• แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก
    อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้
    ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง
    เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ
    อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด
    ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc.
    ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้ ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc. ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด
    ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 7 : ถังความคิด
    แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที !
    นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !)
    กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน
    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน
    The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921
    นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ
    ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย)
    สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 7 : ถังความคิด แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที ! นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !) กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย) สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก ETH Zurich ถึง 1811 ภาษา: เมื่อโมเดลภาษาไม่ได้ถูกสร้างเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้

    Apertus เป็นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดย Swiss National AI Institute (SNAI) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโมเดลที่เปิดทุกส่วน—ตั้งแต่โค้ด, น้ำหนักโมเดล, ข้อมูลเทรน, ไปจนถึงสูตรการเทรนเอง

    โมเดลมีสองขนาดคือ 8B และ 70B พารามิเตอร์ โดยเวอร์ชัน 70B ถูกเทรนด้วยข้อมูล 15 ล้านล้าน token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ผ่านกระบวนการ curriculum learning ที่จัดลำดับเนื้อหาอย่างเป็นระบบ

    Apertus รองรับภาษามากถึง 1811 ภาษา โดย 40% ของข้อมูลเทรนเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น Swiss German, Romansh และภาษาอื่น ๆ ที่มักถูกละเลยในโมเดลทั่วไป

    โมเดลใช้สถาปัตยกรรม decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน activation ใหม่ชื่อ xIELU และ optimizer แบบ AdEMAMix ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนในระดับ bfloat16 บน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว

    หลังการเทรน โมเดลยังผ่านการ fine-tune แบบมีผู้ดูแล และ alignment ด้วยเทคนิค QRPO เพื่อให้ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยไม่ละเมิดความเป็นกลางหรือความปลอดภัย

    สิ่งที่โดดเด่นคือ Apertus เคารพสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลอย่างเข้มงวด โดยใช้ระบบ opt-out ที่สามารถย้อนกลับได้ และมีระบบ output filter ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดทุก 6 เดือน เพื่อกรองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากผลลัพธ์ของโมเดล

    นอกจากนี้ Apertus ยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายความโปร่งใสของ EU AI Act และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด

    ข้อมูลพื้นฐานของ Apertus
    พัฒนาโดย SNAI ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL
    มีสองขนาด: 8B และ 70B พารามิเตอร์
    เทรนด้วยข้อมูล 15T token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์

    สถาปัตยกรรมและเทคนิคการเทรน
    ใช้ decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน xIELU
    ใช้ optimizer AdEMAMix และ precision แบบ bfloat16
    เทรนบน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว

    ความสามารถด้านภาษาและความโปร่งใส
    รองรับ 1811 ภาษา โดย 40% เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
    ใช้ข้อมูลที่เปิดและเคารพ opt-out ของเจ้าของข้อมูล
    มีระบบ output filter สำหรับลบข้อมูลส่วนบุคคลจากผลลัพธ์

    การใช้งานและการ deploy
    รองรับ context ยาวถึง 65,536 token
    ใช้งานผ่าน Transformers v4.56.0, vLLM, SGLang และ MLX
    มีอินเทอร์เฟซผ่าน Swisscom และ PublicAI สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    การปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรม
    สอดคล้องกับ EU AI Act และกฎหมายสวิตเซอร์แลนด์
    มีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้
    ไม่ใช้ข้อมูลที่ละเมิดสิทธิ์หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    https://huggingface.co/swiss-ai/Apertus-70B-2509
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ETH Zurich ถึง 1811 ภาษา: เมื่อโมเดลภาษาไม่ได้ถูกสร้างเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ Apertus เป็นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดย Swiss National AI Institute (SNAI) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโมเดลที่เปิดทุกส่วน—ตั้งแต่โค้ด, น้ำหนักโมเดล, ข้อมูลเทรน, ไปจนถึงสูตรการเทรนเอง โมเดลมีสองขนาดคือ 8B และ 70B พารามิเตอร์ โดยเวอร์ชัน 70B ถูกเทรนด้วยข้อมูล 15 ล้านล้าน token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ผ่านกระบวนการ curriculum learning ที่จัดลำดับเนื้อหาอย่างเป็นระบบ Apertus รองรับภาษามากถึง 1811 ภาษา โดย 40% ของข้อมูลเทรนเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น Swiss German, Romansh และภาษาอื่น ๆ ที่มักถูกละเลยในโมเดลทั่วไป โมเดลใช้สถาปัตยกรรม decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน activation ใหม่ชื่อ xIELU และ optimizer แบบ AdEMAMix ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนในระดับ bfloat16 บน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว หลังการเทรน โมเดลยังผ่านการ fine-tune แบบมีผู้ดูแล และ alignment ด้วยเทคนิค QRPO เพื่อให้ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยไม่ละเมิดความเป็นกลางหรือความปลอดภัย สิ่งที่โดดเด่นคือ Apertus เคารพสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลอย่างเข้มงวด โดยใช้ระบบ opt-out ที่สามารถย้อนกลับได้ และมีระบบ output filter ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดทุก 6 เดือน เพื่อกรองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากผลลัพธ์ของโมเดล นอกจากนี้ Apertus ยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายความโปร่งใสของ EU AI Act และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด ✅ ข้อมูลพื้นฐานของ Apertus ➡️ พัฒนาโดย SNAI ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL ➡️ มีสองขนาด: 8B และ 70B พารามิเตอร์ ➡️ เทรนด้วยข้อมูล 15T token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ✅ สถาปัตยกรรมและเทคนิคการเทรน ➡️ ใช้ decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน xIELU ➡️ ใช้ optimizer AdEMAMix และ precision แบบ bfloat16 ➡️ เทรนบน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว ✅ ความสามารถด้านภาษาและความโปร่งใส ➡️ รองรับ 1811 ภาษา โดย 40% เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ➡️ ใช้ข้อมูลที่เปิดและเคารพ opt-out ของเจ้าของข้อมูล ➡️ มีระบบ output filter สำหรับลบข้อมูลส่วนบุคคลจากผลลัพธ์ ✅ การใช้งานและการ deploy ➡️ รองรับ context ยาวถึง 65,536 token ➡️ ใช้งานผ่าน Transformers v4.56.0, vLLM, SGLang และ MLX ➡️ มีอินเทอร์เฟซผ่าน Swisscom และ PublicAI สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ การปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรม ➡️ สอดคล้องกับ EU AI Act และกฎหมายสวิตเซอร์แลนด์ ➡️ มีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ ➡️ ไม่ใช้ข้อมูลที่ละเมิดสิทธิ์หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม https://huggingface.co/swiss-ai/Apertus-70B-2509
    HUGGINGFACE.CO
    swiss-ai/Apertus-70B-2509 · Hugging Face
    We’re on a journey to advance and democratize artificial intelligence through open source and open science.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสายชาร์จที่หายไป: เมื่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องเจอกับอุปสรรคจากเศษโลหะ

    ในปี 2025 เยอรมนีกำลังเผชิญกับ “โรคระบาด” แบบใหม่—ไม่ใช่ไวรัส แต่คือการลักขโมยสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขายทองแดงเป็นเศษเหล็ก โดยมีรายงานว่ามีการตัดสายชาร์จมากถึง 70 จุดต่อวันทั่วประเทศ2

    โจรเลือกเป้าหมายที่ง่ายต่อการเข้าถึง เช่น ลานจอดรถซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่มีคนเฝ้าในเวลากลางคืน หรือจุดชาร์จที่ตั้งอยู่ริมถนน ซึ่งสะดวกทั้งสำหรับผู้ใช้รถและ...ผู้ไม่หวังดี

    สายชาร์จหนึ่งเส้นมีทองแดงมูลค่าประมาณ €40 (~$47) แต่เมื่อขายเป็นเศษเหล็กจะได้เพียงเศษเสี้ยวของมูลค่านั้น ขณะที่ค่าซ่อมแซมและการหยุดให้บริการของสถานีชาร์จอาจสูงกว่าหลายเท่า และใช้เวลาซ่อมนานถึงสองสัปดาห์

    บริษัท EnBW ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชาร์จเร็วรายใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และผู้ผลิตสถานีชาร์จ Alpitronic ต่างเร่งปรับปรุงระบบ เช่น เพิ่มกล้องวงจรปิด และอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ตรวจจับการขโมยได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ล่วงหน้า

    บางฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า การโจมตีเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่การขโมยเพื่อขายเศษโลหะ แต่เป็นการเจาะระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งอาจมีเบื้องหลังที่ลึกกว่าที่คิด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/german-motorists-facing-plague-of-electric-car-charger-cable-thefts-70-charging-points-a-day-being-gutted-to-sell-for-copper-scrap
    🎙️ เรื่องเล่าจากสายชาร์จที่หายไป: เมื่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องเจอกับอุปสรรคจากเศษโลหะ ในปี 2025 เยอรมนีกำลังเผชิญกับ “โรคระบาด” แบบใหม่—ไม่ใช่ไวรัส แต่คือการลักขโมยสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขายทองแดงเป็นเศษเหล็ก โดยมีรายงานว่ามีการตัดสายชาร์จมากถึง 70 จุดต่อวันทั่วประเทศ2 โจรเลือกเป้าหมายที่ง่ายต่อการเข้าถึง เช่น ลานจอดรถซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่มีคนเฝ้าในเวลากลางคืน หรือจุดชาร์จที่ตั้งอยู่ริมถนน ซึ่งสะดวกทั้งสำหรับผู้ใช้รถและ...ผู้ไม่หวังดี สายชาร์จหนึ่งเส้นมีทองแดงมูลค่าประมาณ €40 (~$47) แต่เมื่อขายเป็นเศษเหล็กจะได้เพียงเศษเสี้ยวของมูลค่านั้น ขณะที่ค่าซ่อมแซมและการหยุดให้บริการของสถานีชาร์จอาจสูงกว่าหลายเท่า และใช้เวลาซ่อมนานถึงสองสัปดาห์ บริษัท EnBW ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชาร์จเร็วรายใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และผู้ผลิตสถานีชาร์จ Alpitronic ต่างเร่งปรับปรุงระบบ เช่น เพิ่มกล้องวงจรปิด และอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ตรวจจับการขโมยได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ล่วงหน้า บางฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า การโจมตีเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่การขโมยเพื่อขายเศษโลหะ แต่เป็นการเจาะระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งอาจมีเบื้องหลังที่ลึกกว่าที่คิด https://www.tomshardware.com/tech-industry/german-motorists-facing-plague-of-electric-car-charger-cable-thefts-70-charging-points-a-day-being-gutted-to-sell-for-copper-scrap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ
    18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO
    เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland

    เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    ราคานี้รวมครบ
    ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด
    Wi-Fi บนเรือสำราญ
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ
    ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🚢 Viking River Cruise เส้นทาง 3 แม่น้ำยุโรป เปิดประตูสู่หัวใจของยุโรปกลาง ผ่านไรน์ ไมน์ และดานูบ 18 วัน 17 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ชมเมืองประวัติศาสตร์ & มรดกโลก UNESCO เส้นทาง Switzerland - Germany - France - Netherland 📅 เดินทาง เม.ย. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD 11,495 โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ ทัวร์ชายฝั่ง 1 รายการทุกเมืองที่เรือจอด ✅ Wi-Fi บนเรือสำราญ ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ✅ ค่าภาษีและค่าทิปพนักงานบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-18D17N-BSL-BUD-2610281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e63bfa ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #VikingRiverCruise #DanubeRiver #RhineRiver #MainRiver #Austria #Hungary #LuxuryCruise #ล่องเรือยุโรป #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #โปรโมชั่นพิเศษ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ DRAM ไม่แบนอีกต่อไป – ก้าวสู่ยุคหน่วยความจำแนวตั้ง 3D

    ลองจินตนาการว่าหน่วยความจำในคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ใช่แผ่นเรียบ ๆ อีกต่อไป แต่เป็นตึกสูงที่มีหลายชั้นซ้อนกันอย่างแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่นักวิจัยจาก imec และมหาวิทยาลัย Ghent ได้ทำสำเร็จ พวกเขาสร้างโครงสร้างซ้อนชั้นของซิลิกอน (Si) และซิลิกอนเจอร์เมเนียม (SiGe) ได้ถึง 120 ชั้นบนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิต 3D DRAM ที่มีความหนาแน่นสูง

    ความท้าทายหลักคือ “lattice mismatch” หรือความไม่เข้ากันของโครงสร้างผลึกระหว่าง Si และ SiGe ที่ทำให้ชั้นต่าง ๆ มีแนวโน้มจะบิดเบี้ยวหรือเกิดข้อบกพร่องที่เรียกว่า “misfit dislocations” ซึ่งอาจทำให้ชิปหน่วยความจำเสียหายได้

    ทีมวิจัยแก้ปัญหานี้ด้วยการปรับสัดส่วนเจอร์เมเนียมในชั้น SiGe และเติมคาร์บอนเพื่อช่วยลดความเครียดระหว่างชั้น พร้อมควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการ deposition อย่างแม่นยำ เพื่อให้ทุกชั้นเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

    กระบวนการนี้ใช้เทคนิค epitaxial deposition ที่เปรียบเสมือนการ “วาดภาพด้วยก๊าซ” โดยใช้ silane และ germane ที่แตกตัวบนพื้นผิวเวเฟอร์เพื่อสร้างชั้นบางระดับนาโนเมตรอย่างแม่นยำ

    การสร้างโครงสร้างแนวตั้งนี้ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์หน่วยความจำในพื้นที่เดียวกันได้มหาศาล โดยไม่ต้องขยายขนาดชิป และยังเปิดทางให้กับเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น 3D transistors, stacked logic และแม้แต่สถาปัตยกรรมควอนตัม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    นักวิจัยจาก imec และมหาวิทยาลัย Ghent สร้างโครงสร้าง 3D DRAM ได้ถึง 120 ชั้น
    ใช้วัสดุซ้อนชั้นระหว่างซิลิกอน (Si) และซิลิกอนเจอร์เมเนียม (SiGe) บนเวเฟอร์ 300 มม.
    ปรับสัดส่วนเจอร์เมเนียมและเติมคาร์บอนเพื่อลดความเครียดระหว่างชั้น
    ใช้เทคนิค epitaxial deposition ด้วยก๊าซ silane และ germane
    ควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำเพื่อป้องกันการเติบโตไม่สม่ำเสมอ
    โครงสร้างแนวตั้งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเซลล์หน่วยความจำโดยไม่เพิ่มขนาดชิป
    การซ้อนชั้น 120 bilayers ถือเป็นหลักฐานว่าการ scale แนวตั้งสามารถทำได้จริง
    โครงสร้างนี้สามารถนำไปใช้กับ 3D transistors และสถาปัตยกรรมควอนตัม
    Samsung มี roadmap สำหรับ 3D DRAM และมีศูนย์วิจัยเฉพาะด้านนี้
    การควบคุมระดับอะตอมช่วยให้พัฒนา GAAFET และ CFET ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงสร้างที่ใช้ Si0.8Ge0.2 มีความสามารถในการกัดกรดแบบเลือกได้สูง
    การซ้อนชั้นแบบนี้มีมากถึง 241 sublayers รวมความหนาเกิน 8 ไมโครเมตร
    การควบคุมความเครียดในชั้นกลางของเวเฟอร์ช่วยลดข้อบกพร่องบริเวณขอบ
    การใช้ carbon doping ช่วยลด lattice mismatch ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    การเติบโตบน quartz reactor อาจทำให้อุณหภูมิผันผวน ต้องควบคุมอย่างระมัดระวัง
    การพัฒนา 3D DRAM เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการเปลี่ยนจาก planar DRAM สู่ stacked DRAM

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/next-generation-3d-dram-approaches-reality-as-scientists-achieve-120-layer-stack-using-advanced-deposition-techniques
    🎙️ เมื่อ DRAM ไม่แบนอีกต่อไป – ก้าวสู่ยุคหน่วยความจำแนวตั้ง 3D ลองจินตนาการว่าหน่วยความจำในคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ใช่แผ่นเรียบ ๆ อีกต่อไป แต่เป็นตึกสูงที่มีหลายชั้นซ้อนกันอย่างแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่นักวิจัยจาก imec และมหาวิทยาลัย Ghent ได้ทำสำเร็จ พวกเขาสร้างโครงสร้างซ้อนชั้นของซิลิกอน (Si) และซิลิกอนเจอร์เมเนียม (SiGe) ได้ถึง 120 ชั้นบนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิต 3D DRAM ที่มีความหนาแน่นสูง ความท้าทายหลักคือ “lattice mismatch” หรือความไม่เข้ากันของโครงสร้างผลึกระหว่าง Si และ SiGe ที่ทำให้ชั้นต่าง ๆ มีแนวโน้มจะบิดเบี้ยวหรือเกิดข้อบกพร่องที่เรียกว่า “misfit dislocations” ซึ่งอาจทำให้ชิปหน่วยความจำเสียหายได้ ทีมวิจัยแก้ปัญหานี้ด้วยการปรับสัดส่วนเจอร์เมเนียมในชั้น SiGe และเติมคาร์บอนเพื่อช่วยลดความเครียดระหว่างชั้น พร้อมควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการ deposition อย่างแม่นยำ เพื่อให้ทุกชั้นเติบโตอย่างสม่ำเสมอ กระบวนการนี้ใช้เทคนิค epitaxial deposition ที่เปรียบเสมือนการ “วาดภาพด้วยก๊าซ” โดยใช้ silane และ germane ที่แตกตัวบนพื้นผิวเวเฟอร์เพื่อสร้างชั้นบางระดับนาโนเมตรอย่างแม่นยำ การสร้างโครงสร้างแนวตั้งนี้ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์หน่วยความจำในพื้นที่เดียวกันได้มหาศาล โดยไม่ต้องขยายขนาดชิป และยังเปิดทางให้กับเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น 3D transistors, stacked logic และแม้แต่สถาปัตยกรรมควอนตัม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ นักวิจัยจาก imec และมหาวิทยาลัย Ghent สร้างโครงสร้าง 3D DRAM ได้ถึง 120 ชั้น ➡️ ใช้วัสดุซ้อนชั้นระหว่างซิลิกอน (Si) และซิลิกอนเจอร์เมเนียม (SiGe) บนเวเฟอร์ 300 มม. ➡️ ปรับสัดส่วนเจอร์เมเนียมและเติมคาร์บอนเพื่อลดความเครียดระหว่างชั้น ➡️ ใช้เทคนิค epitaxial deposition ด้วยก๊าซ silane และ germane ➡️ ควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำเพื่อป้องกันการเติบโตไม่สม่ำเสมอ ➡️ โครงสร้างแนวตั้งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเซลล์หน่วยความจำโดยไม่เพิ่มขนาดชิป ➡️ การซ้อนชั้น 120 bilayers ถือเป็นหลักฐานว่าการ scale แนวตั้งสามารถทำได้จริง ➡️ โครงสร้างนี้สามารถนำไปใช้กับ 3D transistors และสถาปัตยกรรมควอนตัม ➡️ Samsung มี roadmap สำหรับ 3D DRAM และมีศูนย์วิจัยเฉพาะด้านนี้ ➡️ การควบคุมระดับอะตอมช่วยให้พัฒนา GAAFET และ CFET ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงสร้างที่ใช้ Si0.8Ge0.2 มีความสามารถในการกัดกรดแบบเลือกได้สูง ➡️ การซ้อนชั้นแบบนี้มีมากถึง 241 sublayers รวมความหนาเกิน 8 ไมโครเมตร ➡️ การควบคุมความเครียดในชั้นกลางของเวเฟอร์ช่วยลดข้อบกพร่องบริเวณขอบ ➡️ การใช้ carbon doping ช่วยลด lattice mismatch ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ การเติบโตบน quartz reactor อาจทำให้อุณหภูมิผันผวน ต้องควบคุมอย่างระมัดระวัง ➡️ การพัฒนา 3D DRAM เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการเปลี่ยนจาก planar DRAM สู่ stacked DRAM https://www.tomshardware.com/tech-industry/next-generation-3d-dram-approaches-reality-as-scientists-achieve-120-layer-stack-using-advanced-deposition-techniques
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 14 : คู่แค้น
    ช่วงประมาณ ค.ศ. 1908 เปอร์เซีย (หรืออิหร่านในปัจจุบัน) ค้นพบแหล่งน้ำมันในประเทศตนเอง อังกฤษจมูกไวได้กลิ่นก่อนใคร รีบวิ่งเป็นเจ้าแรก เข้าไปตีซี้เข้าทำสัญญาขอสิทธิพิเศษ สำหรับน้ำมันที่จะขุดได้ โดยตั้งบริษัทร่วมกับเปอร์เซีย ชื่อ Anglo Persian Oil Company (APOC) ซึ่งต่อมาภายหลังในปี ค.ศ. 1954 ได้กลายเป็น British Petroleum Company (BP) ผู้ซึ่งเวลานี้มีชื่อเป็นเจ้าของแปลงสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน เกือบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งดินแดนของสมันน้อย
    แล้วฝนก็ตกทั่วฟ้า อังกฤษน้ำมันขอดบ่อ เยอรมันก็ใช่ว่าจะไปได้ไกลกว่า ในการศึกชิงน้ำมัน โครงการรถไฟของเยอรมันชักไปไม่ถึงฝั่ง เพราะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำเป็นต้องหาเงินพวกมาช่วย เยอรมันกัดฟันหันไปหาอังกฤษ ลูกเข้าเท้าอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ อังกฤษรับปากจะช่วย แต่ทำทุกทางที่จะถ่วง แค่นั้นยังไม่ชั่วพอ กลับตัดหน้าเยอรมัน ไปแย่งทำสัญญาเช่าบ่อน้ำมันกับอิรัคและคูเวต การวิ่งแข่งชิงแหล่งน้ำมันเข้มข้นขึ้น เยอรมันไม่รู้ไปทำอีกท่าไหน นอกจากจะได้ทำทางรถไฟสาย Berlin Bagdad แล้ว จักรพรรดิแห่ง Ottoman ยังแถมให้สิทธิในการขุดหาแหล่งน้ำมันและแร่ กว้าง 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางขนานกับทางรถไฟ นี่มันทำให้อังกฤษถึงกระอักโลหิต ศึกชิงน้ำมันของจริงเริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างมวยคู่อังกฤษกับเยอรมัน
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ความตั้งใจ ของบริษัทน้ำมันสัญชาติเยอรมันที่จะไม่ขึ้นกับ กลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller ชะงักงัน ขณะนั้นอเมริกาผลิตน้ำมันมากกว่า 63% ของน้ำมันโลก รัสเซีย 19% เม็กซิโก 5% และอังกฤษ โดย APOC ยังเป็นละอ่อนหน้าใหม่ในตลาด ตั้งตัวยังไม่
    ติด ผลิตไม่ได้เท่าไหร่ ท่าน Lord Winston Churchill ฮึดสู้ เกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลอังกฤษ ซื้อหุ้นข้างมากของ APOC และทำให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของ BP ลูกพี่ใหญ่ในวงการน้ำมันต่อมา
    ถึงตอนนั้นอังกฤษก็ประกาศ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะต้องครอบครองน้ำมัน และทำทุกอย่างที่จะกันเยอรมัน คู่แข่งออกไปจากเส้นทาง แม้จะต้องทำสงครามถ้าจำเป็น เมื่อมียุทธศาสตร์เช่นนี้ อังกฤษก็เริ่มตั้งก๊วนกับฝรั่งเศสกับรัสเซีย เพื่อต่อต้านเยอรมัน ซึ่งจับมืออยู่กับออสเตรียและฮังการี อย่านึกว่าผมทองเหมือนกันจะรักกันตลอดไปนะ เรื่องผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งอย่างพวกผมดำ นึกว่าเขารักเขาอุ้มชู โน่นไปท้ายแถวเลย และเมื่อไหร่เขาใช้จนหมดประโยชน์ เขาก็จัดการห่อใส่ผ้า เอาลงหีบเก็บถาวร เข้าใจไหม ใครที่คิดว่าเขากำลังอุ้ม ยังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่นะ พี่เลี้ยงอ่านตอนนี้ให้ฟังหน่อยนะ แต่สงสัยหนูแกก็คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮา
    แผนของอังกฤษเริ่มจะเห็นผล ถึงปี ค.ศ. 1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้น
    ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ต่างกับสงครามอื่น ๆ ฉ.ห กันทั่วหน้า ทำสงครามกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ! ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้อังกฤษล้มละลาย แต่เขาว่าคนล้มอย่าเพิ่งข้าม อังกฤษล้มจริง แต่มันล้มบนฟูก เพราะหลังจากนั้นก็เกิดการสุมหัวรวมตัว กับนักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา House of Morgan สร้างกลยุทธกันใหม่ นักเล่นกลไม่ได้มีเจ้าเดียว
    ผลของสงครามโลก ทำให้อาณาจักรใหญ่ 4 แห่ง ย่อยยับ อาณาจักร Ottoman – Turkey, Austria – Hungary, Germany – Russia และรวมทั้งอังกฤษเองด้วย แต่แท้จริง สงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นแผนมายากลของพวกผมทอง สุดกร่าง เพื่อวางแผนจัดสรร การครอบครองแหล่งน้ำมันเสียใหม่ เจ้าของแหล่งน้ำมัน รวมทั้งก๊วนที่เล่นเกมสงครามด้วยกันมา ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ดูเกมนี้ไม่ทัน


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 14 : คู่แค้น ช่วงประมาณ ค.ศ. 1908 เปอร์เซีย (หรืออิหร่านในปัจจุบัน) ค้นพบแหล่งน้ำมันในประเทศตนเอง อังกฤษจมูกไวได้กลิ่นก่อนใคร รีบวิ่งเป็นเจ้าแรก เข้าไปตีซี้เข้าทำสัญญาขอสิทธิพิเศษ สำหรับน้ำมันที่จะขุดได้ โดยตั้งบริษัทร่วมกับเปอร์เซีย ชื่อ Anglo Persian Oil Company (APOC) ซึ่งต่อมาภายหลังในปี ค.ศ. 1954 ได้กลายเป็น British Petroleum Company (BP) ผู้ซึ่งเวลานี้มีชื่อเป็นเจ้าของแปลงสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน เกือบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งดินแดนของสมันน้อย แล้วฝนก็ตกทั่วฟ้า อังกฤษน้ำมันขอดบ่อ เยอรมันก็ใช่ว่าจะไปได้ไกลกว่า ในการศึกชิงน้ำมัน โครงการรถไฟของเยอรมันชักไปไม่ถึงฝั่ง เพราะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำเป็นต้องหาเงินพวกมาช่วย เยอรมันกัดฟันหันไปหาอังกฤษ ลูกเข้าเท้าอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ อังกฤษรับปากจะช่วย แต่ทำทุกทางที่จะถ่วง แค่นั้นยังไม่ชั่วพอ กลับตัดหน้าเยอรมัน ไปแย่งทำสัญญาเช่าบ่อน้ำมันกับอิรัคและคูเวต การวิ่งแข่งชิงแหล่งน้ำมันเข้มข้นขึ้น เยอรมันไม่รู้ไปทำอีกท่าไหน นอกจากจะได้ทำทางรถไฟสาย Berlin Bagdad แล้ว จักรพรรดิแห่ง Ottoman ยังแถมให้สิทธิในการขุดหาแหล่งน้ำมันและแร่ กว้าง 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางขนานกับทางรถไฟ นี่มันทำให้อังกฤษถึงกระอักโลหิต ศึกชิงน้ำมันของจริงเริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างมวยคู่อังกฤษกับเยอรมัน สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ความตั้งใจ ของบริษัทน้ำมันสัญชาติเยอรมันที่จะไม่ขึ้นกับ กลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller ชะงักงัน ขณะนั้นอเมริกาผลิตน้ำมันมากกว่า 63% ของน้ำมันโลก รัสเซีย 19% เม็กซิโก 5% และอังกฤษ โดย APOC ยังเป็นละอ่อนหน้าใหม่ในตลาด ตั้งตัวยังไม่ ติด ผลิตไม่ได้เท่าไหร่ ท่าน Lord Winston Churchill ฮึดสู้ เกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลอังกฤษ ซื้อหุ้นข้างมากของ APOC และทำให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของ BP ลูกพี่ใหญ่ในวงการน้ำมันต่อมา ถึงตอนนั้นอังกฤษก็ประกาศ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะต้องครอบครองน้ำมัน และทำทุกอย่างที่จะกันเยอรมัน คู่แข่งออกไปจากเส้นทาง แม้จะต้องทำสงครามถ้าจำเป็น เมื่อมียุทธศาสตร์เช่นนี้ อังกฤษก็เริ่มตั้งก๊วนกับฝรั่งเศสกับรัสเซีย เพื่อต่อต้านเยอรมัน ซึ่งจับมืออยู่กับออสเตรียและฮังการี อย่านึกว่าผมทองเหมือนกันจะรักกันตลอดไปนะ เรื่องผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งอย่างพวกผมดำ นึกว่าเขารักเขาอุ้มชู โน่นไปท้ายแถวเลย และเมื่อไหร่เขาใช้จนหมดประโยชน์ เขาก็จัดการห่อใส่ผ้า เอาลงหีบเก็บถาวร เข้าใจไหม ใครที่คิดว่าเขากำลังอุ้ม ยังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่นะ พี่เลี้ยงอ่านตอนนี้ให้ฟังหน่อยนะ แต่สงสัยหนูแกก็คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮา แผนของอังกฤษเริ่มจะเห็นผล ถึงปี ค.ศ. 1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้น ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ต่างกับสงครามอื่น ๆ ฉ.ห กันทั่วหน้า ทำสงครามกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ! ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้อังกฤษล้มละลาย แต่เขาว่าคนล้มอย่าเพิ่งข้าม อังกฤษล้มจริง แต่มันล้มบนฟูก เพราะหลังจากนั้นก็เกิดการสุมหัวรวมตัว กับนักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา House of Morgan สร้างกลยุทธกันใหม่ นักเล่นกลไม่ได้มีเจ้าเดียว ผลของสงครามโลก ทำให้อาณาจักรใหญ่ 4 แห่ง ย่อยยับ อาณาจักร Ottoman – Turkey, Austria – Hungary, Germany – Russia และรวมทั้งอังกฤษเองด้วย แต่แท้จริง สงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นแผนมายากลของพวกผมทอง สุดกร่าง เพื่อวางแผนจัดสรร การครอบครองแหล่งน้ำมันเสียใหม่ เจ้าของแหล่งน้ำมัน รวมทั้งก๊วนที่เล่นเกมสงครามด้วยกันมา ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ดูเกมนี้ไม่ทัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mythic Words From Mythologies Around The World

    It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends.

    Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today.

    California

    While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today.

    chimeric

    Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent.

    hell

    While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE.

    hurricane

    When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s.

    Nike

    Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her.

    plutocracy

    Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655.

    protean

    The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea.

    quetzalcoatlus

    Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing.

    ragnarok

    Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok).

    Subaru

    Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another.

    Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday

    If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations.

    Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal.

    While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire.

    weird

    While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Mythic Words From Mythologies Around The World It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends. Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today. California While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today. chimeric Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent. hell While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE. hurricane When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s. Nike Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her. plutocracy Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655. protean The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea. quetzalcoatlus Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing. ragnarok Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok). Subaru Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another. Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations. Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal. While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire. weird While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัมผัสยุโรปคลาสสิกผ่านสายน้ำไรน์บนเรือ Viking River Cruise 5 ดาว 8 วัน 7 คืน
    ล่องผ่าน 4 ประเทศ ไฮไลต์ครบทั้งธรรมชาติ เมืองเก่า มรดกโลก แวะเที่ยวเมืองดังอย่างสตราสบูร์ก โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม

    เส้นทาง บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ - ไบรซัค, เยอรมนี - สตราสบูร์ก, ฝรั่งเศส - ชไปเออร์, เยอรมนี - รืเดสไฮม์, เยอรมนี - โคเบลนซ์, เยอรมนี - โคโลญจน์, เยอรมนี - คินเดอร์ไดค์, เนเธอร์แลนด์ - อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

    วันที่ มี.ค. - ต.ค. 2569

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น 6,195AUD
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    All inclusive
    โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน
    ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด
    ฟรี Wi-Fi
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-8D7N-BSL-AMS-2611211
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3ccf4

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #VikingRiverCruise #ElegantElbe #Switzerland #Germany #France #Netherland #Cologne #KinderdijkWindmills #Speyer #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🚢 สัมผัสยุโรปคลาสสิกผ่านสายน้ำไรน์บนเรือ Viking River Cruise 5 ดาว 8 วัน 7 คืน ล่องผ่าน 4 ประเทศ ไฮไลต์ครบทั้งธรรมชาติ เมืองเก่า มรดกโลก แวะเที่ยวเมืองดังอย่างสตราสบูร์ก โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม ➡️ เส้นทาง บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ - ไบรซัค, เยอรมนี - สตราสบูร์ก, ฝรั่งเศส - ชไปเออร์, เยอรมนี - รืเดสไฮม์, เยอรมนี - โคเบลนซ์, เยอรมนี - โคโลญจน์, เยอรมนี - คินเดอร์ไดค์, เนเธอร์แลนด์ - อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ 📅 วันที่ มี.ค. - ต.ค. 2569 ⭕️ ราคาเริ่มต้น 6,195AUD โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ All inclusive ✅ โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน ✅ ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด ✅ ฟรี Wi-Fi ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-8D7N-BSL-AMS-2611211 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e3ccf4 ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VikingRiverCruise #ElegantElbe #Switzerland #Germany #France #Netherland #Cologne #KinderdijkWindmills #Speyer #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว

    ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน

    ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน

    ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ

    ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก

    แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ
    Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้
    Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google
    ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก
    Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี
    โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ
    Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ
    Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing
    ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ
    หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด
    OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย
    Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ
    นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล
    การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    🎙️ เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ ➡️ Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้ ➡️ Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google ➡️ ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก ➡️ Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี ➡️ โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ➡️ Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ ➡️ Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing ➡️ ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ ➡️ หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด ➡️ OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย ➡️ Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ ➡️ นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล ➡️ การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Germany's Ecosia proposes stewardship to run Google Chrome
    STOCKHOLM (Reuters) -Germany's Ecosia, a nonprofit search engine, said on Thursday it has submitted a proposal to assume a 10-year stewardship of Alphabet's Google Chrome web browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือ Viking Cruise Only, 10 วัน 9 คืน – สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับบนแม่น้ำเอลเบ
    ทริปเดียวเที่ยว 2 ประเทศ! เยอรมนี-เช็ก
    พร้อมวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก เมืองเก่าริมแม่น้ำ ปราสาทหินผาสุดอลัง และบรรยากาศคลาสสิกตลอดเส้นทาง

    เส้นทาง : เบอร์ลิน, เยอรมนี - พอทสดัม, เยอรมนี - วิตเทนเบิร์ก, เยอรมนี - ไมเซิน - เดรสเดน, เยอรมนี - ล่องเรือชมวิวแซกซอน, สวิตเซอร์แลนด์ - บาดชานเดา, เยอรมนี - เมืองเดชิน, เข็ก - ปราก, เช็ก

    วันที่ มี.ค. - พ.ย. 2568

    ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD7,695 ต่อท่าน
    โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม

    ราคานี้รวมครบ
    โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน
    ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด
    ฟรี Wi-Fi
    เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-10D9N-BER-PRG-2611211
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edb0ca

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #VikingRiverCruise #เรือVikingAstrild #เรือVikingBeyla #ElegantElbe #VltavaRiver #Czech #Prague #Saxon #Switzerland #Wittenberg #Germany #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🚢 เรือ Viking Cruise Only, 10 วัน 9 คืน – สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับบนแม่น้ำเอลเบ ทริปเดียวเที่ยว 2 ประเทศ! เยอรมนี-เช็ก พร้อมวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก เมืองเก่าริมแม่น้ำ ปราสาทหินผาสุดอลัง และบรรยากาศคลาสสิกตลอดเส้นทาง ➡️ เส้นทาง : เบอร์ลิน, เยอรมนี - พอทสดัม, เยอรมนี - วิตเทนเบิร์ก, เยอรมนี - ไมเซิน - เดรสเดน, เยอรมนี - ล่องเรือชมวิวแซกซอน, สวิตเซอร์แลนด์ - บาดชานเดา, เยอรมนี - เมืองเดชิน, เข็ก - ปราก, เช็ก 📅 วันที่ มี.ค. - พ.ย. 2568 ⭕️ ราคาเริ่มต้น : AUD7,695 ต่อท่าน โปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุดถึง 4,000AUD ต่อห้องพักคู่ เมื่อจองภายใน 1 ก.ย. 2568 หรือ จนกว่าห้องจะเต็ม 💥 ✨ ราคานี้รวมครบ ✅ โรงแรมที่พักในเบอร์ลิน 2 คืน ✅ ทัวร์ชายฝั่งฟรี 1 รายการในทุกเมืองที่เรือจอด ✅ ฟรี Wi-Fi ✅ เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ เสริ์ฟพร้อมมื้อกลางวัน และมื้อเย็นบนเรือ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : VKRP-10D9N-BER-PRG-2611211 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/edb0ca ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #VikingRiverCruise #เรือVikingAstrild #เรือVikingBeyla #ElegantElbe #VltavaRiver #Czech #Prague #Saxon #Switzerland #Wittenberg #Germany #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • Autumn is lovely Germany Switzerland Italy
    มิวนิค – ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ล่องเรือลูเซิร์น – เขาริกิ – โคโม่ – มิลาน
    7 วัน 4 คืน เดินทาง 24-30 ก.ย. 68
    สายการบิน Emirates (EK) โหลดสัมภาระ 30 Kg + Carry On 7 Kg
    น้ำดื่มวันละ 1 ขวด + แจกปลั๊กไฟยูนิเวอร์แซลฟรี
    ราคาพิเศษ 64,888.- จาก 67,888.- (ไม่รวมวีซ่า 6,900.-) รับได้ 14 ที่เท่านั้น!

    GERMANY
    ▪ จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์
    ▪ ศาลาว่าการใหม่ – ศาลาว่าการเก่า
    ▪ ปราสาทนอยชวานสไตน์

    SWITZERLAND
    ▪ โบสถ์นักบุญออสวอลด์
    ▪ สิงโตหินแกะสลัก – สะพานไม้ชาเปล
    ▪ ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น
    ▪ รถไฟไต่เขายอดเขาริกิ
    ช้อปปิ้ง Lohri AG Store

    ITALY
    ▪ ทะเลสาบโคโม่
    ▪ มหาวิหารดูโอโม่แห่งมิลาน
    ▪ ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด
    ช้อปปิ้ง McArthurGlen Outlet

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e8b1ab

    ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/7e5d16

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #AutumnTrip #Germany #Switzerland #Italy #Emirates
    🍂 Autumn is lovely Germany Switzerland Italy ✈️ มิวนิค – ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ล่องเรือลูเซิร์น – เขาริกิ – โคโม่ – มิลาน 7 วัน 4 คืน เดินทาง 24-30 ก.ย. 68 สายการบิน Emirates (EK) 🛄 โหลดสัมภาระ 30 Kg + Carry On 7 Kg 💧 น้ำดื่มวันละ 1 ขวด + แจกปลั๊กไฟยูนิเวอร์แซลฟรี 🔥 ราคาพิเศษ 64,888.- จาก 67,888.- (ไม่รวมวีซ่า 6,900.-) รับได้ 14 ที่เท่านั้น! 🇩🇪 GERMANY ▪ จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ ▪ ศาลาว่าการใหม่ – ศาลาว่าการเก่า ▪ ปราสาทนอยชวานสไตน์ 🇨🇭 SWITZERLAND ▪ โบสถ์นักบุญออสวอลด์ ▪ สิงโตหินแกะสลัก – สะพานไม้ชาเปล ▪ ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น ▪ รถไฟไต่เขายอดเขาริกิ 🛍️ ช้อปปิ้ง Lohri AG Store 🇮🇹 ITALY ▪ ทะเลสาบโคโม่ ▪ มหาวิหารดูโอโม่แห่งมิลาน ▪ ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด 🛍️ ช้อปปิ้ง McArthurGlen Outlet ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e8b1ab ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/7e5d16 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #AutumnTrip #Germany #Switzerland #Italy #Emirates
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • Autumn is lovely Germany Switzerland Italy
    มิวนิค – ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ล่องเรือลูเซิร์น – เขาริกิ – โคโม่ – มิลาน
    7 วัน 4 คืน เดินทาง 24-30 ก.ย. 68
    สายการบิน Emirates (EK) โหลดสัมภาระ 30 Kg + Carry On 7 Kg
    น้ำดื่มวันละ 1 ขวด + แจกปลั๊กไฟยูนิเวอร์แซลฟรี
    ราคาพิเศษ 64,888.- จาก 67,888.- (ไม่รวมวีซ่า 6,900.-) รับได้ 14 ที่เท่านั้น!

    GERMANY
    ▪ จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์
    ▪ ศาลาว่าการใหม่ – ศาลาว่าการเก่า
    ▪ ปราสาทนอยชวานสไตน์

    SWITZERLAND
    ▪ โบสถ์นักบุญออสวอลด์
    ▪ สิงโตหินแกะสลัก – สะพานไม้ชาเปล
    ▪ ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น
    ▪ รถไฟไต่เขายอดเขาริกิ
    ช้อปปิ้ง Lohri AG Store

    ITALY
    ▪ ทะเลสาบโคโม่
    ▪ มหาวิหารดูโอโม่แห่งมิลาน
    ▪ ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด
    ช้อปปิ้ง McArthurGlen Outlet

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e8b1ab

    ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/7e5d16

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #AutumnTrip #Germany #Switzerland #Italy #Emirates #ปราสาทนอยชวานสไตน์ #ลูเซิร์น #โคโม่ #มิลาน #ทัวร์ยุโรป #เที่ยวต่างประเทศ #EuropeTour #โปรทัวร์ยุโรป
    🍂 Autumn is lovely Germany Switzerland Italy ✈️ มิวนิค – ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ล่องเรือลูเซิร์น – เขาริกิ – โคโม่ – มิลาน 7 วัน 4 คืน เดินทาง 24-30 ก.ย. 68 สายการบิน Emirates (EK) 🛄 โหลดสัมภาระ 30 Kg + Carry On 7 Kg 💧 น้ำดื่มวันละ 1 ขวด + แจกปลั๊กไฟยูนิเวอร์แซลฟรี 🔥 ราคาพิเศษ 64,888.- จาก 67,888.- (ไม่รวมวีซ่า 6,900.-) รับได้ 14 ที่เท่านั้น! 🇩🇪 GERMANY ▪ จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ ▪ ศาลาว่าการใหม่ – ศาลาว่าการเก่า ▪ ปราสาทนอยชวานสไตน์ 🇨🇭 SWITZERLAND ▪ โบสถ์นักบุญออสวอลด์ ▪ สิงโตหินแกะสลัก – สะพานไม้ชาเปล ▪ ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น ▪ รถไฟไต่เขายอดเขาริกิ 🛍️ ช้อปปิ้ง Lohri AG Store 🇮🇹 ITALY ▪ ทะเลสาบโคโม่ ▪ มหาวิหารดูโอโม่แห่งมิลาน ▪ ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด 🛍️ ช้อปปิ้ง McArthurGlen Outlet ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e8b1ab ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/7e5d16 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #AutumnTrip #Germany #Switzerland #Italy #Emirates #ปราสาทนอยชวานสไตน์ #ลูเซิร์น #โคโม่ #มิลาน #ทัวร์ยุโรป #เที่ยวต่างประเทศ #EuropeTour #โปรทัวร์ยุโรป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือสัมผัสเสน่ห์แห่งแม่น้ำไรน์ตอนใต้ บนเรือ A-ROSA
    ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกของเมืองเลียบแม่น้ำ พร้อมชมศิลปะ
    สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลอมรวมระหว่างเยอรมัน ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์

    🛳 A-ROSA CLEA – Southern Rhine Experience 2025

    🗓 เดินทาง: เม.ย. – ต.ค. 2568

    เส้นทาง : แฟรงก์เฟิร์ต – สเปเยอร์ – สตราสบูร์ก – บาเซิล – ไบรซาค – ไมนซ์ – แฟรงก์เฟิร์ต

    ราคาเริ่มต้นเพียง EUR 1,398 / ท่าน

    แพ็กเกจ Premium All Inclusive ครบจบบนเรือ
    อาหารทุกมื้อ
    ห้องพักบนเรือสุดหรู
    กิจกรรมและความบันเทิงจัดเต็ม

    รหัสแพคเกจทัวร์ : AROP-8D7N-FRA-FRA-2504251
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e85d44

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือArosaClea #Arosarivercruise #เรือล่องแม่น้ำ #แม่น้ำไรน์ #Mainz #Germany #Speyer #Breisach #Basel #CruiseDomain #thaitimes #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #เที่ยว
    🌊 ล่องเรือสัมผัสเสน่ห์แห่งแม่น้ำไรน์ตอนใต้ บนเรือ A-ROSA 🚢 ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกของเมืองเลียบแม่น้ำ พร้อมชมศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลอมรวมระหว่างเยอรมัน ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ 🇩🇪🇫🇷🇨🇭 🛳 A-ROSA CLEA – Southern Rhine Experience 2025 🗓 เดินทาง: เม.ย. – ต.ค. 2568 📍 เส้นทาง : แฟรงก์เฟิร์ต – สเปเยอร์ – สตราสบูร์ก – บาเซิล – ไบรซาค – ไมนซ์ – แฟรงก์เฟิร์ต 💰 ราคาเริ่มต้นเพียง EUR 1,398 / ท่าน ✨ แพ็กเกจ Premium All Inclusive ครบจบบนเรือ ✅ อาหารทุกมื้อ ✅ ห้องพักบนเรือสุดหรู ✅ กิจกรรมและความบันเทิงจัดเต็ม ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : AROP-8D7N-FRA-FRA-2504251 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e85d44 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือArosaClea #Arosarivercruise #เรือล่องแม่น้ำ #แม่น้ำไรน์ #Mainz #Germany #Speyer #Breisach #Basel #CruiseDomain #thaitimes #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์

    German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB)

    Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม:
    - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์
    - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB

    เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014

    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม

    แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน

    ข้อมูลจากข่าว
    - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์
    - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย
    - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก
    - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ
    - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน
    - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี
    - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม
    - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง
    - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด
    - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์ German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB) Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม: - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์ - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014 ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์ - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former ASML and NXP engineer jailed for leaking chipmaking secrets to Russia
    German Aksenov, a 43-year-old former employee of ASML and NXP, has been sentenced to three years in prison for sharing sensitive chip manufacturing documents with a contact...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณอาจเคยเปิด ChatGPT หรือ Copilot แล้วพิมพ์ว่า “ช่วยปรับเรซูเม่ให้หน่อย” แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ค่อยโดนใจ เพราะมัน “กว้างเกินไป” ใช่ไหมครับ?

    Guido Sieber จากบริษัทจัดหางานในเยอรมนี แนะนำว่า เราสามารถใช้ AI ให้ฉลาดขึ้นด้วย “prompt ที่เฉพาะเจาะจง” และแบ่งเป็น 3 ช่วงหลักในการหางาน:

    1. หาโอกาสงานให้ตรงจุด
    - ใช้ prompt แบบ “เฉพาะเจาะจง” เช่น  → Find current job offers for financial accountants in Berlin with a remote working option

    - หรือหาเป้าหมายอุตสาหกรรมด้วย prompt แบบ  → List the top five employers for IT security in Germany

    - ปรับแต่งคำถามระหว่างแชต ไม่ใช่ใช้แค่คำถามแรกเดียวจบ  → ยิ่งเจาะจง → ยิ่งได้คำตอบที่ตรง

    2. สร้างเอกสารสมัครงานอย่างเฉียบ
    - ใช้ AI วิเคราะห์ประกาศงาน เช่น  → What skills are currently most sought in UX designer job postings?  → เพื่อรู้ว่าอะไรคือ “คำยอดฮิต” ในเรซูเม่สายอาชีพนั้น

    - ให้ AI เขียนจดหมายสมัครงานให้ โดยใส่ความสามารถเฉพาะ เช่น  → Draft a cover letter for a junior controller. Highlight my experience with SAP and Excel

    - ตรวจหาจุดอ่อนด้วย prompt อย่าง  → Analyze my CV for red flags HR managers might see

    3. เตรียมสัมภาษณ์กับคู่ซ้อม AI
    - ใช้ AI เป็นคู่ซ้อมด้วย prompt เช่น  → Simulate an interview for a human resource role focused on recruiting experience  → What are common interview questions for data analysts?

    - หรือซ้อมตอบคำถามยาก เช่น  → How can I answer salary expectation questions convincingly?

    - ข้อดีคือสามารถขอ feedback จาก AI ได้ด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/helpful-ai-prompts-for-your-next-job-search
    คุณอาจเคยเปิด ChatGPT หรือ Copilot แล้วพิมพ์ว่า “ช่วยปรับเรซูเม่ให้หน่อย” แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ค่อยโดนใจ เพราะมัน “กว้างเกินไป” ใช่ไหมครับ? Guido Sieber จากบริษัทจัดหางานในเยอรมนี แนะนำว่า เราสามารถใช้ AI ให้ฉลาดขึ้นด้วย “prompt ที่เฉพาะเจาะจง” และแบ่งเป็น 3 ช่วงหลักในการหางาน: ✅ 1. หาโอกาสงานให้ตรงจุด - ใช้ prompt แบบ “เฉพาะเจาะจง” เช่น  → Find current job offers for financial accountants in Berlin with a remote working option - หรือหาเป้าหมายอุตสาหกรรมด้วย prompt แบบ  → List the top five employers for IT security in Germany - ปรับแต่งคำถามระหว่างแชต ไม่ใช่ใช้แค่คำถามแรกเดียวจบ  → ยิ่งเจาะจง → ยิ่งได้คำตอบที่ตรง ✅ 2. สร้างเอกสารสมัครงานอย่างเฉียบ - ใช้ AI วิเคราะห์ประกาศงาน เช่น  → What skills are currently most sought in UX designer job postings?  → เพื่อรู้ว่าอะไรคือ “คำยอดฮิต” ในเรซูเม่สายอาชีพนั้น - ให้ AI เขียนจดหมายสมัครงานให้ โดยใส่ความสามารถเฉพาะ เช่น  → Draft a cover letter for a junior controller. Highlight my experience with SAP and Excel - ตรวจหาจุดอ่อนด้วย prompt อย่าง  → Analyze my CV for red flags HR managers might see ✅ 3. เตรียมสัมภาษณ์กับคู่ซ้อม AI - ใช้ AI เป็นคู่ซ้อมด้วย prompt เช่น  → Simulate an interview for a human resource role focused on recruiting experience  → What are common interview questions for data analysts? - หรือซ้อมตอบคำถามยาก เช่น  → How can I answer salary expectation questions convincingly? - ข้อดีคือสามารถขอ feedback จาก AI ได้ด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/helpful-ai-prompts-for-your-next-job-search
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Helpful AI prompts for your next job search
    Looking for a new job is a full-time job in itself, and one that can test your nerves. But this is where AI has become a valuable companion, helping you save time on your job hunt.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยอรมนีเตรียมเลิกใช้ Microsoft: "เราพอแล้วกับ Teams!"
    รัฐ Schleswig-Holstein ทางตอนเหนือของเยอรมนี กำลังดำเนินการเปลี่ยนจากซอฟต์แวร์ของ Microsoft ไปใช้ โอเพ่นซอร์ส อย่างเต็มรูปแบบ โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 60,000 คน จะเลิกใช้ Teams, Word, Excel และ Outlook ภายในสามเดือนข้างหน้า เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระ ความยั่งยืน และความปลอดภัย.

    เหตุผลที่เยอรมนีเลิกใช้ Microsoft
    ลดค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ที่มีมูลค่าหลายล้านยูโรต่อปี.
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากบริษัทสหรัฐฯ.
    ปฏิบัติตามกฎหมาย "Interoperable Europe Act" ที่สนับสนุนการใช้โอเพ่นซอร์สในหน่วยงานรัฐ.
    ปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลของพลเมือง.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    การเปลี่ยนระบบอาจมีความยุ่งยากในช่วงแรก เนื่องจากต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้คุ้นเคยกับซอฟต์แวร์ใหม่.
    อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับเอกสารและระบบเดิม ที่ยังใช้ Microsoft Office.
    ต้องมีการสนับสนุนทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น.

    แนวทางการเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์ส
    ใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office ซึ่งรองรับไฟล์เอกสารส่วนใหญ่.
    เปลี่ยนจาก Windows เป็น Linux เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดค่าใช้จ่าย.
    ใช้ Nextcloud แทน OneDrive และ Google Drive สำหรับการจัดเก็บและแชร์ไฟล์.
    ใช้ Open-Xchange แทน Outlook เพื่อการจัดการอีเมลและปฏิทิน.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลเยอรมนี
    รัฐบาลฝรั่งเศสและอินเดียก็เริ่มเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์ส เช่นเดียวกับเยอรมนี.
    เมืองมิวนิกเคยเปลี่ยนไปใช้ Linux ในปี 2004 แต่กลับมาใช้ Windows ในปี 2017 เนื่องจากปัญหาด้านการสนับสนุน.
    องค์กรที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์สควรมีแผนรองรับ เพื่อป้องกันปัญหาด้านความเข้ากันได้.

    https://www.techspot.com/news/108327-german-state-moves-closer-ditching-microsoft-products-government.html
    เยอรมนีเตรียมเลิกใช้ Microsoft: "เราพอแล้วกับ Teams!" รัฐ Schleswig-Holstein ทางตอนเหนือของเยอรมนี กำลังดำเนินการเปลี่ยนจากซอฟต์แวร์ของ Microsoft ไปใช้ โอเพ่นซอร์ส อย่างเต็มรูปแบบ โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 60,000 คน จะเลิกใช้ Teams, Word, Excel และ Outlook ภายในสามเดือนข้างหน้า เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระ ความยั่งยืน และความปลอดภัย. เหตุผลที่เยอรมนีเลิกใช้ Microsoft ✅ ลดค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ที่มีมูลค่าหลายล้านยูโรต่อปี. ✅ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากบริษัทสหรัฐฯ. ✅ ปฏิบัติตามกฎหมาย "Interoperable Europe Act" ที่สนับสนุนการใช้โอเพ่นซอร์สในหน่วยงานรัฐ. ✅ ปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลของพลเมือง. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ การเปลี่ยนระบบอาจมีความยุ่งยากในช่วงแรก เนื่องจากต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้คุ้นเคยกับซอฟต์แวร์ใหม่. ‼️ อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับเอกสารและระบบเดิม ที่ยังใช้ Microsoft Office. ‼️ ต้องมีการสนับสนุนทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น. แนวทางการเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์ส ✅ ใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office ซึ่งรองรับไฟล์เอกสารส่วนใหญ่. ✅ เปลี่ยนจาก Windows เป็น Linux เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดค่าใช้จ่าย. ✅ ใช้ Nextcloud แทน OneDrive และ Google Drive สำหรับการจัดเก็บและแชร์ไฟล์. ✅ ใช้ Open-Xchange แทน Outlook เพื่อการจัดการอีเมลและปฏิทิน. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลเยอรมนี ✅ รัฐบาลฝรั่งเศสและอินเดียก็เริ่มเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์ส เช่นเดียวกับเยอรมนี. ✅ เมืองมิวนิกเคยเปลี่ยนไปใช้ Linux ในปี 2004 แต่กลับมาใช้ Windows ในปี 2017 เนื่องจากปัญหาด้านการสนับสนุน. ‼️ องค์กรที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์สควรมีแผนรองรับ เพื่อป้องกันปัญหาด้านความเข้ากันได้. https://www.techspot.com/news/108327-german-state-moves-closer-ditching-microsoft-products-government.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German government moves closer to ditching Microsoft: "We're done with Teams!"
    Plans to go open-source were drawn up by Schleswig-Holstein as far back as 2017. In 2021, the state found another incentive to make the switch: Windows 11's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี
    Nvidia ประกาศสร้าง คลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก ในยุโรป โดยตั้งอยู่ใน เยอรมนี เพื่อช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถใช้ AI ในการออกแบบ วิศวกรรม การวางแผน การจำลอง และหุ่นยนต์

    โครงการนี้จะใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers เพื่อรองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads

    ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี
    - ใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers
    - รองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads
    - ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น BMW, Maserati และ Mercedes-Benz จะใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้
    - โครงการนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ AI gigafactories ในยุโรป

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และการผลิต
    Nvidia เชื่อว่า ผู้ผลิตต้องมีโรงงานสองแห่ง—หนึ่งสำหรับการผลิต และอีกหนึ่งสำหรับการสร้าง AI ที่ขับเคลื่อนการผลิต

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนโครงการนี้
    - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้ยุโรปแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีนในด้าน AI ได้หรือไม่
    - การใช้ AI ในอุตสาหกรรมต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด
    - ต้องรอดูว่า Nvidia จะขยายโครงการนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่

    อนาคตของ AI ในยุโรป
    Nvidia กำลัง ผลักดันให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของ AI อุตสาหกรรม โดยโครงการนี้อาจช่วยให้ บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-is-building-the-worlds-first-industrial-ai-cloud-german-facility-to-leverage-10-000-gpus-dgx-b200-and-rtx-pro-servers
    🌍 Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี Nvidia ประกาศสร้าง คลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก ในยุโรป โดยตั้งอยู่ใน เยอรมนี เพื่อช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถใช้ AI ในการออกแบบ วิศวกรรม การวางแผน การจำลอง และหุ่นยนต์ โครงการนี้จะใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers เพื่อรองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี - ใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers - รองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads - ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น BMW, Maserati และ Mercedes-Benz จะใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้ - โครงการนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ AI gigafactories ในยุโรป 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และการผลิต Nvidia เชื่อว่า ผู้ผลิตต้องมีโรงงานสองแห่ง—หนึ่งสำหรับการผลิต และอีกหนึ่งสำหรับการสร้าง AI ที่ขับเคลื่อนการผลิต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนโครงการนี้ - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้ยุโรปแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีนในด้าน AI ได้หรือไม่ - การใช้ AI ในอุตสาหกรรมต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด - ต้องรอดูว่า Nvidia จะขยายโครงการนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่ 🚀 อนาคตของ AI ในยุโรป Nvidia กำลัง ผลักดันให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของ AI อุตสาหกรรม โดยโครงการนี้อาจช่วยให้ บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-is-building-the-worlds-first-industrial-ai-cloud-german-facility-to-leverage-10-000-gpus-dgx-b200-and-rtx-pro-servers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • Oktoberfest-Eastern Europe 9 Days
    🗓 เดินทาง 23 ก.ย. – 01 ต.ค. 68
    สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)
    ราคาท่านละ 109,900.-
    ⭕️ รวมทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก!

    เทศกาลเบียร์สุดยิ่งใหญ่แห่งเยอรมัน
    ดื่มด่ำบรรยากาศสุดคลาสสิก!

    เที่ยวยุโรปตะวันออก 5 ประเทศ
    เยอรมัน
    ออสเตรีย
    เช็ก
    ฮังการี
    สโลวาเกีย

    ครบจบในทริปเดียว 9 วันเต็ม!
    #Oktoberfest2025 #เที่ยวเยอรมัน #ทัวร์ยุโรปตะวันออก #เทศกาลเบียร์ #GermanyTrip #EasternEuropeTour #เที่ยวฟินอินยุโรป #Emirates #ทัวร์ดีไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e0b145

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🍻 Oktoberfest-Eastern Europe 9 Days 🗓 เดินทาง 23 ก.ย. – 01 ต.ค. 68 ✈️ สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) 💸 ราคาท่านละ 109,900.- ⭕️ รวมทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก! เทศกาลเบียร์สุดยิ่งใหญ่แห่งเยอรมัน 🇩🇪 ดื่มด่ำบรรยากาศสุดคลาสสิก! 🌍 เที่ยวยุโรปตะวันออก 5 ประเทศ 🇩🇪 เยอรมัน 🇦🇹 ออสเตรีย 🇨🇿 เช็ก 🇭🇺 ฮังการี 🇸🇰 สโลวาเกีย 📌 ครบจบในทริปเดียว 9 วันเต็ม! #Oktoberfest2025 #เที่ยวเยอรมัน #ทัวร์ยุโรปตะวันออก #เทศกาลเบียร์ #GermanyTrip #EasternEuropeTour #เที่ยวฟินอินยุโรป #Emirates #ทัวร์ดีไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e0b145 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความโกลาหลบนถนนเยอรมันจากข้อผิดพลาดของ Google Maps
    Google Maps ทำให้เกิดความวุ่นวายบนถนนในเยอรมนีเมื่อแสดงข้อมูลผิดพลาดว่า ทางหลวงหลายสายถูกปิด ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น และทำให้เกิด การจราจรติดขัดบนถนนสายรอง

    ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในช่วง วันหยุด Ascension ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมากในเยอรมนี โดย Google Maps แสดง สัญลักษณ์ปิดถนน บนทางหลวงใน ภาคตะวันตก, ภาคเหนือ, ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคกลางของประเทศ รวมถึงบางส่วนของ เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์

    ผู้ใช้ที่ไม่ได้พึ่งพา Google Maps หรือใช้บริการอื่น เช่น Apple Maps และ Waze ไม่พบปัญหานี้ และสามารถเดินทางได้ตามปกติ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Google Maps แสดงข้อมูลผิดพลาดว่าทางหลวงหลายสายในเยอรมนีถูกปิด
    - เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด Ascension ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากได้รับผลกระทบ
    - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Google Maps เปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น ทำให้ถนนสายรองติดขัด
    - Apple Maps, Waze และรายงานจราจรแสดงว่าทางหลวงยังเปิดตามปกติ
    - Google ระบุว่าข้อมูลมาจากผู้ใช้, หน่วยงานขนส่ง และผู้ให้บริการบุคคลที่สาม

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ข้อผิดพลาดนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยบางคนคิดว่าเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ
    - Google ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของข้อผิดพลาด
    - AI ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Google Maps อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้
    - Google Maps เคยมีข้อผิดพลาดร้ายแรงมาก่อน เช่น กรณีที่ผู้ใช้ขับรถตกสะพานที่พังไปแล้วในปี 2023

    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาแผนที่ออนไลน์มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาการเดินทาง ผู้ใช้ควร ตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง

    https://www.techspot.com/news/108134-german-roads-thrown-chaos-after-google-maps-mislabels.html
    🚗 ความโกลาหลบนถนนเยอรมันจากข้อผิดพลาดของ Google Maps Google Maps ทำให้เกิดความวุ่นวายบนถนนในเยอรมนีเมื่อแสดงข้อมูลผิดพลาดว่า ทางหลวงหลายสายถูกปิด ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น และทำให้เกิด การจราจรติดขัดบนถนนสายรอง ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในช่วง วันหยุด Ascension ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมากในเยอรมนี โดย Google Maps แสดง สัญลักษณ์ปิดถนน บนทางหลวงใน ภาคตะวันตก, ภาคเหนือ, ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคกลางของประเทศ รวมถึงบางส่วนของ เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ผู้ใช้ที่ไม่ได้พึ่งพา Google Maps หรือใช้บริการอื่น เช่น Apple Maps และ Waze ไม่พบปัญหานี้ และสามารถเดินทางได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google Maps แสดงข้อมูลผิดพลาดว่าทางหลวงหลายสายในเยอรมนีถูกปิด - เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด Ascension ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากได้รับผลกระทบ - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Google Maps เปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น ทำให้ถนนสายรองติดขัด - Apple Maps, Waze และรายงานจราจรแสดงว่าทางหลวงยังเปิดตามปกติ - Google ระบุว่าข้อมูลมาจากผู้ใช้, หน่วยงานขนส่ง และผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ข้อผิดพลาดนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยบางคนคิดว่าเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ - Google ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของข้อผิดพลาด - AI ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Google Maps อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ - Google Maps เคยมีข้อผิดพลาดร้ายแรงมาก่อน เช่น กรณีที่ผู้ใช้ขับรถตกสะพานที่พังไปแล้วในปี 2023 เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาแผนที่ออนไลน์มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาการเดินทาง ผู้ใช้ควร ตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง https://www.techspot.com/news/108134-german-roads-thrown-chaos-after-google-maps-mislabels.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German roads thrown into chaos after Google Maps mislabels highways as closed
    German motorists likely felt disheartened at the sight of all the stop signs on Google Maps on Thursday. The Guardian reports that major roads in western, northern,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Aroundtown ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเยอรมนี กำลังวางแผนเปลี่ยนอาคารสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูล (Data Centers) เนื่องจากความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น แผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทสามารถเพิ่มกำไรไตรมาสแรกได้ถึงสามเท่า และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาพื้นที่ว่างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคหลังโควิด

    ความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจ Cloud Computing และ AI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานรองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงาน เนื่องจากการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ Aroundtown ต้องเจรจาเพื่อขออนุมัติจากผู้ให้บริการพลังงาน

    สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ข้อมูลจากข่าว
    - Aroundtown มีปัญหาอัตราห้องว่างสูงในพื้นที่สำนักงานหลัง COVID-19
    - บริษัทกำลัง เริ่มกระบวนการขอใบอนุญาต เพื่อเปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นศูนย์ข้อมูล
    - มีการ เปลี่ยนบางสำนักงานเป็นอพาร์ตเมนต์บริการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการปี 2026
    - กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจ Cloud Computing และ Autonomous Driving
    - ได้รับใบอนุญาตแรก ในแฟรงก์เฟิร์ต แต่ยังรอการอนุมัติด้านพลังงาน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูลต้องใช้ระยะเวลา หลายปี กว่าจะได้รับอนุมัติครบ
    - ข้อจำกัดด้านพลังงานในเยอรมนีอาจเป็นอุปสรรคต่อโครงการของ Aroundtown
    - ลูกค้าในตลาดศูนย์ข้อมูลมี ความต้องการเฉพาะทางสูง หากไม่ตรงกับความต้องการ บริษัทอาจเสี่ยงต่อการไม่มีผู้เช่า
    - บริษัทอาจเลือก ขายทรัพย์สินแทนการลงทุน หากพบว่าโครงการไม่คุ้มค่า

    Aroundtown กำลังเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความท้าทายสูง แต่หากสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ก็อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันและข้อจำกัดทางเทคนิคยังเป็นอุปสรรคที่ต้องจับตาดู

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/german-landlord-aroundtown-looks-to-convert-offices-into-data-centres
    บริษัท Aroundtown ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเยอรมนี กำลังวางแผนเปลี่ยนอาคารสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูล (Data Centers) เนื่องจากความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น แผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทสามารถเพิ่มกำไรไตรมาสแรกได้ถึงสามเท่า และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาพื้นที่ว่างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคหลังโควิด ความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจ Cloud Computing และ AI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานรองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงาน เนื่องจากการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ Aroundtown ต้องเจรจาเพื่อขออนุมัติจากผู้ให้บริการพลังงาน 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Aroundtown มีปัญหาอัตราห้องว่างสูงในพื้นที่สำนักงานหลัง COVID-19 - บริษัทกำลัง เริ่มกระบวนการขอใบอนุญาต เพื่อเปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นศูนย์ข้อมูล - มีการ เปลี่ยนบางสำนักงานเป็นอพาร์ตเมนต์บริการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการปี 2026 - กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจ Cloud Computing และ Autonomous Driving - ได้รับใบอนุญาตแรก ในแฟรงก์เฟิร์ต แต่ยังรอการอนุมัติด้านพลังงาน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูลต้องใช้ระยะเวลา หลายปี กว่าจะได้รับอนุมัติครบ - ข้อจำกัดด้านพลังงานในเยอรมนีอาจเป็นอุปสรรคต่อโครงการของ Aroundtown - ลูกค้าในตลาดศูนย์ข้อมูลมี ความต้องการเฉพาะทางสูง หากไม่ตรงกับความต้องการ บริษัทอาจเสี่ยงต่อการไม่มีผู้เช่า - บริษัทอาจเลือก ขายทรัพย์สินแทนการลงทุน หากพบว่าโครงการไม่คุ้มค่า Aroundtown กำลังเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความท้าทายสูง แต่หากสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ก็อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันและข้อจำกัดทางเทคนิคยังเป็นอุปสรรคที่ต้องจับตาดู https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/german-landlord-aroundtown-looks-to-convert-offices-into-data-centres
    WWW.THESTAR.COM.MY
    German landlord Aroundtown looks to convert offices into data centres
    (Reuters) -Aroundtown, one of the largest German-listed landlords, is planning to convert office spaces into data centres as demand for them grows in Europe, the group said on Wednesday after announcing it had tripled its first-quarter profit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้

    ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน
    ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้
    - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony
    - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน

    ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ
    - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด"

    คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี
    - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้
    - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

    https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน ✅ ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้ - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน ✅ ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด" ✅ คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้ - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German court rules cookie banners must offer "reject all" button
    Lower Saxony Data Protection Officer Denis Lehmkemper has won a legal battle in his push for fairer digital privacy practices in Germany. The Hanover Administrative Court ruled...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลเยอรมนีตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้

    ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้ เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" ที่เห็นได้ชัดเจนบนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีตัวเลือก "ยอมรับทั้งหมด"

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมนี
    เว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนและเป็นธรรมในการยอมรับหรือปฏิเสธคุกกี้
    - ห้ามใช้ แบนเนอร์ที่บีบให้ผู้ใช้ต้องยอมรับคุกกี้โดยไม่มีทางเลือกที่เท่าเทียมกัน

    กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี
    - หน่วยงานพบว่า เว็บไซต์ของสื่อ NOZ ใช้แบนเนอร์ที่ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ

    ศาลระบุว่าแบนเนอร์คุกกี้ที่บิดเบือนข้อมูลถือเป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR
    - เช่น การใช้ข้อความที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อกระตุ้นให้กด "ยอมรับและปิด"

    คำตัดสินนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์อื่น ๆ ต้องปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ให้สอดคล้องกับกฎหมาย
    - คาดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการขอความยินยอมจากผู้ใช้ในยุโรป

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวสนับสนุนคำตัดสินนี้
    - มองว่า เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของผู้ใช้บนโลกออนไลน์

    https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    ศาลเยอรมนีตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้ เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" ที่เห็นได้ชัดเจนบนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีตัวเลือก "ยอมรับทั้งหมด" 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมนี ✅ เว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนและเป็นธรรมในการยอมรับหรือปฏิเสธคุกกี้ - ห้ามใช้ แบนเนอร์ที่บีบให้ผู้ใช้ต้องยอมรับคุกกี้โดยไม่มีทางเลือกที่เท่าเทียมกัน ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี - หน่วยงานพบว่า เว็บไซต์ของสื่อ NOZ ใช้แบนเนอร์ที่ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ ✅ ศาลระบุว่าแบนเนอร์คุกกี้ที่บิดเบือนข้อมูลถือเป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR - เช่น การใช้ข้อความที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อกระตุ้นให้กด "ยอมรับและปิด" ✅ คำตัดสินนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์อื่น ๆ ต้องปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ให้สอดคล้องกับกฎหมาย - คาดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการขอความยินยอมจากผู้ใช้ในยุโรป ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวสนับสนุนคำตัดสินนี้ - มองว่า เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของผู้ใช้บนโลกออนไลน์ https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German court takes a stand against manipulative cookie banners
    Lower Saxony Data Protection Officer Denis Lehmkemper has won a legal battle in his push for fairer digital privacy practices in Germany. The Hanover Administrative Court ruled...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป

    การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่
    - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน
    - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด

    การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย
    - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030
    - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก

    โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ
    - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
    - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา
    - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ

    ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
    - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา
    - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ

    ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน
    - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
    - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้

    แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก
    - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ
    - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์

    https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่ - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030 - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้ ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New German "super-ministry" hopes to lure US researchers with cutting-edge science agenda
    Germany's three largest political parties have agreed to form a new government, uniting the center-right Christian Democrats and Christian Social Union with the center-left Social Democrats. While...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 569 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย

    ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน

    Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง

    ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน

    นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง

    ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ”

    #thawornboonyawan
    #คนไทยต้องรอด
    #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
    Credit image : Twontrot Boon

    “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament

    While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy.

    The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in.

    In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest.

    Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders.

    Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people.

    Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ” #thawornboonyawan #คนไทยต้องรอด #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Credit image : Twontrot Boon “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy. The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in. In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest. Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders. Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people. Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1199 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts