• ยุโรปเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สอง

    ยุโรปได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Alice Recoque ซึ่งถือเป็นระบบ Exascale เครื่องที่สองของภูมิภาค โดยใช้พลังจากซีพียู AMD EPYC “Venice” รุ่นใหม่และจีพียู Instinct MI430X ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่

    สเปกและเทคโนโลยีล้ำสมัย
    Alice Recoque จะประกอบด้วย 94 แร็ค บนแพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลจาก DDN และโครงสร้างการเชื่อมต่อ BXI fabric ที่ช่วยให้การประมวลผลแบบขยายตัวมีประสิทธิภาพสูงสุด ซีพียู Venice มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ขณะที่จีพียู MI430X มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432 GB และรองรับรูปแบบข้อมูล FP4 และ FP8 เพื่อให้เหมาะกับงาน AI โดยเฉพาะ

    พลังงานและการติดตั้ง
    ระบบนี้จะใช้พลังงานประมาณ 12 เมกะวัตต์ ภายใต้การทำงานปกติ และใช้เทคโนโลยี การระบายความร้อนด้วยน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ของ Eviden เพื่อจัดการกับความร้อนจากส่วนประกอบที่ใช้พลังงานสูง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะถูกติดตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การดูแลของ GENCI และดำเนินงานโดย CEA โดยมีการสนับสนุนจากหลายประเทศในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ และกรีซ

    การใช้งานและอนาคต
    Alice Recoque จะถูกใช้ในงานวิจัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ การพัฒนาโมเดล AI, การแพทย์เฉพาะบุคคล, การวิจัยสภาพภูมิอากาศ, ไปจนถึง การวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมและกล้องโทรทรรศน์ คาดว่าระบบจะเริ่มใช้งานจริงในช่วงปี 2027–2028 หลังจาก AMD เปิดตัวซีพียู Venice และจีพียู MI430X อย่างเป็นทางการในปี 2026

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว Alice Recoque
    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สองของยุโรป

    สเปกหลัก
    ใช้ AMD EPYC Venice (256 คอร์) และ Instinct MI430X (432 GB HBM4)

    โครงสร้างระบบ
    94 แร็ค บน BullSequana XH3500 พร้อม BXI fabric และ DDN storage

    พลังงานและการระบายความร้อน
    ใช้พลังงาน ~12 เมกะวัตต์ พร้อมระบบน้ำอุ่นรุ่นที่ 5

    การติดตั้งและการดำเนินงาน
    ติดตั้งที่ฝรั่งเศส ดูแลโดย GENCI และ CEA

    ความท้าทายด้านเวลาและเทคโนโลยี
    ระบบจะพร้อมใช้งานจริงได้ราวปี 2027–2028 หลังจากฮาร์ดแวร์หลักเปิดตัว

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่
    หากการพัฒนา Venice และ MI430X ล่าช้า อาจกระทบต่อกำหนดการใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/amd-and-eviden-unveil-europes-second-exascale-system-epyc-venice-and-instinct-mi430x-power-system-breaks-the-exaflop-barrier
    ⚡ ยุโรปเปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สอง ยุโรปได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Alice Recoque ซึ่งถือเป็นระบบ Exascale เครื่องที่สองของภูมิภาค โดยใช้พลังจากซีพียู AMD EPYC “Venice” รุ่นใหม่และจีพียู Instinct MI430X ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการประมวลผลทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ 🖥️ สเปกและเทคโนโลยีล้ำสมัย Alice Recoque จะประกอบด้วย 94 แร็ค บนแพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลจาก DDN และโครงสร้างการเชื่อมต่อ BXI fabric ที่ช่วยให้การประมวลผลแบบขยายตัวมีประสิทธิภาพสูงสุด ซีพียู Venice มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ขณะที่จีพียู MI430X มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432 GB และรองรับรูปแบบข้อมูล FP4 และ FP8 เพื่อให้เหมาะกับงาน AI โดยเฉพาะ 🌍 พลังงานและการติดตั้ง ระบบนี้จะใช้พลังงานประมาณ 12 เมกะวัตต์ ภายใต้การทำงานปกติ และใช้เทคโนโลยี การระบายความร้อนด้วยน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ของ Eviden เพื่อจัดการกับความร้อนจากส่วนประกอบที่ใช้พลังงานสูง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะถูกติดตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การดูแลของ GENCI และดำเนินงานโดย CEA โดยมีการสนับสนุนจากหลายประเทศในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ และกรีซ 🔮 การใช้งานและอนาคต Alice Recoque จะถูกใช้ในงานวิจัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ การพัฒนาโมเดล AI, การแพทย์เฉพาะบุคคล, การวิจัยสภาพภูมิอากาศ, ไปจนถึง การวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมและกล้องโทรทรรศน์ คาดว่าระบบจะเริ่มใช้งานจริงในช่วงปี 2027–2028 หลังจาก AMD เปิดตัวซีพียู Venice และจีพียู MI430X อย่างเป็นทางการในปี 2026 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว Alice Recoque ➡️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Exascale เครื่องที่สองของยุโรป ✅ สเปกหลัก ➡️ ใช้ AMD EPYC Venice (256 คอร์) และ Instinct MI430X (432 GB HBM4) ✅ โครงสร้างระบบ ➡️ 94 แร็ค บน BullSequana XH3500 พร้อม BXI fabric และ DDN storage ✅ พลังงานและการระบายความร้อน ➡️ ใช้พลังงาน ~12 เมกะวัตต์ พร้อมระบบน้ำอุ่นรุ่นที่ 5 ✅ การติดตั้งและการดำเนินงาน ➡️ ติดตั้งที่ฝรั่งเศส ดูแลโดย GENCI และ CEA ‼️ ความท้าทายด้านเวลาและเทคโนโลยี ⛔ ระบบจะพร้อมใช้งานจริงได้ราวปี 2027–2028 หลังจากฮาร์ดแวร์หลักเปิดตัว ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ ⛔ หากการพัฒนา Venice และ MI430X ล่าช้า อาจกระทบต่อกำหนดการใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/amd-and-eviden-unveil-europes-second-exascale-system-epyc-venice-and-instinct-mi430x-power-system-breaks-the-exaflop-barrier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

    บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

    ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ
    นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    มุมมองระยะยาว
    แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์
    สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed

    แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ
    การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต
    การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล
    ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    💰 บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก 🌍 ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ⚠️ ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว 🔮 มุมมองระยะยาว แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์ ➡️ สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ✅ ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed ✅ แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ ➡️ การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ‼️ ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต ⛔ การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล ⛔ ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัว Bambu Lab H2C – เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว

    Bambu Lab ได้สร้างความฮือฮาในงาน FormNext 2025 ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์สามมิติรุ่น H2C ที่มาพร้อมระบบหัวฉีด 7 หัวแบบเปลี่ยนได้อัตโนมัติ จุดเด่นคือการใช้ Vortek Hotend Change System ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

    เครื่องรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดถึง 4,199 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น Laser Combo ที่รวมอุปกรณ์เสริมครบชุด ถือเป็นการยกระดับตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับโปรที่เน้นความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน

    ปัญหาภาษีทำให้สหรัฐฯ ต้องรอ
    แม้จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถซื้อ H2C ได้ทันที เนื่องจากติดปัญหา ข้อจำกัดด้านภาษีและโลจิสติกส์ ทำให้การจัดจำหน่ายถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ตลาดยุโรปและประเทศอื่น ๆ เริ่มได้สัมผัสเครื่องรุ่นนี้ก่อนแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่

    ประสิทธิภาพและการทดสอบเบื้องต้น
    จากการทดสอบเบื้องต้น เครื่อง H2C สามารถพิมพ์งานหลายสีได้เร็วกว่า H2D ถึงสองเท่า แต่ยังช้ากว่า Prusa XL อยู่บ้าง จุดเด่นคือการลดการสิ้นเปลืองวัสดุ โดยใช้เสา purge tower ที่เล็กลงและจัดการเศษวัสดุได้ดีกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว Bambu Lab H2C
    เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend Change System

    ราคาจำหน่าย
    เริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์ สูงสุด 4,199 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น Laser Combo

    ประสิทธิภาพการพิมพ์
    เร็วกว่า H2D สองเท่า และลดการสิ้นเปลืองวัสดุได้มาก

    ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ
    ติดปัญหาภาษีและข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์

    ผลกระทบจากสงครามการค้า
    ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอการเปิดตัวอย่างไม่มีกำหนด

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-launches-beastly-seven-nozzle-3d-printer-at-formnext-h2c-model-launches-everywhere-but-the-us-due-to-tarrifs
    🖨️ เปิดตัว Bambu Lab H2C – เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว Bambu Lab ได้สร้างความฮือฮาในงาน FormNext 2025 ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์สามมิติรุ่น H2C ที่มาพร้อมระบบหัวฉีด 7 หัวแบบเปลี่ยนได้อัตโนมัติ จุดเด่นคือการใช้ Vortek Hotend Change System ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า เครื่องรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดถึง 4,199 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น Laser Combo ที่รวมอุปกรณ์เสริมครบชุด ถือเป็นการยกระดับตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับโปรที่เน้นความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน 🌍 ปัญหาภาษีทำให้สหรัฐฯ ต้องรอ แม้จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถซื้อ H2C ได้ทันที เนื่องจากติดปัญหา ข้อจำกัดด้านภาษีและโลจิสติกส์ ทำให้การจัดจำหน่ายถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ตลาดยุโรปและประเทศอื่น ๆ เริ่มได้สัมผัสเครื่องรุ่นนี้ก่อนแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่ ⚙️ ประสิทธิภาพและการทดสอบเบื้องต้น จากการทดสอบเบื้องต้น เครื่อง H2C สามารถพิมพ์งานหลายสีได้เร็วกว่า H2D ถึงสองเท่า แต่ยังช้ากว่า Prusa XL อยู่บ้าง จุดเด่นคือการลดการสิ้นเปลืองวัสดุ โดยใช้เสา purge tower ที่เล็กลงและจัดการเศษวัสดุได้ดีกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว Bambu Lab H2C ➡️ เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend Change System ✅ ราคาจำหน่าย ➡️ เริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์ สูงสุด 4,199 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น Laser Combo ✅ ประสิทธิภาพการพิมพ์ ➡️ เร็วกว่า H2D สองเท่า และลดการสิ้นเปลืองวัสดุได้มาก ‼️ ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ⛔ ติดปัญหาภาษีและข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ ‼️ ผลกระทบจากสงครามการค้า ⛔ ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอการเปิดตัวอย่างไม่มีกำหนด https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-launches-beastly-seven-nozzle-3d-printer-at-formnext-h2c-model-launches-everywhere-but-the-us-due-to-tarrifs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Azure ป้องกันการโจมตี DDoS 15.72 Tbps จากบอทเน็ต Aisuru

    เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 Microsoft Azure ต้องเผชิญกับการโจมตี Distributed Denial-of-Service (DDoS) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คลาวด์ โดยมีปริมาณทราฟฟิกสูงถึง 15.72 Tbps และ 3.64 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที การโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แต่ระบบป้องกันของ Azure สามารถตรวจจับและกรองทราฟฟิกได้ทันที ทำให้บริการลูกค้าไม่หยุดชะงัก

    บอทเน็ตที่อยู่เบื้องหลังคือ Aisuru ซึ่งถูกจัดว่าเป็นภัยระดับ “Turbo Mirai-class” โดยบริษัท Netscout เนื่องจากสามารถสร้างการโจมตีขนาดหลายเทราไบต์ต่อวินาทีได้ Aisuru ถูกพบครั้งแรกในปี 2024 และแพร่กระจายไปยัง อุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด

    นอกจากโจมตี Azure แล้ว Aisuru ยังถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี 22.2 Tbps ต่อ Cloudflare ในเดือนกันยายน 2025 และการโจมตี 6.3 Tbps ต่อบล็อก KrebsOnSecurity ของนักข่าว Brian Krebs ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่ากังวลคือ Aisuru ไม่ได้ทำเงินจากการโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ อุปกรณ์ที่ติดเชื้อเป็น residential proxies ให้เช่าแก่ผู้ใช้รายอื่นเพื่อซ่อนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ AI และการทำ content scraping ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่จน Reddit ต้องฟ้องผู้ให้บริการ proxy บางรายในเดือนตุลาคม 2025

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft Azure หยุดการโจมตี DDoS 15.72 Tbps ได้สำเร็จ
    ระบบป้องกันสามารถกรองทราฟฟิกและรักษาบริการลูกค้าให้ทำงานต่อเนื่อง

    บอทเน็ต Aisuru อยู่เบื้องหลังการโจมตี
    ติดเชื้ออุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด

    Aisuru เคยโจมตี Cloudflare และ KrebsOnSecurity
    ขนาดใหญ่ถึง 22.2 Tbps และ 6.3 Tbps ตามลำดับ

    บอทเน็ตสร้างรายได้จากการให้เช่า residential proxies
    ใช้ซ่อนกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลเพื่อโครงการ AI

    อุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยคือช่องทางหลักของการโจมตี
    ผู้ใช้ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์และตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม

    การโจมตี DDoS ขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และความรุนแรง
    อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเสี่ยงต่อการหยุดชะงัก

    https://hackread.com/microsoft-azure-blocks-tbps-ddos-attack-botnet/
    🌐 Microsoft Azure ป้องกันการโจมตี DDoS 15.72 Tbps จากบอทเน็ต Aisuru เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 Microsoft Azure ต้องเผชิญกับการโจมตี Distributed Denial-of-Service (DDoS) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คลาวด์ โดยมีปริมาณทราฟฟิกสูงถึง 15.72 Tbps และ 3.64 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที การโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แต่ระบบป้องกันของ Azure สามารถตรวจจับและกรองทราฟฟิกได้ทันที ทำให้บริการลูกค้าไม่หยุดชะงัก บอทเน็ตที่อยู่เบื้องหลังคือ Aisuru ซึ่งถูกจัดว่าเป็นภัยระดับ “Turbo Mirai-class” โดยบริษัท Netscout เนื่องจากสามารถสร้างการโจมตีขนาดหลายเทราไบต์ต่อวินาทีได้ Aisuru ถูกพบครั้งแรกในปี 2024 และแพร่กระจายไปยัง อุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด นอกจากโจมตี Azure แล้ว Aisuru ยังถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี 22.2 Tbps ต่อ Cloudflare ในเดือนกันยายน 2025 และการโจมตี 6.3 Tbps ต่อบล็อก KrebsOnSecurity ของนักข่าว Brian Krebs ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่ สิ่งที่น่ากังวลคือ Aisuru ไม่ได้ทำเงินจากการโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ อุปกรณ์ที่ติดเชื้อเป็น residential proxies ให้เช่าแก่ผู้ใช้รายอื่นเพื่อซ่อนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ AI และการทำ content scraping ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่จน Reddit ต้องฟ้องผู้ให้บริการ proxy บางรายในเดือนตุลาคม 2025 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft Azure หยุดการโจมตี DDoS 15.72 Tbps ได้สำเร็จ ➡️ ระบบป้องกันสามารถกรองทราฟฟิกและรักษาบริการลูกค้าให้ทำงานต่อเนื่อง ✅ บอทเน็ต Aisuru อยู่เบื้องหลังการโจมตี ➡️ ติดเชื้ออุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด ✅ Aisuru เคยโจมตี Cloudflare และ KrebsOnSecurity ➡️ ขนาดใหญ่ถึง 22.2 Tbps และ 6.3 Tbps ตามลำดับ ✅ บอทเน็ตสร้างรายได้จากการให้เช่า residential proxies ➡️ ใช้ซ่อนกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลเพื่อโครงการ AI ‼️ อุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยคือช่องทางหลักของการโจมตี ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์และตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม ‼️ การโจมตี DDoS ขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และความรุนแรง ⛔ อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเสี่ยงต่อการหยุดชะงัก https://hackread.com/microsoft-azure-blocks-tbps-ddos-attack-botnet/
    HACKREAD.COM
    Microsoft Azure Blocks 15.72 Tbps Aisuru Botnet DDoS Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก

    Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์

    มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน

    Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026

    แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า
    ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ

    จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย
    เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่

    เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์
    เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026

    มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ
    อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ
    ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต

    การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100%
    ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    🧒 Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์ มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026 แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า ➡️ ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ ✅ จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย ➡️ เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ✅ เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ➡️ เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026 ✅ มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ ➡️ อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ ⛔ ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต ‼️ การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100% ⛔ ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Roblox to require age checks to use platform's chat features
    WASHINGTON (Reuters) -Gaming platform Roblox will require users to verify their age using facial recognition software to chat with other players, a company executive said, with the goal of limiting communication between kids and adults on the platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ

    คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน

    HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร

    แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center)

    นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน
    ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน

    เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks
    มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero

    HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย
    ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล

    Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา
    ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน

    ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY)
    บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้

    ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub
    อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    🏡 ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center) นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน ➡️ ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน ✅ เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks ➡️ มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero ✅ HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย ➡️ ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล ✅ Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ➡️ ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน ‼️ ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY) ⛔ บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้ ‼️ ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub ⛔ อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asus เพิ่มการจัดการพลังงานแยก E-Core/P-Core บน ROG Ally X

    Asus ได้เปิดตัวอัปเดต Armory Crate SE เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่สำหรับเครื่องเกมพกพา ROG Ally และ Ally X โดยฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดคือการเพิ่มตัวเลือก การจัดการพลังงานแยกสำหรับ Efficiency Core (E-Core) และ Performance Core (P-Core) บนชิป AMD Z2 Extreme (Z2E) ที่ใช้ใน ROG Ally X ซึ่งเป็นการออกแบบแบบไฮบริดที่รวม 3 Zen 5 P-Core และ 5 Zen 5C E-Core เข้าด้วยกัน

    ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการใช้พลังงานของแต่ละกลุ่มคอร์ได้ แต่การอัปเดตนี้ทำให้สามารถปรับแต่ง TDP ของแต่ละกลุ่มคอร์ ได้ตามต้องการ เช่น ลดพลังงานของ P-Core เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่เมื่อเล่นเกมเบา ๆ หรือเพิ่มพลังงานให้ P-Core เพื่อดันเฟรมเรตในเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    นอกจากฟีเจอร์หลักแล้ว Asus ยังได้ปรับปรุง FPS Limiter โดยเปลี่ยนค่า Preset จาก 45 FPS เป็น 40 FPS เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง รวมถึงเพิ่มตัวเลือก Windows Power Mode ในโหมด Manual และแก้ไขบั๊กต่าง ๆ ที่เคยสร้างปัญหาในการใช้งาน อีกทั้งยังมีการปรับปรุง UI สีสันใหม่ และเพิ่มการรองรับ Xbox Fullscreen Experience ที่สามารถเข้าออกได้ด้วยปุ่มลัดที่ผู้ใช้กำหนดเอง

    การอัปเดตนี้ยังมาพร้อม MCU และ BIOS update ที่ช่วยปรับปรุงการใช้พลังงานในโหมด Windows Modern Standby, เพิ่มแรงสั่นสะเทือนของ impulse triggers และทำให้ระบบ Cloud Recovery ทำงานได้ราบรื่นขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบน ROG Ally ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Armory Crate SE อัปเดตใหม่บน ROG Ally และ Ally X
    เพิ่มการจัดการพลังงานแยกสำหรับ E-Core และ P-Core บนชิป Z2 Extreme

    ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง TDP ของแต่ละกลุ่มคอร์ได้
    เลือกเน้นประสิทธิภาพหรือยืดอายุแบตเตอรี่ตามการใช้งาน

    FPS Limiter ถูกปรับจาก 45 FPS เป็น 40 FPS
    เพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นเกมจริงและการประหยัดพลังงาน

    เพิ่ม Windows Power Mode และ Xbox Fullscreen Experience
    ใช้งานได้สะดวกขึ้นด้วยปุ่มลัดที่กำหนดเอง

    MCU และ BIOS update ปรับปรุงระบบโดยรวม
    ลดการใช้พลังงาน, ปรับปรุงแรงสั่นสะเทือน และทำให้ Cloud Recovery ราบรื่นขึ้น

    การปรับแต่งพลังงานผิดพลาดอาจทำให้เครื่องไม่เสถียร
    ผู้ใช้ควรระวังการตั้งค่า TDP ที่สูงหรือต่ำเกินไป

    FPS Limiter ที่ต่ำลงอาจไม่เหมาะกับเกมที่ต้องการความลื่นไหลสูง
    ผู้เล่นที่เน้นเฟรมเรตสูงควรปรับแต่งเองตามความเหมาะสม

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/asus-adds-separate-e-core-and-p-core-power-management-to-the-z2-extreme-powered-rog-xbox-ally-x-major-armory-crate-se-update-released-for-all-of-its-gaming-handhelds
    🎮 Asus เพิ่มการจัดการพลังงานแยก E-Core/P-Core บน ROG Ally X Asus ได้เปิดตัวอัปเดต Armory Crate SE เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่สำหรับเครื่องเกมพกพา ROG Ally และ Ally X โดยฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดคือการเพิ่มตัวเลือก การจัดการพลังงานแยกสำหรับ Efficiency Core (E-Core) และ Performance Core (P-Core) บนชิป AMD Z2 Extreme (Z2E) ที่ใช้ใน ROG Ally X ซึ่งเป็นการออกแบบแบบไฮบริดที่รวม 3 Zen 5 P-Core และ 5 Zen 5C E-Core เข้าด้วยกัน ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการใช้พลังงานของแต่ละกลุ่มคอร์ได้ แต่การอัปเดตนี้ทำให้สามารถปรับแต่ง TDP ของแต่ละกลุ่มคอร์ ได้ตามต้องการ เช่น ลดพลังงานของ P-Core เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่เมื่อเล่นเกมเบา ๆ หรือเพิ่มพลังงานให้ P-Core เพื่อดันเฟรมเรตในเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง นอกจากฟีเจอร์หลักแล้ว Asus ยังได้ปรับปรุง FPS Limiter โดยเปลี่ยนค่า Preset จาก 45 FPS เป็น 40 FPS เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง รวมถึงเพิ่มตัวเลือก Windows Power Mode ในโหมด Manual และแก้ไขบั๊กต่าง ๆ ที่เคยสร้างปัญหาในการใช้งาน อีกทั้งยังมีการปรับปรุง UI สีสันใหม่ และเพิ่มการรองรับ Xbox Fullscreen Experience ที่สามารถเข้าออกได้ด้วยปุ่มลัดที่ผู้ใช้กำหนดเอง การอัปเดตนี้ยังมาพร้อม MCU และ BIOS update ที่ช่วยปรับปรุงการใช้พลังงานในโหมด Windows Modern Standby, เพิ่มแรงสั่นสะเทือนของ impulse triggers และทำให้ระบบ Cloud Recovery ทำงานได้ราบรื่นขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบน ROG Ally ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Armory Crate SE อัปเดตใหม่บน ROG Ally และ Ally X ➡️ เพิ่มการจัดการพลังงานแยกสำหรับ E-Core และ P-Core บนชิป Z2 Extreme ✅ ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง TDP ของแต่ละกลุ่มคอร์ได้ ➡️ เลือกเน้นประสิทธิภาพหรือยืดอายุแบตเตอรี่ตามการใช้งาน ✅ FPS Limiter ถูกปรับจาก 45 FPS เป็น 40 FPS ➡️ เพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นเกมจริงและการประหยัดพลังงาน ✅ เพิ่ม Windows Power Mode และ Xbox Fullscreen Experience ➡️ ใช้งานได้สะดวกขึ้นด้วยปุ่มลัดที่กำหนดเอง ✅ MCU และ BIOS update ปรับปรุงระบบโดยรวม ➡️ ลดการใช้พลังงาน, ปรับปรุงแรงสั่นสะเทือน และทำให้ Cloud Recovery ราบรื่นขึ้น ‼️ การปรับแต่งพลังงานผิดพลาดอาจทำให้เครื่องไม่เสถียร ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการตั้งค่า TDP ที่สูงหรือต่ำเกินไป ‼️ FPS Limiter ที่ต่ำลงอาจไม่เหมาะกับเกมที่ต้องการความลื่นไหลสูง ⛔ ผู้เล่นที่เน้นเฟรมเรตสูงควรปรับแต่งเองตามความเหมาะสม https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/asus-adds-separate-e-core-and-p-core-power-management-to-the-z2-extreme-powered-rog-xbox-ally-x-major-armory-crate-se-update-released-for-all-of-its-gaming-handhelds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logitech ถูกแฮกข้อมูล 1.8TB ผ่านช่องโหว่ Zero-Day

    Logitech ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด และหูฟัง ได้ยื่นรายงานต่อ SEC ว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยมีการขโมยข้อมูลกว่า 1.8 เทราไบต์ จากระบบภายในผ่านช่องโหว่ zero-day ของแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม แม้บริษัทจะยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างบัตรเครดิตหรือเลขบัตรประชาชนรั่วไหล แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ที่อาจถูกเข้าถึงได้

    แฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงกับกลุ่ม Clop ซึ่งมีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก โดยใช้วิธีเจาะระบบ Oracle E-Business Suite ที่หลายบริษัทใช้จัดการข้อมูลภายใน แม้ Logitech จะไม่ได้ระบุชื่อกลุ่มอย่างเป็นทางการ แต่หลักฐานชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

    หลังจากตรวจพบการโจมตี Logitech ได้รีบทำการ แพตช์ช่องโหว่และปิดการเข้าถึงทันที พร้อมร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้บริษัทระดับโลกที่มีมาตรการเข้มงวดก็ยังเสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน

    สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีลักษณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อ คู่ค้าและลูกค้าของ Logitech ที่ข้อมูลบางส่วนถูกเข้าถึงไปแล้ว และยังสะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมไอทีที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Logitech ถูกแฮกข้อมูล 1.8TB
    ผ่านช่องโหว่ zero-day ในซอฟต์แวร์บุคคลที่สาม

    ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวรั่วไหล
    แต่มีข้อมูลลูกค้าและซัพพลายเออร์บางส่วนที่อาจถูกเข้าถึง

    บริษัทรีบแพตช์ช่องโหว่และสอบสวนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ
    เพื่อปิดการเข้าถึงและลดผลกระทบ

    กลุ่ม Clop ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี
    มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่ทั่วโลกผ่าน Oracle E-Business Suite

    ความเสี่ยงต่อคู่ค้าและลูกค้า Logitech
    ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ปลอดภัย

    ภัยคุกคามจากช่องโหว่ zero-day ยังคงรุนแรง
    แม้บริษัทใหญ่ที่มีมาตรการเข้มงวดก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/hackers-steal-1-8tb-of-data-from-pc-peripheral-vendor-logitech-firm-says-zero-day-vulnerability-to-blame-no-sensitive-information-stolen
    🔐 Logitech ถูกแฮกข้อมูล 1.8TB ผ่านช่องโหว่ Zero-Day Logitech ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด และหูฟัง ได้ยื่นรายงานต่อ SEC ว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยมีการขโมยข้อมูลกว่า 1.8 เทราไบต์ จากระบบภายในผ่านช่องโหว่ zero-day ของแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม แม้บริษัทจะยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างบัตรเครดิตหรือเลขบัตรประชาชนรั่วไหล แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ที่อาจถูกเข้าถึงได้ แฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงกับกลุ่ม Clop ซึ่งมีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก โดยใช้วิธีเจาะระบบ Oracle E-Business Suite ที่หลายบริษัทใช้จัดการข้อมูลภายใน แม้ Logitech จะไม่ได้ระบุชื่อกลุ่มอย่างเป็นทางการ แต่หลักฐานชี้ไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากตรวจพบการโจมตี Logitech ได้รีบทำการ แพตช์ช่องโหว่และปิดการเข้าถึงทันที พร้อมร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้บริษัทระดับโลกที่มีมาตรการเข้มงวดก็ยังเสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีลักษณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อ คู่ค้าและลูกค้าของ Logitech ที่ข้อมูลบางส่วนถูกเข้าถึงไปแล้ว และยังสะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมไอทีที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Logitech ถูกแฮกข้อมูล 1.8TB ➡️ ผ่านช่องโหว่ zero-day ในซอฟต์แวร์บุคคลที่สาม ✅ ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวรั่วไหล ➡️ แต่มีข้อมูลลูกค้าและซัพพลายเออร์บางส่วนที่อาจถูกเข้าถึง ✅ บริษัทรีบแพตช์ช่องโหว่และสอบสวนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เพื่อปิดการเข้าถึงและลดผลกระทบ ✅ กลุ่ม Clop ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี ➡️ มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่ทั่วโลกผ่าน Oracle E-Business Suite ‼️ ความเสี่ยงต่อคู่ค้าและลูกค้า Logitech ⛔ ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ปลอดภัย ‼️ ภัยคุกคามจากช่องโหว่ zero-day ยังคงรุนแรง ⛔ แม้บริษัทใหญ่ที่มีมาตรการเข้มงวดก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด https://www.tomshardware.com/tech-industry/hackers-steal-1-8tb-of-data-from-pc-peripheral-vendor-logitech-firm-says-zero-day-vulnerability-to-blame-no-sensitive-information-stolen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ตั้งเป้า 100–200 พันล้านชิป AI ต่อปี

    Elon Musk ได้กล่าวในงานสัมภาษณ์กับนักลงทุนว่า Tesla และ SpaceX อาจต้องการ ชิป AI จำนวนมหาศาลถึง 100–200 พันล้านชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น รถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ Optimus ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันหลายเท่า

    เขายอมรับว่าทั้ง TSMC และ Samsung ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก กำลังทำงานอย่างเต็มที่ แต่กระบวนการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ใช้เวลานานถึง 5 ปี ซึ่ง Musk มองว่าเป็น “ช้าเกินไป” เพราะเขาต้องการผลลัพธ์ภายใน 1–3 ปีเท่านั้น หากไม่สามารถตอบสนองได้ เขาอาจพิจารณาสร้างโรงงานผลิตชิปเองเพื่อเร่งความเร็ว

    สิ่งที่ทำให้เป้าหมายนี้ดูเกินจริงคือ ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกมีการส่งมอบประมาณ 1.5 ล้านล้านชิปต่อปี แต่ตัวเลขนี้รวมถึงชิปเล็ก ๆ อย่างเซนเซอร์และไมโครคอนโทรลเลอร์ ไม่ใช่ชิป AI ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนเหมือน GPU ของ Nvidia ซึ่งใช้เวลาผลิตนานและมีต้นทุนสูงมาก การจะผลิตได้ถึงระดับที่ Musk ต้องการจึงแทบเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้น

    นักวิเคราะห์บางรายมองว่า Musk อาจหมายถึงมูลค่า “100–200 พันล้านดอลลาร์” ของชิป AI มากกว่าจำนวนชิ้น แต่จากการให้สัมภาษณ์ เขายืนยันว่าต้องการ “จำนวนชิป” จริง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความทะเยอทะยานที่สูงมาก และอาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังเตรียมการสำหรับการสร้างเครือข่าย AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Elon Musk ตั้งเป้า 100–200 พันล้านชิป AI ต่อปี
    ใช้สำหรับรถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ Optimus

    TSMC และ Samsung เป็นพันธมิตรหลัก
    แต่การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 5 ปี

    อุตสาหกรรมผลิตชิปทั่วโลกปัจจุบันส่งมอบ 1.5 ล้านล้านชิปต่อปี
    แต่ส่วนใหญ่เป็นชิปเล็ก ไม่ใช่ GPU หรือชิป AI ขนาดใหญ่

    Musk อาจสร้างโรงงานผลิตชิปเอง
    เพื่อเร่งการผลิตให้ทันความต้องการใน 1–3 ปี

    เป้าหมายดูเกินจริงและอาจไม่สามารถทำได้ในระยะสั้น
    การผลิตชิป AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า
    หากเกิดความล่าช้า จะกระทบต่อโครงการ AI ของ Tesla และ SpaceX

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musk-wants-foundry-partners-to-build-100-200-billion-ai-chips-per-year-musk-says-chipmaking-industry-cant-deliver-on-his-goals
    🤖 Elon Musk ตั้งเป้า 100–200 พันล้านชิป AI ต่อปี Elon Musk ได้กล่าวในงานสัมภาษณ์กับนักลงทุนว่า Tesla และ SpaceX อาจต้องการ ชิป AI จำนวนมหาศาลถึง 100–200 พันล้านชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น รถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ Optimus ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันหลายเท่า เขายอมรับว่าทั้ง TSMC และ Samsung ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก กำลังทำงานอย่างเต็มที่ แต่กระบวนการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ใช้เวลานานถึง 5 ปี ซึ่ง Musk มองว่าเป็น “ช้าเกินไป” เพราะเขาต้องการผลลัพธ์ภายใน 1–3 ปีเท่านั้น หากไม่สามารถตอบสนองได้ เขาอาจพิจารณาสร้างโรงงานผลิตชิปเองเพื่อเร่งความเร็ว สิ่งที่ทำให้เป้าหมายนี้ดูเกินจริงคือ ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกมีการส่งมอบประมาณ 1.5 ล้านล้านชิปต่อปี แต่ตัวเลขนี้รวมถึงชิปเล็ก ๆ อย่างเซนเซอร์และไมโครคอนโทรลเลอร์ ไม่ใช่ชิป AI ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนเหมือน GPU ของ Nvidia ซึ่งใช้เวลาผลิตนานและมีต้นทุนสูงมาก การจะผลิตได้ถึงระดับที่ Musk ต้องการจึงแทบเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้น นักวิเคราะห์บางรายมองว่า Musk อาจหมายถึงมูลค่า “100–200 พันล้านดอลลาร์” ของชิป AI มากกว่าจำนวนชิ้น แต่จากการให้สัมภาษณ์ เขายืนยันว่าต้องการ “จำนวนชิป” จริง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความทะเยอทะยานที่สูงมาก และอาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังเตรียมการสำหรับการสร้างเครือข่าย AI ขนาดใหญ่ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Elon Musk ตั้งเป้า 100–200 พันล้านชิป AI ต่อปี ➡️ ใช้สำหรับรถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ Optimus ✅ TSMC และ Samsung เป็นพันธมิตรหลัก ➡️ แต่การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 5 ปี ✅ อุตสาหกรรมผลิตชิปทั่วโลกปัจจุบันส่งมอบ 1.5 ล้านล้านชิปต่อปี ➡️ แต่ส่วนใหญ่เป็นชิปเล็ก ไม่ใช่ GPU หรือชิป AI ขนาดใหญ่ ✅ Musk อาจสร้างโรงงานผลิตชิปเอง ➡️ เพื่อเร่งการผลิตให้ทันความต้องการใน 1–3 ปี ‼️ เป้าหมายดูเกินจริงและอาจไม่สามารถทำได้ในระยะสั้น ⛔ การผลิตชิป AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า ⛔ หากเกิดความล่าช้า จะกระทบต่อโครงการ AI ของ Tesla และ SpaceX https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musk-wants-foundry-partners-to-build-100-200-billion-ai-chips-per-year-musk-says-chipmaking-industry-cant-deliver-on-his-goals
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • Proton อัปเดต VKD3D-Proton 3.0 รองรับ FSR4 และฟีเจอร์ใหม่

    Valve ได้ปล่อยอัปเดตครั้งสำคัญให้กับ VKD3D-Proton ซึ่งเป็นเครื่องมือแปลคำสั่งจาก DirectX 12 ไปเป็น Vulkan ที่ใช้ใน Proton เพื่อให้เกม Windows สามารถรันบน Linux ได้ โดยเวอร์ชัน 3.0 นี้ถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุด มีการเพิ่ม AMD FSR4 (FidelityFX Super Resolution 4) และระบบ Anti-Lag เข้ามา ทำให้ผู้เล่นเกมบน Linux ได้ประสบการณ์ที่ลื่นไหลและภาพคมชัดมากขึ้น

    สิ่งที่น่าสนใจคือ FSR4 ไม่ได้จำกัดเฉพาะการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง RDNA4 เท่านั้น แต่ยังมีโหมด fallback ที่ทำให้สามารถใช้งานได้บน GPU รุ่นเก่า แม้จะทำงานช้ากว่าก็ตาม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์หลากหลายสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ ขณะที่ฝั่ง Nvidia DLSS4 ยังไม่รองรับใน Proton ซึ่งทำให้ AMD ได้เปรียบในแง่การใช้งานจริงบน Linux

    นอกจากนี้ VKD3D-Proton 3.0 ยังมีการ เขียนใหม่ Shader Backend (DXBC) เพื่อแก้ปัญหาที่เคยทำให้เกมบางเกมไม่สามารถรันได้ และเพิ่มความเข้ากันได้กับ DXVK ซึ่งเป็นเครื่องมือแปล DirectX 8–11 ไปเป็น Vulkan ทำให้การพัฒนาและแก้ไขโค้ดง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการทดลองเพิ่มฟีเจอร์ Work Graphs ที่ช่วยลดการใช้ VRAM อย่างมหาศาล เช่นจาก 38GB เหลือเพียง 52KB ในการเรนเดอร์วัตถุ 3D บางประเภท

    การอัปเดตนี้สะท้อนให้เห็นว่า Linux Gaming กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และ Proton กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Steam Deck และผู้เล่นบน Linux สามารถเข้าถึงเกม Windows ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    VKD3D-Proton เวอร์ชัน 3.0 อัปเดตครั้งใหญ่
    รองรับ AMD FSR4 และ Anti-Lag เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Linux

    FSR4 ใช้งานได้บน GPU รุ่นเก่า
    แม้จะทำงานช้ากว่า แต่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์หลากหลายเข้าถึงเทคโนโลยี

    Shader Backend ถูกเขียนใหม่
    แก้ปัญหาเกมที่เคยรันไม่ได้ และทำงานร่วมกับ DXVK ได้ดีขึ้น

    เพิ่มฟีเจอร์ Work Graphs แบบทดลอง
    ลดการใช้ VRAM อย่างมหาศาลในการเรนเดอร์วัตถุ 3D

    DLSS4 ของ Nvidia ยังไม่รองรับใน Proton
    ผู้ใช้การ์ดจอ Nvidia อาจเสียเปรียบเมื่อเล่นเกมบน Linux

    โหมด fallback ของ FSR4 ทำงานช้ากว่าเวอร์ชันเต็ม
    ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับการใช้งานบน GPU รุ่นใหม่

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/vulkan-to-directx-12-translation-tool-used-in-valves-proton-now-supports-amds-fsr4-and-anti-lag-while-nvidias-dlss4-remains-unsupported-fsr4-now-also-works-on-older-gpus-vkd3d-proton-v3-0-brings-other-performance-improvements
    🎮 Proton อัปเดต VKD3D-Proton 3.0 รองรับ FSR4 และฟีเจอร์ใหม่ Valve ได้ปล่อยอัปเดตครั้งสำคัญให้กับ VKD3D-Proton ซึ่งเป็นเครื่องมือแปลคำสั่งจาก DirectX 12 ไปเป็น Vulkan ที่ใช้ใน Proton เพื่อให้เกม Windows สามารถรันบน Linux ได้ โดยเวอร์ชัน 3.0 นี้ถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุด มีการเพิ่ม AMD FSR4 (FidelityFX Super Resolution 4) และระบบ Anti-Lag เข้ามา ทำให้ผู้เล่นเกมบน Linux ได้ประสบการณ์ที่ลื่นไหลและภาพคมชัดมากขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือ FSR4 ไม่ได้จำกัดเฉพาะการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง RDNA4 เท่านั้น แต่ยังมีโหมด fallback ที่ทำให้สามารถใช้งานได้บน GPU รุ่นเก่า แม้จะทำงานช้ากว่าก็ตาม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์หลากหลายสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ ขณะที่ฝั่ง Nvidia DLSS4 ยังไม่รองรับใน Proton ซึ่งทำให้ AMD ได้เปรียบในแง่การใช้งานจริงบน Linux นอกจากนี้ VKD3D-Proton 3.0 ยังมีการ เขียนใหม่ Shader Backend (DXBC) เพื่อแก้ปัญหาที่เคยทำให้เกมบางเกมไม่สามารถรันได้ และเพิ่มความเข้ากันได้กับ DXVK ซึ่งเป็นเครื่องมือแปล DirectX 8–11 ไปเป็น Vulkan ทำให้การพัฒนาและแก้ไขโค้ดง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการทดลองเพิ่มฟีเจอร์ Work Graphs ที่ช่วยลดการใช้ VRAM อย่างมหาศาล เช่นจาก 38GB เหลือเพียง 52KB ในการเรนเดอร์วัตถุ 3D บางประเภท การอัปเดตนี้สะท้อนให้เห็นว่า Linux Gaming กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และ Proton กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Steam Deck และผู้เล่นบน Linux สามารถเข้าถึงเกม Windows ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ VKD3D-Proton เวอร์ชัน 3.0 อัปเดตครั้งใหญ่ ➡️ รองรับ AMD FSR4 และ Anti-Lag เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Linux ✅ FSR4 ใช้งานได้บน GPU รุ่นเก่า ➡️ แม้จะทำงานช้ากว่า แต่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์หลากหลายเข้าถึงเทคโนโลยี ✅ Shader Backend ถูกเขียนใหม่ ➡️ แก้ปัญหาเกมที่เคยรันไม่ได้ และทำงานร่วมกับ DXVK ได้ดีขึ้น ✅ เพิ่มฟีเจอร์ Work Graphs แบบทดลอง ➡️ ลดการใช้ VRAM อย่างมหาศาลในการเรนเดอร์วัตถุ 3D ‼️ DLSS4 ของ Nvidia ยังไม่รองรับใน Proton ⛔ ผู้ใช้การ์ดจอ Nvidia อาจเสียเปรียบเมื่อเล่นเกมบน Linux ‼️ โหมด fallback ของ FSR4 ทำงานช้ากว่าเวอร์ชันเต็ม ⛔ ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับการใช้งานบน GPU รุ่นใหม่ https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/vulkan-to-directx-12-translation-tool-used-in-valves-proton-now-supports-amds-fsr4-and-anti-lag-while-nvidias-dlss4-remains-unsupported-fsr4-now-also-works-on-older-gpus-vkd3d-proton-v3-0-brings-other-performance-improvements
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”
    ตอน 3
    คงจำกันได้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา อเมริกา โดย พณฯใบตองแห้ง จัดใหญ่แถลงการณ์ว่า เราตกลงเลือกกรอบการเจรจากับอิหร่านเรียบร้อยแล้ว (รายละเอียดในนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว”) ตีปิ๊บซะตื่นเต้นกันไปหมด
    วันเดียวกันนั้น นาย Richard Hass ผู้อำนวยการใหญ่ของถังขยะความคิด Council on Foreign Relation หรือ CFR ที่เข้าใจว่า ใหญ่กว่ารัฐบาลของอเมริกา ท่านดิ๊ก Richard ก็ออกความเห็นทันทีไม่รอช่า เขียนเองอีกด้วย ไม่ใช้เด็ก แปลว่า เรื่องนี้สำคัญ ต้องปั่น หรือ ปั้นกับมือเอง
    ท่านดิ๊ก เริ่มต้นได้หยดย้อย ..แบบฝรั่งจ๋า There’s many a slip twixt the cup and the lip” เป็นอะไรที่เหมือนกับว่าสำเร็จแล้ว แต่ความจริง ยังไม่ใช่ ท่านดิ๊กว่าอย่างนั้น แต่ลุงนิทานแปลเองว่า .. ปากจะถึงถ้วยอยู่รอมร่อ แต่ดันหกเสียก่อน..แปลสั้นๆอีกที ว่า อ ด
    ท่านดิ๊กบอกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบการเจรจาเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์โปรแกรม จะเป็นการสร้างเหตุการณ์สำคัญทางด้านการเมืองและการทูต ที่มีรายละเอียดมากมาย กว้างขวางในบริบทต่างๆ เกินกว่าที่คาดกัน…. เริ่มแบบนี้ แปลว่า คงมีใครเหยียบเปลือกกล้วย หงายท้องไปแล้ว แต่จะถึงขนาดทำปืนลั่นใส่หัวแม่ตีนตัวเองหรือเปล่า ต้องตามอ่านบทความของท่านดิ๊กต่อไป
    …กรอบที่ตกลงกัน สร้างคำถามคาใจไม่น้อยกว่าคำตอบที่ได้มา และยังมีเรื่องค้าง
    ที่ยังต้องทำอยู่อีกมากมาย จริงๆ แล้ว ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง
    …ไม่รู้ว่าท่านดิ๊กเหน็บใคร ดันจัดงานแถลงซะใหญ่โตเหมือนกับเจรจาสำเร็จแล้วยังงั้น
    แหล่ะ เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นด้วยกับไอ้ถังขยะความคิด ช่วยกลับไปอ่านนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว” หน่อยนะครับ
    … กรอบที่ตกลง มีข้อกำหนดห้ามอิหร่านมากมายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ มีข้อกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบว่า อิหร่านทำตามที่ตกลงกันหรือไม่ และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการ “ผ่อนคลาย” เรื่องการคว่ำบาตรทางเศรษฐกืจ เมื่อตรวจสอบและพิสูจน์ได้แล้วว่า อิหร่านทำตามข้อตกลง
    …ในการเจรจา ได้มีประเมินกันว่า เราจะมีระยะเวลาในการเตือน 1 ปี นับแต่วันที่อิหร่านตัดสินใจ ที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์สักลูก จนถึงสร้างสำเร็จ ระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่า จากการเฝ้าติดตามอิหร่านอย่างใกล้ชิด เราจะพบการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาได้เร็วพอ ที่จะระงับการดำเนินการของอิหร่าน และโดยเฉพาะ จะทำให้เรากลับไปใช้การคว่ำบาตรอิหร่านได้ใหม่ “ก่อน” ที่อิหร่านจะสร้างนิวเคลียร์ ตามข้อสมมุติฐานนี้สำเร็จ.... ข้อนี้ ท่านดิ๊ก เขียนได้เยี่ยมครับ ให้เห็นความโง่ของผู้เจรจา และผู้ตกลง ฝ่ายที่ไม่ใช่อิหร่าน ชัดเจนว่า ด่ากันเอง มันดีนะครับ
    … ท่านดิ๊กบอกว่า มีไม่น้อยกว่า 5 เหตุผล ที่การตกลงกับอิหร่าน ท้ายที่สุด จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ … นี่ใบ้หวยหรือไง
    ข้อแรก ระหว่างเวลา 90 วัน นับแต่เดือนเมษายนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน อะไรก็เกิดขึ้นได้ การเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวผู้เจรจา การถูกกดดันจากรัฐบาลของตน แค่ตอนนี้ ความไม่เห็นพ้องกัน ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน ก็มากมายกองสูงท่วมหัวแล้ว
    ข้อสอง เรื่องค้างที่สำคัญ คือเรื่องกำหนดเวลายกเลิกการคว่ำบาตร เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับฝ่ายอิหร่าน ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ใช้ในการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน พูดชัดๆ ว่าฝ่ายอเมริกาและยุโรป ยังไม่อยากยกเลิกการคว่ำบาตรให้อิหร่าน จนกว่า “จะแน่ใจ” ว่า อิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน …..
    อืม ….อิหร่านคงเข้าใจความนัยนี้แล้ว
    ข้อสาม เรื่องที่ห่วงกันคือ พวกยึดแน่นกับหลักการ หรือพวกเข้มข้นของทั้ง 2 ฝ่าย เช่นทางอิหร่าน คงไม่อยากให้อิหร่านเจรจากับ “ซาตานอเมริกา” ส่วนทางอเมริกา ก็ใช่ว่า สภาสูงจะเอาด้วย ตอนนี้ก็พูดกันไปทั่วแล้วว่า เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยอิหร่านไว้กับนิวเคลียร์ ที่ความสามารถในการติดตาม การตรวจสอบ ยังไม่เป็นที่แน่ใจ ปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 15, 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องใครก็ให้ความมั่นใจไม่ได้… พณฯใบตองแห้ง ได้ยินนะครับ ถูกลูกน้อง จริงๆ ก็คือลูกพี่ สั่งสอนให้แล้ว
    ข้อสี่ อิหร่านจะปฏิบัติกับข้อตกลงนี้อย่างไร ที่ผ่านมา อิหร่านมีประวัติเสีย ในการไม่ให้ข้อมูลสำคัญ หรือที่เกี่ยวข้อง ขนาดผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติลงบันทึกไว้ในสมุดความประพฤติของอิหร่านแล้ว … นี่มันดูถูกซ้ำซาก อิหร่านรับได้หรือครับ ขอเสี้ยมหน่อย
    ข้อที่ห้า มาจากนโยบายด้านการต่างประเทศ และความมั่นคงของอิหร่านเอง ที่ทางอเมริกาไม่เห็นด้วย และเพื่อนฝูงในตะวันออกกลางก็แหยงกับการกระทำของอิหร่าน ที่สนับสนุน ซีเรีย อืรัค เยเมน รวมทั้งที่อื่นๆในตะวันออกกลาง
    …ท่านดิ๊กบอกว่า อิหร่านมีอนาคตไปได้ไกลถึงเป็นจักรวรรดิ ที่หวังจะเป็นประเทศมหาอำนาจ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของตัว แม้ข้อตกลงนิวเคลียร์นี้จะเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ความเป็นไปได้ดังกล่าวเปลี่ยนแปลง อาจจะเลวร้ายลงไปด้วยซ้ำ เพราะอิหร่านอาจเลือกกลับมาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ต่อได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร (โดยเราไม่รู้ตัว)
    … โอบามาทำถูกแล้ว ที่เจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ตามแนวที่กำลังคุยกัน ยังดีกว่าให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ หรือทำสงคราม เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ แต่ข้อตกลงดังกล่าว ต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้อเมริกาและตะวันออกกลาง ให้ได้ว่า ได้มีการป้องกันอย่างรอบคอบแล้ว และถ้ามีการเบี้ยว หรือขี้โกง สิ่งเหล่านี้จะถูกจับได้ และจัดการได้อย่างเด็ดขาด
    …นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และจริงๆแล้ว มันไม่เกินไปหรอก ถ้าจะบอกว่า การสร้างความมั่นใจดังว่านั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่า การเจรจาให้อิหร่านตกลงด้วยซ้ำ….
    คุณดิ๊ก นี่ไม่เบาเลย ตกลงนี่ กำลังหลอกด่าประธานาธิบดี ตัวเองหรือไงว่า ไปโง่ให้เหนื่อยทำไม ผลสุดท้าย เจรจากับอิหร่านสำเร็จหรือไม่ ปลายทางก็คงไม่ต่างกัน …,,หรือว่า พณฯใบตองแห้ง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ไปก่อน เพราะทางออกอื่นยังสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องเล่นบทตีหน้าซื่อ หรือเซ่อ … หลอกอิหร่าน หลอกโลกไปก่อน
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง” I will walk away….พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 4
    ตกลง พณฯใบตองแห้ง คิดเรื่องอิหร่านอย่างไรกันแน่ อยากเจรจาต่อ หรืออยากเลิกเจรจา ยิ่งถังขยะความคิด CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกันตัวจริง ออกมาเขียนตีปลาหน้าไซอย่างนี้ เราๆชาวบ้าน สมันน้อย ไม่ว่าจะอยู่แดนสยาม หรือแดนเนรมิตรที่ไอ้นักล่าใบตองแห้งสร้างหลอกเอาไว้ จะเข้าใจไหม ว่าเขากำลังเล่นอะไรกัน
    นอกจาก CFR จะออกมาชี้เปลือกกล้วย ที่มีใครเหยียบจนลื่นหงายท้อง เสียท่าไปแล้ว ถังขยะความคิดอีกใบ ที่มีเสียงดังไม่น้อยเหมือนกัน คือ Center for Strategic & International Studies (CSIS) ได้ออกรายงาน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม อย่างกับนัดกัน กับ CFR เรื่อง Judging a P5+1 Nuclear Agreement with Iran: The Key Criteria เขียนโดย Anthony Cordesman ตัวหัวหน้าใหญ่ ลงมือเขียนเองอีกเหมือน
    นาย Cordesman เขียนเสียยาว บรรยายอย่างละเอียด ถึงการเจรจา ผมขอเล่าแต่สรุปตอนท้ายของเขา ซึ่งน่าจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่าง
    เขาบอกว่า …. ข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ ต้องอยู่บนหลักการ ที่เป็นความความเชื่อใจ แต่ตรวจสอบพิสูจน์ได้ ” trust but verify” โดยให้น้ำหนัก ความเชื่อใจที่ 1% และเน้นการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้ 99 % จากการวิเคราะห์ที่บรรยายในเอกสาร ไม่มีทางที่จะเอาความเชื่อใจอย่างเดียวมาใช้ในการตรวจสอบอาวุธของอิหร่านที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตกลงจะมีขึ้นได้ หรือจะเลื่อนออกไป หรือการเจรจาล้มเหลวจบสิ้น
    แล้วการเจรจาก็ต้อง เลื่อนออกไปจริงๆ…
    นอกจาก ได้รับการเคาะตาตุ่ม จากถังขยะความคิดใบใหญ่ 2 ใบแล้ว พณฯ ใบตองแห้งยังโดนยำเสียเละ จากฝ่ายรัฐสภา ที่ปล่อยข่าวออกมาให้เป็นหนังตัวอย่าง เพราะเรื่องของอิหร่าน รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเข้าไปให้พิจารณา ดูหนังตัวอย่างม้วนนี้กันหน่อย
    เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการย่อย ด้านตะวันออกกลาง และอาฟริกาเหนือ ได้จัดให้มีการประชุมหารือ โดยมีสมาชิกสภา Ileana Ros-Lehtinen เป็นประธาน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมหลายคน หนี่งในนั้นคือ นาย Anthony Cordesman
    ที่ประชุมสรุปว่า การเจรจากับอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่คือ เส้นทางสู่ความหายนะ
    โดยสรุปเรื่องที่หารือกัน 5 ข้อ
    ข้อ 1. เด็กๆ ในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในคอกอเมริกา กำลังว้าวุ่นว่าจะพึ่งอเมริกาได้แค่ไหน ตั้งแต่มีเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ พวกเขาบางราย ถึงกับจะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ
    ข้อ 2. เด็กๆ ในภูมิภาค ต่างไม่อยากเหลือเป็นรายสุดท้าย ที่ไม่มีของเล่นเป็นอาวุธนิวเคลียร์ เราคงไม่อยากเห็น รัสเซียคุยกับจอร์แดน หรืออียิปต์ เพื่อจะสร้างนิวเคลียร์ หรือเราคงไม่อยากให้ซาอุดิวิ่งไปหาจีนเรื่องนิวเคลียร์
    ข้อ 3. อิหร่าน บอกมาเป็นเวลานานมากแล้วว่า เขาอยากจะทำโครงการนิวเคลียร์ ตอนนี้เขากำลังเจรจากับอเมริกาว่าเ ขาจะไม่ทำต่อแล้ว แต่เขายังจะทำโครงการจรวดต่อ
    … มันเป็นโครงการต่อเนื่องกัน เลิกโครงการนึง ก็ต้องเลิก อีกอันด้วย สิ่งที่เขาพูด กับที่เขาทำมันขัดกัน
    ข้อ 4. อิหร่านบอกว่า เขาสนใจที่จะเดินหน้าโครงการอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการอวกาศส่วนใหญ่ มันก็เป็นรายการเดียวกับการทำจรวดวิถีไกล ถ้าอิหร่านจะซ่อนสักนิด อิหร่านก็สร้างจรวดวิถีไกลได้โดยไม่มีใครรู้
    ข้อ 5. ตอนนี้อิหร่าน มีจรวดวิถีใกล้ และกลาง เรียบร้อยแล้ว และส่งให้ กลุ่ม Hezbullah กับกลุ่ม Hamas ใช้ไปแล้ว ทำให้อิสราเอลกำลังปวดกระบาล นี่ถ้าอิหร่าน มีจรวดวิถีไกลด้วย คนปวดกระบาลคือเรา อเมริกา อิหร่านโจมตีเราได้ โดยไม่ต้องย้ายพุงข้ามเขตแดนเขาออกมาเลยแม้แต่นิ้วเดียว
    นอกจากนี้ นาย Ed Royce ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ด้านกิจการต่างประเทศ House Commitee on Foreign Affairs ซึ่งร่วมประชุมในโอกาสเดียวกันยังบอกว่า… ในหลายๆทาง การเจรจากับอิหร่าน เป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่า รัฐบาลโอบามาดำเนินการเจรจากับอิหร่าน โดยไม่สนใจกับความเห็น หรือความต้องการของฝ่ายอื่นเลย เช่น เมื่อคณะกรรมาธิการแจ้งกับรัฐบาลไปว่า ต้องเอาเรื่องจรวดนำวิถีเข้าไปร่วมพิจารณาในการเจรจาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่อยู่ในกรอบการเจรจา แถมผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่งเสียงข้ามทวีปบอกว่า ตะวันตกโง่และเซ่อมาก ที่คิดว่าอิหร่านจะลดการผลิตจรวดนำวืถีด้วย
    คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของอิหร่าน ขอโวยกลับ …. จรวดนำวิถี เป็นหัวรบของอาวุธนิวเคลียร์ ไม่นับรวมได้ยังไง วันนี้ เราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้การเป็นพยาน และในจำนวนผู้ที่ถูกเรียกให้มาเป็นพยาน มีนาย Anthony Cordesman มาด้วย
    นาย Cordesman ให้การว่า
    “…. จรวดนำวิถี ballistic missile ไม่ได้แยกส่วน หรือเป็นส่วนเสริม ของอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เป็นส่วนหนึ่ง it is not a seperate and secondary but part and parcel ระยะยิงของจรวดพวกนี้ ไม่ใช่แค่ในตะวันออกกลาง แต่สามารถยิงไปไกลได้ถึงตอนใต้ของรัสเซียและยุโรป…ระบบนี้ อิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ นักวิเคราะห์บอกว่า ระบบนี้ก็เหมือนเป็นการทดสอบ สำหรับประเทศที่ต้องการใช้อาวุธนิวเคลียร์
    ….. อิหร่านได้ส่งจรวดพวกนี้ ไปให้กลุ่ม Hezbullah และ Hamas ใช้ที่ฉนวนกาซ่า Hamas ใช้ไปแล้ว ประมาณ 3 พัน ถึง 1 หมื่นลูก ”
    “… ยังไม่มีประเทศไหน ที่ไม่ต้องการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แล้วดันลงทุนในโครงการจรวดที่มีอานุภาพสูง และใช้ทุนมหาศาลขนาดนี้เลย สมาชิกสภา Ed Royce รำพึง…”
    และข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่เคยเข้ามาพิจารณาในรัฐสภาเลย
    ตกลง พณฯใบตองแห้ง กำลังเล่นอะไร โง่และเซ่อ อย่างที่มีเสียงด่าข้ามทวีปมา หรืออเมริกากำลังบอกว่า จำไม่ได้หรือ หนังฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไร
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 3 คงจำกันได้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา อเมริกา โดย พณฯใบตองแห้ง จัดใหญ่แถลงการณ์ว่า เราตกลงเลือกกรอบการเจรจากับอิหร่านเรียบร้อยแล้ว (รายละเอียดในนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว”) ตีปิ๊บซะตื่นเต้นกันไปหมด วันเดียวกันนั้น นาย Richard Hass ผู้อำนวยการใหญ่ของถังขยะความคิด Council on Foreign Relation หรือ CFR ที่เข้าใจว่า ใหญ่กว่ารัฐบาลของอเมริกา ท่านดิ๊ก Richard ก็ออกความเห็นทันทีไม่รอช่า เขียนเองอีกด้วย ไม่ใช้เด็ก แปลว่า เรื่องนี้สำคัญ ต้องปั่น หรือ ปั้นกับมือเอง ท่านดิ๊ก เริ่มต้นได้หยดย้อย ..แบบฝรั่งจ๋า There’s many a slip twixt the cup and the lip” เป็นอะไรที่เหมือนกับว่าสำเร็จแล้ว แต่ความจริง ยังไม่ใช่ ท่านดิ๊กว่าอย่างนั้น แต่ลุงนิทานแปลเองว่า .. ปากจะถึงถ้วยอยู่รอมร่อ แต่ดันหกเสียก่อน..แปลสั้นๆอีกที ว่า อ ด ท่านดิ๊กบอกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบการเจรจาเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์โปรแกรม จะเป็นการสร้างเหตุการณ์สำคัญทางด้านการเมืองและการทูต ที่มีรายละเอียดมากมาย กว้างขวางในบริบทต่างๆ เกินกว่าที่คาดกัน…. เริ่มแบบนี้ แปลว่า คงมีใครเหยียบเปลือกกล้วย หงายท้องไปแล้ว แต่จะถึงขนาดทำปืนลั่นใส่หัวแม่ตีนตัวเองหรือเปล่า ต้องตามอ่านบทความของท่านดิ๊กต่อไป …กรอบที่ตกลงกัน สร้างคำถามคาใจไม่น้อยกว่าคำตอบที่ได้มา และยังมีเรื่องค้าง ที่ยังต้องทำอยู่อีกมากมาย จริงๆ แล้ว ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง …ไม่รู้ว่าท่านดิ๊กเหน็บใคร ดันจัดงานแถลงซะใหญ่โตเหมือนกับเจรจาสำเร็จแล้วยังงั้น แหล่ะ เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นด้วยกับไอ้ถังขยะความคิด ช่วยกลับไปอ่านนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว” หน่อยนะครับ … กรอบที่ตกลง มีข้อกำหนดห้ามอิหร่านมากมายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ มีข้อกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบว่า อิหร่านทำตามที่ตกลงกันหรือไม่ และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการ “ผ่อนคลาย” เรื่องการคว่ำบาตรทางเศรษฐกืจ เมื่อตรวจสอบและพิสูจน์ได้แล้วว่า อิหร่านทำตามข้อตกลง …ในการเจรจา ได้มีประเมินกันว่า เราจะมีระยะเวลาในการเตือน 1 ปี นับแต่วันที่อิหร่านตัดสินใจ ที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์สักลูก จนถึงสร้างสำเร็จ ระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่า จากการเฝ้าติดตามอิหร่านอย่างใกล้ชิด เราจะพบการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาได้เร็วพอ ที่จะระงับการดำเนินการของอิหร่าน และโดยเฉพาะ จะทำให้เรากลับไปใช้การคว่ำบาตรอิหร่านได้ใหม่ “ก่อน” ที่อิหร่านจะสร้างนิวเคลียร์ ตามข้อสมมุติฐานนี้สำเร็จ.... ข้อนี้ ท่านดิ๊ก เขียนได้เยี่ยมครับ ให้เห็นความโง่ของผู้เจรจา และผู้ตกลง ฝ่ายที่ไม่ใช่อิหร่าน ชัดเจนว่า ด่ากันเอง มันดีนะครับ … ท่านดิ๊กบอกว่า มีไม่น้อยกว่า 5 เหตุผล ที่การตกลงกับอิหร่าน ท้ายที่สุด จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ … นี่ใบ้หวยหรือไง ข้อแรก ระหว่างเวลา 90 วัน นับแต่เดือนเมษายนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน อะไรก็เกิดขึ้นได้ การเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวผู้เจรจา การถูกกดดันจากรัฐบาลของตน แค่ตอนนี้ ความไม่เห็นพ้องกัน ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน ก็มากมายกองสูงท่วมหัวแล้ว ข้อสอง เรื่องค้างที่สำคัญ คือเรื่องกำหนดเวลายกเลิกการคว่ำบาตร เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับฝ่ายอิหร่าน ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ใช้ในการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน พูดชัดๆ ว่าฝ่ายอเมริกาและยุโรป ยังไม่อยากยกเลิกการคว่ำบาตรให้อิหร่าน จนกว่า “จะแน่ใจ” ว่า อิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน ….. อืม ….อิหร่านคงเข้าใจความนัยนี้แล้ว ข้อสาม เรื่องที่ห่วงกันคือ พวกยึดแน่นกับหลักการ หรือพวกเข้มข้นของทั้ง 2 ฝ่าย เช่นทางอิหร่าน คงไม่อยากให้อิหร่านเจรจากับ “ซาตานอเมริกา” ส่วนทางอเมริกา ก็ใช่ว่า สภาสูงจะเอาด้วย ตอนนี้ก็พูดกันไปทั่วแล้วว่า เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยอิหร่านไว้กับนิวเคลียร์ ที่ความสามารถในการติดตาม การตรวจสอบ ยังไม่เป็นที่แน่ใจ ปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 15, 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องใครก็ให้ความมั่นใจไม่ได้… พณฯใบตองแห้ง ได้ยินนะครับ ถูกลูกน้อง จริงๆ ก็คือลูกพี่ สั่งสอนให้แล้ว ข้อสี่ อิหร่านจะปฏิบัติกับข้อตกลงนี้อย่างไร ที่ผ่านมา อิหร่านมีประวัติเสีย ในการไม่ให้ข้อมูลสำคัญ หรือที่เกี่ยวข้อง ขนาดผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติลงบันทึกไว้ในสมุดความประพฤติของอิหร่านแล้ว … นี่มันดูถูกซ้ำซาก อิหร่านรับได้หรือครับ ขอเสี้ยมหน่อย ข้อที่ห้า มาจากนโยบายด้านการต่างประเทศ และความมั่นคงของอิหร่านเอง ที่ทางอเมริกาไม่เห็นด้วย และเพื่อนฝูงในตะวันออกกลางก็แหยงกับการกระทำของอิหร่าน ที่สนับสนุน ซีเรีย อืรัค เยเมน รวมทั้งที่อื่นๆในตะวันออกกลาง …ท่านดิ๊กบอกว่า อิหร่านมีอนาคตไปได้ไกลถึงเป็นจักรวรรดิ ที่หวังจะเป็นประเทศมหาอำนาจ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของตัว แม้ข้อตกลงนิวเคลียร์นี้จะเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ความเป็นไปได้ดังกล่าวเปลี่ยนแปลง อาจจะเลวร้ายลงไปด้วยซ้ำ เพราะอิหร่านอาจเลือกกลับมาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ต่อได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร (โดยเราไม่รู้ตัว) … โอบามาทำถูกแล้ว ที่เจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ตามแนวที่กำลังคุยกัน ยังดีกว่าให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ หรือทำสงคราม เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ แต่ข้อตกลงดังกล่าว ต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้อเมริกาและตะวันออกกลาง ให้ได้ว่า ได้มีการป้องกันอย่างรอบคอบแล้ว และถ้ามีการเบี้ยว หรือขี้โกง สิ่งเหล่านี้จะถูกจับได้ และจัดการได้อย่างเด็ดขาด …นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และจริงๆแล้ว มันไม่เกินไปหรอก ถ้าจะบอกว่า การสร้างความมั่นใจดังว่านั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่า การเจรจาให้อิหร่านตกลงด้วยซ้ำ…. คุณดิ๊ก นี่ไม่เบาเลย ตกลงนี่ กำลังหลอกด่าประธานาธิบดี ตัวเองหรือไงว่า ไปโง่ให้เหนื่อยทำไม ผลสุดท้าย เจรจากับอิหร่านสำเร็จหรือไม่ ปลายทางก็คงไม่ต่างกัน …,,หรือว่า พณฯใบตองแห้ง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ไปก่อน เพราะทางออกอื่นยังสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องเล่นบทตีหน้าซื่อ หรือเซ่อ … หลอกอิหร่าน หลอกโลกไปก่อน ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง” I will walk away….พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 4 ตกลง พณฯใบตองแห้ง คิดเรื่องอิหร่านอย่างไรกันแน่ อยากเจรจาต่อ หรืออยากเลิกเจรจา ยิ่งถังขยะความคิด CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกันตัวจริง ออกมาเขียนตีปลาหน้าไซอย่างนี้ เราๆชาวบ้าน สมันน้อย ไม่ว่าจะอยู่แดนสยาม หรือแดนเนรมิตรที่ไอ้นักล่าใบตองแห้งสร้างหลอกเอาไว้ จะเข้าใจไหม ว่าเขากำลังเล่นอะไรกัน นอกจาก CFR จะออกมาชี้เปลือกกล้วย ที่มีใครเหยียบจนลื่นหงายท้อง เสียท่าไปแล้ว ถังขยะความคิดอีกใบ ที่มีเสียงดังไม่น้อยเหมือนกัน คือ Center for Strategic & International Studies (CSIS) ได้ออกรายงาน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม อย่างกับนัดกัน กับ CFR เรื่อง Judging a P5+1 Nuclear Agreement with Iran: The Key Criteria เขียนโดย Anthony Cordesman ตัวหัวหน้าใหญ่ ลงมือเขียนเองอีกเหมือน นาย Cordesman เขียนเสียยาว บรรยายอย่างละเอียด ถึงการเจรจา ผมขอเล่าแต่สรุปตอนท้ายของเขา ซึ่งน่าจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่าง เขาบอกว่า …. ข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ ต้องอยู่บนหลักการ ที่เป็นความความเชื่อใจ แต่ตรวจสอบพิสูจน์ได้ ” trust but verify” โดยให้น้ำหนัก ความเชื่อใจที่ 1% และเน้นการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้ 99 % จากการวิเคราะห์ที่บรรยายในเอกสาร ไม่มีทางที่จะเอาความเชื่อใจอย่างเดียวมาใช้ในการตรวจสอบอาวุธของอิหร่านที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตกลงจะมีขึ้นได้ หรือจะเลื่อนออกไป หรือการเจรจาล้มเหลวจบสิ้น แล้วการเจรจาก็ต้อง เลื่อนออกไปจริงๆ… นอกจาก ได้รับการเคาะตาตุ่ม จากถังขยะความคิดใบใหญ่ 2 ใบแล้ว พณฯ ใบตองแห้งยังโดนยำเสียเละ จากฝ่ายรัฐสภา ที่ปล่อยข่าวออกมาให้เป็นหนังตัวอย่าง เพราะเรื่องของอิหร่าน รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเข้าไปให้พิจารณา ดูหนังตัวอย่างม้วนนี้กันหน่อย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการย่อย ด้านตะวันออกกลาง และอาฟริกาเหนือ ได้จัดให้มีการประชุมหารือ โดยมีสมาชิกสภา Ileana Ros-Lehtinen เป็นประธาน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมหลายคน หนี่งในนั้นคือ นาย Anthony Cordesman ที่ประชุมสรุปว่า การเจรจากับอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่คือ เส้นทางสู่ความหายนะ โดยสรุปเรื่องที่หารือกัน 5 ข้อ ข้อ 1. เด็กๆ ในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในคอกอเมริกา กำลังว้าวุ่นว่าจะพึ่งอเมริกาได้แค่ไหน ตั้งแต่มีเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ พวกเขาบางราย ถึงกับจะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ข้อ 2. เด็กๆ ในภูมิภาค ต่างไม่อยากเหลือเป็นรายสุดท้าย ที่ไม่มีของเล่นเป็นอาวุธนิวเคลียร์ เราคงไม่อยากเห็น รัสเซียคุยกับจอร์แดน หรืออียิปต์ เพื่อจะสร้างนิวเคลียร์ หรือเราคงไม่อยากให้ซาอุดิวิ่งไปหาจีนเรื่องนิวเคลียร์ ข้อ 3. อิหร่าน บอกมาเป็นเวลานานมากแล้วว่า เขาอยากจะทำโครงการนิวเคลียร์ ตอนนี้เขากำลังเจรจากับอเมริกาว่าเ ขาจะไม่ทำต่อแล้ว แต่เขายังจะทำโครงการจรวดต่อ … มันเป็นโครงการต่อเนื่องกัน เลิกโครงการนึง ก็ต้องเลิก อีกอันด้วย สิ่งที่เขาพูด กับที่เขาทำมันขัดกัน ข้อ 4. อิหร่านบอกว่า เขาสนใจที่จะเดินหน้าโครงการอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการอวกาศส่วนใหญ่ มันก็เป็นรายการเดียวกับการทำจรวดวิถีไกล ถ้าอิหร่านจะซ่อนสักนิด อิหร่านก็สร้างจรวดวิถีไกลได้โดยไม่มีใครรู้ ข้อ 5. ตอนนี้อิหร่าน มีจรวดวิถีใกล้ และกลาง เรียบร้อยแล้ว และส่งให้ กลุ่ม Hezbullah กับกลุ่ม Hamas ใช้ไปแล้ว ทำให้อิสราเอลกำลังปวดกระบาล นี่ถ้าอิหร่าน มีจรวดวิถีไกลด้วย คนปวดกระบาลคือเรา อเมริกา อิหร่านโจมตีเราได้ โดยไม่ต้องย้ายพุงข้ามเขตแดนเขาออกมาเลยแม้แต่นิ้วเดียว นอกจากนี้ นาย Ed Royce ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ด้านกิจการต่างประเทศ House Commitee on Foreign Affairs ซึ่งร่วมประชุมในโอกาสเดียวกันยังบอกว่า… ในหลายๆทาง การเจรจากับอิหร่าน เป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่า รัฐบาลโอบามาดำเนินการเจรจากับอิหร่าน โดยไม่สนใจกับความเห็น หรือความต้องการของฝ่ายอื่นเลย เช่น เมื่อคณะกรรมาธิการแจ้งกับรัฐบาลไปว่า ต้องเอาเรื่องจรวดนำวิถีเข้าไปร่วมพิจารณาในการเจรจาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่อยู่ในกรอบการเจรจา แถมผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่งเสียงข้ามทวีปบอกว่า ตะวันตกโง่และเซ่อมาก ที่คิดว่าอิหร่านจะลดการผลิตจรวดนำวืถีด้วย คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของอิหร่าน ขอโวยกลับ …. จรวดนำวิถี เป็นหัวรบของอาวุธนิวเคลียร์ ไม่นับรวมได้ยังไง วันนี้ เราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้การเป็นพยาน และในจำนวนผู้ที่ถูกเรียกให้มาเป็นพยาน มีนาย Anthony Cordesman มาด้วย นาย Cordesman ให้การว่า “…. จรวดนำวิถี ballistic missile ไม่ได้แยกส่วน หรือเป็นส่วนเสริม ของอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เป็นส่วนหนึ่ง it is not a seperate and secondary but part and parcel ระยะยิงของจรวดพวกนี้ ไม่ใช่แค่ในตะวันออกกลาง แต่สามารถยิงไปไกลได้ถึงตอนใต้ของรัสเซียและยุโรป…ระบบนี้ อิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ นักวิเคราะห์บอกว่า ระบบนี้ก็เหมือนเป็นการทดสอบ สำหรับประเทศที่ต้องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ….. อิหร่านได้ส่งจรวดพวกนี้ ไปให้กลุ่ม Hezbullah และ Hamas ใช้ที่ฉนวนกาซ่า Hamas ใช้ไปแล้ว ประมาณ 3 พัน ถึง 1 หมื่นลูก ” “… ยังไม่มีประเทศไหน ที่ไม่ต้องการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แล้วดันลงทุนในโครงการจรวดที่มีอานุภาพสูง และใช้ทุนมหาศาลขนาดนี้เลย สมาชิกสภา Ed Royce รำพึง…” และข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่เคยเข้ามาพิจารณาในรัฐสภาเลย ตกลง พณฯใบตองแห้ง กำลังเล่นอะไร โง่และเซ่อ อย่างที่มีเสียงด่าข้ามทวีปมา หรืออเมริกากำลังบอกว่า จำไม่ได้หรือ หนังฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไร สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ”
    ตอน 1
    เดือนกรกฏา มาถึงแล้ว ถึงไม่เรียกก็มา ไม่อยากให้มา ก็มาถึงอยู่ดี
    สำหรับผู้ที่สนใจติดตามชะตาโลก เดือนนี้ไม่ติดตามไม่ได้เพราะเป็นเดือนที่จะมีการตัดสินใจ สำคัญหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะกระทบเฉพาะถิ่นของที่ผู้ตัดสินใจหรืออาจจะกระเทือนไปไกลค่อนโลกก็เป็นได้
    สำหรับชาวกรีก จะตัดสินใจตัดโซ่ แหกคอก หรือตายซากคาคอก วันที่ 5 กค นี่คงรู้กัน แต่คงยังไม่จบกัน หนังมาเป็นตอน เล่นยาวเป็นซีซั่น ซีซั่นนี้ จะจบแบบไหนต้องลุ้นกันหน่อย อย่าให้หนังขาด หรือเลิกเล่นกันหมดก็แล้วกัน
    ส่วนชาวอิหร่าน วันที่ 7 กค. นี้ การเจรจาที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ของ Iran Nuclear Deal ที่เลื่อนวันเส้นตายมาจาก 30 มิย. มาเป็น 7 กค. จะเจรจาจบไหม หรือจะเลื่อนเส้นให้ตายช้าต่อไปอีก อิหร่านพร้อมจะยกเลิกการพัฒนานิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรของอเมริกากับพวกหรือไม่ อเมริกาพร้อมจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านแน่จริงหรือไม่
    เรื่องอิหร่านเป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบอาจไปไกล และแรง
    นอกจากเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่อง ยังมีเรื่องนิดเรื่องหน่อย ที่จะทยอยเกิดขึ้น เดือนนี้คงได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเป็นระลอก เป็นเหตุการณ์ ที่อาจจะมีผลกระทบกับความเป็นไปในโลก เปลี่ยนแปลง จนเราตามกันแทบไม่ทัน หรือตามทันรู้ แต่ไม่เข้าใจเหตุ
    เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเส้นตาย ว่าการเจรจากับอิหร่านเรื่องพัฒนา นิวเคลียร์ ต้องตกลงกันให้เสร็จสิ้น ปรากฏว่า ตกไม่ลง ค้างเติ่ง ต้องเลื่อนเวลา แต่ที่น่าสนใจ นายโอบามา ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ ให้เริ่มและลุ้น การเจรจานี้มาตลอดเวลา ดันทำหน้าเฉย ให้สัมภาษณ์สื่อ แถมส่งเสียงเหมือนขู่….
    ” I will walk away” … ขึ้นต้น ยังกะเพลงรักหักอก ตอนพระเอกกำลังจะทิ้งนางเอก จะแค่หันหลังเดินออกประตูไป หรือจะถึงขนาดมีการตบตีส่งท้าย
    …. ถ้าอิหร่านไม่เจรจาตามกรอบ ที่ตกลง ที่เมืองโลซานน์ เมื่อเดือน เมษายน ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ มันจะเป็นปัญหา เพราะผมบอกตั้งแต่เริ่มเจรจาแล้วว่า ผมจะเลิกเจรจา ถ้ามันกลายเป็นข้อตกลงที่ห่วย …
    I have said from the start I will walk away from negotiations if, in fact, it’s a bad deal…”
    ข่าวบอกว่า คำขู่ฟ่อ ของพณฯใบตองแห้ง เป็นการตอบโต้ คำคัดค้านของท่านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการตรวจสอบการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จะปฏิบัติเสมือนเป็นการรุกล้ำอิหร่าน
    แต่ พณฯใบตองแห้งยืนยัน
    “…จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิหร่าน ไอ้ที่จะมีแค่คำแถลงของอิหร่าน และมีคนมาเดินไป เดินมา ตรวจสอบแบบนานๆทีมา อย่างนั้น คงไม่ได้ … มันต้องมีกระบวนการที่เข้มงวด เอาจริงเอาจัง มาทำการตรวจสอบอย่างพิสูจน์ได้ และผมคิดว่า นั่นจะเป็นการทดสอบว่า เราตกลงกันได้จริงหรือไม่
    ..Given past behavior on the part of Iran, that simply can’t be a declaration by Iran and a few inspectors wandering around every once in a while … that’s going to have to be serious, rigorous verification mechanism. And that, I think, is going to be the test as to whether we get a deal or not…. ”
    พณฯใบตองแห้งเล่นอิหร่านแรงนะ แล้วแบบนี้ มันคุยกันรู้เรื่องจริงหรือ ผมรู้สึกหวั่นใจแทนจัง
    ฝ่ายอิหร่านบอก เราเดินตามกรอบของโลซานน์นะ ไม่ได้ใช้กรอบอื่นเลย เราว่า อเมริกาต่างหากที่ต้องการเปลี่ยนกรอบ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน Mohammad Javad Zarif บินกลับมาเวียนนา หลังจากบินกลับไปที่เตหะรานเพื่อไปหารือบางประเด็น เขาบอกว่า .. ผมไม่ได้ไปขอรับคำสั่งในการตกลงจากประมุขประเทศ ผมได้รับอนุญาตเต็มใบในการเจรจาอยู่แล้ว ผมกลับมาเวียนนาเพื่อมาเจรจาขั้นสุดท้าย ซึ่งเราน่าจะทำสำเร็จ
    นาย Zarif ไม่ได้กลับมาคนเดียว เขามาพร้อมกับ Ali Akbar Salehi หัวหน้าใหญ่ขององค์การ Atomic Energy ของอิหร่าน Salehi ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด .,,แปลว่าอิหร่านเอาจริงกับการเจรจาใช่ไหม ไม่งั้นไม่หอบเอาคนป่วยมาด้วยหรอก นาย Zarif บอกกับนักข่าว
    ข่าวบอกว่า คณะเจรจาโดยเฉพาะอเมริกา ต้องการให้การเจรจาเสร็จต้นเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องให้ฝ่ายรัฐสภาพิจาร ณา ให้เสร็จภายในเวลา 30 วัน ถ้าส่งช้ากว่านั้น สภาปิดไปแล้ว ฝ่ายรัฐสภาจะมีเวลาพิจารณา เพิ่มขึ้นเป็น 60 วัน แถมมีเวลาในการหว่านล้อมเสียง ฝ่ายที่เห็นต่างกันอีกด้วย... นี่ ก็เหมือนอเมริกาเอาจริงนะ ถูกใจ ก็ให้สภาผ่าน ไม่ถูกใจ สภาก็ไม่ผ่านให้….เล่นไม่ยาก
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 2
    ในการประชุมที่โลซานน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างอิหร่าน กับ กลุ่มที่เรียกว่า P5+1 (อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน + เยอรมัน) เป็นการกำหนด
    ” กรอบ การดำเนินการ” สำหรับทั้งด้านอเมริกา และอิหร่าน
    การดำเนินการที่สำคัญ ประการหนึ่งคือ กระบวนการยกเลิก sanction การคว่ำบาตรอิหร่าน คว่ำมานานหลายสิบปี จนนึกวิธีหงายไม่ออกว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แสดงว่าคนช่วยคว่ำคงแยะ และการคว่ำคงมีสาระพัดวิธี
    คุยกันเรื่องนี้ ตั้งแต่โลซานน์มาถึงเวียนนาว่า จะต้องมีการประกาศ (Declaration) เมื่อตกลงกันได้แล้ว โดยไม่มีการลงนามพันธสัญญา หลังจากนั้น ทุกฝ่ายก็จะให้ UN Security Council (UNSC) เป็นผู้ประทับตรารับรองการประกาศ และก็ออกมติที่จะทำให้การคว่ำบาตร ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป ส่วนถ้อยคำของตัวมตินี่ ยังเจรจากันอยู่
    และเป็นเรื่องที่เสียวไสว่า กว่าจะเจรจาจบ คนเจรจาคงหืดขึ้นคอ หรือเจรจาไม่จบ เพราะพระเอกเล่นร้องเพลงลา... ล่วงหน้า
    ทุกฝ่าย ยกเว้นรัฐบาลของพณฯใบตองแห้ง ต้องการให้ส่งเรื่องไปที่ UNSC เร็วที่สุด แตอเมริกายังสงวนท่าที ไม่มีคำตอบให้
    ผู้เจรจาฝ่ายอิหร่านบอกอย่างชัดเจนระหว่างการเจราว่า อิหร่าน จะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงเกี่ยว กับนิวเคลียร์ทันที รื้อถอนเครื่องแยก รื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์ ทำลายสต๊อกแร่ยูเรเนียม รื้อมันหมดทุกอย่าง ฯลฯ ทันที และให้ไอ้เอกับอีเอ IAEA มาตรวจสอบทันที ว่าอิหร่านปฏิบัติตามรายการถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
    แต่ทั้งหมดข้างต้น ต้องทำควบคู่ไปกับขบวนการยกเลิก การคว่ำบาตร โดยอเมริกาและอียู จะต้องลงมือไปพร้อมกันว่า ได้จัดการหงายบาตรของใคร ที่ไหน อย่างไรแล้ว และ ต้องให้ UNSC ประทับตรารับรองการกระทำด้วย มันถึงจะเป็นธรรม จะให้ด้านหนึ่งทุบทิ้ง แต่อีกด้านยืนอมยิ้มกอดอกเฉยได้ไง
    ที่บรรยายมาทั้งหมดเข้างต้น เป็นเรื่องที่ได้ “ตกลงกันไปแล้ว” ที่โลซานน์ ระหว่างนาย Zarif รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านกับคุณสาวน้อย Federica Mogherini ผู้แทนของอียู….
    แต่แล้วก็ข่าวรั่วเกี่ยวกับเรื่องกรอบ สวย ไม่สวยขนาดไหน ใครต้องการให้ชัดเจนอย่างไร อย่างที่เล่าข้างต้น สื่อเข้ามาช่วยปั่น แถมเพิ่มสีให้น่าตื่นเต้น อันที่จริงไม่ต้องเพิ่มก็น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว ถ้าคิดให้ลึกๆ ยิ่งคิด โต๊ะเจรจาก็ยิ่งสั่น โดยเฉพาะมีความเห็นแย้งจากมุมมอง ด้านกองทัพ possible military dimensions (PMD) ที่สะท้อนกลับ …. แล้วนี่จะพิสูจน์อย่างไร หากตกลงกันเรียบร้อยว่า ให้อิหร่านพัฒนาอะไรได้บ้าง สิ่งที่อิหร่าน “จะไปพัฒนาต่อ” มันจะกลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ เขาว่าไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ก็พอนึกออกว่า มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก กว่าจะพิสูจน์ได้ โน่นแนะ ดอกเห็ดงอกขึ้นมาแล้ว ทำนองนั้น…. เฮ้ย… แบบนี้ก็ต้องรีบขยายเวลาเจรจาสินะ ให้จบแบบนี้ไม่ได้…
    อ้อพอเข้าใจแล้ว
    แต่ข่าวได้ฟุ้งกระจายเรียบร้อย ไปทั่วสถานที่เจรจา Palais Coburg เวียนนา ว่า ขณะนี้ พณฯใบตองแห้ง ชักลังเลที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร…..สงสัยสถานการณ์เปลี่ยน แผนเจรจาเลยอาจต้องเปลี่ยน ตอนนี้คนที่หน้าเครียด เดินเข้าไปจับเข่าคุยทีละข้าง กับเจ้าของเข่าที่ละคน คือ นายKerry รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ไร้เสน่ห์ในการเจรจาอย่างที่สุดนั่นเอง แล้วมันจะคุยสำเร็จละหรือ
    อย่าลืมว่า ใน P5+1 มีรัสเซียกับจีน ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า จับมือจับไม้เห็นใจอิหร่านมานานแล้ว และนอกจากจับมือแล้ว ดูเหมือนจะส่งหีบห่อไปช่วยเหลืออิหร่านสาระพัด แถมเมื่อเร็วๆนี้ ยังมีข่าวว่า จะรับอิหร่านเป็นสมาชิกก่อต้ัง ไอ้อิบ AIIB สถาบันการเงินที่กำลังหอมกรุ่น
    ยังไม่ถึงวันเส้นตาย ก็ต้องดื้นกันตายไปก่อน แล้วพณฯ ใบตองแห้ง ก็รีบหยิบบท ….I will walk away ออกมาครวญไปพลางๆ ระหว่างนี้ คุณไร้เสน่ห์ Kerry ก็สั่งเด็กๆ ให้ช่วยกันหาเหตุ ช่วยกันโหมหน่อย…. อิหร่านต่างหาก ที่ ทำท่าจะเบี้ยว เข้า
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ” ตอน 1 เดือนกรกฏา มาถึงแล้ว ถึงไม่เรียกก็มา ไม่อยากให้มา ก็มาถึงอยู่ดี สำหรับผู้ที่สนใจติดตามชะตาโลก เดือนนี้ไม่ติดตามไม่ได้เพราะเป็นเดือนที่จะมีการตัดสินใจ สำคัญหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะกระทบเฉพาะถิ่นของที่ผู้ตัดสินใจหรืออาจจะกระเทือนไปไกลค่อนโลกก็เป็นได้ สำหรับชาวกรีก จะตัดสินใจตัดโซ่ แหกคอก หรือตายซากคาคอก วันที่ 5 กค นี่คงรู้กัน แต่คงยังไม่จบกัน หนังมาเป็นตอน เล่นยาวเป็นซีซั่น ซีซั่นนี้ จะจบแบบไหนต้องลุ้นกันหน่อย อย่าให้หนังขาด หรือเลิกเล่นกันหมดก็แล้วกัน ส่วนชาวอิหร่าน วันที่ 7 กค. นี้ การเจรจาที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ของ Iran Nuclear Deal ที่เลื่อนวันเส้นตายมาจาก 30 มิย. มาเป็น 7 กค. จะเจรจาจบไหม หรือจะเลื่อนเส้นให้ตายช้าต่อไปอีก อิหร่านพร้อมจะยกเลิกการพัฒนานิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรของอเมริกากับพวกหรือไม่ อเมริกาพร้อมจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านแน่จริงหรือไม่ เรื่องอิหร่านเป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบอาจไปไกล และแรง นอกจากเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่อง ยังมีเรื่องนิดเรื่องหน่อย ที่จะทยอยเกิดขึ้น เดือนนี้คงได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเป็นระลอก เป็นเหตุการณ์ ที่อาจจะมีผลกระทบกับความเป็นไปในโลก เปลี่ยนแปลง จนเราตามกันแทบไม่ทัน หรือตามทันรู้ แต่ไม่เข้าใจเหตุ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเส้นตาย ว่าการเจรจากับอิหร่านเรื่องพัฒนา นิวเคลียร์ ต้องตกลงกันให้เสร็จสิ้น ปรากฏว่า ตกไม่ลง ค้างเติ่ง ต้องเลื่อนเวลา แต่ที่น่าสนใจ นายโอบามา ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ ให้เริ่มและลุ้น การเจรจานี้มาตลอดเวลา ดันทำหน้าเฉย ให้สัมภาษณ์สื่อ แถมส่งเสียงเหมือนขู่…. ” I will walk away” … ขึ้นต้น ยังกะเพลงรักหักอก ตอนพระเอกกำลังจะทิ้งนางเอก จะแค่หันหลังเดินออกประตูไป หรือจะถึงขนาดมีการตบตีส่งท้าย …. ถ้าอิหร่านไม่เจรจาตามกรอบ ที่ตกลง ที่เมืองโลซานน์ เมื่อเดือน เมษายน ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ มันจะเป็นปัญหา เพราะผมบอกตั้งแต่เริ่มเจรจาแล้วว่า ผมจะเลิกเจรจา ถ้ามันกลายเป็นข้อตกลงที่ห่วย … I have said from the start I will walk away from negotiations if, in fact, it’s a bad deal…” ข่าวบอกว่า คำขู่ฟ่อ ของพณฯใบตองแห้ง เป็นการตอบโต้ คำคัดค้านของท่านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการตรวจสอบการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จะปฏิบัติเสมือนเป็นการรุกล้ำอิหร่าน แต่ พณฯใบตองแห้งยืนยัน “…จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิหร่าน ไอ้ที่จะมีแค่คำแถลงของอิหร่าน และมีคนมาเดินไป เดินมา ตรวจสอบแบบนานๆทีมา อย่างนั้น คงไม่ได้ … มันต้องมีกระบวนการที่เข้มงวด เอาจริงเอาจัง มาทำการตรวจสอบอย่างพิสูจน์ได้ และผมคิดว่า นั่นจะเป็นการทดสอบว่า เราตกลงกันได้จริงหรือไม่ ..Given past behavior on the part of Iran, that simply can’t be a declaration by Iran and a few inspectors wandering around every once in a while … that’s going to have to be serious, rigorous verification mechanism. And that, I think, is going to be the test as to whether we get a deal or not…. ” พณฯใบตองแห้งเล่นอิหร่านแรงนะ แล้วแบบนี้ มันคุยกันรู้เรื่องจริงหรือ ผมรู้สึกหวั่นใจแทนจัง ฝ่ายอิหร่านบอก เราเดินตามกรอบของโลซานน์นะ ไม่ได้ใช้กรอบอื่นเลย เราว่า อเมริกาต่างหากที่ต้องการเปลี่ยนกรอบ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน Mohammad Javad Zarif บินกลับมาเวียนนา หลังจากบินกลับไปที่เตหะรานเพื่อไปหารือบางประเด็น เขาบอกว่า .. ผมไม่ได้ไปขอรับคำสั่งในการตกลงจากประมุขประเทศ ผมได้รับอนุญาตเต็มใบในการเจรจาอยู่แล้ว ผมกลับมาเวียนนาเพื่อมาเจรจาขั้นสุดท้าย ซึ่งเราน่าจะทำสำเร็จ นาย Zarif ไม่ได้กลับมาคนเดียว เขามาพร้อมกับ Ali Akbar Salehi หัวหน้าใหญ่ขององค์การ Atomic Energy ของอิหร่าน Salehi ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด .,,แปลว่าอิหร่านเอาจริงกับการเจรจาใช่ไหม ไม่งั้นไม่หอบเอาคนป่วยมาด้วยหรอก นาย Zarif บอกกับนักข่าว ข่าวบอกว่า คณะเจรจาโดยเฉพาะอเมริกา ต้องการให้การเจรจาเสร็จต้นเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องให้ฝ่ายรัฐสภาพิจาร ณา ให้เสร็จภายในเวลา 30 วัน ถ้าส่งช้ากว่านั้น สภาปิดไปแล้ว ฝ่ายรัฐสภาจะมีเวลาพิจารณา เพิ่มขึ้นเป็น 60 วัน แถมมีเวลาในการหว่านล้อมเสียง ฝ่ายที่เห็นต่างกันอีกด้วย... นี่ ก็เหมือนอเมริกาเอาจริงนะ ถูกใจ ก็ให้สภาผ่าน ไม่ถูกใจ สภาก็ไม่ผ่านให้….เล่นไม่ยาก ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 2 ในการประชุมที่โลซานน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างอิหร่าน กับ กลุ่มที่เรียกว่า P5+1 (อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน + เยอรมัน) เป็นการกำหนด ” กรอบ การดำเนินการ” สำหรับทั้งด้านอเมริกา และอิหร่าน การดำเนินการที่สำคัญ ประการหนึ่งคือ กระบวนการยกเลิก sanction การคว่ำบาตรอิหร่าน คว่ำมานานหลายสิบปี จนนึกวิธีหงายไม่ออกว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แสดงว่าคนช่วยคว่ำคงแยะ และการคว่ำคงมีสาระพัดวิธี คุยกันเรื่องนี้ ตั้งแต่โลซานน์มาถึงเวียนนาว่า จะต้องมีการประกาศ (Declaration) เมื่อตกลงกันได้แล้ว โดยไม่มีการลงนามพันธสัญญา หลังจากนั้น ทุกฝ่ายก็จะให้ UN Security Council (UNSC) เป็นผู้ประทับตรารับรองการประกาศ และก็ออกมติที่จะทำให้การคว่ำบาตร ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป ส่วนถ้อยคำของตัวมตินี่ ยังเจรจากันอยู่ และเป็นเรื่องที่เสียวไสว่า กว่าจะเจรจาจบ คนเจรจาคงหืดขึ้นคอ หรือเจรจาไม่จบ เพราะพระเอกเล่นร้องเพลงลา... ล่วงหน้า ทุกฝ่าย ยกเว้นรัฐบาลของพณฯใบตองแห้ง ต้องการให้ส่งเรื่องไปที่ UNSC เร็วที่สุด แตอเมริกายังสงวนท่าที ไม่มีคำตอบให้ ผู้เจรจาฝ่ายอิหร่านบอกอย่างชัดเจนระหว่างการเจราว่า อิหร่าน จะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงเกี่ยว กับนิวเคลียร์ทันที รื้อถอนเครื่องแยก รื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์ ทำลายสต๊อกแร่ยูเรเนียม รื้อมันหมดทุกอย่าง ฯลฯ ทันที และให้ไอ้เอกับอีเอ IAEA มาตรวจสอบทันที ว่าอิหร่านปฏิบัติตามรายการถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ แต่ทั้งหมดข้างต้น ต้องทำควบคู่ไปกับขบวนการยกเลิก การคว่ำบาตร โดยอเมริกาและอียู จะต้องลงมือไปพร้อมกันว่า ได้จัดการหงายบาตรของใคร ที่ไหน อย่างไรแล้ว และ ต้องให้ UNSC ประทับตรารับรองการกระทำด้วย มันถึงจะเป็นธรรม จะให้ด้านหนึ่งทุบทิ้ง แต่อีกด้านยืนอมยิ้มกอดอกเฉยได้ไง ที่บรรยายมาทั้งหมดเข้างต้น เป็นเรื่องที่ได้ “ตกลงกันไปแล้ว” ที่โลซานน์ ระหว่างนาย Zarif รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านกับคุณสาวน้อย Federica Mogherini ผู้แทนของอียู…. แต่แล้วก็ข่าวรั่วเกี่ยวกับเรื่องกรอบ สวย ไม่สวยขนาดไหน ใครต้องการให้ชัดเจนอย่างไร อย่างที่เล่าข้างต้น สื่อเข้ามาช่วยปั่น แถมเพิ่มสีให้น่าตื่นเต้น อันที่จริงไม่ต้องเพิ่มก็น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว ถ้าคิดให้ลึกๆ ยิ่งคิด โต๊ะเจรจาก็ยิ่งสั่น โดยเฉพาะมีความเห็นแย้งจากมุมมอง ด้านกองทัพ possible military dimensions (PMD) ที่สะท้อนกลับ …. แล้วนี่จะพิสูจน์อย่างไร หากตกลงกันเรียบร้อยว่า ให้อิหร่านพัฒนาอะไรได้บ้าง สิ่งที่อิหร่าน “จะไปพัฒนาต่อ” มันจะกลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ เขาว่าไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ก็พอนึกออกว่า มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก กว่าจะพิสูจน์ได้ โน่นแนะ ดอกเห็ดงอกขึ้นมาแล้ว ทำนองนั้น…. เฮ้ย… แบบนี้ก็ต้องรีบขยายเวลาเจรจาสินะ ให้จบแบบนี้ไม่ได้… อ้อพอเข้าใจแล้ว แต่ข่าวได้ฟุ้งกระจายเรียบร้อย ไปทั่วสถานที่เจรจา Palais Coburg เวียนนา ว่า ขณะนี้ พณฯใบตองแห้ง ชักลังเลที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร…..สงสัยสถานการณ์เปลี่ยน แผนเจรจาเลยอาจต้องเปลี่ยน ตอนนี้คนที่หน้าเครียด เดินเข้าไปจับเข่าคุยทีละข้าง กับเจ้าของเข่าที่ละคน คือ นายKerry รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ไร้เสน่ห์ในการเจรจาอย่างที่สุดนั่นเอง แล้วมันจะคุยสำเร็จละหรือ อย่าลืมว่า ใน P5+1 มีรัสเซียกับจีน ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า จับมือจับไม้เห็นใจอิหร่านมานานแล้ว และนอกจากจับมือแล้ว ดูเหมือนจะส่งหีบห่อไปช่วยเหลืออิหร่านสาระพัด แถมเมื่อเร็วๆนี้ ยังมีข่าวว่า จะรับอิหร่านเป็นสมาชิกก่อต้ัง ไอ้อิบ AIIB สถาบันการเงินที่กำลังหอมกรุ่น ยังไม่ถึงวันเส้นตาย ก็ต้องดื้นกันตายไปก่อน แล้วพณฯ ใบตองแห้ง ก็รีบหยิบบท ….I will walk away ออกมาครวญไปพลางๆ ระหว่างนี้ คุณไร้เสน่ห์ Kerry ก็สั่งเด็กๆ ให้ช่วยกันหาเหตุ ช่วยกันโหมหน่อย…. อิหร่านต่างหาก ที่ ทำท่าจะเบี้ยว เข้า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251118 #techradar

    Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2
    Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5
    OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน

    Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร
    Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง

    สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire
    BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer

    Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ
    นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส

    OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น

    Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร
    Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่
    Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง
    Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก
    Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์
    กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้

    Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป
    Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่

    LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI
    LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต

    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์
    ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🪛📌 #20251118 #techradar 🌦️ Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2 Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚡ OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5 OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน 🖥️ Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง 🎤 สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer 🛡️ Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส 💬 OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น ✈️ Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่ 🧩 Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง 🧩 Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก 🧩 Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์ กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้ 🔒 Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่ 👥 LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต ⚖️ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์ ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Crypto Dealer โอกาสทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย, ตลาดคริปโทฯ นอกระบบโตแรง เงินหมุนหมื่นล้านไร้กำกับ ชงออกใบอนุญาต Crypto Dealer ดึงธุรกรรมเข้าสู่ระบบ ลดฟอกเงิน–เพิ่มรายได้รัฐ

    อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000110021

    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #คริปโท #เศรษฐกิจดิจิทัล #กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล
    Crypto Dealer โอกาสทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย, ตลาดคริปโทฯ นอกระบบโตแรง เงินหมุนหมื่นล้านไร้กำกับ ชงออกใบอนุญาต Crypto Dealer ดึงธุรกรรมเข้าสู่ระบบ ลดฟอกเงิน–เพิ่มรายได้รัฐ • อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000110021 • #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #คริปโท #เศรษฐกิจดิจิทัล #กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำไร TSMC Arizona ร่วงแรง

    รายงานล่าสุดเผยว่าโรงงาน TSMC Arizona มีกำไรลดลงจาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ในไตรมาสต่อไตรมาส สาเหตุหลักคือค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้างสายการผลิตชิปขั้นสูง และต้นทุนแรงงานในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าที่ไต้หวันอย่างมาก

    ต้นทุนสูงจากการผลิตชิป 3nm
    โรงงาน Fab 2 ใน Arizona ถูกวางแผนให้ผลิตชิป 3nm ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์และกระบวนการที่ซับซ้อนและราคาแพง ต่างจาก Fab 1 ที่เน้นผลิตชิป node ที่โตเต็มที่แล้ว ทำให้ Fab 1 ยังพอทำกำไรได้ แต่ Fab 2 กลับกลายเป็นภาระหนักต่อบริษัท

    ความสำคัญเชิงกลยุทธ์
    แม้จะขาดทุน แต่โรงงานใน Arizona มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐฯ เพราะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC เช่น Apple และ Nvidia ก็สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความมั่นใจด้านซัพพลาย

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์มองว่าโรงงานในสหรัฐฯ จะยังคงมีต้นทุนสูงต่อไป ทั้งค่าแรง การก่อสร้าง และการดึงบุคลากรจากไต้หวัน แต่ด้วยความต้องการชิป AI และ HPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หาก TSMC สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ ก็อาจพลิกสถานการณ์ให้โรงงานใน Arizona กลับมามีกำไรในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    กำไร TSMC Arizona ลดลงอย่างหนัก
    จาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน

    Fab 2 เน้นผลิตชิป 3nm
    ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงและซับซ้อนมากกว่าชิป node เดิม

    ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อสหรัฐฯ
    สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ลูกค้ารายใหญ่สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ
    Apple และ Nvidia ต้องการความมั่นใจด้านซัพพลาย

    ต้นทุนสูงจากแรงงานและการก่อสร้างในสหรัฐฯ
    ต้องดึงบุคลากรจากไต้หวันและใช้ค่าแรงสูงกว่ามาก

    ความเสี่ยงต่อกำไรในระยะสั้น
    Fab 2 อาจยังคงขาดทุนจนกว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้

    https://wccftech.com/tsmc-arizona-facility-hit-hard-by-profit-drop-as-rising-operating-costs-give-a-reality-check/
    🏭 กำไร TSMC Arizona ร่วงแรง รายงานล่าสุดเผยว่าโรงงาน TSMC Arizona มีกำไรลดลงจาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ในไตรมาสต่อไตรมาส สาเหตุหลักคือค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้างสายการผลิตชิปขั้นสูง และต้นทุนแรงงานในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าที่ไต้หวันอย่างมาก 💸 ต้นทุนสูงจากการผลิตชิป 3nm โรงงาน Fab 2 ใน Arizona ถูกวางแผนให้ผลิตชิป 3nm ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์และกระบวนการที่ซับซ้อนและราคาแพง ต่างจาก Fab 1 ที่เน้นผลิตชิป node ที่โตเต็มที่แล้ว ทำให้ Fab 1 ยังพอทำกำไรได้ แต่ Fab 2 กลับกลายเป็นภาระหนักต่อบริษัท 🌐 ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แม้จะขาดทุน แต่โรงงานใน Arizona มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐฯ เพราะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC เช่น Apple และ Nvidia ก็สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความมั่นใจด้านซัพพลาย 🔮 แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่าโรงงานในสหรัฐฯ จะยังคงมีต้นทุนสูงต่อไป ทั้งค่าแรง การก่อสร้าง และการดึงบุคลากรจากไต้หวัน แต่ด้วยความต้องการชิป AI และ HPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หาก TSMC สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ ก็อาจพลิกสถานการณ์ให้โรงงานใน Arizona กลับมามีกำไรในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ กำไร TSMC Arizona ลดลงอย่างหนัก ➡️ จาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ✅ Fab 2 เน้นผลิตชิป 3nm ➡️ ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงและซับซ้อนมากกว่าชิป node เดิม ✅ ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อสหรัฐฯ ➡️ สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ✅ ลูกค้ารายใหญ่สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ Apple และ Nvidia ต้องการความมั่นใจด้านซัพพลาย ‼️ ต้นทุนสูงจากแรงงานและการก่อสร้างในสหรัฐฯ ⛔ ต้องดึงบุคลากรจากไต้หวันและใช้ค่าแรงสูงกว่ามาก ‼️ ความเสี่ยงต่อกำไรในระยะสั้น ⛔ Fab 2 อาจยังคงขาดทุนจนกว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ https://wccftech.com/tsmc-arizona-facility-hit-hard-by-profit-drop-as-rising-operating-costs-give-a-reality-check/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s Arizona Facility Hit Hard by Profit Drop as Rising Operating Costs Give a Reality Check to the “Made in USA” Narrative
    TSMC's Arizona facility has been a massive 'landmark' for America's chip industry, but rising costs have taken out a huge chunk of profits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • หูฟัง 3D-printed Pro จาก Head(amame)

    Head(amame) ซึ่งเคยสร้างชื่อจากชุด DIY หูฟัง 3D-printed ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ชื่อ Head(amame) Pro ผ่าน Kickstarter จุดเด่นคือการผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ใช้วัสดุ ASA-Kevlar และไดรเวอร์แก้วที่บางกว่าผมมนุษย์ ทำให้ได้เสียงที่มีความแข็งแรงและการสั่นสะเทือนที่แม่นยำ

    น้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย
    หูฟังรุ่น Pro มีน้ำหนักเพียง 280 กรัม มาพร้อม memory foam earpads หุ้มด้วยผ้า velour และสายคาดศีรษะที่โปร่งสบาย ไม่ต้องใช้แอมป์ สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเกมได้โดยตรง ถือเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักฟังเพลงและเกมเมอร์

    จุดขายสำคัญ
    แม้จะไม่ใช่ชุด DIY แต่ผู้สนับสนุนโครงการจะได้รับ ไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมแซมในอนาคต ทำให้หูฟังมีความยั่งยืนและสามารถใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการผลิตโดย Pantheon Designs ซึ่งใช้เครื่อง FDM ระดับสูงเพื่อให้ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ

    การตอบรับและอนาคต
    หูฟัง Head(amame) Pro ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากงาน CanJam Dallas และคาดว่าจะมีรีวิวจากนักฟังเพลงระดับ Hi-Fi ออกมาเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแผนจะอัปเดตไฟล์สำหรับผู้ที่เคยซื้อชุด DIY ในปี 2026 เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่

    สรุปสาระสำคัญ
    Head(amame) เปิดตัวหูฟัง Pro บน Kickstarter
    ใช้ไดรเวอร์แก้วและโครง Kevlar ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม

    น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย
    280 กรัม พร้อม memory foam earpads และไม่ต้องใช้แอมป์

    ความยั่งยืนและซ่อมแซมได้
    ผู้สนับสนุนได้รับไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมในอนาคต

    การตอบรับจากวงการ Hi-Fi
    ได้รับเสียงชื่นชมจากงาน CanJam Dallas และรีวิวกำลังจะตามมา

    ความท้าทายด้านคุณภาพการผลิต DIY รุ่นก่อนหน้า
    คุณภาพขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์และทักษะผู้ใช้ ทำให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ

    ราคาสูงกว่าชุด DIY เดิม
    รุ่น Pro เริ่มต้นที่ $319 ซึ่งแพงกว่าชุด DIY ที่ $55–130

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-headphones-go-pro-head-amame-launches-kickstarter-for-premium-glass-and-kevlar-headphones
    🎧 หูฟัง 3D-printed Pro จาก Head(amame) Head(amame) ซึ่งเคยสร้างชื่อจากชุด DIY หูฟัง 3D-printed ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ชื่อ Head(amame) Pro ผ่าน Kickstarter จุดเด่นคือการผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ใช้วัสดุ ASA-Kevlar และไดรเวอร์แก้วที่บางกว่าผมมนุษย์ ทำให้ได้เสียงที่มีความแข็งแรงและการสั่นสะเทือนที่แม่นยำ 🪶 น้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย หูฟังรุ่น Pro มีน้ำหนักเพียง 280 กรัม มาพร้อม memory foam earpads หุ้มด้วยผ้า velour และสายคาดศีรษะที่โปร่งสบาย ไม่ต้องใช้แอมป์ สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเกมได้โดยตรง ถือเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักฟังเพลงและเกมเมอร์ 💡 จุดขายสำคัญ แม้จะไม่ใช่ชุด DIY แต่ผู้สนับสนุนโครงการจะได้รับ ไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมแซมในอนาคต ทำให้หูฟังมีความยั่งยืนและสามารถใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการผลิตโดย Pantheon Designs ซึ่งใช้เครื่อง FDM ระดับสูงเพื่อให้ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ 🔮 การตอบรับและอนาคต หูฟัง Head(amame) Pro ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากงาน CanJam Dallas และคาดว่าจะมีรีวิวจากนักฟังเพลงระดับ Hi-Fi ออกมาเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแผนจะอัปเดตไฟล์สำหรับผู้ที่เคยซื้อชุด DIY ในปี 2026 เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Head(amame) เปิดตัวหูฟัง Pro บน Kickstarter ➡️ ใช้ไดรเวอร์แก้วและโครง Kevlar ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ✅ น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย ➡️ 280 กรัม พร้อม memory foam earpads และไม่ต้องใช้แอมป์ ✅ ความยั่งยืนและซ่อมแซมได้ ➡️ ผู้สนับสนุนได้รับไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมในอนาคต ✅ การตอบรับจากวงการ Hi-Fi ➡️ ได้รับเสียงชื่นชมจากงาน CanJam Dallas และรีวิวกำลังจะตามมา ‼️ ความท้าทายด้านคุณภาพการผลิต DIY รุ่นก่อนหน้า ⛔ คุณภาพขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์และทักษะผู้ใช้ ทำให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ ‼️ ราคาสูงกว่าชุด DIY เดิม ⛔ รุ่น Pro เริ่มต้นที่ $319 ซึ่งแพงกว่าชุด DIY ที่ $55–130 https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-headphones-go-pro-head-amame-launches-kickstarter-for-premium-glass-and-kevlar-headphones
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง

    Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค

    ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก
    ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น

    ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร

    ทางเลือกใหม่และความท้าทาย
    เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta
    โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

    ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก
    รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี
    เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

    ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ
    เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง
    มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    🌊 Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค 🚢 ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น 💰 ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร 🔒 ทางเลือกใหม่และความท้าทาย เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta ➡️ โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ✅ ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก ➡️ รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี ➡️ เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ ➡️ เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง ⛔ มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ⛔ ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cambridge Dictionary เลือกคำว่า Parasocial เป็น Word of the Year 2025

    Cambridge Dictionary ประกาศว่า “parasocial” คือคำแห่งปี 2025 โดยสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อความสัมพันธ์แบบด้านเดียวที่ผู้คนสร้างขึ้นกับ คนดัง, อินฟลูเอนเซอร์ และแม้แต่ AI chatbot ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในยุคดิจิทัล Lexicographers ระบุว่าปีนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ที่ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่ไม่เคยพบจริง ๆ

    ความหมายและที่มา
    คำว่า parasocial หมายถึง “การเชื่อมโยงที่ใครบางคนรู้สึกกับบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งตนไม่รู้จักจริง” แนวคิดนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ที่สังเกตว่าผู้ชมโทรทัศน์เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับพิธีกรเหมือนเป็นเพื่อนหรือครอบครัว ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้อธิบายความสัมพันธ์กับคนดังบนโซเชียลมีเดีย และล่าสุดกับ AI ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา”

    บริบทใหม่ในยุค AI
    นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ว่า ปรากฏการณ์ parasocial กำลังขยายตัวไปสู่ การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT หรือ Copilot ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษา แม้จะไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์จริง ๆ แต่การให้กำลังใจและการสนทนาเชิงบวกทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน

    คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรม
    นอกจาก parasocial แล้ว Cambridge Dictionary ยังเพิ่มคำสแลงใหม่ ๆ ที่สะท้อนวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต เช่น
    skibidi – ใช้ได้ทั้งในความหมาย “เจ๋ง” หรือ “แย่” และบางครั้งไม่มีความหมายเลย
    delulu – มาจากคำว่า delusional ใช้เรียกคนที่หลงผิดหรือมโนเกินจริง
    tradwife – หมายถึงผู้หญิงที่เลือกใช้ชีวิตแบบภรรยาในบ้าน ทำงานบ้านและดูแลครอบครัว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cambridge Dictionary เลือก “parasocial” เป็น Word of the Year 2025
    สะท้อนความสนใจต่อความสัมพันธ์ด้านเดียวกับคนดังและ AI

    ที่มาของคำ parasocial
    เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก

    คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรมปีนี้
    เช่น skibidi, delulu, tradwife

    ความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ parasocial ที่เข้มข้นเกินไป
    อาจทำให้ผู้คนสับสนระหว่างความสัมพันธ์จริงกับความสัมพันธ์เสมือน

    การใช้ AI เป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา”
    อาจนำไปสู่การพึ่งพาทางอารมณ์ที่ไม่สมดุล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/039parasocial039-crowned-cambridge-dictionary-word-of-2025
    📖 Cambridge Dictionary เลือกคำว่า Parasocial เป็น Word of the Year 2025 Cambridge Dictionary ประกาศว่า “parasocial” คือคำแห่งปี 2025 โดยสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อความสัมพันธ์แบบด้านเดียวที่ผู้คนสร้างขึ้นกับ คนดัง, อินฟลูเอนเซอร์ และแม้แต่ AI chatbot ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในยุคดิจิทัล Lexicographers ระบุว่าปีนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ที่ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่ไม่เคยพบจริง ๆ 🌍 ความหมายและที่มา คำว่า parasocial หมายถึง “การเชื่อมโยงที่ใครบางคนรู้สึกกับบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งตนไม่รู้จักจริง” แนวคิดนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ที่สังเกตว่าผู้ชมโทรทัศน์เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับพิธีกรเหมือนเป็นเพื่อนหรือครอบครัว ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้อธิบายความสัมพันธ์กับคนดังบนโซเชียลมีเดีย และล่าสุดกับ AI ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา” 🤖 บริบทใหม่ในยุค AI นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ว่า ปรากฏการณ์ parasocial กำลังขยายตัวไปสู่ การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT หรือ Copilot ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษา แม้จะไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์จริง ๆ แต่การให้กำลังใจและการสนทนาเชิงบวกทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน 🆕 คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรม นอกจาก parasocial แล้ว Cambridge Dictionary ยังเพิ่มคำสแลงใหม่ ๆ ที่สะท้อนวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต เช่น 💠 skibidi – ใช้ได้ทั้งในความหมาย “เจ๋ง” หรือ “แย่” และบางครั้งไม่มีความหมายเลย 💠 delulu – มาจากคำว่า delusional ใช้เรียกคนที่หลงผิดหรือมโนเกินจริง 💠 tradwife – หมายถึงผู้หญิงที่เลือกใช้ชีวิตแบบภรรยาในบ้าน ทำงานบ้านและดูแลครอบครัว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cambridge Dictionary เลือก “parasocial” เป็น Word of the Year 2025 ➡️ สะท้อนความสนใจต่อความสัมพันธ์ด้านเดียวกับคนดังและ AI ✅ ที่มาของคำ parasocial ➡️ เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ✅ คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรมปีนี้ ➡️ เช่น skibidi, delulu, tradwife ‼️ ความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ parasocial ที่เข้มข้นเกินไป ⛔ อาจทำให้ผู้คนสับสนระหว่างความสัมพันธ์จริงกับความสัมพันธ์เสมือน ‼️ การใช้ AI เป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา” ⛔ อาจนำไปสู่การพึ่งพาทางอารมณ์ที่ไม่สมดุล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/039parasocial039-crowned-cambridge-dictionary-word-of-2025
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Parasocial' crowned Cambridge Dictionary word of 2025
    Lexicographers picked it in a year they said was marked by interest in the one-sided parasocial relationships that people form with celebrities, influencers and AI chatbots.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปีของความพยายามในการถอดรหัสไฟล์ .lin

    บทความ A File Format Uncracked for 20 Years โดย Lander เล่าประสบการณ์การพยายาม รีเวิร์สเอนจิเนียร์ไฟล์ .lin ของเกม Splinter Cell (2002) ซึ่งใช้ Unreal Engine 2 และยังคงเป็นปริศนามากว่าสองทศวรรษ แม้จะมีการศึกษามากมาย แต่โครงสร้างไฟล์ยังไม่ถูกถอดรหัสอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลแบบบีบอัดและการอ่านที่ซับซ้อน

    จุดเริ่มต้นจาก Splinter Cell
    ผู้เขียนเล่าว่า Splinter Cell บน Xbox ดั้งเดิมเป็นเกมที่ทำให้เขาสนใจการแฮ็กและการเขียนโปรแกรม เขาพยายามค้นหาคอนเทนต์ที่ถูกตัดออกจากเกม เช่น debug menu, voice lines หรือด่านที่ไม่ถูกปล่อย แต่พบว่าไฟล์ที่สำคัญคือ .lin ซึ่งไม่เคยมีใครถอดรหัสได้ชัดเจน

    โครงสร้างไฟล์ .lin
    ไฟล์ .lin มีลักษณะคล้าย container ที่บรรจุข้อมูลหลายส่วน เช่น maps, textures และ scripts โดยใช้ zlib compression และมีการจัดเรียงข้อมูลแบบไม่สามารถ seek ได้ (ต้องอ่านต่อเนื่อง) ทำให้การวิเคราะห์ยากมาก นอกจากนี้ยังมี file table ที่บันทึก offset และ length ของไฟล์ย่อย แต่ค่าที่บันทึกไว้กลับไม่ตรงกับข้อมูลจริง

    ความพยายามในการรีเวิร์สเอนจิเนียร์
    ผู้เขียนใช้ emulator (xemu) และ debugger เพื่อติดตามการอ่านไฟล์ พบว่า engine ใช้วิธี lazy loading และ interleaving data ระหว่าง object exports ทำให้ไม่สามารถอ่านไฟล์แบบตรงไปตรงมาได้ ต้องเข้าใจการ deserialize ของแต่ละ class ใน C++ ที่ engine ใช้ ซึ่งซับซ้อนและไม่เคยมีเอกสารชัดเจนมาก่อน

    เหตุผลที่ไฟล์ถูกออกแบบเช่นนี้
    การออกแบบ .lin สะท้อนข้อจำกัดของ Xbox รุ่นแรกที่มี RAM เพียง 64MB และต้องโหลดข้อมูลจากแผ่นดิสก์อย่างรวดเร็ว การบีบอัดและการจัดเรียงข้อมูลแบบ sequential read ช่วยลดการ seek บนสื่อจริงและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ทำให้การถอดรหัสไฟล์ในภายหลังแทบเป็นไปไม่ได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไฟล์ .lin ของ Splinter Cell เป็น container format
    ใช้ zlib compression และเก็บ maps, textures, scripts

    file table มีข้อมูล offset และ length
    แต่ค่าที่บันทึกไม่ตรงกับข้อมูลจริง ทำให้ parsing ยาก

    engine ใช้ lazy loading และ interleaving data
    ต้องเข้าใจการ deserialize ของ object ใน C++

    การออกแบบไฟล์สะท้อนข้อจำกัดของ Xbox รุ่นแรก
    RAM 64MB และการอ่านจากแผ่นดิสก์ต้องเร็วและมีประสิทธิภาพ

    การถอดรหัสไฟล์ .lin ยังไม่สมบูรณ์
    ต้องใช้ความเข้าใจลึกใน Unreal Engine 2 และโครงสร้างภายในเกม

    การ reverse engineer มีความเสี่ยงด้านเวลาและความซับซ้อนสูง
    อาจไม่สามารถนำไปใช้กับเกมอื่น ๆ ได้โดยตรง

    https://landaire.net/a-file-format-uncracked-for-20-years/
    📁 20 ปีของความพยายามในการถอดรหัสไฟล์ .lin บทความ A File Format Uncracked for 20 Years โดย Lander เล่าประสบการณ์การพยายาม รีเวิร์สเอนจิเนียร์ไฟล์ .lin ของเกม Splinter Cell (2002) ซึ่งใช้ Unreal Engine 2 และยังคงเป็นปริศนามากว่าสองทศวรรษ แม้จะมีการศึกษามากมาย แต่โครงสร้างไฟล์ยังไม่ถูกถอดรหัสอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลแบบบีบอัดและการอ่านที่ซับซ้อน 🎮 จุดเริ่มต้นจาก Splinter Cell ผู้เขียนเล่าว่า Splinter Cell บน Xbox ดั้งเดิมเป็นเกมที่ทำให้เขาสนใจการแฮ็กและการเขียนโปรแกรม เขาพยายามค้นหาคอนเทนต์ที่ถูกตัดออกจากเกม เช่น debug menu, voice lines หรือด่านที่ไม่ถูกปล่อย แต่พบว่าไฟล์ที่สำคัญคือ .lin ซึ่งไม่เคยมีใครถอดรหัสได้ชัดเจน 🗂️ โครงสร้างไฟล์ .lin ไฟล์ .lin มีลักษณะคล้าย container ที่บรรจุข้อมูลหลายส่วน เช่น maps, textures และ scripts โดยใช้ zlib compression และมีการจัดเรียงข้อมูลแบบไม่สามารถ seek ได้ (ต้องอ่านต่อเนื่อง) ทำให้การวิเคราะห์ยากมาก นอกจากนี้ยังมี file table ที่บันทึก offset และ length ของไฟล์ย่อย แต่ค่าที่บันทึกไว้กลับไม่ตรงกับข้อมูลจริง 🔍 ความพยายามในการรีเวิร์สเอนจิเนียร์ ผู้เขียนใช้ emulator (xemu) และ debugger เพื่อติดตามการอ่านไฟล์ พบว่า engine ใช้วิธี lazy loading และ interleaving data ระหว่าง object exports ทำให้ไม่สามารถอ่านไฟล์แบบตรงไปตรงมาได้ ต้องเข้าใจการ deserialize ของแต่ละ class ใน C++ ที่ engine ใช้ ซึ่งซับซ้อนและไม่เคยมีเอกสารชัดเจนมาก่อน 💡 เหตุผลที่ไฟล์ถูกออกแบบเช่นนี้ การออกแบบ .lin สะท้อนข้อจำกัดของ Xbox รุ่นแรกที่มี RAM เพียง 64MB และต้องโหลดข้อมูลจากแผ่นดิสก์อย่างรวดเร็ว การบีบอัดและการจัดเรียงข้อมูลแบบ sequential read ช่วยลดการ seek บนสื่อจริงและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ทำให้การถอดรหัสไฟล์ในภายหลังแทบเป็นไปไม่ได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไฟล์ .lin ของ Splinter Cell เป็น container format ➡️ ใช้ zlib compression และเก็บ maps, textures, scripts ✅ file table มีข้อมูล offset และ length ➡️ แต่ค่าที่บันทึกไม่ตรงกับข้อมูลจริง ทำให้ parsing ยาก ✅ engine ใช้ lazy loading และ interleaving data ➡️ ต้องเข้าใจการ deserialize ของ object ใน C++ ✅ การออกแบบไฟล์สะท้อนข้อจำกัดของ Xbox รุ่นแรก ➡️ RAM 64MB และการอ่านจากแผ่นดิสก์ต้องเร็วและมีประสิทธิภาพ ‼️ การถอดรหัสไฟล์ .lin ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ ต้องใช้ความเข้าใจลึกใน Unreal Engine 2 และโครงสร้างภายในเกม ‼️ การ reverse engineer มีความเสี่ยงด้านเวลาและความซับซ้อนสูง ⛔ อาจไม่สามารถนำไปใช้กับเกมอื่น ๆ ได้โดยตรง https://landaire.net/a-file-format-uncracked-for-20-years/
    LANDAIRE.NET
    A File Format Uncracked for 20 Years
    "I’ve had enough reasonable file formats fired at me in my time to tell you that wasn’t one" - Sam Fisher
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6 ขั้นตอนการเรียนรู้ทักษะสังคมของ Sasha

    บทความ My six stages of learning to be a socially normal person โดย Sasha Chapin เล่าประสบการณ์การเรียนรู้ทักษะทางสังคมผ่าน 6 ขั้นตอน ตั้งแต่การพยายามเป็น “คนที่น่าสนใจ” ไปจนถึงการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงกับผู้อื่นด้วยความรักและการยอมรับ ก่อนจะมาถึงจุดที่สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมโยงหรือเว้นระยะห่างอย่างสมดุล

    ขั้นแรก: การเป็นคนที่น่าสนใจ
    ในวัยเด็กและวัยรุ่น Sasha พยายามสร้างตัวตนให้ดูฉลาดและน่าฟัง เช่น การอ่านบทกวีและวรรณกรรมยาก ๆ หรือเล่าเรื่องดราม่าในชีวิต แต่สิ่งนี้กลับทำให้เขาดูเป็น “คนโชว์” มากกว่าการเชื่อมโยงจริง ๆ จึงยังไม่สามารถเข้ากับสังคมได้อย่างแท้จริง

    ขั้นสอง–สาม: การเล่นเกมสังคมและการคลายกฎเกณฑ์
    เมื่อทำงานในร้านอาหาร เขาเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานว่า การเชื่อมโยงคือการเล่นเกมที่อีกฝ่ายต้องการ ไม่ใช่การยึดติดกับบทบาทตายตัว ต่อมาเขาพบว่าการ “คลายกฎ” และใส่ความแปลกเล็กน้อยลงไป เช่น พูดประโยคที่ไม่คาดคิด ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ขั้นสี่: การเต้นไปตามจังหวะ
    ผ่านการฝึกสมาธิและการสังเกต เขาเริ่มเข้าใจ ภาษากายและอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน ของผู้คน ทำให้การสื่อสารเหมือนการเต้นรำที่ต้องตอบสนองตามจังหวะ ไม่ใช่การคิดวิเคราะห์อย่างแข็งทื่อ

    ขั้นห้า–หก: ความรัก การยอมรับ และการเลือกเชื่อมโยง
    ในฐานะโค้ช เขาลองใช้ “พลังการเยียวยา” ผ่านการเปิดใจและการฟังอย่างลึกซึ้ง จนผู้คนรู้สึกได้รับการปลอบโยน แต่เขาก็พบข้อจำกัดว่า การเปิดใจมากเกินไปอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกหรือการจีบ สุดท้ายเขาจึงเรียนรู้ที่จะปรับระดับการเชื่อมโยงตามสถานการณ์ และยอมรับว่าบางครั้งการเว้นระยะห่างก็เป็นสิ่งที่ดี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    6 ขั้นตอนการเรียนรู้ทักษะสังคมของ Sasha
    จากการพยายามเป็นคนที่น่าสนใจ → เล่นเกมสังคม → คลายกฎเกณฑ์ → เต้นไปตามจังหวะ → เปิดใจด้วยความรัก → เลือกเชื่อมโยงอย่างสมดุล

    บทเรียนสำคัญจากร้านอาหาร
    การสังเกตและตอบสนองต่อเกมสังคมของอีกฝ่ายทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ

    การฝึกสมาธิและการสังเกตภาษากาย
    ช่วยให้เข้าใจอารมณ์และสร้างการเชื่อมโยงที่แท้จริง

    การเปิดใจสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งได้ง่าย
    แต่ต้องระวังไม่ให้ผู้คนตีความผิดว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก

    ความเสี่ยงจากการเปิดใจมากเกินไป
    อาจทำให้คนอื่นรู้สึกถูกหลอกหรือสับสนในความสัมพันธ์

    การพยายามเป็น “คนที่น่าสนใจ” อย่างเดียวไม่เพียงพอ
    เพราะจะกลายเป็นการโชว์มากกว่าการเชื่อมโยงจริง ๆ

    https://sashachapin.substack.com/p/my-six-stages-of-learning-to-be-a
    🥂 6 ขั้นตอนการเรียนรู้ทักษะสังคมของ Sasha บทความ My six stages of learning to be a socially normal person โดย Sasha Chapin เล่าประสบการณ์การเรียนรู้ทักษะทางสังคมผ่าน 6 ขั้นตอน ตั้งแต่การพยายามเป็น “คนที่น่าสนใจ” ไปจนถึงการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงกับผู้อื่นด้วยความรักและการยอมรับ ก่อนจะมาถึงจุดที่สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมโยงหรือเว้นระยะห่างอย่างสมดุล 🎭 ขั้นแรก: การเป็นคนที่น่าสนใจ ในวัยเด็กและวัยรุ่น Sasha พยายามสร้างตัวตนให้ดูฉลาดและน่าฟัง เช่น การอ่านบทกวีและวรรณกรรมยาก ๆ หรือเล่าเรื่องดราม่าในชีวิต แต่สิ่งนี้กลับทำให้เขาดูเป็น “คนโชว์” มากกว่าการเชื่อมโยงจริง ๆ จึงยังไม่สามารถเข้ากับสังคมได้อย่างแท้จริง 🍷 ขั้นสอง–สาม: การเล่นเกมสังคมและการคลายกฎเกณฑ์ เมื่อทำงานในร้านอาหาร เขาเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานว่า การเชื่อมโยงคือการเล่นเกมที่อีกฝ่ายต้องการ ไม่ใช่การยึดติดกับบทบาทตายตัว ต่อมาเขาพบว่าการ “คลายกฎ” และใส่ความแปลกเล็กน้อยลงไป เช่น พูดประโยคที่ไม่คาดคิด ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น 💃 ขั้นสี่: การเต้นไปตามจังหวะ ผ่านการฝึกสมาธิและการสังเกต เขาเริ่มเข้าใจ ภาษากายและอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน ของผู้คน ทำให้การสื่อสารเหมือนการเต้นรำที่ต้องตอบสนองตามจังหวะ ไม่ใช่การคิดวิเคราะห์อย่างแข็งทื่อ ❤️ ขั้นห้า–หก: ความรัก การยอมรับ และการเลือกเชื่อมโยง ในฐานะโค้ช เขาลองใช้ “พลังการเยียวยา” ผ่านการเปิดใจและการฟังอย่างลึกซึ้ง จนผู้คนรู้สึกได้รับการปลอบโยน แต่เขาก็พบข้อจำกัดว่า การเปิดใจมากเกินไปอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกหรือการจีบ สุดท้ายเขาจึงเรียนรู้ที่จะปรับระดับการเชื่อมโยงตามสถานการณ์ และยอมรับว่าบางครั้งการเว้นระยะห่างก็เป็นสิ่งที่ดี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ 6 ขั้นตอนการเรียนรู้ทักษะสังคมของ Sasha ➡️ จากการพยายามเป็นคนที่น่าสนใจ → เล่นเกมสังคม → คลายกฎเกณฑ์ → เต้นไปตามจังหวะ → เปิดใจด้วยความรัก → เลือกเชื่อมโยงอย่างสมดุล ✅ บทเรียนสำคัญจากร้านอาหาร ➡️ การสังเกตและตอบสนองต่อเกมสังคมของอีกฝ่ายทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ✅ การฝึกสมาธิและการสังเกตภาษากาย ➡️ ช่วยให้เข้าใจอารมณ์และสร้างการเชื่อมโยงที่แท้จริง ✅ การเปิดใจสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งได้ง่าย ➡️ แต่ต้องระวังไม่ให้ผู้คนตีความผิดว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก ‼️ ความเสี่ยงจากการเปิดใจมากเกินไป ⛔ อาจทำให้คนอื่นรู้สึกถูกหลอกหรือสับสนในความสัมพันธ์ ‼️ การพยายามเป็น “คนที่น่าสนใจ” อย่างเดียวไม่เพียงพอ ⛔ เพราะจะกลายเป็นการโชว์มากกว่าการเชื่อมโยงจริง ๆ https://sashachapin.substack.com/p/my-six-stages-of-learning-to-be-a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกของ ZTNA ระหว่าง Cloudflare Zero Trust vs Tailscale

    David เปรียบเทียบว่า Tailscale ใช้การเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer ผ่าน NAT/firewall penetration ซึ่งให้ความเร็วและ latency ที่ดีที่สุดหากเชื่อมต่อสำเร็จ แต่หากไม่สามารถเชื่อมต่อได้จะต้องผ่าน relay server ส่วน Cloudflare Zero Trust จะส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่าน edge network ของ Cloudflare ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่อง NAT แต่เพิ่ม latency เล็กน้อย

    Warp Client และ Cloudflared
    Warp Client: ใช้เชื่อมต่อเครื่องลูกข่ายเข้ากับเครือข่าย Cloudflare Zero Trust และบังคับใช้นโยบายการเข้าถึง รองรับการเชื่อมต่อแบบ warp-to-warp (p2p)
    Cloudflared: ใช้สร้าง tunnel และเพิ่มเข้าไปใน Zero Trust network มักรันบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อเปิดบริการภายในสู่อินเทอร์เน็ต สามารถสร้าง tunnel แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อทดสอบได้

    Tunnels, Routes และ Targets
    Tunnels: จุดออกสำหรับทราฟฟิก เช่น ติดตั้งบน router หรือ server เพื่อเปิดเครือข่ายภายใน
    Routes: กำหนดเส้นทางให้ Warp client ส่งทราฟฟิกไปยัง tunnel ที่ถูกต้อง เช่น route IP 192.168.1.3/32 ไปยัง tunnel เฉพาะ
    Targets: ใช้ระบุโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการป้องกัน เช่น homeassistant.mydomain.com เพื่อเพิ่มนโยบายการเข้าถึง

    Access Policies และการใช้งานจริง
    David อธิบายการสร้าง Access Policies เพื่อควบคุมว่าใครเข้าถึงได้ เช่น
    อนุญาตเฉพาะผู้ใช้ที่ล็อกอินด้วย GitHub และอีเมลที่กำหนด
    ข้ามหน้าล็อกอินเมื่อเชื่อมต่อผ่าน Warp client ที่ลงทะเบียนแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถปิดพอร์ต SSH สาธารณะ และบังคับให้เข้าผ่าน Warp เท่านั้น เพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cloudflare Zero Trust ใช้ edge network แทน p2p
    ลดปัญหา NAT แต่เพิ่ม latency เล็กน้อย

    Warp Client และ Cloudflared ทำงานร่วมกัน
    Warp สำหรับ client, Cloudflared สำหรับสร้าง tunnel

    Tunnels, Routes, Targets คือองค์ประกอบหลัก
    ใช้กำหนดเส้นทางและเพิ่มการป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน

    Access Policies เพิ่มความปลอดภัย
    เช่น การล็อกอินผ่าน GitHub หรือการ bypass login เมื่อใช้ Warp

    การเปิดบริการภายในสู่สาธารณะมีความเสี่ยง
    ต้องกำหนดนโยบายเข้มงวดเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การตั้งค่า Warp Client ต้องระวัง
    หากกำหนดสิทธิ์ enrollment กว้างเกินไป อาจเปิดช่องโหว่ให้บุคคลไม่พึงประสงค์เข้าถึงเครือข่าย

    https://david.coffee/cloudflare-zero-trust-tunnels
    🌐 ศึกของ ZTNA ระหว่าง Cloudflare Zero Trust vs Tailscale David เปรียบเทียบว่า Tailscale ใช้การเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer ผ่าน NAT/firewall penetration ซึ่งให้ความเร็วและ latency ที่ดีที่สุดหากเชื่อมต่อสำเร็จ แต่หากไม่สามารถเชื่อมต่อได้จะต้องผ่าน relay server ส่วน Cloudflare Zero Trust จะส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่าน edge network ของ Cloudflare ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่อง NAT แต่เพิ่ม latency เล็กน้อย 🔧 Warp Client และ Cloudflared 💠 Warp Client: ใช้เชื่อมต่อเครื่องลูกข่ายเข้ากับเครือข่าย Cloudflare Zero Trust และบังคับใช้นโยบายการเข้าถึง รองรับการเชื่อมต่อแบบ warp-to-warp (p2p) 💠 Cloudflared: ใช้สร้าง tunnel และเพิ่มเข้าไปใน Zero Trust network มักรันบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อเปิดบริการภายในสู่อินเทอร์เน็ต สามารถสร้าง tunnel แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อทดสอบได้ 🛠️ Tunnels, Routes และ Targets 💠 Tunnels: จุดออกสำหรับทราฟฟิก เช่น ติดตั้งบน router หรือ server เพื่อเปิดเครือข่ายภายใน 💠 Routes: กำหนดเส้นทางให้ Warp client ส่งทราฟฟิกไปยัง tunnel ที่ถูกต้อง เช่น route IP 192.168.1.3/32 ไปยัง tunnel เฉพาะ 💠 Targets: ใช้ระบุโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการป้องกัน เช่น homeassistant.mydomain.com เพื่อเพิ่มนโยบายการเข้าถึง 🔒 Access Policies และการใช้งานจริง David อธิบายการสร้าง Access Policies เพื่อควบคุมว่าใครเข้าถึงได้ เช่น 💠 อนุญาตเฉพาะผู้ใช้ที่ล็อกอินด้วย GitHub และอีเมลที่กำหนด 💠 ข้ามหน้าล็อกอินเมื่อเชื่อมต่อผ่าน Warp client ที่ลงทะเบียนแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถปิดพอร์ต SSH สาธารณะ และบังคับให้เข้าผ่าน Warp เท่านั้น เพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cloudflare Zero Trust ใช้ edge network แทน p2p ➡️ ลดปัญหา NAT แต่เพิ่ม latency เล็กน้อย ✅ Warp Client และ Cloudflared ทำงานร่วมกัน ➡️ Warp สำหรับ client, Cloudflared สำหรับสร้าง tunnel ✅ Tunnels, Routes, Targets คือองค์ประกอบหลัก ➡️ ใช้กำหนดเส้นทางและเพิ่มการป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ✅ Access Policies เพิ่มความปลอดภัย ➡️ เช่น การล็อกอินผ่าน GitHub หรือการ bypass login เมื่อใช้ Warp ‼️ การเปิดบริการภายในสู่สาธารณะมีความเสี่ยง ⛔ ต้องกำหนดนโยบายเข้มงวดเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ‼️ การตั้งค่า Warp Client ต้องระวัง ⛔ หากกำหนดสิทธิ์ enrollment กว้างเกินไป อาจเปิดช่องโหว่ให้บุคคลไม่พึงประสงค์เข้าถึงเครือข่าย https://david.coffee/cloudflare-zero-trust-tunnels
    DAVID.COFFEE
    I finally understand Cloudflare Zero Trust tunnels
    Everything you wanted to know about using Cloudflare Zero Trust Argo tunnels for your personal network
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคของไลบรารีเล็ก ๆ (utility libraries) กำลังหมดความสำคัญ เพราะนักพัฒนาใช้ AI LLMs สร้างโค้ดแทนการติดตั้งแพ็กเกจ

    Nolan เล่าถึงแพ็กเกจ blob-util ที่เขาเขียนเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งยังถูกดาวน์โหลดกว่า 5 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ แต่ปัจจุบันนักพัฒนาส่วนใหญ่ (~80%) ใช้ AI ในการสร้างโค้ดแทนการติดตั้งไลบรารีเล็ก ๆ เช่นนี้ เขายกตัวอย่างว่า AI อย่าง Claude สามารถสร้างฟังก์ชันแปลง Blob เป็น ArrayBuffer ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพา blob-util

    การเปลี่ยนแปลงในโลกการพัฒนา
    Nolan มองว่าการใช้ AI ทำให้ การพึ่งพาแพ็กเกจเล็ก ๆ ลดลง เพราะนักพัฒนาสามารถขอให้ AI เขียนโค้ดเฉพาะได้ทันที แม้จะสะดวกและลด dependency แต่สิ่งที่หายไปคือ บทบาทการสอนและการเรียนรู้ ที่มาพร้อมกับ open source เล็ก ๆ เช่น README ที่อธิบายวิธีคิดและการแก้ปัญหา

    อนาคตของ open source
    เขาสรุปว่า ยุคของ utility libraries กำลังสิ้นสุดลง เนื่องจาก Node.js และเบราว์เซอร์เองก็เพิ่มฟีเจอร์ที่เคยต้องใช้ไลบรารีภายนอก เช่น structuredClone หรือ node:glob และ AI เป็น “ตะปูตัวสุดท้าย” ที่ปิดโอกาสการสร้างไลบรารีเล็ก ๆ อย่าง blob-util อย่างไรก็ตาม Nolan เชื่อว่ายังมีพื้นที่สำหรับ โครงการใหญ่ ๆ, งานเชิงสร้างสรรค์, และหัวข้อเฉพาะที่ AI ยังไม่ครอบคลุม เช่น งานวิจัย memory leak หรือเฟรมเวิร์กใหม่ ๆ อย่าง Ripple.js

    สรุปประเด็นสำคัญ
    blob-util เคยเป็นแพ็กเกจยอดนิยม
    แต่ปัจจุบันนักพัฒนาใช้ AI เขียนโค้ดแทน

    AI ลดการพึ่งพา utility libraries
    ทำให้การเรียนรู้ผ่าน open source ลดลง

    Node.js และเบราว์เซอร์เพิ่มฟีเจอร์ในตัวเอง
    เช่น structuredClone, node:glob

    อนาคตของ open source อยู่ที่โครงการใหญ่และสร้างสรรค์
    เช่น งานวิจัย memory leak หรือเฟรมเวิร์กใหม่ Ripple.js

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจทำให้ผู้พัฒนาไม่เข้าใจโค้ดเชิงลึกและสูญเสียทักษะการเรียนรู้

    https://nolanlawson.com/2025/11/16/the-fate-of-small-open-source/
    📚 ยุคของไลบรารีเล็ก ๆ (utility libraries) กำลังหมดความสำคัญ เพราะนักพัฒนาใช้ AI LLMs สร้างโค้ดแทนการติดตั้งแพ็กเกจ Nolan เล่าถึงแพ็กเกจ blob-util ที่เขาเขียนเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งยังถูกดาวน์โหลดกว่า 5 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ แต่ปัจจุบันนักพัฒนาส่วนใหญ่ (~80%) ใช้ AI ในการสร้างโค้ดแทนการติดตั้งไลบรารีเล็ก ๆ เช่นนี้ เขายกตัวอย่างว่า AI อย่าง Claude สามารถสร้างฟังก์ชันแปลง Blob เป็น ArrayBuffer ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพา blob-util ⚡ การเปลี่ยนแปลงในโลกการพัฒนา Nolan มองว่าการใช้ AI ทำให้ การพึ่งพาแพ็กเกจเล็ก ๆ ลดลง เพราะนักพัฒนาสามารถขอให้ AI เขียนโค้ดเฉพาะได้ทันที แม้จะสะดวกและลด dependency แต่สิ่งที่หายไปคือ บทบาทการสอนและการเรียนรู้ ที่มาพร้อมกับ open source เล็ก ๆ เช่น README ที่อธิบายวิธีคิดและการแก้ปัญหา 🔮 อนาคตของ open source เขาสรุปว่า ยุคของ utility libraries กำลังสิ้นสุดลง เนื่องจาก Node.js และเบราว์เซอร์เองก็เพิ่มฟีเจอร์ที่เคยต้องใช้ไลบรารีภายนอก เช่น structuredClone หรือ node:glob และ AI เป็น “ตะปูตัวสุดท้าย” ที่ปิดโอกาสการสร้างไลบรารีเล็ก ๆ อย่าง blob-util อย่างไรก็ตาม Nolan เชื่อว่ายังมีพื้นที่สำหรับ โครงการใหญ่ ๆ, งานเชิงสร้างสรรค์, และหัวข้อเฉพาะที่ AI ยังไม่ครอบคลุม เช่น งานวิจัย memory leak หรือเฟรมเวิร์กใหม่ ๆ อย่าง Ripple.js 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ blob-util เคยเป็นแพ็กเกจยอดนิยม ➡️ แต่ปัจจุบันนักพัฒนาใช้ AI เขียนโค้ดแทน ✅ AI ลดการพึ่งพา utility libraries ➡️ ทำให้การเรียนรู้ผ่าน open source ลดลง ✅ Node.js และเบราว์เซอร์เพิ่มฟีเจอร์ในตัวเอง ➡️ เช่น structuredClone, node:glob ✅ อนาคตของ open source อยู่ที่โครงการใหญ่และสร้างสรรค์ ➡️ เช่น งานวิจัย memory leak หรือเฟรมเวิร์กใหม่ Ripple.js ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจทำให้ผู้พัฒนาไม่เข้าใจโค้ดเชิงลึกและสูญเสียทักษะการเรียนรู้ https://nolanlawson.com/2025/11/16/the-fate-of-small-open-source/
    NOLANLAWSON.COM
    The fate of “small” open source
    By far the most popular npm package I’ve ever written is blob-util, which is ~10 years old and still gets 5+ million weekly downloads. It’s a small collection of utilities for working w…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมและ Dark Patterns ที่ควรรู้จัก

    DarkPattern.games อธิบายว่า Dark Pattern คือกลยุทธ์ที่นักพัฒนาเกมจงใจใส่เข้ามาเพื่อสร้างประสบการณ์เชิงลบแก่ผู้เล่น แต่กลับเป็นผลดีต่อผู้พัฒนา เช่น การทำให้ผู้เล่นเสียเวลา เงิน หรือความสัมพันธ์ทางสังคม ตัวอย่างเช่น Temporal Dark Patterns ที่บังคับให้ผู้เล่นต้องเข้าเกมตามเวลาที่กำหนดเพื่อรับรางวัล, Social Dark Patterns ที่ใช้แรงกดดันจากเพื่อนหรือกิลด์, และ Monetary Dark Patterns ที่กระตุ้นให้ใช้เงินจริงซื้อทางลัดหรือไอเท็มพิเศษ

    กลยุทธ์ที่ทำให้ผู้เล่นเสียเงิน
    หนึ่งในรูปแบบที่ถูกวิจารณ์มากคือ Pay to Win และ Artificial Scarcity ซึ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องจ่ายเงินเพื่อแข่งขันได้ หรือสร้างความขาดแคลนปลอม ๆ เพื่อบังคับให้ซื้อทันที นอกจากนี้ยังมี Premium Currency ที่ทำให้การใช้เงินจริงซับซ้อนขึ้น ผู้เล่นอาจไม่รู้ว่าตัวเองใช้เงินไปมากแค่ไหน

    กลวิธีทางจิตวิทยา
    DarkPattern.games ยังชี้ให้เห็นว่าเกมจำนวนมากใช้ Psychological Dark Patterns เช่น การสร้าง “Illusion of Control” ทำให้ผู้เล่นเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจตัดสินใจ ทั้งที่จริงแล้วระบบถูกออกแบบมาให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ผู้พัฒนาต้องการ หรือการใช้ Badges และ Progress เพื่อทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องเล่นต่อเพื่อเก็บสะสมให้ครบ

    ทางเลือกเกมสุขภาพดี
    เว็บไซต์นี้ไม่ได้เพียงแค่เตือน แต่ยังแนะนำเกมที่ไม่มี Dark Patterns เช่น Beholder, DISTRAINT 2, Townscaper, และ Song of Bloom ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุดในหมวด Healthy Games เพื่อให้ผู้เล่นมีทางเลือกที่สนุกโดยไม่ถูกหลอกล่อ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    DarkPattern.games ช่วยผู้เล่นเข้าใจกลยุทธ์หลอกล่อในเกม
    อธิบายทั้ง Temporal, Social, Monetary และ Psychological Dark Patterns

    ตัวอย่างกลยุทธ์ที่พบบ่อย
    Daily Rewards, Pay to Win, Artificial Scarcity, Illusion of Control

    เว็บไซต์มีการจัดอันดับเกมสุขภาพดีและเกมที่ใช้ Dark Patterns
    Healthy Games เช่น Beholder, Townscaper / Dark Games เช่น Real Roulette 3D

    ผู้เล่นอาจถูกบังคับให้เสียเวลาและเงินโดยไม่รู้ตัว
    Daily Rewards และ Premium Currency ทำให้ควบคุมการเล่นยากขึ้น

    ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางสังคม
    Social Obligation และ Friend Spam ก่อแรงกดดันจากเพื่อนหรือกิลด์

    กลวิธีทางจิตวิทยาอาจทำให้ผู้เล่นตัดสินใจผิดพลาด
    Illusion of Control และ Endowed Progress ทำให้เล่นต่อแม้ไม่อยาก

    https://www.darkpattern.games/
    🎮 เกมและ Dark Patterns ที่ควรรู้จัก DarkPattern.games อธิบายว่า Dark Pattern คือกลยุทธ์ที่นักพัฒนาเกมจงใจใส่เข้ามาเพื่อสร้างประสบการณ์เชิงลบแก่ผู้เล่น แต่กลับเป็นผลดีต่อผู้พัฒนา เช่น การทำให้ผู้เล่นเสียเวลา เงิน หรือความสัมพันธ์ทางสังคม ตัวอย่างเช่น Temporal Dark Patterns ที่บังคับให้ผู้เล่นต้องเข้าเกมตามเวลาที่กำหนดเพื่อรับรางวัล, Social Dark Patterns ที่ใช้แรงกดดันจากเพื่อนหรือกิลด์, และ Monetary Dark Patterns ที่กระตุ้นให้ใช้เงินจริงซื้อทางลัดหรือไอเท็มพิเศษ 💰 กลยุทธ์ที่ทำให้ผู้เล่นเสียเงิน หนึ่งในรูปแบบที่ถูกวิจารณ์มากคือ Pay to Win และ Artificial Scarcity ซึ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องจ่ายเงินเพื่อแข่งขันได้ หรือสร้างความขาดแคลนปลอม ๆ เพื่อบังคับให้ซื้อทันที นอกจากนี้ยังมี Premium Currency ที่ทำให้การใช้เงินจริงซับซ้อนขึ้น ผู้เล่นอาจไม่รู้ว่าตัวเองใช้เงินไปมากแค่ไหน 🧠 กลวิธีทางจิตวิทยา DarkPattern.games ยังชี้ให้เห็นว่าเกมจำนวนมากใช้ Psychological Dark Patterns เช่น การสร้าง “Illusion of Control” ทำให้ผู้เล่นเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจตัดสินใจ ทั้งที่จริงแล้วระบบถูกออกแบบมาให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ผู้พัฒนาต้องการ หรือการใช้ Badges และ Progress เพื่อทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องเล่นต่อเพื่อเก็บสะสมให้ครบ 🌱 ทางเลือกเกมสุขภาพดี เว็บไซต์นี้ไม่ได้เพียงแค่เตือน แต่ยังแนะนำเกมที่ไม่มี Dark Patterns เช่น Beholder, DISTRAINT 2, Townscaper, และ Song of Bloom ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุดในหมวด Healthy Games เพื่อให้ผู้เล่นมีทางเลือกที่สนุกโดยไม่ถูกหลอกล่อ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ DarkPattern.games ช่วยผู้เล่นเข้าใจกลยุทธ์หลอกล่อในเกม ➡️ อธิบายทั้ง Temporal, Social, Monetary และ Psychological Dark Patterns ✅ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่พบบ่อย ➡️ Daily Rewards, Pay to Win, Artificial Scarcity, Illusion of Control ✅ เว็บไซต์มีการจัดอันดับเกมสุขภาพดีและเกมที่ใช้ Dark Patterns ➡️ Healthy Games เช่น Beholder, Townscaper / Dark Games เช่น Real Roulette 3D ‼️ ผู้เล่นอาจถูกบังคับให้เสียเวลาและเงินโดยไม่รู้ตัว ⛔ Daily Rewards และ Premium Currency ทำให้ควบคุมการเล่นยากขึ้น ‼️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางสังคม ⛔ Social Obligation และ Friend Spam ก่อแรงกดดันจากเพื่อนหรือกิลด์ ‼️ กลวิธีทางจิตวิทยาอาจทำให้ผู้เล่นตัดสินใจผิดพลาด ⛔ Illusion of Control และ Endowed Progress ทำให้เล่นต่อแม้ไม่อยาก https://www.darkpattern.games/
    WWW.DARKPATTERN.GAMES
    DarkPattern.games » Healthy Gaming « Avoid Addictive Dark Patterns
    Game reviews to help you find good games that don't trick you into addictive gaming patterns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเกิดขึ้นของ Chief Trust Officer และบทบาทใหม่ของ CISO

    องค์กรจำนวนมากเริ่มสร้างตำแหน่ง Chief Trust Officer (CTrO) เพื่อรับผิดชอบด้านความเชื่อมั่นและความโปร่งใส โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าและคู่ค้าต้องการความมั่นใจเกี่ยวกับ ความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว, การใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และการทำงานของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าความเชื่อมั่นได้กลายเป็น ตัวแปรเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป

    ในหลายองค์กร CTrO ทำงานควบคู่กับ CISO โดยที่ CISO ยังคงดูแลการควบคุมและการป้องกันระบบ แต่ CTrO จะขยายขอบเขตไปสู่เรื่อง ชื่อเสียง, จริยธรรม และความมั่นใจของลูกค้า ตัวอย่างเช่น การสื่อสารอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการฝึกและปกป้องโมเดล AI หรือการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้

    บทบาทใหม่นี้ยังช่วยให้การรายงานต่อ คณะกรรมการบริษัท (Board) มีความชัดเจนมากขึ้น โดยการพูดคุยผ่าน “เลนส์ของความเชื่อมั่น” ทำให้บอร์ดเข้าใจผลกระทบต่อกลยุทธ์ธุรกิจได้ดีกว่าการรายงานเชิงเทคนิค เช่น จำนวนช่องโหว่หรือการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย

    นอกจากนี้ หลายองค์กรยังมองว่า CTrO อาจเป็นเส้นทางอาชีพใหม่สำหรับ CISO ที่ต้องการขยายบทบาทจากการป้องกันความเสี่ยงไปสู่การสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นกับลูกค้า ถือเป็นการเปลี่ยนจาก “ผู้ปกป้องระบบ” ไปสู่ “ผู้พิทักษ์ความน่าเชื่อถือ”

    สรุปสาระสำคัญ
    การเกิดขึ้นของ Chief Trust Officer (CTrO)
    เน้นการสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใส
    ครอบคลุมเรื่องความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว และการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ

    ความสัมพันธ์กับ CISO
    CISO ดูแลการควบคุมและการป้องกันระบบ
    CTrO ขยายไปสู่ชื่อเสียง, จริยธรรม และความมั่นใจของลูกค้า

    การรายงานต่อบอร์ด
    ใช้ “เลนส์ของความเชื่อมั่น” แทนรายงานเชิงเทคนิค
    เชื่อมโยงความปลอดภัยกับกลยุทธ์ธุรกิจโดยตรง

    เส้นทางอาชีพใหม่สำหรับ CISO
    จากผู้ปกป้องระบบ → ผู้พิทักษ์ความน่าเชื่อถือ
    สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร

    ข้อควรระวัง
    หากองค์กรสร้างตำแหน่ง CTrO โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจริง อาจกลายเป็น “Trust Theatre”
    ต้องมีการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงและบอร์ด มิฉะนั้นบทบาทจะไม่เกิดผลจริง

    https://www.csoonline.com/article/4085479/the-rise-of-the-chief-trust-officer-where-does-the-ciso-fit.html
    🏢 การเกิดขึ้นของ Chief Trust Officer และบทบาทใหม่ของ CISO องค์กรจำนวนมากเริ่มสร้างตำแหน่ง Chief Trust Officer (CTrO) เพื่อรับผิดชอบด้านความเชื่อมั่นและความโปร่งใส โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าและคู่ค้าต้องการความมั่นใจเกี่ยวกับ ความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว, การใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และการทำงานของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าความเชื่อมั่นได้กลายเป็น ตัวแปรเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป ในหลายองค์กร CTrO ทำงานควบคู่กับ CISO โดยที่ CISO ยังคงดูแลการควบคุมและการป้องกันระบบ แต่ CTrO จะขยายขอบเขตไปสู่เรื่อง ชื่อเสียง, จริยธรรม และความมั่นใจของลูกค้า ตัวอย่างเช่น การสื่อสารอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการฝึกและปกป้องโมเดล AI หรือการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ บทบาทใหม่นี้ยังช่วยให้การรายงานต่อ คณะกรรมการบริษัท (Board) มีความชัดเจนมากขึ้น โดยการพูดคุยผ่าน “เลนส์ของความเชื่อมั่น” ทำให้บอร์ดเข้าใจผลกระทบต่อกลยุทธ์ธุรกิจได้ดีกว่าการรายงานเชิงเทคนิค เช่น จำนวนช่องโหว่หรือการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ หลายองค์กรยังมองว่า CTrO อาจเป็นเส้นทางอาชีพใหม่สำหรับ CISO ที่ต้องการขยายบทบาทจากการป้องกันความเสี่ยงไปสู่การสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นกับลูกค้า ถือเป็นการเปลี่ยนจาก “ผู้ปกป้องระบบ” ไปสู่ “ผู้พิทักษ์ความน่าเชื่อถือ” 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเกิดขึ้นของ Chief Trust Officer (CTrO) ➡️ เน้นการสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใส ➡️ ครอบคลุมเรื่องความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว และการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ ✅ ความสัมพันธ์กับ CISO ➡️ CISO ดูแลการควบคุมและการป้องกันระบบ ➡️ CTrO ขยายไปสู่ชื่อเสียง, จริยธรรม และความมั่นใจของลูกค้า ✅ การรายงานต่อบอร์ด ➡️ ใช้ “เลนส์ของความเชื่อมั่น” แทนรายงานเชิงเทคนิค ➡️ เชื่อมโยงความปลอดภัยกับกลยุทธ์ธุรกิจโดยตรง ✅ เส้นทางอาชีพใหม่สำหรับ CISO ➡️ จากผู้ปกป้องระบบ → ผู้พิทักษ์ความน่าเชื่อถือ ➡️ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ หากองค์กรสร้างตำแหน่ง CTrO โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจริง อาจกลายเป็น “Trust Theatre” ⛔ ต้องมีการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงและบอร์ด มิฉะนั้นบทบาทจะไม่เกิดผลจริง https://www.csoonline.com/article/4085479/the-rise-of-the-chief-trust-officer-where-does-the-ciso-fit.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The rise of the chief trust officer: Where does the CISO fit?
    The increase of chief trust officers signals a shift from defending systems to safeguarding credibility. Understanding what the CTrO stands for may see CISOs finding a new calling.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bitsgap vs HaasOnline – ความง่าย vs ความลึก

    บทความจาก Hackread ได้วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง Bitsgap และ HaasOnline ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ใช้บอทอัตโนมัติ โดยทั้งสองมีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

    Bitsgap ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกและใช้งานง่าย ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ เพียงสมัครและเชื่อมต่อ API ของ Exchange ก็สามารถเปิดบอทได้ในไม่กี่คลิก มีบอทสำเร็จรูป เช่น DCA Bot, GRID Bot, COMBO Bot และระบบ Smart Orders ที่ช่วยจัดการ Take-Profit และ Stop-Loss ได้ในที่เดียว เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการผลลัพธ์เร็วโดยไม่ต้องเขียนโค้ด

    ในทางตรงกันข้าม HaasOnline เน้นการปรับแต่งและความยืดหยุ่นสูง ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องและใช้ HaasScript ซึ่งเป็นภาษาสำหรับสร้างกลยุทธ์การเทรดเฉพาะตัว จุดแข็งคือสามารถออกแบบบอทที่ซับซ้อนและทดสอบได้ละเอียด แต่ก็มี Learning Curve ที่สูงและใช้เวลามากในการตั้งค่า เหมาะสำหรับนักพัฒนาหรือเทรดเดอร์ที่ต้องการควบคุมทุกขั้นตอน

    ทั้งสองแพลตฟอร์มยังแตกต่างกันในด้าน การวิเคราะห์และการทดสอบ (Backtesting) โดย Bitsgap ทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่าน Dashboard ส่วน HaasOnline ต้องตั้งค่าด้วยสคริปต์ แต่ให้ความแม่นยำและความลึกมากกว่า นอกจากนี้ Bitsgap ใช้ระบบ Cloud-based ที่อัปเดตอัตโนมัติและมี Live Chat Support ในขณะที่ HaasOnline ใช้ Local Hosting ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลเอง แต่ต้องดูแลระบบด้วยตนเอง

    สรุปสาระสำคัญ
    Bitsgap – เน้นความง่ายและรวดเร็ว
    ไม่ต้องติดตั้ง ใช้งานผ่าน Cloud
    มีบอทสำเร็จรูป เช่น DCA, GRID, COMBO
    Backtesting ทำได้เร็วและเข้าใจง่าย
    มี Live Chat และ Knowledge Base

    HaasOnline – เน้นความลึกและปรับแต่งได้สูง
    ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่อง
    ใช้ HaasScript สร้างกลยุทธ์เฉพาะตัว
    Backtesting ละเอียดและแม่นยำ
    ควบคุมข้อมูลเองผ่าน Local Hosting

    ด้านราคาและการเข้าถึง
    Bitsgap ใช้ระบบ Subscription + Free Trial
    HaasOnline ใช้ระบบ License-based

    ข้อควรระวัง
    Bitsgap อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับแต่งเชิงลึก
    HaasOnline มี Learning Curve สูงและต้องดูแลระบบเอง

    https://hackread.com/bitsgap-vs-haasonline-advanced-features-simplicity/
    🤖 Bitsgap vs HaasOnline – ความง่าย vs ความลึก บทความจาก Hackread ได้วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง Bitsgap และ HaasOnline ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ใช้บอทอัตโนมัติ โดยทั้งสองมีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน Bitsgap ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกและใช้งานง่าย ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ เพียงสมัครและเชื่อมต่อ API ของ Exchange ก็สามารถเปิดบอทได้ในไม่กี่คลิก มีบอทสำเร็จรูป เช่น DCA Bot, GRID Bot, COMBO Bot และระบบ Smart Orders ที่ช่วยจัดการ Take-Profit และ Stop-Loss ได้ในที่เดียว เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการผลลัพธ์เร็วโดยไม่ต้องเขียนโค้ด ในทางตรงกันข้าม HaasOnline เน้นการปรับแต่งและความยืดหยุ่นสูง ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องและใช้ HaasScript ซึ่งเป็นภาษาสำหรับสร้างกลยุทธ์การเทรดเฉพาะตัว จุดแข็งคือสามารถออกแบบบอทที่ซับซ้อนและทดสอบได้ละเอียด แต่ก็มี Learning Curve ที่สูงและใช้เวลามากในการตั้งค่า เหมาะสำหรับนักพัฒนาหรือเทรดเดอร์ที่ต้องการควบคุมทุกขั้นตอน ทั้งสองแพลตฟอร์มยังแตกต่างกันในด้าน การวิเคราะห์และการทดสอบ (Backtesting) โดย Bitsgap ทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่าน Dashboard ส่วน HaasOnline ต้องตั้งค่าด้วยสคริปต์ แต่ให้ความแม่นยำและความลึกมากกว่า นอกจากนี้ Bitsgap ใช้ระบบ Cloud-based ที่อัปเดตอัตโนมัติและมี Live Chat Support ในขณะที่ HaasOnline ใช้ Local Hosting ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลเอง แต่ต้องดูแลระบบด้วยตนเอง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Bitsgap – เน้นความง่ายและรวดเร็ว ➡️ ไม่ต้องติดตั้ง ใช้งานผ่าน Cloud ➡️ มีบอทสำเร็จรูป เช่น DCA, GRID, COMBO ➡️ Backtesting ทำได้เร็วและเข้าใจง่าย ➡️ มี Live Chat และ Knowledge Base ✅ HaasOnline – เน้นความลึกและปรับแต่งได้สูง ➡️ ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่อง ➡️ ใช้ HaasScript สร้างกลยุทธ์เฉพาะตัว ➡️ Backtesting ละเอียดและแม่นยำ ➡️ ควบคุมข้อมูลเองผ่าน Local Hosting ✅ ด้านราคาและการเข้าถึง ➡️ Bitsgap ใช้ระบบ Subscription + Free Trial ➡️ HaasOnline ใช้ระบบ License-based ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Bitsgap อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับแต่งเชิงลึก ⛔ HaasOnline มี Learning Curve สูงและต้องดูแลระบบเอง https://hackread.com/bitsgap-vs-haasonline-advanced-features-simplicity/
    HACKREAD.COM
    Bitsgap vs HaasOnline: Advanced Features vs Smart Simplicity
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts