• เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’
    16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง
    ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer
    งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น
    ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์
    คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ
    #ห่าก้อม
    #thedarknessofthesoul
    #MonoOriginal #MStudio
    #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช
    #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร
    #ล็อตโต้จิรวัฒน์
    #โคราชซีนีเพล็กซ์
    #KoratCineplex
    เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’ 16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ #ห่าก้อม #thedarknessofthesoul #MonoOriginal #MStudio #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร #ล็อตโต้จิรวัฒน์ #โคราชซีนีเพล็กซ์ #KoratCineplex
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’
    16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง
    ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer
    งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น
    ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์
    คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ
    #ห่าก้อม
    #thedarknessofthesoul
    #MonoOriginal #MStudio
    #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช
    #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร
    #ล็อตโต้จิรวัฒน์
    #โคราชซีนีเพล็กซ์
    #KoratCineplex
    เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’ 16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ #ห่าก้อม #thedarknessofthesoul #MonoOriginal #MStudio #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร #ล็อตโต้จิรวัฒน์ #โคราชซีนีเพล็กซ์ #KoratCineplex
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มองการประชุม JBC ทำไทยเพลี่ยงพล้ำ เสียเปรียบกัมพูชา เรียกร้องรัฐบาล 7 ข้อ ได้แก่ 1.เปิดเผยเอกสารผลการประชุม 2.เปลี่ยนประธานฝ่ายไทย เนื่องจากมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อประเทศ 3.ยกเลิก MOU2543 และ MOU 2544 4.ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ที่ระบุพิกัดเขตแดน 5.แถลงประท้วงที่เขมรนำ 4 พื้นที่ ให้ศาลโลกพิจารณา 6.รัฐบาลอย่าแทรกแแซงกองทัพ ปล่อยให้กองทัพแก้ปัญหา และ 7.ถ้ารัฐบาลยังเกรงใจอริราชศัตรู ใส่ร้ายประเทศไทย ขอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก ย้ำ แค่ไทยไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และไม่ขึ้นศาลโลก ก็ถือว่าชัดเจนแล้ว

    -ไทยไม่ยอมถูกข่มขู่
    -กลาโหมเลื่อนแจงกมธ.
    -ข้าราชการปล่อยล้อฟรี
    -ไม่ปิดด่านศุลกากร
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มองการประชุม JBC ทำไทยเพลี่ยงพล้ำ เสียเปรียบกัมพูชา เรียกร้องรัฐบาล 7 ข้อ ได้แก่ 1.เปิดเผยเอกสารผลการประชุม 2.เปลี่ยนประธานฝ่ายไทย เนื่องจากมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อประเทศ 3.ยกเลิก MOU2543 และ MOU 2544 4.ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ที่ระบุพิกัดเขตแดน 5.แถลงประท้วงที่เขมรนำ 4 พื้นที่ ให้ศาลโลกพิจารณา 6.รัฐบาลอย่าแทรกแแซงกองทัพ ปล่อยให้กองทัพแก้ปัญหา และ 7.ถ้ารัฐบาลยังเกรงใจอริราชศัตรู ใส่ร้ายประเทศไทย ขอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก ย้ำ แค่ไทยไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และไม่ขึ้นศาลโลก ก็ถือว่าชัดเจนแล้ว -ไทยไม่ยอมถูกข่มขู่ -กลาโหมเลื่อนแจงกมธ. -ข้าราชการปล่อยล้อฟรี -ไม่ปิดด่านศุลกากร
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 113 Views 26 1 Reviews
  • เป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ... เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว...
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    เป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ... เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว... #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม

    เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้
    ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”...

    เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ?

    ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน

    ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต

    การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน

    ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง)

    Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748
    http://www.naradafoundation.org/content/6526
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html

    #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้ ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”... เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ? ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง) Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748 http://www.naradafoundation.org/content/6526 https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    1 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ##
    ..
    ..
    จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้...
    .
    ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก...
    .
    ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
    .
    เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!!
    .
    MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน)
    .
    เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว
    ....
    ....
    ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า...
    .
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย
    .
    คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ
    .
    ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย
    .
    และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง)
    .
    แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว
    .
    ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย
    .
    และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!!
    .
    คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!!
    .
    ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!!
    .
    ดังนั้น...
    .
    ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...???
    ...
    ...
    เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...???
    .
    https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    ## เขมรเดินเกมยึดแผ่นดินไทย ขณะที่ ในประเทศไทยอาจมีไส้ศึก...!!! ## .. .. จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ดังนี้... . ประเทศไทยยึดถือแค่ แผ่นที่ 1:50,000 ซึ่งละเอียดและแม่นยำกว่ามาก... . ประเทศไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่ง หยาบ มีความคาดเคลื่อนอย่างน้อย 200 เมตร ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ เขมร ลุกล้ำดนแดนไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา . เมื่อครั้งที่เสียตัวปราสาทพระวิหารด้วยกฎหมายปิดปาก บนศาลโล และ ครั้งที่เสียพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เพราะแผนที่ 1:200,000 ที่ฝรั่งเศส จัดทำไว้แต่ฝ่ายเดียว และ วางยาประเทศไทยไว้...!!! . MOU43-MOU44 ระบุว่าจะปักปันเขตแดนตามแผนที่ 1:200,000 ทั้งๆที่ การปักปันจริงๆ เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชการลที่ 5 ด้วยสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส 1904-1907 คือแผนที่ 1:500,000 นั่นเอง (บางส่วนไม่ต้องปักหมุด เพราะสภาพพื้นที่สันปันน้ำมันชัด เป็นขอบหน้าผาชัดเจน) . เพียงแต่ บางส่วนปัจจุบัน หลักหมุดมันหายไป ให้ทำให้สมบูรณ์เท่านั้น และ ปัจจุบัน เทคโนโลยีดาวเทียมมันละเอียดมาก ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว .... .... ในรายการ News Hour มี การแฉ แชทกลุ่ม ของ กระทรวงการต่างประเทศ ว่า... . นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พิมพ์ในไลน์กลุ่มประมาณว่า จะยึดถือแผนที่ 1:200,000 เพราะประเทศไทยจะได้เปรียบ และ ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผูกพันธ์ทางกฎหมาย . คำว่า "ศาลโลกตัดสินแล้ว มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย" คำๆนี้ ผิดเต็มๆครับ . ต้องบอกก่อนเลยว่า ประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลก โดยประเทศไทย ได้เคยสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนตัวปราสาทพระวิหารในอนาคตไว้แล้วด้วย . และ ที่สำคัญ ศาลโลกไม่ได้ ตัดสินในเรื่องของแผนที่และเขตแดน (เขมร ขอ แต่ศาลไม่ได้ตัดสิน บอกให้พวกคุณไปคุยกันเอาเอง) . แต่ ศาลตัดสินเรื่องตัวปราสาทพระวิหาร และ ตีความเพิ่มเรื่อง พื้นที่โดยรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรายนึง ไปยอมให้ เขมร ขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว . ดังนั้น เมื่อเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ไม่ว่าศาลโลก จะพูด จะพ่น จะถ่มถุยอะไร ออกมา สิ่งนั้น ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่อประเทศไทย . และ ในรายการ News Hour มีกาาแฉต่อว่า นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ คนนี้...!!! . คือคนที่ ไปชี้หน้าด่า นาย วีระ สมความคิด ว่าเป็นตวปัญหา และ บีบให้คนไทย 7 คน รวมทั้ง นาย วีระ สมความคิด ให้ยอมรับ และ เซ็นในเอกสาร ว่า นาย วีระ สมความคิด และ พวก รุกล้ำพื้นที่ แผ่นดินเขมร ทั้งๆที่ นาย วีระ สมความคิด และ พวก ถูกจับในผืนแผ่นดินไทย...!!! . ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นพฤติการณ์ที่ นาย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย มีแนวควมคิดที่ ยอมรับพื้นที่เขมร แต่ไม่ยอมรับพื้นที่ประเทศไทย และ มีแนวคิด ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ด้วย...!!! . ดังนั้น... . ถ้า Chat นี้เป็นของจริง นี่เท่ากับว่า เราเจอ ขบวนการขายชาติของแท้ แล้วใช่หรือไม่...??? ... ... เท่าที่ทั้งฟังทั้งอ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นผู้รู้ท่านไหนเคยพูดซักครั้งเดียวว่า แผนที่ 1:200,000 ทำให้ประเทสไทยได้เปรียบ .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 โทษประหารชีวิต เพราะทำใหสูญเสียดินแดน สมควรนำออกมาใช้แล้วหรือไม่ ในยามนี้...??? . https://youtu.be/cSyAF_g4BiQ?si=ppZ15Ve6ZYuigbAC
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ประชุม JBC เพลี่ยงพล้ำ ไทยเสียเปรียบเขมร : [THE MESSAGE]
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
    มองการประชุม JBC ทำไทยเพลี่ยงพล้ำ เสียเปรียบกัมพูชา เรียกร้อง 7 ข้อ ถึงรัฐบาล ได้แก่ 1.เปิดเผยเอกสารการผลประชุม JBC 2.เปลี่ยนประธานฝ่ายไทยคนปัจจุบัน เนื่องจากมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อประเทศ 3.ให้ยกเลิก MOU2543 ทางบก ที่กำลังเป็นปัญหา และยกเลิก MOU 2544 4.เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ที่ระบุพิกัดเขตแดนได้ชัดเจน 5.แถลงประท้วงที่เขมรนำ 4 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเหมือนโต๊ด และสามเหลี่ยมมรกต ให้ศาลโลกพิจารณา 6.รัฐบาลอย่าแทรกแแซงกองทัพ ปล่อยให้กองทัพแก้ปัญหา และ 7.ถ้ารัฐบาลยังเกรงใจอริราชศัตรู ใส่ร้ายประเทศไทย ขอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก
    ประชุม JBC เพลี่ยงพล้ำ ไทยเสียเปรียบเขมร : [THE MESSAGE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มองการประชุม JBC ทำไทยเพลี่ยงพล้ำ เสียเปรียบกัมพูชา เรียกร้อง 7 ข้อ ถึงรัฐบาล ได้แก่ 1.เปิดเผยเอกสารการผลประชุม JBC 2.เปลี่ยนประธานฝ่ายไทยคนปัจจุบัน เนื่องจากมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อประเทศ 3.ให้ยกเลิก MOU2543 ทางบก ที่กำลังเป็นปัญหา และยกเลิก MOU 2544 4.เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ที่ระบุพิกัดเขตแดนได้ชัดเจน 5.แถลงประท้วงที่เขมรนำ 4 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเหมือนโต๊ด และสามเหลี่ยมมรกต ให้ศาลโลกพิจารณา 6.รัฐบาลอย่าแทรกแแซงกองทัพ ปล่อยให้กองทัพแก้ปัญหา และ 7.ถ้ารัฐบาลยังเกรงใจอริราชศัตรู ใส่ร้ายประเทศไทย ขอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก
    Like
    Wow
    4
    0 Comments 0 Shares 192 Views 36 1 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า

    สรุปเนื้อหาข่าว
    ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น
    ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้
    ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้
    ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support
    ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา
    ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft

    ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ
    ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้
    ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า สรุปเนื้อหาข่าว ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้ ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้ ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Notebooks now integrated in OneNote on Windows
    Microsoft has announced the availability of Microsoft 365 Copilot Notebooks in OneNote for Windows as an Insider preview for Enterprise customers.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • พิธีปิด A.S. Champions League ครั้งที่ 10 ประจำปี พ.ศ. 2568 สุดยิ่งใหญ่
    .
    วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข, ประธานสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, ที่ปรึกษาสโมสรนครราชสีมา คิวมินซี วีซี (แคทเดวิล) ให้เกียรติเป็นประธานปิดการแข่งขันฟุตบอล "A.S. Champions League ครั้งที่ 10 พ.ศ.2568" พร้อมกล่าวปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และของที่ระลึกแก่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 20 ทีม โดยมี นายธีระ เอื้ออภิธร หุ้นส่วนใหญ่ของสนามฟุตบอลเอกสีมาหัวทะเล กล่าวต้อนรับและขอบคุณประธาน พร้อมมอบถ้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3
    .
    หลังจากมอบรางวัลและของที่ระลึกเสร็จสิ้นลง ได้มีการร่วมร้องเพลง "สามัคคีชุมนุม" ปิดการแข่งขัน A.S. Champions League ครั้งที่ 10 ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ
    .
    ในการจัดการแข่งขัน A.S. Champions League ของสนามฟุตบอลเอกสีมาหัวทะเล ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทางสนามได้จัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ พ.ศ.2558 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางสนามขอขอบคุณทีมนักฟุตบอลทุกทีม นักฟุตบอลทุกคน คณะกรรมการตัดสินทุกท่าน และพี่น้อง ครอบครัวทุกคน ที่ได้ให้การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล A.S. Champions League ด้วยดีเสมอมา พร้อมทั้งขอขอบคุณ KCTV และประชาสัมพันธ์จังหวัดที่ได้นำเสนอข่าวมา ณ ที่นี้ด้วย.
    พิธีปิด A.S. Champions League ครั้งที่ 10 ประจำปี พ.ศ. 2568 สุดยิ่งใหญ่ . วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข, ประธานสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, ที่ปรึกษาสโมสรนครราชสีมา คิวมินซี วีซี (แคทเดวิล) ให้เกียรติเป็นประธานปิดการแข่งขันฟุตบอล "A.S. Champions League ครั้งที่ 10 พ.ศ.2568" พร้อมกล่าวปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และของที่ระลึกแก่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 20 ทีม โดยมี นายธีระ เอื้ออภิธร หุ้นส่วนใหญ่ของสนามฟุตบอลเอกสีมาหัวทะเล กล่าวต้อนรับและขอบคุณประธาน พร้อมมอบถ้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 . หลังจากมอบรางวัลและของที่ระลึกเสร็จสิ้นลง ได้มีการร่วมร้องเพลง "สามัคคีชุมนุม" ปิดการแข่งขัน A.S. Champions League ครั้งที่ 10 ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ . ในการจัดการแข่งขัน A.S. Champions League ของสนามฟุตบอลเอกสีมาหัวทะเล ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทางสนามได้จัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ พ.ศ.2558 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางสนามขอขอบคุณทีมนักฟุตบอลทุกทีม นักฟุตบอลทุกคน คณะกรรมการตัดสินทุกท่าน และพี่น้อง ครอบครัวทุกคน ที่ได้ให้การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล A.S. Champions League ด้วยดีเสมอมา พร้อมทั้งขอขอบคุณ KCTV และประชาสัมพันธ์จังหวัดที่ได้นำเสนอข่าวมา ณ ที่นี้ด้วย.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังพิจารณาขยายมาตรการจำกัดด้านการเดินทางครั้งใหญ่ โดยเป็นไปได้ที่จะมีการแบนพลเมืองของประเทศต่างๆเพิ่มเติมอีก 36 ชาติ จากการเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000056325

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังพิจารณาขยายมาตรการจำกัดด้านการเดินทางครั้งใหญ่ โดยเป็นไปได้ที่จะมีการแบนพลเมืองของประเทศต่างๆเพิ่มเติมอีก 36 ชาติ จากการเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000056325 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 655
    ชื่อบทธรรม :- อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=655
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา (จากสีลถึงวิมุตติ)
    --อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล
    : ศีลอันเป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร(ความไม่เดือดร้อน)​เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=อวิปฺปฏิสาร
    อวิปปฏิสาร มี​ ความปราโมทย์ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    ความปราโมทย์ มี ปีติ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    ปีติ มี ปัสสัทธิ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    ปัสสัทธิ มี สุข เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    สุข มี สมาธิ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    สมาธิ มี ยถาภูตญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    ยถาภูตญาณทัสสนะ มี นิพพิทา เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;
    นิพพิทา มี วิราคะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย;
    วิราคะ มี วิมุตติญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย.
    --อานนท์ ! ศีลอันเป็นกุศล
    http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=กุสลานิ+สีลานิ
    #ย่อมยังอรหัตตผลให้บริบูรณ์ โดยลำดับด้วยอาการอย่างนี้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/289/208.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/289/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๕/๒๐๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/335/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=655
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=655
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45
    ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา สัทธรรมลำดับที่ : 655 ชื่อบทธรรม :- อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=655 เนื้อความทั้งหมด :- --อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา (จากสีลถึงวิมุตติ) --อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล : ศีลอันเป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร(ความไม่เดือดร้อน)​เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=อวิปฺปฏิสาร อวิปปฏิสาร มี​ ความปราโมทย์ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ความปราโมทย์ มี ปีติ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปีติ มี ปัสสัทธิ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปัสสัทธิ มี สุข เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สุข มี สมาธิ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สมาธิ มี ยถาภูตญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ยถาภูตญาณทัสสนะ มี นิพพิทา เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; นิพพิทา มี วิราคะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; วิราคะ มี วิมุตติญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย. --อานนท์ ! ศีลอันเป็นกุศล http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=กุสลานิ+สีลานิ #ย่อมยังอรหัตตผลให้บริบูรณ์ โดยลำดับด้วยอาการอย่างนี้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/289/208. http://etipitaka.com/read/thai/24/289/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๕/๒๐๘. http://etipitaka.com/read/pali/24/335/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=655 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=655 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45 ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา
    -อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา (จากสีลถึงวิมุตติ) อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล : ศีลอันเป็นกุศล มีอวิปปฏิสารเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; อวิปปฏิสาร มีความปราโมทย์เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ความปราโมทย์ มีปีติเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปีติ มีปัสสัทธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปัสสัทธิ มีสุขเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สุข มีสมาธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สมาธิ มียถาภูตญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; นิพพิทา มีวิราคะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; วิราคะ มี วิมุตติญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย. อานนท์ ! ศีลอันเป็นกุศล ย่อมยังอรหัตตผลให้บริบูรณ์โดยลำดับด้วยอาการอย่างนี้แล.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • พลเรือเอกเรซา อับบาซี ผู้บัญชาการอาวุโสแห่งกองทัพเรืออิหร่าน ให้สัมภาษณ์สื่อว่า อิหร่านได้แสดงให้เห็นศักยภาพของตนเพียงบางส่วนเท่านั้น "อิสราเอลไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้เล่นเดียวกับเรา เราฝึกฝนเรื่องนี้มาเป็นเวลา 26–27 ปีแล้ว"
    พลเรือเอกเรซา อับบาซี ผู้บัญชาการอาวุโสแห่งกองทัพเรืออิหร่าน ให้สัมภาษณ์สื่อว่า อิหร่านได้แสดงให้เห็นศักยภาพของตนเพียงบางส่วนเท่านั้น "อิสราเอลไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้เล่นเดียวกับเรา เราฝึกฝนเรื่องนี้มาเป็นเวลา 26–27 ปีแล้ว"
    0 Comments 0 Shares 92 Views 6 0 Reviews
  • เรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เป็นเรื่องที่ใส่รายละเอียดทางประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถังไว้มากพอสมควร แต่ Storyฯ รู้สึกสะดุดตาอย่างมากกับลักษณะการเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมของตัวละครเอกคนหนึ่งคือ หลี่ปี้

    ความ ‘เอ๊ะ’ คือว่า ทำไมเขาถึงเสียบปิ่นของมงกฎครอบมวยผมในแนวตรง คือจากหลังมาหน้า (ดูรูปกลางสี่เหลี่ยม) ในขณะที่ตัวละครอื่นเสียบปิ่นในแนวขวางจากขวาไปซ้ายเหมือนกับที่เราเห็นในละครจีนโบราณเรื่องอื่นๆ (ดูเปรียบเทียบตัวละครจากเรื่องเดียวกันในรูปวงกลม)

    ไปทำการบ้านมาค่ะ เลยพบว่ามีคนเขียนชมละครเรื่องนี้ว่ามีความพยายามทำให้ใกล้เคียงประวัติศาสตร์จริงมากในเรื่องการแต่งกาย ซึ่งสาเหตุที่หลี่ปี้เสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมในแนวตรงนั้น เป็นเพราะว่าเขาเป็นนักพรต

    แต่มันแตกต่างจากเรื่องอื่นที่เราเห็นนักพรตปักปิ่นในแนวขวาง Storyฯ เลยเอารูปวาดโบราณมาเปรียบเทียบให้ดู (ดูภาพเปรียบเทียบในรูปสี่เหลี่ยมที่แปะมา) ก็จะเห็นว่านักพรตในลัทธิเต๋าในช่วงยุคสมัยรัชวงศ์ถังนั้นปักปิ่นในแนวตรงจริงๆ โดยวิธีเสียบปิ่นคือจากข้างหลังมาข้างหน้า หรือที่เรียกว่า ‘จื๋ออู่จ๊าน’ (子午簪)

    ดูภาพจากละครจะเห็นว่ามงกฎครอบผมของหลี่ปี้มีสองแบบ มันคือแบบลายดอกพุดตานที่มีกลีบใหญ่ชูเด่น และแบบลายดอกบัว เดิมเรียกแยกสองแบบอย่างนี้ ต่อมาการเวลาผ่านไปถูกเรียกรวมเป็นลายดอกบัว มีเฉพาะนักพรตที่มีระดับสูงจึงจะใช้ได้

    จากข้อมูลที่หาได้ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น นักพรตเต๋ามีเจ็ดระดับ สูงสุดคือระดับเจ็ด มีระเบียบกำหนดเรื่องการแต่งกายไว้อย่างเคร่งครัด แตกต่างกันไปทั้งเนื้อผ้าสีผ้าของชุดและมงกุฎครอบผมตามแต่ละระดับ ตัวอย่างเช่น นักพรตระดับที่ห้า มงกฎครอบผมสีน้ำตาลเข้มรูปทรงดอกบัวกลีบสองชั้นทั้งสี่ด้าน ชุดสีเหลือง ฯลฯ นักพรตระดับที่หก มงกฎครอบผมรูปทรงดอกบัวกลีบสามชั้นทั้งสี่ด้าน ชุดสีเขียวฟ้ากระจ่าง ผ้าพาดบ่าสีม่วง ฯลฯ

    ในเนื้อเรื่องของละคร <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> Storyฯ ไม่เห็นมีข้อมูลว่าหลี่ปี้เป็นนักพรตระดับใด Storyฯ เองก็ไม่แน่ใจว่ารายละเอียดการแต่งกายในละครถูกต้องหรือไม่ มีบางเพจเขียนว่าปิ่นของหลี่ปี้สั้นไป แต่ที่ดูจะถูกต้องแน่นอนคือวิธีการเสียบปิ่นของหลี่ปี้

    แล้วที่เราเห็นในละครเรื่องอื่นที่นักพรตเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมแนวขวางล่ะ?

    จากข้อมูลที่ Storyฯ หาเจอ วิธีเสียบปิ่นตามแนวตรงข้างต้นเป็นไปจนสมัยราชวงศ์ซ่ง แต่จากสมัยราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง มีนักพรตเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมแนวขวาง แต่มีจุดสังเกตคือจะต้องเป็นการเสียบจากซ้ายไปขวา ไม่ใช่ขวาไปซ้ายแบบคนทั่วไป และแบบแนวตรงก็ยังคงมีใช้อยู่ ซึ่งที่มาคือแนวคิดที่ว่า แนวตรงคือการแบ่งแยกหยินหยาง แนวขวางจากซ้ายคือการเกิดไปสู่ขวาคือความตาย

    แต่คนธรรมดาทั่วไปจะปักปิ่นจากขวาไปซ้ายเป็นส่วนใหญ่เพราะหลายคนถนัดขวา มีเพจหนึ่งที่อ่านเจอเขียนว่า หากคนธรรมดาปักปิ่นจากซ้ายไปขวาแสดงว่าอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ แต่ข้อมูลนี้ Storyฯ ไม่ได้ไปค้นหาต่อว่าใช่หรือไม่

    ต่อมามงกฎทรงดอกบัวถูกนำมาใช้สำหรับสตรีสูงศักดิ์ในวังด้วย แต่ความแตกต่างอยู่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็นมงกุฎ เป็นทองคำลวดลายวิจิตรและมีการประดับหินและพลอยให้ดูอลังการ และไม่มีปิ่นปักกลางไว้ยึดผมเหมือนมงกุฎครอบมวยผมนักพรต

    ท่านใดที่ชอบละครเรื่องนี้ ลองดูลิ้งค์ที่แปะมาบางลิ้งค์ด้านล่างจะเห็นการเปรียบเทียบว่ามีการอิงประวัติศาสตร์จริงอย่างไร (อ่านไม่ออกก็ดูรูปได้) อย่างเช่นการวาดคิ้วสมัยราชวงศ์ถังแบบต่างๆ ที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเมื่อหลายเดือนก่อน ก็มีปรากฎให้เห็นในบรรดาชาวบ้านที่แต่งตัวกันออกมาเที่ยวเทศกาลในเรื่องนี้ด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/72817310
    https://new.qq.com/omn/20190716/20190716A0SOED00.html?pc
    https://www.behance.net/gallery/84983593/The-Longest-Day-In-Changan-Posters
    http://www.xinhuanet.com/ent/2019-07/02/c_1124697419.htm

    #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #หลี่ปี้ #ปิ่นปักผมจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    เรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เป็นเรื่องที่ใส่รายละเอียดทางประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถังไว้มากพอสมควร แต่ Storyฯ รู้สึกสะดุดตาอย่างมากกับลักษณะการเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมของตัวละครเอกคนหนึ่งคือ หลี่ปี้ ความ ‘เอ๊ะ’ คือว่า ทำไมเขาถึงเสียบปิ่นของมงกฎครอบมวยผมในแนวตรง คือจากหลังมาหน้า (ดูรูปกลางสี่เหลี่ยม) ในขณะที่ตัวละครอื่นเสียบปิ่นในแนวขวางจากขวาไปซ้ายเหมือนกับที่เราเห็นในละครจีนโบราณเรื่องอื่นๆ (ดูเปรียบเทียบตัวละครจากเรื่องเดียวกันในรูปวงกลม) ไปทำการบ้านมาค่ะ เลยพบว่ามีคนเขียนชมละครเรื่องนี้ว่ามีความพยายามทำให้ใกล้เคียงประวัติศาสตร์จริงมากในเรื่องการแต่งกาย ซึ่งสาเหตุที่หลี่ปี้เสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมในแนวตรงนั้น เป็นเพราะว่าเขาเป็นนักพรต แต่มันแตกต่างจากเรื่องอื่นที่เราเห็นนักพรตปักปิ่นในแนวขวาง Storyฯ เลยเอารูปวาดโบราณมาเปรียบเทียบให้ดู (ดูภาพเปรียบเทียบในรูปสี่เหลี่ยมที่แปะมา) ก็จะเห็นว่านักพรตในลัทธิเต๋าในช่วงยุคสมัยรัชวงศ์ถังนั้นปักปิ่นในแนวตรงจริงๆ โดยวิธีเสียบปิ่นคือจากข้างหลังมาข้างหน้า หรือที่เรียกว่า ‘จื๋ออู่จ๊าน’ (子午簪) ดูภาพจากละครจะเห็นว่ามงกฎครอบผมของหลี่ปี้มีสองแบบ มันคือแบบลายดอกพุดตานที่มีกลีบใหญ่ชูเด่น และแบบลายดอกบัว เดิมเรียกแยกสองแบบอย่างนี้ ต่อมาการเวลาผ่านไปถูกเรียกรวมเป็นลายดอกบัว มีเฉพาะนักพรตที่มีระดับสูงจึงจะใช้ได้ จากข้อมูลที่หาได้ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น นักพรตเต๋ามีเจ็ดระดับ สูงสุดคือระดับเจ็ด มีระเบียบกำหนดเรื่องการแต่งกายไว้อย่างเคร่งครัด แตกต่างกันไปทั้งเนื้อผ้าสีผ้าของชุดและมงกุฎครอบผมตามแต่ละระดับ ตัวอย่างเช่น นักพรตระดับที่ห้า มงกฎครอบผมสีน้ำตาลเข้มรูปทรงดอกบัวกลีบสองชั้นทั้งสี่ด้าน ชุดสีเหลือง ฯลฯ นักพรตระดับที่หก มงกฎครอบผมรูปทรงดอกบัวกลีบสามชั้นทั้งสี่ด้าน ชุดสีเขียวฟ้ากระจ่าง ผ้าพาดบ่าสีม่วง ฯลฯ ในเนื้อเรื่องของละคร <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> Storyฯ ไม่เห็นมีข้อมูลว่าหลี่ปี้เป็นนักพรตระดับใด Storyฯ เองก็ไม่แน่ใจว่ารายละเอียดการแต่งกายในละครถูกต้องหรือไม่ มีบางเพจเขียนว่าปิ่นของหลี่ปี้สั้นไป แต่ที่ดูจะถูกต้องแน่นอนคือวิธีการเสียบปิ่นของหลี่ปี้ แล้วที่เราเห็นในละครเรื่องอื่นที่นักพรตเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมแนวขวางล่ะ? จากข้อมูลที่ Storyฯ หาเจอ วิธีเสียบปิ่นตามแนวตรงข้างต้นเป็นไปจนสมัยราชวงศ์ซ่ง แต่จากสมัยราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง มีนักพรตเสียบปิ่นมงกฎครอบมวยผมแนวขวาง แต่มีจุดสังเกตคือจะต้องเป็นการเสียบจากซ้ายไปขวา ไม่ใช่ขวาไปซ้ายแบบคนทั่วไป และแบบแนวตรงก็ยังคงมีใช้อยู่ ซึ่งที่มาคือแนวคิดที่ว่า แนวตรงคือการแบ่งแยกหยินหยาง แนวขวางจากซ้ายคือการเกิดไปสู่ขวาคือความตาย แต่คนธรรมดาทั่วไปจะปักปิ่นจากขวาไปซ้ายเป็นส่วนใหญ่เพราะหลายคนถนัดขวา มีเพจหนึ่งที่อ่านเจอเขียนว่า หากคนธรรมดาปักปิ่นจากซ้ายไปขวาแสดงว่าอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ แต่ข้อมูลนี้ Storyฯ ไม่ได้ไปค้นหาต่อว่าใช่หรือไม่ ต่อมามงกฎทรงดอกบัวถูกนำมาใช้สำหรับสตรีสูงศักดิ์ในวังด้วย แต่ความแตกต่างอยู่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็นมงกุฎ เป็นทองคำลวดลายวิจิตรและมีการประดับหินและพลอยให้ดูอลังการ และไม่มีปิ่นปักกลางไว้ยึดผมเหมือนมงกุฎครอบมวยผมนักพรต ท่านใดที่ชอบละครเรื่องนี้ ลองดูลิ้งค์ที่แปะมาบางลิ้งค์ด้านล่างจะเห็นการเปรียบเทียบว่ามีการอิงประวัติศาสตร์จริงอย่างไร (อ่านไม่ออกก็ดูรูปได้) อย่างเช่นการวาดคิ้วสมัยราชวงศ์ถังแบบต่างๆ ที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเมื่อหลายเดือนก่อน ก็มีปรากฎให้เห็นในบรรดาชาวบ้านที่แต่งตัวกันออกมาเที่ยวเทศกาลในเรื่องนี้ด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/72817310 https://new.qq.com/omn/20190716/20190716A0SOED00.html?pc https://www.behance.net/gallery/84983593/The-Longest-Day-In-Changan-Posters http://www.xinhuanet.com/ent/2019-07/02/c_1124697419.htm #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #หลี่ปี้ #ปิ่นปักผมจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • ด่วน! วุฒิสภาแห่งปากีสถานลงมติเอกฉันท์สนับสนุนเคียงข้างอิหร่าน
    ด่วน! วุฒิสภาแห่งปากีสถานลงมติเอกฉันท์สนับสนุนเคียงข้างอิหร่าน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว... ขอเป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ
    (Digital Pop art inspired by Michael Byers)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว... ขอเป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ (Digital Pop art inspired by Michael Byers) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๙.๒๐ น.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทอดพระเนตรการแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ราชนาวิกโยธินในสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ ๓ แห่งสหราชอาณาจักร (His Majesty King Charles’ Royal Marines) ณ หอประชุมนวมภูมินทร์ อาคารนวมภูมินทร์ วชิราวุธวิทยาลัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง นายมาร์ก กุดดิง (Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย และคู่สมรส เอกอัครราชทูต ฯ นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย และภริยา กับผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าหอประชุมนวมภูมินทร์ อาคารนวมภูมินทร์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางลอเรน โทมัส (Mrs. Lauren Thomas) ภริยารองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตสถานเอกอัครราชทูต ฯ และนางสาวรีเบคกา ฮิว เคนเนล (Ms. Rebekah Hieu Kennel) ภริยาผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สถานเอกอัครราชทูต ฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๙.๒๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทอดพระเนตรการแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ราชนาวิกโยธินในสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ ๓ แห่งสหราชอาณาจักร (His Majesty King Charles’ Royal Marines) ณ หอประชุมนวมภูมินทร์ อาคารนวมภูมินทร์ วชิราวุธวิทยาลัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง นายมาร์ก กุดดิง (Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย และคู่สมรส เอกอัครราชทูต ฯ นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย และภริยา กับผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าหอประชุมนวมภูมินทร์ อาคารนวมภูมินทร์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางลอเรน โทมัส (Mrs. Lauren Thomas) ภริยารองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตสถานเอกอัครราชทูต ฯ และนางสาวรีเบคกา ฮิว เคนเนล (Ms. Rebekah Hieu Kennel) ภริยาผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สถานเอกอัครราชทูต ฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • อิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การยอมรับปากีสถานในปี 2490 (1947)

    อิหร่านและปากีสถานสถาปนาความสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 1947 ซึ่งเป็นวันประกาศเอกราชของปากีสถาน โดยอิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองปากีสถาน
    อิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การยอมรับปากีสถานในปี 2490 (1947) อิหร่านและปากีสถานสถาปนาความสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 1947 ซึ่งเป็นวันประกาศเอกราชของปากีสถาน โดยอิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองปากีสถาน
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น
    สัทธรรมลำดับที่ : 654
    ชื่อบทธรรม :- ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=654
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น
    --ภิกษุ ท. !
    +--ปีติ ที่ประกอบด้วยอามิส (สามิส) ก็มี
    ปีติที่ไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิส) ก็มี
    ปีติไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิสตร) ก็มี.
    +--ความสุข ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี
    ความสุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิสก็มี
    ความสุขไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี.
    +--อุเบกขา ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี
    อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี
    อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี.
    +--วิโมกข์ ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี
    วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี
    วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี.

    +--ภิกษุ ท. ! ปีติที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า?
    +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่, ห้าอย่างคือ
    รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ ....
    เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ ....
    กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ....
    รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา ....
    โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย
    อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก
    เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
    : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง.
    +--ภิกษุ ท. ! ปีติใดอาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น,
    ปีตินี้เรียกว่า #ปีติประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=ปีติ+สามิส

    --ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ได้ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง
    &ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่;
    เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง
    &ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจ ในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจาก สมาธิ แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! ปีตินี้เรียกว่า #ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=ปีติ+นิรามิส

    --ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิต
    ที่หลุดพ้นจากราคะ
    จิตที่หลุดพ้นจากโทสะ
    จิตที่หลุดพ้นจากโมหะอยู่ ;
    ปีติใดเกิดขึ้น,
    +--ภิกษุ ท. ! ปีตินั้นเรียกว่า #ปีติไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=ปีติ+นิรามิสตร

    --ภิกษุ ท. ! สุขที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ
    รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ ....
    เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ ....
    กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .....
    รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา ....
    โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ
    มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
    : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง.
    +--ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น,
    สุขนี้เรียกว่า #สุขประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+อามิส

    --ภิกษุ ท. ! สุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลายเข้าถึง
    &ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่;
    เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง
    &ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ;
    อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้ อยู่อุเบกขา
    มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย
    ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า
    “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้, เข้าถึง
    &ตติยฌาน แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! สุขนี้เรียกว่า #สุขไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+นิรามิส

    --ภิกษุ ท.! สุขไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิสเป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณา
    จิต ที่พ้นแล้วจากราคะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ;
    สุขโสมนัสใดเกิดขึ้น,
    สุขโสมนัสนั้นเรียกว่า #สุขไม่กอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส
    http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+นิรามิสตร

    --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ
    รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ ....
    เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ ....
    กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ....
    รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา ....
    โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย
    อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก
    เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
    : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง.
    +--ภิกษุ ท. ! อุเบกขาใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น,
    อุเบกขานี้เรียกว่า #อุเบกขาประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+อามิส

    --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้
    เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน, เข้าถึง
    &จตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! อุเบกขานี้เรียกว่า #อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+นิรามิส

    --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณา
    จิตที่พ้นแล้วจากราคะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ;
    อุเบกขาใดเกิดขึ้น,
    อุเบกขานั้นเรียกว่า #อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+นิรามิสตร

    --ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในรูป เรียกว่า #วิโมกข์ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+อามิส
    +--ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในอรูป เรียกว่า #วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+นิรามิส
    --ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส ทิ่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุขีณาสพ พิจารณา
    จิตที่พ้นแล้วจากราคะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ
    จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ;
    วิโมกข์ใดเกิดขึ้น,
    วิโมกข์นั้น เรียกว่า #วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส
    http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+นิรามิสตร
    แล.-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/248-251/446-457.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/248/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%94%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๒๙๒-๒๙๕/๔๔๖-๔๕๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%94%E0%B9%96
    ถึง
    http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%97
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=654
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=654
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45
    ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น สัทธรรมลำดับที่ : 654 ชื่อบทธรรม :- ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=654 เนื้อความทั้งหมด :- --ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น --ภิกษุ ท. ! +--ปีติ ที่ประกอบด้วยอามิส (สามิส) ก็มี ปีติที่ไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิส) ก็มี ปีติไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิสตร) ก็มี. +--ความสุข ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี ความสุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิสก็มี ความสุขไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. +--อุเบกขา ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. +--วิโมกข์ ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. +--ภิกษุ ท. ! ปีติที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า? +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่, ห้าอย่างคือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. +--ภิกษุ ท. ! ปีติใดอาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, ปีตินี้เรียกว่า #ปีติประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=ปีติ+สามิส --ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ได้ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง &ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง &ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจ ในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจาก สมาธิ แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! ปีตินี้เรียกว่า #ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=ปีติ+นิรามิส --ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิต ที่หลุดพ้นจากราคะ จิตที่หลุดพ้นจากโทสะ จิตที่หลุดพ้นจากโมหะอยู่ ; ปีติใดเกิดขึ้น, +--ภิกษุ ท. ! ปีตินั้นเรียกว่า #ปีติไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=ปีติ+นิรามิสตร --ภิกษุ ท. ! สุขที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ..... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. +--ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, สุขนี้เรียกว่า #สุขประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+อามิส --ภิกษุ ท. ! สุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลายเข้าถึง &ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง &ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้ อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้, เข้าถึง &ตติยฌาน แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! สุขนี้เรียกว่า #สุขไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+นิรามิส --ภิกษุ ท.! สุขไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิสเป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณา จิต ที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; สุขโสมนัสใดเกิดขึ้น, สุขโสมนัสนั้นเรียกว่า #สุขไม่กอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส http://etipitaka.com/read/pali/18/293/?keywords=สุข+นิรามิสตร --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. +--ภิกษุ ท. ! อุเบกขาใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, อุเบกขานี้เรียกว่า #อุเบกขาประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+อามิส --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน, เข้าถึง &จตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! อุเบกขานี้เรียกว่า #อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+นิรามิส --ภิกษุ ท. ! อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณา จิตที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; อุเบกขาใดเกิดขึ้น, อุเบกขานั้นเรียกว่า #อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=อุเบกฺขา+นิรามิสตร --ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในรูป เรียกว่า #วิโมกข์ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+อามิส +--ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในอรูป เรียกว่า #วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส. http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+นิรามิส --ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส ทิ่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุขีณาสพ พิจารณา จิตที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; วิโมกข์ใดเกิดขึ้น, วิโมกข์นั้น เรียกว่า #วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส http://etipitaka.com/read/pali/18/294/?keywords=วิโมก+นิรามิสตร แล.- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/248-251/446-457. http://etipitaka.com/read/thai/18/248/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%94%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๒๙๒-๒๙๕/๔๔๖-๔๕๗. http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%94%E0%B9%96 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/18/292/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%97 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=654 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=654 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45 ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น
    -ผลสูงต่ำแห่งการปฏิบัติ ตามที่อาจทำให้เกิดขึ้น ภิกษุ ท. ! ปีติ ที่ประกอบด้วยอามิส (สามิส) ก็มี ปีติที่ไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิส) ก็มี ปีติไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส (นิรามิสตร) ก็มี. ความสุข ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี ความสุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิสก็มี ความสุขไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. อุเบกขา ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. วิโมกข์ ที่ประกอบด้วยอามิส ก็มี วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิสที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส ก็มี. ภิกษุ ท. ! ปีติที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่, ห้าอย่างคือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ปีติใดอาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, ปีตินี้เรียกว่า ปีติประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ได้ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจ ในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ปีตินี้เรียกว่า ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิต ที่หลุดพ้นจากราคะ จิตที่หลุดพ้นจากโทสะ จิตที่หลุดพ้นจากโมหะอยู่ ; ปีติใดเกิดขึ้น, ปีตินั้นเรียกว่า ปีติไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! สุขที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ ..... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, สุขนี้เรียกว่า สุขประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! สุขที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้ อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้, เข้าถึง ตติยฌาน แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! สุขนี้เรียกว่า สุขไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท.! สุขไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิสเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิต ที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; สุขโสมนัสใดเกิดขึ้น, สุขโสมนัสนั้นเรียกว่า สุขไม่กอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ .... เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ .... กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .... รสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .... โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด : เหล่านี้แล คือกามคุณ ๕ อย่าง. ภิกษุ ท. ! อุเบกขาใด อาศัยกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้เกิดขึ้น, อุเบกขานี้เรียกว่า อุเบกขาประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! อุเบกขาที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน, เข้าถึง จตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! อุเบกขานี้เรียกว่า อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อ ภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิตที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; อุเบกขาใดเกิดขึ้น, อุเบกขานั้นเรียกว่า อุเบกขาไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในรูป เรียกว่า วิโมกข์ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ที่ไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? วิโมกข์ที่ประกอบเนื่องอยู่ในอรูป เรียกว่า วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส. ภิกษุ ท. ! วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส ทิ่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุขีณาสพ พิจารณาจิตที่พ้นแล้วจากราคะ จิตที่พ้นแล้วจากโทสะ จิตที่พ้นแล้วจากโมหะ อยู่ ; วิโมกข์ใดเกิดขึ้น, วิโมกข์นั้น เรียกว่า วิโมกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส ที่ยิ่งกว่าไม่ประกอบด้วยอามิส แล.
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • "...แผ่นดินกู อยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าจะมาเอา ก็ดวลกันเท่านั้น จบ!"
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง (แม่ทัพภาคที่ 2)
    เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว...ขอเป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    "...แผ่นดินกู อยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าจะมาเอา ก็ดวลกันเท่านั้น จบ!" พล.ท.บุญสิน พาดกลาง (แม่ทัพภาคที่ 2) เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน🇹🇭แม้แต่ตารางนิ้วเดียว...ขอเป็นกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่านค่ะ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงปิ่นปักมงกฎครอบผมของนักพรตเต๋า Storyฯ เลยนึกขึ้นได้ว่าในภาษาจีนมีชื่อเรียกปิ่นสามแบบหลักด้วยกันคือ ‘จ๊าน’ (簪) ‘ไช้’ (钗) และ ‘ปู้เหยา’(步摇) ไม่แน่ใจว่าในนิยายจีนแปลไทยจะมีจำแนกประเภทตามนี้ด้วยหรือไม่ แต่ในละครแปลไทยเราจะได้ยินการเรียกทั้งสามชนิดว่า ปิ่น ปิ่น และปิ่น

    วันนี้เลยมาเล่าให้เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนฟังคร่าวๆ ถึงความแตกต่างระหว่างปิ่นสามแบบนี้ ซึ่งทั้งสามแบบมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ถัง

    ปิ่นที่เห็นส่วนใหญ่เป็นปิ่นก้านเดียว ซึ่งปิ่นลักษณะนี้เรียกว่า ‘จ๊าน’ เดิมเรียกว่า ‘จี’ (笄) อันเป็นที่มาของคำว่า ‘จีหลี่’ ซึ่งก็คือพิธีปักปิ่นของสตรีเมื่ออายุครบสิบห้า เป็นสัญลักษณ์ว่านางโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว ซึ่งปิ่นจ๊านเป็นปิ่นหลักที่ใช้ยึดมวยผมให้เข้าที่ (แบบที่เห็นนางเอกปิ่นหลุดที ผมก็สยายให้พระเอกตะลึงมองดั่งต้องมนต์) สำหรับผู้ชายจะมีแต่ปิ่นจ๊านอย่างเดียวเท่านั้น

    ‘ไช้’ เป็นปิ่นที่มีสองก้าน (ดูในรูปกลาง) พัฒนามาจากปิ่นจ๊าน แต่จะเห็นว่าก้านสั้นกว่าปิ่นจ๊านมาก เอาไว้ใช้ติดประดับเพิ่มเติม หรือบางทีก้านเล็กละเอียด เอาไว้ช่วยยึดทรงผมที่ซับซ้อนหรือยึดหมวก (คล้ายๆ กิ๊บผมแบบเสียบที่เราใช้กันในปัจจุบัน) เป็นปิ่นที่มีแต่สตรีใช้เท่านั้น

    ส่วน ‘ปู้เหยา’ นั้น แปลตรงตัวว่า ก้าวเดิน + แกว่งไสว ซึ่งก็คือปิ่นที่มีอะไรห้อยตุ้งติ้งหรือเป็นระย้านั่นเอง อาจเป็นแบบก้านเดียวหรือสองก้านก็ได้ มีการบรรยายแฟชั่นจีนโบราณตามค่านิยมไว้ว่า สุภาพสตรียามก้าวย่างชดช้อย มีระย้าปิ่นปู้เหยาแกว่งไกวดึงดูดสายตา ส่วนสุภาพบุรุษยามก้าวย่างเนิบนาบ มีชายพู่ยาวของหยกห้อยเอวแกว่งไกว

    แล้วนัยของการมอบปิ่นล่ะ มีความหมายแตกต่างกันหรือไม่?

    เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยอ่านเจอว่า ฝ่ายหญิงเอาปิ่นของตัวเองหักเป็นครึ่ง ครึ่งหนึ่งให้ฝ่ายชายเก็บไว้ดูต่างหน้ายามต้องร้างลาจากกันไปไกล อีกครึ่งหนึ่งฝ่ายหญิงเก็บไว้เอง ซึ่งการเอาปิ่นมาหักครึ่งมันจะต้องเป็นปิ่นไช้เท่านั้น การหักครึ่งคือหักเหลือข้างละหนึ่งก้านแยกกันเก็บ เป็นนัยว่าปิ่นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง (ไม่ใช่หักก้านเหลือครึ่งท่อน อย่างนั้นความหมายไม่ดี เป็นการแตกหัก)

    ซึ่งกรณีการมอบปิ่นไช้ในลักษณะข้างต้นนั้น เป็นการให้กันระหว่างคู่รักหรือสามีภรรยา และเป็นกรณีเดียวที่การมอบปิ่นไช้เป็นการสื่อถึงความรัก (แต่มันก็จะเศร้าๆ เพราะเป็นการให้ยามต้องพรากจากกัน)

    แต่หากยังไม่ได้เป็นคู่รักหรือสามีภรรยากัน การมอบปิ่นจ๊านระหว่างชายหญิงไม่ได้ให้กันทั่วไป แต่เป็นการบอกรัก เป็นนัยว่าฉันต้องการแต่งงานกับเธอนะ (เป็นที่มาว่าทำไมในละครหลายเรื่องที่นางเอกยังเด็กไม่ประสีประสา ได้รับปิ่นมาไม่คิดอะไร แต่คนรอบข้างรู้หมดว่าฝ่ายชายบอกรัก) ฝ่ายที่ได้รับปิ่นจ๊านแล้ว หากนำมาเสียบใช้ ก็แสดงว่าเธอ/เขาพึงพอใจอีกฝ่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ตอนหมั้นหมายกัน ฝ่ายหญิงอาจให้ปิ่นจ๊านเป็นของแทนใจ เมื่อเข้าหอแล้วเจ้าบ่าวจึงจะนำมาคืนให้เจ้าสาว

    เพื่อนเพจท่านใดที่ยังจำได้ถึงฉากใดในละครหรือหนังสือที่มีการมอบปิ่น ปักปิ่น หักปิ่น ที่ดูจะสื่อความหมายลึกซึ้ง มาเม้นท์แชร์กันได้เลยค่ะ Storyฯ นึกขึ้นได้หลายเรื่องเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.tspweb.com/key/清朝花钿头饰.html
    https://www.chinadaily.com.cn/entertainment/2013-06/25/content_16655730_3.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.bala.iask.sina.com.cn/p/302GbyenIWN
    https://www.kpfans.com/article/dVWMM3wpW1.html
    https://www.chinafetching.com/tradition-of-china-hair-ornament

    #ปิ่นปักผมจีน #เครื่องประดับจีน #การแต่งกายจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงปิ่นปักมงกฎครอบผมของนักพรตเต๋า Storyฯ เลยนึกขึ้นได้ว่าในภาษาจีนมีชื่อเรียกปิ่นสามแบบหลักด้วยกันคือ ‘จ๊าน’ (簪) ‘ไช้’ (钗) และ ‘ปู้เหยา’(步摇) ไม่แน่ใจว่าในนิยายจีนแปลไทยจะมีจำแนกประเภทตามนี้ด้วยหรือไม่ แต่ในละครแปลไทยเราจะได้ยินการเรียกทั้งสามชนิดว่า ปิ่น ปิ่น และปิ่น วันนี้เลยมาเล่าให้เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนฟังคร่าวๆ ถึงความแตกต่างระหว่างปิ่นสามแบบนี้ ซึ่งทั้งสามแบบมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ถัง ปิ่นที่เห็นส่วนใหญ่เป็นปิ่นก้านเดียว ซึ่งปิ่นลักษณะนี้เรียกว่า ‘จ๊าน’ เดิมเรียกว่า ‘จี’ (笄) อันเป็นที่มาของคำว่า ‘จีหลี่’ ซึ่งก็คือพิธีปักปิ่นของสตรีเมื่ออายุครบสิบห้า เป็นสัญลักษณ์ว่านางโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว ซึ่งปิ่นจ๊านเป็นปิ่นหลักที่ใช้ยึดมวยผมให้เข้าที่ (แบบที่เห็นนางเอกปิ่นหลุดที ผมก็สยายให้พระเอกตะลึงมองดั่งต้องมนต์) สำหรับผู้ชายจะมีแต่ปิ่นจ๊านอย่างเดียวเท่านั้น ‘ไช้’ เป็นปิ่นที่มีสองก้าน (ดูในรูปกลาง) พัฒนามาจากปิ่นจ๊าน แต่จะเห็นว่าก้านสั้นกว่าปิ่นจ๊านมาก เอาไว้ใช้ติดประดับเพิ่มเติม หรือบางทีก้านเล็กละเอียด เอาไว้ช่วยยึดทรงผมที่ซับซ้อนหรือยึดหมวก (คล้ายๆ กิ๊บผมแบบเสียบที่เราใช้กันในปัจจุบัน) เป็นปิ่นที่มีแต่สตรีใช้เท่านั้น ส่วน ‘ปู้เหยา’ นั้น แปลตรงตัวว่า ก้าวเดิน + แกว่งไสว ซึ่งก็คือปิ่นที่มีอะไรห้อยตุ้งติ้งหรือเป็นระย้านั่นเอง อาจเป็นแบบก้านเดียวหรือสองก้านก็ได้ มีการบรรยายแฟชั่นจีนโบราณตามค่านิยมไว้ว่า สุภาพสตรียามก้าวย่างชดช้อย มีระย้าปิ่นปู้เหยาแกว่งไกวดึงดูดสายตา ส่วนสุภาพบุรุษยามก้าวย่างเนิบนาบ มีชายพู่ยาวของหยกห้อยเอวแกว่งไกว แล้วนัยของการมอบปิ่นล่ะ มีความหมายแตกต่างกันหรือไม่? เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยอ่านเจอว่า ฝ่ายหญิงเอาปิ่นของตัวเองหักเป็นครึ่ง ครึ่งหนึ่งให้ฝ่ายชายเก็บไว้ดูต่างหน้ายามต้องร้างลาจากกันไปไกล อีกครึ่งหนึ่งฝ่ายหญิงเก็บไว้เอง ซึ่งการเอาปิ่นมาหักครึ่งมันจะต้องเป็นปิ่นไช้เท่านั้น การหักครึ่งคือหักเหลือข้างละหนึ่งก้านแยกกันเก็บ เป็นนัยว่าปิ่นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง (ไม่ใช่หักก้านเหลือครึ่งท่อน อย่างนั้นความหมายไม่ดี เป็นการแตกหัก) ซึ่งกรณีการมอบปิ่นไช้ในลักษณะข้างต้นนั้น เป็นการให้กันระหว่างคู่รักหรือสามีภรรยา และเป็นกรณีเดียวที่การมอบปิ่นไช้เป็นการสื่อถึงความรัก (แต่มันก็จะเศร้าๆ เพราะเป็นการให้ยามต้องพรากจากกัน) แต่หากยังไม่ได้เป็นคู่รักหรือสามีภรรยากัน การมอบปิ่นจ๊านระหว่างชายหญิงไม่ได้ให้กันทั่วไป แต่เป็นการบอกรัก เป็นนัยว่าฉันต้องการแต่งงานกับเธอนะ (เป็นที่มาว่าทำไมในละครหลายเรื่องที่นางเอกยังเด็กไม่ประสีประสา ได้รับปิ่นมาไม่คิดอะไร แต่คนรอบข้างรู้หมดว่าฝ่ายชายบอกรัก) ฝ่ายที่ได้รับปิ่นจ๊านแล้ว หากนำมาเสียบใช้ ก็แสดงว่าเธอ/เขาพึงพอใจอีกฝ่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ตอนหมั้นหมายกัน ฝ่ายหญิงอาจให้ปิ่นจ๊านเป็นของแทนใจ เมื่อเข้าหอแล้วเจ้าบ่าวจึงจะนำมาคืนให้เจ้าสาว เพื่อนเพจท่านใดที่ยังจำได้ถึงฉากใดในละครหรือหนังสือที่มีการมอบปิ่น ปักปิ่น หักปิ่น ที่ดูจะสื่อความหมายลึกซึ้ง มาเม้นท์แชร์กันได้เลยค่ะ Storyฯ นึกขึ้นได้หลายเรื่องเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.tspweb.com/key/清朝花钿头饰.html https://www.chinadaily.com.cn/entertainment/2013-06/25/content_16655730_3.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.bala.iask.sina.com.cn/p/302GbyenIWN https://www.kpfans.com/article/dVWMM3wpW1.html https://www.chinafetching.com/tradition-of-china-hair-ornament #ปิ่นปักผมจีน #เครื่องประดับจีน #การแต่งกายจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • ประชาชนนับสิบรายเสียชีวิตในเตหะรานจากการโจมตีของอิสราเอล

    สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่าประชาชนราว 60 คน รวมถึงเด็ก 20 คน เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในเขตที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเตหะราน

    เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีระลอกแรกของอิสราเอลมีถึง 78 ราย และบาดเจ็บอีก 320 ราย
    ประชาชนนับสิบรายเสียชีวิตในเตหะรานจากการโจมตีของอิสราเอล สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่าประชาชนราว 60 คน รวมถึงเด็ก 20 คน เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในเขตที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเตหะราน เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีระลอกแรกของอิสราเอลมีถึง 78 ราย และบาดเจ็บอีก 320 ราย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 25 0 Reviews
  • Good morning Thailand
    เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
    ร่วมส่งกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่าน
    16:9 Facebook cover ถ้าเพื่อนๆ ชอบก็เอาไปใช้ได้เลยค่ะ
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    Good morning Thailand เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ร่วมส่งกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่าน 16:9 Facebook cover ถ้าเพื่อนๆ ชอบก็เอาไปใช้ได้เลยค่ะ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • **วลีจีน ‘นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย’**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่อง ‘วลีเด็ด’

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> คงจำได้ว่าตอนท้ายเรื่องพระเอกขอลาออกจากราชการ เหตุผลของเขานั้นหากอ่านจากซับไทยอาจไม่ค่อยเข้าใจความหมาย Storyฯ จึงขอแปลใหม่โดยมีความแตกต่างจากซับไทยเล็กน้อยว่า “จนเมื่อมาพบกับโต้วเจา นางทำให้กระหม่อมรู้ว่า นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” (หมายเหตุ ในซับไทยใช้คำว่า ‘นายพราน’ ซึ่งไม่ผิดแต่ทำให้บริบทที่มาของวลีนี้ขาดหายไป)

    ยังฟังดูงงๆ ใช่ไหม? จะเข้าใจความหมายของมันก็ต้องเข้าใจบริบทและที่มาของมันค่ะ สองประโยค “นักล่ากวาง.... ต้องมองให้กว้าง” นี้ไม่ใช่วลีจีนโบราณ แต่มันมีรากฐานมาจากวรรณกรรมโบราณที่ชื่อว่า ‘หวยหนานจื่อ’ (淮南子 / บุรุษเมืองหวยหนาน) ถูกยกมาจากบรรพที่มีชื่อว่า ‘ซัวหลินซุ่น’ (说林训/ คำสอนจากป่าไม้)

    หวยหนานจื่อเป็นผลงานในยุคสมัยฮั่นตะวันตกของอ๋องหวยหนาน (หลิวอัน) และบัณฑิตในสังกัด ต่อมาถูกนำถวายให้แก่องค์ฮั่นอู่ตี้ (ปี 138 ก่อนคริสตกาล) เดิมมีทั้งหมด 3 บทรวม 62 บรรพ: บทใน 21 บรรพยาวกว่าสองแสนอักษร (ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งแสนสามหมื่นอักษร); บทกลาง 8 บรรพ (สูญหายไปแล้ว); และบทนอก 33 บรรพ (สูญหายไปแล้ว) โดยเนื้อหาของหวยหนานจื่อครอบคลุมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตำนานเล่าขาน (เช่นเรื่องหนี่ว์วาซ่อมแซมฟ้า โฮ่วอี้ยิงตะวัน) ข้อมูลทางธรรมชาติ (เช่นฤดูกาล) หลักหยินหยาง คำสอนขงจื๊อ คำสอนลัทธิเต๋า กลยุทธ์การศึกการทหาร ฯลฯ เรียบเรียงเป็นคำกล่าวสอนชี้ชวนให้คิดและสะท้อนปรัชญาชีวิต จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากมากที่สุดของจีน ทั้งด้วยภาษาที่ใช้และเนื้อหาที่ลึกซึ้งแอบแฝง โดยมีหลายวรรคหลายประโยคที่ถูกยกย่องเป็น ‘วลีเด็ด’ ข้ามกาลเวลาจวบจนปัจจุบัน

    ประโยค “นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ” แปลงมาจากหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย คนเจรจาสินค้าพันตำลึงทองไม่ถกเถียงเงินจำนวนเล็กน้อย” (逐鹿者不顾兔,决千金之货者不争铢两之价。) ความหมายก็คือว่า คนเราเมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ควรวอกแวกไปกับเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามา เหมือนกับนักล่ากวางที่มีเป้าหมายคือกวาง ก็ไม่ควรเสียสมาธิและพลังงานไปกับการล่ากระต่ายที่ผ่านเข้ามา

    ส่วนประโยคหลัง “นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” แปลงมาจากอีกหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่าสัตว์มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ความกระหายภายนอกบดบังความกระจ่างภายในใจ” (逐兽者目不见太山,嗜欲在外,则明所蔽矣。) ความหมายก็คือว่า เมื่อเราใจจดจ่ออยู่กับบางอย่างเราจะมองไม่เห็นภาพใหญ่ เหมือนกับนายพรานที่มัวแต่มองเหยื่อจนไม่เห็นความสวยงามของภูเขา และความต้องการบางอย่างอาจรุนแรงจนบดบังสติความคิดที่ควรมี

    เมื่อเข้าใจบริบทที่มาของประโยคทั้งสองแล้ว เพื่อนเพจคงเข้าใจได้ไม่ยากถึงความนัยที่แท้จริง... พระเอกบอกว่า นางเอกสอนให้เขามองข้ามความสะใจชั่ววูบของการแก้แค้น แต่ให้มองการพลิกคดีของติ้งกั๋วกงและตระกูลเจี่ยงเป็นเป้าหมายใหญ่ และไม่ให้ความแค้นมาบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและภาระหน้าที่ในการผดุงธรรมเพื่อบ้านเมือง มองข้ามความรู้สึกส่วนตัวไปยังภาพที่ใหญ่กว่าซึ่งก็คือความเดือดร้อนหรือความสุขสงบของประชาชน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g63261255/blossom-ending/
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_27370559
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.ihchina.cn/details/7011.html
    https://paper.people.com.cn/fcyym/html/2024-08/02/content_26075300.htm
    https://ctext.org/huainanzi/shuo-lin-xun/zhs
    https://www.xinfajia.net/4835.html
    https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_2e11ccdf0840.aspx
    https://www.shidianguji.com/zh/mingju/7474306868938162226

    #จิ่วฉงจื่อ #วลีจีน #หวยหนานจื่อ #นายพรานกับกระต่าย #สาระจีน
    **วลีจีน ‘นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย’** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่อง ‘วลีเด็ด’ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> คงจำได้ว่าตอนท้ายเรื่องพระเอกขอลาออกจากราชการ เหตุผลของเขานั้นหากอ่านจากซับไทยอาจไม่ค่อยเข้าใจความหมาย Storyฯ จึงขอแปลใหม่โดยมีความแตกต่างจากซับไทยเล็กน้อยว่า “จนเมื่อมาพบกับโต้วเจา นางทำให้กระหม่อมรู้ว่า นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” (หมายเหตุ ในซับไทยใช้คำว่า ‘นายพราน’ ซึ่งไม่ผิดแต่ทำให้บริบทที่มาของวลีนี้ขาดหายไป) ยังฟังดูงงๆ ใช่ไหม? จะเข้าใจความหมายของมันก็ต้องเข้าใจบริบทและที่มาของมันค่ะ สองประโยค “นักล่ากวาง.... ต้องมองให้กว้าง” นี้ไม่ใช่วลีจีนโบราณ แต่มันมีรากฐานมาจากวรรณกรรมโบราณที่ชื่อว่า ‘หวยหนานจื่อ’ (淮南子 / บุรุษเมืองหวยหนาน) ถูกยกมาจากบรรพที่มีชื่อว่า ‘ซัวหลินซุ่น’ (说林训/ คำสอนจากป่าไม้) หวยหนานจื่อเป็นผลงานในยุคสมัยฮั่นตะวันตกของอ๋องหวยหนาน (หลิวอัน) และบัณฑิตในสังกัด ต่อมาถูกนำถวายให้แก่องค์ฮั่นอู่ตี้ (ปี 138 ก่อนคริสตกาล) เดิมมีทั้งหมด 3 บทรวม 62 บรรพ: บทใน 21 บรรพยาวกว่าสองแสนอักษร (ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งแสนสามหมื่นอักษร); บทกลาง 8 บรรพ (สูญหายไปแล้ว); และบทนอก 33 บรรพ (สูญหายไปแล้ว) โดยเนื้อหาของหวยหนานจื่อครอบคลุมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตำนานเล่าขาน (เช่นเรื่องหนี่ว์วาซ่อมแซมฟ้า โฮ่วอี้ยิงตะวัน) ข้อมูลทางธรรมชาติ (เช่นฤดูกาล) หลักหยินหยาง คำสอนขงจื๊อ คำสอนลัทธิเต๋า กลยุทธ์การศึกการทหาร ฯลฯ เรียบเรียงเป็นคำกล่าวสอนชี้ชวนให้คิดและสะท้อนปรัชญาชีวิต จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากมากที่สุดของจีน ทั้งด้วยภาษาที่ใช้และเนื้อหาที่ลึกซึ้งแอบแฝง โดยมีหลายวรรคหลายประโยคที่ถูกยกย่องเป็น ‘วลีเด็ด’ ข้ามกาลเวลาจวบจนปัจจุบัน ประโยค “นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ” แปลงมาจากหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย คนเจรจาสินค้าพันตำลึงทองไม่ถกเถียงเงินจำนวนเล็กน้อย” (逐鹿者不顾兔,决千金之货者不争铢两之价。) ความหมายก็คือว่า คนเราเมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ควรวอกแวกไปกับเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามา เหมือนกับนักล่ากวางที่มีเป้าหมายคือกวาง ก็ไม่ควรเสียสมาธิและพลังงานไปกับการล่ากระต่ายที่ผ่านเข้ามา ส่วนประโยคหลัง “นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” แปลงมาจากอีกหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่าสัตว์มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ความกระหายภายนอกบดบังความกระจ่างภายในใจ” (逐兽者目不见太山,嗜欲在外,则明所蔽矣。) ความหมายก็คือว่า เมื่อเราใจจดจ่ออยู่กับบางอย่างเราจะมองไม่เห็นภาพใหญ่ เหมือนกับนายพรานที่มัวแต่มองเหยื่อจนไม่เห็นความสวยงามของภูเขา และความต้องการบางอย่างอาจรุนแรงจนบดบังสติความคิดที่ควรมี เมื่อเข้าใจบริบทที่มาของประโยคทั้งสองแล้ว เพื่อนเพจคงเข้าใจได้ไม่ยากถึงความนัยที่แท้จริง... พระเอกบอกว่า นางเอกสอนให้เขามองข้ามความสะใจชั่ววูบของการแก้แค้น แต่ให้มองการพลิกคดีของติ้งกั๋วกงและตระกูลเจี่ยงเป็นเป้าหมายใหญ่ และไม่ให้ความแค้นมาบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและภาระหน้าที่ในการผดุงธรรมเพื่อบ้านเมือง มองข้ามความรู้สึกส่วนตัวไปยังภาพที่ใหญ่กว่าซึ่งก็คือความเดือดร้อนหรือความสุขสงบของประชาชน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g63261255/blossom-ending/ https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_27370559 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.ihchina.cn/details/7011.html https://paper.people.com.cn/fcyym/html/2024-08/02/content_26075300.htm https://ctext.org/huainanzi/shuo-lin-xun/zhs https://www.xinfajia.net/4835.html https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_2e11ccdf0840.aspx https://www.shidianguji.com/zh/mingju/7474306868938162226 #จิ่วฉงจื่อ #วลีจีน #หวยหนานจื่อ #นายพรานกับกระต่าย #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
    ร่วมส่งกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่าน
    16:9 Facebook cover ถ้าเพื่อนๆ ชอบก็เอาไปใช้ได้เลยค่ะ
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    เราจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ร่วมส่งกำลัง💝ให้เหล่าทหารกล้า🪖รั้วของชาติทุกท่าน 16:9 Facebook cover ถ้าเพื่อนๆ ชอบก็เอาไปใช้ได้เลยค่ะ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ออกประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล!

    เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ในอิสราเอลมีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้นจากการที่อิหร่านตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องคนไทยในอิสราเอล ดังนี้

    • ตั้งแต่เมื่อคืน อิสราเอลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อเตรียมรับมือกับการตอบโต้ของอิหร่าน และกองทัพอิสราเอลได้ออกข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 03.00 น. ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. ห้ามชุมนุมรวมตัว ห้ามทำ กิจกรรมทางการศึกษาและทำงาน ยกเว้นกิจกรรมที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ อิสราเอลได้ประกาศ ปิดน่านฟ้าจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

    • ขอให้พี่น้องคนไทยพยายามอยู่ใกล้ห้องนิรภัย เมื่อได้ยินเสียงไซเรน งดถ่ายภาพหรือวีดิโอรีบเข้า ห้องนิรภัยทันที และขอให้ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านความปลอดภัยของทางการ ท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำดื่มอาหารแห้ง แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงก์) ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ

    • หากไม่มีกิจธุระหรือเหตุจำเป็น ขอให้พิจารณาเดินทางออกอิสราเอลในโอกาสแรกที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ให้บริการ โดยผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
    สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ออกประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล! เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ในอิสราเอลมีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้นจากการที่อิหร่านตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องคนไทยในอิสราเอล ดังนี้ • ตั้งแต่เมื่อคืน อิสราเอลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อเตรียมรับมือกับการตอบโต้ของอิหร่าน และกองทัพอิสราเอลได้ออกข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 03.00 น. ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. ห้ามชุมนุมรวมตัว ห้ามทำ กิจกรรมทางการศึกษาและทำงาน ยกเว้นกิจกรรมที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ อิสราเอลได้ประกาศ ปิดน่านฟ้าจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง • ขอให้พี่น้องคนไทยพยายามอยู่ใกล้ห้องนิรภัย เมื่อได้ยินเสียงไซเรน งดถ่ายภาพหรือวีดิโอรีบเข้า ห้องนิรภัยทันที และขอให้ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านความปลอดภัยของทางการ ท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำดื่มอาหารแห้ง แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงก์) ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ • หากไม่มีกิจธุระหรือเหตุจำเป็น ขอให้พิจารณาเดินทางออกอิสราเอลในโอกาสแรกที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ให้บริการ โดยผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
More Results