• Microsoft ได้เพิ่ม SafeLinks protection ให้กับ Microsoft 365 Copilot Chat เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้จากลิงก์ที่เป็นอันตราย โดยฟีเจอร์นี้จะ ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ และแสดงคำเตือนหากพบว่าลิงก์มีความเสี่ยง

    SafeLinks protection พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app โดยไม่ต้องตั้งค่าหรือกำหนดค่าเพิ่มเติม

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่ม time-of-click URL reputation checks ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนหากลิงก์ที่ Copilot ให้มานั้นเป็นอันตราย และในอนาคต SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel

    ✅ SafeLinks protection ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์
    - หากพบว่าลิงก์เป็นอันตราย จะแสดงคำเตือนและป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์
    - พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app

    ✅ time-of-click URL reputation checks เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้
    - ตรวจสอบลิงก์ที่ Copilot ให้มา และแจ้งเตือนหากพบว่ามีความเสี่ยง

    ✅ Microsoft Defender for Office 365 Security Center จะสร้างรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม
    - ผู้ใช้สามารถ ติดตามภัยคุกคามที่ตรวจพบและการดำเนินการที่เกิดขึ้น

    ✅ SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ในอนาคต
    - เพิ่มความปลอดภัยให้กับ การใช้งาน Copilot ในแอปพลิเคชัน Microsoft 365

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-chat-gets-safelinks-protection-and-more/
    Microsoft ได้เพิ่ม SafeLinks protection ให้กับ Microsoft 365 Copilot Chat เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้จากลิงก์ที่เป็นอันตราย โดยฟีเจอร์นี้จะ ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ และแสดงคำเตือนหากพบว่าลิงก์มีความเสี่ยง SafeLinks protection พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app โดยไม่ต้องตั้งค่าหรือกำหนดค่าเพิ่มเติม นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่ม time-of-click URL reputation checks ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนหากลิงก์ที่ Copilot ให้มานั้นเป็นอันตราย และในอนาคต SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ✅ SafeLinks protection ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ - หากพบว่าลิงก์เป็นอันตราย จะแสดงคำเตือนและป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ - พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app ✅ time-of-click URL reputation checks เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ - ตรวจสอบลิงก์ที่ Copilot ให้มา และแจ้งเตือนหากพบว่ามีความเสี่ยง ✅ Microsoft Defender for Office 365 Security Center จะสร้างรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม - ผู้ใช้สามารถ ติดตามภัยคุกคามที่ตรวจพบและการดำเนินการที่เกิดขึ้น ✅ SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ในอนาคต - เพิ่มความปลอดภัยให้กับ การใช้งาน Copilot ในแอปพลิเคชัน Microsoft 365 https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-chat-gets-safelinks-protection-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Chat gets SafeLinks protection and more
    Microsoft has bolstered the security of M365 Copilot Chat by integrating SafeLinks for eligible customers. It has added a more basic link checking feature for non-customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เปิดตัว Amazon Q Developer ซึ่งเป็น AI code assistant สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยล่าสุดได้เปิดให้ใช้งานบน GitHub ซึ่งช่วยให้สามารถ พัฒนา, ทดสอบ, และปรับปรุงโค้ดได้ง่ายขึ้น

    ก่อนหน้านี้ Amazon Q Developer มีให้ใช้งานเป็น ส่วนขยายสำหรับ JetBrains, VS Code, Visual Studio, Command Line และ Eclipse แต่ตอนนี้สามารถ เข้าถึงได้โดยตรงบน GitHub.com และ GitHub Enterprise Cloud โดยไม่ต้องใช้บัญชี AWS

    Amazon Q Developer มีความสามารถในการ สร้าง pull request อัตโนมัติ และช่วยในการ พอร์ต .NET จาก Windows ไปยัง Linux, ปรับปรุงแอปพลิเคชัน mainframe, ย้ายและปรับปรุง workload ของ VMware และอัปเกรด Java

    ✅ Amazon Q Developer เปิดให้ใช้งานบน GitHub
    - ไม่ต้องใช้บัญชี AWS
    - รองรับ GitHub.com และ GitHub Enterprise Cloud

    ✅ ช่วยนักพัฒนาตลอดวงจรการพัฒนา
    - Coding, Testing, Deploying และ Code Review
    - สามารถ สร้าง pull request อัตโนมัติ

    ✅ รองรับงานระดับองค์กร
    - พอร์ต .NET จาก Windows ไปยัง Linux
    - ปรับปรุงแอปพลิเคชัน mainframe
    - ย้ายและปรับปรุง workload ของ VMware
    - อัปเกรด Java 8 และ 11 ไปเป็น Java 17

    ✅ วิธีเริ่มต้นใช้งาน
    - ติดตั้ง Amazon Q Developer จาก GitHub Marketplace
    - ใช้ Amazon Q development agent label หรือ Amazon Q transform agent label
    - สร้าง pull request เพื่อรีวิวโค้ด

    https://www.neowin.net/news/amazon-q-developer-gen-ai-code-assistant-now-available-on-github/
    Amazon ได้เปิดตัว Amazon Q Developer ซึ่งเป็น AI code assistant สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยล่าสุดได้เปิดให้ใช้งานบน GitHub ซึ่งช่วยให้สามารถ พัฒนา, ทดสอบ, และปรับปรุงโค้ดได้ง่ายขึ้น ก่อนหน้านี้ Amazon Q Developer มีให้ใช้งานเป็น ส่วนขยายสำหรับ JetBrains, VS Code, Visual Studio, Command Line และ Eclipse แต่ตอนนี้สามารถ เข้าถึงได้โดยตรงบน GitHub.com และ GitHub Enterprise Cloud โดยไม่ต้องใช้บัญชี AWS Amazon Q Developer มีความสามารถในการ สร้าง pull request อัตโนมัติ และช่วยในการ พอร์ต .NET จาก Windows ไปยัง Linux, ปรับปรุงแอปพลิเคชัน mainframe, ย้ายและปรับปรุง workload ของ VMware และอัปเกรด Java ✅ Amazon Q Developer เปิดให้ใช้งานบน GitHub - ไม่ต้องใช้บัญชี AWS - รองรับ GitHub.com และ GitHub Enterprise Cloud ✅ ช่วยนักพัฒนาตลอดวงจรการพัฒนา - Coding, Testing, Deploying และ Code Review - สามารถ สร้าง pull request อัตโนมัติ ✅ รองรับงานระดับองค์กร - พอร์ต .NET จาก Windows ไปยัง Linux - ปรับปรุงแอปพลิเคชัน mainframe - ย้ายและปรับปรุง workload ของ VMware - อัปเกรด Java 8 และ 11 ไปเป็น Java 17 ✅ วิธีเริ่มต้นใช้งาน - ติดตั้ง Amazon Q Developer จาก GitHub Marketplace - ใช้ Amazon Q development agent label หรือ Amazon Q transform agent label - สร้าง pull request เพื่อรีวิวโค้ด https://www.neowin.net/news/amazon-q-developer-gen-ai-code-assistant-now-available-on-github/
    WWW.NEOWIN.NET
    Amazon Q Developer Gen AI code assistant now available on GitHub
    Amazon has launched a free preview of its generative AI code assistant, Amazon Q Developer, directly integrated into GitHub and GitHub Enterprise Cloud.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม

    คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม
    - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020
    - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม
    - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก

    ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง
    - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง
    - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน
    - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store
    - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง

    https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020 - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็น CPU รุ่นใหม่ที่อาจมาพร้อมกับ เทคโนโลยี 3D V-Cache แบบเดียวกับ AMD X3D โดยใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT และเทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging

    แม้ว่าก่อนหน้านี้ Intel จะยังไม่เคยนำ 3D V-Cache มาใช้ใน CPU สำหรับผู้บริโภค แต่จากงาน Intel Direct Connect 2025 มีการเปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง โดยอาจเริ่มต้นจาก เซิร์ฟเวอร์ก่อน และขยายไปยังตลาดผู้บริโภค

    ✅ Intel อาจนำ 3D V-Cache มาใช้ใน Nova Lake
    - ใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT
    - ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging

    ✅ เป้าหมายของ Intel ในการพัฒนา Nova Lake
    - ลดช่องว่างด้าน ประสิทธิภาพของแคช เมื่อเทียบกับ AMD X3D
    - เพิ่ม ความเร็วในการประมวลผลสำหรับเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้แคชหนัก

    ✅ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
    - Foveros Direct 3D hybrid bonding ช่วยให้สามารถ วางชิปแบบแนวตั้งได้หนาแน่นขึ้น
    - TSV (Through-Silicon Vias) ช่วยให้ การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    - หาก Intel ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาด CPU มีการแข่งขันสูงขึ้น
    - AMD อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ

    https://wccftech.com/intel-nova-lake-x3d-like-cpu-are-very-much-a-possibility/
    Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็น CPU รุ่นใหม่ที่อาจมาพร้อมกับ เทคโนโลยี 3D V-Cache แบบเดียวกับ AMD X3D โดยใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT และเทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging แม้ว่าก่อนหน้านี้ Intel จะยังไม่เคยนำ 3D V-Cache มาใช้ใน CPU สำหรับผู้บริโภค แต่จากงาน Intel Direct Connect 2025 มีการเปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง โดยอาจเริ่มต้นจาก เซิร์ฟเวอร์ก่อน และขยายไปยังตลาดผู้บริโภค ✅ Intel อาจนำ 3D V-Cache มาใช้ใน Nova Lake - ใช้ กระบวนการผลิต 18A-PT - ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct 3D Packaging ✅ เป้าหมายของ Intel ในการพัฒนา Nova Lake - ลดช่องว่างด้าน ประสิทธิภาพของแคช เมื่อเทียบกับ AMD X3D - เพิ่ม ความเร็วในการประมวลผลสำหรับเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้แคชหนัก ✅ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง - Foveros Direct 3D hybrid bonding ช่วยให้สามารถ วางชิปแบบแนวตั้งได้หนาแน่นขึ้น - TSV (Through-Silicon Vias) ช่วยให้ การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU - หาก Intel ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ ตลาด CPU มีการแข่งขันสูงขึ้น - AMD อาจต้อง พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ https://wccftech.com/intel-nova-lake-x3d-like-cpu-are-very-much-a-possibility/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Nova Lake "X3D-Like" CPUs Are Now Very Much a Possibility; Could Potentially Feature the 18A-PT Process With Foveros Direct 3D Packaging
    The PC market has been demanding an "AMD's X3D" like implementation from Intel, and it could very well be possible with Intel's Nova Lake.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    =========================================

    🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator
    ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator
    - เปิดแอป Microsoft Authenticator
    - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs
    - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล

    ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น
    - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น
    - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง

    ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย
    - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย
    - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ

    =========================================

    ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator
    - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้
    - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ
    - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge
    - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge
    - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่
    - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น

    https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ========================================= 🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator - เปิดแอป Microsoft Authenticator - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ ========================================= ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้ - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่ - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft is killing its password manager in Authenticator to make everyone use Edge
    Microsoft is changing how its Authenticator app works, and you are not going to like it if you use it to store and autofill passwords.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดจาก Radware เผยว่า 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท ไม่ใช่ผู้ใช้จริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์

    บอทเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดย 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP, ใช้ CAPTCHA farms และจำลองรูปแบบการท่องเว็บ ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้

    นอกจากนี้ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% ระหว่างเทศกาลวันหยุดปี 2023 และ 2024 โดยแฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง

    ✅ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์
    - 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท
    - ถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์

    ✅ บอทมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP และใช้ CAPTCHA farms
    - ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้

    ✅ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160%
    - แฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง
    - 32% ของการโจมตีมาจาก residential proxy networks ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    ✅ แนวโน้มของการโจมตีในอนาคต
    - บอทไม่ได้แค่ขโมยข้อมูล แต่เริ่มใช้ multi-vector attacks เพื่อทำให้เว็บไซต์ล่ม
    - ธุรกิจต้องใช้ AI-powered defenses

    https://www.techradar.com/pro/its-official-the-majority-of-visitors-to-online-shops-and-retailers-are-now-bots-not-humans-heres-why-it-matters-to-you-and-me
    รายงานล่าสุดจาก Radware เผยว่า 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท ไม่ใช่ผู้ใช้จริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ บอทเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดย 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP, ใช้ CAPTCHA farms และจำลองรูปแบบการท่องเว็บ ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้ นอกจากนี้ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% ระหว่างเทศกาลวันหยุดปี 2023 และ 2024 โดยแฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง ✅ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ - 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท - ถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ ✅ บอทมีความซับซ้อนมากขึ้น - 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP และใช้ CAPTCHA farms - ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้ ✅ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% - แฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง - 32% ของการโจมตีมาจาก residential proxy networks ทำให้การตรวจจับยากขึ้น ✅ แนวโน้มของการโจมตีในอนาคต - บอทไม่ได้แค่ขโมยข้อมูล แต่เริ่มใช้ multi-vector attacks เพื่อทำให้เว็บไซต์ล่ม - ธุรกิจต้องใช้ AI-powered defenses https://www.techradar.com/pro/its-official-the-majority-of-visitors-to-online-shops-and-retailers-are-now-bots-not-humans-heres-why-it-matters-to-you-and-me
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้

    Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12%

    การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง

    เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก

    Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google

    ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store
    - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์
    - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12%

    ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

    ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS
    - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ
    - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน
    - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้
    - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้ Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12% การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12% ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้ - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    WWW.NEOWIN.NET
    Epic Games announces new way for developers to bypass Apple Tax completely
    Epic Games has announced an alternative way for iOS app developers to process external payments with a zero percent revenue split, as the court rules Apple must allow external payments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลใน Windows 11 24H2 โดยเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับทุกเวอร์ชัน รวมถึง Windows 11 Home ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้บังคับใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้บางรายพบปัญหาสูญเสียข้อมูลเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึง Recovery Key ที่ถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft

    ผู้ใช้หลายคนใน Reddit ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางรายพบว่า BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และหากผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft ก็อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดไปโดยไม่มีทางกู้คืน

    นอกจากนี้ BitLocker ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ โดยมีรายงานว่าการเข้ารหัสข้อมูลทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง และอาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว

    Microsoft ได้เผยแพร่ คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ และยังมีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเข้ารหัสข้อมูล

    ✅ การเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้น
    - BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในทุกเวอร์ชันของ Windows 11 24H2
    - Windows 11 Home ก็ถูกบังคับใช้ BitLocker เช่นเดียวกับเวอร์ชันอื่นๆ

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - หากสูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมด
    - ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเปิดใช้งาน BitLocker

    ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ
    - การเข้ารหัสข้อมูลอาจทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง
    - อาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว

    ✅ แนวทางแก้ไขจาก Microsoft
    - เผยแพร่คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key
    - มีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor

    https://www.neowin.net/news/windows-11-users-reportedly-losing-data-due-to-microsofts-forced-bitlocker-encryption/
    Microsoft ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลใน Windows 11 24H2 โดยเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับทุกเวอร์ชัน รวมถึง Windows 11 Home ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้บังคับใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้บางรายพบปัญหาสูญเสียข้อมูลเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึง Recovery Key ที่ถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft ผู้ใช้หลายคนใน Reddit ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางรายพบว่า BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และหากผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft ก็อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดไปโดยไม่มีทางกู้คืน นอกจากนี้ BitLocker ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ โดยมีรายงานว่าการเข้ารหัสข้อมูลทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง และอาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว Microsoft ได้เผยแพร่ คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ และยังมีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเข้ารหัสข้อมูล ✅ การเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้น - BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในทุกเวอร์ชันของ Windows 11 24H2 - Windows 11 Home ก็ถูกบังคับใช้ BitLocker เช่นเดียวกับเวอร์ชันอื่นๆ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - หากสูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมด - ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเปิดใช้งาน BitLocker ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ - การเข้ารหัสข้อมูลอาจทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง - อาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว ✅ แนวทางแก้ไขจาก Microsoft - เผยแพร่คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key - มีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor https://www.neowin.net/news/windows-11-users-reportedly-losing-data-due-to-microsofts-forced-bitlocker-encryption/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 users reportedly losing data due to Microsoft's forced BitLocker encryption
    Microsoft made a big change regarding BitLocker encryption on Windows 11 24H2 and apparently it is leading to users losing data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • AnduinOS 1.3 เป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้าย Windows 11 โดยใช้ GNOME 48 ซึ่งมีการปรับแต่งให้คล้ายกับ Windows เช่น ปุ่ม Start ที่อยู่ตรงกลาง และ แอปที่ปักหมุด เพื่อให้ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows สามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น

    ระบบปฏิบัติการนี้ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 25.04 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 และมาพร้อมกับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อให้การติดตั้งแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด และ การรองรับ HDR

    แม้ว่า AnduinOS จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ไม่ได้อยู่ใน Top 100 ของ Distrowatch) แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows โดยสามารถทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง

    ✅ พื้นฐานของระบบปฏิบัติการ
    - ใช้ Ubuntu 25.04 และได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026
    - มีการปรับแต่ง GNOME ให้คล้ายกับ Windows 11

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    - GNOME 48 พร้อมการปรับแต่ง UI ให้คล้าย Windows
    - รองรับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อการติดตั้งแอปที่ง่ายขึ้น
    - เพิ่ม Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด
    - รองรับ HDR

    ✅ ความนิยมและการใช้งาน
    - ยังไม่ติดอันดับใน Distrowatch แต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Windows
    - เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง

    ✅ ข้อจำกัดของระบบ
    - ไม่สามารถอัปเกรดเวอร์ชันแบบ in-place upgrade ได้
    - ทีมพัฒนากำลังหาทางแก้ไขปัญหานี้

    https://www.neowin.net/news/arduinos-13-is-a-linux-distro-that-looks-like-windows-11-now-with-gnome-48-and-hdr-support/
    AnduinOS 1.3 เป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้าย Windows 11 โดยใช้ GNOME 48 ซึ่งมีการปรับแต่งให้คล้ายกับ Windows เช่น ปุ่ม Start ที่อยู่ตรงกลาง และ แอปที่ปักหมุด เพื่อให้ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows สามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น ระบบปฏิบัติการนี้ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 25.04 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 และมาพร้อมกับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อให้การติดตั้งแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด และ การรองรับ HDR แม้ว่า AnduinOS จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ไม่ได้อยู่ใน Top 100 ของ Distrowatch) แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows โดยสามารถทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง ✅ พื้นฐานของระบบปฏิบัติการ - ใช้ Ubuntu 25.04 และได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 - มีการปรับแต่ง GNOME ให้คล้ายกับ Windows 11 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา - GNOME 48 พร้อมการปรับแต่ง UI ให้คล้าย Windows - รองรับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อการติดตั้งแอปที่ง่ายขึ้น - เพิ่ม Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด - รองรับ HDR ✅ ความนิยมและการใช้งาน - ยังไม่ติดอันดับใน Distrowatch แต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Windows - เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง ✅ ข้อจำกัดของระบบ - ไม่สามารถอัปเกรดเวอร์ชันแบบ in-place upgrade ได้ - ทีมพัฒนากำลังหาทางแก้ไขปัญหานี้ https://www.neowin.net/news/arduinos-13-is-a-linux-distro-that-looks-like-windows-11-now-with-gnome-48-and-hdr-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    AnduinOS 1.3 is a Linux distro that looks like Windows 11, now with GNOME 48 and HDR support
    A new update of AnduinOS is now out. Version 1.3 is based on Ubuntu 25.04 but has been heavily themed to look like Windows 11 out of the box.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • Winhance ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งและปรับปรุง Windows 11 และ 10 ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# เพื่อให้มีการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น รวมถึงรองรับเวอร์ชันพกพา

    การอัปเดตนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้าน UI และฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts เพื่อให้มีความสม่ำเสมอระหว่าง Windows 10 และ 11 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการการตั้งค่าได้สะดวกขึ้น

    Winhance ยังได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในหลายหมวดหมู่ เช่น การจัดการแอปพลิเคชัน Windows, การปรับแต่งระบบ, การเพิ่มประสิทธิภาพ และการตั้งค่าพลังงาน โดยมีการแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่าย

    ✅ เปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C#
    - รองรับการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น
    - มีเวอร์ชันพกพาสำหรับใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง

    ✅ การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่
    - ใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts
    - เพิ่มปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า

    ✅ การจัดการแอปพลิเคชัน Windows
    - เพิ่มหมวดหมู่ใหม่สำหรับแอป Windows, Legacy Capabilities และ Optional Features
    - สามารถติดตั้งและลบแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น

    ✅ การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
    - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่ง Taskbar, Start Menu และ Explorer

    https://www.neowin.net/news/this-unofficial-powershell-gui-windows-1110-customization-and-tweaking-app-gets-big-upgrade/
    Winhance ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งและปรับปรุง Windows 11 และ 10 ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# เพื่อให้มีการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น รวมถึงรองรับเวอร์ชันพกพา การอัปเดตนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้าน UI และฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts เพื่อให้มีความสม่ำเสมอระหว่าง Windows 10 และ 11 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการการตั้งค่าได้สะดวกขึ้น Winhance ยังได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในหลายหมวดหมู่ เช่น การจัดการแอปพลิเคชัน Windows, การปรับแต่งระบบ, การเพิ่มประสิทธิภาพ และการตั้งค่าพลังงาน โดยมีการแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่าย ✅ เปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# - รองรับการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น - มีเวอร์ชันพกพาสำหรับใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง ✅ การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่ - ใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts - เพิ่มปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า ✅ การจัดการแอปพลิเคชัน Windows - เพิ่มหมวดหมู่ใหม่สำหรับแอป Windows, Legacy Capabilities และ Optional Features - สามารถติดตั้งและลบแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น ✅ การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่ง Taskbar, Start Menu และ Explorer https://www.neowin.net/news/this-unofficial-powershell-gui-windows-1110-customization-and-tweaking-app-gets-big-upgrade/
    WWW.NEOWIN.NET
    This unofficial PowerShell GUI Windows 11/10 customization and tweaking app gets big upgrade
    Winhance, an unofficial, third-party app for Windows 11/10 tweaking and customisation, has received its latest update, and it's a major one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมจำนวน 41 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 17 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 186,000 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดเก่าพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
    .
    โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอัคคีภัยบริเวณชุมชนใกล้สำนักงานเขตธนบุรี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ รวมจำนวน 42 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว จำนวน 14 ชุด และรายบุคคล จำนวน 3 ชุด ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท และ พุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรทั้งสิ้น 211,700 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
    .
    รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 397,700 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท . วันนี้ (วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมจำนวน 41 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 17 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 186,000 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดเก่าพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา . โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอัคคีภัยบริเวณชุมชนใกล้สำนักงานเขตธนบุรี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ รวมจำนวน 42 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว จำนวน 14 ชุด และรายบุคคล จำนวน 3 ชุด ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท และ พุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรทั้งสิ้น 211,700 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) . รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 397,700 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • SAP ได้เปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงสุดใน NetWeaver Visual Composer ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันธุรกิจ โดยช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 เนื่องจากผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Metadata Uploader ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ Visual Composer ไม่มีการป้องกันด้วยการอนุญาตที่เหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย เช่น web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ได้

    SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในปลายเดือนเมษายน และแนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีจริง โดยมีองค์กรกว่า 1,200 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบ รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500

    ✅ ช่องโหว่ใน NetWeaver Visual Composer
    - CVE-2025-31324 มีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10
    - ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กร
    - มีองค์กรกว่า 1,200 แห่งที่อาจได้รับผลกระทบ
    - รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500

    ✅ การตอบสนองของ SAP
    - SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในปลายเดือนเมษายน
    - แนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด

    ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่ออัปโหลด web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่

    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-vulnerability-puts-over-1200-sap-netweaver-servers-at-risk-of-hijacking
    SAP ได้เปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงสุดใน NetWeaver Visual Composer ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันธุรกิจ โดยช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 เนื่องจากผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Metadata Uploader ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ Visual Composer ไม่มีการป้องกันด้วยการอนุญาตที่เหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย เช่น web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ได้ SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในปลายเดือนเมษายน และแนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีจริง โดยมีองค์กรกว่า 1,200 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบ รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ✅ ช่องโหว่ใน NetWeaver Visual Composer - CVE-2025-31324 มีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 - ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อองค์กร - มีองค์กรกว่า 1,200 แห่งที่อาจได้รับผลกระทบ - รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ✅ การตอบสนองของ SAP - SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในปลายเดือนเมษายน - แนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่ออัปโหลด web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-vulnerability-puts-over-1200-sap-netweaver-servers-at-risk-of-hijacking
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ansys ได้ประกาศว่าโซลูชันการวิเคราะห์ความร้อนและมัลติฟิสิกส์ของบริษัทได้รับการรับรองสำหรับการออกแบบที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และ 3D-IC โดยโซลูชันเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เช่น ชิป AI, GPU และผลิตภัณฑ์ HPC

    Ansys ยังได้เปิดตัว HFSS-IC Pro ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ในตระกูล HFSS-IC ที่ได้รับการรับรองสำหรับการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบนชิปในแอปพลิเคชัน RF, Wi-Fi, 5G/6G และการสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ ที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A

    นอกจากนี้ Ansys และ Intel Foundry ยังได้ขยายความร่วมมือไปยังเทคโนโลยี EMIB-T รุ่นถัดไป ซึ่งเพิ่มการเชื่อมต่อ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการออกแบบชิปแบบหลายชั้น

    ✅ การรับรองสำหรับ Intel 18A และ 3D-IC
    - โซลูชัน RedHawk-SC และ Totem ช่วยวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของพลังงานและความน่าเชื่อถือ
    - HFSS-IC Pro รองรับการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบนชิป

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี EMIB-T
    - เพิ่มการเชื่อมต่อ TSVs เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น
    - รองรับการออกแบบชิปแบบหลายชั้นสำหรับระบบประมวลผลขั้นสูง

    ✅ การเข้าร่วม Intel Foundry Chiplet Alliance
    - Ansys เข้าร่วมเพื่อสนับสนุนการออกแบบและการผลิตชิปเล็ตร่วมกัน
    - ช่วยสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยสำหรับการออกแบบชิปเล็ตร่วม

    ✅ การสนับสนุนการออกแบบชิปขั้นสูง
    - โซลูชันของ Ansys ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ

    https://www.techpowerup.com/336099/ansys-thermal-and-multiphysics-solutions-certified-for-intel-18a-process-and-3d-ic-designs
    Ansys ได้ประกาศว่าโซลูชันการวิเคราะห์ความร้อนและมัลติฟิสิกส์ของบริษัทได้รับการรับรองสำหรับการออกแบบที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และ 3D-IC โดยโซลูชันเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เช่น ชิป AI, GPU และผลิตภัณฑ์ HPC Ansys ยังได้เปิดตัว HFSS-IC Pro ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ในตระกูล HFSS-IC ที่ได้รับการรับรองสำหรับการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบนชิปในแอปพลิเคชัน RF, Wi-Fi, 5G/6G และการสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ ที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A นอกจากนี้ Ansys และ Intel Foundry ยังได้ขยายความร่วมมือไปยังเทคโนโลยี EMIB-T รุ่นถัดไป ซึ่งเพิ่มการเชื่อมต่อ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการออกแบบชิปแบบหลายชั้น ✅ การรับรองสำหรับ Intel 18A และ 3D-IC - โซลูชัน RedHawk-SC และ Totem ช่วยวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของพลังงานและความน่าเชื่อถือ - HFSS-IC Pro รองรับการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบนชิป ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี EMIB-T - เพิ่มการเชื่อมต่อ TSVs เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น - รองรับการออกแบบชิปแบบหลายชั้นสำหรับระบบประมวลผลขั้นสูง ✅ การเข้าร่วม Intel Foundry Chiplet Alliance - Ansys เข้าร่วมเพื่อสนับสนุนการออกแบบและการผลิตชิปเล็ตร่วมกัน - ช่วยสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยสำหรับการออกแบบชิปเล็ตร่วม ✅ การสนับสนุนการออกแบบชิปขั้นสูง - โซลูชันของ Ansys ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ https://www.techpowerup.com/336099/ansys-thermal-and-multiphysics-solutions-certified-for-intel-18a-process-and-3d-ic-designs
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Ansys Thermal and Multiphysics Solutions Certified for Intel 18A Process and 3D-IC Designs
    Ansys today announced thermal and multiphysics signoff tool certifications for designs manufactured with Intel 18A process technology. These certifications help ensure functionality and reliability of advanced semiconductor systems for the most demanding applications—including AI chips, graphic proc...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Synopsys และ Intel Foundry ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีชิประดับแองสตรอม (angstrom-scale) โดยใช้กระบวนการผลิต Intel 18A และ 18A-P ซึ่งมีเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและการเชื่อมต่อ Synopsys ยังได้พัฒนาโซลูชัน EDA และ IP ที่รองรับการออกแบบชิปที่ซับซ้อนสำหรับ AI และ HPC

    ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Embedded Multi-die Interconnect Bridge-T (EMIB-T) ซึ่งช่วยให้การออกแบบชิปแบบหลายชั้น (multi-die) มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงขึ้น

    Synopsys ยังได้ขยายพอร์ตโฟลิโอ IP สำหรับการออกแบบชิประดับแองสตรอม เช่น Ethernet 224G, PCIe 7.0 และ UCIe 1.1 เพื่อรองรับการใช้งานในแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    - RibbonFET ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและพื้นที่
    - PowerVia ช่วยเพิ่มความสามารถในการจ่ายพลังงาน

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี EMIB-T
    - ช่วยให้การออกแบบชิปแบบหลายชั้นมีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูง
    - รองรับการเชื่อมต่อที่มีความหนาแน่นสูง

    ✅ การขยายพอร์ตโฟลิโอ IP
    - เพิ่ม IP ใหม่ เช่น Ethernet 224G, PCIe 7.0 และ UCIe 1.1
    - รองรับการออกแบบชิปสำหรับ AI และ HPC

    ✅ ความร่วมมือในโครงการ Intel Foundry Accelerator
    - Synopsys เข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนการออกแบบชิปที่มีมาตรฐานสูง

    https://www.techpowerup.com/336097/synopsys-intel-foundry-collaborate-on-angstrom-scale-chips-using-18a-18a-p-technologies
    Synopsys และ Intel Foundry ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีชิประดับแองสตรอม (angstrom-scale) โดยใช้กระบวนการผลิต Intel 18A และ 18A-P ซึ่งมีเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและการเชื่อมต่อ Synopsys ยังได้พัฒนาโซลูชัน EDA และ IP ที่รองรับการออกแบบชิปที่ซับซ้อนสำหรับ AI และ HPC ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Embedded Multi-die Interconnect Bridge-T (EMIB-T) ซึ่งช่วยให้การออกแบบชิปแบบหลายชั้น (multi-die) มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงขึ้น Synopsys ยังได้ขยายพอร์ตโฟลิโอ IP สำหรับการออกแบบชิประดับแองสตรอม เช่น Ethernet 224G, PCIe 7.0 และ UCIe 1.1 เพื่อรองรับการใช้งานในแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia - RibbonFET ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและพื้นที่ - PowerVia ช่วยเพิ่มความสามารถในการจ่ายพลังงาน ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี EMIB-T - ช่วยให้การออกแบบชิปแบบหลายชั้นมีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูง - รองรับการเชื่อมต่อที่มีความหนาแน่นสูง ✅ การขยายพอร์ตโฟลิโอ IP - เพิ่ม IP ใหม่ เช่น Ethernet 224G, PCIe 7.0 และ UCIe 1.1 - รองรับการออกแบบชิปสำหรับ AI และ HPC ✅ ความร่วมมือในโครงการ Intel Foundry Accelerator - Synopsys เข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนการออกแบบชิปที่มีมาตรฐานสูง https://www.techpowerup.com/336097/synopsys-intel-foundry-collaborate-on-angstrom-scale-chips-using-18a-18a-p-technologies
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Synopsys & Intel Foundry Collaborate on Angstrom-Scale Chips - Using 18A & 18A-P Technologies
    At today's Intel Foundry Direct Connect 2025 event, Synopsys, Inc. announced broad EDA and IP collaborations with Intel Foundry, including availability of its certified AI-driven digital and analog design flows for the Intel 18A process node and production-ready EDA flows for the Intel 18A-P process...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cadence ได้ประกาศขยายพอร์ตโฟลิโอของ Design IP ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี Intel 18A และ Intel 18A-P โดยเน้นการพัฒนาโซลูชันที่รองรับการออกแบบชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI/ML, HPC และแอปพลิเคชันการเคลื่อนที่ขั้นสูง ความร่วมมือระหว่าง Cadence และ Intel Foundry ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ และพื้นที่ (PPA) ได้อย่างโดดเด่น

    Cadence ยังได้เพิ่ม IP ใหม่ เช่น 224G SerDes สำหรับ Universal Accelerator Link และ Ultra Ethernet, DDR5 - 12.8G ที่รองรับ MRDIMM Gen 2 และ Universal Chiplet Interconnect Express (UCIe) 1.1 48G ที่ช่วยให้การรวมระบบ SiP มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    นอกจากนี้ Cadence ยังได้พัฒนาโซลูชัน AI-driven เช่น Cadence Cerebrus Intelligent Chip Explorer และ Virtuoso Studio เพื่อรองรับการออกแบบชิปที่มีความซับซ้อน และร่วมมือกับ Intel Foundry ในการพัฒนาเทคโนโลยี Intel 14A-E

    ✅ การเพิ่ม IP ใหม่ใน Intel 18A และ 18A-P
    - 224G SerDes สำหรับ Universal Accelerator Link และ Ultra Ethernet
    - DDR5 - 12.8G รองรับ MRDIMM Gen 2
    - UCIe 1.1 48G สำหรับการรวมระบบ SiP

    ✅ การพัฒนาโซลูชัน AI-driven
    - Cadence Cerebrus Intelligent Chip Explorer และ Virtuoso Studio
    - รองรับการออกแบบชิปที่มีความซับซ้อนและประสิทธิภาพสูง

    ✅ ความร่วมมือกับ Intel Foundry
    - พัฒนาเทคโนโลยี Intel 14A-E และ Embedded Multi-die Interconnect Bridge-T (EMIB-T)
    - ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบ

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ และพื้นที่ (PPA)
    - รองรับการออกแบบชิปสำหรับ AI/ML, HPC และแอปพลิเคชันการเคลื่อนที่ขั้นสูง

    https://www.techpowerup.com/336096/cadence-expands-design-ip-portfolio-optimized-for-intel-18a-and-intel-18a-p-technologies
    Cadence ได้ประกาศขยายพอร์ตโฟลิโอของ Design IP ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี Intel 18A และ Intel 18A-P โดยเน้นการพัฒนาโซลูชันที่รองรับการออกแบบชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI/ML, HPC และแอปพลิเคชันการเคลื่อนที่ขั้นสูง ความร่วมมือระหว่าง Cadence และ Intel Foundry ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ และพื้นที่ (PPA) ได้อย่างโดดเด่น Cadence ยังได้เพิ่ม IP ใหม่ เช่น 224G SerDes สำหรับ Universal Accelerator Link และ Ultra Ethernet, DDR5 - 12.8G ที่รองรับ MRDIMM Gen 2 และ Universal Chiplet Interconnect Express (UCIe) 1.1 48G ที่ช่วยให้การรวมระบบ SiP มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ Cadence ยังได้พัฒนาโซลูชัน AI-driven เช่น Cadence Cerebrus Intelligent Chip Explorer และ Virtuoso Studio เพื่อรองรับการออกแบบชิปที่มีความซับซ้อน และร่วมมือกับ Intel Foundry ในการพัฒนาเทคโนโลยี Intel 14A-E ✅ การเพิ่ม IP ใหม่ใน Intel 18A และ 18A-P - 224G SerDes สำหรับ Universal Accelerator Link และ Ultra Ethernet - DDR5 - 12.8G รองรับ MRDIMM Gen 2 - UCIe 1.1 48G สำหรับการรวมระบบ SiP ✅ การพัฒนาโซลูชัน AI-driven - Cadence Cerebrus Intelligent Chip Explorer และ Virtuoso Studio - รองรับการออกแบบชิปที่มีความซับซ้อนและประสิทธิภาพสูง ✅ ความร่วมมือกับ Intel Foundry - พัฒนาเทคโนโลยี Intel 14A-E และ Embedded Multi-die Interconnect Bridge-T (EMIB-T) - ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบ ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ และพื้นที่ (PPA) - รองรับการออกแบบชิปสำหรับ AI/ML, HPC และแอปพลิเคชันการเคลื่อนที่ขั้นสูง https://www.techpowerup.com/336096/cadence-expands-design-ip-portfolio-optimized-for-intel-18a-and-intel-18a-p-technologies
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Cadence Expands Design IP Portfolio Optimized for Intel 18A and Intel 18A-P Technologies
    Cadence today announced a significant expansion of its portfolio of design IP optimized for Intel 18A and Intel 18A-P technologies and certification of Cadence digital and analog/custom design solutions for the latest Intel 18A process design kit (PDK). These advancements are being showcased today a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ReactOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้กับ Windows NT ได้เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 ของ 3dfx ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมในยุค 90 โดยนักพัฒนาได้รายงานว่าประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL นั้นใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การไม่รองรับโหมดหน้าต่าง

    การ์ดจอ Voodoo5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx ได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม เนื่องจากความสามารถในการรองรับเกมที่ใช้ Glide API และความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น

    ReactOS ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา Alpha และมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า โดยในเวอร์ชันล่าสุด 0.4.15 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การรองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น

    ✅ การรองรับ GPU รุ่น Voodoo5
    - ReactOS เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5
    - ประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL ใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT

    ✅ ความสำคัญของการ์ดจอ Voodoo5
    - เป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx และได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม
    - รองรับเกมที่ใช้ Glide API และมีความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน ReactOS เวอร์ชัน 0.4.15
    - รองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น
    - เพิ่มการรองรับรูปแบบเสียงและอุปกรณ์เสริม

    ✅ เป้าหมายของ ReactOS
    - มุ่งเน้นการเป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า
    - เหมาะสำหรับการทดสอบและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/reactos-now-supports-3dfxs-voodoo5-gpus-open-source-windows-alternative-offers-near-native-performance-for-retro-gamers
    ReactOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้กับ Windows NT ได้เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 ของ 3dfx ซึ่งเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมในยุค 90 โดยนักพัฒนาได้รายงานว่าประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL นั้นใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การไม่รองรับโหมดหน้าต่าง การ์ดจอ Voodoo5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx ได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม เนื่องจากความสามารถในการรองรับเกมที่ใช้ Glide API และความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น ReactOS ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา Alpha และมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า โดยในเวอร์ชันล่าสุด 0.4.15 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การรองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ✅ การรองรับ GPU รุ่น Voodoo5 - ReactOS เพิ่มการรองรับไดรเวอร์สำหรับ GPU รุ่น Voodoo5 - ประสิทธิภาพในแอปพลิเคชัน OpenGL ใกล้เคียงกับการใช้งานบน Windows NT ✅ ความสำคัญของการ์ดจอ Voodoo5 - เป็นรุ่นสุดท้ายของ 3dfx และได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์และนักสะสม - รองรับเกมที่ใช้ Glide API และมีความเร็วที่โดดเด่นในยุคนั้น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน ReactOS เวอร์ชัน 0.4.15 - รองรับ Plug-and-Play และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น - เพิ่มการรองรับรูปแบบเสียงและอุปกรณ์เสริม ✅ เป้าหมายของ ReactOS - มุ่งเน้นการเป็นระบบที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการใช้งานฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า - เหมาะสำหรับการทดสอบและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/reactos-now-supports-3dfxs-voodoo5-gpus-open-source-windows-alternative-offers-near-native-performance-for-retro-gamers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของ หมายเลขโทรศัพท์เสมือน (Virtual Phone Number) สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในปี 2025 โดยเน้นถึงประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการจัดการการสื่อสาร

    หมายเลขโทรศัพท์เสมือนช่วยให้ธุรกิจสามารถรับสาย ส่งข้อความ และจัดการข้อความเสียงผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถแยกหมายเลขส่วนตัวออกจากหมายเลขธุรกิจได้

    ในปี 2025 มีผู้ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์เสมือนหลายรายที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น OpenPhone, Google Voice, Grasshopper, RingCentral และ Nextiva โดยแต่ละรายมีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกัน

    ✅ ประโยชน์ของหมายเลขโทรศัพท์เสมือน
    - เพิ่มความเป็นมืออาชีพด้วยการตั้งค่าทักทายและเมนูการโทร
    - รองรับการทำงานจากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต
    - ขยายธุรกิจได้ง่ายโดยเพิ่มหมายเลขหรือสมาชิกทีม

    ✅ ผู้ให้บริการที่แนะนำในปี 2025
    - OpenPhone: เหมาะสำหรับทีมระยะไกลและการส่งข้อความ ($19/เดือน)
    - Google Voice: เหมาะสำหรับผู้ประกอบการเดี่ยว (ฟรี/$10/เดือน)
    - Grasshopper: เหมาะสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม ($31/เดือน)
    - RingCentral: รองรับ VoIP และการทำงานร่วมกัน ($30/เดือน)
    - Nextiva: เน้นการบริการลูกค้าและการสนับสนุน ($25.95/เดือน)

    ✅ ฟีเจอร์ที่ควรพิจารณา
    - การส่งข้อความ (SMS/MMS)
    - การสนับสนุนผู้ใช้หลายคน
    - การรวมเข้ากับเครื่องมือ CRM หรือ Slack

    https://computercity.com/internet/best-virtual-phone-number-for-small-business-2025
    บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของ หมายเลขโทรศัพท์เสมือน (Virtual Phone Number) สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในปี 2025 โดยเน้นถึงประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการจัดการการสื่อสาร หมายเลขโทรศัพท์เสมือนช่วยให้ธุรกิจสามารถรับสาย ส่งข้อความ และจัดการข้อความเสียงผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถแยกหมายเลขส่วนตัวออกจากหมายเลขธุรกิจได้ ในปี 2025 มีผู้ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์เสมือนหลายรายที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น OpenPhone, Google Voice, Grasshopper, RingCentral และ Nextiva โดยแต่ละรายมีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกัน ✅ ประโยชน์ของหมายเลขโทรศัพท์เสมือน - เพิ่มความเป็นมืออาชีพด้วยการตั้งค่าทักทายและเมนูการโทร - รองรับการทำงานจากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต - ขยายธุรกิจได้ง่ายโดยเพิ่มหมายเลขหรือสมาชิกทีม ✅ ผู้ให้บริการที่แนะนำในปี 2025 - OpenPhone: เหมาะสำหรับทีมระยะไกลและการส่งข้อความ ($19/เดือน) - Google Voice: เหมาะสำหรับผู้ประกอบการเดี่ยว (ฟรี/$10/เดือน) - Grasshopper: เหมาะสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม ($31/เดือน) - RingCentral: รองรับ VoIP และการทำงานร่วมกัน ($30/เดือน) - Nextiva: เน้นการบริการลูกค้าและการสนับสนุน ($25.95/เดือน) ✅ ฟีเจอร์ที่ควรพิจารณา - การส่งข้อความ (SMS/MMS) - การสนับสนุนผู้ใช้หลายคน - การรวมเข้ากับเครื่องมือ CRM หรือ Slack https://computercity.com/internet/best-virtual-phone-number-for-small-business-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Virtual Phone Number for Small Business (2025)
    In today’s competitive market, small businesses need every edge they can get—and communication is one of the most important. A virtual phone number gives your
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เปรียบเทียบแอปพลิเคชันการจัดการการเงินส่วนบุคคลระหว่าง Monarch Money และ Quicken (รวมถึง Simplifi by Quicken) โดยเน้นถึงความแตกต่างในด้านฟีเจอร์ การใช้งาน และกลุ่มเป้าหมาย

    Monarch Money เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การจัดการการเงินที่ทันสมัยและเรียบง่าย โดยเน้นการตั้งเป้าหมายและการทำงานร่วมกัน ขณะที่ Quicken เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีพอร์ตการเงินซับซ้อน เช่น การติดตามการลงทุนหรือการจัดการทรัพย์สินให้เช่า

    ✅ Monarch Money: ทันสมัยและเน้นเป้าหมาย
    - การตั้งเป้าหมายที่ปรับแต่งได้: ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเป้าหมายการออมและหนี้สินได้ไม่จำกัด
    - การติดตามมูลค่าสุทธิ: มีกราฟแบบโต้ตอบที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสุทธิ
    - การทำงานร่วมกัน: รองรับการจัดการการเงินร่วมกันในครอบครัวหรือคู่รัก
    - ราคา: $14.99/เดือน หรือ $99.99/ปี พร้อมรหัสส่วนลด MONARCHVIP ลด 50%

    ✅ Quicken: สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรายละเอียด
    - การจัดการการลงทุนขั้นสูง: ติดตามพอร์ตโฟลิโอ กำไรจากการลงทุน และการคาดการณ์การเกษียณ
    - เครื่องมือสำหรับธุรกิจและทรัพย์สินให้เช่า: ช่วยจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย และผู้เช่า
    - การใช้งานแบบออฟไลน์: รองรับการใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    - ราคา: Simplifi $71.88/ปี, Quicken Classic $35.99–$93.59/ปี

    ✅ การเปรียบเทียบฟีเจอร์
    - Monarch: อินเทอร์เฟซทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
    - Quicken: มีฟีเจอร์ที่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการจัดการการเงินเชิงลึก

    https://computercity.com/software/apps/monarch-vs-quicken
    บทความนี้เปรียบเทียบแอปพลิเคชันการจัดการการเงินส่วนบุคคลระหว่าง Monarch Money และ Quicken (รวมถึง Simplifi by Quicken) โดยเน้นถึงความแตกต่างในด้านฟีเจอร์ การใช้งาน และกลุ่มเป้าหมาย Monarch Money เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การจัดการการเงินที่ทันสมัยและเรียบง่าย โดยเน้นการตั้งเป้าหมายและการทำงานร่วมกัน ขณะที่ Quicken เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีพอร์ตการเงินซับซ้อน เช่น การติดตามการลงทุนหรือการจัดการทรัพย์สินให้เช่า ✅ Monarch Money: ทันสมัยและเน้นเป้าหมาย - การตั้งเป้าหมายที่ปรับแต่งได้: ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเป้าหมายการออมและหนี้สินได้ไม่จำกัด - การติดตามมูลค่าสุทธิ: มีกราฟแบบโต้ตอบที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสุทธิ - การทำงานร่วมกัน: รองรับการจัดการการเงินร่วมกันในครอบครัวหรือคู่รัก - ราคา: $14.99/เดือน หรือ $99.99/ปี พร้อมรหัสส่วนลด MONARCHVIP ลด 50% ✅ Quicken: สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรายละเอียด - การจัดการการลงทุนขั้นสูง: ติดตามพอร์ตโฟลิโอ กำไรจากการลงทุน และการคาดการณ์การเกษียณ - เครื่องมือสำหรับธุรกิจและทรัพย์สินให้เช่า: ช่วยจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย และผู้เช่า - การใช้งานแบบออฟไลน์: รองรับการใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต - ราคา: Simplifi $71.88/ปี, Quicken Classic $35.99–$93.59/ปี ✅ การเปรียบเทียบฟีเจอร์ - Monarch: อินเทอร์เฟซทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น - Quicken: มีฟีเจอร์ที่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการจัดการการเงินเชิงลึก https://computercity.com/software/apps/monarch-vs-quicken
    COMPUTERCITY.COM
    Monarch vs Quicken: Which Personal Finance App Is Best for You?
    Choosing between Monarch Money and Quicken (including Simplifi by Quicken) comes down to what kind of financial life you lead—and what kind of control you
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้

    นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass

    ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access
    - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด
    - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์

    ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications
    - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ

    ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows
    - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย
    - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC

    ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน
    - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย
    - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์ ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Huntress expands ITDR capabilities to combat credential theft and BEC
    The identity-based improvements target rogue applications, credential theft, and BEC attacks while fully managed SIEM adds to Huntress’ SOC workflows.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Palo Alto Networks ได้ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการ Protect AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย AI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Prisma AIRS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัย AI ของบริษัท การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะช่วยให้ Palo Alto Networks สามารถให้บริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน AI

    Protect AI เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในซีแอตเทิล และมีความเชี่ยวชาญในการรักษาความปลอดภัยของโมเดล AI และแอปพลิเคชันที่ใช้ Machine Learning โดยให้บริการตั้งแต่การเลือกโมเดลไปจนถึงการติดตั้งและการตรวจสอบระหว่างการใช้งาน

    นักวิเคราะห์จาก Jeffries ประเมินว่า Palo Alto Networks อาจใช้เงินระหว่าง 650 ล้านถึง 700 ล้านดอลลาร์ ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026

    ✅ เป้าหมายของการเข้าซื้อกิจการ
    - เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม Prisma AIRS
    - เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน AI

    ✅ ความเชี่ยวชาญของ Protect AI
    - ให้บริการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่การเลือกโมเดลไปจนถึงการติดตั้งและตรวจสอบ
    - ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนา AI ได้อย่างปลอดภัย

    ✅ มูลค่าการเข้าซื้อกิจการ
    - ประเมินว่ามีมูลค่าระหว่าง 650 ล้านถึง 700 ล้านดอลลาร์
    - คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น

    https://www.networkworld.com/article/3973615/palo-alto-networks-to-buy-protect-ai-strengthen-ai-security-platform.html
    Palo Alto Networks ได้ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการ Protect AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย AI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Prisma AIRS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัย AI ของบริษัท การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะช่วยให้ Palo Alto Networks สามารถให้บริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน AI Protect AI เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในซีแอตเทิล และมีความเชี่ยวชาญในการรักษาความปลอดภัยของโมเดล AI และแอปพลิเคชันที่ใช้ Machine Learning โดยให้บริการตั้งแต่การเลือกโมเดลไปจนถึงการติดตั้งและการตรวจสอบระหว่างการใช้งาน นักวิเคราะห์จาก Jeffries ประเมินว่า Palo Alto Networks อาจใช้เงินระหว่าง 650 ล้านถึง 700 ล้านดอลลาร์ ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026 ✅ เป้าหมายของการเข้าซื้อกิจการ - เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม Prisma AIRS - เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน AI ✅ ความเชี่ยวชาญของ Protect AI - ให้บริการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่การเลือกโมเดลไปจนถึงการติดตั้งและตรวจสอบ - ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนา AI ได้อย่างปลอดภัย ✅ มูลค่าการเข้าซื้อกิจการ - ประเมินว่ามีมูลค่าระหว่าง 650 ล้านถึง 700 ล้านดอลลาร์ - คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น https://www.networkworld.com/article/3973615/palo-alto-networks-to-buy-protect-ai-strengthen-ai-security-platform.html
    WWW.NETWORKWORLD.COM
    Palo Alto Networks to buy Protect AI, strengthen AI security platform
    The acquisition will help power Palo Alto Networks’ Prisma AIRS AI security platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มุ่งสู่จังหวัดที่ 20 ของภาคอีสาน สร้างโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวยโสธร มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดยโสธร (จังหวัดที่ 20 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน จำนวน 31 ครัวเรือน และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวยโสธรในครั้งนี้ทั้งสิ้น 802,240 บาท (แปดแสนสองพันสองร้อยสี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ผู้แทนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิรวมสามัคคียโสธร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) ร่วมในพิธี และสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ หอประชุมจังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    .
    โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มุ่งสู่จังหวัดที่ 20 ของภาคอีสาน สร้างโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวยโสธร มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี . วันนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดยโสธร (จังหวัดที่ 20 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน จำนวน 31 ครัวเรือน และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวยโสธรในครั้งนี้ทั้งสิ้น 802,240 บาท (แปดแสนสองพันสองร้อยสี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ผู้แทนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิรวมสามัคคียโสธร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) ร่วมในพิธี และสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ หอประชุมจังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร . โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เปรียบเทียบแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมสองแห่ง ได้แก่ Wix และ Squarespace โดยเน้นจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการ

    Wix มีจุดเด่นที่ความยืดหยุ่นในการออกแบบและเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การแก้ไขแบบลากและวางที่ไม่จำกัดตำแหน่ง และการรองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ ในขณะที่ Squarespace มีจุดเด่นที่การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม รวมถึงฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่รวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน

    ✅ จุดเด่นของ Wix
    - มีเทมเพลตกว่า 900 แบบที่หลากหลาย
    - เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวางที่ยืดหยุ่น
    - รองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ
    - มีแผนการใช้งานฟรี

    ✅ จุดเด่นของ Squarespace
    - การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม
    - ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซรวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน
    - รองรับการสร้างบล็อกที่มีฟีเจอร์การสร้างรายได้

    ✅ การเปรียบเทียบราคา
    - Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และมีแผนฟรี
    - Squarespace เริ่มต้นที่ $16/เดือน แต่ไม่มีแผนฟรี

    ✅ การใช้งานและการสนับสนุน
    - Wix มีการสนับสนุนที่หลากหลาย เช่น แชทสดและโทรศัพท์
    - Squarespace มีการสนับสนุนแบบแชทสด 24/7

    https://www.techradar.com/news/wix-vs-squarespace-which-is-better
    บทความนี้เปรียบเทียบแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมสองแห่ง ได้แก่ Wix และ Squarespace โดยเน้นจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการ Wix มีจุดเด่นที่ความยืดหยุ่นในการออกแบบและเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การแก้ไขแบบลากและวางที่ไม่จำกัดตำแหน่ง และการรองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ ในขณะที่ Squarespace มีจุดเด่นที่การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม รวมถึงฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่รวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน ✅ จุดเด่นของ Wix - มีเทมเพลตกว่า 900 แบบที่หลากหลาย - เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวางที่ยืดหยุ่น - รองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ - มีแผนการใช้งานฟรี ✅ จุดเด่นของ Squarespace - การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม - ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซรวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน - รองรับการสร้างบล็อกที่มีฟีเจอร์การสร้างรายได้ ✅ การเปรียบเทียบราคา - Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และมีแผนฟรี - Squarespace เริ่มต้นที่ $16/เดือน แต่ไม่มีแผนฟรี ✅ การใช้งานและการสนับสนุน - Wix มีการสนับสนุนที่หลากหลาย เช่น แชทสดและโทรศัพท์ - Squarespace มีการสนับสนุนแบบแชทสด 24/7 https://www.techradar.com/news/wix-vs-squarespace-which-is-better
    WWW.TECHRADAR.COM
    Wix vs Squarespace: Which website builder is better?
    We compare two premium platforms for modern website building
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้

    การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000

    Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว
    - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว

    ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย
    - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา
    - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    ✅ ผลกระทบทางการเงิน
    - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี
    - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร

    ✅ วิธีการป้องกัน
    - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง
    - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้ การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ✅ ผลกระทบทางการเงิน - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร ✅ วิธีการป้องกัน - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ

    ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ

    Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ
    - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย
    - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล
    - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง
    - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์

    https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ✅ การแก้ไขปัญหา - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์ https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    WorkComposer leak exposes 21 million employee screenshots online
    Over 200,000 employees across thousands of organizations use WorkComposer to track productivity by logging keystrokes, monitoring application usage, and capturing screenshots every few minutes. Researchers at Cybernews...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว

    การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน
    - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว

    ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท
    - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน

    ✅ การจัดการเหตุการณ์
    - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา
    - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ✅ การจัดการเหตุการณ์ - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    WWW.THESTAR.COM.MY
    M&S tells warehouse agency staff to stay home as cyber incident continues
    LONDON (Reuters) - British retailer Marks & Spencer told agency staff at its central England distribution centre to stay at home on Monday, after it stopped taking online orders following a cyber incident last week.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts