• Aspire Erawan Prime : แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม, สมุทรปราการ

    คอนโดนี้ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมที่ทำให้ทุกจังหวะชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันอัจฉริยะเพื่อชีวิตวิถีใหม่ที่ปลอดภัยจากความกังวล ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมยังใส่ใจความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ให้การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเหมือนกับการหลีกหนี

    **สิ่งอำนวยความสะดวก**

    - Serene Pavilion
    - Sunken Seat
    - Free Flow Playground
    - Lawn Court
    - Multi-Sport
    - Running Loop
    - Welcome Zone
    - Private Lobby
    - Meeting Reservation Room
    - Co-Working Cafe
    - Mingle Space
    - Smart Locker
    - Battle Room
    - Board Game
    - Private Theatre
    - Breezing Balcony
    - Heath Complex
    - Sauna/Steam
    - Stretching Plaza
    - Pool Terrace
    - Massage Pond
    - Secret Seat
    - Yoga Deck
    - Jacuzzi
    - Swimming Pool
    - Waterside Pavilion
    - Kids Pool
    - Social Court
    - Sunset Parlor
    - Sky Jogging
    - CCTV
    - Key Card Access
    - รปภ. 24 ชม.
    - Wi-Fi บนพื้นที่ส่วนกลาง

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    - ร้านสะดวกซื้อ/ร้านกาแฟ/ร้านอาหาร : พื้นที่ร้านค้าหน้าโครงการ
    - Big C Jumbo สำโรง : 2.4 กม.
    - สำโรงเซ็นเตอร์ : 3.6 กม.
    - อิมพีเรียลเวิร์ล สำโรง : 3.7 กม.
    - ตลาดเอี่ยมเจริญ : 5.1 กม.
    - The Coast Village : 6.2 กม.
    - Lotus Plus Mall ศรีนครินทร์ : 6.5 กม.
    - Bitec บางนา : 8.0 กม.
    - Jas Urban : 8.3 กม.
    - เซ็นทรัล บางนา : 9.6 กม.
    - Big C บางนา : 9.7 กม.
    - ศูนย์การค้า ลาซาลสแควร์ : 9.7 กม.
    - Bangkok Mall : 10 กม.
    - SB Design Square : 10.5 กม.
    - Makro ศรีนครินทร์ : 11.0 กม.
    - Big C ศรีนครินทร์ : 11.1 กม.
    - Chic Republic : 11.2 กม.
    - Index Living Mall : 11.4 กม.
    - Paradise Park : 13.2 กม.
    - Mega&Ikea บางนา : 15.5 กม.
    - Seacon Square : 16.8 กม.
    - รร.นายเรือ : 1.1 กม.
    - รร.สตรีสมุทรปราการ : 4.2 กม.
    - รร.อัสสัมชัน สมุทรปราการ : 4.3 กม.
    - รร.เซนต์โยเซฟ ทิพวัล : 4.5 กม.
    - รร.นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ : 6.1 กม.
    - รร.นานาชาติเบิร์คลีย์ : 7.0 กม.
    - รร.บางกอกพัฒนา : 7.8 กม.
    - รร.เซนต์โยเซฟ บางนา : 7.9 กม.
    - รร.ลาซาล : 9.1 กม.
    - รร.นานาชาติเวลล์ส : 10.7 กม.
    - International Community School : 15.1 กม.
    - รร.นานาชาติคอนคอร์เดียน : 16.9 กม.
    - The American School of Bangkok : 17.4 กม.
    - รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ : 1.8 กม.
    - รพ.เมืองสมุทรปราการ : 3.2 กม.
    - รพ.สำโรงการแพทย์ : 3.7 กม.
    - รพ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ : 4.6 กม.
    - รพ.มนารมย์ : 5.6 กม.
    - รพ.ไทยนครินทร์ : 10.1 กม.
    - รพ.ศิครินทร์ : 11.1 กม.
    - รพ.บางนา 1 : 11.9 กม.
    - กศน.อำเภอเมืองสมุทรปราการ : 180 ม.
    - ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ : 2.2 กม.
    - สนง.สรรพกร สมุทรปราการ : 2.4 กม.
    - สนง.ที่ดิน สมุทรปราการ : 2.4 กม.
    - ศาลจังหวัดสมุทรปราการ : 2.5 กม.
    - สภ.เมืองสมุทรปราการ : 2.5 กม.
    - การไฟฟ้านครหลวง สมุทรปราการ : 2.8 กม.
    - สถานีตำรวจ สำโรงเหนือ : 3.6 กม.
    - พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ : 3.3 กม.
    - พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ : 3.4 กม.
    - APT Parking : 6.6 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Aspire Erawan Prime : แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม, สมุทรปราการ คอนโดนี้ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมที่ทำให้ทุกจังหวะชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันอัจฉริยะเพื่อชีวิตวิถีใหม่ที่ปลอดภัยจากความกังวล ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมยังใส่ใจความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ให้การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเหมือนกับการหลีกหนี **สิ่งอำนวยความสะดวก** - Serene Pavilion - Sunken Seat - Free Flow Playground - Lawn Court - Multi-Sport - Running Loop - Welcome Zone - Private Lobby - Meeting Reservation Room - Co-Working Cafe - Mingle Space - Smart Locker - Battle Room - Board Game - Private Theatre - Breezing Balcony - Heath Complex - Sauna/Steam - Stretching Plaza - Pool Terrace - Massage Pond - Secret Seat - Yoga Deck - Jacuzzi - Swimming Pool - Waterside Pavilion - Kids Pool - Social Court - Sunset Parlor - Sky Jogging - CCTV - Key Card Access - รปภ. 24 ชม. - Wi-Fi บนพื้นที่ส่วนกลาง **สถานที่ใกล้เคียง** - ร้านสะดวกซื้อ/ร้านกาแฟ/ร้านอาหาร : พื้นที่ร้านค้าหน้าโครงการ - Big C Jumbo สำโรง : 2.4 กม. - สำโรงเซ็นเตอร์ : 3.6 กม. - อิมพีเรียลเวิร์ล สำโรง : 3.7 กม. - ตลาดเอี่ยมเจริญ : 5.1 กม. - The Coast Village : 6.2 กม. - Lotus Plus Mall ศรีนครินทร์ : 6.5 กม. - Bitec บางนา : 8.0 กม. - Jas Urban : 8.3 กม. - เซ็นทรัล บางนา : 9.6 กม. - Big C บางนา : 9.7 กม. - ศูนย์การค้า ลาซาลสแควร์ : 9.7 กม. - Bangkok Mall : 10 กม. - SB Design Square : 10.5 กม. - Makro ศรีนครินทร์ : 11.0 กม. - Big C ศรีนครินทร์ : 11.1 กม. - Chic Republic : 11.2 กม. - Index Living Mall : 11.4 กม. - Paradise Park : 13.2 กม. - Mega&Ikea บางนา : 15.5 กม. - Seacon Square : 16.8 กม. - รร.นายเรือ : 1.1 กม. - รร.สตรีสมุทรปราการ : 4.2 กม. - รร.อัสสัมชัน สมุทรปราการ : 4.3 กม. - รร.เซนต์โยเซฟ ทิพวัล : 4.5 กม. - รร.นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ : 6.1 กม. - รร.นานาชาติเบิร์คลีย์ : 7.0 กม. - รร.บางกอกพัฒนา : 7.8 กม. - รร.เซนต์โยเซฟ บางนา : 7.9 กม. - รร.ลาซาล : 9.1 กม. - รร.นานาชาติเวลล์ส : 10.7 กม. - International Community School : 15.1 กม. - รร.นานาชาติคอนคอร์เดียน : 16.9 กม. - The American School of Bangkok : 17.4 กม. - รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ : 1.8 กม. - รพ.เมืองสมุทรปราการ : 3.2 กม. - รพ.สำโรงการแพทย์ : 3.7 กม. - รพ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ : 4.6 กม. - รพ.มนารมย์ : 5.6 กม. - รพ.ไทยนครินทร์ : 10.1 กม. - รพ.ศิครินทร์ : 11.1 กม. - รพ.บางนา 1 : 11.9 กม. - กศน.อำเภอเมืองสมุทรปราการ : 180 ม. - ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ : 2.2 กม. - สนง.สรรพกร สมุทรปราการ : 2.4 กม. - สนง.ที่ดิน สมุทรปราการ : 2.4 กม. - ศาลจังหวัดสมุทรปราการ : 2.5 กม. - สภ.เมืองสมุทรปราการ : 2.5 กม. - การไฟฟ้านครหลวง สมุทรปราการ : 2.8 กม. - สถานีตำรวจ สำโรงเหนือ : 3.6 กม. - พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ : 3.3 กม. - พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ : 3.4 กม. - APT Parking : 6.6 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้

    เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี

    สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน

    เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน

    เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน

    ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ

    #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    .
    ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
    .
    นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์
    .
    ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป
    .
    ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด . ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี . นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ . ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป . ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • World Economic Forum ยอมรับว่าใช้ “โควิด” เป็น แบบทดสอบ สู่ “New World Order”

    - นี่คือโพสล่าสุดของ World Economic Forum ที่ชื่อว่า “My Carbon” ที่พูดถึง แผนการณ์ 3 อย่างที่จะต้องเกิดขึ้น ก่อนที่โลกจะพัฒนาไปสู่วิสัยทัศน์ “Utopia” " เมืองอัจฉริยะแบบยั่งยืน" ของพวกเค้า คือ การปฏิบัติตาม ข้อจํากัดในเสรีภาพ ที่พวกเค้าออกแบบ มานั่นเอง !!!

    - World Economic Forum ยอมรับว่าการระบาดใหญ่ของ โควิด-19 เป็นการทดสอบการเชื่อฟังของประชาชนในการยอมรับ “New World Order” (ระเบียบโลกใหม่) ของพวกเค้า โดยมีเนื้อหาในข้อที่ 1 ว่า โควิด-19 เป็นการทดสอบ ความรับผิดชอบต่อสังคม การยอมรับต่อ ข้อจํากัดที่ไม่อาจจินตนาการได้ ที่สาธารณสุขนํามาใช้ ต่อพลเมืองหลายพันล้านคนทั่วโลก มีตัวอย่างมากมายทั่วโลก ของการรักษาระยะห่างทางสังคม การ สวมหน้ากาก การฉีดวัคซีนจํานวนมาก และ การยอมรับแอปพลิเคชัน การติดตามของ สาธารณสุข ซึ่งแสดงให้เห็นถึง แก่นแท้ของความรับผิดชอบต่อสังคม ของแต่ละบุคคล !!!!

    #เพจนิวเวิลด์ออเดอร์
    - ทั้งหมดนี้คือการทดสอบ ระบบ ดูว่าจะมี “สักกี่คนที่จะละทิ้งเสรีภาพส่วนบุคคล และอธิปไตยส่วนบุคคล” โดยปฏิบัติตาม "New Normal" ให้ที่พวกเค้ากำหนดให้ การใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง รวมไปถึง การต้อนไป ”ฉีด” ยาพิษ แบบ สมัครใจ อีกด้วย !!! ซึ่งทั้งหมด ก็เป็นไปตามแผนการณ์ ของพวกเค้า คือผู้คน มากกว่า 90% ยอมทำตามด้วยความสมัครใจ เดินตาม เส้นทางที่พวกเค้าขีดไว้ โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าทั้งหมดนี้คือ “แผนการณ์” !!!!

    - ก็แปลกดีนะครับ ที่คนสาย Conspiracy Theory ที่โดนคนทั่วไป ต่อว่า ว่า “บ้า” เป็นผู้รอด และ รู้ทัน แผนการณ์เหล่านี้ มากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองปกติดี 5555

    - เพราะ ฉะนั้น เลิกพูดกันสักทีว่า โควิด เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือ เหตุบังเอิญ ที่หลุดจาก Lab เพราะเจ้าตัวเค้าออกมาเฉลยแล้ว หลังจากเกิดเหตุ มา 5 ปี ว่า ทั้งหมดนี้ คือ “ ฝืมือของพวกเราเอง ”

    -ในบทความนี้ ยังไม่จบนะครับ ยังพูดถึง เหตุการณ์ อีก 2 อย่างที่กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ก่อนที่โลกใบนี้จะก้าวเข้าสู่ “New World Order” นั่นก็คือเรื่อง
    “ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” และ “เพิ่มความตระหนักและความเป็นเจ้าของต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”

    - มาดูภาพที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หลักจากที่ รัฐบาลไทย ได้เข้าไปร่วม ประชุม World Economic Forum ในปีที่ผ่านมา นอกจากที่ นายกคนเก่าได้ “กระดิ่งวัว” ติดมือกลับบ้านมาแล้ว ก็รีบ ผลักดัน นโยบาย ต่างๆ รับลูก Agenda ของ WEF ทันควันทั้งนััน !!!! และ ในภาคของ เอกชน บางคน (ที่หัวยุ่งๆ ติดเข็มกลัด Agenda 2030 โชว์ตลอดทุกงาน) หลังจากกลับมาจากประชุม ก็ผันตัวจาก นักธุรกิจ มาเป็น “Influencer” ประกาศ สิ่งที่ได้เข้าประชุมมา ว่า WEF ดีมากมาย โชว์ให้คนเห็นแต่ด้านดี และ ให้ผู้คน คล้อยตาม เดินตามที่เค้าวางไว้ และยังได้ พื้นที่ของ สื่อแทบทุกช่อง เรียกไปสัมภาษณ์ กระจาย Agenda เหล่านี้ !!! “ล้างสมอง ให้คนเห็นปีศาจ เป็น เทพเจ้า”

    “ โควิดไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันคือ แผนการณ์ที่พวกเค้าวางไว้ ”

    ** ถ้าชอบโพสแนว สบคบคิด ฝากกด ติดตาม เพจนิวเวิลด์ออเดอร์ ด้วยครับ **
    World Economic Forum ยอมรับว่าใช้ “โควิด” เป็น แบบทดสอบ สู่ “New World Order” - นี่คือโพสล่าสุดของ World Economic Forum ที่ชื่อว่า “My Carbon” ที่พูดถึง แผนการณ์ 3 อย่างที่จะต้องเกิดขึ้น ก่อนที่โลกจะพัฒนาไปสู่วิสัยทัศน์ “Utopia” " เมืองอัจฉริยะแบบยั่งยืน" ของพวกเค้า คือ การปฏิบัติตาม ข้อจํากัดในเสรีภาพ ที่พวกเค้าออกแบบ มานั่นเอง !!! - World Economic Forum ยอมรับว่าการระบาดใหญ่ของ โควิด-19 เป็นการทดสอบการเชื่อฟังของประชาชนในการยอมรับ “New World Order” (ระเบียบโลกใหม่) ของพวกเค้า โดยมีเนื้อหาในข้อที่ 1 ว่า โควิด-19 เป็นการทดสอบ ความรับผิดชอบต่อสังคม การยอมรับต่อ ข้อจํากัดที่ไม่อาจจินตนาการได้ ที่สาธารณสุขนํามาใช้ ต่อพลเมืองหลายพันล้านคนทั่วโลก มีตัวอย่างมากมายทั่วโลก ของการรักษาระยะห่างทางสังคม การ สวมหน้ากาก การฉีดวัคซีนจํานวนมาก และ การยอมรับแอปพลิเคชัน การติดตามของ สาธารณสุข ซึ่งแสดงให้เห็นถึง แก่นแท้ของความรับผิดชอบต่อสังคม ของแต่ละบุคคล !!!! #เพจนิวเวิลด์ออเดอร์ - ทั้งหมดนี้คือการทดสอบ ระบบ ดูว่าจะมี “สักกี่คนที่จะละทิ้งเสรีภาพส่วนบุคคล และอธิปไตยส่วนบุคคล” โดยปฏิบัติตาม "New Normal" ให้ที่พวกเค้ากำหนดให้ การใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง รวมไปถึง การต้อนไป ”ฉีด” ยาพิษ แบบ สมัครใจ อีกด้วย !!! ซึ่งทั้งหมด ก็เป็นไปตามแผนการณ์ ของพวกเค้า คือผู้คน มากกว่า 90% ยอมทำตามด้วยความสมัครใจ เดินตาม เส้นทางที่พวกเค้าขีดไว้ โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าทั้งหมดนี้คือ “แผนการณ์” !!!! - ก็แปลกดีนะครับ ที่คนสาย Conspiracy Theory ที่โดนคนทั่วไป ต่อว่า ว่า “บ้า” เป็นผู้รอด และ รู้ทัน แผนการณ์เหล่านี้ มากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองปกติดี 5555 - เพราะ ฉะนั้น เลิกพูดกันสักทีว่า โควิด เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือ เหตุบังเอิญ ที่หลุดจาก Lab เพราะเจ้าตัวเค้าออกมาเฉลยแล้ว หลังจากเกิดเหตุ มา 5 ปี ว่า ทั้งหมดนี้ คือ “ ฝืมือของพวกเราเอง ” -ในบทความนี้ ยังไม่จบนะครับ ยังพูดถึง เหตุการณ์ อีก 2 อย่างที่กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ก่อนที่โลกใบนี้จะก้าวเข้าสู่ “New World Order” นั่นก็คือเรื่อง “ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” และ “เพิ่มความตระหนักและความเป็นเจ้าของต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” - มาดูภาพที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หลักจากที่ รัฐบาลไทย ได้เข้าไปร่วม ประชุม World Economic Forum ในปีที่ผ่านมา นอกจากที่ นายกคนเก่าได้ “กระดิ่งวัว” ติดมือกลับบ้านมาแล้ว ก็รีบ ผลักดัน นโยบาย ต่างๆ รับลูก Agenda ของ WEF ทันควันทั้งนััน !!!! และ ในภาคของ เอกชน บางคน (ที่หัวยุ่งๆ ติดเข็มกลัด Agenda 2030 โชว์ตลอดทุกงาน) หลังจากกลับมาจากประชุม ก็ผันตัวจาก นักธุรกิจ มาเป็น “Influencer” ประกาศ สิ่งที่ได้เข้าประชุมมา ว่า WEF ดีมากมาย โชว์ให้คนเห็นแต่ด้านดี และ ให้ผู้คน คล้อยตาม เดินตามที่เค้าวางไว้ และยังได้ พื้นที่ของ สื่อแทบทุกช่อง เรียกไปสัมภาษณ์ กระจาย Agenda เหล่านี้ !!! “ล้างสมอง ให้คนเห็นปีศาจ เป็น เทพเจ้า” “ โควิดไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันคือ แผนการณ์ที่พวกเค้าวางไว้ ” ** ถ้าชอบโพสแนว สบคบคิด ฝากกด ติดตาม เพจนิวเวิลด์ออเดอร์ ด้วยครับ **
    Like
    Love
    4
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล็อกบัญชี ฟีเจอร์สำหรับนักออม

    ภัยทุจริตทางการเงิน จากการหลอกลวงทางออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหาและยกระดับมาตรการจัดการ เช่น การกวาดล้างบัญชีม้าในระบบ ด้วยการจัดการทุกบัญชีในทุกธนาคารของเจ้าของบัญชีต้องสงสัย และการเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีพฤติกรรมผิดปกติแล้ว ธนาคารบางแห่งก็เริ่มมีระบบจัดการความปลอดภัยทางบัญชี เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชี

    เริ่มจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ออกฟีเจอร์ Lock & Unlock สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งจากธนาคารกรุงเทพ โดยลูกค้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ และกระแสรายวัน บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Savings และบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) สามารถกด "ล็อกการโอน / เติม / จ่าย ผ่านแอป" เพื้อป้องกันไม่ให้สามารถโอนเงิน เติมเงิน หรือจ่ายเงิน ออกจากบัญชีที่ล็อกไว้ได้ แก้ปัญหากรณีที่มิจฉาชีพใช้แอปฯ ดูดเงินเก็บข้อมูลรหัส PIN

    ถ้าล็อกบัญชีแล้ว แม้ว่ามิจฉาชีพจะรู้รหัส PIN ก็ไม่สามารถผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพื่อโอนเงินออกจากบัญชีได้ ลูกค้าต้องปลดล็อกด้วยการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า แต่ธุรกรรมขาเข้ายังสามารถทำได้ เช่น การรับเงินเข้าบัญชี การรับเงินด้วยคิวอาร์โค้ด การฝากเงินเข้าบัญชีที่ตู้อัตโนมัติหรือสาขา

    ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เปิดบริการล็อกบัญชีเงินฝาก UOB Money Lock สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวันสำหรับบุคคลธรรมดาได้ทุกประเภท เมื่อล็อกบัญชีแล้วจะไม่สามารถโอนเงินออกผ่านช่องทางออนไลน์ ลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพ สามารถถอนหรือโอนเงินได้ผ่านช่องทางสาขา หรือใช้บัตรเดบิต แต่ยังคงรับเงินเข้าได้ตามปกติ และสามารถขอปลดล็อกด้วยตนเองโดยการยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารยูโอบีเท่านั้น

    สามารถสมัครบริการได้ด้วยตนเองที่สาขาธนาคารยูโอบี บริการ Live Chat บนแอปพลิเคชัน UOB TMRW หรือศูนย์บริการลูกค้ายูโอบี โทร. 0-2285-1555 แต่การขอยกเลิกบริการต้องติดต่อสาขาของธนาคารด้วยตนเองเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของบัญชี โดยจะจะดำเนินการภายในสิ้นวันทำการถัดไป ไม่รวมวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดทำการของธนาคาร

    นอกจากนี้ ยังมีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีฟีเจอร์ล็อกบัญชี ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับคนที่เเยกบัญชีเงินออมหรือคนที่มีบัญชีสำหรับเอาไว้เก็บเงินอย่างเดียว บัญชีที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆและไม่ต้องการทำธุรกรรมออนไลน์หรือที่ตู้ ATM หรือผูกบัตร Travel card กับบัญชีนั้นๆ ป้องกันการโอนเงินออกโดยถูกหลอกอีกด้วย

    #Newskit #ล็อกบัญชี #LockAccount
    ล็อกบัญชี ฟีเจอร์สำหรับนักออม ภัยทุจริตทางการเงิน จากการหลอกลวงทางออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหาและยกระดับมาตรการจัดการ เช่น การกวาดล้างบัญชีม้าในระบบ ด้วยการจัดการทุกบัญชีในทุกธนาคารของเจ้าของบัญชีต้องสงสัย และการเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีพฤติกรรมผิดปกติแล้ว ธนาคารบางแห่งก็เริ่มมีระบบจัดการความปลอดภัยทางบัญชี เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชี เริ่มจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ออกฟีเจอร์ Lock & Unlock สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งจากธนาคารกรุงเทพ โดยลูกค้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ และกระแสรายวัน บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Savings และบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) สามารถกด "ล็อกการโอน / เติม / จ่าย ผ่านแอป" เพื้อป้องกันไม่ให้สามารถโอนเงิน เติมเงิน หรือจ่ายเงิน ออกจากบัญชีที่ล็อกไว้ได้ แก้ปัญหากรณีที่มิจฉาชีพใช้แอปฯ ดูดเงินเก็บข้อมูลรหัส PIN ถ้าล็อกบัญชีแล้ว แม้ว่ามิจฉาชีพจะรู้รหัส PIN ก็ไม่สามารถผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพื่อโอนเงินออกจากบัญชีได้ ลูกค้าต้องปลดล็อกด้วยการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า แต่ธุรกรรมขาเข้ายังสามารถทำได้ เช่น การรับเงินเข้าบัญชี การรับเงินด้วยคิวอาร์โค้ด การฝากเงินเข้าบัญชีที่ตู้อัตโนมัติหรือสาขา ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เปิดบริการล็อกบัญชีเงินฝาก UOB Money Lock สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวันสำหรับบุคคลธรรมดาได้ทุกประเภท เมื่อล็อกบัญชีแล้วจะไม่สามารถโอนเงินออกผ่านช่องทางออนไลน์ ลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพ สามารถถอนหรือโอนเงินได้ผ่านช่องทางสาขา หรือใช้บัตรเดบิต แต่ยังคงรับเงินเข้าได้ตามปกติ และสามารถขอปลดล็อกด้วยตนเองโดยการยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารยูโอบีเท่านั้น สามารถสมัครบริการได้ด้วยตนเองที่สาขาธนาคารยูโอบี บริการ Live Chat บนแอปพลิเคชัน UOB TMRW หรือศูนย์บริการลูกค้ายูโอบี โทร. 0-2285-1555 แต่การขอยกเลิกบริการต้องติดต่อสาขาของธนาคารด้วยตนเองเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของบัญชี โดยจะจะดำเนินการภายในสิ้นวันทำการถัดไป ไม่รวมวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดทำการของธนาคาร นอกจากนี้ ยังมีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีฟีเจอร์ล็อกบัญชี ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับคนที่เเยกบัญชีเงินออมหรือคนที่มีบัญชีสำหรับเอาไว้เก็บเงินอย่างเดียว บัญชีที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆและไม่ต้องการทำธุรกรรมออนไลน์หรือที่ตู้ ATM หรือผูกบัตร Travel card กับบัญชีนั้นๆ ป้องกันการโอนเงินออกโดยถูกหลอกอีกด้วย #Newskit #ล็อกบัญชี #LockAccount
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 257 : Game of Thaksin ทักษิน กินรวบ (Full)
    - “ทักษิณ” กินเรียบ
    - สันดานนักการเมือง
    - เบื้องลึกเขี่ย "ลุงป้อม" พ้นรัฐบาล
    - มองโกเลีย เสียค่าโง่
    - ภาพรวม ภูมิรัฐศาสตร์โลก 2024
    - ฝรั่งเศสรวบตัว CEO Telegram

    #ThaiTimes คือแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ช่วยให้คุณ:
    - แพลตฟอร์มที่ไม่โดนปิดกั้น
    - แชร์รูปภาพและวิดีโอ
    - ติดตามข่าวสารล่าสุดจากคนที่คุณติดตาม
    แอป Thaitimes มีให้ Download ได้แล้วทั้งใน iOS และใน android
    iOS : https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
    Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.thaitimes.app2&pcampaignid=web_share
    และ https://thaitimes.co/

    แอปพลิเคชัน Thaitimes เวลาของคนไทย

    Sondhitalk EP 257 : Game of Thaksin ทักษิน กินรวบ (Full) - “ทักษิณ” กินเรียบ - สันดานนักการเมือง - เบื้องลึกเขี่ย "ลุงป้อม" พ้นรัฐบาล - มองโกเลีย เสียค่าโง่ - ภาพรวม ภูมิรัฐศาสตร์โลก 2024 - ฝรั่งเศสรวบตัว CEO Telegram #ThaiTimes คือแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ช่วยให้คุณ: - แพลตฟอร์มที่ไม่โดนปิดกั้น - แชร์รูปภาพและวิดีโอ - ติดตามข่าวสารล่าสุดจากคนที่คุณติดตาม แอป Thaitimes มีให้ Download ได้แล้วทั้งใน iOS และใน android iOS : https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132 Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.thaitimes.app2&pcampaignid=web_share และ https://thaitimes.co/ แอปพลิเคชัน Thaitimes เวลาของคนไทย
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    76
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2763 มุมมอง 2059 2 รีวิว
  • สิ้นสุดการให้บริการแอปพลิเคชัน LINE สำหรับ Windows/Mac
    https://help.line.me/line/mac/pc?lang=th&contentId=200000325
    สิ้นสุดการให้บริการแอปพลิเคชัน LINE สำหรับ Windows/Mac https://help.line.me/line/mac/pc?lang=th&contentId=200000325
    HELP.LINE.ME
    LINE ศูนย์ช่วยเหลือ
    หน้าช่วยเหลืออย่างเป็นทางการของ LINE ให้ข้อมูลเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งาน LINE เช่น ไม่ทราบวิธีใช้งาน, พบปัญหาในการใช้งาน อีกทั้งยังให้คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับการโอนย้ายบัญชี, การตั้งค่าต่างๆ เช่น การแจ้งเตือน ตลอดจนระบุวิธีติดต่อสอบถามเอาไว้อีกด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีอีโอ “เทเลแกรม” ถูกรวบตัวในฝรั่งเศส รัสเซียประณามแดนน้ำหอม “เผด็จการ”
    .
    พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแอปพลิเคชันรับส่งข้อความ “เทเลแกรม” ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์นอกปารีสเมื่อค่ำวันเสาร์ (24 ส.ค.) สื่อฝรั่งเศสระบุสาเหตุอาจมาจากการที่แอปนี้ไม่มีผู้ตรวจสอบเนื้อหาซึ่งเปิดช่องให้เกิดกิจกรรมอาชญากรรมโดยไม่ถูกขัดขวาง ด้านนักการเมืองรัสเซียโจมตีรัฐบาลแดนน้ำหอมทำตัวเป็นเผด็จการ ขณะที่เหล่าบล็อกเกอร์เรียกร้องชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตฝรั่งเศสทั่วโลกในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ (25 ส.ค.)

    เทเลแกรมที่มีอิทธิพลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซีย ยูเครน และสาธารณรัฐที่เคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียต เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำรองจากเฟซบุ๊ก ยูทูบ วอตส์แอป อินสตาแกรม ติ๊กต็อก และวีแชต โดยปัจจุบันมีผู้ใช้ 900 ล้านรายและมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้เป็น 1,000 ล้านรายในปีหน้า

    เทเลแกรมที่ตั้งอยู่ในดูไบ ก่อตั้งโดยดูรอฟ เศรษฐีพันล้านสัญชาติรัสเซีย ดูรอฟเดินทางออกจากรัสเซียในปี 2014 หลังจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลให้ปิดชุมชนของฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย วีเค ที่เขาขายกิจการในเวลาต่อมา

    สื่อของฝรั่งเศส ทีเอฟ1 รายงานว่า ดูรอฟเดินทางออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว และถูกฝรั่งเศสออกหมายจับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจ

    ทีเอฟ1 และบีเอฟเอ็มรายงานว่า การสอบสวนมุ่งประเด็นที่เทเลแกรมไม่มีผู้ตรวจสอบเนื้อหา ซึ่งตำรวจมองว่า สถานการณ์นี้เปิดช่องให้เกิดกิจกรรมอาชญากรรมบนแอปโดยไม่ถูกขัดขวาง ...
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://mgronline.com/around/detail/9670000078599

    ซีอีโอ “เทเลแกรม” ถูกรวบตัวในฝรั่งเศส รัสเซียประณามแดนน้ำหอม “เผด็จการ” . พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแอปพลิเคชันรับส่งข้อความ “เทเลแกรม” ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์นอกปารีสเมื่อค่ำวันเสาร์ (24 ส.ค.) สื่อฝรั่งเศสระบุสาเหตุอาจมาจากการที่แอปนี้ไม่มีผู้ตรวจสอบเนื้อหาซึ่งเปิดช่องให้เกิดกิจกรรมอาชญากรรมโดยไม่ถูกขัดขวาง ด้านนักการเมืองรัสเซียโจมตีรัฐบาลแดนน้ำหอมทำตัวเป็นเผด็จการ ขณะที่เหล่าบล็อกเกอร์เรียกร้องชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตฝรั่งเศสทั่วโลกในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ (25 ส.ค.) เทเลแกรมที่มีอิทธิพลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซีย ยูเครน และสาธารณรัฐที่เคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียต เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำรองจากเฟซบุ๊ก ยูทูบ วอตส์แอป อินสตาแกรม ติ๊กต็อก และวีแชต โดยปัจจุบันมีผู้ใช้ 900 ล้านรายและมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้เป็น 1,000 ล้านรายในปีหน้า เทเลแกรมที่ตั้งอยู่ในดูไบ ก่อตั้งโดยดูรอฟ เศรษฐีพันล้านสัญชาติรัสเซีย ดูรอฟเดินทางออกจากรัสเซียในปี 2014 หลังจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลให้ปิดชุมชนของฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย วีเค ที่เขาขายกิจการในเวลาต่อมา สื่อของฝรั่งเศส ทีเอฟ1 รายงานว่า ดูรอฟเดินทางออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว และถูกฝรั่งเศสออกหมายจับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจ ทีเอฟ1 และบีเอฟเอ็มรายงานว่า การสอบสวนมุ่งประเด็นที่เทเลแกรมไม่มีผู้ตรวจสอบเนื้อหา ซึ่งตำรวจมองว่า สถานการณ์นี้เปิดช่องให้เกิดกิจกรรมอาชญากรรมบนแอปโดยไม่ถูกขัดขวาง ... . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://mgronline.com/around/detail/9670000078599
    MGRONLINE.COM
    ซีอีโอ “เทเลแกรม” ถูกรวบตัวในฝรั่งเศส รัสเซียประณามแดนน้ำหอม “เผด็จการ”
    รอยเตอร์ - พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแอปพลิเคชันรับส่งข้อความ “เทเลแกรม” ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์นอกปารีสเมื่อค่ำวันเสาร์ (24 ส.ค.) สื่อฝรั่งเศสระบุสาเหตุอาจมาจากการที่แอปนี้ไม่มีผู้ตรวจสอบเนื้อหาซึ่งเปิดช่องให้เกิดกิจก
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุมทันที อ้างหมายจับที่ออกโดย OFMIN หน่วยงานต่อต้านความรุนแรงต่อผู้เยาว์ของฝรั่งเศส หลังจาก Pavel Durov เพิ่งเดินทางมาถึงสนามบิน Le Bourget ด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และขณะนี้ต้องเผชิญโทษจำคุก 20 ปี

    25 สิงหาคม 2567-รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า นาย พาเวล ดูรอฟ Pavel Durov ซีอีโอวัย 39 ปีของ Telegram แอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมระดับโลก ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุมตัวที่สนามบิน Le Bourget ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถูกจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. (เวลาท้องถิ่น) หลังเดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินส่วนตัว สร้างความตกตะลึงให้กับวงการโซเชียลมีเดียทั่วโลก

    ทางการฝรั่งเศสระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับที่ออกโดย OFMIN หน่วยงานต่อต้านความรุนแรงต่อผู้เยาว์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ประสานงานในการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อหาร้ายแรงหลายประการ เช่น การฉ้อโกง การค้ายาเสพติด การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ อาชญากรรมองค์กร และการสนับสนุนการก่อการร้าย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ Pavel Durov ‘ไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันการใช้ Telegram ในทางที่ผิดกฎหมายมา

    แต่กระแสข่าวอีกด้านระบุสาเหตุเพราะว่า บรรดาแฮกเกอร์ต่อต้านอิสราเอลที่ขโมยข้อมูลสำคัญของประเทศอิสราเอลจำนวนหลายกิกะไบต์ได้เผยแพร่ข้อมูลลับดังกล่าวบน TELEGRAM และTelegram ปฏิเสธคำขอของอิสราเอลในการเซ็นเซอร์ข้อมูลดังกล่าว

    Telegram เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยเฉพาะในรัสเซีย Telegram ที่เข้ารหัสซึ่งมีผู้ใช้เกือบหนึ่งพันล้านคนมีอิทธิพลอย่างมากในรัสเซีย ยูเครน และสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต โดยจัดอยู่ในอันดับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักหนึ่งรองจาก Facebook, YouTube, WhatsApp, Instagram, TikTok และ WeChat

    ดูรอฟซึ่งเกิดในรัสเซียก่อตั้ง Telegram ร่วมกับพี่ชายของเขาในปี 2013 เขาออกจากรัสเซียในปี 2014 หลังจากปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลในการปิดชุมชนฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย VKontakte ของเขาซึ่งเขาขายไป

    หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนในปี 2022 Telegram ก็กลายเป็นแหล่งหลักของเนื้อหาที่ไม่ได้ผ่านการกรอง – และบางครั้งมีเนื้อหาที่รุนแรงและทำให้เข้าใจผิด – จากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับสงครามและการเมืองที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง

    รัสเซียเริ่มบล็อก Telegram ในปี 2018 หลังจากที่แอปปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการให้หน่วยงานความมั่นคงของรัฐเข้าถึงข้อความที่เข้ารหัสของผู้ใช้
    การกระทำดังกล่าวขัดขวางบริการของบุคคลที่สามจำนวนมาก แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อความพร้อมใช้งานของ Telegram ในประเทศ อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในมอสโกวและการวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรนอกภาครัฐ

    แพลตฟอร์มนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่า “สนามรบเสมือนจริง” สำหรับสงคราม ซึ่งใช้โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนและเจ้าหน้าที่ของเขา รวมถึงรัฐบาลรัสเซียเป็นอย่างมาก Telegram ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ได้กลายเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งที่ชาวรัสเซียสามารถเข้าถึงข่าวสารอิสระเกี่ยวกับสงครามได้ หลังจากที่เครมลินเพิ่มมาตรการควบคุมสื่ออิสระหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน

    “ผมขอเป็นอิสระดีกว่าต้องรับคำสั่งจากใครก็ตาม” ดูรอฟบอกกับทักเกอร์ คาร์ลสัน นักข่าวชาวอเมริกันในเดือนเมษายนเกี่ยวกับการออกจากรัสเซียของเขาและการค้นหาบ้านให้กับบริษัทของเขา ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาในเบอร์ลิน ลอนดอน สิงคโปร์ และซานฟรานซิสโก

    พาเวล ดูรอฟ Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram เมื่อปี 2013 จัดเป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3 แสนล้านบาท) ปัจจุบันอาศัยอยู่ในดูไบและถือสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และฝรั่งเศส เขาเคยสร้างชื่อเสียงจากการก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ VKontakte ในรัสเซียเมื่อปี 2006 ก่อนที่จะหนีออกจากประเทศและขายหุ้นทั้งหมด หลังถูกกดดันจากรัฐบาลให้ปิดกั้นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลบนแพลตฟอร์ม

    กรณีจับกุมดูรอฟ สถานทูตรัสเซียในฝรั่งเศสได้ดำเนินการ ‘ทันที’ เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าตัวแทนของดูรอฟจะไม่ได้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือตามรายงานของสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย ขณะที่คาดว่าดูรอฟจะถูกนำตัวขึ้นศาลในวันที่25 สิงหาคม

    Telegram ไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นของสื่อในทันที ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสและตำรวจไม่มีการแถลงและแสดงความคิดเห็นใดๆ

    เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีและผู้ใช้งาน Telegram ทั่วโลก โดยหลายฝ่ายจับตามองว่าการจับกุมครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่างไร และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการกำกับดูแลเนื้อหาบนแพลตฟอร์มหรือไม่

    #Thaitimes
    Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุมทันที อ้างหมายจับที่ออกโดย OFMIN หน่วยงานต่อต้านความรุนแรงต่อผู้เยาว์ของฝรั่งเศส หลังจาก Pavel Durov เพิ่งเดินทางมาถึงสนามบิน Le Bourget ด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และขณะนี้ต้องเผชิญโทษจำคุก 20 ปี 25 สิงหาคม 2567-รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า นาย พาเวล ดูรอฟ Pavel Durov ซีอีโอวัย 39 ปีของ Telegram แอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมระดับโลก ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุมตัวที่สนามบิน Le Bourget ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถูกจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. (เวลาท้องถิ่น) หลังเดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินส่วนตัว สร้างความตกตะลึงให้กับวงการโซเชียลมีเดียทั่วโลก ทางการฝรั่งเศสระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับที่ออกโดย OFMIN หน่วยงานต่อต้านความรุนแรงต่อผู้เยาว์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ประสานงานในการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อหาร้ายแรงหลายประการ เช่น การฉ้อโกง การค้ายาเสพติด การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ อาชญากรรมองค์กร และการสนับสนุนการก่อการร้าย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ Pavel Durov ‘ไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันการใช้ Telegram ในทางที่ผิดกฎหมายมา แต่กระแสข่าวอีกด้านระบุสาเหตุเพราะว่า บรรดาแฮกเกอร์ต่อต้านอิสราเอลที่ขโมยข้อมูลสำคัญของประเทศอิสราเอลจำนวนหลายกิกะไบต์ได้เผยแพร่ข้อมูลลับดังกล่าวบน TELEGRAM และTelegram ปฏิเสธคำขอของอิสราเอลในการเซ็นเซอร์ข้อมูลดังกล่าว Telegram เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยเฉพาะในรัสเซีย Telegram ที่เข้ารหัสซึ่งมีผู้ใช้เกือบหนึ่งพันล้านคนมีอิทธิพลอย่างมากในรัสเซีย ยูเครน และสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต โดยจัดอยู่ในอันดับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักหนึ่งรองจาก Facebook, YouTube, WhatsApp, Instagram, TikTok และ WeChat ดูรอฟซึ่งเกิดในรัสเซียก่อตั้ง Telegram ร่วมกับพี่ชายของเขาในปี 2013 เขาออกจากรัสเซียในปี 2014 หลังจากปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลในการปิดชุมชนฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย VKontakte ของเขาซึ่งเขาขายไป หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนในปี 2022 Telegram ก็กลายเป็นแหล่งหลักของเนื้อหาที่ไม่ได้ผ่านการกรอง – และบางครั้งมีเนื้อหาที่รุนแรงและทำให้เข้าใจผิด – จากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับสงครามและการเมืองที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง รัสเซียเริ่มบล็อก Telegram ในปี 2018 หลังจากที่แอปปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการให้หน่วยงานความมั่นคงของรัฐเข้าถึงข้อความที่เข้ารหัสของผู้ใช้ การกระทำดังกล่าวขัดขวางบริการของบุคคลที่สามจำนวนมาก แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อความพร้อมใช้งานของ Telegram ในประเทศ อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในมอสโกวและการวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรนอกภาครัฐ แพลตฟอร์มนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่า “สนามรบเสมือนจริง” สำหรับสงคราม ซึ่งใช้โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนและเจ้าหน้าที่ของเขา รวมถึงรัฐบาลรัสเซียเป็นอย่างมาก Telegram ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ได้กลายเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งที่ชาวรัสเซียสามารถเข้าถึงข่าวสารอิสระเกี่ยวกับสงครามได้ หลังจากที่เครมลินเพิ่มมาตรการควบคุมสื่ออิสระหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน “ผมขอเป็นอิสระดีกว่าต้องรับคำสั่งจากใครก็ตาม” ดูรอฟบอกกับทักเกอร์ คาร์ลสัน นักข่าวชาวอเมริกันในเดือนเมษายนเกี่ยวกับการออกจากรัสเซียของเขาและการค้นหาบ้านให้กับบริษัทของเขา ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาในเบอร์ลิน ลอนดอน สิงคโปร์ และซานฟรานซิสโก พาเวล ดูรอฟ Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram เมื่อปี 2013 จัดเป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3 แสนล้านบาท) ปัจจุบันอาศัยอยู่ในดูไบและถือสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และฝรั่งเศส เขาเคยสร้างชื่อเสียงจากการก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ VKontakte ในรัสเซียเมื่อปี 2006 ก่อนที่จะหนีออกจากประเทศและขายหุ้นทั้งหมด หลังถูกกดดันจากรัฐบาลให้ปิดกั้นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลบนแพลตฟอร์ม กรณีจับกุมดูรอฟ สถานทูตรัสเซียในฝรั่งเศสได้ดำเนินการ ‘ทันที’ เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าตัวแทนของดูรอฟจะไม่ได้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือตามรายงานของสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย ขณะที่คาดว่าดูรอฟจะถูกนำตัวขึ้นศาลในวันที่25 สิงหาคม Telegram ไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นของสื่อในทันที ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสและตำรวจไม่มีการแถลงและแสดงความคิดเห็นใดๆ เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีและผู้ใช้งาน Telegram ทั่วโลก โดยหลายฝ่ายจับตามองว่าการจับกุมครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่างไร และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการกำกับดูแลเนื้อหาบนแพลตฟอร์มหรือไม่ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิวพลาดเหรียญทอง แต่ชนะใจคนไทย

    การแข่งขันแบดมินตัน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 2 ของโลก จากเดนมาร์ก แม้จะไม่สามารถเอาชนะความแข็งแกร่งของหนุ่มโคนมวัย 30 ปี จบการแข่งขันทำได้แค่เหรียญเงิน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ออกมาเมื่อดูจากสถิติการแข่งขันที่ผ่านมา

    แต่สำหรับนักแบดมินตันหนุ่มวัยเพียง 23 ปี มาไกลขนาดนี้ ถือว่าชนะใจคนไทยทั้งประเทศ

    ช่วงค่ำวันที่ 5 ส.ค. ตามเวลาในไทย คนไทยทั้งประเทศต่างส่งแรงใจเชียร์ วิว กุลวุฒิ ทั่วทุกมุมเมือง แม้จะไม่ถึงขั้นถนนในกรุงเทพฯ โล่ง ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนที่เคยดู เขาทราย แกแล็คซี่ ขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2534 บนหน้าจอโทรทัศน์ ในยุคที่ความบันเทิงที่เข้าถึงทุกครัวเรือนมีเพียงวิทยุ และโทรทัศน์แอนะล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่องเท่านั้น

    วันที่วิว กุลวุฒิ ชิงเหรียญทอง ศูนย์การค้าหลายแห่ง ต่างถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโฆษณา ราวกับทีวีจอยักษ์ ให้คนไทยได้ร่วมลุ้นไปพร้อมกัน ขณะที่แพลตฟอร์ม OTT ก็มีผู้คนเข้าถึงจำนวนมาก ทำเอาแอปพลิเคชันชมการถ่ายทอดสดอย่าง AIS Play ล่มอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ จากที่เคยล่มเมื่อคราวถ่ายทอดสด THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 เมื่อปี 2565

    แต่ที่คนไทยยิ้มได้ก็คือ แม้ วิว กุลวุฒิ จะไม่ได้เหรียญทองกลับมา แต่ทุกคนมีความสุขมากกว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่วิว กุลวุฒิ ได้แข่งขันนั้นมาไกลเกินกว่าที่คาดหวัง แม้จะอยู่ในยุคที่การบริโภคสื่อมีหลากหลาย ไม่ได้ใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าปัดวิทยุหรือจอตู้เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อถึงคราวชิงเหรียญทองโอลิมปิก เดิมพันศักดิ์ศรีของประเทศ กลายเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศทันที

    วิว กุลวุฒิ ยอมรับว่าทั้งรูปแบบเกม สมาธิ และชั้นเชิงต่างๆ เป็นรองทุกอย่าง ยอมรับว่า วิคเตอร์ ยังคงเป็นสุดยอดนักแบดมินตันอยู่ดี ตนรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ และวิคเตอร์วางรูปแบบเกมได้อย่างดี อีกทั้งตนมีจังหวะที่เร่งตัวเอง ทำให้ผิดพลาดมากขึ้น และทำให้แต้มไหล แต่โดยรวมสำหรับโอลิมปิกครั้งแรกค่อนข้างโอเค

    "แต่ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ปีข้างหน้าก็อยากจะคว้าเหรียญทอง" วิว กุลวุฒิ กล่าว

    วิว กุลวุฒิ กล่าวว่า มารอบนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้หวังเหรียญอยู่แล้ว เพราะถ้าดูจากการแบ่งสาย หลายคนมองว่าจะแพ้ตั้งแต่เจอ ฉี ยู่ฉี นักแบดมินตันทีมชาติจีน มืออันดับ 1 ของโลก ในรอบ 8 คนสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งและเป็นมือหนึ่งของโลก พอตนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก็มีความสุขมาก ถึงไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็รู้สึกมีความสุข"

    "ขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งกำลังใจเชียร์ผม รวมถึงทัพนักกีฬาไทยแบดมินตัน วันนี้ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ข้างหน้าเราเจอกัน"

    นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระแสการเล่นแบดมินตัน หวังว่าจะมีมากขึ้น แบดมินตันก็มีเยาวชนเริ่มเล่นเยอะขึ้น หลังจากนี้ถ้ามีเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้วงการแบดมินตันมีช้างเผือกขึ้นมาใหม่ คอยต่อยอดจากรุ่นพี่ที่อายุมากขึ้น พร้อมฝากว่าอยากให้มีเป้าหมาย วางเป้าหมายของตัวเองก่อนว่าอยากไปจุดไหน ต้องเหนื่อย ต้องอดทน มุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ

    วิว กุลวุฒิ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรก ของกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เป็นสมาคมกีฬาที่ 4 ต่อจากมวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด นับตั้งแต่ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาแบดมินตัน ไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 2535 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน โดยมีนักกีฬารับใช้ชาติไปแล้ว 35 คน แม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญมาได้ แต่ความหวังก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

    เหนือสิ่งอื่นใด วิว กุลวุฒิ ก็ได้สร้างความสุขให้กับคนไทย และแฟนกีฬาแบดมินตัน รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ตั้งแต่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ที่มีแม่ปุก กมลา ทองกร ผู้ก่อตั้งและประธานโรงเรียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งโค้ชเป้ ภัทพล เงินศรีสุข และนักแบดมินตันรุ่นพี่อย่าง เมย์ รัชนก อินทนนท์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้วิวมีวันนี้

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "Kunlavut Vitidsarn - กุลวุฒิ วิทิตศานต์" แอดมินยังคงกล่าววรรคทองเรียกเสียงเชียร์จากคอกีฬาชาวไทย ว่า "คนตีไม่เคยท้อ คนเชียร์อย่าเพิ่งทิ้ง ประวัติศาสตร์เพิ่งเริ่มเขียนครับ"

    #Newskit #ViewKunlavut #Olympic2024
    วิวพลาดเหรียญทอง แต่ชนะใจคนไทย การแข่งขันแบดมินตัน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 2 ของโลก จากเดนมาร์ก แม้จะไม่สามารถเอาชนะความแข็งแกร่งของหนุ่มโคนมวัย 30 ปี จบการแข่งขันทำได้แค่เหรียญเงิน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ออกมาเมื่อดูจากสถิติการแข่งขันที่ผ่านมา แต่สำหรับนักแบดมินตันหนุ่มวัยเพียง 23 ปี มาไกลขนาดนี้ ถือว่าชนะใจคนไทยทั้งประเทศ ช่วงค่ำวันที่ 5 ส.ค. ตามเวลาในไทย คนไทยทั้งประเทศต่างส่งแรงใจเชียร์ วิว กุลวุฒิ ทั่วทุกมุมเมือง แม้จะไม่ถึงขั้นถนนในกรุงเทพฯ โล่ง ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนที่เคยดู เขาทราย แกแล็คซี่ ขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2534 บนหน้าจอโทรทัศน์ ในยุคที่ความบันเทิงที่เข้าถึงทุกครัวเรือนมีเพียงวิทยุ และโทรทัศน์แอนะล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่องเท่านั้น วันที่วิว กุลวุฒิ ชิงเหรียญทอง ศูนย์การค้าหลายแห่ง ต่างถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโฆษณา ราวกับทีวีจอยักษ์ ให้คนไทยได้ร่วมลุ้นไปพร้อมกัน ขณะที่แพลตฟอร์ม OTT ก็มีผู้คนเข้าถึงจำนวนมาก ทำเอาแอปพลิเคชันชมการถ่ายทอดสดอย่าง AIS Play ล่มอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ จากที่เคยล่มเมื่อคราวถ่ายทอดสด THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 เมื่อปี 2565 แต่ที่คนไทยยิ้มได้ก็คือ แม้ วิว กุลวุฒิ จะไม่ได้เหรียญทองกลับมา แต่ทุกคนมีความสุขมากกว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่วิว กุลวุฒิ ได้แข่งขันนั้นมาไกลเกินกว่าที่คาดหวัง แม้จะอยู่ในยุคที่การบริโภคสื่อมีหลากหลาย ไม่ได้ใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าปัดวิทยุหรือจอตู้เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อถึงคราวชิงเหรียญทองโอลิมปิก เดิมพันศักดิ์ศรีของประเทศ กลายเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศทันที วิว กุลวุฒิ ยอมรับว่าทั้งรูปแบบเกม สมาธิ และชั้นเชิงต่างๆ เป็นรองทุกอย่าง ยอมรับว่า วิคเตอร์ ยังคงเป็นสุดยอดนักแบดมินตันอยู่ดี ตนรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ และวิคเตอร์วางรูปแบบเกมได้อย่างดี อีกทั้งตนมีจังหวะที่เร่งตัวเอง ทำให้ผิดพลาดมากขึ้น และทำให้แต้มไหล แต่โดยรวมสำหรับโอลิมปิกครั้งแรกค่อนข้างโอเค "แต่ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ปีข้างหน้าก็อยากจะคว้าเหรียญทอง" วิว กุลวุฒิ กล่าว วิว กุลวุฒิ กล่าวว่า มารอบนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้หวังเหรียญอยู่แล้ว เพราะถ้าดูจากการแบ่งสาย หลายคนมองว่าจะแพ้ตั้งแต่เจอ ฉี ยู่ฉี นักแบดมินตันทีมชาติจีน มืออันดับ 1 ของโลก ในรอบ 8 คนสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งและเป็นมือหนึ่งของโลก พอตนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก็มีความสุขมาก ถึงไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็รู้สึกมีความสุข" "ขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งกำลังใจเชียร์ผม รวมถึงทัพนักกีฬาไทยแบดมินตัน วันนี้ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ข้างหน้าเราเจอกัน" นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระแสการเล่นแบดมินตัน หวังว่าจะมีมากขึ้น แบดมินตันก็มีเยาวชนเริ่มเล่นเยอะขึ้น หลังจากนี้ถ้ามีเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้วงการแบดมินตันมีช้างเผือกขึ้นมาใหม่ คอยต่อยอดจากรุ่นพี่ที่อายุมากขึ้น พร้อมฝากว่าอยากให้มีเป้าหมาย วางเป้าหมายของตัวเองก่อนว่าอยากไปจุดไหน ต้องเหนื่อย ต้องอดทน มุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ วิว กุลวุฒิ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรก ของกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เป็นสมาคมกีฬาที่ 4 ต่อจากมวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด นับตั้งแต่ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาแบดมินตัน ไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 2535 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน โดยมีนักกีฬารับใช้ชาติไปแล้ว 35 คน แม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญมาได้ แต่ความหวังก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เหนือสิ่งอื่นใด วิว กุลวุฒิ ก็ได้สร้างความสุขให้กับคนไทย และแฟนกีฬาแบดมินตัน รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ตั้งแต่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ที่มีแม่ปุก กมลา ทองกร ผู้ก่อตั้งและประธานโรงเรียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งโค้ชเป้ ภัทพล เงินศรีสุข และนักแบดมินตันรุ่นพี่อย่าง เมย์ รัชนก อินทนนท์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้วิวมีวันนี้ ขณะที่เฟซบุ๊ก "Kunlavut Vitidsarn - กุลวุฒิ วิทิตศานต์" แอดมินยังคงกล่าววรรคทองเรียกเสียงเชียร์จากคอกีฬาชาวไทย ว่า "คนตีไม่เคยท้อ คนเชียร์อย่าเพิ่งทิ้ง ประวัติศาสตร์เพิ่งเริ่มเขียนครับ" #Newskit #ViewKunlavut #Olympic2024
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 793 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปักกิ่งออกบัตร 'ปักกิ่ง พาส' เอื้อนทท.ชำระง่ายจ่ายคล่อง
    .
    เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) กรุงปักกิ่งของจีนเปิดตัว "ปักกิ่ง พาส" (Beijing Pass) บัตรอเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการชำระเงินสำหรับบริการขนส่งสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์การค้า
    .
    ปักกิ่ง พาสมีวงเงินสูงสุด 1,000 หยวน (ราว 5,000 บาท) รองรับการชำระเงินสำหรับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง และแท็กซี่ในปักกิ่ง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะในเมืองกว่า 300 แห่งทั่วจีน อาทิ จุดหมายท่องเที่ยวสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น และหนานจิง
    .
    นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถใช้บัตรดังกล่าวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปักกิ่ง 30 แห่ง อาทิ พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน และกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่ง
    .
    นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถซื้อหรือขอเงินในบัตรคืนได้ตามจุดบริการ 15 จุดในปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง และสถานีรถไฟปักกิ่ง โดยใช้เอกสารยืนยันตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป
    .
    ผู้ถือบัตรข้างต้นสามารถเติมเงินได้ที่สถานี 490 แห่งตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน 27 สายของปักกิ่งผ่านเคาน์เตอร์บริการหรือเครื่องบริการตนเอง และยังสามารถเติมเงินทางออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน "ซิลค์พาส" (SilkPass) บนมือถือ
    .
    เฟิงหย่า เจ้าหน้าที่บริษัทปักกิ่ง มูนิซิพอล แอดมินิสเทรชัน แอนด์ คอมมูนิเคชัน การ์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ออกบัตรดังกล่าว เผยว่าเราจะติดตามความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป พร้อมขยายขอบเขตการใช้งานบัตรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
    .
    ข้อมูลทางการระบุว่าปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของจีน รองรับนักท่องเที่ยวขาเข้ามากกว่า 1.65 ล้านคนในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 245.6 เมื่อเทียบปีต่อปี
    .
    ขณะเดียวกัน เมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วจีนได้ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้ เพื่อรับรองประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวอย่างเช่น "เซี่ยงไฮ้ พาส" (Shanghai Pass) บัตรเดินทางอเนกประสงค์แบบเติมเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้ชำระเงินตามจุดท่องเที่ยว ร้านสะดวกซื้อในเซี่ยงไฮ้ และระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของจีนกว่า 330 แห่ง
    ปักกิ่งออกบัตร 'ปักกิ่ง พาส' เอื้อนทท.ชำระง่ายจ่ายคล่อง . เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) กรุงปักกิ่งของจีนเปิดตัว "ปักกิ่ง พาส" (Beijing Pass) บัตรอเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการชำระเงินสำหรับบริการขนส่งสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์การค้า . ปักกิ่ง พาสมีวงเงินสูงสุด 1,000 หยวน (ราว 5,000 บาท) รองรับการชำระเงินสำหรับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง และแท็กซี่ในปักกิ่ง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะในเมืองกว่า 300 แห่งทั่วจีน อาทิ จุดหมายท่องเที่ยวสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น และหนานจิง . นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถใช้บัตรดังกล่าวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปักกิ่ง 30 แห่ง อาทิ พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน และกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่ง . นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถซื้อหรือขอเงินในบัตรคืนได้ตามจุดบริการ 15 จุดในปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง และสถานีรถไฟปักกิ่ง โดยใช้เอกสารยืนยันตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป . ผู้ถือบัตรข้างต้นสามารถเติมเงินได้ที่สถานี 490 แห่งตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน 27 สายของปักกิ่งผ่านเคาน์เตอร์บริการหรือเครื่องบริการตนเอง และยังสามารถเติมเงินทางออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน "ซิลค์พาส" (SilkPass) บนมือถือ . เฟิงหย่า เจ้าหน้าที่บริษัทปักกิ่ง มูนิซิพอล แอดมินิสเทรชัน แอนด์ คอมมูนิเคชัน การ์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ออกบัตรดังกล่าว เผยว่าเราจะติดตามความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป พร้อมขยายขอบเขตการใช้งานบัตรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย . ข้อมูลทางการระบุว่าปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของจีน รองรับนักท่องเที่ยวขาเข้ามากกว่า 1.65 ล้านคนในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 245.6 เมื่อเทียบปีต่อปี . ขณะเดียวกัน เมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วจีนได้ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้ เพื่อรับรองประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวอย่างเช่น "เซี่ยงไฮ้ พาส" (Shanghai Pass) บัตรเดินทางอเนกประสงค์แบบเติมเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้ชำระเงินตามจุดท่องเที่ยว ร้านสะดวกซื้อในเซี่ยงไฮ้ และระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของจีนกว่า 330 แห่ง
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • แตะเพื่อสแกน Widget ใหม่แบงก์กรุงเทพ

    ใครที่ใช้แอปพลิเคชัน Bangkok Bank โมบายล์แบงกิ้งธนาคารกรุงเทพ เวอร์ชันล่าสุด (Version 3.35.0) และชื่นชอบการสแกนจ่าย (Scan to Pay) ไม่ควรพลาดกับการสร้างวิดเจ็ต (Widget) บนหน้าจอมือถือ ที่ทำให้การสแกนจ่ายง่ายภายใน 3 วินาที

    วิดเจ็ตของ Bangkok Bank เหมือนเมนูลัดสำหรับสแกนจ่ายโดยเฉพาะ มีโลโก้ธนาคารกรุงเทพ พร้อมข้อความ "แตะเพื่อสแกน" โดยระบบ iOS ติดตั้งได้ทั้งหน้าจอหลัก หน้าจอล็อก และหน้าจอมุมมองวันนี้ ส่วน Android ติดตั้งได้เฉพาะหน้าจอหลัก

    เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เวลาจะใช้สแกนจ่าย สามารถกดที่ Widget แล้วระบบจะนำพาไปยังหน้าจอสแกนจ่ายได้เลย

    ถ้าต้องการสแกนจ่ายให้รวดเร็วขึ้นไปอีก สามารถตั้งค่าวงเงินควิกเพย์ ช่วยให้สามารถสแกนจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่ PIN เหมาะสำหรับคนทำธุรกรรมแบบเร่งรีบ โดยสามารถปรับวงเงินได้สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน

    เหตุผลที่ธนาคารกรุงเทพออกแบบมา เพราะลูกค้านิยมสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที กว่าจะเรียกแอปฯ ธนาคาร โหลดข้อมูล และกดทำรายการสแกน จึงได้ออกแบบมุ่งเน้นเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก

    ปัจจุบัน แอปฯ Bangkok Bank นอกจากสแกนจ่ายผ่าน PromptPay QR Code ในไทยแล้ว ยังสแกนจ่ายที่เมืองนอกได้ ผ่านบริการ Cross-Border Payment ที่เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง

    นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ VISA และ Mastercard ยังสามารถสแกนจ่ายผ่านบริการ “สแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเครดิต” เทียบเท่ากับการรูดบัตรเครดิต โดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง

    #Newskit #BangkokBank #โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ
    แตะเพื่อสแกน Widget ใหม่แบงก์กรุงเทพ ใครที่ใช้แอปพลิเคชัน Bangkok Bank โมบายล์แบงกิ้งธนาคารกรุงเทพ เวอร์ชันล่าสุด (Version 3.35.0) และชื่นชอบการสแกนจ่าย (Scan to Pay) ไม่ควรพลาดกับการสร้างวิดเจ็ต (Widget) บนหน้าจอมือถือ ที่ทำให้การสแกนจ่ายง่ายภายใน 3 วินาที วิดเจ็ตของ Bangkok Bank เหมือนเมนูลัดสำหรับสแกนจ่ายโดยเฉพาะ มีโลโก้ธนาคารกรุงเทพ พร้อมข้อความ "แตะเพื่อสแกน" โดยระบบ iOS ติดตั้งได้ทั้งหน้าจอหลัก หน้าจอล็อก และหน้าจอมุมมองวันนี้ ส่วน Android ติดตั้งได้เฉพาะหน้าจอหลัก เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เวลาจะใช้สแกนจ่าย สามารถกดที่ Widget แล้วระบบจะนำพาไปยังหน้าจอสแกนจ่ายได้เลย ถ้าต้องการสแกนจ่ายให้รวดเร็วขึ้นไปอีก สามารถตั้งค่าวงเงินควิกเพย์ ช่วยให้สามารถสแกนจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่ PIN เหมาะสำหรับคนทำธุรกรรมแบบเร่งรีบ โดยสามารถปรับวงเงินได้สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน เหตุผลที่ธนาคารกรุงเทพออกแบบมา เพราะลูกค้านิยมสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที กว่าจะเรียกแอปฯ ธนาคาร โหลดข้อมูล และกดทำรายการสแกน จึงได้ออกแบบมุ่งเน้นเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก ปัจจุบัน แอปฯ Bangkok Bank นอกจากสแกนจ่ายผ่าน PromptPay QR Code ในไทยแล้ว ยังสแกนจ่ายที่เมืองนอกได้ ผ่านบริการ Cross-Border Payment ที่เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ VISA และ Mastercard ยังสามารถสแกนจ่ายผ่านบริการ “สแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดผ่านบัตรเครดิต” เทียบเท่ากับการรูดบัตรเครดิต โดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง #Newskit #BangkokBank #โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียร่วมวง e-Money ในไทย

    เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "บิ๊กเพย์" (BigPay) ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) รายล่าสุดในไทย จากกลุ่มแคปปิตอล เอ (Capital A) บริษัทแม่ของสายการบินแอร์เอเชีย งานนี้ โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ เดินทางมาเปิดตัวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอัดงบโฆษณาโปรโมต ผ่านอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว

    สำหรับแอปพลิเคชัน BigPay มาพร้อมบัตรเสมือน Visa Virtual Card สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ และบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid Card ที่มีค่าออกบัตร 150 บาทต่อใบ สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป และถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ที่ต่างประเทศ พร้อมฟังก์ชัน Stash กระเป๋าเก็บเงินย่อย และ Roundup ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อเก็บเงินได้ทันที

    BigPay เปิดให้บริการครั้งแรกในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนมกราคม 2561 ปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์บัตรเติมเงิน Big Prepaid Mastercard จุดเด่นในขณะนั้นคือ เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียแล้วจ่ายผ่านบัตร BigPay ไม่เสียค่า Processing Fee เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ต่อมาได้ขยายบริการไปยังสิงคโปร์ และล่าสุดให้บริการในประเทศไทยเป็นแห่งที่สาม

    อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งห้ามแอร์เอเชียเรียกเก็บค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารเมื่อปี 2562 ทำให้จุดเด่นตรงนี้หายไป

    ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่ามีผลิตภัณฑ์ e-Money ในประเทศไทย 74 ผลิตภัณฑ์ แต่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ได้แก่ ทรูมันนี่วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) ดีพ พ็อกเก็ต (DeepPocket) เจ วอลเล็ต (J Wallet) ไว วอลเล็ต (Wi Wallet) เป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) ยูทริป (YouTrip) พลาเน็ตเอสซีบี (Planet SCB) และกรุงศรีบอร์ดดิ้งการ์ด (Krungsri Boarding Card) เป็นต้น

    #Newskit #BigPay #เงินอิเล็กทรอนิกส์
    แอร์เอเชียร่วมวง e-Money ในไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "บิ๊กเพย์" (BigPay) ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) รายล่าสุดในไทย จากกลุ่มแคปปิตอล เอ (Capital A) บริษัทแม่ของสายการบินแอร์เอเชีย งานนี้ โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ เดินทางมาเปิดตัวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอัดงบโฆษณาโปรโมต ผ่านอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว สำหรับแอปพลิเคชัน BigPay มาพร้อมบัตรเสมือน Visa Virtual Card สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ และบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid Card ที่มีค่าออกบัตร 150 บาทต่อใบ สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป และถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ที่ต่างประเทศ พร้อมฟังก์ชัน Stash กระเป๋าเก็บเงินย่อย และ Roundup ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อเก็บเงินได้ทันที BigPay เปิดให้บริการครั้งแรกในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนมกราคม 2561 ปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์บัตรเติมเงิน Big Prepaid Mastercard จุดเด่นในขณะนั้นคือ เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียแล้วจ่ายผ่านบัตร BigPay ไม่เสียค่า Processing Fee เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ต่อมาได้ขยายบริการไปยังสิงคโปร์ และล่าสุดให้บริการในประเทศไทยเป็นแห่งที่สาม อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งห้ามแอร์เอเชียเรียกเก็บค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารเมื่อปี 2562 ทำให้จุดเด่นตรงนี้หายไป ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่ามีผลิตภัณฑ์ e-Money ในประเทศไทย 74 ผลิตภัณฑ์ แต่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ได้แก่ ทรูมันนี่วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) ดีพ พ็อกเก็ต (DeepPocket) เจ วอลเล็ต (J Wallet) ไว วอลเล็ต (Wi Wallet) เป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) ยูทริป (YouTrip) พลาเน็ตเอสซีบี (Planet SCB) และกรุงศรีบอร์ดดิ้งการ์ด (Krungsri Boarding Card) เป็นต้น #Newskit #BigPay #เงินอิเล็กทรอนิกส์
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • Digital Token แบงก์สิงคโปร์ใช้แทน OTP

    ขณะที่การช้อปออนไลน์ หรือทำธุรกรรมการเงินในประเทศไทยยังคงใช้ SMS OTP ยืนยันการทำรายการเป็นหลัก ซึ่งในยุคนี้มีความเสี่ยงจากการถูกมิจฉาชีพทำฟิชชิ่ง (Phising) เพื่อหลอกขอข้อมูล ธนาคารกลางสิงคโปร์ และสมาคมธนาคารสิงคโปร์ ก็ประกาศว่าแต่ละธนาคารจะค่อยๆ เลิกใช้รหัส OTP ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แล้วเปลี่ยนมาใช้ ดิจิทัล โทเคน (Digital Token) แทน

    รูปแบบของดิจิทัล โทเคน ของธนาคารในสิงคโปร์ ส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบข้อความแจ้งเตือนแบบพุช (Push Notification) เมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน หรือเมื่อช้อปออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต จะแจ้งเตือนว่าทำรายการดังกล่าวด้วยจำนวนเงินเท่าใด หากทำรายการเองและถูกต้องให้กดยืนยัน แทนการส่ง OTP หรือ One Time Password/PIN แบบเดิม

    ธนาคารกลางสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า OTP ถูกนำมาใช้ในสิงคโปร์เมื่อปี 2543 หรือเมื่อ 24 ปีก่อน แต่เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป มิจฉาชีพหลอกลวงโดยใช้หลักวิศวกรรมสังคม (Social Engineering) ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ทำเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบธนาคาร

    มาตรการนี้ช่วยให้ลูกค้าป้องกันการเข้าถึงบัญชีธนาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าอาจทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่จำเป็นต้องทำเพื่อช่วยป้องกันกลโกงและปกป้องลูกค้า ซึ่งธนาคารแต่ละแห่งยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางสิงคโปร์ และกองกำลังตำรวจสิงคโปร์ เพื่อหาแนวทางต่อต้านการทุจริตทางการเงินที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

    สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตส่วนใหญ่ ยังคงใช้วิธีส่ง SMS OTP มีเพียงบัตรทราเวลการ์ดที่ชื่อว่า YouTrip (ยูทริป) ที่ออกบัตรโดยธนาคารกสิกรไทย ใช้ระบบ 3DS 2.0 แจ้งเตือนให้เข้าไปอนุมัติรายการในแอปพลิเคชัน เช่นเดียวกับบัตรพรีเพดการ์ด BigPay (บิ๊กเพย์) ของกลุ่มแอร์เอเชียที่มีลักษณะคล้ายกัน

    #Newskit #DigitalToken #MobileBanking
    Digital Token แบงก์สิงคโปร์ใช้แทน OTP ขณะที่การช้อปออนไลน์ หรือทำธุรกรรมการเงินในประเทศไทยยังคงใช้ SMS OTP ยืนยันการทำรายการเป็นหลัก ซึ่งในยุคนี้มีความเสี่ยงจากการถูกมิจฉาชีพทำฟิชชิ่ง (Phising) เพื่อหลอกขอข้อมูล ธนาคารกลางสิงคโปร์ และสมาคมธนาคารสิงคโปร์ ก็ประกาศว่าแต่ละธนาคารจะค่อยๆ เลิกใช้รหัส OTP ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แล้วเปลี่ยนมาใช้ ดิจิทัล โทเคน (Digital Token) แทน รูปแบบของดิจิทัล โทเคน ของธนาคารในสิงคโปร์ ส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบข้อความแจ้งเตือนแบบพุช (Push Notification) เมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน หรือเมื่อช้อปออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต จะแจ้งเตือนว่าทำรายการดังกล่าวด้วยจำนวนเงินเท่าใด หากทำรายการเองและถูกต้องให้กดยืนยัน แทนการส่ง OTP หรือ One Time Password/PIN แบบเดิม ธนาคารกลางสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า OTP ถูกนำมาใช้ในสิงคโปร์เมื่อปี 2543 หรือเมื่อ 24 ปีก่อน แต่เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป มิจฉาชีพหลอกลวงโดยใช้หลักวิศวกรรมสังคม (Social Engineering) ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ทำเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบธนาคาร มาตรการนี้ช่วยให้ลูกค้าป้องกันการเข้าถึงบัญชีธนาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าอาจทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่จำเป็นต้องทำเพื่อช่วยป้องกันกลโกงและปกป้องลูกค้า ซึ่งธนาคารแต่ละแห่งยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางสิงคโปร์ และกองกำลังตำรวจสิงคโปร์ เพื่อหาแนวทางต่อต้านการทุจริตทางการเงินที่เกิดขึ้นตลอดเวลา สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตส่วนใหญ่ ยังคงใช้วิธีส่ง SMS OTP มีเพียงบัตรทราเวลการ์ดที่ชื่อว่า YouTrip (ยูทริป) ที่ออกบัตรโดยธนาคารกสิกรไทย ใช้ระบบ 3DS 2.0 แจ้งเตือนให้เข้าไปอนุมัติรายการในแอปพลิเคชัน เช่นเดียวกับบัตรพรีเพดการ์ด BigPay (บิ๊กเพย์) ของกลุ่มแอร์เอเชียที่มีลักษณะคล้ายกัน #Newskit #DigitalToken #MobileBanking
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมตัวนั่งรถไฟไปเวียงจันทน์

    ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ขบวนรถไฟเชื่อมระหว่างสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเดินทางไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ นอกเหนือจากรถโดยสาร กรุงเทพฯ-นครหลวงเวียงจันทน์ หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ และอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์

    ขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ให้บริการวันละ 1 เที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 21.25 น. เช่นเดียวกับขากลับ ขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 18.25 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 281 บาท มีรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ให้บริการด้วย ราคาเตียงบน 784 บาท เตียงล่าง 874 บาท

    แม้ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ถูกจองเต็มหมดแล้ว แต่ถ้ามาทีหลัง สำรองที่นั่งได้สูงสุด 180 วัน ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ Call Center 1690 เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน D-Ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

    จากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่อยากจะฝากคือ เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และหมั่นตรวจสอบตราประทับในหนังสือเดินทางขาเข้าทั้ง ตม.ไทย และ ตม.ลาว หากไม่พบตราประทับขาเข้า เมื่อออกจากประเทศลาว จะต้องเสียค่าปรับในอัตราที่สูงมาก เท่าที่ทราบผ่านโซเชียลฯ ต้องจ่ายอย่างน้อย 5,000 บาท

    นอกจากนี้ ควรสมัครแพ็คเกจโรมมิ่งก่อนออกจากประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดบิลช็อกตามมา เริ่มต้น 2GB 99 บาท ใช้ได้ 7 วัน ส่วนการแลกเงิน แนะนำแลกผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารลาว แลกเพียงแค่พอใช้ หรือใช้แอปฯ ธนาคารไทย เช่น KMA ธนาคารกรุงศรีฯ สแกนจ่ายผ่าน LAO QR หรือหากร้านค้าใดมี QR Code ของ Unionpay ก็ใช้ K PLUS ธนาคารกสิกรไทยสแกนจ่ายได้

    #Newskit #รถไฟไทย #เวียงจันทน์
    เตรียมตัวนั่งรถไฟไปเวียงจันทน์ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ขบวนรถไฟเชื่อมระหว่างสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเดินทางไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ นอกเหนือจากรถโดยสาร กรุงเทพฯ-นครหลวงเวียงจันทน์ หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ และอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์ ขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ให้บริการวันละ 1 เที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 21.25 น. เช่นเดียวกับขากลับ ขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 18.25 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 281 บาท มีรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ให้บริการด้วย ราคาเตียงบน 784 บาท เตียงล่าง 874 บาท แม้ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ถูกจองเต็มหมดแล้ว แต่ถ้ามาทีหลัง สำรองที่นั่งได้สูงสุด 180 วัน ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ Call Center 1690 เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน D-Ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่อยากจะฝากคือ เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และหมั่นตรวจสอบตราประทับในหนังสือเดินทางขาเข้าทั้ง ตม.ไทย และ ตม.ลาว หากไม่พบตราประทับขาเข้า เมื่อออกจากประเทศลาว จะต้องเสียค่าปรับในอัตราที่สูงมาก เท่าที่ทราบผ่านโซเชียลฯ ต้องจ่ายอย่างน้อย 5,000 บาท นอกจากนี้ ควรสมัครแพ็คเกจโรมมิ่งก่อนออกจากประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดบิลช็อกตามมา เริ่มต้น 2GB 99 บาท ใช้ได้ 7 วัน ส่วนการแลกเงิน แนะนำแลกผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารลาว แลกเพียงแค่พอใช้ หรือใช้แอปฯ ธนาคารไทย เช่น KMA ธนาคารกรุงศรีฯ สแกนจ่ายผ่าน LAO QR หรือหากร้านค้าใดมี QR Code ของ Unionpay ก็ใช้ K PLUS ธนาคารกสิกรไทยสแกนจ่ายได้ #Newskit #รถไฟไทย #เวียงจันทน์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันศุกร์ รัฐบาลปีนังไร้เงินสด

    รัฐบาลปีนังรณรงค์วันไร้เงินสด โดยให้ประชาชนชำระเงินผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) เมื่อทำธุรกรรมตามหน่วยงานของรัฐทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม 2567 เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกรรมการเงิน จากเงินสดไปยังระบบอี-เพย์เมนต์ เพิ่มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐปีนังโดยรวม

    โดยทุกวันศุกร์ ประชาชนที่ติดต่อธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ ในสำนักงานของหน่วยงานของรัฐปีนัง จะต้องขำระเงินผ่านระบบอี-เพย์เมนต์เท่านั้น ได้แก่ อี-วอลเล็ต DuitNow QR แอปพลิเคชันธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต รวมทั้งสามารถชำระเงินผ่านเครื่องคีออส และเว็บไซต์ที่เชื่อมกับระบบของรัฐ เช่น e-Bayar Aspire MBSPPay Cyber ​​Counter และอื่นๆ

    พร้อมกันนี้ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินในมาเลเซีย ได้มอบเงิน 500,000 ริงกิต (ประมาณ 3.85 ล้านบาท) แก่รัฐบาลปีนัง เพื่อนำไปจัดสรรเงินรางวัลให้กับแผนกของรัฐบาลปีนัง ที่มีธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด เพื่อจูงใจให้ทุกหน่วยงานและตัวแทนของรัฐ รณรงค์ให้ประชาชนชำระเงินในหน่วยงานของตนผ่านระบบอี-เพย์เมนต์

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลปีนังได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐไร้เงินสดของมาเลเซียในปี 2567 หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลมากกว่า 95% โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม 2567 จัดเก็บรายได้ผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ทั้งหมด 5.49 ล้านรายการ คิดเป็น 95.31% ของธุรกรรมทั้งหมด

    ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางมาเลเซีย และเพย์เน็ตกำหนดไว้ว่า แต่ละรัฐจะต้องมีอัตราการทำธุรกรรมดิจิทัลมากกว่า 95% ขึ้นไป จึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐไร้เงินสด

    #Newskit #Penang #CashlessSociety
    ทุกวันศุกร์ รัฐบาลปีนังไร้เงินสด รัฐบาลปีนังรณรงค์วันไร้เงินสด โดยให้ประชาชนชำระเงินผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) เมื่อทำธุรกรรมตามหน่วยงานของรัฐทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม 2567 เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกรรมการเงิน จากเงินสดไปยังระบบอี-เพย์เมนต์ เพิ่มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐปีนังโดยรวม โดยทุกวันศุกร์ ประชาชนที่ติดต่อธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ ในสำนักงานของหน่วยงานของรัฐปีนัง จะต้องขำระเงินผ่านระบบอี-เพย์เมนต์เท่านั้น ได้แก่ อี-วอลเล็ต DuitNow QR แอปพลิเคชันธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต รวมทั้งสามารถชำระเงินผ่านเครื่องคีออส และเว็บไซต์ที่เชื่อมกับระบบของรัฐ เช่น e-Bayar Aspire MBSPPay Cyber ​​Counter และอื่นๆ พร้อมกันนี้ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินในมาเลเซีย ได้มอบเงิน 500,000 ริงกิต (ประมาณ 3.85 ล้านบาท) แก่รัฐบาลปีนัง เพื่อนำไปจัดสรรเงินรางวัลให้กับแผนกของรัฐบาลปีนัง ที่มีธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด เพื่อจูงใจให้ทุกหน่วยงานและตัวแทนของรัฐ รณรงค์ให้ประชาชนชำระเงินในหน่วยงานของตนผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลปีนังได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐไร้เงินสดของมาเลเซียในปี 2567 หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลมากกว่า 95% โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม 2567 จัดเก็บรายได้ผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ทั้งหมด 5.49 ล้านรายการ คิดเป็น 95.31% ของธุรกรรมทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางมาเลเซีย และเพย์เน็ตกำหนดไว้ว่า แต่ละรัฐจะต้องมีอัตราการทำธุรกรรมดิจิทัลมากกว่า 95% ขึ้นไป จึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐไร้เงินสด #Newskit #Penang #CashlessSociety
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 0 รีวิว