• มุมมองใหม่ต่อ “Fragmentation” ของ Linux – ความหลากหลายคือพลัง

    บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า การที่ Linux ถูกมองว่ามี “fragmentation” หรือแตกเป็นหลายส่วน ไม่ใช่จุดอ่อน แต่กลับเป็นจุดแข็งของระบบนิเวศโอเพนซอร์สนี้ เพราะ Linux ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว แต่เป็น ecosystem ที่ประกอบด้วยหลายแพลตฟอร์มย่อย เช่น ดิสโทร (Ubuntu, Fedora, Arch), เดสก์ท็อปเอนจิน (GNOME, KDE, XFCE), และระบบแพ็กเกจ (Flatpak, Snap, AppImage) ซึ่งทั้งหมดร่วมกันสร้างความยืดหยุ่นและทางเลือกให้ผู้ใช้.

    ผู้เขียนอธิบายว่า ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux สามารถทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายของทั้ง ecosystem เช่น เมื่อ GNOME 3 และ KDE 4 เปิดตัว แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ก็เกิดเดสก์ท็อปใหม่ ๆ อย่าง Cinnamon, MATE และ Cosmic ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มต่าง ๆ นี่คือพลังของการกระจายตัวที่ไม่ทำลาย แต่กลับสร้างนวัตกรรมต่อเนื่อง.

    แน่นอนว่า fragmentation ก็มีข้อเสีย เช่น ความสับสนสำหรับผู้ใช้ใหม่, ปัญหาการสื่อสารแบรนด์ “Linux” ที่ไม่ชัดเจน, และความไม่สอดคล้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเดสก์ท็อป (เช่น ธีมไม่ตรงกัน, ปัญหา tray icon, หรือ portal quirks) แต่ชุมชนกำลังแก้ไขด้วยมาตรฐานร่วม เช่น FreeDesktop.org specifications, การใช้ systemd และ PipeWire เป็นฐานกลาง รวมถึงการผลักดัน Wayland ให้เป็นมาตรฐานการแสดงผล.

    บทสรุปคือ Linux ไม่ได้ “แตกเป็นชิ้นส่วนที่เสียหาย” แต่เป็นระบบที่หลากหลายโดยตั้งใจ ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux ยืดหยุ่น แข็งแรง และเปิดกว้างต่อผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะต้องการความเสถียร ความทันสมัย หรือการปรับแต่งขั้นสูง ก็มีดิสโทรและเดสก์ท็อปที่ตอบโจทย์.

    สรุปสาระสำคัญ
    Linux คือ ecosystem ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว
    ประกอบด้วยดิสโทร, เดสก์ท็อปเอนจิน, ระบบแพ็กเกจ
    แต่ละส่วนพัฒนาไปตามแนวทางของตัวเอง

    Fragmentation สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
    GNOME 3 และ KDE 4 จุดประกาย Cinnamon, MATE, Cosmic
    ความหลากหลายทำให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเอง

    การแก้ปัญหาความไม่สอดคล้อง
    ใช้มาตรฐาน FreeDesktop.org
    รวมศูนย์ด้วย systemd, PipeWire และ Wayland

    คำเตือนและข้อท้าทาย
    ผู้ใช้ใหม่อาจสับสนกับดิสโทรและเดสก์ท็อปที่หลากหลาย
    การสื่อสารแบรนด์ “Linux” ยังไม่ชัดเจนและอาจลดการยอมรับในตลาดหลัก

    https://itsfoss.com/linux-fragmentation-as-positive/
    🐧 มุมมองใหม่ต่อ “Fragmentation” ของ Linux – ความหลากหลายคือพลัง บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า การที่ Linux ถูกมองว่ามี “fragmentation” หรือแตกเป็นหลายส่วน ไม่ใช่จุดอ่อน แต่กลับเป็นจุดแข็งของระบบนิเวศโอเพนซอร์สนี้ เพราะ Linux ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว แต่เป็น ecosystem ที่ประกอบด้วยหลายแพลตฟอร์มย่อย เช่น ดิสโทร (Ubuntu, Fedora, Arch), เดสก์ท็อปเอนจิน (GNOME, KDE, XFCE), และระบบแพ็กเกจ (Flatpak, Snap, AppImage) ซึ่งทั้งหมดร่วมกันสร้างความยืดหยุ่นและทางเลือกให้ผู้ใช้. ผู้เขียนอธิบายว่า ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux สามารถทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายของทั้ง ecosystem เช่น เมื่อ GNOME 3 และ KDE 4 เปิดตัว แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ก็เกิดเดสก์ท็อปใหม่ ๆ อย่าง Cinnamon, MATE และ Cosmic ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มต่าง ๆ นี่คือพลังของการกระจายตัวที่ไม่ทำลาย แต่กลับสร้างนวัตกรรมต่อเนื่อง. แน่นอนว่า fragmentation ก็มีข้อเสีย เช่น ความสับสนสำหรับผู้ใช้ใหม่, ปัญหาการสื่อสารแบรนด์ “Linux” ที่ไม่ชัดเจน, และความไม่สอดคล้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเดสก์ท็อป (เช่น ธีมไม่ตรงกัน, ปัญหา tray icon, หรือ portal quirks) แต่ชุมชนกำลังแก้ไขด้วยมาตรฐานร่วม เช่น FreeDesktop.org specifications, การใช้ systemd และ PipeWire เป็นฐานกลาง รวมถึงการผลักดัน Wayland ให้เป็นมาตรฐานการแสดงผล. บทสรุปคือ Linux ไม่ได้ “แตกเป็นชิ้นส่วนที่เสียหาย” แต่เป็นระบบที่หลากหลายโดยตั้งใจ ความหลากหลายนี้ทำให้ Linux ยืดหยุ่น แข็งแรง และเปิดกว้างต่อผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะต้องการความเสถียร ความทันสมัย หรือการปรับแต่งขั้นสูง ก็มีดิสโทรและเดสก์ท็อปที่ตอบโจทย์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Linux คือ ecosystem ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว ➡️ ประกอบด้วยดิสโทร, เดสก์ท็อปเอนจิน, ระบบแพ็กเกจ ➡️ แต่ละส่วนพัฒนาไปตามแนวทางของตัวเอง ✅ Fragmentation สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ➡️ GNOME 3 และ KDE 4 จุดประกาย Cinnamon, MATE, Cosmic ➡️ ความหลากหลายทำให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเอง ✅ การแก้ปัญหาความไม่สอดคล้อง ➡️ ใช้มาตรฐาน FreeDesktop.org ➡️ รวมศูนย์ด้วย systemd, PipeWire และ Wayland ‼️ คำเตือนและข้อท้าทาย ⛔ ผู้ใช้ใหม่อาจสับสนกับดิสโทรและเดสก์ท็อปที่หลากหลาย ⛔ การสื่อสารแบรนด์ “Linux” ยังไม่ชัดเจนและอาจลดการยอมรับในตลาดหลัก https://itsfoss.com/linux-fragmentation-as-positive/
    ITSFOSS.COM
    Linux Desktop is Fragmented (And That's NOT a Bad Thing)
    Linux desktop is often described as fragmented, but with the right perspective, it becomes clear that this description only makes sense if you see Linux as a single, unified product, and expect it act like one. It isn't, and so it doesn't.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน.

    การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร.

    แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ.

    ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”.

    สรุปสาระสำคัญ
    โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก
    นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส
    หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน)

    การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม
    เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส
    มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ

    เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft
    ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in
    ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่

    คำเตือนและข้อท้าทาย
    ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน
    การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว

    https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    🇩🇰 เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน. การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร. แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ. ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก ➡️ นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส ➡️ หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน) ✅ การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม ➡️ เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส ➡️ มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ ✅ เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft ➡️ ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in ➡️ ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่ ‼️ คำเตือนและข้อท้าทาย ⛔ ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    ITSFOSS.COM
    Denmark Begins its Exit from Microsoft — and This is Just the Beginning
    The move is part of a government-wide effort to reduce dependency on Microsoft software. The traffic department's move is just the beginning.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Armbian Imager – เครื่องมือแฟลช OS สำหรับ SBC กว่า 300 รุ่น

    ผู้ใช้ Raspberry Pi คุ้นเคยกับ Raspberry Pi Imager ที่ช่วยดาวน์โหลดและติดตั้งระบบปฏิบัติการได้สะดวก แต่สำหรับผู้ใช้บอร์ด SBC อื่น ๆ เช่น ArmSom AIM7 ตอนนี้มีทางเลือกใหม่คือ Armbian Imager ซึ่งถูกพัฒนาโดยทีม Armbian เพื่อให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกัน โดยรองรับบอร์ดกว่า 300 รุ่นจาก 70+ ผู้ผลิต.

    Armbian Imager ทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่เลือกบอร์ด เลือกประเภท image (desktop, server, minimal) ไปจนถึงดาวน์โหลดและแฟลชลง SD card พร้อมตรวจสอบความถูกต้องด้วย SHA256 checksum เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังรองรับ custom images ในหลายรูปแบบ เช่น .img, .img.xz, .img.gz, .img.bz2, และ .img.zst.

    สิ่งที่โดดเด่นคือ Armbian Imager ถูกสร้างด้วย Tauri และ Rust แทนที่จะใช้ Electron ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเพียง ~15 MB ซึ่งเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับแอป Electron ที่มักมีขนาด 150–200 MB เนื่องจากต้องบรรจุ Chromium มาด้วย ฟีเจอร์เฉพาะแพลตฟอร์มก็ถูกใส่มา เช่น UDisks2 + pkexec บน Linux, UAC prompt บน Windows และ Touch ID บน macOS.

    แม้ยังอยู่ในช่วง Public Preview และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จาก GitHub แล้วทดลองใช้งานได้ทันที จุดนี้สะท้อนว่า Armbian กำลังทดสอบตลาดก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ และเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ SBC ที่ไม่ใช่ Raspberry Pi มีเครื่องมือแฟลช OS ที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    Armbian Imager เปิดตัวสำหรับ SBC
    รองรับกว่า 300 บอร์ดจาก 70+ ผู้ผลิต
    เลือก image ได้ทั้ง desktop, server, minimal

    ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความสะดวก
    ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA256 checksum
    รองรับ custom image หลายรูปแบบ

    เทคโนโลยีเบาและทันสมัย
    ใช้ Tauri + Rust ทำให้ไฟล์ติดตั้งเพียง ~15 MB
    มีฟีเจอร์เฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น UAC, Touch ID

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ยังอยู่ในช่วง Public Preview อาจมีบั๊กหรือปัญหาการใช้งาน
    ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและติดตามอัปเดตจากทีม Armbian

    https://itsfoss.com/news/armbian-imager-quietly-debuts/
    🛠️ Armbian Imager – เครื่องมือแฟลช OS สำหรับ SBC กว่า 300 รุ่น ผู้ใช้ Raspberry Pi คุ้นเคยกับ Raspberry Pi Imager ที่ช่วยดาวน์โหลดและติดตั้งระบบปฏิบัติการได้สะดวก แต่สำหรับผู้ใช้บอร์ด SBC อื่น ๆ เช่น ArmSom AIM7 ตอนนี้มีทางเลือกใหม่คือ Armbian Imager ซึ่งถูกพัฒนาโดยทีม Armbian เพื่อให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกัน โดยรองรับบอร์ดกว่า 300 รุ่นจาก 70+ ผู้ผลิต. Armbian Imager ทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่เลือกบอร์ด เลือกประเภท image (desktop, server, minimal) ไปจนถึงดาวน์โหลดและแฟลชลง SD card พร้อมตรวจสอบความถูกต้องด้วย SHA256 checksum เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังรองรับ custom images ในหลายรูปแบบ เช่น .img, .img.xz, .img.gz, .img.bz2, และ .img.zst. สิ่งที่โดดเด่นคือ Armbian Imager ถูกสร้างด้วย Tauri และ Rust แทนที่จะใช้ Electron ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเพียง ~15 MB ซึ่งเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับแอป Electron ที่มักมีขนาด 150–200 MB เนื่องจากต้องบรรจุ Chromium มาด้วย ฟีเจอร์เฉพาะแพลตฟอร์มก็ถูกใส่มา เช่น UDisks2 + pkexec บน Linux, UAC prompt บน Windows และ Touch ID บน macOS. แม้ยังอยู่ในช่วง Public Preview และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จาก GitHub แล้วทดลองใช้งานได้ทันที จุดนี้สะท้อนว่า Armbian กำลังทดสอบตลาดก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ และเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ SBC ที่ไม่ใช่ Raspberry Pi มีเครื่องมือแฟลช OS ที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Armbian Imager เปิดตัวสำหรับ SBC ➡️ รองรับกว่า 300 บอร์ดจาก 70+ ผู้ผลิต ➡️ เลือก image ได้ทั้ง desktop, server, minimal ✅ ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความสะดวก ➡️ ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA256 checksum ➡️ รองรับ custom image หลายรูปแบบ ✅ เทคโนโลยีเบาและทันสมัย ➡️ ใช้ Tauri + Rust ทำให้ไฟล์ติดตั้งเพียง ~15 MB ➡️ มีฟีเจอร์เฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น UAC, Touch ID ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ยังอยู่ในช่วง Public Preview อาจมีบั๊กหรือปัญหาการใช้งาน ⛔ ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและติดตามอัปเดตจากทีม Armbian https://itsfoss.com/news/armbian-imager-quietly-debuts/
    ITSFOSS.COM
    The Upcoming Armbian Imager Tool is a Godsend for Non-Raspberry Pi SBC Owners
    Official Armbian utility supports over 300 boards with smart image filtering and verified writes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Rust แรกใน Linux Kernel – แค่ทำให้ระบบ Crash แต่ไม่ถูกยึดเครื่อง

    การประกาศช่องโหว่ CVE-2025-68260 ใน Linux Kernel ที่เขียนด้วยภาษา Rust ถือเป็นครั้งแรกที่ Rust ถูกบันทึกในฐานข้อมูล CVE ของ Kernel โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Android Binder driver ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ ของระบบ Android เมื่อเกิดการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน (data race) ทำให้ระบบล่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องหรือขโมยข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าเบากว่าช่องโหว่ใน C ที่มักนำไปสู่การโจมตีร้ายแรง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ในวันเดียวกันมีการประกาศช่องโหว่กว่า 159 รายการในโค้ด C ของ Kernel ซึ่งตอกย้ำว่า Rust แม้ไม่ใช่ “กระสุนเงิน” ที่แก้ปัญหาทั้งหมด แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ที่ร้ายแรงได้มาก การที่ Rust ถูกนำมาใช้ใน Kernel จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความปลอดภัยในระยะยาว แม้จะยังมีบั๊กที่ทำให้ระบบ crash อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเปิดช่องให้โจมตี

    จากมุมมองวงการโอเพนซอร์ส การที่ Rust เริ่มถูกใช้ในโครงการใหญ่ ๆ เช่น Linux Kernel และ Tor Project แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากภาษา C ที่ครองโลกมานาน Rust มีจุดแข็งด้าน memory safety และ concurrency ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ buffer overflow หรือ use-after-free ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในโค้ด C มาหลายสิบปี

    อย่างไรก็ตาม การนำ Rust มาใช้ก็ยังมีความท้าทาย เช่น การผสมผสานกับโค้ด C ที่มีอยู่เดิม การจัดการทีมพัฒนา และการทำให้ ecosystem ของ Rust เติบโตพอที่จะรองรับงานระดับ Kernel แต่ทิศทางนี้สะท้อนว่าโลกโอเพนซอร์สกำลังมุ่งไปสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่ทิ้งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    ช่องโหว่ Rust CVE-2025-68260
    เกิดใน Android Binder driver ของ Linux 6.18
    ทำให้ระบบ crash แต่ไม่เปิดช่องให้โจมตี

    Rust ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ช่วยลดความเสี่ยง
    Greg Kroah-Hartman ย้ำว่า Rust ไม่ใช่ “silver bullet”
    แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ร้ายแรงเมื่อเทียบกับ C

    การเปลี่ยนผ่านสู่ Rust ในโครงการใหญ่
    Linux Kernel และ Tor Project เริ่มใช้ Rust
    จุดแข็งคือ memory safety และ concurrency

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    แม้ช่องโหว่ Rust ครั้งนี้ไม่ร้ายแรง แต่ระบบยัง crash ได้
    ผู้ใช้ควรอัปเดต Kernel เป็นเวอร์ชันล่าสุด (6.18.1 หรือ 6.19-RC1) เพื่อความปลอดภัย

    https://itsfoss.com/news/first-linux-kernel-rust-cve/
    🖥️ ช่องโหว่ Rust แรกใน Linux Kernel – แค่ทำให้ระบบ Crash แต่ไม่ถูกยึดเครื่อง การประกาศช่องโหว่ CVE-2025-68260 ใน Linux Kernel ที่เขียนด้วยภาษา Rust ถือเป็นครั้งแรกที่ Rust ถูกบันทึกในฐานข้อมูล CVE ของ Kernel โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Android Binder driver ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ ของระบบ Android เมื่อเกิดการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน (data race) ทำให้ระบบล่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องหรือขโมยข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าเบากว่าช่องโหว่ใน C ที่มักนำไปสู่การโจมตีร้ายแรง สิ่งที่น่าสนใจคือ ในวันเดียวกันมีการประกาศช่องโหว่กว่า 159 รายการในโค้ด C ของ Kernel ซึ่งตอกย้ำว่า Rust แม้ไม่ใช่ “กระสุนเงิน” ที่แก้ปัญหาทั้งหมด แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ที่ร้ายแรงได้มาก การที่ Rust ถูกนำมาใช้ใน Kernel จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความปลอดภัยในระยะยาว แม้จะยังมีบั๊กที่ทำให้ระบบ crash อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเปิดช่องให้โจมตี จากมุมมองวงการโอเพนซอร์ส การที่ Rust เริ่มถูกใช้ในโครงการใหญ่ ๆ เช่น Linux Kernel และ Tor Project แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากภาษา C ที่ครองโลกมานาน Rust มีจุดแข็งด้าน memory safety และ concurrency ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ buffer overflow หรือ use-after-free ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในโค้ด C มาหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม การนำ Rust มาใช้ก็ยังมีความท้าทาย เช่น การผสมผสานกับโค้ด C ที่มีอยู่เดิม การจัดการทีมพัฒนา และการทำให้ ecosystem ของ Rust เติบโตพอที่จะรองรับงานระดับ Kernel แต่ทิศทางนี้สะท้อนว่าโลกโอเพนซอร์สกำลังมุ่งไปสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่ทิ้งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ช่องโหว่ Rust CVE-2025-68260 ➡️ เกิดใน Android Binder driver ของ Linux 6.18 ➡️ ทำให้ระบบ crash แต่ไม่เปิดช่องให้โจมตี ✅ Rust ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ช่วยลดความเสี่ยง ➡️ Greg Kroah-Hartman ย้ำว่า Rust ไม่ใช่ “silver bullet” ➡️ แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ร้ายแรงเมื่อเทียบกับ C ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่ Rust ในโครงการใหญ่ ➡️ Linux Kernel และ Tor Project เริ่มใช้ Rust ➡️ จุดแข็งคือ memory safety และ concurrency ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ แม้ช่องโหว่ Rust ครั้งนี้ไม่ร้ายแรง แต่ระบบยัง crash ได้ ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดต Kernel เป็นเวอร์ชันล่าสุด (6.18.1 หรือ 6.19-RC1) เพื่อความปลอดภัย https://itsfoss.com/news/first-linux-kernel-rust-cve/
    ITSFOSS.COM
    The First Rust CVE in Linux Kernel Only Makes Your System Crash
    Greg Kroah-Hartman announced this alongside 150+ C code vulnerabilities that were addressed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thin Desires กำลังกัดกินชีวิตเรา

    บทความ Thin Desires Are Eating Your Life ของ Joan Westenberg วิเคราะห์ว่าโลกยุคดิจิทัลกำลังทำให้เราติดอยู่กับ “thin desires” หรือความปรารถนาที่ไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตจริง เช่น การเช็กแจ้งเตือนหรือเสพโซเชียลมีเดีย แทนที่จะลงทุนใน “thick desires” ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและความหมาย เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่หรือการสร้างชุมชน.

    Westenberg อธิบายว่า thin desires คือความปรารถนาที่ให้ความพึงพอใจชั่วคราวแต่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวตน เช่น การเช็กแจ้งเตือนหรือเสพคอนเทนต์ออนไลน์ ในทางตรงกันข้าม thick desires อย่างการเรียนรู้คณิตศาสตร์ การฝึกฝนงานฝีมือ หรือการสร้างความสัมพันธ์จริง จะเปลี่ยนแปลงผู้คนในระยะยาว ทำให้พวกเขามีความสามารถและมุมมองใหม่ ๆ.

    ธุรกิจเทคโนโลยีจำนวนมากใช้โมเดลที่ “แยกชิ้นส่วน” ความปรารถนาแบบหนา แล้วส่งมอบเฉพาะส่วนที่ให้รางวัลทางสมอง เช่น โซเชียลมีเดียให้ความรู้สึกเชื่อมต่อโดยไม่ต้องมีมิตรภาพจริง, สื่อลามกให้ความพึงพอใจทางเพศโดยไม่ต้องมีความสัมพันธ์, แอป productivity ให้ความรู้สึกสำเร็จโดยไม่ต้องทำงานจริง สิ่งเหล่านี้ง่ายต่อการทำซ้ำ ขยาย และทำเงิน แต่กลับทำให้ผู้ใช้ติดอยู่กับวงจรความว่างเปล่า.

    ผลลัพธ์คือสังคมที่เต็มไปด้วยความเหงา ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า แม้เราจะ “เชื่อมต่อ” กันมากกว่าที่เคย แต่กลับรู้สึกขาดความหมาย Westenberg ชี้ว่า thick desires ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ทันที ต้องใช้เวลา ความพยายาม และการมีส่วนร่วมกับชุมชน แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกทำลายลงเรื่อย ๆ เช่น การหายไปของเวิร์กช็อป การลดลงของการฝึกงาน และการแทนที่พื้นที่สาธารณะด้วยการใช้ชีวิตคนเดียวกับอุปกรณ์.

    ผู้เขียนเสนอแนวทางเล็ก ๆ ในการต่อต้าน เช่น การอบขนมปังที่ไม่สามารถเร่งเวลาได้, การเขียนจดหมายด้วยมือที่ไม่สามารถแก้ไขหรือ unsend ได้, หรือการสร้างเครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของเพื่อนหนึ่งคน สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถ scale หรือ monetize ได้ แต่ช่วยให้เรากลับมาสัมผัสกับความอดทน ความหมาย และความสัมพันธ์ที่แท้จริง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิด Thin vs Thick Desires
    Thin = ความพึงพอใจชั่วคราว ไม่เปลี่ยนแปลงชีวิต
    Thick = ความปรารถนาที่เปลี่ยนแปลงตัวตนและสร้างความหมาย

    ธุรกิจเทคโนโลยีใช้ Thin Desires
    โซเชียลมีเดียให้ความรู้สึกเชื่อมต่อโดยไม่ต้องมีมิตรภาพจริง
    Productivity apps ให้ความรู้สึกสำเร็จโดยไม่ต้องทำงานจริง

    ผลกระทบต่อสังคม
    ความเหงา วิตกกังวล และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น
    โครงสร้างสนับสนุน Thick Desires ถูกทำลาย เช่น เวิร์กช็อปและชุมชน

    แนวทางต่อต้าน Thin Desires
    อบขนมปัง ใช้เวลาและความอดทน
    เขียนจดหมายด้วยมือ สื่อสารนอกระบบ metrics
    สร้างเครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของเพื่อน

    คำเตือน
    การเสพ Thin Desires อย่างต่อเนื่องทำให้ชีวิตว่างเปล่าและขาดความหมาย
    หากไม่สร้าง Thick Desires เราจะสูญเสียความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์และความอดทน

    https://www.joanwestenberg.com/thin-desires-are-eating-your-life/
    📱 Thin Desires กำลังกัดกินชีวิตเรา บทความ Thin Desires Are Eating Your Life ของ Joan Westenberg วิเคราะห์ว่าโลกยุคดิจิทัลกำลังทำให้เราติดอยู่กับ “thin desires” หรือความปรารถนาที่ไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตจริง เช่น การเช็กแจ้งเตือนหรือเสพโซเชียลมีเดีย แทนที่จะลงทุนใน “thick desires” ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและความหมาย เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่หรือการสร้างชุมชน. Westenberg อธิบายว่า thin desires คือความปรารถนาที่ให้ความพึงพอใจชั่วคราวแต่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวตน เช่น การเช็กแจ้งเตือนหรือเสพคอนเทนต์ออนไลน์ ในทางตรงกันข้าม thick desires อย่างการเรียนรู้คณิตศาสตร์ การฝึกฝนงานฝีมือ หรือการสร้างความสัมพันธ์จริง จะเปลี่ยนแปลงผู้คนในระยะยาว ทำให้พวกเขามีความสามารถและมุมมองใหม่ ๆ. ธุรกิจเทคโนโลยีจำนวนมากใช้โมเดลที่ “แยกชิ้นส่วน” ความปรารถนาแบบหนา แล้วส่งมอบเฉพาะส่วนที่ให้รางวัลทางสมอง เช่น โซเชียลมีเดียให้ความรู้สึกเชื่อมต่อโดยไม่ต้องมีมิตรภาพจริง, สื่อลามกให้ความพึงพอใจทางเพศโดยไม่ต้องมีความสัมพันธ์, แอป productivity ให้ความรู้สึกสำเร็จโดยไม่ต้องทำงานจริง สิ่งเหล่านี้ง่ายต่อการทำซ้ำ ขยาย และทำเงิน แต่กลับทำให้ผู้ใช้ติดอยู่กับวงจรความว่างเปล่า. ผลลัพธ์คือสังคมที่เต็มไปด้วยความเหงา ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า แม้เราจะ “เชื่อมต่อ” กันมากกว่าที่เคย แต่กลับรู้สึกขาดความหมาย Westenberg ชี้ว่า thick desires ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ทันที ต้องใช้เวลา ความพยายาม และการมีส่วนร่วมกับชุมชน แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกทำลายลงเรื่อย ๆ เช่น การหายไปของเวิร์กช็อป การลดลงของการฝึกงาน และการแทนที่พื้นที่สาธารณะด้วยการใช้ชีวิตคนเดียวกับอุปกรณ์. ผู้เขียนเสนอแนวทางเล็ก ๆ ในการต่อต้าน เช่น การอบขนมปังที่ไม่สามารถเร่งเวลาได้, การเขียนจดหมายด้วยมือที่ไม่สามารถแก้ไขหรือ unsend ได้, หรือการสร้างเครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของเพื่อนหนึ่งคน สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถ scale หรือ monetize ได้ แต่ช่วยให้เรากลับมาสัมผัสกับความอดทน ความหมาย และความสัมพันธ์ที่แท้จริง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิด Thin vs Thick Desires ➡️ Thin = ความพึงพอใจชั่วคราว ไม่เปลี่ยนแปลงชีวิต ➡️ Thick = ความปรารถนาที่เปลี่ยนแปลงตัวตนและสร้างความหมาย ✅ ธุรกิจเทคโนโลยีใช้ Thin Desires ➡️ โซเชียลมีเดียให้ความรู้สึกเชื่อมต่อโดยไม่ต้องมีมิตรภาพจริง ➡️ Productivity apps ให้ความรู้สึกสำเร็จโดยไม่ต้องทำงานจริง ✅ ผลกระทบต่อสังคม ➡️ ความเหงา วิตกกังวล และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ➡️ โครงสร้างสนับสนุน Thick Desires ถูกทำลาย เช่น เวิร์กช็อปและชุมชน ✅ แนวทางต่อต้าน Thin Desires ➡️ อบขนมปัง ใช้เวลาและความอดทน ➡️ เขียนจดหมายด้วยมือ สื่อสารนอกระบบ metrics ➡️ สร้างเครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะของเพื่อน ‼️ คำเตือน ⛔ การเสพ Thin Desires อย่างต่อเนื่องทำให้ชีวิตว่างเปล่าและขาดความหมาย ⛔ หากไม่สร้าง Thick Desires เราจะสูญเสียความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์และความอดทน https://www.joanwestenberg.com/thin-desires-are-eating-your-life/
    WWW.JOANWESTENBERG.COM
    Thin Desires Are Eating Your Life
    The defining experience of our age seems to be hunger. We're hungry for more, but we have more than we need. We're hungry for less, while more accumulates and multiplies. We're hungry and we don't have words to articulate why. We're hungry, and we're lacking and we're wanting. We are
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla ก้าวสู่บทใหม่ภายใต้ CEO คนใหม่

    Anthony Enzor-DeMeo เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Mozilla Corporation เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 โดยเขาเน้นว่าความไว้วางใจจะเป็น “ประเด็นนิยาม” ของเทคโนโลยีในยุคนี้ และเบราว์เซอร์คือสนามรบหลักที่เรื่องความโปร่งใสและการควบคุมข้อมูลจะถูกทดสอบ เขาขอบคุณ Laura Chambers อดีต CEO ชั่วคราวที่นำ Mozilla ผ่านช่วงสำคัญ ทั้งการมาถึงของ AI, คดีต่อต้านการผูกขาด, การเติบโตของ Firefox บนมือถือ และการเริ่มต้นกลยุทธ์กระจายรายได้.

    Enzor-DeMeo ระบุว่า Mozilla จะมุ่งสู่การเป็น Trusted Software Company โดยมีสามเสาหลัก ได้แก่ (1) ทุกผลิตภัณฑ์ต้องให้ผู้ใช้มีสิทธิ์ควบคุมและเข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่อง AI และข้อมูล, (2) โมเดลธุรกิจต้องโปร่งใสและสอดคล้องกับความไว้วางใจ, และ (3) Firefox จะขยายจากเบราว์เซอร์ไปสู่ ecosystem ของซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ โดยยังคงเป็น “anchor” ขององค์กร.

    Mozilla วางเป้าหมายในสามปีข้างหน้าเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด ได้แก่ การลงทุนใน AI ที่สะท้อน Mozilla Manifesto, การกระจายรายได้ให้พ้นจากการพึ่งพาการค้นหา, และการสร้างเครื่องมือใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้หลายเจเนอเรชัน โดยจะวัดผลด้วย “double bottom line” คือทั้งความสำเร็จทางธุรกิจและการขับเคลื่อนพันธกิจด้านความโปร่งใสและสิทธิผู้ใช้.

    Enzor-DeMeo ย้ำว่า AI กำลังเปลี่ยนซอฟต์แวร์และเบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นจุดควบคุมชีวิตดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและความคาดหวังของผู้ใช้เป็นโอกาสที่ Mozilla สามารถใช้จุดแข็งด้านแบรนด์และความไว้วางใจเพื่อสร้างความยั่งยืนและความเป็นอิสระในตลาด เขาสรุปว่า Mozilla พร้อมสำหรับบทใหม่ที่จะยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การแต่งตั้ง CEO คนใหม่
    Anthony Enzor-DeMeo รับตำแหน่ง CEO Mozilla
    ขอบคุณ Laura Chambers ที่นำองค์กรผ่านช่วงสำคัญ

    กลยุทธ์ Trusted Software Company
    ทุกผลิตภัณฑ์ต้องโปร่งใสและให้ผู้ใช้ควบคุมได้
    โมเดลธุรกิจต้องสอดคล้องกับความไว้วางใจ
    Firefox จะขยายสู่ ecosystem ของซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้

    เป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า
    ลงทุนใน AI ที่สะท้อน Mozilla Manifesto
    กระจายรายได้พ้นจากการพึ่งพาการค้นหา
    วัดผลด้วย double bottom line (พันธกิจ + ธุรกิจ)

    คำเตือนและความท้าทาย
    การผสาน AI ต้องโปร่งใสและให้ผู้ใช้เลือกได้ ไม่เช่นนั้นอาจบั่นทอนความเชื่อมั่น
    การขยาย Firefox สู่ ecosystem ใหม่เสี่ยงต่อการสูญเสียเอกลักษณ์หากไม่รักษาจุดแข็งเดิม

    https://blog.mozilla.org/en/mozilla/leadership/mozillas-next-chapter-anthony-enzor-demeo-new-ceo/
    🌐 Mozilla ก้าวสู่บทใหม่ภายใต้ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo เข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Mozilla Corporation เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 โดยเขาเน้นว่าความไว้วางใจจะเป็น “ประเด็นนิยาม” ของเทคโนโลยีในยุคนี้ และเบราว์เซอร์คือสนามรบหลักที่เรื่องความโปร่งใสและการควบคุมข้อมูลจะถูกทดสอบ เขาขอบคุณ Laura Chambers อดีต CEO ชั่วคราวที่นำ Mozilla ผ่านช่วงสำคัญ ทั้งการมาถึงของ AI, คดีต่อต้านการผูกขาด, การเติบโตของ Firefox บนมือถือ และการเริ่มต้นกลยุทธ์กระจายรายได้. Enzor-DeMeo ระบุว่า Mozilla จะมุ่งสู่การเป็น Trusted Software Company โดยมีสามเสาหลัก ได้แก่ (1) ทุกผลิตภัณฑ์ต้องให้ผู้ใช้มีสิทธิ์ควบคุมและเข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่อง AI และข้อมูล, (2) โมเดลธุรกิจต้องโปร่งใสและสอดคล้องกับความไว้วางใจ, และ (3) Firefox จะขยายจากเบราว์เซอร์ไปสู่ ecosystem ของซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ โดยยังคงเป็น “anchor” ขององค์กร. Mozilla วางเป้าหมายในสามปีข้างหน้าเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด ได้แก่ การลงทุนใน AI ที่สะท้อน Mozilla Manifesto, การกระจายรายได้ให้พ้นจากการพึ่งพาการค้นหา, และการสร้างเครื่องมือใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้หลายเจเนอเรชัน โดยจะวัดผลด้วย “double bottom line” คือทั้งความสำเร็จทางธุรกิจและการขับเคลื่อนพันธกิจด้านความโปร่งใสและสิทธิผู้ใช้. Enzor-DeMeo ย้ำว่า AI กำลังเปลี่ยนซอฟต์แวร์และเบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นจุดควบคุมชีวิตดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและความคาดหวังของผู้ใช้เป็นโอกาสที่ Mozilla สามารถใช้จุดแข็งด้านแบรนด์และความไว้วางใจเพื่อสร้างความยั่งยืนและความเป็นอิสระในตลาด เขาสรุปว่า Mozilla พร้อมสำหรับบทใหม่ที่จะยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การแต่งตั้ง CEO คนใหม่ ➡️ Anthony Enzor-DeMeo รับตำแหน่ง CEO Mozilla ➡️ ขอบคุณ Laura Chambers ที่นำองค์กรผ่านช่วงสำคัญ ✅ กลยุทธ์ Trusted Software Company ➡️ ทุกผลิตภัณฑ์ต้องโปร่งใสและให้ผู้ใช้ควบคุมได้ ➡️ โมเดลธุรกิจต้องสอดคล้องกับความไว้วางใจ ➡️ Firefox จะขยายสู่ ecosystem ของซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ ✅ เป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า ➡️ ลงทุนใน AI ที่สะท้อน Mozilla Manifesto ➡️ กระจายรายได้พ้นจากการพึ่งพาการค้นหา ➡️ วัดผลด้วย double bottom line (พันธกิจ + ธุรกิจ) ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การผสาน AI ต้องโปร่งใสและให้ผู้ใช้เลือกได้ ไม่เช่นนั้นอาจบั่นทอนความเชื่อมั่น ⛔ การขยาย Firefox สู่ ecosystem ใหม่เสี่ยงต่อการสูญเสียเอกลักษณ์หากไม่รักษาจุดแข็งเดิม https://blog.mozilla.org/en/mozilla/leadership/mozillas-next-chapter-anthony-enzor-demeo-new-ceo/
    BLOG.MOZILLA.ORG
    Mozilla’s next chapter: Building the world’s most trusted software company
    Today, I step into the role of CEO of Mozilla Corporation. It is a privilege to lead an organization with a long history of standing up for people and buil
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API

    Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้.

    เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects.

    Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader.

    แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal)
    ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม
    เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล

    วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน
    มี coherent caches และ bindless samplers
    รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access

    แนวคิด “No Graphics API”
    ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น
    ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น
    ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร

    https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    🖥️ แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้. เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects. Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader. แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal) ➡️ ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม ➡️ เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล ✅ วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน ➡️ มี coherent caches และ bindless samplers ➡️ รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access ✅ แนวคิด “No Graphics API” ➡️ ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น ➡️ ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น ⛔ ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    WWW.SEBASTIANAALTONEN.COM
    No Graphics API — Sebastian Aaltonen
    Graphics APIs and shader languages have significantly increased in complexity over the past decade. It’s time to start discussing how to strip down the abstractions to simplify development, improve performance, and prepare for future GPU workloads.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python

    Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production.

    จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา.

    นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”.

    ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เปิดตัว ty Beta โดย Astral
    เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance
    ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral

    ความเร็วเหนือคู่แข่ง
    เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า
    Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms

    ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic
    Intersection types, type narrowing, reachability analysis
    Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข

    รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem
    รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ)
    เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม
    การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release

    https://astral.sh/blog/ty
    🚀 Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production. จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา. นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”. ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เปิดตัว ty Beta โดย Astral ➡️ เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance ➡️ ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral ✅ ความเร็วเหนือคู่แข่ง ➡️ เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า ➡️ Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms ✅ ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic ➡️ Intersection types, type narrowing, reachability analysis ➡️ Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข ✅ รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem ➡️ รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ) ➡️ เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม ⛔ การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release https://astral.sh/blog/ty
    ASTRAL.SH
    ty: An extremely fast Python type checker and language server
    ty is an extremely fast Python type checker and language server, written in Rust, and designed as an alternative to mypy, Pyright, and Pylance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • Waterfox โต้กลับทิศทางใหม่ของ Mozilla

    Alex Kontos ผู้สร้าง Waterfox เขียนบทความตอบโต้การประกาศของ CEO Mozilla ที่จะวาง AI เป็นหัวใจของเบราว์เซอร์ Firefox โดยชี้ว่า “AI-first browsing” ทำให้เกิดคำถามพื้นฐานว่าเบราว์เซอร์ควรทำหน้าที่อะไร เขามองว่าเบราว์เซอร์คือ user agent ที่ทำงานแทนผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบที่คิดแทนหรือปรับเปลี่ยนประสบการณ์โดยที่ผู้ใช้ไม่เข้าใจ.

    Kontos ยอมรับว่าเทคโนโลยี Machine Learning เช่นโครงการ Bergamot (การแปลข้อความแบบ local) มีประโยชน์จริง เพราะมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่เขาแยกชัดเจนว่า Large Language Models (LLMs) เป็น “black box” ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือเข้าใจได้อย่างแท้จริง การนำ LLMs มาอยู่ใจกลางเบราว์เซอร์จึงเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นและความโปร่งใสที่ Mozilla เคยยึดถือ.

    เขาเตือนว่าการให้ AI เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บ อาจทำให้เกิด “user agent ของ user agent” ที่เข้ามาจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติการใช้งาน และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็นโดยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ Mozilla จะสัญญาว่า AI จะเป็นตัวเลือกที่ปิดได้ แต่การมีฟีเจอร์ที่ลึกถึงขั้นต้องมี opt-out แสดงให้เห็นว่า AI ถูกฝังในระดับแกนกลางของ Firefox แล้ว.

    Waterfox ยืนยันว่าจะไม่รวม LLMs เข้ามา โดยเน้นการเป็นเบราว์เซอร์ที่โปร่งใสและควบคุมได้เต็มที่ พร้อมชี้ว่าจุดแข็งของ Mozilla เดิมคือชุมชนผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว แต่การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปแบบ Chrome กลับทำให้ Firefox สูญเสียฐานผู้ใช้หลักไปเรื่อย ๆ Waterfox จึงวางตัวเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่าย โปร่งใส และไม่ถูก AI ควบคุม.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Mozilla หันสู่ AI-first browsing
    CEO ประกาศวาง AI เป็นแกนกลางของ Firefox
    สัญญาว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ได้ แต่ยังคงฝังลึกในระบบ

    Waterfox แยกแยะ ML กับ LLMs
    ML เช่น Bergamot มีประโยชน์และตรวจสอบได้
    LLMs เป็น black box ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้

    ความเสี่ยงของ AI ในเบราว์เซอร์
    AI อาจจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติ และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็น
    ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระในการตรวจสอบระบบที่ไม่โปร่งใส

    จุดยืนของ Waterfox
    ไม่รวม LLMs ในเบราว์เซอร์
    เน้นความโปร่งใส การควบคุม และการตอบสนองต่อชุมชนผู้ใช้

    คำเตือนต่อ Mozilla
    การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปอาจทำให้สูญเสียฐานผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว
    การฝัง AI ที่ไม่โปร่งใสอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เรื่อง “trust” ที่ Mozilla เคยยึดถือ

    https://www.waterfox.com/blog/no-ai-here-response-to-mozilla/
    🌐 Waterfox โต้กลับทิศทางใหม่ของ Mozilla Alex Kontos ผู้สร้าง Waterfox เขียนบทความตอบโต้การประกาศของ CEO Mozilla ที่จะวาง AI เป็นหัวใจของเบราว์เซอร์ Firefox โดยชี้ว่า “AI-first browsing” ทำให้เกิดคำถามพื้นฐานว่าเบราว์เซอร์ควรทำหน้าที่อะไร เขามองว่าเบราว์เซอร์คือ user agent ที่ทำงานแทนผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบที่คิดแทนหรือปรับเปลี่ยนประสบการณ์โดยที่ผู้ใช้ไม่เข้าใจ. Kontos ยอมรับว่าเทคโนโลยี Machine Learning เช่นโครงการ Bergamot (การแปลข้อความแบบ local) มีประโยชน์จริง เพราะมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่เขาแยกชัดเจนว่า Large Language Models (LLMs) เป็น “black box” ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือเข้าใจได้อย่างแท้จริง การนำ LLMs มาอยู่ใจกลางเบราว์เซอร์จึงเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นและความโปร่งใสที่ Mozilla เคยยึดถือ. เขาเตือนว่าการให้ AI เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บ อาจทำให้เกิด “user agent ของ user agent” ที่เข้ามาจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติการใช้งาน และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็นโดยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ Mozilla จะสัญญาว่า AI จะเป็นตัวเลือกที่ปิดได้ แต่การมีฟีเจอร์ที่ลึกถึงขั้นต้องมี opt-out แสดงให้เห็นว่า AI ถูกฝังในระดับแกนกลางของ Firefox แล้ว. Waterfox ยืนยันว่าจะไม่รวม LLMs เข้ามา โดยเน้นการเป็นเบราว์เซอร์ที่โปร่งใสและควบคุมได้เต็มที่ พร้อมชี้ว่าจุดแข็งของ Mozilla เดิมคือชุมชนผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว แต่การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปแบบ Chrome กลับทำให้ Firefox สูญเสียฐานผู้ใช้หลักไปเรื่อย ๆ Waterfox จึงวางตัวเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่าย โปร่งใส และไม่ถูก AI ควบคุม. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Mozilla หันสู่ AI-first browsing ➡️ CEO ประกาศวาง AI เป็นแกนกลางของ Firefox ➡️ สัญญาว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ได้ แต่ยังคงฝังลึกในระบบ ✅ Waterfox แยกแยะ ML กับ LLMs ➡️ ML เช่น Bergamot มีประโยชน์และตรวจสอบได้ ➡️ LLMs เป็น black box ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้ ✅ ความเสี่ยงของ AI ในเบราว์เซอร์ ➡️ AI อาจจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติ และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็น ➡️ ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระในการตรวจสอบระบบที่ไม่โปร่งใส ✅ จุดยืนของ Waterfox ➡️ ไม่รวม LLMs ในเบราว์เซอร์ ➡️ เน้นความโปร่งใส การควบคุม และการตอบสนองต่อชุมชนผู้ใช้ ‼️ คำเตือนต่อ Mozilla ⛔ การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปอาจทำให้สูญเสียฐานผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว ⛔ การฝัง AI ที่ไม่โปร่งใสอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เรื่อง “trust” ที่ Mozilla เคยยึดถือ https://www.waterfox.com/blog/no-ai-here-response-to-mozilla/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เปิดตัว Gemini 3 Flash – AI เร็ว แรง และเข้าถึงได้ทั่วโลก

    Google ประกาศเปิดตัว Gemini 3 Flash ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ในตระกูล Gemini 3 โดยเน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ แต่ยังคงความสามารถด้านการให้เหตุผลและการทำงานแบบมัลติโหมด (multimodal) เทียบเท่ารุ่น Pro จุดเด่นคือสามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Gemini 2.5 Pro ถึง 3 เท่า และใช้โทเคนเฉลี่ยน้อยลงถึง 30% ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การพัฒนาโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างแอปพลิเคชันแบบโต้ตอบ.

    Gemini 3 Flash ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยจะเป็นโมเดลเริ่มต้นในแอป Gemini และ AI Mode ใน Google Search ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์ AI ที่เร็วและฉลาดขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเปิดให้ใช้งานผ่าน Google AI Studio, Gemini CLI และแพลตฟอร์มใหม่ Google Antigravity สำหรับนักพัฒนา.

    ในด้านประสิทธิภาพ Gemini 3 Flash ทำคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น GPQA Diamond และ SWE-bench Verified ซึ่งใช้วัดความสามารถในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหาด้านโค้ด โดยมีบริษัทใหญ่เช่น JetBrains, Bridgewater Associates และ Figma นำไปใช้งานแล้ว เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างระบบที่ตอบสนองได้รวดเร็ว.

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Gemini 3 Flash ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อความเร็ว แต่ยังคงรักษาความสามารถในการคิดเชิงลึกและการทำงานแบบ multimodal เช่น การวิเคราะห์วิดีโอ การสร้างคำอธิบายภาพ และการออกแบบ UI แบบโต้ตอบในเวลาเกือบเรียลไทม์ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่เหมาะทั้งสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาที่ต้องการความสมดุลระหว่างคุณภาพ ความเร็ว และต้นทุน.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Gemini 3 Flash เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    เร็วกว่า Gemini 2.5 Pro ถึง 3 เท่า
    ใช้โทเคนน้อยลง 30% แต่ยังคงคุณภาพสูง

    เข้าถึงได้ทั่วโลก
    เป็นโมเดลเริ่มต้นในแอป Gemini และ AI Mode ใน Search
    ใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    ประสิทธิภาพระดับสูง
    ทำคะแนนสูงใน benchmark เช่น GPQA Diamond และ SWE-bench Verified
    บริษัทใหญ่เช่น JetBrains และ Figma นำไปใช้งานแล้ว

    รองรับงานมัลติโหมดและเชิงลึก
    วิเคราะห์วิดีโอ สร้างคำอธิบายภาพ และออกแบบ UI แบบโต้ตอบ
    เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาที่ต้องการความเร็วและคุณภาพ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    แม้จะเร็วและถูกกว่า แต่การใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงยังต้องตรวจสอบผลลัพธ์อย่างรอบคอบ
    การพึ่งพา AI ในการสร้างโค้ดหรือออกแบบระบบอาจเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดหากไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์

    https://blog.google/products/gemini/gemini-3-flash/
    ⚡ Google เปิดตัว Gemini 3 Flash – AI เร็ว แรง และเข้าถึงได้ทั่วโลก Google ประกาศเปิดตัว Gemini 3 Flash ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ในตระกูล Gemini 3 โดยเน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ แต่ยังคงความสามารถด้านการให้เหตุผลและการทำงานแบบมัลติโหมด (multimodal) เทียบเท่ารุ่น Pro จุดเด่นคือสามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Gemini 2.5 Pro ถึง 3 เท่า และใช้โทเคนเฉลี่ยน้อยลงถึง 30% ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การพัฒนาโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างแอปพลิเคชันแบบโต้ตอบ. Gemini 3 Flash ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยจะเป็นโมเดลเริ่มต้นในแอป Gemini และ AI Mode ใน Google Search ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์ AI ที่เร็วและฉลาดขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเปิดให้ใช้งานผ่าน Google AI Studio, Gemini CLI และแพลตฟอร์มใหม่ Google Antigravity สำหรับนักพัฒนา. ในด้านประสิทธิภาพ Gemini 3 Flash ทำคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น GPQA Diamond และ SWE-bench Verified ซึ่งใช้วัดความสามารถในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหาด้านโค้ด โดยมีบริษัทใหญ่เช่น JetBrains, Bridgewater Associates และ Figma นำไปใช้งานแล้ว เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างระบบที่ตอบสนองได้รวดเร็ว. สิ่งที่น่าสนใจคือ Gemini 3 Flash ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อความเร็ว แต่ยังคงรักษาความสามารถในการคิดเชิงลึกและการทำงานแบบ multimodal เช่น การวิเคราะห์วิดีโอ การสร้างคำอธิบายภาพ และการออกแบบ UI แบบโต้ตอบในเวลาเกือบเรียลไทม์ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่เหมาะทั้งสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาที่ต้องการความสมดุลระหว่างคุณภาพ ความเร็ว และต้นทุน. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Gemini 3 Flash เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ เร็วกว่า Gemini 2.5 Pro ถึง 3 เท่า ➡️ ใช้โทเคนน้อยลง 30% แต่ยังคงคุณภาพสูง ✅ เข้าถึงได้ทั่วโลก ➡️ เป็นโมเดลเริ่มต้นในแอป Gemini และ AI Mode ใน Search ➡️ ใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ ประสิทธิภาพระดับสูง ➡️ ทำคะแนนสูงใน benchmark เช่น GPQA Diamond และ SWE-bench Verified ➡️ บริษัทใหญ่เช่น JetBrains และ Figma นำไปใช้งานแล้ว ✅ รองรับงานมัลติโหมดและเชิงลึก ➡️ วิเคราะห์วิดีโอ สร้างคำอธิบายภาพ และออกแบบ UI แบบโต้ตอบ ➡️ เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาที่ต้องการความเร็วและคุณภาพ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ แม้จะเร็วและถูกกว่า แต่การใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงยังต้องตรวจสอบผลลัพธ์อย่างรอบคอบ ⛔ การพึ่งพา AI ในการสร้างโค้ดหรือออกแบบระบบอาจเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดหากไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์ https://blog.google/products/gemini/gemini-3-flash/
    BLOG.GOOGLE
    Gemini 3 Flash: frontier intelligence built for speed
    Gemini 3 Flash offers frontier intelligence built for speed at a fraction of the cost.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้

    ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่.

    เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง.

    อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว.

    แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า
    Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส
    55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน

    การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง
    เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว
    30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่

    ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร
    การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต
    บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว

    คำเตือนจาก AWS CEO
    การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
    บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต

    https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    💻 AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้ ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่. เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง. อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว. แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า ➡️ Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส ➡️ 55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน ✅ การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง ➡️ เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว ➡️ 30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ ✅ ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร ➡️ การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต ➡️ บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว ‼️ คำเตือนจาก AWS CEO ⛔ การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ⛔ บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla กับความเสี่ยงในการสูญเสียฐานผู้ใช้ที่ภักดี

    บทความจาก Bruno’s Ramblings ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจาก Anthony Enzor-DeMeo CEO คนใหม่ของ Mozilla ให้สัมภาษณ์กับ The Verge โดยกล่าวว่าเขา “สามารถบล็อก AdBlockers ใน Firefox เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่อยากทำเพราะมันขัดกับพันธกิจ”. แม้จะพูดว่าไม่อยากทำ แต่การกล่าวถึงตัวเลือกนี้ก็สร้างความไม่มั่นใจและกระแสวิจารณ์ว่า Mozilla อาจกำลังพิจารณาแนวทางที่ขัดกับจุดยืนเดิม.

    ผู้เขียนบทความเล่าว่าตนเองเป็นผู้ใช้ Firefox มาตั้งแต่ยุคแรก และสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ภักดีคือ การสนับสนุนมาตรฐานเปิด, ระบบเสริม (add-on) ที่ทรงพลัง และการปกป้องความเป็นส่วนตัว. การบล็อก AdBlocker จึงถูกมองว่าเป็นการทำลายข้อได้เปรียบสำคัญเหนือ Chromium และอาจทำให้ผู้ใช้กลุ่ม “geeks & nerds” ที่เป็นฐานหลักรู้สึกถูกทอดทิ้ง.

    นอกจากนี้ AdBlocker ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกันโฆษณาที่น่ารำคาญ แต่ยังเป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่ช่วยป้องกันภัยจาก malvertising (โฆษณาที่แฝงมัลแวร์). หาก Mozilla ตัดสินใจบล็อก AdBlocker อาจทำให้ผู้ใช้มองว่าองค์กรละเลยความปลอดภัยของพวกเขา และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในฐานะผู้พิทักษ์เว็บเสรี.

    แม้ผู้เขียนจะเข้าใจว่า Mozilla ต้องหารายได้เพื่อความอยู่รอด แต่การพูดถึงแนวทางที่ขัดกับพันธกิจโดยตรงก็สร้าง “PR Disaster” ขึ้นมาแล้วในชุมชนออนไลน์ เช่น Reddit. ความกังวลคือ หาก Mozilla เดินตามเส้นทางนี้จริง อาจสูญเสียความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการแนะนำ Firefox ให้กับผู้ใช้ทั่วไป.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    คำพูดของ CEO Mozilla จุดกระแสกังวล
    กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการบล็อก AdBlocker เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
    แม้จะบอกว่าไม่อยากทำ แต่การพูดถึงก็สร้างความไม่มั่นใจ

    AdBlocker คือข้อได้เปรียบและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    เป็นจุดแข็งเหนือ Chromium ที่ทำให้ผู้ใช้ภักดี
    ป้องกันภัยจาก malvertising ซึ่งเป็นภัยคุกคามจริง

    ผลกระทบต่อฐานผู้ใช้และภาพลักษณ์
    ผู้ใช้กลุ่มที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง
    อาจทำให้ Firefox สูญเสียความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากชุมชน

    คำเตือนต่อ Mozilla
    การบล็อก AdBlocker อาจเป็น “อีกตะปูหนึ่งบนโลงศพ” ของ Firefox
    ความผิดพลาดด้าน PR อาจทำให้สูญเสียผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ

    https://infosec.press/brunomiguel/is-mozilla-trying-hard-to-kill-itself
    📰 Mozilla กับความเสี่ยงในการสูญเสียฐานผู้ใช้ที่ภักดี บทความจาก Bruno’s Ramblings ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจาก Anthony Enzor-DeMeo CEO คนใหม่ของ Mozilla ให้สัมภาษณ์กับ The Verge โดยกล่าวว่าเขา “สามารถบล็อก AdBlockers ใน Firefox เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่อยากทำเพราะมันขัดกับพันธกิจ”. แม้จะพูดว่าไม่อยากทำ แต่การกล่าวถึงตัวเลือกนี้ก็สร้างความไม่มั่นใจและกระแสวิจารณ์ว่า Mozilla อาจกำลังพิจารณาแนวทางที่ขัดกับจุดยืนเดิม. ผู้เขียนบทความเล่าว่าตนเองเป็นผู้ใช้ Firefox มาตั้งแต่ยุคแรก และสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ภักดีคือ การสนับสนุนมาตรฐานเปิด, ระบบเสริม (add-on) ที่ทรงพลัง และการปกป้องความเป็นส่วนตัว. การบล็อก AdBlocker จึงถูกมองว่าเป็นการทำลายข้อได้เปรียบสำคัญเหนือ Chromium และอาจทำให้ผู้ใช้กลุ่ม “geeks & nerds” ที่เป็นฐานหลักรู้สึกถูกทอดทิ้ง. นอกจากนี้ AdBlocker ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกันโฆษณาที่น่ารำคาญ แต่ยังเป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่ช่วยป้องกันภัยจาก malvertising (โฆษณาที่แฝงมัลแวร์). หาก Mozilla ตัดสินใจบล็อก AdBlocker อาจทำให้ผู้ใช้มองว่าองค์กรละเลยความปลอดภัยของพวกเขา และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในฐานะผู้พิทักษ์เว็บเสรี. แม้ผู้เขียนจะเข้าใจว่า Mozilla ต้องหารายได้เพื่อความอยู่รอด แต่การพูดถึงแนวทางที่ขัดกับพันธกิจโดยตรงก็สร้าง “PR Disaster” ขึ้นมาแล้วในชุมชนออนไลน์ เช่น Reddit. ความกังวลคือ หาก Mozilla เดินตามเส้นทางนี้จริง อาจสูญเสียความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการแนะนำ Firefox ให้กับผู้ใช้ทั่วไป. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ คำพูดของ CEO Mozilla จุดกระแสกังวล ➡️ กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการบล็อก AdBlocker เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ➡️ แม้จะบอกว่าไม่อยากทำ แต่การพูดถึงก็สร้างความไม่มั่นใจ ✅ AdBlocker คือข้อได้เปรียบและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ เป็นจุดแข็งเหนือ Chromium ที่ทำให้ผู้ใช้ภักดี ➡️ ป้องกันภัยจาก malvertising ซึ่งเป็นภัยคุกคามจริง ✅ ผลกระทบต่อฐานผู้ใช้และภาพลักษณ์ ➡️ ผู้ใช้กลุ่มที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง ➡️ อาจทำให้ Firefox สูญเสียความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากชุมชน ‼️ คำเตือนต่อ Mozilla ⛔ การบล็อก AdBlocker อาจเป็น “อีกตะปูหนึ่งบนโลงศพ” ของ Firefox ⛔ ความผิดพลาดด้าน PR อาจทำให้สูญเสียผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ https://infosec.press/brunomiguel/is-mozilla-trying-hard-to-kill-itself
    INFOSEC.PRESS
    📝 Is Mozilla trying hard to kill itself?
    In an interview with "The Verge", the new Mozilla CEO, Enzor-DeMeo, IMHO hints that axing adblockers is something that, at the very least...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์

    Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล.

    AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย.

    นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก
    Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts
    ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น

    AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด
    โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก
    Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น

    การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม
    ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า
    อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า
    การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด

    https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    🧩 AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์ Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล. AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย. นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก ➡️ Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts ➡️ ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น ✅ AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด ➡️ โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก ➡️ Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม ➡️ ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า ➡️ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า ⛔ การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว
    .
    ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086
    .
    #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา . โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว . ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086 . #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ
    .
    โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย
    .
    กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084
    .
    #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ . โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย . กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084 . #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบปรามจับกุมหญิงสาววัย 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้าให้ขบวนการหลอกลงทุนหุ้นปลอม หลังมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินลงทุน สูญเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท
    .
    คดีนี้ผู้เสียหายถูกชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้น และใช้แพลตฟอร์มปลอมแสดงผลลักษณะคล้ายการซื้อขายจริง จนเกิดความเชื่อถือและโอนเงินหลายครั้ง
    .
    จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่าได้เปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชีและนำไปมอบให้ขบวนการสแกมเมอร์ โดยได้รับค่าตอบแทน ก่อนที่บัญชีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้หลอกลวงประชาชน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้องรายอื่นเพิ่มเติม
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122050
    .
    #News1live #News1 #กองปราบ #บัญชีม้า #หุ้นทิพย์ #สแกมเมอร์ #อาชญากรรมออนไลน์
    ตำรวจกองปราบปรามจับกุมหญิงสาววัย 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้าให้ขบวนการหลอกลงทุนหุ้นปลอม หลังมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินลงทุน สูญเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท . คดีนี้ผู้เสียหายถูกชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้น และใช้แพลตฟอร์มปลอมแสดงผลลักษณะคล้ายการซื้อขายจริง จนเกิดความเชื่อถือและโอนเงินหลายครั้ง . จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่าได้เปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชีและนำไปมอบให้ขบวนการสแกมเมอร์ โดยได้รับค่าตอบแทน ก่อนที่บัญชีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้หลอกลวงประชาชน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้องรายอื่นเพิ่มเติม . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122050 . #News1live #News1 #กองปราบ #บัญชีม้า #หุ้นทิพย์ #สแกมเมอร์ #อาชญากรรมออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงแรงงานเร่งติดตามและรับมือปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว หลังแรงงานสัญชาติกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในหลายภาคส่วนของไทย
    .
    รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานได้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินมาตรการดูแลทั้งแรงงานและผู้ประกอบการ ครอบคลุมการว่างงาน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง
    .
    ในด้านการเยียวยา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้บูรณาการการทำงาน ทั้งการดูแลสิทธิประโยชน์ประกันสังคม การติดตามการจ่ายค่าจ้าง และการจัดฝึกอาชีพเพิ่มเติม เพื่อรองรับแรงงานในช่วงสถานการณ์พิเศษ พร้อมจัดหาตำแหน่งงานในพื้นที่ปลอดภัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122017
    .
    #News1live #News1 #กระทรวงแรงงาน #แรงงานต่างด้าว #แรงงานกัมพูชา #ผู้ประกอบการ
    กระทรวงแรงงานเร่งติดตามและรับมือปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว หลังแรงงานสัญชาติกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในหลายภาคส่วนของไทย . รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานได้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินมาตรการดูแลทั้งแรงงานและผู้ประกอบการ ครอบคลุมการว่างงาน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง . ในด้านการเยียวยา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้บูรณาการการทำงาน ทั้งการดูแลสิทธิประโยชน์ประกันสังคม การติดตามการจ่ายค่าจ้าง และการจัดฝึกอาชีพเพิ่มเติม เพื่อรองรับแรงงานในช่วงสถานการณ์พิเศษ พร้อมจัดหาตำแหน่งงานในพื้นที่ปลอดภัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122017 . #News1live #News1 #กระทรวงแรงงาน #แรงงานต่างด้าว #แรงงานกัมพูชา #ผู้ประกอบการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
    .
    การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต
    .
    กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030
    .
    #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ . การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต . กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030 . #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพบกชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่าฝ่ายไทยดำเนินการทางทหารกระทบโครงสร้างพื้นฐานและโบราณสถาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง
    .
    โฆษกกองทัพบกระบุว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ดำเนินการอย่างจำกัดวงตามความจำเป็น อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง
    .
    สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ระบุว่าภาพรวมการปฏิบัติการเป็นไปตามแผน โดยเป้าหมายสำคัญทางทหารส่วนใหญ่บรรลุผลตามที่กำหนดไว้ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกได้กำหนดเป้าหมายการสถาปนาแนวชายแดนตามแนวเส้นปฏิบัติการของไทย และเร่งลดขีดความสามารถทางทหารที่เป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายไทย
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122025
    .
    #News1live #News1 #กองทัพบก #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง
    กองทัพบกชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่าฝ่ายไทยดำเนินการทางทหารกระทบโครงสร้างพื้นฐานและโบราณสถาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง . โฆษกกองทัพบกระบุว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ดำเนินการอย่างจำกัดวงตามความจำเป็น อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง . สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ระบุว่าภาพรวมการปฏิบัติการเป็นไปตามแผน โดยเป้าหมายสำคัญทางทหารส่วนใหญ่บรรลุผลตามที่กำหนดไว้ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกได้กำหนดเป้าหมายการสถาปนาแนวชายแดนตามแนวเส้นปฏิบัติการของไทย และเร่งลดขีดความสามารถทางทหารที่เป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายไทย . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122025 . #News1live #News1 #กองทัพบก #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเผยได้รับรายงานการพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าไปก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยหลายจุด โดยได้ส่งเรือรบและอากาศยานลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
    .
    ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และมีแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายแห่งรายงานเหตุในลักษณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพเรือยังคงรักษามาตรการความปลอดภัย และคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศอย่างเข้มงวด
    .
    ด้านกองทัพอากาศระบุว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักด้านการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อพื้นที่และสถานที่สำคัญของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122015
    .
    #News1live #News1 #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #โดรน #อ่าวไทย #ความมั่นคง
    กองทัพเรือเผยได้รับรายงานการพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าไปก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยหลายจุด โดยได้ส่งเรือรบและอากาศยานลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง . ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และมีแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายแห่งรายงานเหตุในลักษณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพเรือยังคงรักษามาตรการความปลอดภัย และคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศอย่างเข้มงวด . ด้านกองทัพอากาศระบุว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักด้านการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อพื้นที่และสถานที่สำคัญของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122015 . #News1live #News1 #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #โดรน #อ่าวไทย #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม เปิดปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลส่งท้ายปี ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเข้าตรวจสอบพื้นที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม หลังพบเป็นจุดที่มีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยอยู่จำนวนมาก
    .
    การตรวจสอบห้องพักแห่งหนึ่งในตำบลสระพัฒนา พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาอาศัยอยู่จริงถึง 139 ราย แต่เจ้าบ้านและผู้ดูแลไม่ได้แจ้งที่พักอาศัยต่อเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
    .
    เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการเปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านและผู้ดูแลตามกฎหมาย รวมยอดค่าปรับกว่า 222,400 บาท พร้อมกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการใช้พื้นที่เป็นแหล่งแฝงตัวของผู้กระทำผิด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122008
    .
    #News1live #News1 #ตรวจคนเข้าเมือง #นครปฐม #กำแพงแสน #แรงงานต่างด้าว #ไม่แจ้งที่พัก
    ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม เปิดปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลส่งท้ายปี ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเข้าตรวจสอบพื้นที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม หลังพบเป็นจุดที่มีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยอยู่จำนวนมาก . การตรวจสอบห้องพักแห่งหนึ่งในตำบลสระพัฒนา พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาอาศัยอยู่จริงถึง 139 ราย แต่เจ้าบ้านและผู้ดูแลไม่ได้แจ้งที่พักอาศัยต่อเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง . เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการเปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านและผู้ดูแลตามกฎหมาย รวมยอดค่าปรับกว่า 222,400 บาท พร้อมกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการใช้พื้นที่เป็นแหล่งแฝงตัวของผู้กระทำผิด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122008 . #News1live #News1 #ตรวจคนเข้าเมือง #นครปฐม #กำแพงแสน #แรงงานต่างด้าว #ไม่แจ้งที่พัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/4XFIxH0av_Y?si=sZu6AFXADfYFH7X3
    https://youtu.be/4XFIxH0av_Y?si=sZu6AFXADfYFH7X3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุนทรพจน์ทรัมป์ชูแจกโบนัสทหาร กู้คะแนนนิยมดิ่ง : คนเคาะข่าว
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=5X3qAOHS2PQ
    สุนทรพจน์ทรัมป์ชูแจกโบนัสทหาร กู้คะแนนนิยมดิ่ง : คนเคาะข่าว . https://www.youtube.com/watch?v=5X3qAOHS2PQ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/nFFMatmMHds?si=epp6tKelXKvhhZt9
    https://youtu.be/nFFMatmMHds?si=epp6tKelXKvhhZt9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทศบาลนครหาดใหญ่ประกาศยกธงเหลือง หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนสะสมเพิ่มสูง และระดับน้ำในคลองสายหลักหลายแห่งมีแนวโน้มสูงขึ้น
    .
    เพจเฟซบุ๊กเทศบาลนครหาดใหญ่ ระบุว่า วัดปริมาณน้ำฝนสะสมที่สถานีแก้มลิงคลองเรียนได้ 140 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองแม่เรียนและคลองหวะเพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่าช่วงบ่ายถึงค่ำยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสะเดาอยู่ที่ร้อยละ 94.86 ของความจุ
    .
    เทศบาลจึงแจ้งเตือนประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ ถนนสามสิบเมตร ถนนศุภสารรังสรรค์ ถนนธรรมนูญวิถี ถนนประชาธิปัตย์ รวมถึงชุมชนใกล้เคียง ให้เตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121865
    .
    #News1live #News1 #หาดใหญ่ #ฝนตกหนัก #ยกธงเหลือง #อุทกภัย #เตือนภัยน้ำหลาก
    เทศบาลนครหาดใหญ่ประกาศยกธงเหลือง หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนสะสมเพิ่มสูง และระดับน้ำในคลองสายหลักหลายแห่งมีแนวโน้มสูงขึ้น . เพจเฟซบุ๊กเทศบาลนครหาดใหญ่ ระบุว่า วัดปริมาณน้ำฝนสะสมที่สถานีแก้มลิงคลองเรียนได้ 140 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองแม่เรียนและคลองหวะเพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่าช่วงบ่ายถึงค่ำยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสะเดาอยู่ที่ร้อยละ 94.86 ของความจุ . เทศบาลจึงแจ้งเตือนประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ ถนนสามสิบเมตร ถนนศุภสารรังสรรค์ ถนนธรรมนูญวิถี ถนนประชาธิปัตย์ รวมถึงชุมชนใกล้เคียง ให้เตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121865 . #News1live #News1 #หาดใหญ่ #ฝนตกหนัก #ยกธงเหลือง #อุทกภัย #เตือนภัยน้ำหลาก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts