• อธิบดี ปภ.แถลงยันอาฟเตอร์ช็อกในพม่าไม่กระทบถึงไทย เหตุเมื่อเช้าเพราะความกังวลจากเหตุเมื่อวันศุกร์ แจงอาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริษัทผู้ดูแลตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเสาร์-อาทิตย์แล้ว ยืนยันมั่นคงแข็งแรง “ชัชชาติ” เผยมีรายงานอาคารแตกร้าว-สั่นไหวราว 20 อาคาร แต่เกิดจากความตื่นตระหนกจนมีการอพยพ ยันไม่มีอาคารเสียหายเพิ่มเติมจากวันศุกร์ ทุกอาคารกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ขออย่าตื่นตระหนก ถ้าไม่มั่นใจแจ้ง กทม.ตรวจสอบได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030612
    อธิบดี ปภ.แถลงยันอาฟเตอร์ช็อกในพม่าไม่กระทบถึงไทย เหตุเมื่อเช้าเพราะความกังวลจากเหตุเมื่อวันศุกร์ แจงอาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริษัทผู้ดูแลตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเสาร์-อาทิตย์แล้ว ยืนยันมั่นคงแข็งแรง “ชัชชาติ” เผยมีรายงานอาคารแตกร้าว-สั่นไหวราว 20 อาคาร แต่เกิดจากความตื่นตระหนกจนมีการอพยพ ยันไม่มีอาคารเสียหายเพิ่มเติมจากวันศุกร์ ทุกอาคารกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ขออย่าตื่นตระหนก ถ้าไม่มั่นใจแจ้ง กทม.ตรวจสอบได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030612
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิศต้องห้าม.....ประจำเดือนเมษายน 2568

    ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 เดือนเมษายน ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 4 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 สิ่งสำคัญคือ ควรเลี่ยงต่อการกระทบ ทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทาง ดังนี้

    1. ทิศแตกสลาย 月破(ง๊วยผั่ว) ทิศตะวันตก/เหนือ 乾卦(เคี้ยงข่วย) ราศี 戌(สุก) ตั้งแต่รัศมี 292.5 ถึง 307.5 องศา

    2. ทิศ 3 อสูร 月三煞(หง่วยซาสั่วะ) ตั้งแต่ทิศตะวันออก/ใต้ 巽卦(สุ่งข่วย) รัศมี 135 องศา ถึง ทิศตะวันตก/ใต้ 坤卦(คุงข่วย) รัศมี 225 องศา

    3. ทิศ 5 เหลือง 五黃(โหงวอี๊ง) ทิศเหนือ 坎卦(ข่ำข่วย) ตั้งแต่รัศมี 337.5 ถึง 22.5 องศา

    ดังนั้นหากกระทบสะเทือนถึงดินที่อัดอั้นด้วยกระแสพลังร้ายอันรุนแรงรอเพียงแค่การปลดปล่อย ด้วยการทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทางดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น ส่งผลให้ท่านที่ชะตาตก ชีวิตจะเกิดวิกฤต กลุ้ม วุ่นวาย มากอุปสรรคปัญหา ขัดแย้ง แตกแยก ถูกแทงหลัง ปองร้าย จี้ ปล้น ขโมย เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น พัวพันเรื่องคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือเกิดเจ็บป่วย ต้องผ่าตัดรักษาอาการ หรือจะบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกจากอุบัติเหตุเภทภัยที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบุคคลที่เกิดปีจอพึงระวังเป็นพิเศษ
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ทิศต้องห้าม.....ประจำเดือนเมษายน 2568 ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 เดือนเมษายน ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 4 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 สิ่งสำคัญคือ ควรเลี่ยงต่อการกระทบ ทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทาง ดังนี้ 1. ทิศแตกสลาย 月破(ง๊วยผั่ว) ทิศตะวันตก/เหนือ 乾卦(เคี้ยงข่วย) ราศี 戌(สุก) ตั้งแต่รัศมี 292.5 ถึง 307.5 องศา 2. ทิศ 3 อสูร 月三煞(หง่วยซาสั่วะ) ตั้งแต่ทิศตะวันออก/ใต้ 巽卦(สุ่งข่วย) รัศมี 135 องศา ถึง ทิศตะวันตก/ใต้ 坤卦(คุงข่วย) รัศมี 225 องศา 3. ทิศ 5 เหลือง 五黃(โหงวอี๊ง) ทิศเหนือ 坎卦(ข่ำข่วย) ตั้งแต่รัศมี 337.5 ถึง 22.5 องศา ดังนั้นหากกระทบสะเทือนถึงดินที่อัดอั้นด้วยกระแสพลังร้ายอันรุนแรงรอเพียงแค่การปลดปล่อย ด้วยการทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทางดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น ส่งผลให้ท่านที่ชะตาตก ชีวิตจะเกิดวิกฤต กลุ้ม วุ่นวาย มากอุปสรรคปัญหา ขัดแย้ง แตกแยก ถูกแทงหลัง ปองร้าย จี้ ปล้น ขโมย เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น พัวพันเรื่องคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือเกิดเจ็บป่วย ต้องผ่าตัดรักษาอาการ หรือจะบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกจากอุบัติเหตุเภทภัยที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบุคคลที่เกิดปีจอพึงระวังเป็นพิเศษ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตจีนยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการสืบสวนเหตุอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาสืบเนื่องจากแผ่นดินไหว ที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ในขณะที่ตึกแห่งนี้ดำเนินการก่อสร้างโดยกิจกรรมร่วมค้าระหว่างบริษัทไทยและบริษัทจีน

    เพจเฟซบุ๊กของสถานทูตจีนประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่าเมื่อวันอาทิตย์(30มี.ค.) เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยแผ่นดินไหวของจีน ได้เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในเขตจตุจักร พังถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ของพม่า เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์(28มี.ค.)

    สัญญาโครงการก่อสร้างนี้ถูกมอบให้แก่ กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ของจีน ที่ชนะการประกวดราคาด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท แต่งบบานปลายไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ตามรายงานของ baohaiduong

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000030452

    #MGROnline #สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน #สตง.#แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    สถานทูตจีนยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการสืบสวนเหตุอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาสืบเนื่องจากแผ่นดินไหว ที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ในขณะที่ตึกแห่งนี้ดำเนินการก่อสร้างโดยกิจกรรมร่วมค้าระหว่างบริษัทไทยและบริษัทจีน • เพจเฟซบุ๊กของสถานทูตจีนประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่าเมื่อวันอาทิตย์(30มี.ค.) เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยแผ่นดินไหวของจีน ได้เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น • การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในเขตจตุจักร พังถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ของพม่า เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์(28มี.ค.) • สัญญาโครงการก่อสร้างนี้ถูกมอบให้แก่ กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ของจีน ที่ชนะการประกวดราคาด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท แต่งบบานปลายไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ตามรายงานของ baohaiduong • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000030452 • #MGROnline #สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน #สตง.#แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ

    ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์:
    - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น:
    - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259

    บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์:
    - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ

    https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์: - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ ผลกระทบที่เกิดขึ้น: - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คำแนะนำในการป้องกัน: - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259 บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์: - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548
    พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ ( ตอกโค็ด ) เนื้อทองแดงเถื่อน ศิลปนคร รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 // พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ // พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ มวลสารศักดิ์สิทธิ์นับร้อยพันของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ดีทั้งเนื้อในและดีทั้งผิวนอก เป็นวัตถุมงคลกฤตยาคมแฝด ที่ไม่มีวันเสื่อม พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในคืนวันเพ็ญอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเข้าพิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ โดยมีพระคณาจารย์ ๙ รูป นำโดย พระครู ๔ กา ผู้รักษาเจดีย์พระบรมธาตุ คือพระครูกาแก้ว พระครูกาชาด พระครูการาม และพระครูกาเดิม สวดเจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมนั่งปรกภาวนาประจำทิศและอธิษฐานจิตปลุกเสก ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านประสูติ วัดในเตา ส่วนเจ้าพิธีกรรมคือ อาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกผู้ได้รับการสืบทอดด้านพิธีกรรมของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช องค์ประธานในพิธีเททองประกอบด้วยสามยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองใต้ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ ผนึกพลังเวทร่วมเททอง ความศักดิ์สิทธ์แห่งพิธีกรรมมหามงคลได้ประจักษ์แก่สายตาทุกท่านในพิธี ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อพระอาทิตย์ทรงกลดในขณะพิธีและพระจันทร์ทรงกลดในขณะพิธีเททอง >>


    ** พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ ( ตอกโค็ด ) เนื้อทองแดงเถื่อน ศิลปนคร รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 // พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ // พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >> ** พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ มวลสารศักดิ์สิทธิ์นับร้อยพันของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ดีทั้งเนื้อในและดีทั้งผิวนอก เป็นวัตถุมงคลกฤตยาคมแฝด ที่ไม่มีวันเสื่อม พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในคืนวันเพ็ญอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเข้าพิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ โดยมีพระคณาจารย์ ๙ รูป นำโดย พระครู ๔ กา ผู้รักษาเจดีย์พระบรมธาตุ คือพระครูกาแก้ว พระครูกาชาด พระครูการาม และพระครูกาเดิม สวดเจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมนั่งปรกภาวนาประจำทิศและอธิษฐานจิตปลุกเสก ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านประสูติ วัดในเตา ส่วนเจ้าพิธีกรรมคือ อาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกผู้ได้รับการสืบทอดด้านพิธีกรรมของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช องค์ประธานในพิธีเททองประกอบด้วยสามยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองใต้ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ ผนึกพลังเวทร่วมเททอง ความศักดิ์สิทธ์แห่งพิธีกรรมมหามงคลได้ประจักษ์แก่สายตาทุกท่านในพิธี ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อพระอาทิตย์ทรงกลดในขณะพิธีและพระจันทร์ทรงกลดในขณะพิธีเททอง >> ** พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันอาทิตย์ที่ 30 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันอาทิตย์ที่ 30 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ป่วยคลินิกพิเศษที่มีนัดเย็นที่28 มีนาคมนี้ ต้องรอนัดหมายใหม่จากทางโรงพยาบาลอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้า และประกาศล่าสุด งดคลินิกพิเศษ เสาร์-อาทิตย์ นี้ด้วย
    ผู้ป่วยคลินิกพิเศษที่มีนัดเย็นที่28 มีนาคมนี้ ต้องรอนัดหมายใหม่จากทางโรงพยาบาลอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้า และประกาศล่าสุด งดคลินิกพิเศษ เสาร์-อาทิตย์ นี้ด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปธน.ทรัมป์ 2.0 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนนี้ เป็นวันปลดปล่อย (Liberation Day) จากการที่สหรัฐฯ ถูกปล้นรุมกินโต๊ะจากทุกๆ ประเทศรอบโลก
    .
    ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์ดูพอใจต่อประกาศิตของตนที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำดิ่งมา 4 อาทิตย์เต็มๆ บางที่จะทำให้ทรัมป์และเหล่าพรรคพวกหรือสมาชิกในครอบครัวเขากอบโกยได้อย่างมหาศาล
    .
    การประกาศวันปลดปล่อยของจักรพรรดิทรัมป์กลับทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งมีข่าวใน The Sun (นสพ.แทบลอยด์ของอังกฤษ) และ Daily Mail บอกว่า คิงชาร์ลส์ได้เสนออย่างลับๆ กับทรัมป์ให้สหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งมีประเทศต่างๆ หลากหลายทั่วโลกได้เป็นสมาชิก เพื่อสร้างกลุ่มที่มีความใกล้ชิดในเรื่องการค้า, การลงทุน, การกีฬา, การร่วมมือและช่วยเหลือกันในทุกๆ ด้าน เพราะสหรัฐฯ ก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029273
    ปธน.ทรัมป์ 2.0 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนนี้ เป็นวันปลดปล่อย (Liberation Day) จากการที่สหรัฐฯ ถูกปล้นรุมกินโต๊ะจากทุกๆ ประเทศรอบโลก . ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์ดูพอใจต่อประกาศิตของตนที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำดิ่งมา 4 อาทิตย์เต็มๆ บางที่จะทำให้ทรัมป์และเหล่าพรรคพวกหรือสมาชิกในครอบครัวเขากอบโกยได้อย่างมหาศาล . การประกาศวันปลดปล่อยของจักรพรรดิทรัมป์กลับทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งมีข่าวใน The Sun (นสพ.แทบลอยด์ของอังกฤษ) และ Daily Mail บอกว่า คิงชาร์ลส์ได้เสนออย่างลับๆ กับทรัมป์ให้สหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งมีประเทศต่างๆ หลากหลายทั่วโลกได้เป็นสมาชิก เพื่อสร้างกลุ่มที่มีความใกล้ชิดในเรื่องการค้า, การลงทุน, การกีฬา, การร่วมมือและช่วยเหลือกันในทุกๆ ด้าน เพราะสหรัฐฯ ก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029273
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 859 มุมมอง 0 รีวิว
  • 48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ 🇪🇸✈️ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก

    🌫️ โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ 🔥 ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน

    ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน

    ✈️💥 บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว ✋🔴

    เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก

    🕰️ จุดเริ่มต้นของหายนะ 🧨
    - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน
    - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน

    หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ

    🚧 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am

    ☁️ หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ 🗣️ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที

    📻 หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน

    ✋ จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน!

    สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff” 😓📡

    📌 ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า

    “We are now at takeoff.”

    ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า

    “OK, stand by for takeoff, I will call you.”

    แต่...❗เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ

    🔥 การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น 💔 KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น

    ผลลัพธ์คือ ❌

    ✈️ เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง

    💥 ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที

    - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0)
    - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน)

    😢 บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ 🔍
    ปัจจัยมนุษย์ (Human Error)
    - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์ 🕒
    - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน 📻
    - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน 🗣️

    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม
    - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน ❌
    - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์ 🌫️
    - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ 🚫

    📚🛫 หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง
    ✅ การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology)
    ✅ ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน
    ✅ มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ
    ✅ ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก

    😨 เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542 🛬
    เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา ✈️
    - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน
    - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน

    เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น 😱

    🕯️ 583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม ✈️ “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ✈️🧠

    แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568

    📲 #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ 🇪🇸✈️ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก 🌫️ โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ 🔥 ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน ✈️💥 บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว ✋🔴 เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก 🕰️ จุดเริ่มต้นของหายนะ 🧨 - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ 🚧 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am ☁️ หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ 🗣️ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที 📻 หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน ✋ จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน! สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff” 😓📡 📌 ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า “We are now at takeoff.” ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า “OK, stand by for takeoff, I will call you.” แต่...❗เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ 🔥 การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น 💔 KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น ผลลัพธ์คือ ❌ ✈️ เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง 💥 ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0) - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน) 😢 บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ 🔍 ปัจจัยมนุษย์ (Human Error) - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์ 🕒 - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน 📻 - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน 🗣️ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน ❌ - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์ 🌫️ - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ 🚫 📚🛫 หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง ✅ การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology) ✅ ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน ✅ มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ ✅ ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก 😨 เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542 🛬 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา ✈️ - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น 😱 🕯️ 583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม ✈️ “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ✈️🧠 แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568 📲 #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช

    ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ"

    "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน"

    แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา

    ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท

    สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก

    #Newskit
    มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ" "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน" แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้คงฝึกฝนทำข้อสอบต่อ ซ้อมต่อไป ซ้อมไปยาวๆ บางทีก็คันไม้คันมือมากที่จะเขียนโปรแกรมด้วยความอยากล้วนๆเลย หนังสือสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ น่าซื้อเก็บมาไว้อ่านและสังเคราะห์การใช้ชีวิตและการประกอบการค้าขายให้รุ่งเรืองกว่าเดิม ผมก็กำลังจะเก็บเงินซื้ออยู่ครับ
    วันนี้คงฝึกฝนทำข้อสอบต่อ ซ้อมต่อไป ซ้อมไปยาวๆ บางทีก็คันไม้คันมือมากที่จะเขียนโปรแกรมด้วยความอยากล้วนๆเลย หนังสือสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ น่าซื้อเก็บมาไว้อ่านและสังเคราะห์การใช้ชีวิตและการประกอบการค้าขายให้รุ่งเรืองกว่าเดิม ผมก็กำลังจะเก็บเงินซื้ออยู่ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • 58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️

    ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨

    เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️

    โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น

    “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร

    แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น

    ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม

    📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย

    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา
    🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน

    นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น

    🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง

    ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี

    ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน

    ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ...

    ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ
    ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน”
    ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน
    ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี

    การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น...
    🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้
    🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด”

    ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น?
    ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน
    ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน
    ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี

    ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ

    ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น

    “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568

    🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️ ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨ เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ 📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม 📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา 🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น 🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ... ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน” ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น... 🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้ 🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด” ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น? ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568 🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยามเย็นพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าริมทะเล
    ยามเย็นพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าริมทะเล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันอาทิตย์ที่ 23 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันอาทิตย์ที่ 23 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌥แสงอาทิตย์แรก🌥
    🌥แสงอาทิตย์แรก🌥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/3/68

    #ข่าวประชาสัมพันธ์

    รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด
    #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย
    #กระทบการผ่าตัดคนไข้

    ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

    ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด

    สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

    ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี

    ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

    สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน

    สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

    ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน

    #รับบริจาคเลือด
    #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้

    cr:ฝันดีฝันเด่น
    17/3/68 #ข่าวประชาสัมพันธ์ รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย #กระทบการผ่าตัดคนไข้ ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน #รับบริจาคเลือด #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้ cr:ฝันดีฝันเด่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบการ ศึกษาของไทยที่มีปัญหา
    ช่วงนี้ผมเป็นห่วงเห็นพ่อแม่หลายคนให้เด็กติว กันหนักมาก
    บางคนอยู่ ม. 1 แต่ว่าเรียนพิเศษคณิตศาสตร์จนจบ เนื้อหาม.3แล้ว
    บางคนอยู่ ม.1 ก็เริ่มเรียนพิเศษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้ว
    บางคนอยู่ ม.3 แต่เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เนื้อหาของ ม.ปลาย จบแล้ว…..
    ถามว่าทำไปเพื่ออะไร?
    แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้อยากเป็นหมอ และอยากเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามเด็กคิดเองหรือพ่อแม่บังคับ หรือกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ พ่อแม่ก็จะดันเต็มที่ ปลายทางคืออยากให้เข้าคณะแพทย์คณะที่ดีที่สุดของประเทศไทยซึ่งแน่นอนว่าคือจุฬากับมหิดล และความฝันในการเรียน ม.ปลายของเด็กกลุ่มนี้ก็ต้องเป็นโรงเรียนชั้นนำเช่นกัน
    คะแนนสอบต่างๆก็ต้องคาดหวังเต็ม 100 หรืออันดับ 1
    ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องติวกันหนักมาก เลิกเรียนกลับมา ติวต่อแน่นอน , เสาร์ - อาทิตย์ ติวทั้งวัน เช้าถึงเย็น
    แล้วเด็กกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นยังไง?
    น้องเรียนอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมอื่นๆเลยหรือ กีฬา , ดนตรี หรืองานอดิเรกอื่นๆ มีมั้ย
    ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะการจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องหล่อหลอมจากประสบการณ์รอบด้าน ไม่ใช่เรียนหนักเพียงอย่างเดียว
    แน่นอนผมเชื่อว่าปลายทางของเด็กกลุ่มนี้ ถ้าเรียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาได้เป็นหมอสมใจแน่ๆ
    เผลอๆได้เกียรตินิยมอีก แต่… เค้าจะจบมาแบบไม่เคยทำอะไรอย่างอื่นเลย ประสบการณ์การใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขา การได้ลองผิดลองถูก การได้ลองทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่การเรียน เค้าเสียตรงนี้ไปโดยที่ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว
    ผมชวนคิดอีกแบบ ถ้าเด็กอยากเป็นหมอ เหมือนกัน เราสอนวิธีการเรียนอีกแบบดีมั้ย?
    คะแนนไม่ต้องเต็ม 100 ก็ได้ เอาแค่พอผ่านเกณฑ์เป็นหมอได้ หรือเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ ก็ไปอันดับรองๆ หรือถ้ายังไม่ได้อีกก็ภาคเอกชนไปเลย เน้นเข้าเรียนในสถาบันที่เหมาะสมกับตัวเด็กที่สุด มีติวบ้างนิดหน่อย เพราะระบบการศึกษาของไทยที่ผมว่ามีปัญหา ทำให้เด็กๆต้องไปหาความรู้ตามที่เรียนพิเศษกันเยอะ (ไว้จะเล่าประเด็นนี้ให้ฟังวันหลัง) เอาแค่เท่าที่จำเป็นจริงๆ
    แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนคือต้องมีความรับผิดชอบ ส่งการบ้านหรือทำงานตามกำหนดทุกชิ้นหรือไม่ มีการช่วยเหลือครูและเพื่อนในห้องบ้างไหม และเราต้องส่งเสริมให้เด็กรู้จักการวางแผนการเรียนที่ดีอย่างมีระบบ รู้ว่าติวแค่ไหนพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป
    และส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมอื่นๆนอกเหนือจากการเรียนบ้าง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองทำกิจกรรมให้หลากหลาย ฝึกให้มีความรับผิดชอบ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ระหว่างเรียน มีสอบตกบ้าง หรือมีความผิดพลาดบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่ต้องกดดันลูก แค่เข้าใจและให้กำลังใจ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น
    ผมว่าปลายทางของเด็กกลุ่มหลังนี้ก็จบหมอได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้เกียรตินิยม หรืออาจจะไม่ได้เรียนสถานบันการศึกษาอันดับ 1 ของประเทศ

    แต่ที่สำคัญคือเค้าได้ใช้ชีวิตวัยเด็กคุ้มค่าเลย ได้มีการทำกิจกรรมที่หลากหลายนอกเหนือจากการเรียนอย่างเดียว และได้ค้นหาตัวตนไปด้วย แน่นอน….โตขึ้นเค้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพมากๆ

    ผมอยากให้นึกภาพถึงเด็กที่เรียนเก่งมากๆ จบการศึกษาสูง แต่ทำอะไรไม่เป็น……กับคนที่เรียนจบเหมือนกันคะแนนอาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่ทำงานเก่งมาก เข้ากับสังคมได้ดี

    หมอคนที่เรียนเก่งมาก กับคนที่เรียนปกติ พอไปทำงานจริงๆแล้ว คนไข้ไม่เคยถามหรอกครับว่าหมอได้เกรดอะไรมา คนไข้ดูแค่ว่าหมอท่านนั้นรักษาหายมั้ย พูดจาแนะนำหรืออัธยาศัยดีมั้ย เท่านี้ครับ และลูกเราก็จะเป็นหมออย่างมีความสุข
    ระบบการ ศึกษาของไทยที่มีปัญหา ช่วงนี้ผมเป็นห่วงเห็นพ่อแม่หลายคนให้เด็กติว กันหนักมาก บางคนอยู่ ม. 1 แต่ว่าเรียนพิเศษคณิตศาสตร์จนจบ เนื้อหาม.3แล้ว บางคนอยู่ ม.1 ก็เริ่มเรียนพิเศษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้ว บางคนอยู่ ม.3 แต่เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เนื้อหาของ ม.ปลาย จบแล้ว….. ถามว่าทำไปเพื่ออะไร? แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้อยากเป็นหมอ และอยากเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามเด็กคิดเองหรือพ่อแม่บังคับ หรือกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ พ่อแม่ก็จะดันเต็มที่ ปลายทางคืออยากให้เข้าคณะแพทย์คณะที่ดีที่สุดของประเทศไทยซึ่งแน่นอนว่าคือจุฬากับมหิดล และความฝันในการเรียน ม.ปลายของเด็กกลุ่มนี้ก็ต้องเป็นโรงเรียนชั้นนำเช่นกัน คะแนนสอบต่างๆก็ต้องคาดหวังเต็ม 100 หรืออันดับ 1 ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องติวกันหนักมาก เลิกเรียนกลับมา ติวต่อแน่นอน , เสาร์ - อาทิตย์ ติวทั้งวัน เช้าถึงเย็น แล้วเด็กกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นยังไง? น้องเรียนอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมอื่นๆเลยหรือ กีฬา , ดนตรี หรืองานอดิเรกอื่นๆ มีมั้ย ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะการจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องหล่อหลอมจากประสบการณ์รอบด้าน ไม่ใช่เรียนหนักเพียงอย่างเดียว แน่นอนผมเชื่อว่าปลายทางของเด็กกลุ่มนี้ ถ้าเรียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาได้เป็นหมอสมใจแน่ๆ เผลอๆได้เกียรตินิยมอีก แต่… เค้าจะจบมาแบบไม่เคยทำอะไรอย่างอื่นเลย ประสบการณ์การใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขา การได้ลองผิดลองถูก การได้ลองทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่การเรียน เค้าเสียตรงนี้ไปโดยที่ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ผมชวนคิดอีกแบบ ถ้าเด็กอยากเป็นหมอ เหมือนกัน เราสอนวิธีการเรียนอีกแบบดีมั้ย? คะแนนไม่ต้องเต็ม 100 ก็ได้ เอาแค่พอผ่านเกณฑ์เป็นหมอได้ หรือเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ ก็ไปอันดับรองๆ หรือถ้ายังไม่ได้อีกก็ภาคเอกชนไปเลย เน้นเข้าเรียนในสถาบันที่เหมาะสมกับตัวเด็กที่สุด มีติวบ้างนิดหน่อย เพราะระบบการศึกษาของไทยที่ผมว่ามีปัญหา ทำให้เด็กๆต้องไปหาความรู้ตามที่เรียนพิเศษกันเยอะ (ไว้จะเล่าประเด็นนี้ให้ฟังวันหลัง) เอาแค่เท่าที่จำเป็นจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนคือต้องมีความรับผิดชอบ ส่งการบ้านหรือทำงานตามกำหนดทุกชิ้นหรือไม่ มีการช่วยเหลือครูและเพื่อนในห้องบ้างไหม และเราต้องส่งเสริมให้เด็กรู้จักการวางแผนการเรียนที่ดีอย่างมีระบบ รู้ว่าติวแค่ไหนพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป และส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมอื่นๆนอกเหนือจากการเรียนบ้าง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองทำกิจกรรมให้หลากหลาย ฝึกให้มีความรับผิดชอบ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ระหว่างเรียน มีสอบตกบ้าง หรือมีความผิดพลาดบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่ต้องกดดันลูก แค่เข้าใจและให้กำลังใจ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น ผมว่าปลายทางของเด็กกลุ่มหลังนี้ก็จบหมอได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้เกียรตินิยม หรืออาจจะไม่ได้เรียนสถานบันการศึกษาอันดับ 1 ของประเทศ แต่ที่สำคัญคือเค้าได้ใช้ชีวิตวัยเด็กคุ้มค่าเลย ได้มีการทำกิจกรรมที่หลากหลายนอกเหนือจากการเรียนอย่างเดียว และได้ค้นหาตัวตนไปด้วย แน่นอน….โตขึ้นเค้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพมากๆ ผมอยากให้นึกภาพถึงเด็กที่เรียนเก่งมากๆ จบการศึกษาสูง แต่ทำอะไรไม่เป็น……กับคนที่เรียนจบเหมือนกันคะแนนอาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่ทำงานเก่งมาก เข้ากับสังคมได้ดี หมอคนที่เรียนเก่งมาก กับคนที่เรียนปกติ พอไปทำงานจริงๆแล้ว คนไข้ไม่เคยถามหรอกครับว่าหมอได้เกรดอะไรมา คนไข้ดูแค่ว่าหมอท่านนั้นรักษาหายมั้ย พูดจาแนะนำหรืออัธยาศัยดีมั้ย เท่านี้ครับ และลูกเราก็จะเป็นหมออย่างมีความสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) ขู่ตอบโต้หนักหน่วงต่อการโจมตีใดๆ และรัฐมนตรีต่างประเทศเตหะรานเรียกร้องอเมริกาหยุดเข่นฆ่าประชาชน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งถล่มทางอากาศเป็นชุดๆ เล่นงานกบฏฮูตีในเยเมน ปลิดชีพผู้คนกว่าครึ่งร้อย และเตือนเตหะรานให้หยุดสนับสนุนพวกติดอาวุธกลุ่มนี้

    เมื่อวันเสาร์ (15 มี.ค.) ทรัมป์ เผยว่าสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการทางทหารอย่างหนักหน่วงและรุนแรง เพื่อยุติภัยคุกคามของพวกฮูตีต่อการเดินเรือในทะเลแดง และเตือนว่าอิหร่านต้องหยุดให้การสนับสนุนพวกกบฏกลุ่มนี้ในทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮูตีเปิดเผยในช่วงต้นว่าปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย ก่อนปรับเพิ่มตัวเลขในเวลาต่อมา เป็นเสียชีวิต 53 ราย และบาดเจ็บ 98 คน จำนวนมากเป็นพลเรือน

    นายพลฮัสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ประณามคำขู่ของทรัมป์ ระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) และประกาศกร้าวว่า "อิหร่านจะไม่ทำสงคราม แต่ถ้าใครก็ตามข่มขู่คุกคาม เราจะตอบโต้อย่างทัดเทียม หนักแน่นและไปจนถึงจุดจบ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025289

    #MGROnline #กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) ขู่ตอบโต้หนักหน่วงต่อการโจมตีใดๆ และรัฐมนตรีต่างประเทศเตหะรานเรียกร้องอเมริกาหยุดเข่นฆ่าประชาชน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งถล่มทางอากาศเป็นชุดๆ เล่นงานกบฏฮูตีในเยเมน ปลิดชีพผู้คนกว่าครึ่งร้อย และเตือนเตหะรานให้หยุดสนับสนุนพวกติดอาวุธกลุ่มนี้ • เมื่อวันเสาร์ (15 มี.ค.) ทรัมป์ เผยว่าสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการทางทหารอย่างหนักหน่วงและรุนแรง เพื่อยุติภัยคุกคามของพวกฮูตีต่อการเดินเรือในทะเลแดง และเตือนว่าอิหร่านต้องหยุดให้การสนับสนุนพวกกบฏกลุ่มนี้ในทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮูตีเปิดเผยในช่วงต้นว่าปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย ก่อนปรับเพิ่มตัวเลขในเวลาต่อมา เป็นเสียชีวิต 53 ราย และบาดเจ็บ 98 คน จำนวนมากเป็นพลเรือน • นายพลฮัสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ประณามคำขู่ของทรัมป์ ระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) และประกาศกร้าวว่า "อิหร่านจะไม่ทำสงคราม แต่ถ้าใครก็ตามข่มขู่คุกคาม เราจะตอบโต้อย่างทัดเทียม หนักแน่นและไปจนถึงจุดจบ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025289 • #MGROnline #กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • กบฏฮูตีในเยเมน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เมื่อวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) อ้างว่าพวกเขาโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯลำหนึ่งในทะเลแดง และประกาศกร้าวว่าจะเล็งเป้าเล่นงานบรรดาเรือพาณิชย์สัญชาติอเมริกา หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกรุงซานา ที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตหลายสิบราย แต่ทำเนียบขาวบอกว่าสามารถปลิดชีพพวกแกนนำระดับสูงของกลุ่มกบฏได้หลายคน

    กระทรวงสาธารณสุขของพวกฮูตี บอกว่ามีเด็กและผู้หญิงหลายคนอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ (15 มี.ค.) "ในการตอบโต้การรุกรานนี้ กองกำลังของเราได้ปฏิบัติการทางทหารเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส แฮร์รี ทรูแมนของสหรัฐฯ และเรือกองอารักขา" ถ้อยแถลงของกลุ่มฮูตีระบุ

    พวกฮูตีอ้างว่าพวกเขายิงขีปนาวุธ 18 ลูกและโดรนลำหนึ่งเข้าใส่เรือหลายลำของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นฝ่ายอเมริกายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว

    การโจมตีของอเมริกาเมื่อเสาร์ (15 มี.ค.) ที่ถล่มกรุงซานา ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏฮูตี เช่นเดียวกับเมืองซาดา เมืองอัล-บายดาและเมืองราดา ได้สังหารผู้คนไป 53 ราย และบาดเจ็บ 98 คน จากการเปิดเผยของโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของพวกฮูตีในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025286

    #MGROnline #กบฏฮูตี #เยเมน
    กบฏฮูตีในเยเมน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เมื่อวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) อ้างว่าพวกเขาโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯลำหนึ่งในทะเลแดง และประกาศกร้าวว่าจะเล็งเป้าเล่นงานบรรดาเรือพาณิชย์สัญชาติอเมริกา หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกรุงซานา ที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตหลายสิบราย แต่ทำเนียบขาวบอกว่าสามารถปลิดชีพพวกแกนนำระดับสูงของกลุ่มกบฏได้หลายคน • กระทรวงสาธารณสุขของพวกฮูตี บอกว่ามีเด็กและผู้หญิงหลายคนอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ (15 มี.ค.) "ในการตอบโต้การรุกรานนี้ กองกำลังของเราได้ปฏิบัติการทางทหารเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส แฮร์รี ทรูแมนของสหรัฐฯ และเรือกองอารักขา" ถ้อยแถลงของกลุ่มฮูตีระบุ • พวกฮูตีอ้างว่าพวกเขายิงขีปนาวุธ 18 ลูกและโดรนลำหนึ่งเข้าใส่เรือหลายลำของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นฝ่ายอเมริกายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว • การโจมตีของอเมริกาเมื่อเสาร์ (15 มี.ค.) ที่ถล่มกรุงซานา ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏฮูตี เช่นเดียวกับเมืองซาดา เมืองอัล-บายดาและเมืองราดา ได้สังหารผู้คนไป 53 ราย และบาดเจ็บ 98 คน จากการเปิดเผยของโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของพวกฮูตีในวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025286 • #MGROnline #กบฏฮูตี #เยเมน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราม 2 อีกแล้วเหรอ? ได้ยินคำนี้รู้เลยว่าต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าปกติถนนพระราม 2 หรือทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) นั้นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะถือเป็นถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้ จึงมีทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุกใช้กันอย่างหนาแน่นหรืออาจจะมากที่สุดในประเทศไทยเลย จากข้อมูลเมื่อปี 2566 พบว่าปริมาณจราจร ช่วงดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอก เฉลี่ยจำนวน 256,000 คัน/วัน ส่วนช่วงบางขุนเทียน-สมุทรสงครามมีเฉลี่ย 130,000 คัน/วัน และช่วงสมุทรสาคร-วังมะนาว มีเฉลี่ย 80,000 คัน/วัน ขณะที่ เสาร์-อาทิตย์มีสูงถึงเกือบ 400,000 คัน/วัน

    ทำให้ที่ผ่านมากรมทางหลวงมีโครงการก่อสร้างปรับปรุง ซ่อมแซม รวมถึงขยายช่องจราจรเพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่ามีการตั้งงบประมาณทุกปีสำหรับขยายถนนพระราม 2

    จนได้รับฉายาว่าถนนเจ็ดชั่วโคตรเพราะก่อสร้างไม่เสร็จเสียที ขณะที่ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีการก่อสร้าง 2 โครงการขนาดใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท คือ ทางยกระดับพระราม 2 หรือโครงการก่อสร้างบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 (บางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว) ระยะทาง 24.6 กม. มูลค่า 30,200 ล้านบาท ของกรมทางหลวง และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3- ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มูลค่า 30,000 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000025274

    #MGROnline #คานสะพานหล่น #สะพานถล่ม #พระราม2 #ถนนพระราม2
    พระราม 2 อีกแล้วเหรอ? ได้ยินคำนี้รู้เลยว่าต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าปกติถนนพระราม 2 หรือทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) นั้นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะถือเป็นถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้ จึงมีทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุกใช้กันอย่างหนาแน่นหรืออาจจะมากที่สุดในประเทศไทยเลย จากข้อมูลเมื่อปี 2566 พบว่าปริมาณจราจร ช่วงดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอก เฉลี่ยจำนวน 256,000 คัน/วัน ส่วนช่วงบางขุนเทียน-สมุทรสงครามมีเฉลี่ย 130,000 คัน/วัน และช่วงสมุทรสาคร-วังมะนาว มีเฉลี่ย 80,000 คัน/วัน ขณะที่ เสาร์-อาทิตย์มีสูงถึงเกือบ 400,000 คัน/วัน • ทำให้ที่ผ่านมากรมทางหลวงมีโครงการก่อสร้างปรับปรุง ซ่อมแซม รวมถึงขยายช่องจราจรเพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่ามีการตั้งงบประมาณทุกปีสำหรับขยายถนนพระราม 2 • จนได้รับฉายาว่าถนนเจ็ดชั่วโคตรเพราะก่อสร้างไม่เสร็จเสียที ขณะที่ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีการก่อสร้าง 2 โครงการขนาดใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท คือ ทางยกระดับพระราม 2 หรือโครงการก่อสร้างบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 (บางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว) ระยะทาง 24.6 กม. มูลค่า 30,200 ล้านบาท ของกรมทางหลวง และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3- ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มูลค่า 30,000 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000025274 • #MGROnline #คานสะพานหล่น #สะพานถล่ม #พระราม2 #ถนนพระราม2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อ "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ข่าวที่แพร่กระจายอยุ่ตอนนี้คือข่าวปลอม
    - มาเรีย ซาคาโรวา

    เมื่อวันอาทิตย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียปฏิเสธกระแสข่าวที่อ้างว่ารัสเซียได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ โดยกล่าวว่าข่าวดังกล่าวเป็น "ข่าวปลอม"

    รายงานของ "ข่าวปลอม" ระบุว่า รัสเซียได้ยกเลิกการคว่ำบาตรรูบิโอแล้ว หลังจากการพบปะเพื่อเจรจาเหตุการณ์ในยูเครนระหว่างรูบิโอและเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย

    รูบิโอถูกรัสเซียกำหนดให้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรโดยมีมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ รวมถึงการห้ามเข้าประเทศรัสเซีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นสงครามในยูเครน ในช่วงเวลานั้นรูบิโอแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียอย่างรุนแรง
    ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อ "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ข่าวที่แพร่กระจายอยุ่ตอนนี้คือข่าวปลอม - มาเรีย ซาคาโรวา เมื่อวันอาทิตย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียปฏิเสธกระแสข่าวที่อ้างว่ารัสเซียได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ โดยกล่าวว่าข่าวดังกล่าวเป็น "ข่าวปลอม" รายงานของ "ข่าวปลอม" ระบุว่า รัสเซียได้ยกเลิกการคว่ำบาตรรูบิโอแล้ว หลังจากการพบปะเพื่อเจรจาเหตุการณ์ในยูเครนระหว่างรูบิโอและเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย รูบิโอถูกรัสเซียกำหนดให้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรโดยมีมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ รวมถึงการห้ามเข้าประเทศรัสเซีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นสงครามในยูเครน ในช่วงเวลานั้นรูบิโอแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียอย่างรุนแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม)

    เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman)

    แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ

    Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว

    ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้:

    – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์
    – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้
    – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง
    – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น
    – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี
    – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้

    ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้

    คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/467496758_120871225
    https://www.sohu.com/a/433221328_99929216
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080
    https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC
    https://baike.baidu.com/item/君子/1389

    #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม) เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman) แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้: – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์ – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้ ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/467496758_120871225 https://www.sohu.com/a/433221328_99929216 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080 https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC https://baike.baidu.com/item/君子/1389 #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    WWW.SOHU.COM
    《雁归西窗月》是根据小说改编的吗 《雁归西窗月》结局是什么_赵孝
    《雁归西窗月》讲述了霸道郡王赵孝谦与率真少女谢小满的乌龙甜怼恋,两人从开始的欢喜冤家到逐渐相知相守,携手历经坎坷,冲破重重阻碍,最终收获了一段浪漫的爱情故事。 这部剧是先婚后爱的戏码,女主谢小满…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16/3/68

    พระอาทิตย์ตกกลางเสาชิงช้า

    ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ
    cr:tiktok @ poomyst
    16/3/68 พระอาทิตย์ตกกลางเสาชิงช้า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ cr:tiktok @ poomyst
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16/3/68
    วันอาทิตย์ #สุดซอย
    16/3/68 วันอาทิตย์ #สุดซอย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘พีระพันธุ์’ จ่อเสนอ ‘ร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์’ เข้าสภาฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/17664/
    ‘พีระพันธุ์’ จ่อเสนอ ‘ร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์’ เข้าสภาฯ https://www.thai-tai.tv/news/17664/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts