• หัวข้อข่าว: “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z”

    บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต

    แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ

    สรุปสาระสำคัญ
    Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z
    สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\
    รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\

    การทำงานของ Windows Object Manager
    Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง
    ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U)

    ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป
    Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z
    ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้
    ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด

    https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    💻 หัวข้อข่าว: “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z” บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z ➡️ สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\ ➡️ รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\ ✅ การทำงานของ Windows Object Manager ➡️ Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง ➡️ ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U) ✅ ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป ➡️ Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z ➡️ ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.36

    บรรพบุรุษ หรือผู้สืบสันดานก่อนหน้า เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในทางสังคมและวัฒนธรรม แต่ในทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะหมวดว่าด้วยมรดก คำนี้กลับมีนัยที่จำกัดและเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งเพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการรับและถ่ายโอนทรัพย์สิน บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดให้ "บรรพบุรุษ" คือบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิตในลำดับญาติ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดลำดับ ทายาทโดยธรรม โดยลำดับของทายาทโดยธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย และ ลุง ป้า น้า อา ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็น "ผู้สืบสันดานก่อนหน้า" ในความหมายกว้าง แต่ในทางกฎหมายเฉพาะเจาะจงเมื่อพิจารณาสิทธิในการรับมรดก บิดามารดา และ ปู่ ย่า ตา ยาย นั้นเองที่จัดอยู่ในกลุ่มบรรพบุรุษโดยตรงของผู้ตายตามหลักความสัมพันธ์ทางสายโลหิต กฎหมายได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์นี้ โดยกำหนดให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาเป็นทายาทในลำดับต้นๆ ที่มีสิทธิรับมรดก การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาได้รับมรดกพร้อมกันนั้น เป็นการสะท้อนแนวคิดทางกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทั้งในแนวลง (สู่ลูกหลาน) และในแนวย้อนขึ้น (สู่บรรพบุรุษผู้ให้กำเนิด) พร้อมกันไปหากผู้ตายไม่มีผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานคนใดตายไปก่อน การพิจารณาสิทธิของบรรพบุรุษ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะเข้ามามีบทบาทในลำดับถัดไปตามหลักเกณฑ์การแบ่งมรดก การกำหนดสถานะทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงไม่ใช่เพียงการยกย่องตามจารีต แต่เป็นการกำหนดตัวบุคคลที่มีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าถือครองทรัพย์สินของผู้ตายตามเจตนารมณ์ที่สันนิษฐานของกฎหมายและหลักการยุติธรรมในการจัดสรรทรัพย์สินภายในครอบครัว การทำความเข้าใจมิติทางกฎหมายของคำว่าบรรพบุรุษจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนมรดกและการจัดการทรัพย์สินเพื่อป้องกันข้อพิพาทอันอาจเกิดขึ้นในภายหลัง

    การสืบสันดานตามกฎหมายยังขยายขอบเขตไปถึงเรื่อง "การรับมรดกแทนที่" ที่อนุญาตให้ผู้สืบสันดานของทายาทโดยธรรมที่ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดกแทนที่ในส่วนแบ่งที่ทายาทผู้นั้นจะพึงได้รับ หากบุคคลนั้นเป็นผู้สืบสันดานลำดับที่ 1 หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ซึ่งหลักการนี้เป็นการรับรองและขยายแนวคิดการสืบทอดสายโลหิตต่อเนื่องไปอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในบริบทของการรับมรดกแทนที่ บรรพบุรุษไม่สามารถเข้ามารับมรดกแทนที่ได้ การรับมรดกแทนที่จำกัดเฉพาะในแนวลงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายมรดกที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทรัพย์สินไปยังคนรุ่นหลังมากกว่าในแนวย้อนขึ้น กฎหมายมรดกยังคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของความสัมพันธ์ โดยมีการกำหนด "เหตุแห่งการถูกกำจัดมิให้รับมรดก" หรือ "การเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก" ซึ่งเป็นการตัดสิทธิของทายาท รวมถึงบรรพบุรุษ หากได้กระทำการอันเป็นความร้ายแรงต่อเจ้ามรดก เช่น ฆ่าหรือพยายามฆ่า หรือฟ้องร้องใส่ร้ายว่าเจ้ามรดกกระทำความผิดที่มีโทษหนัก การกำหนดเหตุผลในการตัดสิทธิเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางสายโลหิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วยความเคารพและการปฏิบัติต่อกันตามหลักศีลธรรมอันดีงามด้วย นอกเหนือจากทายาทโดยธรรมแล้ว เจ้ามรดกยังมีสิทธิทำ "พินัยกรรม" เพื่อกำหนดให้บุคคลใดๆ รวมถึงบรรพบุรุษของตน ได้รับทรัพย์สินตามที่ตนปรารถนาตามเจตนารมณ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิจากการเป็นทายาทโดยธรรมหรือไม่ก็ตาม การทำพินัยกรรมจึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในการแสดงเจตจำนงสุดท้ายของเจ้ามรดกในการจัดการทรัพย์สินของตน ซึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือบทบัญญัติว่าด้วยการแบ่งมรดกตามลำดับทายาทโดยธรรม แต่ทั้งนี้การทำพินัยกรรมก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและห้ามมิให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้รับพินัยกรรมที่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย การพิจารณาความสมบูรณ์และผลบังคับของพินัยกรรมจึงเป็นอีกมิติหนึ่งที่นักกฎหมายและประชาชนต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อทำให้การสืบทอดมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม

    โดยสรุปแล้ว คำว่า "บรรพบุรุษ" ในบริบทของมรดกและครอบครัวตามกฎหมายนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำที่กล่าวถึงผู้ให้กำเนิด แต่เป็นการกำหนดสถานะและสิทธิในการรับการถ่ายโอนทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิต การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงลำดับทายาทโดยธรรม ข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับมรดกแทนที่ และการถูกกำจัดมิให้รับมรดก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวและป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย การให้ความเคารพต่อความหมายทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงเป็นรากฐานสำคัญของการสืบทอดทรัพย์สินที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้ตายและกฎหมายบ้านเมือง
    บทความกฎหมาย EP.36 บรรพบุรุษ หรือผู้สืบสันดานก่อนหน้า เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในทางสังคมและวัฒนธรรม แต่ในทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะหมวดว่าด้วยมรดก คำนี้กลับมีนัยที่จำกัดและเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งเพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการรับและถ่ายโอนทรัพย์สิน บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดให้ "บรรพบุรุษ" คือบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิตในลำดับญาติ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดลำดับ ทายาทโดยธรรม โดยลำดับของทายาทโดยธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย และ ลุง ป้า น้า อา ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็น "ผู้สืบสันดานก่อนหน้า" ในความหมายกว้าง แต่ในทางกฎหมายเฉพาะเจาะจงเมื่อพิจารณาสิทธิในการรับมรดก บิดามารดา และ ปู่ ย่า ตา ยาย นั้นเองที่จัดอยู่ในกลุ่มบรรพบุรุษโดยตรงของผู้ตายตามหลักความสัมพันธ์ทางสายโลหิต กฎหมายได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์นี้ โดยกำหนดให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาเป็นทายาทในลำดับต้นๆ ที่มีสิทธิรับมรดก การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาได้รับมรดกพร้อมกันนั้น เป็นการสะท้อนแนวคิดทางกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทั้งในแนวลง (สู่ลูกหลาน) และในแนวย้อนขึ้น (สู่บรรพบุรุษผู้ให้กำเนิด) พร้อมกันไปหากผู้ตายไม่มีผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานคนใดตายไปก่อน การพิจารณาสิทธิของบรรพบุรุษ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะเข้ามามีบทบาทในลำดับถัดไปตามหลักเกณฑ์การแบ่งมรดก การกำหนดสถานะทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงไม่ใช่เพียงการยกย่องตามจารีต แต่เป็นการกำหนดตัวบุคคลที่มีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าถือครองทรัพย์สินของผู้ตายตามเจตนารมณ์ที่สันนิษฐานของกฎหมายและหลักการยุติธรรมในการจัดสรรทรัพย์สินภายในครอบครัว การทำความเข้าใจมิติทางกฎหมายของคำว่าบรรพบุรุษจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนมรดกและการจัดการทรัพย์สินเพื่อป้องกันข้อพิพาทอันอาจเกิดขึ้นในภายหลัง การสืบสันดานตามกฎหมายยังขยายขอบเขตไปถึงเรื่อง "การรับมรดกแทนที่" ที่อนุญาตให้ผู้สืบสันดานของทายาทโดยธรรมที่ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดกแทนที่ในส่วนแบ่งที่ทายาทผู้นั้นจะพึงได้รับ หากบุคคลนั้นเป็นผู้สืบสันดานลำดับที่ 1 หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ซึ่งหลักการนี้เป็นการรับรองและขยายแนวคิดการสืบทอดสายโลหิตต่อเนื่องไปอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในบริบทของการรับมรดกแทนที่ บรรพบุรุษไม่สามารถเข้ามารับมรดกแทนที่ได้ การรับมรดกแทนที่จำกัดเฉพาะในแนวลงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายมรดกที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทรัพย์สินไปยังคนรุ่นหลังมากกว่าในแนวย้อนขึ้น กฎหมายมรดกยังคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของความสัมพันธ์ โดยมีการกำหนด "เหตุแห่งการถูกกำจัดมิให้รับมรดก" หรือ "การเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก" ซึ่งเป็นการตัดสิทธิของทายาท รวมถึงบรรพบุรุษ หากได้กระทำการอันเป็นความร้ายแรงต่อเจ้ามรดก เช่น ฆ่าหรือพยายามฆ่า หรือฟ้องร้องใส่ร้ายว่าเจ้ามรดกกระทำความผิดที่มีโทษหนัก การกำหนดเหตุผลในการตัดสิทธิเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางสายโลหิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วยความเคารพและการปฏิบัติต่อกันตามหลักศีลธรรมอันดีงามด้วย นอกเหนือจากทายาทโดยธรรมแล้ว เจ้ามรดกยังมีสิทธิทำ "พินัยกรรม" เพื่อกำหนดให้บุคคลใดๆ รวมถึงบรรพบุรุษของตน ได้รับทรัพย์สินตามที่ตนปรารถนาตามเจตนารมณ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิจากการเป็นทายาทโดยธรรมหรือไม่ก็ตาม การทำพินัยกรรมจึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในการแสดงเจตจำนงสุดท้ายของเจ้ามรดกในการจัดการทรัพย์สินของตน ซึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือบทบัญญัติว่าด้วยการแบ่งมรดกตามลำดับทายาทโดยธรรม แต่ทั้งนี้การทำพินัยกรรมก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและห้ามมิให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้รับพินัยกรรมที่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย การพิจารณาความสมบูรณ์และผลบังคับของพินัยกรรมจึงเป็นอีกมิติหนึ่งที่นักกฎหมายและประชาชนต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อทำให้การสืบทอดมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม โดยสรุปแล้ว คำว่า "บรรพบุรุษ" ในบริบทของมรดกและครอบครัวตามกฎหมายนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำที่กล่าวถึงผู้ให้กำเนิด แต่เป็นการกำหนดสถานะและสิทธิในการรับการถ่ายโอนทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิต การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงลำดับทายาทโดยธรรม ข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับมรดกแทนที่ และการถูกกำจัดมิให้รับมรดก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวและป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย การให้ความเคารพต่อความหมายทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงเป็นรากฐานสำคัญของการสืบทอดทรัพย์สินที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้ตายและกฎหมายบ้านเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอฟังข่าวดีก่อนสิ้นปี
    คดี 112-116 ของทนายอานนท์ ศาลนัดตัดสิน 23 ธ.ค. ได้เพิ่มโทษแน่ จากเดิมรวม 26 ปีกว่า ใกล้แตะ 30 ปีแน่
    #คิงส์โพธิ์แดง
    รอฟังข่าวดีก่อนสิ้นปี คดี 112-116 ของทนายอานนท์ ศาลนัดตัดสิน 23 ธ.ค. ได้เพิ่มโทษแน่ จากเดิมรวม 26 ปีกว่า ใกล้แตะ 30 ปีแน่ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/aHgFdnlrTGU?si=o2yYSxwd99PH1V63
    https://youtu.be/aHgFdnlrTGU?si=o2yYSxwd99PH1V63
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน เริ่ม 7,999 เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    AURORA MEDIA SHOW
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน 🇰🇷 เริ่ม 7,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 AURORA MEDIA SHOW 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 1-12-68
    .
    สวัสดีวันแรกของเดือนธันวาคม 2568 เช้าวันนี้ที่บ้านพระอาทิตย์อากาศเย็นสบายประมาณ 23-24 องศาเซลเซียส คุณสนธินั่งประชุมพร้อมรับประทานอาหารเช้ากับ อ.ปานเทพ และทีมงานบ้านพระอาทิตย์ โดยเมนูเป็นข้ามต้มกระเพาะหมูร้อน ๆ โดยหัวข้อสนทนาหลักคือ ความยากลำบากของพ่อแม่พี่น้องชาวหาดใหญ่ ที่แม้น้ำจะลดลงแล้ว แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน-รายการ Sondhi Talk และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ได้ไปตั้งโรงครัวจำนวน 3 จุดที่หาดใหญ่ โดยทั้ง 3 จุดแม้จะสามารถแจกจ่ายอาหารได้ราว 6,000-9,000 มื้อต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และยังมีความต้องการอีกมาก
    .
    ถ้าใครอยากร่วมบริจาคสิ่งของต่างๆ ทยอยส่งมาได้เลย หรือ หากต้องการสมทบทุน บริจากได้ที่ บัญชี มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำภู ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 103-1-93140-8
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=uFGnxoDrxqY
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #น้ำท่วมหาดใหญ่
    สนธิเล่าเรื่อง 1-12-68 . สวัสดีวันแรกของเดือนธันวาคม 2568 เช้าวันนี้ที่บ้านพระอาทิตย์อากาศเย็นสบายประมาณ 23-24 องศาเซลเซียส คุณสนธินั่งประชุมพร้อมรับประทานอาหารเช้ากับ อ.ปานเทพ และทีมงานบ้านพระอาทิตย์ โดยเมนูเป็นข้ามต้มกระเพาะหมูร้อน ๆ โดยหัวข้อสนทนาหลักคือ ความยากลำบากของพ่อแม่พี่น้องชาวหาดใหญ่ ที่แม้น้ำจะลดลงแล้ว แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน-รายการ Sondhi Talk และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ได้ไปตั้งโรงครัวจำนวน 3 จุดที่หาดใหญ่ โดยทั้ง 3 จุดแม้จะสามารถแจกจ่ายอาหารได้ราว 6,000-9,000 มื้อต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และยังมีความต้องการอีกมาก . ถ้าใครอยากร่วมบริจาคสิ่งของต่างๆ ทยอยส่งมาได้เลย หรือ หากต้องการสมทบทุน บริจากได้ที่ บัญชี มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำภู ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 103-1-93140-8 . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=uFGnxoDrxqY . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #น้ำท่วมหาดใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายในปี 2026 การร่วมมือกันระหว่างเรือ 2 แบรนด์หรู เรือล่องแม่น้ำ Uniworld และ เรือล่องทะเล Seabourn
    เตรียมเปิดตัวโปรเจคใหม่ "Venice & the Mediterranean Sea" เส้นทางจากเวนิส มุ่งหน้าสู่เอเธนส์
    เต็มอิ่ม ประสบการณ์สุดพิเศษ ล่องผ่านหมู่เกาะสำคัญอย่าง โครเอเชีย มอนเตเนโกร และกรีซ

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #Uniworldrivercruise #Seabourncruise #Venice #MediterraneanSea #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    ภายในปี 2026 การร่วมมือกันระหว่างเรือ 2 แบรนด์หรู เรือล่องแม่น้ำ Uniworld และ เรือล่องทะเล Seabourn เตรียมเปิดตัวโปรเจคใหม่ "Venice & the Mediterranean Sea" เส้นทางจากเวนิส มุ่งหน้าสู่เอเธนส์ เต็มอิ่ม ประสบการณ์สุดพิเศษ ล่องผ่านหมู่เกาะสำคัญอย่าง โครเอเชีย มอนเตเนโกร และกรีซ ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #Uniworldrivercruise #Seabourncruise #Venice #MediterraneanSea #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live !!!! สนธิเล่าเรื่อง 1-12-68
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=uFGnxoDrxqY
    🔴 Live !!!! สนธิเล่าเรื่อง 1-12-68 . https://www.youtube.com/watch?v=uFGnxoDrxqY
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance”

    Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที

    สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย

    นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์

    การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Evidence-as-Code API
    แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance
    ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual

    คุณสมบัติเด่น
    Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง
    Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข

    การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน
    SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR
    เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0
    การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย

    https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    🛡️ “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance” Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Evidence-as-Code API ➡️ แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance ➡️ ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง ➡️ Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข ✅ การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน ➡️ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ➡️ เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0 ⛔ การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป”

    การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน

    หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป

    อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล
    สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น
    Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก

    SATA HDD กำลังถูกแทนที่
    ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย
    SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่

    CD และ DVD กำลังหายไป
    ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง
    ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า
    HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป
    Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล

    https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    💾 “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป” การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล ➡️ สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น ➡️ Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก ✅ SATA HDD กำลังถูกแทนที่ ➡️ ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย ➡️ SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่ ✅ CD และ DVD กำลังหายไป ➡️ ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ➡️ ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า ⛔ HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป ⛔ Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These Old Storage Types Are Seeing Their Way Out - SlashGear
    Storage in electronic devices has changed a lot over the decades, with CDs, DVDs, and now hard drivers being phased out by better storage solutions like SSDs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อุปกรณ์ที่ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้”

    แม้ว่าแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้จะกลายเป็นมาตรฐานในชีวิตประจำวัน ทั้งสมาร์ทโฟน กล้อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ก็มีบางกรณีที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว (disposable) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เหตุผลหลักคือ รูปแบบการคายประจุและแรงดันไฟฟ้า ที่แตกต่างกัน แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้จะคายประจุอย่างคงที่จนใกล้หมดแล้วแรงดันตกลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจะคายประจุอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรในระยะยาว

    หนึ่งในกลุ่มอุปกรณ์ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เครื่องตรวจจับควัน เครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และไฟฉุกเฉิน ซึ่งต้องการแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บพลังงานได้นานโดยไม่ต้องดูแลบ่อย ๆ แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจึงเหมาะสมกว่า เพราะมีอายุการเก็บรักษายาวนานและพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น

    อีกกลุ่มคือ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย เช่น นาฬิกาแขวน รีโมทคอนโทรล เทอร์โมสแตท และวิทยุขนาดเล็ก แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ

    สุดท้ายคือ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย เช่น ไฟฉายสำหรับแคมป์หรือไฟฉุกเฉินในบ้าน เนื่องจากแบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวสามารถเก็บพลังงานได้นานหลายปีโดยไม่เสื่อม ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อหยิบมาใช้จะยังมีไฟฟ้าเพียงพอ ต่างจากแบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้ที่อาจหมดประจุเองเมื่อเก็บไว้นาน

    สรุปสาระสำคัญ
    อุปกรณ์ความปลอดภัย
    เครื่องตรวจจับควัน, เครื่องตรวจจับ CO, ไฟฉุกเฉินควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว

    อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ
    นาฬิกาแขวน, รีโมทคอนโทรล, เทอร์โมสแตท, วิทยุเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวได้ดีกว่า

    อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย
    ไฟฉายแคมป์, ไฟฉุกเฉิน ควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อความมั่นใจ

    คำเตือน
    แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีแรงดันต่ำกว่า (1.2V เทียบกับ 1.5V) อาจทำให้อุปกรณ์บางชนิดทำงานผิดปกติ
    มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรระยะยาว

    https://www.slashgear.com/2039176/devices-should-not-use-rechargeable-batteries/
    🔋 “อุปกรณ์ที่ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้” แม้ว่าแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้จะกลายเป็นมาตรฐานในชีวิตประจำวัน ทั้งสมาร์ทโฟน กล้อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ก็มีบางกรณีที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว (disposable) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เหตุผลหลักคือ รูปแบบการคายประจุและแรงดันไฟฟ้า ที่แตกต่างกัน แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้จะคายประจุอย่างคงที่จนใกล้หมดแล้วแรงดันตกลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจะคายประจุอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรในระยะยาว หนึ่งในกลุ่มอุปกรณ์ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เครื่องตรวจจับควัน เครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และไฟฉุกเฉิน ซึ่งต้องการแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บพลังงานได้นานโดยไม่ต้องดูแลบ่อย ๆ แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจึงเหมาะสมกว่า เพราะมีอายุการเก็บรักษายาวนานและพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น อีกกลุ่มคือ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย เช่น นาฬิกาแขวน รีโมทคอนโทรล เทอร์โมสแตท และวิทยุขนาดเล็ก แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ สุดท้ายคือ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย เช่น ไฟฉายสำหรับแคมป์หรือไฟฉุกเฉินในบ้าน เนื่องจากแบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวสามารถเก็บพลังงานได้นานหลายปีโดยไม่เสื่อม ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อหยิบมาใช้จะยังมีไฟฟ้าเพียงพอ ต่างจากแบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้ที่อาจหมดประจุเองเมื่อเก็บไว้นาน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อุปกรณ์ความปลอดภัย ➡️ เครื่องตรวจจับควัน, เครื่องตรวจจับ CO, ไฟฉุกเฉินควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว ✅ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ➡️ นาฬิกาแขวน, รีโมทคอนโทรล, เทอร์โมสแตท, วิทยุเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวได้ดีกว่า ✅ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย ➡️ ไฟฉายแคมป์, ไฟฉุกเฉิน ควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อความมั่นใจ ‼️ คำเตือน ⛔ แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีแรงดันต่ำกว่า (1.2V เทียบกับ 1.5V) อาจทำให้อุปกรณ์บางชนิดทำงานผิดปกติ ⛔ มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรระยะยาว https://www.slashgear.com/2039176/devices-should-not-use-rechargeable-batteries/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Devices Should Not Use Rechargeable Batteries? - SlashGear
    Avoid using rechargeable batteries in smoke alarms, wall clocks, and remotes. Their lower voltage and self-discharge rates make single-use alkalines safer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?”

    Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง

    Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข

    นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด

    สรุปสาระสำคัญ
    การเก็บไฟล์ใน Google Photos
    ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า
    พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos

    การสมัครสมาชิก Google One
    หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ
    หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ

    ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า
    ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets
    ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่

    นโยบายไฟล์เก่า
    ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ
    หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด

    https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    📸 “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?” Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเก็บไฟล์ใน Google Photos ➡️ ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า ➡️ พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos ✅ การสมัครสมาชิก Google One ➡️ หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ ➡️ หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ ✅ ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า ➡️ ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets ➡️ ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่ ✅ นโยบายไฟล์เก่า ➡️ ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ ⛔ หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Does Google Photos Store Your Photos Forever? - SlashGear
    Google Photos will keep your photos as long as you stay under your storage limit or sign in every so often. Inactive accounts risk deletion.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents”

    Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง

    สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

    อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Antigravity IDE
    เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025
    ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง

    คุณสมบัติเด่น
    Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย
    โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น
    ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้

    เสียงตอบรับจากผู้ใช้
    ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ
    แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว
    การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    📰 “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents” Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Antigravity IDE ➡️ เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025 ➡️ ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย ➡️ โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น ➡️ ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้ ✅ เสียงตอบรับจากผู้ใช้ ➡️ ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว ⛔ การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google's Newest Tool Is A Big Leap Forward For AI Coding - SlashGear
    Google launched a new tool for developers to use multiple AI agents to accomplish different parts of coding simultaneously. We tested it. He's what we found.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux Kernel 6.18 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ และอาจเป็น LTS รุ่นถัดไป

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 Linus Torvalds ได้ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.18 อย่างเป็นทางการ รุ่นนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์ ไดรเวอร์ และระบบไฟล์จำนวนมาก โดยมีการถอดการรองรับ Bcachefs file system ออกจาก kernel หลัก และให้ใช้งานผ่านโมดูล DKMS แทน

    ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น
    Linux 6.18 เพิ่มการรองรับ Rust Binder driver, ฟีเจอร์ dm-pcache สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache, และตัวเลือกใหม่ microcode= สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Btrfs ให้รองรับ block size ที่ใหญ่กว่า page size และเพิ่มการทำงานร่วมกับ FreeBSD Bhyve hypervisor

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    รุ่นนี้มีการปรับปรุง audit subsystem ให้รองรับหลาย Linux security modules พร้อมกัน, เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs, และปรับปรุงการเข้ารหัส TCP (PSP encryption) รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพ swap, UDP receive และ NFS server scaling เพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กรได้ดียิ่งขึ้น

    แนวโน้มและการเป็น LTS
    เนื่องจาก Linux Kernel 6.18 เป็นรุ่นสุดท้ายของปี 2025 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเลือกเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่องหลายปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากนักพัฒนา Greg Kroah-Hartman ว่าจะประกาศสถานะ LTS อย่างเป็นทางการหรือไม่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต Linux Kernel 6.18
    ถอด Bcachefs ออกจาก kernel หลัก
    เพิ่ม Rust Binder driver และ dm-pcache
    ปรับปรุง Btrfs และรองรับ FreeBSD Bhyve

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    audit subsystem รองรับหลาย security modules
    เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs
    ปรับปรุง swap, UDP และ NFS server

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การถอด Bcachefs อาจกระทบผู้ที่ใช้งานไฟล์ระบบนี้โดยตรง
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด
    การอัปเดต kernel ควรรอให้ distro ปล่อยเวอร์ชันเสถียรก่อน

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-18-officially-released-could-be-the-next-lts-kernel-series
    🐧 Linux Kernel 6.18 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ และอาจเป็น LTS รุ่นถัดไป เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 Linus Torvalds ได้ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.18 อย่างเป็นทางการ รุ่นนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์ ไดรเวอร์ และระบบไฟล์จำนวนมาก โดยมีการถอดการรองรับ Bcachefs file system ออกจาก kernel หลัก และให้ใช้งานผ่านโมดูล DKMS แทน ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น Linux 6.18 เพิ่มการรองรับ Rust Binder driver, ฟีเจอร์ dm-pcache สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache, และตัวเลือกใหม่ microcode= สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Btrfs ให้รองรับ block size ที่ใหญ่กว่า page size และเพิ่มการทำงานร่วมกับ FreeBSD Bhyve hypervisor 🔒 การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ รุ่นนี้มีการปรับปรุง audit subsystem ให้รองรับหลาย Linux security modules พร้อมกัน, เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs, และปรับปรุงการเข้ารหัส TCP (PSP encryption) รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพ swap, UDP receive และ NFS server scaling เพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กรได้ดียิ่งขึ้น 🌐 แนวโน้มและการเป็น LTS เนื่องจาก Linux Kernel 6.18 เป็นรุ่นสุดท้ายของปี 2025 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเลือกเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่องหลายปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากนักพัฒนา Greg Kroah-Hartman ว่าจะประกาศสถานะ LTS อย่างเป็นทางการหรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต Linux Kernel 6.18 ➡️ ถอด Bcachefs ออกจาก kernel หลัก ➡️ เพิ่ม Rust Binder driver และ dm-pcache ➡️ ปรับปรุง Btrfs และรองรับ FreeBSD Bhyve ✅ การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ audit subsystem รองรับหลาย security modules ➡️ เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs ➡️ ปรับปรุง swap, UDP และ NFS server ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การถอด Bcachefs อาจกระทบผู้ที่ใช้งานไฟล์ระบบนี้โดยตรง ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด ⛔ การอัปเดต kernel ควรรอให้ distro ปล่อยเวอร์ชันเสถียรก่อน https://9to5linux.com/linux-kernel-6-18-officially-released-could-be-the-next-lts-kernel-series
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.18 Officially Released, Could Be the Next LTS Kernel Series - 9to5Linux
    Linux kernel 6.18 is now available for download with new features, enhanced hardware support through new and updated drivers, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • KaOS Linux 2025.11 เปิดตัว รองรับ Limine Bootloader และ KDE Plasma 6.5

    เวอร์ชันใหม่ของ KaOS Linux 2025.11 ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 โดยเป็นดิสโทรอิสระที่เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ KDE และ Qt ล่าสุด รุ่นนี้ใช้ Linux Kernel 6.17 และมาพร้อมกับ KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ซึ่งทั้งหมดสร้างบน Qt 6.10.1 ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียร

    Limine Bootloader และการปรับปรุงระบบติดตั้ง
    หนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ Limine Bootloader สำหรับการติดตั้งแบบ UEFI ผ่าน Calamares installer ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้หน้า Welcome page ถูกออกแบบใหม่ โดยไม่ต้องเปิดเว็บเบราว์เซอร์ แต่ใช้ QML Drawer เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้โดยตรง

    ซอฟต์แวร์ใหม่และการอัปเดตระบบ
    KaOS Linux 2025.11 ยังมาพร้อมกับแอปใหม่ เช่น Niri (Wayland compositor แบบ scrollable-tiling), Quickshell (toolkit สำหรับสร้าง desktop shells ด้วย QtQuick), และ Noctalia Shell (minimal Wayland shell) รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์หลัก เช่น Mesa 25.2.7, PipeWire 1.4.9, systemd 257.10, GStreamer 1.26.8, OpenZFS 2.3.5, Boost 1.89.0 และอื่น ๆ อีกมากมาย

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน
    ผู้ใช้ที่มี KaOS อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด ISO ใหม่ แต่สามารถอัปเดตระบบได้ด้วยคำสั่ง sudo pacman -Syu เนื่องจาก KaOS ใช้โมเดล rolling release ทำให้ติดตั้งครั้งเดียวแล้วสามารถอัปเดตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ Arch Linux

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต KaOS Linux 2025.11
    ใช้ Linux Kernel 6.17
    มาพร้อม KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20
    เพิ่มการรองรับ Limine Bootloader ผ่าน Calamares installer

    ซอฟต์แวร์ใหม่และการปรับปรุง
    แอปใหม่: Niri, Quickshell, Noctalia Shell
    อัปเดต Mesa, PipeWire, systemd, GStreamer, OpenZFS และ Boost

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การเปลี่ยนแปลง bootloader อาจทำให้บางระบบต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้
    การอัปเดต rolling release ต้องตรวจสอบแพ็กเกจเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

    https://9to5linux.com/kaos-linux-2025-11-adds-support-for-the-limine-bootloader-kde-plasma-6-5
    🐧 KaOS Linux 2025.11 เปิดตัว รองรับ Limine Bootloader และ KDE Plasma 6.5 เวอร์ชันใหม่ของ KaOS Linux 2025.11 ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 โดยเป็นดิสโทรอิสระที่เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ KDE และ Qt ล่าสุด รุ่นนี้ใช้ Linux Kernel 6.17 และมาพร้อมกับ KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ซึ่งทั้งหมดสร้างบน Qt 6.10.1 ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียร 🔐 Limine Bootloader และการปรับปรุงระบบติดตั้ง หนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ Limine Bootloader สำหรับการติดตั้งแบบ UEFI ผ่าน Calamares installer ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้หน้า Welcome page ถูกออกแบบใหม่ โดยไม่ต้องเปิดเว็บเบราว์เซอร์ แต่ใช้ QML Drawer เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้โดยตรง ⚙️ ซอฟต์แวร์ใหม่และการอัปเดตระบบ KaOS Linux 2025.11 ยังมาพร้อมกับแอปใหม่ เช่น Niri (Wayland compositor แบบ scrollable-tiling), Quickshell (toolkit สำหรับสร้าง desktop shells ด้วย QtQuick), และ Noctalia Shell (minimal Wayland shell) รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์หลัก เช่น Mesa 25.2.7, PipeWire 1.4.9, systemd 257.10, GStreamer 1.26.8, OpenZFS 2.3.5, Boost 1.89.0 และอื่น ๆ อีกมากมาย 🌐 การอัปเดตสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่มี KaOS อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด ISO ใหม่ แต่สามารถอัปเดตระบบได้ด้วยคำสั่ง sudo pacman -Syu เนื่องจาก KaOS ใช้โมเดล rolling release ทำให้ติดตั้งครั้งเดียวแล้วสามารถอัปเดตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ Arch Linux 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต KaOS Linux 2025.11 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.17 ➡️ มาพร้อม KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ➡️ เพิ่มการรองรับ Limine Bootloader ผ่าน Calamares installer ✅ ซอฟต์แวร์ใหม่และการปรับปรุง ➡️ แอปใหม่: Niri, Quickshell, Noctalia Shell ➡️ อัปเดต Mesa, PipeWire, systemd, GStreamer, OpenZFS และ Boost ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การเปลี่ยนแปลง bootloader อาจทำให้บางระบบต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้ ⛔ การอัปเดต rolling release ต้องตรวจสอบแพ็กเกจเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง https://9to5linux.com/kaos-linux-2025-11-adds-support-for-the-limine-bootloader-kde-plasma-6-5
    9TO5LINUX.COM
    KaOS Linux 2025.11 Adds Support for the Limine Bootloader, KDE Plasma 6.5 - 9to5Linux
    KaOS Linux 2025.11 independent distribution is now available for download with the latest KDE Plasma 6.5 desktop environment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Armbian 25.11 เปิดตัว รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D, NanoPi M5 และ Debian Forky

    ทีมพัฒนา Armbian ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Armbian 25.11 ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ ARM โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรองรับบอร์ดใหม่ ๆ เช่น Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 รวมถึงการปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเสถียรและทันสมัยมากขึ้น

    การปรับปรุงระบบและซอฟต์แวร์
    Armbian 25.11 มาพร้อมกับการอัปเดตแพ็กเกจและ kernel ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการบูตและการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ ARM รุ่นใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในงานด้าน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM
    การรองรับบอร์ดใหม่อย่าง Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ช่วยขยายขอบเขตการใช้งานของ Armbian ให้ครอบคลุมอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานพัฒนาโปรแกรม การทดลองระบบ หรือการใช้งานจริงในองค์กร

    แนวโน้มและความปลอดภัย
    Armbian 25.11 ยังเน้นการปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยอัปเดตแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายและการเข้ารหัส เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าการใช้งานบนอุปกรณ์ ARM จะมีความปลอดภัยและทันสมัย รองรับการใช้งานระยะยาวในหลายสถานการณ์

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต Armbian 25.11
    รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5
    ปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด
    อัปเดต kernel และแพ็กเกจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM
    ขยายการรองรับอุปกรณ์ ARM หลากหลาย
    เหมาะสำหรับงาน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การอัปเดตอาจทำให้บางแพ็กเกจหรือระบบที่ปรับแต่งเองไม่เข้ากัน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของบอร์ดและซอฟต์แวร์ก่อนอัปเกรด
    การใช้งานบนอุปกรณ์ใหม่อาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เสถียร

    https://9to5linux.com/armbian-25-11-is-out-with-support-for-radxa-rock-4d-nanopi-m5-and-debian-forky
    🐧 Armbian 25.11 เปิดตัว รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D, NanoPi M5 และ Debian Forky ทีมพัฒนา Armbian ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Armbian 25.11 ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ ARM โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรองรับบอร์ดใหม่ ๆ เช่น Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 รวมถึงการปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเสถียรและทันสมัยมากขึ้น ⚙️ การปรับปรุงระบบและซอฟต์แวร์ Armbian 25.11 มาพร้อมกับการอัปเดตแพ็กเกจและ kernel ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการบูตและการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ ARM รุ่นใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในงานด้าน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM การรองรับบอร์ดใหม่อย่าง Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ช่วยขยายขอบเขตการใช้งานของ Armbian ให้ครอบคลุมอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานพัฒนาโปรแกรม การทดลองระบบ หรือการใช้งานจริงในองค์กร 🔒 แนวโน้มและความปลอดภัย Armbian 25.11 ยังเน้นการปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยอัปเดตแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายและการเข้ารหัส เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าการใช้งานบนอุปกรณ์ ARM จะมีความปลอดภัยและทันสมัย รองรับการใช้งานระยะยาวในหลายสถานการณ์ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต Armbian 25.11 ➡️ รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ➡️ ปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ➡️ อัปเดต kernel และแพ็กเกจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM ➡️ ขยายการรองรับอุปกรณ์ ARM หลากหลาย ➡️ เหมาะสำหรับงาน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การอัปเดตอาจทำให้บางแพ็กเกจหรือระบบที่ปรับแต่งเองไม่เข้ากัน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของบอร์ดและซอฟต์แวร์ก่อนอัปเกรด ⛔ การใช้งานบนอุปกรณ์ใหม่อาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เสถียร https://9to5linux.com/armbian-25-11-is-out-with-support-for-radxa-rock-4d-nanopi-m5-and-debian-forky
    9TO5LINUX.COM
    Armbian 25.11 Is Out with Support for Radxa ROCK 4D, NanoPi M5, and Debian Forky - 9to5Linux
    Armbian 25.11 Linux distribution based on Debian and designed for ARM devices is now available for download with support for new boards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน

    FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย
    เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง

    เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์
    NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม
    ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11
    ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS
    รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta
    เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot

    เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่
    nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python
    nixos-init เขียนด้วย Rust
    อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6
    NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง
    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้

    https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    🐧 NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน 🔐 FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง ⚙️ เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์ NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 🌐 การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ➡️ เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot ✅ เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่ ➡️ nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python ➡️ nixos-init เขียนด้วย Rust ➡️ อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6 ⛔ NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง ⛔ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้ https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    9TO5LINUX.COM
    NixOS 25.11 Released with GNOME 49, COSMIC Beta, and FirewallD Support - 9to5Linux
    NixOS 25.11 independent distribution is now available for download with Linux 6.12 LTS, GNOME 49, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix และ CastleLoader โจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ กว่า 469 เครื่อง

    รายงานล่าสุดเผยว่า TAG-150 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service (MaaS) ได้เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี 2025 และสามารถโจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ ได้มากกว่า 469 เครื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน กลุ่มนี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนเพื่อรองรับการโจมตีในวงกว้าง โดยเน้นเป้าหมายไปที่ผู้ใช้งานทั่วไปในสหรัฐอเมริกา

