• #การย่อยและลำดับ

    สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ

    เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่

    โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม

    การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร

    การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น

    เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป

    ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ

    ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ

    โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย

    ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย

    อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน

    เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา

    การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน

    หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย

    เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน

    หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส

    สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เกี่ยวกับการย่อยผลไม้

    แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที

    หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน

    การย่อยผัก

    ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที

    และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที

    การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย

    การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง

    การย่อยเนื้อสัตว์

    ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด

    ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที

    เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่

    การย่อยนม

    โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม

    ย่อยไข่นานแค่ไหน

    ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที

    เมล็ดพืชและถั่ว

    เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย

    ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง

    เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น

    อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง

    อาหารที่ย่อยยาก

    อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม

    ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

    โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว

    น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส

    น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน

    ถั่ว

    ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น

    ผักตระกูลกะหล่ำ

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น

    อาหารรสเผ็ด

    สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก

    ผลิตภัณฑ์นม

    ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น

    เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา

    และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย

    หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น:

    • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง

    • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย

    • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย

    • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง

    • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย

    ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร

    หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

    นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ:

    แพ้แลคโตส

    ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด

    โรค Celiac

    กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก

    หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก

    กรดไหลย้อน

    กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ

    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS)

    ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้

    บทสรุป

    จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ

    วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย

    วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การย่อยและลำดับ สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกี่ยวกับการย่อยผลไม้ แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน การย่อยผัก ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง การย่อยเนื้อสัตว์ ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่ การย่อยนม โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม ย่อยไข่นานแค่ไหน ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที เมล็ดพืชและถั่ว เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง อาหารที่ย่อยยาก อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน ถั่ว ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น อาหารรสเผ็ด สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น: • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ: แพ้แลคโตส ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด โรค Celiac กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก กรดไหลย้อน กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้ บทสรุป จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ระยอง -​ ชาวบ้านฮือไล่เจ้าอาวาสวัดพลา อ จ.ระยอง โชว์คลิปหวิวช่วยตัวเองกับหญิงคู่ขาในโลกออนไลน์​หลักฐานชัดทั้งภาพ-เสียงคราง เจ้าตัวยังรับทำจริงอ้างถูกหลอกรีดเงิน 2แสนบาทไม่ให้จึงถูกปล่อยประจาน ไม่พอใจ เจ้าคณะตำบลพลา สั่งแค่ให้พ้นหน้าที่ไม่จับสึกอ้างแค่ความผิด "อาบัติสังฆาทิเสส"

    วันนี้ (23 ก.พ.)​ ชาวบ้านนับร้อยคนได้พากันไปรวมตัวที่วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อขับไล่ พระครูวิธานสุพัฒน์กิจ เจ้าอาวาสวัดพลา หลังมีการเผยแพร่คลิปพฤติ​กรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์​ โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1.10 นาที เป็นภาพขณะที่พระสงฆ์สวมแว่นกำลังช่วยตัวเองและส่งเสียงครางกระเส่าเป็นระยะ และยังมีภาพผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังใช้แตงกวาขนาดใหญ่ช่วยตัวเอง

    โดยชาวบ้านเชื่อว่าคลิปดังกล่าวพระสงฆ์และหญิงคนนี้น่าจะถ่ายไว้ดูกันเอง ซึ่งการกระทำของพระรูปนี้ถือเป็นการกระทำที่เสื่อมทรามต่อพระพุทธศาสนาและต้องการให้ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส พร้อมให้สึกจากการเป็นพระ​ทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017853

    #MGROnline #ระยอง
    ระยอง -​ ชาวบ้านฮือไล่เจ้าอาวาสวัดพลา อ จ.ระยอง โชว์คลิปหวิวช่วยตัวเองกับหญิงคู่ขาในโลกออนไลน์​หลักฐานชัดทั้งภาพ-เสียงคราง เจ้าตัวยังรับทำจริงอ้างถูกหลอกรีดเงิน 2แสนบาทไม่ให้จึงถูกปล่อยประจาน ไม่พอใจ เจ้าคณะตำบลพลา สั่งแค่ให้พ้นหน้าที่ไม่จับสึกอ้างแค่ความผิด "อาบัติสังฆาทิเสส" • วันนี้ (23 ก.พ.)​ ชาวบ้านนับร้อยคนได้พากันไปรวมตัวที่วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อขับไล่ พระครูวิธานสุพัฒน์กิจ เจ้าอาวาสวัดพลา หลังมีการเผยแพร่คลิปพฤติ​กรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์​ โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1.10 นาที เป็นภาพขณะที่พระสงฆ์สวมแว่นกำลังช่วยตัวเองและส่งเสียงครางกระเส่าเป็นระยะ และยังมีภาพผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังใช้แตงกวาขนาดใหญ่ช่วยตัวเอง • โดยชาวบ้านเชื่อว่าคลิปดังกล่าวพระสงฆ์และหญิงคนนี้น่าจะถ่ายไว้ดูกันเอง ซึ่งการกระทำของพระรูปนี้ถือเป็นการกระทำที่เสื่อมทรามต่อพระพุทธศาสนาและต้องการให้ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส พร้อมให้สึกจากการเป็นพระ​ทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017853 • #MGROnline #ระยอง
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • #ถุงใต้ตา

    เกิดขึ้นได้เมื่อคุณอายุมากขึ้น แต่ถ้าคุณอายุยังน้อยหมายถึงคุณใช้ดวงตาแต่ไม่ได้ให้สารอาหารที่ดวงตาต้องการ ร่างกายเลยต้องสร้างน้ำมาหล่อเย็นดวงตา จากนั้นเนื้อเยื่อรอบดวงตาจะอ่อนแอลง รวมถึงกล้ามเนื้อบางส่วนที่รองรับเปลือกตาของคุณด้วย ไขมันที่ช่วยพยุงดวงตาสามารถเคลื่อนเข้าสู่เปลือกตาล่างทำให้เกิดอาการบวม ของเหลวอาจสะสมอยู่ใต้ดวงตาของคุณ

    ถุงน้ำใต้ตามักเป็นปัญหาด้านความงามและไม่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะร้ายแรง การเยียวยาที่บ้าน เช่น การประคบเย็นและการให้สารอาหารที่ถูกต้องแก่ดวงตา สามารถช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ของพวกเขาได้สำหรับอาการบวมใต้ตาที่เรื้อรังหรือน่ารำคาญ

    มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือทำให้ผลกระทบนี้แย่ลง ได้แก่:

    • ริ้วรอยก่อนวัย

    • การกักเก็บของเหลว โดยเฉพาะเมื่อตื่นหรือหลังอาหารรสเค็ม

    • นอนไม่หลับ

    • ภูมิแพ้

    • สูบบุหรี่

    • พันธุศาสตร์ — ถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้ในครอบครัว

    • สภาวะทางการแพทย์ เช่น กรดไหลย้อน โรคผิวหนังอักเสบ โรคไต และโรคตาของต่อมไทรอยด์

    คุณอาจลดการเกิดถุงใต้ตาได้ในระยะยาวด้วยการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์บางอย่าง เช่น นอนหลับให้เพียงพอและดื่มน้ำให้เพียงพอ

    1.ใช้ถุงชา

    คุณสามารถใช้ถุงชาที่มีคาเฟอีนใต้ตาเพื่อช่วยลดรอยคล้ำและถุงใต้ตา

    คาเฟอีนในชาประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปที่ผิวหนังของคุณ นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่าปกป้องจากรังสียูวีและอาจชะลอการแก่ก่อนวัยได้

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาเขียวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ตามการทบทวนงานวิจัยในปี 2020

    วิธีลองทำ:

    • แช่ถุงชาที่ที่คุณดื่มแล้วไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 20 นาที

    • จากนั้นบีบของเหลวส่วนเกินออกแล้วนำไปประคบบริเวณใต้ตาเป็นเวลา15 ถึง 30 นาที

    2. ใช้ผ้าเย็นประคบ

    คุณอาจพบการบรรเทาถุงใต้ตาได้ด้วยการประคบเย็น การประคบเย็นบริเวณที่มีอาการอาจช่วยให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็วเพื่อบรรเทา

    แม้ว่าคุณจะซื้อผ้าเย็นประคบได้จากร้านค้า แต่คุณสามารถทำเองได้โดยใช้เทคนิคนี้ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน

    วิธีทำด้วยตัวเอง ได้แก่

    • ช้อนชาแช่เย็น

    • แตงกวาแช่เย็น

    • ผ้าเช็ดตัวเปียก

    • ถุงผักแช่แข็ง

    ก่อนประคบ ให้ห่อผ้าด้วยผ้าเนื้อนุ่มเพื่อปกป้องผิวของคุณไม่ให้เย็นเกินไป คุณเพียงแค่ประคบผ้าเป็นเวลาไม่กี่นาทีก็เห็นผลแล้ว

    3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ

    การขาดน้ำสามารถทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ ผู้คนทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่งดื่มน้ำไม่ตรงตามคำแนะนำในแต่ละวัน

    ดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ คำแนะนำมีตั้งแต่ 6 ถึง 12 แก้ว และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึง:

    • อายุ

    • ระดับการออกกำลังกาย

    • สภาพอากาศ

    • เพศ

    • การตั้งครรภ์

    4.เพิ่มครีมเรตินอลในกิจวัตรประจำวันของคุณ

    คุณอาจเคยใช้ครีมบำรุงรอบดวงตามาก่อน แต่การเน้นที่ส่วนผสมเฉพาะเป็นสิ่งสำคัญ ครีมเรตินอลถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวหนังต่างๆ รวมถึง:

    • สิว

    • โรคสะเก็ดเงิน

    • การแก่ก่อนวัย

    ส่วนผสมนี้เกี่ยวข้องกับวิตามินเอ และมีอยู่ในรูปแบบครีม เจล หรือของเหลว

    เมื่อทาลงบนผิวหนัง เรตินอลสามารถช่วยลดอาการขาดคอลลาเจนได้ ความเข้มข้นของเรตินอลอาจแตกต่างกันไปในผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ แต่ครีมที่เข้มข้นกว่านี้ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ผิวหนัง

    โดยทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทาเรตินอลบนผิวหนังวันละครั้ง ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากล้างหน้า

    หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงครีมเรตินอลและวิตามินเอเสริม

    5.ล้างหน้าก่อนนอน

    การปรับปรุงกิจวัตรประจำวันในตอนกลางคืนอาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงถุงใต้ตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างหน้าก่อนนอนทุกคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณแต่งหน้า

    หากคุณนอนหลับโดยที่มาสคาร่าหรือเครื่องสำอางอื่นๆ อยู่บนดวงตา คุณอาจ:

    • ทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคือง

    • เกิดอาการแพ้

    • เกิดการติดเชื้อที่ทำให้เกิดรอยคล้ำ อาการบวม หรืออาการอื่นๆ

    เมื่อคุณนอนหลับโดยที่ยังคงแต่งหน้าอยู่ ผิวของคุณสัมผัสกับอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าความเครียดออกซิเดชัน ซึ่งอาจทำให้ผิวของคุณแสดงสัญญาณของการแก่ก่อนวัยได้

    6.รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูงมากขึ้น

    เมื่อคุณอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่รองรับเปลือกตาจะอ่อนแอลง ซึ่งหมายความว่าผิวหนังของคุณอาจเริ่มหย่อนคล้อย ซึ่งรวมถึงไขมันที่โดยปกติจะอยู่รอบดวงตาด้วย

    การรับประทานวิตามินซีในปริมาณมากขึ้นจะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมกรดไฮยาลูโรนิกได้มากขึ้น กรดที่จำเป็นนี้พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย แต่ปริมาณที่สะสมจะลดลงตามอายุ

    อาหารที่มีวิตามินซีและกรดอะมิโนในปริมาณสูงยังช่วยในการผลิตคอลลาเจนได้ด้วยการเพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น

    แหล่งที่ดีของวิตามินซี ได้แก่:

    • มะนาว

    • พริกแดง

    • ผักคะน้า

    • กะหล่ำ

    • บรอกโคลี

    • สตรอว์เบอร์รี่

    7.กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงให้มากขึ้น

    โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กคือภาวะที่เลือดขาดเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เหล่านี้จะนำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดถุงใต้ตาและผิวซีดได้ อาการอื่นๆ ได้แก่:

    • อ่อนเพลียอย่างมาก

    • มือและเท้าเย็น

    • เล็บเปราะ

    แพทย์สามารถตรวจหาโรคโลหิตจางได้ด้วยการตรวจเลือด แพทย์อาจแนะนำให้กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงมากขึ้นหรือทานอาหารเสริมธาตุเหล็กเพื่อเพิ่มระดับธาตุเหล็กในร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง

    อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่:

    • เนื้อแดง เนื้อหมู ตับ เครื่องในสัตว์และสัตว์ปีก

    • อาหารทะเล

    • ถั่ว

    • ผักใบเขียว เช่น คะน้าและผักโขม

    • ลูกเกด แอปริคอต และผลไม้แห้งอื่นๆ

    • ถั่ว

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    Glap
    Paa super h
    Whole c
    K cal
    Prink

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #ถุงใต้ตา เกิดขึ้นได้เมื่อคุณอายุมากขึ้น แต่ถ้าคุณอายุยังน้อยหมายถึงคุณใช้ดวงตาแต่ไม่ได้ให้สารอาหารที่ดวงตาต้องการ ร่างกายเลยต้องสร้างน้ำมาหล่อเย็นดวงตา จากนั้นเนื้อเยื่อรอบดวงตาจะอ่อนแอลง รวมถึงกล้ามเนื้อบางส่วนที่รองรับเปลือกตาของคุณด้วย ไขมันที่ช่วยพยุงดวงตาสามารถเคลื่อนเข้าสู่เปลือกตาล่างทำให้เกิดอาการบวม ของเหลวอาจสะสมอยู่ใต้ดวงตาของคุณ ถุงน้ำใต้ตามักเป็นปัญหาด้านความงามและไม่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะร้ายแรง การเยียวยาที่บ้าน เช่น การประคบเย็นและการให้สารอาหารที่ถูกต้องแก่ดวงตา สามารถช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ของพวกเขาได้สำหรับอาการบวมใต้ตาที่เรื้อรังหรือน่ารำคาญ มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือทำให้ผลกระทบนี้แย่ลง ได้แก่: • ริ้วรอยก่อนวัย • การกักเก็บของเหลว โดยเฉพาะเมื่อตื่นหรือหลังอาหารรสเค็ม • นอนไม่หลับ • ภูมิแพ้ • สูบบุหรี่ • พันธุศาสตร์ — ถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้ในครอบครัว • สภาวะทางการแพทย์ เช่น กรดไหลย้อน โรคผิวหนังอักเสบ โรคไต และโรคตาของต่อมไทรอยด์ คุณอาจลดการเกิดถุงใต้ตาได้ในระยะยาวด้วยการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์บางอย่าง เช่น นอนหลับให้เพียงพอและดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.ใช้ถุงชา คุณสามารถใช้ถุงชาที่มีคาเฟอีนใต้ตาเพื่อช่วยลดรอยคล้ำและถุงใต้ตา คาเฟอีนในชาประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปที่ผิวหนังของคุณ นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่าปกป้องจากรังสียูวีและอาจชะลอการแก่ก่อนวัยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาเขียวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ตามการทบทวนงานวิจัยในปี 2020 วิธีลองทำ: • แช่ถุงชาที่ที่คุณดื่มแล้วไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 20 นาที • จากนั้นบีบของเหลวส่วนเกินออกแล้วนำไปประคบบริเวณใต้ตาเป็นเวลา15 ถึง 30 นาที 2. ใช้ผ้าเย็นประคบ คุณอาจพบการบรรเทาถุงใต้ตาได้ด้วยการประคบเย็น การประคบเย็นบริเวณที่มีอาการอาจช่วยให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็วเพื่อบรรเทา แม้ว่าคุณจะซื้อผ้าเย็นประคบได้จากร้านค้า แต่คุณสามารถทำเองได้โดยใช้เทคนิคนี้ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน วิธีทำด้วยตัวเอง ได้แก่ • ช้อนชาแช่เย็น • แตงกวาแช่เย็น • ผ้าเช็ดตัวเปียก • ถุงผักแช่แข็ง ก่อนประคบ ให้ห่อผ้าด้วยผ้าเนื้อนุ่มเพื่อปกป้องผิวของคุณไม่ให้เย็นเกินไป คุณเพียงแค่ประคบผ้าเป็นเวลาไม่กี่นาทีก็เห็นผลแล้ว 3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การขาดน้ำสามารถทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ ผู้คนทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่งดื่มน้ำไม่ตรงตามคำแนะนำในแต่ละวัน ดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ คำแนะนำมีตั้งแต่ 6 ถึง 12 แก้ว และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึง: • อายุ • ระดับการออกกำลังกาย • สภาพอากาศ • เพศ • การตั้งครรภ์ 4.เพิ่มครีมเรตินอลในกิจวัตรประจำวันของคุณ คุณอาจเคยใช้ครีมบำรุงรอบดวงตามาก่อน แต่การเน้นที่ส่วนผสมเฉพาะเป็นสิ่งสำคัญ ครีมเรตินอลถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวหนังต่างๆ รวมถึง: • สิว • โรคสะเก็ดเงิน • การแก่ก่อนวัย ส่วนผสมนี้เกี่ยวข้องกับวิตามินเอ และมีอยู่ในรูปแบบครีม เจล หรือของเหลว เมื่อทาลงบนผิวหนัง เรตินอลสามารถช่วยลดอาการขาดคอลลาเจนได้ ความเข้มข้นของเรตินอลอาจแตกต่างกันไปในผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ แต่ครีมที่เข้มข้นกว่านี้ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ผิวหนัง โดยทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทาเรตินอลบนผิวหนังวันละครั้ง ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากล้างหน้า หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงครีมเรตินอลและวิตามินเอเสริม 5.ล้างหน้าก่อนนอน การปรับปรุงกิจวัตรประจำวันในตอนกลางคืนอาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงถุงใต้ตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างหน้าก่อนนอนทุกคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณแต่งหน้า หากคุณนอนหลับโดยที่มาสคาร่าหรือเครื่องสำอางอื่นๆ อยู่บนดวงตา คุณอาจ: • ทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคือง • เกิดอาการแพ้ • เกิดการติดเชื้อที่ทำให้เกิดรอยคล้ำ อาการบวม หรืออาการอื่นๆ เมื่อคุณนอนหลับโดยที่ยังคงแต่งหน้าอยู่ ผิวของคุณสัมผัสกับอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าความเครียดออกซิเดชัน ซึ่งอาจทำให้ผิวของคุณแสดงสัญญาณของการแก่ก่อนวัยได้ 6.รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูงมากขึ้น เมื่อคุณอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่รองรับเปลือกตาจะอ่อนแอลง ซึ่งหมายความว่าผิวหนังของคุณอาจเริ่มหย่อนคล้อย ซึ่งรวมถึงไขมันที่โดยปกติจะอยู่รอบดวงตาด้วย การรับประทานวิตามินซีในปริมาณมากขึ้นจะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมกรดไฮยาลูโรนิกได้มากขึ้น กรดที่จำเป็นนี้พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย แต่ปริมาณที่สะสมจะลดลงตามอายุ อาหารที่มีวิตามินซีและกรดอะมิโนในปริมาณสูงยังช่วยในการผลิตคอลลาเจนได้ด้วยการเพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น แหล่งที่ดีของวิตามินซี ได้แก่: • มะนาว • พริกแดง • ผักคะน้า • กะหล่ำ • บรอกโคลี • สตรอว์เบอร์รี่ 7.กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงให้มากขึ้น โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กคือภาวะที่เลือดขาดเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เหล่านี้จะนำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดถุงใต้ตาและผิวซีดได้ อาการอื่นๆ ได้แก่: • อ่อนเพลียอย่างมาก • มือและเท้าเย็น • เล็บเปราะ แพทย์สามารถตรวจหาโรคโลหิตจางได้ด้วยการตรวจเลือด แพทย์อาจแนะนำให้กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงมากขึ้นหรือทานอาหารเสริมธาตุเหล็กเพื่อเพิ่มระดับธาตุเหล็กในร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่: • เนื้อแดง เนื้อหมู ตับ เครื่องในสัตว์และสัตว์ปีก • อาหารทะเล • ถั่ว • ผักใบเขียว เช่น คะน้าและผักโขม • ลูกเกด แอปริคอต และผลไม้แห้งอื่นๆ • ถั่ว ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ Glap Paa super h Whole c K cal Prink ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 575 Views 0 Reviews
  • แตงกวา นะ แตงกวา 555
    แตงกวา นะ แตงกวา 555
    Like
    3
    2 Comments 0 Shares 308 Views 32 0 Reviews
  • ขอให้อาจารย์เล่านิทานบ้าง
    เรื่องของแตงกวานะ เรื่องของ "แตงกวา"
    แต่ยังไม่จบ จะมาเล่าต่ออังคารหน้า
    ขอให้อาจารย์เล่านิทานบ้าง เรื่องของแตงกวานะ เรื่องของ "แตงกวา" แต่ยังไม่จบ จะมาเล่าต่ออังคารหน้า
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 198 Views 26 0 Reviews
  • #อาหารที่ควรอยู่ในลำไส้ ของคุณทุกวันและทุกมื้อได้ยิ่งดีทุกปัญหาด้านสุขภาพของท่านจะคลี่คลายโดยเร็วอย่างเห็นได้ชัดและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ ....................................................................อาหารที่เป็น พรีไบโอติก หมายความว่า อาหารซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้และไม่ถูกดูดซึมได้ในระบบทางเดินอาหาร ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กแต่จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียบริเวณในลำไส้ใหญ่ โดยจะกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotic) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จัดเป็นอาหารในกลุ่ม functional food-หัวหอมสด (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุกกินได้) -กระเทียม (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุก กินได้)- มะม่วงดิบ (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร )- กล้วยดิบ (ต้ม ย่าง ไม่มีสีเหลืองปน)- มันสำปะหลัง (สุก นึ่ง ต้ม ย่าง เผา)- กระเจี๊ยบเขียว (สุก)- มะละกอดิบ (ส้มตำ ผัดกุ้ง ผัดหมู ผัดไข่ ว่าไป)- ผักชีฝรั่ง- หน่อไม่ฝรั่ง- ซุปกระดูก................................................................................โพรไบโอติก (probiotic) คือจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมากและเป็นต้นกำเนิดของสุขภาพที่ดีในทุกส่วนของร่างกาย................................................................................-โยเกิร์ต -กิมจิ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)แตงกวาดองทั้งลูก (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)กะหล่ำปลีดอง (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)นัตโต๊ะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)มิโซะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร).............................................................................และทั้งหมดนี้ได้โพสต์ประโยชน์รวมถึงที่มาไปแล้วแต่ไม่ค่อยอ่านกันหรืออ่านแล้วจำไม่ได้และถามกันมากจนขี้เกียจตอบ ดังนั้น... กรุณา แปะ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง. สวัสดี Cr. Santi Manadee
    #อาหารที่ควรอยู่ในลำไส้ ของคุณทุกวันและทุกมื้อได้ยิ่งดีทุกปัญหาด้านสุขภาพของท่านจะคลี่คลายโดยเร็วอย่างเห็นได้ชัดและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ ....................................................................อาหารที่เป็น พรีไบโอติก หมายความว่า อาหารซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้และไม่ถูกดูดซึมได้ในระบบทางเดินอาหาร ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กแต่จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียบริเวณในลำไส้ใหญ่ โดยจะกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotic) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จัดเป็นอาหารในกลุ่ม functional food-หัวหอมสด (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุกกินได้) -กระเทียม (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุก กินได้)- มะม่วงดิบ (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร )- กล้วยดิบ (ต้ม ย่าง ไม่มีสีเหลืองปน)- มันสำปะหลัง (สุก นึ่ง ต้ม ย่าง เผา)- กระเจี๊ยบเขียว (สุก)- มะละกอดิบ (ส้มตำ ผัดกุ้ง ผัดหมู ผัดไข่ ว่าไป)- ผักชีฝรั่ง- หน่อไม่ฝรั่ง- ซุปกระดูก................................................................................โพรไบโอติก (probiotic) คือจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมากและเป็นต้นกำเนิดของสุขภาพที่ดีในทุกส่วนของร่างกาย................................................................................-โยเกิร์ต -กิมจิ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)แตงกวาดองทั้งลูก (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)กะหล่ำปลีดอง (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)นัตโต๊ะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)มิโซะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร).............................................................................และทั้งหมดนี้ได้โพสต์ประโยชน์รวมถึงที่มาไปแล้วแต่ไม่ค่อยอ่านกันหรืออ่านแล้วจำไม่ได้และถามกันมากจนขี้เกียจตอบ ดังนั้น... กรุณา แปะ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง. สวัสดี Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 452 Views 0 Reviews
  • ชุมพร - เบี้ยวนัดครั้งที่ 3 สาวบีเอ็มชน 3 แม่ลูกดับ หลังเกิดเหตุหายไป 8 ชั่วโมง ก่อนมอบตัว ผลตรวจเลือดหมอไม่รับรองผล แต่ผู้กำกับฯยันยังมีผลจากการเป่า คำนวณย้อนหลังได้ ด้านพ่อเหยื่อ ยันเจรจาอีก ฟ้องตามกฎหมาย

    จากกรณี นางสาวจิรันธนิน แตงขาว อายุ 30 ปี ขับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW ป้ายประมูล หมายเลขทะเบียน กจ 44 นครศรีธรรมราช มาด้วยความเร็สูง 207 กม./ชม. พุ่งชนท้ายจักรยานยนต์ของ 3 แม่ลูก อย่างจัง ทำให้ นางเย็นจิตร รัตนภา อายุ 52 ปี นายกฤตเมธ รัตนภา อาบุ 16 ปี นักเรียชั้น ม.4 และ ด.ญ.บุณยานุช รัตนาภา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ได้เสียชีวิต ขณะแม่ขับไปรับกลับจากเรียนพิเศษ ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านละแวกเกิดเหตุช่วยหาแมวจนเจอ ก่อนจะทิ้งรถเก๋งคันหรู อุ้มพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ทางญาติของผู้เสียชีวิต ได้เก็บศพ ทั้ง 3 แม่ลูกไว้ที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จนกว่าคดีจะได้รับความเป็นธรรม

    ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2567 นายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี ผู้สูญเสียลูกและเมีย 3 ศพ พร้อมกับญาติ ได้เดินทางมาที่จัดเก็บศพลูกและเมียทั้ง 3 ศพ ณ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ โดยซื้อข้าวมันไก่ร้านที่เมียลูกชอบทานมาให้ พร้อมจุดธูปบอกกล่าวถึงการในครั้งนี้ ว่า ได้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ได้ทำหนังสือถึงน.ส.จิรธนิน แตงกวา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 67 ให้มาประนีประนอมข้อพิพาท เรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย จากการกระทำความผิดทางอาญา โดยระบุวันนัดหมาย เวลา 13.30 น.ของวันที่ 25 ธันวาคม 67 ณ สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000123852

    #MGROnline #คนขับรถ #BMW #ชน3แม่ลูกดับ
    ชุมพร - เบี้ยวนัดครั้งที่ 3 สาวบีเอ็มชน 3 แม่ลูกดับ หลังเกิดเหตุหายไป 8 ชั่วโมง ก่อนมอบตัว ผลตรวจเลือดหมอไม่รับรองผล แต่ผู้กำกับฯยันยังมีผลจากการเป่า คำนวณย้อนหลังได้ ด้านพ่อเหยื่อ ยันเจรจาอีก ฟ้องตามกฎหมาย • จากกรณี นางสาวจิรันธนิน แตงขาว อายุ 30 ปี ขับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW ป้ายประมูล หมายเลขทะเบียน กจ 44 นครศรีธรรมราช มาด้วยความเร็สูง 207 กม./ชม. พุ่งชนท้ายจักรยานยนต์ของ 3 แม่ลูก อย่างจัง ทำให้ นางเย็นจิตร รัตนภา อายุ 52 ปี นายกฤตเมธ รัตนภา อาบุ 16 ปี นักเรียชั้น ม.4 และ ด.ญ.บุณยานุช รัตนาภา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ได้เสียชีวิต ขณะแม่ขับไปรับกลับจากเรียนพิเศษ ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านละแวกเกิดเหตุช่วยหาแมวจนเจอ ก่อนจะทิ้งรถเก๋งคันหรู อุ้มพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ทางญาติของผู้เสียชีวิต ได้เก็บศพ ทั้ง 3 แม่ลูกไว้ที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จนกว่าคดีจะได้รับความเป็นธรรม • ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2567 นายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี ผู้สูญเสียลูกและเมีย 3 ศพ พร้อมกับญาติ ได้เดินทางมาที่จัดเก็บศพลูกและเมียทั้ง 3 ศพ ณ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ โดยซื้อข้าวมันไก่ร้านที่เมียลูกชอบทานมาให้ พร้อมจุดธูปบอกกล่าวถึงการในครั้งนี้ ว่า ได้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ได้ทำหนังสือถึงน.ส.จิรธนิน แตงกวา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 67 ให้มาประนีประนอมข้อพิพาท เรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย จากการกระทำความผิดทางอาญา โดยระบุวันนัดหมาย เวลา 13.30 น.ของวันที่ 25 ธันวาคม 67 ณ สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000123852 • #MGROnline #คนขับรถ #BMW #ชน3แม่ลูกดับ
    0 Comments 0 Shares 505 Views 0 Reviews
  • 🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    2 Comments 0 Shares 1125 Views 0 Reviews
  • 🌿อากาศเริ่มหนาว #โรคใบจุดAlternaria (โรคตากบ),(ใบจุดตากบ) - ภัยเงียบในพืชตระกูลแตงกำลังระบาด!! 🚨🔍 #รู้ทันโรคใบจุด Alternaria Leaf Blight• สาเหตุ: เชื้อรา Alternaria cucumerina• ระบาดในสภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกบ่อย• พบในเมล่อน แตงโม แตงกวา🍈 #สังเกตอาการได้ที่:1. อาการที่ใบ:• จุดสีน้ำตาล-เทา ขนาด 1-3 มม.• ขอบแผลเป็นวงแหวนชั้นๆ• ใบร่วงก่อนกำหนด ทำให้พืชอ่อนแอ2. อาการที่ลำต้น:• จุดยาวสีน้ำตาลดำ• ลำต้นเสื่อมสภาพ3. อาการที่ผล:• จุดสีน้ำตาล-ดำที่ผิว• ผลเน่าเสีย ขายไม่ได้ราคา🛡️ #วิธีป้องกันและรักษา:1. จัดการโรงเรือน:• จัดแถวการปลูกให้โปร่งระบายอากาศ• ใช้ระบบน้ำหยดแทนการรดน้ำ• ควบคุมความชื้น ให้น้ำอย่างเหมาะสม2. เลือกวัสดุปลูกดี:• ใช้ขุยมะพร้าว+มะพร้าวสับ• ระบายน้ำดี ลดความเสี่ยง3. ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกัน:• คลุกวัสดุปลูก ก่อนการปลูก• ราดโคนต้นสม่ำเสมอ4. เมื่อพบโรค:• ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคทิ้ง• ฉีดพ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5-7 วัน💚 #ไตรโคบิวพลัส - นวัตกรรมชีวภัณฑ์:• มีเชื้อราไตรโคเดอร์มา• ป้องกันและควบคุมโรคได้ดี• ปลอดสารเคมี 100%🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! (ถึง 21 ธ.ค.)• 500 กรัม เหลือ 380 บาท (จาก 430)• 50 กรัม 3 ซอง 210 บาท📱 สั่งซื้อ/สอบถาม:• Inbox ได้เลย• โทร: 093-696-2691#TricobioPlus #เกษตรอินทรีย์ #เมล่อน #ปลูกผักปลอดสาร #โรคพืช @ผู้ติดตาม @ผู้แสดงความคิดเห็น @แฟนตัวยง โปรโมชั่นพิเศษ! ขนาด 500 กรัม เหลือเพียง 380 บาท ขนาด 50 กรัม (3 ซอง) ราคา 210 บาท - สั่งซื้อได้ที่: Inbox หรือโทร 0936962691 Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/
    🌿อากาศเริ่มหนาว #โรคใบจุดAlternaria (โรคตากบ),(ใบจุดตากบ) - ภัยเงียบในพืชตระกูลแตงกำลังระบาด!! 🚨🔍 #รู้ทันโรคใบจุด Alternaria Leaf Blight• สาเหตุ: เชื้อรา Alternaria cucumerina• ระบาดในสภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกบ่อย• พบในเมล่อน แตงโม แตงกวา🍈 #สังเกตอาการได้ที่:1. อาการที่ใบ:• จุดสีน้ำตาล-เทา ขนาด 1-3 มม.• ขอบแผลเป็นวงแหวนชั้นๆ• ใบร่วงก่อนกำหนด ทำให้พืชอ่อนแอ2. อาการที่ลำต้น:• จุดยาวสีน้ำตาลดำ• ลำต้นเสื่อมสภาพ3. อาการที่ผล:• จุดสีน้ำตาล-ดำที่ผิว• ผลเน่าเสีย ขายไม่ได้ราคา🛡️ #วิธีป้องกันและรักษา:1. จัดการโรงเรือน:• จัดแถวการปลูกให้โปร่งระบายอากาศ• ใช้ระบบน้ำหยดแทนการรดน้ำ• ควบคุมความชื้น ให้น้ำอย่างเหมาะสม2. เลือกวัสดุปลูกดี:• ใช้ขุยมะพร้าว+มะพร้าวสับ• ระบายน้ำดี ลดความเสี่ยง3. ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกัน:• คลุกวัสดุปลูก ก่อนการปลูก• ราดโคนต้นสม่ำเสมอ4. เมื่อพบโรค:• ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคทิ้ง• ฉีดพ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5-7 วัน💚 #ไตรโคบิวพลัส - นวัตกรรมชีวภัณฑ์:• มีเชื้อราไตรโคเดอร์มา• ป้องกันและควบคุมโรคได้ดี• ปลอดสารเคมี 100%🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! (ถึง 21 ธ.ค.)• 500 กรัม เหลือ 380 บาท (จาก 430)• 50 กรัม 3 ซอง 210 บาท📱 สั่งซื้อ/สอบถาม:• Inbox ได้เลย• โทร: 093-696-2691#TricobioPlus #เกษตรอินทรีย์ #เมล่อน #ปลูกผักปลอดสาร #โรคพืช @ผู้ติดตาม @ผู้แสดงความคิดเห็น @แฟนตัวยง โปรโมชั่นพิเศษ! ขนาด 500 กรัม เหลือเพียง 380 บาท ขนาด 50 กรัม (3 ซอง) ราคา 210 บาท - สั่งซื้อได้ที่: Inbox หรือโทร 0936962691 Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/
    0 Comments 0 Shares 773 Views 0 Reviews
  • ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 842 Views 0 Reviews
  • การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน
    ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น
    ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น
    ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น
    ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น
    ----
    สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
    Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs
    Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583
    #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม) ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน) ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม) ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น ---- สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่… Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583 #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1327 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=--wDC4iYbkU
    บทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตลาดสด

    The conversations from the clip :

    Customer: Hi there! Could you help me pick some fresh vegetables?
    Vendor: Of course! What do you need?
    Customer: I need cucumbers, tomatoes, and some carrots.
    Vendor: Here are some fresh cucumbers. How many do you want?
    Customer: How much are the cucumbers per kilogram?
    Vendor: They’re 40 baht per kilogram.
    Customer: Great, I’ll take 1 kilogram. What about the tomatoes?
    Vendor: They’re 50 baht per kilogram. Would you like to try some?
    Customer: Yes, please. I’ll take half a kilogram.
    Vendor: That will be 25 baht for the tomatoes. Anything else?
    Customer: Yes, how much are the carrots?
    Vendor: They’re 40 baht for a bundle.
    Customer: Could you give me a discount if I buy everything?
    Vendor: Sure! I can give you a total of 100 baht for all.
    Customer: That sounds good! Can I pay with a QR code?
    Vendor: Yes, here’s the QR code.
    Customer: Scanning it now. Thank you for your help!
    Vendor: You’re welcome! Enjoy your shopping!
    Customer: I will! See you next time!

    ลูกค้า: สวัสดีครับ! คุณช่วยผมเลือกผักสดหน่อยได้ไหมครับ?
    แม่ค้า: แน่นอนค่ะ! คุณต้องการอะไรบ้างคะ?
    ลูกค้า: ผมต้องการแตงกวา มะเขือเทศ และแครอทครับ
    แม่ค้า: นี่คือแตงกวาสด ๆ ค่ะ ต้องการกี่กิโลกรัมคะ
    ลูกค้า: แตงกวาราคากิโลกรัมละเท่าไหร่ครับ?
    แม่ค้า: กิโลกรัมละ 40 บาทค่ะ
    ลูกค้า: ดีเลยครับ ฉันจะเอา 1 กิโลกรัม แล้วมะเขือเทศล่ะ?
    แม่ค้า: มะเขือเทศราคากิโลกรัมละ 50 บาทค่ะ คุณอยากลองชิมไหมคะ?
    ลูกค้า: ใช่ครับ ขอ half กิโลกรัมครับ
    แม่ค้า: ราคา 25 บาทสำหรับมะเขือเทศค่ะ ยังมีอะไรอีกไหมคะ?
    ลูกค้า: ใช่ครับ แครอทราคามากแค่ไหนครับ?
    แม่ค้า: แครอทราคา 40 บาทสำหรับหนึ่งกำค่ะ
    ลูกค้า: คุณช่วยให้ส่วนลดหน่อยได้ไหมถ้าผมซื้อทั้งหมด?
    แม่ค้า: แน่นอนค่ะ ฉันให้ราคา 100 บาทสำหรับทั้งหมดค่ะ
    ลูกค้า: ฟังดูดีครับ! ผมสามารถจ่ายด้วย QR code ได้ไหมครับ?
    แม่ค้า: ได้ค่ะ นี่คือ QR code ครับ
    ลูกค้า: กำลังสแกนอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ!
    แม่ค้า: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการช็อปปิ้งนะคะ!
    ลูกค้า: ผมจะสนุกครับ! แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Cucumber (คิว-คัม-เบอะ) n. แปลว่า แตงกวา
    Tomato (ทู-ม๊า-โต้) n. แปลว่า มะเขือเทศ
    Carrot (แค-ร็อท) n. แปลว่า แครอท
    Fresh (เฟรช) adj. แปลว่า สด
    Vegetable (เวจ-เจ-ทะ-เบิล) n. แปลว่า ผัก
    Bundle (บัน-เดิล) n. แปลว่า ห่อ, ช่อ
    Discount (ดิส-เคานท์) n. แปลว่า ส่วนลด
    Total (โท-ทัล) n. แปลว่า ยอดรวม
    Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา
    Pay (เพย์) v. แปลว่า จ่ายเงิน
    QR code (คิว-อาร์ โค้ด) n. แปลว่า โค้ด QR
    Scanning (สแกน-นิ่ง) n. แปลว่า การสแกน
    Enjoy (เอน-จอย) v. แปลว่า สนุกสนาน, เพลิดเพลิน
    Vendor (เวน-เดอร์) n. แปลว่า แม่ค้า, ผู้ขาย
    Help (เฮลป์) v. แปลว่า ช่วยเหลือ
    https://www.youtube.com/watch?v=--wDC4iYbkU บทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตลาดสด The conversations from the clip : Customer: Hi there! Could you help me pick some fresh vegetables? Vendor: Of course! What do you need? Customer: I need cucumbers, tomatoes, and some carrots. Vendor: Here are some fresh cucumbers. How many do you want? Customer: How much are the cucumbers per kilogram? Vendor: They’re 40 baht per kilogram. Customer: Great, I’ll take 1 kilogram. What about the tomatoes? Vendor: They’re 50 baht per kilogram. Would you like to try some? Customer: Yes, please. I’ll take half a kilogram. Vendor: That will be 25 baht for the tomatoes. Anything else? Customer: Yes, how much are the carrots? Vendor: They’re 40 baht for a bundle. Customer: Could you give me a discount if I buy everything? Vendor: Sure! I can give you a total of 100 baht for all. Customer: That sounds good! Can I pay with a QR code? Vendor: Yes, here’s the QR code. Customer: Scanning it now. Thank you for your help! Vendor: You’re welcome! Enjoy your shopping! Customer: I will! See you next time! ลูกค้า: สวัสดีครับ! คุณช่วยผมเลือกผักสดหน่อยได้ไหมครับ? แม่ค้า: แน่นอนค่ะ! คุณต้องการอะไรบ้างคะ? ลูกค้า: ผมต้องการแตงกวา มะเขือเทศ และแครอทครับ แม่ค้า: นี่คือแตงกวาสด ๆ ค่ะ ต้องการกี่กิโลกรัมคะ ลูกค้า: แตงกวาราคากิโลกรัมละเท่าไหร่ครับ? แม่ค้า: กิโลกรัมละ 40 บาทค่ะ ลูกค้า: ดีเลยครับ ฉันจะเอา 1 กิโลกรัม แล้วมะเขือเทศล่ะ? แม่ค้า: มะเขือเทศราคากิโลกรัมละ 50 บาทค่ะ คุณอยากลองชิมไหมคะ? ลูกค้า: ใช่ครับ ขอ half กิโลกรัมครับ แม่ค้า: ราคา 25 บาทสำหรับมะเขือเทศค่ะ ยังมีอะไรอีกไหมคะ? ลูกค้า: ใช่ครับ แครอทราคามากแค่ไหนครับ? แม่ค้า: แครอทราคา 40 บาทสำหรับหนึ่งกำค่ะ ลูกค้า: คุณช่วยให้ส่วนลดหน่อยได้ไหมถ้าผมซื้อทั้งหมด? แม่ค้า: แน่นอนค่ะ ฉันให้ราคา 100 บาทสำหรับทั้งหมดค่ะ ลูกค้า: ฟังดูดีครับ! ผมสามารถจ่ายด้วย QR code ได้ไหมครับ? แม่ค้า: ได้ค่ะ นี่คือ QR code ครับ ลูกค้า: กำลังสแกนอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ! แม่ค้า: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการช็อปปิ้งนะคะ! ลูกค้า: ผมจะสนุกครับ! แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Cucumber (คิว-คัม-เบอะ) n. แปลว่า แตงกวา Tomato (ทู-ม๊า-โต้) n. แปลว่า มะเขือเทศ Carrot (แค-ร็อท) n. แปลว่า แครอท Fresh (เฟรช) adj. แปลว่า สด Vegetable (เวจ-เจ-ทะ-เบิล) n. แปลว่า ผัก Bundle (บัน-เดิล) n. แปลว่า ห่อ, ช่อ Discount (ดิส-เคานท์) n. แปลว่า ส่วนลด Total (โท-ทัล) n. แปลว่า ยอดรวม Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา Pay (เพย์) v. แปลว่า จ่ายเงิน QR code (คิว-อาร์ โค้ด) n. แปลว่า โค้ด QR Scanning (สแกน-นิ่ง) n. แปลว่า การสแกน Enjoy (เอน-จอย) v. แปลว่า สนุกสนาน, เพลิดเพลิน Vendor (เวน-เดอร์) n. แปลว่า แม่ค้า, ผู้ขาย Help (เฮลป์) v. แปลว่า ช่วยเหลือ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 795 Views 0 Reviews
  • 🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดตะวันเย็น (3 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ
    ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ CA,USA
    💖เนื่องในโอกาสครบรอบคล้ายวันเกิดของคุณแม่ทองม้วน ลากะสงค์💖
    👉 ข้าว น้ำพริกปลาร้า แตงกวา ปลาทอด 3 ชุด
    👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน
    🙏 ขอให้คุณแม่ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์นะครับ
    🙏🙏🙏ขอเชิญทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ
    #padthaiinter
    #รับถวายสังฆทานออนไลน์
    🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดตะวันเย็น (3 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ CA,USA 💖เนื่องในโอกาสครบรอบคล้ายวันเกิดของคุณแม่ทองม้วน ลากะสงค์💖 👉 ข้าว น้ำพริกปลาร้า แตงกวา ปลาทอด 3 ชุด 👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน 🙏 ขอให้คุณแม่ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์นะครับ 🙏🙏🙏ขอเชิญทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ #padthaiinter #รับถวายสังฆทานออนไลน์
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 427 Views 18 0 Reviews
  • มื้อเช้าคือมื้อสำคัญที่สุดของวัน ขอเชิญชวนทุกคนกินเจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กัน

    ข้าวอบธัญพืช ซุปใสใส่แครอต และเครื่องเคียงแตงกวาดองกับสับปะรด

    #มื้อเช้า
    #อาหารเจ
    #อาหารชุด
    #กินเจ
    #เทศกาลเจ
    #thaitimes

    มื้อเช้าคือมื้อสำคัญที่สุดของวัน ขอเชิญชวนทุกคนกินเจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กัน ข้าวอบธัญพืช ซุปใสใส่แครอต และเครื่องเคียงแตงกวาดองกับสับปะรด #มื้อเช้า #อาหารเจ #อาหารชุด #กินเจ #เทศกาลเจ #thaitimes
    Like
    Yay
    2
    0 Comments 0 Shares 977 Views 0 Reviews
  • #ช่วยน้ำท่วม
    #อาหารแจกน้ำท่วม
    #แตงกวา
    #อาหารบูด
    #thaitimes

    ช่วงนี้มีหลายคน หลายหน่วยงาน ทำอาหารไปแจกให้ชาวบ้านที่ประสบกับภัยน้ำท่วมตามที่ต่างๆ อยากฝากถึงเรื่องนี้ไว้พิจารณาด้วยเถิด แม้นข้าพเจ้าจะเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงหน้าร้อน แต่ก็ใช้ได้กับเหตุการณ์ในขณะนี้เช่นกันนั่นคือ

    แตงกวา คือผักที่มักถูกใส่ในเมนูอาหารจานเดียวจำนวนมาก โดยเฉพาะในข้าวผัด หรือตระกูลข้าวหน้าต่างๆ แต่เนื่องจากเมืองไทยอากาศร้อน โดยเฉพาะช่วงนี้ จึงมักทำให้อาหารที่บรรจุกล่อง หรือถุง เปลี่ยนสภาพง่าย ด้วยความที่แตงกวามีน้ำอยู่เยอะนั่นเอง

    ถ้าต้องการให้อาหารที่ทำไม่เสียเร็ว จึงไม่ควรเอาแตงกวาวางโปะบนข้าว ยิ่งอบในกล่องในถุงที่รัดยาง รอลูกค้ามาซื้อตามร้านอาหาร ต้องพิจารณาดีๆ ไม่ควรซื้อหากทราบว่าทางร้านใส่ถุงไว้แต่เช้า แต่เลยเที่ยงไปแล้วยังขายไม่หมด เพราะโอกาสที่ข้าวจะบูดเป็นไปได้สูง ถ้าร้านขายอาหารร้านไหนวางแตงกวาโปะมาบนข้าวที่บรรจุกล่องหรือในถุง ที่ไม่ถึงมือคนกินภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง สามารถสันนิษฐานไว้ว่าคนทำไม่ใช่มืออาชีพผู้มีความใส่ใจเพียงพอ
    #ช่วยน้ำท่วม #อาหารแจกน้ำท่วม #แตงกวา #อาหารบูด #thaitimes ช่วงนี้มีหลายคน หลายหน่วยงาน ทำอาหารไปแจกให้ชาวบ้านที่ประสบกับภัยน้ำท่วมตามที่ต่างๆ อยากฝากถึงเรื่องนี้ไว้พิจารณาด้วยเถิด แม้นข้าพเจ้าจะเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงหน้าร้อน แต่ก็ใช้ได้กับเหตุการณ์ในขณะนี้เช่นกันนั่นคือ แตงกวา คือผักที่มักถูกใส่ในเมนูอาหารจานเดียวจำนวนมาก โดยเฉพาะในข้าวผัด หรือตระกูลข้าวหน้าต่างๆ แต่เนื่องจากเมืองไทยอากาศร้อน โดยเฉพาะช่วงนี้ จึงมักทำให้อาหารที่บรรจุกล่อง หรือถุง เปลี่ยนสภาพง่าย ด้วยความที่แตงกวามีน้ำอยู่เยอะนั่นเอง ถ้าต้องการให้อาหารที่ทำไม่เสียเร็ว จึงไม่ควรเอาแตงกวาวางโปะบนข้าว ยิ่งอบในกล่องในถุงที่รัดยาง รอลูกค้ามาซื้อตามร้านอาหาร ต้องพิจารณาดีๆ ไม่ควรซื้อหากทราบว่าทางร้านใส่ถุงไว้แต่เช้า แต่เลยเที่ยงไปแล้วยังขายไม่หมด เพราะโอกาสที่ข้าวจะบูดเป็นไปได้สูง ถ้าร้านขายอาหารร้านไหนวางแตงกวาโปะมาบนข้าวที่บรรจุกล่องหรือในถุง ที่ไม่ถึงมือคนกินภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง สามารถสันนิษฐานไว้ว่าคนทำไม่ใช่มืออาชีพผู้มีความใส่ใจเพียงพอ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 661 Views 0 Reviews
  • งานวันส้มโอขาวแตงกวา และของดีศรีท้องถิ่นจังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 40 ณ บริเวณเขื่อนเรียงหิน หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท ระหว่างวันที่ 6 - 16 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานวันส้มโอขาวแตงกวา และของดีศรีท้องถิ่นจังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 40 ณ บริเวณเขื่อนเรียงหิน หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท ระหว่างวันที่ 6 - 16 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews