• คุณหญิงกัลยา นำทีมไทยก้าวใหม่ ร่วมยินดี "ไทยโพสต์" ครบรอบ 29 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/21988/
    .
    #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #คุณหญิงกัลยา #ไทยโพสต์ #ครบรอบ29ปี #สื่อมวลชน
    คุณหญิงกัลยา นำทีมไทยก้าวใหม่ ร่วมยินดี "ไทยโพสต์" ครบรอบ 29 ปี https://www.thai-tai.tv/news/21988/ . #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #คุณหญิงกัลยา #ไทยโพสต์ #ครบรอบ29ปี #สื่อมวลชน
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงเปิดกองทุน“หทัยทิพย์” พระราชทานเงิน 1 ล้านเป็นทุนตั้งต้น สร้างกำแพง-บังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา พระสังฆราชประทาน 1 แสนช่วยสมทบ
    .
    ที่มา ไทยโพสต์:
    https://www.thaipost.net/hi-light/867236/
    กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงเปิดกองทุน“หทัยทิพย์” พระราชทานเงิน 1 ล้านเป็นทุนตั้งต้น สร้างกำแพง-บังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา พระสังฆราชประทาน 1 แสนช่วยสมทบ . ที่มา ไทยโพสต์: https://www.thaipost.net/hi-light/867236/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • ชาวเน็ตกัมพูชาหลอน หลังชาวเน็ตไทยโพสต์ทีเล่นทีจริงว่า “หลวงตาสุจ” เป็นสายลับส่งข้อมูลให้ทหารไทย ต่างพากันเชื่อ ประกาศลั่นต้องไล่พระเสียมคนนี้ออกจากแผ่นดินของเรา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072333

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชาวเน็ตกัมพูชาหลอน หลังชาวเน็ตไทยโพสต์ทีเล่นทีจริงว่า “หลวงตาสุจ” เป็นสายลับส่งข้อมูลให้ทหารไทย ต่างพากันเชื่อ ประกาศลั่นต้องไล่พระเสียมคนนี้ออกจากแผ่นดินของเรา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072333 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • 1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก

    ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

    ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน

    1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย

    2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)

    4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้

    5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ

    6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่

    1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว

    2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ

    3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

    4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ

    5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ

    6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง

    ที่มา ไทยโพสต์
    1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน 1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย 2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ) 4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ 5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ 6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่ 1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว 2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ 3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ 5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ 6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง ที่มา ไทยโพสต์
    Like
    Love
    2
    1 Comments 0 Shares 1334 Views 0 Reviews
  • อาจารย์ชิดตะวันพูดอยู่ตอนหนึ่งว่า "...คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง หรือว่าประเทศไทย มันคือตัวคนคนนั้นเป็นคนเช่นไร คือต้องมีทั้งความรอบรู้ และก็ต้องเป็นคนดี..."

    ผมก็เลยขอขยายความเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ

    เพราะว่าพออาจารย์พูดขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2542 ความสำคัญตอนหนึ่งว่า

    "...ถ้านับดูปีนี้ที่น่าจะมีความเสียหายหมื่นล้าน ไม่ต้องเสีย ที่ไม่ต้องเสียนี้ก็ทำให้เกิดมีผลผลิต โดยเฉพาะอย่างเกษตร เขามีผลผลิตได้ แม้จะปีนี้ ซึ่งเขื่อนยังไม่ได้ทำงานในด้านชลประทาน ก็ทำให้ป้องกันไม่ให้มีน้ำท่วม ทำให้เกษตรกรเพาะปลูกได้ ก็เป็นเงินหลายพันล้าน ฉะนั้นในปีเดียวเขื่อนป่าสักนี้ได้คุ้มแล้ว

    ...หมายความว่ากิจการเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน แต่ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ก็พอเพียงเพราะว่าถ้าทำแล้ว คนอาจจะเกี่ยวข้องกับกิจการนี้มากมาย ทำให้ส่วนรวมได้รับประโยชน์และจะทำให้เจริญ

    ...ไม่ใช่เป็นแต่เหมือนทฤษฎีใหม่ 15 ไร่ แล้วก็สามารถจะปลูกข้าวพอกิน นี่ใหญ่กว่า แต่อันนี้ก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน คนไม่เข้าใจว่ากิจการใหญ่ๆ เหมือนสร้างเขื่อนป่าสัก คนนึกว่าเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่ เป็นเศรษฐกิจที่ไกลจากเศรษฐกิจพอเพียง

    ...ในเมืองไทยนี้ถ้าทำกิจการ หมายความว่าปกครอง หรือดำเนินกิจการ ทั้งในด้านการเมือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ทั้งในด้านธุรกิจ ในด้านอาชีพ มีทุจริต เมืองไทยพัง ของเรา เมืองไทยที่ยังไม่พังแท้ ก็เพราะว่าเมืองไทยนี้นับว่าแข็งมาก..."

    สรุปก็คือ ต่อให้เป็นการทำโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีกระแสหลักของ Harrod-Domar [deltaY/Y = s/k โดยที่ S=I]) ถ้าทำโดยมี "ประโยชน์สุข" ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีความ "คุ้มค่า" เมื่อเทียบต้นทุนกับผลได้ และ "ปราศจากการทุจริต" ก็ถือได้ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน

    ฉะนั้น ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก (โดยเฉพาะ Harrod-Domar model ซึ่งเก่ามากแล้ว - ตั้งแต่ปี 2482) แม้จะมี "จุดอ่อน" แต่ถ้าเอามาใช้ โดยกำกับด้วย "สติปัญญา" และ "คุณธรรม" (2 เงื่อนไขในแผนภาพปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง) ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ

    อ้างอิง:

    พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับไม่เป็นทางการ). (2555). เครือข่ายกาญจนาภิเษก. http://kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html

    อภิชัย พันธเสน. (2560). เศรษฐกิจพอเพียง : พระอัจฉริยภาพ และพระกรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ ๙. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยรังสิต. https://anyflip.com/tocrx/skhf/

    คลิปรายการของไทยโพสต์:
    https://www.youtube.com/watch?v=lQfWzMHWRWs
    อาจารย์ชิดตะวันพูดอยู่ตอนหนึ่งว่า "...คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง หรือว่าประเทศไทย มันคือตัวคนคนนั้นเป็นคนเช่นไร คือต้องมีทั้งความรอบรู้ และก็ต้องเป็นคนดี..." ผมก็เลยขอขยายความเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เพราะว่าพออาจารย์พูดขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2542 ความสำคัญตอนหนึ่งว่า "...ถ้านับดูปีนี้ที่น่าจะมีความเสียหายหมื่นล้าน ไม่ต้องเสีย ที่ไม่ต้องเสียนี้ก็ทำให้เกิดมีผลผลิต โดยเฉพาะอย่างเกษตร เขามีผลผลิตได้ แม้จะปีนี้ ซึ่งเขื่อนยังไม่ได้ทำงานในด้านชลประทาน ก็ทำให้ป้องกันไม่ให้มีน้ำท่วม ทำให้เกษตรกรเพาะปลูกได้ ก็เป็นเงินหลายพันล้าน ฉะนั้นในปีเดียวเขื่อนป่าสักนี้ได้คุ้มแล้ว ...หมายความว่ากิจการเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน แต่ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ก็พอเพียงเพราะว่าถ้าทำแล้ว คนอาจจะเกี่ยวข้องกับกิจการนี้มากมาย ทำให้ส่วนรวมได้รับประโยชน์และจะทำให้เจริญ ...ไม่ใช่เป็นแต่เหมือนทฤษฎีใหม่ 15 ไร่ แล้วก็สามารถจะปลูกข้าวพอกิน นี่ใหญ่กว่า แต่อันนี้ก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน คนไม่เข้าใจว่ากิจการใหญ่ๆ เหมือนสร้างเขื่อนป่าสัก คนนึกว่าเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่ เป็นเศรษฐกิจที่ไกลจากเศรษฐกิจพอเพียง ...ในเมืองไทยนี้ถ้าทำกิจการ หมายความว่าปกครอง หรือดำเนินกิจการ ทั้งในด้านการเมือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ทั้งในด้านธุรกิจ ในด้านอาชีพ มีทุจริต เมืองไทยพัง ของเรา เมืองไทยที่ยังไม่พังแท้ ก็เพราะว่าเมืองไทยนี้นับว่าแข็งมาก..." สรุปก็คือ ต่อให้เป็นการทำโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีกระแสหลักของ Harrod-Domar [deltaY/Y = s/k โดยที่ S=I]) ถ้าทำโดยมี "ประโยชน์สุข" ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีความ "คุ้มค่า" เมื่อเทียบต้นทุนกับผลได้ และ "ปราศจากการทุจริต" ก็ถือได้ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน ฉะนั้น ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก (โดยเฉพาะ Harrod-Domar model ซึ่งเก่ามากแล้ว - ตั้งแต่ปี 2482) แม้จะมี "จุดอ่อน" แต่ถ้าเอามาใช้ โดยกำกับด้วย "สติปัญญา" และ "คุณธรรม" (2 เงื่อนไขในแผนภาพปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง) ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ อ้างอิง: พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับไม่เป็นทางการ). (2555). เครือข่ายกาญจนาภิเษก. http://kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html อภิชัย พันธเสน. (2560). เศรษฐกิจพอเพียง : พระอัจฉริยภาพ และพระกรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ ๙. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยรังสิต. https://anyflip.com/tocrx/skhf/ คลิปรายการของไทยโพสต์: https://www.youtube.com/watch?v=lQfWzMHWRWs
    0 Comments 0 Shares 804 Views 0 Reviews
  • พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ

    "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..."

    https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..." https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    WWW.THAIPOST.NET
    ตั้งกาสิโนโลกสวย ‘สิงคโปร์’ภาพลวง
    นักเศรษฐศาสตร์จับโกหกรัฐบาล-พท. ดันเปิดบ่อนกาสิโน หลอกลวงประชาชน ไม่เคยพูดตอนหาเสียง
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    0 Comments 0 Shares 1123 Views 0 Reviews
  • วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1028 Views 0 Reviews
  • ตำนานยุคทักษิณ ใบสั่งปปง.สอบสื่อฯ

    การเสียชีวิตของสื่อมวลชนอาวุโส โสภณ องค์การณ์ มีเรื่องเล่าขานบนเส้นทางน้ำหมึก ในยุคที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลฯ มีเพียงหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้าน สะท้อนความเป็นไปของบ้านเมือง ย้อนกลับไปในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ปี 2544-2549 เสรีภาพสื่อมวลชนถูกกดดันจากโฆษณา สื่อไหนเชียร์รัฐบาลก็จะมีงบโฆษณาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท แต่ถ้าสื่อไหนวิจารณ์รัฐบาลก็จะถูกแทรกแซงต่างๆ นานา ตามไปกดดันนายทุนหนังสือพิมพ์ให้ปลดคอลัมนิสต์ หากไม่ทำตามก็จะสั่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจถอนโฆษณาให้หมด

    ปี 2545 มีการตีแผ่เอกสารที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ขณะเป็นผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกคำสั่งลงวันที่ 25 ก.พ. 2545 ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลรายการฝาก-ถอนเงินและยอดคงเหลือในบัญชีของบุคคลและนิติบุคคล 35 ราย และครอบครัว หนึ่งในนั้นคือสื่อมวลชนที่วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ได้แก่ เครือเนชั่น นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายเทพชัย หย่อง นายโสภณ องค์การณ์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า

    คำสั่งดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ผอ.ศูนย์สารสนเทศฯ ไม่มีอำนาจออกคำสั่ง และถ้าตรวจสอบต้องปรากฏว่ามีการทำความผิดอาญาใน 7 ความผิดมูลฐาน แม้นายทักษิณปฎิเสธว่าไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินสื่อมวลชนและครอบครัว แต่ก็มีรายงานว่า คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการ

    ต่อมานายสุทธิชัย นายเทพชัย และนายโสภณ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2545 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม พร้อมขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2545 ศาลปกครองกลางออกคำสั่งทุเลาให้ยุติการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างอื่น โดยสำนวนคดีพบว่าในการไต่สวน พ.ต.อ.สีหนาท อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากบุคคลภายนอกเพราะสงสัยว่าจะฟอกเงิน แต่ศาลเห็นว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ เชื่อถือไม่ได้ ซ้ำร้ายผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายอาจทำขึ้นมาเองเพื่อคุกคามสิทธิเสรีภาพ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2545 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้จำหน่ายคดี เนื่องจาก ป.ป.ง.มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่าสั่งยุติการตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์แล้ว ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท แก้เกมให้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน แจ้งความดำเนินคดีบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก ข้อหาเผยความลับของทางราชการ แต่อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง

    #Newskit #ทักษิณชินวัตร #สื่อมวลชน
    ตำนานยุคทักษิณ ใบสั่งปปง.สอบสื่อฯ การเสียชีวิตของสื่อมวลชนอาวุโส โสภณ องค์การณ์ มีเรื่องเล่าขานบนเส้นทางน้ำหมึก ในยุคที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลฯ มีเพียงหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้าน สะท้อนความเป็นไปของบ้านเมือง ย้อนกลับไปในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ปี 2544-2549 เสรีภาพสื่อมวลชนถูกกดดันจากโฆษณา สื่อไหนเชียร์รัฐบาลก็จะมีงบโฆษณาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท แต่ถ้าสื่อไหนวิจารณ์รัฐบาลก็จะถูกแทรกแซงต่างๆ นานา ตามไปกดดันนายทุนหนังสือพิมพ์ให้ปลดคอลัมนิสต์ หากไม่ทำตามก็จะสั่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจถอนโฆษณาให้หมด ปี 2545 มีการตีแผ่เอกสารที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ขณะเป็นผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกคำสั่งลงวันที่ 25 ก.พ. 2545 ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลรายการฝาก-ถอนเงินและยอดคงเหลือในบัญชีของบุคคลและนิติบุคคล 35 ราย และครอบครัว หนึ่งในนั้นคือสื่อมวลชนที่วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ได้แก่ เครือเนชั่น นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายเทพชัย หย่อง นายโสภณ องค์การณ์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า คำสั่งดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ผอ.ศูนย์สารสนเทศฯ ไม่มีอำนาจออกคำสั่ง และถ้าตรวจสอบต้องปรากฏว่ามีการทำความผิดอาญาใน 7 ความผิดมูลฐาน แม้นายทักษิณปฎิเสธว่าไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินสื่อมวลชนและครอบครัว แต่ก็มีรายงานว่า คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการ ต่อมานายสุทธิชัย นายเทพชัย และนายโสภณ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2545 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม พร้อมขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2545 ศาลปกครองกลางออกคำสั่งทุเลาให้ยุติการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างอื่น โดยสำนวนคดีพบว่าในการไต่สวน พ.ต.อ.สีหนาท อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากบุคคลภายนอกเพราะสงสัยว่าจะฟอกเงิน แต่ศาลเห็นว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ เชื่อถือไม่ได้ ซ้ำร้ายผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายอาจทำขึ้นมาเองเพื่อคุกคามสิทธิเสรีภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2545 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้จำหน่ายคดี เนื่องจาก ป.ป.ง.มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่าสั่งยุติการตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์แล้ว ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท แก้เกมให้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน แจ้งความดำเนินคดีบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก ข้อหาเผยความลับของทางราชการ แต่อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง #Newskit #ทักษิณชินวัตร #สื่อมวลชน
    Like
    Angry
    10
    0 Comments 1 Shares 1532 Views 0 Reviews
  • ด้วยความระลึกถึง โสภณ องค์การณ์

    สมัยวัยรุ่นเท่าที่จำความได้ "โสภณ องค์การณ์" เป็นหนึ่งในคนข่าวที่โลดแล่นกับสื่อเครือเนชั่นยาวนานกว่า 30 ปีในหลายบทบาท ทั้งบนหน้าจอเนชั่นแชนแนล ยูบีซี 8 ซึ่งคนมีอันจะกินถึงจะดูได้ หรือแบบจับต้องได้ตอนเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านคอลัมน์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ หรือหนังสือพิมพ์คมชัดลึก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในยุคนั้นเรียกว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" หรือ "ซีอีโอละพ่อ" พร้อมกับคำลงท้ายบทความ "อิอิอิ" เป็นเอกลักษณ์

    ด้วยความเป็นคอลัมนิสต์ วิจารณ์การเมืองตรงไปตรงมา เมื่อมาเจอรัฐบาลทักษิณแทรกแซงสื่อหลายรูปแบบ ที่น่าอึ้งก็คือเมื่อปี 2545 มีใบสั่งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ จากสำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบธุรกรรมการเงินสื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า แล้วหนึ่งในนั้นมีชื่อ "โสภณ องค์การณ์" แต่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ตอนหลัง ป.ป.ง.บอกว่าสั่งยุติตรวจสอบแล้ว จึงจำหน่ายคดีออกไป

    เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำเสรีภาพสื่อยุคนั้นตกต่ำ ฟางเส้นสุดท้าย คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ นำไปสู่การขับไล่นายกฯ ทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 และไม่ไว้วางใจทักษิณนานกว่า 20 ปี

    กล่าวถึงความทรงจำ ซึ่งขออนุญาตเรียกว่าพี่โส สมัยจัดรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ร่วมกับคุณนุ๊ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ในปี 2560-2561 ได้มีโอกาสฟังพี่โสโฟนอินวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ในเบรคสุดท้ายก่อนจบรายการทุกสัปดาห์ แต่หลังจากกลับไปทำงานข่าวออนไลน์เหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่าการจัดรายการโทรทัศน์ตอนนั้นทำได้ไม่ดีนัก เวลาเจอหน้าพี่โสที่บ้านเจ้าพระยา ก็ทักทายสวัสดี บางครั้งพี่โสนำหมูปิ้งจากร้านของพี่โส มาให้ชาวผู้จัดการ-นิวส์วันชิมกันถึงออฟฟิศ

    พี่โสอยู่ชายคาผู้จัดการ-นิวส์วันมาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากจัดรายการโทรทัศน์ เช่น News Hour Weekend คู่กับคุณนงวดี ถนิมมาลย์ เคาะข่าวริมโขง สภาท่าพระอาทิตย์ ก่อนที่จะหยุดเขียนบทความประจำให้กับคมชัดลึกเมื่อสิ้นปี 2553 แล้วมาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา พร้อมกับจัดรายการหลายรายการ เช่น ชวนคิดชวนคุย เคาะไข่ใส่ข่าว ฯลฯ มีผลงานให้ได้ติดตามมานานถึง 15 ปี

    เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนรู้สึกตกใจที่ทราบข่าวว่าพี่โสประสบอุบัติเหตุ พบว่าเส้นเลือดออกที่ก้านสมอง ไม่รู้สึกตัวหลายวัน กระทั่งใจหายที่ทราบว่าพี่โสจากไปด้วยอายุ 75 ปี ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่โสยืนหยัดชีวิตต่อไป

    กิตตินันท์ นาคทอง

    #Newskit
    ด้วยความระลึกถึง โสภณ องค์การณ์ สมัยวัยรุ่นเท่าที่จำความได้ "โสภณ องค์การณ์" เป็นหนึ่งในคนข่าวที่โลดแล่นกับสื่อเครือเนชั่นยาวนานกว่า 30 ปีในหลายบทบาท ทั้งบนหน้าจอเนชั่นแชนแนล ยูบีซี 8 ซึ่งคนมีอันจะกินถึงจะดูได้ หรือแบบจับต้องได้ตอนเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านคอลัมน์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ หรือหนังสือพิมพ์คมชัดลึก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในยุคนั้นเรียกว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" หรือ "ซีอีโอละพ่อ" พร้อมกับคำลงท้ายบทความ "อิอิอิ" เป็นเอกลักษณ์ ด้วยความเป็นคอลัมนิสต์ วิจารณ์การเมืองตรงไปตรงมา เมื่อมาเจอรัฐบาลทักษิณแทรกแซงสื่อหลายรูปแบบ ที่น่าอึ้งก็คือเมื่อปี 2545 มีใบสั่งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ จากสำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบธุรกรรมการเงินสื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า แล้วหนึ่งในนั้นมีชื่อ "โสภณ องค์การณ์" แต่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ตอนหลัง ป.ป.ง.บอกว่าสั่งยุติตรวจสอบแล้ว จึงจำหน่ายคดีออกไป เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำเสรีภาพสื่อยุคนั้นตกต่ำ ฟางเส้นสุดท้าย คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ นำไปสู่การขับไล่นายกฯ ทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 และไม่ไว้วางใจทักษิณนานกว่า 20 ปี กล่าวถึงความทรงจำ ซึ่งขออนุญาตเรียกว่าพี่โส สมัยจัดรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ร่วมกับคุณนุ๊ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ในปี 2560-2561 ได้มีโอกาสฟังพี่โสโฟนอินวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ในเบรคสุดท้ายก่อนจบรายการทุกสัปดาห์ แต่หลังจากกลับไปทำงานข่าวออนไลน์เหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่าการจัดรายการโทรทัศน์ตอนนั้นทำได้ไม่ดีนัก เวลาเจอหน้าพี่โสที่บ้านเจ้าพระยา ก็ทักทายสวัสดี บางครั้งพี่โสนำหมูปิ้งจากร้านของพี่โส มาให้ชาวผู้จัดการ-นิวส์วันชิมกันถึงออฟฟิศ พี่โสอยู่ชายคาผู้จัดการ-นิวส์วันมาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากจัดรายการโทรทัศน์ เช่น News Hour Weekend คู่กับคุณนงวดี ถนิมมาลย์ เคาะข่าวริมโขง สภาท่าพระอาทิตย์ ก่อนที่จะหยุดเขียนบทความประจำให้กับคมชัดลึกเมื่อสิ้นปี 2553 แล้วมาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา พร้อมกับจัดรายการหลายรายการ เช่น ชวนคิดชวนคุย เคาะไข่ใส่ข่าว ฯลฯ มีผลงานให้ได้ติดตามมานานถึง 15 ปี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนรู้สึกตกใจที่ทราบข่าวว่าพี่โสประสบอุบัติเหตุ พบว่าเส้นเลือดออกที่ก้านสมอง ไม่รู้สึกตัวหลายวัน กระทั่งใจหายที่ทราบว่าพี่โสจากไปด้วยอายุ 75 ปี ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่โสยืนหยัดชีวิตต่อไป กิตตินันท์ นาคทอง #Newskit
    Sad
    Love
    Like
    45
    6 Comments 3 Shares 1933 Views 0 Reviews
  • 'ณฐพร โตประยูร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด'

    9 ตุลาคม 2567 - รายงานข่าวไทยโพสต์ระบุว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยใช้สถานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ก้าวก่าย แทรกแซงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากส่วนราชการ อ้างวาระประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน และการใช้บัญชีม้าในขบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยนำคดีของ นายทุน มิน หลัดที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องมาพิจารณา รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 29 ส.ค. 2567 วันที่ 11 ก.ย. 2567 และวันที่ 3 ต.ค. 2567 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ในการต่อสู้คดีที่ถูกนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา ฟ้องหมิ่นประมาทจำนวน 3 คดี ค่าเสียหายรวม 140 ล้านบาท

    นายณฐพร กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน เพราะหากนายรังสิมันต์จะหาข้อเท็จจริงต้องทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คือ ต้องมีหนังสือถึงรัฐมนตรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อเท็จจริงให้ นอกจากนี้ยังเรียกให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่นายอุปกิต ฟ้อง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 และคดียังอยู่ชั้นศาลอุทธรณ์ ดังนั้นข้อมูลจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ จึงเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง และทำให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ รู้ข้อมูลเชิงลับ ในการสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ฯ และ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่ได้วางมาตรการป้องกันการใช้อำนาจของคณะกรรมาธิการอีกด้วย

    “ในเนื้อหาการประชุมเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า นายรังสิมันต์ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เช่น ต้องการให้ดำเนินคดีกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาแม่สายที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และยังให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยไปหาแนวทางยกเลิกสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุ

    https://www.thaipost.net/x-cite-news/670670/

    #Thaitimes
    'ณฐพร โตประยูร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด' 9 ตุลาคม 2567 - รายงานข่าวไทยโพสต์ระบุว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยใช้สถานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ก้าวก่าย แทรกแซงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากส่วนราชการ อ้างวาระประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน และการใช้บัญชีม้าในขบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยนำคดีของ นายทุน มิน หลัดที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องมาพิจารณา รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 29 ส.ค. 2567 วันที่ 11 ก.ย. 2567 และวันที่ 3 ต.ค. 2567 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ในการต่อสู้คดีที่ถูกนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา ฟ้องหมิ่นประมาทจำนวน 3 คดี ค่าเสียหายรวม 140 ล้านบาท นายณฐพร กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน เพราะหากนายรังสิมันต์จะหาข้อเท็จจริงต้องทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คือ ต้องมีหนังสือถึงรัฐมนตรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อเท็จจริงให้ นอกจากนี้ยังเรียกให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่นายอุปกิต ฟ้อง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 และคดียังอยู่ชั้นศาลอุทธรณ์ ดังนั้นข้อมูลจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ จึงเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง และทำให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ รู้ข้อมูลเชิงลับ ในการสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ฯ และ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่ได้วางมาตรการป้องกันการใช้อำนาจของคณะกรรมาธิการอีกด้วย “ในเนื้อหาการประชุมเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า นายรังสิมันต์ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เช่น ต้องการให้ดำเนินคดีกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาแม่สายที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และยังให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยไปหาแนวทางยกเลิกสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุ https://www.thaipost.net/x-cite-news/670670/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    'ณฐพร' ร้องสอบจริยธรรม 'ทั่นโรม' ใช้อำนาจล้วงลูกคดี!
    'ณฐพร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด'
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1514 Views 0 Reviews
  • สถานทูตฯ เปิดช่องทางคนไทยในอิสราเอล แจ้งความประสงค์กลับไทย



    ที่มา : @ไทยโพสต์
    https://www.thaipost.net/general-news/669035/?fbclid=IwY2xjawFuw_NleHRuA2FlbQIxMQABHVUcaWuIGAetvJ-mTRP35ZNVFWci82VWptJHHL9pyF9v091m7r07f01I8w_aem_HYxclx2yMaEn9gKEjmAEfQ
    สถานทูตฯ เปิดช่องทางคนไทยในอิสราเอล แจ้งความประสงค์กลับไทย ที่มา : @ไทยโพสต์ https://www.thaipost.net/general-news/669035/?fbclid=IwY2xjawFuw_NleHRuA2FlbQIxMQABHVUcaWuIGAetvJ-mTRP35ZNVFWci82VWptJHHL9pyF9v091m7r07f01I8w_aem_HYxclx2yMaEn9gKEjmAEfQ
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • 'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก

    10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้

    “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ?

    ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
    “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ”

    “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

    ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ”

    ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี
    พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์

    ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ

    ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่?

    “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ”

    ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ

    ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น

    ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ

    ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ

    ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ
    เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน

    ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม

    ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ

    ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง

    ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว

    ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ

    ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ

    ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ

    ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ

    ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ

    ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร

    ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย

    - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ

    - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ

    - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้

    ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้

    ที่มา: ไทยโพสต์

    #Thaitimes
    'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก 10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้ “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ? ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ” “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย” ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ” ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์ ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่? “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ” ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้ ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้ ที่มา: ไทยโพสต์ #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1493 Views 0 Reviews
  • 8 สิงหาคม 2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไม...ยุบก้าวไกล" ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้

    ถาม เห็นพวกทูตฝรั่ง และประธานกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ ดาหน้าออกมาท้วงติงไม่ให้ยุบพรรคก้าวไกลแล้ว อาจารย์รับได้ไหมครับ ?

    ตอบ ฝรั่งตะวันตกถือตนเองเป็นจ้าวจักรวาล มีอเมริกาเป็นรัฐดวงอาทิตย์มีฝูงรัฐดาวเทียมในยุโรปเป็นบริวาร ร่วมกันถือประชาธิปไตยเป็นบัตรเสือก เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงประเทศเล็กๆที่เป็นรัฐอุกกาบาตล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ทั่วไป ถ้ารัฐบาลรัฐอุกาบาตใดขืนมือขืนเท้า เขาก็เปลี่ยนเอาได้ง่ายๆ
    ใครจะรับรัฐฝรั่งเหล่านี้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว มันสำคัญที่คนไทยเราเองต่างหากว่า เราเข้าใจและรับได้ในคำพิพากษานี้หรือไม่ สำหรับผม..ผมรับได้ครับ

    กษัตริย์แตะต้องไม่ได้ ?

    ถาม ฝรั่งมันว่า เสนอกฎหมายลดความคุ้มครองกษัตริย์ มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร?

    ตอบ ต้องบอกเขาเลยว่า ร่างกฎหมายก้าวไกล ไม่ได้ลดความคุ้มครองนะครับ แต่เลิกการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ไปเลย ใครไปด่าว่าในหลวง ก็ต้องให้ในวังไปแจ้งความกล่าวโทษเอาเอง กษัตริย์เลยกลายเป็นแค่ชาวบ้าน ไม่ใช่สถาบันที่รัฐต้องคุ้มครองอีกต่อไป

    อำนาจปกป้องรัฐธรรมนูญ!

    ถาม ถ้าร่างกฎหมายก้าวไกลขัดรัฐธรรมนูญ ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสิครับ ว่ากฎหมายอย่างนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ใช้บังคับได้หรือเปล่า ไปสั่งปิดปากเขาก่อน แล้วฝังกลบยุบพรรคเขาเลยได้อย่างไร

    ตอบ สิ่งที่ศาลเห็นว่าผิดคือ “ความเคลื่อนไหว” ไม่ใช่ “ความคิด ” ตอนฮิตเลอร์สถาปนาพรรคนาซี เขาก็มีร่างกฎหมายชาตินิยมเสนอขึ้นมามากมาย แต่อันตรายต่อรัฐธรรมนูญมันอยู่ที่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของขบวนการนาซี ทั้งความคิด ทั้งการชุมนุม ทั้งการปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังฮึกเหิม ที่มุ่งปฏิวัติกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยเยอรมันทั้งระบอบเลย

    พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศฝรั่งก็สร้างกฎหมายขึ้นมาป้องปรามความเคลื่อนไหวมวลชนปฏิวัติแบบนี้ขึ้นหลายแนวทาง ไทยเราก็คิดขึ้นมาใช้เหมือนกันในรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๓ เกิดเป็น “สิทธิปกป้องรัฐธรรมนูญ ”ขึ้นมา แล้วมันผิดจากมาตรฐานโลกที่ตรงไหน

    ถาม ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถึง “ความเคลื่อนไหว” อันเป็นภัยนี้ ไว้ที่ตรงไหน ผมไม่เห็น

    ตอบ ต้องดูในคำวินิจฉัยแรกที่ศาลได้สั่งให้ก้าวไกลหยุดความเคลื่อนไหวทั้งปวงเลย

    “เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมือง นำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังคะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน ทำให้สถาบันต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่าย ต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการปกครองที่สำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ”

    “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค รวมทั้ง มีการรณรงค์ ให้มีการยกเลิก หรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ”

    “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

    อนาคตใหม่ ๓

    ถาม อาจารย์ว่าพรรค “อนาคตใหม่ ๓” จะยอมเลิกเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันหรือไม่ ?

    ตอบ โลกนี้มันมีความฝัน ความคิด ให้นำมาปรุงแต่งเป็นธงนำได้หลายประการ เรื่องโลกแห่งความเสมอภาคนั้น คอมมูนิสต์ก็พยายามชี้นำ อธิบายเหมาโลกมาแล้วว่าปัญหาอยู่ที่ชนชั้นนายทุน มาวันนี้ธงชี้นำนี้ก็เก่าไปแล้ว

    พอมาช่วงไล่ คสช. ก็มีผู้นำ “สถาบันกษัตริย์” มาเหมาให้เป็นจำเลยใหม่อีก แถมเอาไปโยงเชื่อมต่อกับปฏิวัติ ๒๔๗๕ ให้ดูขลังขึ้นอีกด้วย จากนั้นก็ปรุงแต่งเพิ่มความเสมอภาคของเพศ,ของเด็ก,ของผู้ใช้แรงงาน และของผู้อพยพเข้าไปอีก “ความใหม่” มันก็ก่อตัวจนดูดี มีแรงดึงดูดขึ้นมาได้

    เมื่อผนวกกับฝ่ายผู้บริโภคคือคนรุ่นใหม่ ที่กำลังหลงเริงอยู่ในยุคแห่งอิสระภาพ จากพ่อแม่ จากสังคมชาติ จากวัฒนธรรม พวกเขาก็เลยสมาทานความใหม่เหล่านี้ผ่านโลกโซเชียล เข้าไปในตัวตนได้ในที่สุด

    ถาม “อนาคตใหม่ ๓” จะไม่ยอมเปลี่ยน “ความใหม่ ”ข้างต้นนี้หรือครับ

    ตอบ เราได้แต่หวังเท่านั้นว่าเขาจะเปลี่ยน คิดใหม่แล้วชูธงใหม่ไปในทางสร้างสรรค์ มุ่งแก้ปัญหาจริงในบ้านเมืองอย่างจริงจัง แล้วชักนำพลังคนรุ่นใหม่ไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของเขาได้ต่อไป คนดีที่รู้จักคิดอ่านผมก็เห็นว่าพอมีอยู่บ้างเหมือนกัน

    เฉพาะวันนี้วิกฤตโลกาภิวัฒน์เกิดชัดเจนแล้วทั้งสงครามและเศรษฐกิจ

    “อนาคตเก่า” อยู่ไม่ได้แล้วล่ะครับ

    ที่มา : ไทยโพสต์
    8 สิงหาคม 2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไม...ยุบก้าวไกล" ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้ ถาม เห็นพวกทูตฝรั่ง และประธานกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ ดาหน้าออกมาท้วงติงไม่ให้ยุบพรรคก้าวไกลแล้ว อาจารย์รับได้ไหมครับ ? ตอบ ฝรั่งตะวันตกถือตนเองเป็นจ้าวจักรวาล มีอเมริกาเป็นรัฐดวงอาทิตย์มีฝูงรัฐดาวเทียมในยุโรปเป็นบริวาร ร่วมกันถือประชาธิปไตยเป็นบัตรเสือก เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงประเทศเล็กๆที่เป็นรัฐอุกกาบาตล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ทั่วไป ถ้ารัฐบาลรัฐอุกาบาตใดขืนมือขืนเท้า เขาก็เปลี่ยนเอาได้ง่ายๆ ใครจะรับรัฐฝรั่งเหล่านี้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว มันสำคัญที่คนไทยเราเองต่างหากว่า เราเข้าใจและรับได้ในคำพิพากษานี้หรือไม่ สำหรับผม..ผมรับได้ครับ กษัตริย์แตะต้องไม่ได้ ? ถาม ฝรั่งมันว่า เสนอกฎหมายลดความคุ้มครองกษัตริย์ มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร? ตอบ ต้องบอกเขาเลยว่า ร่างกฎหมายก้าวไกล ไม่ได้ลดความคุ้มครองนะครับ แต่เลิกการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ไปเลย ใครไปด่าว่าในหลวง ก็ต้องให้ในวังไปแจ้งความกล่าวโทษเอาเอง กษัตริย์เลยกลายเป็นแค่ชาวบ้าน ไม่ใช่สถาบันที่รัฐต้องคุ้มครองอีกต่อไป อำนาจปกป้องรัฐธรรมนูญ! ถาม ถ้าร่างกฎหมายก้าวไกลขัดรัฐธรรมนูญ ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสิครับ ว่ากฎหมายอย่างนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ใช้บังคับได้หรือเปล่า ไปสั่งปิดปากเขาก่อน แล้วฝังกลบยุบพรรคเขาเลยได้อย่างไร ตอบ สิ่งที่ศาลเห็นว่าผิดคือ “ความเคลื่อนไหว” ไม่ใช่ “ความคิด ” ตอนฮิตเลอร์สถาปนาพรรคนาซี เขาก็มีร่างกฎหมายชาตินิยมเสนอขึ้นมามากมาย แต่อันตรายต่อรัฐธรรมนูญมันอยู่ที่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของขบวนการนาซี ทั้งความคิด ทั้งการชุมนุม ทั้งการปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังฮึกเหิม ที่มุ่งปฏิวัติกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยเยอรมันทั้งระบอบเลย พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศฝรั่งก็สร้างกฎหมายขึ้นมาป้องปรามความเคลื่อนไหวมวลชนปฏิวัติแบบนี้ขึ้นหลายแนวทาง ไทยเราก็คิดขึ้นมาใช้เหมือนกันในรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๓ เกิดเป็น “สิทธิปกป้องรัฐธรรมนูญ ”ขึ้นมา แล้วมันผิดจากมาตรฐานโลกที่ตรงไหน ถาม ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถึง “ความเคลื่อนไหว” อันเป็นภัยนี้ ไว้ที่ตรงไหน ผมไม่เห็น ตอบ ต้องดูในคำวินิจฉัยแรกที่ศาลได้สั่งให้ก้าวไกลหยุดความเคลื่อนไหวทั้งปวงเลย “เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมือง นำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังคะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน ทำให้สถาบันต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่าย ต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการปกครองที่สำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ” “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค รวมทั้ง มีการรณรงค์ ให้มีการยกเลิก หรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ” “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย” อนาคตใหม่ ๓ ถาม อาจารย์ว่าพรรค “อนาคตใหม่ ๓” จะยอมเลิกเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันหรือไม่ ? ตอบ โลกนี้มันมีความฝัน ความคิด ให้นำมาปรุงแต่งเป็นธงนำได้หลายประการ เรื่องโลกแห่งความเสมอภาคนั้น คอมมูนิสต์ก็พยายามชี้นำ อธิบายเหมาโลกมาแล้วว่าปัญหาอยู่ที่ชนชั้นนายทุน มาวันนี้ธงชี้นำนี้ก็เก่าไปแล้ว พอมาช่วงไล่ คสช. ก็มีผู้นำ “สถาบันกษัตริย์” มาเหมาให้เป็นจำเลยใหม่อีก แถมเอาไปโยงเชื่อมต่อกับปฏิวัติ ๒๔๗๕ ให้ดูขลังขึ้นอีกด้วย จากนั้นก็ปรุงแต่งเพิ่มความเสมอภาคของเพศ,ของเด็ก,ของผู้ใช้แรงงาน และของผู้อพยพเข้าไปอีก “ความใหม่” มันก็ก่อตัวจนดูดี มีแรงดึงดูดขึ้นมาได้ เมื่อผนวกกับฝ่ายผู้บริโภคคือคนรุ่นใหม่ ที่กำลังหลงเริงอยู่ในยุคแห่งอิสระภาพ จากพ่อแม่ จากสังคมชาติ จากวัฒนธรรม พวกเขาก็เลยสมาทานความใหม่เหล่านี้ผ่านโลกโซเชียล เข้าไปในตัวตนได้ในที่สุด ถาม “อนาคตใหม่ ๓” จะไม่ยอมเปลี่ยน “ความใหม่ ”ข้างต้นนี้หรือครับ ตอบ เราได้แต่หวังเท่านั้นว่าเขาจะเปลี่ยน คิดใหม่แล้วชูธงใหม่ไปในทางสร้างสรรค์ มุ่งแก้ปัญหาจริงในบ้านเมืองอย่างจริงจัง แล้วชักนำพลังคนรุ่นใหม่ไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของเขาได้ต่อไป คนดีที่รู้จักคิดอ่านผมก็เห็นว่าพอมีอยู่บ้างเหมือนกัน เฉพาะวันนี้วิกฤตโลกาภิวัฒน์เกิดชัดเจนแล้วทั้งสงครามและเศรษฐกิจ “อนาคตเก่า” อยู่ไม่ได้แล้วล่ะครับ ที่มา : ไทยโพสต์
    0 Comments 0 Shares 1275 Views 0 Reviews