อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
สัทธรรมลำดับที่ : 751
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายพิจารณากันบ้างหรือไม่ ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ?
--ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลว่า
“ข้าพระองค์ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ พระเจ้าข้า !”
--ภิกษุ ! เธอ ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ อย่างไรเล่า ?
(ภิกษุนั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ก็ไม่ทรงพอพระทัย
พระอานนท์จึงทูลขอร้องให้พระองค์ทรงแสดง ภิกษุได้ฟังแล้วจักทรงจำไว้,
ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายตั้งใจฟัง แล้วตรัสว่า :- )
--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็น การพิจารณาในภายใน ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อย นานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก กล่าวคือชรามรณะ ใดแล ;
ทุกข์นี้หนอ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมี ชรามรณะจึงมี?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ อย่างนี้ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อยนานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก
กล่าวคือ ชรามรณะใดแล;
ทุกข์นี้หนอ มีอุปธิเป็นเหตุให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องกำเนิด
มีอุปธิเป็นแดนเกิด;
เพราะอุปธิมี ชรามรณะจึงมี เพราะอุปธิไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งชรามรณะด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือชรามรณะด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เราเรียกว่า
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ
โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิด เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็อุปธินี้
มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมีอุปธิจึงมี เพราะอะไรไม่มี อุปธิจึงไม่มี ?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
“อุปธินี้
มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด
มีตัณหาเป็นแดนเกิด;
เมื่อตัณหามีอุปธิจึงมี เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งอุปธิด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
#เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งอุปธิ โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ณ ที่ไหน ?
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ?”
ดังนี้
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
สิ่งใดมีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดี (ปิยรูปสาตรูป) ในโลก;
http://etipitaka.com/read/pali/16/132/?keywords=ปิยรูปํ+สาตรูปํ
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในสิ่งนั้น.
ก็สิ่งใดเล่า มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก?
จักษุ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
โสตะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ฆานะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ชิวหา มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
กายะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
มนะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นในธรรมมีภาวะน่ารักยินดีเหล่านี้,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในธรรม มีภาวะน่ารักน่ายินดีเหล่านี้ แล.-
(ต่อจากนี้ ได้ตรัสถึงบุคคลบางพวกในอดีต อนาคต และปัจจุบัน
เห็นปิยรูป สาตรูปโดยความเป็นของเที่ยง ของสุขเป็นต้น
แล้วทำตัณหาให้เจริญ ทำอุปธิให้เจริญ เท่ากับทำทุกข์ให้เจริญ ไม่พ้นจากทุกข์ไปได้ ; และได้ตรัสฝ่ายตรงข้ามโดยปฏิปักขนัยไว้เป็นคู่กัน.
สำหรับปิยรูปสาตรูปนั้น ในที่อื่นกล่าวไว้เป็นสิบหมวด
ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร รวมกันเป็น ๖๐ อย่าง ;
ในที่นี้กล่าวไว้เพียง ๖ อย่าง ตามจำนวนแห่งอายตนะภายใน,
แม้กระนั้นก็อาจจะขยายออกไปได้เป็น ๖๐ อย่าง เช่นเดียวกัน ;
สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ จาก
#มหาสติปัฏฐานสูตร เป็นต้น
).-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/104 - 106/254 - 262.
http://etipitaka.com/read/thai/16/104/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๓๐- ๑๓๕/๒๕๔ - ๒๖๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=751 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3 อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
สัทธรรมลำดับที่ : 751
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายพิจารณากันบ้างหรือไม่ ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ?
--ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลว่า
“ข้าพระองค์ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ พระเจ้าข้า !”
--ภิกษุ ! เธอ ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ อย่างไรเล่า ?
(ภิกษุนั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ก็ไม่ทรงพอพระทัย
พระอานนท์จึงทูลขอร้องให้พระองค์ทรงแสดง ภิกษุได้ฟังแล้วจักทรงจำไว้,
ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายตั้งใจฟัง แล้วตรัสว่า :- )
--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็น การพิจารณาในภายใน ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อย นานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก กล่าวคือชรามรณะ ใดแล ;
ทุกข์นี้หนอ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมี ชรามรณะจึงมี?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ อย่างนี้ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อยนานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก
กล่าวคือ ชรามรณะใดแล;
ทุกข์นี้หนอ มีอุปธิเป็นเหตุให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องกำเนิด
มีอุปธิเป็นแดนเกิด;
เพราะอุปธิมี ชรามรณะจึงมี เพราะอุปธิไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งชรามรณะด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือชรามรณะด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เราเรียกว่า
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ
โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิด เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็อุปธินี้
มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมีอุปธิจึงมี เพราะอะไรไม่มี อุปธิจึงไม่มี ?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
“อุปธินี้
มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด
มีตัณหาเป็นแดนเกิด;
เมื่อตัณหามีอุปธิจึงมี เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งอุปธิด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เราเรียกว่า #เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งอุปธิ โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ณ ที่ไหน ?
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ?”
ดังนี้
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
สิ่งใดมีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดี (ปิยรูปสาตรูป) ในโลก;
http://etipitaka.com/read/pali/16/132/?keywords=ปิยรูปํ+สาตรูปํ
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในสิ่งนั้น.
ก็สิ่งใดเล่า มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก?
จักษุ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
โสตะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ฆานะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ชิวหา มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
กายะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
มนะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นในธรรมมีภาวะน่ารักยินดีเหล่านี้,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในธรรม มีภาวะน่ารักน่ายินดีเหล่านี้ แล.-
(ต่อจากนี้ ได้ตรัสถึงบุคคลบางพวกในอดีต อนาคต และปัจจุบัน
เห็นปิยรูป สาตรูปโดยความเป็นของเที่ยง ของสุขเป็นต้น
แล้วทำตัณหาให้เจริญ ทำอุปธิให้เจริญ เท่ากับทำทุกข์ให้เจริญ ไม่พ้นจากทุกข์ไปได้ ; และได้ตรัสฝ่ายตรงข้ามโดยปฏิปักขนัยไว้เป็นคู่กัน.
สำหรับปิยรูปสาตรูปนั้น ในที่อื่นกล่าวไว้เป็นสิบหมวด
ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร รวมกันเป็น ๖๐ อย่าง ;
ในที่นี้กล่าวไว้เพียง ๖ อย่าง ตามจำนวนแห่งอายตนะภายใน,
แม้กระนั้นก็อาจจะขยายออกไปได้เป็น ๖๐ อย่าง เช่นเดียวกัน ;
สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ จาก #มหาสติปัฏฐานสูตร เป็นต้น
).-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/104 - 106/254 - 262.
http://etipitaka.com/read/thai/16/104/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๓๐- ๑๓๕/๒๕๔ - ๒๖๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=751
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3