• Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC

    Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI

    เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4
    Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium

    มุมมองในอนาคต
    Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า
    รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว

    NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป
    รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets

    Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า
    เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink

    Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง
    แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium

    การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon

    ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน
    การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น

    https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    ⚡ Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI 🔧 เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4 Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium 📊 มุมมองในอนาคต Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า ➡️ รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว ✅ NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป ➡️ รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets ✅ Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า ➡️ เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink ✅ Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง ➡️ แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium ‼️ การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon ‼️ ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน ⛔ การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    WCCFTECH.COM
    Amazon Is ‘All-In’ in the Race for a Competitive ASIC Portfolio, Showcasing New Trainium3 Servers and Next-Gen Trainium4 Chips
    Amazon has ramped up the ASIC race by showcasing Trainium3 server configurations and next-generation Trainium4 chips.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • Apple ลดรางวัล Security Bounty บน macOS

    Apple ได้ปรับลดเงินรางวัลสำหรับการค้นพบช่องโหว่บน macOS อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในหมวด Transparency, Consent, and Control (TCC) bypasses ที่ลดลงจาก 30,500 ดอลลาร์เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ ขณะที่ sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 10,000 ดอลลาร์เหลือ 5,000 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจาก Apple เพิ่งเพิ่มรางวัลสูงสุดในโปรแกรม ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงใจในการสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัย

    รายละเอียดการปรับลด
    TCC bypasses: ลดลง 83%
    Sandbox escapes: ลดลง 50%
    การเข้าถึงข้อมูลที่ป้องกันโดย TCC โดยไม่ใช้ Target Flag: ลดเหลือ 1,000 ดอลลาร์

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยอย่าง Csaba Fitzl ได้โพสต์บน LinkedIn วิจารณ์ว่า Apple กำลัง “ประหยัดผิดที่” และอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหมดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักวิจัย
    แม้ Apple จะมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode, สถาปัตยกรรม Safari ที่อัปเกรดใหม่ และ Memory Integrity Enforcement ในชิป A19 แต่การลดรางวัลอาจทำให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ส่งผลให้ Mac มีความเสี่ยงมากขึ้นในระยะยาว

    มุมมองในอนาคต
    การตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “ก้าวถอยหลัง” ของ Apple ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หากบริษัทไม่ปรับปรุงแนวทาง อาจทำให้ผู้ใช้และนักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้การสนับสนุนมากกว่า

    สรุปสาระสำคัญ
    Apple ลดเงินรางวัลใน macOS Security Bounty อย่างมาก
    TCC bypasses ลดจาก $30,500 เหลือ $5,000

    Sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่ง
    จาก $10,000 เหลือ $5,000

    ยังมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode และ Memory Integrity Enforcement
    ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับระบบ

    การลดรางวัลอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญหมดแรงจูงใจ
    ส่งผลให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง

    Mac อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น
    ผู้ใช้ควรระวังและอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ

    https://wccftech.com/does-apple-hate-macs-macos-security-bounties-drastically-slashed/
    🍏 Apple ลดรางวัล Security Bounty บน macOS Apple ได้ปรับลดเงินรางวัลสำหรับการค้นพบช่องโหว่บน macOS อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในหมวด Transparency, Consent, and Control (TCC) bypasses ที่ลดลงจาก 30,500 ดอลลาร์เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ ขณะที่ sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 10,000 ดอลลาร์เหลือ 5,000 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจาก Apple เพิ่งเพิ่มรางวัลสูงสุดในโปรแกรม ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงใจในการสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัย 🔧 รายละเอียดการปรับลด 💠 TCC bypasses: ลดลง 83% 💠 Sandbox escapes: ลดลง 50% 💠 การเข้าถึงข้อมูลที่ป้องกันโดย TCC โดยไม่ใช้ Target Flag: ลดเหลือ 1,000 ดอลลาร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยอย่าง Csaba Fitzl ได้โพสต์บน LinkedIn วิจารณ์ว่า Apple กำลัง “ประหยัดผิดที่” และอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหมดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่ 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักวิจัย แม้ Apple จะมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode, สถาปัตยกรรม Safari ที่อัปเกรดใหม่ และ Memory Integrity Enforcement ในชิป A19 แต่การลดรางวัลอาจทำให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ส่งผลให้ Mac มีความเสี่ยงมากขึ้นในระยะยาว 📊 มุมมองในอนาคต การตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “ก้าวถอยหลัง” ของ Apple ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หากบริษัทไม่ปรับปรุงแนวทาง อาจทำให้ผู้ใช้และนักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้การสนับสนุนมากกว่า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Apple ลดเงินรางวัลใน macOS Security Bounty อย่างมาก ➡️ TCC bypasses ลดจาก $30,500 เหลือ $5,000 ✅ Sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่ง ➡️ จาก $10,000 เหลือ $5,000 ✅ ยังมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode และ Memory Integrity Enforcement ➡️ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับระบบ ‼️ การลดรางวัลอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญหมดแรงจูงใจ ⛔ ส่งผลให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ‼️ Mac อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ⛔ ผู้ใช้ควรระวังและอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ https://wccftech.com/does-apple-hate-macs-macos-security-bounties-drastically-slashed/
    WCCFTECH.COM
    Does Apple Hate Macs? macOS Security Bounties Drastically Slashed
    By arbitrarily curtailing the security bounty for finding vulnerabilities in the macOS, Apple has taken an apparent regressive step.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • Snapdragon X Plus บนโน้ตบุ๊กสร้างความผิดหวัง

    ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เผยประสบการณ์เลวร้ายด้านซอฟต์แวร์ ทั้งบั๊ก การขาดการอัปเดต และปัญหาความเข้ากันได้ ทำให้ภาพลักษณ์ของ Qualcomm และพันธมิตร OEM ถูกตั้งคำถาม

    ผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit ได้แชร์ประสบการณ์กับ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ชิป Snapdragon X Plus โดยระบุว่าเครื่องเต็มไปด้วยบั๊กและไม่ได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่เพียงพอ แม้ตัวชิปจะมีสเปกที่น่าสนใจบนกระดาษ แต่การใช้งานจริงกลับไม่เสถียรและทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

    ปัญหาที่พบ
    เจ้าของเครื่องระบุว่า SQL Server ไม่สามารถใช้งานได้ บนแพลตฟอร์มนี้ อีกทั้งยังมีปัญหาด้านไดรเวอร์และบั๊ก เช่น หน้าต่างกระพริบเป็นสีขาวเมื่อสลับโปรแกรม และเครื่องหน่วงแม้เพียงแค่ใช้งานบนหน้า Desktop การรีฟอร์แมต Windows ช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่การแก้ไขถาวร

    การสนับสนุนที่ขาดหาย
    ASUS ไม่ได้ปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกละเลย ขณะที่ Qualcomm เองก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทำงานร่วมกับ OEM อย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและบางรายถึงขั้นเปรียบเทียบว่า “ซื้อ MacBook ยังดีกว่า”

    ผลกระทบต่ออนาคต
    Qualcomm เตรียมเปิดตัว Snapdragon X2 Elite Extreme ในปีหน้า แต่หากไม่แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และการสนับสนุนร่วมกับพันธมิตร OEM ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ก็อาจลดลง และเปิดโอกาสให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เจอปัญหาหนัก
    บั๊ก หน้าต่างกระพริบ เครื่องหน่วงแม้ใช้งานทั่วไป

    SQL Server และซอฟต์แวร์บางตัวไม่รองรับ
    ทำให้ใช้งานด้านการเรียนและงานพัฒนาไม่ได้

    ASUS ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่กลางปี 2025
    ผู้ใช้รู้สึกถูกละเลยและขาดการสนับสนุน

    Qualcomm ถูกวิจารณ์ว่าละเลยการทำงานร่วมกับ OEM
    ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและเสียความเชื่อมั่น

    หากไม่แก้ไข อนาคต Snapdragon X2 Elite อาจล้มเหลว
    เปิดทางให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น

    https://wccftech.com/snapdragon-x-plus-laptop-owner-describes-horrible-software-experience/
    💻 Snapdragon X Plus บนโน้ตบุ๊กสร้างความผิดหวัง ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เผยประสบการณ์เลวร้ายด้านซอฟต์แวร์ ทั้งบั๊ก การขาดการอัปเดต และปัญหาความเข้ากันได้ ทำให้ภาพลักษณ์ของ Qualcomm และพันธมิตร OEM ถูกตั้งคำถาม ผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit ได้แชร์ประสบการณ์กับ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ชิป Snapdragon X Plus โดยระบุว่าเครื่องเต็มไปด้วยบั๊กและไม่ได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่เพียงพอ แม้ตัวชิปจะมีสเปกที่น่าสนใจบนกระดาษ แต่การใช้งานจริงกลับไม่เสถียรและทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ⚠️ ปัญหาที่พบ เจ้าของเครื่องระบุว่า SQL Server ไม่สามารถใช้งานได้ บนแพลตฟอร์มนี้ อีกทั้งยังมีปัญหาด้านไดรเวอร์และบั๊ก เช่น หน้าต่างกระพริบเป็นสีขาวเมื่อสลับโปรแกรม และเครื่องหน่วงแม้เพียงแค่ใช้งานบนหน้า Desktop การรีฟอร์แมต Windows ช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่การแก้ไขถาวร 🛠️ การสนับสนุนที่ขาดหาย ASUS ไม่ได้ปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกละเลย ขณะที่ Qualcomm เองก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทำงานร่วมกับ OEM อย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและบางรายถึงขั้นเปรียบเทียบว่า “ซื้อ MacBook ยังดีกว่า” 🌍 ผลกระทบต่ออนาคต Qualcomm เตรียมเปิดตัว Snapdragon X2 Elite Extreme ในปีหน้า แต่หากไม่แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และการสนับสนุนร่วมกับพันธมิตร OEM ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ก็อาจลดลง และเปิดโอกาสให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เจอปัญหาหนัก ➡️ บั๊ก หน้าต่างกระพริบ เครื่องหน่วงแม้ใช้งานทั่วไป ✅ SQL Server และซอฟต์แวร์บางตัวไม่รองรับ ➡️ ทำให้ใช้งานด้านการเรียนและงานพัฒนาไม่ได้ ✅ ASUS ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่กลางปี 2025 ➡️ ผู้ใช้รู้สึกถูกละเลยและขาดการสนับสนุน ‼️ Qualcomm ถูกวิจารณ์ว่าละเลยการทำงานร่วมกับ OEM ⛔ ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและเสียความเชื่อมั่น ‼️ หากไม่แก้ไข อนาคต Snapdragon X2 Elite อาจล้มเหลว ⛔ เปิดทางให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น https://wccftech.com/snapdragon-x-plus-laptop-owner-describes-horrible-software-experience/
    WCCFTECH.COM
    Qualcomm’s Lack Of Commitment With Windows Laptops On The Software Front Brought To Light By A Snapdragon X Plus-Powered Machine Owner
    Laptops with chipsets like the Snapdragon X Plus won’t pick up in popularity, as one user describes a horrible software experience due to the lack of Qualcomm’s efforts
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • มาราธอนขายหน้าโลก โคตรจะแมนใช้บิบผู้หญิงวิ่ง

    การจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2025 ที่สนามหลวงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) นอกจากนักวิ่งกว่า 36,000 คน จะประสบปัญหาเรื่องการจัดการด้านเส้นทางวิ่ง จุดปฐมพยาบาล ห้องน้ำ อาหารและของว่างที่ยังบกพร่อง รวมไปถึงเสื้อ Finisher ที่แจกให้กับนักวิ่ง 42.195 และ 21.1 กิโลเมตร กลับมีข้อบกพร่องในการแจก นักวิ่งบางคนเห็นแก่ตัว วนไปรับเสื้อซ้ำแล้วเอาไปขาย ทำให้นักวิ่งที่มาทีหลังจำนวนมากไม่ได้รับแจกเสื้อ ผู้จัดการแข่งขันต้องให้นักวิ่งลงชื่อเอาไว้ แล้วจะส่งอีเมลแจ้งการส่งเสื้อภายหลัง

    แต่ที่หนักที่สุดคือการที่นักวิ่งชายนำบิบ (BIB) หรือป้ายหมายเลขประจำตัวนักวิ่งของผู้หญิง ซึ่งไม่ตรงกับเพศและอายุไปวิ่ง ทำให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนอื่นที่ทำตามกติกาเสียโอกาสในการเก็บสถิติและรับรางวัล เช่น นักวิ่งชายรายหนึ่ง เอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ ทำให้นักวิ่งหญิงที่ทำตามกติกาพลาดโอกาสได้รางวัลที่ 1 เพราะลำดับที่ 1 กลับไม่มารายงานตัว พอไปตรวจสอบเลขบิบย้อนหลังปรากฎว่าเป็นนักวิ่งชาย

    รายต่อมามีทั้งนักวิ่งชายเอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ นักวิ่งหญิงที่วิ่งตามกติกานอกจากพลาดโอกาสในการรับรางวัลแล้ว ในแต่ละอันดับเงินรางวัลก็แตกต่างกันอีกด้วย ภายหลังมีการแก้ไขอันดับใหม่และขยับอันดับขึ้น รายที่สาม นักวิ่งชายเอาบิบระยะ 10 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลอันดับสอง นักวิ่งหญิงอีกคนพลาดโอกาสที่จะได้รางวัลที่สูงขึ้นเช่นกัน

    ที่หนักที่สุด คือนักวิ่งชายรายหนึ่งถอดบิบออก เอาชิปที่ติดด้านหลังบิบใส่ไว้ในเสื้อ แล้ววิ่งโดยไม่ติดบิบ จนติดอันดับ 3 รุ่น Overall Thai female แล้วทำให้นักวิ่งหญิงคนอื่นเดือดร้อน เพราะมีชื่อที่ไม่คุ้น ทีแรกกรรมการอ้างว่าเช็กทุกคนว่าหญิงหรือชาย ไม่ยอมให้ดูรูปตอนเข้าเส้นชัย ภายหลังมีระบบผิดพลาดหลายรุ่นจึงยอมให้ดูรูป พบว่าเป็นผู้ชายเอาบิบผู้หญิงมาวิ่ง แล้วซ่อนบิบไว้ในเสื้อไม่เห็นอะไรเลย แต่เวลาตรงตามชื่อผู้หญิงคนที่เข้าเส้นชัย กรรมการจึงขยับผู้ที่ทำตามกติกาขึ้นมา

    หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ หญิงรายหนึ่งอ้างว่าเป็นแฟนของนักวิ่งชาย ส่งข้อความข่มขู่ให้ลบโพสต์ อ้างว่าแฟนเป็นตำรวจจะดำเนินคดี แต่ภายหลังนักวิ่งคนดังกล่าวอ้างว่าแจ้งเจ้าหน้าไปที่แล้วว่าซื้อบิบต่อมา และอ้างว่าไม่ทราบ ถ้ารับบิบต่อจากคนอื่นมาแล้วต้องแกะชิปออก ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนที่ข่มขู่จึงมีน้ำเสียงอ่อนลง

    #Newskit
    มาราธอนขายหน้าโลก โคตรจะแมนใช้บิบผู้หญิงวิ่ง การจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2025 ที่สนามหลวงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) นอกจากนักวิ่งกว่า 36,000 คน จะประสบปัญหาเรื่องการจัดการด้านเส้นทางวิ่ง จุดปฐมพยาบาล ห้องน้ำ อาหารและของว่างที่ยังบกพร่อง รวมไปถึงเสื้อ Finisher ที่แจกให้กับนักวิ่ง 42.195 และ 21.1 กิโลเมตร กลับมีข้อบกพร่องในการแจก นักวิ่งบางคนเห็นแก่ตัว วนไปรับเสื้อซ้ำแล้วเอาไปขาย ทำให้นักวิ่งที่มาทีหลังจำนวนมากไม่ได้รับแจกเสื้อ ผู้จัดการแข่งขันต้องให้นักวิ่งลงชื่อเอาไว้ แล้วจะส่งอีเมลแจ้งการส่งเสื้อภายหลัง แต่ที่หนักที่สุดคือการที่นักวิ่งชายนำบิบ (BIB) หรือป้ายหมายเลขประจำตัวนักวิ่งของผู้หญิง ซึ่งไม่ตรงกับเพศและอายุไปวิ่ง ทำให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนอื่นที่ทำตามกติกาเสียโอกาสในการเก็บสถิติและรับรางวัล เช่น นักวิ่งชายรายหนึ่ง เอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ ทำให้นักวิ่งหญิงที่ทำตามกติกาพลาดโอกาสได้รางวัลที่ 1 เพราะลำดับที่ 1 กลับไม่มารายงานตัว พอไปตรวจสอบเลขบิบย้อนหลังปรากฎว่าเป็นนักวิ่งชาย รายต่อมามีทั้งนักวิ่งชายเอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ นักวิ่งหญิงที่วิ่งตามกติกานอกจากพลาดโอกาสในการรับรางวัลแล้ว ในแต่ละอันดับเงินรางวัลก็แตกต่างกันอีกด้วย ภายหลังมีการแก้ไขอันดับใหม่และขยับอันดับขึ้น รายที่สาม นักวิ่งชายเอาบิบระยะ 10 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลอันดับสอง นักวิ่งหญิงอีกคนพลาดโอกาสที่จะได้รางวัลที่สูงขึ้นเช่นกัน ที่หนักที่สุด คือนักวิ่งชายรายหนึ่งถอดบิบออก เอาชิปที่ติดด้านหลังบิบใส่ไว้ในเสื้อ แล้ววิ่งโดยไม่ติดบิบ จนติดอันดับ 3 รุ่น Overall Thai female แล้วทำให้นักวิ่งหญิงคนอื่นเดือดร้อน เพราะมีชื่อที่ไม่คุ้น ทีแรกกรรมการอ้างว่าเช็กทุกคนว่าหญิงหรือชาย ไม่ยอมให้ดูรูปตอนเข้าเส้นชัย ภายหลังมีระบบผิดพลาดหลายรุ่นจึงยอมให้ดูรูป พบว่าเป็นผู้ชายเอาบิบผู้หญิงมาวิ่ง แล้วซ่อนบิบไว้ในเสื้อไม่เห็นอะไรเลย แต่เวลาตรงตามชื่อผู้หญิงคนที่เข้าเส้นชัย กรรมการจึงขยับผู้ที่ทำตามกติกาขึ้นมา หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ หญิงรายหนึ่งอ้างว่าเป็นแฟนของนักวิ่งชาย ส่งข้อความข่มขู่ให้ลบโพสต์ อ้างว่าแฟนเป็นตำรวจจะดำเนินคดี แต่ภายหลังนักวิ่งคนดังกล่าวอ้างว่าแจ้งเจ้าหน้าไปที่แล้วว่าซื้อบิบต่อมา และอ้างว่าไม่ทราบ ถ้ารับบิบต่อจากคนอื่นมาแล้วต้องแกะชิปออก ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนที่ข่มขู่จึงมีน้ำเสียงอ่อนลง #Newskit
    1 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL)
    ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน

    ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์
    หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ

    ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์
    แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด

    สรุปสาระสำคัญ
    รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์
    ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act

    xLight พัฒนา FEL-based EUV light source
    ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา

    เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้
    เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป

    เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง
    ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ

    บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ
    อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    💡 สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ⚙️ เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL) ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน 🌍 ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ 📊 ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์ แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ➡️ ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act ✅ xLight พัฒนา FEL-based EUV light source ➡️ ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา ✅ เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป ‼️ เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง ⛔ ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ ‼️ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ⛔ อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red”

    ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก

    จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
    Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    การแข่งขันที่ดุเดือด
    นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต

    มิติทางธุรกิจ
    Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน

    สรุปสาระสำคัญ
    OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT
    หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก

    Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT
    เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง

    คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้
    Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด

    Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน
    กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ

    GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน
    อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น

    การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
    หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
    🚨 OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red” ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก ⚙️ จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า 🌍 การแข่งขันที่ดุเดือด นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต 💰 มิติทางธุรกิจ Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT ➡️ หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก ✅ Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT ➡️ เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง ✅ คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้ ➡️ Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด ✅ Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน ➡️ กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ ‼️ GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน ⛔ อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น ‼️ การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ⛔ หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: จีนออกใบอนุญาตส่งออกแร่หายากแบบใหม่

    รัฐบาลจีนได้ออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” ให้กับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ เช่น JL Mag Rare Earth, Ningbo Yunsheng และ Beijing Zhong Ke San Huan High-Tech การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า

    รายละเอียดของใบอนุญาต
    ใบอนุญาตใหม่นี้มีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณีเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กรอบการควบคุมยังคงอยู่ เพียงแต่มีช่องทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูกค้าที่ได้รับอนุมัติ

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    มาตรการนี้ช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ แต่ผลกระทบจะไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน เนื่องจากใบอนุญาตผูกกับลูกค้าเฉพาะราย บางบริษัทอาจได้ประโยชน์ทันที ขณะที่บางรายยังต้องรอการอนุมัติในอนาคต

    มุมมองในอนาคต
    แม้จะมีการผ่อนคลาย แต่จีนยังคงควบคุมอุตสาหกรรมแร่หายากอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนแม่เหล็กถาวรที่ใช้ใน มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเพียงการเปิดช่องทางใหม่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด

    สรุปสาระสำคัญ
    จีนออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” สำหรับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวร
    ครอบคลุม JL Mag, Ningbo Yunsheng และ Zhong Ke San Huan

    ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล
    ลดขั้นตอนการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณี

    ช่วยให้การส่งออกเร็วขึ้นและเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้า
    แต่ผลกระทบไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน

    กรอบการควบคุมยังคงอยู่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัด
    ผู้ผลิตที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อยังต้องรอการอนุมัติ

    อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวรยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีน
    มีผลต่อเทคโนโลยีสำคัญ เช่น มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-issues-first-batch-of-general-rare-earth-export-licenses-to-magnet-makers
    🌏 ข่าวใหญ่: จีนออกใบอนุญาตส่งออกแร่หายากแบบใหม่ รัฐบาลจีนได้ออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” ให้กับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ เช่น JL Mag Rare Earth, Ningbo Yunsheng และ Beijing Zhong Ke San Huan High-Tech การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า 🔧 รายละเอียดของใบอนุญาต ใบอนุญาตใหม่นี้มีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณีเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กรอบการควบคุมยังคงอยู่ เพียงแต่มีช่องทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูกค้าที่ได้รับอนุมัติ 📉 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม มาตรการนี้ช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ แต่ผลกระทบจะไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน เนื่องจากใบอนุญาตผูกกับลูกค้าเฉพาะราย บางบริษัทอาจได้ประโยชน์ทันที ขณะที่บางรายยังต้องรอการอนุมัติในอนาคต 📊 มุมมองในอนาคต แม้จะมีการผ่อนคลาย แต่จีนยังคงควบคุมอุตสาหกรรมแร่หายากอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนแม่เหล็กถาวรที่ใช้ใน มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเพียงการเปิดช่องทางใหม่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จีนออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” สำหรับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวร ➡️ ครอบคลุม JL Mag, Ningbo Yunsheng และ Zhong Ke San Huan ✅ ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ➡️ ลดขั้นตอนการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณี ✅ ช่วยให้การส่งออกเร็วขึ้นและเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้า ➡️ แต่ผลกระทบไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน ‼️ กรอบการควบคุมยังคงอยู่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัด ⛔ ผู้ผลิตที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อยังต้องรอการอนุมัติ ‼️ อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวรยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีน ⛔ มีผลต่อเทคโนโลยีสำคัญ เช่น มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-issues-first-batch-of-general-rare-earth-export-licenses-to-magnet-makers
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • Nvidia เสียพื้นที่ให้คู่แข่งในตลาด GPU

    ตลาดการ์ดจอไตรมาส 3 ปี 2025 แสดงให้เห็นว่า Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดเล็กน้อยให้กับ AMD และ Intel โดย Nvidia ยังครองกว่า 90% แต่ AMD และ Intel กำลังค่อย ๆ ขยับขึ้น

    รายงานล่าสุดจาก Jon Peddie Research (JPR) เผยว่าในไตรมาส 3 ปี 2025 Nvidia มีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 94% เหลือ 92% แม้ยังครองตลาดแบบเกือบเบ็ดเสร็จ แต่การลดลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของคู่แข่ง โดยเฉพาะ AMD ที่มีการเปิดตัว Radeon RX 9000 series และ Intel ที่สามารถทะลุ 1% ส่วนแบ่งตลาด ได้เป็นครั้งแรก

    AMD และ Intel กำลังไล่บี้
    AMD ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว RDNA 4-based Radeon RX 9070 XT ที่ได้รับความนิยมทั้งในสื่อและร้านค้า ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7% ขณะที่ Intel แม้ยังเป็นผู้เล่นเล็ก แต่การทะลุ 1% ถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดที่ถูกครองโดย Nvidia มานาน การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งบอกว่าตลาดเริ่มมีการแข่งขันมากขึ้น

    ปัจจัยภายนอกที่กระทบตลาด
    การเติบโตของตลาด GPU ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.8% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 11.4% สาเหตุหลักมาจากการ “panic buying” ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภาษี ทำให้ยอดขายถูกดึงไปก่อนหน้า ส่งผลให้การเติบโตใน Q3 ต่ำกว่าปกติ

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ Nvidia ยังครองตลาด แต่ JPR คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของตลาด GPU ระหว่างปี 2024-2029 อาจติดลบ (-0.7% CAGR) เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ขับเคลื่อนโดยปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    Nvidia ยังครองตลาด GPU กว่า 92%
    ลดลงจาก 94% ในไตรมาสก่อนหน้า

    AMD เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 7%
    ได้แรงหนุนจาก Radeon RX 9000 series

    Intel ทะลุ 1% ส่วนแบ่งตลาดเป็นครั้งแรก
    ถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดที่แข่งขันสูง

    ตลาด GPU โตเพียง 2.8% ใน Q3 2025
    ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 11.4%

    ความเสี่ยงจากภาษีและเศรษฐกิจโลกยังคงสูง
    อาจทำให้ตลาดเติบโตติดลบในระยะ 5 ปีข้างหน้า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/latest-gpu-market-analysis-shows-nvidia-losing-ground-to-amd-and-intel-cracks-the-1-percent-share-milestone-for-the-first-time
    📉 Nvidia เสียพื้นที่ให้คู่แข่งในตลาด GPU ตลาดการ์ดจอไตรมาส 3 ปี 2025 แสดงให้เห็นว่า Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดเล็กน้อยให้กับ AMD และ Intel โดย Nvidia ยังครองกว่า 90% แต่ AMD และ Intel กำลังค่อย ๆ ขยับขึ้น รายงานล่าสุดจาก Jon Peddie Research (JPR) เผยว่าในไตรมาส 3 ปี 2025 Nvidia มีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 94% เหลือ 92% แม้ยังครองตลาดแบบเกือบเบ็ดเสร็จ แต่การลดลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของคู่แข่ง โดยเฉพาะ AMD ที่มีการเปิดตัว Radeon RX 9000 series และ Intel ที่สามารถทะลุ 1% ส่วนแบ่งตลาด ได้เป็นครั้งแรก 🔥 AMD และ Intel กำลังไล่บี้ AMD ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว RDNA 4-based Radeon RX 9070 XT ที่ได้รับความนิยมทั้งในสื่อและร้านค้า ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7% ขณะที่ Intel แม้ยังเป็นผู้เล่นเล็ก แต่การทะลุ 1% ถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดที่ถูกครองโดย Nvidia มานาน การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งบอกว่าตลาดเริ่มมีการแข่งขันมากขึ้น 🌍 ปัจจัยภายนอกที่กระทบตลาด การเติบโตของตลาด GPU ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.8% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 11.4% สาเหตุหลักมาจากการ “panic buying” ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภาษี ทำให้ยอดขายถูกดึงไปก่อนหน้า ส่งผลให้การเติบโตใน Q3 ต่ำกว่าปกติ 📊 แนวโน้มในอนาคต แม้ Nvidia ยังครองตลาด แต่ JPR คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของตลาด GPU ระหว่างปี 2024-2029 อาจติดลบ (-0.7% CAGR) เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ขับเคลื่อนโดยปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Nvidia ยังครองตลาด GPU กว่า 92% ➡️ ลดลงจาก 94% ในไตรมาสก่อนหน้า ✅ AMD เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 7% ➡️ ได้แรงหนุนจาก Radeon RX 9000 series ✅ Intel ทะลุ 1% ส่วนแบ่งตลาดเป็นครั้งแรก ➡️ ถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดที่แข่งขันสูง ✅ ตลาด GPU โตเพียง 2.8% ใน Q3 2025 ➡️ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 11.4% ‼️ ความเสี่ยงจากภาษีและเศรษฐกิจโลกยังคงสูง ⛔ อาจทำให้ตลาดเติบโตติดลบในระยะ 5 ปีข้างหน้า https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/latest-gpu-market-analysis-shows-nvidia-losing-ground-to-amd-and-intel-cracks-the-1-percent-share-milestone-for-the-first-time
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Latest GPU market analysis shows Nvidia losing ground to AMD — and Intel cracks the 1% share milestone for the first time
    JPR says Nvidia's GPU market share decreased by 1.2% in Q3'25. It still owns over 90% of the market, though.
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • PS5 Slim ได้รับการอัปเกรดเงียบๆ เพิ่มระบบระบายความร้อนใหม่

    Sony ได้ทำการปรับปรุงภายในของ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) โดยนำดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro มาใช้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของ Liquid Metal ที่เคยเป็นปัญหากับรุ่นก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ถูกค้นพบโดยนักโมดิฟายเครื่องเกมที่ชื่อ Modyfikator89 ผ่านการแกะเครื่องและเผยแพร่ภาพยืนยัน

    รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
    การอัปเกรดนี้เน้นไปที่ ระบบระบายความร้อน โดยใช้การจัดวาง Liquid Metal TIM (Thermal Interface Material) แบบใหม่ที่มีร่องหรือ “grooves” เพื่อป้องกันการไหลออกนอกพื้นที่ APU ซึ่งเคยทำให้เกิดปัญหา ความร้อนสูงเกินไป และ เสียงพัดลมดังผิดปกติ ในบางเครื่อง การแก้ไขนี้ทำให้ PS5 Slim มีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องรุ่นใหม่ จะได้รับประโยชน์จากการออกแบบนี้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วของ Liquid Metal อีกต่อไป ส่วนผู้ที่มีเครื่องรุ่นเก่า แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้สะท้อนว่า Sony กำลังพยายามแก้ไขจุดอ่อนของเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เล่น

    มุมมองในอนาคต
    การปรับปรุงเล็ก ๆ แต่สำคัญนี้บ่งบอกว่า Sony ยังคงลงทุนใน คุณภาพและความทนทานของฮาร์ดแวร์ แม้จะอยู่ในช่วงกลางอายุของเครื่องเกม การอัปเกรดดังกล่าวอาจช่วยให้ PS5 Slim กลายเป็นเครื่องที่ “เสถียรที่สุด” ในตลาดตอนนี้ และเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

    สรุปสาระสำคัญ
    PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) ได้รับการอัปเกรดระบบระบายความร้อน
    ใช้ดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro

    Liquid Metal TIM ถูกจัดวางใหม่เพื่อลดการรั่วไหล
    เพิ่มความเสถียรเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง

    ผู้ใช้รุ่นใหม่จะได้เครื่องที่มีความทนทานมากขึ้น
    ลดโอกาสเกิดปัญหาความร้อนและเสียงพัดลมดัง

    ผู้ใช้ PS5 รุ่นเก่า (CFI-2016 และ FAT/OG) ยังมีความเสี่ยงจาก Liquid Metal รั่ว
    อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและลดอายุการใช้งานของเครื่อง

    การแก้ไขนี้เป็น “Silent Upgrade” ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
    ผู้ซื้อควรตรวจสอบรุ่นเครื่องก่อนซื้อเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรุ่นใหม่

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/silent-upgrade-to-the-ps5-slim-delivers-pro-consoles-groovy-heatsink-design-to-the-cheaper-models-improves-thermals-and-reliability
    🕹️ PS5 Slim ได้รับการอัปเกรดเงียบๆ เพิ่มระบบระบายความร้อนใหม่ Sony ได้ทำการปรับปรุงภายในของ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) โดยนำดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro มาใช้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของ Liquid Metal ที่เคยเป็นปัญหากับรุ่นก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ถูกค้นพบโดยนักโมดิฟายเครื่องเกมที่ชื่อ Modyfikator89 ผ่านการแกะเครื่องและเผยแพร่ภาพยืนยัน 🔧 รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง การอัปเกรดนี้เน้นไปที่ ระบบระบายความร้อน โดยใช้การจัดวาง Liquid Metal TIM (Thermal Interface Material) แบบใหม่ที่มีร่องหรือ “grooves” เพื่อป้องกันการไหลออกนอกพื้นที่ APU ซึ่งเคยทำให้เกิดปัญหา ความร้อนสูงเกินไป และ เสียงพัดลมดังผิดปกติ ในบางเครื่อง การแก้ไขนี้ทำให้ PS5 Slim มีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องรุ่นใหม่ จะได้รับประโยชน์จากการออกแบบนี้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วของ Liquid Metal อีกต่อไป ส่วนผู้ที่มีเครื่องรุ่นเก่า แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้สะท้อนว่า Sony กำลังพยายามแก้ไขจุดอ่อนของเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เล่น 📈 มุมมองในอนาคต การปรับปรุงเล็ก ๆ แต่สำคัญนี้บ่งบอกว่า Sony ยังคงลงทุนใน คุณภาพและความทนทานของฮาร์ดแวร์ แม้จะอยู่ในช่วงกลางอายุของเครื่องเกม การอัปเกรดดังกล่าวอาจช่วยให้ PS5 Slim กลายเป็นเครื่องที่ “เสถียรที่สุด” ในตลาดตอนนี้ และเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) ได้รับการอัปเกรดระบบระบายความร้อน ➡️ ใช้ดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro ✅ Liquid Metal TIM ถูกจัดวางใหม่เพื่อลดการรั่วไหล ➡️ เพิ่มความเสถียรเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง ✅ ผู้ใช้รุ่นใหม่จะได้เครื่องที่มีความทนทานมากขึ้น ➡️ ลดโอกาสเกิดปัญหาความร้อนและเสียงพัดลมดัง ‼️ ผู้ใช้ PS5 รุ่นเก่า (CFI-2016 และ FAT/OG) ยังมีความเสี่ยงจาก Liquid Metal รั่ว ⛔ อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและลดอายุการใช้งานของเครื่อง ‼️ การแก้ไขนี้เป็น “Silent Upgrade” ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ⛔ ผู้ซื้อควรตรวจสอบรุ่นเครื่องก่อนซื้อเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรุ่นใหม่ https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/silent-upgrade-to-the-ps5-slim-delivers-pro-consoles-groovy-heatsink-design-to-the-cheaper-models-improves-thermals-and-reliability
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ‘Silent upgrade’ to the PS5 Slim delivers Pro console's groovy heatsink design to the cheaper models — improves thermals and reliability
    The PS5 Pro feature, which improves thermals and reliability, preventing dry spots, oxidation, and leaks, drips down to the mainstream.
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • จับโป๊ะ!! นายกแป้นหาดใหญ่ "มุสาวารี" จึงมีน้ำหลาก (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #น้ำท่วม #ข่าววันนี้ #newsupdate
    จับโป๊ะ!! นายกแป้นหาดใหญ่ "มุสาวารี" จึงมีน้ำหลาก (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #น้ำท่วม #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 0 Reviews
  • MOU43-44 อนุทิน "ต้องประกาศยกเลิก" ไม่งั้นยืดเยื้อไม่สำเร็จ (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    MOU43-44 อนุทิน "ต้องประกาศยกเลิก" ไม่งั้นยืดเยื้อไม่สำเร็จ (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 0 Reviews
  • เกินไปแล้ว ผู้ประสบภัยถูกโจรบุกขโมยของในรร. อย่างอุกอาจ (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เกินไปแล้ว ผู้ประสบภัยถูกโจรบุกขโมยของในรร. อย่างอุกอาจ (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 0 Reviews
  • สว.พิบูลย์อัฑฒ์ มาจากดาวไหน? ลั่นเขต8มีแต่คนดี โป้งป้างเพราะเจ็ตสกีขับเล่น...? (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #ข่าววันนี้ #newsupdate
    สว.พิบูลย์อัฑฒ์ มาจากดาวไหน? ลั่นเขต8มีแต่คนดี โป้งป้างเพราะเจ็ตสกีขับเล่น...? (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 0 Reviews
  • สุรเชษฐ์พล่านเหมือนแมวดิ้น ทั้งที่ชีวิตที่9สิ้นไปนานแล้ว? (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    สุรเชษฐ์พล่านเหมือนแมวดิ้น ทั้งที่ชีวิตที่9สิ้นไปนานแล้ว? (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 0 Reviews
  • อ.ปานเทพ แนะอนุทิน ยึดแนวทางนี้"ไม่มีโดนด่า" (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #รัฐบาลไทย #ดราม่าการเมือง
    อ.ปานเทพ แนะอนุทิน ยึดแนวทางนี้"ไม่มีโดนด่า" (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #รัฐบาลไทย #ดราม่าการเมือง
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 0 Reviews
  • เขมรเนียนตัดไม้ในแนวรบ งานนี้รัฐบาลต้องทำอะไรหน่อยไหม? (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    เขมรเนียนตัดไม้ในแนวรบ งานนี้รัฐบาลต้องทำอะไรหน่อยไหม? (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 0 Reviews
  • เขมรฝากมา คนไทยว่ายังไง ควรเปิดด่านหรือปิดด่านถาวรดี (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    เขมรฝากมา คนไทยว่ายังไง ควรเปิดด่านหรือปิดด่านถาวรดี (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 0 Reviews
  • นายกแป้น "ชี้แจง" เทศบาลหาดใหญ่ภาพลักษณ์ย่ำแย่จนถูกวิจารณ์หนัก (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #ข่าววันนี้ #newsupdate
    นายกแป้น "ชี้แจง" เทศบาลหาดใหญ่ภาพลักษณ์ย่ำแย่จนถูกวิจารณ์หนัก (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #หาดใหญ่ #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 0 Reviews
  • ชาดาเดือด เป็นตัวแทนหมู่บ้าน ฟาดๆหน่วยงานท้องถิ่นหาดใหญ่ กดไลก์แทบไม่ทัน (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หาดใหญ่ #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ชาดาเดือด เป็นตัวแทนหมู่บ้าน ฟาดๆหน่วยงานท้องถิ่นหาดใหญ่ กดไลก์แทบไม่ทัน (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หาดใหญ่ #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 0 Reviews
  • น้ำใจแบบนี้คนไทยแน่นอน ดูแล้วขนลุก (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate
    น้ำใจแบบนี้คนไทยแน่นอน ดูแล้วขนลุก (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 0 Reviews
  • ด่วน! อ.สกลโค้ชทีมหมอนทอง พูดถึงสนธิ ลิ้มทองกุล แบบนี้ (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ด่วน! อ.สกลโค้ชทีมหมอนทอง พูดถึงสนธิ ลิ้มทองกุล แบบนี้ (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 0 Reviews
  • อ.สกล ส่งสารขอบคุณกู้ภัย จิตอาสา ช่วย"หมอนทอง"รถพังกลางทาง (2/12/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate
    อ.สกล ส่งสารขอบคุณกู้ภัย จิตอาสา ช่วย"หมอนทอง"รถพังกลางทาง (2/12/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 0 Reviews
  • ตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของ สาวก และผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือยัง ถ้ายังดูไม่ออกก็ไปหาตำราโหงวเฮ้ง มาเปิดดู


    https://www.facebook.com/share/v/17viL7P5wn/
    ตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของ สาวก และผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือยัง ถ้ายังดูไม่ออกก็ไปหาตำราโหงวเฮ้ง มาเปิดดู https://www.facebook.com/share/v/17viL7P5wn/
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/live/j2uzqC4hkOg?si=KqOx4CNYRlV1dmkC
    https://www.youtube.com/live/j2uzqC4hkOg?si=KqOx4CNYRlV1dmkC
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่”
    ตอน 1
    เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ 
    คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก
    น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน...
    เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น
    รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร
    สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา
    บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา
    เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน
    ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ
    ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ
    
###############
ตอน 2
     
    เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน
     
    “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว
    เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น
    โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้
    และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม
    เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก
    ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา
    เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien
    นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้
    นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น
    นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น
    ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น
    เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน
    
###############
ตอน 3
    เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง
    นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม
    จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน
    แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา
    นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย
    เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม
    เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ!
    นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
    ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน
    
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่” ตอน 1 เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้  คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน... เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ 
###############
ตอน 2   เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน   “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้ และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้ นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน 
###############
ตอน 3 เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน 
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
More Results