• ดูท่าจะเป็นจริง เพราะยังไม่ทันที่นายกฯหนูจะสั่ง รัฐมนตรีคนนอกอย่าง วรภัค และอรรถพล ก็ลงมือทำไปตั้งนานแล้ว พัวพันคดีทุจริตมากมาย ทั้งมหากาพย์โคตรโกงปาล์มน้ำมัน Starks และอภิมหาโกงถ่านหิน Energy Earth
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ดูท่าจะเป็นจริง เพราะยังไม่ทันที่นายกฯหนูจะสั่ง รัฐมนตรีคนนอกอย่าง วรภัค และอรรถพล ก็ลงมือทำไปตั้งนานแล้ว พัวพันคดีทุจริตมากมาย ทั้งมหากาพย์โคตรโกงปาล์มน้ำมัน Starks และอภิมหาโกงถ่านหิน Energy Earth #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิ" ฝากถึง สส.จิรัฏฐ์ ปชน. ว่าแบบนี้...?? (15/9/68)

    #สนธิลั่น
    #จิรัฏฐ์ปชน
    #ฝากถึงสส
    #พรรคก้าวไกล
    #รู้ไม่จริง
    #เพื่อแผ่นดินไทย
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    "สนธิ" ฝากถึง สส.จิรัฏฐ์ ปชน. ว่าแบบนี้...?? (15/9/68) #สนธิลั่น #จิรัฏฐ์ปชน #ฝากถึงสส #พรรคก้าวไกล #รู้ไม่จริง #เพื่อแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "อย่าให้คนบนเรือดูคลิปนี้" เป็นห่วงกลัวนอนไม่หลับ (15/9/68)

    #คนบนเรือ
    #อย่าดูคลิปนี้
    #เรือสั่น
    #นอนไม่หลับ
    #ห่วงจริง
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    "อย่าให้คนบนเรือดูคลิปนี้" เป็นห่วงกลัวนอนไม่หลับ (15/9/68) #คนบนเรือ #อย่าดูคลิปนี้ #เรือสั่น #นอนไม่หลับ #ห่วงจริง #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปลื้มแทนขะแมร์ แตกตื่นที่เที่ยวใหม่ เรียกที่นี่ว่า “สนามบิน” (15/9/68)

    #ขะแมร์
    #สนามบินใหม่
    #แตกตื่น
    #เขมรอึ้ง
    #เที่ยวไทย
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    ปลื้มแทนขะแมร์ แตกตื่นที่เที่ยวใหม่ เรียกที่นี่ว่า “สนามบิน” (15/9/68) #ขะแมร์ #สนามบินใหม่ #แตกตื่น #เขมรอึ้ง #เที่ยวไทย #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อินฟลูสาวถาม รวมพลังแผ่นดิน หายหัวไปไหน..??? (15/9/68)

    #รวมพลังแผ่นดิน
    #ถามแรง
    #อินฟลูสาว
    #การเมืองไทย
    #พรรคการเมือง
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    อินฟลูสาวถาม รวมพลังแผ่นดิน หายหัวไปไหน..??? (15/9/68) #รวมพลังแผ่นดิน #ถามแรง #อินฟลูสาว #การเมืองไทย #พรรคการเมือง #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อิ๊งเยี่ยมพ่อที่รจ. ทักษิณอาจจะได้สอนภาษาอังกฤษและอื่นๆในรจ. (15/9/68)

    #ทักษิณ
    #อิ๊งแพทองธาร
    #รจเรือนจำ
    #ชีวิตในคุก
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    อิ๊งเยี่ยมพ่อที่รจ. ทักษิณอาจจะได้สอนภาษาอังกฤษและอื่นๆในรจ. (15/9/68) #ทักษิณ #อิ๊งแพทองธาร #รจเรือนจำ #ชีวิตในคุก #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ใครยังเชื่อว่าทักษิณโดน “แกล้ง” เป็นเหตุให้ติด 1 ปี ต้องดูคลิปนี้ (15/9/68)

    #ทักษิณ
    #คดีทักษิณ
    #แกล้งหรือจริง
    #ความยุติธรรม
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    ใครยังเชื่อว่าทักษิณโดน “แกล้ง” เป็นเหตุให้ติด 1 ปี ต้องดูคลิปนี้ (15/9/68) #ทักษิณ #คดีทักษิณ #แกล้งหรือจริง #ความยุติธรรม #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เสื้อแดงไปกันใหญ่ เล่นใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ (15/9/68)

    #เสื้อแดง
    #อินฟลูเสื้อแดง
    #เล่นใหญ่
    #สื่อกับการเมือง
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เสื้อแดงไปกันใหญ่ เล่นใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ (15/9/68) #เสื้อแดง #อินฟลูเสื้อแดง #เล่นใหญ่ #สื่อกับการเมือง #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ฝรั่งหัวใจไทย ไม่พอใจBBCหนักมาก! (15/9/68)

    #ฝรั่งรักไทย
    #BBCดราม่า
    #หัวใจไทย
    #สื่อโลกต้องรู้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    ฝรั่งหัวใจไทย ไม่พอใจBBCหนักมาก! (15/9/68) #ฝรั่งรักไทย #BBCดราม่า #หัวใจไทย #สื่อโลกต้องรู้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องให้ได้แบบนี้คืออนาคตของชาติ (15/9/68)

    #คนรุ่นใหม่
    #อนาคตของชาติ
    #เยาวชนไทย
    #ผู้นำรุ่นใหม่
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องให้ได้แบบนี้คืออนาคตของชาติ (15/9/68) #คนรุ่นใหม่ #อนาคตของชาติ #เยาวชนไทย #ผู้นำรุ่นใหม่ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 4 เดือนวัดใจ “อนุทินจะไปต่อหรือพอแค่นี้” (15/9/68)

    #อนุทิน
    #รัฐบาลอนุทิน
    #4เดือนรัฐบาล
    #นายกอนาคต
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    4 เดือนวัดใจ “อนุทินจะไปต่อหรือพอแค่นี้” (15/9/68) #อนุทิน #รัฐบาลอนุทิน #4เดือนรัฐบาล #นายกอนาคต #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พี่ทหารเล่นพูดแบบนี้ คนไทยแทบคว้ารองเท้าวิ่งไปภูมะเขือ ณ บัด Now เลย (15/9/68)

    #ภูมะเขือ
    #ทหารไทย
    #ชายแดนเดือด
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    พี่ทหารเล่นพูดแบบนี้ คนไทยแทบคว้ารองเท้าวิ่งไปภูมะเขือ ณ บัด Now เลย (15/9/68) #ภูมะเขือ #ทหารไทย #ชายแดนเดือด #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เขมรที่อยากมาป่วนตาเมือนธม ต้องดูคลิปนี้ ข่าวดีมาก! (15/9/68)

    #ตาเมือนธม
    #ชายแดนไทย
    #ข่าวดีมาก
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เขมรที่อยากมาป่วนตาเมือนธม ต้องดูคลิปนี้ ข่าวดีมาก! (15/9/68) #ตาเมือนธม #ชายแดนไทย #ข่าวดีมาก #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เฮฮาที่ด่านหน้า พบแร็ปเปอร์เขมร เรื่องฮาจึงบังเกิด ใจไม่ถึงห้ามดู (15/9/68)

    #แร็ปเปอร์เขมร
    #ชายแดนไทย
    #เขมรฮา
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เฮฮาที่ด่านหน้า พบแร็ปเปอร์เขมร เรื่องฮาจึงบังเกิด ใจไม่ถึงห้ามดู (15/9/68) #แร็ปเปอร์เขมร #ชายแดนไทย #เขมรฮา #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ทดสอบความเร็วเน็ตใน Taskbar — กดปุ๊บเปิด Bing ปั๊บ แต่ยังไม่ใช่ระบบในเครื่องจริง”

    Microsoft เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ให้ผู้ใช้สามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ทันทีจาก Taskbar โดยไม่ต้องเปิดเว็บไซต์หรือแอปภายนอก โดยในเวอร์ชัน Insider ล่าสุด (Build 26220.6682 และ 26120.6682) มีการเพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ทั้งในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่าย และในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi

    เมื่อคลิกปุ่มดังกล่าว ระบบจะเปิดเบราว์เซอร์และนำผู้ใช้ไปยัง Bing ซึ่งมีเครื่องมือทดสอบความเร็วเน็ตฝังอยู่ — หมายความว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่ใช่การทดสอบแบบ native ภายใน Windows แต่เป็นการเชื่อมต่อไปยังบริการภายนอกที่ Microsoft ควบคุมผ่าน Bing

    นอกจากฟีเจอร์นี้ Microsoft ยังปรับปรุงหน้าการตั้งค่าหลายส่วน เช่น หน้า Mobile Devices ที่รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในที่เดียว และหน้า Privacy & Security ที่มีหัวข้อชัดเจนมากขึ้น รวมถึงหน้าใหม่ “Background AI tasks” ที่ยังไม่เสถียรและมีรายงานว่าทำให้ระบบล่มในบางกรณี

    แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สะท้อนถึงแนวทางของ Microsoft ที่พยายามเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และเชื่อมโยงบริการของตนเองเข้ากับระบบปฏิบัติการอย่างแนบเนียนมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build
    เพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่ายใน Taskbar
    เพิ่มปุ่มทดสอบความเร็วในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi
    เมื่อคลิกแล้วจะเปิด Bing เพื่อทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์
    ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Build 26220.6682 และ 26120.6682 (KB5065782) ในช่อง Dev และ Beta

    การปรับปรุงหน้าการตั้งค่า
    หน้า Mobile Devices รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในหน้าหลักของ Bluetooth & Devices
    หน้า Privacy & Security ถูกจัดระเบียบใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น
    เพิ่มหน้า “Background AI tasks” สำหรับควบคุมงานเบื้องหลังของ AI
    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบกับผู้ใช้ Insider

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-is-getting-a-built-in-internet-speed-test-feature-that-will-take-you-to-bing-along-with-multiple-revamped-settings-pages-latest-insider-channel-builds-reveal-prominent-changes-coming-soon-to-the-os
    📶 “Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ทดสอบความเร็วเน็ตใน Taskbar — กดปุ๊บเปิด Bing ปั๊บ แต่ยังไม่ใช่ระบบในเครื่องจริง” Microsoft เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ให้ผู้ใช้สามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ทันทีจาก Taskbar โดยไม่ต้องเปิดเว็บไซต์หรือแอปภายนอก โดยในเวอร์ชัน Insider ล่าสุด (Build 26220.6682 และ 26120.6682) มีการเพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ทั้งในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่าย และในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi เมื่อคลิกปุ่มดังกล่าว ระบบจะเปิดเบราว์เซอร์และนำผู้ใช้ไปยัง Bing ซึ่งมีเครื่องมือทดสอบความเร็วเน็ตฝังอยู่ — หมายความว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่ใช่การทดสอบแบบ native ภายใน Windows แต่เป็นการเชื่อมต่อไปยังบริการภายนอกที่ Microsoft ควบคุมผ่าน Bing นอกจากฟีเจอร์นี้ Microsoft ยังปรับปรุงหน้าการตั้งค่าหลายส่วน เช่น หน้า Mobile Devices ที่รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในที่เดียว และหน้า Privacy & Security ที่มีหัวข้อชัดเจนมากขึ้น รวมถึงหน้าใหม่ “Background AI tasks” ที่ยังไม่เสถียรและมีรายงานว่าทำให้ระบบล่มในบางกรณี แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สะท้อนถึงแนวทางของ Microsoft ที่พยายามเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และเชื่อมโยงบริการของตนเองเข้ากับระบบปฏิบัติการอย่างแนบเนียนมากขึ้น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ➡️ เพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่ายใน Taskbar ➡️ เพิ่มปุ่มทดสอบความเร็วในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi ➡️ เมื่อคลิกแล้วจะเปิด Bing เพื่อทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Build 26220.6682 และ 26120.6682 (KB5065782) ในช่อง Dev และ Beta ✅ การปรับปรุงหน้าการตั้งค่า ➡️ หน้า Mobile Devices รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในหน้าหลักของ Bluetooth & Devices ➡️ หน้า Privacy & Security ถูกจัดระเบียบใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น ➡️ เพิ่มหน้า “Background AI tasks” สำหรับควบคุมงานเบื้องหลังของ AI ➡️ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบกับผู้ใช้ Insider https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-is-getting-a-built-in-internet-speed-test-feature-that-will-take-you-to-bing-along-with-multiple-revamped-settings-pages-latest-insider-channel-builds-reveal-prominent-changes-coming-soon-to-the-os
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • “HDD เครื่องแรกของโลกอายุครบ 69 ปี — IBM RAMAC 350 จุดเริ่มต้นของยุคข้อมูลที่หมุนด้วยจานแม่เหล็ก”

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1956 IBM ได้เปิดตัว RAMAC 350 Disk Storage Unit ซึ่งถือเป็นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) เครื่องแรกของโลก โดยมีความจุ 3.75MB ซึ่งในยุคนั้นถือว่า “มหาศาล” และเป็นการปฏิวัติวงการจัดเก็บข้อมูลอย่างแท้จริง

    RAMAC ย่อมาจาก “Random Access Method of Accounting and Control” โดยระบบนี้ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ IBM RAMAC 305 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศ (vacuum tube) และสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มได้รวดเร็วกว่าเทคโนโลยีเดิมที่ใช้บัตรเจาะรูหรือไฟล์กระดาษ

    ตัวเครื่อง RAMAC 350 มีขนาดใหญ่เท่าตู้เย็นสองใบรวมกัน และหนักกว่า 1 ตัน ใช้จานแม่เหล็กขนาด 24 นิ้วจำนวน 50 แผ่น หมุนด้วยความเร็ว 1,200 รอบต่อนาที โดยมีแขนกลหลายตัวที่สามารถเคลื่อนที่เพื่ออ่านข้อมูลจากจุดต่าง ๆ บนจานได้ภายในเวลา 800 มิลลิวินาที

    แม้ความจุจะดูเล็กเมื่อเทียบกับ HDD ปัจจุบันที่มีขนาดหลายเทราไบต์ แต่ RAMAC 350 ได้วางรากฐานให้กับการพัฒนา relational database, ระบบ ATM, การค้นหาข้อมูล และแม้แต่การเดินทางในอวกาศ เพราะมันเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์จัดการข้อมูลจากแบบต่อเนื่องเป็นแบบสุ่มที่เข้าถึงได้ทันที

    ทุกวันนี้ HDD ยังไม่ตาย แม้จะถูก SSD แย่งพื้นที่ในตลาด แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในราคาประหยัด เช่น HDD ขนาด 26TB ที่มีราคาต่ำกว่า SSD ขนาด 8TB อย่างเห็นได้ชัด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IBM เปิดตัว RAMAC 350 HDD เครื่องแรกของโลกเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1956
    ความจุ 3.75MB ใช้จานแม่เหล็ก 50 แผ่น ขนาด 24 นิ้ว หมุนที่ 1,200 RPM
    ทำงานร่วมกับ IBM RAMAC 305 ซึ่งใช้หลอดสุญญากาศ
    เข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มได้ภายใน 800 มิลลิวินาที — เร็วกว่าบัตรเจาะรูหลายเท่า

    ผลกระทบทางเทคโนโลยี
    RAMAC 350 เป็นต้นแบบของ HDD ทั้งหมดในยุคต่อมา
    วางรากฐานให้กับ relational database และระบบจัดการข้อมูลสมัยใหม่
    ช่วยให้ธุรกิจเลิกใช้ tub files และลดการพึ่งพาพนักงานจัดเก็บเอกสาร
    มีบทบาทในระบบ ATM, การค้นหาข้อมูล และการบินอวกาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IBM เป็นผู้คิดค้นทั้ง HDD และ FDD โดยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของการจัดเก็บข้อมูล
    HDD ยุคใหม่มีความจุสูงถึง 30TB และใช้เทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording)
    SSD มีความเร็วสูงกว่า แต่ราคาต่อ TB ยังแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับ HDD
    HDD ยังเป็นที่นิยมในงานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น NAS และเซิร์ฟเวอร์สำรองข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/ibm-announced-the-worlds-first-hdd-the-3-75mb-ramac-350-disk-storage-unit-69-years-ago-today-unit-weighed-more-than-a-ton-50-platters-ran-at-1-200-rpm
    💾 “HDD เครื่องแรกของโลกอายุครบ 69 ปี — IBM RAMAC 350 จุดเริ่มต้นของยุคข้อมูลที่หมุนด้วยจานแม่เหล็ก” ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1956 IBM ได้เปิดตัว RAMAC 350 Disk Storage Unit ซึ่งถือเป็นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) เครื่องแรกของโลก โดยมีความจุ 3.75MB ซึ่งในยุคนั้นถือว่า “มหาศาล” และเป็นการปฏิวัติวงการจัดเก็บข้อมูลอย่างแท้จริง RAMAC ย่อมาจาก “Random Access Method of Accounting and Control” โดยระบบนี้ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ IBM RAMAC 305 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศ (vacuum tube) และสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มได้รวดเร็วกว่าเทคโนโลยีเดิมที่ใช้บัตรเจาะรูหรือไฟล์กระดาษ ตัวเครื่อง RAMAC 350 มีขนาดใหญ่เท่าตู้เย็นสองใบรวมกัน และหนักกว่า 1 ตัน ใช้จานแม่เหล็กขนาด 24 นิ้วจำนวน 50 แผ่น หมุนด้วยความเร็ว 1,200 รอบต่อนาที โดยมีแขนกลหลายตัวที่สามารถเคลื่อนที่เพื่ออ่านข้อมูลจากจุดต่าง ๆ บนจานได้ภายในเวลา 800 มิลลิวินาที แม้ความจุจะดูเล็กเมื่อเทียบกับ HDD ปัจจุบันที่มีขนาดหลายเทราไบต์ แต่ RAMAC 350 ได้วางรากฐานให้กับการพัฒนา relational database, ระบบ ATM, การค้นหาข้อมูล และแม้แต่การเดินทางในอวกาศ เพราะมันเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์จัดการข้อมูลจากแบบต่อเนื่องเป็นแบบสุ่มที่เข้าถึงได้ทันที ทุกวันนี้ HDD ยังไม่ตาย แม้จะถูก SSD แย่งพื้นที่ในตลาด แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในราคาประหยัด เช่น HDD ขนาด 26TB ที่มีราคาต่ำกว่า SSD ขนาด 8TB อย่างเห็นได้ชัด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IBM เปิดตัว RAMAC 350 HDD เครื่องแรกของโลกเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1956 ➡️ ความจุ 3.75MB ใช้จานแม่เหล็ก 50 แผ่น ขนาด 24 นิ้ว หมุนที่ 1,200 RPM ➡️ ทำงานร่วมกับ IBM RAMAC 305 ซึ่งใช้หลอดสุญญากาศ ➡️ เข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มได้ภายใน 800 มิลลิวินาที — เร็วกว่าบัตรเจาะรูหลายเท่า ✅ ผลกระทบทางเทคโนโลยี ➡️ RAMAC 350 เป็นต้นแบบของ HDD ทั้งหมดในยุคต่อมา ➡️ วางรากฐานให้กับ relational database และระบบจัดการข้อมูลสมัยใหม่ ➡️ ช่วยให้ธุรกิจเลิกใช้ tub files และลดการพึ่งพาพนักงานจัดเก็บเอกสาร ➡️ มีบทบาทในระบบ ATM, การค้นหาข้อมูล และการบินอวกาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IBM เป็นผู้คิดค้นทั้ง HDD และ FDD โดยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของการจัดเก็บข้อมูล ➡️ HDD ยุคใหม่มีความจุสูงถึง 30TB และใช้เทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) ➡️ SSD มีความเร็วสูงกว่า แต่ราคาต่อ TB ยังแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับ HDD ➡️ HDD ยังเป็นที่นิยมในงานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น NAS และเซิร์ฟเวอร์สำรองข้อมูล https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/ibm-announced-the-worlds-first-hdd-the-3-75mb-ramac-350-disk-storage-unit-69-years-ago-today-unit-weighed-more-than-a-ton-50-platters-ran-at-1-200-rpm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์เจาะระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะในแคมปัสอัมสเตอร์ดัม — ฟรีซักผ้าแค่ชั่วคราว ก่อนระบบพังยับและนักศึกษาต้องเดินไกล”

    กลางเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ Spinozacampus ในอัมสเตอร์ดัม เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อแฮกเกอร์นิรนามสามารถเจาะระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะที่ใช้ระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้เครื่องซักผ้าทั้งหมดเปิดให้ใช้งานฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ส่งผลให้นักศึกษากว่า 1,250 คนได้ซักผ้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย — แต่ความสะดวกนี้อยู่ได้ไม่นาน

    บริษัท Duwo ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบเครื่องซักผ้าในแคมปัสตัดสินใจปิดการใช้งานเครื่องทั้งหมดในที่สุด โดยให้เหตุผลว่า “รายได้จากการซักผ้าเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาบริการให้มีราคาที่เข้าถึงได้” แม้จะดูเหมือนค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่เมื่อรวมจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดแล้วก็กลายเป็นภาระที่หนักสำหรับผู้ให้บริการ

    แม้จะมีเครื่องซักผ้าแบบอนาล็อก 10 เครื่องอยู่ใกล้ ๆ แต่หลายเครื่องมักเสียหรือใช้งานไม่ได้ โดยมีนักศึกษารายหนึ่งระบุว่า “มีเครื่องที่ใช้ได้จริงแค่เครื่องเดียวสำหรับนักศึกษาทั้งหมด” จนเกิดความกังวลเรื่องการระบาดของเหาเนื่องจากไม่สามารถซักผ้าได้อย่างสม่ำเสมอ

    Duwo จึงเริ่มทยอยเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องแบบอนาล็อก โดยคาดว่าจะได้รับเครื่องใหม่อีก 5 เครื่องในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกัน อาคารพักอาศัยอื่น ๆ ก็เริ่มหันหลังให้กับเครื่องซักผ้า IoT เช่นกัน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Sijmen Ruwhof ให้ความเห็นว่า การหาตัวแฮกเกอร์นั้นใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่คุ้มค่าในการดำเนินคดี แม้จะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 6 ปีหากพบว่าเจตนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นนักศึกษาที่มีความสามารถด้านโปรแกรมมิ่งที่ “อดใจไม่ไหว” เมื่อเห็นเครื่องซักผ้าอัจฉริยะอยู่ตรงหน้า

    เหตุการณ์การแฮกระบบเครื่องซักผ้า
    เกิดขึ้นที่ Spinozacampus ในอัมสเตอร์ดัมช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025
    แฮกเกอร์เจาะระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้เครื่องซักผ้าใช้งานฟรี
    Duwo ปิดระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะทั้งหมดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
    นักศึกษากว่า 1,250 คนได้รับผลกระทบจากการปิดระบบ

    ทางเลือกและการแก้ไข
    มีเครื่องซักผ้าอนาล็อก 10 เครื่องใกล้แคมปัส แต่มักเสียหรือใช้งานไม่ได้
    Duwo เตรียมติดตั้งเครื่องอนาล็อกเพิ่มอีก 5 เครื่องในเร็ว ๆ นี้
    อาคารพักอาศัยอื่น ๆ เริ่มเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องแบบไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    นักศึกษาบางส่วนเดินไปใช้งานเครื่องซักผ้าในอาคารใกล้เคียงที่มีเครื่องมากกว่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เครื่องซักผ้า IoT เป็นเป้าหมายใหม่ของการโจมตีไซเบอร์ในยุคที่ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ต
    การแฮกอุปกรณ์ IoT สามารถนำไปใช้โจมตีเว็บไซต์หรือระบบอื่นผ่าน botnet ได้
    การแฮกแบบ “zero-touch” ไม่ต้องเข้าถึงเครื่องโดยตรง — ใช้แค่โปรแกรมจากแล็ปท็อป
    การโจมตีอุปกรณ์อัจฉริยะในชีวิตประจำวันเริ่มมีผลกระทบจริงมากขึ้นในหลายประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-breaks-into-on-campus-smart-washing-machines-management-eventually-disables-devices-leaving-thousands-of-students-with-no-reliable-laundry-service
    🧺 “แฮกเกอร์เจาะระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะในแคมปัสอัมสเตอร์ดัม — ฟรีซักผ้าแค่ชั่วคราว ก่อนระบบพังยับและนักศึกษาต้องเดินไกล” กลางเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ Spinozacampus ในอัมสเตอร์ดัม เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อแฮกเกอร์นิรนามสามารถเจาะระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะที่ใช้ระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้เครื่องซักผ้าทั้งหมดเปิดให้ใช้งานฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ส่งผลให้นักศึกษากว่า 1,250 คนได้ซักผ้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย — แต่ความสะดวกนี้อยู่ได้ไม่นาน บริษัท Duwo ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบเครื่องซักผ้าในแคมปัสตัดสินใจปิดการใช้งานเครื่องทั้งหมดในที่สุด โดยให้เหตุผลว่า “รายได้จากการซักผ้าเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาบริการให้มีราคาที่เข้าถึงได้” แม้จะดูเหมือนค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่เมื่อรวมจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดแล้วก็กลายเป็นภาระที่หนักสำหรับผู้ให้บริการ แม้จะมีเครื่องซักผ้าแบบอนาล็อก 10 เครื่องอยู่ใกล้ ๆ แต่หลายเครื่องมักเสียหรือใช้งานไม่ได้ โดยมีนักศึกษารายหนึ่งระบุว่า “มีเครื่องที่ใช้ได้จริงแค่เครื่องเดียวสำหรับนักศึกษาทั้งหมด” จนเกิดความกังวลเรื่องการระบาดของเหาเนื่องจากไม่สามารถซักผ้าได้อย่างสม่ำเสมอ Duwo จึงเริ่มทยอยเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องแบบอนาล็อก โดยคาดว่าจะได้รับเครื่องใหม่อีก 5 เครื่องในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกัน อาคารพักอาศัยอื่น ๆ ก็เริ่มหันหลังให้กับเครื่องซักผ้า IoT เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Sijmen Ruwhof ให้ความเห็นว่า การหาตัวแฮกเกอร์นั้นใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่คุ้มค่าในการดำเนินคดี แม้จะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 6 ปีหากพบว่าเจตนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นนักศึกษาที่มีความสามารถด้านโปรแกรมมิ่งที่ “อดใจไม่ไหว” เมื่อเห็นเครื่องซักผ้าอัจฉริยะอยู่ตรงหน้า ✅ เหตุการณ์การแฮกระบบเครื่องซักผ้า ➡️ เกิดขึ้นที่ Spinozacampus ในอัมสเตอร์ดัมช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ แฮกเกอร์เจาะระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้เครื่องซักผ้าใช้งานฟรี ➡️ Duwo ปิดระบบเครื่องซักผ้าอัจฉริยะทั้งหมดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ➡️ นักศึกษากว่า 1,250 คนได้รับผลกระทบจากการปิดระบบ ✅ ทางเลือกและการแก้ไข ➡️ มีเครื่องซักผ้าอนาล็อก 10 เครื่องใกล้แคมปัส แต่มักเสียหรือใช้งานไม่ได้ ➡️ Duwo เตรียมติดตั้งเครื่องอนาล็อกเพิ่มอีก 5 เครื่องในเร็ว ๆ นี้ ➡️ อาคารพักอาศัยอื่น ๆ เริ่มเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องแบบไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ นักศึกษาบางส่วนเดินไปใช้งานเครื่องซักผ้าในอาคารใกล้เคียงที่มีเครื่องมากกว่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เครื่องซักผ้า IoT เป็นเป้าหมายใหม่ของการโจมตีไซเบอร์ในยุคที่ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ต ➡️ การแฮกอุปกรณ์ IoT สามารถนำไปใช้โจมตีเว็บไซต์หรือระบบอื่นผ่าน botnet ได้ ➡️ การแฮกแบบ “zero-touch” ไม่ต้องเข้าถึงเครื่องโดยตรง — ใช้แค่โปรแกรมจากแล็ปท็อป ➡️ การโจมตีอุปกรณ์อัจฉริยะในชีวิตประจำวันเริ่มมีผลกระทบจริงมากขึ้นในหลายประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-breaks-into-on-campus-smart-washing-machines-management-eventually-disables-devices-leaving-thousands-of-students-with-no-reliable-laundry-service
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Samsung อุดช่องโหว่ CVE-2025-21043 — แค่ดูภาพก็โดนแฮกได้! ผู้ใช้ Android รีบอัปเดตด่วน”

    Samsung ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนกันยายน 2025 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-21043 ซึ่งถูกใช้โจมตีจริงในอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้ถูกค้นพบในไลบรารีปิดซอร์สชื่อ libimagecodec.quram.so ที่พัฒนาโดยบริษัท Quramsoft จากเกาหลีใต้ ซึ่งทำหน้าที่ในการประมวลผลไฟล์ภาพในแอปต่าง ๆ เช่น WhatsApp และแอปส่งข้อความอื่น ๆ

    ช่องโหว่นี้เป็นแบบ “out-of-bounds write” ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถส่งภาพที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ระบบประมวลผลภาพเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำที่กำหนดไว้ ส่งผลให้สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกหรือเปิดไฟล์ใด ๆ — แค่ระบบพยายามแสดงภาพก็เพียงพอแล้ว

    WhatsApp และ Meta เป็นผู้แจ้งช่องโหว่นี้ให้ Samsung ทราบในเดือนสิงหาคม หลังพบการโจมตีจริงในอุปกรณ์ Android โดยเฉพาะในแคมเปญที่มีเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งคล้ายกับช่องโหว่ CVE-2025-55177 ที่เคยเกิดขึ้นใน iOS และ macOS ก่อนหน้านี้

    อัปเดตล่าสุดของ Samsung ยังรวมการแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ จาก Google และทีมเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung เอง ครอบคลุมอุปกรณ์ Android ตั้งแต่เวอร์ชัน 13 ถึง 16 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า “การอัปเดตทันที” คือวิธีป้องกันที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-21043 เป็นแบบ out-of-bounds write ใน libimagecodec.quram.so
    สามารถถูกโจมตีผ่านภาพที่ถูกปรับแต่ง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้เปิดไฟล์
    WhatsApp และ Meta เป็นผู้แจ้งช่องโหว่นี้ให้ Samsung ทราบในเดือนสิงหาคม
    Samsung แก้ไขช่องโหว่นี้ในอัปเดตความปลอดภัยเดือนกันยายน 2025

    รายละเอียดทางเทคนิค
    libimagecodec.quram.so เป็นไลบรารีปิดซอร์สที่ใช้ในระบบประมวลผลภาพของ Samsung
    ช่องโหว่เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดอันตรายจากระยะไกล
    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบคือ Android เวอร์ชัน 13–16
    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นผ่าน MMS, อีเมล หรือเว็บที่มีภาพฝังอยู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่ลักษณะนี้เคยถูกใช้ในแคมเปญสปายแวร์ขั้นสูง เช่น Pegasus และ Predator
    Google Project Zero เคยเตือนว่าไลบรารีภาพมักมีปัญหาด้าน memory safety
    การโจมตีแบบ “zero-click” เป็นหนึ่งในรูปแบบที่อันตรายที่สุด เพราะผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย
    การอัปเดตระบบเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

    https://hackread.com/samsung-android-image-parsing-vulnerability-attacks/
    📱 “Samsung อุดช่องโหว่ CVE-2025-21043 — แค่ดูภาพก็โดนแฮกได้! ผู้ใช้ Android รีบอัปเดตด่วน” Samsung ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนกันยายน 2025 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-21043 ซึ่งถูกใช้โจมตีจริงในอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้ถูกค้นพบในไลบรารีปิดซอร์สชื่อ libimagecodec.quram.so ที่พัฒนาโดยบริษัท Quramsoft จากเกาหลีใต้ ซึ่งทำหน้าที่ในการประมวลผลไฟล์ภาพในแอปต่าง ๆ เช่น WhatsApp และแอปส่งข้อความอื่น ๆ ช่องโหว่นี้เป็นแบบ “out-of-bounds write” ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถส่งภาพที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ระบบประมวลผลภาพเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำที่กำหนดไว้ ส่งผลให้สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกหรือเปิดไฟล์ใด ๆ — แค่ระบบพยายามแสดงภาพก็เพียงพอแล้ว WhatsApp และ Meta เป็นผู้แจ้งช่องโหว่นี้ให้ Samsung ทราบในเดือนสิงหาคม หลังพบการโจมตีจริงในอุปกรณ์ Android โดยเฉพาะในแคมเปญที่มีเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งคล้ายกับช่องโหว่ CVE-2025-55177 ที่เคยเกิดขึ้นใน iOS และ macOS ก่อนหน้านี้ อัปเดตล่าสุดของ Samsung ยังรวมการแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ จาก Google และทีมเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung เอง ครอบคลุมอุปกรณ์ Android ตั้งแต่เวอร์ชัน 13 ถึง 16 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า “การอัปเดตทันที” คือวิธีป้องกันที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-21043 เป็นแบบ out-of-bounds write ใน libimagecodec.quram.so ➡️ สามารถถูกโจมตีผ่านภาพที่ถูกปรับแต่ง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ ➡️ WhatsApp และ Meta เป็นผู้แจ้งช่องโหว่นี้ให้ Samsung ทราบในเดือนสิงหาคม ➡️ Samsung แก้ไขช่องโหว่นี้ในอัปเดตความปลอดภัยเดือนกันยายน 2025 ✅ รายละเอียดทางเทคนิค ➡️ libimagecodec.quram.so เป็นไลบรารีปิดซอร์สที่ใช้ในระบบประมวลผลภาพของ Samsung ➡️ ช่องโหว่เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดอันตรายจากระยะไกล ➡️ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบคือ Android เวอร์ชัน 13–16 ➡️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นผ่าน MMS, อีเมล หรือเว็บที่มีภาพฝังอยู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่ลักษณะนี้เคยถูกใช้ในแคมเปญสปายแวร์ขั้นสูง เช่น Pegasus และ Predator ➡️ Google Project Zero เคยเตือนว่าไลบรารีภาพมักมีปัญหาด้าน memory safety ➡️ การโจมตีแบบ “zero-click” เป็นหนึ่งในรูปแบบที่อันตรายที่สุด เพราะผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย ➡️ การอัปเดตระบบเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย https://hackread.com/samsung-android-image-parsing-vulnerability-attacks/
    HACKREAD.COM
    Samsung Fixes Image Parsing Vulnerability Exploited in Android Attacks
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รู้หรือไม่? ‘Ti’ บนการ์ดจอ NVIDIA หมายถึงอะไร — ไม่ใช่แค่ชื่อเท่ แต่คือพลังที่เพิ่มขึ้นจริง”

    หากคุณเคยเลือกซื้อการ์ดจอ NVIDIA แล้วเจอรุ่นที่มีคำว่า “Ti” ต่อท้าย เช่น RTX 3080 Ti หรือ GTX 1660 Ti คุณอาจสงสัยว่า “Ti” หมายถึงอะไร และมันต่างจากรุ่นธรรมดาอย่างไร บทความจาก SlashGear ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า “Ti” ย่อมาจาก “Titanium” ซึ่งแม้จะไม่ได้หมายถึงวัสดุที่ใช้ผลิตจริง แต่เป็นการสื่อถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

    การ์ดจอรุ่น Ti มักจะมีสเปกที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาในซีรีส์เดียวกัน เช่น มีจำนวน CUDA cores มากขึ้น, หน่วยความจำ (VRAM) เพิ่มขึ้น หรือความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเรนเดอร์ภาพ การเล่นเกม และการตัดต่อวิดีโอทำได้ลื่นไหลกว่าเดิม

    อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งของแต่ละรุ่น Ti ไม่ได้เหมือนกันหมด เช่น RTX 3080 Ti มี VRAM มากกว่า RTX 3080 อยู่ 2GB และมี CUDA cores เพิ่มขึ้นถึง 1,716 cores แต่รุ่นอื่น ๆ อาจมีการเพิ่มแค่บางส่วน ดังนั้นการเปรียบเทียบต้องดูเป็นรุ่นต่อรุ่น

    ในปี 2025 NVIDIA ได้เปิดตัวซีรีส์ RTX 50 ซึ่งยังคงมีรุ่น Ti เช่น RTX 5070 Ti ที่มาพร้อม 8960 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 16GB ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเกมเมอร์และสายครีเอทีฟที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องข้ามไปยังรุ่น 5090 ที่แพงกว่า

    ความหมายและความสามารถของรุ่น Ti
    “Ti” ย่อมาจาก “Titanium” ใช้เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
    รุ่น Ti มักมี CUDA cores และ VRAM มากกว่ารุ่นธรรมดาในซีรีส์เดียวกัน
    RTX 3080 Ti มี VRAM เพิ่มขึ้น 2GB และ CUDA cores มากกว่า 1,700 cores เมื่อเทียบกับ RTX 3080
    RTX 5070 Ti ในปี 2025 มี 8960 CUDA cores และ GDDR7 ขนาด 16GB — เหมาะกับเกมระดับ AAA และงานกราฟิกหนัก

    การใช้งานและประโยชน์
    รุ่น Ti เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงและภาพลื่นไหลในการเล่นเกม
    เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, เรนเดอร์ 3D, และการทำงานด้าน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
    รุ่น Ti มักมีราคาสูงกว่ารุ่นธรรมดา แต่ยังถูกกว่ารุ่นสูงสุดในซีรีส์ เช่น RTX 5090
    การเลือกใช้รุ่น Ti ช่วยลดการ drop frame และเพิ่มความละเอียดในการแสดงผล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVIDIA ยังมีรุ่น “Super” และ “Super Ti” ที่อยู่ระหว่างรุ่นธรรมดากับรุ่น Ti
    การ์ดจอรุ่น Ti มีในหลายซีรีส์ เช่น GTX 16, RTX 20, 30, 40 และล่าสุด RTX 50
    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพควรดูจาก benchmark เช่น 3DMark หรือ Time Spy
    CUDA cores คือหน่วยประมวลผลขนาดเล็กที่ช่วยให้ GPU ทำงานแบบขนานได้ดีขึ้น

    https://www.slashgear.com/1966061/nvidia-graphics-card-ti-meaning-explained/
    ⚙️ “รู้หรือไม่? ‘Ti’ บนการ์ดจอ NVIDIA หมายถึงอะไร — ไม่ใช่แค่ชื่อเท่ แต่คือพลังที่เพิ่มขึ้นจริง” หากคุณเคยเลือกซื้อการ์ดจอ NVIDIA แล้วเจอรุ่นที่มีคำว่า “Ti” ต่อท้าย เช่น RTX 3080 Ti หรือ GTX 1660 Ti คุณอาจสงสัยว่า “Ti” หมายถึงอะไร และมันต่างจากรุ่นธรรมดาอย่างไร บทความจาก SlashGear ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า “Ti” ย่อมาจาก “Titanium” ซึ่งแม้จะไม่ได้หมายถึงวัสดุที่ใช้ผลิตจริง แต่เป็นการสื่อถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า การ์ดจอรุ่น Ti มักจะมีสเปกที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาในซีรีส์เดียวกัน เช่น มีจำนวน CUDA cores มากขึ้น, หน่วยความจำ (VRAM) เพิ่มขึ้น หรือความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเรนเดอร์ภาพ การเล่นเกม และการตัดต่อวิดีโอทำได้ลื่นไหลกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งของแต่ละรุ่น Ti ไม่ได้เหมือนกันหมด เช่น RTX 3080 Ti มี VRAM มากกว่า RTX 3080 อยู่ 2GB และมี CUDA cores เพิ่มขึ้นถึง 1,716 cores แต่รุ่นอื่น ๆ อาจมีการเพิ่มแค่บางส่วน ดังนั้นการเปรียบเทียบต้องดูเป็นรุ่นต่อรุ่น ในปี 2025 NVIDIA ได้เปิดตัวซีรีส์ RTX 50 ซึ่งยังคงมีรุ่น Ti เช่น RTX 5070 Ti ที่มาพร้อม 8960 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 16GB ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเกมเมอร์และสายครีเอทีฟที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องข้ามไปยังรุ่น 5090 ที่แพงกว่า ✅ ความหมายและความสามารถของรุ่น Ti ➡️ “Ti” ย่อมาจาก “Titanium” ใช้เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ➡️ รุ่น Ti มักมี CUDA cores และ VRAM มากกว่ารุ่นธรรมดาในซีรีส์เดียวกัน ➡️ RTX 3080 Ti มี VRAM เพิ่มขึ้น 2GB และ CUDA cores มากกว่า 1,700 cores เมื่อเทียบกับ RTX 3080 ➡️ RTX 5070 Ti ในปี 2025 มี 8960 CUDA cores และ GDDR7 ขนาด 16GB — เหมาะกับเกมระดับ AAA และงานกราฟิกหนัก ✅ การใช้งานและประโยชน์ ➡️ รุ่น Ti เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงและภาพลื่นไหลในการเล่นเกม ➡️ เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, เรนเดอร์ 3D, และการทำงานด้าน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ➡️ รุ่น Ti มักมีราคาสูงกว่ารุ่นธรรมดา แต่ยังถูกกว่ารุ่นสูงสุดในซีรีส์ เช่น RTX 5090 ➡️ การเลือกใช้รุ่น Ti ช่วยลดการ drop frame และเพิ่มความละเอียดในการแสดงผล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVIDIA ยังมีรุ่น “Super” และ “Super Ti” ที่อยู่ระหว่างรุ่นธรรมดากับรุ่น Ti ➡️ การ์ดจอรุ่น Ti มีในหลายซีรีส์ เช่น GTX 16, RTX 20, 30, 40 และล่าสุด RTX 50 ➡️ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพควรดูจาก benchmark เช่น 3DMark หรือ Time Spy ➡️ CUDA cores คือหน่วยประมวลผลขนาดเล็กที่ช่วยให้ GPU ทำงานแบบขนานได้ดีขึ้น https://www.slashgear.com/1966061/nvidia-graphics-card-ti-meaning-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Does 'Ti' Mean When It Comes To Nvidia GPUs? - SlashGear
    Nvidia's GPUs have been considered some of the best on the market, including the Ti releases, but what does the Ti designation mean for owners?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • “USB ด้านหลังทีวีไม่ใช่ปลั๊กไฟ! 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเด็ดขาด — ป้องกันพอร์ตพัง เครื่องแฮงก์ และไฟล์หาย”

    หลายคนอาจเคยสงสัยว่า USB ด้านหลังทีวีมีไว้ทำอะไร เพราะดูเหมือนจะว่างเปล่าและไม่ได้ใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก เช่น อ่านไฟล์จากแฟลชไดรฟ์ หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริมเล็ก ๆ อย่าง dongle สตรีมมิ่ง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ “มันไม่ใช่ปลั๊กไฟ” และการเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทอาจทำให้ทีวีเสียหายได้

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของทีวี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่กินไฟสูงหรือสร้างความร้อน เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พัดลม USB ฮีตเตอร์ หรือฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พอร์ต USB พัง หรือแม้แต่ทำให้ทีวีแฮงก์และไฟล์เสียหาย

    แม้บางอุปกรณ์จะดูเหมือนทำงานได้ เช่น ไฟแสดงการชาร์จขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการดึงไฟแบบ “หยด” ที่ไม่เพียงพอ และอาจทำให้ทีวีตัดการเชื่อมต่อเองเมื่อโหลดไฟเกินขีดจำกัด

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอุปกรณ์ราคาถูกหรือไม่มีแบรนด์ เช่น dongle แปลงสัญญาณ HDMI หรือฮับ USB ที่ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้สัญญาณภาพกระตุก เสียงขาด และพอร์ตเสียหายได้ในระยะยาว

    อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับ USB ของทีวี
    สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก — ต้องการไฟมากกว่า 18–100 วัตต์ แต่ทีวีจ่ายได้แค่ 2.5–4.5 วัตต์
    อุปกรณ์สร้างความร้อน เช่น ฮีตเตอร์ USB, แผ่นอุ่นแก้ว, พัดลม — ทำให้เกิดความร้อนสะสมหลังทีวี
    ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ — ต้องการไฟมากกว่าที่ทีวีจ่ายได้ อาจทำให้ไฟล์เสียหายหรือเชื่อมต่อหลุด
    dongle หรืออะแดปเตอร์ราคาถูก — ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้พอร์ตเสียหาย
    แฟลชไดรฟ์หรือฮับที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อาจมีมัลแวร์หรือไฟล์เสียหายที่ทำให้ทีวีแฮงก์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พอร์ต USB ของทีวีออกแบบมาเพื่ออ่านไฟล์หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เบา ๆ เท่านั้น
    อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น แฟลชไดรฟ์ขนาดไม่เกิน 32GB หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีแหล่งจ่ายไฟแยก
    การใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (powered hub) ช่วยลดภาระจากทีวี
    ทีวีบางรุ่นมีระบบตัดการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อโหลดไฟเกิน

    https://www.slashgear.com/1965755/gadgets-to-never-plug-into-tv-usb-ports/
    📺 “USB ด้านหลังทีวีไม่ใช่ปลั๊กไฟ! 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเด็ดขาด — ป้องกันพอร์ตพัง เครื่องแฮงก์ และไฟล์หาย” หลายคนอาจเคยสงสัยว่า USB ด้านหลังทีวีมีไว้ทำอะไร เพราะดูเหมือนจะว่างเปล่าและไม่ได้ใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก เช่น อ่านไฟล์จากแฟลชไดรฟ์ หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริมเล็ก ๆ อย่าง dongle สตรีมมิ่ง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ “มันไม่ใช่ปลั๊กไฟ” และการเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทอาจทำให้ทีวีเสียหายได้ บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของทีวี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่กินไฟสูงหรือสร้างความร้อน เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พัดลม USB ฮีตเตอร์ หรือฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พอร์ต USB พัง หรือแม้แต่ทำให้ทีวีแฮงก์และไฟล์เสียหาย แม้บางอุปกรณ์จะดูเหมือนทำงานได้ เช่น ไฟแสดงการชาร์จขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการดึงไฟแบบ “หยด” ที่ไม่เพียงพอ และอาจทำให้ทีวีตัดการเชื่อมต่อเองเมื่อโหลดไฟเกินขีดจำกัด นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอุปกรณ์ราคาถูกหรือไม่มีแบรนด์ เช่น dongle แปลงสัญญาณ HDMI หรือฮับ USB ที่ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้สัญญาณภาพกระตุก เสียงขาด และพอร์ตเสียหายได้ในระยะยาว ✅ อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับ USB ของทีวี ➡️ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก — ต้องการไฟมากกว่า 18–100 วัตต์ แต่ทีวีจ่ายได้แค่ 2.5–4.5 วัตต์ ➡️ อุปกรณ์สร้างความร้อน เช่น ฮีตเตอร์ USB, แผ่นอุ่นแก้ว, พัดลม — ทำให้เกิดความร้อนสะสมหลังทีวี ➡️ ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ — ต้องการไฟมากกว่าที่ทีวีจ่ายได้ อาจทำให้ไฟล์เสียหายหรือเชื่อมต่อหลุด ➡️ dongle หรืออะแดปเตอร์ราคาถูก — ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้พอร์ตเสียหาย ➡️ แฟลชไดรฟ์หรือฮับที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อาจมีมัลแวร์หรือไฟล์เสียหายที่ทำให้ทีวีแฮงก์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พอร์ต USB ของทีวีออกแบบมาเพื่ออ่านไฟล์หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เบา ๆ เท่านั้น ➡️ อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น แฟลชไดรฟ์ขนาดไม่เกิน 32GB หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีแหล่งจ่ายไฟแยก ➡️ การใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (powered hub) ช่วยลดภาระจากทีวี ➡️ ทีวีบางรุ่นมีระบบตัดการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อโหลดไฟเกิน https://www.slashgear.com/1965755/gadgets-to-never-plug-into-tv-usb-ports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Plug Into Your TV's USB Ports (And Why) - SlashGear
    Your new flat screen TV probably has one or more USB ports for convenience sake, but trying to plug the wrong device into it can be bad for your TV.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GStreamer 1.26.6 อัปเดตใหม่ รองรับ WVC1 และ WMV3 บน Video4Linux2 — เสริมพลังมัลติมีเดียให้ลินุกซ์ยุคใหม่”

    GStreamer เฟรมเวิร์กมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.6 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 6 ในซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถและเสถียรภาพให้กับระบบวิดีโอบน Linux โดยเฉพาะผ่าน API Video4Linux2 (V4L2)

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มการรองรับ codec WVC1 และ WMV3 ซึ่งเป็นฟอร์แมตวิดีโอยอดนิยมในยุคก่อน โดยเฉพาะในไฟล์ Windows Media Video ที่ยังคงมีการใช้งานอยู่ในหลายระบบ การรองรับนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นไฟล์เก่าได้โดยไม่ต้องแปลงฟอร์แมต

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในหลายส่วน เช่น การเพิ่ม blocking adapter element ในปลั๊กอิน threadshare เพื่อช่วยจัดการกับ block elements อย่าง sinks ที่ต้อง sync กับ clock, การอัปเดต librespot library เป็นเวอร์ชัน 0.7 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ Spotify และการปรับปรุงประสิทธิภาพของปลั๊กอิน videorate เมื่อทำงานในโหมด drop-only

    ยังมีการแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น ปัญหา decklinkvideosrc ที่เข้าสู่สถานะ unrecoverable เมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อมใช้งาน, การ parsing ของ directive ใน hlsdemux2, และการแก้ไข memory leak ในหลายองค์ประกอบ รวมถึงการปรับปรุง decoder สำหรับ Vulkan และการลดการใช้ทรัพยากรใน Cerbero build system

    การอัปเดตนี้ยังแก้ regression ใน Python bindings และปรับปรุงเสถียรภาพโดยรวมของระบบ GStreamer ให้พร้อมสำหรับการใช้งานในระดับ production ทั้งในงานสตรีมมิ่ง การตัดต่อ และการพัฒนาแอปมัลติมีเดีย

    ฟีเจอร์ใหม่ใน GStreamer 1.26.6
    รองรับ codec WVC1 และ WMV3 บน Video4Linux2 (V4L2)
    เพิ่ม blocking adapter element ในปลั๊กอิน threadshare สำหรับการ sync กับ clock
    อัปเดต librespot library เป็นเวอร์ชัน 0.7 เพื่อรองรับ Spotify รุ่นใหม่
    ปรับปรุงปลั๊กอิน videorate ให้ทำงานได้ดีขึ้นในโหมด drop-only

    การแก้ไขและปรับปรุงระบบ
    แก้ปัญหา decklinkvideosrc ที่ไม่สามารถเริ่มสตรีมเมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อม
    ปรับปรุงการ parsing directive ใน hlsdemux2 เช่น byterange และ init map
    แก้ไข memory leak และปรับปรุงเสถียรภาพใน transcriberbin และ fallbacksrc
    ปรับปรุง decoder สำหรับ Vulkan และลดการใช้ทรัพยากรใน Cerbero build system

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    WVC1 และ WMV3 เป็น codec ที่ใช้ในไฟล์วิดีโอ Windows Media ซึ่งยังพบในระบบเก่า
    Video4Linux2 เป็น API มาตรฐานสำหรับจัดการอุปกรณ์วิดีโอบน Linux
    librespot เป็นไลบรารีที่ใช้สำหรับการสตรีม Spotify แบบไม่เป็นทางการ
    GStreamer ถูกใช้ในแอปพลิเคชันหลากหลาย เช่น OBS Studio, PipeWire และ Firefox

    https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-6-adds-support-for-wvc1-and-wmv3-codecs-to-video4linux2
    🎬 “GStreamer 1.26.6 อัปเดตใหม่ รองรับ WVC1 และ WMV3 บน Video4Linux2 — เสริมพลังมัลติมีเดียให้ลินุกซ์ยุคใหม่” GStreamer เฟรมเวิร์กมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.6 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 6 ในซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถและเสถียรภาพให้กับระบบวิดีโอบน Linux โดยเฉพาะผ่าน API Video4Linux2 (V4L2) หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มการรองรับ codec WVC1 และ WMV3 ซึ่งเป็นฟอร์แมตวิดีโอยอดนิยมในยุคก่อน โดยเฉพาะในไฟล์ Windows Media Video ที่ยังคงมีการใช้งานอยู่ในหลายระบบ การรองรับนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นไฟล์เก่าได้โดยไม่ต้องแปลงฟอร์แมต นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในหลายส่วน เช่น การเพิ่ม blocking adapter element ในปลั๊กอิน threadshare เพื่อช่วยจัดการกับ block elements อย่าง sinks ที่ต้อง sync กับ clock, การอัปเดต librespot library เป็นเวอร์ชัน 0.7 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ Spotify และการปรับปรุงประสิทธิภาพของปลั๊กอิน videorate เมื่อทำงานในโหมด drop-only ยังมีการแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น ปัญหา decklinkvideosrc ที่เข้าสู่สถานะ unrecoverable เมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อมใช้งาน, การ parsing ของ directive ใน hlsdemux2, และการแก้ไข memory leak ในหลายองค์ประกอบ รวมถึงการปรับปรุง decoder สำหรับ Vulkan และการลดการใช้ทรัพยากรใน Cerbero build system การอัปเดตนี้ยังแก้ regression ใน Python bindings และปรับปรุงเสถียรภาพโดยรวมของระบบ GStreamer ให้พร้อมสำหรับการใช้งานในระดับ production ทั้งในงานสตรีมมิ่ง การตัดต่อ และการพัฒนาแอปมัลติมีเดีย ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน GStreamer 1.26.6 ➡️ รองรับ codec WVC1 และ WMV3 บน Video4Linux2 (V4L2) ➡️ เพิ่ม blocking adapter element ในปลั๊กอิน threadshare สำหรับการ sync กับ clock ➡️ อัปเดต librespot library เป็นเวอร์ชัน 0.7 เพื่อรองรับ Spotify รุ่นใหม่ ➡️ ปรับปรุงปลั๊กอิน videorate ให้ทำงานได้ดีขึ้นในโหมด drop-only ✅ การแก้ไขและปรับปรุงระบบ ➡️ แก้ปัญหา decklinkvideosrc ที่ไม่สามารถเริ่มสตรีมเมื่ออุปกรณ์ไม่พร้อม ➡️ ปรับปรุงการ parsing directive ใน hlsdemux2 เช่น byterange และ init map ➡️ แก้ไข memory leak และปรับปรุงเสถียรภาพใน transcriberbin และ fallbacksrc ➡️ ปรับปรุง decoder สำหรับ Vulkan และลดการใช้ทรัพยากรใน Cerbero build system ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ WVC1 และ WMV3 เป็น codec ที่ใช้ในไฟล์วิดีโอ Windows Media ซึ่งยังพบในระบบเก่า ➡️ Video4Linux2 เป็น API มาตรฐานสำหรับจัดการอุปกรณ์วิดีโอบน Linux ➡️ librespot เป็นไลบรารีที่ใช้สำหรับการสตรีม Spotify แบบไม่เป็นทางการ ➡️ GStreamer ถูกใช้ในแอปพลิเคชันหลากหลาย เช่น OBS Studio, PipeWire และ Firefox https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-6-adds-support-for-wvc1-and-wmv3-codecs-to-video4linux2
    9TO5LINUX.COM
    GStreamer 1.26.6 Adds Support for WVC1 and WMV3 Codecs to Video4Linux2 - 9to5Linux
    GStreamer 1.26.6 open-source multimedia framework is now available for download with various improvements and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “MKVToolNix 95.0 อัปเดตใหม่ เพิ่มความฉลาดในการสร้าง Chapter พร้อมรองรับ Boost รุ่นล่าสุด — เครื่องมือจัดการ MKV ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา”

    MKVToolNix เครื่องมือจัดการไฟล์ Matroska (MKV) บนระบบ Linux ได้ปล่อยเวอร์ชันล่าสุด 95.0 ในชื่อ “Goodbye Stranger” โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การสร้าง chapter ในไฟล์วิดีโอมีความแม่นยำและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการรวมไฟล์หลายส่วนเข้าด้วยกัน

    ในเวอร์ชันนี้ GUI ของ MKVToolNix ได้เพิ่ม placeholder ใหม่สำหรับการสร้าง chapter ของไฟล์ที่ถูก append ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วย metadata ของชื่อไฟล์นั้นโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการ chapter ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแก้ไขทีละรายการ

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการแสดงผล matrix จากไฟล์ MP4 ให้แปลงเป็นค่า roll และ yaw ที่เหมาะสมสำหรับไฟล์ MKV และเพิ่ม argument ใหม่ --date ในคำสั่ง mkvmerge เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกำหนด metadata วันที่ได้เอง

    ด้านเทคนิค MKVToolNix 95.0 ยังเพิ่มการรองรับ Boost 1.89.0 โดยใช้เฉพาะส่วน header ของ Boost.System ซึ่งเป็นแบบ header-only ตั้งแต่เวอร์ชัน 1.69.0 ทำให้การ build จาก source ต้องใช้ Boost 1.74.0 ขึ้นไป

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเวอร์ชันนี้ได้ทั้งแบบ AppImage ที่รันได้บนทุก distro โดยไม่ต้องติดตั้ง และแบบ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการ build เอง โดยเวอร์ชันนี้ยังรองรับ distro ล่าสุดอย่าง Debian 13 “Trixie” และยุติการสนับสนุน Ubuntu 24.10 ที่หมดอายุไปแล้ว

    ฟีเจอร์ใหม่ใน MKVToolNix 95.0
    เพิ่ม placeholder สำหรับ chapter ของไฟล์ที่ถูก append โดยใช้ title metadata
    ปรับการแสดงผล matrix จาก MP4 เป็นค่า roll และ yaw ที่เหมาะสม
    เพิ่ม argument --date ใน mkvmerge เพื่อกำหนด metadata วันที่

    การปรับปรุงด้านเทคนิค
    รองรับ Boost 1.89.0 โดยใช้เฉพาะ header ของ Boost.System
    ต้องใช้ Boost 1.74.0 ขึ้นไปในการ build จาก source
    แก้บั๊ก PCM packetized ให้ mkvmerge เขียน frame ขนาด 40ms เสมอ
    แก้ปัญหา memory leak ใน MP4/QuickTime reader เมื่ออ่าน PCM audio

    การรองรับระบบปฏิบัติการ
    รองรับ Debian 13 “Trixie”, Arch, Fedora 42, Linux Mint 22, AlmaLinux 10 และอื่น ๆ
    มี AppImage ที่รันได้บน Linux ทุกรุ่นที่ใช้ glibc 2.28 ขึ้นไป
    มี Flatpak บน Flathub สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งผ่าน container
    ยุติการสนับสนุน Ubuntu 24.10 ที่หมดอายุในเดือนมิถุนายน 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MKVToolNix เป็นเครื่องมือมาตรฐานสำหรับจัดการไฟล์ Matroska ทั้งสร้าง แก้ไข และตรวจสอบ
    GUI ใช้งานง่ายและครอบคลุมฟังก์ชันของเครื่องมือ command-line
    มี community สนับสนุนและอัปเดตต่อเนื่องจากผู้พัฒนา Moritz Bunkus
    เหมาะกับผู้ใช้มืออาชีพด้านวิดีโอและผู้ที่ต้องการควบคุม metadata อย่างละเอียด

    https://9to5linux.com/mkvtoolnix-95-0-mkv-manipulation-tool-improves-the-chapter-generation-feature
    🛠️ “MKVToolNix 95.0 อัปเดตใหม่ เพิ่มความฉลาดในการสร้าง Chapter พร้อมรองรับ Boost รุ่นล่าสุด — เครื่องมือจัดการ MKV ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา” MKVToolNix เครื่องมือจัดการไฟล์ Matroska (MKV) บนระบบ Linux ได้ปล่อยเวอร์ชันล่าสุด 95.0 ในชื่อ “Goodbye Stranger” โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การสร้าง chapter ในไฟล์วิดีโอมีความแม่นยำและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการรวมไฟล์หลายส่วนเข้าด้วยกัน ในเวอร์ชันนี้ GUI ของ MKVToolNix ได้เพิ่ม placeholder ใหม่สำหรับการสร้าง chapter ของไฟล์ที่ถูก append ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วย metadata ของชื่อไฟล์นั้นโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการ chapter ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแก้ไขทีละรายการ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการแสดงผล matrix จากไฟล์ MP4 ให้แปลงเป็นค่า roll และ yaw ที่เหมาะสมสำหรับไฟล์ MKV และเพิ่ม argument ใหม่ --date ในคำสั่ง mkvmerge เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกำหนด metadata วันที่ได้เอง ด้านเทคนิค MKVToolNix 95.0 ยังเพิ่มการรองรับ Boost 1.89.0 โดยใช้เฉพาะส่วน header ของ Boost.System ซึ่งเป็นแบบ header-only ตั้งแต่เวอร์ชัน 1.69.0 ทำให้การ build จาก source ต้องใช้ Boost 1.74.0 ขึ้นไป ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเวอร์ชันนี้ได้ทั้งแบบ AppImage ที่รันได้บนทุก distro โดยไม่ต้องติดตั้ง และแบบ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการ build เอง โดยเวอร์ชันนี้ยังรองรับ distro ล่าสุดอย่าง Debian 13 “Trixie” และยุติการสนับสนุน Ubuntu 24.10 ที่หมดอายุไปแล้ว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน MKVToolNix 95.0 ➡️ เพิ่ม placeholder สำหรับ chapter ของไฟล์ที่ถูก append โดยใช้ title metadata ➡️ ปรับการแสดงผล matrix จาก MP4 เป็นค่า roll และ yaw ที่เหมาะสม ➡️ เพิ่ม argument --date ใน mkvmerge เพื่อกำหนด metadata วันที่ ✅ การปรับปรุงด้านเทคนิค ➡️ รองรับ Boost 1.89.0 โดยใช้เฉพาะ header ของ Boost.System ➡️ ต้องใช้ Boost 1.74.0 ขึ้นไปในการ build จาก source ➡️ แก้บั๊ก PCM packetized ให้ mkvmerge เขียน frame ขนาด 40ms เสมอ ➡️ แก้ปัญหา memory leak ใน MP4/QuickTime reader เมื่ออ่าน PCM audio ✅ การรองรับระบบปฏิบัติการ ➡️ รองรับ Debian 13 “Trixie”, Arch, Fedora 42, Linux Mint 22, AlmaLinux 10 และอื่น ๆ ➡️ มี AppImage ที่รันได้บน Linux ทุกรุ่นที่ใช้ glibc 2.28 ขึ้นไป ➡️ มี Flatpak บน Flathub สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งผ่าน container ➡️ ยุติการสนับสนุน Ubuntu 24.10 ที่หมดอายุในเดือนมิถุนายน 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MKVToolNix เป็นเครื่องมือมาตรฐานสำหรับจัดการไฟล์ Matroska ทั้งสร้าง แก้ไข และตรวจสอบ ➡️ GUI ใช้งานง่ายและครอบคลุมฟังก์ชันของเครื่องมือ command-line ➡️ มี community สนับสนุนและอัปเดตต่อเนื่องจากผู้พัฒนา Moritz Bunkus ➡️ เหมาะกับผู้ใช้มืออาชีพด้านวิดีโอและผู้ที่ต้องการควบคุม metadata อย่างละเอียด https://9to5linux.com/mkvtoolnix-95-0-mkv-manipulation-tool-improves-the-chapter-generation-feature
    9TO5LINUX.COM
    MKVToolNix 95.0 MKV Manipulation Tool Improves the Chapter Generation Feature - 9to5Linux
    MKVToolNix 95.0 open-source MKV manipulation tool is now available for download with a new chapter generation feature and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่”

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง

    จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง

    เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ

    การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ
    แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
    การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา
    การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด

    การตรวจสอบและหลักฐาน
    ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย
    ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล
    พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
    การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน
    Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้
    แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s
    หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร

    https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    🦠 “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ ➡️ แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ➡️ การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา ➡️ การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด ✅ การตรวจสอบและหลักฐาน ➡️ ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย ➡️ ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล ➡️ พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ➡️ การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน ➡️ Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ ➡️ แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s ➡️ หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    WWW.TUNI.FI
    Myocardial infarction may be an infectious disease | Tampere universities
    A pioneering study by researchers from Finland and the UK has demonstrated for the first time that myocardial infarction may be an infectious disease. This discovery challenges the conventional und...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน”

    เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร

    EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป

    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน

    PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025

    กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS
    ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031
    PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ
    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act

    ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน
    Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม
    มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ
    มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล
    EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ
    การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ
    เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis
    การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา

    https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    🚱 “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025 กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS ➡️ ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031 ➡️ PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ ➡️ นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ✅ ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน ➡️ Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม ➡️ มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ ➡️ มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล ➡️ EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ ➡️ การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ ➡️ เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis ➡️ การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Rea861FTB14?si=enl-BUY2WKwK7cWt
    https://youtu.be/Rea861FTB14?si=enl-BUY2WKwK7cWt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts