• “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว”

    ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม

    แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU

    ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้

    ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น

    แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end
    เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU
    ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย
    ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย
    บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson
    การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง
    การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง
    UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว” ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้ ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end ➡️ เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU ➡️ ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย ➡️ ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้ ➡️ หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson ➡️ การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง ➡️ การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง ➡️ UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany, Belgium, Italy, Latvia, and Sweden shift their positions ahead of the October 14 meeting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ

    นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม

    ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก

    ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย
    .
    นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล
    .
    สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล
    .
    ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น

    ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948

    นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย . นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล . สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล . 👉ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น 👉ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948 👉นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง”

    ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด

    แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น

    แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน

    การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้

    ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control
    สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025
    ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส
    บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025

    ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน
    ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์
    ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์
    เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้”
    ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10%
    การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ”
    การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ
    การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง” ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control ➡️ สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025 ➡️ ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส ➡️ บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025 ✅ ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน ➡️ ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์ ➡️ ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ ➡️ เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้” ➡️ ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10% ➡️ การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ” ➡️ การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ ➡️ การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany and Luxembourg joined the opposition on the eve of the crucial September 12 meeting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้ เวทีหลักของงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland 2025 ที่เมืองบูม ประเทศเบลเยียม ก่อนงานจะเริ่มเพียง 2 วัน
    ภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้ เวทีหลักของงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland 2025 ที่เมืองบูม ประเทศเบลเยียม ก่อนงานจะเริ่มเพียง 2 วัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • RWMF2025 เทศกาลดนตรีเรือธงรัฐซาราวัก

    เทศกาลดนตรี The Rainforest World Music Festival 2025 ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัก เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลเรือธงของซาราวัก (Sarawak) รัฐที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ที่เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวหลักของรัฐ โดยในช่วงกลางวัน จะมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมและงานฝีมือ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนในตอนค่ำจะมีการแสดงบนเวทีหลัก ท่ามกลางบรรยากาศของป่าในฤดูฝน และฉากหลังเขาซานตูบง งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 1998 โดยในปีนี้มีศิลปินจาก 20 ประเทศ 20 วงดนตรี และนักดนตรีกว่า 200 คน

    RWMF 2025 ในปีนี้คว้าศิลปินระดับตำนาน Earth, Wind & Fire Experience by Al McKay จากสหรัฐอเมริกา นำโดย อัล แมคเคย์ มือกีตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เจ้าของเพลง September และ Let's groove พร้อมด้วยวง GAGA GUNDUL จากฝรั่งเศสและอินโดนีเซีย SEFFARINE จากโมรอกโก คิวบา สเปน สหรัฐอเมริกาและอิหร่าน OTYKEN จากไซบีเรียและรัสเซีย SEPPUKU PISTOLS จากญี่ปุ่น KULAIWI จากฮาวาย ROB RUHA จากเอาเตียรัว นิวซีแลนด์ MANHU จากจีน TAL FRY จากอินเดีย LA CHIVA GANTIVA จากโคลัมเบียและเบลเยียม และ N'FAMADY KOUYATE จากกินีและอังกฤษ

    ส่วนในอาเซียน มีทั้งพาราไดซ์ แบงคอก หมอลำ อินเตอร์เนชันแนล จากไทย และ KUNTAW MINDANAO จากฟิลิปปินส์ สลับกับวงดนตรีจากมาเลเซียและซาราวัก อาทิ MATHEW NGAU JAU with LAN E TUYANG, NAUNGAN, MERUKED, BUDDHA BEAT ft. SINARAN COLLECTIVE, KANCET AJAJ WARRIOR DANCE, BULOH BERKOCAK, AT ADAU โดยจำหน่ายบัตรเหมา 3 วันในราคา 635 ริงกิต (4,900 บาท) และบัตร 1 วัน ขายล่วงหน้าราคา 235-285 ริงกิต (1,813-2,200 บาท) และขายหน้างานราคา 333 ริงกิต (2,570 บาท) โดยมีรถรับส่งฟรีสำหรับผู้ซื้อบัตร จากตัวเมืองกูชิงถึงบริเวณหาดดาไม และมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวออกแพ็คเกจทัวร์ร่วมกับงาน RWMF 2025 แบบ 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืนพร้อมกิจกรรมอื่นๆ

    สำหรับซาราวักเป็นประตูสู่เกาะบอร์เนียว เชื่อมโยงกับมาเลเซียทางอากาศ โดยท่าอากาศยานกูชิง (KCH) มีเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) กว่า 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในปี 2568 รัฐซาราวักมีกิจกรรมตามปฎิทินท่องเที่ยวราว 250 กิจกรรม มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 5 ล้านคน จากปีที่แล้ว 4.8 ล้านคน ส่วนใหญ่จากประเทศบรูไน ประมาณเดือนละ 150,000 คน ขณะที่ชาวอินโดนีเซียก็สนใจอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีงาน Sarawak Regatta การแข่งขันพายเรือประจำปีบนแม่น้ำซาราวักในช่วงปลายปีอีกด้วย

    #Newskit
    RWMF2025 เทศกาลดนตรีเรือธงรัฐซาราวัก เทศกาลดนตรี The Rainforest World Music Festival 2025 ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัก เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลเรือธงของซาราวัก (Sarawak) รัฐที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ที่เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวหลักของรัฐ โดยในช่วงกลางวัน จะมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมและงานฝีมือ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนในตอนค่ำจะมีการแสดงบนเวทีหลัก ท่ามกลางบรรยากาศของป่าในฤดูฝน และฉากหลังเขาซานตูบง งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 1998 โดยในปีนี้มีศิลปินจาก 20 ประเทศ 20 วงดนตรี และนักดนตรีกว่า 200 คน RWMF 2025 ในปีนี้คว้าศิลปินระดับตำนาน Earth, Wind & Fire Experience by Al McKay จากสหรัฐอเมริกา นำโดย อัล แมคเคย์ มือกีตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เจ้าของเพลง September และ Let's groove พร้อมด้วยวง GAGA GUNDUL จากฝรั่งเศสและอินโดนีเซีย SEFFARINE จากโมรอกโก คิวบา สเปน สหรัฐอเมริกาและอิหร่าน OTYKEN จากไซบีเรียและรัสเซีย SEPPUKU PISTOLS จากญี่ปุ่น KULAIWI จากฮาวาย ROB RUHA จากเอาเตียรัว นิวซีแลนด์ MANHU จากจีน TAL FRY จากอินเดีย LA CHIVA GANTIVA จากโคลัมเบียและเบลเยียม และ N'FAMADY KOUYATE จากกินีและอังกฤษ ส่วนในอาเซียน มีทั้งพาราไดซ์ แบงคอก หมอลำ อินเตอร์เนชันแนล จากไทย และ KUNTAW MINDANAO จากฟิลิปปินส์ สลับกับวงดนตรีจากมาเลเซียและซาราวัก อาทิ MATHEW NGAU JAU with LAN E TUYANG, NAUNGAN, MERUKED, BUDDHA BEAT ft. SINARAN COLLECTIVE, KANCET AJAJ WARRIOR DANCE, BULOH BERKOCAK, AT ADAU โดยจำหน่ายบัตรเหมา 3 วันในราคา 635 ริงกิต (4,900 บาท) และบัตร 1 วัน ขายล่วงหน้าราคา 235-285 ริงกิต (1,813-2,200 บาท) และขายหน้างานราคา 333 ริงกิต (2,570 บาท) โดยมีรถรับส่งฟรีสำหรับผู้ซื้อบัตร จากตัวเมืองกูชิงถึงบริเวณหาดดาไม และมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวออกแพ็คเกจทัวร์ร่วมกับงาน RWMF 2025 แบบ 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืนพร้อมกิจกรรมอื่นๆ สำหรับซาราวักเป็นประตูสู่เกาะบอร์เนียว เชื่อมโยงกับมาเลเซียทางอากาศ โดยท่าอากาศยานกูชิง (KCH) มีเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) กว่า 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในปี 2568 รัฐซาราวักมีกิจกรรมตามปฎิทินท่องเที่ยวราว 250 กิจกรรม มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 5 ล้านคน จากปีที่แล้ว 4.8 ล้านคน ส่วนใหญ่จากประเทศบรูไน ประมาณเดือนละ 150,000 คน ขณะที่ชาวอินโดนีเซียก็สนใจอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีงาน Sarawak Regatta การแข่งขันพายเรือประจำปีบนแม่น้ำซาราวักในช่วงปลายปีอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสร้าง AI อย่าง ChatGPT หรือแผนที่ Google ต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา ซึ่งกินไฟเท่ากับทั้งประเทศเบลเยียมหรือโปแลนด์รวมกัน! และในปี 2030 ตัวเลขนี้อาจ "เบิ้ล" ขึ้นไปอีก โดย 40% ของไฟที่ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้...หมดไปกับ "แอร์"

    Daniel Pope ผู้ก่อตั้งบริษัท Submer จึงเสนอวิธีสุดล้ำคือ “เอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งก้อนจุ่มลงในของเหลวพิเศษ” ที่ไม่ติดไฟ ไม่นำไฟฟ้า และดูเหมือนเบบี้ออยล์ วิธีนี้ช่วยระบายความร้อนโดยตรงกับชิปได้ดีและใช้ไฟน้อยกว่าแอร์เย็นทั่วไป — ผลการศึกษาในเนเธอร์แลนด์พบว่า ลดพลังงานได้ถึง 50%

    ระบบนี้เรียกว่า Immersion Cooling มีคนใช้แล้วใน 17 ประเทศ รายใหญ่ เช่น Intel, Dell และแม้แต่ Microsoft ก็เริ่มสนใจ ใช้กับชิป Maia 100 และพัฒนา “ห้องน้ำเซิร์ฟเวอร์” แบบจุ่มทั้งเครื่องอยู่ด้วย

    แน่นอนว่าไม่ได้ง่าย เพราะของเหลวแบบนี้แพงกว่าระบบแอร์ประมาณ 25% ติดตั้งยาก ต้องดัดแปลงอาคารเดิม และยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมชัดเจน แถมเวลาจะซ่อมเซิร์ฟเวอร์ก็ต้อง “ล้วงในน้ำ” แบบเปียก ๆ ด้วย

    ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล — มากกว่าประเทศเบลเยียมทั้งประเทศ  
    • และกำลังจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2030  
    • 40% ของพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ใช้กับระบบทำความเย็น

    Immersion Cooling คือการจุ่มทั้ง rack ลงในของเหลวพิเศษที่ไม่ติดไฟและไม่เป็นสื่อไฟฟ้า  
    • ของเหลวจาก Submer ทำจากปิโตรเลียมหรือปาล์ม และสามารถย่อยสลายได้  
    • ลดการใช้ไฟได้ >10% และสูงสุดถึง 50% จากบางงานวิจัย

    ประสิทธิภาพดีกว่าระบบแอร์: ระบายความร้อนตรงชิ้นส่วนโดยไม่ต้องเย็นทั้งห้อง  
    • รองรับเซิร์ฟเวอร์ยุคใหม่ที่ใช้ชิปแรง ๆ อย่าง NVIDIA B200 ที่กินไฟหนัก

    ลดการใช้น้ำ — ดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วไปใช้น้ำมากถึง 2 ล้านลิตร/วันในสหรัฐฯ  
    • Immersion cooling ไม่ต้องพึ่งน้ำหมุนเวียนจำนวนมาก

    ใช้พื้นที่น้อยลง — ช่วยลด footprint ของดาต้าเซ็นเตอร์  
    • เหมาะกับเมืองที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานหรือที่ดิน

    Submer มีรายได้ทะลุ €150 ล้านในปี 2023 (โตจากแค่ €600K ในปี 2018)  
    • ลูกค้าใน 17 ประเทศ และคู่ค้าระดับโลกเช่น Intel, Dell

    ต้นทุนสูง — ติดตั้งระบบ immersion cooling อาจแพงกว่าระบบแอร์ถึง 25%  
    • คุ้มเฉพาะในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีภาระความร้อนสูง

    ต้องดัดแปลงอาคารเดิม — พื้นรองรับน้ำหนักของเหลว อาจไม่พร้อม  
    • ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

    ยังไม่มีมาตรฐานกลางในอุตสาหกรรม  
    • ทำให้ต้องระวังเรื่องความเข้ากันกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในอนาคต

    การซ่อมบำรุงลำบาก — ต้อง “ล้วงของ” ใต้น้ำ เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ยุ่งยากกว่าเดิม  
    • เสี่ยงความผิดพลาดและต้องใช้บุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/submerging-servers-in-liquid-helps-data-centres-cut-energy-use
    การสร้าง AI อย่าง ChatGPT หรือแผนที่ Google ต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา ซึ่งกินไฟเท่ากับทั้งประเทศเบลเยียมหรือโปแลนด์รวมกัน! และในปี 2030 ตัวเลขนี้อาจ "เบิ้ล" ขึ้นไปอีก โดย 40% ของไฟที่ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้...หมดไปกับ "แอร์" Daniel Pope ผู้ก่อตั้งบริษัท Submer จึงเสนอวิธีสุดล้ำคือ “เอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งก้อนจุ่มลงในของเหลวพิเศษ” ที่ไม่ติดไฟ ไม่นำไฟฟ้า และดูเหมือนเบบี้ออยล์ วิธีนี้ช่วยระบายความร้อนโดยตรงกับชิปได้ดีและใช้ไฟน้อยกว่าแอร์เย็นทั่วไป — ผลการศึกษาในเนเธอร์แลนด์พบว่า ลดพลังงานได้ถึง 50% ระบบนี้เรียกว่า Immersion Cooling มีคนใช้แล้วใน 17 ประเทศ รายใหญ่ เช่น Intel, Dell และแม้แต่ Microsoft ก็เริ่มสนใจ ใช้กับชิป Maia 100 และพัฒนา “ห้องน้ำเซิร์ฟเวอร์” แบบจุ่มทั้งเครื่องอยู่ด้วย แน่นอนว่าไม่ได้ง่าย เพราะของเหลวแบบนี้แพงกว่าระบบแอร์ประมาณ 25% ติดตั้งยาก ต้องดัดแปลงอาคารเดิม และยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมชัดเจน แถมเวลาจะซ่อมเซิร์ฟเวอร์ก็ต้อง “ล้วงในน้ำ” แบบเปียก ๆ ด้วย ✅ ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล — มากกว่าประเทศเบลเยียมทั้งประเทศ   • และกำลังจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2030   • 40% ของพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ใช้กับระบบทำความเย็น ✅ Immersion Cooling คือการจุ่มทั้ง rack ลงในของเหลวพิเศษที่ไม่ติดไฟและไม่เป็นสื่อไฟฟ้า   • ของเหลวจาก Submer ทำจากปิโตรเลียมหรือปาล์ม และสามารถย่อยสลายได้   • ลดการใช้ไฟได้ >10% และสูงสุดถึง 50% จากบางงานวิจัย ✅ ประสิทธิภาพดีกว่าระบบแอร์: ระบายความร้อนตรงชิ้นส่วนโดยไม่ต้องเย็นทั้งห้อง   • รองรับเซิร์ฟเวอร์ยุคใหม่ที่ใช้ชิปแรง ๆ อย่าง NVIDIA B200 ที่กินไฟหนัก ✅ ลดการใช้น้ำ — ดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วไปใช้น้ำมากถึง 2 ล้านลิตร/วันในสหรัฐฯ   • Immersion cooling ไม่ต้องพึ่งน้ำหมุนเวียนจำนวนมาก ✅ ใช้พื้นที่น้อยลง — ช่วยลด footprint ของดาต้าเซ็นเตอร์   • เหมาะกับเมืองที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานหรือที่ดิน ✅ Submer มีรายได้ทะลุ €150 ล้านในปี 2023 (โตจากแค่ €600K ในปี 2018)   • ลูกค้าใน 17 ประเทศ และคู่ค้าระดับโลกเช่น Intel, Dell ‼️ ต้นทุนสูง — ติดตั้งระบบ immersion cooling อาจแพงกว่าระบบแอร์ถึง 25%   • คุ้มเฉพาะในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีภาระความร้อนสูง ‼️ ต้องดัดแปลงอาคารเดิม — พื้นรองรับน้ำหนักของเหลว อาจไม่พร้อม   • ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานกลางในอุตสาหกรรม   • ทำให้ต้องระวังเรื่องความเข้ากันกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในอนาคต ‼️ การซ่อมบำรุงลำบาก — ต้อง “ล้วงของ” ใต้น้ำ เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ยุ่งยากกว่าเดิม   • เสี่ยงความผิดพลาดและต้องใช้บุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/submerging-servers-in-liquid-helps-data-centres-cut-energy-use
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Submerging servers in liquid helps data centres cut energy use
    When Daniel Pope first floated the idea of submerging servers in liquid as an energy-efficient way to cool them a few years ago, his proposal was met with overwhelming scepticism from data centre equipment makers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติแพทยสภาซ้ำเติม ไม่มีใครอยากเป็นหมอ : [NEWS UPDATE]

    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เผยถึงการชี้แจงที่ประชุมแพทยสภา ประเด็นเห็นต่าง(วีโต้)มติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้เป็นการขู่กรรมการแพทยสภาก่อนลงมติ แค่หวังดีกลัวองค์กรถูกลดความน่าเชื่อถือ ส่วนเอกสารที่แนบให้แพทยสภาที่มีคำว่า “ตีวัวกระทบคราด” ก็หมายความเช่นนั้น เหมือนโกรธอีกคนหนึ่ง แต่ไปตีอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกตีก็เจ็บ และสะเทือนไปทั้งระบบกับหมอที่เกิดมาใหม่ เดี๋ยวจะไม่มีใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ พวกเราก็เดือดร้อน ขณะนี้ยังขาดหมออีกกว่า 30,000 คน หวั่นบทลงโทษเกิดบรรทัดฐาน กระทบหมอรุ่นใหม่ ไม่มีใครอยากเป็นแพทย์ ซ้ำเติมปัญหาหมอขาดแคลน

    -"ทักษิณ"ร้อนรุ่มยื้อเวลา

    -ไลฟ์สดพิจารณางบ 2569

    -เทรนด์เบลเยียมเลี้ยงแมว

    -กองทัพปลุกใจทหาร
    มติแพทยสภาซ้ำเติม ไม่มีใครอยากเป็นหมอ : [NEWS UPDATE] นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เผยถึงการชี้แจงที่ประชุมแพทยสภา ประเด็นเห็นต่าง(วีโต้)มติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้เป็นการขู่กรรมการแพทยสภาก่อนลงมติ แค่หวังดีกลัวองค์กรถูกลดความน่าเชื่อถือ ส่วนเอกสารที่แนบให้แพทยสภาที่มีคำว่า “ตีวัวกระทบคราด” ก็หมายความเช่นนั้น เหมือนโกรธอีกคนหนึ่ง แต่ไปตีอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกตีก็เจ็บ และสะเทือนไปทั้งระบบกับหมอที่เกิดมาใหม่ เดี๋ยวจะไม่มีใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ พวกเราก็เดือดร้อน ขณะนี้ยังขาดหมออีกกว่า 30,000 คน หวั่นบทลงโทษเกิดบรรทัดฐาน กระทบหมอรุ่นใหม่ ไม่มีใครอยากเป็นแพทย์ ซ้ำเติมปัญหาหมอขาดแคลน -"ทักษิณ"ร้อนรุ่มยื้อเวลา -ไลฟ์สดพิจารณางบ 2569 -เทรนด์เบลเยียมเลี้ยงแมว -กองทัพปลุกใจทหาร
    Like
    Haha
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • ความโกลาหลบนถนนเยอรมันจากข้อผิดพลาดของ Google Maps
    Google Maps ทำให้เกิดความวุ่นวายบนถนนในเยอรมนีเมื่อแสดงข้อมูลผิดพลาดว่า ทางหลวงหลายสายถูกปิด ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น และทำให้เกิด การจราจรติดขัดบนถนนสายรอง

    ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในช่วง วันหยุด Ascension ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมากในเยอรมนี โดย Google Maps แสดง สัญลักษณ์ปิดถนน บนทางหลวงใน ภาคตะวันตก, ภาคเหนือ, ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคกลางของประเทศ รวมถึงบางส่วนของ เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์

    ผู้ใช้ที่ไม่ได้พึ่งพา Google Maps หรือใช้บริการอื่น เช่น Apple Maps และ Waze ไม่พบปัญหานี้ และสามารถเดินทางได้ตามปกติ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Google Maps แสดงข้อมูลผิดพลาดว่าทางหลวงหลายสายในเยอรมนีถูกปิด
    - เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด Ascension ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากได้รับผลกระทบ
    - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Google Maps เปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น ทำให้ถนนสายรองติดขัด
    - Apple Maps, Waze และรายงานจราจรแสดงว่าทางหลวงยังเปิดตามปกติ
    - Google ระบุว่าข้อมูลมาจากผู้ใช้, หน่วยงานขนส่ง และผู้ให้บริการบุคคลที่สาม

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ข้อผิดพลาดนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยบางคนคิดว่าเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ
    - Google ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของข้อผิดพลาด
    - AI ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Google Maps อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้
    - Google Maps เคยมีข้อผิดพลาดร้ายแรงมาก่อน เช่น กรณีที่ผู้ใช้ขับรถตกสะพานที่พังไปแล้วในปี 2023

    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาแผนที่ออนไลน์มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาการเดินทาง ผู้ใช้ควร ตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง

    https://www.techspot.com/news/108134-german-roads-thrown-chaos-after-google-maps-mislabels.html
    🚗 ความโกลาหลบนถนนเยอรมันจากข้อผิดพลาดของ Google Maps Google Maps ทำให้เกิดความวุ่นวายบนถนนในเยอรมนีเมื่อแสดงข้อมูลผิดพลาดว่า ทางหลวงหลายสายถูกปิด ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น และทำให้เกิด การจราจรติดขัดบนถนนสายรอง ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในช่วง วันหยุด Ascension ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมากในเยอรมนี โดย Google Maps แสดง สัญลักษณ์ปิดถนน บนทางหลวงใน ภาคตะวันตก, ภาคเหนือ, ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคกลางของประเทศ รวมถึงบางส่วนของ เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ผู้ใช้ที่ไม่ได้พึ่งพา Google Maps หรือใช้บริการอื่น เช่น Apple Maps และ Waze ไม่พบปัญหานี้ และสามารถเดินทางได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google Maps แสดงข้อมูลผิดพลาดว่าทางหลวงหลายสายในเยอรมนีถูกปิด - เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงวันหยุด Ascension ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากได้รับผลกระทบ - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Google Maps เปลี่ยนเส้นทางโดยไม่จำเป็น ทำให้ถนนสายรองติดขัด - Apple Maps, Waze และรายงานจราจรแสดงว่าทางหลวงยังเปิดตามปกติ - Google ระบุว่าข้อมูลมาจากผู้ใช้, หน่วยงานขนส่ง และผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ข้อผิดพลาดนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยบางคนคิดว่าเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ - Google ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของข้อผิดพลาด - AI ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Google Maps อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ - Google Maps เคยมีข้อผิดพลาดร้ายแรงมาก่อน เช่น กรณีที่ผู้ใช้ขับรถตกสะพานที่พังไปแล้วในปี 2023 เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาแผนที่ออนไลน์มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาการเดินทาง ผู้ใช้ควร ตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง https://www.techspot.com/news/108134-german-roads-thrown-chaos-after-google-maps-mislabels.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German roads thrown into chaos after Google Maps mislabels highways as closed
    German motorists likely felt disheartened at the sight of all the stop signs on Google Maps on Thursday. The Guardian reports that major roads in western, northern,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบลเยียมยืนยันพร้อมส่งทหารไปยูเครนในฐานะส่วนหนึ่งของ "แนวร่วมแห่งความเต็มใจ" (coalition of the willing) ที่นำโดยฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร

    ธีโอ แฟรงก์เคิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเบลเยียม
    เบลเยียมยืนยันพร้อมส่งทหารไปยูเครนในฐานะส่วนหนึ่งของ "แนวร่วมแห่งความเต็มใจ" (coalition of the willing) ที่นำโดยฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ธีโอ แฟรงก์เคิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเบลเยียม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กริมฯได้ตามสามีไปดูงานเทศกาลดาราศาตร์ที่เมือง Essen เยอรมนี จากเบลเยียม ระหว่างทางผ่านจะไป Essen ต้องขับผ่านเมืองชายแดนทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ ได้เห็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งโดดเด่นอยู่ริมทาง จากหนังสือ Sapiens กริมฯ ได้รู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบช่วงระหว่างเวลาที่นักเล่นแร่แปรธาตชาวจีน (Alchemists)ค้นพบดินปืนกับชาวเติร์กใช้ลูกปืนใหญ่ยิงทำลายกำแพงเมืองคอนแสตนติโนเบิลนั้น กินเวลาถึง 600 ปี แต่ช่วงเวลาจากที่ไอน์สไตน์ค้นพบว่ามวลใดก็ตามอาจเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ตามสมการ E=mc2 และข่วงเวลาที่ระเบิดนิวเคลียร์ทำลายฮิโรชิมาและนางาซากิจนสิ้นซากรวมไปถึงเกิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ผุดเป็นดอกเห็ดไปทั่วโลกนั้นกินเวลาเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้น กริมฯขอเก็บภาพและความคิดจากหนังสือมาฝากทุกท่านในวันหยุดยาว
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กริมฯได้ตามสามีไปดูงานเทศกาลดาราศาตร์ที่เมือง Essen เยอรมนี จากเบลเยียม ระหว่างทางผ่านจะไป Essen ต้องขับผ่านเมืองชายแดนทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ ได้เห็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งโดดเด่นอยู่ริมทาง จากหนังสือ Sapiens กริมฯ ได้รู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบช่วงระหว่างเวลาที่นักเล่นแร่แปรธาตชาวจีน (Alchemists)ค้นพบดินปืนกับชาวเติร์กใช้ลูกปืนใหญ่ยิงทำลายกำแพงเมืองคอนแสตนติโนเบิลนั้น กินเวลาถึง 600 ปี แต่ช่วงเวลาจากที่ไอน์สไตน์ค้นพบว่ามวลใดก็ตามอาจเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ตามสมการ E=mc2 และข่วงเวลาที่ระเบิดนิวเคลียร์ทำลายฮิโรชิมาและนางาซากิจนสิ้นซากรวมไปถึงเกิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ผุดเป็นดอกเห็ดไปทั่วโลกนั้นกินเวลาเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้น กริมฯขอเก็บภาพและความคิดจากหนังสือมาฝากทุกท่านในวันหยุดยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึง การลักพาตัวนักลงทุนคริปโตในฝรั่งเศสและยุโรป ซึ่งกลุ่มอาชญากรใช้ วิธีการรุนแรงเพื่อบังคับให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่เป็นคริปโต

    เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นใน กรุงปารีส เมื่อชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทการตลาดคริปโต ถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ และถูกบังคับให้ลูกชายของเขาจ่ายค่าไถ่ระหว่าง $5.3 ล้านถึง $8 ล้าน ในคริปโต เหยื่อถูกกักขังเป็นเวลา สองวัน และถูกตัดนิ้วเพื่อส่งไปให้ลูกชายของเขา

    นักลงทุนคริปโตในฝรั่งเศสและยุโรปตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มอาชญากร
    - กลุ่มอาชญากรใช้ วิธีการรุนแรงเพื่อบังคับให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่เป็นคริปโต
    - เหยื่อถูกลักพาตัวและถูกทำร้ายเพื่อกดดันให้จ่ายเงิน

    เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในกรุงปารีส
    - ชายวัย 60 ปี ถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ
    - ถูกบังคับให้ลูกชายของเขาจ่ายค่าไถ่ระหว่าง $5.3 ล้านถึง $8 ล้าน ในคริปโต

    เหยื่อถูกกักขังเป็นเวลา 2 วันและถูกตัดนิ้วเพื่อส่งไปให้ลูกชายของเขา
    - ตำรวจติดตามและช่วยเหลือเหยื่อได้สำเร็จ
    - ผู้ต้องสงสัย 5 คนถูกจับกุม

    เหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นกับ David Balland ผู้ร่วมก่อตั้ง Ledger
    - ถูกลักพาตัวและถูกตัดนิ้วเพื่อกดดันให้จ่ายค่าไถ่ $11.3 ล้าน ในคริปโต
    - ตำรวจช่วยเหลือเขาได้สำเร็จ

    มีกรณีลักพาตัวนักลงทุนคริปโตในสเปนและเบลเยียมในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
    - ยังไม่แน่ชัดว่าคดีเหล่านี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107816-crypto-millionaires-targeted-brutal-kidnappings-across-france-europe.html
    ข่าวนี้กล่าวถึง การลักพาตัวนักลงทุนคริปโตในฝรั่งเศสและยุโรป ซึ่งกลุ่มอาชญากรใช้ วิธีการรุนแรงเพื่อบังคับให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่เป็นคริปโต เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นใน กรุงปารีส เมื่อชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทการตลาดคริปโต ถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ และถูกบังคับให้ลูกชายของเขาจ่ายค่าไถ่ระหว่าง $5.3 ล้านถึง $8 ล้าน ในคริปโต เหยื่อถูกกักขังเป็นเวลา สองวัน และถูกตัดนิ้วเพื่อส่งไปให้ลูกชายของเขา ✅ นักลงทุนคริปโตในฝรั่งเศสและยุโรปตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มอาชญากร - กลุ่มอาชญากรใช้ วิธีการรุนแรงเพื่อบังคับให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่เป็นคริปโต - เหยื่อถูกลักพาตัวและถูกทำร้ายเพื่อกดดันให้จ่ายเงิน ✅ เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในกรุงปารีส - ชายวัย 60 ปี ถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ - ถูกบังคับให้ลูกชายของเขาจ่ายค่าไถ่ระหว่าง $5.3 ล้านถึง $8 ล้าน ในคริปโต ✅ เหยื่อถูกกักขังเป็นเวลา 2 วันและถูกตัดนิ้วเพื่อส่งไปให้ลูกชายของเขา - ตำรวจติดตามและช่วยเหลือเหยื่อได้สำเร็จ - ผู้ต้องสงสัย 5 คนถูกจับกุม ✅ เหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นกับ David Balland ผู้ร่วมก่อตั้ง Ledger - ถูกลักพาตัวและถูกตัดนิ้วเพื่อกดดันให้จ่ายค่าไถ่ $11.3 ล้าน ในคริปโต - ตำรวจช่วยเหลือเขาได้สำเร็จ ✅ มีกรณีลักพาตัวนักลงทุนคริปโตในสเปนและเบลเยียมในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา - ยังไม่แน่ชัดว่าคดีเหล่านี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107816-crypto-millionaires-targeted-brutal-kidnappings-across-france-europe.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Crypto millionaires targeted in brutal kidnappings across France and Europe
    The unidentified 60-year-old man was abducted in broad daylight at 10.30am on Thursday morning while walking down Paris' 14th arrondissement, writes The Guardian. Four men forced him...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ที่นี่คือโปแลนด์ ไม่ใช่บรัสเซลส์' (เมืองหลวงของเบลเยียม
    เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป)


    Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ฉีกธงสหภาพยุโรปแล้วนำมาเช็ดรองเท้า และยังมีการเผาธงอียูอีกด้วย

    หากโรมาเนีย ได้  จอร์จ ซิมิออน นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมเป็นประธานาธิบดี และโปแลนด์ได้ Grzegorz Braun เป็นผู้นำ เชื่อว่ายุโรปอาจจะเข้าสู่สถานะสงบสุขขึ้นมาก และรัสเซียคงจะนอนหลับฝันดี เพราะนักการเมืองทั้งสอง คือผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปรวมทั้งนาโต้ และต้องการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
    'ที่นี่คือโปแลนด์ ไม่ใช่บรัสเซลส์' (เมืองหลวงของเบลเยียม เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป) Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ฉีกธงสหภาพยุโรปแล้วนำมาเช็ดรองเท้า และยังมีการเผาธงอียูอีกด้วย หากโรมาเนีย ได้  จอร์จ ซิมิออน นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมเป็นประธานาธิบดี และโปแลนด์ได้ Grzegorz Braun เป็นผู้นำ เชื่อว่ายุโรปอาจจะเข้าสู่สถานะสงบสุขขึ้นมาก และรัสเซียคงจะนอนหลับฝันดี เพราะนักการเมืองทั้งสอง คือผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปรวมทั้งนาโต้ และต้องการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีการป้องกันพรมแดนที่แน่นหนาและมีการตรวจตราที่เข้มงวด แต่สำหรับประเทศในยุโรปกลับมีการแบ่งพรมแดนที่ชิลกว่านั้นมาก

    และเหนือไปกว่านั้นก็คือ พรมแดนระหว่างเมือง Baarle-Nassau ของเนเธอร์แลนด์และเมือง Baarle-Hertog ของเบลเยียมที่ได้ชื่อว่ามี "พรมแดนสลับซับซ้อนที่สุดในโลก"

    • ความซับซ้อนในมุมนักท่องเที่ยว

    เมื่อคุณก้าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ คุณจะเห็นเส้นแบ่งเขตแดนที่เป็นรูปเครื่องหมายบวกหรือกากบาทบนพื้น พาดไปพาดมาตามท้องถนนทั่วทั้งเมือง

    ดังนั้น คุณสามารถก้าวข้ามประเทศกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา และอาจเดินข้ามประเทศไปมาแบบไม่รู้ตัว

    • ความซับซ้อนในมุมผู้อยู่อาศัย

    แน่นอนว่าย่อมปวดหัวกว่านักท่องเที่ยวมากนัก เพราะทั้งสองประเทศมีกฎหมายควบคุมที่แตกต่างกัน การจัดการบริหารต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน ทั้งระบบไปรษณีย์ ระบบขนส่งสาธารณะ

    ส่วนบ้านบางหลังที่ถูกผ่ากลางด้วยเส้นแบ่งพรมแดนจะต้องดูว่า ประตูบ้านหลังนั้นอยู่บนพื้นที่ประเทศไหน แล้วจึงใช้กฎหมายของประเทศนั้น

    เคยมีอยู่กรณีหนึ่งที่เจ้าของบ้านขออนุมัติซ่อมแซมบ้าน แต่ทางการเนเธอร์แลนด์ไม่อนุมัติสักที เขาจึงสร้างประตูหน้าบ้านเพิ่มอีกบานให้ตรงกับเส้นแบ่งพรมแดน (ภาพที่ 2) เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายฝั่งเบลเยียมได้ จากนั้นเขาจึงขอขออนุมัติกับทางการเบลเยียมแทน ซึ่งก็ได้ผล

    ยังมีบ้านอีกหลัง (ภาพที่ 1) ที่ถูกเส้นแบ่งพรมแดนผ่ากลางประตูเป๊ะ ๆ บ้านหลังนี้จึงเป็นของทั้งสองประเทศ และมีบ้านเลขที่ที่แตกต่างกันสำหรับสองประเทศ

    สิ่งที่พีกไปกว่านั้นก็คือ...

    มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอดีตเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ถูกใช้เป็นที่ทำการทางทหารของเนเธอร์แลนด์ แต่ตอนย้ายเข้ามาเขาไม่รู้ว่าห้องทำงานดันไปอยู่ฝั่งเบลเยียม และปัญหาคือเขาไม่มีใบอนุญาตทำงานในเบลเยียม

    ดังนั้นเขาจึงต้องย้ายห้องทำงานไปยังฝั่งเนเธอร์แลนด์ และย้ายห้องนอนไปฝั่งเบลเยียมแทน
    ข้อมูลและรูปอ้างอิงจากเฟซบุ๊คเพจ เพชร
    มายา
    ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีการป้องกันพรมแดนที่แน่นหนาและมีการตรวจตราที่เข้มงวด แต่สำหรับประเทศในยุโรปกลับมีการแบ่งพรมแดนที่ชิลกว่านั้นมาก และเหนือไปกว่านั้นก็คือ พรมแดนระหว่างเมือง Baarle-Nassau ของเนเธอร์แลนด์และเมือง Baarle-Hertog ของเบลเยียมที่ได้ชื่อว่ามี "พรมแดนสลับซับซ้อนที่สุดในโลก" • ความซับซ้อนในมุมนักท่องเที่ยว เมื่อคุณก้าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ คุณจะเห็นเส้นแบ่งเขตแดนที่เป็นรูปเครื่องหมายบวกหรือกากบาทบนพื้น พาดไปพาดมาตามท้องถนนทั่วทั้งเมือง ดังนั้น คุณสามารถก้าวข้ามประเทศกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา และอาจเดินข้ามประเทศไปมาแบบไม่รู้ตัว • ความซับซ้อนในมุมผู้อยู่อาศัย แน่นอนว่าย่อมปวดหัวกว่านักท่องเที่ยวมากนัก เพราะทั้งสองประเทศมีกฎหมายควบคุมที่แตกต่างกัน การจัดการบริหารต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน ทั้งระบบไปรษณีย์ ระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนบ้านบางหลังที่ถูกผ่ากลางด้วยเส้นแบ่งพรมแดนจะต้องดูว่า ประตูบ้านหลังนั้นอยู่บนพื้นที่ประเทศไหน แล้วจึงใช้กฎหมายของประเทศนั้น เคยมีอยู่กรณีหนึ่งที่เจ้าของบ้านขออนุมัติซ่อมแซมบ้าน แต่ทางการเนเธอร์แลนด์ไม่อนุมัติสักที เขาจึงสร้างประตูหน้าบ้านเพิ่มอีกบานให้ตรงกับเส้นแบ่งพรมแดน (ภาพที่ 2) เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายฝั่งเบลเยียมได้ จากนั้นเขาจึงขอขออนุมัติกับทางการเบลเยียมแทน ซึ่งก็ได้ผล ยังมีบ้านอีกหลัง (ภาพที่ 1) ที่ถูกเส้นแบ่งพรมแดนผ่ากลางประตูเป๊ะ ๆ บ้านหลังนี้จึงเป็นของทั้งสองประเทศ และมีบ้านเลขที่ที่แตกต่างกันสำหรับสองประเทศ สิ่งที่พีกไปกว่านั้นก็คือ... มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอดีตเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ถูกใช้เป็นที่ทำการทางทหารของเนเธอร์แลนด์ แต่ตอนย้ายเข้ามาเขาไม่รู้ว่าห้องทำงานดันไปอยู่ฝั่งเบลเยียม และปัญหาคือเขาไม่มีใบอนุญาตทำงานในเบลเยียม ดังนั้นเขาจึงต้องย้ายห้องทำงานไปยังฝั่งเนเธอร์แลนด์ และย้ายห้องนอนไปฝั่งเบลเยียมแทน ข้อมูลและรูปอ้างอิงจากเฟซบุ๊คเพจ เพชร มายา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบลเยียมได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ #SkinnyTok ซึ่งเป็นเทรนด์บน TikTok ที่ส่งเสริม ความผอมแบบสุดโต่ง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตและโรคการกินผิดปกติ โดยรัฐบาลเบลเยียมได้แจ้งข้อกังวลไปยัง คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่ในสหภาพยุโรป

    รัฐมนตรีดิจิทัล Vanessa Matz ระบุว่า อัลกอริธึมของ TikTok อาจทำให้เยาวชนติดอยู่ในวงจรของเนื้อหาที่สุดโต่ง ซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพจิตและร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีแรงกดดันทางสังคมเกี่ยวกับรูปร่าง

    แม้ว่า TikTok จะอ้างว่า มีนโยบายห้ามเนื้อหาที่ส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่เป็นอันตราย แต่ Matz พบว่า ยังมีโพสต์ที่ใช้คำหลัก เช่น "skinny" หรือ "SkinnyTok" ที่สามารถเข้าถึงได้ แม้จะมีแบนเนอร์เตือน

    ความกังวลของรัฐบาลเบลเยียม
    - แจ้งข้อกังวลไปยัง คณะกรรมาธิการยุโรป
    - เตือนว่า อัลกอริธึมของ TikTok อาจทำให้เยาวชนติดอยู่ในวงจรของเนื้อหาที่สุดโต่ง

    ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกาย
    - วิดีโอเหล่านี้มัก ส่งเสริมการลดน้ำหนักแบบสุดโต่ง
    - อาจทำให้เยาวชนเชื่อมโยง ความสวยงามกับการเห็นกระดูกของร่างกาย

    สถิติที่เกี่ยวข้องกับโรคการกินผิดปกติในเบลเยียม
    - 15% ของผู้หญิงอายุ 10-64 ปี มีอาการสงสัยว่าเป็นโรคการกินผิดปกติ
    - เปรียบเทียบกับ 11% ของผู้ชาย ที่มีอาการคล้ายกัน

    การตอบสนองของ TikTok
    - อ้างว่ามี นโยบายห้ามเนื้อหาที่ส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่เป็นอันตราย
    - ระบุว่า มีการจำกัดอายุของเนื้อหาที่ส่งเสริมอุดมคติร่างกายที่เป็นอันตราย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/belgium-raises-alarm-over-skinnytok-anorexia-fears-on-tiktok
    เบลเยียมได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ #SkinnyTok ซึ่งเป็นเทรนด์บน TikTok ที่ส่งเสริม ความผอมแบบสุดโต่ง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตและโรคการกินผิดปกติ โดยรัฐบาลเบลเยียมได้แจ้งข้อกังวลไปยัง คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่ในสหภาพยุโรป รัฐมนตรีดิจิทัล Vanessa Matz ระบุว่า อัลกอริธึมของ TikTok อาจทำให้เยาวชนติดอยู่ในวงจรของเนื้อหาที่สุดโต่ง ซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพจิตและร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีแรงกดดันทางสังคมเกี่ยวกับรูปร่าง แม้ว่า TikTok จะอ้างว่า มีนโยบายห้ามเนื้อหาที่ส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่เป็นอันตราย แต่ Matz พบว่า ยังมีโพสต์ที่ใช้คำหลัก เช่น "skinny" หรือ "SkinnyTok" ที่สามารถเข้าถึงได้ แม้จะมีแบนเนอร์เตือน ✅ ความกังวลของรัฐบาลเบลเยียม - แจ้งข้อกังวลไปยัง คณะกรรมาธิการยุโรป - เตือนว่า อัลกอริธึมของ TikTok อาจทำให้เยาวชนติดอยู่ในวงจรของเนื้อหาที่สุดโต่ง ✅ ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกาย - วิดีโอเหล่านี้มัก ส่งเสริมการลดน้ำหนักแบบสุดโต่ง - อาจทำให้เยาวชนเชื่อมโยง ความสวยงามกับการเห็นกระดูกของร่างกาย ✅ สถิติที่เกี่ยวข้องกับโรคการกินผิดปกติในเบลเยียม - 15% ของผู้หญิงอายุ 10-64 ปี มีอาการสงสัยว่าเป็นโรคการกินผิดปกติ - เปรียบเทียบกับ 11% ของผู้ชาย ที่มีอาการคล้ายกัน ✅ การตอบสนองของ TikTok - อ้างว่ามี นโยบายห้ามเนื้อหาที่ส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่เป็นอันตราย - ระบุว่า มีการจำกัดอายุของเนื้อหาที่ส่งเสริมอุดมคติร่างกายที่เป็นอันตราย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/belgium-raises-alarm-over-skinnytok-anorexia-fears-on-tiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • พัทยา - ชายชาวเบลเยียมวัย 25 ปี ทำลายไวน์ในร้านสะดวกซื้อหลายขวด ก่อนตกลงชดใช้เงิน 35,000 บาท ก่อนที่เขาจะก่อเหตุวุ่นวายในร้านสะดวกซื้ออีกแห่ง!
    พัทยา - ชายชาวเบลเยียมวัย 25 ปี ทำลายไวน์ในร้านสะดวกซื้อหลายขวด ก่อนตกลงชดใช้เงิน 35,000 บาท ก่อนที่เขาจะก่อเหตุวุ่นวายในร้านสะดวกซื้ออีกแห่ง!
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 4/
    เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้

    นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก

    เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    4/ เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 3/
    เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้

    นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก

    เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    3/ เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • 2/
    เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้

    นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก

    เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    2/ เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • 1/
    เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้

    นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก

    เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    1/ เกิดเหตุระบบไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วทั้งยุโรป ทำให้ประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และโปรตุเกส ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายอย่าง สนามบินปิดให้บริการ ระบบรถไฟใต้ดินหยุดชะงัก และเครือข่ายการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตหยุดชะงัก เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟฟ้าดับได้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหนี้รายใหญ่มารายงานตัวแล้วววว!!.10 อันดับประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ(จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ).1 ญี่ปุ่น – 1,125.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2 จีน– 784.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ3 สหราชอาณาจักร – 750.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ4 หมู่เกาะเคย์แมน – 417.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ5 ลักเซมเบิร์ก – 412.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ.6 แคนาดา – 406.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ7 ไอร์แลนด์ – 394.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ8 เบลเยียม – 354.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ9 สวิตเซอร์แลนด์ – 339.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ10 ไต้หวัน – 294.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ .ข้อมูลนี้อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ในเดือนเดียวกันนั้น การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.4% จากเดือนก่อนหน้า รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8.817 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ.#10ประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ #เศรษฐกิจโลก #กระทรวงการคลังสหรัฐฯ #ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มา : ผู้จัดการสุดสัปดาห์
    เจ้าหนี้รายใหญ่มารายงานตัวแล้วววว!!.10 อันดับประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ(จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ).1 ญี่ปุ่น – 1,125.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2 จีน– 784.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ3 สหราชอาณาจักร – 750.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ4 หมู่เกาะเคย์แมน – 417.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ5 ลักเซมเบิร์ก – 412.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ.6 แคนาดา – 406.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ7 ไอร์แลนด์ – 394.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ8 เบลเยียม – 354.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ9 สวิตเซอร์แลนด์ – 339.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ10 ไต้หวัน – 294.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ .ข้อมูลนี้อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ในเดือนเดียวกันนั้น การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.4% จากเดือนก่อนหน้า รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8.817 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ.#10ประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ #เศรษฐกิจโลก #กระทรวงการคลังสหรัฐฯ #ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มา : ผู้จัดการสุดสัปดาห์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก NETSCOUT ชี้ว่า การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วง การเลือกตั้ง, การประท้วง และความขัดแย้งทางนโยบาย กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองใช้การโจมตีลักษณะนี้เพื่อ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสถาบันต่าง ๆ และก่อกวนบริการสาธารณะ

    กลุ่ม NoName057(16) จากรัสเซีย—ผู้นำด้านการโจมตี DDoS ที่มุ่งเป้าไปยังยุโรป
    - รายงานระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย NoName057(16) กำลังโจมตีระบบของรัฐบาลใน สหราชอาณาจักร, เบลเยียม และสเปน
    - จอร์เจียได้รับผลกระทบหนัก โดยมีจำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น 1,489% ก่อนการพิจารณากฎหมาย "Russia Bill"

    จำนวนการโจมตีพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว—ครึ่งหลังของปี 2024 มีการโจมตีถึง 9 ล้านครั้ง
    - เพิ่มขึ้น 12.75% จากครึ่งแรกของปี 2024
    - อิสราเอลโดนโจมตีหนักที่สุด เพิ่มขึ้น 2,844% มีการโจมตีสูงสุดถึง 519 ครั้งในหนึ่งวัน

    DDoS ต่างจาก Ransomware—เป้าหมายคือทำลาย ไม่ใช่เรียกค่าไถ่
    - Ransomware ถูกใช้เพื่อเรียกค่าไถ่ ในขณะที่ DDoS มุ่งเน้นสร้างความปั่นป่วนโดยไม่มีข้อเรียกร้องทางการเงิน
    - ทำให้เป็น เครื่องมือทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

    องค์กรต้องใช้กลยุทธ์การป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น
    - การเฝ้าระวังและใช้ระบบตรวจจับล่วงหน้า เป็นสิ่งจำเป็น
    - ต้องมี มาตรการป้องกันขั้นสูงเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/ddos-attacks-are-becoming-a-critical-tool-in-geopolitical-battles
    รายงานจาก NETSCOUT ชี้ว่า การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วง การเลือกตั้ง, การประท้วง และความขัดแย้งทางนโยบาย กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองใช้การโจมตีลักษณะนี้เพื่อ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสถาบันต่าง ๆ และก่อกวนบริการสาธารณะ ✅ กลุ่ม NoName057(16) จากรัสเซีย—ผู้นำด้านการโจมตี DDoS ที่มุ่งเป้าไปยังยุโรป - รายงานระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย NoName057(16) กำลังโจมตีระบบของรัฐบาลใน สหราชอาณาจักร, เบลเยียม และสเปน - จอร์เจียได้รับผลกระทบหนัก โดยมีจำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น 1,489% ก่อนการพิจารณากฎหมาย "Russia Bill" ✅ จำนวนการโจมตีพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว—ครึ่งหลังของปี 2024 มีการโจมตีถึง 9 ล้านครั้ง - เพิ่มขึ้น 12.75% จากครึ่งแรกของปี 2024 - อิสราเอลโดนโจมตีหนักที่สุด เพิ่มขึ้น 2,844% มีการโจมตีสูงสุดถึง 519 ครั้งในหนึ่งวัน ✅ DDoS ต่างจาก Ransomware—เป้าหมายคือทำลาย ไม่ใช่เรียกค่าไถ่ - Ransomware ถูกใช้เพื่อเรียกค่าไถ่ ในขณะที่ DDoS มุ่งเน้นสร้างความปั่นป่วนโดยไม่มีข้อเรียกร้องทางการเงิน - ทำให้เป็น เครื่องมือทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ✅ องค์กรต้องใช้กลยุทธ์การป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น - การเฝ้าระวังและใช้ระบบตรวจจับล่วงหน้า เป็นสิ่งจำเป็น - ต้องมี มาตรการป้องกันขั้นสูงเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/ddos-attacks-are-becoming-a-critical-tool-in-geopolitical-battles
    WWW.TECHRADAR.COM
    DDoS attacks are becoming a critical tool in geopolitical battles
    Critical infrastructure is the top target, report warns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่ออเมริกา ยึดรัสเซีย และจีนไม่ได้ อเมริกาจึงมาตั้งนานโต้ ตามสันดาน

    เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2492 (ค.ศ. 1949) สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอรเวย์ และโปรตุเกส ได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (the North Atlantic Treaty) ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2492
    วัตถุประสงค์เริ่มแรกก่อตั้ง คือ เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) และให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ
    เมื่ออเมริกา ยึดรัสเซีย และจีนไม่ได้ อเมริกาจึงมาตั้งนานโต้ ตามสันดาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2492 (ค.ศ. 1949) สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอรเวย์ และโปรตุเกส ได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (the North Atlantic Treaty) ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2492 วัตถุประสงค์เริ่มแรกก่อตั้ง คือ เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) และให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 621 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ASML และ Imec ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก เป้าหมายของการร่วมมือในครั้งนี้คือการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงที่มีความละเอียดต่ำกว่า 2 นาโนเมตร โดยใช้เครื่องมือ High-NA EUV lithography รุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยที่สุดในตลาด

    Imec ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในประเทศเบลเยียม จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือการผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของ ASML เช่น Twinscan NXT (DUV), Twinscan NXE (Low-NA EUV) และ Twinscan EXE (High-NA EUV) รวมถึงโซลูชันด้านการตรวจสอบและการวัดผลจาก YieldStar ของ ASML การทำงานเหล่านี้จะช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในศูนย์วิจัยของ Imec เอง

    เทคโนโลยี High-NA EUV Lithography สามารถสร้างความละเอียดได้ถึง 8 นาโนเมตร ด้วยการใช้การฉายภาพเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตชิปที่ความละเอียดต่ำกว่า 2 นาโนเมตร อย่างไรก็ตาม เครื่องมือชนิดนี้มีราคาสูงถึง 350 ล้านดอลลาร์ต่อระบบ ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จำกัดอยู่เฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเท่านั้น

    นอกเหนือจากการพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลงแล้ว ทั้งสององค์กรยังจะร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยี DRAM, ซิลิคอนโฟโตนิกส์ และการบรรจุชิปขั้นสูง การพัฒนานี้ไม่เพียงช่วยให้อุตสาหกรรมก้าวหน้าขึ้น แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการของ AI และเทคโนโลยีที่ต้องใช้การประมวลผลขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/asml-teams-up-with-imec-for-sub-2nm-process-technologies-with-high-na-euv-chipmaking-tools
    ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ASML และ Imec ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก เป้าหมายของการร่วมมือในครั้งนี้คือการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงที่มีความละเอียดต่ำกว่า 2 นาโนเมตร โดยใช้เครื่องมือ High-NA EUV lithography รุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยที่สุดในตลาด Imec ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในประเทศเบลเยียม จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือการผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของ ASML เช่น Twinscan NXT (DUV), Twinscan NXE (Low-NA EUV) และ Twinscan EXE (High-NA EUV) รวมถึงโซลูชันด้านการตรวจสอบและการวัดผลจาก YieldStar ของ ASML การทำงานเหล่านี้จะช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในศูนย์วิจัยของ Imec เอง เทคโนโลยี High-NA EUV Lithography สามารถสร้างความละเอียดได้ถึง 8 นาโนเมตร ด้วยการใช้การฉายภาพเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตชิปที่ความละเอียดต่ำกว่า 2 นาโนเมตร อย่างไรก็ตาม เครื่องมือชนิดนี้มีราคาสูงถึง 350 ล้านดอลลาร์ต่อระบบ ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จำกัดอยู่เฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเท่านั้น นอกเหนือจากการพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลงแล้ว ทั้งสององค์กรยังจะร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยี DRAM, ซิลิคอนโฟโตนิกส์ และการบรรจุชิปขั้นสูง การพัฒนานี้ไม่เพียงช่วยให้อุตสาหกรรมก้าวหน้าขึ้น แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการของ AI และเทคโนโลยีที่ต้องใช้การประมวลผลขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/tech-industry/asml-teams-up-with-imec-for-sub-2nm-process-technologies-with-high-na-euv-chipmaking-tools
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts