• บิ๊กเล็กมาแล้ว ยืนยันชัดเจนสำหรับเขมร เชื่อมั่นในสันติวิธีเดินมาถูกทางแล้ว (7/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กเล็ก #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #สันติวิธี #ทหารไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    บิ๊กเล็กมาแล้ว ยืนยันชัดเจนสำหรับเขมร เชื่อมั่นในสันติวิธีเดินมาถูกทางแล้ว (7/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กเล็ก #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #สันติวิธี #ทหารไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 0 Reviews
  • AMD กับดีลพันล้าน: ขยายฐานลูกค้า AI ระดับ OpenAI

    ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 Lisa Su ซีอีโอของ AMD เผยว่า บริษัทกำลังเจรจากับลูกค้าหลายรายที่มีขนาดดีลเทียบเท่ากับ OpenAI ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ จากการใช้ชิป AI รุ่นใหม่ Instinct MI450 โดย AMD ตั้งเป้าลดความเสี่ยงจากการพึ่งพา OpenAI เพียงรายเดียว ด้วยการขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น

    ชิป Instinct MI450 ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งด้านสถาปัตยกรรมและการใช้พลังงาน พร้อมรองรับการใช้งานในระดับ rack-scale ซึ่งเหมาะกับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และงาน AI ที่ซับซ้อน

    Lisa Su ยังเปิดเผยว่า AMD ได้เริ่มผลิตชิปรุ่นก่อนหน้าอย่าง MI355 แล้ว และจะเดินหน้าด้วย “momentum ที่แข็งแกร่ง” ไปจนถึงปี 2026 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ MI450 จะเปิดตัวสู่ตลาด

    AMD เตรียมขยายฐานลูกค้า AI ขนาดใหญ่
    ดีลกับ OpenAI คาดสร้างรายได้ $100B
    มีลูกค้ารายอื่นที่กำลังเจรจาดีลขนาดใกล้เคียง

    Instinct MI450 คือหัวใจของยุทธศาสตร์ใหม่
    พัฒนาเพื่อแข่งกับ NVIDIA โดยตรง
    เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานและการใช้งานระดับ rack-scale

    AMD เริ่มผลิต MI355 แล้ว
    เดินหน้าด้วย momentum แข็งแกร่งสู่ปี 2026
    MI450 จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา OpenAI เพียงรายเดียว
    AMD วางแผนลดความเสี่ยงด้วยการกระจายลูกค้า
    หากดีลกับ OpenAI สะดุด อาจกระทบรายได้มหาศาล

    การแข่งขันกับ NVIDIA ยังดุเดือด
    NVIDIA มีฐานลูกค้าและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
    AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem และความเชื่อมั่นในตลาด

    https://wccftech.com/amd-has-multiple-openai-scale-customers-lined-up-for-its-ai-chips/
    🚀 AMD กับดีลพันล้าน: ขยายฐานลูกค้า AI ระดับ OpenAI ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 Lisa Su ซีอีโอของ AMD เผยว่า บริษัทกำลังเจรจากับลูกค้าหลายรายที่มีขนาดดีลเทียบเท่ากับ OpenAI ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ จากการใช้ชิป AI รุ่นใหม่ Instinct MI450 โดย AMD ตั้งเป้าลดความเสี่ยงจากการพึ่งพา OpenAI เพียงรายเดียว ด้วยการขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น ชิป Instinct MI450 ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งด้านสถาปัตยกรรมและการใช้พลังงาน พร้อมรองรับการใช้งานในระดับ rack-scale ซึ่งเหมาะกับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และงาน AI ที่ซับซ้อน Lisa Su ยังเปิดเผยว่า AMD ได้เริ่มผลิตชิปรุ่นก่อนหน้าอย่าง MI355 แล้ว และจะเดินหน้าด้วย “momentum ที่แข็งแกร่ง” ไปจนถึงปี 2026 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ MI450 จะเปิดตัวสู่ตลาด ✅ AMD เตรียมขยายฐานลูกค้า AI ขนาดใหญ่ ➡️ ดีลกับ OpenAI คาดสร้างรายได้ $100B ➡️ มีลูกค้ารายอื่นที่กำลังเจรจาดีลขนาดใกล้เคียง ✅ Instinct MI450 คือหัวใจของยุทธศาสตร์ใหม่ ➡️ พัฒนาเพื่อแข่งกับ NVIDIA โดยตรง ➡️ เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานและการใช้งานระดับ rack-scale ✅ AMD เริ่มผลิต MI355 แล้ว ➡️ เดินหน้าด้วย momentum แข็งแกร่งสู่ปี 2026 ➡️ MI450 จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา OpenAI เพียงรายเดียว ⛔ AMD วางแผนลดความเสี่ยงด้วยการกระจายลูกค้า ⛔ หากดีลกับ OpenAI สะดุด อาจกระทบรายได้มหาศาล ‼️ การแข่งขันกับ NVIDIA ยังดุเดือด ⛔ NVIDIA มีฐานลูกค้าและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ⛔ AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem และความเชื่อมั่นในตลาด https://wccftech.com/amd-has-multiple-openai-scale-customers-lined-up-for-its-ai-chips/
    WCCFTECH.COM
    AMD Has Multiple "OpenAI-Scale" Customers Lined Up for Its AI Chips, Reflecting Massive Interest in the Next-Gen Instinct Lineup
    AMD's CEO, Lisa Su, revealed that the firm has multiple customers hoping to strike a deal of a similar magnitude to the OpenAI partnership.
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • ย้อนวันวาน ที่MOU43ยังไม่เกิด!!! (7/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOU43 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ประวัติศาสตร์ชาติไทย #กัมพูชา #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    ย้อนวันวาน ที่MOU43ยังไม่เกิด!!! (7/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOU43 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ประวัติศาสตร์ชาติไทย #กัมพูชา #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 0 Reviews
  • รีบดูด่วน นักข่าวสายทหารยัน หากใช้ไลด้าร์มีเสียปราสาทแน่ ทำใจได้ใช่ไหม? (7/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ไลดาร์ #ปราสาทพระวิหาร #ทหารไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    รีบดูด่วน นักข่าวสายทหารยัน หากใช้ไลด้าร์มีเสียปราสาทแน่ ทำใจได้ใช่ไหม? (7/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ไลดาร์ #ปราสาทพระวิหาร #ทหารไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 0 Reviews
  • ญี่ปุ่นเร่งขยายกำลังผลิตวัสดุโฟโตเรซิสและ MOR รองรับเทคโนโลยีลิธอกราฟี EUV ขนาด 2 นาโนเมตร

    ญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อรองรับยุคใหม่ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับ 2 นาโนเมตร ด้วยการลงทุนขยายโรงงานผลิตวัสดุโฟโตเรซิส (Photoresist) และโลหะออกไซด์เรซิส (MOR) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการลิธอกราฟีแบบ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography)

    บริษัทชั้นนำอย่าง Tokyo Ohka Kogyo (TOK), Adeka และ JSR ต่างทุ่มงบประมาณหลายหมื่นล้านเยนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและพัฒนาคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในกระบวนการนี้ โดยเฉพาะ MOR ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับแสง EUV ได้ดีขึ้น ช่วยให้การถ่ายโอนลวดลายบนเวเฟอร์มีความแม่นยำและทนต่อการกัดกร่อนมากขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในสารเคมีความบริสุทธิ์สูง เช่น ตัวทำละลาย น้ำยาทำความสะอาด และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยในกระบวนการ EUV ที่ละเอียดอ่อน

    จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    MOR เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซับแสง EUV ได้มากกว่าวัสดุอินทรีย์ทั่วไป
    ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดโฟโตเรซิสระดับสูงถึง 91% ทั่วโลก
    การผลิต EUV ต้องการความแม่นยำสูงมาก เพราะแม้แต่การปนเปื้อนเล็กน้อยก็อาจทำให้เวเฟอร์เสียหาย

    ญี่ปุ่นลงทุนขยายกำลังผลิตวัสดุสำหรับ EUV
    TOK ลงทุน ¥20 พันล้านในโรงงานใหม่ที่เกาหลีใต้ และอีก ¥12 พันล้านในโรงงานสารเคมีบริสุทธิ์
    Adeka ลงทุน ¥3.2 พันล้านเพื่อผลิต MOR ที่โรงงานอิบารากิ เริ่มผลิตปี 2028
    JSR เตรียมเปิดโรงงาน MOR ในเกาหลีใต้ภายในปี 2026

    วัสดุ MOR มีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยี EUV
    เพิ่มการดูดซับแสง EUV ลดปริมาณแสงที่ต้องใช้
    ช่วยให้ลวดลายมีความคมชัดและทนต่อการกัดกร่อน

    สารเคมีบริสุทธิ์มีความสำคัญต่อกระบวนการ EUV
    ใช้ควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยที่อาจส่งผลต่อคุณภาพเวเฟอร์

    ญี่ปุ่นมีความได้เปรียบในตลาดโฟโตเรซิส
    ครองส่วนแบ่งตลาดระดับสูงถึง 91% ทั่วโลก

    ความท้าทายของเทคโนโลยี EUV
    ความไวของเรซิสต่อแสง EUV อาจลดความละเอียดของลวดลาย
    การควบคุมการปนเปื้อนต้องแม่นยำสูง เพราะส่งผลต่ออายุการใช้งานของหน้ากากและคุณภาพเวเฟอร์

    ประเทศอื่นยังตามหลังในด้าน MOR และสารเคมี EUV
    แม้จะพัฒนาเทคโนโลยี i-line/KrF ได้ดี แต่ยังไม่สามารถแข่งขันในระดับ EUV ได้

    https://www.techpowerup.com/342676/japan-ramps-up-photoresist-and-mor-capacity-for-2-nm-euv-lithography
    🧪 ญี่ปุ่นเร่งขยายกำลังผลิตวัสดุโฟโตเรซิสและ MOR รองรับเทคโนโลยีลิธอกราฟี EUV ขนาด 2 นาโนเมตร ญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อรองรับยุคใหม่ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับ 2 นาโนเมตร ด้วยการลงทุนขยายโรงงานผลิตวัสดุโฟโตเรซิส (Photoresist) และโลหะออกไซด์เรซิส (MOR) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการลิธอกราฟีแบบ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) บริษัทชั้นนำอย่าง Tokyo Ohka Kogyo (TOK), Adeka และ JSR ต่างทุ่มงบประมาณหลายหมื่นล้านเยนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและพัฒนาคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในกระบวนการนี้ โดยเฉพาะ MOR ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับแสง EUV ได้ดีขึ้น ช่วยให้การถ่ายโอนลวดลายบนเวเฟอร์มีความแม่นยำและทนต่อการกัดกร่อนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในสารเคมีความบริสุทธิ์สูง เช่น ตัวทำละลาย น้ำยาทำความสะอาด และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยในกระบวนการ EUV ที่ละเอียดอ่อน 📌 จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติม: 💠 MOR เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซับแสง EUV ได้มากกว่าวัสดุอินทรีย์ทั่วไป 💠 ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดโฟโตเรซิสระดับสูงถึง 91% ทั่วโลก 💠 การผลิต EUV ต้องการความแม่นยำสูงมาก เพราะแม้แต่การปนเปื้อนเล็กน้อยก็อาจทำให้เวเฟอร์เสียหาย ✅ ญี่ปุ่นลงทุนขยายกำลังผลิตวัสดุสำหรับ EUV ➡️ TOK ลงทุน ¥20 พันล้านในโรงงานใหม่ที่เกาหลีใต้ และอีก ¥12 พันล้านในโรงงานสารเคมีบริสุทธิ์ ➡️ Adeka ลงทุน ¥3.2 พันล้านเพื่อผลิต MOR ที่โรงงานอิบารากิ เริ่มผลิตปี 2028 ➡️ JSR เตรียมเปิดโรงงาน MOR ในเกาหลีใต้ภายในปี 2026 ✅ วัสดุ MOR มีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยี EUV ➡️ เพิ่มการดูดซับแสง EUV ลดปริมาณแสงที่ต้องใช้ ➡️ ช่วยให้ลวดลายมีความคมชัดและทนต่อการกัดกร่อน ✅ สารเคมีบริสุทธิ์มีความสำคัญต่อกระบวนการ EUV ➡️ ใช้ควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยที่อาจส่งผลต่อคุณภาพเวเฟอร์ ✅ ญี่ปุ่นมีความได้เปรียบในตลาดโฟโตเรซิส ➡️ ครองส่วนแบ่งตลาดระดับสูงถึง 91% ทั่วโลก ‼️ ความท้าทายของเทคโนโลยี EUV ⛔ ความไวของเรซิสต่อแสง EUV อาจลดความละเอียดของลวดลาย ⛔ การควบคุมการปนเปื้อนต้องแม่นยำสูง เพราะส่งผลต่ออายุการใช้งานของหน้ากากและคุณภาพเวเฟอร์ ‼️ ประเทศอื่นยังตามหลังในด้าน MOR และสารเคมี EUV ⛔ แม้จะพัฒนาเทคโนโลยี i-line/KrF ได้ดี แต่ยังไม่สามารถแข่งขันในระดับ EUV ได้ https://www.techpowerup.com/342676/japan-ramps-up-photoresist-and-mor-capacity-for-2-nm-euv-lithography
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Japan Ramps Up Photoresist and MOR Capacity for 2 nm EUV Lithography
    As the 2 nm-class nodes are starting to enter volume production, Japanese material suppliers are expanding the capacity of EUV-capable resists and high-purity process chemicals, according to Nikkei. Tokyo Ohka Kogyo (TOK), Adeka, and JSR are building or upgrading fabs for photoresists and metal-oxid...
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • “Google เปิดตัว Axion CPU และ Ironwood TPU รุ่น 7 – สร้าง ‘AI Hypercomputer’ ล้ำหน้า Nvidia GB300!”

    เรื่องเล่าจากแนวหน้าของเทคโนโลยี AI! Google Cloud ได้เปิดตัวระบบประมวลผลใหม่ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการผสาน Axion CPU ที่ออกแบบเองกับ Ironwood TPU รุ่นที่ 7 เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม “AI Hypercomputer” ที่สามารถฝึกและให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

    Ironwood TPU รุ่นใหม่ให้พลังประมวลผลถึง 4,614 FP8 TFLOPS ต่อชิป และสามารถรวมกันเป็นพ็อดขนาดใหญ่ถึง 9,216 ตัว ให้พลังรวม 42.5 FP8 ExaFLOPS ซึ่งเหนือกว่า Nvidia GB300 NVL72 ที่ให้เพียง 0.36 ExaFLOPS อย่างมหาศาล

    ระบบนี้ยังใช้เทคโนโลยี Optical Circuit Switching ที่สามารถปรับเส้นทางการเชื่อมต่อทันทีเมื่อมีฮาร์ดแวร์ขัดข้อง ทำให้ระบบทำงานต่อเนื่องได้แม้มีปัญหา พร้อมทั้งมีหน่วยความจำ HBM3E รวมกว่า 1.77 PB และเครือข่าย Inter-Chip Interconnect ความเร็ว 9.6 Tbps

    ในด้าน CPU, Google เปิดตัว Axion ซึ่งเป็นชิป Armv9 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Neoverse V2 ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าชิป x86 ถึง 50% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 60% โดยมีรุ่น C4A, N4A และ C4A Metal ให้เลือกใช้งานตามความต้องการ

    บริษัทอย่าง Anthropic และ Lightricks ได้เริ่มใช้งานระบบนี้แล้ว โดย Anthropic เตรียมใช้ TPU กว่าล้านตัวเพื่อขับเคลื่อนโมเดล Claude รุ่นใหม่

    Google เปิดตัว Ironwood TPU รุ่นที่ 7
    พลังประมวลผล 4,614 FP8 TFLOPS ต่อชิป
    รวมเป็นพ็อดขนาดใหญ่ได้ถึง 42.5 FP8 ExaFLOPS
    ใช้ Optical Circuit Switching เพื่อความเสถียร
    หน่วยความจำรวม 1.77 PB แบบ HBM3E

    เปิดตัว Axion CPU ที่ออกแบบเอง
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V2
    ประสิทธิภาพสูงกว่าชิป x86 ถึง 50%
    มีรุ่น C4A, N4A และ C4A Metal ให้เลือก
    รองรับ DDR5-5600 MT/s และ UMA

    สร้างแพลตฟอร์ม “AI Hypercomputer”
    รวม compute, storage และ networking ภายใต้ระบบเดียว
    รองรับการฝึกและให้บริการโมเดลขนาดใหญ่
    ใช้ Titanium controller เพื่อจัดการ I/O และความปลอดภัย

    บริษัทชั้นนำเริ่มใช้งานแล้ว
    Anthropic ใช้ TPU กว่าล้านตัวสำหรับ Claude
    Lightricks ใช้ฝึกโมเดลมัลติโหมด LTX-2

    ความท้าทายด้านการพัฒนา AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้พลังงานและฮาร์ดแวร์จำนวนมหาศาล
    ต้องมีระบบจัดการความเสถียรและความปลอดภัยขั้นสูง

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีเฉพาะ
    หากระบบล่มหรือมีข้อบกพร่อง อาจกระทบโมเดลขนาดใหญ่
    ต้องมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/google-deploys-new-axion-cpus-and-seventh-gen-ironwood-tpu-training-and-inferencing-pods-beat-nvidia-gb300-and-shape-ai-hypercomputer-model
    🧠 “Google เปิดตัว Axion CPU และ Ironwood TPU รุ่น 7 – สร้าง ‘AI Hypercomputer’ ล้ำหน้า Nvidia GB300!” เรื่องเล่าจากแนวหน้าของเทคโนโลยี AI! Google Cloud ได้เปิดตัวระบบประมวลผลใหม่ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการผสาน Axion CPU ที่ออกแบบเองกับ Ironwood TPU รุ่นที่ 7 เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม “AI Hypercomputer” ที่สามารถฝึกและให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Ironwood TPU รุ่นใหม่ให้พลังประมวลผลถึง 4,614 FP8 TFLOPS ต่อชิป และสามารถรวมกันเป็นพ็อดขนาดใหญ่ถึง 9,216 ตัว ให้พลังรวม 42.5 FP8 ExaFLOPS ซึ่งเหนือกว่า Nvidia GB300 NVL72 ที่ให้เพียง 0.36 ExaFLOPS อย่างมหาศาล ระบบนี้ยังใช้เทคโนโลยี Optical Circuit Switching ที่สามารถปรับเส้นทางการเชื่อมต่อทันทีเมื่อมีฮาร์ดแวร์ขัดข้อง ทำให้ระบบทำงานต่อเนื่องได้แม้มีปัญหา พร้อมทั้งมีหน่วยความจำ HBM3E รวมกว่า 1.77 PB และเครือข่าย Inter-Chip Interconnect ความเร็ว 9.6 Tbps ในด้าน CPU, Google เปิดตัว Axion ซึ่งเป็นชิป Armv9 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Neoverse V2 ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าชิป x86 ถึง 50% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 60% โดยมีรุ่น C4A, N4A และ C4A Metal ให้เลือกใช้งานตามความต้องการ บริษัทอย่าง Anthropic และ Lightricks ได้เริ่มใช้งานระบบนี้แล้ว โดย Anthropic เตรียมใช้ TPU กว่าล้านตัวเพื่อขับเคลื่อนโมเดล Claude รุ่นใหม่ ✅ Google เปิดตัว Ironwood TPU รุ่นที่ 7 ➡️ พลังประมวลผล 4,614 FP8 TFLOPS ต่อชิป ➡️ รวมเป็นพ็อดขนาดใหญ่ได้ถึง 42.5 FP8 ExaFLOPS ➡️ ใช้ Optical Circuit Switching เพื่อความเสถียร ➡️ หน่วยความจำรวม 1.77 PB แบบ HBM3E ✅ เปิดตัว Axion CPU ที่ออกแบบเอง ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V2 ➡️ ประสิทธิภาพสูงกว่าชิป x86 ถึง 50% ➡️ มีรุ่น C4A, N4A และ C4A Metal ให้เลือก ➡️ รองรับ DDR5-5600 MT/s และ UMA ✅ สร้างแพลตฟอร์ม “AI Hypercomputer” ➡️ รวม compute, storage และ networking ภายใต้ระบบเดียว ➡️ รองรับการฝึกและให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้ Titanium controller เพื่อจัดการ I/O และความปลอดภัย ✅ บริษัทชั้นนำเริ่มใช้งานแล้ว ➡️ Anthropic ใช้ TPU กว่าล้านตัวสำหรับ Claude ➡️ Lightricks ใช้ฝึกโมเดลมัลติโหมด LTX-2 ‼️ ความท้าทายด้านการพัฒนา AI ขนาดใหญ่ ⛔ ต้องใช้พลังงานและฮาร์ดแวร์จำนวนมหาศาล ⛔ ต้องมีระบบจัดการความเสถียรและความปลอดภัยขั้นสูง ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีเฉพาะ ⛔ หากระบบล่มหรือมีข้อบกพร่อง อาจกระทบโมเดลขนาดใหญ่ ⛔ ต้องมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/google-deploys-new-axion-cpus-and-seventh-gen-ironwood-tpu-training-and-inferencing-pods-beat-nvidia-gb300-and-shape-ai-hypercomputer-model
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • เรียกคนไทยใจเขมรที่อยากใช้ไลดาร์ มาแxกตาดู หมุดก็มีอยู่ทำแผนที่ใหม่เพื่อ? (7/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ไลดาร์ #หมุดเขตแดน #แผนที่ชายแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    เรียกคนไทยใจเขมรที่อยากใช้ไลดาร์ มาแxกตาดู หมุดก็มีอยู่ทำแผนที่ใหม่เพื่อ? (7/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ไลดาร์ #หมุดเขตแดน #แผนที่ชายแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #MOU43 #MOU44 #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 0 Reviews
  • Ryzen 5 7500X3D โผล่ในเบนช์มาร์กแรก! ประสิทธิภาพใกล้เคียง 7600X3D แต่ราคาประหยัดกว่า

    AMD เตรียมเปิดตัว Ryzen 5 7500X3D ซึ่งเป็นชิป X3D ราคาประหยัดตัวแรกบนแพลตฟอร์ม AM5 โดยมีผลเบนช์มาร์กหลุดออกมาแล้ว เผยให้เห็นว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับรุ่นพี่ 7600X3D ทั้งในงานแบบ single-core และ multi-core แม้จะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาต่ำกว่าเล็กน้อย

    Ryzen 5 7500X3D เป็นซีพียู 6 คอร์ 12 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm ของ TSMC โดยมี L3 cache ขนาด 96MB จาก 3D V-Cache รวมเป็น 102MB เท่ากับรุ่น 7600X3D แต่มี base clock อยู่ที่ 4.0GHz และ boost clock ที่ 4.5GHz (ต่ำกว่ารุ่นพี่เล็กน้อย)

    ผลเบนช์มาร์กจาก Geekbench ให้คะแนน 2,549 สำหรับ single-core และ 11,826 สำหรับ multi-core ซึ่งใกล้เคียงกับ 7600X3D ที่มี boost clock สูงกว่าเล็กน้อยที่ 4.7GHz

    แม้จะยังไม่มีข้อมูล TDP อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ที่ 65W เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และมีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่อาจกระทบผู้ใช้คือราคาของ DDR5 ที่พุ่งสูงขึ้นจากความต้องการในตลาด AI ทำให้แม้ตัวชิปจะราคาถูก แต่การประกอบเครื่องอาจแพงขึ้นมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่มีแรม DDR5 อยู่แล้ว

    Ryzen 5 7500X3D โผล่ใน Geekbench
    คะแนน single-core: 2,549
    คะแนน multi-core: 11,826
    ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Ryzen 5 7600X3D

    สเปกเบื้องต้นของ 7500X3D
    6 คอร์ 12 เธรด สถาปัตยกรรม Zen 4
    Base clock: 4.0GHz / Boost clock: 4.5GHz
    L3 cache รวม 102MB (มี 3D V-Cache 64MB)
    คาดว่า TDP อยู่ที่ 65W

    คาดการณ์การเปิดตัว
    อาจเปิดตัวในงาน CES 2026
    เป็นชิป X3D ราคาประหยัดตัวแรกบน AM5

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-budget-ryzen-5-7500x3d-leaks-out-in-early-benchmarks-scores-hint-at-performance-on-par-with-existing-7600x3d-budget-offering-could-pack-a-punch-in-both-single-and-multi-core-tests
    🧠 Ryzen 5 7500X3D โผล่ในเบนช์มาร์กแรก! ประสิทธิภาพใกล้เคียง 7600X3D แต่ราคาประหยัดกว่า AMD เตรียมเปิดตัว Ryzen 5 7500X3D ซึ่งเป็นชิป X3D ราคาประหยัดตัวแรกบนแพลตฟอร์ม AM5 โดยมีผลเบนช์มาร์กหลุดออกมาแล้ว เผยให้เห็นว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับรุ่นพี่ 7600X3D ทั้งในงานแบบ single-core และ multi-core แม้จะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาต่ำกว่าเล็กน้อย Ryzen 5 7500X3D เป็นซีพียู 6 คอร์ 12 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm ของ TSMC โดยมี L3 cache ขนาด 96MB จาก 3D V-Cache รวมเป็น 102MB เท่ากับรุ่น 7600X3D แต่มี base clock อยู่ที่ 4.0GHz และ boost clock ที่ 4.5GHz (ต่ำกว่ารุ่นพี่เล็กน้อย) ผลเบนช์มาร์กจาก Geekbench ให้คะแนน 2,549 สำหรับ single-core และ 11,826 สำหรับ multi-core ซึ่งใกล้เคียงกับ 7600X3D ที่มี boost clock สูงกว่าเล็กน้อยที่ 4.7GHz แม้จะยังไม่มีข้อมูล TDP อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ที่ 65W เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และมีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026 อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่อาจกระทบผู้ใช้คือราคาของ DDR5 ที่พุ่งสูงขึ้นจากความต้องการในตลาด AI ทำให้แม้ตัวชิปจะราคาถูก แต่การประกอบเครื่องอาจแพงขึ้นมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่มีแรม DDR5 อยู่แล้ว ✅ Ryzen 5 7500X3D โผล่ใน Geekbench ➡️ คะแนน single-core: 2,549 ➡️ คะแนน multi-core: 11,826 ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Ryzen 5 7600X3D ✅ สเปกเบื้องต้นของ 7500X3D ➡️ 6 คอร์ 12 เธรด สถาปัตยกรรม Zen 4 ➡️ Base clock: 4.0GHz / Boost clock: 4.5GHz ➡️ L3 cache รวม 102MB (มี 3D V-Cache 64MB) ➡️ คาดว่า TDP อยู่ที่ 65W ✅ คาดการณ์การเปิดตัว ➡️ อาจเปิดตัวในงาน CES 2026 ➡️ เป็นชิป X3D ราคาประหยัดตัวแรกบน AM5 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-budget-ryzen-5-7500x3d-leaks-out-in-early-benchmarks-scores-hint-at-performance-on-par-with-existing-7600x3d-budget-offering-could-pack-a-punch-in-both-single-and-multi-core-tests
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • “Dave Plummer ย้อนยุค! ยกไดรฟ์แม่เหล็ก 200 ปอนด์จากยุค 80 กลับมาใช้งาน Unix บน PDP-11”

    เรื่องเล่าจากอดีตที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง! Dave Plummer อดีตวิศวกรของ Microsoft ผู้มีบทบาทในการสร้าง Task Manager และเกม Pinball บน Windows ได้ทำภารกิจสุดแปลกแต่ทรงคุณค่า—เขายกไดรฟ์แม่เหล็ก DEC RA82 หนักเกือบ 200 ปอนด์กลับมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ PDP-11/73 จากปี 1983 เพื่อรันระบบ Unix แบบดั้งเดิม

    Plummer เล่าว่าแม้จะมีทางเลือกใหม่ ๆ เช่น SCSI หรือ SD card ที่สะดวกกว่า แต่เขาต้องการ “ความถูกต้องตามยุค” ทั้งเสียงกลไกที่ดังสนั่น ความยุ่งยากในการติดตั้ง และข้อจำกัดของเทคโนโลยีเก่า ซึ่งเขามองว่าเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน

    การติดตั้งไม่ง่ายเลย—ต้องใช้ลิฟต์ไฮดรอลิกยกไดรฟ์ขึ้นแร็ค และใช้สาย coaxial ยาว 15 ฟุตเชื่อมต่อกับ PDP-11 หลังจากฟอร์แมตไดรฟ์ใหม่และสร้างพาร์ทิชัน เขาก็สามารถติดตั้ง Unix ได้สำเร็จ พร้อมเสียง “วูบวาบ” ของจานแม่เหล็กที่หมุนอย่างทรงพลัง

    Plummer ยกย่องว่า DEC ทำไดรฟ์นี้ได้ดีมาก เพราะมีระบบวินิจฉัยตัวเองและสามารถจัดการกับปัญหาโดยไม่ต้องพึ่งผู้ใช้ ซึ่งถือว่า “ฉลาด” มากสำหรับเทคโนโลยีในยุคนั้น

    Dave Plummer นำไดรฟ์แม่เหล็ก DEC RA82 กลับมาใช้งาน
    น้ำหนักเกือบ 200 ปอนด์ ความจุเพียง 622 MB
    ใช้กับ PDP-11/73 คอมพิวเตอร์ 16 บิตจากปี 1983
    ติดตั้ง Unix บนไดรฟ์หลังฟอร์แมตและสร้างพาร์ทิชันใหม่

    เหตุผลที่เลือกใช้เทคโนโลยีเก่า
    ต้องการความ “ถูกต้องตามยุค” และประสบการณ์จริง
    เสียงกลไกและข้อจำกัดเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์
    ไม่พอใจการใช้ SD card หรือ SCSI ที่ทันสมัยเกินไป

    ความสามารถของไดรฟ์ DEC RA82
    มีระบบวินิจฉัยและจัดการปัญหาอัตโนมัติ
    ผู้ใช้ไม่ต้องควบคุมความเร็วจานหรือการทำงานภายใน
    ถือว่า “ฉลาด” สำหรับเทคโนโลยีในยุค 1980

    ความท้าทายในการติดตั้งและใช้งาน
    ต้องใช้ลิฟต์ไฮดรอลิกยกไดรฟ์ขึ้นแร็ค
    ต้องใช้สาย coaxial ยาวและหัวต่อเฉพาะของ DEC
    ต้องฟอร์แมตไดรฟ์ใหม่และสร้างระบบไฟล์ด้วยตนเอง

    ความเสี่ยงจากการใช้ฮาร์ดแวร์เก่า
    อุปกรณ์อาจเสียหายหรือไม่สามารถซ่อมแซมได้
    อาจไม่มีอะไหล่หรือคู่มือสนับสนุนในปัจจุบัน
    ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางในการติดตั้งและใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/legendary-windows-pinball-developer-rescues-200lb-magnetic-disc-drive-from-the-1980s-requires-a-scissor-lift-to-move-it-only-has-622-mb-of-storage
    🎮 “Dave Plummer ย้อนยุค! ยกไดรฟ์แม่เหล็ก 200 ปอนด์จากยุค 80 กลับมาใช้งาน Unix บน PDP-11” เรื่องเล่าจากอดีตที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง! Dave Plummer อดีตวิศวกรของ Microsoft ผู้มีบทบาทในการสร้าง Task Manager และเกม Pinball บน Windows ได้ทำภารกิจสุดแปลกแต่ทรงคุณค่า—เขายกไดรฟ์แม่เหล็ก DEC RA82 หนักเกือบ 200 ปอนด์กลับมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ PDP-11/73 จากปี 1983 เพื่อรันระบบ Unix แบบดั้งเดิม Plummer เล่าว่าแม้จะมีทางเลือกใหม่ ๆ เช่น SCSI หรือ SD card ที่สะดวกกว่า แต่เขาต้องการ “ความถูกต้องตามยุค” ทั้งเสียงกลไกที่ดังสนั่น ความยุ่งยากในการติดตั้ง และข้อจำกัดของเทคโนโลยีเก่า ซึ่งเขามองว่าเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การติดตั้งไม่ง่ายเลย—ต้องใช้ลิฟต์ไฮดรอลิกยกไดรฟ์ขึ้นแร็ค และใช้สาย coaxial ยาว 15 ฟุตเชื่อมต่อกับ PDP-11 หลังจากฟอร์แมตไดรฟ์ใหม่และสร้างพาร์ทิชัน เขาก็สามารถติดตั้ง Unix ได้สำเร็จ พร้อมเสียง “วูบวาบ” ของจานแม่เหล็กที่หมุนอย่างทรงพลัง Plummer ยกย่องว่า DEC ทำไดรฟ์นี้ได้ดีมาก เพราะมีระบบวินิจฉัยตัวเองและสามารถจัดการกับปัญหาโดยไม่ต้องพึ่งผู้ใช้ ซึ่งถือว่า “ฉลาด” มากสำหรับเทคโนโลยีในยุคนั้น ✅ Dave Plummer นำไดรฟ์แม่เหล็ก DEC RA82 กลับมาใช้งาน ➡️ น้ำหนักเกือบ 200 ปอนด์ ความจุเพียง 622 MB ➡️ ใช้กับ PDP-11/73 คอมพิวเตอร์ 16 บิตจากปี 1983 ➡️ ติดตั้ง Unix บนไดรฟ์หลังฟอร์แมตและสร้างพาร์ทิชันใหม่ ✅ เหตุผลที่เลือกใช้เทคโนโลยีเก่า ➡️ ต้องการความ “ถูกต้องตามยุค” และประสบการณ์จริง ➡️ เสียงกลไกและข้อจำกัดเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ ➡️ ไม่พอใจการใช้ SD card หรือ SCSI ที่ทันสมัยเกินไป ✅ ความสามารถของไดรฟ์ DEC RA82 ➡️ มีระบบวินิจฉัยและจัดการปัญหาอัตโนมัติ ➡️ ผู้ใช้ไม่ต้องควบคุมความเร็วจานหรือการทำงานภายใน ➡️ ถือว่า “ฉลาด” สำหรับเทคโนโลยีในยุค 1980 ‼️ ความท้าทายในการติดตั้งและใช้งาน ⛔ ต้องใช้ลิฟต์ไฮดรอลิกยกไดรฟ์ขึ้นแร็ค ⛔ ต้องใช้สาย coaxial ยาวและหัวต่อเฉพาะของ DEC ⛔ ต้องฟอร์แมตไดรฟ์ใหม่และสร้างระบบไฟล์ด้วยตนเอง ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ฮาร์ดแวร์เก่า ⛔ อุปกรณ์อาจเสียหายหรือไม่สามารถซ่อมแซมได้ ⛔ อาจไม่มีอะไหล่หรือคู่มือสนับสนุนในปัจจุบัน ⛔ ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางในการติดตั้งและใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/legendary-windows-pinball-developer-rescues-200lb-magnetic-disc-drive-from-the-1980s-requires-a-scissor-lift-to-move-it-only-has-622-mb-of-storage
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • “ยุโรปร่วมมือทลายแก๊งหลอกลงทุนคริปโต สูญเงินกว่า 689 ล้านดอลลาร์!”

    เรื่องเล่าที่ต้องฟังให้จบ! ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปถึงปี 2025 กลับยังมีมิจฉาชีพใช้ช่องทางดิจิทัลหลอกลวงผู้คนอย่างแยบยล ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในยุโรป เมื่อเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส เบลเยียม ไซปรัส สเปน และเยอรมนี ร่วมมือกันจับกุมขบวนการฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่ากว่า 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!

    ขบวนการนี้สร้างแพลตฟอร์มลงทุนคริปโตปลอมหลายแห่ง อ้างผลตอบแทนสูงล่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียและการโทรเย็น (cold call) เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าไป เงินก็ถูกดูดหายไปทันที และถูกฟอกผ่านเครื่องมือบล็อกเชนต่าง ๆ อย่างแนบเนียน

    การจับกุมเกิดขึ้นในวันที่ 27 และ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย Eurojust หน่วยงานความร่วมมือด้านตุลาการของสหภาพยุโรปเป็นผู้ประสานงานหลัก มีการยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งเงินสด บัญชีธนาคาร คริปโต และนาฬิกาหรู รวมมูลค่าหลายล้านดอลลาร์

    คดีนี้เริ่มต้นจากการร้องเรียนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2023 และเป็นหนึ่งในหลายคดีที่สะท้อนว่าการหลอกลวงในโลกคริปโตยังคงระบาดหนัก แม้จะมีความพยายามออกกฎหมายควบคุมอย่าง MiCA ก็ตาม

    ขบวนการหลอกลงทุนคริปโตถูกจับกุมในยุโรป
    มูลค่าความเสียหายรวมกว่า $689 ล้าน
    จับกุมผู้ต้องหา 9 คนในหลายประเทศ
    ยึดทรัพย์สินรวมหลายล้านดอลลาร์ ทั้งเงินสด คริปโต และนาฬิกาหรู

    วิธีการหลอกลวงของขบวนการ
    สร้างแพลตฟอร์มลงทุนปลอม
    ใช้โซเชียลมีเดียและโทรเย็นล่อเหยื่อ
    เงินที่โอนเข้าไปถูกฟอกผ่านเครื่องมือบล็อกเชน

    การดำเนินการของเจ้าหน้าที่
    เริ่มจากการร้องเรียนในฝรั่งเศสปี 2023
    Eurojust เป็นผู้ประสานงานหลัก
    การจับกุมเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025

    ความพยายามควบคุมตลาดคริปโต
    กฎหมาย MiCA ของสหภาพยุโรปช่วยให้ตรวจสอบแพลตฟอร์มได้
    นักลงทุนสามารถตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มได้รับการรับรองหรือไม่

    ความเสี่ยงจากการลงทุนในคริปโตที่ไม่ตรวจสอบ
    แพลตฟอร์มปลอมมักอ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง
    เมื่อโอนเงินแล้วมักไม่สามารถเรียกคืนได้

    การฟอกเงินผ่านบล็อกเชน
    ใช้เครื่องมือดิจิทัลซับซ้อนในการซ่อนเส้นทางเงิน
    ยากต่อการติดตามและตรวจสอบหากไม่มีความร่วมมือระหว่างประเทศ

    การหลอกลวงยังคงระบาดแม้มีเทคโนโลยีล้ำหน้า
    อีเมลฟิชชิ่งและการแอบอ้างยังพบได้บ่อย
    เหยื่อมักถูกล่อด้วยความโลภและความไม่รู้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/crypto-fraud-and-laundering-ring-that-stole-eur600m-usd689m-busted-by-european-authorities-9-arrests-made-across-multiple-countries-perps-face-a-decade-behind-bars-and-huge-fines
    🕵️‍♀️ “ยุโรปร่วมมือทลายแก๊งหลอกลงทุนคริปโต สูญเงินกว่า 689 ล้านดอลลาร์!” เรื่องเล่าที่ต้องฟังให้จบ! ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปถึงปี 2025 กลับยังมีมิจฉาชีพใช้ช่องทางดิจิทัลหลอกลวงผู้คนอย่างแยบยล ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในยุโรป เมื่อเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส เบลเยียม ไซปรัส สเปน และเยอรมนี ร่วมมือกันจับกุมขบวนการฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่ากว่า 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! ขบวนการนี้สร้างแพลตฟอร์มลงทุนคริปโตปลอมหลายแห่ง อ้างผลตอบแทนสูงล่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียและการโทรเย็น (cold call) เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าไป เงินก็ถูกดูดหายไปทันที และถูกฟอกผ่านเครื่องมือบล็อกเชนต่าง ๆ อย่างแนบเนียน การจับกุมเกิดขึ้นในวันที่ 27 และ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย Eurojust หน่วยงานความร่วมมือด้านตุลาการของสหภาพยุโรปเป็นผู้ประสานงานหลัก มีการยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งเงินสด บัญชีธนาคาร คริปโต และนาฬิกาหรู รวมมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ คดีนี้เริ่มต้นจากการร้องเรียนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2023 และเป็นหนึ่งในหลายคดีที่สะท้อนว่าการหลอกลวงในโลกคริปโตยังคงระบาดหนัก แม้จะมีความพยายามออกกฎหมายควบคุมอย่าง MiCA ก็ตาม ✅ ขบวนการหลอกลงทุนคริปโตถูกจับกุมในยุโรป ➡️ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า $689 ล้าน ➡️ จับกุมผู้ต้องหา 9 คนในหลายประเทศ ➡️ ยึดทรัพย์สินรวมหลายล้านดอลลาร์ ทั้งเงินสด คริปโต และนาฬิกาหรู ✅ วิธีการหลอกลวงของขบวนการ ➡️ สร้างแพลตฟอร์มลงทุนปลอม ➡️ ใช้โซเชียลมีเดียและโทรเย็นล่อเหยื่อ ➡️ เงินที่โอนเข้าไปถูกฟอกผ่านเครื่องมือบล็อกเชน ✅ การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ➡️ เริ่มจากการร้องเรียนในฝรั่งเศสปี 2023 ➡️ Eurojust เป็นผู้ประสานงานหลัก ➡️ การจับกุมเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025 ✅ ความพยายามควบคุมตลาดคริปโต ➡️ กฎหมาย MiCA ของสหภาพยุโรปช่วยให้ตรวจสอบแพลตฟอร์มได้ ➡️ นักลงทุนสามารถตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มได้รับการรับรองหรือไม่ ‼️ ความเสี่ยงจากการลงทุนในคริปโตที่ไม่ตรวจสอบ ⛔ แพลตฟอร์มปลอมมักอ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง ⛔ เมื่อโอนเงินแล้วมักไม่สามารถเรียกคืนได้ ‼️ การฟอกเงินผ่านบล็อกเชน ⛔ ใช้เครื่องมือดิจิทัลซับซ้อนในการซ่อนเส้นทางเงิน ⛔ ยากต่อการติดตามและตรวจสอบหากไม่มีความร่วมมือระหว่างประเทศ ‼️ การหลอกลวงยังคงระบาดแม้มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ⛔ อีเมลฟิชชิ่งและการแอบอ้างยังพบได้บ่อย ⛔ เหยื่อมักถูกล่อด้วยความโลภและความไม่รู้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/crypto-fraud-and-laundering-ring-that-stole-eur600m-usd689m-busted-by-european-authorities-9-arrests-made-across-multiple-countries-perps-face-a-decade-behind-bars-and-huge-fines
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • หยุดใช้เครื่องทำลายเอกสารกากๆ!
    อัปเกรดงานรีไซเคิล/ทำลายเอกสารของคุณให้เป็นระบบอุตสาหกรรม ด้วย #เครื่องหั่นรุ่นหัวนิ่ง จาก ย.ย่งฮะเฮง!

    ไม่ว่าจะเป็นกองกระดาษลังหนาๆ หรือเอกสารเก่า เครื่องเดียวจบทุกปัญหา!

    สเปคที่ต้องรู้!
    ใบมีด 10 มม. เป๊ะ! ตัดเป็นเส้นสวย ตามมาตรฐาน
    มอเตอร์ 2 แรงม้า (2 HP) อึด ถึก ทน ไม่สะดุดงานหนัก
    กำลังผลิต 100 กก./ชม. เร็วกว่า แรงกว่า ประหยัดเวลากว่าเครื่องทั่วไปเยอะ!
    ใบมีด SUS420 Food Grade คมทนระดับมืออาชีพ เปลี่ยนเฉพาะใบที่เสียได้
    ทนทานยาวๆ: หั่นได้ทั้งกระดาษ, เนื้อสัตว์, ใบมะกรูด (อเนกประสงค์ตัวจริง!)

    เปลี่ยนต้นทุนให้เป็นกำไร เริ่มวันนี้!

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    ดูสินค้าจริงได้ที่: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (จันทร์-เสาร์)

    #ย่อยกระดาษ #เครื่องย่อยกระดาษ #เครื่องทำลายเอกสาร #เครื่องหั่นกระดาษ10มม #เครื่องรีไซเคิล #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรคุณภาพ #2แรงม้า #PaperShredder #SUS420 #อุตสาหกรรม #เครื่องจักรทนทาน #บรรทัดทอง #ศูนย์รวมเครื่องจักร #เครื่องหั่น #เครื่องสับ #เครื่องบด #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องหั่นผัก #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจรีไซเคิล #ลดต้นทุน #BONNY
    🚨 หยุดใช้เครื่องทำลายเอกสารกากๆ! 🚨 อัปเกรดงานรีไซเคิล/ทำลายเอกสารของคุณให้เป็นระบบอุตสาหกรรม ด้วย #เครื่องหั่นรุ่นหัวนิ่ง จาก ย.ย่งฮะเฮง! ไม่ว่าจะเป็นกองกระดาษลังหนาๆ หรือเอกสารเก่า เครื่องเดียวจบทุกปัญหา! 💥 สเปคที่ต้องรู้! 💥 ✅ ใบมีด 10 มม. เป๊ะ! ตัดเป็นเส้นสวย ตามมาตรฐาน ✅ มอเตอร์ 2 แรงม้า (2 HP) อึด ถึก ทน ไม่สะดุดงานหนัก ✅ กำลังผลิต 100 กก./ชม. เร็วกว่า แรงกว่า ประหยัดเวลากว่าเครื่องทั่วไปเยอะ! ✅ ใบมีด SUS420 Food Grade คมทนระดับมืออาชีพ เปลี่ยนเฉพาะใบที่เสียได้ ✅ ทนทานยาวๆ: หั่นได้ทั้งกระดาษ, เนื้อสัตว์, ใบมะกรูด (อเนกประสงค์ตัวจริง!) 🔥🔥 เปลี่ยนต้นทุนให้เป็นกำไร เริ่มวันนี้! 🔥🔥 ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com 📍 ดูสินค้าจริงได้ที่: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (จันทร์-เสาร์) #ย่อยกระดาษ #เครื่องย่อยกระดาษ #เครื่องทำลายเอกสาร #เครื่องหั่นกระดาษ10มม #เครื่องรีไซเคิล #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรคุณภาพ #2แรงม้า #PaperShredder #SUS420 #อุตสาหกรรม #เครื่องจักรทนทาน #บรรทัดทอง #ศูนย์รวมเครื่องจักร #เครื่องหั่น #เครื่องสับ #เครื่องบด #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องหั่นผัก #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจรีไซเคิล #ลดต้นทุน #BONNY
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปิดทีม “Superintelligence” ลุยวินิจฉัยโรค – จุดเริ่มต้น AI ที่เก่งกว่ามนุษย์

    Microsoft กำลังเปิดศักราชใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ ด้วยการตั้งทีม “MAI Superintelligence” ที่มีเป้าหมายสร้าง AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์ในบางด้าน โดยเริ่มจาก “การวินิจฉัยทางการแพทย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงและมีผลต่อชีวิตคนโดยตรง

    Microsoft ประกาศตั้งทีม MAI Superintelligence โดยมีเป้าหมายสร้าง AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในบางด้าน โดยเริ่มจากการวินิจฉัยโรค ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก ความแม่นยำ และการตัดสินใจที่ซับซ้อน

    แนวคิดนี้คล้ายกับความพยายามของบริษัทอื่น เช่น Meta และ Safe Superintelligence Inc ที่ต้องการสร้าง AI ที่ไม่ใช่แค่ “เลียนแบบมนุษย์” แต่ “เหนือกว่า” ในด้านเฉพาะ

    แม้จะมีความคาดหวังสูง แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าแนวคิดนี้อาจยังห่างไกลจากความเป็นจริง หากไม่มีการค้นพบทางเทคนิคใหม่ๆ ที่พลิกวงการ

    Microsoft ตั้งทีม MAI Superintelligence
    เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เหนือกว่ามนุษย์ในบางด้าน
    เริ่มต้นจากการวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อนและมีผลต่อชีวิต
    เป็นหนึ่งในความพยายามระดับโลกในการสร้าง “superintelligence”

    ความหมายของ “Superintelligence”
    ไม่ใช่แค่ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูล แต่สามารถตัดสินใจได้ดีกว่ามนุษย์
    อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์, วิศวกรรม, การวิจัย
    ต้องอาศัยการพัฒนาอัลกอริทึมและโครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำหน้า

    ความท้าทายและข้อจำกัด
    ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI สามารถ “เหนือกว่า” มนุษย์ในงานวินิจฉัยโรคได้จริง
    ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง ความโปร่งใส และจริยธรรมในการใช้งาน
    การนำ AI มาใช้ในวงการแพทย์ต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    การคาดหวังว่า AI จะมาแทนแพทย์อาจสร้างความเข้าใจผิด
    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการใช้ AI ในทางที่ผิด เช่น การวินิจฉัยผิดพลาด
    ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วยต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/microsoft-launches-039superintelligence039-team-targeting-medical-diagnosis-to-start
    🧠 Microsoft เปิดทีม “Superintelligence” ลุยวินิจฉัยโรค – จุดเริ่มต้น AI ที่เก่งกว่ามนุษย์ Microsoft กำลังเปิดศักราชใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ ด้วยการตั้งทีม “MAI Superintelligence” ที่มีเป้าหมายสร้าง AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์ในบางด้าน โดยเริ่มจาก “การวินิจฉัยทางการแพทย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงและมีผลต่อชีวิตคนโดยตรง Microsoft ประกาศตั้งทีม MAI Superintelligence โดยมีเป้าหมายสร้าง AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในบางด้าน โดยเริ่มจากการวินิจฉัยโรค ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก ความแม่นยำ และการตัดสินใจที่ซับซ้อน แนวคิดนี้คล้ายกับความพยายามของบริษัทอื่น เช่น Meta และ Safe Superintelligence Inc ที่ต้องการสร้าง AI ที่ไม่ใช่แค่ “เลียนแบบมนุษย์” แต่ “เหนือกว่า” ในด้านเฉพาะ แม้จะมีความคาดหวังสูง แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าแนวคิดนี้อาจยังห่างไกลจากความเป็นจริง หากไม่มีการค้นพบทางเทคนิคใหม่ๆ ที่พลิกวงการ ✅ Microsoft ตั้งทีม MAI Superintelligence ➡️ เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เหนือกว่ามนุษย์ในบางด้าน ➡️ เริ่มต้นจากการวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อนและมีผลต่อชีวิต ➡️ เป็นหนึ่งในความพยายามระดับโลกในการสร้าง “superintelligence” ✅ ความหมายของ “Superintelligence” ➡️ ไม่ใช่แค่ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูล แต่สามารถตัดสินใจได้ดีกว่ามนุษย์ ➡️ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์, วิศวกรรม, การวิจัย ➡️ ต้องอาศัยการพัฒนาอัลกอริทึมและโครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำหน้า ✅ ความท้าทายและข้อจำกัด ➡️ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI สามารถ “เหนือกว่า” มนุษย์ในงานวินิจฉัยโรคได้จริง ➡️ ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง ความโปร่งใส และจริยธรรมในการใช้งาน ➡️ การนำ AI มาใช้ในวงการแพทย์ต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ การคาดหวังว่า AI จะมาแทนแพทย์อาจสร้างความเข้าใจผิด ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการใช้ AI ในทางที่ผิด เช่น การวินิจฉัยผิดพลาด ⛔ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วยต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/microsoft-launches-039superintelligence039-team-targeting-medical-diagnosis-to-start
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft launches 'superintelligence' team targeting medical diagnosis to start
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Microsoft is forming a new team that wants to build artificial intelligence that is vastly more capable than humans in certain domains, starting with medical diagnostics, the executive leading the effort told Reuters.
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย

    ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ

    ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต

    คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง

    หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน

    คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี
    Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด
    คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์
    หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี
    ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน
    ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด
    ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ

    การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ
    Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก
    Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว
    Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้

    ความสำคัญของคดีนี้
    เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด
    อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม
    เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี

    คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป
    การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม
    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    📱 เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน ✅ คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี ➡️ Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด ➡️ คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์ ➡️ หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน ➡️ ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด ➡️ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ ✅ การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ ➡️ Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก ➡️ Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว ➡️ Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้ ✅ ความสำคัญของคดีนี้ ➡️ เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด ➡️ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม ➡️ เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี ‼️ คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย ⛔ เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป ⛔ การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Social media giants must stand trial on addiction claims
    Meta Platforms Inc, ByteDance Ltd, Alphabet Inc and Snap Inc must face trial over claims that they designed social media platforms to addict youths, a judge ruled, clearing the way for the first of thousands of cases to be presented to juries.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิเด็ก

    ในเมืองเล็กชื่อ Almendralejo ทางตอนใต้ของสเปน มีรายงานว่ามีการสร้างและเผยแพร่ภาพลามกของเด็กโดยใช้ AI ที่นำใบหน้าจริงของผู้เยาว์ไปใส่ในภาพที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่เหมาะสม สำนักงานคุ้มครองข้อมูลของสเปน (AEPD) ได้สืบสวนตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 และพบว่าผู้กระทำละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป (GDPR)

    แม้ภาพจะถูกสร้างขึ้นโดย AI แต่การใช้ใบหน้าจริงของเด็กถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ผู้กระทำถูกปรับเป็นเงิน 2,000 ยูโร แต่ลดเหลือ 1,200 ยูโรหลังยอมรับผิดและชำระเงินโดยสมัครใจ

    กรณีนี้ไม่เพียงเป็นครั้งแรกในยุโรปที่มีการลงโทษทางการเงินในลักษณะนี้ แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการควบคุมการใช้ AI อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในด้านที่อาจกระทบต่อสิทธิเด็กและความปลอดภัยสาธารณะ

    กรณีการลงโทษครั้งแรกในยุโรป
    สเปนปรับบุคคลที่ใช้ AI สร้างภาพลามกเด็กโดยใช้ใบหน้าจริง
    เป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR ของสหภาพยุโรป
    ปรับเงิน 2,000 ยูโร ลดเหลือ 1,200 ยูโรหลังยอมรับผิด

    ความเสี่ยงของเทคโนโลยี AI ต่อสิทธิเด็ก
    AI สามารถสร้างภาพเหมือนจริงที่อาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    การใช้ใบหน้าจริงในภาพปลอมถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
    เด็กเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ

    บทเรียนสำหรับการกำกับดูแล AI
    ต้องมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมการใช้ AI
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลต้องมีอำนาจในการลงโทษ
    สังคมต้องตระหนักถึงผลกระทบของ deepfake และ AI-generated content

    คำเตือนจากกรณีนี้
    AI สามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรง
    การเผยแพร่ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจและสังคม
    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดกรณีคล้ายกันในประเทศอื่นอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/spain-issues-fine-for-ai-generated-sexual-images-of-minors
    📣 เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิเด็ก ในเมืองเล็กชื่อ Almendralejo ทางตอนใต้ของสเปน มีรายงานว่ามีการสร้างและเผยแพร่ภาพลามกของเด็กโดยใช้ AI ที่นำใบหน้าจริงของผู้เยาว์ไปใส่ในภาพที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่เหมาะสม สำนักงานคุ้มครองข้อมูลของสเปน (AEPD) ได้สืบสวนตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 และพบว่าผู้กระทำละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป (GDPR) แม้ภาพจะถูกสร้างขึ้นโดย AI แต่การใช้ใบหน้าจริงของเด็กถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ผู้กระทำถูกปรับเป็นเงิน 2,000 ยูโร แต่ลดเหลือ 1,200 ยูโรหลังยอมรับผิดและชำระเงินโดยสมัครใจ กรณีนี้ไม่เพียงเป็นครั้งแรกในยุโรปที่มีการลงโทษทางการเงินในลักษณะนี้ แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการควบคุมการใช้ AI อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในด้านที่อาจกระทบต่อสิทธิเด็กและความปลอดภัยสาธารณะ ✅ กรณีการลงโทษครั้งแรกในยุโรป ➡️ สเปนปรับบุคคลที่ใช้ AI สร้างภาพลามกเด็กโดยใช้ใบหน้าจริง ➡️ เป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR ของสหภาพยุโรป ➡️ ปรับเงิน 2,000 ยูโร ลดเหลือ 1,200 ยูโรหลังยอมรับผิด ✅ ความเสี่ยงของเทคโนโลยี AI ต่อสิทธิเด็ก ➡️ AI สามารถสร้างภาพเหมือนจริงที่อาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ➡️ การใช้ใบหน้าจริงในภาพปลอมถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ➡️ เด็กเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ ✅ บทเรียนสำหรับการกำกับดูแล AI ➡️ ต้องมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมการใช้ AI ➡️ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลต้องมีอำนาจในการลงโทษ ➡️ สังคมต้องตระหนักถึงผลกระทบของ deepfake และ AI-generated content ‼️ คำเตือนจากกรณีนี้ ⛔ AI สามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรง ⛔ การเผยแพร่ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจและสังคม ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดกรณีคล้ายกันในประเทศอื่นอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/spain-issues-fine-for-ai-generated-sexual-images-of-minors
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Spain issues fine for AI-generated sexual images of minors
    (Reuters) -Spain's data protection agency on Thursday said it had fined a person for sharing AI-generated sexual images of minors using real faces, in what Spanish media said was the first case in Europe of a financial penalty for this type of content.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงเรียนที่ไร้สมาร์ทโฟน

    เมื่อโรงเรียน Cardozo เริ่มใช้มาตรการแบนสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังในปี 2025 โดยให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ไว้ในซองแม่เหล็กที่บล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต บรรยากาศในโรงเรียนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ช่วงพักกลางวันเงียบสงัดเพราะทุกคนก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกมกระดานที่ครูบริจาคให้

    นักเรียนหลายคนบอกว่าพวกเขาได้ลองเล่นเกมอย่าง Jenga, Scrabble, Chess และ Clue เป็นครั้งแรก และรู้สึกสนุกกับการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ มากขึ้น ขณะที่ครูและผู้บริหารโรงเรียนรายงานว่าการมีส่วนร่วมในห้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นักเรียนมีสมาธิและพูดคุยกันมากขึ้น

    แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการหรือผู้เรียนภาษาอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทั้งครูและนักเรียน แม้จะมีบางคนแอบใช้ “โทรศัพท์สำรอง” หรือพยายามฝ่าฝืนกฎก็ตาม

    บรรยากาศใหม่ในโรงเรียน
    จากความเงียบเหงา กลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกม
    นักเรียนเริ่มอ่านหนังสือจริงมากขึ้น เช่น “Lord of the Flies”
    การพูดคุยและสร้างมิตรภาพเพิ่มขึ้น

    นโยบายแบนสมาร์ทโฟน
    ใช้ซองแม่เหล็กบล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต
    มีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการและผู้เรียนภาษาอังกฤษ
    โรงเรียนอื่นใช้วิธีเก็บในล็อกเกอร์หรือกระเป๋า

    ผลลัพธ์จากการแบน
    89% ของครูรายงานว่าสภาพแวดล้อมดีขึ้น
    76% บอกว่านักเรียนมีส่วนร่วมในบทเรียนมากขึ้น
    นักเรียนต้องทำวิจัยจริงแทนการใช้ AI หรือ Google

    กิจกรรมย้อนยุคกลับมา
    เกมกระดาน, การส่งโน้ต, กล้องโพลารอยด์
    นักเรียนบางคนเริ่มเรียนรู้การดูนาฬิกาแบบเข็ม

    https://gothamist.com/news/ny-smartphone-ban-has-made-lunch-loud-again
    🏫 เรื่องเล่าจากโรงเรียนที่ไร้สมาร์ทโฟน เมื่อโรงเรียน Cardozo เริ่มใช้มาตรการแบนสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังในปี 2025 โดยให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ไว้ในซองแม่เหล็กที่บล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต บรรยากาศในโรงเรียนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ช่วงพักกลางวันเงียบสงัดเพราะทุกคนก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกมกระดานที่ครูบริจาคให้ นักเรียนหลายคนบอกว่าพวกเขาได้ลองเล่นเกมอย่าง Jenga, Scrabble, Chess และ Clue เป็นครั้งแรก และรู้สึกสนุกกับการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ มากขึ้น ขณะที่ครูและผู้บริหารโรงเรียนรายงานว่าการมีส่วนร่วมในห้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นักเรียนมีสมาธิและพูดคุยกันมากขึ้น แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการหรือผู้เรียนภาษาอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทั้งครูและนักเรียน แม้จะมีบางคนแอบใช้ “โทรศัพท์สำรอง” หรือพยายามฝ่าฝืนกฎก็ตาม ✅ บรรยากาศใหม่ในโรงเรียน ➡️ จากความเงียบเหงา กลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกม ➡️ นักเรียนเริ่มอ่านหนังสือจริงมากขึ้น เช่น “Lord of the Flies” ➡️ การพูดคุยและสร้างมิตรภาพเพิ่มขึ้น ✅ นโยบายแบนสมาร์ทโฟน ➡️ ใช้ซองแม่เหล็กบล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต ➡️ มีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการและผู้เรียนภาษาอังกฤษ ➡️ โรงเรียนอื่นใช้วิธีเก็บในล็อกเกอร์หรือกระเป๋า ✅ ผลลัพธ์จากการแบน ➡️ 89% ของครูรายงานว่าสภาพแวดล้อมดีขึ้น ➡️ 76% บอกว่านักเรียนมีส่วนร่วมในบทเรียนมากขึ้น ➡️ นักเรียนต้องทำวิจัยจริงแทนการใช้ AI หรือ Google ✅ กิจกรรมย้อนยุคกลับมา ➡️ เกมกระดาน, การส่งโน้ต, กล้องโพลารอยด์ ➡️ นักเรียนบางคนเริ่มเรียนรู้การดูนาฬิกาแบบเข็ม https://gothamist.com/news/ny-smartphone-ban-has-made-lunch-loud-again
    GOTHAMIST.COM
    New York school phone ban has made lunch loud again
    Two months into the school year, students say they are adjusting to life without their smart devices. Teachers report more focused pupils.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ทำไมคนฉลาดถึงไม่ค่อยมีความสุข? เมื่อ IQ ไม่ใช่คำตอบของชีวิต

    ในบทความจาก Seeds of Science โดย Adam Mastroianni นักจิตวิทยาจากฮาร์วาร์ด ได้ตั้งคำถามที่ชวนคิดว่า “ทำไมคนฉลาดถึงไม่ค่อยมีความสุข?” ทั้งที่ความฉลาดควรช่วยให้เราวางแผนชีวิต แก้ปัญหา และเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ดีกว่าคนทั่วไป

    แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 50 ปีจาก General Social Survey พบว่าคนที่มีคะแนนทดสอบความฉลาดสูงกลับมีระดับความสุขต่ำลงเล็กน้อย (r = -0.06) ซึ่งขัดกับความคาดหวังของสังคม

    Mastroianni เสนอว่าปัญหาอยู่ที่ “นิยามของความฉลาด” ที่เน้นการแก้ปัญหาแบบมีคำตอบชัดเจน (well-defined problems) เช่น คณิตศาสตร์หรือหมากรุก แต่ชีวิตจริงเต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่มีคำตอบตายตัว (poorly-defined problems) เช่น “จะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความหมาย?” หรือ “จะทำอย่างไรเมื่อคนที่รักจากไป?”

    เขาเสนอว่าความสามารถในการแก้ปัญหาแบบไม่มีคำตอบชัดเจนนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ “ความฉลาด” ที่ไม่เคยถูกวัดหรือให้คุณค่าอย่างจริงจัง

    ความฉลาดแบบดั้งเดิม
    นิยามโดยความสามารถในการแก้ปัญหา วางแผน และเรียนรู้
    วัดผ่านแบบทดสอบ IQ และการเรียนรู้ในระบบ
    ใช้กับปัญหาแบบ well-defined เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา หรือหมากรุก

    ผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง IQ กับความสุข
    คนที่มี IQ สูงไม่ได้มีความสุขมากกว่าคนทั่วไป
    บางกรณีมีความสุขน้อยลงเล็กน้อย
    ข้อมูลจาก General Social Survey และงานวิจัยอื่น ๆ

    ปัญหาแบบ poorly-defined
    ปัญหาที่ไม่มีคำตอบชัดเจน เช่น ความรัก ความหมายชีวิต
    ไม่สามารถแก้ด้วยตรรกะหรือสูตรสำเร็จ
    ต้องใช้ความเข้าใจตนเอง ความคิดสร้างสรรค์ และปัญญาเชิงลึก

    ความฉลาดอีกแบบที่ไม่ถูกวัด
    ความสามารถในการจัดการกับความไม่แน่นอน
    การเลือกเป้าหมายชีวิตที่เหมาะสมและยึดมั่นกับมัน
    อาจเรียกว่า “directionness” หรือ “wisdom”

    ตัวอย่างคนฉลาดที่ตัดสินใจผิดพลาด
    นักวิชาการระดับสูงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
    อัจฉริยะที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิด
    แสดงให้เห็นว่า IQ ไม่ใช่เครื่องมือวัดความดีหรือความสุข

    https://www.theseedsofscience.pub/p/why-arent-smart-people-happier
    🧠 ทำไมคนฉลาดถึงไม่ค่อยมีความสุข? เมื่อ IQ ไม่ใช่คำตอบของชีวิต ในบทความจาก Seeds of Science โดย Adam Mastroianni นักจิตวิทยาจากฮาร์วาร์ด ได้ตั้งคำถามที่ชวนคิดว่า “ทำไมคนฉลาดถึงไม่ค่อยมีความสุข?” ทั้งที่ความฉลาดควรช่วยให้เราวางแผนชีวิต แก้ปัญหา และเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 50 ปีจาก General Social Survey พบว่าคนที่มีคะแนนทดสอบความฉลาดสูงกลับมีระดับความสุขต่ำลงเล็กน้อย (r = -0.06) ซึ่งขัดกับความคาดหวังของสังคม Mastroianni เสนอว่าปัญหาอยู่ที่ “นิยามของความฉลาด” ที่เน้นการแก้ปัญหาแบบมีคำตอบชัดเจน (well-defined problems) เช่น คณิตศาสตร์หรือหมากรุก แต่ชีวิตจริงเต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่มีคำตอบตายตัว (poorly-defined problems) เช่น “จะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความหมาย?” หรือ “จะทำอย่างไรเมื่อคนที่รักจากไป?” เขาเสนอว่าความสามารถในการแก้ปัญหาแบบไม่มีคำตอบชัดเจนนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ “ความฉลาด” ที่ไม่เคยถูกวัดหรือให้คุณค่าอย่างจริงจัง ✅ ความฉลาดแบบดั้งเดิม ➡️ นิยามโดยความสามารถในการแก้ปัญหา วางแผน และเรียนรู้ ➡️ วัดผ่านแบบทดสอบ IQ และการเรียนรู้ในระบบ ➡️ ใช้กับปัญหาแบบ well-defined เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา หรือหมากรุก ✅ ผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง IQ กับความสุข ➡️ คนที่มี IQ สูงไม่ได้มีความสุขมากกว่าคนทั่วไป ➡️ บางกรณีมีความสุขน้อยลงเล็กน้อย ➡️ ข้อมูลจาก General Social Survey และงานวิจัยอื่น ๆ ✅ ปัญหาแบบ poorly-defined ➡️ ปัญหาที่ไม่มีคำตอบชัดเจน เช่น ความรัก ความหมายชีวิต ➡️ ไม่สามารถแก้ด้วยตรรกะหรือสูตรสำเร็จ ➡️ ต้องใช้ความเข้าใจตนเอง ความคิดสร้างสรรค์ และปัญญาเชิงลึก ✅ ความฉลาดอีกแบบที่ไม่ถูกวัด ➡️ ความสามารถในการจัดการกับความไม่แน่นอน ➡️ การเลือกเป้าหมายชีวิตที่เหมาะสมและยึดมั่นกับมัน ➡️ อาจเรียกว่า “directionness” หรือ “wisdom” ✅ ตัวอย่างคนฉลาดที่ตัดสินใจผิดพลาด ➡️ นักวิชาการระดับสูงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ➡️ อัจฉริยะที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิด ➡️ แสดงให้เห็นว่า IQ ไม่ใช่เครื่องมือวัดความดีหรือความสุข https://www.theseedsofscience.pub/p/why-arent-smart-people-happier
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • สะเทือนวงการเว็บเก็บข้อมูล! FBI สั่งผู้ให้บริการเผยตัวตนผู้ใช้ Archive.today

    ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความลับ เว็บไซต์ Archive.today ถือเป็นหนึ่งในแหล่งเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและเข้าถึงหน้าเว็บในอดีตได้โดยไม่ต้องผ่านข้อจำกัดใด ๆ เช่นเดียวกับ Wayback Machine แต่มีความเป็นอิสระและไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า

    ล่าสุด เว็บไซต์นี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของ FBI ที่ออกคำสั่งศาลให้ผู้ให้บริการโดเมน Tucows ในแคนาดา ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ที่อยู่เบื้องหลัง Archive.today ซึ่งรวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน โดยมีบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม

    เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากโพสต์ลึกลับในบัญชี X (Twitter เดิม) ของ Archive.today ที่เงียบหายไปนานกว่า 1 ปี โดยโพสต์คำว่า “Canary” พร้อมลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยในเหมืองถ่านหินยุคเก่า ว่าอาจมีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังใกล้เข้ามา

    แม้คำสั่งศาลจะยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ แต่ก็จุดกระแสให้เกิดการขุดคุ้ยถึงตัวตนของผู้ดำเนินการเว็บไซต์นี้ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ขณะที่อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในนิวยอร์ก

    นอกจากประเด็นด้านลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หน่วยงานสืบสวนของสหรัฐฯ ให้ความสนใจ

    Archive.today คืออะไร
    เป็นเว็บไซต์ที่เก็บ snapshot ของหน้าเว็บในอดีต โดยไม่สนข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป
    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกลบหรืออยู่หลัง paywall ได้

    คำสั่งศาลจาก FBI
    สั่งให้ Tucows ผู้ให้บริการโดเมนในแคนาดา ส่งข้อมูลผู้ใช้ของ Archive.today
    รวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน
    หากไม่ส่งข้อมูลตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย

    สัญญาณเตือนจากโพสต์ “Canary”
    เป็นสัญลักษณ์เตือนภัยแบบลับ ๆ ว่าเว็บไซต์อาจกำลังเผชิญอันตราย
    ลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ที่อ้างว่าเป็นคำสั่งศาล

    ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนผู้ดำเนินการ
    บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย
    อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาจากนิวยอร์ก
    ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด

    พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิด
    ใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูล
    อาจละเมิดลิขสิทธิ์จากการเผยแพร่เนื้อหาหลัง paywall

    https://www.heise.de/en/news/Archive-today-FBI-Demands-Data-from-Provider-Tucows-11066346.html
    🕵️‍♂️ สะเทือนวงการเว็บเก็บข้อมูล! FBI สั่งผู้ให้บริการเผยตัวตนผู้ใช้ Archive.today ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความลับ เว็บไซต์ Archive.today ถือเป็นหนึ่งในแหล่งเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและเข้าถึงหน้าเว็บในอดีตได้โดยไม่ต้องผ่านข้อจำกัดใด ๆ เช่นเดียวกับ Wayback Machine แต่มีความเป็นอิสระและไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า ล่าสุด เว็บไซต์นี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของ FBI ที่ออกคำสั่งศาลให้ผู้ให้บริการโดเมน Tucows ในแคนาดา ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ที่อยู่เบื้องหลัง Archive.today ซึ่งรวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน โดยมีบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากโพสต์ลึกลับในบัญชี X (Twitter เดิม) ของ Archive.today ที่เงียบหายไปนานกว่า 1 ปี โดยโพสต์คำว่า “Canary” พร้อมลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยในเหมืองถ่านหินยุคเก่า ว่าอาจมีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังใกล้เข้ามา แม้คำสั่งศาลจะยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ แต่ก็จุดกระแสให้เกิดการขุดคุ้ยถึงตัวตนของผู้ดำเนินการเว็บไซต์นี้ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ขณะที่อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในนิวยอร์ก นอกจากประเด็นด้านลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หน่วยงานสืบสวนของสหรัฐฯ ให้ความสนใจ ✅ Archive.today คืออะไร ➡️ เป็นเว็บไซต์ที่เก็บ snapshot ของหน้าเว็บในอดีต โดยไม่สนข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป ➡️ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกลบหรืออยู่หลัง paywall ได้ ✅ คำสั่งศาลจาก FBI ➡️ สั่งให้ Tucows ผู้ให้บริการโดเมนในแคนาดา ส่งข้อมูลผู้ใช้ของ Archive.today ➡️ รวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน ➡️ หากไม่ส่งข้อมูลตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย ✅ สัญญาณเตือนจากโพสต์ “Canary” ➡️ เป็นสัญลักษณ์เตือนภัยแบบลับ ๆ ว่าเว็บไซต์อาจกำลังเผชิญอันตราย ➡️ ลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ที่อ้างว่าเป็นคำสั่งศาล ✅ ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนผู้ดำเนินการ ➡️ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย ➡️ อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาจากนิวยอร์ก ➡️ ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด ✅ พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิด ➡️ ใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูล ➡️ อาจละเมิดลิขสิทธิ์จากการเผยแพร่เนื้อหาหลัง paywall https://www.heise.de/en/news/Archive-today-FBI-Demands-Data-from-Provider-Tucows-11066346.html
    WWW.HEISE.DE
    Archive.today: FBI Demands Data from Provider Tucows
    The mysterious website Archive.today is coming under the FBI's crosshairs. A court order is forcing the provider Tucows to hand over user data.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • “ICC ปลดพันธนาการจาก Microsoft 365 – เลือกใช้ Open Desk เพื่ออธิปไตยดิจิทัล”
    ลองจินตนาการว่าองค์กรระดับโลกอย่างศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตัดสินใจเลิกใช้ Microsoft 365 แล้วหันไปใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สของยุโรปแทน…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาครัฐของยุโรป

    ICC ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ได้ประกาศเปลี่ยนมาใช้ “Open Desk” ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สำนักงานแบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zentrum Digitale Souveränität (Zendis) ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Digital Commons European Digital Infrastructure Consortium (DC-EDIC) ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ Microsoft ตัดการเข้าถึงอีเมล Outlook ของหัวหน้าอัยการ ICC นาย Karim Khan โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยและอธิปไตยของข้อมูล

    นอกจาก ICC แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มทดลองใช้ Open Desk ภายใต้โครงการ “Mijn Bureau” ร่วมกับเทศบาลอัมสเตอร์ดัมและสมาคม VNG เพื่อสร้างระบบทำงานร่วมกันที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเอกชนจากต่างประเทศ

    ICC เลิกใช้ Microsoft 365 และเปลี่ยนมาใช้ Open Desk
    เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zendis จากเยอรมนี
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ DC-EDIC เพื่ออธิปไตยดิจิทัลของยุโรป

    Microsoft เคยตัดการเข้าถึงอีเมลของหัวหน้าอัยการ ICC
    นาย Karim Khan ถูกตัดออกจากบริการ Outlook โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
    Microsoft ยืนยันว่าไม่ได้หยุดบริการต่อองค์กร ICC โดยรวม

    ความกังวลเรื่องการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
    โดยเฉพาะหลังจาก Donald Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี
    เกิดแรงผลักดันให้ภาครัฐยุโรปหันมาใช้ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมได้เอง

    โครงการ “Mijn Bureau” ในเนเธอร์แลนด์เริ่มทดลองใช้ Open Desk
    ร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง เมืองอัมสเตอร์ดัม และ VNG
    ใช้สำหรับอีเมลและการทำงานร่วมกันในภาครัฐ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Open Desk เป็นตัวอย่างของแนวคิด “Digital Sovereignty” ที่เน้นการควบคุมข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน
    หลายประเทศในยุโรปเริ่มหันมาใช้ LibreOffice, Nextcloud และ Matrix แทนบริการจาก Big Tech
    การใช้โอเพ่นซอร์สช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานภาครัฐ

    https://www.binnenlandsbestuur.nl/digitaal/internationaal-strafhof-neemt-afscheid-van-microsoft-365
    🏛️ “ICC ปลดพันธนาการจาก Microsoft 365 – เลือกใช้ Open Desk เพื่ออธิปไตยดิจิทัล” ลองจินตนาการว่าองค์กรระดับโลกอย่างศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตัดสินใจเลิกใช้ Microsoft 365 แล้วหันไปใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สของยุโรปแทน…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาครัฐของยุโรป ICC ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ได้ประกาศเปลี่ยนมาใช้ “Open Desk” ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สำนักงานแบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zentrum Digitale Souveränität (Zendis) ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Digital Commons European Digital Infrastructure Consortium (DC-EDIC) ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ Microsoft ตัดการเข้าถึงอีเมล Outlook ของหัวหน้าอัยการ ICC นาย Karim Khan โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยและอธิปไตยของข้อมูล นอกจาก ICC แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มทดลองใช้ Open Desk ภายใต้โครงการ “Mijn Bureau” ร่วมกับเทศบาลอัมสเตอร์ดัมและสมาคม VNG เพื่อสร้างระบบทำงานร่วมกันที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเอกชนจากต่างประเทศ ✅ ICC เลิกใช้ Microsoft 365 และเปลี่ยนมาใช้ Open Desk ➡️ เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zendis จากเยอรมนี ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ DC-EDIC เพื่ออธิปไตยดิจิทัลของยุโรป ✅ Microsoft เคยตัดการเข้าถึงอีเมลของหัวหน้าอัยการ ICC ➡️ นาย Karim Khan ถูกตัดออกจากบริการ Outlook โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ➡️ Microsoft ยืนยันว่าไม่ได้หยุดบริการต่อองค์กร ICC โดยรวม ✅ ความกังวลเรื่องการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ➡️ โดยเฉพาะหลังจาก Donald Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี ➡️ เกิดแรงผลักดันให้ภาครัฐยุโรปหันมาใช้ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมได้เอง ✅ โครงการ “Mijn Bureau” ในเนเธอร์แลนด์เริ่มทดลองใช้ Open Desk ➡️ ร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง เมืองอัมสเตอร์ดัม และ VNG ➡️ ใช้สำหรับอีเมลและการทำงานร่วมกันในภาครัฐ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Open Desk เป็นตัวอย่างของแนวคิด “Digital Sovereignty” ที่เน้นการควบคุมข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ หลายประเทศในยุโรปเริ่มหันมาใช้ LibreOffice, Nextcloud และ Matrix แทนบริการจาก Big Tech ➡️ การใช้โอเพ่นซอร์สช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานภาครัฐ https://www.binnenlandsbestuur.nl/digitaal/internationaal-strafhof-neemt-afscheid-van-microsoft-365
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • เกรกอรี ดับเบิลยู มีคส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต เผยแพร่ถ้อยแถลงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกรณีปลดมาตรการปิดล้อมทางอาวุธที่เคยกำหนดเล่นงานกัมพูชา โดยเฉพาะเป็นการดำเนินการโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือปรึกษาหารือใดๆกับสภาคองเกรส

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106329

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เกรกอรี ดับเบิลยู มีคส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต เผยแพร่ถ้อยแถลงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกรณีปลดมาตรการปิดล้อมทางอาวุธที่เคยกำหนดเล่นงานกัมพูชา โดยเฉพาะเป็นการดำเนินการโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือปรึกษาหารือใดๆกับสภาคองเกรส อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106329 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • “KDE Gear 25.08.3 มาแล้ว! แก้บั๊กหลายจุด – เตรียมพบเวอร์ชัน 25.12 วันที่ 11 ธันวาคมนี้”
    ถ้าคุณใช้แอปจาก KDE อยู่เป็นประจำ เช่น Dolphin, NeoChat หรือ Kdenlive ข่าวนี้คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด! KDE Gear 25.08.3 ได้ถูกปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรของแอปยอดนิยมในระบบ KDE

    ในเวอร์ชันนี้มีการแก้ไขปัญหาหลายจุด เช่น:
    Dolphin ไม่แครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ
    NeoChat แก้ปัญหาการสืบทอดห้องสนทนา
    Merkuro แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยใช้งานไม่ได้

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง KItinerary ให้รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ เช่น Flixbus, RyanAir, NH Hotels และ Wiener Linien รวมถึงการปรับปรุง Kdenlive ให้รองรับ SVG และแก้ไขพรีวิว timeline, subtitle styles และเอฟเฟกต์ resize

    KDE ยังประกาศว่าเวอร์ชันถัดไปคือ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัวในวันที่ 11 ธันวาคม 2025 ซึ่งอาจมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการรองรับฮาร์ดแวร์ AI PC ที่กำลังมาแรง

    KDE Gear 25.08.3 เป็นอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08
    เน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียร
    ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ปรับปรุงหลายแอปหลัก

    แอปที่ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชันนี้
    Dolphin: แก้ปัญหาแครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ
    NeoChat: แก้การสืบทอดห้องสนทนา
    Merkuro: แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยเสีย
    Kdenlive: รองรับ SVG และแก้ subtitle styles

    KItinerary รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ
    เพิ่มสคริปต์สำหรับ citycity.se, CFR, Comboios de Portugal และ Wiener Linien
    ปรับปรุงการแยกข้อมูลจาก RyanAir และ NH Hotels

    KDE Gear 25.12 จะเปิดตัววันที่ 11 ธันวาคม 2025
    คาดว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่และรองรับ AI PC มากขึ้น
    อาจแยกเวอร์ชันสำหรับ Snapdragon X2 และ x86

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    KDE Gear คือชุดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย KDE เช่น Dolphin, Kate, Okular, Kdenlive
    การอัปเดต Gear มักออกทุก 4 เดือน โดยมีอัปเดตย่อยเพื่อแก้บั๊ก
    KDE เป็นหนึ่งใน desktop environment ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Linux

    https://9to5linux.com/kde-gear-25-08-3-is-out-with-more-bug-fixes-kde-gear-25-12-coming-december-11th
    🧰 “KDE Gear 25.08.3 มาแล้ว! แก้บั๊กหลายจุด – เตรียมพบเวอร์ชัน 25.12 วันที่ 11 ธันวาคมนี้” ถ้าคุณใช้แอปจาก KDE อยู่เป็นประจำ เช่น Dolphin, NeoChat หรือ Kdenlive ข่าวนี้คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด! KDE Gear 25.08.3 ได้ถูกปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรของแอปยอดนิยมในระบบ KDE ในเวอร์ชันนี้มีการแก้ไขปัญหาหลายจุด เช่น: 🎗️ Dolphin ไม่แครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ 🎗️ NeoChat แก้ปัญหาการสืบทอดห้องสนทนา 🎗️ Merkuro แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง KItinerary ให้รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ เช่น Flixbus, RyanAir, NH Hotels และ Wiener Linien รวมถึงการปรับปรุง Kdenlive ให้รองรับ SVG และแก้ไขพรีวิว timeline, subtitle styles และเอฟเฟกต์ resize KDE ยังประกาศว่าเวอร์ชันถัดไปคือ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัวในวันที่ 11 ธันวาคม 2025 ซึ่งอาจมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการรองรับฮาร์ดแวร์ AI PC ที่กำลังมาแรง ✅ KDE Gear 25.08.3 เป็นอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 ➡️ เน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียร ➡️ ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ปรับปรุงหลายแอปหลัก ✅ แอปที่ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชันนี้ ➡️ Dolphin: แก้ปัญหาแครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ ➡️ NeoChat: แก้การสืบทอดห้องสนทนา ➡️ Merkuro: แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยเสีย ➡️ Kdenlive: รองรับ SVG และแก้ subtitle styles ✅ KItinerary รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ ➡️ เพิ่มสคริปต์สำหรับ citycity.se, CFR, Comboios de Portugal และ Wiener Linien ➡️ ปรับปรุงการแยกข้อมูลจาก RyanAir และ NH Hotels ✅ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัววันที่ 11 ธันวาคม 2025 ➡️ คาดว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่และรองรับ AI PC มากขึ้น ➡️ อาจแยกเวอร์ชันสำหรับ Snapdragon X2 และ x86 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ KDE Gear คือชุดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย KDE เช่น Dolphin, Kate, Okular, Kdenlive ➡️ การอัปเดต Gear มักออกทุก 4 เดือน โดยมีอัปเดตย่อยเพื่อแก้บั๊ก ➡️ KDE เป็นหนึ่งใน desktop environment ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Linux https://9to5linux.com/kde-gear-25-08-3-is-out-with-more-bug-fixes-kde-gear-25-12-coming-december-11th
    9TO5LINUX.COM
    KDE Gear 25.08.3 Is Out with More Bug Fixes, KDE Gear 25.12 Coming December 11th - 9to5Linux
    KDE Gear 25.08.3 open-source software suite is out now with more bug fixes and improvements for your favorite KDE applications.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • “OCI อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน runc – Container Escape, DoS และ Privilege Escalation บนระบบโฮสต์”
    ลองจินตนาการว่า container ที่ควรจะถูกจำกัดอยู่ใน sandbox กลับสามารถ “หลุดออกมา” และควบคุมระบบโฮสต์ได้! นั่นคือสิ่งที่ช่องโหว่ล่าสุดใน runc เปิดโอกาสให้เกิดขึ้น ซึ่งถูกเปิดเผยและแก้ไขโดย Open Container Initiative (OCI)

    ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไขมีทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่:

    CVE-2025-31133: เกิดจาก race condition ในฟีเจอร์ maskedPaths ที่ใช้ mount เพื่อปิดบังไฟล์ระบบ เช่น /proc/sysrq-trigger หาก attacker ใช้ symlink แทน /dev/null จะสามารถ mount ไฟล์อันตรายและควบคุมระบบได้

    CVE-2025-52565: เกิดจากการ bind-mount /dev/pts/$n ไปยัง /dev/console ก่อนที่ระบบจะ apply maskedPaths และ readonlyPaths ทำให้ attacker เขียนข้อมูลไปยังไฟล์ระบบได้

    CVE-2025-52881: เป็นการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ symbolic link และ shared mount namespace เพื่อ redirect การเขียนข้อมูลไปยัง kernel interface เช่น /proc/sysrq-trigger หรือ /proc/sys/kernel/core_pattern ซึ่งสามารถใช้เพื่อรันคำสั่งในระดับ root และหลบเลี่ยง AppArmor หรือ SELinux

    ช่องโหว่เหล่านี้มีผลกระทบต่อ runc ทุกเวอร์ชันก่อน 1.2.8, 1.3.3 และ 1.4.0-rc.3 ซึ่ง OCI ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน user namespace และใช้ container แบบ rootless เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    OCI แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการใน runc
    CVE-2025-31133: race condition ใน maskedPaths ทำให้ container escape ได้
    CVE-2025-52565: bind-mount /dev/console ก่อน apply readonlyPaths
    CVE-2025-52881: redirect การเขียนข้อมูลไปยัง kernel interface

    ช่องโหว่มีผลต่อ runc หลายเวอร์ชัน
    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ: ก่อน 1.2.8, 1.3.3 และ 1.4.0-rc.3
    แพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันล่าสุด

    เทคนิคโจมตีสามารถใช้เพื่อ privilege escalation และ DoS
    attacker สามารถเขียนไปยัง /proc/sysrq-trigger เพื่อทำให้ระบบ crash
    หรือเปลี่ยนค่า /proc/sys/kernel/core_pattern เพื่อรันคำสั่งในระดับ root

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    maskedPaths และ readonlyPaths เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ใน container runtime เพื่อป้องกันการเข้าถึงไฟล์ระบบ
    การใช้ symlink และ mount namespace เป็นเทคนิคที่นิยมใน container breakout
    AppArmor และ SELinux แม้จะช่วยป้องกันได้บางส่วน แต่สามารถถูก bypass ได้ในบางกรณี

    https://securityonline.info/oci-fixes-container-escape-vulnerabilities-in-runc-cve-2025-31133-cve-2025-52565-cve-2025-52881/
    🐧 “OCI อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน runc – Container Escape, DoS และ Privilege Escalation บนระบบโฮสต์” ลองจินตนาการว่า container ที่ควรจะถูกจำกัดอยู่ใน sandbox กลับสามารถ “หลุดออกมา” และควบคุมระบบโฮสต์ได้! นั่นคือสิ่งที่ช่องโหว่ล่าสุดใน runc เปิดโอกาสให้เกิดขึ้น ซึ่งถูกเปิดเผยและแก้ไขโดย Open Container Initiative (OCI) ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไขมีทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่: 🪲 CVE-2025-31133: เกิดจาก race condition ในฟีเจอร์ maskedPaths ที่ใช้ mount เพื่อปิดบังไฟล์ระบบ เช่น /proc/sysrq-trigger หาก attacker ใช้ symlink แทน /dev/null จะสามารถ mount ไฟล์อันตรายและควบคุมระบบได้ 🪲 CVE-2025-52565: เกิดจากการ bind-mount /dev/pts/$n ไปยัง /dev/console ก่อนที่ระบบจะ apply maskedPaths และ readonlyPaths ทำให้ attacker เขียนข้อมูลไปยังไฟล์ระบบได้ 🪲 CVE-2025-52881: เป็นการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ symbolic link และ shared mount namespace เพื่อ redirect การเขียนข้อมูลไปยัง kernel interface เช่น /proc/sysrq-trigger หรือ /proc/sys/kernel/core_pattern ซึ่งสามารถใช้เพื่อรันคำสั่งในระดับ root และหลบเลี่ยง AppArmor หรือ SELinux ช่องโหว่เหล่านี้มีผลกระทบต่อ runc ทุกเวอร์ชันก่อน 1.2.8, 1.3.3 และ 1.4.0-rc.3 ซึ่ง OCI ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน user namespace และใช้ container แบบ rootless เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ✅ OCI แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการใน runc ➡️ CVE-2025-31133: race condition ใน maskedPaths ทำให้ container escape ได้ ➡️ CVE-2025-52565: bind-mount /dev/console ก่อน apply readonlyPaths ➡️ CVE-2025-52881: redirect การเขียนข้อมูลไปยัง kernel interface ✅ ช่องโหว่มีผลต่อ runc หลายเวอร์ชัน ➡️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ: ก่อน 1.2.8, 1.3.3 และ 1.4.0-rc.3 ➡️ แพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันล่าสุด ✅ เทคนิคโจมตีสามารถใช้เพื่อ privilege escalation และ DoS ➡️ attacker สามารถเขียนไปยัง /proc/sysrq-trigger เพื่อทำให้ระบบ crash ➡️ หรือเปลี่ยนค่า /proc/sys/kernel/core_pattern เพื่อรันคำสั่งในระดับ root ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ maskedPaths และ readonlyPaths เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ใน container runtime เพื่อป้องกันการเข้าถึงไฟล์ระบบ ➡️ การใช้ symlink และ mount namespace เป็นเทคนิคที่นิยมใน container breakout ➡️ AppArmor และ SELinux แม้จะช่วยป้องกันได้บางส่วน แต่สามารถถูก bypass ได้ในบางกรณี https://securityonline.info/oci-fixes-container-escape-vulnerabilities-in-runc-cve-2025-31133-cve-2025-52565-cve-2025-52881/
    SECURITYONLINE.INFO
    OCI Fixes Container Escape Vulnerabilities in runc (CVE-2025-31133, CVE-2025-52565, CVE-2025-52881)
    OCI patched three critical runc flaws allowing container escape and host DoS/RCE. Attackers exploit mount race conditions in maskedPaths and /dev/console bind-mounts. Update to v1.2.8+.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • “Django ปล่อยแพตช์อุดช่องโหว่ร้ายแรง – SQL Injection และ DoS บน Windows”
    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณที่สร้างด้วย Django อาจถูกแฮกเกอร์เจาะระบบฐานข้อมูล หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้เพียงแค่ส่ง URL แปลก ๆ! ล่าสุด Django Software Foundation ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่:

    CVE-2025-64459: ช่องโหว่ SQL Injection ที่เกิดจากการใช้ _connector กับ dictionary expansion ในฟังก์ชัน QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ซึ่งหากผู้ใช้ส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยมา จะสามารถแทรกคำสั่ง SQL อันตรายเข้าไปได้

    CVE-2025-64458: ช่องโหว่ DoS บน Windows ที่เกิดจากการจัดการ Unicode redirect โดยใช้ฟังก์ชัน HttpResponseRedirect, HttpResponsePermanentRedirect, และ redirect() ซึ่งหากมีการส่ง URL ที่มีตัวอักษร Unicode จำนวนมาก จะทำให้ระบบใช้ CPU สูงจนล่มได้

    การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายเวอร์ชัน ได้แก่ Django 5.2.8, 5.1.14, และ 4.2.26 รวมถึงเวอร์ชันหลักและเบต้า 6.0 โดยทีมงาน Django แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    Django อัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการ
    CVE-2025-64459: SQL Injection ผ่าน _connector ใน dictionary expansion
    CVE-2025-64458: DoS บน Windows จาก Unicode redirect

    ช่องโหว่ SQL Injection มีผลต่อหลายฟังก์ชันหลัก
    QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q()
    หากใช้ _connector กับ dictionary ที่ไม่ปลอดภัย อาจถูกแทรกคำสั่ง SQL

    ช่องโหว่ DoS บน Windows เกิดจาก Unicode normalization
    Python บน Windows จัดการ NFKC normalization ช้า
    ส่งผลให้ redirect ใช้ CPU สูงจนระบบล่มได้

    Django ปล่อยแพตช์ในหลายเวอร์ชัน
    Django 5.2.8, 5.1.14, 4.2.26 และเวอร์ชันหลัก
    พร้อม release notes สำหรับแต่ละเวอร์ชัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SQL Injection เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในเว็บแอป
    Unicode normalization เป็นกระบวนการจัดรูปแบบตัวอักษรให้เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการเปรียบเทียบและ redirect
    Django เป็นหนึ่งใน framework ที่นิยมใช้ในองค์กรและระบบ API ทั่วโลก

    https://securityonline.info/django-team-patches-high-severity-sql-injection-flaw-cve-2025-64459-and-dos-bug-cve-2025-64458-in-latest-security-update/
    🛠️ “Django ปล่อยแพตช์อุดช่องโหว่ร้ายแรง – SQL Injection และ DoS บน Windows” ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณที่สร้างด้วย Django อาจถูกแฮกเกอร์เจาะระบบฐานข้อมูล หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้เพียงแค่ส่ง URL แปลก ๆ! ล่าสุด Django Software Foundation ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่: 🪲 CVE-2025-64459: ช่องโหว่ SQL Injection ที่เกิดจากการใช้ _connector กับ dictionary expansion ในฟังก์ชัน QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ซึ่งหากผู้ใช้ส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยมา จะสามารถแทรกคำสั่ง SQL อันตรายเข้าไปได้ 🪲 CVE-2025-64458: ช่องโหว่ DoS บน Windows ที่เกิดจากการจัดการ Unicode redirect โดยใช้ฟังก์ชัน HttpResponseRedirect, HttpResponsePermanentRedirect, และ redirect() ซึ่งหากมีการส่ง URL ที่มีตัวอักษร Unicode จำนวนมาก จะทำให้ระบบใช้ CPU สูงจนล่มได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายเวอร์ชัน ได้แก่ Django 5.2.8, 5.1.14, และ 4.2.26 รวมถึงเวอร์ชันหลักและเบต้า 6.0 โดยทีมงาน Django แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ✅ Django อัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการ ➡️ CVE-2025-64459: SQL Injection ผ่าน _connector ใน dictionary expansion ➡️ CVE-2025-64458: DoS บน Windows จาก Unicode redirect ✅ ช่องโหว่ SQL Injection มีผลต่อหลายฟังก์ชันหลัก ➡️ QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ➡️ หากใช้ _connector กับ dictionary ที่ไม่ปลอดภัย อาจถูกแทรกคำสั่ง SQL ✅ ช่องโหว่ DoS บน Windows เกิดจาก Unicode normalization ➡️ Python บน Windows จัดการ NFKC normalization ช้า ➡️ ส่งผลให้ redirect ใช้ CPU สูงจนระบบล่มได้ ✅ Django ปล่อยแพตช์ในหลายเวอร์ชัน ➡️ Django 5.2.8, 5.1.14, 4.2.26 และเวอร์ชันหลัก ➡️ พร้อม release notes สำหรับแต่ละเวอร์ชัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SQL Injection เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในเว็บแอป ➡️ Unicode normalization เป็นกระบวนการจัดรูปแบบตัวอักษรให้เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการเปรียบเทียบและ redirect ➡️ Django เป็นหนึ่งใน framework ที่นิยมใช้ในองค์กรและระบบ API ทั่วโลก https://securityonline.info/django-team-patches-high-severity-sql-injection-flaw-cve-2025-64459-and-dos-bug-cve-2025-64458-in-latest-security-update/
    SECURITYONLINE.INFO
    Django Team Patches High-Severity SQL Injection Flaw (CVE-2025-64459) and DoS Bug (CVE-2025-64458) in Latest Security Update
    Django released urgent patches (v5.2.8+) for a Critical SQL Injection flaw (CVE-2025-64459) affecting QuerySet methods via the _connector keyword, risking remote database compromise.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • “DragonForce Ransomware โจมตีโรงงาน – ขโมยข้อมูลผ่าน SSH ก่อนเข้ารหัสเรียกค่าไถ่”

    ลองจินตนาการว่าเครือข่ายของโรงงานคุณถูกแฮกโดยไม่รู้ตัว…ข้อมูลสำคัญถูกส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ในรัสเซีย แล้วไฟล์ทั้งหมดถูกเข้ารหัสพร้อมทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ไว้! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากการโจมตีของกลุ่ม DragonForce ซึ่งถูกเปิดโปงโดยบริษัท Darktrace

    DragonForce เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่เปิดให้แฮกเกอร์รายอื่นเช่าใช้แพลตฟอร์มโจมตี โดยมีส่วนแบ่งรายได้เพียง 20% เพื่อเน้นปริมาณการโจมตีมากกว่าความพิเศษเฉพาะกลุ่ม

    ในกรณีล่าสุด กลุ่มนี้ใช้เทคนิคหลายขั้นตอน เริ่มจากการสแกนเครือข่ายภายในและ brute-force รหัสผ่านผู้ดูแลระบบ จากนั้นแฝงตัวเงียบ ๆ ก่อนกลับมาอีกครั้งเพื่อขโมยข้อมูลผ่าน SSH ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในรัสเซีย และสุดท้ายเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมด พร้อมทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ชื่อ “readme.txt” ที่อ้างว่าเป็น DragonForce

    Darktrace พบว่าเครื่องที่ถูกโจมตีมีการเปลี่ยนค่า Registry เพื่อควบคุม WMI และ Task Scheduler เพื่อให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องโดยไม่ถูกตรวจจับ และยังพบการใช้เครื่องมือสแกนช่องโหว่อย่าง OpenVAS และ NetScan ในกระบวนการโจมตี

    DragonForce เป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service ที่เปิดให้เช่าโจมตี
    เริ่มต้นในปลายปี 2023 และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    มีส่วนแบ่งรายได้ต่ำเพียง 20% เพื่อดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก

    การโจมตีโรงงานล่าสุดมีหลายขั้นตอน
    เริ่มจากการสแกนเครือข่ายและ brute-force รหัสผ่าน
    ขโมยข้อมูลผ่าน SSH ไปยังเซิร์ฟเวอร์ Proton66 ในรัสเซีย
    เข้ารหัสไฟล์และทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ “readme.txt”

    Darktrace ตรวจพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ
    พบการเปลี่ยนค่า Registry ที่เกี่ยวข้องกับ WMI และ Task Scheduler
    พบการใช้ OpenVAS และ NetScan เพื่อสแกนช่องโหว่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RaaS เป็นโมเดลธุรกิจที่ทำให้แรนซัมแวร์แพร่หลายง่ายขึ้น
    การใช้ SSH ในการขโมยข้อมูลช่วยหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดี
    การเปลี่ยนค่า Registry เป็นเทคนิคที่ใช้เพื่อสร้าง persistence ในระบบ

    https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-strikes-manufacturing-sector-with-brute-force-exfiltrating-data-over-ssh-to-russian-host/
    🐉 “DragonForce Ransomware โจมตีโรงงาน – ขโมยข้อมูลผ่าน SSH ก่อนเข้ารหัสเรียกค่าไถ่” ลองจินตนาการว่าเครือข่ายของโรงงานคุณถูกแฮกโดยไม่รู้ตัว…ข้อมูลสำคัญถูกส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ในรัสเซีย แล้วไฟล์ทั้งหมดถูกเข้ารหัสพร้อมทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ไว้! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากการโจมตีของกลุ่ม DragonForce ซึ่งถูกเปิดโปงโดยบริษัท Darktrace DragonForce เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่เปิดให้แฮกเกอร์รายอื่นเช่าใช้แพลตฟอร์มโจมตี โดยมีส่วนแบ่งรายได้เพียง 20% เพื่อเน้นปริมาณการโจมตีมากกว่าความพิเศษเฉพาะกลุ่ม ในกรณีล่าสุด กลุ่มนี้ใช้เทคนิคหลายขั้นตอน เริ่มจากการสแกนเครือข่ายภายในและ brute-force รหัสผ่านผู้ดูแลระบบ จากนั้นแฝงตัวเงียบ ๆ ก่อนกลับมาอีกครั้งเพื่อขโมยข้อมูลผ่าน SSH ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในรัสเซีย และสุดท้ายเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมด พร้อมทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ชื่อ “readme.txt” ที่อ้างว่าเป็น DragonForce Darktrace พบว่าเครื่องที่ถูกโจมตีมีการเปลี่ยนค่า Registry เพื่อควบคุม WMI และ Task Scheduler เพื่อให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องโดยไม่ถูกตรวจจับ และยังพบการใช้เครื่องมือสแกนช่องโหว่อย่าง OpenVAS และ NetScan ในกระบวนการโจมตี ✅ DragonForce เป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service ที่เปิดให้เช่าโจมตี ➡️ เริ่มต้นในปลายปี 2023 และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ มีส่วนแบ่งรายได้ต่ำเพียง 20% เพื่อดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก ✅ การโจมตีโรงงานล่าสุดมีหลายขั้นตอน ➡️ เริ่มจากการสแกนเครือข่ายและ brute-force รหัสผ่าน ➡️ ขโมยข้อมูลผ่าน SSH ไปยังเซิร์ฟเวอร์ Proton66 ในรัสเซีย ➡️ เข้ารหัสไฟล์และทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ “readme.txt” ✅ Darktrace ตรวจพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ ➡️ พบการเปลี่ยนค่า Registry ที่เกี่ยวข้องกับ WMI และ Task Scheduler ➡️ พบการใช้ OpenVAS และ NetScan เพื่อสแกนช่องโหว่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RaaS เป็นโมเดลธุรกิจที่ทำให้แรนซัมแวร์แพร่หลายง่ายขึ้น ➡️ การใช้ SSH ในการขโมยข้อมูลช่วยหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดี ➡️ การเปลี่ยนค่า Registry เป็นเทคนิคที่ใช้เพื่อสร้าง persistence ในระบบ https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-strikes-manufacturing-sector-with-brute-force-exfiltrating-data-over-ssh-to-russian-host/
    SECURITYONLINE.INFO
    DragonForce Ransomware Strikes Manufacturing Sector with Brute-Force, Exfiltrating Data Over SSH to Russian Host
    Darktrace exposed a DragonForce RaaS attack on a manufacturer. The multi-phase intrusion used brute force and OpenVAS for recon, then exfiltrated data over SSH to a Russian-based malicious host.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังพิจารณา 3 แนวทางสำหรับโค่น นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ลงจากอำนาจ ในนั้นรวมถึงผ่านปฏิบัติการหนึ่งของหน่วยซีลแห่งนาวิกโยธินอเมริกา ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106283


    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังพิจารณา 3 แนวทางสำหรับโค่น นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ลงจากอำนาจ ในนั้นรวมถึงผ่านปฏิบัติการหนึ่งของหน่วยซีลแห่งนาวิกโยธินอเมริกา ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106283 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • “Windows 11 ทดสอบอัปเดตแบบไม่ต้องรีสตาร์ต – ก้าวใหม่ของการใช้งานที่ลื่นไหล”

    ลองจินตนาการว่า…คุณอัปเดต Windows เสร็จแล้วใช้งานต่อได้ทันที ไม่ต้องรอรีสตาร์ตเครื่องอีกต่อไป! Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทั่วโลก

    ในเวอร์ชันทดลองล่าสุดสำหรับผู้ใช้ในโปรแกรม Windows Insider — ทั้ง Dev Build และ Beta Build หมายเลข 26220.7052 — Microsoft ได้เปิดตัวการอัปเดตที่สามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องรีสตาร์ตเครื่องเลย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากระบบเดิมที่ต้องรีบูตทุกครั้งหลังอัปเดต

    แม้ว่าเวอร์ชันนี้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า Microsoft กำลังเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการอัปเดตที่ลื่นไหลในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ไม่ใช่แค่ในองค์กรเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Dev Channel จะกลายเป็นพื้นที่ทดสอบเฉพาะสำหรับ Windows 11 รุ่น 26H1 ที่ออกแบบมาเพื่อ AI PC ที่ใช้ชิป Snapdragon X2 โดยเฉพาะ ส่วนผู้ใช้ PC แบบ x86 ทั่วไปจะได้รับรุ่น 26H2 ในช่วงปลายปีหน้า

    Microsoft ทดสอบการอัปเดต Windows 11 แบบไม่ต้องรีสตาร์ต
    ใช้ได้ใน Dev Build และ Beta Build หมายเลข 26220.7052
    ติดตั้งและใช้งานต่อได้ทันทีหลังอัปเดต
    ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศอย่างเป็นทางการในเวอร์ชันนี้

    แนวคิดการอัปเดตแบบ “Hotpatch” เคยใช้ในองค์กร
    ลดจำนวนการรีสตาร์ตเหลือเพียง 4 ครั้งต่อปี
    ช่วยให้ระบบปลอดภัยโดยไม่รบกวนการทำงาน

    Dev Channel อาจกลายเป็นพื้นที่ทดสอบเฉพาะสำหรับ AI PC
    Windows 11 รุ่น 26H1 จะรองรับเฉพาะ Snapdragon X2
    รุ่น 26H2 สำหรับ x86 จะตามมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบอัปเดตแบบไม่ต้องรีสตาร์ตมีใช้ใน Linux มานาน เช่น “Livepatch” ของ Ubuntu
    การลดการรีสตาร์ตช่วยเพิ่ม uptime ของระบบ โดยเฉพาะในเซิร์ฟเวอร์และองค์กรขนาดใหญ่
    Microsoft อาจนำแนวคิดนี้มาใช้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต เพื่อประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น

    https://securityonline.info/the-restartless-update-microsoft-tests-unusual-windows-11-build-that-installs-without-a-reboot/
    🖥️ “Windows 11 ทดสอบอัปเดตแบบไม่ต้องรีสตาร์ต – ก้าวใหม่ของการใช้งานที่ลื่นไหล” ลองจินตนาการว่า…คุณอัปเดต Windows เสร็จแล้วใช้งานต่อได้ทันที ไม่ต้องรอรีสตาร์ตเครื่องอีกต่อไป! Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทั่วโลก ในเวอร์ชันทดลองล่าสุดสำหรับผู้ใช้ในโปรแกรม Windows Insider — ทั้ง Dev Build และ Beta Build หมายเลข 26220.7052 — Microsoft ได้เปิดตัวการอัปเดตที่สามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องรีสตาร์ตเครื่องเลย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากระบบเดิมที่ต้องรีบูตทุกครั้งหลังอัปเดต แม้ว่าเวอร์ชันนี้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า Microsoft กำลังเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการอัปเดตที่ลื่นไหลในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ไม่ใช่แค่ในองค์กรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Dev Channel จะกลายเป็นพื้นที่ทดสอบเฉพาะสำหรับ Windows 11 รุ่น 26H1 ที่ออกแบบมาเพื่อ AI PC ที่ใช้ชิป Snapdragon X2 โดยเฉพาะ ส่วนผู้ใช้ PC แบบ x86 ทั่วไปจะได้รับรุ่น 26H2 ในช่วงปลายปีหน้า ✅ Microsoft ทดสอบการอัปเดต Windows 11 แบบไม่ต้องรีสตาร์ต ➡️ ใช้ได้ใน Dev Build และ Beta Build หมายเลข 26220.7052 ➡️ ติดตั้งและใช้งานต่อได้ทันทีหลังอัปเดต ➡️ ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศอย่างเป็นทางการในเวอร์ชันนี้ ✅ แนวคิดการอัปเดตแบบ “Hotpatch” เคยใช้ในองค์กร ➡️ ลดจำนวนการรีสตาร์ตเหลือเพียง 4 ครั้งต่อปี ➡️ ช่วยให้ระบบปลอดภัยโดยไม่รบกวนการทำงาน ✅ Dev Channel อาจกลายเป็นพื้นที่ทดสอบเฉพาะสำหรับ AI PC ➡️ Windows 11 รุ่น 26H1 จะรองรับเฉพาะ Snapdragon X2 ➡️ รุ่น 26H2 สำหรับ x86 จะตามมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบอัปเดตแบบไม่ต้องรีสตาร์ตมีใช้ใน Linux มานาน เช่น “Livepatch” ของ Ubuntu ➡️ การลดการรีสตาร์ตช่วยเพิ่ม uptime ของระบบ โดยเฉพาะในเซิร์ฟเวอร์และองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ Microsoft อาจนำแนวคิดนี้มาใช้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต เพื่อประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น https://securityonline.info/the-restartless-update-microsoft-tests-unusual-windows-11-build-that-installs-without-a-reboot/
    SECURITYONLINE.INFO
    The Restartless Update: Microsoft Tests Unusual Windows 11 Build That Installs Without a Reboot
    Microsoft released an unusual Windows 11 Insider test build (26220.7052) that installs without requiring a system restart, hinting at future update process improvements.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
More Results