• ธรรมนัสลั่น! 'กล้าธรรม' พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจกวาด สส. กว่า 70 ชีวิตทั่วประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/20217/
    .
    #พรรคกล้าธรรม #ธรรมนัส #กล้าทำเพื่อประชาชน #เลือกตั้งครั้งหน้า #การเมืองไทย #DARETODO #แกนนำรัฐบาล #เกษตรกร #ฐานราก
    ธรรมนัสลั่น! 'กล้าธรรม' พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจกวาด สส. กว่า 70 ชีวิตทั่วประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/20217/ . #พรรคกล้าธรรม #ธรรมนัส #กล้าทำเพื่อประชาชน #เลือกตั้งครั้งหน้า #การเมืองไทย #DARETODO #แกนนำรัฐบาล #เกษตรกร #ฐานราก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68

    “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า

    เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ

    โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด

    นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”

    จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น”

    ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป

    เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น

    จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ

    พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน

    เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย

    ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“

    พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ

    นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย

    พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time

    “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว

    พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน

    “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว

    ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม

    นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น

    นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่

    หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา

    สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น

    นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร

    ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก”

    ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน

    หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“

    สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน

    อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป

    ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ
    ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง

    ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก

    เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก

    เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้

    เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ

    เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง

    เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน

    เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว

    เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน

    เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด

    ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน

    ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า

    “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return”

    เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า

    เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด

    ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68 “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย” จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น” ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“ พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่ หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก” ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“ สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้ เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return” เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปชป.” อยู่ต่อส่ง “เฉลิมชัย” เจรจา “พรรคแกนนำรัฐบาล” หาทางออกประเทศ ปัดต่อรองเก้าอี้
    https://www.thai-tai.tv/news/19576/
    “ปชป.” อยู่ต่อส่ง “เฉลิมชัย” เจรจา “พรรคแกนนำรัฐบาล” หาทางออกประเทศ ปัดต่อรองเก้าอี้ https://www.thai-tai.tv/news/19576/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1274 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28/12/67

    นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

    แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว

    เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

    นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล

    “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว

    และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา

    อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่

    “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว

    นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้

    “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว

    และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก

    นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล

    ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ

    “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ

    วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว

    #TheStructure
    #TheStructureNews
    #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    28/12/67 นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่ “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้ “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว #TheStructure #TheStructureNews #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 907 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan

    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้”

    กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย

    แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ

    อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง

    เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน

    และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร

    ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม

    แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว

    มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา

    ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย

    และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้

    วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้

    แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง

    อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม

    วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง

    วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น


    ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483

    #Thaitimes
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้” กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้ วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1959 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีทุกคน

    หากเราไม่มีนักการเมืองเลวอย่างนักโทษชายทักสิน ผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของนางยกหญิงและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันนี้

    คนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีทุกคน หากเราไม่มีนักการเมืองเลวอย่างนักโทษชายทักสิน ผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของนางยกหญิงและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่อยากพูดถึงคนเนรคุณแผ่นดิน แต่ก็จำเป็นต้องพูด เพราะจิตใจของมันไม่ใช่คน มันเป็นสัตว์นรก มีแต่ความโลภ พยาบาท และมีอวิชชาผูกไว้จนดิ้นไม่หลุด
    เมื่อมีอำนาจเป็นเจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาล จึงเป็นอันตรายกับประเทศอย่างยิ่ง
    ไม่อยากพูดถึงคนเนรคุณแผ่นดิน แต่ก็จำเป็นต้องพูด เพราะจิตใจของมันไม่ใช่คน มันเป็นสัตว์นรก มีแต่ความโลภ พยาบาท และมีอวิชชาผูกไว้จนดิ้นไม่หลุด เมื่อมีอำนาจเป็นเจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาล จึงเป็นอันตรายกับประเทศอย่างยิ่ง
    มโนกรรมคนเหนือกฏหมายอย่างนักโทษชายทักษิณ
    ผู้ยึดมั่นในฉันทะ ราคะ นันทิ และตัณหา
    ด้วยมีมิจฉาทิฏฐิ มีจิตพยาบาท และมีความโลภในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติและประชาชน ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้
    นั้นเป็นกรรมหนักมาก

    เขากำลังเร็งกรรมไปนรกเร็วขึ้นทุกวินาที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ต.ค.รู้แน่...จุดจบ 'พรรคแกนนำรัฐบาล' (08/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #พปชร.เขย่ารัฐบาล
    10 ต.ค.รู้แน่...จุดจบ 'พรรคแกนนำรัฐบาล' (08/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #พปชร.เขย่ารัฐบาล
    Like
    Haha
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1465 มุมมอง 640 0 รีวิว
  • จับกุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัยชาวอเมริกัน ที่เป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯหรือNavy Seal และซีไอเอของสเปนกับเช็กเข้ามาวางแผนจะลอบสังหารประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา

    15 กันยายน2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า ดีโอสดาโด กาเบญโญ รัฐมนตรีมหาดไทยของเวเนซุเอลา แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ทางการจับกุมชาวอเมริกัน 3 คน ชาวสเปน 2 คน และชาวสาธารณรัฐเช็ก 1 คนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (14 ก.ย.) ที่เดินทางเข้าประเทศหวังลอบสังหารประธานาธิบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่นำโดยสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และสังหารแกนนำรัฐบาลหลายคน รัฐมนตรีมหาดไทยกาเบญโญได้เปิดเผยภาพปืนยาวหลายกระบอกที่อ้างว่ายึดได้จากผู้วางแผนบางคน และระบุว่าหนึ่งในชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือNavy Seal ที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน อิรักและโคลอมเบีย

    ทางด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า มีทหารอเมริกันถูกเวเนซุเอลาจับกุม 1 นาย และได้รับรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 2 คนถูกจับกุมด้วย พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสหรัฐฯ พัวพันกับแผนการโค่นล้มนายมาดูโรว่าเป็นเรื่องเท็จอย่างแท้จริง เพราะสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนให้ใช้หนทางประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในเวเนซุเอลา

    ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสเปนระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ติดต่อไปยังรัฐบาลเวเนซุเอลาเพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะมีพลเมืองสเปนถูกควบคุมตัว 2 คน และต้องการทราบรูปพรรณรวมถึงสถานที่จับกุมชาวสเปนทั้ง 2 คน สื่อสเปนรายงานว่า พลเมืองสเปนทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวในเมืองปวยโต อายาชูโช และเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองสเปน ซึ่งรัฐบาลสเปนปฏิเสธในเรื่องนี้

    เวเนซุเอลาประกาศข่าวจับกุมชาวต่างชาติ หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษพันธมิตร 16 คนของผู้นำเวเนซุเอลาได้เพียง 2 วัน โทษฐานขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐสภาสเปนประกาศรับรอง เอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งกอนซาเลซได้เดินทางออกจากเวเนซุเอลาเข้าไปลี้ภัยการเมืองในสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    https://apnews.com/article/696768e00bf22f5747062a4a8b662fcc

    #Thaitimes
    จับกุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัยชาวอเมริกัน ที่เป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯหรือNavy Seal และซีไอเอของสเปนกับเช็กเข้ามาวางแผนจะลอบสังหารประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา 15 กันยายน2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า ดีโอสดาโด กาเบญโญ รัฐมนตรีมหาดไทยของเวเนซุเอลา แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ทางการจับกุมชาวอเมริกัน 3 คน ชาวสเปน 2 คน และชาวสาธารณรัฐเช็ก 1 คนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (14 ก.ย.) ที่เดินทางเข้าประเทศหวังลอบสังหารประธานาธิบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่นำโดยสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และสังหารแกนนำรัฐบาลหลายคน รัฐมนตรีมหาดไทยกาเบญโญได้เปิดเผยภาพปืนยาวหลายกระบอกที่อ้างว่ายึดได้จากผู้วางแผนบางคน และระบุว่าหนึ่งในชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือNavy Seal ที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน อิรักและโคลอมเบีย ทางด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า มีทหารอเมริกันถูกเวเนซุเอลาจับกุม 1 นาย และได้รับรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 2 คนถูกจับกุมด้วย พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสหรัฐฯ พัวพันกับแผนการโค่นล้มนายมาดูโรว่าเป็นเรื่องเท็จอย่างแท้จริง เพราะสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนให้ใช้หนทางประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในเวเนซุเอลา ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสเปนระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ติดต่อไปยังรัฐบาลเวเนซุเอลาเพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะมีพลเมืองสเปนถูกควบคุมตัว 2 คน และต้องการทราบรูปพรรณรวมถึงสถานที่จับกุมชาวสเปนทั้ง 2 คน สื่อสเปนรายงานว่า พลเมืองสเปนทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวในเมืองปวยโต อายาชูโช และเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองสเปน ซึ่งรัฐบาลสเปนปฏิเสธในเรื่องนี้ เวเนซุเอลาประกาศข่าวจับกุมชาวต่างชาติ หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษพันธมิตร 16 คนของผู้นำเวเนซุเอลาได้เพียง 2 วัน โทษฐานขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐสภาสเปนประกาศรับรอง เอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งกอนซาเลซได้เดินทางออกจากเวเนซุเอลาเข้าไปลี้ภัยการเมืองในสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว https://apnews.com/article/696768e00bf22f5747062a4a8b662fcc #Thaitimes
    APNEWS.COM
    Venezuela says it arrested 6 foreigners allegedly involved in a plot to kill President Maduro
    Venezuelan officials say they've arrested six foreign nationals, including three Americans, accusing them of plotting to assassinate President Nicolas Maduro.
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1078 มุมมอง 0 รีวิว