• อัพเกรดโรงงานของคุณด้วยเครื่องขอดเกล็ดปลา 3HP ตัวจริง!
    เครื่องของเราถูกออกแบบมาเพื่อ สู้กับงานหนักต่อเนื่อง ตอบโจทย์ทุกธุรกิจแปรรูปปลา:

    แรงทะลุพิกัด: มอเตอร์ 3 แรงม้า ใช้ไฟ 380V (3 เฟส) มั่นใจได้ว่าขอดเกล็ดปลาจำนวนมากได้ไวและต่อเนื่อง ไม่มีงอแง!
    ระบบลูกกลิ้งขอดเกล็ดปลาทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง ทำให้เกล็ดหลุดมากกว่า 80%
    มาตรฐานระดับโลก: เครื่องจักรผลิตจาก สแตนเลส 304 ทั้งตัว ได้รับการรับรอง CE และรองรับ GMP/HACCP มั่นใจเรื่องความสะอาด ถูกสุขอนามัย
    บำรุงรักษาง่าย: ออกแบบให้ ถอดประกอบทำความสะอาดง่าย และมีช่องเซอร์วิสพร้อมคำแนะนำการหล่อลื่น เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน

    สเปคเครื่อง (YFS-700-HBX-S):
    กำลังไฟ: 3 HP
    ขนาด: 1250 x 550 x 850 mm
    น้ำหนัก: 150 KG

    หยุดใช้แรงงานคน แล้วมาใช้ขุมพลังของเครื่องจักรคุณภาพ! ประหยัดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิตทันที!

    อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงและปรึกษาเราได้เลย:

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #ปลานิล #ขอดเกล็ดปลานิล #เครื่องขอดเกล็ดปลา #เครื่องขอดเกล็ดอัตโนมัติ #Tilapia #TilapiaProcessing #FishScalingMachine #เครื่องแปรรูปปลา #โรงงานแปรรูปปลา #ฟาร์มปลานิล #การเลี้ยงปลานิล #ธุรกิจอาหารทะเล #ตลาดปลา #ร้านอาหารปลา #เตรียมปลา #ทำความสะอาดปลา #วิธีขอดเกล็ดปลา #ปลาสด #อุตสาหกรรมปลา #เครื่องจักรขอดเกล็ด #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ประหยัดแรงงาน #เพิ่มกำลังการผลิต #เครื่องครัวสแตนเลส #ย่งฮะเฮง #SUS304 #เครื่องมือประมง #ลดขั้นตอนการทำปลา #ครัวมืออาชีพ #พร้อมใช้งาน
    ✨ อัพเกรดโรงงานของคุณด้วยเครื่องขอดเกล็ดปลา 3HP ตัวจริง! ✨ เครื่องของเราถูกออกแบบมาเพื่อ สู้กับงานหนักต่อเนื่อง ตอบโจทย์ทุกธุรกิจแปรรูปปลา: ✅ แรงทะลุพิกัด: มอเตอร์ 3 แรงม้า ใช้ไฟ 380V (3 เฟส) มั่นใจได้ว่าขอดเกล็ดปลาจำนวนมากได้ไวและต่อเนื่อง ไม่มีงอแง! ✅ ระบบลูกกลิ้งขอดเกล็ดปลาทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง ทำให้เกล็ดหลุดมากกว่า 80% ✅ มาตรฐานระดับโลก: เครื่องจักรผลิตจาก สแตนเลส 304 ทั้งตัว ได้รับการรับรอง CE และรองรับ GMP/HACCP มั่นใจเรื่องความสะอาด ถูกสุขอนามัย ✅ บำรุงรักษาง่าย: ออกแบบให้ ถอดประกอบทำความสะอาดง่าย และมีช่องเซอร์วิสพร้อมคำแนะนำการหล่อลื่น เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน สเปคเครื่อง (YFS-700-HBX-S): กำลังไฟ: 3 HP ขนาด: 1250 x 550 x 850 mm น้ำหนัก: 150 KG หยุดใช้แรงงานคน แล้วมาใช้ขุมพลังของเครื่องจักรคุณภาพ! ประหยัดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิตทันที! 🛒 อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงและปรึกษาเราได้เลย: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #ปลานิล #ขอดเกล็ดปลานิล #เครื่องขอดเกล็ดปลา #เครื่องขอดเกล็ดอัตโนมัติ #Tilapia #TilapiaProcessing #FishScalingMachine #เครื่องแปรรูปปลา #โรงงานแปรรูปปลา #ฟาร์มปลานิล #การเลี้ยงปลานิล #ธุรกิจอาหารทะเล #ตลาดปลา #ร้านอาหารปลา #เตรียมปลา #ทำความสะอาดปลา #วิธีขอดเกล็ดปลา #ปลาสด #อุตสาหกรรมปลา #เครื่องจักรขอดเกล็ด #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ประหยัดแรงงาน #เพิ่มกำลังการผลิต #เครื่องครัวสแตนเลส #ย่งฮะเฮง #SUS304 #เครื่องมือประมง #ลดขั้นตอนการทำปลา #ครัวมืออาชีพ #พร้อมใช้งาน
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • “AI กินไม่หยุด — ตลาด HDD และ SSD ขาดแคลนทั่วโลก หลังความต้องการเก็บข้อมูลพุ่งทะลุเพดาน”

    ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับการเติบโตของ AI โดยเฉพาะด้าน GPU ที่เป็นหัวใจของการประมวลผล แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือ “พื้นที่จัดเก็บข้อมูล” ที่กำลังถูก AI กลืนกินอย่างเงียบ ๆ ทั้ง HDD และ SSD กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่ม nearline HDD ที่ใช้เก็บข้อมูลแบบ “อุ่น” — ไม่ต้องเข้าถึงตลอดเวลา แต่ก็ต้องพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น

    Western Digital ส่งจดหมายแจ้งลูกค้าว่าความต้องการ HDD ทุกขนาดพุ่งสูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ทันที เพื่อ “รองรับการเติบโต” ซึ่งแน่นอนว่าก็ช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทไปด้วยในตัว

    TrendForce รายงานว่าเวลารอสินค้าสำหรับ nearline HDD ตอนนี้ยาวถึง 52 สัปดาห์ — เกินหนึ่งปีเต็ม ซึ่งสะท้อนว่าผู้ผลิตไม่ได้เพิ่มกำลังการผลิตมานานนับทศวรรษ ขณะที่ AI โดยเฉพาะ generative AI ต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์จากโมเดล แต่รวมถึงชุดข้อมูลสำหรับเทรน, checkpoint, log, และข้อมูลย้อนหลังที่ต้องเก็บไว้เพื่อการตรวจสอบและปรับปรุงโมเดลในอนาคต

    เมื่อ HDD ไม่พอใช้ ผู้ให้บริการคลาวด์ (CSPs) จึงหันไปใช้ SSD โดยเฉพาะ QLC SSD สำหรับงาน cold data แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า HDD ถึง 4–5 เท่า แต่ก็มีข้อดีเรื่องความเร็ว ความหนาแน่น และการใช้พลังงานที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้ SSD ยังต้องปรับระบบจัดการข้อมูลใหม่ทั้งหมด และอาจทำให้ราคาของ SSD โดยเฉพาะรุ่นสำหรับองค์กรพุ่งขึ้นอีก 5–10% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ความต้องการ HDD และ SSD พุ่งสูงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะ generative AI
    Western Digital แจ้งลูกค้าเรื่องการขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD
    เวลารอ nearline HDD ยาวถึง 52 สัปดาห์ — สะท้อนปัญหากำลังการผลิต
    AI ต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล ทั้งผลลัพธ์และข้อมูลเบื้องหลัง

    การเปลี่ยนแปลงในตลาดและผลกระทบ
    CSPs หันไปใช้ QLC SSD สำหรับ cold data แทน HDD ที่ขาดแคลน
    SSD มีข้อดีเรื่องความเร็ว ความหนาแน่น และการใช้พลังงานต่ำ
    การเปลี่ยนไปใช้ SSD ต้องปรับระบบจัดการข้อมูลใหม่ทั้งหมด
    ราคาของ SSD สำหรับองค์กรอาจเพิ่มขึ้น 5–10% ในไตรมาส 4 ปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    QLC SSD มีอัตราการใช้พลังงานต่ำกว่าฮาร์ดดิสก์ประมาณ 30%
    HDD ยังเป็นตัวเลือกหลักสำหรับ cold storage เพราะราคาต่อ GB ต่ำกว่า SSD
    การขาดแคลน HDD เกิดจากการลดกำลังผลิตในปี 2023 เพื่อควบคุมราคาตลาด
    จอภาพ 1000Hz ยังไม่รองรับการใช้งานเฟรมเรตสูงจากการประมวลผล AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/expect-hdd-ssd-shortages-as-ai-rewrites-the-rules-of-storage-hierarchy-multiple-companies-announce-price-hikes-too
    📦 “AI กินไม่หยุด — ตลาด HDD และ SSD ขาดแคลนทั่วโลก หลังความต้องการเก็บข้อมูลพุ่งทะลุเพดาน” ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับการเติบโตของ AI โดยเฉพาะด้าน GPU ที่เป็นหัวใจของการประมวลผล แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือ “พื้นที่จัดเก็บข้อมูล” ที่กำลังถูก AI กลืนกินอย่างเงียบ ๆ ทั้ง HDD และ SSD กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่ม nearline HDD ที่ใช้เก็บข้อมูลแบบ “อุ่น” — ไม่ต้องเข้าถึงตลอดเวลา แต่ก็ต้องพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น Western Digital ส่งจดหมายแจ้งลูกค้าว่าความต้องการ HDD ทุกขนาดพุ่งสูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ทันที เพื่อ “รองรับการเติบโต” ซึ่งแน่นอนว่าก็ช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทไปด้วยในตัว TrendForce รายงานว่าเวลารอสินค้าสำหรับ nearline HDD ตอนนี้ยาวถึง 52 สัปดาห์ — เกินหนึ่งปีเต็ม ซึ่งสะท้อนว่าผู้ผลิตไม่ได้เพิ่มกำลังการผลิตมานานนับทศวรรษ ขณะที่ AI โดยเฉพาะ generative AI ต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์จากโมเดล แต่รวมถึงชุดข้อมูลสำหรับเทรน, checkpoint, log, และข้อมูลย้อนหลังที่ต้องเก็บไว้เพื่อการตรวจสอบและปรับปรุงโมเดลในอนาคต เมื่อ HDD ไม่พอใช้ ผู้ให้บริการคลาวด์ (CSPs) จึงหันไปใช้ SSD โดยเฉพาะ QLC SSD สำหรับงาน cold data แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า HDD ถึง 4–5 เท่า แต่ก็มีข้อดีเรื่องความเร็ว ความหนาแน่น และการใช้พลังงานที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้ SSD ยังต้องปรับระบบจัดการข้อมูลใหม่ทั้งหมด และอาจทำให้ราคาของ SSD โดยเฉพาะรุ่นสำหรับองค์กรพุ่งขึ้นอีก 5–10% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ความต้องการ HDD และ SSD พุ่งสูงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะ generative AI ➡️ Western Digital แจ้งลูกค้าเรื่องการขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD ➡️ เวลารอ nearline HDD ยาวถึง 52 สัปดาห์ — สะท้อนปัญหากำลังการผลิต ➡️ AI ต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล ทั้งผลลัพธ์และข้อมูลเบื้องหลัง ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดและผลกระทบ ➡️ CSPs หันไปใช้ QLC SSD สำหรับ cold data แทน HDD ที่ขาดแคลน ➡️ SSD มีข้อดีเรื่องความเร็ว ความหนาแน่น และการใช้พลังงานต่ำ ➡️ การเปลี่ยนไปใช้ SSD ต้องปรับระบบจัดการข้อมูลใหม่ทั้งหมด ➡️ ราคาของ SSD สำหรับองค์กรอาจเพิ่มขึ้น 5–10% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ QLC SSD มีอัตราการใช้พลังงานต่ำกว่าฮาร์ดดิสก์ประมาณ 30% ➡️ HDD ยังเป็นตัวเลือกหลักสำหรับ cold storage เพราะราคาต่อ GB ต่ำกว่า SSD ➡️ การขาดแคลน HDD เกิดจากการลดกำลังผลิตในปี 2023 เพื่อควบคุมราคาตลาด ➡️ จอภาพ 1000Hz ยังไม่รองรับการใช้งานเฟรมเรตสูงจากการประมวลผล AI https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/expect-hdd-ssd-shortages-as-ai-rewrites-the-rules-of-storage-hierarchy-multiple-companies-announce-price-hikes-too
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Expect HDD, SSD shortages as AI rewrites the rules of storage hierarchy — multiple companies announce price hikes, too
    AI isn't just consuming the GPU market. It's eating storage, too — and the shockwaves are likely to hit both HDD and SSD markets
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • ทำธุรกิจต้องไว! เครื่องบดถ้วยรุ่น 500 กรัม BONNY ตัวเดียวจบทุกงาน!
    การทำผงวัตถุดิบแห้งให้ได้คุณภาพไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! เครื่องบดถ้วยรุ่น 500 กรัม BONNY ช่วยให้การทำงานของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
    - ทรงพลัง: กำลังไฟ 1,400W บดได้ละเอียดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร เมล็ดกาแฟ หรือธัญพืช
    - รวดเร็ว: ความเร็ว 25,000 รอบ/นาที ประหยัดเวลาทำงาน เพิ่มกำลังการผลิต
    - คุ้มค่า: ความจุ 500g เหมาะสำหรับงานหลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง
    ลงทุนครั้งเดียว แต่คุ้มค่าเกินราคาแน่นอน!
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท Facebook: m.me/yonghahheng
    LINE Business ID: @588okjbj (มี @ ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com และ yonghahheng@gmail.com
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบดสมุนไพร #บดแห้ง #เครื่องบดยา #ผงสมุนไพร #เครื่องบดอาหารแห้ง #เครื่องบดความเร็วสูง #ธุรกิจขนาดเล็ก #อุปกรณ์ทำอาหาร #สมุนไพร #เครื่องเทศ #เครื่องบดละเอียด #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องบดพริก #เครื่องบดกาแฟ #เครื่องบดธัญพืช #เครื่องบดสมุนไพรผง #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดไฟฟ้า #เครื่องบดเมล็ดพืช #เครื่องบดวัตถุดิบ #เครื่องบดเครื่องเทศ #บดผง #อุปกรณ์ทำครัว #เครื่องบด #เครื่องบดอาหาร #ของแห้ง
    ทำธุรกิจต้องไว! 🚀 เครื่องบดถ้วยรุ่น 500 กรัม BONNY ตัวเดียวจบทุกงาน! การทำผงวัตถุดิบแห้งให้ได้คุณภาพไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! เครื่องบดถ้วยรุ่น 500 กรัม BONNY ช่วยให้การทำงานของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว 💨 - ทรงพลัง: กำลังไฟ 1,400W บดได้ละเอียดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร เมล็ดกาแฟ หรือธัญพืช 🌾 - รวดเร็ว: ความเร็ว 25,000 รอบ/นาที ประหยัดเวลาทำงาน เพิ่มกำลังการผลิต 📈 - คุ้มค่า: ความจุ 500g เหมาะสำหรับงานหลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง 👍 ลงทุนครั้งเดียว แต่คุ้มค่าเกินราคาแน่นอน! ✨ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 📍 แชท Facebook: m.me/yonghahheng 💬 LINE Business ID: @588okjbj (มี @ ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 📱 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098 📞 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 💻 E-mail: sales@yoryonghahheng.com และ yonghahheng@gmail.com 📧 เวลาเปิดทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบดสมุนไพร #บดแห้ง #เครื่องบดยา #ผงสมุนไพร #เครื่องบดอาหารแห้ง #เครื่องบดความเร็วสูง #ธุรกิจขนาดเล็ก #อุปกรณ์ทำอาหาร #สมุนไพร #เครื่องเทศ #เครื่องบดละเอียด #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องบดพริก #เครื่องบดกาแฟ #เครื่องบดธัญพืช #เครื่องบดสมุนไพรผง #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดไฟฟ้า #เครื่องบดเมล็ดพืช #เครื่องบดวัตถุดิบ #เครื่องบดเครื่องเทศ #บดผง #อุปกรณ์ทำครัว #เครื่องบด #เครื่องบดอาหาร #ของแห้ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • ลืมการปอกหอมแดงแบบเดิมๆ ไปได้เลย!
    ปัญหาโลกแตกของพ่อค้าแม่ค้าอาหารและโรงงานแปรรูป คือการต้องมานั่งปอกและหั่นหอมแดงทีละลูกให้แสบตา เสียเวลา เสียแรงงาน

    แต่ถ้ามีวิธีที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นล่ะ?

    ขอแนะนำ "เครื่องหั่นมันฝรั่งและสไลด์หอมแดงอเนกประสงค์" จาก ย.ย่งฮะเฮง

    เครื่องนี้จะเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่าย! เพราะคุณสามารถสไลด์หอมแดงได้เลย ไม่ต้องปอกเปลือก!

    เพียงแค่ใส่หอมแดงทั้งหัวเข้าเครื่อง ก็ได้ชิ้นสไลด์บางสวย พร้อมนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นหอมเจียว หรือวัตถุดิบทำน้ำพริก ประหยัดเวลาได้มหาศาล! เพิ่มกำลังการผลิตให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ?
    ประหยัดเวลาและแรงงาน: หั่นได้ 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง
    สารพัดประโยชน์: หั่นได้ทั้งมันฝรั่ง แครอท กระชาย ขิง และหอมแดง
    คุณภาพสม่ำเสมอ: ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกชิ้น
    ปรับความหนาได้: ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเมนูอาหาร

    รายละเอียดทางเทคนิคของรุ่น
    - กำลังมอเตอร์: 1 HP
    - แรงดันไฟฟ้า: 220 V.
    - ขนาด: 78 x 74 x 99 ซม.
    - น้ำหนัก: 45 กก.

    เปลี่ยนงานหนักให้เป็นงานง่ายได้แล้ววันนี้!

    สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม:
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    เวลาทำการ:
    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6

    #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นหอมแดง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #อุปกรณ์ทำอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #หอมเจียว #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #foodcutter
    🔥🔥 ลืมการปอกหอมแดงแบบเดิมๆ ไปได้เลย! 🔥🔥 ปัญหาโลกแตกของพ่อค้าแม่ค้าอาหารและโรงงานแปรรูป คือการต้องมานั่งปอกและหั่นหอมแดงทีละลูกให้แสบตา เสียเวลา เสียแรงงาน แต่ถ้ามีวิธีที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นล่ะ? ขอแนะนำ "เครื่องหั่นมันฝรั่งและสไลด์หอมแดงอเนกประสงค์" จาก ย.ย่งฮะเฮง เครื่องนี้จะเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่าย! เพราะคุณสามารถสไลด์หอมแดงได้เลย ไม่ต้องปอกเปลือก! เพียงแค่ใส่หอมแดงทั้งหัวเข้าเครื่อง ก็ได้ชิ้นสไลด์บางสวย พร้อมนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นหอมเจียว หรือวัตถุดิบทำน้ำพริก ⏱️ ประหยัดเวลาได้มหาศาล! เพิ่มกำลังการผลิตให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด! ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ? ✅ ประหยัดเวลาและแรงงาน: หั่นได้ 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ✅ สารพัดประโยชน์: หั่นได้ทั้งมันฝรั่ง แครอท กระชาย ขิง และหอมแดง ✅ คุณภาพสม่ำเสมอ: ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกชิ้น ✅ ปรับความหนาได้: ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเมนูอาหาร รายละเอียดทางเทคนิคของรุ่น - กำลังมอเตอร์: 1 HP - แรงดันไฟฟ้า: 220 V. - ขนาด: 78 x 74 x 99 ซม. - น้ำหนัก: 45 กก. เปลี่ยนงานหนักให้เป็นงานง่ายได้แล้ววันนี้! สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098 Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นหอมแดง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #อุปกรณ์ทำอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #หอมเจียว #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #foodcutter
    0 Comments 0 Shares 662 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ

    TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027

    หากแผนนี้สำเร็จ:
    - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC
    - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน

    แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก

    TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027
    เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026

    ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek
    ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง

    Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
    ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร

    หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC
    ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง
    Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า

    https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027 หากแผนนี้สำเร็จ: - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก ✅ TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027 ➡️ เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 ✅ ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ➡️ ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง ✅ Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร ✅ หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC ➡️ ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง ✅ TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง ➡️ Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    WCCFTECH.COM
    TSMC, World's Largest Contract Chipmaker & NVIDIA AI Supplier, Could Boost Output To 200,000 Wafers Per Month - Report
    TSMC may expand 2-nanometer wafer production to 200,000 per month by 2027 due to strong demand from Apple, NVIDIA, and Intel.
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป AI: NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM กว่า 800,000 ชิ้นในปีนี้

    NVIDIA กำลังเตรียมผลิตและนำโมดูลหน่วยความจำแบบใหม่ที่ชื่อว่า SOCAMM มาใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของตนมากถึง 800,000 ชิ้นภายในปี 2025 โดย SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่มีความสามารถพิเศษคือ “ถอดเปลี่ยนได้” ต่างจาก LPDDR5X หรือ HBM ที่มักถูกบัดกรีติดกับบอร์ด

    SOCAMM ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ใช้พลังงานต่ำ และมีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงประหยัดพลังงาน เช่น AI PC และ AI Server

    โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดย Micron และเริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ซึ่งเป็นสัญญาณว่า NVIDIA กำลังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบหน่วยความจำใหม่ในผลิตภัณฑ์ AI หลายรุ่น โดยในอนาคต SOCAMM 2 จะถูกเปิดตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพอีกขั้น

    NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM memory modules มากถึง 800,000 ชิ้นในปี 2025
    เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน

    SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    ติดตั้งด้วยสกรู 3 ตัว ไม่ต้องบัดกรีติดกับ PCB

    SOCAMM มีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s
    เหนือกว่า RDIMM, LPDDR5X และ LPCAMM ในหลายด้าน

    เริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA
    เป็นการเปลี่ยนผ่านจาก HBM ไปสู่หน่วยความจำแบบใหม่

    Micron เป็นผู้ผลิตหลักของ SOCAMM ในปัจจุบัน
    Samsung และ SK Hynix กำลังเจรจาเพื่อร่วมผลิตในอนาคต

    SOCAMM 2 จะเปิดตัวในปีหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
    คาดว่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับอุปกรณ์ AI พลังต่ำ

    จำนวน 800,000 ชิ้นยังน้อยเมื่อเทียบกับ HBM ที่ใช้ในปีเดียวกัน
    SOCAMM ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้งานในวงกว้าง

    SOCAMM ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพพลังงานที่ชัดเจน
    ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันข้อดีเหนือ RDIMM และ LPDDR5X

    การเปลี่ยนไปใช้ SOCAMM อาจต้องปรับโครงสร้างฮาร์ดแวร์เดิม
    โดยเฉพาะในระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ HBM หรือ LPDDR แบบบัดกรี

    การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว (Micron) อาจเป็นความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    หาก Samsung และ SK Hynix ยังไม่เข้าร่วมในระยะสั้น

    https://wccftech.com/nvidia-to-deploy-up-to-800000-units-of-its-socamm-modules-this-year-in-its-ai-products/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิป AI: NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM กว่า 800,000 ชิ้นในปีนี้ NVIDIA กำลังเตรียมผลิตและนำโมดูลหน่วยความจำแบบใหม่ที่ชื่อว่า SOCAMM มาใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของตนมากถึง 800,000 ชิ้นภายในปี 2025 โดย SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่มีความสามารถพิเศษคือ “ถอดเปลี่ยนได้” ต่างจาก LPDDR5X หรือ HBM ที่มักถูกบัดกรีติดกับบอร์ด SOCAMM ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ใช้พลังงานต่ำ และมีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงประหยัดพลังงาน เช่น AI PC และ AI Server โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดย Micron และเริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ซึ่งเป็นสัญญาณว่า NVIDIA กำลังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบหน่วยความจำใหม่ในผลิตภัณฑ์ AI หลายรุ่น โดยในอนาคต SOCAMM 2 จะถูกเปิดตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพอีกขั้น ✅ NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM memory modules มากถึง 800,000 ชิ้นในปี 2025 ➡️ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ✅ SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ➡️ ติดตั้งด้วยสกรู 3 ตัว ไม่ต้องบัดกรีติดกับ PCB ✅ SOCAMM มีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ➡️ เหนือกว่า RDIMM, LPDDR5X และ LPCAMM ในหลายด้าน ✅ เริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ➡️ เป็นการเปลี่ยนผ่านจาก HBM ไปสู่หน่วยความจำแบบใหม่ ✅ Micron เป็นผู้ผลิตหลักของ SOCAMM ในปัจจุบัน ➡️ Samsung และ SK Hynix กำลังเจรจาเพื่อร่วมผลิตในอนาคต ✅ SOCAMM 2 จะเปิดตัวในปีหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ➡️ คาดว่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับอุปกรณ์ AI พลังต่ำ ‼️ จำนวน 800,000 ชิ้นยังน้อยเมื่อเทียบกับ HBM ที่ใช้ในปีเดียวกัน ⛔ SOCAMM ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้งานในวงกว้าง ‼️ SOCAMM ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพพลังงานที่ชัดเจน ⛔ ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันข้อดีเหนือ RDIMM และ LPDDR5X ‼️ การเปลี่ยนไปใช้ SOCAMM อาจต้องปรับโครงสร้างฮาร์ดแวร์เดิม ⛔ โดยเฉพาะในระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ HBM หรือ LPDDR แบบบัดกรี ‼️ การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว (Micron) อาจเป็นความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ⛔ หาก Samsung และ SK Hynix ยังไม่เข้าร่วมในระยะสั้น https://wccftech.com/nvidia-to-deploy-up-to-800000-units-of-its-socamm-modules-this-year-in-its-ai-products/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA To Deploy Up To 800,000 Units Of Its SOCAMM Modules This Year In Its AI Products
    As per a report, NVIDIA is expected to produce up to 800,000 SOCAMM memory units this year to deliver high efficiency and performance for its AI products.
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025
    การเติบโตของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างผลกระทบต่อ โครงสร้างพลังงานโลก โดยมีการคาดการณ์ว่า AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025

    การขยายตัวของ Generative AI ทำให้เกิดการลงทุนมหาศาลใน ศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ AI accelerators จาก Nvidia และ AMD ซึ่งมีการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    นักวิจัย Alex de Vries-Gao จาก Vrije Universiteit Amsterdam วิเคราะห์ข้อมูลจาก สเปกอุปกรณ์, การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และรายงานของบริษัท เพื่อประเมิน ปริมาณการผลิตและการใช้พลังงานของฮาร์ดแวร์ AI

    ข้อมูลจากข่าว
    - AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025
    - AI คาดว่าจะใช้พลังงานเกือบครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลทั้งหมดภายในปีหน้า
    - Nvidia H100 AI accelerator ใช้พลังงาน 700 วัตต์ต่อหน่วย
    - ฮาร์ดแวร์ AI ที่ผลิตในปี 2023-2024 อาจต้องใช้พลังงานระหว่าง 5.3 ถึง 9.4 กิกะวัตต์
    - TSMC วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต CoWoS packaging technology เป็นสองเท่าในปี 2025

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเติบโตของ AI อาจทำให้การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสองปี
    - บางโครงการกำลังใช้โครงสร้างพื้นฐานพลังงานฟอสซิล เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4.5 กิกะวัตต์ เพื่อรองรับ AI
    - การใช้พลังงานของ AI ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงาน หากใช้พลังงานจากฟอสซิล อาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอน
    - บริษัทเทคโนโลยีมักไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานของ AI ซึ่งอาจส่งผลต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

    การเติบโตของ AI อาจทำให้ ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และส่งผลต่อ นโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม

    https://www.techspot.com/news/108140-ai-could-soon-consume-more-electricity-than-bitcoin.html
    ⚡ AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025 การเติบโตของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างผลกระทบต่อ โครงสร้างพลังงานโลก โดยมีการคาดการณ์ว่า AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025 การขยายตัวของ Generative AI ทำให้เกิดการลงทุนมหาศาลใน ศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ AI accelerators จาก Nvidia และ AMD ซึ่งมีการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักวิจัย Alex de Vries-Gao จาก Vrije Universiteit Amsterdam วิเคราะห์ข้อมูลจาก สเปกอุปกรณ์, การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และรายงานของบริษัท เพื่อประเมิน ปริมาณการผลิตและการใช้พลังงานของฮาร์ดแวร์ AI ✅ ข้อมูลจากข่าว - AI อาจใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin และบางประเทศภายในปี 2025 - AI คาดว่าจะใช้พลังงานเกือบครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลทั้งหมดภายในปีหน้า - Nvidia H100 AI accelerator ใช้พลังงาน 700 วัตต์ต่อหน่วย - ฮาร์ดแวร์ AI ที่ผลิตในปี 2023-2024 อาจต้องใช้พลังงานระหว่าง 5.3 ถึง 9.4 กิกะวัตต์ - TSMC วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต CoWoS packaging technology เป็นสองเท่าในปี 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเติบโตของ AI อาจทำให้การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสองปี - บางโครงการกำลังใช้โครงสร้างพื้นฐานพลังงานฟอสซิล เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4.5 กิกะวัตต์ เพื่อรองรับ AI - การใช้พลังงานของ AI ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงาน หากใช้พลังงานจากฟอสซิล อาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอน - บริษัทเทคโนโลยีมักไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานของ AI ซึ่งอาจส่งผลต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม การเติบโตของ AI อาจทำให้ ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และส่งผลต่อ นโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม https://www.techspot.com/news/108140-ai-could-soon-consume-more-electricity-than-bitcoin.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI could soon consume more electricity than Bitcoin mining and entire countries
    The rapid expansion of generative AI has triggered a boom in data center construction and hardware production. As AI applications become more complex and are more widely...
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีน กำลังเผชิญกับ ปัญหาด้านผลผลิตและอัตราการได้ชิปที่ลดลง เนื่องจาก ข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2025

    ปัญหาหลักเกิดจาก เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปี ซึ่งทำให้ กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำและอัตราการได้ชิปลดลง นอกจากนี้ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ทำให้เกิด ความผันผวนของผลผลิตเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน

    SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์
    - ส่งผลให้ รายได้ในไตรมาสที่สองลดลงถึง 6%

    เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปีทำให้กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำ
    - ส่งผลให้ อัตราการได้ชิปลดลง

    การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
    - ทำให้ ผลผลิตลดลงเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน

    SMIC ต้องเบี่ยงงบประมาณด้าน R&D ไปใช้แก้ไขปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่
    - ส่งผลให้ งบ R&D ลดลงจาก 180-225 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 150 ล้านดอลลาร์

    SMIC คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้
    - แม้จะเผชิญปัญหา แต่ยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/smic-faces-chip-yield-woes-as-equipment-maintenance-and-validation-efforts-stall
    SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีน กำลังเผชิญกับ ปัญหาด้านผลผลิตและอัตราการได้ชิปที่ลดลง เนื่องจาก ข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2025 ปัญหาหลักเกิดจาก เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปี ซึ่งทำให้ กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำและอัตราการได้ชิปลดลง นอกจากนี้ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ทำให้เกิด ความผันผวนของผลผลิตเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ✅ SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ - ส่งผลให้ รายได้ในไตรมาสที่สองลดลงถึง 6% ✅ เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปีทำให้กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำ - ส่งผลให้ อัตราการได้ชิปลดลง ✅ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข - ทำให้ ผลผลิตลดลงเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ✅ SMIC ต้องเบี่ยงงบประมาณด้าน R&D ไปใช้แก้ไขปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ - ส่งผลให้ งบ R&D ลดลงจาก 180-225 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 150 ล้านดอลลาร์ ✅ SMIC คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้ - แม้จะเผชิญปัญหา แต่ยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/smic-faces-chip-yield-woes-as-equipment-maintenance-and-validation-efforts-stall
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ

    Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores

    Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing
    - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end
    - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า

    Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
    - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้
    - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf

    Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026
    - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้ - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026 - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก
    - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI"
    - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก

    ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
    - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI
    - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น

    NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
    - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI

    AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI
    - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD

    https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น ✅ ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI" - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก ✅ ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น ✅ NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI ✅ AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA and AMD CEOs Pay a Visit To Japan In Quick Succession, Meet with PM Ishiba to Capitalize on the Nation's AI Ambitions
    The CEOs of NVIDIA and AMD have reportedly visited Japan in quick succession, as both firms are eager to capitalize on a growing AI market.
    0 Comments 0 Shares 531 Views 0 Reviews
  • แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก

    การขยายกำลังการผลิต:
    - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่
    - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้

    ความสำคัญของ ABF:
    - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์
    - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU

    การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
    - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
    - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก ✅ การขยายกำลังการผลิต: - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่ - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้ ✅ ความสำคัญของ ABF: - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์ - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ส่งผลกระทบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โรงงานในไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญไม่ได้รับความเสียหาย บริษัทเทคโนโลยีรายงานว่าดำเนินงานตามปกติ และมีแนวโน้มขยายการผลิตในพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชน

    การดำเนินการหลังเหตุการณ์:
    - บริษัทในไทยหลายแห่ง เช่น Zhen Ding Tech และ Delta Electronics ทำการอพยพพนักงานชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและกลับมาดำเนินงานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

    ความสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรม:
    - ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับบริษัทอย่าง Intel, Seagate และ Western Digital และเหตุการณ์นี้เป็นการทดสอบความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้

    แนวโน้มการขยายการผลิต:
    - หลายบริษัทกำลังเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม

    ความมั่นคงของโรงงาน:
    - โรงงานในพื้นที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เช่น จังหวัดระยองและชลบุรี ไม่มีรายงานความเสียหาย และยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/can-earthquake-in-myanmar-disrupt-pc-hardware-production-manufacturers-are-checking-out
    เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ส่งผลกระทบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โรงงานในไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญไม่ได้รับความเสียหาย บริษัทเทคโนโลยีรายงานว่าดำเนินงานตามปกติ และมีแนวโน้มขยายการผลิตในพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชน การดำเนินการหลังเหตุการณ์: - บริษัทในไทยหลายแห่ง เช่น Zhen Ding Tech และ Delta Electronics ทำการอพยพพนักงานชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและกลับมาดำเนินงานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ความสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรม: - ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับบริษัทอย่าง Intel, Seagate และ Western Digital และเหตุการณ์นี้เป็นการทดสอบความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้ แนวโน้มการขยายการผลิต: - หลายบริษัทกำลังเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม ความมั่นคงของโรงงาน: - โรงงานในพื้นที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เช่น จังหวัดระยองและชลบุรี ไม่มีรายงานความเสียหาย และยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง https://www.tomshardware.com/tech-industry/can-earthquake-in-myanmar-disrupt-pc-hardware-production-manufacturers-are-checking-out
    0 Comments 0 Shares 604 Views 0 Reviews
  • ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง

    รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง

    ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง

    แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
    ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Solar power sets record in the US with 50 GW added, meanwhile Big Tech bets on nuclear
    According to the US Solar Market Insight 2024 Year in Review report by the Solar Energy Industries Association (SEIA) and Wood Mackenzie, solar and storage together accounted...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 492 Views 0 Reviews
  • Thomas Caulfield ผู้บริหารของ GlobalFoundries ได้พูดในงานประชุมกับนักลงทุนของ Morgan Stanley เกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับชิปที่ผลิตในต่างประเทศ เขาแสดงความคิดเห็นว่าภาษีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยช่วยเพิ่มความต้องการชิปที่ผลิตในประเทศ ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อชิปที่ผลิตในโรงงานในสหรัฐฯ มากขึ้น

    Thomas ยังกล่าวอีกว่า กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งมีมูลค่า 52.7 พันล้านดอลลาร์ และเครดิตภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์การผลิตชิป ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชิปในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่เขาคิดว่าการใช้แค่กฎหมายนี้หรือเครดิตภาษีเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องมีการใช้ภาษีศุลกากรควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สร้างกลไกที่ทำให้ความต้องการชิปในประเทศสูงขึ้น

    ในระหว่างนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ได้จัดแถลงข่าวร่วมกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ซึ่งได้ประกาศแผนการลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงานในสหรัฐฯ สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงการที่ TSMC ต้องการเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่พวกเขาจะต้องเผชิญหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ

    Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า TSMC ตัดสินใจลงทุนในสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการเข้าสู่ตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและหลีกเลี่ยงภาษีที่อาจต้องเจอหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/globalfoundries-chief-says-tariffs-could-benefit-us-chipmakers
    Thomas Caulfield ผู้บริหารของ GlobalFoundries ได้พูดในงานประชุมกับนักลงทุนของ Morgan Stanley เกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับชิปที่ผลิตในต่างประเทศ เขาแสดงความคิดเห็นว่าภาษีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยช่วยเพิ่มความต้องการชิปที่ผลิตในประเทศ ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อชิปที่ผลิตในโรงงานในสหรัฐฯ มากขึ้น Thomas ยังกล่าวอีกว่า กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งมีมูลค่า 52.7 พันล้านดอลลาร์ และเครดิตภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์การผลิตชิป ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชิปในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่เขาคิดว่าการใช้แค่กฎหมายนี้หรือเครดิตภาษีเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องมีการใช้ภาษีศุลกากรควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สร้างกลไกที่ทำให้ความต้องการชิปในประเทศสูงขึ้น ในระหว่างนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ได้จัดแถลงข่าวร่วมกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ซึ่งได้ประกาศแผนการลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงานในสหรัฐฯ สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงการที่ TSMC ต้องการเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่พวกเขาจะต้องเผชิญหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า TSMC ตัดสินใจลงทุนในสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการเข้าสู่ตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและหลีกเลี่ยงภาษีที่อาจต้องเจอหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/globalfoundries-chief-says-tariffs-could-benefit-us-chipmakers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GlobalFoundries chief says tariffs could benefit US chipmakers
    (Reuters) - GlobalFoundries Chief Executive Officer Thomas Caulfield said on Tuesday that U.S. tariffs on foreign-made chips could help U.S. chip manufacturers by boosting demand for domestically made chips.
    0 Comments 0 Shares 462 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ออก executive order จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง ( sovereign wealth fund --U.S. government-owned investment fund) ระบุ กองทุนนี้จะเข้าลงทุนใน TikTok และสินทรัพย์อื่นที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเงินกองทุนจะมาจากการเก็บภาษีนำเข้า คาร์บอนเครดิต รายได้รัฐบาล
    *ทรัมป์ต้องการที่จะให้สหรัฐถือหุ้นใน tiktok 50% (เบื้องต้นยังไม่ระบุว่าจะให้ใครเข้าไปซื้ออย่างชัดเจน)
    **แต่อย่างไรก็ตามยังต้องผ่านสภาก่อน สหรัฐไม่เคยมีกองทุนความมั่งคั่งมาก่อน

    sovereign wealth fund เป็นกองทุนการลงทุนที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทำหน้าที่บริหารเงินของประเทศ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเงินรายได้ของประเทศที่มีในระดับสูง อยู่ในภาวะเกินดุล กองทุนฯ จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ บริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนและสนับสุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจ หรืออาจจะเพื่อหาเงินทุนให้กับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ประเทศที่มี SWF เช่น สวีเดน นอร์เวย์
    ..........................
    พลังงาน
    นโยบายทรัมป์ที่จะหนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ
    บริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและทางซาอุฯ ปฏิเสธที่จะเพิ่มกำลังการผลิต
    บริษัทขุดเจาะสหรัฐ มุ่งความสนใจไปที่การลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนมากกว่าจะลงทุนเพิ่ม
    ทรัมป์ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง (จากซัพพลายที่เพิ่ม) จะช่วยแก้ปัญหาให้กับหลาย ๆ ประเทศ
    ทรัมป์ออก executive order จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง ( sovereign wealth fund --U.S. government-owned investment fund) ระบุ กองทุนนี้จะเข้าลงทุนใน TikTok และสินทรัพย์อื่นที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเงินกองทุนจะมาจากการเก็บภาษีนำเข้า คาร์บอนเครดิต รายได้รัฐบาล *ทรัมป์ต้องการที่จะให้สหรัฐถือหุ้นใน tiktok 50% (เบื้องต้นยังไม่ระบุว่าจะให้ใครเข้าไปซื้ออย่างชัดเจน) **แต่อย่างไรก็ตามยังต้องผ่านสภาก่อน สหรัฐไม่เคยมีกองทุนความมั่งคั่งมาก่อน sovereign wealth fund เป็นกองทุนการลงทุนที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทำหน้าที่บริหารเงินของประเทศ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเงินรายได้ของประเทศที่มีในระดับสูง อยู่ในภาวะเกินดุล กองทุนฯ จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ บริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนและสนับสุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจ หรืออาจจะเพื่อหาเงินทุนให้กับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ประเทศที่มี SWF เช่น สวีเดน นอร์เวย์ .......................... พลังงาน นโยบายทรัมป์ที่จะหนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ บริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและทางซาอุฯ ปฏิเสธที่จะเพิ่มกำลังการผลิต บริษัทขุดเจาะสหรัฐ มุ่งความสนใจไปที่การลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนมากกว่าจะลงทุนเพิ่ม ทรัมป์ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง (จากซัพพลายที่เพิ่ม) จะช่วยแก้ปัญหาให้กับหลาย ๆ ประเทศ
    0 Comments 0 Shares 731 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงความท้าทายที่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เผชิญในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา แม้ว่ากฎหมายของไต้หวันจะอนุญาตให้ TSMC ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตล่าสุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ แต่การดำเนินการนี้ยังคงมีความซับซ้อนเนื่องจากระยะทางและระบบราชการในสหรัฐอเมริกา

    C.C. Wei ประธานและซีอีโอของ TSMC อธิบายว่า การเพิ่มกำลังการผลิตเทคโนโลยีการผลิตชั้นนำในสหรัฐอเมริกานั้นซับซ้อน เนื่องจากโรงงานในรัฐแอริโซนาอยู่ห่างไกลจากทีมวิจัยและพัฒนาในไต้หวัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ ระบบราชการในสหรัฐอเมริกายังทำให้การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับไต้หวัน และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนี้ การขาดแคลนซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นในสหรัฐอเมริกายังทำให้ TSMC ต้องขนส่งสารเคมีจากไต้หวันไปยังลอสแอนเจลิสและจากนั้นไปยังแอริโซนา ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผลิต

    การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น การออกแบบโรงงานใหม่เพื่อรองรับเครื่องมือ EUV ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้สารเคมีใหม่ที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่

    การขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกายังคงเป็นความท้าทายที่ TSMC ต้องเผชิญ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีและระบบราชการที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bureaucracy-and-distance-mean-tsmcs-u-s-fabs-may-always-be-behind-taiwan
    บทความนี้กล่าวถึงความท้าทายที่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เผชิญในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา แม้ว่ากฎหมายของไต้หวันจะอนุญาตให้ TSMC ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตล่าสุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ แต่การดำเนินการนี้ยังคงมีความซับซ้อนเนื่องจากระยะทางและระบบราชการในสหรัฐอเมริกา C.C. Wei ประธานและซีอีโอของ TSMC อธิบายว่า การเพิ่มกำลังการผลิตเทคโนโลยีการผลิตชั้นนำในสหรัฐอเมริกานั้นซับซ้อน เนื่องจากโรงงานในรัฐแอริโซนาอยู่ห่างไกลจากทีมวิจัยและพัฒนาในไต้หวัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ ระบบราชการในสหรัฐอเมริกายังทำให้การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับไต้หวัน และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การขาดแคลนซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นในสหรัฐอเมริกายังทำให้ TSMC ต้องขนส่งสารเคมีจากไต้หวันไปยังลอสแอนเจลิสและจากนั้นไปยังแอริโซนา ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น การออกแบบโรงงานใหม่เพื่อรองรับเครื่องมือ EUV ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้สารเคมีใหม่ที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ การขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกายังคงเป็นความท้าทายที่ TSMC ต้องเผชิญ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีและระบบราชการที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา https://www.tomshardware.com/tech-industry/bureaucracy-and-distance-mean-tsmcs-u-s-fabs-may-always-be-behind-taiwan
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Bureaucracy and distance mean TSMC's U.S. fabs may always be behind Taiwan
    TSMC says it is close to impossible to ramp up a leading-edge node in the U.S.
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • AMD บ่น Ryzen 7 9800X3D ขาดตลาดเป็นเพราะ Intel ห่วย !! (ขำๆ นะครับ แฟนๆ Intel อย่าโกรธลุงน้าาาา)

    AMD ได้กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนซีพียู Ryzen 7 9800X3D ซึ่งเป็นซีพียูที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกมในปัจจุบัน โดย AMD ระบุว่าปัญหานี้เกิดจากความต้องการที่สูงเกินคาดและผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่คาดไว้

    ในงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส AMD ได้เปิดเผยว่าความต้องการซีพียู Ryzen 7 9800X3D และ 7800X3D นั้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งทำให้การผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันที นอกจากนี้ AMD ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ในอนาคต

    Intel ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Arrow Lake ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ทำให้ความต้องการซีพียูของ AMD เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่า Intel จะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ผลการทดสอบพบว่าการอัปเดตนี้ไม่ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเลย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-says-intels-horrible-product-is-causing-ryzen-9-9800x3d-shortages

    AMD บ่น Ryzen 7 9800X3D ขาดตลาดเป็นเพราะ Intel ห่วย !! (ขำๆ นะครับ แฟนๆ Intel อย่าโกรธลุงน้าาาา) AMD ได้กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนซีพียู Ryzen 7 9800X3D ซึ่งเป็นซีพียูที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกมในปัจจุบัน โดย AMD ระบุว่าปัญหานี้เกิดจากความต้องการที่สูงเกินคาดและผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่คาดไว้ ในงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส AMD ได้เปิดเผยว่าความต้องการซีพียู Ryzen 7 9800X3D และ 7800X3D นั้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งทำให้การผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันที นอกจากนี้ AMD ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ในอนาคต Intel ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Arrow Lake ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ทำให้ความต้องการซีพียูของ AMD เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่า Intel จะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ผลการทดสอบพบว่าการอัปเดตนี้ไม่ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเลย https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-says-intels-horrible-product-is-causing-ryzen-9-9800x3d-shortages
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • ลุงนี่อิจฉาประเทศอื่นๆ มากครับ ใครๆ ก็เมินไทยไปหมด

    Micron Technology ได้เริ่มต้นการก่อสร้างโรงงานประกอบหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ โดยบริษัทจะลงทุน 7 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานนี้ เนื่องจากคาดว่าความต้องการหน่วยความจำ HBM3E, HBM4 และ HBM4E จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคตอันใกล้ท่ามกลางการเติบโตของ AI โรงงานนี้มีกำหนดเริ่มดำเนินการในปี 2026

    โรงงานประกอบ HBM ของ Micron ตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานผลิต 3D NAND และ DRAM ที่มีอยู่ในสิงคโปร์ โรงงานใหม่จะเริ่มการผลิตในปี 2026 และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมากในปี 2027 โรงงานนี้จะใช้ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ AI

    แม้ว่า Micron จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยหน่วยความจำ HBM3E ระดับพรีเมียม แต่เมื่อพูดถึงส่วนแบ่งตลาด HBM บริษัทก็ยังคงเป็นผู้เล่นรองเมื่อเทียบกับ Samsung และ SK hynix อย่างไรก็ตาม Micron กำลังเพิ่มการผลิต HBM3E ที่โรงงานที่มีอยู่ โดยหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาด HBM ประมาณ 20% ในกลางปี 2025. ด้วยโรงงานประกอบใหม่ในสิงคโปร์ที่เริ่มดำเนินการในปี 2026 บริษัทหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ขึ้น

    การลงทุนในโรงงานประกอบ HBM นี้จะสร้างงานประมาณ 1,400 ตำแหน่งในระยะแรก และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ตำแหน่งในอนาคต งานเหล่านี้รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การประกอบ และการทดสอบการดำเนินงาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-invests-usd7-billion-in-hbm-assembly-facility-amid-ai-boom
    ลุงนี่อิจฉาประเทศอื่นๆ มากครับ ใครๆ ก็เมินไทยไปหมด Micron Technology ได้เริ่มต้นการก่อสร้างโรงงานประกอบหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ โดยบริษัทจะลงทุน 7 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานนี้ เนื่องจากคาดว่าความต้องการหน่วยความจำ HBM3E, HBM4 และ HBM4E จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคตอันใกล้ท่ามกลางการเติบโตของ AI โรงงานนี้มีกำหนดเริ่มดำเนินการในปี 2026 โรงงานประกอบ HBM ของ Micron ตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานผลิต 3D NAND และ DRAM ที่มีอยู่ในสิงคโปร์ โรงงานใหม่จะเริ่มการผลิตในปี 2026 และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมากในปี 2027 โรงงานนี้จะใช้ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ AI แม้ว่า Micron จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยหน่วยความจำ HBM3E ระดับพรีเมียม แต่เมื่อพูดถึงส่วนแบ่งตลาด HBM บริษัทก็ยังคงเป็นผู้เล่นรองเมื่อเทียบกับ Samsung และ SK hynix อย่างไรก็ตาม Micron กำลังเพิ่มการผลิต HBM3E ที่โรงงานที่มีอยู่ โดยหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาด HBM ประมาณ 20% ในกลางปี 2025. ด้วยโรงงานประกอบใหม่ในสิงคโปร์ที่เริ่มดำเนินการในปี 2026 บริษัทหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ขึ้น การลงทุนในโรงงานประกอบ HBM นี้จะสร้างงานประมาณ 1,400 ตำแหน่งในระยะแรก และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ตำแหน่งในอนาคต งานเหล่านี้รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การประกอบ และการทดสอบการดำเนินงาน https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-invests-usd7-billion-in-hbm-assembly-facility-amid-ai-boom
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • TSMC ได้เริ่มการผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 2 นาโนเมตรในระดับเล็กที่โรงงาน Baoshan โดยมีการผลิตแผ่นเวเฟอร์จำนวน 5,000 แผ่นต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเวอร์ชัน N2P ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจากกระบวนการ 2 นาโนเมตรรุ่นแรกของบริษัท โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตในปี 2026

    TSMC มีโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 2 นาโนเมตรที่ Baoshan และ Kaohsiung ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลายราย เช่น Apple, Qualcomm, และ MediaTek

    นอกจากนี้ TSMC ยังมีแผนที่จะลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้บริการที่เรียกว่า "CyberShuttle" ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทดสอบชิปของตนบนแผ่นเวเฟอร์เดียวกันได้ ซึ่งจะเริ่มในเดือนเมษายนปีนี้

    https://wccf.tech/1fq9b
    TSMC ได้เริ่มการผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 2 นาโนเมตรในระดับเล็กที่โรงงาน Baoshan โดยมีการผลิตแผ่นเวเฟอร์จำนวน 5,000 แผ่นต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเวอร์ชัน N2P ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจากกระบวนการ 2 นาโนเมตรรุ่นแรกของบริษัท โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตในปี 2026 TSMC มีโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 2 นาโนเมตรที่ Baoshan และ Kaohsiung ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลายราย เช่น Apple, Qualcomm, และ MediaTek นอกจากนี้ TSMC ยังมีแผนที่จะลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้บริการที่เรียกว่า "CyberShuttle" ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทดสอบชิปของตนบนแผ่นเวเฟอร์เดียวกันได้ ซึ่งจะเริ่มในเดือนเมษายนปีนี้ https://wccf.tech/1fq9b
    WCCF.TECH
    TSMC has Kicked Off A Small-Scale Production Run Of 5,000 Monthly Wafers On The 2nm Process At Its Baoshan Plant; Advanced N2P Variant Also Successfully Launched
    Progressing with its 2nm node, TSMC has reportedly kicked off a small-scale production of 5,000 monthly wafers at its Baoshan plant
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • บริษัท Changxin Memory Technologies (CXMT) ของจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดหน่วยความจำ DRAM คาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดหน่วยความจำทั่วโลกได้ถึง 15% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ในช่วงสามปีที่ผ่านมา CXMT มีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 2% แต่ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น DDR4, LPDDR4, LPDDR5 และ DDR5 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ CXMT เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตของ CXMT เป็นการท้าทายต่อผู้นำตลาดเดิมอย่าง Samsung, SK hynix, และ Micron อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาอาจทำให้ความสามารถของ CXMT ในการขยายตลาดทั่วโลกได้ช้ากว่าที่ตัวเองคิด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinese-memory-maker-could-grab-15-percent-of-market-in-the-coming-years-stoking-price-wars
    บริษัท Changxin Memory Technologies (CXMT) ของจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดหน่วยความจำ DRAM คาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดหน่วยความจำทั่วโลกได้ถึง 15% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา CXMT มีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 2% แต่ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น DDR4, LPDDR4, LPDDR5 และ DDR5 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ CXMT เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตของ CXMT เป็นการท้าทายต่อผู้นำตลาดเดิมอย่าง Samsung, SK hynix, และ Micron อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาอาจทำให้ความสามารถของ CXMT ในการขยายตลาดทั่วโลกได้ช้ากว่าที่ตัวเองคิด https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinese-memory-maker-could-grab-15-percent-of-market-in-the-coming-years-stoking-price-wars
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese memory maker could grab 15% of market in the coming years
    Taking a piece of the pie from Micron, Samsung, and SK hynix.
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • Meta กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMRs) หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการฝึก AI ที่ต้องการพลังงานมากขึ้น

    Meta ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 1 ถึง 4 กิกะวัตต์ และกำลังเปิดรับข้อเสนอจากนักพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ Meta หวังว่าจะสามารถใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้เร็วขึ้นและทำให้พลังงานนิวเคลียร์มีราคาถูกลง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-turns-to-nuclear-power-for-ai-training-asking-for-developer-proposals-for-small-modular-reactors-or-larger-nuclear-solutions
    Meta กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMRs) หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการฝึก AI ที่ต้องการพลังงานมากขึ้น Meta ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 1 ถึง 4 กิกะวัตต์ และกำลังเปิดรับข้อเสนอจากนักพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ Meta หวังว่าจะสามารถใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้เร็วขึ้นและทำให้พลังงานนิวเคลียร์มีราคาถูกลง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-turns-to-nuclear-power-for-ai-training-asking-for-developer-proposals-for-small-modular-reactors-or-larger-nuclear-solutions
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • YMTC (Yangtze Memory Technology Co.) ซึ่งเป็นผู้ผลิต 3D NAND ของจีน กำลังใช้แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในประเทศเพื่อเพิ่มการผลิตหน่วยความจำแฟลช แม้ว่าคุณภาพของแผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในจีนอาจยังไม่ดีเท่ากับแผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในประเทศอื่นๆ เพราะการกำแพงเทคโลโลยีของสหรัฐฯ แต่มีแรงกดดันให้ปฏิบัติตามนโยบายของจีนที่ว่า "ซื้อของจีน" ซึ่งทำให้ YMTC และผู้ผลิตหน่วยความจำอื่นๆ ในจีน เช่น Changxin Memory (CXMT) กำลังเพิ่มกำลังการผลิตแผ่นเวเฟอร์เองอย่างต่อเนื่อง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/china-now-producing-its-own-blank-wafers-as-domestic-memory-company-ramps-up-3d-nand-production-ymtc-consumes-500-000-homegrown-wafers-per-month
    YMTC (Yangtze Memory Technology Co.) ซึ่งเป็นผู้ผลิต 3D NAND ของจีน กำลังใช้แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในประเทศเพื่อเพิ่มการผลิตหน่วยความจำแฟลช แม้ว่าคุณภาพของแผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในจีนอาจยังไม่ดีเท่ากับแผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในประเทศอื่นๆ เพราะการกำแพงเทคโลโลยีของสหรัฐฯ แต่มีแรงกดดันให้ปฏิบัติตามนโยบายของจีนที่ว่า "ซื้อของจีน" ซึ่งทำให้ YMTC และผู้ผลิตหน่วยความจำอื่นๆ ในจีน เช่น Changxin Memory (CXMT) กำลังเพิ่มกำลังการผลิตแผ่นเวเฟอร์เองอย่างต่อเนื่อง https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/china-now-producing-its-own-blank-wafers-as-domestic-memory-company-ramps-up-3d-nand-production-ymtc-consumes-500-000-homegrown-wafers-per-month
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ หรือหุ้น OKJ เจ้าของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เผยสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบต่อฟาร์มสารภี ซึ่งคิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมด แม้จะเกิดความเสียหายในบางส่วน แต่บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรับมือเรียบร้อย โดยเพิ่มกำลังการผลิตที่ฟาร์มสันอุ้ม และรับซื้อผลผลิตเพิ่มเติมจากเกษตรกรเครือข่าย

    ขณะที่ครัวกลางและฟาร์มหลักในพื้นที่อื่นๆ ยังคงดำเนินงานตามปกติ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีประกันความเสี่ยง และมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงชั่วคราว คาดว่าพื้นที่ฟาร์มที่เสียหายจะกลับมาเพาะปลูกได้ภายใน 2 เดือน และไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใดู

    #Thaitimes
    บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ หรือหุ้น OKJ เจ้าของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เผยสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบต่อฟาร์มสารภี ซึ่งคิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมด แม้จะเกิดความเสียหายในบางส่วน แต่บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรับมือเรียบร้อย โดยเพิ่มกำลังการผลิตที่ฟาร์มสันอุ้ม และรับซื้อผลผลิตเพิ่มเติมจากเกษตรกรเครือข่าย ขณะที่ครัวกลางและฟาร์มหลักในพื้นที่อื่นๆ ยังคงดำเนินงานตามปกติ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีประกันความเสี่ยง และมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงชั่วคราว คาดว่าพื้นที่ฟาร์มที่เสียหายจะกลับมาเพาะปลูกได้ภายใน 2 เดือน และไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใดู #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 882 Views 0 Reviews