• “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า
    .
    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า . สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 0 Reviews
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้

    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    3 พฤษภาคม 2568
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 3 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 Comments 0 Shares 789 Views 0 Reviews
  • 02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9

    2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ..

    มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ"

    อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา?

    อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น

    พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ?

    ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ?

    ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น

    หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?)
    02 เมษายน 68
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9 2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ.. มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ" อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา? อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ? ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ? ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?) 02 เมษายน 68 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 1277 Views 0 Reviews
  • 29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน)

    มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง?

    หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด)
    29 มีนาคม 68
    11.05 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน) มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง? หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด) 29 มีนาคม 68 11.05 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 907 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นทะเลซุง วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508
    เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นทะเลซุง เนื้อกะไหล่ทอง วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง ( เหรียญมีขนาดเล็ก ) พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก จิ๋ว นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >>

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงปู่ทวด พ.ศ 2508 สร้างโดยพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธัมมธโร) แห่งวัดช้างให้ โดยมีพระครูวิสัยโสภณเจ้าอาวาสวัดช้างให้เป็นประธานในพิธีบริกรรม ได้อาราธนาอัญเชิญดวงวิญญาณหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาให้ท่านประสิทธิ์ ประสาทความขลัง แก่พระเครื่อง เสร็จแล้วจึงได้แจกจ่ายให้ชาวบ้านนำไปสักการะบูชา

    ** รุ่นนี้ได้ชื่อว่า “รุ่นทะเลซุง” เนื่องจากปีนั้น (พายุเกย์) เข้าทำให้เกิด อุทกภัยภาคใต้ เกิดดินถล่มทำให้ท่อนซุงไม้ได้ไหลมาตามดิน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเยอะมาก แต่มีผู้ที่รอดชีวิตได้ใช้พระรุ่นนี้ จึงเป็นที่เชื่อกันว่าเพราะบารมีของหลวงพ่อทวด จึงเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่นทะเลซุง

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นทะเลซุง วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นทะเลซุง เนื้อกะไหล่ทอง วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง ( เหรียญมีขนาดเล็ก ) พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก จิ๋ว นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงปู่ทวด พ.ศ 2508 สร้างโดยพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธัมมธโร) แห่งวัดช้างให้ โดยมีพระครูวิสัยโสภณเจ้าอาวาสวัดช้างให้เป็นประธานในพิธีบริกรรม ได้อาราธนาอัญเชิญดวงวิญญาณหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาให้ท่านประสิทธิ์ ประสาทความขลัง แก่พระเครื่อง เสร็จแล้วจึงได้แจกจ่ายให้ชาวบ้านนำไปสักการะบูชา ** รุ่นนี้ได้ชื่อว่า “รุ่นทะเลซุง” เนื่องจากปีนั้น (พายุเกย์) เข้าทำให้เกิด อุทกภัยภาคใต้ เกิดดินถล่มทำให้ท่อนซุงไม้ได้ไหลมาตามดิน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเยอะมาก แต่มีผู้ที่รอดชีวิตได้ใช้พระรุ่นนี้ จึงเป็นที่เชื่อกันว่าเพราะบารมีของหลวงพ่อทวด จึงเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่นทะเลซุง ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 435 Views 0 Reviews
  • ทีมผู้พันวิทย์ อว. โดยกรมวิทย์ฯบริการ เร่งดำเนินการด้านน้ำดื่มสะอาดเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดปัตตานี
    https://www.thai-tai.tv/news/17124/
    ทีมผู้พันวิทย์ อว. โดยกรมวิทย์ฯบริการ เร่งดำเนินการด้านน้ำดื่มสะอาดเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดปัตตานี https://www.thai-tai.tv/news/17124/
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568

    เปิดศักราชนักษัตรใหม่乙巳(อิกจี๋)มะเส็งไม้ ธาตุไฟ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึง วันอังคารที่ 4 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 เป็นเดือนจร 戊寅(โบ่วเอี๊ยง)ขาลดิน ธาตุดิน ต่างได้รับอิทธิพลของกระแสพลังดาวจรคู่ผสม二黑(หยี่เฮก) ที่เป็นดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่งความเสื่อมถดถอยประจำอยู่ทั้งสิ้น เสมือนบ้านเมืองป่วยไข้กับสารพันปัญหาอุปสรรคขวากหนามน้อยใหญ่แผ่กระจายครอบคลุมไปทั่ว ส่งผลต่อการบริหารงานของรัฐให้ต้องแบกรับภาระหนักอย่างเต็มที่ สตรีจะมีบทบาทมากขึ้น ภาระหนี้สินท่วมท้น เศรษฐกิจตกสะเก็ด การจัดเก็บภาษีไม่ตรงเป้า เข้ายุคข้าวยากหมากแพงทุกทั่วหัวระแหง จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นโรงศาล คดีจี้ ปล้น ขโมย ลวงหลอก ฉ้อฉล รับสินบน ตลอดจนข่าวฉาวในเชิงลบมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งอุบัติภัยหลากหลายภัยจากธรณีพิบัติ พื้นดินแยก แผ่นดินไหว ภูเขาถล่ม คลื่นยักษ์ รวมทั้งอุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย แม้แต่ภัยแล้งก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เปิดศักราชนักษัตรใหม่乙巳(อิกจี๋)มะเส็งไม้ ธาตุไฟ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึง วันอังคารที่ 4 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 เป็นเดือนจร 戊寅(โบ่วเอี๊ยง)ขาลดิน ธาตุดิน ต่างได้รับอิทธิพลของกระแสพลังดาวจรคู่ผสม二黑(หยี่เฮก) ที่เป็นดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่งความเสื่อมถดถอยประจำอยู่ทั้งสิ้น เสมือนบ้านเมืองป่วยไข้กับสารพันปัญหาอุปสรรคขวากหนามน้อยใหญ่แผ่กระจายครอบคลุมไปทั่ว ส่งผลต่อการบริหารงานของรัฐให้ต้องแบกรับภาระหนักอย่างเต็มที่ สตรีจะมีบทบาทมากขึ้น ภาระหนี้สินท่วมท้น เศรษฐกิจตกสะเก็ด การจัดเก็บภาษีไม่ตรงเป้า เข้ายุคข้าวยากหมากแพงทุกทั่วหัวระแหง จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นโรงศาล คดีจี้ ปล้น ขโมย ลวงหลอก ฉ้อฉล รับสินบน ตลอดจนข่าวฉาวในเชิงลบมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งอุบัติภัยหลากหลายภัยจากธรณีพิบัติ พื้นดินแยก แผ่นดินไหว ภูเขาถล่ม คลื่นยักษ์ รวมทั้งอุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย แม้แต่ภัยแล้งก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1582 Views 0 Reviews
  • #เหรียญหอยเหรียญนี้สำคัญมากค่ะ
    ....

    คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย

    คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย มีบรรพบุรุษมาจากไหน
    ไม่ว่าจะเป็น ยุคทวารวดี หรือยุคฟูนัน หรือยุคศรีเกษตร พวกเราคือลูกหลานของบรรพบุรุษที่อพยพมาอยู่ดินแดนบนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราถึงเจอหลักฐานโบราณที่มีลวดลาย ลักษณะเหมือนกัน

    แผ่นดินโบราณ หลักฐานโบราณ หลักฐานแผ่นดินโบราณที่เกิดแผ่นดินไหว ที่ทำให้เกิดสึนามิขนาดยักษ์(ตำนานน้ำท่วมโลก)เข้าทำลายแผ่นดินที่เห็นในรูปบนโพสต์นี้ แผ่นดินแห่งนี้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล

    ** โพสต์นี้จะมีเหรียญทั้งหมด 6 เหรียญ(มีรูปภาพจินตนการของเพลโตเพิ่ม1ภาพ) ที่เป็นแบบเหมือนกัน4เหรียญ แต่มีเหรียญอยู่สองเหรียญที่มีรายละเอียดเพิ่มบนเหรียญทั้งสองด้านคือรอยของแผ่นดินไหวทั้งสองเหรียญเป็นเหรียญที่เจอกันคนละที่

    ** เราดูเหรียญแรก และเหรียญที่สอง ไปพร้อมกัน ลักษณะเหรียญเหมือนกัน แต่ เหรียญที่พบพม่า เหรียญด้านขวามือ มีรอยแยกแผ่นดิน เพิ่มมาอีกเส้นหนึ่ง แต่เหรียญที่พบในประเทศไทย (ปัจจุบัน เหรียญอยู่ในการดูแลของผู้เขียน) เหรียญด้านขวามือไม่มีรอยแยกแผ่นดิน

    เหรียญหอย2เหรียญนี้ รูปร่างคล้ายแผ่นดินแอตแลนติส(มีภาพประกอบ) เวลาที่เราพูดแอตแลนติสเราต้องพูดถึง เพลโต เขาได้พูดถึง อาณาจักรโบราณเป็นตำนานที่เล่าขานต่อๆ มาว่า เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรและเป็นผืนแผ่นดิน ซึ่งเมื่อ 12000 กว่าปีก่อน เพลโตยังกล่าวไว้อีกว่าแอตแลนติสได้จมลงใต้น้ำเพียงเวลาแค่วันกับคืน

    เพลโตได้ทำรูปภาพแผ่นดินที่มีลักษณะคล้ายหอย เพลโตไม่มีหลักฐานโบราณใด แต่ผู้เขียนมีหลักฐานโบราณเป็นเหรียญสำริดรูปหอย(ที่เรียกแตกต่างกัน เช่นเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร หรือเหรียญฟูนัน) ที่มีรอยแยกของแผ่นดิน ซึ่งเดิมเราคิดว่า มีเพียงเหรียญเดียว แต่ตอนนี้เราพบหลักฐานโบราณซึ่งเหรียญมีลักษณะเหมือนกัน รอยแยกแผ่นดินเหมือนกัน และผู้เขียนคิดว่า เหรียญหอยที่มีรอยแยกแผ่นดินต้องมีมากกว่าเหรียญเป็นแน่ ซึ่งเหรียญทั้งสองนี้ถูกทำมาเหมือนๆกันทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันให้กับผู้เขียนว่า เหตุการณ์ รอยแผ่นดินแยก แผ่นดินไหว น้ำท่วมโลกครั้งนั้น เหรียญถูกทำมาเพื่อให้คนรุ่นหลังรู้ความจริงรู้ว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษถูกทำลายเพราะ ภัยพิบัติอุทกภัย

    ต่อไปจะเล่า ความสำคัญของเหรียญที่มีรายละเอียดอยู่ในเหรียญเป็นบันทึกของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญที่อพยพหนีภัยพิบัติมาจากแผ่นดินกลางทะเล ภัยพิบัติที่เกิด ถูกทำไว้บนเหรียญหอย หรือเหรียญที่เราเรียกว่า เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตรทุกเหรียญมีรูปแบบหลายร้อยแบบบนเหรียญ เหรียญหอยก็แค่1แบบเท่านั้น แต่ทุกเหรียญจะบันทึกเรื่องเดียวกัน เรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ เรื่องน้ำทำลายแผ่นดิน ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ารูปที่อยู่บนเหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรจะซ่อนความลับของอดีตจะซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทย คนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ เกี่ยวข้องกับอีกหลายประเทศที่มีอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่อยู่บนแผ่นดินนั้นที่อยู่ตามขอบมหาสมุทรอินเดีย

    เหรียญหอยก็เช่นกัน เหรียญหอยเป็นเหรียญที่ถูกทำในยุค ฟูนัน ทวารวดี และ ศรีเกษตร เป็นเหรียญที่เห็นเหมือนรูปหอยเท่านั้นเอง ทำไมเราเขียนแบบนั้น แล้วทำไมคนอ่านๆหรือเขียนที่ผ่านมามองแค่เหมือนหอย ทำไมไม่มองให้ละเอียดและมองทั้ง2ด้านของเหรียญ และฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรก็ไม่ได้มีเหรียญหอยแบบเดียวมีเป็นร้อยๆเหรียญแต่ละเหรียญมี2ด้านก็ไม่เหมือนกัน และหอยเองก็มี3-4แบบแต่ละแบบก็มี2ด้านอธิบายบนเหรียญแตกต่างกัน

    เหรียญหอยด้านตัวหอย ภาพด้านบนของตัวหอยของเหรียญอธิบายบนเหรียญว่ามีการทำภาพเหมือนคลื่นวิทยุเป็น3-4ขีดบนตัวหอย จะถูกทำเป็นสัญลักษณ์แทนคลื่นแผ่นดินไหวไว้บนรูปภาพคล้ายหอยและบนเหรียญที่เหมือนรูปหอยและภาพแบบนี้ จะมีอยู่บนที่บนเหรียญรูปหอย ทุกๆเหรียญ ขอให้ดูภาพบนเหรียญที่มีรูปตัวหอยจะเข้าใจที่จริงรูปหอยจะเป็นแผ่นดินข้างบนเป็นเหมือนคลื่นวิทยุขอให้เข้าใจเขาสื่อว่าแผ่นดินที่เห็นกำลังไหว(สัญลักษณ์แผ่นดินไหว)คือแผ่นดินไหวส่วนข้างล่างของแผ่นดิน(ที่เว้าเข้าไปเป็นสึนามิกำลังฝ่า(พุ่งเข้าแผ่นดิน)แผ่นดินเข้าไปทำลายแผ่นดินส่วนใน ตัวหอย(แผ่นดิน)เวลาดูเหรียญหอยให้ดู2ด้านจะเป็นภาพคนละแบบแต่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

    เหรียญทวารวดี เป็นเหรียญที่บันทึกถึงเผ่าพันธุ์ที่อพยพหนีภัยภิบัติจากทะเลและได้ทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญ ว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดินของเขา เมื่ออพยพมาปลอดภัย ใครขึ้นบกตรงไหนก็ผสมกับคนพื้นเมืองสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีอาณาจักรก็ได้มีการทำบันทึกถึงบรรพบุรุษของพวกเขา ทำให้มีการพบเจอเหรียญ เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร เหรียญทั้ง 3 แหล่งมีรูปแบบ แบบเดียวกัน แต่แตกต่างแค่ศิลป์เท่านั้น บนเหรียญมีการทำเป็นภาพ แทนเมืองแทนแผ่นดิน(ดูประกอบกับผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึกโบราณ) แทนน้ำ (มวลน้ำขนาดใหญ่ที่เข้าไปทำลายเมืองตั้งแต่เริ่มต้น มวลน้ำที่ปัจจุบันเรียกว่าสึนามิ)อดีตคือน้ำท่วมโลก.

    บทความและนูปภาพโดย
    คุณทราวิฑะ นอกกกรอบ

    #เหรียญหอยเหรียญนี้สำคัญมากค่ะ .... คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย มีบรรพบุรุษมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็น ยุคทวารวดี หรือยุคฟูนัน หรือยุคศรีเกษตร พวกเราคือลูกหลานของบรรพบุรุษที่อพยพมาอยู่ดินแดนบนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราถึงเจอหลักฐานโบราณที่มีลวดลาย ลักษณะเหมือนกัน แผ่นดินโบราณ หลักฐานโบราณ หลักฐานแผ่นดินโบราณที่เกิดแผ่นดินไหว ที่ทำให้เกิดสึนามิขนาดยักษ์(ตำนานน้ำท่วมโลก)เข้าทำลายแผ่นดินที่เห็นในรูปบนโพสต์นี้ แผ่นดินแห่งนี้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล ** โพสต์นี้จะมีเหรียญทั้งหมด 6 เหรียญ(มีรูปภาพจินตนการของเพลโตเพิ่ม1ภาพ) ที่เป็นแบบเหมือนกัน4เหรียญ แต่มีเหรียญอยู่สองเหรียญที่มีรายละเอียดเพิ่มบนเหรียญทั้งสองด้านคือรอยของแผ่นดินไหวทั้งสองเหรียญเป็นเหรียญที่เจอกันคนละที่ ** เราดูเหรียญแรก และเหรียญที่สอง ไปพร้อมกัน ลักษณะเหรียญเหมือนกัน แต่ เหรียญที่พบพม่า เหรียญด้านขวามือ มีรอยแยกแผ่นดิน เพิ่มมาอีกเส้นหนึ่ง แต่เหรียญที่พบในประเทศไทย (ปัจจุบัน เหรียญอยู่ในการดูแลของผู้เขียน) เหรียญด้านขวามือไม่มีรอยแยกแผ่นดิน เหรียญหอย2เหรียญนี้ รูปร่างคล้ายแผ่นดินแอตแลนติส(มีภาพประกอบ) เวลาที่เราพูดแอตแลนติสเราต้องพูดถึง เพลโต เขาได้พูดถึง อาณาจักรโบราณเป็นตำนานที่เล่าขานต่อๆ มาว่า เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรและเป็นผืนแผ่นดิน ซึ่งเมื่อ 12000 กว่าปีก่อน เพลโตยังกล่าวไว้อีกว่าแอตแลนติสได้จมลงใต้น้ำเพียงเวลาแค่วันกับคืน เพลโตได้ทำรูปภาพแผ่นดินที่มีลักษณะคล้ายหอย เพลโตไม่มีหลักฐานโบราณใด แต่ผู้เขียนมีหลักฐานโบราณเป็นเหรียญสำริดรูปหอย(ที่เรียกแตกต่างกัน เช่นเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร หรือเหรียญฟูนัน) ที่มีรอยแยกของแผ่นดิน ซึ่งเดิมเราคิดว่า มีเพียงเหรียญเดียว แต่ตอนนี้เราพบหลักฐานโบราณซึ่งเหรียญมีลักษณะเหมือนกัน รอยแยกแผ่นดินเหมือนกัน และผู้เขียนคิดว่า เหรียญหอยที่มีรอยแยกแผ่นดินต้องมีมากกว่าเหรียญเป็นแน่ ซึ่งเหรียญทั้งสองนี้ถูกทำมาเหมือนๆกันทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันให้กับผู้เขียนว่า เหตุการณ์ รอยแผ่นดินแยก แผ่นดินไหว น้ำท่วมโลกครั้งนั้น เหรียญถูกทำมาเพื่อให้คนรุ่นหลังรู้ความจริงรู้ว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษถูกทำลายเพราะ ภัยพิบัติอุทกภัย ต่อไปจะเล่า ความสำคัญของเหรียญที่มีรายละเอียดอยู่ในเหรียญเป็นบันทึกของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญที่อพยพหนีภัยพิบัติมาจากแผ่นดินกลางทะเล ภัยพิบัติที่เกิด ถูกทำไว้บนเหรียญหอย หรือเหรียญที่เราเรียกว่า เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตรทุกเหรียญมีรูปแบบหลายร้อยแบบบนเหรียญ เหรียญหอยก็แค่1แบบเท่านั้น แต่ทุกเหรียญจะบันทึกเรื่องเดียวกัน เรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ เรื่องน้ำทำลายแผ่นดิน ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ารูปที่อยู่บนเหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรจะซ่อนความลับของอดีตจะซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทย คนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ เกี่ยวข้องกับอีกหลายประเทศที่มีอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่อยู่บนแผ่นดินนั้นที่อยู่ตามขอบมหาสมุทรอินเดีย เหรียญหอยก็เช่นกัน เหรียญหอยเป็นเหรียญที่ถูกทำในยุค ฟูนัน ทวารวดี และ ศรีเกษตร เป็นเหรียญที่เห็นเหมือนรูปหอยเท่านั้นเอง ทำไมเราเขียนแบบนั้น แล้วทำไมคนอ่านๆหรือเขียนที่ผ่านมามองแค่เหมือนหอย ทำไมไม่มองให้ละเอียดและมองทั้ง2ด้านของเหรียญ และฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรก็ไม่ได้มีเหรียญหอยแบบเดียวมีเป็นร้อยๆเหรียญแต่ละเหรียญมี2ด้านก็ไม่เหมือนกัน และหอยเองก็มี3-4แบบแต่ละแบบก็มี2ด้านอธิบายบนเหรียญแตกต่างกัน เหรียญหอยด้านตัวหอย ภาพด้านบนของตัวหอยของเหรียญอธิบายบนเหรียญว่ามีการทำภาพเหมือนคลื่นวิทยุเป็น3-4ขีดบนตัวหอย จะถูกทำเป็นสัญลักษณ์แทนคลื่นแผ่นดินไหวไว้บนรูปภาพคล้ายหอยและบนเหรียญที่เหมือนรูปหอยและภาพแบบนี้ จะมีอยู่บนที่บนเหรียญรูปหอย ทุกๆเหรียญ ขอให้ดูภาพบนเหรียญที่มีรูปตัวหอยจะเข้าใจที่จริงรูปหอยจะเป็นแผ่นดินข้างบนเป็นเหมือนคลื่นวิทยุขอให้เข้าใจเขาสื่อว่าแผ่นดินที่เห็นกำลังไหว(สัญลักษณ์แผ่นดินไหว)คือแผ่นดินไหวส่วนข้างล่างของแผ่นดิน(ที่เว้าเข้าไปเป็นสึนามิกำลังฝ่า(พุ่งเข้าแผ่นดิน)แผ่นดินเข้าไปทำลายแผ่นดินส่วนใน ตัวหอย(แผ่นดิน)เวลาดูเหรียญหอยให้ดู2ด้านจะเป็นภาพคนละแบบแต่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เหรียญทวารวดี เป็นเหรียญที่บันทึกถึงเผ่าพันธุ์ที่อพยพหนีภัยภิบัติจากทะเลและได้ทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญ ว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดินของเขา เมื่ออพยพมาปลอดภัย ใครขึ้นบกตรงไหนก็ผสมกับคนพื้นเมืองสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีอาณาจักรก็ได้มีการทำบันทึกถึงบรรพบุรุษของพวกเขา ทำให้มีการพบเจอเหรียญ เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร เหรียญทั้ง 3 แหล่งมีรูปแบบ แบบเดียวกัน แต่แตกต่างแค่ศิลป์เท่านั้น บนเหรียญมีการทำเป็นภาพ แทนเมืองแทนแผ่นดิน(ดูประกอบกับผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึกโบราณ) แทนน้ำ (มวลน้ำขนาดใหญ่ที่เข้าไปทำลายเมืองตั้งแต่เริ่มต้น มวลน้ำที่ปัจจุบันเรียกว่าสึนามิ)อดีตคือน้ำท่วมโลก. บทความและนูปภาพโดย คุณทราวิฑะ นอกกกรอบ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 555 Views 0 Reviews
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 955 Views 0 Reviews
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 982 Views 0 Reviews
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 992 Views 0 Reviews
  • "ในหลวง" มีพระราชดำรัสในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2568 ทรงขอให้คนไทยอยู่ในความไม่ประมาท ทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จผล และมีศรัทธาในความดี เพื่อความสุขความเจริญที่แท้จริงและยั่งยืน โดยมีเหตุอุทกภัยในหลายจังหวัดเป็นเครื่องเตือนใจ

    อ่านต่อ:
    https://sites.google.com/view/weerapat-articles/homepage/news-corner/royal/2024-12-31
    "ในหลวง" มีพระราชดำรัสในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2568 ทรงขอให้คนไทยอยู่ในความไม่ประมาท ทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จผล และมีศรัทธาในความดี เพื่อความสุขความเจริญที่แท้จริงและยั่งยืน โดยมีเหตุอุทกภัยในหลายจังหวัดเป็นเครื่องเตือนใจ อ่านต่อ: https://sites.google.com/view/weerapat-articles/homepage/news-corner/royal/2024-12-31
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • ท่วมสวนยางปักษ์ใต้!! ฝนมาก..น้ำมาก..เงินหาย!! 17/12/67 #สวนยางปักษ์ใต้ #ภาคใต้ #น้ำท่วม #ผู้ประสบอุทกภัย
    ท่วมสวนยางปักษ์ใต้!! ฝนมาก..น้ำมาก..เงินหาย!! 17/12/67 #สวนยางปักษ์ใต้ #ภาคใต้ #น้ำท่วม #ผู้ประสบอุทกภัย
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 1151 Views 64 1 Reviews
  • รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า
    .
    ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน
    .
    ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
    .
    เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า . ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน . ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 . เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    7
    0 Comments 0 Shares 1604 Views 0 Reviews
  • คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา

    อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท

    ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา

    สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม

    คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว"

    หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม.

    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

    #Newskit
    คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว" หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 839 Views 0 Reviews
  • น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย

    สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

    นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

    แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล

    นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง

    #Newskit
    น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1658 Views 0 Reviews
  • ภาคใต้น้ำท่วม นายกฯไปเหนือ ขอโปรดเข้าใจ
    .
    สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ในภาพรวมถือว่ายังคงน่าเป็นห่วงพอสมควร โดนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 22 พ.ย. - 1 ธันวาคม 67 ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ 1. นครศรีธรรมราช 2.พัทลุง 3.สตูล 4.สงขลา 5.ปัตตานี 6.ยะลา 7.นราธิวาส รวม 78 อำเภอ 508 ตำบล 3,387 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 617,386 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย
    .
    ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงเฉพาะประชาชนเท่านั้น เพราะแม้แต่ปศุสัตว์ที่ประชาชนเลี้ยงไว้เพื่อทำการเกษตรก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล และตรัง จำนวน 71 อำเภอ 425 ตำบล 2,235 หมู่บ้าน มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 117,400 ราย สัตว์ในพื้นที่น้ำท่วม 5,753,340 ตัว แบ่งเป็น โค 215,925 ตัว กระบือ 8,453 ตัว สุกร 75,164 ตัว แพะ/แกะ 135,775 ตัว และสัตว์ปีก 5,318,023 ตัว
    .
    ขณะที่ อีกด้านมีเสียงวิจารณ์ต่อท่าทีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเอาใจใส่ต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากระหว่างประชาชนทางตอนใต้ของประเทศกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ปรากฎว่านายกฯยังคงความสำคัญกับการตรวจราชการในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยมีฐานเสียง
    .
    ในเรื่องนี้ นายกฯ ชี้แจงว่า ตั้งแต่เกิดเหตุได้ส่งรองนายกฯและรัฐมนตรี ลงพื้นที่ และจากการลงพื้นที่เชียงรายวันนี้ได้พูดคุยกับธนาคารต่างๆ ถึงมาตรการช่วยเหลือภายหลังอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจะนำมาตรการดังกล่าวไปใช้ช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
    .
    “โอ๊ย คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้ และวันที่เกิดเรื่อง แจกจ่ายงานประสานทั้งหมด ตั้งแต่กลางคืนไลน์คุยกัน โทรคุยกัน ทำทุกอย่าง แต่การมาการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เราวางแผนกันเป็นเดือน เพื่อมาฟื้นฟูพื้นที่ภาคเหนือ ให้รู้ว่าเราพร้อมกลับไปเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เป็นการฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องมาเหมือนกัน" นายกฯ อธิบาย
    .............
    Sondhi X
    ภาคใต้น้ำท่วม นายกฯไปเหนือ ขอโปรดเข้าใจ . สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ในภาพรวมถือว่ายังคงน่าเป็นห่วงพอสมควร โดนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 22 พ.ย. - 1 ธันวาคม 67 ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ 1. นครศรีธรรมราช 2.พัทลุง 3.สตูล 4.สงขลา 5.ปัตตานี 6.ยะลา 7.นราธิวาส รวม 78 อำเภอ 508 ตำบล 3,387 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 617,386 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย . ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงเฉพาะประชาชนเท่านั้น เพราะแม้แต่ปศุสัตว์ที่ประชาชนเลี้ยงไว้เพื่อทำการเกษตรก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล และตรัง จำนวน 71 อำเภอ 425 ตำบล 2,235 หมู่บ้าน มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 117,400 ราย สัตว์ในพื้นที่น้ำท่วม 5,753,340 ตัว แบ่งเป็น โค 215,925 ตัว กระบือ 8,453 ตัว สุกร 75,164 ตัว แพะ/แกะ 135,775 ตัว และสัตว์ปีก 5,318,023 ตัว . ขณะที่ อีกด้านมีเสียงวิจารณ์ต่อท่าทีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเอาใจใส่ต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากระหว่างประชาชนทางตอนใต้ของประเทศกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ปรากฎว่านายกฯยังคงความสำคัญกับการตรวจราชการในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยมีฐานเสียง . ในเรื่องนี้ นายกฯ ชี้แจงว่า ตั้งแต่เกิดเหตุได้ส่งรองนายกฯและรัฐมนตรี ลงพื้นที่ และจากการลงพื้นที่เชียงรายวันนี้ได้พูดคุยกับธนาคารต่างๆ ถึงมาตรการช่วยเหลือภายหลังอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจะนำมาตรการดังกล่าวไปใช้ช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ . “โอ๊ย คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้ และวันที่เกิดเรื่อง แจกจ่ายงานประสานทั้งหมด ตั้งแต่กลางคืนไลน์คุยกัน โทรคุยกัน ทำทุกอย่าง แต่การมาการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เราวางแผนกันเป็นเดือน เพื่อมาฟื้นฟูพื้นที่ภาคเหนือ ให้รู้ว่าเราพร้อมกลับไปเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เป็นการฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องมาเหมือนกัน" นายกฯ อธิบาย ............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    Angry
    10
    0 Comments 0 Shares 1846 Views 0 Reviews
  • หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียยังคงเร่งค้นหาผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ภายในรถมินิบัสที่ถูกดินโคลนถล่มทับ หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุมาตราเหนือ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 27 รายวันนี้ (28 พ.ย.)

    สำนักงานจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซียระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดอุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 4 เขตของจังหวัดสุมาตราเหนือ

    ฮาดี วาห์ยูดี โฆษกตำรวจสุมาตราเหนือระบุว่า ล่าสุดได้เกิดดินโคลนถล่มที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเดอลีเซอร์ดัง (Deli Serdang) เมื่อวันพุธ (27) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาชาวบ้านที่สูญหาย รวมถึงผู้โดยสารซึ่งติดอยู่ในรถมินิบัสและยานพาหนะอีกหลายคันซึ่งถูกดินโคลนถล่มทับบนถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสายหนึ่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขของผู้ประสบภัยได้

    ในพื้นที่อื่นๆ หน่วยกู้ภัยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 รายระหว่างการค้นหาที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว และเวลานี้ยังคงมีชาวบ้านสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 คน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9670000114504

    #MGROnline #อินโดนีเซีย
    หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียยังคงเร่งค้นหาผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ภายในรถมินิบัสที่ถูกดินโคลนถล่มทับ หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุมาตราเหนือ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 27 รายวันนี้ (28 พ.ย.) • สำนักงานจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซียระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดอุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 4 เขตของจังหวัดสุมาตราเหนือ • ฮาดี วาห์ยูดี โฆษกตำรวจสุมาตราเหนือระบุว่า ล่าสุดได้เกิดดินโคลนถล่มที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเดอลีเซอร์ดัง (Deli Serdang) เมื่อวันพุธ (27) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน • เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาชาวบ้านที่สูญหาย รวมถึงผู้โดยสารซึ่งติดอยู่ในรถมินิบัสและยานพาหนะอีกหลายคันซึ่งถูกดินโคลนถล่มทับบนถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสายหนึ่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขของผู้ประสบภัยได้ • ในพื้นที่อื่นๆ หน่วยกู้ภัยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 รายระหว่างการค้นหาที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว และเวลานี้ยังคงมีชาวบ้านสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 คน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000114504 • #MGROnline #อินโดนีเซีย
    0 Comments 0 Shares 478 Views 0 Reviews
  • ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114539

    #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114539 • #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    0 Comments 0 Shares 1134 Views 0 Reviews
  • นราธิวาส - สถานการณ์อุทุกภัยยังหนัก กระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทุกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ล่าสุด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างแล้วทั้ง 13 อำเภอ รวมจำนวน 76 ตำบล 511 หมู่บ้าน 38 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง ขณะที่เส้นทางคมนาคมเส้นทางรถไฟประกาศหยุดให้บริการเดินรถชั่วคราว

    ทั้งนี้ ยังมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ทำให้หลายพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บาโงสโต ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่เร่งช่วยประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีระดับน้ำสูงและไหลแรง ต้องนำผู้สูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ก่อน

    ส่วนในพื้นที่ที่ติดแนวทะเล บ้านปูลากาปะ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง มีน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำในแม่น้ำบางนราสูงขึ้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตามแนวห่างจากริมคลองกว่า 300 เมตร โดยระดับน้ำสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าท่วม

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่เขตเมืองนราธิวาส มีการแจ้งเตือนผ่านโซเชียลตลอดถึงระดับน้ำที่อาจจะท่วม โดยขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เพราะหลาบพื้นที่เพิ่งจะเคยประสบสถานการณ์อุทกภัยครั้งแรก

    #MGROnline #น้ำป่าไหลหลาก #นราธิวาส
    นราธิวาส - สถานการณ์อุทุกภัยยังหนัก กระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทุกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ล่าสุด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างแล้วทั้ง 13 อำเภอ รวมจำนวน 76 ตำบล 511 หมู่บ้าน 38 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง ขณะที่เส้นทางคมนาคมเส้นทางรถไฟประกาศหยุดให้บริการเดินรถชั่วคราว • ทั้งนี้ ยังมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ทำให้หลายพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บาโงสโต ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่เร่งช่วยประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีระดับน้ำสูงและไหลแรง ต้องนำผู้สูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ก่อน • ส่วนในพื้นที่ที่ติดแนวทะเล บ้านปูลากาปะ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง มีน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำในแม่น้ำบางนราสูงขึ้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตามแนวห่างจากริมคลองกว่า 300 เมตร โดยระดับน้ำสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าท่วม • อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่เขตเมืองนราธิวาส มีการแจ้งเตือนผ่านโซเชียลตลอดถึงระดับน้ำที่อาจจะท่วม โดยขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เพราะหลาบพื้นที่เพิ่งจะเคยประสบสถานการณ์อุทกภัยครั้งแรก • #MGROnline #น้ำป่าไหลหลาก #นราธิวาส
    0 Comments 0 Shares 723 Views 0 Reviews
  • ฟื้นทางรถไฟ สุไหงโก-ลกไปมาเลเซีย

    เมื่อวันก่อน นายฮัสบิ ฮาบิโบลเลาะห์ รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะศึกษาความต้องการในการฟื้นฟูทางรถไฟ ช่วงระหว่างด่านรันเตาปันจัง กับสถานีปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และศึกษาความเป็นไปได้ในการกลับมาให้บริการรถไฟ จากสถานีรันเตาปันจัง ไปยังสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประเทศไทย โดยต้องคำนึงถึงการจัดสรรงบประมาณ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย

    สำหรับทางรถไฟที่เชื่อมต่อมาเลเซียกับไทย หยุดให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ปี 2525 และหยุดให้บริการขนส่งสินค้าเมื่อปี 2549 เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยและผลกระทบจากอุทกภัย นับแต่นั้นเป็นต้นมาเส้นทางรถไฟถูกปิดตาย โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานีรถไฟรันเตาปันจังอยู่ในสภาพทรุดโทรม จำเป็นต้องได้รับการบูรณะ บำรุงรักษา และยกระดับก่อนจะสามารถเปิดให้บริการอีกครั้ง

    ส่วนข้อเสนอของนางซาอิลาห์ โมห์ด ยูซอฟฟ์ ส.ส.เมืองรันเตาปันจัง เกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูทางรถไฟและการกลับมาให้บริการรถไฟจากรันเตาปันจังไปยังสุไหงโก-ลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและไทย เติมเต็มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลรับทราบข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นหนทางที่จะปรับปรุงการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและไทย หากโครงการนี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพิ่มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย

    นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งทะเลตะวันออก (ECRL) ไปยังสถานีปาซีร์มัส ของการรถไฟมาลายา (KTMB) ซึ่งจะทำให้ทางรถไฟ ECRL มีประสิทธิภาพที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจกับชายฝั่งทะเลตะวันตก นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกสำหรับขนส่งสินค้าและโดยสารระหว่างมาเลเซียกับไทยอีกด้วย

    เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 แหล่งข่าวจากตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยรายหนึ่งเปิดเผยว่า การรถไฟฯ มีความพร้อมที่จะพัฒนาทางรถไฟเชื่อมไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพูดคุยกับการรถไฟมาลายา (KTMB) เป็นระยะ แต่โครงการจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมานับตั้งแต่หยุดการเดินรถ และฝั่งประเทศมาเลเซียเคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถึงบัดนี้ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพทางรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซียในปัจจุบันได้

    #Newskit
    ฟื้นทางรถไฟ สุไหงโก-ลกไปมาเลเซีย เมื่อวันก่อน นายฮัสบิ ฮาบิโบลเลาะห์ รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะศึกษาความต้องการในการฟื้นฟูทางรถไฟ ช่วงระหว่างด่านรันเตาปันจัง กับสถานีปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และศึกษาความเป็นไปได้ในการกลับมาให้บริการรถไฟ จากสถานีรันเตาปันจัง ไปยังสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประเทศไทย โดยต้องคำนึงถึงการจัดสรรงบประมาณ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย สำหรับทางรถไฟที่เชื่อมต่อมาเลเซียกับไทย หยุดให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ปี 2525 และหยุดให้บริการขนส่งสินค้าเมื่อปี 2549 เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยและผลกระทบจากอุทกภัย นับแต่นั้นเป็นต้นมาเส้นทางรถไฟถูกปิดตาย โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานีรถไฟรันเตาปันจังอยู่ในสภาพทรุดโทรม จำเป็นต้องได้รับการบูรณะ บำรุงรักษา และยกระดับก่อนจะสามารถเปิดให้บริการอีกครั้ง ส่วนข้อเสนอของนางซาอิลาห์ โมห์ด ยูซอฟฟ์ ส.ส.เมืองรันเตาปันจัง เกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูทางรถไฟและการกลับมาให้บริการรถไฟจากรันเตาปันจังไปยังสุไหงโก-ลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและไทย เติมเต็มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลรับทราบข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นหนทางที่จะปรับปรุงการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและไทย หากโครงการนี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพิ่มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งทะเลตะวันออก (ECRL) ไปยังสถานีปาซีร์มัส ของการรถไฟมาลายา (KTMB) ซึ่งจะทำให้ทางรถไฟ ECRL มีประสิทธิภาพที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจกับชายฝั่งทะเลตะวันตก นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกสำหรับขนส่งสินค้าและโดยสารระหว่างมาเลเซียกับไทยอีกด้วย เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 แหล่งข่าวจากตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยรายหนึ่งเปิดเผยว่า การรถไฟฯ มีความพร้อมที่จะพัฒนาทางรถไฟเชื่อมไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพูดคุยกับการรถไฟมาลายา (KTMB) เป็นระยะ แต่โครงการจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมานับตั้งแต่หยุดการเดินรถ และฝั่งประเทศมาเลเซียเคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถึงบัดนี้ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพทางรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซียในปัจจุบันได้ #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1454 Views 0 Reviews
More Results