• เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526
    เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า เนื้อนิเกิ้ล รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า อาจารย์นองท่านปลุกเสก แจกตำรวจทหารพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2526 เหรียญมีประสบการณ์มาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** หลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น จัดสร้างและทำพิธีปลุกเษก ในวันเสาร์ห้า ปี2526 ที่วัดช้างให้ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมี "พระอาจารย์นอง" วัดทรายขาว จ.ปัตตานี รวมถึงพระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวดทั้งหมดในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงในสมัยนั้นร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก นำมาแจกจ่ายแก่ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไว้เป็นที่ระลึก ประสบการณ์ ทุกคนที่มีเหรียญหลวงพ่อทวดติดตัวบูชา สม่ำเสมอ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของตนและครอบครัว **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า เนื้อนิเกิ้ล รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า อาจารย์นองท่านปลุกเสก แจกตำรวจทหารพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2526 เหรียญมีประสบการณ์มาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** หลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น จัดสร้างและทำพิธีปลุกเษก ในวันเสาร์ห้า ปี2526 ที่วัดช้างให้ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมี "พระอาจารย์นอง" วัดทรายขาว จ.ปัตตานี รวมถึงพระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวดทั้งหมดในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงในสมัยนั้นร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก นำมาแจกจ่ายแก่ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไว้เป็นที่ระลึก ประสบการณ์ ทุกคนที่มีเหรียญหลวงพ่อทวดติดตัวบูชา สม่ำเสมอ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของตนและครอบครัว ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526
    เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า เนื้อนิเกิ้ล รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า อาจารย์นองท่านปลุกเสก แจกตำรวจทหารพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2526 เหรียญมีประสบการณ์มาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** หลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น จัดสร้างและทำพิธีปลุกเษก ในวันเสาร์ห้า ปี2526 ที่วัดช้างให้ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมี "พระอาจารย์นอง" วัดทรายขาว จ.ปัตตานี รวมถึงพระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวดทั้งหมดในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงในสมัยนั้นร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก นำมาแจกจ่ายแก่ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไว้เป็นที่ระลึก ประสบการณ์ ทุกคนที่มีเหรียญหลวงพ่อทวดติดตัวบูชา สม่ำเสมอ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของตนและครอบครัว **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 เหรียญหลวงพ่อทวด เสาร์ห้า เนื้อนิเกิ้ล รุ่นใต้ร่มเย็น วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2526 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพิธีเสาร์ห้า อาจารย์นองท่านปลุกเสก แจกตำรวจทหารพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2526 เหรียญมีประสบการณ์มาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** หลวงพ่อทวด รุ่นใต้ร่มเย็น จัดสร้างและทำพิธีปลุกเษก ในวันเสาร์ห้า ปี2526 ที่วัดช้างให้ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมี "พระอาจารย์นอง" วัดทรายขาว จ.ปัตตานี รวมถึงพระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวดทั้งหมดในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงในสมัยนั้นร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก นำมาแจกจ่ายแก่ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไว้เป็นที่ระลึก ประสบการณ์ ทุกคนที่มีเหรียญหลวงพ่อทวดติดตัวบูชา สม่ำเสมอ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของตนและครอบครัว ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! F-16 และ Gripen ทิ้งไข่ซ้ำ บ่อนคาสิโนพื้นที่โอร์เสม็ด 10/12/68 #F-16 #Gripen #บ่อนคาสิโน #โอร์เสม็ด #TruthFromThailand #SaveThailand
    ด่วน!! F-16 และ Gripen ทิ้งไข่ซ้ำ บ่อนคาสิโนพื้นที่โอร์เสม็ด 10/12/68 #F-16 #Gripen #บ่อนคาสิโน #โอร์เสม็ด #TruthFromThailand #SaveThailand
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มีคนเค้ารวบรวมเอาไว้ 13 ข้อผิดพลาด พิธีเปิด SEA Games 2025 แต่รมต.ยังหวังจะกู้หน้าจากพิธีปิด

    1.โดรนแปรอักษรที่ขึ้นตัวเลขผิด พิธีกรพูดเลข574 โดรนเขียน547

    2.VTR ที่ขึ้นธงชาติผิดประเทศ

    3.คอนเสิร์ตวีวิโอเลต ที่เสียงร้องกับเสียงดนตรีไม่ซิงค์กัน

    4.โชว์ระบำใต้น้ำที่ขนาดเป็นเทปบันทึกภาพแล้วยังเต้นไม่พร้อมกัน และผมเผ้าหลุดรุ่ยเปียกน้ำ

    5.โชว์ระบำ11ชาติที่กล้องไม่โคสอัพเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆขยับไปขยับมา

    6.โชว์ต่อยมวยในกล่องLED สี่เหลี่ยมที่ไฟติดบ้างไม่ติดบ้าง

    7.โชว์เจ็ทสกีที่คนขับตกน้ำ

    8.คอนเสิร์ตแบมแบมที่มีจำนวนแดนเซอร์จุ๋มจิ๋มแบบน่ารักๆ

    9.การประกาศเข้าสนามแบบไม่รอคนเดิน แบบประกาศชื่อประเทศนำล่วงหน้า

    10.สต้าฟวิ่งตัดกล้องถ่ายทอดสดวุ่นวายไปหมด

    11.การกล่าวปฏิญาณตนที่น้องนักกีฬาผู้ชายจำมาครึ่งเดียว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่น้องผู้หญิงกล่าว

    12.การวิ่งคบเพลิงที่กล้องวิ่งตามและสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง

    13.ซีนจุดคบเพลิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แบบจุดเสร็จตามมาด้วยเสียงจิ้งหรีดจิ้ด จิ้ด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    มีคนเค้ารวบรวมเอาไว้ 13 ข้อผิดพลาด พิธีเปิด SEA Games 2025 แต่รมต.ยังหวังจะกู้หน้าจากพิธีปิด 1.โดรนแปรอักษรที่ขึ้นตัวเลขผิด พิธีกรพูดเลข574 โดรนเขียน547 2.VTR ที่ขึ้นธงชาติผิดประเทศ 3.คอนเสิร์ตวีวิโอเลต ที่เสียงร้องกับเสียงดนตรีไม่ซิงค์กัน 4.โชว์ระบำใต้น้ำที่ขนาดเป็นเทปบันทึกภาพแล้วยังเต้นไม่พร้อมกัน และผมเผ้าหลุดรุ่ยเปียกน้ำ 5.โชว์ระบำ11ชาติที่กล้องไม่โคสอัพเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆขยับไปขยับมา 6.โชว์ต่อยมวยในกล่องLED สี่เหลี่ยมที่ไฟติดบ้างไม่ติดบ้าง 7.โชว์เจ็ทสกีที่คนขับตกน้ำ 8.คอนเสิร์ตแบมแบมที่มีจำนวนแดนเซอร์จุ๋มจิ๋มแบบน่ารักๆ 9.การประกาศเข้าสนามแบบไม่รอคนเดิน แบบประกาศชื่อประเทศนำล่วงหน้า 10.สต้าฟวิ่งตัดกล้องถ่ายทอดสดวุ่นวายไปหมด 11.การกล่าวปฏิญาณตนที่น้องนักกีฬาผู้ชายจำมาครึ่งเดียว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่น้องผู้หญิงกล่าว 12.การวิ่งคบเพลิงที่กล้องวิ่งตามและสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง 13.ซีนจุดคบเพลิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แบบจุดเสร็จตามมาด้วยเสียงจิ้งหรีดจิ้ด จิ้ด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชายืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 ในวันพุธ (10 ธ.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมต่อโทรศัพท์คุยผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง หลังจากที่เคยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหยุดยิงในเดือน ก.ค. ซึ่งช่วยยุติการสู้รบนาน 5 วันระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118589

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    การปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชายืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 ในวันพุธ (10 ธ.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมต่อโทรศัพท์คุยผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง หลังจากที่เคยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหยุดยิงในเดือน ก.ค. ซึ่งช่วยยุติการสู้รบนาน 5 วันระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118589 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 10 ธ.ค.68 รายงานข่าวจากกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) เปิดเผยว่าได้ตรวจพบการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะปืนใหญ่สนามที่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยไทย เพื่อเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงและการเสริมกำลังของกัมพูชา ทาง กปช.จต.จำเป็นต้องทำการทำลายสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ เพื่อตัดเส้นทางการบำรุง
    .
    โดยขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อพยพออกจากบริเวณสะพานภายใน 3 ชั่วโมง และต้องออกจากบริเวณสะพานเกินรัศมี 1.5 กิโลเมตร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118585

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 10 ธ.ค.68 รายงานข่าวจากกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) เปิดเผยว่าได้ตรวจพบการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะปืนใหญ่สนามที่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยไทย เพื่อเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงและการเสริมกำลังของกัมพูชา ทาง กปช.จต.จำเป็นต้องทำการทำลายสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ เพื่อตัดเส้นทางการบำรุง . โดยขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสะพาน “จัยจุมเนี้ยะ” อพยพออกจากบริเวณสะพานภายใน 3 ชั่วโมง และต้องออกจากบริเวณสะพานเกินรัศมี 1.5 กิโลเมตร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118585 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 10 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์พร้อมใจร่วมไว้อาลัย และสดุดีทหารกล้าคนที่ 5 "พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลา ชัย" สังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ พลีชีพเพื่อชาติ ในสมรภูมิปราสาทคนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา
    .
    โดยมีรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ไทย สูญเสียกำลังพลทหารกล้ารายที่ 5 คือ "พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย" อายุ 20 ปี สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3) ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมืองจ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นลูกหลานชาวอีสานจากบ้านภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สละชีวิตปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิปราสาทคนาอย่างห้าวหาญ เสียชีวิตหลังถูกสะเก็ดระเบิดจาก BM-21 ของกัมพูชา ขณะกำลังรักษาตัวที่รพ.พนมดงรัก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118553

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันที่ 10 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์พร้อมใจร่วมไว้อาลัย และสดุดีทหารกล้าคนที่ 5 "พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลา ชัย" สังกัด ร.23 พัน.3 กองพันสุรินทร์ พลีชีพเพื่อชาติ ในสมรภูมิปราสาทคนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา . โดยมีรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ไทย สูญเสียกำลังพลทหารกล้ารายที่ 5 คือ "พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย" อายุ 20 ปี สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3) ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมืองจ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นลูกหลานชาวอีสานจากบ้านภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สละชีวิตปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิปราสาทคนาอย่างห้าวหาญ เสียชีวิตหลังถูกสะเก็ดระเบิดจาก BM-21 ของกัมพูชา ขณะกำลังรักษาตัวที่รพ.พนมดงรัก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118553 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้(10 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.18 น. เพจ กองทัพภาคที่ 2 #รายงานสถานการณ์สู้รบในพื้นที่ 10 ธ.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 05.20 น. ถึงเวลานี้
    .
    **** จ.บุรีรัมย์ จำนวน 1 แนวรบหลัก :
    1. แนวรบช่องสายตะกู : เริ่มมีการปะทะกัน /ยังไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย/ เหตุการณ์ยังไม่ยุติ
    .
    **** จ.สุรินทร์ จำนวน 5 แนวรบหลัก :
    1. แนวรบช่องจอม-ช่องเปรอ-ช่องระยี : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    2. แนวรบปราสาทคนา : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    3. แนวรบปราสาทตาควาย : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    4. แนวรบช่องกร่าง : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    5. แนวรบปราสาทตาเมือนธม : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    .
    **** จ.ศรีสะเกษ จำนวน 4 แนวรบหลัก
    1. แนวรบพระวิหาร (ช่องซำแต-โดนตวล-ภูผี-สัตตะโสม-พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า) : มีการปะทะเป็นระยะด้วย / ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    2. แนวรบพระวิหาร (ปราสาทพระวิหาร-ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย) : มีการปะทะเป็นระยะ ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    3. แนวรบภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน : มีการปะทะเป็นระยะ ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    4. แนวรบช่องสะงำ : ยังไม่ได้รับรายงานการปะทะ
    .
    **** จ.อุบลราชธานี จำนวน 2 แนวรบหลัก
    1. แนวรบช่องบก : มีการปะทะเป็นระยะ /ไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    2. แนวรบช่องอานม้า : มีการปะทะเป็นระยะ / ยังไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118572

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันนี้(10 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.18 น. เพจ กองทัพภาคที่ 2 #รายงานสถานการณ์สู้รบในพื้นที่ 10 ธ.ค. 68 ตั้งแต่เวลา 05.20 น. ถึงเวลานี้ . **** จ.บุรีรัมย์ จำนวน 1 แนวรบหลัก : 1. แนวรบช่องสายตะกู : เริ่มมีการปะทะกัน /ยังไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย/ เหตุการณ์ยังไม่ยุติ . **** จ.สุรินทร์ จำนวน 5 แนวรบหลัก : 1. แนวรบช่องจอม-ช่องเปรอ-ช่องระยี : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 2. แนวรบปราสาทคนา : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 3. แนวรบปราสาทตาควาย : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 4. แนวรบช่องกร่าง : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 5. แนวรบปราสาทตาเมือนธม : มีการยิงเป็นระยะ / ยังไม่ปรากฏการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ . **** จ.ศรีสะเกษ จำนวน 4 แนวรบหลัก 1. แนวรบพระวิหาร (ช่องซำแต-โดนตวล-ภูผี-สัตตะโสม-พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า) : มีการปะทะเป็นระยะด้วย / ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 2. แนวรบพระวิหาร (ปราสาทพระวิหาร-ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย) : มีการปะทะเป็นระยะ ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 3. แนวรบภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน : มีการปะทะเป็นระยะ ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 4. แนวรบช่องสะงำ : ยังไม่ได้รับรายงานการปะทะ . **** จ.อุบลราชธานี จำนวน 2 แนวรบหลัก 1. แนวรบช่องบก : มีการปะทะเป็นระยะ /ไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ 2. แนวรบช่องอานม้า : มีการปะทะเป็นระยะ / ยังไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย / ยังไม่ยุติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118572 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Exynos 2600 เปิดตัวเฉพาะในเกาหลีใต้"

    Samsung เตรียมเปิดตัว Exynos 2600 ในเดือนมกราคม 2026 โดยจะใช้เฉพาะในรุ่น Galaxy S26 non-Ultra ในตลาดเกาหลีใต้ . การตัดสินใจนี้เกิดจากปัญหา yield ที่ยังไม่เสถียร และข้อตกลงกับ Qualcomm ที่ครองส่วนแบ่งชิป Snapdragon ใน Galaxy S26 ถึง 75%

    เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ
    Exynos 2600 ผลิตด้วยกระบวนการ 2nm GAA (Gate-All-Around) ของ Samsung ซึ่งให้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านพลังงานดีกว่ารุ่น 3nm เดิม . ฟีเจอร์เด่นคือ Heat Pass Block (HPB) ที่ช่วยจัดการความร้อน . ผลทดสอบ Geekbench 6 ล่าสุดเผยว่า Exynos 2600 ทำคะแนน 3,455 (single-core) และ 11,621 (multi-core) โดยมีคอร์สูงสุดที่ความเร็ว 3.8 GHz

    ปัญหาและข้อจำกัด
    แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้น แต่ Samsung ยังต้องเผชิญกับ ปัญหาภาพลักษณ์ของ Exynos ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและประสิทธิภาพด้อยกว่า Snapdragon นอกจากนี้ ข้อตกลงกับ Qualcomm ทำให้ Samsung ต้องจำกัดการใช้ Exynos 2600 เฉพาะตลาดในประเทศ เพื่อไม่กระทบยอดขายระดับโลกของ Galaxy S26

    มุมมองตลาด
    การเปิดตัว Exynos 2600 เฉพาะในเกาหลีใต้สะท้อนถึงกลยุทธ์ระมัดระวังของ Samsung ที่ต้องการทดสอบตลาดก่อน หากผลตอบรับดี อาจขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่นหรือภูมิภาคอื่นในอนาคต . อย่างไรก็ตาม Qualcomm ยังคงครองตลาดโลกด้วย Snapdragon ทำให้ Exynos ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อกลับมาแข่งขัน .

    สรุปสาระสำคัญ
    Exynos 2600 เปิดตัวในเกาหลีใต้เท่านั้น
    ใช้ใน Galaxy S26 non-Ultra รุ่นท้องถิ่น

    เทคโนโลยีใหม่ 2nm GAA
    ประสิทธิภาพสูงขึ้น, ฟีเจอร์ Heat Pass Block, คะแนน Geekbench 3,455/11,621

    ข้อตกลงกับ Qualcomm
    Snapdragon ครอง 75% ของ Galaxy S26 ทำให้ Exynos ถูกจำกัดตลาด

    คำเตือนด้านภาพลักษณ์
    Exynos เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและด้อยกว่า Snapdragon

    คำเตือนด้านการผลิต
    Yield ยังไม่เสถียร อาจกระทบต่อการผลิตจำนวนมาก

    https://wccftech.com/samsungs-exynos-2600-chip-to-debut-only-in-its-home-market/
    📱 "Exynos 2600 เปิดตัวเฉพาะในเกาหลีใต้" Samsung เตรียมเปิดตัว Exynos 2600 ในเดือนมกราคม 2026 โดยจะใช้เฉพาะในรุ่น Galaxy S26 non-Ultra ในตลาดเกาหลีใต้ . การตัดสินใจนี้เกิดจากปัญหา yield ที่ยังไม่เสถียร และข้อตกลงกับ Qualcomm ที่ครองส่วนแบ่งชิป Snapdragon ใน Galaxy S26 ถึง 75% ⚡ เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ Exynos 2600 ผลิตด้วยกระบวนการ 2nm GAA (Gate-All-Around) ของ Samsung ซึ่งให้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านพลังงานดีกว่ารุ่น 3nm เดิม . ฟีเจอร์เด่นคือ Heat Pass Block (HPB) ที่ช่วยจัดการความร้อน . ผลทดสอบ Geekbench 6 ล่าสุดเผยว่า Exynos 2600 ทำคะแนน 3,455 (single-core) และ 11,621 (multi-core) โดยมีคอร์สูงสุดที่ความเร็ว 3.8 GHz 🔧 ปัญหาและข้อจำกัด แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้น แต่ Samsung ยังต้องเผชิญกับ ปัญหาภาพลักษณ์ของ Exynos ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและประสิทธิภาพด้อยกว่า Snapdragon นอกจากนี้ ข้อตกลงกับ Qualcomm ทำให้ Samsung ต้องจำกัดการใช้ Exynos 2600 เฉพาะตลาดในประเทศ เพื่อไม่กระทบยอดขายระดับโลกของ Galaxy S26 🌍 มุมมองตลาด การเปิดตัว Exynos 2600 เฉพาะในเกาหลีใต้สะท้อนถึงกลยุทธ์ระมัดระวังของ Samsung ที่ต้องการทดสอบตลาดก่อน หากผลตอบรับดี อาจขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่นหรือภูมิภาคอื่นในอนาคต . อย่างไรก็ตาม Qualcomm ยังคงครองตลาดโลกด้วย Snapdragon ทำให้ Exynos ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อกลับมาแข่งขัน . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Exynos 2600 เปิดตัวในเกาหลีใต้เท่านั้น ➡️ ใช้ใน Galaxy S26 non-Ultra รุ่นท้องถิ่น ✅ เทคโนโลยีใหม่ 2nm GAA ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้น, ฟีเจอร์ Heat Pass Block, คะแนน Geekbench 3,455/11,621 ✅ ข้อตกลงกับ Qualcomm ➡️ Snapdragon ครอง 75% ของ Galaxy S26 ทำให้ Exynos ถูกจำกัดตลาด ‼️ คำเตือนด้านภาพลักษณ์ ⛔ Exynos เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและด้อยกว่า Snapdragon ‼️ คำเตือนด้านการผลิต ⛔ Yield ยังไม่เสถียร อาจกระทบต่อการผลิตจำนวนมาก https://wccftech.com/samsungs-exynos-2600-chip-to-debut-only-in-its-home-market/
    WCCFTECH.COM
    Exynos 2600: Samsung's New Chip Is Korea-Only
    Samsung's Exynos 2600 deployment is now being limited to South Korea, owing to lingering yield issues and existing contracts with Qualcomm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded Zen 5 CPUs"

    AMD เปิดตัวซีรีส์ EPYC 2005 Embedded ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 โดยมีจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ และค่า TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 45–75W . จุดเด่นคือการออกแบบแบบ BGA (Ball Grid Array) ขนาด 40×40 มม. ซึ่งเล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความหนาแน่นสูงและการจัดการพลังงานที่ดี .

    ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ
    ชิป EPYC 2005 มาพร้อม L3 cache 64MB, ความเร็วบูสต์สูงขึ้นถึง 28% และความเร็วฐานสูงขึ้น 35% เมื่อเทียบกับ Xeon 6503P-B แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว . รองรับ PCIe Gen5 28 lanes และ DDR5 memory เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และรองรับการอัปเกรดในอนาคต .

    การใช้งานในระบบ Embedded
    AMD ระบุว่า CPU รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบที่ต้องทำงานต่อเนื่อง เช่น networking switches, routers, cold cloud storage, aerospace และ robotics . จุดขายคือความทนทาน, ความปลอดภัย, และการรองรับการทำงานระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่จำกัดพลังงาน .

    มุมมองตลาด
    การเปิดตัว EPYC 2005 แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังรุกตลาด embedded infrastructure อย่างจริงจัง เพื่อแข่งขันกับ Intel Xeon Embedded series . ด้วยการผสมผสานระหว่าง ประสิทธิภาพสูง, ขนาดเล็ก, และการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ EPYC 2005 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนระบบและเพิ่มความหนาแน่นของการประมวลผล .

    สรุปสาระสำคัญ
    AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded CPUs
    ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5, สูงสุด 16 คอร์, TDP 45–75W

    การออกแบบ BGA ขนาดเล็ก
    40×40 มม. เล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า

    ประสิทธิภาพสูงกว่า Xeon
    ความเร็วบูสต์ +28%, ความเร็วฐาน +35%, ใช้พลังงานครึ่งเดียว

    รองรับการเชื่อมต่อใหม่
    PCIe Gen5 28 lanes, DDR5 memory

    การใช้งานในระบบ Embedded
    เหมาะกับ networking, storage, aerospace, robotics

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    ตลาด embedded มีคู่แข่งอย่าง Intel Xeon ที่ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว

    คำเตือนด้านการนำไปใช้งาน
    ต้องการการออกแบบระบบที่รองรับ BGA และการจัดการความร้อนที่ดี

    https://wccftech.com/amd-launches-epyc-2005-zen-5-cpus-up-to-16-cores-45-75w-tdp-higher-clocks/
    🖥️ "AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded Zen 5 CPUs" AMD เปิดตัวซีรีส์ EPYC 2005 Embedded ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 โดยมีจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ และค่า TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 45–75W . จุดเด่นคือการออกแบบแบบ BGA (Ball Grid Array) ขนาด 40×40 มม. ซึ่งเล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความหนาแน่นสูงและการจัดการพลังงานที่ดี . ⚡ ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ ชิป EPYC 2005 มาพร้อม L3 cache 64MB, ความเร็วบูสต์สูงขึ้นถึง 28% และความเร็วฐานสูงขึ้น 35% เมื่อเทียบกับ Xeon 6503P-B แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว . รองรับ PCIe Gen5 28 lanes และ DDR5 memory เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และรองรับการอัปเกรดในอนาคต . 🔧 การใช้งานในระบบ Embedded AMD ระบุว่า CPU รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบที่ต้องทำงานต่อเนื่อง เช่น networking switches, routers, cold cloud storage, aerospace และ robotics . จุดขายคือความทนทาน, ความปลอดภัย, และการรองรับการทำงานระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่จำกัดพลังงาน . 🌍 มุมมองตลาด การเปิดตัว EPYC 2005 แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังรุกตลาด embedded infrastructure อย่างจริงจัง เพื่อแข่งขันกับ Intel Xeon Embedded series . ด้วยการผสมผสานระหว่าง ประสิทธิภาพสูง, ขนาดเล็ก, และการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ EPYC 2005 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนระบบและเพิ่มความหนาแน่นของการประมวลผล . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded CPUs ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5, สูงสุด 16 คอร์, TDP 45–75W ✅ การออกแบบ BGA ขนาดเล็ก ➡️ 40×40 มม. เล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Xeon ➡️ ความเร็วบูสต์ +28%, ความเร็วฐาน +35%, ใช้พลังงานครึ่งเดียว ✅ รองรับการเชื่อมต่อใหม่ ➡️ PCIe Gen5 28 lanes, DDR5 memory ✅ การใช้งานในระบบ Embedded ➡️ เหมาะกับ networking, storage, aerospace, robotics ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ ตลาด embedded มีคู่แข่งอย่าง Intel Xeon ที่ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว ‼️ คำเตือนด้านการนำไปใช้งาน ⛔ ต้องการการออกแบบระบบที่รองรับ BGA และการจัดการความร้อนที่ดี https://wccftech.com/amd-launches-epyc-2005-zen-5-cpus-up-to-16-cores-45-75w-tdp-higher-clocks/
    WCCFTECH.COM
    AMD Launches EPYC 2005 "Zen 5" CPUs: Up To 16 Cores, 45-75W TDPs, Higher Clock Speeds Vs Competing Intel Xeon Embedded Chips
    AMD has introduced its latest EPYC 2005 Embedded "Zen 5" CPU lineup, featuring up to 16 cores and 45-75W TDP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Biwin CL100 Mini SSD เปิดตัวในราคาเริ่มต้น $85"

    Biwin ผู้ผลิต SSD และหน่วยความจำจากจีน เปิดตัว CL100 Mini SSD ที่มีขนาดเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. เล็กเท่ากับเหรียญหรือการ์ด microSD แต่ให้ความเร็วอ่านสูงสุดถึง 3700 MB/s และเขียนสูงสุด 3400 MB/s . ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 599 หยวน (~$85) สำหรับรุ่น 512GB และมีรุ่น 1TB และ 2TB ให้เลือก .

    เทคโนโลยีและคุณสมบัติเด่น
    CL100 ใช้ PCIe 4×2 interface และ NVMe 1.4 protocol พร้อมเทคโนโลยี LGA packaging ที่รวมคอนโทรลเลอร์และแฟลชเข้าด้วยกันในขนาดเล็กมาก . นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dynamic SLC cache, Wear leveling, TRIM, Garbage collection และ Intelligent thermal throttling เพื่อรักษาประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน .

    ความทนทานและการใช้งาน
    SSD รุ่นนี้มาพร้อมมาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และทนการตกจากความสูง 3 เมตร . Biwin ยังเปิดตัว RD510 USB4 reader ที่สามารถแปลง CL100 ให้เป็น NVMe external drive สำหรับโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และกล้อง . ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วสูงในอุปกรณ์พกพา .

    มุมมองตลาด
    การเปิดตัว CL100 สะท้อนถึงแนวโน้มการพัฒนา SSD ขนาดเล็กแต่แรง เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI และการประมวลผลหนักในอุปกรณ์พกพา . แม้ราคาจะสูงกว่า microSD card แต่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าหลายเท่าทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความทนทาน .

    สรุปสาระสำคัญ
    Biwin CL100 Mini SSD เปิดตัว
    ขนาดเล็กเท่าเหรียญ ความเร็วอ่าน 3700 MB/s เขียน 3400 MB/s

    ราคาและรุ่นที่จำหน่าย
    512GB ราคา ~$85, 1TB ~$156, 2TB ~$311

    เทคโนโลยีภายใน
    PCIe 4×2, NVMe 1.4, LGA packaging, SLC cache, TRIM, thermal throttling

    ความทนทานสูง
    IP68 กันน้ำกันฝุ่น, ทนตก 3 เมตร

    การใช้งานหลากหลาย
    ใช้กับ RD510 USB4 reader เพื่อเป็น external NVMe drive

    คำเตือนด้านราคา
    แม้เริ่มต้น $85 แต่แพงกว่าหน่วยความจำแบบ microSD หลายเท่า

    คำเตือนด้านการรองรับ
    ต้องใช้ RD510 reader หรืออุปกรณ์ที่รองรับ PCIe/NVMe เท่านั้น

    https://wccftech.com/biwins-cl100-mini-ssd-the-coin-sized-ssd-that-starts-retailing-for-85/
    💾 "Biwin CL100 Mini SSD เปิดตัวในราคาเริ่มต้น $85" Biwin ผู้ผลิต SSD และหน่วยความจำจากจีน เปิดตัว CL100 Mini SSD ที่มีขนาดเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. เล็กเท่ากับเหรียญหรือการ์ด microSD แต่ให้ความเร็วอ่านสูงสุดถึง 3700 MB/s และเขียนสูงสุด 3400 MB/s . ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 599 หยวน (~$85) สำหรับรุ่น 512GB และมีรุ่น 1TB และ 2TB ให้เลือก . ⚡ เทคโนโลยีและคุณสมบัติเด่น CL100 ใช้ PCIe 4×2 interface และ NVMe 1.4 protocol พร้อมเทคโนโลยี LGA packaging ที่รวมคอนโทรลเลอร์และแฟลชเข้าด้วยกันในขนาดเล็กมาก . นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dynamic SLC cache, Wear leveling, TRIM, Garbage collection และ Intelligent thermal throttling เพื่อรักษาประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน . 🛡️ ความทนทานและการใช้งาน SSD รุ่นนี้มาพร้อมมาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และทนการตกจากความสูง 3 เมตร . Biwin ยังเปิดตัว RD510 USB4 reader ที่สามารถแปลง CL100 ให้เป็น NVMe external drive สำหรับโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และกล้อง . ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วสูงในอุปกรณ์พกพา . 🌍 มุมมองตลาด การเปิดตัว CL100 สะท้อนถึงแนวโน้มการพัฒนา SSD ขนาดเล็กแต่แรง เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI และการประมวลผลหนักในอุปกรณ์พกพา . แม้ราคาจะสูงกว่า microSD card แต่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าหลายเท่าทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความทนทาน . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Biwin CL100 Mini SSD เปิดตัว ➡️ ขนาดเล็กเท่าเหรียญ ความเร็วอ่าน 3700 MB/s เขียน 3400 MB/s ✅ ราคาและรุ่นที่จำหน่าย ➡️ 512GB ราคา ~$85, 1TB ~$156, 2TB ~$311 ✅ เทคโนโลยีภายใน ➡️ PCIe 4×2, NVMe 1.4, LGA packaging, SLC cache, TRIM, thermal throttling ✅ ความทนทานสูง ➡️ IP68 กันน้ำกันฝุ่น, ทนตก 3 เมตร ✅ การใช้งานหลากหลาย ➡️ ใช้กับ RD510 USB4 reader เพื่อเป็น external NVMe drive ‼️ คำเตือนด้านราคา ⛔ แม้เริ่มต้น $85 แต่แพงกว่าหน่วยความจำแบบ microSD หลายเท่า ‼️ คำเตือนด้านการรองรับ ⛔ ต้องใช้ RD510 reader หรืออุปกรณ์ที่รองรับ PCIe/NVMe เท่านั้น https://wccftech.com/biwins-cl100-mini-ssd-the-coin-sized-ssd-that-starts-retailing-for-85/
    WCCFTECH.COM
    Coin-Sized SSD: Biwin's CL100 Mini SSD Starts At Just $85 For Extreme Portability
    Biwin has just unveiled the CL100 Mini SSD, a coin-sized Solid-State Drive that punches well above its weight.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Intel Core Ultra X9 388H โผล่ผลทดสอบ Geekbench"

    ชิป Intel Core Ultra X9 388H จากสถาปัตยกรรม Panther Lake ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยทำคะแนน 3,057 คะแนนใน single-core และ 17,687 คะแนนใน multi-core . ผลลัพธ์นี้ทำให้มันเหนือกว่า Arrow Lake-H Core Ultra 9 285H และใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 275HX ที่มีจำนวนคอร์มากกว่า .

    เทียบกับ AMD Ryzen AI Max+ 395
    เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำได้ 2,792 คะแนนใน single-core และ 17,669 คะแนนใน multi-core พบว่า X9 388H เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core . จุดเด่นคือการบูสต์ความเร็วได้ถึง 5.1 GHz แม้จะมีค่า TDP เพียง 45W ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่ 55W .

    สเปกและการออกแบบ
    Core Ultra X9 388H มาพร้อมการออกแบบ 16 คอร์ (4P + 8E + 4 LP-E) โดยไม่มี Hyper-Threading และใช้ GPU แบบ Xe3 iGPU 12 คอร์ . นี่ถือเป็นรุ่นสูงสุดที่รั่วไหลออกมาจาก Panther Lake ในตอนนี้ และถูกมองว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา .

    มุมมองตลาดและความท้าทาย
    แม้ผลทดสอบจะน่าประทับใจ แต่ตลาดยังคงกังวลเรื่อง ราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูง ซึ่งอาจทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้ Panther Lake มีราคาสูงตามไปด้วย . Intel คาดว่าจะเปิดตัว Panther Lake อย่างเป็นทางการในปี 2026 และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ AMD Strix Halo และ Ryzen AI Max series .

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลทดสอบ Geekbench รั่วไหล
    Core Ultra X9 388H ทำได้ 3,057 (SC) และ 17,687 (MC)

    เหนือกว่า AMD Ryzen AI Max+ 395
    เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core

    สเปกที่โดดเด่น
    16 คอร์ (4P+8E+4LP-E), บูสต์ 5.1 GHz, Xe3 iGPU 12 คอร์

    TDP ต่ำกว่า
    45W เทียบกับ Ryzen AI Max+ 395 ที่ 55W

    คำเตือนด้านราคาโน้ตบุ๊ก
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งสูงอาจทำให้เครื่องแพงขึ้น

    คำเตือนด้านความเสถียรของผลทดสอบ
    Geekbench เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ต้องรอผล benchmark เพิ่มเติมเพื่อยืนยัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-core-ultra-x9-388h-is-up-to-8-7-percent-faster-for-1t-perf-than-ryzen-ai-max-395-panther-lake-gains-significant-ground-on-strix-halo-in-early-geekbench-leak
    🖥️ "Intel Core Ultra X9 388H โผล่ผลทดสอบ Geekbench" ชิป Intel Core Ultra X9 388H จากสถาปัตยกรรม Panther Lake ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยทำคะแนน 3,057 คะแนนใน single-core และ 17,687 คะแนนใน multi-core . ผลลัพธ์นี้ทำให้มันเหนือกว่า Arrow Lake-H Core Ultra 9 285H และใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 275HX ที่มีจำนวนคอร์มากกว่า . ⚡ เทียบกับ AMD Ryzen AI Max+ 395 เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำได้ 2,792 คะแนนใน single-core และ 17,669 คะแนนใน multi-core พบว่า X9 388H เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core . จุดเด่นคือการบูสต์ความเร็วได้ถึง 5.1 GHz แม้จะมีค่า TDP เพียง 45W ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่ 55W . 🔧 สเปกและการออกแบบ Core Ultra X9 388H มาพร้อมการออกแบบ 16 คอร์ (4P + 8E + 4 LP-E) โดยไม่มี Hyper-Threading และใช้ GPU แบบ Xe3 iGPU 12 คอร์ . นี่ถือเป็นรุ่นสูงสุดที่รั่วไหลออกมาจาก Panther Lake ในตอนนี้ และถูกมองว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา . 🌍 มุมมองตลาดและความท้าทาย แม้ผลทดสอบจะน่าประทับใจ แต่ตลาดยังคงกังวลเรื่อง ราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูง ซึ่งอาจทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้ Panther Lake มีราคาสูงตามไปด้วย . Intel คาดว่าจะเปิดตัว Panther Lake อย่างเป็นทางการในปี 2026 และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ AMD Strix Halo และ Ryzen AI Max series . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลทดสอบ Geekbench รั่วไหล ➡️ Core Ultra X9 388H ทำได้ 3,057 (SC) และ 17,687 (MC) ✅ เหนือกว่า AMD Ryzen AI Max+ 395 ➡️ เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core ✅ สเปกที่โดดเด่น ➡️ 16 คอร์ (4P+8E+4LP-E), บูสต์ 5.1 GHz, Xe3 iGPU 12 คอร์ ✅ TDP ต่ำกว่า ➡️ 45W เทียบกับ Ryzen AI Max+ 395 ที่ 55W ‼️ คำเตือนด้านราคาโน้ตบุ๊ก ⛔ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งสูงอาจทำให้เครื่องแพงขึ้น ‼️ คำเตือนด้านความเสถียรของผลทดสอบ ⛔ Geekbench เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ต้องรอผล benchmark เพิ่มเติมเพื่อยืนยัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-core-ultra-x9-388h-is-up-to-8-7-percent-faster-for-1t-perf-than-ryzen-ai-max-395-panther-lake-gains-significant-ground-on-strix-halo-in-early-geekbench-leak
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle"

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 .

    การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์
    AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ .

    หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ
    ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ .

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก .

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง
    คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029

    AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI
    โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

    ASIC และ Custom Silicon
    Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์

    HBM และการบรรจุขั้นสูง
    HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030
    CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026

    คำเตือนด้านคอขวดการผลิต
    หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI

    คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด
    หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    🌐 "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle" ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 . ⚡ การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ . 🧠 หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ . 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง ➡️ คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 ✅ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI ➡️ โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ✅ ASIC และ Custom Silicon ➡️ Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ ✅ HBM และการบรรจุขั้นสูง ➡️ HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 ➡️ CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026 ‼️ คำเตือนด้านคอขวดการผลิต ⛔ หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด ⛔ หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Steam Client Beta ถูก backport ให้ Windows 7/8 ใช้งานได้อีกครั้ง"

    นักพัฒนาชื่อ Eazy Black ได้ทำการ backport Steam Client Beta รุ่นวันที่ 4 ธันวาคม 2025 ให้สามารถทำงานบน Windows 7 SP1 และ Windows 8.x แบบ 64-bit ได้ . แม้ Valve จะหยุดสนับสนุน Windows 7/8 อย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2024 แต่โครงการนี้ช่วยให้ผู้ใช้เครื่องเก่ายังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Steam ได้ .

    เงื่อนไขการใช้งาน
    เพื่อให้ backport ทำงานได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องติดตั้ง Windows Updates บางตัว เช่น KB976932, KB2999226 และ KB4474419 . หากระบบไม่ได้อัปเดตอย่างน้อยตามนี้ อาจทำให้ Steam Client ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง . ตัวติดตั้งมีขนาดประมาณ 230MB และถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ชุมชน w7revived.chefkiss.dev รวมถึงมีลิงก์สำรองจากผู้พัฒนา .

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    แม้ backport จะช่วยให้ผู้ใช้ยังเล่นเกมได้ แต่ก็ถือเป็น โซลูชันที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเอง . Valve เองก็ยืนยันว่า Windows 7 และ 8 มีผู้ใช้งานเหลือเพียง 0.05% ตามผลสำรวจล่าสุด และกำลังจะหมดทางเลือกในอนาคตเมื่อ Steam ปรับปรุงระบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถ backport ได้อีก .

    มุมมองต่อชุมชนเกม
    การที่ยังมีคนพยายามทำ backport แสดงให้เห็นถึง ความรักและความผูกพันของชุมชนเกมเมอร์กับระบบเก่า . แม้ Windows 11 จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่ก็ยังกลายเป็นระบบหลักของผู้ใช้ Steam กว่า 69% แล้ว . การพัฒนา backport จึงเป็นเหมือนการยืดอายุให้ผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดได้มีเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย .

    สรุปสาระสำคัญ
    Steam Client Beta ถูก backport
    ใช้งานได้บน Windows 7 SP1 และ Windows 8.x 64-bit

    เงื่อนไขการติดตั้ง
    ต้องอัปเดต Windows ด้วย KB976932, KB2999226, KB4474419

    การเผยแพร่
    ตัวติดตั้ง 230MB มีให้ดาวน์โหลดจาก w7revived.chefkiss.dev

    สถานการณ์ผู้ใช้
    Windows 7 มีผู้ใช้เหลือเพียง 0.05% บน Steam

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Backport เป็นโซลูชันไม่เป็นทางการ ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเอง

    คำเตือนด้านอนาคต
    Steam อาจออกฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่สามารถ backport ได้อีก

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/latest-steam-client-beta-backport-keeps-windows-7-and-windows-8-gaming-pcs-on-life-support-unofficial-solution-gives-a-lifeline-to-legacy-users
    🎮 "Steam Client Beta ถูก backport ให้ Windows 7/8 ใช้งานได้อีกครั้ง" นักพัฒนาชื่อ Eazy Black ได้ทำการ backport Steam Client Beta รุ่นวันที่ 4 ธันวาคม 2025 ให้สามารถทำงานบน Windows 7 SP1 และ Windows 8.x แบบ 64-bit ได้ . แม้ Valve จะหยุดสนับสนุน Windows 7/8 อย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2024 แต่โครงการนี้ช่วยให้ผู้ใช้เครื่องเก่ายังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Steam ได้ . ⚡ เงื่อนไขการใช้งาน เพื่อให้ backport ทำงานได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องติดตั้ง Windows Updates บางตัว เช่น KB976932, KB2999226 และ KB4474419 . หากระบบไม่ได้อัปเดตอย่างน้อยตามนี้ อาจทำให้ Steam Client ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง . ตัวติดตั้งมีขนาดประมาณ 230MB และถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ชุมชน w7revived.chefkiss.dev รวมถึงมีลิงก์สำรองจากผู้พัฒนา . 🛡️ ความเสี่ยงและข้อจำกัด แม้ backport จะช่วยให้ผู้ใช้ยังเล่นเกมได้ แต่ก็ถือเป็น โซลูชันที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเอง . Valve เองก็ยืนยันว่า Windows 7 และ 8 มีผู้ใช้งานเหลือเพียง 0.05% ตามผลสำรวจล่าสุด และกำลังจะหมดทางเลือกในอนาคตเมื่อ Steam ปรับปรุงระบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถ backport ได้อีก . 🌍 มุมมองต่อชุมชนเกม การที่ยังมีคนพยายามทำ backport แสดงให้เห็นถึง ความรักและความผูกพันของชุมชนเกมเมอร์กับระบบเก่า . แม้ Windows 11 จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่ก็ยังกลายเป็นระบบหลักของผู้ใช้ Steam กว่า 69% แล้ว . การพัฒนา backport จึงเป็นเหมือนการยืดอายุให้ผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดได้มีเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Steam Client Beta ถูก backport ➡️ ใช้งานได้บน Windows 7 SP1 และ Windows 8.x 64-bit ✅ เงื่อนไขการติดตั้ง ➡️ ต้องอัปเดต Windows ด้วย KB976932, KB2999226, KB4474419 ✅ การเผยแพร่ ➡️ ตัวติดตั้ง 230MB มีให้ดาวน์โหลดจาก w7revived.chefkiss.dev ✅ สถานการณ์ผู้ใช้ ➡️ Windows 7 มีผู้ใช้เหลือเพียง 0.05% บน Steam ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Backport เป็นโซลูชันไม่เป็นทางการ ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเอง ‼️ คำเตือนด้านอนาคต ⛔ Steam อาจออกฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่สามารถ backport ได้อีก https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/latest-steam-client-beta-backport-keeps-windows-7-and-windows-8-gaming-pcs-on-life-support-unofficial-solution-gives-a-lifeline-to-legacy-users
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • "RemoveWindowsAI สคริปต์ลบ AI ออกจาก Windows 11"

    สคริปต์ RemoveWindowsAI ถูกสร้างขึ้นโดยนักพัฒนาอิสระชื่อ zoicware และเผยแพร่บน GitHub . จุดเด่นคือสามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ที่ Microsoft เพิ่มเข้ามาใน Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ได้ทั้งหมด เช่น Copilot, Recall, Gaming Copilot, OneDrive AI และ Windows Studio Effects . ผู้ใช้สามารถรันผ่าน PowerShell ได้ง่าย ๆ โดยใช้คำสั่งเพียงบรรทัดเดียว .

    ฟีเจอร์ที่สคริปต์จัดการได้
    สคริปต์นี้ใช้วิธีแก้ไข Registry Keys และซ่อนส่วนประกอบ AI ใน Settings เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอการทำงานอัตโนมัติ . นอกจากนี้ยังมีคู่มือสำหรับการปิดฟีเจอร์ที่สคริปต์ไม่สามารถจัดการได้ เช่น Gaming Copilot และ OneDrive AI ซึ่งสามารถปิดได้ด้วยการสลับ toggle ในระบบ .

    จุดเด่นและความยืดหยุ่น
    นอกจากการปิดฟีเจอร์แล้ว สคริปต์ยังมี Revert Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน AI กลับมาได้ทุกเมื่อ . มี GUI ที่ใช้งานง่าย พร้อมเครื่องหมาย “?” อธิบายแต่ละฟีเจอร์ว่าทำงานอย่างไร . ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ถนัดการแก้ไขระบบก็สามารถใช้งานได้สะดวก .

    มุมมองต่ออนาคต Windows
    Microsoft ประกาศชัดเจนว่า Windows จะเดินหน้าเป็น Agentic OS ที่มี AI ทำงานเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง . แต่การที่มีสคริปต์อย่าง RemoveWindowsAI ออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้บางกลุ่มยังคงกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมระบบ . นี่อาจเป็นแรงกดดันให้ Microsoft ต้องเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิด AI ได้ง่ายขึ้นในอนาคต .

    สรุปสาระสำคัญ
    RemoveWindowsAI บน GitHub
    สคริปต์ที่ลบหรือปิดฟีเจอร์ AI ใน Windows 11 ได้ทั้งหมด

    ฟีเจอร์ที่จัดการได้
    Copilot, Recall, Windows Studio Effects, Gaming Copilot, OneDrive AI

    ใช้งานง่าย
    รันผ่าน PowerShell หรือ GUI พร้อมโหมด Revert Mode

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การแก้ไข Registry อาจทำให้ระบบมีปัญหาหากใช้งานผิดพลาด

    คำเตือนด้านการอัปเดต
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Insider Build อาจไม่ถูกสคริปต์จัดการ ต้องรอเวอร์ชันเสถียร

    https://www.tomshardware.com/software/windows/this-github-script-claims-to-wipe-all-of-windows-11s-ai-features-in-seconds-removewindowsai-can-disable-every-single-ai-feature-in-the-os-from-copilot-to-recall-and-more
    🖥️ "RemoveWindowsAI สคริปต์ลบ AI ออกจาก Windows 11" สคริปต์ RemoveWindowsAI ถูกสร้างขึ้นโดยนักพัฒนาอิสระชื่อ zoicware และเผยแพร่บน GitHub . จุดเด่นคือสามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ที่ Microsoft เพิ่มเข้ามาใน Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ได้ทั้งหมด เช่น Copilot, Recall, Gaming Copilot, OneDrive AI และ Windows Studio Effects . ผู้ใช้สามารถรันผ่าน PowerShell ได้ง่าย ๆ โดยใช้คำสั่งเพียงบรรทัดเดียว . ⚡ ฟีเจอร์ที่สคริปต์จัดการได้ สคริปต์นี้ใช้วิธีแก้ไข Registry Keys และซ่อนส่วนประกอบ AI ใน Settings เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอการทำงานอัตโนมัติ . นอกจากนี้ยังมีคู่มือสำหรับการปิดฟีเจอร์ที่สคริปต์ไม่สามารถจัดการได้ เช่น Gaming Copilot และ OneDrive AI ซึ่งสามารถปิดได้ด้วยการสลับ toggle ในระบบ . 🔧 จุดเด่นและความยืดหยุ่น นอกจากการปิดฟีเจอร์แล้ว สคริปต์ยังมี Revert Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน AI กลับมาได้ทุกเมื่อ . มี GUI ที่ใช้งานง่าย พร้อมเครื่องหมาย “?” อธิบายแต่ละฟีเจอร์ว่าทำงานอย่างไร . ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ถนัดการแก้ไขระบบก็สามารถใช้งานได้สะดวก . 🌍 มุมมองต่ออนาคต Windows Microsoft ประกาศชัดเจนว่า Windows จะเดินหน้าเป็น Agentic OS ที่มี AI ทำงานเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง . แต่การที่มีสคริปต์อย่าง RemoveWindowsAI ออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้บางกลุ่มยังคงกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมระบบ . นี่อาจเป็นแรงกดดันให้ Microsoft ต้องเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิด AI ได้ง่ายขึ้นในอนาคต . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ RemoveWindowsAI บน GitHub ➡️ สคริปต์ที่ลบหรือปิดฟีเจอร์ AI ใน Windows 11 ได้ทั้งหมด ✅ ฟีเจอร์ที่จัดการได้ ➡️ Copilot, Recall, Windows Studio Effects, Gaming Copilot, OneDrive AI ✅ ใช้งานง่าย ➡️ รันผ่าน PowerShell หรือ GUI พร้อมโหมด Revert Mode ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การแก้ไข Registry อาจทำให้ระบบมีปัญหาหากใช้งานผิดพลาด ‼️ คำเตือนด้านการอัปเดต ⛔ ฟีเจอร์ใหม่ใน Insider Build อาจไม่ถูกสคริปต์จัดการ ต้องรอเวอร์ชันเสถียร https://www.tomshardware.com/software/windows/this-github-script-claims-to-wipe-all-of-windows-11s-ai-features-in-seconds-removewindowsai-can-disable-every-single-ai-feature-in-the-os-from-copilot-to-recall-and-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก"

    Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030.

    การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์"
    Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน .

    ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM)
    ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน.

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน.

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel จับมือ Tata Group
    ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย

    การลงทุนครั้งใหญ่
    โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์

    พัฒนา AI PC
    ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030

    สนับสนุน India Semiconductor Mission
    โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก

    คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน
    หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน

    คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน
    โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    🤝 "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก" Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030. 🏭 การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์" Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน . ⚡ ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM) ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน. 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel จับมือ Tata Group ➡️ ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ ➡️ โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์ ✅ พัฒนา AI PC ➡️ ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030 ✅ สนับสนุน India Semiconductor Mission ➡️ โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก ‼️ คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน ⛔ หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน ⛔ โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จับเพิ่มอีก 2 รายในคดีลักลอบชิป Nvidia ไปจีน"

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) รายงานว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 รายในนิวยอร์กและออนแทรีโอ หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้า Nvidia H100 และ H200 ไปยังจีน . ก่อนหน้านี้มีผู้ต้องหาที่ฮูสตันยอมรับผิดแล้ว ทำให้คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องรวมอย่างน้อย 3 ราย .

    วิธีการลักลอบ: "ปลอมฉลากเป็นแบรนด์ Sandkyan"
    กลุ่มผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่าใช้วิธี เปลี่ยนฉลากบนกล่องและพาเลทของชิป Nvidia ให้เป็นชื่อแบรนด์สมมติ “Sandkyan” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร . พวกเขายังร่วมมือกับบริษัทขนส่งในฮ่องกงและบริษัท AI ในจีนเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำชิปผ่านด่านควบคุม .

    ปฏิบัติการ Gatekeeper: "สกัดการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI"
    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Operation Gatekeeper ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI ของสหรัฐไปยังประเทศที่อาจใช้เป็นภัยต่อความมั่นคง . แม้ชิป H100 และ H200 จะถือเป็นรุ่นเก่ากว่าชิป Blackwell ที่กำลังเป็นที่ต้องการ แต่ก็ยังมีศักยภาพสูงในการประมวลผล AI .

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและความมั่นคง
    การลักลอบครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการมหาศาลของจีนต่อชิป AI แม้จะถูกจำกัดการนำเข้า . สหรัฐมองว่าการผ่อนปรนให้จีนเข้าถึงชิป Hopper รุ่นเก่าอาจไม่กระทบต่อความเหนือกว่าทางเทคโนโลยี แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงยังคงมีอยู่ และตลาดมืดของชิป AI กำลังเติบโต .

    สรุปสาระสำคัญ
    การจับกุมเพิ่มเติม
    ผู้ต้องหาใหม่ 2 รายในนิวยอร์กและออนแทรีโอ

    วิธีการลักลอบ
    เปลี่ยนฉลากเป็นแบรนด์สมมติ “Sandkyan”
    ร่วมมือกับบริษัทขนส่งในฮ่องกงและบริษัท AI ในจีน

    Operation Gatekeeper
    ปฏิบัติการของ DOJ เพื่อสกัดการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI

    สถานะชิป Nvidia
    H100 และ H200 เป็นรุ่น Hopper ที่ยังมีศักยภาพสูง แม้จะไม่ทันสมัยเท่า Blackwell

    คำเตือนด้านความมั่นคง
    การลักลอบอาจช่วยจีนเสริมศักยภาพ AI และการทหาร

    คำเตือนด้านตลาดมืด
    ความต้องการชิป AI สูงทำให้ตลาดมืดเติบโตและยากต่อการควบคุม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-more-perps-apprehended-over-smuggling-of-usd160-million-of-nvidia-chips-to-china-doj-says-h100-and-h200-shipments-were-relabelled-with-a-fictional-brand-to-dodge-export-controls
    🚨 "จับเพิ่มอีก 2 รายในคดีลักลอบชิป Nvidia ไปจีน" กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) รายงานว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 รายในนิวยอร์กและออนแทรีโอ หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้า Nvidia H100 และ H200 ไปยังจีน . ก่อนหน้านี้มีผู้ต้องหาที่ฮูสตันยอมรับผิดแล้ว ทำให้คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องรวมอย่างน้อย 3 ราย . 🕵️ วิธีการลักลอบ: "ปลอมฉลากเป็นแบรนด์ Sandkyan" กลุ่มผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่าใช้วิธี เปลี่ยนฉลากบนกล่องและพาเลทของชิป Nvidia ให้เป็นชื่อแบรนด์สมมติ “Sandkyan” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร . พวกเขายังร่วมมือกับบริษัทขนส่งในฮ่องกงและบริษัท AI ในจีนเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำชิปผ่านด่านควบคุม . 🛡️ ปฏิบัติการ Gatekeeper: "สกัดการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI" การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Operation Gatekeeper ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI ของสหรัฐไปยังประเทศที่อาจใช้เป็นภัยต่อความมั่นคง . แม้ชิป H100 และ H200 จะถือเป็นรุ่นเก่ากว่าชิป Blackwell ที่กำลังเป็นที่ต้องการ แต่ก็ยังมีศักยภาพสูงในการประมวลผล AI . 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและความมั่นคง การลักลอบครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการมหาศาลของจีนต่อชิป AI แม้จะถูกจำกัดการนำเข้า . สหรัฐมองว่าการผ่อนปรนให้จีนเข้าถึงชิป Hopper รุ่นเก่าอาจไม่กระทบต่อความเหนือกว่าทางเทคโนโลยี แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงยังคงมีอยู่ และตลาดมืดของชิป AI กำลังเติบโต . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การจับกุมเพิ่มเติม ➡️ ผู้ต้องหาใหม่ 2 รายในนิวยอร์กและออนแทรีโอ ✅ วิธีการลักลอบ ➡️ เปลี่ยนฉลากเป็นแบรนด์สมมติ “Sandkyan” ➡️ ร่วมมือกับบริษัทขนส่งในฮ่องกงและบริษัท AI ในจีน ✅ Operation Gatekeeper ➡️ ปฏิบัติการของ DOJ เพื่อสกัดการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI ✅ สถานะชิป Nvidia ➡️ H100 และ H200 เป็นรุ่น Hopper ที่ยังมีศักยภาพสูง แม้จะไม่ทันสมัยเท่า Blackwell ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคง ⛔ การลักลอบอาจช่วยจีนเสริมศักยภาพ AI และการทหาร ‼️ คำเตือนด้านตลาดมืด ⛔ ความต้องการชิป AI สูงทำให้ตลาดมืดเติบโตและยากต่อการควบคุม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-more-perps-apprehended-over-smuggling-of-usd160-million-of-nvidia-chips-to-china-doj-says-h100-and-h200-shipments-were-relabelled-with-a-fictional-brand-to-dodge-export-controls
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: "Asgard เปิดตัว RAM DDR5 256GB ราคาสูงกว่าการ์ดจอ RTX 5090"

    บริษัท Asgard ผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีนเปิดตัว Valkyrie II Racing Car Limited Edition ขนาด 256GB (4x64GB) DDR5-6000 และ Thor Black Gold Limited Edition ขนาด 192GB (4x48GB) DDR5-6000 ราคาของรุ่น 256GB อยู่ที่ประมาณ 2,403 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าการ์ดจอ RTX 5090 แต่ยังถูกกว่าคู่แข่งอย่าง G.Skill Flare X5 ที่ขายเกือบ 2,800 ดอลลาร์ .

    สถานการณ์ตลาด RAM: "ราคาพุ่งแรงเพราะ AI"
    ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจาก AI Data Center ที่ต้องใช้ RAM ปริมาณมหาศาล . ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่กล้าลงทุนผลิตชุดความจุสูงเพราะต้นทุนสูง ทำให้ RAM ขนาด 192GB และ 256GB มีจำหน่ายน้อยมากในตลาด และราคาพุ่งขึ้นอย่างหนัก .

    จุดเด่นของ Asgard: "เร็วและถูกกว่า"
    แม้ราคาจะสูง แต่ Asgard ยังถือว่า คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง เพราะ Valkyrie II มีความเร็ว DDR5-6000 CL32-45-45-90 และ Thor Black Gold มี CL28-36-36-72 ซึ่งเร็วกว่าบางรุ่นของ Corsair และ G.Skill ในราคาที่ต่ำกว่า . อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนคือ Asgardยังไม่เป็นแบรนด์สากล ทำให้หาซื้อยากนอกประเทศจีน และต้องเจอภาษีนำเข้า .

    มุมมองตลาดโลก: "โอกาสและข้อจำกัด"
    การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนว่า ตลาดหน่วยความจำความจุสูงกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย AI และผู้ใช้ระดับองค์กร มากกว่าผู้ใช้ทั่วไป . แม้ Asgard จะเสนอราคาที่แข่งขันได้ แต่การเข้าถึงสินค้าของผู้ใช้ทั่วโลกยังจำกัด . หาก Asgard ขยายตลาดออกไป อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตรายใหญ่ให้ลดราคาลง .

    สรุปสาระสำคัญ
    Asgard เปิดตัว RAM DDR5 ความจุสูง
    Valkyrie II 256GB DDR5-6000 ราคา ~2,403 ดอลลาร์
    Thor Black Gold 192GB DDR5-6000 ราคา ~1,215 ดอลลาร์

    ราคาถูกกว่าคู่แข่ง
    G.Skill Flare X5 256GB ราคา ~2,779 ดอลลาร์
    Corsair Vengeance 192GB ราคา ~2,201 ดอลลาร์

    สเปกที่โดดเด่น
    Valkyrie II CL32-45-45-90
    Thor Black Gold CL28-36-36-72

    คำเตือนเรื่องการเข้าถึงสินค้า
    Asgard เป็นแบรนด์จีน หาซื้อยากนอกประเทศ ต้องเจอภาษีนำเข้า

    คำเตือนเรื่องตลาดหน่วยความจำ
    ราคาพุ่งแรงเพราะ AI ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึง RAM ความจุสูงได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/chinese-vendor-unveils-256gb-of-ram-that-costs-more-than-an-msrp-rtx-5090-asgards-ddr5-6000-retails-at-an-eye-watering-usd2-400-but-is-more-affordable-than-some-mainstream-alternatives
    🖥️ ข่าวใหญ่: "Asgard เปิดตัว RAM DDR5 256GB ราคาสูงกว่าการ์ดจอ RTX 5090" บริษัท Asgard ผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีนเปิดตัว Valkyrie II Racing Car Limited Edition ขนาด 256GB (4x64GB) DDR5-6000 และ Thor Black Gold Limited Edition ขนาด 192GB (4x48GB) DDR5-6000 ราคาของรุ่น 256GB อยู่ที่ประมาณ 2,403 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าการ์ดจอ RTX 5090 แต่ยังถูกกว่าคู่แข่งอย่าง G.Skill Flare X5 ที่ขายเกือบ 2,800 ดอลลาร์ . ⚡ สถานการณ์ตลาด RAM: "ราคาพุ่งแรงเพราะ AI" ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจาก AI Data Center ที่ต้องใช้ RAM ปริมาณมหาศาล . ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่กล้าลงทุนผลิตชุดความจุสูงเพราะต้นทุนสูง ทำให้ RAM ขนาด 192GB และ 256GB มีจำหน่ายน้อยมากในตลาด และราคาพุ่งขึ้นอย่างหนัก . 🔧 จุดเด่นของ Asgard: "เร็วและถูกกว่า" แม้ราคาจะสูง แต่ Asgard ยังถือว่า คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง เพราะ Valkyrie II มีความเร็ว DDR5-6000 CL32-45-45-90 และ Thor Black Gold มี CL28-36-36-72 ซึ่งเร็วกว่าบางรุ่นของ Corsair และ G.Skill ในราคาที่ต่ำกว่า . อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนคือ Asgardยังไม่เป็นแบรนด์สากล ทำให้หาซื้อยากนอกประเทศจีน และต้องเจอภาษีนำเข้า . 🌍 มุมมองตลาดโลก: "โอกาสและข้อจำกัด" การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนว่า ตลาดหน่วยความจำความจุสูงกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย AI และผู้ใช้ระดับองค์กร มากกว่าผู้ใช้ทั่วไป . แม้ Asgard จะเสนอราคาที่แข่งขันได้ แต่การเข้าถึงสินค้าของผู้ใช้ทั่วโลกยังจำกัด . หาก Asgard ขยายตลาดออกไป อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตรายใหญ่ให้ลดราคาลง . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Asgard เปิดตัว RAM DDR5 ความจุสูง ➡️ Valkyrie II 256GB DDR5-6000 ราคา ~2,403 ดอลลาร์ ➡️ Thor Black Gold 192GB DDR5-6000 ราคา ~1,215 ดอลลาร์ ✅ ราคาถูกกว่าคู่แข่ง ➡️ G.Skill Flare X5 256GB ราคา ~2,779 ดอลลาร์ ➡️ Corsair Vengeance 192GB ราคา ~2,201 ดอลลาร์ ✅ สเปกที่โดดเด่น ➡️ Valkyrie II CL32-45-45-90 ➡️ Thor Black Gold CL28-36-36-72 ‼️ คำเตือนเรื่องการเข้าถึงสินค้า ⛔ Asgard เป็นแบรนด์จีน หาซื้อยากนอกประเทศ ต้องเจอภาษีนำเข้า ‼️ คำเตือนเรื่องตลาดหน่วยความจำ ⛔ ราคาพุ่งแรงเพราะ AI ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึง RAM ความจุสูงได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/chinese-vendor-unveils-256gb-of-ram-that-costs-more-than-an-msrp-rtx-5090-asgards-ddr5-6000-retails-at-an-eye-watering-usd2-400-but-is-more-affordable-than-some-mainstream-alternatives
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: "PC สเปกเทพราคาถูกกว่าค่า RAM"

    ผู้ใช้ Reddit โชคดีไปเจอเครื่อง PC ที่ประกอบด้วย Intel Core i9-14900KS และ Nvidia RTX 4070 Ti Super พร้อม RAM DDR5 ขนาด 64GB ในราคาสุดเหลือเชื่อเพียง 600 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่มูลค่ารวมของเครื่องนี้เกิน 2,500 ดอลลาร์ . จุดที่น่าสนใจคือ RAM DDR5 ที่ติดตั้งในเครื่องมีมูลค่าสูงกว่าเครื่องทั้งชุด เนื่องจากราคาหน่วยความจำพุ่งขึ้นอย่างหนักในปี 2025

    สถานการณ์ตลาด RAM: "AI ดันราคา DDR5 พุ่ง"
    ปี 2025 ถือเป็นปีที่ตลาดหน่วยความจำสั่นสะเทือนอย่างแรง ราคาของ DDR5 ขนาด 32GB พุ่งขึ้น 163–619% ในบางภูมิภาค โดยญี่ปุ่นเจอหนักที่สุด . สาเหตุหลักคือความต้องการมหาศาลจาก AI Data Center ที่ต้องใช้ RAM ปริมาณมหาศาลในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ . ขณะที่ DDR4 ก็พุ่งแรงเพราะผู้ผลิตลดกำลังการผลิตลง ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเจอภาวะ "RAM Apocalypse"

    Intel Core i9-14900KS: "สุดยอดพลังงาน แต่กินไฟหนัก"
    ชิป 14900KS เป็นรุ่นพิเศษที่สามารถบูสต์ได้สูงสุดถึง 6.2 GHz บนสองคอร์ ทำให้เป็นหนึ่งใน CPU ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ . อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือการใช้พลังงานสูงถึง 320W และต้องการระบบระบายความร้อนขั้นสูง เช่นชุดน้ำ 360mm AIO . แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่หลายรีวิวมองว่าความแตกต่างจากรุ่น 14900K ไม่มากนักเมื่อเทียบกับราคาที่สูงขึ้น

    Nvidia RTX 4070 Ti Super: "เกม 4K ลื่นไหล"
    การ์ดจอ RTX 4070 Ti Super มาพร้อม VRAM 16GB และบัส 256-bit ทำให้ประสิทธิภาพเหนือกว่า 4070 Ti รุ่นเดิมราว 10–11% ในการเล่นเกมระดับ 4K . Benchmark หลายเกมแสดงให้เห็นว่า FPS เฉลี่ยสูงและเสถียร เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องจ่ายถึงระดับ RTX 4080

    สรุปสาระสำคัญ
    ดีลสุดคุ้มจาก Redditor
    ได้เครื่อง PC สเปกสูงในราคาเพียง 600 ดอลลาร์ ทั้งที่มูลค่าจริงเกิน 2,500 ดอลลาร์

    สเปกเครื่องที่โดดเด่น
    Intel Core i9-14900KS, Nvidia RTX 4070 Ti Super, RAM DDR5 64GB

    ตลาด RAM พุ่งแรง
    DDR5 ราคาขึ้น 163–619% เพราะความต้องการจาก AI Data Center

    Intel Core i9-14900KS
    บูสต์ได้ถึง 6.2 GHz แต่กินไฟสูงและต้องการระบบระบายความร้อนขั้นสูง

    Nvidia RTX 4070 Ti Super
    เพิ่ม VRAM เป็น 16GB และบัส 256-bit ทำให้เล่นเกม 4K ได้ลื่นไหล

    คำเตือนเรื่อง RAM
    ราคาพุ่งแรงจนผู้ใช้ทั่วไปอาจเจอภาวะ "RAM Apocalypse"

    คำเตือนเรื่อง CPU
    Intel Core i9-14900KS ใช้พลังงานสูงและอาจไม่คุ้มค่าหากไม่ได้ใช้งานหนัก

    คำเตือนเรื่องการ์ดจอ
    RTX 4070 Ti Super แม้แรง แต่ราคายังสูงและใกล้เคียงกับรุ่น 4080 ทำให้ผู้ซื้อควรเปรียบเทียบก่อน

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/scavenger-scores-14900ks-pc-with-64gb-of-ddr5-for-less-than-the-cost-of-ram-alone-usd2500-machine-sells-for-just-usd600
    🖥️ ข่าวใหญ่: "PC สเปกเทพราคาถูกกว่าค่า RAM" ผู้ใช้ Reddit โชคดีไปเจอเครื่อง PC ที่ประกอบด้วย Intel Core i9-14900KS และ Nvidia RTX 4070 Ti Super พร้อม RAM DDR5 ขนาด 64GB ในราคาสุดเหลือเชื่อเพียง 600 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่มูลค่ารวมของเครื่องนี้เกิน 2,500 ดอลลาร์ . จุดที่น่าสนใจคือ RAM DDR5 ที่ติดตั้งในเครื่องมีมูลค่าสูงกว่าเครื่องทั้งชุด เนื่องจากราคาหน่วยความจำพุ่งขึ้นอย่างหนักในปี 2025 ⚡ สถานการณ์ตลาด RAM: "AI ดันราคา DDR5 พุ่ง" ปี 2025 ถือเป็นปีที่ตลาดหน่วยความจำสั่นสะเทือนอย่างแรง ราคาของ DDR5 ขนาด 32GB พุ่งขึ้น 163–619% ในบางภูมิภาค โดยญี่ปุ่นเจอหนักที่สุด . สาเหตุหลักคือความต้องการมหาศาลจาก AI Data Center ที่ต้องใช้ RAM ปริมาณมหาศาลในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ . ขณะที่ DDR4 ก็พุ่งแรงเพราะผู้ผลิตลดกำลังการผลิตลง ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเจอภาวะ "RAM Apocalypse" 🔥 Intel Core i9-14900KS: "สุดยอดพลังงาน แต่กินไฟหนัก" ชิป 14900KS เป็นรุ่นพิเศษที่สามารถบูสต์ได้สูงสุดถึง 6.2 GHz บนสองคอร์ ทำให้เป็นหนึ่งใน CPU ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ . อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือการใช้พลังงานสูงถึง 320W และต้องการระบบระบายความร้อนขั้นสูง เช่นชุดน้ำ 360mm AIO . แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่หลายรีวิวมองว่าความแตกต่างจากรุ่น 14900K ไม่มากนักเมื่อเทียบกับราคาที่สูงขึ้น 🎮 Nvidia RTX 4070 Ti Super: "เกม 4K ลื่นไหล" การ์ดจอ RTX 4070 Ti Super มาพร้อม VRAM 16GB และบัส 256-bit ทำให้ประสิทธิภาพเหนือกว่า 4070 Ti รุ่นเดิมราว 10–11% ในการเล่นเกมระดับ 4K . Benchmark หลายเกมแสดงให้เห็นว่า FPS เฉลี่ยสูงและเสถียร เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องจ่ายถึงระดับ RTX 4080 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ดีลสุดคุ้มจาก Redditor ➡️ ได้เครื่อง PC สเปกสูงในราคาเพียง 600 ดอลลาร์ ทั้งที่มูลค่าจริงเกิน 2,500 ดอลลาร์ ✅ สเปกเครื่องที่โดดเด่น ➡️ Intel Core i9-14900KS, Nvidia RTX 4070 Ti Super, RAM DDR5 64GB ✅ ตลาด RAM พุ่งแรง ➡️ DDR5 ราคาขึ้น 163–619% เพราะความต้องการจาก AI Data Center ✅ Intel Core i9-14900KS ➡️ บูสต์ได้ถึง 6.2 GHz แต่กินไฟสูงและต้องการระบบระบายความร้อนขั้นสูง ✅ Nvidia RTX 4070 Ti Super ➡️ เพิ่ม VRAM เป็น 16GB และบัส 256-bit ทำให้เล่นเกม 4K ได้ลื่นไหล ‼️ คำเตือนเรื่อง RAM ⛔ ราคาพุ่งแรงจนผู้ใช้ทั่วไปอาจเจอภาวะ "RAM Apocalypse" ‼️ คำเตือนเรื่อง CPU ⛔ Intel Core i9-14900KS ใช้พลังงานสูงและอาจไม่คุ้มค่าหากไม่ได้ใช้งานหนัก ‼️ คำเตือนเรื่องการ์ดจอ ⛔ RTX 4070 Ti Super แม้แรง แต่ราคายังสูงและใกล้เคียงกับรุ่น 4080 ทำให้ผู้ซื้อควรเปรียบเทียบก่อน https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/scavenger-scores-14900ks-pc-with-64gb-of-ddr5-for-less-than-the-cost-of-ram-alone-usd2500-machine-sells-for-just-usd600
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นยังล้าหลังด้านความมั่นคงไซเบอร์: คำเตือนจากหัวหน้าฝ่ายไซเบอร์

    หัวหน้าฝ่ายไซเบอร์ของญี่ปุ่นออกมาเตือนว่า ประเทศยังคง ล้าหลังด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล แม้จะมีการลงทุนและพัฒนามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความท้าทายยังคงอยู่ โดยเฉพาะการขาดบุคลากรที่มีทักษะและการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ซับซ้อน.

    ช่องว่างด้านการป้องกันและบุคลากร
    รายงานชี้ว่า ญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหา การขาดผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ และการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย ทำให้การรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น ransomware และการโจมตีจากรัฐชาติ เป็นไปอย่างยากลำบาก ความล่าช้าในการปรับปรุงระบบยังทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการโจมตีที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง.

    ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
    หัวหน้าฝ่ายไซเบอร์เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ เช่น พลังงาน การเงิน และการขนส่ง ยังคงเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ หากไม่เร่งปรับปรุงมาตรการป้องกัน อาจเกิดผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชนและธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาจใช้เป็นจุดอ่อน.

    ความจำเป็นในการเร่งปรับตัว
    ญี่ปุ่นถูกเรียกร้องให้ ลงทุนในบุคลากรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากยังคงล่าช้า อาจทำให้ประเทศเสียเปรียบในเวทีโลกและเสี่ยงต่อการโจมตีที่รุนแรงขึ้น.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถานการณ์ปัจจุบันของญี่ปุ่น
    ยังล้าหลังด้านการป้องกันภัยไซเบอร์เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล
    การลงทุนเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอ

    ปัญหาหลักที่พบ
    ขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านไซเบอร์
    โครงสร้างพื้นฐานยังล้าสมัย
    การตอบสนองต่อภัยคุกคามซับซ้อนยังไม่ทันการณ์

    ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงาน การเงิน การขนส่ง เสี่ยงต่อการโจมตี
    อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    หากไม่เร่งปรับปรุง ญี่ปุ่นอาจเสียเปรียบในเวทีโลก
    การโจมตีไซเบอร์อาจทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบวงกว้าง
    การขาดบุคลากรและการลงทุนที่ไม่เพียงพอคือจุดอ่อนสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/10/japans-cyber-chief-warns-nation-still-behind-on-cybersecurity
    🛡️ ญี่ปุ่นยังล้าหลังด้านความมั่นคงไซเบอร์: คำเตือนจากหัวหน้าฝ่ายไซเบอร์ หัวหน้าฝ่ายไซเบอร์ของญี่ปุ่นออกมาเตือนว่า ประเทศยังคง ล้าหลังด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล แม้จะมีการลงทุนและพัฒนามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความท้าทายยังคงอยู่ โดยเฉพาะการขาดบุคลากรที่มีทักษะและการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ซับซ้อน. 📉 ช่องว่างด้านการป้องกันและบุคลากร รายงานชี้ว่า ญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหา การขาดผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ และการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย ทำให้การรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น ransomware และการโจมตีจากรัฐชาติ เป็นไปอย่างยากลำบาก ความล่าช้าในการปรับปรุงระบบยังทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการโจมตีที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง. 🌐 ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ หัวหน้าฝ่ายไซเบอร์เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ เช่น พลังงาน การเงิน และการขนส่ง ยังคงเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ หากไม่เร่งปรับปรุงมาตรการป้องกัน อาจเกิดผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชนและธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาจใช้เป็นจุดอ่อน. ⚠️ ความจำเป็นในการเร่งปรับตัว ญี่ปุ่นถูกเรียกร้องให้ ลงทุนในบุคลากรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากยังคงล่าช้า อาจทำให้ประเทศเสียเปรียบในเวทีโลกและเสี่ยงต่อการโจมตีที่รุนแรงขึ้น. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถานการณ์ปัจจุบันของญี่ปุ่น ➡️ ยังล้าหลังด้านการป้องกันภัยไซเบอร์เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ➡️ การลงทุนเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอ ✅ ปัญหาหลักที่พบ ➡️ ขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านไซเบอร์ ➡️ โครงสร้างพื้นฐานยังล้าสมัย ➡️ การตอบสนองต่อภัยคุกคามซับซ้อนยังไม่ทันการณ์ ✅ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ➡️ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงาน การเงิน การขนส่ง เสี่ยงต่อการโจมตี ➡️ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ หากไม่เร่งปรับปรุง ญี่ปุ่นอาจเสียเปรียบในเวทีโลก ⛔ การโจมตีไซเบอร์อาจทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบวงกว้าง ⛔ การขาดบุคลากรและการลงทุนที่ไม่เพียงพอคือจุดอ่อนสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/10/japans-cyber-chief-warns-nation-still-behind-on-cybersecurity
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan's cyber chief warns nation still behind on cybersecurity
    Japan still lags behind the US and Europe in defending against cyber threats and improvements are needed across the corporate sector, the nation's new cyber chief said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube ครองใจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอังกฤษ

    รายงาน Online Nation 2025 ของ Ofcom เปิดเผยว่า ชาวอังกฤษใช้เวลาเฉลี่ย 51 นาทีต่อวันบน YouTube โดยบริการจาก Alphabet และ Meta ครองเวลาการใช้งานออนไลน์มากกว่าครึ่ง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภูมิทัศน์สื่อในสหราชอาณาจักร

    ในปี 2025 ชาวอังกฤษใช้เวลาเฉลี่ย 4 ชั่วโมงครึ่งต่อวันบนโลกออนไลน์ เพิ่มขึ้น 10 นาทีจากปีก่อน โดย YouTube เป็นบริการยอดนิยมที่สุดของ Alphabet มีผู้ใช้งานถึง 94% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผู้ใหญ่ แซงหน้า Google Search ที่มี 82%.

    Meta ยังคงแข็งแกร่ง
    แม้ YouTube จะเติบโต แต่บริการของ Meta ก็ยังครองตลาด โดย Facebook และ Messenger มีผู้ใช้ถึง 93% และ WhatsApp มีผู้ใช้ 90% ทำให้ทั้ง Alphabet และ Meta รวมกันครองเวลาการใช้งานออนไลน์มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักร.

    สื่อดั้งเดิมสูญเสียพื้นที่
    ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ YouTube และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทำให้ ผู้ชมของสื่อกระจายเสียงแบบดั้งเดิมลดลง ตัวอย่างเช่น Sky (ในเครือ Comcast) กำลังเจรจาซื้อ ITV ซึ่งเป็นสถานีฟรีทีวีใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เพื่อปรับตัวต่อการแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัล.

    ตลาดโฆษณาที่เปลี่ยนไป
    ในปี 2024 Meta และ Google ครองส่วนแบ่งโฆษณาในสหราชอาณาจักรมากถึง 60% โดย YouTube เป็นบริการที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก BBC เท่านั้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการ ปรับกฎเกณฑ์การโฆษณาใหม่ เพื่อสะท้อนการแข่งขันกับบริการดิจิทัล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การใช้งาน YouTube ในสหราชอาณาจักร
    เฉลี่ย 51 นาทีต่อวันในปี 2025
    ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผู้ใหญ่ 94% ใช้ YouTube

    การใช้งานบริการอื่น ๆ
    Google Search มีผู้ใช้ 82%
    Facebook และ Messenger มีผู้ใช้ 93%
    WhatsApp มีผู้ใช้ 90%

    แนวโน้มสื่อและโฆษณา
    ผู้ชมสื่อดั้งเดิมลดลง
    Sky เจรจาซื้อ ITV เพื่อแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัล
    Meta และ Google ครอง 60% ของตลาดโฆษณาในปี 2024

    คำเตือนต่อสื่อดั้งเดิมและตลาดโฆษณา
    การสูญเสียผู้ชมอาจทำให้สื่อดั้งเดิมเสื่อมความสำคัญ
    หากไม่ปรับกฎเกณฑ์โฆษณา อาจเกิดความไม่สมดุลในตลาด
    การพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลมากเกินไปอาจกระทบต่อความหลากหลายของสื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/10/britons-watch-youtube-for-51-minutes-a-day-regulator-ofcom-says
    📺 YouTube ครองใจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอังกฤษ รายงาน Online Nation 2025 ของ Ofcom เปิดเผยว่า ชาวอังกฤษใช้เวลาเฉลี่ย 51 นาทีต่อวันบน YouTube โดยบริการจาก Alphabet และ Meta ครองเวลาการใช้งานออนไลน์มากกว่าครึ่ง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภูมิทัศน์สื่อในสหราชอาณาจักร ในปี 2025 ชาวอังกฤษใช้เวลาเฉลี่ย 4 ชั่วโมงครึ่งต่อวันบนโลกออนไลน์ เพิ่มขึ้น 10 นาทีจากปีก่อน โดย YouTube เป็นบริการยอดนิยมที่สุดของ Alphabet มีผู้ใช้งานถึง 94% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผู้ใหญ่ แซงหน้า Google Search ที่มี 82%. 📱 Meta ยังคงแข็งแกร่ง แม้ YouTube จะเติบโต แต่บริการของ Meta ก็ยังครองตลาด โดย Facebook และ Messenger มีผู้ใช้ถึง 93% และ WhatsApp มีผู้ใช้ 90% ทำให้ทั้ง Alphabet และ Meta รวมกันครองเวลาการใช้งานออนไลน์มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักร. 📉 สื่อดั้งเดิมสูญเสียพื้นที่ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ YouTube และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทำให้ ผู้ชมของสื่อกระจายเสียงแบบดั้งเดิมลดลง ตัวอย่างเช่น Sky (ในเครือ Comcast) กำลังเจรจาซื้อ ITV ซึ่งเป็นสถานีฟรีทีวีใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เพื่อปรับตัวต่อการแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัล. 💵 ตลาดโฆษณาที่เปลี่ยนไป ในปี 2024 Meta และ Google ครองส่วนแบ่งโฆษณาในสหราชอาณาจักรมากถึง 60% โดย YouTube เป็นบริการที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก BBC เท่านั้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการ ปรับกฎเกณฑ์การโฆษณาใหม่ เพื่อสะท้อนการแข่งขันกับบริการดิจิทัล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การใช้งาน YouTube ในสหราชอาณาจักร ➡️ เฉลี่ย 51 นาทีต่อวันในปี 2025 ➡️ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผู้ใหญ่ 94% ใช้ YouTube ✅ การใช้งานบริการอื่น ๆ ➡️ Google Search มีผู้ใช้ 82% ➡️ Facebook และ Messenger มีผู้ใช้ 93% ➡️ WhatsApp มีผู้ใช้ 90% ✅ แนวโน้มสื่อและโฆษณา ➡️ ผู้ชมสื่อดั้งเดิมลดลง ➡️ Sky เจรจาซื้อ ITV เพื่อแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัล ➡️ Meta และ Google ครอง 60% ของตลาดโฆษณาในปี 2024 ‼️ คำเตือนต่อสื่อดั้งเดิมและตลาดโฆษณา ⛔ การสูญเสียผู้ชมอาจทำให้สื่อดั้งเดิมเสื่อมความสำคัญ ⛔ หากไม่ปรับกฎเกณฑ์โฆษณา อาจเกิดความไม่สมดุลในตลาด ⛔ การพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลมากเกินไปอาจกระทบต่อความหลากหลายของสื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/10/britons-watch-youtube-for-51-minutes-a-day-regulator-ofcom-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Britons watch YouTube for 51 minutes a day, regulator Ofcom says
    LONDON, Dec 10 (Reuters) - Britons watched YouTube on average for 51 minutes a day in 2025 on smartphones, tablets and PCs, regulator Ofcom said, noting that services from its owner Alphabet and from Meta account for more than half of all time spent online.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทดลองฝึก LLM บนเครื่องส่วนตัว

    บทความของ Giles Thomas เล่าประสบการณ์การ train LLM ขนาดเล็ก (163M parameters) ด้วยการ์ดจอ RTX 3090 ที่บ้าน โดยใช้ชุดข้อมูล FineWeb และ FineWeb-Edu จาก Hugging Face ผลลัพธ์คือสามารถฝึกโมเดล GPT-2 ขนาดเล็กให้มีคุณภาพใกล้เคียงต้นฉบับภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การสร้าง base model ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เฉพาะในห้องแล็บใหญ่ ๆ อีกต่อไป.

    Giles เริ่มจากแรงบันดาลใจในหนังสือของ Sebastian Raschka ที่สอนการสร้าง LLM จากศูนย์ และตั้งคำถามว่า สามารถฝึกโมเดลจริง ๆ บนเครื่องส่วนตัวได้หรือไม่ เขาเลือกใช้สเปก GPT-2 small (163M parameters, context length 1024, 12 layers, 12 heads) และตัดสินใจไม่ใช้ weight tying เพื่อความง่ายในการทดลอง.

    ข้อมูลที่ใช้ในการฝึก
    เขาเลือกใช้ FineWeb 10B tokens และ FineWeb-Edu ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่คัดกรองเนื้อหาการศึกษา โดยรวมแล้วได้ข้อมูลกว่า 14 ล้านเอกสาร (~29GB) และอีก 9 ล้านเอกสาร (~27GB) จาก FineWeb-Edu หลังจาก tokenize พบว่ามีข้อมูลประมาณ 10 พันล้าน tokens ซึ่งเพียงพอสำหรับการฝึกตาม Chinchilla heuristic (20 tokens ต่อ parameter).

    ประสิทธิภาพการฝึก
    การทดสอบ batch size พบว่า RTX 3090 สามารถประมวลผลได้ราว 12,000 tokens ต่อวินาที ทำให้การฝึกโมเดล 163M parameters บน 3.2 พันล้าน tokens ใช้เวลาประมาณ 3 วัน ซึ่งถือว่าเป็นไปได้จริงสำหรับเครื่องระดับ consumer. Giles ใช้เทคนิค TF32 และ mixed precision เพื่อเร่งความเร็ว และพบว่า การฝึกแบบ Chinchilla-optimal สามารถเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง.

    ความหมายต่อวงการ AI
    บทความนี้ชี้ว่า การสร้าง base model ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เฉพาะบริษัทใหญ่ อีกต่อไป นักวิจัยอิสระหรือผู้สนใจสามารถทดลองฝึกโมเดลด้วยเครื่อง consumer-grade ได้แล้ว แม้จะไม่สามารถแข่งขันกับโมเดลระดับพันล้านพารามิเตอร์ แต่ก็เพียงพอสำหรับการศึกษา, การทดลอง และการสร้างโมเดลเฉพาะทาง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปกโมเดลที่ใช้
    GPT-2 small, 163M parameters, context length 1024
    ไม่ใช้ weight tying เพื่อความง่าย

    ข้อมูลที่ใช้
    FineWeb 10B tokens (~29GB)
    FineWeb-Edu (~27GB)
    รวมกว่า 10 พันล้าน tokens

    ผลการฝึก
    RTX 3090 ทำได้ ~12,000 tokens/วินาที
    ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงในการฝึกจนใกล้เคียง GPT-2 ต้นฉบับ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ไม่สามารถฝึกโมเดลขนาดใหญ่ระดับพันล้านพารามิเตอร์ได้บนเครื่องเดียว
    การใช้ข้อมูลที่ไม่ได้กรองอาจทำให้คุณภาพโมเดลลดลง
    ต้องใช้เทคนิค mixed precision และการจัดการหน่วยความจำอย่างระมัดระวัง

    https://www.gilesthomas.com/2025/12/llm-from-scratch-28-training-a-base-model-from-scratch
    🖥️ การทดลองฝึก LLM บนเครื่องส่วนตัว บทความของ Giles Thomas เล่าประสบการณ์การ train LLM ขนาดเล็ก (163M parameters) ด้วยการ์ดจอ RTX 3090 ที่บ้าน โดยใช้ชุดข้อมูล FineWeb และ FineWeb-Edu จาก Hugging Face ผลลัพธ์คือสามารถฝึกโมเดล GPT-2 ขนาดเล็กให้มีคุณภาพใกล้เคียงต้นฉบับภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การสร้าง base model ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เฉพาะในห้องแล็บใหญ่ ๆ อีกต่อไป. Giles เริ่มจากแรงบันดาลใจในหนังสือของ Sebastian Raschka ที่สอนการสร้าง LLM จากศูนย์ และตั้งคำถามว่า สามารถฝึกโมเดลจริง ๆ บนเครื่องส่วนตัวได้หรือไม่ เขาเลือกใช้สเปก GPT-2 small (163M parameters, context length 1024, 12 layers, 12 heads) และตัดสินใจไม่ใช้ weight tying เพื่อความง่ายในการทดลอง. 📚 ข้อมูลที่ใช้ในการฝึก เขาเลือกใช้ FineWeb 10B tokens และ FineWeb-Edu ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่คัดกรองเนื้อหาการศึกษา โดยรวมแล้วได้ข้อมูลกว่า 14 ล้านเอกสาร (~29GB) และอีก 9 ล้านเอกสาร (~27GB) จาก FineWeb-Edu หลังจาก tokenize พบว่ามีข้อมูลประมาณ 10 พันล้าน tokens ซึ่งเพียงพอสำหรับการฝึกตาม Chinchilla heuristic (20 tokens ต่อ parameter). ⚡ ประสิทธิภาพการฝึก การทดสอบ batch size พบว่า RTX 3090 สามารถประมวลผลได้ราว 12,000 tokens ต่อวินาที ทำให้การฝึกโมเดล 163M parameters บน 3.2 พันล้าน tokens ใช้เวลาประมาณ 3 วัน ซึ่งถือว่าเป็นไปได้จริงสำหรับเครื่องระดับ consumer. Giles ใช้เทคนิค TF32 และ mixed precision เพื่อเร่งความเร็ว และพบว่า การฝึกแบบ Chinchilla-optimal สามารถเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง. 🌍 ความหมายต่อวงการ AI บทความนี้ชี้ว่า การสร้าง base model ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เฉพาะบริษัทใหญ่ อีกต่อไป นักวิจัยอิสระหรือผู้สนใจสามารถทดลองฝึกโมเดลด้วยเครื่อง consumer-grade ได้แล้ว แม้จะไม่สามารถแข่งขันกับโมเดลระดับพันล้านพารามิเตอร์ แต่ก็เพียงพอสำหรับการศึกษา, การทดลอง และการสร้างโมเดลเฉพาะทาง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปกโมเดลที่ใช้ ➡️ GPT-2 small, 163M parameters, context length 1024 ➡️ ไม่ใช้ weight tying เพื่อความง่าย ✅ ข้อมูลที่ใช้ ➡️ FineWeb 10B tokens (~29GB) ➡️ FineWeb-Edu (~27GB) ➡️ รวมกว่า 10 พันล้าน tokens ✅ ผลการฝึก ➡️ RTX 3090 ทำได้ ~12,000 tokens/วินาที ➡️ ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงในการฝึกจนใกล้เคียง GPT-2 ต้นฉบับ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ไม่สามารถฝึกโมเดลขนาดใหญ่ระดับพันล้านพารามิเตอร์ได้บนเครื่องเดียว ⛔ การใช้ข้อมูลที่ไม่ได้กรองอาจทำให้คุณภาพโมเดลลดลง ⛔ ต้องใช้เทคนิค mixed precision และการจัดการหน่วยความจำอย่างระมัดระวัง https://www.gilesthomas.com/2025/12/llm-from-scratch-28-training-a-base-model-from-scratch
    WWW.GILESTHOMAS.COM
    Writing an LLM from scratch, part 28 -- training a base model from scratch on an RTX 3090
    I felt like it should be possible to train a GPT-2 small level model on my own hardware using modern tools and open datasets from scratch. It was!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคาในปี 2026

    รายงานจาก Office 365 IT Pros ระบุว่า Microsoft จะปรับขึ้นราคา Microsoft 365 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 เป็นต้นไป โดยการปรับครั้งนี้ครอบคลุมทั้ง Enterprise Plans และ Business Plans ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนการพัฒนาและการลงทุนใน AI ที่ Microsoft กำลังผลักดันเข้าสู่ผลิตภัณฑ์.

    รายละเอียดการปรับราคา

    Enterprise Plans (E3/E5) จะมีการปรับขึ้นราคาต่อผู้ใช้ต่อเดือน โดยเฉพาะ E5 ที่เป็นแผนพรีเมียมจะขึ้นมากที่สุด เนื่องจากรวมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง.
    Business Plans (Business Standard/Business Premium) ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้จะไม่มากเท่า Enterprise แต่ก็สะท้อนถึงการเพิ่มมูลค่าจากการรวมฟีเจอร์ AI Copilot และเครื่องมืออัตโนมัติ.

    Microsoft ให้เหตุผลว่า การปรับราคาครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึง การลงทุนใน AI, ความปลอดภัย, และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ที่เพิ่มขึ้น.

    บทบาทของ AI Copilot ในการขึ้นราคา
    หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการรวม Copilot เข้ากับ Microsoft 365 ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI เพื่อช่วยงานเอกสาร, อีเมล, การประชุม และการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Microsoft มองว่า Copilot เป็น “game changer” ที่ทำให้ซอฟต์แวร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องปรับราคา.

    ผลกระทบต่อองค์กรและผู้ใช้
    การปรับราคานี้อาจทำให้ องค์กรขนาดใหญ่ต้องทบทวนงบประมาณ IT และบางธุรกิจ SMB อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น Google Workspace หรือโซลูชัน open-source อย่าง Nextcloud แต่ในอีกด้านหนึ่ง การลงทุนใน Microsoft 365 ที่มี Copilot อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft 365 จะขึ้นราคาในเดือนกรกฎาคม 2026
    ครอบคลุมทั้ง Enterprise Plans และ Business Plans
    Enterprise E5 ขึ้นราคามากที่สุด

    เหตุผลในการปรับราคา
    การลงทุนใน AI Copilot
    การเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูล
    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

    บทบาทของ AI Copilot
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในเอกสาร, อีเมล, การประชุม
    เป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้ Microsoft มองว่าซอฟต์แวร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

    คำเตือนต่อองค์กรและผู้ใช้
    องค์กรต้องเตรียมงบประมาณ IT ให้สอดคล้องกับการปรับราคา
    ธุรกิจ SMB อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า
    การไม่ปรับตัวกับ AI อาจทำให้เสียเปรียบด้านประสิทธิภาพ

    https://office365itpros.com/2025/12/08/microsoft-365-pricing-increase/
    💰 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคาในปี 2026 รายงานจาก Office 365 IT Pros ระบุว่า Microsoft จะปรับขึ้นราคา Microsoft 365 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 เป็นต้นไป โดยการปรับครั้งนี้ครอบคลุมทั้ง Enterprise Plans และ Business Plans ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนการพัฒนาและการลงทุนใน AI ที่ Microsoft กำลังผลักดันเข้าสู่ผลิตภัณฑ์. 📊 รายละเอียดการปรับราคา 💵 Enterprise Plans (E3/E5) จะมีการปรับขึ้นราคาต่อผู้ใช้ต่อเดือน โดยเฉพาะ E5 ที่เป็นแผนพรีเมียมจะขึ้นมากที่สุด เนื่องจากรวมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง. 💵 Business Plans (Business Standard/Business Premium) ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้จะไม่มากเท่า Enterprise แต่ก็สะท้อนถึงการเพิ่มมูลค่าจากการรวมฟีเจอร์ AI Copilot และเครื่องมืออัตโนมัติ. 💠 Microsoft ให้เหตุผลว่า การปรับราคาครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึง การลงทุนใน AI, ความปลอดภัย, และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ที่เพิ่มขึ้น. 🤖 บทบาทของ AI Copilot ในการขึ้นราคา หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการรวม Copilot เข้ากับ Microsoft 365 ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI เพื่อช่วยงานเอกสาร, อีเมล, การประชุม และการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Microsoft มองว่า Copilot เป็น “game changer” ที่ทำให้ซอฟต์แวร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องปรับราคา. ⚠️ ผลกระทบต่อองค์กรและผู้ใช้ การปรับราคานี้อาจทำให้ องค์กรขนาดใหญ่ต้องทบทวนงบประมาณ IT และบางธุรกิจ SMB อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น Google Workspace หรือโซลูชัน open-source อย่าง Nextcloud แต่ในอีกด้านหนึ่ง การลงทุนใน Microsoft 365 ที่มี Copilot อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft 365 จะขึ้นราคาในเดือนกรกฎาคม 2026 ➡️ ครอบคลุมทั้ง Enterprise Plans และ Business Plans ➡️ Enterprise E5 ขึ้นราคามากที่สุด ✅ เหตุผลในการปรับราคา ➡️ การลงทุนใน AI Copilot ➡️ การเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูล ➡️ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ✅ บทบาทของ AI Copilot ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในเอกสาร, อีเมล, การประชุม ➡️ เป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้ Microsoft มองว่าซอฟต์แวร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ‼️ คำเตือนต่อองค์กรและผู้ใช้ ⛔ องค์กรต้องเตรียมงบประมาณ IT ให้สอดคล้องกับการปรับราคา ⛔ ธุรกิจ SMB อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า ⛔ การไม่ปรับตัวกับ AI อาจทำให้เสียเปรียบด้านประสิทธิภาพ https://office365itpros.com/2025/12/08/microsoft-365-pricing-increase/
    OFFICE365ITPROS.COM
    Microsoft Increases Office 365 and Microsoft 365 License Prices
    Customers will see their bills increase from July 1, 2026 when Microsoft 365 pricing increases go into effect, adding up to $3/month for licenses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในต้นทุนซอฟต์แวร์

    บทความของ Martin Alderson ชี้ว่า agentic coding tools และ AI กำลังลดต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์ลงถึง 90% โดยการลดแรงงานซ้ำซ้อนและการประสานงานทีม ทำให้โครงการที่เคยใช้เวลาหนึ่งเดือนสามารถเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจและการใช้งานซอฟต์แวร์ในวงกว้าง

    Martin เล่าว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ตั้งแต่ SaaS, mobile apps, blockchain ไปจนถึง low-code แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2025–2026 คือ การมาถึงของ agentic coding ที่ทำให้ต้นทุนการพัฒนาลดลงอย่างมหาศาล. ตัวอย่างเช่น การสร้างระบบ CRUD และ test suite ที่เคยใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้ AI สามารถทำได้ในไม่กี่ชั่วโมง.

    ลดแรงงานและการประสานงาน
    หนึ่งในต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดของการพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ใช่การเขียนโค้ด แต่คือ การประสานงานทีม เช่น standups, code reviews, handoffs ระหว่าง frontend/backend ซึ่ง AI agents สามารถลดภาระเหล่านี้ลงได้อย่างมาก ทำให้ทีมเล็ก ๆ สามารถทำงานได้เทียบเท่าทีมใหญ่ และลด overhead ที่เคยเป็นอุปสรรค.

    Jevons Paradox และความต้องการที่ซ่อนอยู่
    แม้จะดูเหมือนข่าวร้ายสำหรับนักพัฒนา แต่ Martin ชี้ว่า ต้นทุนที่ลดลงจะกระตุ้นความต้องการใหม่ ๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ Jevons Paradox เช่นเดียวกับไฟฟ้าที่ทำให้การใช้แสงสว่างเพิ่มขึ้นมหาศาล เมื่อซอฟต์แวร์ถูกลง องค์กรที่เคยลังเลจะลงทุนก็พร้อมสร้างแอปใหม่ ๆ เพื่อแทนที่ Excel หรือระบบ manual ที่มีอยู่.

    บทบาทใหม่ของนักพัฒนา
    แม้ AI จะทำงานได้มาก แต่ มนุษย์ยังคงสำคัญในฐานะผู้กำกับและตรวจสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงโค้ดที่ยุ่งเหยิง การมี domain knowledge และความเข้าใจธุรกิจจะกลายเป็น “moat” ที่แท้จริง นักพัฒนาที่ใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะกลายเป็น “10x engineer” ที่สามารถสร้างคุณค่าได้มหาศาล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การลดต้นทุนการพัฒนา
    Agentic coding tools ลดแรงงานซ้ำซ้อนและการประสานงาน
    โครงการที่เคยใช้เวลาหนึ่งเดือนเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ต้นทุนที่ลดลงกระตุ้นความต้องการใหม่ ๆ ตาม Jevons Paradox
    องค์กรพร้อมสร้างซอฟต์แวร์แทนระบบ manual

    บทบาทใหม่ของนักพัฒนา
    มนุษย์ยังจำเป็นในการตรวจสอบและกำกับ AI
    Domain knowledge กลายเป็นข้อได้เปรียบหลัก

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
    นักพัฒนาที่เพิกเฉยต่อ AI อาจถูกแทนที่เร็ว
    การพึ่งพา AI โดยไม่มี oversight อาจสร้างโค้ดที่ยุ่งเหยิง
    องค์กรใหญ่ที่ช้าในการปรับตัวจะเสียเปรียบต่อคู่แข่งที่คล่องตัว

    https://martinalderson.com/posts/has-the-cost-of-software-just-dropped-90-percent/
    💻 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในต้นทุนซอฟต์แวร์ บทความของ Martin Alderson ชี้ว่า agentic coding tools และ AI กำลังลดต้นทุนการพัฒนาซอฟต์แวร์ลงถึง 90% โดยการลดแรงงานซ้ำซ้อนและการประสานงานทีม ทำให้โครงการที่เคยใช้เวลาหนึ่งเดือนสามารถเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจและการใช้งานซอฟต์แวร์ในวงกว้าง Martin เล่าว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ตั้งแต่ SaaS, mobile apps, blockchain ไปจนถึง low-code แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2025–2026 คือ การมาถึงของ agentic coding ที่ทำให้ต้นทุนการพัฒนาลดลงอย่างมหาศาล. ตัวอย่างเช่น การสร้างระบบ CRUD และ test suite ที่เคยใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้ AI สามารถทำได้ในไม่กี่ชั่วโมง. ⚡ ลดแรงงานและการประสานงาน หนึ่งในต้นทุนที่ใหญ่ที่สุดของการพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ใช่การเขียนโค้ด แต่คือ การประสานงานทีม เช่น standups, code reviews, handoffs ระหว่าง frontend/backend ซึ่ง AI agents สามารถลดภาระเหล่านี้ลงได้อย่างมาก ทำให้ทีมเล็ก ๆ สามารถทำงานได้เทียบเท่าทีมใหญ่ และลด overhead ที่เคยเป็นอุปสรรค. 📈 Jevons Paradox และความต้องการที่ซ่อนอยู่ แม้จะดูเหมือนข่าวร้ายสำหรับนักพัฒนา แต่ Martin ชี้ว่า ต้นทุนที่ลดลงจะกระตุ้นความต้องการใหม่ ๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ Jevons Paradox เช่นเดียวกับไฟฟ้าที่ทำให้การใช้แสงสว่างเพิ่มขึ้นมหาศาล เมื่อซอฟต์แวร์ถูกลง องค์กรที่เคยลังเลจะลงทุนก็พร้อมสร้างแอปใหม่ ๆ เพื่อแทนที่ Excel หรือระบบ manual ที่มีอยู่. 🧠 บทบาทใหม่ของนักพัฒนา แม้ AI จะทำงานได้มาก แต่ มนุษย์ยังคงสำคัญในฐานะผู้กำกับและตรวจสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงโค้ดที่ยุ่งเหยิง การมี domain knowledge และความเข้าใจธุรกิจจะกลายเป็น “moat” ที่แท้จริง นักพัฒนาที่ใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะกลายเป็น “10x engineer” ที่สามารถสร้างคุณค่าได้มหาศาล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การลดต้นทุนการพัฒนา ➡️ Agentic coding tools ลดแรงงานซ้ำซ้อนและการประสานงาน ➡️ โครงการที่เคยใช้เวลาหนึ่งเดือนเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ ✅ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ➡️ ต้นทุนที่ลดลงกระตุ้นความต้องการใหม่ ๆ ตาม Jevons Paradox ➡️ องค์กรพร้อมสร้างซอฟต์แวร์แทนระบบ manual ✅ บทบาทใหม่ของนักพัฒนา ➡️ มนุษย์ยังจำเป็นในการตรวจสอบและกำกับ AI ➡️ Domain knowledge กลายเป็นข้อได้เปรียบหลัก ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ⛔ นักพัฒนาที่เพิกเฉยต่อ AI อาจถูกแทนที่เร็ว ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่มี oversight อาจสร้างโค้ดที่ยุ่งเหยิง ⛔ องค์กรใหญ่ที่ช้าในการปรับตัวจะเสียเปรียบต่อคู่แข่งที่คล่องตัว https://martinalderson.com/posts/has-the-cost-of-software-just-dropped-90-percent/
    MARTINALDERSON.COM
    Has the cost of building software just dropped 90%?
    Agentic coding tools are dramatically reducing software development costs. Here's why 2026 is going to catch a lot of people off guard.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอคอนในเมนู: จากประโยชน์สู่ความสับสน

    บทความของ Jim Nielsen วิจารณ์การออกแบบเมนูที่ใส่ไอคอนในทุกตัวเลือก โดยมองว่าเป็น “visual noise” ที่เพิ่มภาระในการอ่านและเข้าใจเมนู แทนที่จะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น และยังชี้ว่า Apple เองก็ละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยแนะนำไว้ก่อนหน้านี้

    Jim Nielsen เล่าว่าตนไม่ชอบแนวคิด “ใส่ไอคอนในทุกเมนูเป็นค่าเริ่มต้น” เพราะมันทำให้เกิด ความรกทางสายตา (visual clutter) และเพิ่มภาระในการตีความ เช่นใน Google Sheets ที่ทุกเมนูมีไอคอนหมด ซึ่งกลายเป็นการใส่สัญลักษณ์เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ มากกว่าการช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจ.

    ตัวอย่างจาก macOS Tahoe
    เขายกตัวอย่างว่า macOS รุ่นก่อน ๆ เคยหลีกเลี่ยงการใส่ไอคอนในทุกเมนู แต่เมื่อ macOS Tahoe เปิดตัวกลับมีไอคอนเต็มไปหมด เช่นใน Safari บางเมนูมีไอคอน แต่บางเมนูกลับไม่มี ทั้งที่ฟีเจอร์นั้นก็มีไอคอนอยู่แล้วใน toolbar เช่น “Privacy Report” สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า เกณฑ์การเลือกใส่ไอคอนคืออะไร และทำให้ผู้ใช้สับสนมากขึ้น.

    เมื่อไอคอนซ้อนกับ Toggle
    ในเมนู “View” ของ Safari และ Mail มีทั้งข้อความ, toggle (เครื่องหมายถูก), และไอคอนรวมกัน ทำให้เกิดปัญหาการจัดเรียงและการตีความ เช่นบางเมนูมีทั้งไอคอนและ toggle จนผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการแยกแยะมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของการออกแบบที่ควรทำให้เข้าใจง่าย.

    Apple ละเมิดแนวทางของตัวเอง
    สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple เคยมี Human Interface Guidelines ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 1992, 2005 และ 2020 ว่า “ไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็นในเมนู เพราะจะทำให้เกิดความสับสน” แต่เมนูใน macOS Tahoe กลับตรงข้ามกับแนวทางนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า Apple เองก็ละทิ้งหลักการที่เคยยึดถือ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ปัญหาของการใส่ไอคอนในทุกเมนู
    สร้างความรกทางสายตาและเพิ่มภาระในการตีความ
    กลายเป็นการใส่ไอคอนเพื่อเติมเต็มพื้นที่มากกว่าช่วยผู้ใช้

    ตัวอย่างจาก macOS Tahoe และ Safari
    บางเมนูมีไอคอน บางเมนูไม่มี ทั้งที่ควรมีความสม่ำเสมอ
    เมนู “View” มีทั้งข้อความ, toggle, และไอคอนรวมกันจนซับซ้อน

    แนวทางการออกแบบที่ Apple เคยแนะนำ
    Human Interface Guidelines ระบุว่าไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็น
    เมนูใน macOS Tahoe กลับละเมิดแนวทางนี้

    คำเตือนต่อการออกแบบ UX/UI
    การใส่ไอคอนโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้สับสน
    การละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยยึดถือ อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง

    https://blog.jim-nielsen.com/2025/icons-in-menus/
    🖼️ ไอคอนในเมนู: จากประโยชน์สู่ความสับสน บทความของ Jim Nielsen วิจารณ์การออกแบบเมนูที่ใส่ไอคอนในทุกตัวเลือก โดยมองว่าเป็น “visual noise” ที่เพิ่มภาระในการอ่านและเข้าใจเมนู แทนที่จะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น และยังชี้ว่า Apple เองก็ละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยแนะนำไว้ก่อนหน้านี้ Jim Nielsen เล่าว่าตนไม่ชอบแนวคิด “ใส่ไอคอนในทุกเมนูเป็นค่าเริ่มต้น” เพราะมันทำให้เกิด ความรกทางสายตา (visual clutter) และเพิ่มภาระในการตีความ เช่นใน Google Sheets ที่ทุกเมนูมีไอคอนหมด ซึ่งกลายเป็นการใส่สัญลักษณ์เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ มากกว่าการช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจ. 🍏 ตัวอย่างจาก macOS Tahoe เขายกตัวอย่างว่า macOS รุ่นก่อน ๆ เคยหลีกเลี่ยงการใส่ไอคอนในทุกเมนู แต่เมื่อ macOS Tahoe เปิดตัวกลับมีไอคอนเต็มไปหมด เช่นใน Safari บางเมนูมีไอคอน แต่บางเมนูกลับไม่มี ทั้งที่ฟีเจอร์นั้นก็มีไอคอนอยู่แล้วใน toolbar เช่น “Privacy Report” สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า เกณฑ์การเลือกใส่ไอคอนคืออะไร และทำให้ผู้ใช้สับสนมากขึ้น. 📐 เมื่อไอคอนซ้อนกับ Toggle ในเมนู “View” ของ Safari และ Mail มีทั้งข้อความ, toggle (เครื่องหมายถูก), และไอคอนรวมกัน ทำให้เกิดปัญหาการจัดเรียงและการตีความ เช่นบางเมนูมีทั้งไอคอนและ toggle จนผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการแยกแยะมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของการออกแบบที่ควรทำให้เข้าใจง่าย. 📖 Apple ละเมิดแนวทางของตัวเอง สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple เคยมี Human Interface Guidelines ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 1992, 2005 และ 2020 ว่า “ไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็นในเมนู เพราะจะทำให้เกิดความสับสน” แต่เมนูใน macOS Tahoe กลับตรงข้ามกับแนวทางนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า Apple เองก็ละทิ้งหลักการที่เคยยึดถือ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ปัญหาของการใส่ไอคอนในทุกเมนู ➡️ สร้างความรกทางสายตาและเพิ่มภาระในการตีความ ➡️ กลายเป็นการใส่ไอคอนเพื่อเติมเต็มพื้นที่มากกว่าช่วยผู้ใช้ ✅ ตัวอย่างจาก macOS Tahoe และ Safari ➡️ บางเมนูมีไอคอน บางเมนูไม่มี ทั้งที่ควรมีความสม่ำเสมอ ➡️ เมนู “View” มีทั้งข้อความ, toggle, และไอคอนรวมกันจนซับซ้อน ✅ แนวทางการออกแบบที่ Apple เคยแนะนำ ➡️ Human Interface Guidelines ระบุว่าไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็น ➡️ เมนูใน macOS Tahoe กลับละเมิดแนวทางนี้ ‼️ คำเตือนต่อการออกแบบ UX/UI ⛔ การใส่ไอคอนโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้สับสน ⛔ การละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยยึดถือ อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง https://blog.jim-nielsen.com/2025/icons-in-menus/
    BLOG.JIM-NIELSEN.COM
    Icons in Menus Everywhere — Send Help
    Writing about the big beautiful mess that is making things for the world wide web.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts