ PNG เวอร์ชันที่ 3 ที่เพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ให้ทันยุคจอ HDR และการแชร์ภาพผ่านโซเชียล/โปรแกรมแต่งภาพระดับมืออาชีพ เช่น:
    - รองรับ HDR โดยใช้วิธีฝัง CICP (ข้อมูล color space แบบประหยัดพื้นที่)
    - รองรับภาพเคลื่อนไหวแบบเป็นทางการ (เคยมีตั้งแต่ 2001 แต่ไม่อยู่ในสเปคหลัก)
    - ฝังข้อมูล Exif ได้ เช่น GPS, สิทธิ์ลิขสิทธิ์, กล้อง/เลนส์ที่ใช้

    แม้จะอัปเกรดชุดใหญ่ แต่เบราว์เซอร์หลักอย่าง Chrome, Firefox, Safari และ Edge ก็รองรับ PNG เวอร์ชันใหม่นี้แล้ว ทั้งบน Windows, macOS, iOS และ Android

    PNG อัปเดตเป็นสเปคเวอร์ชันที่ 3 ครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี  
    • จัดทำโดย W3C ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Google, Apple, Adobe, BBC, NBCUniversal, MovieLabs  
    • PNG เดิมมีมานานตั้งแต่ปี 1995 เป็นไฟล์ฟรี ไร้ลิขสิทธิ์จากยุค GIF

    เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่:  
    • รองรับ HDR (High Dynamic Range) ด้วย CICP (Compact Color Identification Protocol)  
    • รองรับภาพเคลื่อนไหว (Animation) อย่างเป็นทางการ  
    • รองรับ Exif Metadata เช่น กล้อง, GPS, ลิขสิทธิ์

    เบราว์เซอร์หลักและระบบปฏิบัติการทันสมัยรองรับ PNG เวอร์ชันนี้แล้วทันที  
    • รวมถึง Firefox, Safari, Chrome, macOS, iOS, และแอปแต่งภาพอย่าง Photoshop, DaVinci Resolve

    PNG HDR รองรับแสงสีที่สว่าง–ดำสนิทมากขึ้น โดยไม่เพิ่มขนาดไฟล์มากนัก  
    • เหมาะกับจอ HDR และการนำเสนอกราฟิกยุคใหม่

    อนาคตจะมี PNG เวอร์ชัน 4–5 ต่อไปเพื่อปรับ SDR/HDR และเพิ่มอัตราการบีบอัด

    https://www.techspot.com/news/108483-png-image-format-receives-hdr-animation-support-first.html
    เราคงคุ้นกับ PNG ในฐานะไฟล์ภาพพื้นหลังโปร่งใสและความละเอียดสูง แต่ที่จริง PNG ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1995 เพื่อมาแทน GIF ที่ติดลิขสิทธิ์ของ Unisys สมัยนั้น หลังจากนั้น PNG ก็แทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงสำคัญเลย — จนมาถึงปี 2025 นี้ ที่ W3C (องค์กรมาตรฐานเว็บ) ประกาศ PNG เวอร์ชันที่ 3 ที่เพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ให้ทันยุคจอ HDR และการแชร์ภาพผ่านโซเชียล/โปรแกรมแต่งภาพระดับมืออาชีพ เช่น: - รองรับ HDR โดยใช้วิธีฝัง CICP (ข้อมูล color space แบบประหยัดพื้นที่) - รองรับภาพเคลื่อนไหวแบบเป็นทางการ (เคยมีตั้งแต่ 2001 แต่ไม่อยู่ในสเปคหลัก) - ฝังข้อมูล Exif ได้ เช่น GPS, สิทธิ์ลิขสิทธิ์, กล้อง/เลนส์ที่ใช้ แม้จะอัปเกรดชุดใหญ่ แต่เบราว์เซอร์หลักอย่าง Chrome, Firefox, Safari และ Edge ก็รองรับ PNG เวอร์ชันใหม่นี้แล้ว ทั้งบน Windows, macOS, iOS และ Android ✅ PNG อัปเดตเป็นสเปคเวอร์ชันที่ 3 ครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี   • จัดทำโดย W3C ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Google, Apple, Adobe, BBC, NBCUniversal, MovieLabs   • PNG เดิมมีมานานตั้งแต่ปี 1995 เป็นไฟล์ฟรี ไร้ลิขสิทธิ์จากยุค GIF ✅ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่:   • รองรับ HDR (High Dynamic Range) ด้วย CICP (Compact Color Identification Protocol)   • รองรับภาพเคลื่อนไหว (Animation) อย่างเป็นทางการ   • รองรับ Exif Metadata เช่น กล้อง, GPS, ลิขสิทธิ์ ✅ เบราว์เซอร์หลักและระบบปฏิบัติการทันสมัยรองรับ PNG เวอร์ชันนี้แล้วทันที   • รวมถึง Firefox, Safari, Chrome, macOS, iOS, และแอปแต่งภาพอย่าง Photoshop, DaVinci Resolve ✅ PNG HDR รองรับแสงสีที่สว่าง–ดำสนิทมากขึ้น โดยไม่เพิ่มขนาดไฟล์มากนัก   • เหมาะกับจอ HDR และการนำเสนอกราฟิกยุคใหม่ ✅ อนาคตจะมี PNG เวอร์ชัน 4–5 ต่อไปเพื่อปรับ SDR/HDR และเพิ่มอัตราการบีบอัด https://www.techspot.com/news/108483-png-image-format-receives-hdr-animation-support-first.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    PNG image format receives HDR and animation support in first spec update in decades
    The World Wide Web Consortium (W3C), which manages web standards and guidelines, recently published new specifications for the PNG (Portable Network Graphics) image format. The updated format...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adobe ปรับโครงสร้างแผนสมาชิก Creative Cloud เพิ่มราคาและเน้น AI มากขึ้น

    Adobe ประกาศปรับโครงสร้างแผนสมาชิก Creative Cloud โดยเพิ่มแผนใหม่ "Creative Cloud Pro" และปรับราคาแผนเดิม ซึ่งจะมีผลในอเมริกาเหนือตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2025

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud
    Creative Cloud Pro จะมาแทนที่แผน All Apps สำหรับสมาชิกใหม่และปัจจุบัน
    - รวม มากกว่า 20 แอป เช่น Photoshop, Illustrator และ Premiere Pro

    Creative Cloud Pro เน้นฟีเจอร์ AI และให้เครดิต AI ไม่จำกัด
    - เพิ่มจาก 1,000 เครดิตต่อเดือนเป็นไม่จำกัด

    ราคาแผน Pro เพิ่มขึ้นเป็น $69.99 ต่อเดือนสำหรับบุคคลทั่วไป
    - เพิ่มขึ้น $10 จากแผน All Apps เดิม

    สมาชิกปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนไปใช้แผน Pro โดยอัตโนมัติในรอบบิลถัดไป
    - หากไม่ต้องการ ต้องเปลี่ยนแผนก่อนวันที่ 17 มิถุนายน

    Adobe เสนอแผน "Creative Cloud Standard" ที่ถูกกว่า ($54.99 ต่อเดือน)
    - แต่ ลดเครดิต AI จาก 1,000 เหลือเพียง 25 และตัดฟีเจอร์พรีเมียมในแอปมือถือ

    https://www.techspot.com/news/108027-adobe-auto-switch-paid-subscribers-pricier-ai-plans.html
    Adobe ปรับโครงสร้างแผนสมาชิก Creative Cloud เพิ่มราคาและเน้น AI มากขึ้น Adobe ประกาศปรับโครงสร้างแผนสมาชิก Creative Cloud โดยเพิ่มแผนใหม่ "Creative Cloud Pro" และปรับราคาแผนเดิม ซึ่งจะมีผลในอเมริกาเหนือตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2025 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud ✅ Creative Cloud Pro จะมาแทนที่แผน All Apps สำหรับสมาชิกใหม่และปัจจุบัน - รวม มากกว่า 20 แอป เช่น Photoshop, Illustrator และ Premiere Pro ✅ Creative Cloud Pro เน้นฟีเจอร์ AI และให้เครดิต AI ไม่จำกัด - เพิ่มจาก 1,000 เครดิตต่อเดือนเป็นไม่จำกัด ✅ ราคาแผน Pro เพิ่มขึ้นเป็น $69.99 ต่อเดือนสำหรับบุคคลทั่วไป - เพิ่มขึ้น $10 จากแผน All Apps เดิม ✅ สมาชิกปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนไปใช้แผน Pro โดยอัตโนมัติในรอบบิลถัดไป - หากไม่ต้องการ ต้องเปลี่ยนแผนก่อนวันที่ 17 มิถุนายน ✅ Adobe เสนอแผน "Creative Cloud Standard" ที่ถูกกว่า ($54.99 ต่อเดือน) - แต่ ลดเครดิต AI จาก 1,000 เหลือเพียง 25 และตัดฟีเจอร์พรีเมียมในแอปมือถือ https://www.techspot.com/news/108027-adobe-auto-switch-paid-subscribers-pricier-ai-plans.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Adobe will auto-switch paid subscribers to pricier AI plans next month
    Adobe has announced sweeping changes to its Creative Cloud subscription plans, introducing a new pricing structure that will take effect in North America next month.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro"

    Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud
    Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro
    - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI

    ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
    - รายปี จาก $659.88 เป็น $770
    - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99
    - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง
    - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99

    สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม
    - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด

    สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025
    - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

    ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น
    - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า

    การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น
    - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly

    https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro" Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud ✅ Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI ✅ ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม - รายปี จาก $659.88 เป็น $770 - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99 - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99 ✅ สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด ✅ สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025 - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ‼️ ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า ‼️ การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • Beelink ผู้ผลิตพีซีจากจีนได้เปิดตัว GTR9 Pro ซึ่งเป็น มินิพีซีที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การเล่นเกม และการสร้างสรรค์เนื้อหา โดยใช้ ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 126 TOPS และรองรับ โมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 70 พันล้านตัว

    ใช้ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395
    - รองรับ การประมวลผล AI ได้ถึง 126 TOPS
    - สามารถรัน โมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 70 พันล้านตัว

    มีพอร์ต Ethernet 10Gbps สองช่อง และ USB4 40Gbps สองช่อง
    - รองรับ การเชื่อมต่อความเร็วสูงและการทำงานแบบคลัสเตอร์

    ใช้ GPU AMD Radeon 8060S ที่มี 40 คอร์
    - มีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกับ Nvidia RTX 40 series
    - รองรับ หน่วยความจำวิดีโอสูงสุด 96GB

    สามารถรันเกมระดับสูงและรองรับการทำงานด้านสื่อและการสตรีมมิ่ง
    - รองรับ Adobe After Effects และ Photoshop

    เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ "Quietly" ที่ออกแบบมาให้มีเสียงรบกวนน้อย
    - เหมาะสำหรับ นักสร้างสรรค์และนักเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่มีเสียงรบกวน

    ราคาตั้งไว้ที่ $1,999 แต่ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

    https://www.techradar.com/pro/chinese-pc-vendor-you-probably-never-heard-of-just-unveiled-the-biggest-rival-to-nvidias-dgx-spark-ai-workstation
    Beelink ผู้ผลิตพีซีจากจีนได้เปิดตัว GTR9 Pro ซึ่งเป็น มินิพีซีที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การเล่นเกม และการสร้างสรรค์เนื้อหา โดยใช้ ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 126 TOPS และรองรับ โมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 70 พันล้านตัว ✅ ใช้ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395 - รองรับ การประมวลผล AI ได้ถึง 126 TOPS - สามารถรัน โมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 70 พันล้านตัว ✅ มีพอร์ต Ethernet 10Gbps สองช่อง และ USB4 40Gbps สองช่อง - รองรับ การเชื่อมต่อความเร็วสูงและการทำงานแบบคลัสเตอร์ ✅ ใช้ GPU AMD Radeon 8060S ที่มี 40 คอร์ - มีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกับ Nvidia RTX 40 series - รองรับ หน่วยความจำวิดีโอสูงสุด 96GB ✅ สามารถรันเกมระดับสูงและรองรับการทำงานด้านสื่อและการสตรีมมิ่ง - รองรับ Adobe After Effects และ Photoshop ✅ เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ "Quietly" ที่ออกแบบมาให้มีเสียงรบกวนน้อย - เหมาะสำหรับ นักสร้างสรรค์และนักเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่มีเสียงรบกวน ✅ ราคาตั้งไว้ที่ $1,999 แต่ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ https://www.techradar.com/pro/chinese-pc-vendor-you-probably-never-heard-of-just-unveiled-the-biggest-rival-to-nvidias-dgx-spark-ai-workstation
    WWW.TECHRADAR.COM
    This unknown PC brand just dropped a tiny PC that can outsmart, outgame, and outcreate your desktop
    GTR9 Pro crushes AI models with 70 billion parameters and you'll never hear the fans spin
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการจัดอันดับ RAM ที่ดีที่สุดสำหรับระบบ Intel และ AMD โดย Tom's Hardware ซึ่งครอบคลุมทั้ง DDR5 และ DDR4 โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Microsoft Office, Adobe Photoshop, และ Blender รวมถึงการทดสอบในเกมและการประมวลผล AI

    การจัดอันดับนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือก RAM ที่เหมาะสมกับระบบของตน โดยมีการจัดอันดับตามความเร็ว ความจุ และการตั้งค่าที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม Intel และ AMD นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์แนวโน้มราคาของ RAM ซึ่งคาดว่าจะมีความผันผวนในปีนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    การจัดอันดับ RAM ที่ดีที่สุด
    - ครอบคลุมทั้ง DDR5 และ DDR4 สำหรับระบบ Intel และ AMD
    - ทดสอบประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันและเกมต่างๆ

    การวิเคราะห์แนวโน้มราคา
    - ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้น 12% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
    - ราคาของ DDR4 ยังคงเสถียรเนื่องจากการผลิตจากผู้ผลิตในจีน

    การเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - ผู้ผลิตบางรายเตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่การผลิตสำหรับเทคโนโลยีใหม่

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน
    - เลือก RAM ที่เหมาะสมกับความต้องการและแพลตฟอร์มของระบบ

    https://www.tomshardware.com/news/ram-benchmark-hierarchy
    บทความนี้กล่าวถึงการจัดอันดับ RAM ที่ดีที่สุดสำหรับระบบ Intel และ AMD โดย Tom's Hardware ซึ่งครอบคลุมทั้ง DDR5 และ DDR4 โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Microsoft Office, Adobe Photoshop, และ Blender รวมถึงการทดสอบในเกมและการประมวลผล AI การจัดอันดับนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือก RAM ที่เหมาะสมกับระบบของตน โดยมีการจัดอันดับตามความเร็ว ความจุ และการตั้งค่าที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม Intel และ AMD นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์แนวโน้มราคาของ RAM ซึ่งคาดว่าจะมีความผันผวนในปีนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ✅ การจัดอันดับ RAM ที่ดีที่สุด - ครอบคลุมทั้ง DDR5 และ DDR4 สำหรับระบบ Intel และ AMD - ทดสอบประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันและเกมต่างๆ ✅ การวิเคราะห์แนวโน้มราคา - ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้น 12% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา - ราคาของ DDR4 ยังคงเสถียรเนื่องจากการผลิตจากผู้ผลิตในจีน ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - ผู้ผลิตบางรายเตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025 - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่การผลิตสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน - เลือก RAM ที่เหมาะสมกับความต้องการและแพลตฟอร์มของระบบ https://www.tomshardware.com/news/ram-benchmark-hierarchy
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    RAM Benchmark Hierarchy 2025: DDR5, DDR4 for AMD, Intel CPUs
    Our RAM benchmark hierarchy includes DDR5 and DDR4 memory kits that we've tested on modern AMD and Intel platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • Copilot Vision คือฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ผู้ช่วย AI ใน Windows ฉลาดขึ้น โดยเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และแนะนำวิธีการทำงานได้ตรงจุด แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่การสาธิตที่แสดงการช่วยชี้จุดในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานใน Windows ของเราไปอย่างถาวร

    Copilot Vision ช่วยให้งานง่ายขึ้นโดยไม่ขัดจังหวะการทำงาน
    - ผู้ใช้สามารถ เปิดใช้งาน Copilot Vision ผ่านไอคอนบนหน้าจอหรือปุ่มเฉพาะบนคีย์บอร์ด เพื่อให้ AI แสดงรายการแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน
    - ความสามารถนี้ช่วยให้ Copilot เข้าใจว่าผู้ใช้กำลังทำงานอะไร และสามารถตอบคำถามหรือแนะนำได้ตรงกับบริบท เช่น การออกแบบ 3D บน Blender หรือการปรับแต่งวิดีโอบน Clipchamp

    การแสดงคำแนะนำแบบโต้ตอบในอนาคต
    - Copilot Vision ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่ แสดงลูกศรแนะนำตำแหน่งในแอปพลิเคชัน เช่น การเพิ่มการเปลี่ยนผ่านวิดีโอใน Clipchamp หรือการค้นหาเครื่องมือเฉพาะใน Photoshop
    - เทคโนโลยีใหม่นี้เปรียบเหมือน "Clippy ยุคใหม่" ที่ช่วยนำทางงานอย่างชาญฉลาด

    รองรับการใช้งานด้วยเสียงและข้อความ
    - ผู้ใช้สามารถตั้งคำถาม เช่น "จะทำให้งานออกแบบนี้ดูคลาสสิกขึ้นได้อย่างไร" หรือ "ไอคอนเพิ่มหมายเหตุอยู่ที่ไหน" โดย AI จะปรับคำตอบตามแอปและโครงการที่เปิดอยู่

    อนาคตของ Copilot Vision:
    - แม้ว่าฟีเจอร์ปัจจุบันจะสามารถระบุและเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันได้แล้ว แต่ Microsoft กำลังพัฒนาให้ Copilot Vision ทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟซของแอปได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มการช่วยเหลือในรูปแบบภาพ
    - การอัปเดตที่ก้าวหน้ากว่านี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัด แต่จากการสาธิต คาดว่าไม่นานเกินรอ

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-tried-copilot-vision-and-it-could-change-how-you-use-windows-forever
    Copilot Vision คือฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ผู้ช่วย AI ใน Windows ฉลาดขึ้น โดยเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และแนะนำวิธีการทำงานได้ตรงจุด แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่การสาธิตที่แสดงการช่วยชี้จุดในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานใน Windows ของเราไปอย่างถาวร ✅ Copilot Vision ช่วยให้งานง่ายขึ้นโดยไม่ขัดจังหวะการทำงาน - ผู้ใช้สามารถ เปิดใช้งาน Copilot Vision ผ่านไอคอนบนหน้าจอหรือปุ่มเฉพาะบนคีย์บอร์ด เพื่อให้ AI แสดงรายการแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน - ความสามารถนี้ช่วยให้ Copilot เข้าใจว่าผู้ใช้กำลังทำงานอะไร และสามารถตอบคำถามหรือแนะนำได้ตรงกับบริบท เช่น การออกแบบ 3D บน Blender หรือการปรับแต่งวิดีโอบน Clipchamp ✅ การแสดงคำแนะนำแบบโต้ตอบในอนาคต - Copilot Vision ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่ แสดงลูกศรแนะนำตำแหน่งในแอปพลิเคชัน เช่น การเพิ่มการเปลี่ยนผ่านวิดีโอใน Clipchamp หรือการค้นหาเครื่องมือเฉพาะใน Photoshop - เทคโนโลยีใหม่นี้เปรียบเหมือน "Clippy ยุคใหม่" ที่ช่วยนำทางงานอย่างชาญฉลาด ✅ รองรับการใช้งานด้วยเสียงและข้อความ - ผู้ใช้สามารถตั้งคำถาม เช่น "จะทำให้งานออกแบบนี้ดูคลาสสิกขึ้นได้อย่างไร" หรือ "ไอคอนเพิ่มหมายเหตุอยู่ที่ไหน" โดย AI จะปรับคำตอบตามแอปและโครงการที่เปิดอยู่ ✅ อนาคตของ Copilot Vision: - แม้ว่าฟีเจอร์ปัจจุบันจะสามารถระบุและเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันได้แล้ว แต่ Microsoft กำลังพัฒนาให้ Copilot Vision ทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟซของแอปได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มการช่วยเหลือในรูปแบบภาพ - การอัปเดตที่ก้าวหน้ากว่านี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัด แต่จากการสาธิต คาดว่าไม่นานเกินรอ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-tried-copilot-vision-and-it-could-change-how-you-use-windows-forever
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • ReactOS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเข้ากันได้กับ Windows โดยไม่มีโค้ดของ Microsoft หลังจาก 26 ปีของการพัฒนา ล่าสุดได้เปิดตัว ReactOS 0.4.15 ซึ่งมีการปรับปรุงสำคัญ เช่น Plug and Play และเสียง อย่างไรก็ตาม ระบบยังคงอยู่ใน สถานะ Alpha และเป้าหมายปัจจุบันคือ Windows Server 2003 ในอนาคตอาจรองรับ UEFI, NTFS และระบบพลังงานที่ดีขึ้น

    ReactOS คืออะไร?
    - เป็น ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีโค้ดของ Microsoft
    - เป้าหมายคือ ให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ของ Windows ได้
    - ใช้โครงสร้าง Windows NT แต่พัฒนาขึ้นเอง

    เป้าหมายการเข้ากันได้—Windows Server 2003
    - ReactOS ปัจจุบันยังคง พยายามเข้ากันได้กับ Windows Server 2003
    - สามารถใช้งาน LibreOffice, Firefox และ Adobe Photoshop รุ่นเก่าได้
    - ใช้ส่วนประกอบจาก โครงการ Wine และสามารถ บูตระบบ Linux 64-bit ผ่าน Freeloader utility

    การอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 0.4.15
    - ปรับปรุงระบบ Plug and Play และเสียง
    - เพิ่มความสามารถในการจัดการหน่วยความจำและแก้ไขปัญหา Registry
    - ปรับปรุงเครื่องมือพื้นฐาน เช่น Notepad, Paint และ RAPPS

    ReactOS ยังอยู่ในช่วง Alpha และอาจใช้เวลานานกว่าจะสมบูรณ์
    - แม้ว่าจะพัฒนามากว่า 26 ปี แต่ ReactOS ยังอยู่ในสถานะ Alpha
    - ผู้ใช้ที่สนใจสามารถลอง ใช้งานผ่าน VirtualBox เพื่อดูพัฒนาการของระบบ

    ฟีเจอร์ที่วางแผนสำหรับอัปเดตถัดไป
    - รองรับ UEFI
    - ตัวติดตั้งแบบกราฟิกใหม่
    - ระบบไฟล์ NTFS และ Symmetric Multiprocessing (SMP)
    - การจัดการพลังงานและรองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/free-microsoft-windows-rival-gets-first-major-update-in-four-years-but-is-it-already-too-little-too-late
    ReactOS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเข้ากันได้กับ Windows โดยไม่มีโค้ดของ Microsoft หลังจาก 26 ปีของการพัฒนา ล่าสุดได้เปิดตัว ReactOS 0.4.15 ซึ่งมีการปรับปรุงสำคัญ เช่น Plug and Play และเสียง อย่างไรก็ตาม ระบบยังคงอยู่ใน สถานะ Alpha และเป้าหมายปัจจุบันคือ Windows Server 2003 ในอนาคตอาจรองรับ UEFI, NTFS และระบบพลังงานที่ดีขึ้น ✅ ReactOS คืออะไร? - เป็น ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีโค้ดของ Microsoft - เป้าหมายคือ ให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ของ Windows ได้ - ใช้โครงสร้าง Windows NT แต่พัฒนาขึ้นเอง ✅ เป้าหมายการเข้ากันได้—Windows Server 2003 - ReactOS ปัจจุบันยังคง พยายามเข้ากันได้กับ Windows Server 2003 - สามารถใช้งาน LibreOffice, Firefox และ Adobe Photoshop รุ่นเก่าได้ - ใช้ส่วนประกอบจาก โครงการ Wine และสามารถ บูตระบบ Linux 64-bit ผ่าน Freeloader utility ✅ การอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 0.4.15 - ปรับปรุงระบบ Plug and Play และเสียง - เพิ่มความสามารถในการจัดการหน่วยความจำและแก้ไขปัญหา Registry - ปรับปรุงเครื่องมือพื้นฐาน เช่น Notepad, Paint และ RAPPS ✅ ReactOS ยังอยู่ในช่วง Alpha และอาจใช้เวลานานกว่าจะสมบูรณ์ - แม้ว่าจะพัฒนามากว่า 26 ปี แต่ ReactOS ยังอยู่ในสถานะ Alpha - ผู้ใช้ที่สนใจสามารถลอง ใช้งานผ่าน VirtualBox เพื่อดูพัฒนาการของระบบ ✅ ฟีเจอร์ที่วางแผนสำหรับอัปเดตถัดไป - รองรับ UEFI - ตัวติดตั้งแบบกราฟิกใหม่ - ระบบไฟล์ NTFS และ Symmetric Multiprocessing (SMP) - การจัดการพลังงานและรองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น https://www.techradar.com/pro/free-microsoft-windows-rival-gets-first-major-update-in-four-years-but-is-it-already-too-little-too-late
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบสแกนจ่ายไม่ดี ระวังจะเสียลูกค้า

    ในช่วงนี้บรรดาผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking) กำลังวิตกกังวลเรื่องอี-สลิปปลอม ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ซึ่งมีคนออกมาเตือนว่า สามารถปลอมได้ค่อนข้างแนบเนียน ไม่ต้องใช้โปรแกรมตัดต่อภาพอย่าง Photoshop อีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเห็นว่า สลิปที่สร้างโดยเอไอไม่แนบเนียน ลายเส้นมักไม่คม แนะนำว่าให้ผู้ค้าตรวจสอบโดยการนำ QR Code บนอี-สลิปไปสแกนผ่านแอปฯ ธนาคาร

    ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนำแก่ลูกค้าว่า หลังรับโอนเงินควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสลิปโอนเงินนั้นของแท้ หรือของปลอม ด้วยการสแกน QR Code บนสลิป แต่จะมีอายุจำกัด ตั้งเเต่ 7 วัน ถึง 60 วัน แต่หากสลิปโอนเงินนั้นไม่มี QR Code ให้เข้าไปเช็กยอดเงินในโมบายแบงกิ้ง เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่แท้จริงได้

    ปัจจุบันการชำระเงินด้วยการสแกนจ่าย ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงเกิดปัญหาระหว่างลูกค้ากับร้านค้าเป็นระยะ เช่น แอปฯ ธนาคารล่ม หรือไม่แจ้งเตือนเงินเข้าในบางเวลา เมื่อสัปดาห์ก่อนที่จังหวัดแห่งหนึ่งติดกับกรุงเทพมหานคร เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊กข่าวสารของจังหวัดดังกล่าว เรียกร้องให้ลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเงินค่ากาแฟ 160 บาท อ้างว่าลูกค้าสแกนจ่ายแล้วเงินไม่เข้า มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมใบหน้าลูกค้าเสมือนประจาน ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแชร์และประณามลูกค้าจำนวนมาก เพื่อกดดันให้กลับมาจ่ายเงินตามที่เจ้าของร้านกล่าวหา

    ปรากฎว่าในเวลาต่อมาคดีพลิก เพราะเจ้าของร้านโพสต์ข้อความขอโทษลูกค้าที่ถูกพาดพิง หลังพบว่ามีเงินเข้าแต่ระบบไม่ได้แจ้ง และยอมรับว่าทางร้านดูสลิปโอนเงินไม่ชัดเจน ไม่มีเจตนาที่จะประจานลูกค้าแต่อย่างใด ผลก็คือทัวร์ที่เคยลงลูกค้ากลับมาลงที่เจ้าของร้านแทน เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยา บางคนแนะให้ลูกค้าแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นผู้เสียหาย บางคนกล่าวว่าจะไม่อุดหนุนร้านนี้อีก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนตัวเองจะโดนเช่นนั้น เมื่อดูสลิปที่เจ้าของร้านกาแฟโพสต์ ปรากฎว่าปลายทางเป็นแอปฯ รับเงินของลูกค้าจากค่ายอี-วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ธนาคาร

    ปัจจุบันโมบายแบงกิ้งแต่ละธนาคารมักแจ้งเตือนเงินเข้าล่าช้าในบางเวลา ขณะที่บางธนาคารมีแอปฯ สำหรับให้ร้านค้ารับเงินจากลูกค้าโดยเฉพาะ และยังแจ้งเตือนเงินเข้าทั้งแบบข้อความแจ้งเตือน และเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าที่ระบุจำนวนเงินชัดเจน อีกด้านหนึ่ง มีบางร้านค้าขอความร่วมมือให้พนักงานถ่ายภาพอี-สลิปจากลูกค้าเพื่อใช้ตรวจสอบภายหลังกรณีเงินไม่เข้าบัญชีและอื่นๆ ต่อไป

    #Newskit
    ระบบสแกนจ่ายไม่ดี ระวังจะเสียลูกค้า ในช่วงนี้บรรดาผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking) กำลังวิตกกังวลเรื่องอี-สลิปปลอม ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ซึ่งมีคนออกมาเตือนว่า สามารถปลอมได้ค่อนข้างแนบเนียน ไม่ต้องใช้โปรแกรมตัดต่อภาพอย่าง Photoshop อีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเห็นว่า สลิปที่สร้างโดยเอไอไม่แนบเนียน ลายเส้นมักไม่คม แนะนำว่าให้ผู้ค้าตรวจสอบโดยการนำ QR Code บนอี-สลิปไปสแกนผ่านแอปฯ ธนาคาร ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนำแก่ลูกค้าว่า หลังรับโอนเงินควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสลิปโอนเงินนั้นของแท้ หรือของปลอม ด้วยการสแกน QR Code บนสลิป แต่จะมีอายุจำกัด ตั้งเเต่ 7 วัน ถึง 60 วัน แต่หากสลิปโอนเงินนั้นไม่มี QR Code ให้เข้าไปเช็กยอดเงินในโมบายแบงกิ้ง เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่แท้จริงได้ ปัจจุบันการชำระเงินด้วยการสแกนจ่าย ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงเกิดปัญหาระหว่างลูกค้ากับร้านค้าเป็นระยะ เช่น แอปฯ ธนาคารล่ม หรือไม่แจ้งเตือนเงินเข้าในบางเวลา เมื่อสัปดาห์ก่อนที่จังหวัดแห่งหนึ่งติดกับกรุงเทพมหานคร เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊กข่าวสารของจังหวัดดังกล่าว เรียกร้องให้ลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเงินค่ากาแฟ 160 บาท อ้างว่าลูกค้าสแกนจ่ายแล้วเงินไม่เข้า มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมใบหน้าลูกค้าเสมือนประจาน ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแชร์และประณามลูกค้าจำนวนมาก เพื่อกดดันให้กลับมาจ่ายเงินตามที่เจ้าของร้านกล่าวหา ปรากฎว่าในเวลาต่อมาคดีพลิก เพราะเจ้าของร้านโพสต์ข้อความขอโทษลูกค้าที่ถูกพาดพิง หลังพบว่ามีเงินเข้าแต่ระบบไม่ได้แจ้ง และยอมรับว่าทางร้านดูสลิปโอนเงินไม่ชัดเจน ไม่มีเจตนาที่จะประจานลูกค้าแต่อย่างใด ผลก็คือทัวร์ที่เคยลงลูกค้ากลับมาลงที่เจ้าของร้านแทน เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยา บางคนแนะให้ลูกค้าแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นผู้เสียหาย บางคนกล่าวว่าจะไม่อุดหนุนร้านนี้อีก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนตัวเองจะโดนเช่นนั้น เมื่อดูสลิปที่เจ้าของร้านกาแฟโพสต์ ปรากฎว่าปลายทางเป็นแอปฯ รับเงินของลูกค้าจากค่ายอี-วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ธนาคาร ปัจจุบันโมบายแบงกิ้งแต่ละธนาคารมักแจ้งเตือนเงินเข้าล่าช้าในบางเวลา ขณะที่บางธนาคารมีแอปฯ สำหรับให้ร้านค้ารับเงินจากลูกค้าโดยเฉพาะ และยังแจ้งเตือนเงินเข้าทั้งแบบข้อความแจ้งเตือน และเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าที่ระบุจำนวนเงินชัดเจน อีกด้านหนึ่ง มีบางร้านค้าขอความร่วมมือให้พนักงานถ่ายภาพอี-สลิปจากลูกค้าเพื่อใช้ตรวจสอบภายหลังกรณีเงินไม่เข้าบัญชีและอื่นๆ ต่อไป #Newskit
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดในปี 2025 โดยมีการทดสอบและรีวิวอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งสำหรับมืออาชีพและผู้เริ่มต้น บทความกล่าวถึงข้อดี ข้อเสีย ราคา และจุดเด่นของแต่ละโปรแกรม

    ==มาตรฐานสูงสุดของการตัดต่อภาพ==
    Adobe Photoshop Adobe Photoshop ยังคงครองตำแหน่งซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การปรับสี การครอบตัดภาพ และการลบวัตถุออกจากภาพ Photoshop ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างการลบวัตถุที่ไม่ต้องการและการสร้างพื้นหลังอัตโนมัติ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการสมัครสมาชิกที่มีราคาเริ่มต้น $23 ต่อเดือน

    ==การจัดการภาพจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ==
    Adobe Lightroom Lightroom โดดเด่นด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดเวลาในการแก้ไขภาพจำนวนมาก เช่น การปรับแสงและสีแบบแบช (Batch Editing) และฟีเจอร์คลาวด์ที่ทำให้การจัดการไฟล์สะดวกสบายยิ่งขึ้น ค่าสมัครเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน

    ==ตัวเลือกแบบซื้อครั้งเดียว==
    Affinity Photo 2 หากคุณเบื่อการจ่ายค่าสมาชิก Affinity Photo 2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยราคา $70 และคุณสมบัติครบครัน เช่น การแต่งภาพ การลบวัตถุ และการปรับแต่งเลเยอร์

    ==การใช้ AI เพื่อการแต่งภาพ==
    Skylum Luminar NEO ซอฟต์แวร์นี้เน้นใช้ AI เป็นหลัก ช่วยปรับแต่งภาพให้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมืออย่างการปรับสีและความชัดโดยใช้เพียงไม่กี่คลิก ราคาเริ่มต้นที่ $69 ต่อปี

    ==ฟรีและเปิดโอเพ่นซอร์ส==
    GIMP สำหรับคนที่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย GIMP เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความสามารถในการแต่งภาพหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีข้อเสียคืออินเทอร์เฟซที่อาจต้องใช้เวลาศึกษา

    ==สำหรับงานศิลปะ==
    Procreate ถ้าคุณชอบการแต่งภาพที่แฝงด้วยงานศิลปะ Procreate อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด มีราคาที่เป็นมิตรเพียง $13 และเหมาะกับ iPad เท่านั้น

    การเลือกซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการ และความชำนาญของแต่ละคนครับ หากเพิ่งเริ่มต้น โปรแกรมฟรีหรือราคาย่อมเยาอาจเพียงพอ แต่สำหรับมืออาชีพ Adobe ยังคงเป็นตัวเลือกที่ครองใจหลายคน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link ข้างล่างเลยครับ
    https://www.zdnet.com/home-and-office/smart-office/best-photo-editing-software/
    ซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดในปี 2025 โดยมีการทดสอบและรีวิวอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งสำหรับมืออาชีพและผู้เริ่มต้น บทความกล่าวถึงข้อดี ข้อเสีย ราคา และจุดเด่นของแต่ละโปรแกรม ==มาตรฐานสูงสุดของการตัดต่อภาพ== Adobe Photoshop Adobe Photoshop ยังคงครองตำแหน่งซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาด ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การปรับสี การครอบตัดภาพ และการลบวัตถุออกจากภาพ Photoshop ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างการลบวัตถุที่ไม่ต้องการและการสร้างพื้นหลังอัตโนมัติ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการสมัครสมาชิกที่มีราคาเริ่มต้น $23 ต่อเดือน ==การจัดการภาพจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ== Adobe Lightroom Lightroom โดดเด่นด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดเวลาในการแก้ไขภาพจำนวนมาก เช่น การปรับแสงและสีแบบแบช (Batch Editing) และฟีเจอร์คลาวด์ที่ทำให้การจัดการไฟล์สะดวกสบายยิ่งขึ้น ค่าสมัครเริ่มต้นที่ $12 ต่อเดือน ==ตัวเลือกแบบซื้อครั้งเดียว== Affinity Photo 2 หากคุณเบื่อการจ่ายค่าสมาชิก Affinity Photo 2 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยราคา $70 และคุณสมบัติครบครัน เช่น การแต่งภาพ การลบวัตถุ และการปรับแต่งเลเยอร์ ==การใช้ AI เพื่อการแต่งภาพ== Skylum Luminar NEO ซอฟต์แวร์นี้เน้นใช้ AI เป็นหลัก ช่วยปรับแต่งภาพให้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมืออย่างการปรับสีและความชัดโดยใช้เพียงไม่กี่คลิก ราคาเริ่มต้นที่ $69 ต่อปี ==ฟรีและเปิดโอเพ่นซอร์ส== GIMP สำหรับคนที่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย GIMP เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความสามารถในการแต่งภาพหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีข้อเสียคืออินเทอร์เฟซที่อาจต้องใช้เวลาศึกษา ==สำหรับงานศิลปะ== Procreate ถ้าคุณชอบการแต่งภาพที่แฝงด้วยงานศิลปะ Procreate อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด มีราคาที่เป็นมิตรเพียง $13 และเหมาะกับ iPad เท่านั้น การเลือกซอฟต์แวร์ตัดต่อภาพที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการ และความชำนาญของแต่ละคนครับ หากเพิ่งเริ่มต้น โปรแกรมฟรีหรือราคาย่อมเยาอาจเพียงพอ แต่สำหรับมืออาชีพ Adobe ยังคงเป็นตัวเลือกที่ครองใจหลายคน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link ข้างล่างเลยครับ https://www.zdnet.com/home-and-office/smart-office/best-photo-editing-software/
    WWW.ZDNET.COM
    The best photo editing software of 2025: Expert tested and reviewed
    The best photo editing software in the market will streamline your workflow, offer creative tools, and bring the best out of your images. These are ZDNET's recommendations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts