• OpenAI และศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา

    OpenAI มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานมหาศาลถึง 250 กิกะวัตต์ ภายในปี 2033 ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศอินเดีย! นอกจากนี้ยังต้องใช้ GPU จำนวนมหาศาลกว่า 30 ล้านตัวต่อปีเพื่อให้ระบบทำงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง

    สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้พลังงานระดับนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อนของเครื่องจักร ซึ่งอาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำในหลายภูมิภาค

    นอกจาก OpenAI แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น xAI ของ Elon Musk ก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้เกิดการแข่งขันที่อาจบีบทรัพยากรโลก ทั้งไฟฟ้า น้ำ และวัตถุดิบหายากที่ใช้ผลิตชิปขั้นสูง

    สรุปประเด็น
    OpenAI ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูล 250 GW ภายในปี 2033
    เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศอินเดีย

    ต้องใช้ GPU กว่า 30 ล้านตัวต่อปี
    เพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่อง 24/7

    ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย CO₂ มหาศาล
    มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil

    การใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อน
    อาจกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรน้ำโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-colossal-ai-data-center-targets-would-consume-as-much-electricity-as-entire-nation-of-india-250gw-target-would-require-30-million-gpus-annually-to-ensure-continuous-operation-emit-twice-as-much-carbon-dioxide-as-exxonmobil
    ⚡ OpenAI และศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา OpenAI มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานมหาศาลถึง 250 กิกะวัตต์ ภายในปี 2033 ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศอินเดีย! นอกจากนี้ยังต้องใช้ GPU จำนวนมหาศาลกว่า 30 ล้านตัวต่อปีเพื่อให้ระบบทำงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้พลังงานระดับนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อนของเครื่องจักร ซึ่งอาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำในหลายภูมิภาค นอกจาก OpenAI แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น xAI ของ Elon Musk ก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้เกิดการแข่งขันที่อาจบีบทรัพยากรโลก ทั้งไฟฟ้า น้ำ และวัตถุดิบหายากที่ใช้ผลิตชิปขั้นสูง 📌 สรุปประเด็น ✅ OpenAI ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูล 250 GW ภายในปี 2033 ➡️ เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศอินเดีย ✅ ต้องใช้ GPU กว่า 30 ล้านตัวต่อปี ➡️ เพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่อง 24/7 ‼️ ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย CO₂ มหาศาล ⛔ มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil ‼️ การใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อน ⛔ อาจกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรน้ำโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-colossal-ai-data-center-targets-would-consume-as-much-electricity-as-entire-nation-of-india-250gw-target-would-require-30-million-gpus-annually-to-ensure-continuous-operation-emit-twice-as-much-carbon-dioxide-as-exxonmobil
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • เหรียญองค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ รุ่นกรรมการ จ.ยะลา ปี2554
    เหรียญองค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ รุ่นกรรมการ เนื้อกะไหล่เงิน จ.ยะลา ปี2554 //พระดีพิธีขลัง !! เทพเจ้าแห่งฝนผู้บันดาลความชุ่มฉ่ำสู่พื้นโลก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน :มหาอำนาจ ความยุติธรรม การปกป้อง กันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม โชคลาภ (การหมุนเงินในสภาพคล่อง) ความอุดมสมบูรณ์ กราบขอพร ขอโชคลาภท่านได้ อุดมด้วยโภคทรัพย์ ค้าขายดี เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตามหานิยม และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง **

    ** องค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ (พระพิรุณ) คือเทพเจ้าแห่งน้ำและฝนในความเชื่อของพระเจ้าเองที่เป็นหนึ่งในเทพผู้รักษาความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ของสวรรค์และโลก ในยุทธวิธีพราหมณ์และพระเวท ทรงเป็นเทพที่ควบคุมจักรวาล พระพิรุณทรงถือพระขรรค์ในฐานะที่เชื่อถือหรือการปฏิบัติตามคำสั่งของตน ในยุทธวิธีอินเดีย พระพิรุณ (หรือพระวรุณ) เป็นเทพแห่งน้ำและฝนที่เป็นผู้รักษาความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ พระขรรค์เป็นครั้งแรกที่เราเคารพนับถือมากที่สุดในบ่วงบาศ (บ่วงบาศก์) และติดตามอื่นๆ. การถือพระขรรค์ของพระพิรุณจึงถือเป็นอำนาจความยุติธรรมและการควบคุม **

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญองค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ รุ่นกรรมการ จ.ยะลา ปี2554 เหรียญองค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ รุ่นกรรมการ เนื้อกะไหล่เงิน จ.ยะลา ปี2554 //พระดีพิธีขลัง !! เทพเจ้าแห่งฝนผู้บันดาลความชุ่มฉ่ำสู่พื้นโลก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน :มหาอำนาจ ความยุติธรรม การปกป้อง กันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม โชคลาภ (การหมุนเงินในสภาพคล่อง) ความอุดมสมบูรณ์ กราบขอพร ขอโชคลาภท่านได้ อุดมด้วยโภคทรัพย์ ค้าขายดี เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตามหานิยม และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง ** ** องค์พ่อหลวงพระพิรุณเชนทร์ (พระพิรุณ) คือเทพเจ้าแห่งน้ำและฝนในความเชื่อของพระเจ้าเองที่เป็นหนึ่งในเทพผู้รักษาความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ของสวรรค์และโลก ในยุทธวิธีพราหมณ์และพระเวท ทรงเป็นเทพที่ควบคุมจักรวาล พระพิรุณทรงถือพระขรรค์ในฐานะที่เชื่อถือหรือการปฏิบัติตามคำสั่งของตน ในยุทธวิธีอินเดีย พระพิรุณ (หรือพระวรุณ) เป็นเทพแห่งน้ำและฝนที่เป็นผู้รักษาความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ พระขรรค์เป็นครั้งแรกที่เราเคารพนับถือมากที่สุดในบ่วงบาศ (บ่วงบาศก์) และติดตามอื่นๆ. การถือพระขรรค์ของพระพิรุณจึงถือเป็นอำนาจความยุติธรรมและการควบคุม ** ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: "เมื่อสิ่งที่ไม่ใช่คน กลายเป็นบุคคลตามกฎหมาย "

    ลองจินตนาการดูว่า...เรือ แม่น้ำ หรือแม้แต่เทพเจ้า กลายเป็น “บุคคล” ที่สามารถฟ้องร้องหรือถูกฟ้องได้ในศาล! ฟังดูเหมือนนิยายแฟนตาซี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศทั่วโลก และมีเหตุผลทางกฎหมายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    เรือ: บุคคลแห่งท้องทะเล
    ในโลกของกฎหมายทางทะเล เรือไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เป็น “บุคคล” ที่สามารถถูกฟ้องร้องได้หากก่อความเสียหาย เช่น ชนท่าเรือหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของเรือมารับผิดชอบ

    เรือมีสถานะเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อให้สามารถถูกยึดหรือฟ้องร้องได้
    สิ่งนี้ช่วยให้เจ้าท่าและผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องตามหาเจ้าของเรือที่อาจอยู่ไกลหลายพันไมล์

    เรือมี “สิทธิในการกู้ภัย” (Salvage Rights)
    หากเรือลำหนึ่งช่วยอีกลำหนึ่งจากอันตรายกลางทะเล จะมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามหลัก “no cure, no pay”


    แม่น้ำ Whanganui: วิญญาณแห่งธรรมชาติที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย
    ในปี 2017 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศให้แม่น้ำ Whanganui เป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อยอมรับความเชื่อของชาวเมารีที่มองว่าแม่น้ำคือบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    แม่น้ำ Whanganui ได้รับสถานะเป็น “บุคคล” พร้อมสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบตามกฎหมาย
    มีผู้ดูแล 2 ฝ่าย: ตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนจากชนเผ่าเมารี

    รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำและดูแลผลประโยชน์ของแม่น้ำในระยะยาว
    รวมกว่า 110 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์


    เทพเจ้าในศาสนาฮินดู: ผู้ถือครองทรัพย์สินและสิทธิในศาล
    ในอินเดีย เทพเจ้าฮินดูถือเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” ที่สามารถถือครองทรัพย์สินและมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยมี “ผู้ดูแล” หรือ “เพื่อนสนิท” เป็นผู้ดำเนินการแทน

    เทพเจ้าฮินดูมีสถานะเป็น “บุคคลทางกฎหมาย” (juristic person)
    สามารถถือครองที่ดินและทรัพย์สินได้

    มี “ผู้ดูแล” (shebait) หรือ “เพื่อนสนิท” ที่เป็นตัวแทนในการดำเนินคดีแทนเทพเจ้า
    หากผู้ดูแลไม่ซื่อสัตย์ ผู้ศรัทธาคนอื่นสามารถฟ้องแทนเทพเจ้าได้

    คดีสำคัญ เช่น คดีที่ดินในเมืองอยุธยา (Ayodhya) ที่ศาลสูงสุดตัดสินให้เทพเจ้ารามเป็นเจ้าของที่ดิน
    มีการจัดตั้งทรัสต์เพื่อดูแลทรัพย์สินของเทพเจ้า


    เสริมความรู้: “บุคคลตามกฎหมาย” คืออะไร?
    คำว่า “บุคคลตามกฎหมาย” (legal person) ไม่ได้หมายถึงมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงองค์กร บริษัท หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่กฎหมายให้สิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคล

    ตัวอย่างของบุคคลตามกฎหมาย:
    บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ
    เรือ แม่น้ำ เทพเจ้า (ในบางประเทศ)

    บุคคลตามกฎหมายไม่ได้มีสิทธิเหมือนมนุษย์ทุกประการ
    เช่น ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิในชีวิตส่วนตัว

    https://bengoldhaber.substack.com/p/unexpected-things-that-are-people
    📰 หัวข้อข่าว: "เมื่อสิ่งที่ไม่ใช่คน กลายเป็นบุคคลตามกฎหมาย 🤖⚖️" ลองจินตนาการดูว่า...เรือ แม่น้ำ หรือแม้แต่เทพเจ้า กลายเป็น “บุคคล” ที่สามารถฟ้องร้องหรือถูกฟ้องได้ในศาล! ฟังดูเหมือนนิยายแฟนตาซี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศทั่วโลก และมีเหตุผลทางกฎหมายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 🔖🔖🔖🔖🔖 🛳️ เรือ: บุคคลแห่งท้องทะเล ในโลกของกฎหมายทางทะเล เรือไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เป็น “บุคคล” ที่สามารถถูกฟ้องร้องได้หากก่อความเสียหาย เช่น ชนท่าเรือหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของเรือมารับผิดชอบ ✅ เรือมีสถานะเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อให้สามารถถูกยึดหรือฟ้องร้องได้ ➡️ สิ่งนี้ช่วยให้เจ้าท่าและผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องตามหาเจ้าของเรือที่อาจอยู่ไกลหลายพันไมล์ ✅ เรือมี “สิทธิในการกู้ภัย” (Salvage Rights) ➡️ หากเรือลำหนึ่งช่วยอีกลำหนึ่งจากอันตรายกลางทะเล จะมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามหลัก “no cure, no pay” 🔖🔖🔖🔖🔖 🌊 แม่น้ำ Whanganui: วิญญาณแห่งธรรมชาติที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย ในปี 2017 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศให้แม่น้ำ Whanganui เป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อยอมรับความเชื่อของชาวเมารีที่มองว่าแม่น้ำคือบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ✅ แม่น้ำ Whanganui ได้รับสถานะเป็น “บุคคล” พร้อมสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบตามกฎหมาย ➡️ มีผู้ดูแล 2 ฝ่าย: ตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนจากชนเผ่าเมารี ✅ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำและดูแลผลประโยชน์ของแม่น้ำในระยะยาว ➡️ รวมกว่า 110 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ 🔖🔖🔖🔖🔖 🛕 เทพเจ้าในศาสนาฮินดู: ผู้ถือครองทรัพย์สินและสิทธิในศาล ในอินเดีย เทพเจ้าฮินดูถือเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” ที่สามารถถือครองทรัพย์สินและมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยมี “ผู้ดูแล” หรือ “เพื่อนสนิท” เป็นผู้ดำเนินการแทน ✅ เทพเจ้าฮินดูมีสถานะเป็น “บุคคลทางกฎหมาย” (juristic person) ➡️ สามารถถือครองที่ดินและทรัพย์สินได้ ✅ มี “ผู้ดูแล” (shebait) หรือ “เพื่อนสนิท” ที่เป็นตัวแทนในการดำเนินคดีแทนเทพเจ้า ➡️ หากผู้ดูแลไม่ซื่อสัตย์ ผู้ศรัทธาคนอื่นสามารถฟ้องแทนเทพเจ้าได้ ✅ คดีสำคัญ เช่น คดีที่ดินในเมืองอยุธยา (Ayodhya) ที่ศาลสูงสุดตัดสินให้เทพเจ้ารามเป็นเจ้าของที่ดิน ➡️ มีการจัดตั้งทรัสต์เพื่อดูแลทรัพย์สินของเทพเจ้า 🔖🔖🔖🔖🔖 🧠 เสริมความรู้: “บุคคลตามกฎหมาย” คืออะไร? คำว่า “บุคคลตามกฎหมาย” (legal person) ไม่ได้หมายถึงมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงองค์กร บริษัท หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่กฎหมายให้สิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคล ✅ ตัวอย่างของบุคคลตามกฎหมาย: ➡️ บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ ➡️ เรือ แม่น้ำ เทพเจ้า (ในบางประเทศ) ‼️ บุคคลตามกฎหมายไม่ได้มีสิทธิเหมือนมนุษย์ทุกประการ ⛔ เช่น ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิในชีวิตส่วนตัว https://bengoldhaber.substack.com/p/unexpected-things-that-are-people
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!”

    รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ

    แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด

    ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ
    การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว
    Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล

    รายงานจาก Zscaler
    พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play
    ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง
    แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้

    รูปแบบการโจมตีใหม่
    เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต
    ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering
    กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice

    สถานการณ์ในอุตสาหกรรม
    Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23%
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น

    ประเทศเป้าหมายหลัก
    อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ
    สหรัฐฯ: 15%
    แคนาดา: 14%
    สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android
    อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal
    ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง
    เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ

    https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    📱💸 “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!” รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด 🧠 ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ 🎗️ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว 🎗️ Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด 🎗️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต 🎗️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล ✅ รายงานจาก Zscaler ➡️ พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play ➡️ ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง ➡️ แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ รูปแบบการโจมตีใหม่ ➡️ เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต ➡️ ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering ➡️ กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice ✅ สถานการณ์ในอุตสาหกรรม ➡️ Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด ➡️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% ➡️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น ✅ ประเทศเป้าหมายหลัก ➡️ อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ ➡️ สหรัฐฯ: 15% ➡️ แคนาดา: 14% ➡️ สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android ⛔ อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง ⛔ เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ ⛔ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    WWW.TECHRADAR.COM
    A dangerous rise in Android malware hits critical industries
    Hidden Android threats sweep through millions of devices
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • Meta กับรายได้สีเทา: เมื่อโฆษณาหลอกลวงกลายเป็นแหล่งเงินหลัก

    ในรายงานพิเศษจาก Reuters ที่อ้างอิงเอกสารภายในของ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram) พบว่า มากถึง 10% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดในปี 2024 มาจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ “การหลอกลวง” และ “สินค้าต้องห้าม” เช่น ยาลดน้ำหนักผิดกฎหมาย สินค้าลอกเลียนแบบ และบริการที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค

    แม้ Meta จะมีนโยบายห้ามโฆษณาประเภทนี้อย่างชัดเจน แต่เอกสารภายในกลับเผยว่า บริษัทลังเลที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง เพราะโฆษณาเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย

    ที่น่าตกใจคือ ทีมงานภายในของ Meta เองก็รู้ถึงปัญหานี้ดี และเคยเสนอให้เพิ่มมาตรการควบคุม แต่กลับถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉย โดยอ้างว่าอาจกระทบรายได้หลักของบริษัท

    รายได้จากโฆษณาหลอกลวงและสินค้าต้องห้าม
    คิดเป็น 10% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดในปี 2024
    ครอบคลุมโฆษณายาลดน้ำหนักผิดกฎหมาย สินค้าลอกเลียนแบบ และบริการหลอกลวง

    ตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบ
    เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ
    ผู้ใช้งานในประเทศเหล่านี้มักตกเป็นเหยื่อของโฆษณาหลอกลวง

    ท่าทีของ Meta ต่อปัญหา
    รับรู้ปัญหาภายใน แต่ลังเลที่จะลงมือจัดการ
    กังวลว่าการปราบปรามจะกระทบรายได้

    เอกสารภายในเผยความพยายามของทีมงาน
    มีการเสนอให้เพิ่มระบบตรวจจับและควบคุม
    แต่ถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉยจากฝ่ายบริหาร

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram
    ระวังโฆษณาที่ดูน่าสนใจเกินจริง เช่น “ลดน้ำหนักทันใจ” หรือ “ของแบรนด์เนมราคาถูกผิดปกติ”
    อย่าคลิกลิงก์หรือกรอกข้อมูลส่วนตัวในโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ใช้เครื่องมือรายงานโฆษณาหลอกลวงเพื่อช่วยลดการแพร่กระจาย

    ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม
    หาก Meta ไม่จัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง อาจถูกหน่วยงานกำกับดูแลลงโทษ
    ความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานและนักลงทุนอาจลดลงอย่างรุนแรง
    อาจเปิดช่องให้คู่แข่งที่มีจริยธรรมดีกว่าเข้ามาแทนที่

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของ Meta แต่สะท้อนถึงความท้าทายของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก ที่ต้องเลือกระหว่าง “รายได้” กับ “ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน” — และคำถามคือ: เราจะยอมให้ใครควบคุมสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอของเรากันแน่?

    https://sherwood.news/tech/meta-projected-10-of-2024-revenue-came-from-scams-and-banned-goods-reuters/
    💸 Meta กับรายได้สีเทา: เมื่อโฆษณาหลอกลวงกลายเป็นแหล่งเงินหลัก ในรายงานพิเศษจาก Reuters ที่อ้างอิงเอกสารภายในของ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram) พบว่า มากถึง 10% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดในปี 2024 มาจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ “การหลอกลวง” และ “สินค้าต้องห้าม” เช่น ยาลดน้ำหนักผิดกฎหมาย สินค้าลอกเลียนแบบ และบริการที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค แม้ Meta จะมีนโยบายห้ามโฆษณาประเภทนี้อย่างชัดเจน แต่เอกสารภายในกลับเผยว่า บริษัทลังเลที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง เพราะโฆษณาเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ที่น่าตกใจคือ ทีมงานภายในของ Meta เองก็รู้ถึงปัญหานี้ดี และเคยเสนอให้เพิ่มมาตรการควบคุม แต่กลับถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉย โดยอ้างว่าอาจกระทบรายได้หลักของบริษัท ✅ รายได้จากโฆษณาหลอกลวงและสินค้าต้องห้าม ➡️ คิดเป็น 10% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดในปี 2024 ➡️ ครอบคลุมโฆษณายาลดน้ำหนักผิดกฎหมาย สินค้าลอกเลียนแบบ และบริการหลอกลวง ✅ ตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ➡️ ผู้ใช้งานในประเทศเหล่านี้มักตกเป็นเหยื่อของโฆษณาหลอกลวง ✅ ท่าทีของ Meta ต่อปัญหา ➡️ รับรู้ปัญหาภายใน แต่ลังเลที่จะลงมือจัดการ ➡️ กังวลว่าการปราบปรามจะกระทบรายได้ ✅ เอกสารภายในเผยความพยายามของทีมงาน ➡️ มีการเสนอให้เพิ่มระบบตรวจจับและควบคุม ➡️ แต่ถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉยจากฝ่ายบริหาร ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ⛔ ระวังโฆษณาที่ดูน่าสนใจเกินจริง เช่น “ลดน้ำหนักทันใจ” หรือ “ของแบรนด์เนมราคาถูกผิดปกติ” ⛔ อย่าคลิกลิงก์หรือกรอกข้อมูลส่วนตัวในโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ใช้เครื่องมือรายงานโฆษณาหลอกลวงเพื่อช่วยลดการแพร่กระจาย ‼️ ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม ⛔ หาก Meta ไม่จัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง อาจถูกหน่วยงานกำกับดูแลลงโทษ ⛔ ความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานและนักลงทุนอาจลดลงอย่างรุนแรง ⛔ อาจเปิดช่องให้คู่แข่งที่มีจริยธรรมดีกว่าเข้ามาแทนที่ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของ Meta แต่สะท้อนถึงความท้าทายของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก ที่ต้องเลือกระหว่าง “รายได้” กับ “ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน” — และคำถามคือ: เราจะยอมให้ใครควบคุมสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอของเรากันแน่? https://sherwood.news/tech/meta-projected-10-of-2024-revenue-came-from-scams-and-banned-goods-reuters/
    SHERWOOD.NEWS
    Meta projected 10% of 2024 revenue came from scams and banned goods, Reuters reports
    The report shows that the company was hesitant to crack down harder on scams, due to the billions in revenue that they were generating for Meta....
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 5

    A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน

    เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง

    เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่
    ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน

    ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ”

    ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก

    เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย !

    ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง
    อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้

    แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน

    สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้

    สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
    แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย

    #####
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 6 (จบ)
    (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)

    ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy

    แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy

    อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ

    ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน

    อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น

    อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ
    Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร

    และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ

    นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม

    สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ

    อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร

    Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า
    จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว

    ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ)

    ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ

    อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว

    ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร

    Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้
    และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก

    แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

    การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น

    อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้

    อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ
    ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ

    แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่
    หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน

    ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 5 A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่ ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ” ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย ! ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้ แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้ สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ##### นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 6 (จบ) (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน) ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ) ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้ และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้ อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 4

    หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง

    สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้

    1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่

    2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย

    3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป)

    4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ ….

    4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย
    5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย

    6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง

    7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก

    8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล

    ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน

    ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง

    คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง

    และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้

    – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง

    – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น
    – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ

    – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ

    – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น

    – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน

    – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ

    – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย
    – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย

    – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่

    – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง

    – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด

    เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย

    ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 4 หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้ 1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่ 2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย 3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป) 4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ …. 4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย 5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย 6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง 7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก 8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้ – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่ – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 1

    วันนี้ เดิมผมตั้งใจจะเอาตอนแถมของนิทาน เรื่อง”ต้มข้ามศตวรรษ ” (หรือหม้อตุ๋นแตก ที่คุณจตุพร เพชรเรียง ตั้งชื่อให้ ซึ่งผมชอบมาก) มาลงให้อ่าน แต่ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเจอเอกสารชิ้นหนึ่งน่าสนใจมาก ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเล่าให้ฟังกัน หลังจากลงของแถม แต่บังเอิญเช้านี้ ได้กลิ่นทะแม่งๆค่อนข้างแรง เลยขอพาท่านผู้อ่าน เดินทางกลับจากอดีต 100 ปี เข้าสู่ปัจจุบันกันก่อนเดี๋ยวจะตกข่าวสำคัญ แล้วกลายเป็นว่า ลุงนิทานดีแต่เขียนเรื่องอดีต ปัจจุบันเขาไปถึงไหนกันแล้วไม่บอกกันมั่ง หมู่นี้ลุงนิทานโดนค่อนขอดนินทาแยะแล้ว ไม่อยากโดนเพิ่ม แต่ไม่เป็นไรครับ นินทาลุงแล้วนอนหลับสบายก็เชิญ ถือว่าลุงนิทานได้ทำกุศล 555

    เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Council on Foreign Relations หรือ CFR ถังขยะความคิด (think tank) ที่มีอิทธิพลสูงลิ่ว และมีเสียงดังฟังชัด ซึ่งในหลายๆครั้ง (จริงๆก็เกือบทุกครั้ง) ดูเหมือนจะดังนำ จนเสียงของประธานาธิบดี ต้องว่าตามเสียงอ่อยๆเสียด้วยซ้ำ ได้ออกรายงาน Council Special Report No. 72 ชื่อ “Revising U.S. Grand Strategy Toward China” ซึ่งกว่าผมจะได้อ่าน ก็นู่น จะหมดเดือนเมษาเข้าไปแล้ว อากาศบ้านเรากำลังร้อนจัด แค่เห็นหัวข้อ ผมก็แทบสะอึก พออ่านจบ ผมต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และลดความร้อนในใจอยู่หลายวัน กว่าจะตัดสินใจว่า จะเอามาเขียนเล่าสู่กันฟัง

    รายงานนี้มีความหมายมากครับ เหมือนเป็นเข็มทิศและเครื่องวัดอุณหภูมิของโลก และที่สำคัญ มีความเกี่ยวพันกับแดนสมันน้อยของเรา ในช่วงเวลานับจากนี้เป็นต้นไป

    Edward Mead บรรณาธิการรุ่นเก๋าชื่อดัง ได้เขียนอธิบายความหมายของคำว่า Grand Strategy ไว้ว่า เป็นศิลปะของการควบคุม และการใช้ทรัพยากรทั้งหมดของประเทศอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สุงสุดของประเทศและเพื่อปกป้องตนเองจากผู้ที่เป็นศัตรู หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็นศัตรู หรือเพียงแต่คาดว่า อาจจะเป็นศัตรู… และเป็นยุทธศาสตร์ที่มิได้ใช้เฉพาะในภาวะสงครามเท่านั้น แต่ใช้ในทุกสภาวะของรัฐนั้น
    เทียบกับสมัยโบราณของบ้านเรา Grand Stategy คงจะเป็นทำนองหลักพิชัยสงครามขั้นสูงสุด นะครับ

    ” จีน นับเป็นขู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และในอีกหลายๆทศวรรษต่อไป”
    China represents and will remain the most significant competitor to the United States for decades to come”

    คนเขียนรายงานการวิเคราะห์ เขาเกริ่นเริ่มต้นเช่นนั้น อ่านเผินๆ เหมือนน้ำไหลเอี่อยๆ
    ไม่เห็นต้องสดุ้ง สะอึก อะไรเลย แต่ประโยคต่อไปของเขา ความเอื่อยค่อยๆเปลี่ยน..

    …จีน กำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ของตน ซึ่งมีเป้าหมาย ที่จะควบคุมประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศจีน ที่อยู่ใกล้กับอาณาบริเวณของจีน ให้สงบราบคาบ และสร้างสถานะของจีนให้แข็งแกร่งในประชาคมนานาชาติ เพื่อเข้าไปแทนที่อเมริกา ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย..

    …ความพยายามของอเมริกา ที่จะนำจีนเข้ามาอยู่ในระบบที่ใช้กันอยู่ในสากล กลายเป็นการสร้างความคุกคามให้แก่อเมริกาเอง ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในเอเซีย และในที่สุดจีนอาจเป็นผู้ท้าทาย ความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลก ของอเมริกาด้วย..

    .. อเมริกาจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด ในนโยบายปัจจุบันของอเมริกา เพื่อเป็นการจำกัดอันตราย ที่อาจมีต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในภูมิภาคเอเซีย และในระดับโลก ที่เกิดจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และการทหารของจีน

    การเปลี่ยนแปลงยโยบายของอเมริกาดังกล่าว จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นความจำเป็น ที่จะต้องรักษาความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอเมริกาในระบบปัจจุบันของโลกเอา ไว้…

    ….การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจีน ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้จีนสามารถสร้างอำนาจ ที่ยากแก่การเอาชนะ กลายเป็นประเทศที่สามารถจะครอบงำภูมิภาคเอเซีย และเป็นอันตรายต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และผลประโยชน์ ของอเมริกาในภูมิภาค
    ด้วยเศรษฐกิจที่โตแบบพุ่งพรวดของจีน แม้รายได้ต่อหัวของคนจีน จะยังตามหลังคนอเมริกันก็ตาม แต่ก็ยังทำให้ปักกิ่ง สามารถท้าทายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเซียและอิทธิพลของอเมริกาในเอเซีย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่ออเมริกาอย่างน่าอันตราย และแม้การเติบโตของจีดีพีของจีน อาจจะช้าลงอย่างเห็นชัดในอนาคต แต่เมื่อเทียบกับของอเมริกาในอนาคตแล้ว ก็ยังจะสูงกว่าอเมริกาอยู่ดี จึงทำให้การถ่วงดุลอำนาจจีน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

    การทำให้รากฐานของจีนล่มสลายเท่า นั้น (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกาพ้นจาก “ภาระ” การถ่วงดุลกับจีน เพราะว่า แม้จะทำให้จีน “สะดุด” หัวทิ่มบ้าง ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะขจัดอันตราย ที่จีนมีต่ออเมริกาในเอเซีย และที่ไกลโพ้นไปกว่านั้น

    ในบรรดาชาติทั้งหมด และไม่ว่าในสถานการณ์ใดเท่าที่จะคาดการณ์ได้ มีแต่จีนเท่านั้น ที่จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา และจะเป็นอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายทศวรรษ การผงาดขึ้นมาของจีน จนถึงขณะนี้ ได้สร้างความท้าทายอำนาจของอเมริกา (และอำนาจของอเมริกาที่มีต่อ)มิตร ของอเมริกา ไม่ว่าทางด้านภูมิศาสตร์ การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และที่สำคัญ ต่อการจัดระเบียบโลก “ภายใต้ข้อกำหนด” ของอเมริกา และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป ยิ่งนานไป ก็ยิ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของอเมริการุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ

    นโยบายที่อเมริกาใช้อยู่กับจีนขณะนี้ เป็นนโยบายที่รับรองคุณค่าของจีนทางเศรษฐกิจและปล่อยให้เกิดเสรีทางการเมืองในนานาชาติ ด้วยค่าใช้จ่าย หรือการเสียประโยชน์ของอเมริกาในการเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก มันห่างไกลกับการใช้ยุทธศาสตร์แบบ “grand” แถมไม่มีทางจะได้ผลอะไรขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่อเมริกาจะต้องตอบโต้การเติบโตของอำนาจจีนอย่างเร่งด่วน ซึ่งแม้จะทำตอนนี้ ยังเกือบจะสายไป..
    อือ หือ…. ผมอ่านวิธีการเขียนของ คุณสุดกร่าง ถังขยะความคิด CFR แล้วต้องยอม ว่าเขาใหญ่จริง เขาตบอาเฮียของผม แบบไม่เลี้ยงเลยนะ เอาซะกกหูบวม หัวโน คางโย้ เพราะอาเฮียอีดันโตเร็ว โตไป ใหญ่ไป มันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉา ต่อมหมั่นไส้ ของไอ้พวกนักล่าใบตองแห้ง อย่างทนไม่ไหว เอาซะใบตองปลิวกระจาย ข้อหาความผิดของอาเฮีย คือใหญ่ขนาดมาทาบรัศมี นี่ ไอ้นักล่ารับไม่ได้จริงๆ คงเหมือนเด็กถูกเหยียบเงาหัว ที่สำคัญคือ อาเฮียไม่ยอมคุกเข่า สะบัดแขนคำนับอเมริกา แถมยังเดินหน้าตามวิธีการ นอกรูปแบบ ที่อเมริกากำกับ หรือสั่งให้สิ่งมีชีวิตทั้งโลกทำตาม ขนาดสั่งให้แผ่นดินไหว ให้เกิดพายุยังทำได้เลย จวนจะเป็นพระเจ้าอยู่แล้วรู้ไหม เอะ หรือเป็นแล้ว… แล้วจีนเป็นใครมาจากไหน ถึงสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ เรื่องมันสำคัญตรงนี้ เพราะฉะนั้น สำหรับนักล่าเมื่อสั่งกันไม่ได้ ก็ต้องสอยให้ร่วง (fundamental collapse) มีแค่นั้นเอง เข้าใจไหมครับอาเฮีย

    “แผนสอยมังกร”

    ตอน 2

    จีนสร้างความเจริญเติบโตอย่างไร สุดกร่าง CFR บอกว่า จีนขึ้นต้นด้วยการสร้างหัวขบวนก่อนอื่น สร้างหัวหน้าที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ เหนือกว่าสถาบันใดในประเทศ หลังจากนั้นจึงเดินหน้าสู่ภาระกิจ 4 ประการ

    – จัดระเบียบภายในประเทศ จัดแถวหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่สุดกร่าง ติติง ว่า การเป็นผู้นำประเทศของจีนมักมีปัญหาในเรื่องของการปกครองที่ไม่ชอบธรรม และขาดธรรมาภิบาล ( ผมว่า ไอ้สุดกร่างนี่มันเขียนลอกจากคู่มือ ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง แจกไปทั่วโลก เรื่องธรรมาภิบาลในการบริหาร Good Governance ทำให้นึกถึงน้านันของผมเลย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ขึ้นเวทีไหนไม่พูดเรื่องนี้ เหมือนเป็นตัวปลอมเลย 55)
    – จีนเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งในสมัยเติ้งเสี่ยวผิง เพราะเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ความวุ่นวายทางสังคมจะน้อยลง และการปกครองประชาชนจะง่ายขึ้น ดังนั้นนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นนโยบายที่จำเป็นอย่างยิ่งของจีน นอกจากนั้น การเน้นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นเครื่องมือให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) สามารถจัดระเบียบสังคมจีน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันนัก (การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจของจีน ไม่ได้เกี่ยวกับการแข่งขันทางการเมือง เพราะทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการบริหารประเทศ) ดังนั้นการปฏิรูปประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นนโยบายสำคัญด้านการเมืองภายในของจีนด้วย หมายความว่า จีนไม่มีทางเลิกนโยบายนี้ และเป็นเรื่องที่สุดกร่าง CFR บอกว่า ยิ่งจีนเดินหน้าตามเส้นทางนี้ โอกาสกระแทกนักล่า หล่นจากการเป็นผู้กุมชะตาโลกแต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องน่าหวั่นใจมาก…. แหม ก็แค่ทำแท่นให้มันใหญ่ขึ้น ยืนด้วยกันหลายๆคน ใหญ่ๆ ด้วยกัน เก่งๆ กันทั้งนั้น ช่วยๆกันทำให้โลกนี้มันดีขึ้นนี่ พวกเอ็งขัดใจมากนักหรือไง ขอโทษครับ ผมไม่สุภาพไปหน่อย

    – เมื่อเศรษฐกิจจีนดีขึ้น ต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 กว่า ถึง 1990 กว่า จีนก็รวยเอาๆ จนเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี เป็นเศรษฐีแล้วจะนั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทำไม สุดกร่างบอก จีนเลยเริ่มเดินเผ่นผ่านออกไปนอกบ้าน ไปตบหัวลูบหลังเด็กๆที่อยู่แถวนอกบ้าน จึงเป็นที่มาของนโยบายของจีน ที่จะแผ่อิทธิพลในแถบอินโดแปซิฟิก

    แต่โลกมันก็เปลี่ยนด้วย รอบตัวจีนไม่ได้มีแต่พวกเด็กน้อยที่รอจีนมาตบหัวลูบหลัง แต่มีพวกกล้ามใหญ่ที่เป็นคู่แข็งจีนด้วยซ้ำ ยืนกอดอกดูจีนอยู่เหมือนกัน เช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย และนอกจากนั้น พวกที่อาจเคยเกรงใจจีนมาในสมัยก่อน เช่น เกาหลีใต้ และเวียตนาม แต่บัดนี้ ก็กลายเป็นประเทศที่ดูแลตนเองได้ แม้จะยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง ก็ไม่แสดงความสนใจว่าจะไปซุกอยู่ใต้อุ้งเล็บมังกร และเมื่อจีนคิดขยายวง ประเล้าประโลมออกไปเรื่อยๆ ก็ดันไปเจอเอาฐานทัพและกองกำลังอันแข็งแกร่งของอเมริกา ที่กระจายอยู่เต็มบ้านของพันธมิตรของอเมริกา ซึ่งยากที่จีนจะทะลวงเข้าไปได้ ….แม่จ้าวโว้ย อ่านที่ไอ้สุดกร่างบรรยายถึงตอนนี้ เล่นเอาผมเคลิ้มจนเอกสารปึกใหญ่หล่น
    เมื่อทางเข้าเส้นนี้มีอุปสรรค หนทางเดินหน้าตามแผนของจีน ในความเห็นของสุดกร่าง ก็คือ จีนยิ่งใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ สานไมตรีกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคหนักเข้าไปกว่าเดิมและเพื่อไม่ให้ถูกนินทาว่า จีนกำลังจะฮุบเอเซีย จีนก็เริ่มหันไปจับมือกับรัสเซีย ทำทีเป็นเห็นใจรัสเซีย ที่ถูกตะวันตกคว่ำบาตรใส่ จนหน้าบุบไปหมดแล้ว แต่ที่แสบที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องอิทธิพลอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเอเซียอย่างชอบธรรมนั้น จีนพยายามหาเหตุอ้างว่าไม่เหมาะสม และกำลังเดินนโยบายที่จีนบอกว่า จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจอเมริกาในเอเซียเสียใหม่ … อาเฮียครับ พระเจ้านักล่าบอกว่า อิทธิพลของเขาที่มีอยู่ทั่วเอเซีย “ชอบธรรม” แล้ว อาเฮียจะเถียง จะท้าทายเขาแน่จริงไหมครับ พวกผมจะได้เตรียมตัว..หลบ

    – ประการสุดท้าย ที่จีนแสดงอาการให้เห็นเป็นการท้าทายอเมริกา ในความเห็นของสุดกร่าง คือ จีนเริ่มก้าวเข้าไปเบ่งกล้ามใน ระบบสากล เพื่อแสดงให้เห็นว่า จีนก็เป็นดาราอินเตอร์ได้ อันที่จริง บทดาราอินเตอร์ จีนก็ได้เล่นอยู่แล้ว ต้ังแต่ก่อน การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ ค.ศ.1949 ซึ่งจีนได้รับสิทธิในการออกเสียงคัดค้าน (veto) ในฐานะสมาชิกถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) เพียงแต่ตอนนั้น จีนเลือกที่จะเป็นคอมจนๆ เสียงในสากลก็เลยไม่ดัง ตอนนี้ จีนเปลี่ยนมาเล่นบทเป็นเศรษฐี บวกกับยังมีตำแหน่งดาราอินเตอร์ของเดิมค้างอยู่ คราวนี้ เสียงจีนในสหประชาชาติ ก็เลยยิ่งดังโดยไม่ต้องใช้ไมค์… แบบนี้ เขาจะไม่หมั่นไส้อาเฮีย จนคันไปทั้งแผงหลังได้ยังไง….

    และจีนก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าตัวเองมีเศรษฐกิจดี จีนเริ่มออกความเห็น และพยายามเข้ามามีอิทธิพลใน IMF และ World Bank เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของตน จีนทำตัวเป็นดาราอินเตอร์เต็มตัว เหมือนกับพวกที่เริ่มมีอำนาจทางการเมืองโลกใหม่เขาทำๆกัน นี่.. ด่ากระทบซะเลย
    แต่พวกเศรษฐีใหม่ก็เป็นอย่างนี้แหละ พยายามเสนอตัวเอง เข้าไปในสังคมโลก เฉพาะในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ถ้าจะต้องเสียสละทำให้สวนรวม ก็ยังไม่เห็นจีนแสดงบทบาทอะไรที่เหมาะสมกับความเป็นเศรษฐีของตน และแม้ว่าจะเป็นถึงหมายเลขสองของโลกในด้าน เศรษฐกิจและการงบประมาณด้านทหาร จีนก็พยายามวางนโยบาย ที่จะเอาภาระที่จะต้องเสียสละให้แก่สังคม ไปให้อเมริกาและประเทศอื่น ที่ยังมีสถานะเป็นเพียงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยซ้ำ ..อันนี้ด่าอาเฮียเจ็บนะครับ หาว่า เขารวย แต่ เค็ม เห็นแก่ตัว ทำนองนั้น….

    แต่เวลาจะสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง จีนกลับตัดอเมริกาออก เช่น เมื่อจีนพยายามรวมกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการรวมกลุ่มกับบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และอาฟริกาใต้ (BRICS) นอกจากนั้น จีนยังพยายามสร้างความร่วมมือ กับประเทศในภูมิภาคอื่น เช่น China-Africa Cooperation, China-Arab Cooperation Forum เพื่อแข่งขันกับองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจรุ่นเก่าๆ สมดังคำเปรียบเปรยของ นาย เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่กล่าวว่า จีนยังวุ่นอยู่กับการนำตัวเองเข้าไปจัดการองค์กรที่ได้จัดสร้างขึ้น โดยจีนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาวัตถุประสงค์ขององค์กรเหล่านั้น … ไอ้สุดกร่าง นี่มันสรรหามาแดกดันได้ทุกเรื่องจริงๆ

    สุดกร่างสรุปในที่สุดว่า จีนไม่ได้มีนโยบายที่จะเป็นประเทศที่มุ่งจะทำการค้าขาย “trading state” แต่อย่างใด แม้ว่าในผลลัพธ์จะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม แต่โดยแท้จริงแล้ว จีนมุ่งหมายที่จะเป็นมหาอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ conventional great power เต็มยศชุดใหญ่ ในด้านการเมือง และการทหาร การท้าชิงความเป็นใหญ่ในเอเซียกับอเมริกา เป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น สำหรับการก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจในโลกของจีน

    นี่คือ ” จีน ” ตามข้อกล่าวหา และในสายตาของถังความคิด CFR ที่ประธานาธิบดีของอเมริกาเกือบทุกคน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ” ต้อง” ให้ความสนใจ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 1 วันนี้ เดิมผมตั้งใจจะเอาตอนแถมของนิทาน เรื่อง”ต้มข้ามศตวรรษ ” (หรือหม้อตุ๋นแตก ที่คุณจตุพร เพชรเรียง ตั้งชื่อให้ ซึ่งผมชอบมาก) มาลงให้อ่าน แต่ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเจอเอกสารชิ้นหนึ่งน่าสนใจมาก ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเล่าให้ฟังกัน หลังจากลงของแถม แต่บังเอิญเช้านี้ ได้กลิ่นทะแม่งๆค่อนข้างแรง เลยขอพาท่านผู้อ่าน เดินทางกลับจากอดีต 100 ปี เข้าสู่ปัจจุบันกันก่อนเดี๋ยวจะตกข่าวสำคัญ แล้วกลายเป็นว่า ลุงนิทานดีแต่เขียนเรื่องอดีต ปัจจุบันเขาไปถึงไหนกันแล้วไม่บอกกันมั่ง หมู่นี้ลุงนิทานโดนค่อนขอดนินทาแยะแล้ว ไม่อยากโดนเพิ่ม แต่ไม่เป็นไรครับ นินทาลุงแล้วนอนหลับสบายก็เชิญ ถือว่าลุงนิทานได้ทำกุศล 555 เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Council on Foreign Relations หรือ CFR ถังขยะความคิด (think tank) ที่มีอิทธิพลสูงลิ่ว และมีเสียงดังฟังชัด ซึ่งในหลายๆครั้ง (จริงๆก็เกือบทุกครั้ง) ดูเหมือนจะดังนำ จนเสียงของประธานาธิบดี ต้องว่าตามเสียงอ่อยๆเสียด้วยซ้ำ ได้ออกรายงาน Council Special Report No. 72 ชื่อ “Revising U.S. Grand Strategy Toward China” ซึ่งกว่าผมจะได้อ่าน ก็นู่น จะหมดเดือนเมษาเข้าไปแล้ว อากาศบ้านเรากำลังร้อนจัด แค่เห็นหัวข้อ ผมก็แทบสะอึก พออ่านจบ ผมต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และลดความร้อนในใจอยู่หลายวัน กว่าจะตัดสินใจว่า จะเอามาเขียนเล่าสู่กันฟัง รายงานนี้มีความหมายมากครับ เหมือนเป็นเข็มทิศและเครื่องวัดอุณหภูมิของโลก และที่สำคัญ มีความเกี่ยวพันกับแดนสมันน้อยของเรา ในช่วงเวลานับจากนี้เป็นต้นไป Edward Mead บรรณาธิการรุ่นเก๋าชื่อดัง ได้เขียนอธิบายความหมายของคำว่า Grand Strategy ไว้ว่า เป็นศิลปะของการควบคุม และการใช้ทรัพยากรทั้งหมดของประเทศอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สุงสุดของประเทศและเพื่อปกป้องตนเองจากผู้ที่เป็นศัตรู หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็นศัตรู หรือเพียงแต่คาดว่า อาจจะเป็นศัตรู… และเป็นยุทธศาสตร์ที่มิได้ใช้เฉพาะในภาวะสงครามเท่านั้น แต่ใช้ในทุกสภาวะของรัฐนั้น เทียบกับสมัยโบราณของบ้านเรา Grand Stategy คงจะเป็นทำนองหลักพิชัยสงครามขั้นสูงสุด นะครับ ” จีน นับเป็นขู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และในอีกหลายๆทศวรรษต่อไป” China represents and will remain the most significant competitor to the United States for decades to come” คนเขียนรายงานการวิเคราะห์ เขาเกริ่นเริ่มต้นเช่นนั้น อ่านเผินๆ เหมือนน้ำไหลเอี่อยๆ ไม่เห็นต้องสดุ้ง สะอึก อะไรเลย แต่ประโยคต่อไปของเขา ความเอื่อยค่อยๆเปลี่ยน.. …จีน กำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ของตน ซึ่งมีเป้าหมาย ที่จะควบคุมประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศจีน ที่อยู่ใกล้กับอาณาบริเวณของจีน ให้สงบราบคาบ และสร้างสถานะของจีนให้แข็งแกร่งในประชาคมนานาชาติ เพื่อเข้าไปแทนที่อเมริกา ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย.. …ความพยายามของอเมริกา ที่จะนำจีนเข้ามาอยู่ในระบบที่ใช้กันอยู่ในสากล กลายเป็นการสร้างความคุกคามให้แก่อเมริกาเอง ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในเอเซีย และในที่สุดจีนอาจเป็นผู้ท้าทาย ความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลก ของอเมริกาด้วย.. .. อเมริกาจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด ในนโยบายปัจจุบันของอเมริกา เพื่อเป็นการจำกัดอันตราย ที่อาจมีต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในภูมิภาคเอเซีย และในระดับโลก ที่เกิดจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และการทหารของจีน การเปลี่ยนแปลงยโยบายของอเมริกาดังกล่าว จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นความจำเป็น ที่จะต้องรักษาความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอเมริกาในระบบปัจจุบันของโลกเอา ไว้… ….การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจีน ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้จีนสามารถสร้างอำนาจ ที่ยากแก่การเอาชนะ กลายเป็นประเทศที่สามารถจะครอบงำภูมิภาคเอเซีย และเป็นอันตรายต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และผลประโยชน์ ของอเมริกาในภูมิภาค ด้วยเศรษฐกิจที่โตแบบพุ่งพรวดของจีน แม้รายได้ต่อหัวของคนจีน จะยังตามหลังคนอเมริกันก็ตาม แต่ก็ยังทำให้ปักกิ่ง สามารถท้าทายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเซียและอิทธิพลของอเมริกาในเอเซีย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่ออเมริกาอย่างน่าอันตราย และแม้การเติบโตของจีดีพีของจีน อาจจะช้าลงอย่างเห็นชัดในอนาคต แต่เมื่อเทียบกับของอเมริกาในอนาคตแล้ว ก็ยังจะสูงกว่าอเมริกาอยู่ดี จึงทำให้การถ่วงดุลอำนาจจีน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง การทำให้รากฐานของจีนล่มสลายเท่า นั้น (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกาพ้นจาก “ภาระ” การถ่วงดุลกับจีน เพราะว่า แม้จะทำให้จีน “สะดุด” หัวทิ่มบ้าง ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะขจัดอันตราย ที่จีนมีต่ออเมริกาในเอเซีย และที่ไกลโพ้นไปกว่านั้น ในบรรดาชาติทั้งหมด และไม่ว่าในสถานการณ์ใดเท่าที่จะคาดการณ์ได้ มีแต่จีนเท่านั้น ที่จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา และจะเป็นอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายทศวรรษ การผงาดขึ้นมาของจีน จนถึงขณะนี้ ได้สร้างความท้าทายอำนาจของอเมริกา (และอำนาจของอเมริกาที่มีต่อ)มิตร ของอเมริกา ไม่ว่าทางด้านภูมิศาสตร์ การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และที่สำคัญ ต่อการจัดระเบียบโลก “ภายใต้ข้อกำหนด” ของอเมริกา และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป ยิ่งนานไป ก็ยิ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของอเมริการุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ นโยบายที่อเมริกาใช้อยู่กับจีนขณะนี้ เป็นนโยบายที่รับรองคุณค่าของจีนทางเศรษฐกิจและปล่อยให้เกิดเสรีทางการเมืองในนานาชาติ ด้วยค่าใช้จ่าย หรือการเสียประโยชน์ของอเมริกาในการเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก มันห่างไกลกับการใช้ยุทธศาสตร์แบบ “grand” แถมไม่มีทางจะได้ผลอะไรขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่อเมริกาจะต้องตอบโต้การเติบโตของอำนาจจีนอย่างเร่งด่วน ซึ่งแม้จะทำตอนนี้ ยังเกือบจะสายไป.. อือ หือ…. ผมอ่านวิธีการเขียนของ คุณสุดกร่าง ถังขยะความคิด CFR แล้วต้องยอม ว่าเขาใหญ่จริง เขาตบอาเฮียของผม แบบไม่เลี้ยงเลยนะ เอาซะกกหูบวม หัวโน คางโย้ เพราะอาเฮียอีดันโตเร็ว โตไป ใหญ่ไป มันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉา ต่อมหมั่นไส้ ของไอ้พวกนักล่าใบตองแห้ง อย่างทนไม่ไหว เอาซะใบตองปลิวกระจาย ข้อหาความผิดของอาเฮีย คือใหญ่ขนาดมาทาบรัศมี นี่ ไอ้นักล่ารับไม่ได้จริงๆ คงเหมือนเด็กถูกเหยียบเงาหัว ที่สำคัญคือ อาเฮียไม่ยอมคุกเข่า สะบัดแขนคำนับอเมริกา แถมยังเดินหน้าตามวิธีการ นอกรูปแบบ ที่อเมริกากำกับ หรือสั่งให้สิ่งมีชีวิตทั้งโลกทำตาม ขนาดสั่งให้แผ่นดินไหว ให้เกิดพายุยังทำได้เลย จวนจะเป็นพระเจ้าอยู่แล้วรู้ไหม เอะ หรือเป็นแล้ว… แล้วจีนเป็นใครมาจากไหน ถึงสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ เรื่องมันสำคัญตรงนี้ เพราะฉะนั้น สำหรับนักล่าเมื่อสั่งกันไม่ได้ ก็ต้องสอยให้ร่วง (fundamental collapse) มีแค่นั้นเอง เข้าใจไหมครับอาเฮีย “แผนสอยมังกร” ตอน 2 จีนสร้างความเจริญเติบโตอย่างไร สุดกร่าง CFR บอกว่า จีนขึ้นต้นด้วยการสร้างหัวขบวนก่อนอื่น สร้างหัวหน้าที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ เหนือกว่าสถาบันใดในประเทศ หลังจากนั้นจึงเดินหน้าสู่ภาระกิจ 4 ประการ – จัดระเบียบภายในประเทศ จัดแถวหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่สุดกร่าง ติติง ว่า การเป็นผู้นำประเทศของจีนมักมีปัญหาในเรื่องของการปกครองที่ไม่ชอบธรรม และขาดธรรมาภิบาล ( ผมว่า ไอ้สุดกร่างนี่มันเขียนลอกจากคู่มือ ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง แจกไปทั่วโลก เรื่องธรรมาภิบาลในการบริหาร Good Governance ทำให้นึกถึงน้านันของผมเลย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ขึ้นเวทีไหนไม่พูดเรื่องนี้ เหมือนเป็นตัวปลอมเลย 55) – จีนเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งในสมัยเติ้งเสี่ยวผิง เพราะเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ความวุ่นวายทางสังคมจะน้อยลง และการปกครองประชาชนจะง่ายขึ้น ดังนั้นนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นนโยบายที่จำเป็นอย่างยิ่งของจีน นอกจากนั้น การเน้นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นเครื่องมือให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) สามารถจัดระเบียบสังคมจีน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันนัก (การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจของจีน ไม่ได้เกี่ยวกับการแข่งขันทางการเมือง เพราะทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการบริหารประเทศ) ดังนั้นการปฏิรูปประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นนโยบายสำคัญด้านการเมืองภายในของจีนด้วย หมายความว่า จีนไม่มีทางเลิกนโยบายนี้ และเป็นเรื่องที่สุดกร่าง CFR บอกว่า ยิ่งจีนเดินหน้าตามเส้นทางนี้ โอกาสกระแทกนักล่า หล่นจากการเป็นผู้กุมชะตาโลกแต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องน่าหวั่นใจมาก…. แหม ก็แค่ทำแท่นให้มันใหญ่ขึ้น ยืนด้วยกันหลายๆคน ใหญ่ๆ ด้วยกัน เก่งๆ กันทั้งนั้น ช่วยๆกันทำให้โลกนี้มันดีขึ้นนี่ พวกเอ็งขัดใจมากนักหรือไง ขอโทษครับ ผมไม่สุภาพไปหน่อย – เมื่อเศรษฐกิจจีนดีขึ้น ต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 กว่า ถึง 1990 กว่า จีนก็รวยเอาๆ จนเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี เป็นเศรษฐีแล้วจะนั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทำไม สุดกร่างบอก จีนเลยเริ่มเดินเผ่นผ่านออกไปนอกบ้าน ไปตบหัวลูบหลังเด็กๆที่อยู่แถวนอกบ้าน จึงเป็นที่มาของนโยบายของจีน ที่จะแผ่อิทธิพลในแถบอินโดแปซิฟิก แต่โลกมันก็เปลี่ยนด้วย รอบตัวจีนไม่ได้มีแต่พวกเด็กน้อยที่รอจีนมาตบหัวลูบหลัง แต่มีพวกกล้ามใหญ่ที่เป็นคู่แข็งจีนด้วยซ้ำ ยืนกอดอกดูจีนอยู่เหมือนกัน เช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย และนอกจากนั้น พวกที่อาจเคยเกรงใจจีนมาในสมัยก่อน เช่น เกาหลีใต้ และเวียตนาม แต่บัดนี้ ก็กลายเป็นประเทศที่ดูแลตนเองได้ แม้จะยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง ก็ไม่แสดงความสนใจว่าจะไปซุกอยู่ใต้อุ้งเล็บมังกร และเมื่อจีนคิดขยายวง ประเล้าประโลมออกไปเรื่อยๆ ก็ดันไปเจอเอาฐานทัพและกองกำลังอันแข็งแกร่งของอเมริกา ที่กระจายอยู่เต็มบ้านของพันธมิตรของอเมริกา ซึ่งยากที่จีนจะทะลวงเข้าไปได้ ….แม่จ้าวโว้ย อ่านที่ไอ้สุดกร่างบรรยายถึงตอนนี้ เล่นเอาผมเคลิ้มจนเอกสารปึกใหญ่หล่น เมื่อทางเข้าเส้นนี้มีอุปสรรค หนทางเดินหน้าตามแผนของจีน ในความเห็นของสุดกร่าง ก็คือ จีนยิ่งใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ สานไมตรีกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคหนักเข้าไปกว่าเดิมและเพื่อไม่ให้ถูกนินทาว่า จีนกำลังจะฮุบเอเซีย จีนก็เริ่มหันไปจับมือกับรัสเซีย ทำทีเป็นเห็นใจรัสเซีย ที่ถูกตะวันตกคว่ำบาตรใส่ จนหน้าบุบไปหมดแล้ว แต่ที่แสบที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องอิทธิพลอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเอเซียอย่างชอบธรรมนั้น จีนพยายามหาเหตุอ้างว่าไม่เหมาะสม และกำลังเดินนโยบายที่จีนบอกว่า จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจอเมริกาในเอเซียเสียใหม่ … อาเฮียครับ พระเจ้านักล่าบอกว่า อิทธิพลของเขาที่มีอยู่ทั่วเอเซีย “ชอบธรรม” แล้ว อาเฮียจะเถียง จะท้าทายเขาแน่จริงไหมครับ พวกผมจะได้เตรียมตัว..หลบ – ประการสุดท้าย ที่จีนแสดงอาการให้เห็นเป็นการท้าทายอเมริกา ในความเห็นของสุดกร่าง คือ จีนเริ่มก้าวเข้าไปเบ่งกล้ามใน ระบบสากล เพื่อแสดงให้เห็นว่า จีนก็เป็นดาราอินเตอร์ได้ อันที่จริง บทดาราอินเตอร์ จีนก็ได้เล่นอยู่แล้ว ต้ังแต่ก่อน การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ ค.ศ.1949 ซึ่งจีนได้รับสิทธิในการออกเสียงคัดค้าน (veto) ในฐานะสมาชิกถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) เพียงแต่ตอนนั้น จีนเลือกที่จะเป็นคอมจนๆ เสียงในสากลก็เลยไม่ดัง ตอนนี้ จีนเปลี่ยนมาเล่นบทเป็นเศรษฐี บวกกับยังมีตำแหน่งดาราอินเตอร์ของเดิมค้างอยู่ คราวนี้ เสียงจีนในสหประชาชาติ ก็เลยยิ่งดังโดยไม่ต้องใช้ไมค์… แบบนี้ เขาจะไม่หมั่นไส้อาเฮีย จนคันไปทั้งแผงหลังได้ยังไง…. และจีนก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าตัวเองมีเศรษฐกิจดี จีนเริ่มออกความเห็น และพยายามเข้ามามีอิทธิพลใน IMF และ World Bank เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของตน จีนทำตัวเป็นดาราอินเตอร์เต็มตัว เหมือนกับพวกที่เริ่มมีอำนาจทางการเมืองโลกใหม่เขาทำๆกัน นี่.. ด่ากระทบซะเลย แต่พวกเศรษฐีใหม่ก็เป็นอย่างนี้แหละ พยายามเสนอตัวเอง เข้าไปในสังคมโลก เฉพาะในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ถ้าจะต้องเสียสละทำให้สวนรวม ก็ยังไม่เห็นจีนแสดงบทบาทอะไรที่เหมาะสมกับความเป็นเศรษฐีของตน และแม้ว่าจะเป็นถึงหมายเลขสองของโลกในด้าน เศรษฐกิจและการงบประมาณด้านทหาร จีนก็พยายามวางนโยบาย ที่จะเอาภาระที่จะต้องเสียสละให้แก่สังคม ไปให้อเมริกาและประเทศอื่น ที่ยังมีสถานะเป็นเพียงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยซ้ำ ..อันนี้ด่าอาเฮียเจ็บนะครับ หาว่า เขารวย แต่ เค็ม เห็นแก่ตัว ทำนองนั้น…. แต่เวลาจะสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง จีนกลับตัดอเมริกาออก เช่น เมื่อจีนพยายามรวมกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการรวมกลุ่มกับบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และอาฟริกาใต้ (BRICS) นอกจากนั้น จีนยังพยายามสร้างความร่วมมือ กับประเทศในภูมิภาคอื่น เช่น China-Africa Cooperation, China-Arab Cooperation Forum เพื่อแข่งขันกับองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจรุ่นเก่าๆ สมดังคำเปรียบเปรยของ นาย เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่กล่าวว่า จีนยังวุ่นอยู่กับการนำตัวเองเข้าไปจัดการองค์กรที่ได้จัดสร้างขึ้น โดยจีนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาวัตถุประสงค์ขององค์กรเหล่านั้น … ไอ้สุดกร่าง นี่มันสรรหามาแดกดันได้ทุกเรื่องจริงๆ สุดกร่างสรุปในที่สุดว่า จีนไม่ได้มีนโยบายที่จะเป็นประเทศที่มุ่งจะทำการค้าขาย “trading state” แต่อย่างใด แม้ว่าในผลลัพธ์จะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม แต่โดยแท้จริงแล้ว จีนมุ่งหมายที่จะเป็นมหาอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ conventional great power เต็มยศชุดใหญ่ ในด้านการเมือง และการทหาร การท้าชิงความเป็นใหญ่ในเอเซียกับอเมริกา เป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น สำหรับการก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจในโลกของจีน นี่คือ ” จีน ” ตามข้อกล่าวหา และในสายตาของถังความคิด CFR ที่ประธานาธิบดีของอเมริกาเกือบทุกคน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ” ต้อง” ให้ความสนใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 399 Views 0 Reviews
  • “Storm-1849” แฮกเกอร์จีนเจาะระบบไฟร์วอลล์ Cisco ทั่วโลก

    รายงานล่าสุดจาก Palo Alto Networks’ Unit 42 เผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกติดตามในชื่อ Storm-1849 หรือ UAT4356 กำลังโจมตีอุปกรณ์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหน่วยงานรัฐบาล สถาบันกลาโหม และบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย

    แม้ Cisco และ CISA ยังไม่ระบุว่าเป็นฝีมือของจีนอย่างเป็นทางการ แต่บริษัท Censys เคยพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการโจมตีในปี 2024 ที่มีลักษณะคล้ายกัน

    กลุ่มแฮกเกอร์ Storm-1849
    ถูกติดตามในชื่อ UAT4356 โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย
    โจมตีอุปกรณ์ Cisco ASA ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์สำคัญในระบบรัฐบาลและองค์กร

    ขอบเขตการโจมตี
    พบการโจมตีในสหรัฐฯ ต่อ IP ของหน่วยงานรัฐบาลกลางและท้องถิ่น
    ขยายไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ
    มีช่วงหยุดโจมตีระหว่าง 1–8 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันหยุด Golden Week ของจีน

    ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี
    CVE-2025-30333 (CVSS 9.9): ผู้โจมตีที่มี VPN credentials สามารถรันโค้ดบนอุปกรณ์ได้
    CVE-2025-20362 (CVSS 6.5): ผู้โจมตีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้
    การโจมตีแบบ chain ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างลึกและต่อเนื่อง

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    James Maude: ต้อง patch ช่องโหว่ทันที และรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน
    Heath Renfrow: อุปกรณ์ edge กลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แค่โครงสร้างรอง
    ต้องตรวจสอบ credential ทั้งหมดและรีวิว log อย่างละเอียด

    https://hackread.com/china-hackers-target-cisco-firewalls/
    📰 “Storm-1849” แฮกเกอร์จีนเจาะระบบไฟร์วอลล์ Cisco ทั่วโลก รายงานล่าสุดจาก Palo Alto Networks’ Unit 42 เผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกติดตามในชื่อ Storm-1849 หรือ UAT4356 กำลังโจมตีอุปกรณ์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหน่วยงานรัฐบาล สถาบันกลาโหม และบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย แม้ Cisco และ CISA ยังไม่ระบุว่าเป็นฝีมือของจีนอย่างเป็นทางการ แต่บริษัท Censys เคยพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการโจมตีในปี 2024 ที่มีลักษณะคล้ายกัน ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ Storm-1849 ➡️ ถูกติดตามในชื่อ UAT4356 โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย ➡️ โจมตีอุปกรณ์ Cisco ASA ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์สำคัญในระบบรัฐบาลและองค์กร ✅ ขอบเขตการโจมตี ➡️ พบการโจมตีในสหรัฐฯ ต่อ IP ของหน่วยงานรัฐบาลกลางและท้องถิ่น ➡️ ขยายไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ ➡️ มีช่วงหยุดโจมตีระหว่าง 1–8 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันหยุด Golden Week ของจีน ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี ➡️ CVE-2025-30333 (CVSS 9.9): ผู้โจมตีที่มี VPN credentials สามารถรันโค้ดบนอุปกรณ์ได้ ➡️ CVE-2025-20362 (CVSS 6.5): ผู้โจมตีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดได้ ➡️ การโจมตีแบบ chain ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างลึกและต่อเนื่อง ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ James Maude: ต้อง patch ช่องโหว่ทันที และรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน ➡️ Heath Renfrow: อุปกรณ์ edge กลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แค่โครงสร้างรอง ➡️ ต้องตรวจสอบ credential ทั้งหมดและรีวิว log อย่างละเอียด https://hackread.com/china-hackers-target-cisco-firewalls/
    HACKREAD.COM
    China-Linked Hackers Target Cisco Firewalls in Global Campaign
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • โลกนักพัฒนาเปลี่ยนไปแล้ว: GitHub Octoverse 2025 ชี้ AI และ TypeScript คือพลังขับเคลื่อนใหม่

    GitHub เพิ่งปล่อยรายงาน Octoverse ประจำปี 2025 ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของนักพัฒนา โดยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งในจำนวนผู้ใช้และโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม

    TypeScript ได้แซงหน้า Python และ JavaScript ขึ้นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบน GitHub ในเดือนสิงหาคม 2025 โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 66.63% ต่อปี ขณะที่ Python ยังคงครองพื้นที่ในสายงาน AI และ Data Science ด้วยการเติบโต 48.78% ส่วน JavaScript เติบโตเพียง 24.79%

    อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ลงทะเบียนบัญชี GitHub ใหม่มากที่สุดในโลก โดยมีนักพัฒนาใหม่กว่า 5.2 ล้านคนในปีเดียว คิดเป็น 14% ของผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด แม้สหรัฐฯ ยังเป็นแหล่งที่มาของการมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่แนวโน้มของอินเดียกำลังพุ่งแรง และคาดว่าจะมีนักพัฒนาถึง 57.5 ล้านคนภายในปี 2030

    AI คือหัวใจของการเติบโตในโอเพ่นซอร์ส โดย 6 จาก 10 โครงการที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เช่น vllm, cline, home-assistant, ragflow และ sglang ซึ่งแซงหน้าโครงการยอดนิยมอย่าง VS Code, Godot และ Flutter

    GitHub ยังเผยว่าในปี 2025 มีการสร้าง repository ใหม่กว่า 121 ล้านแห่ง รวมเป็นทั้งหมด 630 ล้าน repository บนแพลตฟอร์ม โดยมีการ commit เกือบ 1 พันล้านครั้งในปีเดียว และ merge pull request เฉลี่ย 43.2 ล้านครั้งต่อเดือน

    GitHub มีนักพัฒนากว่า 180 ล้านคนทั่วโลก
    เพิ่มขึ้น 36 ล้านคนในปีเดียว เฉลี่ยมีผู้สมัครใหม่ทุกวินาที

    มี repository ทั้งหมด 630 ล้านแห่ง
    เพิ่มขึ้น 121 ล้านแห่งในปี 2025
    สร้าง repository ใหม่เฉลี่ย 230+ แห่งต่อนาที

    81.5% ของการมีส่วนร่วมเกิดใน repository แบบ private
    แม้ public repo จะมีมากกว่า แต่การพัฒนาเกิดหลังฉาก

    TypeScript แซง Python และ JavaScript ขึ้นเป็นภาษายอดนิยม
    เติบโต 66.63% ต่อปี มีผู้ใช้เพิ่มกว่า 1 ล้านคน
    Python เติบโต 48.78% และ JavaScript 24.79%

    อินเดียเป็นแหล่งผู้ใช้ใหม่มากที่สุด
    เพิ่ม 5.2 ล้านคนในปีเดียว คิดเป็น 14% ของผู้ใช้ใหม่
    คาดว่าจะมีนักพัฒนาถึง 57.5 ล้านคนในปี 2030

    6 จาก 10 โครงการโอเพ่นซอร์สที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นด้าน AI
    ได้แก่ vllm, cline, home-assistant, ragflow, sglang
    เติบโตเร็วกว่าฐานเดิมอย่าง VS Code และ Flutter

    https://news.itsfoss.com/github-octoverse-2025/
    🚀 โลกนักพัฒนาเปลี่ยนไปแล้ว: GitHub Octoverse 2025 ชี้ AI และ TypeScript คือพลังขับเคลื่อนใหม่ GitHub เพิ่งปล่อยรายงาน Octoverse ประจำปี 2025 ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของนักพัฒนา โดยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งในจำนวนผู้ใช้และโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม TypeScript ได้แซงหน้า Python และ JavaScript ขึ้นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบน GitHub ในเดือนสิงหาคม 2025 โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 66.63% ต่อปี ขณะที่ Python ยังคงครองพื้นที่ในสายงาน AI และ Data Science ด้วยการเติบโต 48.78% ส่วน JavaScript เติบโตเพียง 24.79% อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ลงทะเบียนบัญชี GitHub ใหม่มากที่สุดในโลก โดยมีนักพัฒนาใหม่กว่า 5.2 ล้านคนในปีเดียว คิดเป็น 14% ของผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด แม้สหรัฐฯ ยังเป็นแหล่งที่มาของการมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่แนวโน้มของอินเดียกำลังพุ่งแรง และคาดว่าจะมีนักพัฒนาถึง 57.5 ล้านคนภายในปี 2030 AI คือหัวใจของการเติบโตในโอเพ่นซอร์ส โดย 6 จาก 10 โครงการที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เช่น vllm, cline, home-assistant, ragflow และ sglang ซึ่งแซงหน้าโครงการยอดนิยมอย่าง VS Code, Godot และ Flutter GitHub ยังเผยว่าในปี 2025 มีการสร้าง repository ใหม่กว่า 121 ล้านแห่ง รวมเป็นทั้งหมด 630 ล้าน repository บนแพลตฟอร์ม โดยมีการ commit เกือบ 1 พันล้านครั้งในปีเดียว และ merge pull request เฉลี่ย 43.2 ล้านครั้งต่อเดือน ✅ GitHub มีนักพัฒนากว่า 180 ล้านคนทั่วโลก ➡️ เพิ่มขึ้น 36 ล้านคนในปีเดียว เฉลี่ยมีผู้สมัครใหม่ทุกวินาที ✅ มี repository ทั้งหมด 630 ล้านแห่ง ➡️ เพิ่มขึ้น 121 ล้านแห่งในปี 2025 ➡️ สร้าง repository ใหม่เฉลี่ย 230+ แห่งต่อนาที ✅ 81.5% ของการมีส่วนร่วมเกิดใน repository แบบ private ➡️ แม้ public repo จะมีมากกว่า แต่การพัฒนาเกิดหลังฉาก ✅ TypeScript แซง Python และ JavaScript ขึ้นเป็นภาษายอดนิยม ➡️ เติบโต 66.63% ต่อปี มีผู้ใช้เพิ่มกว่า 1 ล้านคน ➡️ Python เติบโต 48.78% และ JavaScript 24.79% ✅ อินเดียเป็นแหล่งผู้ใช้ใหม่มากที่สุด ➡️ เพิ่ม 5.2 ล้านคนในปีเดียว คิดเป็น 14% ของผู้ใช้ใหม่ ➡️ คาดว่าจะมีนักพัฒนาถึง 57.5 ล้านคนในปี 2030 ✅ 6 จาก 10 โครงการโอเพ่นซอร์สที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นด้าน AI ➡️ ได้แก่ vllm, cline, home-assistant, ragflow, sglang ➡️ เติบโตเร็วกว่าฐานเดิมอย่าง VS Code และ Flutter https://news.itsfoss.com/github-octoverse-2025/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    GitHub’s 2025 Report Reveals Some Surprising Developer Trends
    630 million repositories and 36 million new developers mark GitHub's biggest year.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • Android ป้องกันภัยหลอกลวงด้วย AI ได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน – ผู้ใช้มั่นใจมากกว่า iOS ถึง 58%

    Google เผยความสำเร็จของระบบป้องกันภัยหลอกลวงบน Android ที่ใช้ AI ตรวจจับและสกัดข้อความและสายโทรศัพท์อันตรายได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน พร้อมผลสำรวจจาก YouGov ที่ชี้ว่า ผู้ใช้ Android มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงข้อความหลอกลวงได้มากกว่า iOS ถึง 58%.

    ในยุคที่ AI ถูกใช้สร้างข้อความหลอกลวงได้แนบเนียนมากขึ้น Google จึงพัฒนา Android ให้มีระบบป้องกันหลายชั้น ทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์ การตรวจสอบเครือข่าย และการใช้ AI บนอุปกรณ์โดยตรง

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ RCS Safety Checks ที่สามารถบล็อกเบอร์ต้องสงสัยได้มากกว่า 100 ล้านเบอร์ในเดือนเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบ Google Messages ที่กรองข้อความสแปมโดยดูจากชื่อผู้ส่งและเนื้อหา และระบบ Call Screen ที่สามารถรับสายแทนผู้ใช้เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสายหลอกลวงหรือไม่

    ผลสำรวจจากผู้ใช้ในสหรัฐฯ อินเดีย และบราซิล พบว่า:
    ผู้ใช้ Android มีโอกาสได้รับข้อความหลอกลวงน้อยกว่า iOS ถึง 58%
    ผู้ใช้ Pixel มีความมั่นใจในระบบป้องกันมากกว่า iPhone ถึง 96%
    ผู้ใช้ iOS มีแนวโน้มได้รับข้อความหลอกลวงมากกว่า Android ถึง 65%

    Google ยังใช้ LLM (Large Language Models) ในการตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิ่งและมัลแวร์ผ่าน Chrome และ Play Protect เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการป้องกันภัยไซเบอร์

    Android ป้องกันภัยหลอกลวงด้วย AI ได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน
    ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์และ AI บนอุปกรณ์
    บล็อกเบอร์ต้องสงสัยได้มากกว่า 100 ล้านเบอร์ในเดือนเดียว

    ฟีเจอร์เด่นของ Android
    Google Messages กรองข้อความสแปมโดยดูจากชื่อผู้ส่งและเนื้อหา
    Call Screen รับสายแทนผู้ใช้เพื่อตรวจสอบภัยหลอกลวง
    Scam Detection ตรวจจับคำพูดหลอกลวงระหว่างการสนทนา

    ผลสำรวจจาก YouGov
    ผู้ใช้ Android มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงข้อความหลอกลวงมากกว่า iOS ถึง 58%
    ผู้ใช้ Pixel มั่นใจในระบบป้องกันมากกว่า iPhone ถึง 96%
    ผู้ใช้ iOS มีแนวโน้มได้รับข้อความหลอกลวงมากกว่า Android ถึง 65%

    https://securityonline.info/android-ai-scam-defense-blocks-10-billion-monthly-threats-users-58-more-likely-to-avoid-scam-texts-than-ios/
    📱 Android ป้องกันภัยหลอกลวงด้วย AI ได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน – ผู้ใช้มั่นใจมากกว่า iOS ถึง 58% Google เผยความสำเร็จของระบบป้องกันภัยหลอกลวงบน Android ที่ใช้ AI ตรวจจับและสกัดข้อความและสายโทรศัพท์อันตรายได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน พร้อมผลสำรวจจาก YouGov ที่ชี้ว่า ผู้ใช้ Android มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงข้อความหลอกลวงได้มากกว่า iOS ถึง 58%. ในยุคที่ AI ถูกใช้สร้างข้อความหลอกลวงได้แนบเนียนมากขึ้น Google จึงพัฒนา Android ให้มีระบบป้องกันหลายชั้น ทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์ การตรวจสอบเครือข่าย และการใช้ AI บนอุปกรณ์โดยตรง หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ RCS Safety Checks ที่สามารถบล็อกเบอร์ต้องสงสัยได้มากกว่า 100 ล้านเบอร์ในเดือนเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบ Google Messages ที่กรองข้อความสแปมโดยดูจากชื่อผู้ส่งและเนื้อหา และระบบ Call Screen ที่สามารถรับสายแทนผู้ใช้เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสายหลอกลวงหรือไม่ ผลสำรวจจากผู้ใช้ในสหรัฐฯ อินเดีย และบราซิล พบว่า: 💠 ผู้ใช้ Android มีโอกาสได้รับข้อความหลอกลวงน้อยกว่า iOS ถึง 58% 💠 ผู้ใช้ Pixel มีความมั่นใจในระบบป้องกันมากกว่า iPhone ถึง 96% 💠 ผู้ใช้ iOS มีแนวโน้มได้รับข้อความหลอกลวงมากกว่า Android ถึง 65% Google ยังใช้ LLM (Large Language Models) ในการตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิ่งและมัลแวร์ผ่าน Chrome และ Play Protect เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการป้องกันภัยไซเบอร์ ✅ Android ป้องกันภัยหลอกลวงด้วย AI ได้มากกว่า 10 พันล้านครั้งต่อเดือน ➡️ ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์และ AI บนอุปกรณ์ ➡️ บล็อกเบอร์ต้องสงสัยได้มากกว่า 100 ล้านเบอร์ในเดือนเดียว ✅ ฟีเจอร์เด่นของ Android ➡️ Google Messages กรองข้อความสแปมโดยดูจากชื่อผู้ส่งและเนื้อหา ➡️ Call Screen รับสายแทนผู้ใช้เพื่อตรวจสอบภัยหลอกลวง ➡️ Scam Detection ตรวจจับคำพูดหลอกลวงระหว่างการสนทนา ✅ ผลสำรวจจาก YouGov ➡️ ผู้ใช้ Android มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงข้อความหลอกลวงมากกว่า iOS ถึง 58% ➡️ ผู้ใช้ Pixel มั่นใจในระบบป้องกันมากกว่า iPhone ถึง 96% ➡️ ผู้ใช้ iOS มีแนวโน้มได้รับข้อความหลอกลวงมากกว่า Android ถึง 65% https://securityonline.info/android-ai-scam-defense-blocks-10-billion-monthly-threats-users-58-more-likely-to-avoid-scam-texts-than-ios/
    SECURITYONLINE.INFO
    Android AI Scam Defense Blocks 10 Billion Monthly Threats; Users 58% More Likely to Avoid Scam Texts Than iOS
    Google reveals Android’s AI defense blocks 10B+ monthly scams. A YouGov survey found Android users 58% more likely to report zero scam texts than iOS users due to on-device AI protection.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 1

    เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ

    แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่

    มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย

    (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี
    ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา

    จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย)

    กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่

    แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 2

    หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า

    “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย

    เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา

    เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ!

    เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
    “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก

    หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง

    “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..”
    นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ

    สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า

    “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้”

    คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร

    นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง

    หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ

    นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 3

    Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild

    ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป

    เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา

    เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน

    นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้:

    ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา”
    Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง
    ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

    นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง

    จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 4

    Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ

    ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว
    แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย

    วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง

    New York
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 1 เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่ มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย) กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่ แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917) นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 2 หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ! เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..” นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้” คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 3 Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้: ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา” Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 4 Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง New York
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ไอ้เสือเอาวา
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 6 “ไอ้เสือเอาวา”

    ตอน 1

    The American International Corporation (AIC) ตั้งขึ้นที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1915 โดยกลุ่ม J P Morgan และผู้ร่วมทุนจาก National City Bank ของกลุ่ม Stillman และกลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller เรียกว่าเป็นการร่วมทุนของพวก เจ้าพ่อ ธุรกิจการเงิน และอุตสาหกรรมของอเมริกา สำนักงานใหญ่ของ AIC ตั้ง อยู่เลขที่ 120 ถนนบรอดเวย์ หนังสือบริคณห์ของบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อทำธุรกิจทุกประเภท (ยกเว้นการธนาคารและสาธารณูปโภค) ในทุกประเทศ “ทั่วโลก” เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจการค้าภายในและภายนอกประเทศ และขยายธุรกิจของอเมริกาไปยังต่างประเทศ

    Frank A. Vanderlip เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่าง มาก ที่ American International Corporation ก่อตั้งขึ้นได้สำเร็จ จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้น จากการคุยกัน ระหว่าง คนทำงานของ Stone & Webster บริษัทก่อสร้างทางรถไฟระหว่างประเทศ ที่บอกกับ Jim Perkins และ Frank A. Vanderlip แห่ง National City Bank (NCB) ว่า จะไม่เหลือทางรถไฟในอเมริกาให้เราสร้างสักเท่าไรแล้ว !

    บริษัทได้ระบุจำนวนทุน ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชำระ คือ 50 ล้านเหรียญ และนาย Vanderlip บันทึกต่อไปว่า เขาได้เขียนไปหาประธานของ American International Corporation “…หลังจากที่ผมบอกให้พวกเขา รู้ว่า เรากำลังทำจะอะไร พวกเขาดีใจมาก ที่เราชวนพวกเขามาร่วมด้วย ทุกคนลงทุนกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับขอเพิ่มอีก และแถมบางคนยังกันท่า ไม่อยากให้บางคนมาร่วมมือด้วย…ทุกคนที่เราไปคุย เอาด้วยทั้งนั้น”
    ตกลงพวกเขากำลังจะทำอะไร ธุรกิจของ AIC คืออะไรกันแน่ นักธุรกิจอเมริกัน ถึงกับแย่งกันเข้ามาร่วมลงทุน

    ในปี 1916 AIC มีการลงทุนในต่างประเทศ เป็นจำนวนมากกว่า 23 ล้านเหรียญ และในปี 1917 เพิ่มเป็นกว่า 27 ล้านเหรียญ มีบริษัทตัวแทน อยู่ที่ลอนดอน ปารีส บัวโนสไอเรส ปักกิ่ง Petrograd รัสเซีย และหลังจากตั้งบริษัทได้ไม่ถึง 2 ปี ธุรกิจของ AIC ก็ขยายไปถึง ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อุรุกวัย ปารากวัย โคลัมเบีย บราซิล ซิลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซีลอน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สเปน คิวบา เม็กซิโก และอีกหลายๆประเทศในอเมริกากลาง

    หลังจากนั้นไม่นาน American International Corporation (AIC) ได้ตั้งบริษัทลูก อีกหลายบริษัทคือ

    – The Allied Machinery Company of America ตั้งขึ้นในปี 1916 ถือหุ้นทั้งหมดโดย AIC

    – The Grace Russian Company ตั้งขึ้นในปี 1917 ถือหุ้นโดย W.R. Grace & Co และ San Galli Trading Company of Petrograd โดย AIC ถือหุ้นข้างมากใน Grace Russian ร่วมกับ Holbrook ซึ่งเป็นผู้บริหาร Allied Machinery

    – United Fruit Company ซึ่งเข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติหลายครั้งในอเมริกากลาง ในปี ช่วงปี 1920 กว่าๆ

    – American International Shipbuilding Corporation ซึ่ง AIC ถือหุ้นทั้งหมด และได้รับสัญญาให้ต่อเรือรบหลายสัญญาจาก Emergency Fleet Corporation สัญญาหนึ่งประมาณ 50 ลำ อีกสัญญา 40 ลำ และยังมีสัญญาให้ต่อเรือบรรทุกสินค้าอีก 60 ลำ นับเป็นบริษัทแห่งเดียว ที่ได้รับสัญญาต่อเรือจำนวนมากที่สุดจาก Emergency Fleet Corporation ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน
    G. Amsinck & Co., Inc of New York ซึ่ง AIC ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทนี้ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1917 Amsinck เป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ ในการสนับสนุนการจารกรรมของเยอรมันในอเมริกา

    – Symington Forge Corporation บริษัทซึ่งได้รับสัญญาจากรัฐบาล ให้ทำการหล่อลูกปืนจำนวนมากที่สุด

    ดูเหมือน American International Corporation จะเป็นบริษัท ที่รับงานเกือบทั้งหมดของรัฐบาลอเมริกันและต่างประเทศ เกี่ยวกับกิจกรรมสงคราม

    สรุปสั้นๆ ธุรกิจของบริษัทคือ การทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 เดินหน้านั่นแหละ !

    American International Corporation มีกรรมการ 22 คน กรรมการไม่น้อยกว่า 10 คนมาจาก National City Bank ที่เหลือมาจาก Stillman, Rockefeller, Morgan, Kuhn Loeb, Du Ponts, Stone & Webster และจาก Federal Reserve Banks

    คงเห็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดาของ American International Corporation กันแล้ว คราวนี้มาดูอิทธิพลของบริษัทนี้ เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย

    เมื่อพวก Bolsheviks รุกคืบเข้าไปคุมในรัสเซียกลางได้ Robert Lansing รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ได้ขอความเห็นจาก American International Corporation เกี่ยวกับนโยบาย ที่อเมริกาควรดำเนินกับรัฐบาลโซเวียตต่อไป

    ในวันที่ 16 มกราคม 1918 ประมาณ 2 เดือน หลังจากการยึด Petrograd และ Moscow และก่อนที่ Bolsheviks จะควบคุมส่วนอื่นๆได้ นาย William Franklin Sands เลขาธิการของ American International Corporation ได้ทำบันทึกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซีย ส่งให้กับรัฐมนตรี Lansing

    หนังสือปะหน้านำส่งบันทึกของ Sands ลงวันที่ 16 มกราคม 1918 เขียนไว้ดังนี้ :
    กราบเรียน พณฯ รัฐมนตรี
    กระทรวงต่างประเทศ
    วอซิงตัน ดี ซี

    กระผม ขอเรียนเสนอบันทึกที่แนบมานี้ ตามที่ท่านขอให้กระผม แสดงความคิดเห็นของกระผมเสนอท่าน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ในรัสเซีย กระผมได้แยกการอธิบายเป็น 3 ส่วน : ประวัติศาสตร์ สาเหตุที่มาของการปฏิวัติ อย่างย่อเท่าที่จะทำได้, ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบาย, และการบรรยายถึงกิจกรรมของคนอเมริกา ที่กำลังดำเนินการอยู่ในรัสเซีย..”

    แม้ว่าการควบคุมรัสเซียของพวก Bolsheviks จะยังไม่แน่นอน และอันที่จริงพวก Bolsheviks ก็ทำท่าจะไปไม่รอดเอาด้วยซ้ำในกลางปี 1918 แต่ Sands ก็เขียนไว้ในบันทึกของเขาตั้งแต่เดือนมกราคม 1918 ไปแล้วว่า อเมริกาแสดงความล่าช้าเกินไป ในการให้การรับรองของ Trotsky โดยเขาเน้นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม (ที่เรายังไม่รับรอง Trotsky) บัดนี้ ก็น่าจะให้การรับรองได้แล้ว อย่างน้อยก็ในชัยชนะที่ Trotsky ทำให้เกิดขึ้น จากความเสียสละส่วนตัวเขา

    หลังจากนั้น Sands ก็ย้ำถึงสิ่งที่อเมริกาสามารถจะทำ เพื่อแก้ไขการล่าช้าเสียเวลานั้น ควบคู่ไปกับปฏิวัติของ Bolsheviks คือ “การปฏิวัติของเรา” และสรุปว่า “กระผมมีเหตุผลทุกประการที่น่าเชื่อว่า “แผนการบริหารรัสเซีย” จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภา และได้รับการเห็นชอบจากมหาชนในอเมริกาอย่างท่วมท้น”

    จดหมายของนาย William F Sands ข้างต้น คงชัดเจน คงไม่ต้องอธิบาย หรือสรุปใดอีก

    William F Sands เป็นผู้ที่มีเส้นสายและอิทธิพลในกระทรวงต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง
    ถนนอาชีพของ Sands วิ่งไปมา ระหว่างกระทรวงต่างประเทศและวอลสตรีท ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เขารับตำแหน่ง ทางการฑูตหลายตำแหน่ง ในปี 1910 เขาเปลี่ยนจากอาชีพในกระทรวงต่างประเทศ มาร่วมธุรกิจธนาคารกับ James Speyer เพื่อไปช่วยเจรจาเงินกู้ให้กับ ประเทศ Ecuador หลังจากนั้น ก็ไปยึดกิจการน้ำตาลใน Puerto Rico อยู่ 2 ปี ในปี 1916 เขาอยู่ในรัสเซีย ในกิจกรรมกาชาด เพื่อปฏิบัติภาระกิจพิเศษ โดยทำคู่กับ Basil Miles และกลับมาร่วมงานกับ American International Corporation ในนิวยอร์ค

    ในต้นปี 1918 เป็นที่รู้กันว่า Sands เป็นคนที่ได้สัญญาลับพิเศษ จากฝ่ายรัสเซีย นอกจากนั้น Sands ยังเป็นผู้ถือเอกสารติดต่อ ลับพิเศษจากรัสเซีย มาให้กระทรวงต่างประเทศ แถมบางครั้งยังได้อ่านเอกสารก่อนกระทรวงต่างประเทศเสียอีก

    วันที่ 14 มกราคม 1918 เพียง 2 วันก่อนที่ Sands จะเขียนบันทึกของเขาเกี่ยวกับนโยบายที่ควรมีต่อพวก Bolsheviks รัฐมนตรีต่างประเทศ Lansing ได้โทรเลขโดยใส่รหัส Green Cipher ถึงสถานฑูตอเมริกันที่ Stockhlom !

    “เอกสารราชการสำคัญมากสำหรับให้ Sands นำมาส่งที่กระทรวง ถูกส่งทิ้งไว้ที่สถานฑูต ได้มีการส่งต่อให้หรือไม่ Lansing”

    คำตอบจาก Morris ที่ Stockhlom : “เลขที่ 460 ของท่าน 14 มกราคม 5 โมงเย็น เอกสารดังกล่าวได้ส่งต่อไปให้กระทรวงทางถุงเมล์ เลขที่ 34 เมื่อธันวาคม 28”
    และมีเอกสารเป็นบันทึกลงชื่อ “BM” (Basil Miles คณะทำงานของ Sands)
    ” Mr. Philips พวกเขาไม่ได้ส่งเอกสารลับ ส่วนที่ 1 ให้แก่ Sands ที่เขานำมาที่ Stockholm จาก Petrogard”

    ทำไม เลขานุการบริหาร ของ AIC ถึงเป็นบุคคลสำคัญ ขนาดรัฐมนตรีต่างประเทศต้องคอยดูแลตามเอกสารให้ และทำไมเอกสารสำคัญของทางรัสเซีย จึงอยู่ในมือของบุคคลธรรมดาอย่างนาย Sands
    หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 1 กรกฏาคม 1918 Sands เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีคลัง McAdoo แนะนำให้มีคณะกรรมาธิการ สำหรับ “ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย”

    เขาแนะนำว่า เนื่องจากเป็นการยาก สำหรับหน่วยงานของรัฐ ที่จะเข้าไปช่วยจัดหา อุปกรณ์ และเครื่องจักร ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเรียกให้ฝ่ายเอกชน ที่มีความชำนาญ ด้านธุรกิจการเงิน การค้า และอุตสาหกรรมในอเมริกา มาเป็นผู้จัดหา อุปกรณ์และเครื่องจักร ภายใต้การดูแล ของคณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการใด ที่ประธานาธิบดีจะเลือก หรือแต่งตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้

    ความหมายของ Sands คือ ถึงเวลาที่จะให้กลุ่มธุรกิจ ไปจัดการ “ปล้น” รัสเซียให้เหลือแต่คราบ ตามที่ตกลงกันได้แล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ไอ้เสือเอาวา นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 6 “ไอ้เสือเอาวา” ตอน 1 The American International Corporation (AIC) ตั้งขึ้นที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1915 โดยกลุ่ม J P Morgan และผู้ร่วมทุนจาก National City Bank ของกลุ่ม Stillman และกลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller เรียกว่าเป็นการร่วมทุนของพวก เจ้าพ่อ ธุรกิจการเงิน และอุตสาหกรรมของอเมริกา สำนักงานใหญ่ของ AIC ตั้ง อยู่เลขที่ 120 ถนนบรอดเวย์ หนังสือบริคณห์ของบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อทำธุรกิจทุกประเภท (ยกเว้นการธนาคารและสาธารณูปโภค) ในทุกประเทศ “ทั่วโลก” เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจการค้าภายในและภายนอกประเทศ และขยายธุรกิจของอเมริกาไปยังต่างประเทศ Frank A. Vanderlip เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่าง มาก ที่ American International Corporation ก่อตั้งขึ้นได้สำเร็จ จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้น จากการคุยกัน ระหว่าง คนทำงานของ Stone & Webster บริษัทก่อสร้างทางรถไฟระหว่างประเทศ ที่บอกกับ Jim Perkins และ Frank A. Vanderlip แห่ง National City Bank (NCB) ว่า จะไม่เหลือทางรถไฟในอเมริกาให้เราสร้างสักเท่าไรแล้ว ! บริษัทได้ระบุจำนวนทุน ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชำระ คือ 50 ล้านเหรียญ และนาย Vanderlip บันทึกต่อไปว่า เขาได้เขียนไปหาประธานของ American International Corporation “…หลังจากที่ผมบอกให้พวกเขา รู้ว่า เรากำลังทำจะอะไร พวกเขาดีใจมาก ที่เราชวนพวกเขามาร่วมด้วย ทุกคนลงทุนกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับขอเพิ่มอีก และแถมบางคนยังกันท่า ไม่อยากให้บางคนมาร่วมมือด้วย…ทุกคนที่เราไปคุย เอาด้วยทั้งนั้น” ตกลงพวกเขากำลังจะทำอะไร ธุรกิจของ AIC คืออะไรกันแน่ นักธุรกิจอเมริกัน ถึงกับแย่งกันเข้ามาร่วมลงทุน ในปี 1916 AIC มีการลงทุนในต่างประเทศ เป็นจำนวนมากกว่า 23 ล้านเหรียญ และในปี 1917 เพิ่มเป็นกว่า 27 ล้านเหรียญ มีบริษัทตัวแทน อยู่ที่ลอนดอน ปารีส บัวโนสไอเรส ปักกิ่ง Petrograd รัสเซีย และหลังจากตั้งบริษัทได้ไม่ถึง 2 ปี ธุรกิจของ AIC ก็ขยายไปถึง ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อุรุกวัย ปารากวัย โคลัมเบีย บราซิล ซิลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซีลอน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สเปน คิวบา เม็กซิโก และอีกหลายๆประเทศในอเมริกากลาง หลังจากนั้นไม่นาน American International Corporation (AIC) ได้ตั้งบริษัทลูก อีกหลายบริษัทคือ – The Allied Machinery Company of America ตั้งขึ้นในปี 1916 ถือหุ้นทั้งหมดโดย AIC – The Grace Russian Company ตั้งขึ้นในปี 1917 ถือหุ้นโดย W.R. Grace & Co และ San Galli Trading Company of Petrograd โดย AIC ถือหุ้นข้างมากใน Grace Russian ร่วมกับ Holbrook ซึ่งเป็นผู้บริหาร Allied Machinery – United Fruit Company ซึ่งเข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติหลายครั้งในอเมริกากลาง ในปี ช่วงปี 1920 กว่าๆ – American International Shipbuilding Corporation ซึ่ง AIC ถือหุ้นทั้งหมด และได้รับสัญญาให้ต่อเรือรบหลายสัญญาจาก Emergency Fleet Corporation สัญญาหนึ่งประมาณ 50 ลำ อีกสัญญา 40 ลำ และยังมีสัญญาให้ต่อเรือบรรทุกสินค้าอีก 60 ลำ นับเป็นบริษัทแห่งเดียว ที่ได้รับสัญญาต่อเรือจำนวนมากที่สุดจาก Emergency Fleet Corporation ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน G. Amsinck & Co., Inc of New York ซึ่ง AIC ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทนี้ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1917 Amsinck เป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ ในการสนับสนุนการจารกรรมของเยอรมันในอเมริกา – Symington Forge Corporation บริษัทซึ่งได้รับสัญญาจากรัฐบาล ให้ทำการหล่อลูกปืนจำนวนมากที่สุด ดูเหมือน American International Corporation จะเป็นบริษัท ที่รับงานเกือบทั้งหมดของรัฐบาลอเมริกันและต่างประเทศ เกี่ยวกับกิจกรรมสงคราม สรุปสั้นๆ ธุรกิจของบริษัทคือ การทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 เดินหน้านั่นแหละ ! American International Corporation มีกรรมการ 22 คน กรรมการไม่น้อยกว่า 10 คนมาจาก National City Bank ที่เหลือมาจาก Stillman, Rockefeller, Morgan, Kuhn Loeb, Du Ponts, Stone & Webster และจาก Federal Reserve Banks คงเห็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดาของ American International Corporation กันแล้ว คราวนี้มาดูอิทธิพลของบริษัทนี้ เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย เมื่อพวก Bolsheviks รุกคืบเข้าไปคุมในรัสเซียกลางได้ Robert Lansing รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ได้ขอความเห็นจาก American International Corporation เกี่ยวกับนโยบาย ที่อเมริกาควรดำเนินกับรัฐบาลโซเวียตต่อไป ในวันที่ 16 มกราคม 1918 ประมาณ 2 เดือน หลังจากการยึด Petrograd และ Moscow และก่อนที่ Bolsheviks จะควบคุมส่วนอื่นๆได้ นาย William Franklin Sands เลขาธิการของ American International Corporation ได้ทำบันทึกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซีย ส่งให้กับรัฐมนตรี Lansing หนังสือปะหน้านำส่งบันทึกของ Sands ลงวันที่ 16 มกราคม 1918 เขียนไว้ดังนี้ : กราบเรียน พณฯ รัฐมนตรี กระทรวงต่างประเทศ วอซิงตัน ดี ซี กระผม ขอเรียนเสนอบันทึกที่แนบมานี้ ตามที่ท่านขอให้กระผม แสดงความคิดเห็นของกระผมเสนอท่าน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ในรัสเซีย กระผมได้แยกการอธิบายเป็น 3 ส่วน : ประวัติศาสตร์ สาเหตุที่มาของการปฏิวัติ อย่างย่อเท่าที่จะทำได้, ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบาย, และการบรรยายถึงกิจกรรมของคนอเมริกา ที่กำลังดำเนินการอยู่ในรัสเซีย..” แม้ว่าการควบคุมรัสเซียของพวก Bolsheviks จะยังไม่แน่นอน และอันที่จริงพวก Bolsheviks ก็ทำท่าจะไปไม่รอดเอาด้วยซ้ำในกลางปี 1918 แต่ Sands ก็เขียนไว้ในบันทึกของเขาตั้งแต่เดือนมกราคม 1918 ไปแล้วว่า อเมริกาแสดงความล่าช้าเกินไป ในการให้การรับรองของ Trotsky โดยเขาเน้นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม (ที่เรายังไม่รับรอง Trotsky) บัดนี้ ก็น่าจะให้การรับรองได้แล้ว อย่างน้อยก็ในชัยชนะที่ Trotsky ทำให้เกิดขึ้น จากความเสียสละส่วนตัวเขา หลังจากนั้น Sands ก็ย้ำถึงสิ่งที่อเมริกาสามารถจะทำ เพื่อแก้ไขการล่าช้าเสียเวลานั้น ควบคู่ไปกับปฏิวัติของ Bolsheviks คือ “การปฏิวัติของเรา” และสรุปว่า “กระผมมีเหตุผลทุกประการที่น่าเชื่อว่า “แผนการบริหารรัสเซีย” จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภา และได้รับการเห็นชอบจากมหาชนในอเมริกาอย่างท่วมท้น” จดหมายของนาย William F Sands ข้างต้น คงชัดเจน คงไม่ต้องอธิบาย หรือสรุปใดอีก William F Sands เป็นผู้ที่มีเส้นสายและอิทธิพลในกระทรวงต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง ถนนอาชีพของ Sands วิ่งไปมา ระหว่างกระทรวงต่างประเทศและวอลสตรีท ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เขารับตำแหน่ง ทางการฑูตหลายตำแหน่ง ในปี 1910 เขาเปลี่ยนจากอาชีพในกระทรวงต่างประเทศ มาร่วมธุรกิจธนาคารกับ James Speyer เพื่อไปช่วยเจรจาเงินกู้ให้กับ ประเทศ Ecuador หลังจากนั้น ก็ไปยึดกิจการน้ำตาลใน Puerto Rico อยู่ 2 ปี ในปี 1916 เขาอยู่ในรัสเซีย ในกิจกรรมกาชาด เพื่อปฏิบัติภาระกิจพิเศษ โดยทำคู่กับ Basil Miles และกลับมาร่วมงานกับ American International Corporation ในนิวยอร์ค ในต้นปี 1918 เป็นที่รู้กันว่า Sands เป็นคนที่ได้สัญญาลับพิเศษ จากฝ่ายรัสเซีย นอกจากนั้น Sands ยังเป็นผู้ถือเอกสารติดต่อ ลับพิเศษจากรัสเซีย มาให้กระทรวงต่างประเทศ แถมบางครั้งยังได้อ่านเอกสารก่อนกระทรวงต่างประเทศเสียอีก วันที่ 14 มกราคม 1918 เพียง 2 วันก่อนที่ Sands จะเขียนบันทึกของเขาเกี่ยวกับนโยบายที่ควรมีต่อพวก Bolsheviks รัฐมนตรีต่างประเทศ Lansing ได้โทรเลขโดยใส่รหัส Green Cipher ถึงสถานฑูตอเมริกันที่ Stockhlom ! “เอกสารราชการสำคัญมากสำหรับให้ Sands นำมาส่งที่กระทรวง ถูกส่งทิ้งไว้ที่สถานฑูต ได้มีการส่งต่อให้หรือไม่ Lansing” คำตอบจาก Morris ที่ Stockhlom : “เลขที่ 460 ของท่าน 14 มกราคม 5 โมงเย็น เอกสารดังกล่าวได้ส่งต่อไปให้กระทรวงทางถุงเมล์ เลขที่ 34 เมื่อธันวาคม 28” และมีเอกสารเป็นบันทึกลงชื่อ “BM” (Basil Miles คณะทำงานของ Sands) ” Mr. Philips พวกเขาไม่ได้ส่งเอกสารลับ ส่วนที่ 1 ให้แก่ Sands ที่เขานำมาที่ Stockholm จาก Petrogard” ทำไม เลขานุการบริหาร ของ AIC ถึงเป็นบุคคลสำคัญ ขนาดรัฐมนตรีต่างประเทศต้องคอยดูแลตามเอกสารให้ และทำไมเอกสารสำคัญของทางรัสเซีย จึงอยู่ในมือของบุคคลธรรมดาอย่างนาย Sands หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 1 กรกฏาคม 1918 Sands เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีคลัง McAdoo แนะนำให้มีคณะกรรมาธิการ สำหรับ “ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย” เขาแนะนำว่า เนื่องจากเป็นการยาก สำหรับหน่วยงานของรัฐ ที่จะเข้าไปช่วยจัดหา อุปกรณ์ และเครื่องจักร ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเรียกให้ฝ่ายเอกชน ที่มีความชำนาญ ด้านธุรกิจการเงิน การค้า และอุตสาหกรรมในอเมริกา มาเป็นผู้จัดหา อุปกรณ์และเครื่องจักร ภายใต้การดูแล ของคณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการใด ที่ประธานาธิบดีจะเลือก หรือแต่งตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้ ความหมายของ Sands คือ ถึงเวลาที่จะให้กลุ่มธุรกิจ ไปจัดการ “ปล้น” รัสเซียให้เหลือแต่คราบ ตามที่ตกลงกันได้แล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระพุทธเมตตา พุทธคยา อินเดีย
    เหรียญพระพุทธเมตตา พุทธคยา อินเดีย เนื้อสนิมเขียว //พระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ //พระสถาพสวย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย **

    ** พระพุทธเมตตา เป็นพระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเสมือนหนึ่งเป็นตัวเเทนแห่งการระลึกถึงพระเมตตาคุณของพระพุทธองค์ ที่เมื่อทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เมตตาโปรดสั่งสอนไวนัยสัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายให้ได้รู้ตามคำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อจักได้เจริญจิตภาวนา สวดมนต์ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นการบูชาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา **

    ** พระสถาพสวย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระพุทธเมตตา พุทธคยา อินเดีย เหรียญพระพุทธเมตตา พุทธคยา อินเดีย เนื้อสนิมเขียว //พระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ //พระสถาพสวย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย ** ** พระพุทธเมตตา เป็นพระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเสมือนหนึ่งเป็นตัวเเทนแห่งการระลึกถึงพระเมตตาคุณของพระพุทธองค์ ที่เมื่อทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เมตตาโปรดสั่งสอนไวนัยสัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายให้ได้รู้ตามคำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อจักได้เจริญจิตภาวนา สวดมนต์ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นการบูชาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา ** ** พระสถาพสวย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • “มาเลเซียผลักดันอาเซียนขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงสู่ไซเบอร์สเปซ”

    ที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 กลายเป็นเวทีสำคัญที่มาเลเซียใช้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงจากทะเลไปสู่โลกไซเบอร์

    รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย นายโมฮัมหมัด คาเลด นอร์ดิน กล่าวเปิดประชุมว่า “ภัยคุกคามในยุคนี้ไม่จำกัดแค่พรมแดนหรือภูมิประเทศอีกต่อไป” พร้อมเตือนว่า การโจมตีทางไซเบอร์สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ล้มรัฐบาล และสร้างความปั่นป่วนในสังคมได้ไม่แพ้ภัยทางทะเล

    การประชุมครั้งนี้ยังมีการหารือร่วมกับประเทศคู่เจรจา เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมด้วย

    นอกจากนี้ มาเลเซียยังเสนอให้จัดตั้งทีมสังเกตการณ์อาเซียนเพื่อช่วยเหลือไทยและกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาชายแดน และย้ำถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการผลักดันสันติภาพในเมียนมา ซึ่งยังเผชิญกับวิกฤติหลังรัฐประหารในปี 2021

    ในมุมที่น่าสนใจเพิ่มเติม โลกไซเบอร์กลายเป็นสนามรบใหม่ที่ไม่มีเส้นแบ่งพรมแดน และการโจมตีไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร แต่ใช้ “ข้อมูล” และ “ช่องโหว่” เป็นอาวุธ การร่วมมือระดับภูมิภาคจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI และ IoT ทำให้ระบบต่างๆ เชื่อมโยงกันมากขึ้น

    มาเลเซียเสนอขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงจากทะเลสู่ไซเบอร์
    ภัยไซเบอร์สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานและเสถียรภาพของประเทศ
    การโจมตีทางไซเบอร์มีผลกระทบเทียบเท่าการรุกรานทางทหาร
    มาเลเซียชี้ว่า “ภัยคุกคามวันนี้ไร้พรมแดน”

    การประชุมมีประเทศคู่เจรจาเข้าร่วมหลายชาติ
    สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมประชุมโดยตรง

    มาเลเซียเสนอจัดตั้งทีมสังเกตการณ์อาเซียนช่วยไทย-กัมพูชา
    เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ
    ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการรับรองโดยผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซีย

    อาเซียนยังคงผลักดันสันติภาพในเมียนมา
    เรียกร้องให้เมียนมากลับสู่แนวทางตามฉันทามติ 5 ข้อ
    ผู้นำทหารเมียนมายังถูกกีดกันจากการประชุมอาเซียน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/malaysia-urges-asean-to-expand-defense-cooperation-in-cyberspace
    🛡️ “มาเลเซียผลักดันอาเซียนขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงสู่ไซเบอร์สเปซ” ที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 กลายเป็นเวทีสำคัญที่มาเลเซียใช้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงจากทะเลไปสู่โลกไซเบอร์ รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย นายโมฮัมหมัด คาเลด นอร์ดิน กล่าวเปิดประชุมว่า “ภัยคุกคามในยุคนี้ไม่จำกัดแค่พรมแดนหรือภูมิประเทศอีกต่อไป” พร้อมเตือนว่า การโจมตีทางไซเบอร์สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ล้มรัฐบาล และสร้างความปั่นป่วนในสังคมได้ไม่แพ้ภัยทางทะเล การประชุมครั้งนี้ยังมีการหารือร่วมกับประเทศคู่เจรจา เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ มาเลเซียยังเสนอให้จัดตั้งทีมสังเกตการณ์อาเซียนเพื่อช่วยเหลือไทยและกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาชายแดน และย้ำถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการผลักดันสันติภาพในเมียนมา ซึ่งยังเผชิญกับวิกฤติหลังรัฐประหารในปี 2021 ในมุมที่น่าสนใจเพิ่มเติม โลกไซเบอร์กลายเป็นสนามรบใหม่ที่ไม่มีเส้นแบ่งพรมแดน และการโจมตีไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร แต่ใช้ “ข้อมูล” และ “ช่องโหว่” เป็นอาวุธ การร่วมมือระดับภูมิภาคจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI และ IoT ทำให้ระบบต่างๆ เชื่อมโยงกันมากขึ้น ✅ มาเลเซียเสนอขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงจากทะเลสู่ไซเบอร์ ➡️ ภัยไซเบอร์สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานและเสถียรภาพของประเทศ ➡️ การโจมตีทางไซเบอร์มีผลกระทบเทียบเท่าการรุกรานทางทหาร ➡️ มาเลเซียชี้ว่า “ภัยคุกคามวันนี้ไร้พรมแดน” ✅ การประชุมมีประเทศคู่เจรจาเข้าร่วมหลายชาติ ➡️ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ➡️ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมประชุมโดยตรง ✅ มาเลเซียเสนอจัดตั้งทีมสังเกตการณ์อาเซียนช่วยไทย-กัมพูชา ➡️ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ ➡️ ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการรับรองโดยผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซีย ✅ อาเซียนยังคงผลักดันสันติภาพในเมียนมา ➡️ เรียกร้องให้เมียนมากลับสู่แนวทางตามฉันทามติ 5 ข้อ ➡️ ผู้นำทหารเมียนมายังถูกกีดกันจากการประชุมอาเซียน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/malaysia-urges-asean-to-expand-defense-cooperation-in-cyberspace
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Malaysia urges Asean to expand defense cooperation in cyberspace
    Malaysia called on Oct 31 for fellow members of the Association of South-East Asian Nations to extend their security partnerships from the high seas to cyberspace at an annual meeting of the bloc's defense ministers.
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • จีนเพิ่มพื้นที่ป่าเท่ารัฐเท็กซัส! ความหวังใหม่ท่ามกลางวิกฤตการสูญเสียป่าทั่วโลก

    ในขณะที่โลกยังคงสูญเสียพื้นที่ป่าราว 20 ล้านเอเคอร์ต่อปี โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างบราซิล อินโดนีเซีย และคองโก จีนกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สวนกระแส ด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่ากว่า 173 ล้านเอเคอร์ ตั้งแต่ปี 1990 — เทียบเท่าขนาดของรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว!

    เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย จีนใช้กลยุทธ์ปลูกป่าอย่างเข้มข้นเพื่อรับมือกับการขยายตัวของทะเลทราย เช่น ทะเลทรายทาคลามากันและโกบี โดยโครงการปลูกต้นไม้รอบทะเลทรายเหล่านี้เริ่มตั้งแต่ปี 1978 และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

    แม้จะมีไฟป่าและภัยแล้งที่ทำลายป่าในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว จีน อินเดีย รัสเซีย และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ กลับมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า เนื่องจากการทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกเหมือนในอดีต

    จีนเพิ่มพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1990
    เพิ่มขึ้นกว่า 173 ล้านเอเคอร์
    ปลูกต้นไม้กว่า 120 ล้านเอเคอร์เพื่อสกัดการขยายตัวของทะเลทราย
    โครงการปลูกป่ารอบทะเลทรายทาคลามากันเสร็จสิ้นในปี 2024
    โครงการรอบทะเลทรายโกบียังดำเนินอยู่

    ประเทศอื่นที่มีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า
    รัสเซียเพิ่มขึ้น 52 ล้านเอเคอร์
    อินเดียเพิ่มขึ้น 22 ล้านเอเคอร์
    แคนาดาเพิ่มขึ้น 20 ล้านเอเคอร์
    สหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวของป่าเช่นกัน

    สาเหตุหลักของการสูญเสียป่าในโลก
    การแผ้วถางเพื่อเกษตรและปศุสัตว์
    ไฟป่าและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน

    https://e360.yale.edu/digest/china-new-forest-report
    🌳 จีนเพิ่มพื้นที่ป่าเท่ารัฐเท็กซัส! ความหวังใหม่ท่ามกลางวิกฤตการสูญเสียป่าทั่วโลก ในขณะที่โลกยังคงสูญเสียพื้นที่ป่าราว 20 ล้านเอเคอร์ต่อปี โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างบราซิล อินโดนีเซีย และคองโก จีนกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สวนกระแส ด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่ากว่า 173 ล้านเอเคอร์ ตั้งแต่ปี 1990 — เทียบเท่าขนาดของรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว! 🎯 เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย จีนใช้กลยุทธ์ปลูกป่าอย่างเข้มข้นเพื่อรับมือกับการขยายตัวของทะเลทราย เช่น ทะเลทรายทาคลามากันและโกบี โดยโครงการปลูกต้นไม้รอบทะเลทรายเหล่านี้เริ่มตั้งแต่ปี 1978 และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีไฟป่าและภัยแล้งที่ทำลายป่าในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว จีน อินเดีย รัสเซีย และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ กลับมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า เนื่องจากการทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกเหมือนในอดีต ✅ จีนเพิ่มพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1990 ➡️ เพิ่มขึ้นกว่า 173 ล้านเอเคอร์ ➡️ ปลูกต้นไม้กว่า 120 ล้านเอเคอร์เพื่อสกัดการขยายตัวของทะเลทราย ➡️ โครงการปลูกป่ารอบทะเลทรายทาคลามากันเสร็จสิ้นในปี 2024 ➡️ โครงการรอบทะเลทรายโกบียังดำเนินอยู่ ✅ ประเทศอื่นที่มีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า ➡️ รัสเซียเพิ่มขึ้น 52 ล้านเอเคอร์ ➡️ อินเดียเพิ่มขึ้น 22 ล้านเอเคอร์ ➡️ แคนาดาเพิ่มขึ้น 20 ล้านเอเคอร์ ➡️ สหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวของป่าเช่นกัน ✅ สาเหตุหลักของการสูญเสียป่าในโลก ➡️ การแผ้วถางเพื่อเกษตรและปศุสัตว์ ➡️ ไฟป่าและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน https://e360.yale.edu/digest/china-new-forest-report
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส

    โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก

    ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ

    แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025

    ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส”

    เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต

    ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก
    FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ
    FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว
    การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่

    นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน

    FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund
    จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย
    เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025
    ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ

    ความสำคัญของ FFmpeg
    ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ
    เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย
    มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก

    เป้าหมายของ FLOSS/fund
    สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา
    เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ
    ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ

    ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว
    การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร
    โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย

    https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    💰 FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025 ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส” เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม 🧠 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก 💠 FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ 💠 FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว 💠 การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่ นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน ✅ FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund ➡️ จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025 ➡️ ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ ✅ ความสำคัญของ FFmpeg ➡️ ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ ➡️ เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย ➡️ มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก ✅ เป้าหมายของ FLOSS/fund ➡️ สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา ➡️ เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ ➡️ ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ ‼️ ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ⛔ เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว ⛔ การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร ⛔ โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    FFmpeg Receives $100K in Funding from India's FLOSS/fund Initiative
    It is one of the world's most widely used multimedia frameworks today.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่ 2-ภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา เพื่อหารือแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกำหนดวัน D-Day วันที่ 1 พ.ย. 2568 โดยเฟส 1 ปรับกำลังอาวุธจรวดหลายลำกล้อง เฟส 2 เริ่มวันที่ 22 พ.ย. 2568 ปรับกำลังอาวุธประเภทปืนใหญ่ และ เฟส 3 เริ่มวันที่ 13 ธ.ค. 2568 อาวุธยานเกราะ รถถัง ทั้งนี้ วันที่ 15 พ.ย. 2568 จะประชุมทบทวนการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและหารือการปรับกำลัง เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลาวางแผนเข้าตรวจสอบและเคลื่อนย้าย

    -มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าแรร์เอิร์ธ
    -วาระโลกรัฐบาลต้องจริงจัง
    -รอได้เลยคนละครึ่งพลัส#2
    -อินเดียเร่งนำเข้าทองคำ
    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่ 2-ภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา เพื่อหารือแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกำหนดวัน D-Day วันที่ 1 พ.ย. 2568 โดยเฟส 1 ปรับกำลังอาวุธจรวดหลายลำกล้อง เฟส 2 เริ่มวันที่ 22 พ.ย. 2568 ปรับกำลังอาวุธประเภทปืนใหญ่ และ เฟส 3 เริ่มวันที่ 13 ธ.ค. 2568 อาวุธยานเกราะ รถถัง ทั้งนี้ วันที่ 15 พ.ย. 2568 จะประชุมทบทวนการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและหารือการปรับกำลัง เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลาวางแผนเข้าตรวจสอบและเคลื่อนย้าย -มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าแรร์เอิร์ธ -วาระโลกรัฐบาลต้องจริงจัง -รอได้เลยคนละครึ่งพลัส#2 -อินเดียเร่งนำเข้าทองคำ
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 330 Views 0 0 Reviews
  • Sideloading บน Android: เสรีภาพหรือช่องโหว่? F-Droid ชวนคิดใหม่เรื่องการติดตั้งแอปนอกระบบ

    บทความจาก F-Droid ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ sideloading — การติดตั้งแอป Android จากแหล่งนอก Play Store — ว่าเป็นทั้งเครื่องมือแห่งเสรีภาพและจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีเริ่มควบคุมการเข้าถึงแอปมากขึ้น

    ประเด็นสำคัญจากบทความของ F-Droid
    Sideloading คือเสรีภาพในการเลือกใช้แอป
    ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ได้ เช่น แอปโอเพ่นซอร์ส, แอปที่ถูกแบน, หรือแอปทดลอง
    เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักพัฒนาอิสระและชุมชนโอเพ่นซอร์ส

    F-Droid คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุน sideloading อย่างปลอดภัย
    แอปทั้งหมดใน F-Droid ผ่านการ build จาก source และตรวจสอบความปลอดภัย
    ไม่มีโฆษณา, ไม่มี tracking, และไม่มีการฝังโค้ดลับ

    การควบคุม sideloading อาจกระทบเสรีภาพดิจิทัล
    บางประเทศเริ่มจำกัดการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก เช่น อินเดีย, จีน
    Apple ยังไม่อนุญาต sideloading บน iOS แม้จะถูกกดดันจาก EU

    Android 15 เริ่มเพิ่มข้อจำกัดในการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก
    ต้องเปิดสิทธิ์เฉพาะแอปที่ใช้ติดตั้ง เช่น File Manager หรือ Browser
    มีการแจ้งเตือนมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของ sideloading

    F-Droid เสนอแนวทางสร้างระบบ sideloading ที่ปลอดภัย
    ใช้ระบบตรวจสอบแบบ reproducible build
    สร้าง community trust ผ่านการเปิดเผย source และกระบวนการ build

    การติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจเปิดช่องให้มัลแวร์เข้าสู่ระบบ
    แอปบางตัวอาจขอสิทธิ์เกินความจำเป็น เช่น SMS, Location, หรือ Accessibility
    ควรตรวจสอบ source และใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น F-Droid

    การเปลี่ยนแปลงใน Android รุ่นใหม่อาจทำให้ sideloading ยากขึ้น
    ผู้ใช้ต้องเข้าไปตั้งค่าหลายขั้นตอนเพื่อเปิดสิทธิ์
    อาจมีการบล็อกแอปบางประเภทโดยอัตโนมัติในอนาคต

    https://f-droid.org/2025/10/28/sideloading.html
    📲🔓 Sideloading บน Android: เสรีภาพหรือช่องโหว่? F-Droid ชวนคิดใหม่เรื่องการติดตั้งแอปนอกระบบ บทความจาก F-Droid ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ sideloading — การติดตั้งแอป Android จากแหล่งนอก Play Store — ว่าเป็นทั้งเครื่องมือแห่งเสรีภาพและจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีเริ่มควบคุมการเข้าถึงแอปมากขึ้น 📰 ประเด็นสำคัญจากบทความของ F-Droid ✅ Sideloading คือเสรีภาพในการเลือกใช้แอป ➡️ ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ได้ เช่น แอปโอเพ่นซอร์ส, แอปที่ถูกแบน, หรือแอปทดลอง ➡️ เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักพัฒนาอิสระและชุมชนโอเพ่นซอร์ส ✅ F-Droid คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุน sideloading อย่างปลอดภัย ➡️ แอปทั้งหมดใน F-Droid ผ่านการ build จาก source และตรวจสอบความปลอดภัย ➡️ ไม่มีโฆษณา, ไม่มี tracking, และไม่มีการฝังโค้ดลับ ✅ การควบคุม sideloading อาจกระทบเสรีภาพดิจิทัล ➡️ บางประเทศเริ่มจำกัดการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก เช่น อินเดีย, จีน ➡️ Apple ยังไม่อนุญาต sideloading บน iOS แม้จะถูกกดดันจาก EU ✅ Android 15 เริ่มเพิ่มข้อจำกัดในการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก ➡️ ต้องเปิดสิทธิ์เฉพาะแอปที่ใช้ติดตั้ง เช่น File Manager หรือ Browser ➡️ มีการแจ้งเตือนมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของ sideloading ✅ F-Droid เสนอแนวทางสร้างระบบ sideloading ที่ปลอดภัย ➡️ ใช้ระบบตรวจสอบแบบ reproducible build ➡️ สร้าง community trust ผ่านการเปิดเผย source และกระบวนการ build ‼️ การติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจเปิดช่องให้มัลแวร์เข้าสู่ระบบ ⛔ แอปบางตัวอาจขอสิทธิ์เกินความจำเป็น เช่น SMS, Location, หรือ Accessibility ⛔ ควรตรวจสอบ source และใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น F-Droid ‼️ การเปลี่ยนแปลงใน Android รุ่นใหม่อาจทำให้ sideloading ยากขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าไปตั้งค่าหลายขั้นตอนเพื่อเปิดสิทธิ์ ⛔ อาจมีการบล็อกแอปบางประเภทโดยอัตโนมัติในอนาคต https://f-droid.org/2025/10/28/sideloading.html
    F-DROID.ORG
    What We Talk About When We Talk About Sideloading | F-Droid - Free and Open Source Android App Repository
    We recently published a blog post with our reaction to the new Google Developer Program and how it impacts your freedom to use the devices that you own in th...
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • Uber เปิดโอกาสใหม่ให้คนขับ “ฝึก AI” ระหว่างรอผู้โดยสาร

    Uber กำลังทดลองโครงการใหม่ในสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า “Digital Tasks” ซึ่งเปิดโอกาสให้คนขับรถสามารถทำงานออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยฝึกระบบปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทในช่วงเวลาว่าง ไม่ว่าจะระหว่างรอผู้โดยสารหรือแม้แต่ตอนพักงาน โดยงานเหล่านี้มีตั้งแต่การอัดเสียงสั้นๆ การอัปโหลดภาพจากชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการส่งเอกสารที่เขียนด้วยตนเอง

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนา AI Solutions ของ Uber ซึ่งเคยทดลองใช้งานในอินเดียมาแล้ว และกำลังขยายไปทั่วสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2025 คนขับสามารถเข้าร่วมได้ผ่านแอป Uber Driver โดยเข้าไปที่ Work Hub และเลือกงานจาก Opportunity Center ซึ่งจะมีการจ่ายเงินภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากทำงานเสร็จ

    แม้จะดูเหมือนเป็นโอกาสใหม่ในการหารายได้ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า Uber กำลังใช้เครือข่ายคนขับเป็นแรงงานฝึก AI แบบ crowdsource โดยจ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย ขณะที่มูลค่าของข้อมูลที่ได้กลับสูงมากในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    โครงการ Digital Tasks ของ Uber
    เปิดให้คนขับทำงานออนไลน์เพื่อฝึก AI
    งานมีตั้งแต่การอัดเสียง อัปโหลดภาพ ส่งเอกสาร
    เข้าร่วมผ่านแอป Uber Driver ในส่วน Work Hub
    ได้รับค่าตอบแทนภายใน 24 ชั่วโมง

    เป้าหมายของโครงการ
    สนับสนุนการพัฒนา AI Solutions ของ Uber
    ใช้ข้อมูลจากคนขับแทนการดึงจากอินเทอร์เน็ต
    สร้างฐานข้อมูลภาพ เสียง ข้อความ สำหรับฝึกโมเดล AI

    ประโยชน์และข้อจำกัด
    คนขับมีรายได้เสริมระหว่างรอผู้โดยสาร
    ค่าตอบแทนต่อชิ้นงานอยู่ที่ประมาณ $0.50–$1 ต่อ 2–3 นาที
    จำนวนงานขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า Uber

    ภาพรวมอุตสาหกรรม
    ตลาด data labeling เติบโตจาก $1B ในปี 2023 เป็น $4B ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ $17B ภายในปี 2030
    บริษัทใหญ่เช่น Meta ลงทุนหลายพันล้านในบริษัท labeling

    https://www.slashgear.com/2004713/uber-driver-ai-training-task-program/
    🚗 Uber เปิดโอกาสใหม่ให้คนขับ “ฝึก AI” ระหว่างรอผู้โดยสาร Uber กำลังทดลองโครงการใหม่ในสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า “Digital Tasks” ซึ่งเปิดโอกาสให้คนขับรถสามารถทำงานออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยฝึกระบบปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทในช่วงเวลาว่าง ไม่ว่าจะระหว่างรอผู้โดยสารหรือแม้แต่ตอนพักงาน โดยงานเหล่านี้มีตั้งแต่การอัดเสียงสั้นๆ การอัปโหลดภาพจากชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการส่งเอกสารที่เขียนด้วยตนเอง โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนา AI Solutions ของ Uber ซึ่งเคยทดลองใช้งานในอินเดียมาแล้ว และกำลังขยายไปทั่วสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2025 คนขับสามารถเข้าร่วมได้ผ่านแอป Uber Driver โดยเข้าไปที่ Work Hub และเลือกงานจาก Opportunity Center ซึ่งจะมีการจ่ายเงินภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากทำงานเสร็จ แม้จะดูเหมือนเป็นโอกาสใหม่ในการหารายได้ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า Uber กำลังใช้เครือข่ายคนขับเป็นแรงงานฝึก AI แบบ crowdsource โดยจ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย ขณะที่มูลค่าของข้อมูลที่ได้กลับสูงมากในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ✅ โครงการ Digital Tasks ของ Uber ➡️ เปิดให้คนขับทำงานออนไลน์เพื่อฝึก AI ➡️ งานมีตั้งแต่การอัดเสียง อัปโหลดภาพ ส่งเอกสาร ➡️ เข้าร่วมผ่านแอป Uber Driver ในส่วน Work Hub ➡️ ได้รับค่าตอบแทนภายใน 24 ชั่วโมง ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ สนับสนุนการพัฒนา AI Solutions ของ Uber ➡️ ใช้ข้อมูลจากคนขับแทนการดึงจากอินเทอร์เน็ต ➡️ สร้างฐานข้อมูลภาพ เสียง ข้อความ สำหรับฝึกโมเดล AI ✅ ประโยชน์และข้อจำกัด ➡️ คนขับมีรายได้เสริมระหว่างรอผู้โดยสาร ➡️ ค่าตอบแทนต่อชิ้นงานอยู่ที่ประมาณ $0.50–$1 ต่อ 2–3 นาที ➡️ จำนวนงานขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า Uber ✅ ภาพรวมอุตสาหกรรม ➡️ ตลาด data labeling เติบโตจาก $1B ในปี 2023 เป็น $4B ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ $17B ภายในปี 2030 ➡️ บริษัทใหญ่เช่น Meta ลงทุนหลายพันล้านในบริษัท labeling https://www.slashgear.com/2004713/uber-driver-ai-training-task-program/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Uber Wants Drivers To Train AI While Waiting For Their Next Ride - SlashGear
    Uber is rolling out a new program that lets drivers train AI while they are waiting for their next ride. Here's how it works and where it's available.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย
    https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • “เยอรมนีพบแหล่งลิเทียมมหาศาล – อาจเปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั้งยุโรป!”

    บริษัท Neptune Energy จากสหราชอาณาจักรประกาศการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดมหึมาในรัฐ Saxony-Anhalt ประเทศเยอรมนี โดยมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมากกว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า

    แหล่งนี้เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน และตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Direct Lithium Extraction (DLE) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้บ่อระเหยน้ำเกลือขนาดใหญ่ และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการทำเหมืองแบบเดิม

    Neptune Energy ได้ทดลองใช้ DLE กับพันธมิตรชื่อ Lilac และกำลังทดสอบกระบวนการดูดซับลิเทียมจากน้ำเกลือ ซึ่งอาจช่วยให้เยอรมนีสามารถผลิตลิเทียมได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนหรือประเทศใน “ลิเทียมไทรแองเกิล” (ชิลี, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย)

    ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันต้องนำเข้าลิเทียมจากต่างประเทศ และยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน ทำให้ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า หากเยอรมนีสามารถผลิตและแปรรูปลิเทียมเองได้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงทางอุตสาหกรรมอย่างมาก

    อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหมืองและโรงงานแปรรูปต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ชัดว่าเยอรมนีจะสามารถแข่งขันกับจีนในด้านต้นทุนแรงงานและการผลิตได้หรือไม่

    การค้นพบแหล่งลิเทียมในเยอรมนี
    พบในรัฐ Saxony-Anhalt โดย Neptune Energy
    ปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน
    ใหญ่กว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า
    เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน

    เทคโนโลยีการสกัดลิเทียม
    ใช้ Direct Lithium Extraction (DLE) แทนการทำเหมืองหรือบ่อระเหย
    ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า
    ทดลองร่วมกับบริษัท Lilac
    กำลังทดสอบกระบวนการดูดซับจากน้ำเกลือ

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม EV
    ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันพึ่งพาลิเทียมจากจีนและลิเทียมไทรแองเกิล
    ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า
    หากผลิตเองได้จะลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคง
    อาจเปลี่ยนให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางใหม่ของ supply chain EV

    https://www.slashgear.com/1998530/one-of-worlds-largest-lithium-deposits-found-could-reshape-ev-future/
    🔋 “เยอรมนีพบแหล่งลิเทียมมหาศาล – อาจเปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั้งยุโรป!” บริษัท Neptune Energy จากสหราชอาณาจักรประกาศการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดมหึมาในรัฐ Saxony-Anhalt ประเทศเยอรมนี โดยมีปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งลิเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมากกว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า แหล่งนี้เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน และตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Direct Lithium Extraction (DLE) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้บ่อระเหยน้ำเกลือขนาดใหญ่ และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการทำเหมืองแบบเดิม Neptune Energy ได้ทดลองใช้ DLE กับพันธมิตรชื่อ Lilac และกำลังทดสอบกระบวนการดูดซับลิเทียมจากน้ำเกลือ ซึ่งอาจช่วยให้เยอรมนีสามารถผลิตลิเทียมได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนหรือประเทศใน “ลิเทียมไทรแองเกิล” (ชิลี, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย) ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันต้องนำเข้าลิเทียมจากต่างประเทศ และยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน ทำให้ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า หากเยอรมนีสามารถผลิตและแปรรูปลิเทียมเองได้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงทางอุตสาหกรรมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหมืองและโรงงานแปรรูปต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ชัดว่าเยอรมนีจะสามารถแข่งขันกับจีนในด้านต้นทุนแรงงานและการผลิตได้หรือไม่ ✅ การค้นพบแหล่งลิเทียมในเยอรมนี ➡️ พบในรัฐ Saxony-Anhalt โดย Neptune Energy ➡️ ปริมาณลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 43 ล้านตัน ➡️ ใหญ่กว่าที่อินเดียเคยค้นพบถึง 7 เท่า ➡️ เคยเป็นพื้นที่สกัดก๊าซธรรมชาติมาก่อน ✅ เทคโนโลยีการสกัดลิเทียม ➡️ ใช้ Direct Lithium Extraction (DLE) แทนการทำเหมืองหรือบ่อระเหย ➡️ ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า ➡️ ทดลองร่วมกับบริษัท Lilac ➡️ กำลังทดสอบกระบวนการดูดซับจากน้ำเกลือ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม EV ➡️ ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันพึ่งพาลิเทียมจากจีนและลิเทียมไทรแองเกิล ➡️ ต้นทุนแบตเตอรี่สูงกว่าคู่แข่งจากจีนถึง 2 เท่า ➡️ หากผลิตเองได้จะลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคง ➡️ อาจเปลี่ยนให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางใหม่ของ supply chain EV https://www.slashgear.com/1998530/one-of-worlds-largest-lithium-deposits-found-could-reshape-ev-future/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Is One Of World's Largest Lithium Deposits, And It Could Reshape The Future Of EVs - SlashGear
    One of the world's largest lithium deposits was recently discovered outside of the triangle of South American countries that typically harbor the materials.
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก

    บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000

    เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ

    ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง

    ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง

    แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ

    ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง

    BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน
    จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน

    รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน
    เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี

    Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV
    ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000

    มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน
    ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน

    Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน
    เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda

    ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี
    เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา

    ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี
    รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก

    โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน
    ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

    https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    🚗 “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000 เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง ✅ BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน ➡️ จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน ✅ รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน ➡️ เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี ✅ Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV ➡️ ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000 ✅ มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน ➡️ ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน ✅ Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน ➡️ เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda ✅ ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี ➡️ เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา ✅ ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี ➡️ รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก ✅ โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    RESTOFWORLD.ORG
    EVs are depreciating much faster than gas-powered cars
    Plummeting resale values are threatening to derail the world's transition to electric transportation.
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • “จีนหนุน Apple เต็มที่” — Tim Cook ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลจีนให้เดินหน้าลงทุนและดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ

    ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียด Apple ต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนการผลิตในอเมริกาและการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานในจีน ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ

    Cook เดินทางไปจีนเพื่อเจรจาเรื่องการเปิดตัว iPhone 17 Air ที่ใช้ eSIM เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ติดปัญหาด้านกฎระเบียบ แต่หลังจากพบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เขาได้รับการยืนยันว่า Apple จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ Apple ยังประกาศเพิ่มการลงทุนในจีน และ COO Sabih Khan ได้เยี่ยมชมโรงงานของ Lens Precision ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของกล้อง iPhone 18 ที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมในห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย

    แม้ Apple จะพยายามลดการพึ่งพาจีนโดยย้ายการผลิตบางส่วนไปอินเดีย แต่ยังคงต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 เพราะอินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ

    ในฝั่งสหรัฐฯ Apple ถูกบังคับให้เพิ่มการลงทุนจาก 500 เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห่วงโซ่ซิลิคอนในประเทศ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดียด้วย ทำให้ Apple ต้องวางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ เช่น HomePod และกล้องรักษาความปลอดภัยในเวียดนาม เพื่อกระจายความเสี่ยง

    ข้อมูลในข่าว
    Tim Cook ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อ
    พบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เพื่อเจรจาเรื่อง iPhone 17 Air
    Apple เพิ่มการลงทุนในจีน และเยี่ยมชมโรงงาน Lens Precision
    iPhone 18 มีระบบกล้องใหม่ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย
    Apple ยังต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026
    อินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ
    Apple เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์
    ทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดีย ทำให้ Apple ต้องปรับแผน
    Apple วางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ในเวียดนาม เช่น HomePod และกล้อง AI
    ใช้โรงงานของ BYD ในเวียดนามเพื่อผลิตอุปกรณ์ใหม่
    Apple พยายามกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://wccftech.com/chinas-government-just-gave-apple-its-strong-support-for-continuing-operations-in-the-country/
    🍎 “จีนหนุน Apple เต็มที่” — Tim Cook ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลจีนให้เดินหน้าลงทุนและดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียด Apple ต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนการผลิตในอเมริกาและการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานในจีน ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ Cook เดินทางไปจีนเพื่อเจรจาเรื่องการเปิดตัว iPhone 17 Air ที่ใช้ eSIM เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ติดปัญหาด้านกฎระเบียบ แต่หลังจากพบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เขาได้รับการยืนยันว่า Apple จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศเพิ่มการลงทุนในจีน และ COO Sabih Khan ได้เยี่ยมชมโรงงานของ Lens Precision ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของกล้อง iPhone 18 ที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมในห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย แม้ Apple จะพยายามลดการพึ่งพาจีนโดยย้ายการผลิตบางส่วนไปอินเดีย แต่ยังคงต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 เพราะอินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ ในฝั่งสหรัฐฯ Apple ถูกบังคับให้เพิ่มการลงทุนจาก 500 เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห่วงโซ่ซิลิคอนในประเทศ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดียด้วย ทำให้ Apple ต้องวางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ เช่น HomePod และกล้องรักษาความปลอดภัยในเวียดนาม เพื่อกระจายความเสี่ยง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Tim Cook ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อ ➡️ พบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เพื่อเจรจาเรื่อง iPhone 17 Air ➡️ Apple เพิ่มการลงทุนในจีน และเยี่ยมชมโรงงาน Lens Precision ➡️ iPhone 18 มีระบบกล้องใหม่ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย ➡️ Apple ยังต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 ➡️ อินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ ➡️ Apple เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดีย ทำให้ Apple ต้องปรับแผน ➡️ Apple วางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ในเวียดนาม เช่น HomePod และกล้อง AI ➡️ ใช้โรงงานของ BYD ในเวียดนามเพื่อผลิตอุปกรณ์ใหม่ ➡️ Apple พยายามกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ https://wccftech.com/chinas-government-just-gave-apple-its-strong-support-for-continuing-operations-in-the-country/
    WCCFTECH.COM
    China's Government Just Gave Apple Its Strong Support For Continuing Operations In The Country
    According to Global Times' interpretation, China just gave a strong nod to Apple's domestic operations in the country.
    0 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • “UbuCon India ครั้งแรก! รวมพลังชุมชน Ubuntu และ FOSS ที่ Bengaluru — จุดเริ่มต้นใหม่ของโอเพ่นซอร์สในอินเดีย”

    อินเดียกำลังจะมีงาน UbuCon ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! งานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ซึ่งเป็นชุมชนท้องถิ่นที่ส่งเสริมการใช้ Ubuntu และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (FOSS) ในภูมิภาคของตน โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ที่สถาบัน Indian Institute of Science (IISc) เมือง Bengaluru

    UbuCon เป็นงานสัมมนาแบบอาสาสมัครที่เน้นชุมชน ไม่ใช่งานโชว์ของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนา ผู้ใช้ และผู้สนับสนุน FOSS ให้มาแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายร่วมกัน

    หัวข้อที่จะพูดถึงในงานมีหลากหลาย ตั้งแต่ desktop environments, cloud infrastructure, IoT, documentation ไปจนถึง AI โดยมี It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการของงานนี้

    UbuCon India 2025 เป็นงาน UbuCon ครั้งแรกในอินเดีย
    จัดโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo

    งานจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025
    สถานที่คือ IISc Bengaluru

    เป็นงานที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ไม่ใช่บริษัท
    เน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่าย

    หัวข้อในงานครอบคลุมหลายด้านของเทคโนโลยี FOSS
    เช่น desktop, cloud, IoT, documentation, AI

    It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการ
    เตรียมรายงานข่าวและบทวิเคราะห์จากงาน

    เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน KonfHub พร้อมส่วนลดสำหรับนักเรียน
    ราคาบัตรเข้าร่วมงานอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้

    https://news.itsfoss.com/events/first-ubucon-india/
    🐧 “UbuCon India ครั้งแรก! รวมพลังชุมชน Ubuntu และ FOSS ที่ Bengaluru — จุดเริ่มต้นใหม่ของโอเพ่นซอร์สในอินเดีย” อินเดียกำลังจะมีงาน UbuCon ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! งานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ซึ่งเป็นชุมชนท้องถิ่นที่ส่งเสริมการใช้ Ubuntu และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (FOSS) ในภูมิภาคของตน โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ที่สถาบัน Indian Institute of Science (IISc) เมือง Bengaluru UbuCon เป็นงานสัมมนาแบบอาสาสมัครที่เน้นชุมชน ไม่ใช่งานโชว์ของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนา ผู้ใช้ และผู้สนับสนุน FOSS ให้มาแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายร่วมกัน หัวข้อที่จะพูดถึงในงานมีหลากหลาย ตั้งแต่ desktop environments, cloud infrastructure, IoT, documentation ไปจนถึง AI โดยมี It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการของงานนี้ ✅ UbuCon India 2025 เป็นงาน UbuCon ครั้งแรกในอินเดีย ➡️ จัดโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ✅ งานจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ➡️ สถานที่คือ IISc Bengaluru ✅ เป็นงานที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ไม่ใช่บริษัท ➡️ เน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่าย ✅ หัวข้อในงานครอบคลุมหลายด้านของเทคโนโลยี FOSS ➡️ เช่น desktop, cloud, IoT, documentation, AI ✅ It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการ ➡️ เตรียมรายงานข่าวและบทวิเคราะห์จากงาน ✅ เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน KonfHub พร้อมส่วนลดสำหรับนักเรียน ➡️ ราคาบัตรเข้าร่วมงานอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ https://news.itsfoss.com/events/first-ubucon-india/
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
More Results