• 17/1/68

    อาการคัน

    เป็นเพราะเลือดข้นหนืดสังเกต
    1.ผิวพรรณไม่ผ่องใส
    2.มึนศรีษะ มือเท้าชา
    3.มักจะคันเวลาเดิมๆ

    การแก้ไข
    1.ต้องขยับร่างกาย คือออกกำลังกาย
    2.ดื่มน้ำให้มากพอเพียง 6~8 แก้ว
    3.หายใจเข้า~ออกให้ลึก& ผ่อนคลาย

    แก้ไขเลือดข้นหนืดด้วยสมุนไพร แต่ต้องระวัง! สำหรัลโรคไตเสื่อม (ทานไม่ได้~ต้องปรึกษาแพทย์)
    1.สาหร่ายเกลียวทอง 4-5 เม็ดก่อนอาหาร เพื่อเพิ่มสารอาหาร

    2.ตรีผลาก่อนหรือหลังอาหาร เพื่อเพิ่มน้ำในเลือด(ทานแบบน้ำ ปรือแบบเม็ดก็ได้)

    3.ทานยาแก้น้ำเหลืองเสีย ก่อนนอน แก้การระบายพิษอุจจาระ ปัสสาวะ

    cr: NosickHandup ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น
    https://youtu.be/pri7gvRPzzE?si=nqvIOB9sso_DMpYV
    17/1/68 อาการคัน เป็นเพราะเลือดข้นหนืดสังเกต 1.ผิวพรรณไม่ผ่องใส 2.มึนศรีษะ มือเท้าชา 3.มักจะคันเวลาเดิมๆ การแก้ไข 1.ต้องขยับร่างกาย คือออกกำลังกาย 2.ดื่มน้ำให้มากพอเพียง 6~8 แก้ว 3.หายใจเข้า~ออกให้ลึก& ผ่อนคลาย แก้ไขเลือดข้นหนืดด้วยสมุนไพร แต่ต้องระวัง! สำหรัลโรคไตเสื่อม (ทานไม่ได้~ต้องปรึกษาแพทย์) 1.สาหร่ายเกลียวทอง 4-5 เม็ดก่อนอาหาร เพื่อเพิ่มสารอาหาร 2.ตรีผลาก่อนหรือหลังอาหาร เพื่อเพิ่มน้ำในเลือด(ทานแบบน้ำ ปรือแบบเม็ดก็ได้) 3.ทานยาแก้น้ำเหลืองเสีย ก่อนนอน แก้การระบายพิษอุจจาระ ปัสสาวะ cr: NosickHandup ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น https://youtu.be/pri7gvRPzzE?si=nqvIOB9sso_DMpYV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

    จรรยาบรรณแพทย์

    ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ
    ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม

    ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ
    ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น
    ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน
    ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

    ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม
    ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

    ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง
    ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย

    ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ
    ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ

    ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ
    ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม
    ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
    ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ
    ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ
    อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่

    ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ
    ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง
    ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้

    ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล
    ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่

    ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้
    ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้

    ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย
    ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้
    เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ

    ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ
    ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย
    ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้
    แก้วสรร อติโพธิ
    14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ จรรยาบรรณแพทย์ ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่ ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้ ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่ ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้ ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้ ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้ เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้ แก้วสรร อติโพธิ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตับสัตว์

    ตับเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน

    ตับคืออะไร

    ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในมนุษย์และสัตว์ โดยทั่วไปแล้วตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดและมีหน้าที่สำคัญหลายประการ รวมถึง:

    • ผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร

    • จัดเก็บไกลโคเจน ธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ

    • กรองและกำจัดยาและสารพิษออกจากเลือด

    ในสัตว์ที่ไม่ป่วย ตับคืออวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเองทุกวัน จึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย

    แม้ว่าตับจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ตับก็เป็นอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นสูง

    ตับ 100 กรัม ให้ :

    • พลังงาน 189 แคลอรี่

    • โปรตีน 29 กรัม

    • ไขมัน 5 กรัม

    • คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม

    ตับมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ตับของสัตว์ส่วนใหญ่สามารถรับประทานได้ แหล่งที่พบได้ทั่วไปคือ ตับวัว ไก่ เป็ด เนื้อแกะ และหมู

    ตับเป็นแหล่งของสารอาหารหลายชนิด

    ต่อไปนี้คือสารอาหารที่พบในตับวัว 100 กรัม

    • วิตามินบี 12: 2,917% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (DV) วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและ DNA และยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่แข็งแรงอีกด้วย

    • วิตามินเอ: 104% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินเอมีความสำคัญต่อการมองเห็น การทำงานของภูมิคุ้มกัน และการสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างถูกต้อง

    • ไรโบฟลาวิน (B2): 261% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไรโบฟลาวินมีความสำคัญต่อการพัฒนาและการทำงานของเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานอีกด้วย

    • โฟเลต (B9): 63% ของ DV โฟเลตเป็นสารอาหารจำเป็นที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของเซลล์และการสร้าง DNA

    • ธาตุเหล็ก: 36% ของ DV ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารจำเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยนำออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ธาตุเหล็กในตับคือธาตุเหล็กในกลุ่มฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายที่สุด

    • ทองแดง: 1,578% ของ DV ทองแดงทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตพลังงาน การเผาผลาญธาตุเหล็ก และการทำงานของสมอง

    • โคลีน: ตับให้โคลีน 77% ของ DV โคลีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและการทำงานของตับ

    ตับเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง

    โปรตีนมีความสำคัญต่อชีวิตและพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายมนุษย์ โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย

    ตับวัวมากกว่าหนึ่งในสี่ประกอบด้วยโปรตีน เนื่องจากเป็นโปรตีนจากสัตว์ จึงมีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมด

    กรดอะมิโนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ประกอบเป็นโปรตีน ร่างกายสามารถสร้างกรดอะมิโนบางชนิดได้ แต่กรดอะมิโนที่จำเป็นจะต้องมาจากอาหาร

    การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยลดความหิวและความอยากอาหาร นอกจากนี้ ยังพบว่าโปรตีนช่วยบรรเทาความหิวได้ดีกว่าไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต

    ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ หรือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในการทำงาน

    การที่มีอัตราการเผาผลาญที่สูงขึ้นหมายความว่าคุณใช้แคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานร่วมกับการลดปริมาณแคลอรี่

    สุดท้ายการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อในขณะที่ลดน้ำหนักได้

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาบางกรณีเตือนว่าการบริโภคโปรตีนในระยะยาวมากเกินไป โดยเฉพาะจากโปรตีนจากสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของไต กระดูก หรือตับ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นจึงควรรับประทานให้เหมาะสมที่ร่างกายแต่ละคนต้องการ (อ่านตอนโปรตีนในหัวข้อ Fixx pro)

    ความกังวลทั่วไปเกี่ยวกับการรับประทานตับ

    หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการรับประทานตับและสงสัยว่าตับไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่

    คำถามที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือปริมาณคอเลสเตอรอลเป็นปัญหาหรือไม่

    แม้ว่าตับจะมีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่

    ผู้คนเคยเชื่อว่าคอเลสเตอรอลในอาหารทำให้เกิดโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคอเลสเตอรอลในอาหารและคอเลสเตอรอลในร่างกายนั้นไม่ตรงไปตรงมา

    คำแนะนำปัจจุบันยังคงแนะนำให้กินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงในปริมาณที่พอเหมาะ โดยอยู่ในบริบทของการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการ

    ประชากรประมาณหนึ่งในสี่ดูเหมือนจะไวต่อคอเลสเตอรอลในอาหารมากกว่า สำหรับคนเหล่านี้ การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้

    นอกจากความกังวลอื่นๆ แล้ว การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยังพบว่าการรับประทานอาหารที่มีเครื่องในสัตว์สูงมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดโรคไขมันพอกตับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ แต่การศึกษานี้ยังมีขอบเขตจำกัด และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม
    ตับอาจไม่เหมาะกับทุกคน

    มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจต้องการหลีกเลี่ยงการรับประทานตับ

    หญิงตั้งครรภ์

    ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานตับในระหว่างตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเกิดจากปริมาณวิตามินเอ

    การรับประทานวิตามินเอที่ก่อตัวก่อนกำหนดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นชนิดที่พบในตับ มีความเชื่อมโยงกับข้อบกพร่องแต่กำเนิดในการศึกษาวิจัยในปี 1995

    ปริมาณวิตามินเอสูงสุดที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้คือ 3,000 ไมโครกรัมของเรตินอลแอคทีฟเอควล (mcg RAE) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทานวิตามินเอเสริมเกินปริมาณดังกล่าวต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม ตับวัว 1 ออนซ์ (28.5 กรัม) มีวิตามินเอ 2,650 ไมโครกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับวิตามินเอสูงสุดที่ร่างกายสามารถรับประทานได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องติดตามปริมาณวิตามินเอ

    การปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ

    ผู้ที่เป็นโรคเกาต์

    โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากกรดยูริกในเลือดมีปริมาณสูง อาการของโรคได้แก่ ปวด ข้อแข็ง และบวม

    ตับมีสารพิวรีนสูง ซึ่งก่อให้เกิดกรดยูริกในร่างกาย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงตับ เครื่องในสัตว์ และปลาดุกจึงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณเป็นโรคเกาต์

    วิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ

    ตับมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบางคนชอบและบางคนไม่ชอบ

    ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ:

    • การทอดในกระทะ: ตับจะได้ผลดีเมื่อทอดในกระทะพร้อมกับหัวหอม

    • การแช่ตับในน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวก่อนปรุงอาหาร: การทำเช่นนี้จะลดรสชาติที่เข้มข้นของตับได้

    สภาวะของร่างกายที่ควรรับประทานตับ

    -กำลังเจริญเติบโตและใช้สมอง
    -เป็นไข้หรือติดเชื้อไวรัส เนื่องจากเชื้อโรคจะทำลายเม็ดเลือดแดง
    -สูญเสียเลือด ไม่ว่าจะเป็นจากการมีประจำเดือน การผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุ
    -มีภาวะโลหิตจาง
    - ผู้ที่มีอาการโคลงเคลงเหมือนอยู่ในเรือหรือบ้านหมุน
    - ผู้ที่มีความรู้สึกว่าหนาวง่ายเกินไป

    ปริมาณที่แนะนำ
    ถ้าเป็นตับวัวหรือตับหมู รับประทานประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อต่อวัน
    ถ้าเป็นตับไก่หรือตับเป็ด รับประทานประมาณ 1 ไม้เสียบย่าง
    และควรรับประทานสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr.Santi Manadee
    #ตับสัตว์ ตับเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน ตับคืออะไร ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในมนุษย์และสัตว์ โดยทั่วไปแล้วตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดและมีหน้าที่สำคัญหลายประการ รวมถึง: • ผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร • จัดเก็บไกลโคเจน ธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ • กรองและกำจัดยาและสารพิษออกจากเลือด ในสัตว์ที่ไม่ป่วย ตับคืออวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเองทุกวัน จึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าตับจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ตับก็เป็นอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นสูง ตับ 100 กรัม ให้ : • พลังงาน 189 แคลอรี่ • โปรตีน 29 กรัม • ไขมัน 5 กรัม • คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม ตับมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ตับของสัตว์ส่วนใหญ่สามารถรับประทานได้ แหล่งที่พบได้ทั่วไปคือ ตับวัว ไก่ เป็ด เนื้อแกะ และหมู ตับเป็นแหล่งของสารอาหารหลายชนิด ต่อไปนี้คือสารอาหารที่พบในตับวัว 100 กรัม • วิตามินบี 12: 2,917% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (DV) วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและ DNA และยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่แข็งแรงอีกด้วย • วิตามินเอ: 104% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินเอมีความสำคัญต่อการมองเห็น การทำงานของภูมิคุ้มกัน และการสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างถูกต้อง • ไรโบฟลาวิน (B2): 261% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไรโบฟลาวินมีความสำคัญต่อการพัฒนาและการทำงานของเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานอีกด้วย • โฟเลต (B9): 63% ของ DV โฟเลตเป็นสารอาหารจำเป็นที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของเซลล์และการสร้าง DNA • ธาตุเหล็ก: 36% ของ DV ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารจำเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยนำออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ธาตุเหล็กในตับคือธาตุเหล็กในกลุ่มฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายที่สุด • ทองแดง: 1,578% ของ DV ทองแดงทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตพลังงาน การเผาผลาญธาตุเหล็ก และการทำงานของสมอง • โคลีน: ตับให้โคลีน 77% ของ DV โคลีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและการทำงานของตับ ตับเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง โปรตีนมีความสำคัญต่อชีวิตและพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายมนุษย์ โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย ตับวัวมากกว่าหนึ่งในสี่ประกอบด้วยโปรตีน เนื่องจากเป็นโปรตีนจากสัตว์ จึงมีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมด กรดอะมิโนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ประกอบเป็นโปรตีน ร่างกายสามารถสร้างกรดอะมิโนบางชนิดได้ แต่กรดอะมิโนที่จำเป็นจะต้องมาจากอาหาร การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยลดความหิวและความอยากอาหาร นอกจากนี้ ยังพบว่าโปรตีนช่วยบรรเทาความหิวได้ดีกว่าไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ หรือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในการทำงาน การที่มีอัตราการเผาผลาญที่สูงขึ้นหมายความว่าคุณใช้แคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานร่วมกับการลดปริมาณแคลอรี่ สุดท้ายการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อในขณะที่ลดน้ำหนักได้ ในขณะเดียวกัน การศึกษาบางกรณีเตือนว่าการบริโภคโปรตีนในระยะยาวมากเกินไป โดยเฉพาะจากโปรตีนจากสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของไต กระดูก หรือตับ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นจึงควรรับประทานให้เหมาะสมที่ร่างกายแต่ละคนต้องการ (อ่านตอนโปรตีนในหัวข้อ Fixx pro) ความกังวลทั่วไปเกี่ยวกับการรับประทานตับ หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการรับประทานตับและสงสัยว่าตับไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ คำถามที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือปริมาณคอเลสเตอรอลเป็นปัญหาหรือไม่ แม้ว่าตับจะมีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ ผู้คนเคยเชื่อว่าคอเลสเตอรอลในอาหารทำให้เกิดโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคอเลสเตอรอลในอาหารและคอเลสเตอรอลในร่างกายนั้นไม่ตรงไปตรงมา คำแนะนำปัจจุบันยังคงแนะนำให้กินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงในปริมาณที่พอเหมาะ โดยอยู่ในบริบทของการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการ ประชากรประมาณหนึ่งในสี่ดูเหมือนจะไวต่อคอเลสเตอรอลในอาหารมากกว่า สำหรับคนเหล่านี้ การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้ นอกจากความกังวลอื่นๆ แล้ว การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยังพบว่าการรับประทานอาหารที่มีเครื่องในสัตว์สูงมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดโรคไขมันพอกตับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ แต่การศึกษานี้ยังมีขอบเขตจำกัด และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม ตับอาจไม่เหมาะกับทุกคน มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจต้องการหลีกเลี่ยงการรับประทานตับ หญิงตั้งครรภ์ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานตับในระหว่างตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเกิดจากปริมาณวิตามินเอ การรับประทานวิตามินเอที่ก่อตัวก่อนกำหนดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นชนิดที่พบในตับ มีความเชื่อมโยงกับข้อบกพร่องแต่กำเนิดในการศึกษาวิจัยในปี 1995 ปริมาณวิตามินเอสูงสุดที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้คือ 3,000 ไมโครกรัมของเรตินอลแอคทีฟเอควล (mcg RAE) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทานวิตามินเอเสริมเกินปริมาณดังกล่าวต่อวัน อย่างไรก็ตาม ตับวัว 1 ออนซ์ (28.5 กรัม) มีวิตามินเอ 2,650 ไมโครกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับวิตามินเอสูงสุดที่ร่างกายสามารถรับประทานได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องติดตามปริมาณวิตามินเอ การปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากกรดยูริกในเลือดมีปริมาณสูง อาการของโรคได้แก่ ปวด ข้อแข็ง และบวม ตับมีสารพิวรีนสูง ซึ่งก่อให้เกิดกรดยูริกในร่างกาย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงตับ เครื่องในสัตว์ และปลาดุกจึงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณเป็นโรคเกาต์ วิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ ตับมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบางคนชอบและบางคนไม่ชอบ ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ: • การทอดในกระทะ: ตับจะได้ผลดีเมื่อทอดในกระทะพร้อมกับหัวหอม • การแช่ตับในน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวก่อนปรุงอาหาร: การทำเช่นนี้จะลดรสชาติที่เข้มข้นของตับได้ สภาวะของร่างกายที่ควรรับประทานตับ -กำลังเจริญเติบโตและใช้สมอง -เป็นไข้หรือติดเชื้อไวรัส เนื่องจากเชื้อโรคจะทำลายเม็ดเลือดแดง -สูญเสียเลือด ไม่ว่าจะเป็นจากการมีประจำเดือน การผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุ -มีภาวะโลหิตจาง - ผู้ที่มีอาการโคลงเคลงเหมือนอยู่ในเรือหรือบ้านหมุน - ผู้ที่มีความรู้สึกว่าหนาวง่ายเกินไป ปริมาณที่แนะนำ ถ้าเป็นตับวัวหรือตับหมู รับประทานประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อต่อวัน ถ้าเป็นตับไก่หรือตับเป็ด รับประทานประมาณ 1 ไม้เสียบย่าง และควรรับประทานสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พวกเดียวกันอิฉัด
    ตอบคำถามจากแชตหน่อย
    ถามว่าป๋วยมั๊ย
    ก่อนอื่นนะน้องนะ
    คนที่จะบอกว่าใครป๋วยหรือไม่ป๋วย
    ใครคือคนวินิจฉัย
    ต้องหมอ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ
    แต่คนที่ออกมาวินิจฉัยคือใคร
    1. อิป้าที่ป๋วยจิต ที่มีหลักฐานจากคำสารภาพเองในการให้สัมภาษณ์ทางทีวีช่องดัง บรรยายอาการของตัวเองออกมาชัด เฉพติดดราม่า ยังไม่พอ ยังสร้างตัวตนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ตัวเอง จบวุฒิแค่ ม.3
    2. พี่ๆ ที่วันนี้ เอาคำพูดของอิป้ามาว่าน้องตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จห่านอะไรในชีวิต ต้องยอมขายศักดิ์ศรี ว่าน้องตัวเองเพื่อความอยู่รอด เอาตรรกะป๋วยๆมาว่าน้องไม่ดูแล ทั้งๆที่ตัวเองมีลูก มีผัว แต่เอาตัวไม่รอด ยอมเชื่อคนอย่างอิปูที่เป็นหนอนที่รวมหัวกับอิป้า คอยเสี้ยม
    พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า อิปู มันกระสันนนอยากดิลกับเกามาตลอด
    มันไม่เคยห่างจากการคาบข่าวในบ้านน้องไปสู่อิไผ่ อิป้าเลย
    และอิปู ก็ให้ร้ายเรื่องไม่จริงให้อิป้าไปมากมายก่ายกอง
    ใช้ในการเสี้ยม สำนวนที่ 4 พี่ กับอิป้า มันจึงออกมาเหมือนกัน
    สรุปอิปูลอยตัว อยู่หลังม่านตามSandan
    ทำคนในบ้านแตกกัน อิป้าได้เอาเรื่องไปปั่นต่อ
    ก็เหลือแค่คนทั่วไปที่จะใช้สติ ปัญญาในการไตร่ตรอง
    ถ้าเมิงเชื่อคนเพื้ยนอย่างอิป้า เชื่อคนไร้น้ำยาอย่างพี่ๆ
    นั่นก็แปลว่า เมิงมันสมองหม๋า ปัญญาฟายย
    เรื่องของเมิง
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #พวกเดียวกันอิฉัด ตอบคำถามจากแชตหน่อย ถามว่าป๋วยมั๊ย ก่อนอื่นนะน้องนะ คนที่จะบอกว่าใครป๋วยหรือไม่ป๋วย ใครคือคนวินิจฉัย ต้องหมอ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ แต่คนที่ออกมาวินิจฉัยคือใคร 1. อิป้าที่ป๋วยจิต ที่มีหลักฐานจากคำสารภาพเองในการให้สัมภาษณ์ทางทีวีช่องดัง บรรยายอาการของตัวเองออกมาชัด เฉพติดดราม่า ยังไม่พอ ยังสร้างตัวตนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ตัวเอง จบวุฒิแค่ ม.3 2. พี่ๆ ที่วันนี้ เอาคำพูดของอิป้ามาว่าน้องตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จห่านอะไรในชีวิต ต้องยอมขายศักดิ์ศรี ว่าน้องตัวเองเพื่อความอยู่รอด เอาตรรกะป๋วยๆมาว่าน้องไม่ดูแล ทั้งๆที่ตัวเองมีลูก มีผัว แต่เอาตัวไม่รอด ยอมเชื่อคนอย่างอิปูที่เป็นหนอนที่รวมหัวกับอิป้า คอยเสี้ยม พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า อิปู มันกระสันนนอยากดิลกับเกามาตลอด มันไม่เคยห่างจากการคาบข่าวในบ้านน้องไปสู่อิไผ่ อิป้าเลย และอิปู ก็ให้ร้ายเรื่องไม่จริงให้อิป้าไปมากมายก่ายกอง ใช้ในการเสี้ยม สำนวนที่ 4 พี่ กับอิป้า มันจึงออกมาเหมือนกัน สรุปอิปูลอยตัว อยู่หลังม่านตามSandan ทำคนในบ้านแตกกัน อิป้าได้เอาเรื่องไปปั่นต่อ ก็เหลือแค่คนทั่วไปที่จะใช้สติ ปัญญาในการไตร่ตรอง ถ้าเมิงเชื่อคนเพื้ยนอย่างอิป้า เชื่อคนไร้น้ำยาอย่างพี่ๆ นั่นก็แปลว่า เมิงมันสมองหม๋า ปัญญาฟายย เรื่องของเมิง ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณคงเคยได้ยินคำนึ้มาบ้าง ...เมื่อเข้าสู่ ฤดูหนาว...คือ เปิดแอร์ทำไม? อากาศก็หนาว...!! ...เดี๋ยวก่อน มาดูที่คุณหมอ บอกผู้เขียนเมื่อ 30 ปีก่อน....ว่า ให้อยู่ที่ อุณหภูมิ คงที่ ...ไม่สวิงขึ้นลง...แลล้วเราจะไม่ป่วย...(เป็นหวัด ภูมิแพ้) ซึ่งนั่นคือการอยู่ให้ห้องที่ควบคุมอุณหภูมิได้....นั่นก็คือ ห้องแอร์..... #ไม่ต้องเชื่อนะครับ เขียนให้อ่านแล้วลองคิดตาม.🫠🦚.
    คุณคงเคยได้ยินคำนึ้มาบ้าง ...เมื่อเข้าสู่ ฤดูหนาว...คือ เปิดแอร์ทำไม? อากาศก็หนาว...!! ...เดี๋ยวก่อน มาดูที่คุณหมอ บอกผู้เขียนเมื่อ 30 ปีก่อน....ว่า ให้อยู่ที่ อุณหภูมิ คงที่ ...ไม่สวิงขึ้นลง...แลล้วเราจะไม่ป่วย...(เป็นหวัด ภูมิแพ้) ซึ่งนั่นคือการอยู่ให้ห้องที่ควบคุมอุณหภูมิได้....นั่นก็คือ ห้องแอร์..... #ไม่ต้องเชื่อนะครับ เขียนให้อ่านแล้วลองคิดตาม.🫠🦚.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15-11-67/01 : หมี CNN / 30 D-OK แปลไทยได้ว่า "30 ดีงาม จ๊ะ"D1 ดีออก! นึกว่าจะแน่ ไม่ถึงสัปดาห์แผ่ว อะไรน่ะ "เพ่สนธิ" อีเดอย่างหมาD2 ดีออก! ขบวนการหาแดร๊กทั่วไทย ฉิบหายทั่วหน้า โปรแรง ไล่จับแพะD3 ดีออก! คุยเยอะ ของจริงมา กลาโหม ฐานทัพ เละเป็นโจ๊ก บ้องไฟโชว์D4 ดีออก! อีทนายสายบัว เตรียมเผ่น เสียหมา อีต้มตุ๊ด รับคดีเพิ่มไม่อั้น!D5 ดีออก! โกดักลาก๋อย หวยลง นายใหญ่เผ่น อีหนุ่มอาละวาด ปานเทพตบD6 ดีออก! มรึงจบไปคนเดียวเหอะ กูไม่จบด้วย ลากถุงดำ คุกอีเด ขาสั่น!D7 ดีออก! รู้ตัวสิน่ะ หาเสียง ไม่ป่วย ยุ่งการเมือง ยังไงก็ไม่รอด เอาให้สุดD8 ดีออก! 7/11 แม่(ญี่ปุ่น) ซื้อหุ้นคืนหมด ออกจากตลาดหุ้น ป้องกันอียิว(อีแคน)ช้อนซื้อ TAKE OVER ค้าปลีก 7/11 ยกเข่ง 7/11 แม่ไม่ยอม ชิ่ง ดิ้น สู้D9 ดีออก! ยิวลอบกัด ถล่มซีเรีย 2 รอบ อิหร่านโต้ มรึงต้องโดนทั้งโคตรยิวD10 ดีออก! เหี้ยมะกันช็อค SU-57 ในมือจีนเหรอ? แปซิฟิคเดือดสิจ๊ะ? รอD11 ดีออก! สัญญาสัมปทาน EU จ้องแดร๊กยูเครนแห้ว! ปูตินเอาหมดเกลี้ยงD12 ดีออก! ปูตินสั่ง มรึงทำ นี่คือ "กฎ" จะเหลือครึ่ง หรือจะให้กูเอาไปหมดD13 ดีออก! อีต้มตุ๊ด เตรียมเผ่นไปแคนาดา รู้แล้วชิมิ? ดินแดนโจรคือที่ไหนD14 ดีออก! แก๊งค์ตอง 9 ตายยกแก๊งค์ สาวต่อ ยังไม่จบ ลากไส้ทั้งวงการD15 ดีออก! อีฟาโรห์ นกรู้ ซื้อ J-10 48 ลำ ไม่เอา F-35 ตบหน้ายิว กระจอกD16 ดีออก! อีทรัมปป์รุก จับพิธีกร FOX NEWS นั่งยุติธรรม แผนเอาคืนอีลาD17 ดีออก! อเมริกายุคใหม่ "ล้างให้ออก" ล้างให้หมด TRUMP LAND เกิดD18 ดีออก! จะตายห่ากันหมดแล้ว! เงียบกริบ ไหน 10000 นึงกระตุ้นไงจ๊ะ?D19 ดีออก! เวรกรรมทันตาเห็น อีต้นไม้ โละพนักงาน มีแต่เหี้ยขายชาติตรึมD20 ดีออก! อียิวโจมตีเค้า แต่ทำไม หลังบ้านมรึงเละเป็นโจ๊ก สรุป "ละคร"D21 ดีออก! ล้างบางเลือดพิษ ศรีธนญชัย ไล่เก็บตัวเหี้ยตามหน่วยงาน มันส์D22 ดีออก! อย่าคิดว่าเงียบ ข่าวขยี้เหี้ยปั่น แต่เรื่องใหญ่ ศาลเดินหน้าไวจ๊ะD23 ดีออก! ลุงสนธิ ลั่นฟ้อง ONE/TOP ชงอีเด หมิ่นสนธิ สั่งสอนดูทรงก่อนD24 ดีออก! NATO เอือม เบื่อ เซง มติขี้หมา หนีกันหมด หลังอีทรัมปป์มาD25 ดีออก! ปูติน ตบหน้าหงาย อีโง่โอลาฟอยากคุยด้วย กราบตรีนกูก่อนสิD26 ดีออก! ช็อคแดร๊ก จีนสร้างท่าเรือเชื่อมเปรู-เซี่ยงไฮ้ หลังบ้านเหี้ยพรุนD27 ดีออก! ผู้นำใหม่อิเหนา สั่งได้มุย? สมบัติผลัดกันชม ไม่แตะจีน รัสเซียD28 ดีออก! สวนพลู วงประสานเสียง ติด TOP11 โลก ออเจ้าสะกดสเปนอยู่D29 ดีออก! ระวัง ลอนดอนจะนำร่องก่อน CIVIL WAR อเมริกา เหลืออดแล้วD30 ดีออก! บูลลี่ระบาดหนัก ขี้ข้าปชต.ตายเกลื่อนทั่วโลก ศีลธรรมไม่มี เงินเป็นใหญ่ ด้อยค่าตัวเอง เสพอาจม กิเลส ตัณหา ไร้สติ กลียุคทิ้งทวน เศษเดนมนุษย์ ลดประชากรควายโลก แค่นิ่ง ตั้งสติ ใครกำหนดคุณค่ามรึง? หมายเหตุ : โลกเปิดหน้าแลกแล้ว ฝ่ายแสง ปะทะ ฝ่ายมืดทมิฬ ไม่ต้องถาม แสงชนะขาด! ความเป็นไปที่เกิดขึ้นทั่วโลก มาจากพลังงานที่เกิดจากแรงศรัทธาทั่วโลก ผู้คนเอือมระอา เบื่อหน่าย ปกครองโดยเหี้ย จะเอาเหี้ยอะไรรอด? ฟ้าหลังฝนมีจริง ไม่เจอ ไม่เห็น ไม่ประสบ จะรู้ได้อย่างไร ว่าเหี้ยมันเป็นอย่างไร? สรวงสวรรค์ได้ส่งบททดสอบไอ้อีมนุษย์โลก มีศีลก็ลอยตัว มีกรรมก็ลอยไป เสพอะไร ทำอะไร ก็ได้เช่นนั้น การล้างบางสิ่งสกปรกเริ่มขึ้นปล.เวทีโลก เวทีไทย เดินหมากคล้ายกัน ผู้กำหนดมี ผู้รับเคราะห์มี วันลอยกระทงแล้ว ปล่อยสิ่งไม่ดีให้ผ่านไป อย่าไปยึดติด วันนี้เป็นของเรา พรุ่งนี้ อาจจะเป็นของคนอื่น สมบัติผลัดกันชม ไม่มีอะไรที่เป็นของเราโดยแท้ นอกจาก "จิตวิญญาน" ตัวเราเอง มีหนี้ก็ใช้ไป มีกรรมก็ชดใช้ มีบุญก็ทำต่อ มีโชคก็แบ่งปัน ตัวละครโลก เริ่มปรากฎขึ้นมา เพื่อการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครรู้ชะตากรรมล่วงหน้า ทำได้แค่ป้องกัน ลดการสูญเสีย ไทยพร้อมแล้ว!หมี CNN(ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างมีสิ่งที่ต้องแลกเสมอ เนื่องในวันลอยกระทง ขอเจ้าแม่คงคา พัดพาสิ่งสกปรก โสมม อาจม ทั้งหลาย ให้ออกจากแผ่นดินทองนี้ ไปด้วยเถิด ขอคนไทยตื่น มีสติ และมีปัญญา ใครจะไปลอยกระทงวันนี้ เชิญ ฝากอธิษฐานเผื่อคนไทยด้วย ส่วนกู จะไปลอยกระทง ในวันสงกรานต์แทน ธรรมดาไม่ใช่หมี เฟ้ยเห้ย 555+)15 พฤศจิกายน 67(วันลอยกระทง ปี 67)12.38 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    15-11-67/01 : หมี CNN / 30 D-OK แปลไทยได้ว่า "30 ดีงาม จ๊ะ"D1 ดีออก! นึกว่าจะแน่ ไม่ถึงสัปดาห์แผ่ว อะไรน่ะ "เพ่สนธิ" อีเดอย่างหมาD2 ดีออก! ขบวนการหาแดร๊กทั่วไทย ฉิบหายทั่วหน้า โปรแรง ไล่จับแพะD3 ดีออก! คุยเยอะ ของจริงมา กลาโหม ฐานทัพ เละเป็นโจ๊ก บ้องไฟโชว์D4 ดีออก! อีทนายสายบัว เตรียมเผ่น เสียหมา อีต้มตุ๊ด รับคดีเพิ่มไม่อั้น!D5 ดีออก! โกดักลาก๋อย หวยลง นายใหญ่เผ่น อีหนุ่มอาละวาด ปานเทพตบD6 ดีออก! มรึงจบไปคนเดียวเหอะ กูไม่จบด้วย ลากถุงดำ คุกอีเด ขาสั่น!D7 ดีออก! รู้ตัวสิน่ะ หาเสียง ไม่ป่วย ยุ่งการเมือง ยังไงก็ไม่รอด เอาให้สุดD8 ดีออก! 7/11 แม่(ญี่ปุ่น) ซื้อหุ้นคืนหมด ออกจากตลาดหุ้น ป้องกันอียิว(อีแคน)ช้อนซื้อ TAKE OVER ค้าปลีก 7/11 ยกเข่ง 7/11 แม่ไม่ยอม ชิ่ง ดิ้น สู้D9 ดีออก! ยิวลอบกัด ถล่มซีเรีย 2 รอบ อิหร่านโต้ มรึงต้องโดนทั้งโคตรยิวD10 ดีออก! เหี้ยมะกันช็อค SU-57 ในมือจีนเหรอ? แปซิฟิคเดือดสิจ๊ะ? รอD11 ดีออก! สัญญาสัมปทาน EU จ้องแดร๊กยูเครนแห้ว! ปูตินเอาหมดเกลี้ยงD12 ดีออก! ปูตินสั่ง มรึงทำ นี่คือ "กฎ" จะเหลือครึ่ง หรือจะให้กูเอาไปหมดD13 ดีออก! อีต้มตุ๊ด เตรียมเผ่นไปแคนาดา รู้แล้วชิมิ? ดินแดนโจรคือที่ไหนD14 ดีออก! แก๊งค์ตอง 9 ตายยกแก๊งค์ สาวต่อ ยังไม่จบ ลากไส้ทั้งวงการD15 ดีออก! อีฟาโรห์ นกรู้ ซื้อ J-10 48 ลำ ไม่เอา F-35 ตบหน้ายิว กระจอกD16 ดีออก! อีทรัมปป์รุก จับพิธีกร FOX NEWS นั่งยุติธรรม แผนเอาคืนอีลาD17 ดีออก! อเมริกายุคใหม่ "ล้างให้ออก" ล้างให้หมด TRUMP LAND เกิดD18 ดีออก! จะตายห่ากันหมดแล้ว! เงียบกริบ ไหน 10000 นึงกระตุ้นไงจ๊ะ?D19 ดีออก! เวรกรรมทันตาเห็น อีต้นไม้ โละพนักงาน มีแต่เหี้ยขายชาติตรึมD20 ดีออก! อียิวโจมตีเค้า แต่ทำไม หลังบ้านมรึงเละเป็นโจ๊ก สรุป "ละคร"D21 ดีออก! ล้างบางเลือดพิษ ศรีธนญชัย ไล่เก็บตัวเหี้ยตามหน่วยงาน มันส์D22 ดีออก! อย่าคิดว่าเงียบ ข่าวขยี้เหี้ยปั่น แต่เรื่องใหญ่ ศาลเดินหน้าไวจ๊ะD23 ดีออก! ลุงสนธิ ลั่นฟ้อง ONE/TOP ชงอีเด หมิ่นสนธิ สั่งสอนดูทรงก่อนD24 ดีออก! NATO เอือม เบื่อ เซง มติขี้หมา หนีกันหมด หลังอีทรัมปป์มาD25 ดีออก! ปูติน ตบหน้าหงาย อีโง่โอลาฟอยากคุยด้วย กราบตรีนกูก่อนสิD26 ดีออก! ช็อคแดร๊ก จีนสร้างท่าเรือเชื่อมเปรู-เซี่ยงไฮ้ หลังบ้านเหี้ยพรุนD27 ดีออก! ผู้นำใหม่อิเหนา สั่งได้มุย? สมบัติผลัดกันชม ไม่แตะจีน รัสเซียD28 ดีออก! สวนพลู วงประสานเสียง ติด TOP11 โลก ออเจ้าสะกดสเปนอยู่D29 ดีออก! ระวัง ลอนดอนจะนำร่องก่อน CIVIL WAR อเมริกา เหลืออดแล้วD30 ดีออก! บูลลี่ระบาดหนัก ขี้ข้าปชต.ตายเกลื่อนทั่วโลก ศีลธรรมไม่มี เงินเป็นใหญ่ ด้อยค่าตัวเอง เสพอาจม กิเลส ตัณหา ไร้สติ กลียุคทิ้งทวน เศษเดนมนุษย์ ลดประชากรควายโลก แค่นิ่ง ตั้งสติ ใครกำหนดคุณค่ามรึง? หมายเหตุ : โลกเปิดหน้าแลกแล้ว ฝ่ายแสง ปะทะ ฝ่ายมืดทมิฬ ไม่ต้องถาม แสงชนะขาด! ความเป็นไปที่เกิดขึ้นทั่วโลก มาจากพลังงานที่เกิดจากแรงศรัทธาทั่วโลก ผู้คนเอือมระอา เบื่อหน่าย ปกครองโดยเหี้ย จะเอาเหี้ยอะไรรอด? ฟ้าหลังฝนมีจริง ไม่เจอ ไม่เห็น ไม่ประสบ จะรู้ได้อย่างไร ว่าเหี้ยมันเป็นอย่างไร? สรวงสวรรค์ได้ส่งบททดสอบไอ้อีมนุษย์โลก มีศีลก็ลอยตัว มีกรรมก็ลอยไป เสพอะไร ทำอะไร ก็ได้เช่นนั้น การล้างบางสิ่งสกปรกเริ่มขึ้นปล.เวทีโลก เวทีไทย เดินหมากคล้ายกัน ผู้กำหนดมี ผู้รับเคราะห์มี วันลอยกระทงแล้ว ปล่อยสิ่งไม่ดีให้ผ่านไป อย่าไปยึดติด วันนี้เป็นของเรา พรุ่งนี้ อาจจะเป็นของคนอื่น สมบัติผลัดกันชม ไม่มีอะไรที่เป็นของเราโดยแท้ นอกจาก "จิตวิญญาน" ตัวเราเอง มีหนี้ก็ใช้ไป มีกรรมก็ชดใช้ มีบุญก็ทำต่อ มีโชคก็แบ่งปัน ตัวละครโลก เริ่มปรากฎขึ้นมา เพื่อการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครรู้ชะตากรรมล่วงหน้า ทำได้แค่ป้องกัน ลดการสูญเสีย ไทยพร้อมแล้ว!หมี CNN(ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างมีสิ่งที่ต้องแลกเสมอ เนื่องในวันลอยกระทง ขอเจ้าแม่คงคา พัดพาสิ่งสกปรก โสมม อาจม ทั้งหลาย ให้ออกจากแผ่นดินทองนี้ ไปด้วยเถิด ขอคนไทยตื่น มีสติ และมีปัญญา ใครจะไปลอยกระทงวันนี้ เชิญ ฝากอธิษฐานเผื่อคนไทยด้วย ส่วนกู จะไปลอยกระทง ในวันสงกรานต์แทน ธรรมดาไม่ใช่หมี เฟ้ยเห้ย 555+)15 พฤศจิกายน 67(วันลอยกระทง ปี 67)12.38 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ

    **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด**

    เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย

    เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด

    3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ :

    1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล

    การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

    #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013)

    2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค

    งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019)

    3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

    การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009)

    ---------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้

    "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน"

    โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001).

    ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013)

    ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด** เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด 3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ : 1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013) 2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019) 3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009) --------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้ "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน" โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001). ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013) ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ

    **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด**

    เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย

    เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด

    3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ :

    1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล

    การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

    #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013)

    2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค

    งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019)

    3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

    การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009)

    ---------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้

    "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน"

    โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001).

    ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013)

    ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด** เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด 3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ : 1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013) 2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019) 3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009) --------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้ "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน" โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001). ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013) ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิคุ้มกันความทุกข์

    ตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนถึงวันอุปสมบท ผู้เขียนเห็นลุงแดงเดิน อยู่ริมถนนพหลโยธิน

    ไม่มีใครสนใจว่าแกเป็นใคร มาจากไหน

    ในช่วงกลางวัน แม้ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร ดูแกจะไม่

    สนใจ เดินไป คุยไป หัวเราะไป กับใครก็ไม่รู้ เพราะแกเดินคนเดียว

    เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เพราะไม่เคยผ่านการซักฟอกร่างกาย ไม่ได้เจอสบู่ยาสระผมมานานปีแล้ว


    ตกลุงแดงจะเข้าไปอาศัยนอนในวัด โดยที่ไม่สนใจมุ่งหมอน เสื่อ แต่มีเพียงพื้นปูนเรียบๆ แกก็นอนได้อย่างเป็นสุข โดยมียุงและ หมาวัดฝูงใหญ่เป็นเพื่อน
    ส่วนเรื่องอาหาร มีพระท่านเมตตาเก็บไว้ให้ ตอนเช้าหลังจากกินข้าวก้นบาตรพระ แกก็ออกไปทำหน้าที่สำรวจถนนต่อไปและ หลายครั้งกว่าจะเย็นค่ำ อาหารที่พระท่านเก็บไว้ให้ก็พูดเสียแล้ว แ ดูแกจะไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้ง

    ใช่แล้ว แกเป็นคนบ้า คนบ้าที่มีความสุข แกไม่มีอะไรเป็น สมบัติส่วนตัว นอกจากเสื้อผ้าที่แกสวมใส่ จนเมื่อผู้เขียนมองย้อน กลับมาสำรวจตนเองที่มีนั่น โน่น นี่มากมาย แต่ไม่เคยพอใจสักครั้ง ทุกข์กับความมีความเป็นของตนเองอยู่บ่อยๆ หลายครั้งก็ชักสับสน ตงิดๆ ว่า

    “ลุงแดงกับเรานี่ ใครบ้ากว่ากันหว่า”

    และที่ สงสัยมานานก็คือ ทำไมคนบ้าส่วนมากไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือเขาก็ป่วยเป็นแต่ไม่บอก หรือเขาป่วยแต่ไม่ทุกข์?

    จนเมื่อเติบโตขึ้นมา ถูกฉีดวัคซีน ปลูกฝีอยู่หลายครั้งจึงได้รู้ว่า เขาทำเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพราะวัคซีน หรือการปลูกฝีนั้น เขาเอาเชื้อ โรคนั่นแหละมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน


    ภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) หมายถึง ร่างกายมีความต้านทาน เกิดจากมีกลไกป้องกันหรือต่อต้านโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ

    ภูมิคุ้มกันโรคโดยทั่วไปท่านแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด

    ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (Natural Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด โดยแม่จะถ่ายทอด

    ผ่านทางรถมาสู่ลูกในครรภ์ ดังนั้น ทารกที่เกิดใหม่จะมีภูมิคุ้มกัน โรค บางชนิด เช่น โรคคอตีบ โรคหัด และไข้ทรพิษได้เองตาม ธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ได้ประมาณ ๓ เดือน หลังคลอด ต่อจากนั้น ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง

    แม้แต่นมแม่ซึ่งไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรือสเตอริไลซ์ มา จากไหน เมื่อทารกดื่มก็ช่วยกระตุ้นลำไส้ของลูกน้อยให้รู้ว่า แบคทีเรีย ชนิดใดมีประโยชน์ นั่นคือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง

    และร่างกายของคนเราโดยทั่วไปยังมีผิวหนัง เยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อตาและเยื่อจมูก น้ำย่อยอาหาร และเม็ดเลือดขาวไว้สำหรับ คุ้มกันโรคตามธรรมชาติอีกด้วย

    ๒. ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Immu nity) จะเกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่นไข้ทรพิษ หัด อีสุกอีใส คางทูม เป็นต้น เพราะเมื่อเป็นโรคเหล่านี้แล้วร่างกายจะ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง หรือเกิดได้โดยการปลูกฝี ฉีดวัคซีน ฉีดเซรุ่ม เพื่อช่วยให้ร่างกายมีหรือสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรคใดโรคหนึ่งขึ้นมา

    เชื่อได้ว่า หากจับลุงแดงไปเจาะเลือด ตรวจหาเชื้อโรคแล้ว ให้แพทย์วินิจฉัย แกคงเป็นสารพัดโรค แต่ที่แกไม่ป่วยเพราะแกมี ภูมิคุ้มกัน

    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95/
    ภูมิคุ้มกันความทุกข์ ตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนถึงวันอุปสมบท ผู้เขียนเห็นลุงแดงเดิน อยู่ริมถนนพหลโยธิน ไม่มีใครสนใจว่าแกเป็นใคร มาจากไหน ในช่วงกลางวัน แม้ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร ดูแกจะไม่ สนใจ เดินไป คุยไป หัวเราะไป กับใครก็ไม่รู้ เพราะแกเดินคนเดียว เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม เพราะไม่เคยผ่านการซักฟอกร่างกาย ไม่ได้เจอสบู่ยาสระผมมานานปีแล้ว ตกลุงแดงจะเข้าไปอาศัยนอนในวัด โดยที่ไม่สนใจมุ่งหมอน เสื่อ แต่มีเพียงพื้นปูนเรียบๆ แกก็นอนได้อย่างเป็นสุข โดยมียุงและ หมาวัดฝูงใหญ่เป็นเพื่อน ส่วนเรื่องอาหาร มีพระท่านเมตตาเก็บไว้ให้ ตอนเช้าหลังจากกินข้าวก้นบาตรพระ แกก็ออกไปทำหน้าที่สำรวจถนนต่อไปและ หลายครั้งกว่าจะเย็นค่ำ อาหารที่พระท่านเก็บไว้ให้ก็พูดเสียแล้ว แ ดูแกจะไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้ง ใช่แล้ว แกเป็นคนบ้า คนบ้าที่มีความสุข แกไม่มีอะไรเป็น สมบัติส่วนตัว นอกจากเสื้อผ้าที่แกสวมใส่ จนเมื่อผู้เขียนมองย้อน กลับมาสำรวจตนเองที่มีนั่น โน่น นี่มากมาย แต่ไม่เคยพอใจสักครั้ง ทุกข์กับความมีความเป็นของตนเองอยู่บ่อยๆ หลายครั้งก็ชักสับสน ตงิดๆ ว่า “ลุงแดงกับเรานี่ ใครบ้ากว่ากันหว่า” และที่ สงสัยมานานก็คือ ทำไมคนบ้าส่วนมากไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือเขาก็ป่วยเป็นแต่ไม่บอก หรือเขาป่วยแต่ไม่ทุกข์? จนเมื่อเติบโตขึ้นมา ถูกฉีดวัคซีน ปลูกฝีอยู่หลายครั้งจึงได้รู้ว่า เขาทำเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพราะวัคซีน หรือการปลูกฝีนั้น เขาเอาเชื้อ โรคนั่นแหละมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) หมายถึง ร่างกายมีความต้านทาน เกิดจากมีกลไกป้องกันหรือต่อต้านโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ ภูมิคุ้มกันโรคโดยทั่วไปท่านแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (Natural Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด โดยแม่จะถ่ายทอด ผ่านทางรถมาสู่ลูกในครรภ์ ดังนั้น ทารกที่เกิดใหม่จะมีภูมิคุ้มกัน โรค บางชนิด เช่น โรคคอตีบ โรคหัด และไข้ทรพิษได้เองตาม ธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ได้ประมาณ ๓ เดือน หลังคลอด ต่อจากนั้น ทารกจะมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง แม้แต่นมแม่ซึ่งไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรือสเตอริไลซ์ มา จากไหน เมื่อทารกดื่มก็ช่วยกระตุ้นลำไส้ของลูกน้อยให้รู้ว่า แบคทีเรีย ชนิดใดมีประโยชน์ นั่นคือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง และร่างกายของคนเราโดยทั่วไปยังมีผิวหนัง เยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อตาและเยื่อจมูก น้ำย่อยอาหาร และเม็ดเลือดขาวไว้สำหรับ คุ้มกันโรคตามธรรมชาติอีกด้วย ๒. ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Immu nity) จะเกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่นไข้ทรพิษ หัด อีสุกอีใส คางทูม เป็นต้น เพราะเมื่อเป็นโรคเหล่านี้แล้วร่างกายจะ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง หรือเกิดได้โดยการปลูกฝี ฉีดวัคซีน ฉีดเซรุ่ม เพื่อช่วยให้ร่างกายมีหรือสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรคใดโรคหนึ่งขึ้นมา เชื่อได้ว่า หากจับลุงแดงไปเจาะเลือด ตรวจหาเชื้อโรคแล้ว ให้แพทย์วินิจฉัย แกคงเป็นสารพัดโรค แต่ที่แกไม่ป่วยเพราะแกมี ภูมิคุ้มกัน สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅รวมลิงก์ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย
    ✍️ Ep5-1: หน้ากากอนามัย ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพกาย
    https://rumble.com/v1ckjy5-ep5-1-.html
    ✍️ Ep5-2: หน้ากากอนามัย ผลกระทบระดับจิตใจที่ไม่ควรมองข้าม
    https://rumble.com/v1dj9qn-ep5-2-.html
    ✍️รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ถูกปิดบังเกี่ยวข้องกับแมสก์
    https://t.me/HarmfulMasks
    ✍️กลุ่มไลน์ ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks
    https://line.me/ti/g2/Nf-CPF-eldbclG4WH4iEIHyawJGFT76Btq14eQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ✍️ภัยเงียบของแมสก์ โดยคุณอดิเทพ จาวลาห์
    https://stopthaicontrol.com/urgent/ภัยเงียบของแมส-2/
    ✍️ใส่แมสก์มีผลต่อสุขภาพอย่างไร.? โดย นพ.โชติช่วง ชุตินธร
    https://t.me/HarmfulMasks/4
    ✍️ยังไม่มีหลักฐานว่าจะมีประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 จากการสวมหน้ากาก Dr.Simon Carke (นักจุลชีววิทยา) microbiologist, University of Reading (UK) (www.acpjournals.org/doi/10.7326/m20-7499 www.medpagetoday.com/opinion/vinay-prasad/89778)
    ✍️พบไมโครพลาสติกในหน้ากากอนามัย
    https://t.me/HarmfulMasks/132
    ✍️เรากำลังทำอะไรกับเด็ก — ความเสียหายต่อการศึกษาและสุขภาพจิต
    ตอนที่ 1 https://www.rookon.com/?p=427
    ตอนที่ 2 https://www.rookon.com/?p=456
    ✍️งานวิจัย​ ที่คนใส่หน้ากาก​มีภาวะคั่งคาร์บอน​ไดออกไซด์​ หรือว่าที่ใส่กันเพราะ​ แพนิก ไฮเปอร์​เวนติเลชั้น​??
    https://www.bitchute.com/video/T4DiSyHmDeuk/
    https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2022.05.10.22274813v1
    ✍️"การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
    ส่งผลให้การติดเชื้อไวรัส รุนแรงยิ่งขึ้น!" ดร.โจเซฟ เมอร์โคลา
    ในหัวข้อ How Masks Make You Sick Instead of Protecting You
    https://media.mercola.com/ImageServer/Public/2022/July/PDF/do-masks-make-you-sick-pdf.pdf
    ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก โดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://atapol616246.substack.com/p/d36?sd=pf
    ✍️การใส่หน้ากากในมุมมองทางจิตวิทยา
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/01/blog-post.html
    ✍️ใส่ "หน้ากากอนามัย" ซ้ำ ๆ มีโอกาสเสียชีวิตจากแบคทีเรียที่สะสมอยู่ จริงหรือ?
    https://www.bangkokbiznews.com/news/994764
    ✍️คลิปนักวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า รูบนมาสก์มีขนาดใหญ่กว่าไวรัสสิบเท่าร้อยเท่า มาสก์กันไวรัสไม่ได้ เพราะมันทะลุผ่านมาสก์ได้ง่ายมาก
    https://t.me/awakened_thailand/296
    ✍️คลิปมาสก์ไม่ช่วยกันละอองลอย ฉะนั้นมันก็ไม่กันไวรัส https://t.me/awakened_thailand/297
    ✍️คลิปใส่มาสก์ทำให้ CO2 สูงจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย
    https://t.me/awakened_thailand/298
    ✍️รายการ HighWire เคยถ่ายทอดสด การวัดระดับ CO2 ในมาสก์ และเป็นคลิปที่ถูกเซ็นเซอร์
    https://t.me/awakened_thailand/299
    ✍️คลิปแบคทีเรียในมาสก์ เสี่ยงต่อการติดเชื้อลงปอด https://t.me/awakened_thailand/300
    ✍️85% ของคนติดโควิด ใส่มาสก์กันทั้งนั้น https://t.me/awakened_thailand/301
    ✍️เมื่อไวรัสทำอันตรายเด็กๆไม่ได้ ทำไมจึงต้องให้เด็กใส่มาสก์? รู้มั้ยว่าการใส่มาสก์คือ การปิดกั้นออกซิเจนได้มากถึง 20% และส่งผลให้สมองของเด็กขาดการพัฒนา!!
    https://t.me/awakened_thailand/302
    ✍️ช่างไฟใช้มิเตอร์วัดระดับออกซิเจนตอนใส่มาสก์ ภายในไม่กี่วินาที เครื่องก็มีสัญญาณเตือนว่าออกซิเจนต่ำเกินไป
    https://t.me/awakened_thailand/304
    ✍️คุณหมอ Jim Meehan ผู้เขียนหนังสือ "Why wearing a mask makes healthy people sick!" (ทำไมการใส่มาสก์ทำให้คนสุขภาพดี ป่วย!!)
    https://t.me/awakened_thailand/305
    ✍️ดร.เอพริล บอลเลอร์ จาก WHO องค์การอนามัยโลก (สมัยที่ยังไม่ถูกกลุ่มทุนครอบงำ!!) บอกว่า มาสก์แค่ทำให้คุณมีความรู้สึกปลอดภัย (แต่คุณเข้าใจผิด) ตรงกันข้ามมาสก์ทำให้ติดเชื้อได้
    https://t.me/awakened_thailand/306
    ✍️แพทย์เตือน ! เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรใส่หน้ากากอนามัย
    https://www.trueplookpanya.com/blog/content/81606/-parinf-par-
    ✍️ปฏิกิริยาเด็กนักเรียนอิสราเอลเมื่อถูกบอกให้ยกเลิกการใส่แมสก์
    https://t.me/HarmfulMasks/161
    ✍️21 ก.ย. 2565 คณะตัวแทนของมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ได้นำหนังสือเรื่อง "ขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อชาติ โดยยุติการชี้นำให้ประชาชนใช้ชีวิตเยี่ยงคนป่วย ให้คืนวิถีชีวิตปกติให้ประชาชน" ไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมข้อมูลอธิบายถึงผลเสียของการใส่หน้ากากอนามัยในผู้ที่ไม่ป่วย
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2935616639916072&id=729970433814048
    https://t.me/ThaiPitaksithData/828
    ✍️7 เหตุผลในการยุติอาณัติหน้ากาก
    https://www.rookon.com/?p=471
    🤝เชิญร่วมสนับสนุนร่วมลงชื่อแคมเปญ "หยุดสาธารณสุขชี้นำให้สวมหน้ากากเยี่ยงคนป่วย คืนวิถีชีวิตปกติให้แก่ชาติเสียที"
    change.org/NoMaskThailand
    ✅รวมลิงก์ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย ✍️ Ep5-1: หน้ากากอนามัย ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพกาย https://rumble.com/v1ckjy5-ep5-1-.html ✍️ Ep5-2: หน้ากากอนามัย ผลกระทบระดับจิตใจที่ไม่ควรมองข้าม https://rumble.com/v1dj9qn-ep5-2-.html ✍️รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ถูกปิดบังเกี่ยวข้องกับแมสก์ https://t.me/HarmfulMasks ✍️กลุ่มไลน์ ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks https://line.me/ti/g2/Nf-CPF-eldbclG4WH4iEIHyawJGFT76Btq14eQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default ✍️ภัยเงียบของแมสก์ โดยคุณอดิเทพ จาวลาห์ https://stopthaicontrol.com/urgent/ภัยเงียบของแมส-2/ ✍️ใส่แมสก์มีผลต่อสุขภาพอย่างไร.? โดย นพ.โชติช่วง ชุตินธร https://t.me/HarmfulMasks/4 ✍️ยังไม่มีหลักฐานว่าจะมีประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 จากการสวมหน้ากาก Dr.Simon Carke (นักจุลชีววิทยา) microbiologist, University of Reading (UK) (www.acpjournals.org/doi/10.7326/m20-7499 www.medpagetoday.com/opinion/vinay-prasad/89778) ✍️พบไมโครพลาสติกในหน้ากากอนามัย https://t.me/HarmfulMasks/132 ✍️เรากำลังทำอะไรกับเด็ก — ความเสียหายต่อการศึกษาและสุขภาพจิต ตอนที่ 1 https://www.rookon.com/?p=427 ตอนที่ 2 https://www.rookon.com/?p=456 ✍️งานวิจัย​ ที่คนใส่หน้ากาก​มีภาวะคั่งคาร์บอน​ไดออกไซด์​ หรือว่าที่ใส่กันเพราะ​ แพนิก ไฮเปอร์​เวนติเลชั้น​?? https://www.bitchute.com/video/T4DiSyHmDeuk/ https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2022.05.10.22274813v1 ✍️"การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่งผลให้การติดเชื้อไวรัส รุนแรงยิ่งขึ้น!" ดร.โจเซฟ เมอร์โคลา ในหัวข้อ How Masks Make You Sick Instead of Protecting You https://media.mercola.com/ImageServer/Public/2022/July/PDF/do-masks-make-you-sick-pdf.pdf ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก โดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://atapol616246.substack.com/p/d36?sd=pf ✍️การใส่หน้ากากในมุมมองทางจิตวิทยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/01/blog-post.html ✍️ใส่ "หน้ากากอนามัย" ซ้ำ ๆ มีโอกาสเสียชีวิตจากแบคทีเรียที่สะสมอยู่ จริงหรือ? https://www.bangkokbiznews.com/news/994764 ✍️คลิปนักวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า รูบนมาสก์มีขนาดใหญ่กว่าไวรัสสิบเท่าร้อยเท่า มาสก์กันไวรัสไม่ได้ เพราะมันทะลุผ่านมาสก์ได้ง่ายมาก https://t.me/awakened_thailand/296 ✍️คลิปมาสก์ไม่ช่วยกันละอองลอย ฉะนั้นมันก็ไม่กันไวรัส https://t.me/awakened_thailand/297 ✍️คลิปใส่มาสก์ทำให้ CO2 สูงจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย https://t.me/awakened_thailand/298 ✍️รายการ HighWire เคยถ่ายทอดสด การวัดระดับ CO2 ในมาสก์ และเป็นคลิปที่ถูกเซ็นเซอร์ https://t.me/awakened_thailand/299 ✍️คลิปแบคทีเรียในมาสก์ เสี่ยงต่อการติดเชื้อลงปอด https://t.me/awakened_thailand/300 ✍️85% ของคนติดโควิด ใส่มาสก์กันทั้งนั้น https://t.me/awakened_thailand/301 ✍️เมื่อไวรัสทำอันตรายเด็กๆไม่ได้ ทำไมจึงต้องให้เด็กใส่มาสก์? รู้มั้ยว่าการใส่มาสก์คือ การปิดกั้นออกซิเจนได้มากถึง 20% และส่งผลให้สมองของเด็กขาดการพัฒนา!! https://t.me/awakened_thailand/302 ✍️ช่างไฟใช้มิเตอร์วัดระดับออกซิเจนตอนใส่มาสก์ ภายในไม่กี่วินาที เครื่องก็มีสัญญาณเตือนว่าออกซิเจนต่ำเกินไป https://t.me/awakened_thailand/304 ✍️คุณหมอ Jim Meehan ผู้เขียนหนังสือ "Why wearing a mask makes healthy people sick!" (ทำไมการใส่มาสก์ทำให้คนสุขภาพดี ป่วย!!) https://t.me/awakened_thailand/305 ✍️ดร.เอพริล บอลเลอร์ จาก WHO องค์การอนามัยโลก (สมัยที่ยังไม่ถูกกลุ่มทุนครอบงำ!!) บอกว่า มาสก์แค่ทำให้คุณมีความรู้สึกปลอดภัย (แต่คุณเข้าใจผิด) ตรงกันข้ามมาสก์ทำให้ติดเชื้อได้ https://t.me/awakened_thailand/306 ✍️แพทย์เตือน ! เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรใส่หน้ากากอนามัย https://www.trueplookpanya.com/blog/content/81606/-parinf-par- ✍️ปฏิกิริยาเด็กนักเรียนอิสราเอลเมื่อถูกบอกให้ยกเลิกการใส่แมสก์ https://t.me/HarmfulMasks/161 ✍️21 ก.ย. 2565 คณะตัวแทนของมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ได้นำหนังสือเรื่อง "ขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อชาติ โดยยุติการชี้นำให้ประชาชนใช้ชีวิตเยี่ยงคนป่วย ให้คืนวิถีชีวิตปกติให้ประชาชน" ไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมข้อมูลอธิบายถึงผลเสียของการใส่หน้ากากอนามัยในผู้ที่ไม่ป่วย https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2935616639916072&id=729970433814048 https://t.me/ThaiPitaksithData/828 ✍️7 เหตุผลในการยุติอาณัติหน้ากาก https://www.rookon.com/?p=471 🤝เชิญร่วมสนับสนุนร่วมลงชื่อแคมเปญ "หยุดสาธารณสุขชี้นำให้สวมหน้ากากเยี่ยงคนป่วย คืนวิถีชีวิตปกติให้แก่ชาติเสียที" change.org/NoMaskThailand
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 931 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌧 ฝนตก อากาศชื่นเย็นแบบนี้ 😊เราทาน #ยาลม๓๐๐จำพวก #ตราอาจารย์ปานเทพ ทุกวันค่ะ ชง 1 ซองกับน้ำอุ่น #เสริมภูมิคุ้มกัน #ไม่ป่วย เลยค่ะ 👍🏼 มา #ดูแลสุขภาพ กันนะคะ ✌🏼
    🌧 ฝนตก อากาศชื่นเย็นแบบนี้ 😊เราทาน #ยาลม๓๐๐จำพวก #ตราอาจารย์ปานเทพ ทุกวันค่ะ ชง 1 ซองกับน้ำอุ่น #เสริมภูมิคุ้มกัน #ไม่ป่วย เลยค่ะ 👍🏼 มา #ดูแลสุขภาพ กันนะคะ ✌🏼
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1926 มุมมอง 0 รีวิว