• “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ”

    แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030

    Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

    6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้

    Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย

    แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028
    6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent
    อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์
    6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่
    Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia
    3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21
    Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่
    AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware
    Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI
    Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G
    ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    📡 “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ” แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030 Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ 6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้ Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028 ➡️ 6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent ➡️ อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์ ➡️ 6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่ ➡️ Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia ➡️ 3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21 ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่ ➡️ AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware ➡️ Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI ➡️ Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ➡️ แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G ➡️ ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    WWW.THESTAR.COM.MY
    5G hasn’t yet hit its stride, but 6G is already on the horizon
    The companies that power telecom providers are already laying the groundwork for 6G communications.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง”

    ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ

    เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้

    ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI

    แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า
    UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน
    รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง
    บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน
    David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics
    ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA
    การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ
    การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    🇺🇸🤖 “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง” ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้ ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา ➡️ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า ➡️ UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน ➡️ รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง ➡️ บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง ➡️ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน ➡️ David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics ➡️ ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA ➡️ การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ ➡️ การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง ➡️ จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Delays to Trump's UAE chips deal frustrate Nvidia's Jensen Huang, officials, WSJ reports
    (Reuters) -A multibillion-dollar deal to send Nvidia's artificial-intelligence chips to the United Arab Emirates is stuck in neutral nearly five months after it was signed, frustrating CEO Jensen Huang and some senior administration officials, the Wall Street Journal reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 สุดยอดแกดเจ็ตแห่งปี 2025 — บางชิ้นไม่ใหม่ แต่ ‘สมบูรณ์แบบ’ จนต้องยกนิ้วให้”

    ปี 2025 เป็นปีที่เทคโนโลยีไม่ได้แค่ “ใหม่” แต่หลายแบรนด์เลือกที่จะ “ปรับปรุงของเดิมให้ดีที่สุด” และผลลัพธ์คือแกดเจ็ตที่ทั้งคุ้นเคยและน่าทึ่ง SlashGear ได้คัดเลือก 5 แกดเจ็ตที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่คือการออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้จริง ๆ

    เริ่มจาก Nintendo Switch 2 ที่แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากรุ่นแรก แต่กลับขายได้ถึง 6 ล้านเครื่องภายในไม่กี่เดือน เพราะมันแก้ปัญหาเดิมได้หมด — เล่นเกม AAA ได้ลื่นขึ้น, Joy-Con แน่นขึ้นและใช้เป็นเมาส์ได้, แม้จะยังมี Joy-Con drift และต้องซื้อ microSD Express เพิ่ม แต่ก็ถือว่า “สมบูรณ์แบบในสิ่งที่มันเป็น”

    ต่อมา iPhone Air ที่บางเฉียบจนหลายคนคิดว่าเป็นแค่โชว์ดีไซน์ แต่กลับทนทานเกินคาด — ทดสอบแรงกดถึง 215 ปอนด์ถึงจะแตก และรอดจากการตก 200 ฟุตได้แบบหน้าจอไม่พัง แม้จะมีข้อเสียเรื่องกล้องเดียว, ลำโพงเดียว, USB ช้า และ GPU อ่อน แต่ก็เป็นต้นแบบของมือถือยุคใหม่ที่เบาและใช้งานได้นาน

    Sony WH-1000XM6 คือการแก้ไขข้อผิดพลาดจากรุ่น XM5 — กลับมาใช้ดีไซน์พับได้, ปรับคุณภาพเสียงและไมค์ให้ดีขึ้น, เพิ่มปุ่มที่ใช้งานง่ายขึ้น และเปลี่ยนเคสให้ใช้แม่เหล็กแทนซิป แม้แบตยังอยู่ที่ 30 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คุณภาพโดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานยาว ๆ อีก 10 ปี”

    Legion Go S (SteamOS Edition) คือเครื่องเกมพกพาที่ไม่ใช้ Windows แต่ใช้ SteamOS โดยตรง — ทำให้เล่นเกมลื่นกว่า, ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า และเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ใหญ่อย่าง Lenovo ส่งเครื่อง Linux ออกสู่ตลาดโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ handheld gaming

    สุดท้าย 8BitDo Ultimate 2 Wireless Controller ที่แม้จะเป็นรุ่นอัปเกรดเล็ก ๆ แต่กลับใส่ฟีเจอร์มาเต็ม — ปุ่มเสริม, trigger lock, dock ชาร์จแบบ low-latency, joystick แบบ TMR และ Hall-effect ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม และราคาลดเหลือเพียง $30 ในบางช่วง

    https://www.slashgear.com/1982586/coolest-gadgets-released-2025/
    🧩 “5 สุดยอดแกดเจ็ตแห่งปี 2025 — บางชิ้นไม่ใหม่ แต่ ‘สมบูรณ์แบบ’ จนต้องยกนิ้วให้” ปี 2025 เป็นปีที่เทคโนโลยีไม่ได้แค่ “ใหม่” แต่หลายแบรนด์เลือกที่จะ “ปรับปรุงของเดิมให้ดีที่สุด” และผลลัพธ์คือแกดเจ็ตที่ทั้งคุ้นเคยและน่าทึ่ง SlashGear ได้คัดเลือก 5 แกดเจ็ตที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่คือการออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้จริง ๆ 🔰 เริ่มจาก Nintendo Switch 2 ที่แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากรุ่นแรก แต่กลับขายได้ถึง 6 ล้านเครื่องภายในไม่กี่เดือน เพราะมันแก้ปัญหาเดิมได้หมด — เล่นเกม AAA ได้ลื่นขึ้น, Joy-Con แน่นขึ้นและใช้เป็นเมาส์ได้, แม้จะยังมี Joy-Con drift และต้องซื้อ microSD Express เพิ่ม แต่ก็ถือว่า “สมบูรณ์แบบในสิ่งที่มันเป็น” 🔰 ต่อมา iPhone Air ที่บางเฉียบจนหลายคนคิดว่าเป็นแค่โชว์ดีไซน์ แต่กลับทนทานเกินคาด — ทดสอบแรงกดถึง 215 ปอนด์ถึงจะแตก และรอดจากการตก 200 ฟุตได้แบบหน้าจอไม่พัง แม้จะมีข้อเสียเรื่องกล้องเดียว, ลำโพงเดียว, USB ช้า และ GPU อ่อน แต่ก็เป็นต้นแบบของมือถือยุคใหม่ที่เบาและใช้งานได้นาน 🔰 Sony WH-1000XM6 คือการแก้ไขข้อผิดพลาดจากรุ่น XM5 — กลับมาใช้ดีไซน์พับได้, ปรับคุณภาพเสียงและไมค์ให้ดีขึ้น, เพิ่มปุ่มที่ใช้งานง่ายขึ้น และเปลี่ยนเคสให้ใช้แม่เหล็กแทนซิป แม้แบตยังอยู่ที่ 30 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คุณภาพโดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานยาว ๆ อีก 10 ปี” 🔰 Legion Go S (SteamOS Edition) คือเครื่องเกมพกพาที่ไม่ใช้ Windows แต่ใช้ SteamOS โดยตรง — ทำให้เล่นเกมลื่นกว่า, ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า และเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ใหญ่อย่าง Lenovo ส่งเครื่อง Linux ออกสู่ตลาดโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ handheld gaming 🔰 สุดท้าย 8BitDo Ultimate 2 Wireless Controller ที่แม้จะเป็นรุ่นอัปเกรดเล็ก ๆ แต่กลับใส่ฟีเจอร์มาเต็ม — ปุ่มเสริม, trigger lock, dock ชาร์จแบบ low-latency, joystick แบบ TMR และ Hall-effect ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม และราคาลดเหลือเพียง $30 ในบางช่วง https://www.slashgear.com/1982586/coolest-gadgets-released-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Of The Coolest Gadgets Released In 2025 - SlashGear
    A look at five standout gadgets released in 2025, from powerful handhelds to next-gen audio and ultra-thin phones that push design limits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : September 2025

    acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc.

    From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties.

    adamant
    adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc.

    From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors.

    aerial
    adjective: existing, living, growing, or operating in the air

    From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure.

    autonomous
    adjective: existing as an independent entity

    From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round.

    bioluminescent
    adjective: pertaining to the production of light by living organisms

    From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn.

    bodega
    noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment

    From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars.

    contretemps
    noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance

    From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!”

    decorum
    noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc.

    From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy.

    driftwood
    noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore

    From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs.

    eavesdrop
    verb: to listen secretly to a private conversation

    From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed.

    emulate
    verb: to imitate with effort to equal or surpass

    From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again.

    estuary
    noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide

    From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it.

    Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary.

    gentrification
    noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses

    From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents.

    hedonism
    noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good

    From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.”

    kayak
    verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this

    From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle.

    larceny
    noun: the wrongful taking of someone’s property or goods

    From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour.

    linchpin
    noun: something that holds the various elements of a complicated structure together

    From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate.

    matcha
    noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it

    From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand.

    meteorite
    noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space

    From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space.

    monastery
    noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows

    From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude.

    nuptials
    noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one

    From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility.

    offering
    noun: something presented to a deity as a symbol of devotion

    From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings.

    parody
    noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art

    From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.”

    perennial
    adjective: arising repeatedly or always existing

    From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021.

    philanthropist
    noun: someone who makes charitable donations

    From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically.

    plunder
    verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud

    From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition.

    risotto
    noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients

    From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops.

    skittish
    adjective: easily frightened or extremely cautious

    From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more.

    synthetic
    adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin

    From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027.

    tandem
    adverb: one following or behind the other

    From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : September 2025 acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc. From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties. adamant adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc. From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors. aerial adjective: existing, living, growing, or operating in the air From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure. autonomous adjective: existing as an independent entity From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round. bioluminescent adjective: pertaining to the production of light by living organisms From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn. bodega noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars. contretemps noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!” decorum noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc. From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy. driftwood noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs. eavesdrop verb: to listen secretly to a private conversation From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed. emulate verb: to imitate with effort to equal or surpass From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again. estuary noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it. Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary. gentrification noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents. hedonism noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.” kayak verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle. larceny noun: the wrongful taking of someone’s property or goods From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour. linchpin noun: something that holds the various elements of a complicated structure together From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate. matcha noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand. meteorite noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space. monastery noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude. nuptials noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility. offering noun: something presented to a deity as a symbol of devotion From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings. parody noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.” perennial adjective: arising repeatedly or always existing From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021. philanthropist noun: someone who makes charitable donations From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically. plunder verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition. risotto noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops. skittish adjective: easily frightened or extremely cautious From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more. synthetic adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027. tandem adverb: one following or behind the other From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel ยันเดินหน้าสร้างโรงงานชิปในโอไฮโอ แม้ล่าช้า 5 ปี — ส.ว.ตั้งคำถามแรง ‘นี่คือการหลอกลวงหรือไม่?’”

    ย้อนกลับไปในปี 2022 Intel เคยประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐโอไฮโอ ภายใต้ชื่อโครงการ “Ohio One” โดยมีเป้าหมายสร้างโรงงานถึง 8 แห่ง พร้อมดึงดูดการลงทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมความแข็งแกร่งให้สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำด้านการผลิตชิปขั้นสูง

    แต่ในปี 2025 นี้ โครงการกลับล่าช้าอย่างหนัก โดย Intel ยืนยันว่าจะเลื่อนการเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ว. Bernie Moreno ที่ส่งจดหมายถึง CEO ของ Intel เพื่อขอคำชี้แจง พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่คือการหลอกลวง หรืออาจเป็นการฉ้อโกง?”

    Moreno ระบุว่า รัฐโอไฮโอได้ให้เงินสนับสนุนโครงการไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่อีกเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นที่เตรียมรับการเติบโตกลับต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน

    Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไปว่า “ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตในสหรัฐฯ” และ “ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในรัฐโอไฮโออย่างใกล้ชิด” แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี

    แม้จะมีความล่าช้า แต่ Intel ยังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเข้าถือหุ้น 10% ในบริษัท พร้อมกับการลงทุนจาก Nvidia และ SoftBank ที่ช่วยดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปีนี้ โดยรัฐบาลมองว่า Intel คือคู่แข่งสำคัญของ TSMC และต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel ยืนยันเดินหน้าโครงการ Ohio One แม้จะเลื่อนเปิดโรงงานไปถึงปี 2030
    โครงการเดิมตั้งเป้าสร้างโรงงาน 8 แห่ง มูลค่ารวมกว่า $28 พันล้าน
    ส.ว. Bernie Moreno ส่งจดหมายถาม Intel ว่าโครงการนี้เป็น “การหลอกลวงหรือไม่”
    รัฐโอไฮโอให้เงินสนับสนุนแล้วกว่า $2 พันล้าน และโครงสร้างพื้นฐานอีก $700 ล้าน
    Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไป ไม่ได้ชี้แจงผลกระทบหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี
    รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อสนับสนุนด้านความมั่นคง
    Nvidia และ SoftBank ลงทุนใน Intel ดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปี 2025
    โรงงานนี้เคยถูกวางให้เป็นฐานผลิตเทคโนโลยี 18A และ 14A ของ Intel

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intels-elusive-ohio-fab-project-scrutinized-by-u-s-senator-amid-5-year-delay-to-2030-chipmaker-reassures-ambitious-plan-is-still-on-track-despite-recent-cut-downs
    🏗️ “Intel ยันเดินหน้าสร้างโรงงานชิปในโอไฮโอ แม้ล่าช้า 5 ปี — ส.ว.ตั้งคำถามแรง ‘นี่คือการหลอกลวงหรือไม่?’” ย้อนกลับไปในปี 2022 Intel เคยประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐโอไฮโอ ภายใต้ชื่อโครงการ “Ohio One” โดยมีเป้าหมายสร้างโรงงานถึง 8 แห่ง พร้อมดึงดูดการลงทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมความแข็งแกร่งให้สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำด้านการผลิตชิปขั้นสูง แต่ในปี 2025 นี้ โครงการกลับล่าช้าอย่างหนัก โดย Intel ยืนยันว่าจะเลื่อนการเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ว. Bernie Moreno ที่ส่งจดหมายถึง CEO ของ Intel เพื่อขอคำชี้แจง พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่คือการหลอกลวง หรืออาจเป็นการฉ้อโกง?” Moreno ระบุว่า รัฐโอไฮโอได้ให้เงินสนับสนุนโครงการไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่อีกเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นที่เตรียมรับการเติบโตกลับต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไปว่า “ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตในสหรัฐฯ” และ “ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในรัฐโอไฮโออย่างใกล้ชิด” แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี แม้จะมีความล่าช้า แต่ Intel ยังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเข้าถือหุ้น 10% ในบริษัท พร้อมกับการลงทุนจาก Nvidia และ SoftBank ที่ช่วยดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปีนี้ โดยรัฐบาลมองว่า Intel คือคู่แข่งสำคัญของ TSMC และต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel ยืนยันเดินหน้าโครงการ Ohio One แม้จะเลื่อนเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ➡️ โครงการเดิมตั้งเป้าสร้างโรงงาน 8 แห่ง มูลค่ารวมกว่า $28 พันล้าน ➡️ ส.ว. Bernie Moreno ส่งจดหมายถาม Intel ว่าโครงการนี้เป็น “การหลอกลวงหรือไม่” ➡️ รัฐโอไฮโอให้เงินสนับสนุนแล้วกว่า $2 พันล้าน และโครงสร้างพื้นฐานอีก $700 ล้าน ➡️ Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไป ไม่ได้ชี้แจงผลกระทบหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อสนับสนุนด้านความมั่นคง ➡️ Nvidia และ SoftBank ลงทุนใน Intel ดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปี 2025 ➡️ โรงงานนี้เคยถูกวางให้เป็นฐานผลิตเทคโนโลยี 18A และ 14A ของ Intel https://www.tomshardware.com/tech-industry/intels-elusive-ohio-fab-project-scrutinized-by-u-s-senator-amid-5-year-delay-to-2030-chipmaker-reassures-ambitious-plan-is-still-on-track-despite-recent-cut-downs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา”

    Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา

    LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน

    จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง

    Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10

    หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก
    ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า
    ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58%
    ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64%
    รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด
    เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
    เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์
    รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell
    มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

    LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro
    CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM
    LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต
    การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น
    การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร

    https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    🚀 “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา” Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10 หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า ➡️ ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58% ➡️ ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64% ➡️ รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด ➡️ เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ ➡️ รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell ➡️ มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ➡️ LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro ➡️ CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM ➡️ LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต ➡️ การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น ➡️ การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Crucial Unveils LPCAMM2 Memory with Record 8,533MT/s Performance for AI-Ready Laptops
    Micron Technology is pushing the boundaries of laptop performance with higher speeds for Crucial LPCAMM2 memory, now reaching up to 8,533 megatransfers per second (MT/s). This latest enhancement brings even more performance to Crucial's standards-based compact memory module, purpose-built to allow e...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า”

    AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย

    จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ

    Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme

    แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3
    AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag
    ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3
    FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง
    มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5
    Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing
    อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone
    การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้
    Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen
    AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting
    DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า
    FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ
    การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้

    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    🧠 “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า” AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3 ➡️ AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag ➡️ ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3 ➡️ FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง ➡️ มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ➡️ Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing ➡️ อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone ➡️ การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้ ➡️ Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen ➡️ AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting ➡️ DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า ➡️ FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ ➡️ การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้ https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GNU Linux-Libre 6.17 มาแล้ว — เคอร์เนลสายอิสระที่ล้างโค้ดปิดจากไดรเวอร์รุ่นใหม่ พร้อมรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลงแต่เสรีภาพมากขึ้น”

    เคอร์เนล GNU Linux-Libre เวอร์ชัน 6.17 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 แต่มีการ “deblob” หรือการลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สออกทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างระบบ GNU/Linux ที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดได้อย่างแท้จริง

    ในเวอร์ชันนี้ ทีมพัฒนาได้ล้างโค้ดที่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์ใหม่ ๆ เช่น Intel IPU7 ซึ่งใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่อย่าง Lunar Lake และ Panther Lake รวมถึงไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่มีการฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการปรับการล้างโค้ดในไดรเวอร์ยอดนิยม เช่น AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core (สำหรับ NVIDIA), Intel AVS, iwlwifi, btusb และ pci mhi host

    การเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างคือการหยุดล้างโค้ดของ QLogic InfiniBand เนื่องจากไดรเวอร์นี้ถูกลบออกจากเคอร์เนลต้นทางแล้ว และมีการปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream

    แม้ GNU Linux-Libre จะรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลง แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบที่ “เสรี 100%” โดยไม่มีการโหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้แต่บิตเดียว สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งแบบ tarball และแพ็กเกจ DEB/RPM ผ่านโครงการ Freesh และ RPM Freedom

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GNU Linux-Libre 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
    พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 โดยลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด
    ล้างโค้ดของไดรเวอร์ Intel IPU7 ที่ใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่
    ปรับการล้างโค้ดในไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิด
    ปรับ deblob ในไดรเวอร์ AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core, Intel AVS, iwlwifi, btusb, pci mhi host
    หยุด deblob ไดรเวอร์ QLogic InfiniBand ที่ถูกลบออกจาก upstream แล้ว
    ปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream
    รองรับการติดตั้งในทุกดิสโทร GNU/Linux ทั้งแบบแทนเคอร์เนลหลักหรือเสริม
    มีแพ็กเกจพร้อมใช้งานสำหรับระบบ DEB และ RPM ผ่าน Freesh และ RPM Freedom

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GNU Linux-Libre เป็นโครงการที่เริ่มจาก gNewSense และดูแลโดย FSF Latin America
    เคอร์เนลนี้ลบทั้งโค้ดปิดและคำสั่งที่เรียกใช้เฟิร์มแวร์ปิดใน runtime
    Nova-core เป็นไดรเวอร์ Rust สำหรับ GPU NVIDIA ที่กำลังพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส
    Adreno a6xx เป็น GPU ของ Qualcomm ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ในหลายรุ่น
    การใช้เคอร์เนล GNU Linux-Libre อาจเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการระบบปลอดจากการติดตามหรือโค้ดลับ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การลบโค้ดปิดออกจากเคอร์เนลทำให้รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้น้อยลง
    ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งาน GPU, Wi-Fi หรืออุปกรณ์เสียงบางรุ่นอาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
    เคอร์เนลนี้ไม่โหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้ใน runtime ทำให้บางอุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้เลย
    การใช้ GNU Linux-Libre ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตั้งค่าระบบ
    ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกหรือรองรับฮาร์ดแวร์ทันสมัยแบบครบถ้วน

    https://9to5linux.com/gnu-linux-libre-6-17-kernel-is-now-available-for-software-freedom-lovers
    🐧 “GNU Linux-Libre 6.17 มาแล้ว — เคอร์เนลสายอิสระที่ล้างโค้ดปิดจากไดรเวอร์รุ่นใหม่ พร้อมรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลงแต่เสรีภาพมากขึ้น” เคอร์เนล GNU Linux-Libre เวอร์ชัน 6.17 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 แต่มีการ “deblob” หรือการลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สออกทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างระบบ GNU/Linux ที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดได้อย่างแท้จริง ในเวอร์ชันนี้ ทีมพัฒนาได้ล้างโค้ดที่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์ใหม่ ๆ เช่น Intel IPU7 ซึ่งใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่อย่าง Lunar Lake และ Panther Lake รวมถึงไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่มีการฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการปรับการล้างโค้ดในไดรเวอร์ยอดนิยม เช่น AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core (สำหรับ NVIDIA), Intel AVS, iwlwifi, btusb และ pci mhi host การเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างคือการหยุดล้างโค้ดของ QLogic InfiniBand เนื่องจากไดรเวอร์นี้ถูกลบออกจากเคอร์เนลต้นทางแล้ว และมีการปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream แม้ GNU Linux-Libre จะรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลง แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบที่ “เสรี 100%” โดยไม่มีการโหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้แต่บิตเดียว สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งแบบ tarball และแพ็กเกจ DEB/RPM ผ่านโครงการ Freesh และ RPM Freedom ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GNU Linux-Libre 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 ➡️ พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 โดยลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด ➡️ ล้างโค้ดของไดรเวอร์ Intel IPU7 ที่ใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ➡️ ปรับการล้างโค้ดในไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิด ➡️ ปรับ deblob ในไดรเวอร์ AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core, Intel AVS, iwlwifi, btusb, pci mhi host ➡️ หยุด deblob ไดรเวอร์ QLogic InfiniBand ที่ถูกลบออกจาก upstream แล้ว ➡️ ปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream ➡️ รองรับการติดตั้งในทุกดิสโทร GNU/Linux ทั้งแบบแทนเคอร์เนลหลักหรือเสริม ➡️ มีแพ็กเกจพร้อมใช้งานสำหรับระบบ DEB และ RPM ผ่าน Freesh และ RPM Freedom ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GNU Linux-Libre เป็นโครงการที่เริ่มจาก gNewSense และดูแลโดย FSF Latin America ➡️ เคอร์เนลนี้ลบทั้งโค้ดปิดและคำสั่งที่เรียกใช้เฟิร์มแวร์ปิดใน runtime ➡️ Nova-core เป็นไดรเวอร์ Rust สำหรับ GPU NVIDIA ที่กำลังพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส ➡️ Adreno a6xx เป็น GPU ของ Qualcomm ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ในหลายรุ่น ➡️ การใช้เคอร์เนล GNU Linux-Libre อาจเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการระบบปลอดจากการติดตามหรือโค้ดลับ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การลบโค้ดปิดออกจากเคอร์เนลทำให้รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้น้อยลง ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งาน GPU, Wi-Fi หรืออุปกรณ์เสียงบางรุ่นอาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ⛔ เคอร์เนลนี้ไม่โหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้ใน runtime ทำให้บางอุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้เลย ⛔ การใช้ GNU Linux-Libre ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตั้งค่าระบบ ⛔ ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกหรือรองรับฮาร์ดแวร์ทันสมัยแบบครบถ้วน https://9to5linux.com/gnu-linux-libre-6-17-kernel-is-now-available-for-software-freedom-lovers
    9TO5LINUX.COM
    GNU Linux-Libre 6.17 Kernel Is Now Available for Software Freedom Lovers - 9to5Linux
    GNU Linux-libre 6.17 kernel is now available for download based on Linux 6.17 and targeted at those who seek 100% freedom for their PCs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ช่องโหว่ในไดรเวอร์ GPU ของ Qualcomm ทำ Android ล่ม — PoC เผยจุดอ่อนระดับเคอร์เนลที่อาจถูกโจมตีได้จริง”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ซึ่งใช้ใน GPU ตระกูล Adreno บนอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้เป็น “race condition” ที่เกิดขึ้นเมื่อสองเธรดเข้าถึงรายการข้อมูลเดียวกันพร้อมกัน ส่งผลให้เกิด “use-after-free” ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การล่มของระบบ หรือแม้แต่การโจมตีแบบยกระดับสิทธิ์ (privilege escalation)

    ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน CVE-2024-38399 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) ที่สามารถทำให้เคอร์เนลล่มได้จริง โดยใช้การเรียกฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำของ GPU ในจังหวะที่ระบบยังไม่ปลดล็อกการเข้าถึง ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว

    นักวิจัยพบว่าเมื่อเธรดหนึ่งปล่อยหน่วยความจำ และอีกเธรดหนึ่งยังคงเข้าถึงอยู่ จะเกิดการชนกันของข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การล่มของเคอร์เนลทันที โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น การเล่นเกม หรือการเปลี่ยนหน้าจออย่างรวดเร็ว

    Qualcomm ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่มีการแจ้งเตือนให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon รุ่นใหม่ ๆ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2024-38399 เกิดจาก race condition ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm
    ใช้ใน GPU Adreno บนอุปกรณ์ Android เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้ Snapdragon
    ช่องโหว่นำไปสู่ use-after-free ซึ่งสามารถทำให้เคอร์เนลล่มหรือถูกโจมตีได้
    มีการเผยแพร่ PoC ที่สามารถทำให้ระบบล่มได้จริง
    เกิดจากการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายเธรดในจังหวะที่ไม่ปลอดภัย
    Qualcomm แจ้งเตือนผู้ผลิตให้ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว
    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น เกมหรือแอปที่เปลี่ยนหน้าจอเร็ว
    ยังไม่มีแพตช์อย่างเป็นทางการจาก Qualcomm ณ วันที่รายงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    KGSL (Kernel Graphics Support Layer) เป็นไดรเวอร์หลักที่จัดการ GPU บน Android
    Race condition เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการจัดการเธรดไม่ปลอดภัยในระบบหลายเธรด
    Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์
    ช่องโหว่ระดับเคอร์เนลมีความรุนแรงสูง เพราะสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root ได้
    การโจมตีแบบ privilege escalation สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด

    https://securityonline.info/under-the-hood-of-a-kernel-crash-poc-exposes-race-condition-in-qualcomms-driver/
    🧨 “ช่องโหว่ในไดรเวอร์ GPU ของ Qualcomm ทำ Android ล่ม — PoC เผยจุดอ่อนระดับเคอร์เนลที่อาจถูกโจมตีได้จริง” นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ซึ่งใช้ใน GPU ตระกูล Adreno บนอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้เป็น “race condition” ที่เกิดขึ้นเมื่อสองเธรดเข้าถึงรายการข้อมูลเดียวกันพร้อมกัน ส่งผลให้เกิด “use-after-free” ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การล่มของระบบ หรือแม้แต่การโจมตีแบบยกระดับสิทธิ์ (privilege escalation) ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน CVE-2024-38399 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) ที่สามารถทำให้เคอร์เนลล่มได้จริง โดยใช้การเรียกฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำของ GPU ในจังหวะที่ระบบยังไม่ปลดล็อกการเข้าถึง ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว นักวิจัยพบว่าเมื่อเธรดหนึ่งปล่อยหน่วยความจำ และอีกเธรดหนึ่งยังคงเข้าถึงอยู่ จะเกิดการชนกันของข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การล่มของเคอร์เนลทันที โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น การเล่นเกม หรือการเปลี่ยนหน้าจออย่างรวดเร็ว Qualcomm ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่มีการแจ้งเตือนให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon รุ่นใหม่ ๆ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2024-38399 เกิดจาก race condition ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ➡️ ใช้ใน GPU Adreno บนอุปกรณ์ Android เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้ Snapdragon ➡️ ช่องโหว่นำไปสู่ use-after-free ซึ่งสามารถทำให้เคอร์เนลล่มหรือถูกโจมตีได้ ➡️ มีการเผยแพร่ PoC ที่สามารถทำให้ระบบล่มได้จริง ➡️ เกิดจากการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายเธรดในจังหวะที่ไม่ปลอดภัย ➡️ Qualcomm แจ้งเตือนผู้ผลิตให้ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว ➡️ ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น เกมหรือแอปที่เปลี่ยนหน้าจอเร็ว ➡️ ยังไม่มีแพตช์อย่างเป็นทางการจาก Qualcomm ณ วันที่รายงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ KGSL (Kernel Graphics Support Layer) เป็นไดรเวอร์หลักที่จัดการ GPU บน Android ➡️ Race condition เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการจัดการเธรดไม่ปลอดภัยในระบบหลายเธรด ➡️ Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์ ➡️ ช่องโหว่ระดับเคอร์เนลมีความรุนแรงสูง เพราะสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root ได้ ➡️ การโจมตีแบบ privilege escalation สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด https://securityonline.info/under-the-hood-of-a-kernel-crash-poc-exposes-race-condition-in-qualcomms-driver/
    SECURITYONLINE.INFO
    Under the Hood of a Kernel Crash: PoC Exposes Race Condition in Qualcomm's Driver
    A new PoC reveals a race condition in Qualcomm's KGSL GPU driver (CVE-2024-38399). Two threads can access the same list simultaneously, leading to a Use-After-Free vulnerability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ENO Strong Man บอยแบนด์เขมร ทำสาวขะแมร์ใจละลาย (29/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ENO
    #StrongMan
    #บอยแบนด์เขมร
    #ขะแมร์
    ENO Strong Man บอยแบนด์เขมร ทำสาวขะแมร์ใจละลาย (29/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ENO #StrongMan #บอยแบนด์เขมร #ขะแมร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Ice River: ชิป AI ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ — ก้าวแรกของการคำนวณแบบย้อนกลับเพื่อโลกที่ยั่งยืน”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก บริษัทสตาร์ทอัพจากลอนดอนชื่อ Vaire Computing ได้เปิดตัวชิปต้นแบบชื่อ “Ice River” ที่สามารถนำพลังงานกลับมาใช้ซ้ำได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของการคำนวณแบบย้อนกลับ (Reversible Computing) และการประมวลผลแบบอะเดียแบติก (Adiabatic Computing) ที่เคยเป็นเพียงทฤษฎี

    Ice River ถูกทดสอบในเดือนสิงหาคม 2025 และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไปที่ทำงานแบบเดียวกัน โดยใช้หลักการ “ไม่ทิ้งพลังงาน” ผ่านการออกแบบวงจรที่ให้พลังงานไหลกลับไปกลับมาเหมือนลูกตุ้ม ไม่ใช่แบบ “ทุบแล้วทิ้ง” เหมือนวงจรทั่วไป

    ชิปนี้ใช้วงจรแบบ reversible logic gate ซึ่งต่างจาก logic gate ทั่วไปที่ใช้พลังงานเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยเป็นความร้อน ส่วน Ice River สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ

    อีกหนึ่งเทคนิคคือ adiabatic computing ซึ่งเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเปลี่ยนแบบฉับพลันเหมือนการตีด้วยค้อน ซึ่งช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้ระบบนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป

    แม้จะเป็นเพียงการพิสูจน์แนวคิด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ที่อาจนำไปสู่การออกแบบชิปที่ใช้พลังงานต่ำมากในอนาคต โดย Vaire ยังได้ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ Silicon Catalyst UK เพื่อเตรียมพัฒนาเชิงพาณิชย์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ice River เป็นชิปต้นแบบจาก Vaire Computing ที่ใช้พลังงานซ้ำได้
    ลดการใช้พลังงานลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไป
    ใช้หลักการ reversible logic gate ที่สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง
    ใช้เทคนิค adiabatic computing ที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    การออกแบบช่วยลดความร้อนและนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป
    ทดสอบสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2025 ถือเป็น proof of concept
    Vaire ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วม Silicon Catalyst UK
    ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิต 22nm CMOS และมี resonator ที่ช่วยฟื้นพลังงาน
    ผลการทดลองแสดงค่า recovery factor สูงถึง 1.77 ในบางโครงสร้าง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Reversible computing เป็นแนวคิดที่มีมานาน แต่ยังไม่มีการใช้งานจริงมาก่อน
    Adiabatic computing เคยถูกใช้ในงานวิจัยควอนตัมและระบบ ultra-low power
    การลดพลังงานในชิป AI เป็นเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมในยุค hyperscale
    หากพัฒนาได้จริง อาจนำไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้พลังงานต่ำมากและลดคาร์บอน
    Vaire อาจเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบชิปแบบ thermodynamic silicon ในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/more-like-a-pendulum-than-a-hammer-the-ai-chip-that-can-reuse-its-own-energy-reaches-proof-of-concept-stage-but-i-dont-think-it-will-be-enough-to-convince-hyperscalers-to-invest
    🔋 “Ice River: ชิป AI ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ — ก้าวแรกของการคำนวณแบบย้อนกลับเพื่อโลกที่ยั่งยืน” ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก บริษัทสตาร์ทอัพจากลอนดอนชื่อ Vaire Computing ได้เปิดตัวชิปต้นแบบชื่อ “Ice River” ที่สามารถนำพลังงานกลับมาใช้ซ้ำได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของการคำนวณแบบย้อนกลับ (Reversible Computing) และการประมวลผลแบบอะเดียแบติก (Adiabatic Computing) ที่เคยเป็นเพียงทฤษฎี Ice River ถูกทดสอบในเดือนสิงหาคม 2025 และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไปที่ทำงานแบบเดียวกัน โดยใช้หลักการ “ไม่ทิ้งพลังงาน” ผ่านการออกแบบวงจรที่ให้พลังงานไหลกลับไปกลับมาเหมือนลูกตุ้ม ไม่ใช่แบบ “ทุบแล้วทิ้ง” เหมือนวงจรทั่วไป ชิปนี้ใช้วงจรแบบ reversible logic gate ซึ่งต่างจาก logic gate ทั่วไปที่ใช้พลังงานเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยเป็นความร้อน ส่วน Ice River สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ อีกหนึ่งเทคนิคคือ adiabatic computing ซึ่งเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเปลี่ยนแบบฉับพลันเหมือนการตีด้วยค้อน ซึ่งช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้ระบบนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป แม้จะเป็นเพียงการพิสูจน์แนวคิด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ที่อาจนำไปสู่การออกแบบชิปที่ใช้พลังงานต่ำมากในอนาคต โดย Vaire ยังได้ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ Silicon Catalyst UK เพื่อเตรียมพัฒนาเชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ice River เป็นชิปต้นแบบจาก Vaire Computing ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ ➡️ ลดการใช้พลังงานลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไป ➡️ ใช้หลักการ reversible logic gate ที่สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ➡️ ใช้เทคนิค adiabatic computing ที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ➡️ การออกแบบช่วยลดความร้อนและนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป ➡️ ทดสอบสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2025 ถือเป็น proof of concept ➡️ Vaire ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วม Silicon Catalyst UK ➡️ ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิต 22nm CMOS และมี resonator ที่ช่วยฟื้นพลังงาน ➡️ ผลการทดลองแสดงค่า recovery factor สูงถึง 1.77 ในบางโครงสร้าง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Reversible computing เป็นแนวคิดที่มีมานาน แต่ยังไม่มีการใช้งานจริงมาก่อน ➡️ Adiabatic computing เคยถูกใช้ในงานวิจัยควอนตัมและระบบ ultra-low power ➡️ การลดพลังงานในชิป AI เป็นเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมในยุค hyperscale ➡️ หากพัฒนาได้จริง อาจนำไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้พลังงานต่ำมากและลดคาร์บอน ➡️ Vaire อาจเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบชิปแบบ thermodynamic silicon ในอนาคต https://www.techradar.com/pro/more-like-a-pendulum-than-a-hammer-the-ai-chip-that-can-reuse-its-own-energy-reaches-proof-of-concept-stage-but-i-dont-think-it-will-be-enough-to-convince-hyperscalers-to-invest
    WWW.TECHRADAR.COM
    Vaire Computing’s Ice River chip shows pendulum-like energy reuse
    Vaire Computing's Ice River chip offers a solution to excessive AI power consumption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel”

    Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ

    ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz

    ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย

    ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz
    รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s
    NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน
    GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด
    รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต
    แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm
    โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน
    ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า
    ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ
    Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra

    https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    ⚙️ “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel” Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz ➡️ รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s ➡️ NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน ➡️ GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด ➡️ รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต ➡️ แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ➡️ โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน ➡️ ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ➡️ Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า ➡️ ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ ➡️ Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปาฏิหาริย์แห่งการปลูกถ่าย: ชายอเมริกันมีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังรับไตจากหมูดัดแปลงพันธุกรรม — จุดเปลี่ยนของการแพทย์ข้ามสายพันธุ์”

    Tim Andrews ชายวัย 67 ปีจากสหรัฐฯ กลายเป็นบุคคลแรกในโลกที่มีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังได้รับการปลูกถ่ายไตจากหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในวงการแพทย์ด้าน xenotransplantation — การปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์สู่มนุษย์

    ก่อนหน้านี้ Andrews ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้ายและต้องฟอกไตมานานกว่า 2 ปี โดยมีโอกาสรอรับไตจากมนุษย์นานถึง 7 ปี เนื่องจากกรุ๊ปเลือดหายาก การปลูกถ่ายไตจากหมูจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายภายใต้ระบบ “Compassionate Use” ซึ่งอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติในกรณีฉุกเฉิน

    ไตที่ใช้ปลูกถ่ายมาจากหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมถึง 3 ขั้นตอน ได้แก่:

    ลบแอนติเจน 3 ชนิดที่ทำให้ร่างกายมนุษย์ต่อต้านอวัยวะ
    เพิ่มยีนมนุษย์ 7 ตัวเพื่อลดการอักเสบและภาวะแทรกซ้อน
    ปิดการทำงานของไวรัสในจีโนมของหมู

    หลังการผ่าตัด Andrews ไม่ต้องฟอกไตอีกเลย และไม่มีอาการปฏิเสธอวัยวะหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงที่สุดในผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ หากเขาอยู่รอดครบ 12 เดือน จะถือเป็นความสำเร็จระยะยาวที่น่าทึ่ง

    ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยที่มีอวัยวะจากหมูอยู่ได้นานที่สุดคือ Towana Looney ซึ่งอยู่ได้ 4 เดือน 9 วัน ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มต่อต้านอวัยวะและต้องนำออก

    ความสำเร็จของ Andrews ทำให้องค์กรด้านชีวเวชศาสตร์ เช่น eGenesis และ United Therapeutics ได้รับอนุมัติให้เริ่มทดลองปลูกถ่ายไตหมูในมนุษย์มากขึ้น โดยมีแผนทดลองกับผู้ป่วยกว่า 80 คนในสหรัฐฯ ภายในปีนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tim Andrews มีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังรับไตจากหมูดัดแปลงพันธุกรรม
    ถือเป็นสถิติใหม่ของการปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์สู่มนุษย์ (xenotransplantation)
    ไตหมูผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม 3 ขั้นตอนเพื่อป้องกันการปฏิเสธอวัยวะ
    Andrews ไม่ต้องฟอกไตอีกเลยหลังการปลูกถ่าย
    การปลูกถ่ายเกิดขึ้นภายใต้ระบบ Compassionate Use สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีทางเลือก
    บริษัท eGenesis และ United Therapeutics ได้รับอนุมัติให้ทดลองปลูกถ่ายกับผู้ป่วยเพิ่ม
    หากอยู่รอดครบ 12 เดือน จะถือเป็นความสำเร็จระยะยาวของเทคโนโลยีนี้
    การทดลองนี้อาจนำไปสู่การปลูกถ่ายอวัยวะอื่นจากหมู เช่น หัวใจและปอด
    การใช้ CRISPR ช่วยให้สามารถดัดแปลงพันธุกรรมหมูได้หลายจุดพร้อมกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในสหรัฐฯ มีผู้รอปลูกถ่ายไตมากกว่า 89,000 คน
    การปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์ช่วยลดภาระการรออวัยวะจากมนุษย์
    หมูเป็นสัตว์ที่มีขนาดอวัยวะใกล้เคียงกับมนุษย์ และสามารถดัดแปลงพันธุกรรมได้ง่าย
    การปิดไวรัสในจีโนมหมูช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์
    การปลูกถ่ายแบบ xenotransplantation เคยถูกทดลองตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

    https://www.nature.com/articles/d41586-025-02851-w
    🧬 “ปาฏิหาริย์แห่งการปลูกถ่าย: ชายอเมริกันมีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังรับไตจากหมูดัดแปลงพันธุกรรม — จุดเปลี่ยนของการแพทย์ข้ามสายพันธุ์” Tim Andrews ชายวัย 67 ปีจากสหรัฐฯ กลายเป็นบุคคลแรกในโลกที่มีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังได้รับการปลูกถ่ายไตจากหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในวงการแพทย์ด้าน xenotransplantation — การปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์สู่มนุษย์ ก่อนหน้านี้ Andrews ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้ายและต้องฟอกไตมานานกว่า 2 ปี โดยมีโอกาสรอรับไตจากมนุษย์นานถึง 7 ปี เนื่องจากกรุ๊ปเลือดหายาก การปลูกถ่ายไตจากหมูจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายภายใต้ระบบ “Compassionate Use” ซึ่งอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติในกรณีฉุกเฉิน ไตที่ใช้ปลูกถ่ายมาจากหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมถึง 3 ขั้นตอน ได้แก่: 🗝️ ลบแอนติเจน 3 ชนิดที่ทำให้ร่างกายมนุษย์ต่อต้านอวัยวะ 🗝️ เพิ่มยีนมนุษย์ 7 ตัวเพื่อลดการอักเสบและภาวะแทรกซ้อน 🗝️ ปิดการทำงานของไวรัสในจีโนมของหมู หลังการผ่าตัด Andrews ไม่ต้องฟอกไตอีกเลย และไม่มีอาการปฏิเสธอวัยวะหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงที่สุดในผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ หากเขาอยู่รอดครบ 12 เดือน จะถือเป็นความสำเร็จระยะยาวที่น่าทึ่ง ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยที่มีอวัยวะจากหมูอยู่ได้นานที่สุดคือ Towana Looney ซึ่งอยู่ได้ 4 เดือน 9 วัน ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มต่อต้านอวัยวะและต้องนำออก ความสำเร็จของ Andrews ทำให้องค์กรด้านชีวเวชศาสตร์ เช่น eGenesis และ United Therapeutics ได้รับอนุมัติให้เริ่มทดลองปลูกถ่ายไตหมูในมนุษย์มากขึ้น โดยมีแผนทดลองกับผู้ป่วยกว่า 80 คนในสหรัฐฯ ภายในปีนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tim Andrews มีชีวิตอยู่ครบ 6 เดือนหลังรับไตจากหมูดัดแปลงพันธุกรรม ➡️ ถือเป็นสถิติใหม่ของการปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์สู่มนุษย์ (xenotransplantation) ➡️ ไตหมูผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม 3 ขั้นตอนเพื่อป้องกันการปฏิเสธอวัยวะ ➡️ Andrews ไม่ต้องฟอกไตอีกเลยหลังการปลูกถ่าย ➡️ การปลูกถ่ายเกิดขึ้นภายใต้ระบบ Compassionate Use สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีทางเลือก ➡️ บริษัท eGenesis และ United Therapeutics ได้รับอนุมัติให้ทดลองปลูกถ่ายกับผู้ป่วยเพิ่ม ➡️ หากอยู่รอดครบ 12 เดือน จะถือเป็นความสำเร็จระยะยาวของเทคโนโลยีนี้ ➡️ การทดลองนี้อาจนำไปสู่การปลูกถ่ายอวัยวะอื่นจากหมู เช่น หัวใจและปอด ➡️ การใช้ CRISPR ช่วยให้สามารถดัดแปลงพันธุกรรมหมูได้หลายจุดพร้อมกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในสหรัฐฯ มีผู้รอปลูกถ่ายไตมากกว่า 89,000 คน ➡️ การปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์ช่วยลดภาระการรออวัยวะจากมนุษย์ ➡️ หมูเป็นสัตว์ที่มีขนาดอวัยวะใกล้เคียงกับมนุษย์ และสามารถดัดแปลงพันธุกรรมได้ง่าย ➡️ การปิดไวรัสในจีโนมหมูช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์ ➡️ การปลูกถ่ายแบบ xenotransplantation เคยถูกทดลองตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 https://www.nature.com/articles/d41586-025-02851-w
    WWW.NATURE.COM
    ‘Amazing feat’: US man still alive six months after pig kidney transplant
    The first six months after an organ transplant are the riskiest for recipients.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Snapdragon X2 Elite mini PC: เล็กเท่าจานรองแก้ว แต่แรงระดับเวิร์กสเตชัน — เย็นด้วย AirJet ไร้พัดลม”

    ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ Maui, Qualcomm ได้เปิดตัวชิป Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows โดยมีการโชว์ reference design ที่น่าทึ่งที่สุดคือ mini PC ขนาดเล็กบางเฉียบ รูปทรงกลมคล้ายจานรองแก้ว และอีกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมบางเท่าพอร์ต USB-C ซึ่งสามารถเสียบเข้าฐานจอภาพแบบ all-in-one ได้โดยตรง

    สิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามคือ “เครื่องบางขนาดนี้จะระบายความร้อนยังไง?” คำตอบคือ Frore AirJet — เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ solid-state ที่ใช้คลื่นอัลตราโซนิกแทนพัดลมในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้โดยไม่มีชิ้นส่วนหมุน ลดเสียงรบกวนและความเสี่ยงจากการสึกหรอ

    Snapdragon X2 Elite Extreme ที่ใช้ใน reference design นี้มีถึง 18 คอร์ และสามารถ boost ได้ถึง 5 GHz พร้อมรองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ซึ่งถือว่าแรงกว่ารุ่น X2 Elite ปกติ และสามารถรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ, การประมวลผล AI, และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

    ตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมสีแดง Snapdragon มีพอร์ต USB-C สองช่อง, ช่องเสียบหูฟัง และพอร์ตพลังงานแบบ barrel jack โดยไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว

    แม้จะยังไม่มีการประกาศว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายจริงหรือไม่ แต่ Qualcomm ยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันอย่างน้อย 3 ราย เพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows
    Reference design mini PC มีสองรูปแบบ: ทรงกลมบางเฉียบ และแบบสี่เหลี่ยมเสียบฐานจอ
    ใช้เทคโนโลยี Frore AirJet ในการระบายความร้อนแบบไร้พัดลม
    AirJet ใช้คลื่นอัลตราโซนิกในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ และ boost ได้ถึง 5 GHz
    รองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s
    ตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C, ช่องหูฟัง และ barrel jack สำหรับพลังงาน
    ดีไซน์บางเฉียบและเงียบ เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ
    Qualcomm ร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AirJet เคยถูกใช้ใน Wi-Fi hotspot สำหรับหน่วยกู้ภัยของ AT&T
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี NPU 80 TOPS ซึ่งเป็น NPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อป
    ชิปนี้ใช้ CPU Qualcomm Oryon รุ่นที่ 3 ที่เร็วกว่า CPU คู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน
    GPU Adreno ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นถึง 2.3 เท่า
    ดีไซน์แบบ modular all-in-one ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนประมวลผลได้ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/qualcomms-snapdragon-x2-elite-reference-mini-pc-looks-like-a-coaster-some-designs-are-cooled-by-frore-airjets
    🖥️ “Snapdragon X2 Elite mini PC: เล็กเท่าจานรองแก้ว แต่แรงระดับเวิร์กสเตชัน — เย็นด้วย AirJet ไร้พัดลม” ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ Maui, Qualcomm ได้เปิดตัวชิป Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows โดยมีการโชว์ reference design ที่น่าทึ่งที่สุดคือ mini PC ขนาดเล็กบางเฉียบ รูปทรงกลมคล้ายจานรองแก้ว และอีกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมบางเท่าพอร์ต USB-C ซึ่งสามารถเสียบเข้าฐานจอภาพแบบ all-in-one ได้โดยตรง สิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามคือ “เครื่องบางขนาดนี้จะระบายความร้อนยังไง?” คำตอบคือ Frore AirJet — เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ solid-state ที่ใช้คลื่นอัลตราโซนิกแทนพัดลมในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้โดยไม่มีชิ้นส่วนหมุน ลดเสียงรบกวนและความเสี่ยงจากการสึกหรอ Snapdragon X2 Elite Extreme ที่ใช้ใน reference design นี้มีถึง 18 คอร์ และสามารถ boost ได้ถึง 5 GHz พร้อมรองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ซึ่งถือว่าแรงกว่ารุ่น X2 Elite ปกติ และสามารถรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ, การประมวลผล AI, และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมสีแดง Snapdragon มีพอร์ต USB-C สองช่อง, ช่องเสียบหูฟัง และพอร์ตพลังงานแบบ barrel jack โดยไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว แม้จะยังไม่มีการประกาศว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายจริงหรือไม่ แต่ Qualcomm ยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันอย่างน้อย 3 ราย เพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows ➡️ Reference design mini PC มีสองรูปแบบ: ทรงกลมบางเฉียบ และแบบสี่เหลี่ยมเสียบฐานจอ ➡️ ใช้เทคโนโลยี Frore AirJet ในการระบายความร้อนแบบไร้พัดลม ➡️ AirJet ใช้คลื่นอัลตราโซนิกในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ และ boost ได้ถึง 5 GHz ➡️ รองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ➡️ ตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C, ช่องหูฟัง และ barrel jack สำหรับพลังงาน ➡️ ดีไซน์บางเฉียบและเงียบ เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AirJet เคยถูกใช้ใน Wi-Fi hotspot สำหรับหน่วยกู้ภัยของ AT&T ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี NPU 80 TOPS ซึ่งเป็น NPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อป ➡️ ชิปนี้ใช้ CPU Qualcomm Oryon รุ่นที่ 3 ที่เร็วกว่า CPU คู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน ➡️ GPU Adreno ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นถึง 2.3 เท่า ➡️ ดีไซน์แบบ modular all-in-one ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนประมวลผลได้ในอนาคต https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/qualcomms-snapdragon-x2-elite-reference-mini-pc-looks-like-a-coaster-some-designs-are-cooled-by-frore-airjets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ubuntu Touch OTA-10 มาแล้ว! รองรับ Rabbit R1, เตรียมอัปเกรดสู่ 24.04 พร้อมฟีเจอร์ใหม่จาก Nix และ Bluetooth ที่ปลอดภัยขึ้น”

    หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 เดือน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ Ubuntu Touch OTA-10 สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ โดยยังคงใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS (Focal Fossa) แต่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ที่จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ในอนาคต

    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ OTA-10 คือการเพิ่มตัวอัปเกรดใหม่ชื่อว่า “Ubuntu Touch Upgrader” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดระบบไปยังเวอร์ชัน 24.04 ได้อย่างราบรื่นเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องแฟลชเครื่องใหม่

    อีกหนึ่งไฮไลต์คือการรองรับอุปกรณ์ใหม่ “Rabbit R1” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผู้ช่วยส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการระบบปฏิบัติการแบบเปิดและปลอดภัย โดย Ubuntu Touch บน Rabbit R1 ได้รับการพัฒนาโดยชุมชน และพร้อมใช้งานในระดับ daily driver แล้ว

    นอกจากนี้ OTA-10 ยังเพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ซึ่งเป็นระบบจัดการซอฟต์แวร์แบบ declarative ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักพัฒนา DevOps และผู้ใช้ Linux ขั้นสูง

    ด้านมัลติมีเดียมีการปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ในตัวเข้ารหัส H.264 และเพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD รวมถึงการอัปเดตประเภท AVC level เพื่อให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น

    ในส่วนของ Bluetooth มีการปรับปรุงให้ไม่สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ Nissan Connect ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้จากการเชื่อมต่อที่ไม่พึงประสงค์

    อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น เช่น Asus Zenfone Max Pro M1, Fairphone 3–4, Google Pixel 3a, OnePlus 5–Nord N100, Lenovo Tab M10 HD, Sony Xperia X, Volla Phone/Tablet, Xiaomi Poco และ Redmi หลายรุ่น โดยผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ System Settings แบบทยอยปล่อย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubuntu Touch OTA-10 ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS
    เพิ่ม “Ubuntu Touch Upgrader” สำหรับอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0
    รองรับอุปกรณ์ใหม่ Rabbit R1 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
    เพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix
    ปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ใน H.264 encoder
    เพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD และอัปเดต AVC level types
    ปรับปรุง Bluetooth ไม่ให้ autopair กับ Nissan Connect
    รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่นจาก Asus, Fairphone, Google, OnePlus, Lenovo, Sony, Volla, Xiaomi
    ผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่าน System Settings แบบทยอยปล่อย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu Touch 24.04-1.0 จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ พร้อม Qt 5.15 และธีมใหม่
    Rabbit R1 เป็นอุปกรณ์ผู้ช่วย AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล
    Nix เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่ใช้แนวคิด declarative และ reproducible builds
    การปรับปรุง Bluetooth ช่วยลดความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
    UHD และ AVC level ใหม่ช่วยให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นในอุปกรณ์มือถือ

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-10-released-with-ubuntu-touch-upgrader-rabbit-r1-support
    📱 “Ubuntu Touch OTA-10 มาแล้ว! รองรับ Rabbit R1, เตรียมอัปเกรดสู่ 24.04 พร้อมฟีเจอร์ใหม่จาก Nix และ Bluetooth ที่ปลอดภัยขึ้น” หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 เดือน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ Ubuntu Touch OTA-10 สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ โดยยังคงใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS (Focal Fossa) แต่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ที่จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ในอนาคต หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ OTA-10 คือการเพิ่มตัวอัปเกรดใหม่ชื่อว่า “Ubuntu Touch Upgrader” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดระบบไปยังเวอร์ชัน 24.04 ได้อย่างราบรื่นเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องแฟลชเครื่องใหม่ อีกหนึ่งไฮไลต์คือการรองรับอุปกรณ์ใหม่ “Rabbit R1” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผู้ช่วยส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการระบบปฏิบัติการแบบเปิดและปลอดภัย โดย Ubuntu Touch บน Rabbit R1 ได้รับการพัฒนาโดยชุมชน และพร้อมใช้งานในระดับ daily driver แล้ว นอกจากนี้ OTA-10 ยังเพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ซึ่งเป็นระบบจัดการซอฟต์แวร์แบบ declarative ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักพัฒนา DevOps และผู้ใช้ Linux ขั้นสูง ด้านมัลติมีเดียมีการปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ในตัวเข้ารหัส H.264 และเพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD รวมถึงการอัปเดตประเภท AVC level เพื่อให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น ในส่วนของ Bluetooth มีการปรับปรุงให้ไม่สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ Nissan Connect ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้จากการเชื่อมต่อที่ไม่พึงประสงค์ อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น เช่น Asus Zenfone Max Pro M1, Fairphone 3–4, Google Pixel 3a, OnePlus 5–Nord N100, Lenovo Tab M10 HD, Sony Xperia X, Volla Phone/Tablet, Xiaomi Poco และ Redmi หลายรุ่น โดยผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ System Settings แบบทยอยปล่อย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubuntu Touch OTA-10 ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS ➡️ เพิ่ม “Ubuntu Touch Upgrader” สำหรับอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ➡️ รองรับอุปกรณ์ใหม่ Rabbit R1 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ➡️ เพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ➡️ ปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ใน H.264 encoder ➡️ เพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD และอัปเดต AVC level types ➡️ ปรับปรุง Bluetooth ไม่ให้ autopair กับ Nissan Connect ➡️ รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่นจาก Asus, Fairphone, Google, OnePlus, Lenovo, Sony, Volla, Xiaomi ➡️ ผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่าน System Settings แบบทยอยปล่อย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu Touch 24.04-1.0 จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ พร้อม Qt 5.15 และธีมใหม่ ➡️ Rabbit R1 เป็นอุปกรณ์ผู้ช่วย AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล ➡️ Nix เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่ใช้แนวคิด declarative และ reproducible builds ➡️ การปรับปรุง Bluetooth ช่วยลดความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ UHD และ AVC level ใหม่ช่วยให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นในอุปกรณ์มือถือ https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-10-released-with-ubuntu-touch-upgrader-rabbit-r1-support
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch OTA-10 Released with Ubuntu Touch Upgrader, Rabbit R1 Support - 9to5Linux
    Ubuntu Touch OTA-10 is now rolling out to all supported devices with various improvements and fixes. Here’s what’s new!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังไงลุงก็จะรอ Nvidia Arm Chip นะ

    “Snapdragon X2 Elite Extreme เปิดตัว — ชิป Arm 5GHz ตัวแรกสำหรับ PC พร้อม NPU 80 TOPS และดีไซน์ใหม่เพื่อยุค AI”

    ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย Qualcomm ได้เปิดตัวชิปสำหรับ PC รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Snapdragon X2 ได้แก่ Snapdragon X2 Elite และ Snapdragon X2 Elite Extreme ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมวงการ Windows PC ด้วยพลังของ Arm, AI และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

    Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นรุ่นเรือธงที่มาพร้อม 18 คอร์ โดยแบ่งเป็น 12 คอร์ Prime ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ Performance ที่ทำงานที่ 3.6GHz พร้อมแคชรวม 53MB ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC

    ชิปนี้ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm N3P จาก TSMC และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ด้านกราฟิก มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และ mesh shading ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงที่สุดในตลาด PC ปัจจุบัน

    Snapdragon X2 Elite Extreme ยังใช้ดีไซน์แบบ integrated module ที่รวม CPU, GPU และหน่วยความจำไว้ในแพ็กเกจเดียว ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูล ขณะที่รุ่น X2 Elite ปกติยังใช้ดีไซน์แบบ modular เพื่อความยืดหยุ่นในการอัปเกรด

    ทั้งสองรุ่นรองรับ LPDDR5X ที่ความเร็ว 9523 MT/s โดย Extreme รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 228 GB/s และความจุเกิน 128GB ส่วน Elite รองรับ 152 GB/s และเริ่มต้นที่ 48GB

    ด้านการเชื่อมต่อ Snapdragon X75 5G รองรับความเร็วสูงสุด 10Gbps พร้อม Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และระบบ Snapdragon Guardian สำหรับความปลอดภัยระดับองค์กร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) ความเร็วสูงสุด 5.0GHz
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm N3P จาก TSMC
    ประสิทธิภาพ CPU สูงกว่าคู่แข่ง 75% และประหยัดพลังงานกว่าเดิม 43%
    Adreno GPU ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และ mesh shading
    NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI แบบ multi-agent และ inference แบบเรียลไทม์
    ใช้ดีไซน์ integrated module สำหรับรุ่น Extreme และ modular สำหรับรุ่น Elite
    รองรับ LPDDR5X ความเร็ว 9523 MT/s และแบนด์วิดธ์สูงสุด 228 GB/s
    รองรับ Snapdragon X75 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และระบบความปลอดภัย Snapdragon Guardian
    ร่วมมือกับ Microsoft, ASUS, Razer และ Yamaha เพื่อขยาย ecosystem
    อุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Snapdragon X2 Elite เป็นการต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2023
    ดีไซน์ integrated module คล้ายกับ Apple M-Series และ Intel Lunar Lake
    NPU 80 TOPS เหมาะสำหรับงาน AI เช่น Copilot+, LLM inference และการประมวลผลภาพ
    Qualcomm พัฒนา reference design สำหรับ OEM/ODM เพื่อสร้าง PC รูปแบบใหม่
    Snapdragon Seamless ช่วยให้การทำงานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่น

    Qualcomm ยังร่วมมือกับ Microsoft, ASUS, Razer และ Yamaha เพื่อขยาย ecosystem ของ Snapdragon PC ทั้งในด้านเกม, ดนตรี, และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026



    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-x2-elite-chips-5-0ghz-clock-speed-to-power-next-gen-ai-pcs/
    ยังไงลุงก็จะรอ Nvidia Arm Chip นะ ⚙️ “Snapdragon X2 Elite Extreme เปิดตัว — ชิป Arm 5GHz ตัวแรกสำหรับ PC พร้อม NPU 80 TOPS และดีไซน์ใหม่เพื่อยุค AI” ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย Qualcomm ได้เปิดตัวชิปสำหรับ PC รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Snapdragon X2 ได้แก่ Snapdragon X2 Elite และ Snapdragon X2 Elite Extreme ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อพลิกโฉมวงการ Windows PC ด้วยพลังของ Arm, AI และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นรุ่นเรือธงที่มาพร้อม 18 คอร์ โดยแบ่งเป็น 12 คอร์ Prime ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ Performance ที่ทำงานที่ 3.6GHz พร้อมแคชรวม 53MB ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC ชิปนี้ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm N3P จาก TSMC และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านกราฟิก มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และ mesh shading ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงที่สุดในตลาด PC ปัจจุบัน Snapdragon X2 Elite Extreme ยังใช้ดีไซน์แบบ integrated module ที่รวม CPU, GPU และหน่วยความจำไว้ในแพ็กเกจเดียว ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูล ขณะที่รุ่น X2 Elite ปกติยังใช้ดีไซน์แบบ modular เพื่อความยืดหยุ่นในการอัปเกรด ทั้งสองรุ่นรองรับ LPDDR5X ที่ความเร็ว 9523 MT/s โดย Extreme รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 228 GB/s และความจุเกิน 128GB ส่วน Elite รองรับ 152 GB/s และเริ่มต้นที่ 48GB ด้านการเชื่อมต่อ Snapdragon X75 5G รองรับความเร็วสูงสุด 10Gbps พร้อม Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และระบบ Snapdragon Guardian สำหรับความปลอดภัยระดับองค์กร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) ความเร็วสูงสุด 5.0GHz ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm N3P จาก TSMC ➡️ ประสิทธิภาพ CPU สูงกว่าคู่แข่ง 75% และประหยัดพลังงานกว่าเดิม 43% ➡️ Adreno GPU ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และ mesh shading ➡️ NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI แบบ multi-agent และ inference แบบเรียลไทม์ ➡️ ใช้ดีไซน์ integrated module สำหรับรุ่น Extreme และ modular สำหรับรุ่น Elite ➡️ รองรับ LPDDR5X ความเร็ว 9523 MT/s และแบนด์วิดธ์สูงสุด 228 GB/s ➡️ รองรับ Snapdragon X75 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และระบบความปลอดภัย Snapdragon Guardian ➡️ ร่วมมือกับ Microsoft, ASUS, Razer และ Yamaha เพื่อขยาย ecosystem ➡️ อุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Snapdragon X2 Elite เป็นการต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2023 ➡️ ดีไซน์ integrated module คล้ายกับ Apple M-Series และ Intel Lunar Lake ➡️ NPU 80 TOPS เหมาะสำหรับงาน AI เช่น Copilot+, LLM inference และการประมวลผลภาพ ➡️ Qualcomm พัฒนา reference design สำหรับ OEM/ODM เพื่อสร้าง PC รูปแบบใหม่ ➡️ Snapdragon Seamless ช่วยให้การทำงานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่น Qualcomm ยังร่วมมือกับ Microsoft, ASUS, Razer และ Yamaha เพื่อขยาย ecosystem ของ Snapdragon PC ทั้งในด้านเกม, ดนตรี, และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-x2-elite-chips-5-0ghz-clock-speed-to-power-next-gen-ai-pcs/
    SECURITYONLINE.INFO
    Qualcomm Unveils Snapdragon X2 Elite Chips: 5.0GHz Clock Speed to Power Next-Gen AI PCs
    Qualcomm unveils the 3nm Snapdragon X2 Elite Extreme (5.0GHz CPU, 80 TOPS NPU) and X2 Elite, built to power a new generation of high-speed AI PCs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Snapdragon 8 Elite Gen 5 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก พร้อม AI แบบ ‘Agentic’ ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้”

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 อย่างเป็นทางการในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย โดยชูจุดเด่นว่าเป็น “ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก” ด้วยสถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 ที่มี 2 คอร์ Prime ความเร็วสูงสุด 4.6GHz และ 6 คอร์ Performance ที่ 3.62GHz พร้อมแคชรวม 24MB ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบ single-core ถึง 20% และ multi-core 17% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการพัฒนา AI แบบใหม่ที่ Qualcomm เรียกว่า “Agentic AI” ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่ตอบสนอง แต่เป็นระบบที่เรียนรู้จากผู้ใช้และตัดสินใจแทนได้ เช่น การจัดการภาพ, โพสต์บนโซเชียล, หรือแม้แต่การสื่อสารกับแอปต่าง ๆ โดยใช้ Hexagon NPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16%

    ด้านกราฟิก Snapdragon 8 Elite Gen 5 มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% รองรับ ray tracing แบบ hardware และ mesh shading พร้อม Adreno High Performance Memory (HPM) ขนาด 18MB ที่ช่วยเพิ่ม bandwidth ถึง 38% และลดการใช้พลังงานในเกมยาว ๆ ได้ถึง 10%

    Qualcomm ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อปรับแต่ง Unreal Engine ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Snapdragon เช่น Lumen, Nanite และ Chaos Physics ซึ่งช่วยให้เกมมือถือมีภาพระดับคอนโซล

    นอกจากนี้ยังมีการรองรับ Advanced Professional Video (APV) codec สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงแบบมืออาชีพ และระบบ Sensing Hub ที่ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริง เช่น การจัดแสง, สี, และการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ

    ชิปนี้จะเริ่มใช้งานในมือถือเรือธงจากแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Xiaomi, Samsung, OnePlus, Sony, ASUS ROG และอีกหลายราย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปลายปี 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้ Oryon Gen 3 CPU ความเร็วสูงสุด 4.6GHz
    มี 2 คอร์ Prime และ 6 คอร์ Performance พร้อมแคชรวม 24MB
    เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 20% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน
    Hexagon NPU รุ่นใหม่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16%
    รองรับ Agentic AI ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้
    Adreno GPU ใหม่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20%
    มี Adreno HPM ขนาด 18MB เพิ่ม bandwidth 38% และลดพลังงานเกม 10%
    รองรับ ray tracing, mesh shading และฟีเจอร์ Unreal Engine 5.3
    รองรับ APV codec สำหรับวิดีโอคุณภาพสูงระดับโปร
    ใช้โมเด็ม X85 รองรับ 5G สูงสุด 12.5Gbps และ Wi-Fi 7 พร้อม Bluetooth 6.0

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Agentic AI คือแนวคิดใหม่ที่ให้ AI เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย
    Sensing Hub ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริงแบบต่อเนื่อง
    Adreno HPM เป็นหน่วยความจำเฉพาะ GPU ที่ช่วยลด latency
    APV codec ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีคุณภาพใกล้เคียงกล้องโปร และรองรับ post-production
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้กระบวนการผลิต 3nm N3P จาก TSMC

    https://www.techpowerup.com/341312/qualcomm-unveils-snapdragon-8-elite-gen-5-soc-with-impressive-performance-claims
    📱 “Snapdragon 8 Elite Gen 5 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก พร้อม AI แบบ ‘Agentic’ ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้” Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 อย่างเป็นทางการในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย โดยชูจุดเด่นว่าเป็น “ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก” ด้วยสถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 ที่มี 2 คอร์ Prime ความเร็วสูงสุด 4.6GHz และ 6 คอร์ Performance ที่ 3.62GHz พร้อมแคชรวม 24MB ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบ single-core ถึง 20% และ multi-core 17% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการพัฒนา AI แบบใหม่ที่ Qualcomm เรียกว่า “Agentic AI” ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่ตอบสนอง แต่เป็นระบบที่เรียนรู้จากผู้ใช้และตัดสินใจแทนได้ เช่น การจัดการภาพ, โพสต์บนโซเชียล, หรือแม้แต่การสื่อสารกับแอปต่าง ๆ โดยใช้ Hexagon NPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16% ด้านกราฟิก Snapdragon 8 Elite Gen 5 มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% รองรับ ray tracing แบบ hardware และ mesh shading พร้อม Adreno High Performance Memory (HPM) ขนาด 18MB ที่ช่วยเพิ่ม bandwidth ถึง 38% และลดการใช้พลังงานในเกมยาว ๆ ได้ถึง 10% Qualcomm ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อปรับแต่ง Unreal Engine ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Snapdragon เช่น Lumen, Nanite และ Chaos Physics ซึ่งช่วยให้เกมมือถือมีภาพระดับคอนโซล นอกจากนี้ยังมีการรองรับ Advanced Professional Video (APV) codec สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงแบบมืออาชีพ และระบบ Sensing Hub ที่ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริง เช่น การจัดแสง, สี, และการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ ชิปนี้จะเริ่มใช้งานในมือถือเรือธงจากแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Xiaomi, Samsung, OnePlus, Sony, ASUS ROG และอีกหลายราย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้ Oryon Gen 3 CPU ความเร็วสูงสุด 4.6GHz ➡️ มี 2 คอร์ Prime และ 6 คอร์ Performance พร้อมแคชรวม 24MB ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 20% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน ➡️ Hexagon NPU รุ่นใหม่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16% ➡️ รองรับ Agentic AI ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้ ➡️ Adreno GPU ใหม่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% ➡️ มี Adreno HPM ขนาด 18MB เพิ่ม bandwidth 38% และลดพลังงานเกม 10% ➡️ รองรับ ray tracing, mesh shading และฟีเจอร์ Unreal Engine 5.3 ➡️ รองรับ APV codec สำหรับวิดีโอคุณภาพสูงระดับโปร ➡️ ใช้โมเด็ม X85 รองรับ 5G สูงสุด 12.5Gbps และ Wi-Fi 7 พร้อม Bluetooth 6.0 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Agentic AI คือแนวคิดใหม่ที่ให้ AI เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย ➡️ Sensing Hub ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริงแบบต่อเนื่อง ➡️ Adreno HPM เป็นหน่วยความจำเฉพาะ GPU ที่ช่วยลด latency ➡️ APV codec ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีคุณภาพใกล้เคียงกล้องโปร และรองรับ post-production ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้กระบวนการผลิต 3nm N3P จาก TSMC https://www.techpowerup.com/341312/qualcomm-unveils-snapdragon-8-elite-gen-5-soc-with-impressive-performance-claims
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qualcomm Unveils Snapdragon 8 Elite Gen 5 SoC With Impressive Performance Claims
    As expected, along with the latest laptop-class Arm SoC, the Snapdragon X2 Elite series Qualcomm has officially unveiled its latest flagship mobile SoC, the Snapdragon 8 Elite Gen 5. The 8 Elite Gen 5 launch sees Qualcomm lean even further into AI workloads while adding a handful of spec upgrades to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิป Arm 3nm ตัวแรกแตะ 5GHz — Qualcomm เปิดเกมรุกตลาด PC ด้วยพลัง AI และประสิทธิภาพล้นขอบ”

    ที่งาน Snapdragon Summit 2025 ณ ฮาวาย Qualcomm เปิดตัวชิปตระกูลใหม่สำหรับ PC คือ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยครั้งนี้ Qualcomm ตั้งใจยกระดับชิป Arm สำหรับ Windows PC ให้เทียบชั้นกับ x86 จาก Intel และ AMD

    Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิประดับสูงสุดในซีรีส์นี้ โดยมี 18 คอร์ แบ่งเป็น 12 คอร์ “Prime” ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ “Performance” ที่ทำงานที่ 3.6GHz ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC

    ชิปทั้งหมดผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ด้านกราฟิก ชิปใหม่มาพร้อม Adreno GPU รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และการเรนเดอร์ภาพระดับสูง ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 78% และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Copilot+ และงาน AI แบบเรียลไทม์

    Snapdragon X2 Elite Extreme ยังมีการออกแบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU คล้ายกับ Apple M-Series ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลด latency ในการทำงานร่วมกันของระบบ

    Qualcomm ระบุว่าอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 โดยคาดว่าจะมีทั้งโน้ตบุ๊กระดับโปร, แท็บเล็ต, และ mini PC จากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Microsoft, Samsung, Dell, HP และ Lenovo

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะ 5.0GHz บน 2 คอร์
    มีทั้งหมด 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 พร้อมแคชรวม 53MB
    GPU Adreno รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า
    NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI และ Copilot+
    รองรับ LPDDR5X สูงสุด 128GB และแบนด์วิดธ์ 228 GB/s
    มีโมเด็ม Snapdragon X75 รองรับ 5G สูงสุด 10Gbps และ Wi-Fi 7
    ระบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU ช่วยลด latency
    คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 ทั้งในโน้ตบุ๊กและ mini PC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Oryon เป็นสถาปัตยกรรมที่ Qualcomm พัฒนาขึ้นเองหลังจากซื้อกิจการ Nuvia
    Unified memory architecture ช่วยให้การประมวลผลภาพและข้อมูล AI เร็วขึ้น
    NPU ที่มี 80 TOPS ถือเป็นระดับสูงสุดในตลาด PC ณ ปัจจุบัน
    ARM-based PC มีข้อได้เปรียบด้านพลังงานและความบางเบา
    Qualcomm พยายามผลักดัน Windows on ARM ให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับโน้ตบุ๊ก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomms-new-snapdragon-x2-elite-extreme-and-elite-chips-for-pcs-stretch-up-to-a-record-5-ghz-3nm-arm-chips-sport-new-oryon-prime-cores
    ⚡ “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิป Arm 3nm ตัวแรกแตะ 5GHz — Qualcomm เปิดเกมรุกตลาด PC ด้วยพลัง AI และประสิทธิภาพล้นขอบ” ที่งาน Snapdragon Summit 2025 ณ ฮาวาย Qualcomm เปิดตัวชิปตระกูลใหม่สำหรับ PC คือ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยครั้งนี้ Qualcomm ตั้งใจยกระดับชิป Arm สำหรับ Windows PC ให้เทียบชั้นกับ x86 จาก Intel และ AMD Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิประดับสูงสุดในซีรีส์นี้ โดยมี 18 คอร์ แบ่งเป็น 12 คอร์ “Prime” ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ “Performance” ที่ทำงานที่ 3.6GHz ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC ชิปทั้งหมดผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านกราฟิก ชิปใหม่มาพร้อม Adreno GPU รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และการเรนเดอร์ภาพระดับสูง ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 78% และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Copilot+ และงาน AI แบบเรียลไทม์ Snapdragon X2 Elite Extreme ยังมีการออกแบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU คล้ายกับ Apple M-Series ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลด latency ในการทำงานร่วมกันของระบบ Qualcomm ระบุว่าอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 โดยคาดว่าจะมีทั้งโน้ตบุ๊กระดับโปร, แท็บเล็ต, และ mini PC จากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Microsoft, Samsung, Dell, HP และ Lenovo ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะ 5.0GHz บน 2 คอร์ ➡️ มีทั้งหมด 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 พร้อมแคชรวม 53MB ➡️ GPU Adreno รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า ➡️ NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI และ Copilot+ ➡️ รองรับ LPDDR5X สูงสุด 128GB และแบนด์วิดธ์ 228 GB/s ➡️ มีโมเด็ม Snapdragon X75 รองรับ 5G สูงสุด 10Gbps และ Wi-Fi 7 ➡️ ระบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU ช่วยลด latency ➡️ คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 ทั้งในโน้ตบุ๊กและ mini PC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Oryon เป็นสถาปัตยกรรมที่ Qualcomm พัฒนาขึ้นเองหลังจากซื้อกิจการ Nuvia ➡️ Unified memory architecture ช่วยให้การประมวลผลภาพและข้อมูล AI เร็วขึ้น ➡️ NPU ที่มี 80 TOPS ถือเป็นระดับสูงสุดในตลาด PC ณ ปัจจุบัน ➡️ ARM-based PC มีข้อได้เปรียบด้านพลังงานและความบางเบา ➡️ Qualcomm พยายามผลักดัน Windows on ARM ให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับโน้ตบุ๊ก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomms-new-snapdragon-x2-elite-extreme-and-elite-chips-for-pcs-stretch-up-to-a-record-5-ghz-3nm-arm-chips-sport-new-oryon-prime-cores
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CVE-2025-10184: ช่องโหว่ OnePlus เปิดทางแอปดู SMS โดยไม่ขออนุญาต — MFA พัง, ข้อมูลส่วนตัวรั่ว, ยังไม่มีแพตช์”

    Rapid7 บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ OxygenOS ของ OnePlus ซึ่งถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-10184 โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แอปใดก็ตามที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องสามารถอ่านข้อมูล SMS/MMS และ metadata ได้ทันที โดยไม่ต้องขอสิทธิ์จากผู้ใช้ ไม่ต้องมีการโต้ตอบ และไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการเปิดเผย content provider ภายในระบบ OxygenOS ที่ไม่ควรเข้าถึงได้ เช่น ServiceNumberProvider, PushMessageProvider และ PushShopProvider ซึ่งไม่ได้บังคับใช้สิทธิ์ READ_SMS อย่างถูกต้อง ทำให้แอปสามารถดึงข้อมูลออกมาได้โดยตรง แม้จะไม่มีสิทธิ์ที่จำเป็น

    ผลกระทบที่ตามมาคือการล่มของระบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ที่ใช้ SMS เป็นช่องทางส่งรหัส OTP เพราะแอปที่เป็นอันตรายสามารถขโมยรหัสเหล่านี้ได้แบบเงียบ ๆ โดยไม่ต้องแจ้งเตือนผู้ใช้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการโจมตีแบบ blind SQL injection เพื่อดึงข้อมูลข้อความทีละตัวอักษร

    Rapid7 ยืนยันว่าได้ทดสอบช่องโหว่นี้บน OnePlus 8T และ OnePlus 10 Pro ที่ใช้ OxygenOS เวอร์ชัน 12 ถึง 15 และเชื่อว่ารุ่นอื่น ๆ ที่ใช้เวอร์ชันเดียวกันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดย OxygenOS 11 ไม่พบช่องโหว่นี้

    ที่น่ากังวลคือ OnePlus ยังไม่ตอบสนองต่อการแจ้งเตือนจาก Rapid7 แม้จะมีการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 รวมถึงการส่งข้อความผ่าน X และติดต่อผ่าน Oppo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับหรือออกแพตช์ใด ๆ

    Rapid7 จึงตัดสินใจเปิดเผยช่องโหว่นี้ต่อสาธารณะ พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ OnePlus:
    ลบแอปที่ไม่จำเป็นและติดตั้งเฉพาะแอปที่เชื่อถือได้
    เปลี่ยนจาก SMS-based MFA ไปใช้แอปยืนยันตัวตน เช่น Google Authenticator หรือ Authy
    หลีกเลี่ยงการใช้ SMS ในการสื่อสารข้อมูลสำคัญ และหันไปใช้แอปที่เข้ารหัส เช่น Signal หรือ WhatsApp

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CVE-2025-10184 เป็นช่องโหว่ permission bypass ใน OxygenOS ของ OnePlus
    แอปสามารถอ่าน SMS/MMS และ metadata ได้โดยไม่ต้องขอสิทธิ์หรือแจ้งผู้ใช้
    เกิดจาก content provider ที่เปิดเผยโดยไม่บังคับใช้ READ_SMS
    ส่งผลให้ระบบ MFA ที่ใช้ SMS ถูกขโมยรหัส OTP ได้ง่าย
    ช่องโหว่นี้ยังเปิดทางให้โจมตีแบบ blind SQL injection
    ทดสอบแล้วบน OnePlus 8T และ 10 Pro ที่ใช้ OxygenOS 12–15
    OxygenOS 11 ไม่ได้รับผลกระทบ
    Rapid7 ติดต่อ OnePlus หลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ
    ยังไม่มีแพตช์แก้ไขจาก OnePlus ณ วันที่เปิดเผย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Content provider เป็นระบบจัดการข้อมูลใน Android ที่ควรมีการควบคุมสิทธิ์เข้าถึง
    Blind SQL injection คือการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลโดยไม่เห็นผลลัพธ์โดยตรง
    MFA ที่ใช้ SMS ถูกวิจารณ์ว่าไม่ปลอดภัยมานาน เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยรหัส
    OnePlus เคยมีประวัติด้านความปลอดภัย เช่น การส่งข้อมูล IMEI ไปยังเซิร์ฟเวอร์จีน
    Rapid7 เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการเปิดเผยช่องโหว่แบบ responsible disclosure

    https://securityonline.info/cve-2025-10184-unpatched-oneplus-flaw-exposes-sms-data-breaks-mfa-no-patch/
    📱 “CVE-2025-10184: ช่องโหว่ OnePlus เปิดทางแอปดู SMS โดยไม่ขออนุญาต — MFA พัง, ข้อมูลส่วนตัวรั่ว, ยังไม่มีแพตช์” Rapid7 บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ OxygenOS ของ OnePlus ซึ่งถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-10184 โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แอปใดก็ตามที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องสามารถอ่านข้อมูล SMS/MMS และ metadata ได้ทันที โดยไม่ต้องขอสิทธิ์จากผู้ใช้ ไม่ต้องมีการโต้ตอบ และไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ ช่องโหว่นี้เกิดจากการเปิดเผย content provider ภายในระบบ OxygenOS ที่ไม่ควรเข้าถึงได้ เช่น ServiceNumberProvider, PushMessageProvider และ PushShopProvider ซึ่งไม่ได้บังคับใช้สิทธิ์ READ_SMS อย่างถูกต้อง ทำให้แอปสามารถดึงข้อมูลออกมาได้โดยตรง แม้จะไม่มีสิทธิ์ที่จำเป็น ผลกระทบที่ตามมาคือการล่มของระบบ Multi-Factor Authentication (MFA) ที่ใช้ SMS เป็นช่องทางส่งรหัส OTP เพราะแอปที่เป็นอันตรายสามารถขโมยรหัสเหล่านี้ได้แบบเงียบ ๆ โดยไม่ต้องแจ้งเตือนผู้ใช้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการโจมตีแบบ blind SQL injection เพื่อดึงข้อมูลข้อความทีละตัวอักษร Rapid7 ยืนยันว่าได้ทดสอบช่องโหว่นี้บน OnePlus 8T และ OnePlus 10 Pro ที่ใช้ OxygenOS เวอร์ชัน 12 ถึง 15 และเชื่อว่ารุ่นอื่น ๆ ที่ใช้เวอร์ชันเดียวกันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดย OxygenOS 11 ไม่พบช่องโหว่นี้ ที่น่ากังวลคือ OnePlus ยังไม่ตอบสนองต่อการแจ้งเตือนจาก Rapid7 แม้จะมีการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 รวมถึงการส่งข้อความผ่าน X และติดต่อผ่าน Oppo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับหรือออกแพตช์ใด ๆ Rapid7 จึงตัดสินใจเปิดเผยช่องโหว่นี้ต่อสาธารณะ พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ OnePlus: ✔️ ลบแอปที่ไม่จำเป็นและติดตั้งเฉพาะแอปที่เชื่อถือได้ ✔️ เปลี่ยนจาก SMS-based MFA ไปใช้แอปยืนยันตัวตน เช่น Google Authenticator หรือ Authy ✔️ หลีกเลี่ยงการใช้ SMS ในการสื่อสารข้อมูลสำคัญ และหันไปใช้แอปที่เข้ารหัส เช่น Signal หรือ WhatsApp ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CVE-2025-10184 เป็นช่องโหว่ permission bypass ใน OxygenOS ของ OnePlus ➡️ แอปสามารถอ่าน SMS/MMS และ metadata ได้โดยไม่ต้องขอสิทธิ์หรือแจ้งผู้ใช้ ➡️ เกิดจาก content provider ที่เปิดเผยโดยไม่บังคับใช้ READ_SMS ➡️ ส่งผลให้ระบบ MFA ที่ใช้ SMS ถูกขโมยรหัส OTP ได้ง่าย ➡️ ช่องโหว่นี้ยังเปิดทางให้โจมตีแบบ blind SQL injection ➡️ ทดสอบแล้วบน OnePlus 8T และ 10 Pro ที่ใช้ OxygenOS 12–15 ➡️ OxygenOS 11 ไม่ได้รับผลกระทบ ➡️ Rapid7 ติดต่อ OnePlus หลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ➡️ ยังไม่มีแพตช์แก้ไขจาก OnePlus ณ วันที่เปิดเผย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Content provider เป็นระบบจัดการข้อมูลใน Android ที่ควรมีการควบคุมสิทธิ์เข้าถึง ➡️ Blind SQL injection คือการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลโดยไม่เห็นผลลัพธ์โดยตรง ➡️ MFA ที่ใช้ SMS ถูกวิจารณ์ว่าไม่ปลอดภัยมานาน เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยรหัส ➡️ OnePlus เคยมีประวัติด้านความปลอดภัย เช่น การส่งข้อมูล IMEI ไปยังเซิร์ฟเวอร์จีน ➡️ Rapid7 เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการเปิดเผยช่องโหว่แบบ responsible disclosure https://securityonline.info/cve-2025-10184-unpatched-oneplus-flaw-exposes-sms-data-breaks-mfa-no-patch/
    SECURITYONLINE.INFO
    CVE-2025-10184: Unpatched OnePlus Flaw Exposes SMS Data & Breaks MFA, PoC Available
    A critical, unpatched OnePlus flaw (CVE-2025-10184) allows any app to read SMS data without permission, breaking MFA protections. PoC is available.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า.

    ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้.
    #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย
    #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย
    #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย

    ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น.

    #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา



    วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา

    ผู้พิพากษา
    ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา

    โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย

    จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย)

    โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย)

    ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย)

    กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล


    ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า. ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้. #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น. #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ผู้พิพากษา ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย) โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย) ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย) กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ราชินีมดที่ให้กำเนิดต่างสายพันธุ์ — คำจำกัดความของ ‘สปีชีส์’ อาจต้องเขียนใหม่”

    ในโลกของชีววิทยา มีหลักการหนึ่งที่ดูเหมือนจะมั่นคง: สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะให้กำเนิดลูกหลานในสายพันธุ์เดียวกัน แต่การค้นพบล่าสุดในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ได้เขย่าความเชื่อนี้อย่างรุนแรง เมื่อพบว่า “ราชินีมดเก็บเกี่ยวไอบีเรีย” (Messor ibericus) สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ “มดเก็บเกี่ยวช่างสร้าง” (Messor structor)

    นักวิจัยพบว่า M. ibericus จะผสมพันธุ์กับ M. structor แล้วเก็บสเปิร์มไว้ใช้ในภายหลัง แต่ที่น่าทึ่งคือ พวกเขาเชื่อว่าราชินีมดสามารถ “ลบ” DNA ของตัวเองออกจากไข่บางฟอง แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ทำให้ลูกที่เกิดออกมาเป็นโคลนของสายพันธุ์อื่นโดยสมบูรณ์

    ผลลัพธ์คือ ราชินีมดสามารถให้กำเนิดมดเพศผู้ได้ทั้งสองสายพันธุ์ และมดงานทั้งหมดในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมระหว่างสองสายพันธุ์นี้ ซึ่งถือเป็นระบบสืบพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในสัตว์ชนิดใด

    นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” และยังพบว่าแม้ M. ibericus กับ M. structor จะมีวิวัฒนาการแยกจากกันมากกว่า 5 ล้านปี แต่ราชินีมดยังสามารถสร้างลูกหลานจากทั้งสองสายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเฝ้ารังมดกว่า 50 รัง จนในที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นการเกิดของมด M. structor จากไข่ของราชินี M. ibericus ได้โดยตรง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าการโคลนข้ามสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราชินีมด Messor ibericus สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของสายพันธุ์ Messor structor
    มดงานในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมของทั้งสองสายพันธุ์
    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์”
    การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีจนสามารถสังเกตการเกิดของมดต่างสายพันธุ์ได้

    กลไกและผลกระทบทางวิวัฒนาการ
    M. ibericus อาจลบ DNA ของตัวเองจากไข่แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor
    มดเพศผู้ของทั้งสองสายพันธุ์มี mitochondrial DNA จาก M. ibericus ซึ่งสืบทอดจากแม่
    การโคลนช่วยให้ M. ibericus มีมดงานจำนวนมากแม้ไม่มีรังของ M. structor ใกล้เคียง
    การกระจายตัวของ M. structor ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ผ่านการโคลนโดย M. ibericus

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มดเป็นสัตว์ eusocial ที่มีระบบสืบพันธุ์ซับซ้อนและมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน
    ปรากฏการณ์ “sperm parasitism” เคยพบในมดบางชนิด แต่ไม่เคยถึงขั้นโคลนต่างสายพันธุ์
    นักชีววิทยาเปรียบเทียบว่า “เหมือนมนุษย์มีลูกเป็นลิงชิมแปนซี แล้วใช้ลูกเหล่านั้นสร้างลูกผสมเพื่อทำงานบ้าน”
    การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนิยามของ “สปีชีส์” ในชีววิทยา

    https://www.smithsonianmag.com/smart-news/these-ant-queens-seem-to-defy-biology-they-lay-eggs-that-hatch-into-another-species-180987292/
    🧬 “ราชินีมดที่ให้กำเนิดต่างสายพันธุ์ — คำจำกัดความของ ‘สปีชีส์’ อาจต้องเขียนใหม่” ในโลกของชีววิทยา มีหลักการหนึ่งที่ดูเหมือนจะมั่นคง: สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะให้กำเนิดลูกหลานในสายพันธุ์เดียวกัน แต่การค้นพบล่าสุดในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ได้เขย่าความเชื่อนี้อย่างรุนแรง เมื่อพบว่า “ราชินีมดเก็บเกี่ยวไอบีเรีย” (Messor ibericus) สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ “มดเก็บเกี่ยวช่างสร้าง” (Messor structor) นักวิจัยพบว่า M. ibericus จะผสมพันธุ์กับ M. structor แล้วเก็บสเปิร์มไว้ใช้ในภายหลัง แต่ที่น่าทึ่งคือ พวกเขาเชื่อว่าราชินีมดสามารถ “ลบ” DNA ของตัวเองออกจากไข่บางฟอง แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ทำให้ลูกที่เกิดออกมาเป็นโคลนของสายพันธุ์อื่นโดยสมบูรณ์ ผลลัพธ์คือ ราชินีมดสามารถให้กำเนิดมดเพศผู้ได้ทั้งสองสายพันธุ์ และมดงานทั้งหมดในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมระหว่างสองสายพันธุ์นี้ ซึ่งถือเป็นระบบสืบพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในสัตว์ชนิดใด นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” และยังพบว่าแม้ M. ibericus กับ M. structor จะมีวิวัฒนาการแยกจากกันมากกว่า 5 ล้านปี แต่ราชินีมดยังสามารถสร้างลูกหลานจากทั้งสองสายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเฝ้ารังมดกว่า 50 รัง จนในที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นการเกิดของมด M. structor จากไข่ของราชินี M. ibericus ได้โดยตรง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าการโคลนข้ามสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราชินีมด Messor ibericus สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของสายพันธุ์ Messor structor ➡️ มดงานในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมของทั้งสองสายพันธุ์ ➡️ นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” ➡️ การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีจนสามารถสังเกตการเกิดของมดต่างสายพันธุ์ได้ ✅ กลไกและผลกระทบทางวิวัฒนาการ ➡️ M. ibericus อาจลบ DNA ของตัวเองจากไข่แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ➡️ มดเพศผู้ของทั้งสองสายพันธุ์มี mitochondrial DNA จาก M. ibericus ซึ่งสืบทอดจากแม่ ➡️ การโคลนช่วยให้ M. ibericus มีมดงานจำนวนมากแม้ไม่มีรังของ M. structor ใกล้เคียง ➡️ การกระจายตัวของ M. structor ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ผ่านการโคลนโดย M. ibericus ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มดเป็นสัตว์ eusocial ที่มีระบบสืบพันธุ์ซับซ้อนและมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ➡️ ปรากฏการณ์ “sperm parasitism” เคยพบในมดบางชนิด แต่ไม่เคยถึงขั้นโคลนต่างสายพันธุ์ ➡️ นักชีววิทยาเปรียบเทียบว่า “เหมือนมนุษย์มีลูกเป็นลิงชิมแปนซี แล้วใช้ลูกเหล่านั้นสร้างลูกผสมเพื่อทำงานบ้าน” ➡️ การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนิยามของ “สปีชีส์” ในชีววิทยา https://www.smithsonianmag.com/smart-news/these-ant-queens-seem-to-defy-biology-they-lay-eggs-that-hatch-into-another-species-180987292/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก

    Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ

    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์

    Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม

    Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ

    Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน
    พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต
    ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว

    เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า
    ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า

    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด
    ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง
    ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ

    การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา
    เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์
    สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์

    Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้
    3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง
    ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล

    มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ
    เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก
    ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    📰 Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์ Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ ✅ Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน ➡️ พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต ➡️ ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว ✅ เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า ➡️ ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า ✅ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด ➡️ ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง ➡️ ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ ✅ การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา ➡️ เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ ➡️ สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์ ✅ Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ ➡️ 3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง ➡️ ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล ✅ มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก ➡️ ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่”

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง

    จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง

    เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ

    การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ
    แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
    การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา
    การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด

    การตรวจสอบและหลักฐาน
    ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย
    ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล
    พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
    การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน
    Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้
    แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s
    หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร

    https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    🦠 “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ ➡️ แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ➡️ การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา ➡️ การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด ✅ การตรวจสอบและหลักฐาน ➡️ ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย ➡️ ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล ➡️ พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ➡️ การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน ➡️ Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ ➡️ แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s ➡️ หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    WWW.TUNI.FI
    Myocardial infarction may be an infectious disease | Tampere universities
    A pioneering study by researchers from Finland and the UK has demonstrated for the first time that myocardial infarction may be an infectious disease. This discovery challenges the conventional und...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI”

    ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ

    ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก

    แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์

    รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle
    มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง
    สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก

    ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI
    หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
    Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์
    OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี
    ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025
    SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ
    Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง
    ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    ⚡ “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI” ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์ ✅ รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle ➡️ มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง ➡️ สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก ✅ ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI ➡️ หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ➡️ Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์ ➡️ OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี ➡️ ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025 ➡️ SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ ➡️ Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    OpenAI signs contract to buy $300 billion worth of Oracle computing power over the next five years — company needs 4.5 gigawatts of power, enough to power four million homes
    Instantly boosting Oracle CEO Larry Ellison to the world's richest man, but questions remain about how either company will afford such a deal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Honor Magic V5: มือถือพับได้ที่บางที่สุดในโลก พร้อมแบต 5,820mAh และกล้อง 100x — แต่ยังเข้าอเมริกาไม่ได้!”

    ถ้าคุณกำลังมองหามือถือพับได้ที่ไม่ใช่แค่ “พับได้” แต่ยังบางเฉียบ แบตอึด กล้องแรง และใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้แบบลื่นไหล — Honor Magic V5 คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 แม้จะยังไม่วางขายในสหรัฐฯ ก็ตาม

    Magic V5 เปิดตัวในยุโรปและเอเชีย พร้อมสเปกระดับเรือธง: ชิป Snapdragon 8 Elite, RAM 16GB, ความจุ 512GB และแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 5,820mAh ที่ใช้งานได้ถึง 2 วันเต็ม รองรับชาร์จเร็ว 66W และชาร์จไร้สาย 50W พร้อม reverse charging ด้วย

    หน้าจอด้านในขนาด 7.95 นิ้ว OLED LTPO ความสว่างสูงสุด 5,000 nits ส่วนหน้าจอด้านนอกขนาด 6.43 นิ้ว ก็ยังรองรับ HDR และ Dolby Vision ทั้งคู่มีรีเฟรชเรต 120Hz และรองรับปากกา Stylus พร้อมเทคโนโลยี NanoCrystal Shield กันรอยขีดข่วน

    กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว: กล้องหลัก 50MP, กล้อง Ultra-wide 50MP และกล้อง Telephoto 64MP ที่ซูมได้ 3.5x แบบออปติคอล และสูงสุด 100x แบบดิจิทัล พร้อมระบบกันสั่น OIS และ AI Zoom ที่ช่วยให้ภาพคมชัดแม้ในระยะไกล ส่วนกล้องหน้า 20MP มีทั้งด้านในและด้านนอก รองรับวิดีโอ 4K

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ multitasking แบบใหม่ที่เรียกว่า “Quick Layout” ซึ่งให้ผู้ใช้เปิด 2–3 แอปพร้อมกันได้ทันที โดยใช้การจัดวางแบบ 90/10 หรือแบบแยกแนวตั้งแนวนอน เหมาะกับการทำงานหรือดูคอนเทนต์หลายอย่างพร้อมกัน

    ตัวเครื่องบางเพียง 8.8 มม. เมื่อพับ และ 4.1 มม. เมื่อกางออก น้ำหนัก 217 กรัม พร้อมบอดี้ที่ทนทานระดับ IP58/IP59 กันน้ำและฝุ่นได้ดีเยี่ยม มีให้เลือก 4 สี: Ivory White, Black, Dawn Gold และ Reddish Brown

    สเปกหลักของ Honor Magic V5
    ชิป Snapdragon 8 Elite + GPU Adreno 830
    RAM 16GB + ROM 512GB
    แบตเตอรี่ 5,820mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W และไร้สาย 50W
    รองรับ reverse charging และระบบจัดการพลังงานแบบใหม่

    หน้าจอและดีไซน์
    หน้าจอด้านใน 7.95 นิ้ว OLED LTPO ความละเอียด 2172×2352
    หน้าจอด้านนอก 6.43 นิ้ว OLED ความละเอียด 2376×1060
    ความสว่างสูงสุด 5,000 nits ทั้งสองจอ
    รองรับ Stylus และเทคโนโลยี NanoCrystal Shield กันรอย

    กล้องและการถ่ายภาพ
    กล้องหลัก 50MP f/1.6 + Ultra-wide 50MP f/2.0 + Telephoto 64MP f/2.5
    ซูมออปติคอล 3.5x และดิจิทัลสูงสุด 100x
    กล้องหน้า 20MP ทั้งด้านในและด้านนอก รองรับวิดีโอ 4K
    ระบบ AI Zoom, Motion Sensing Capture และ Enhanced Portraits

    ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์
    รัน Android 15 + MagicOS 9.0.1
    รองรับ multitasking แบบ Quick Layout เปิด 2–3 แอปพร้อมกัน
    มีฟีเจอร์ AI เช่น real-time translation, transcription, image-to-video
    รองรับ Google Gemini AI และระบบ Multi-Flex

    ความทนทานและการออกแบบ
    ตัวเครื่องบาง 8.8 มม. (พับ) / 4.1 มม. (กาง) น้ำหนัก 217 กรัม
    กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP58/IP59
    บานพับ Super Steel Hinge รองรับการพับมากกว่า 500,000 ครั้ง
    มีให้เลือก 4 สี พร้อมดีไซน์แบบหนังเทียมและโลหะพรีเมียม

    ราคาและการวางจำหน่าย
    วางขายในยุโรปและเอเชีย ราคาเริ่มต้น £1,699.99 / €1,999.90
    ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ
    มีจำหน่ายผ่าน Honor Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

    https://www.slashgear.com/1963624/honor-magic-v5-review-foldable/
    📱 “Honor Magic V5: มือถือพับได้ที่บางที่สุดในโลก พร้อมแบต 5,820mAh และกล้อง 100x — แต่ยังเข้าอเมริกาไม่ได้!” ถ้าคุณกำลังมองหามือถือพับได้ที่ไม่ใช่แค่ “พับได้” แต่ยังบางเฉียบ แบตอึด กล้องแรง และใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้แบบลื่นไหล — Honor Magic V5 คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 แม้จะยังไม่วางขายในสหรัฐฯ ก็ตาม Magic V5 เปิดตัวในยุโรปและเอเชีย พร้อมสเปกระดับเรือธง: ชิป Snapdragon 8 Elite, RAM 16GB, ความจุ 512GB และแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 5,820mAh ที่ใช้งานได้ถึง 2 วันเต็ม รองรับชาร์จเร็ว 66W และชาร์จไร้สาย 50W พร้อม reverse charging ด้วย หน้าจอด้านในขนาด 7.95 นิ้ว OLED LTPO ความสว่างสูงสุด 5,000 nits ส่วนหน้าจอด้านนอกขนาด 6.43 นิ้ว ก็ยังรองรับ HDR และ Dolby Vision ทั้งคู่มีรีเฟรชเรต 120Hz และรองรับปากกา Stylus พร้อมเทคโนโลยี NanoCrystal Shield กันรอยขีดข่วน กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว: กล้องหลัก 50MP, กล้อง Ultra-wide 50MP และกล้อง Telephoto 64MP ที่ซูมได้ 3.5x แบบออปติคอล และสูงสุด 100x แบบดิจิทัล พร้อมระบบกันสั่น OIS และ AI Zoom ที่ช่วยให้ภาพคมชัดแม้ในระยะไกล ส่วนกล้องหน้า 20MP มีทั้งด้านในและด้านนอก รองรับวิดีโอ 4K จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ multitasking แบบใหม่ที่เรียกว่า “Quick Layout” ซึ่งให้ผู้ใช้เปิด 2–3 แอปพร้อมกันได้ทันที โดยใช้การจัดวางแบบ 90/10 หรือแบบแยกแนวตั้งแนวนอน เหมาะกับการทำงานหรือดูคอนเทนต์หลายอย่างพร้อมกัน ตัวเครื่องบางเพียง 8.8 มม. เมื่อพับ และ 4.1 มม. เมื่อกางออก น้ำหนัก 217 กรัม พร้อมบอดี้ที่ทนทานระดับ IP58/IP59 กันน้ำและฝุ่นได้ดีเยี่ยม มีให้เลือก 4 สี: Ivory White, Black, Dawn Gold และ Reddish Brown ✅ สเปกหลักของ Honor Magic V5 ➡️ ชิป Snapdragon 8 Elite + GPU Adreno 830 ➡️ RAM 16GB + ROM 512GB ➡️ แบตเตอรี่ 5,820mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W และไร้สาย 50W ➡️ รองรับ reverse charging และระบบจัดการพลังงานแบบใหม่ ✅ หน้าจอและดีไซน์ ➡️ หน้าจอด้านใน 7.95 นิ้ว OLED LTPO ความละเอียด 2172×2352 ➡️ หน้าจอด้านนอก 6.43 นิ้ว OLED ความละเอียด 2376×1060 ➡️ ความสว่างสูงสุด 5,000 nits ทั้งสองจอ ➡️ รองรับ Stylus และเทคโนโลยี NanoCrystal Shield กันรอย ✅ กล้องและการถ่ายภาพ ➡️ กล้องหลัก 50MP f/1.6 + Ultra-wide 50MP f/2.0 + Telephoto 64MP f/2.5 ➡️ ซูมออปติคอล 3.5x และดิจิทัลสูงสุด 100x ➡️ กล้องหน้า 20MP ทั้งด้านในและด้านนอก รองรับวิดีโอ 4K ➡️ ระบบ AI Zoom, Motion Sensing Capture และ Enhanced Portraits ✅ ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ ➡️ รัน Android 15 + MagicOS 9.0.1 ➡️ รองรับ multitasking แบบ Quick Layout เปิด 2–3 แอปพร้อมกัน ➡️ มีฟีเจอร์ AI เช่น real-time translation, transcription, image-to-video ➡️ รองรับ Google Gemini AI และระบบ Multi-Flex ✅ ความทนทานและการออกแบบ ➡️ ตัวเครื่องบาง 8.8 มม. (พับ) / 4.1 มม. (กาง) น้ำหนัก 217 กรัม ➡️ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP58/IP59 ➡️ บานพับ Super Steel Hinge รองรับการพับมากกว่า 500,000 ครั้ง ➡️ มีให้เลือก 4 สี พร้อมดีไซน์แบบหนังเทียมและโลหะพรีเมียม ✅ ราคาและการวางจำหน่าย ➡️ วางขายในยุโรปและเอเชีย ราคาเริ่มต้น £1,699.99 / €1,999.90 ➡️ ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ➡️ มีจำหน่ายผ่าน Honor Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก https://www.slashgear.com/1963624/honor-magic-v5-review-foldable/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Honor Magic V5: Better Value And A Monster Battery, But Can It Beat The Competition? - SlashGear
    Honor Magic V5 delivers the best big foldable smartphone yet, complete with performance to beat most -- but is it worth the cash?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts