แกะรอยเก่า ตอนที่ 8
นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 8
ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?) เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี
คนเล่านิทาน
นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 8
ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?) เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี
คนเล่านิทาน
แกะรอยเก่า ตอนที่ 8
นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8
ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)
เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี
คนเล่านิทาน
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
69 มุมมอง
0 รีวิว