    เทคนิค ClickFix: หลอกให้เหยื่อ “แฮกตัวเอง”
    TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix ซึ่งไม่เน้นการเจาะระบบด้วยช่องโหว่ แต่ใช้การหลอกล่อเหยื่อแทน โดยสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริง เช่น Google Meet หรือหน้าการอัปเดตเบราว์เซอร์ เมื่อผู้ใช้คลิก “ขั้นตอนการยืนยัน” ปลอม ระบบจะคัดลอกคำสั่ง PowerShell อันตรายไปยังคลิปบอร์ด และผู้ใช้ถูกหลอกให้วางและรันคำสั่งนั้นเอง ทำให้มัลแวร์ถูกติดตั้งโดยตรง

    CastleLoader และ CastleRAT: เครื่องมือโจมตีแบบแยกชั้น
    เมื่อเหยื่อรันคำสั่ง มัลแวร์ CastleLoader จะถูกติดตั้งเป็นตัวโหลดหลัก โดยใช้เทคนิคการซ่อนโค้ดและการบีบอัดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นจะปล่อย CastleRAT ซึ่งเป็น payload หลักที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้เต็มรูปแบบ เช่น การบันทึกคีย์บอร์ด การจับภาพหน้าจอ และการเข้าถึง shell ระยะไกล

    PyNightShade: เวอร์ชันลับที่ตรวจจับยาก
    นอกจากนี้ TAG-150 ยังพัฒนา PyNightShade ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่เขียนด้วย Python และออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากมาก โดยมันจะสื่อสารกับบริการ geolocation จริงอย่าง ip-api[.]com เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของเหยื่อก่อนเริ่มโจมตีเต็มรูปแบบ ทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจสอบ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการโจมตี TAG-150
    ใช้เทคนิค ClickFix หลอกผู้ใช้ให้รันคำสั่งเอง
    CastleLoader เป็นตัวโหลดหลัก ปล่อย CastleRAT ควบคุมเครื่อง
    PyNightShade RAT ตรวจจับได้ยากและใช้ geolocation จริง

    ผลกระทบและเป้าหมาย
    โจมตีอุปกรณ์กว่า 469 เครื่องในสหรัฐฯ
    มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริงอาจทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อ
    การคัดลอกและรันคำสั่งจากคลิปบอร์ดเป็นช่องทางติดมัลแวร์
    RAT สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล

    https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices/
    🕵️‍♀️ กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix และ CastleLoader โจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ กว่า 469 เครื่อง รายงานล่าสุดเผยว่า TAG-150 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service (MaaS) ได้เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี 2025 และสามารถโจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ ได้มากกว่า 469 เครื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน กลุ่มนี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนเพื่อรองรับการโจมตีในวงกว้าง โดยเน้นเป้าหมายไปที่ผู้ใช้งานทั่วไปในสหรัฐอเมริกา 💻 เทคนิค ClickFix: หลอกให้เหยื่อ “แฮกตัวเอง” TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix ซึ่งไม่เน้นการเจาะระบบด้วยช่องโหว่ แต่ใช้การหลอกล่อเหยื่อแทน โดยสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริง เช่น Google Meet หรือหน้าการอัปเดตเบราว์เซอร์ เมื่อผู้ใช้คลิก “ขั้นตอนการยืนยัน” ปลอม ระบบจะคัดลอกคำสั่ง PowerShell อันตรายไปยังคลิปบอร์ด และผู้ใช้ถูกหลอกให้วางและรันคำสั่งนั้นเอง ทำให้มัลแวร์ถูกติดตั้งโดยตรง 🧩 CastleLoader และ CastleRAT: เครื่องมือโจมตีแบบแยกชั้น เมื่อเหยื่อรันคำสั่ง มัลแวร์ CastleLoader จะถูกติดตั้งเป็นตัวโหลดหลัก โดยใช้เทคนิคการซ่อนโค้ดและการบีบอัดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นจะปล่อย CastleRAT ซึ่งเป็น payload หลักที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้เต็มรูปแบบ เช่น การบันทึกคีย์บอร์ด การจับภาพหน้าจอ และการเข้าถึง shell ระยะไกล 🌐 PyNightShade: เวอร์ชันลับที่ตรวจจับยาก นอกจากนี้ TAG-150 ยังพัฒนา PyNightShade ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่เขียนด้วย Python และออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากมาก โดยมันจะสื่อสารกับบริการ geolocation จริงอย่าง ip-api[.]com เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของเหยื่อก่อนเริ่มโจมตีเต็มรูปแบบ ทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจสอบ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการโจมตี TAG-150 ➡️ ใช้เทคนิค ClickFix หลอกผู้ใช้ให้รันคำสั่งเอง ➡️ CastleLoader เป็นตัวโหลดหลัก ปล่อย CastleRAT ควบคุมเครื่อง ➡️ PyNightShade RAT ตรวจจับได้ยากและใช้ geolocation จริง ✅ ผลกระทบและเป้าหมาย ➡️ โจมตีอุปกรณ์กว่า 469 เครื่องในสหรัฐฯ ➡️ มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริงอาจทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อ ⛔ การคัดลอกและรันคำสั่งจากคลิปบอร์ดเป็นช่องทางติดมัลแวร์ ⛔ RAT สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices/
    SECURITYONLINE.INFO
    New MaaS Operator TAG-150 Uses ClickFix Lure and Custom CastleLoader to Compromise 469 US Devices
    Darktrace exposed TAG-150, a new MaaS operator compromising 469+ US devices in months. The group uses ClickFix to trick victims into running malicious PowerShell that deploys the CastleLoader/CastleRAT backdoor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Operation Hanoi Thief: การโจมตีผ่านไฟล์เรซูเม่ปลอม

    แคมเปญไซเบอร์สอดแนมใหม่ที่ถูกเรียกว่า Operation Hanoi Thief กำลังแพร่กระจายไปยังภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม โดยใช้ อีเมลฟิชชิ่ง ที่แนบไฟล์ ZIP ซึ่งภายในมีเรซูเม่ปลอมของผู้สมัครงานชื่อ “Le Xuan Son” และไฟล์ LNK ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 โดยทีม SEQRITE Labs และถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่าน GitHub โปรไฟล์ปลอมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2021

    เทคนิค Pseudo-Polyglot และการซ่อนโค้ด
    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้โดดเด่นคือการใช้ ไฟล์ pseudo-polyglot ซึ่งสามารถทำงานได้หลายรูปแบบในไฟล์เดียว เช่น ภาพ PNG ที่ดูเหมือนเรซูเม่ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนทั้ง PDF และสคริปต์ batch ไว้พร้อมกัน เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ LNK ระบบจะเรียกใช้ ftp.exe เพื่อดึงคำสั่งที่ซ่อนอยู่และถอดรหัสเป็น DLL อันตรายชื่อ MsCtfMonitor.dll ซึ่งเป็นตัวหลักของมัลแวร์ LOTUSHARVEST

    LOTUSHARVEST: ตัวขโมยข้อมูลที่แฝงตัว
    มัลแวร์ LOTUSHARVEST ใช้เทคนิค DLL sideloading โดยอาศัยโปรแกรมที่ถูกต้องอย่าง ctfmon.exe เพื่อโหลด DLL ปลอมเข้ามา เมื่อทำงานแล้ว มัลแวร์จะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ 20 รายการล่าสุด และรหัสผ่านที่เก็บไว้ในเบราว์เซอร์ Chrome และ Edge ก่อนส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้โจมตีควบคุม

    แนวโน้มการโจมตี DLL Sideloading และ Polyglot
    การใช้ DLL sideloading ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังถูกใช้มากขึ้นในปี 2025 โดยกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น LockBit และ APT จากจีน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ขณะเดียวกันเทคนิค polyglot file ก็ถูกใช้แพร่หลายในการซ่อนโค้ดในไฟล์รูปภาพหรือเอกสาร ทำให้การตรวจจับด้วยวิธีดั้งเดิมยากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องพัฒนาเครื่องมือที่ตรวจสอบทั้งพฤติกรรมและโครงสร้างไฟล์อย่างละเอียด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการโจมตี Operation Hanoi Thief
    ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีเรซูเม่ปลอมและไฟล์ LNK
    ใช้เทคนิค pseudo-polyglot ซ่อนโค้ดในไฟล์ PNG
    โหลด DLL อันตราย LOTUSHARVEST ผ่าน DLL sideloading

    เป้าหมายและผลกระทบ
    มุ่งโจมตีภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม
    ขโมยข้อมูลรหัสผ่านและประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    ไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารหรือภาพ อาจซ่อนโค้ดอันตราย
    DLL sideloading สามารถทำให้มัลแวร์รันโดยไม่ถูกตรวจจับ
    การโจมตีลักษณะนี้อาจแพร่ไปยังองค์กรในภูมิภาคอื่น

    https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading/
    🕵️‍♂️ Operation Hanoi Thief: การโจมตีผ่านไฟล์เรซูเม่ปลอม แคมเปญไซเบอร์สอดแนมใหม่ที่ถูกเรียกว่า Operation Hanoi Thief กำลังแพร่กระจายไปยังภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม โดยใช้ อีเมลฟิชชิ่ง ที่แนบไฟล์ ZIP ซึ่งภายในมีเรซูเม่ปลอมของผู้สมัครงานชื่อ “Le Xuan Son” และไฟล์ LNK ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 โดยทีม SEQRITE Labs และถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่าน GitHub โปรไฟล์ปลอมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2021 💻 เทคนิค Pseudo-Polyglot และการซ่อนโค้ด สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้โดดเด่นคือการใช้ ไฟล์ pseudo-polyglot ซึ่งสามารถทำงานได้หลายรูปแบบในไฟล์เดียว เช่น ภาพ PNG ที่ดูเหมือนเรซูเม่ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนทั้ง PDF และสคริปต์ batch ไว้พร้อมกัน เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ LNK ระบบจะเรียกใช้ ftp.exe เพื่อดึงคำสั่งที่ซ่อนอยู่และถอดรหัสเป็น DLL อันตรายชื่อ MsCtfMonitor.dll ซึ่งเป็นตัวหลักของมัลแวร์ LOTUSHARVEST 🔓 LOTUSHARVEST: ตัวขโมยข้อมูลที่แฝงตัว มัลแวร์ LOTUSHARVEST ใช้เทคนิค DLL sideloading โดยอาศัยโปรแกรมที่ถูกต้องอย่าง ctfmon.exe เพื่อโหลด DLL ปลอมเข้ามา เมื่อทำงานแล้ว มัลแวร์จะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ 20 รายการล่าสุด และรหัสผ่านที่เก็บไว้ในเบราว์เซอร์ Chrome และ Edge ก่อนส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้โจมตีควบคุม 🌐 แนวโน้มการโจมตี DLL Sideloading และ Polyglot การใช้ DLL sideloading ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังถูกใช้มากขึ้นในปี 2025 โดยกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น LockBit และ APT จากจีน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ขณะเดียวกันเทคนิค polyglot file ก็ถูกใช้แพร่หลายในการซ่อนโค้ดในไฟล์รูปภาพหรือเอกสาร ทำให้การตรวจจับด้วยวิธีดั้งเดิมยากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องพัฒนาเครื่องมือที่ตรวจสอบทั้งพฤติกรรมและโครงสร้างไฟล์อย่างละเอียด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการโจมตี Operation Hanoi Thief ➡️ ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีเรซูเม่ปลอมและไฟล์ LNK ➡️ ใช้เทคนิค pseudo-polyglot ซ่อนโค้ดในไฟล์ PNG ➡️ โหลด DLL อันตราย LOTUSHARVEST ผ่าน DLL sideloading ✅ เป้าหมายและผลกระทบ ➡️ มุ่งโจมตีภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม ➡️ ขโมยข้อมูลรหัสผ่านและประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ ไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารหรือภาพ อาจซ่อนโค้ดอันตราย ⛔ DLL sideloading สามารถทำให้มัลแวร์รันโดยไม่ถูกตรวจจับ ⛔ การโจมตีลักษณะนี้อาจแพร่ไปยังองค์กรในภูมิภาคอื่น https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading/
    SECURITYONLINE.INFO
    Operation Hanoi Thief: Hackers Use 'Pseudo-Polyglot' LNK/Image to Deploy LOTUSHARVEST Stealer via DLL Sideloading
    Operation Hanoi Thief targets Vietnam with a pseudo-polyglot LNK/image file that executes malicious code via ftp.exe. The attack deploys LOTUSHARVEST stealer via DLL sideloading to steal Chrome/Edge credentials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Iermt42XG2M?si=1Zv9rb-QQDauqnY9
    https://youtu.be/Iermt42XG2M?si=1Zv9rb-QQDauqnY9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/TAB1iWkbU-M?si=lG8KQC4aPD6wH3Ww
    https://youtu.be/TAB1iWkbU-M?si=lG8KQC4aPD6wH3Ww
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025-2026 นัดที่ 13 เวสต์แฮม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตะคืนวันอาทิตย์ที่ 30 พย. 2568 เวลา 21.05 น.
    ครึ่งแรกทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0 : 0
    เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อน จากลูกยิงของ อิซัค ในนาทีที่ 60 เป็นการนับ 1 ในพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ จากนั้นมาได้ลูกที่ 2 จาก กัตโป ยิงอย่างสวยเข้าไปในนาทีที่ 92 สุดท้ายลิเวอร์พูลชนะไป 2 : 0 ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ของตาราง
    ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025-2026 นัดที่ 13 เวสต์แฮม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตะคืนวันอาทิตย์ที่ 30 พย. 2568 เวลา 21.05 น. ครึ่งแรกทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0 : 0 เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อน จากลูกยิงของ อิซัค ในนาทีที่ 60 เป็นการนับ 1 ในพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ จากนั้นมาได้ลูกที่ 2 จาก กัตโป ยิงอย่างสวยเข้าไปในนาทีที่ 92 สุดท้ายลิเวอร์พูลชนะไป 2 : 0 ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ของตาราง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIOS 2000W ของ ASUS RTX 5090 รั่วไหล

    มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Overclock เผยแพร่ BIOS รุ่นพิเศษที่เดิมทีสร้างขึ้นสำหรับ ASUS GeForce Astral RTX 5090 D ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว BIOS นี้ปลดล็อกเพดานพลังงานสูงสุดถึง 2002W แม้การ์ดจริงจะไม่สามารถดึงพลังงานได้มากขนาดนั้น แต่ก็มีรายงานว่า RTX 5090 รุ่นปกติสามารถดึงไฟได้ถึง 1000W เมื่อแฟลช BIOS ดังกล่าว

    ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ
    ผู้ใช้ที่ทดลองแฟลช BIOS บน Gigabyte RTX 5090 สามารถทำคะแนนได้กว่า 18,173 คะแนนใน 3DMark Steel Nomad DX12 ซึ่งติดอันดับ Top 25 ของโลก ขณะที่ YouTuber ชื่อดัง Jayztwocents ก็เคยทดสอบและได้คะแนนใกล้เคียงกันที่ 18,186 คะแนน โดยประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานสูงถึง 900W

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    แม้จะเพิ่ม FPS ได้ 10–20 เฟรม แต่การดันพลังงานสูงเกินไปทำให้ สายไฟและคอนเน็กเตอร์เสี่ยงต่อการหลอมละลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายมาก ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้ BIOS 800W ของ ASUS Matrix ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว การใช้งาน BIOS 2000W จึงเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    BIOS ASUS RTX 5090 XOC 2000W ถูกเผยแพร่ในฟอรั่ม Overclock
    เดิมที BIOS นี้สร้างขึ้นสำหรับรุ่น Astral RTX 5090 D ที่ถูกยกเลิก
    ผู้ใช้แฟลชแล้วทำคะแนน 3DMark Steel Nomad DX12 ได้กว่า 18,000 คะแนน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Jayztwocents เคยทดสอบ BIOS นี้และได้คะแนนใกล้เคียง Top 20 ของโลก
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องใช้พลังงานสูงถึง 900W–1000W

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การใช้ BIOS 2000W เสี่ยงต่อการหลอมละลายของสายไฟและคอนเน็กเตอร์
    อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไฟไหม้ได้ง่าย
    แม้ BIOS 800W ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว

    https://wccftech.com/asus-rtx-5090-2000w-xoc-bios-leaked/
    ⚡ BIOS 2000W ของ ASUS RTX 5090 รั่วไหล มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Overclock เผยแพร่ BIOS รุ่นพิเศษที่เดิมทีสร้างขึ้นสำหรับ ASUS GeForce Astral RTX 5090 D ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว BIOS นี้ปลดล็อกเพดานพลังงานสูงสุดถึง 2002W แม้การ์ดจริงจะไม่สามารถดึงพลังงานได้มากขนาดนั้น แต่ก็มีรายงานว่า RTX 5090 รุ่นปกติสามารถดึงไฟได้ถึง 1000W เมื่อแฟลช BIOS ดังกล่าว 🖥️ ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ ผู้ใช้ที่ทดลองแฟลช BIOS บน Gigabyte RTX 5090 สามารถทำคะแนนได้กว่า 18,173 คะแนนใน 3DMark Steel Nomad DX12 ซึ่งติดอันดับ Top 25 ของโลก ขณะที่ YouTuber ชื่อดัง Jayztwocents ก็เคยทดสอบและได้คะแนนใกล้เคียงกันที่ 18,186 คะแนน โดยประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานสูงถึง 900W 🔥 ความเสี่ยงและคำเตือน แม้จะเพิ่ม FPS ได้ 10–20 เฟรม แต่การดันพลังงานสูงเกินไปทำให้ สายไฟและคอนเน็กเตอร์เสี่ยงต่อการหลอมละลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายมาก ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้ BIOS 800W ของ ASUS Matrix ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว การใช้งาน BIOS 2000W จึงเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ BIOS ASUS RTX 5090 XOC 2000W ถูกเผยแพร่ในฟอรั่ม Overclock ➡️ เดิมที BIOS นี้สร้างขึ้นสำหรับรุ่น Astral RTX 5090 D ที่ถูกยกเลิก ➡️ ผู้ใช้แฟลชแล้วทำคะแนน 3DMark Steel Nomad DX12 ได้กว่า 18,000 คะแนน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Jayztwocents เคยทดสอบ BIOS นี้และได้คะแนนใกล้เคียง Top 20 ของโลก ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องใช้พลังงานสูงถึง 900W–1000W ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การใช้ BIOS 2000W เสี่ยงต่อการหลอมละลายของสายไฟและคอนเน็กเตอร์ ⛔ อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไฟไหม้ได้ง่าย ⛔ แม้ BIOS 800W ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว https://wccftech.com/asus-rtx-5090-2000w-xoc-bios-leaked/
    WCCFTECH.COM
    ASUS RTX 5090 2000W XOC BIOS Leaked; Use At Your Own Risk
    A user on the Overclock forums have uploaded the ASUS RTX 5090 2000W XOC BIOS, which unlocks inane power limit for the RTX 5090.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple

    รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี

    ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม
    นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง
    แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    มุมมองจากตลาดโลก
    การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A
    คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027
    ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี
    Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก
    Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ

    คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม
    Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027
    หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป
    การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    🍏 ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี 🏭 ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ⚡ บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น 🌍 มุมมองจากตลาดโลก การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A ➡️ คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027 ➡️ ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี ➡️ Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก ➡️ Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027 ⛔ หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป ⛔ การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว: Micron ลงทุนสร้างโรงงาน HBM ในญี่ปุ่น

    Micron วางแผนขยายโรงงานที่ฮิโรชิมาเพื่อสร้างโรงงานผลิต High-Bandwidth Memory (HBM) โดยใช้งบลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านเยน (9.6 พันล้านดอลลาร์) การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ในปี 2028

    การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น
    กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) คาดว่าจะสนับสนุนเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 500 พันล้านเยน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ญี่ปุ่นใช้กับโครงการของ TSMC และ Rapidus ที่ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน

    บริบทการแข่งขันในตลาด HBM
    ตลาด HBM กำลังเป็นหัวใจสำคัญของซัพพลายเชน AI โดย SK hynix ครองตลาดหลักและส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ขณะที่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ส่วน Micron เองก็มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดไปถึง 20% การสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นจะช่วยเพิ่มศักยภาพและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

    ความสำคัญต่ออนาคต AI
    โรงงานใหม่นี้จะตรงกับช่วงที่ GPU รุ่นถัดไป (HBM4/HBM4E) เริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่มีความเร็วและความหนาแน่นสูงขึ้น หาก Micron สามารถผลิตได้ตามแผนในปี 2028 จะช่วยให้บริษัทมีบทบาทสำคัญในตลาด AI accelerators ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Micron ลงทุน 9.6 พันล้านดอลลาร์สร้างโรงงาน HBM ที่ฮิโรชิมา
    เริ่มก่อสร้างปีหน้า และคาดว่าจะผลิตได้ในปี 2028

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    SK hynix ครองตลาด HBM และส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026
    Samsung เร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น
    Micron มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดถึง 20%

    คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม
    ความต้องการ HBM สูงมาก อาจทำให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่ง
    การแข่งขันระหว่าง SK hynix, Samsung และ Micron อาจทำให้ตลาดผันผวน
    ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน อาจกระทบซัพพลายเชน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/micron-plans-hbm-fab-in-japan-as-ai-memory-race-accelerates
    🏭 ข่าว: Micron ลงทุนสร้างโรงงาน HBM ในญี่ปุ่น Micron วางแผนขยายโรงงานที่ฮิโรชิมาเพื่อสร้างโรงงานผลิต High-Bandwidth Memory (HBM) โดยใช้งบลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านเยน (9.6 พันล้านดอลลาร์) การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ในปี 2028 💰 การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) คาดว่าจะสนับสนุนเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 500 พันล้านเยน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ญี่ปุ่นใช้กับโครงการของ TSMC และ Rapidus ที่ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน ⚡ บริบทการแข่งขันในตลาด HBM ตลาด HBM กำลังเป็นหัวใจสำคัญของซัพพลายเชน AI โดย SK hynix ครองตลาดหลักและส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ขณะที่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ส่วน Micron เองก็มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดไปถึง 20% การสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นจะช่วยเพิ่มศักยภาพและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ 🚀 ความสำคัญต่ออนาคต AI โรงงานใหม่นี้จะตรงกับช่วงที่ GPU รุ่นถัดไป (HBM4/HBM4E) เริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่มีความเร็วและความหนาแน่นสูงขึ้น หาก Micron สามารถผลิตได้ตามแผนในปี 2028 จะช่วยให้บริษัทมีบทบาทสำคัญในตลาด AI accelerators ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Micron ลงทุน 9.6 พันล้านดอลลาร์สร้างโรงงาน HBM ที่ฮิโรชิมา ➡️ เริ่มก่อสร้างปีหน้า และคาดว่าจะผลิตได้ในปี 2028 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ SK hynix ครองตลาด HBM และส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ➡️ Samsung เร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ➡️ Micron มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดถึง 20% ‼️ คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม ⛔ ความต้องการ HBM สูงมาก อาจทำให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่ง ⛔ การแข่งขันระหว่าง SK hynix, Samsung และ Micron อาจทำให้ตลาดผันผวน ⛔ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน อาจกระทบซัพพลายเชน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/micron-plans-hbm-fab-in-japan-as-ai-memory-race-accelerates
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Micron plans $9.6 billion HBM fab in Japan as AI memory race accelerates
    U.S. chipmaker set to expand Hiroshima site with heavy support from Tokyo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts