• 'ปชป.' ไม่ไร้ผู้นำ! 'สัณหพจน์' อดีต ส.ส.นครศรีฯประกาศกร้าว พร้อมชิงหัวหน้าพรรคปชป. ชูสโลแกน 'ซื่อสัตย์ ใจสื่อ มือสะอาด' หวัง 'กู้วิกฤตศรัทธา'!
    https://www.thai-tai.tv/news/21460/
    .
    #ไทยไท #สัณหพจน์สุขศรีเมือง #พรรคประชาธิปัตย์ #หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'ปชป.' ไม่ไร้ผู้นำ! 'สัณหพจน์' อดีต ส.ส.นครศรีฯประกาศกร้าว พร้อมชิงหัวหน้าพรรคปชป. ชูสโลแกน 'ซื่อสัตย์ ใจสื่อ มือสะอาด' หวัง 'กู้วิกฤตศรัทธา'! https://www.thai-tai.tv/news/21460/ . #ไทยไท #สัณหพจน์สุขศรีเมือง #พรรคประชาธิปัตย์ #หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า

    เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก

    เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ"

    หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน”

    เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ" หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน” เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • 'เฉลิมชัย'! ลาออกพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์! อ้างปัญหาสุขภาพ!
    https://www.thai-tai.tv/news/21450/
    .
    #ไทยไท #เฉลิมชัยศรีอ่อน #พรรคประชาธิปัตย์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'เฉลิมชัย'! ลาออกพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์! อ้างปัญหาสุขภาพ! https://www.thai-tai.tv/news/21450/ . #ไทยไท #เฉลิมชัยศรีอ่อน #พรรคประชาธิปัตย์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ “สาโรจน์ สามารถ” ผู้สมัครนายก อบจ. วิจารณ์กันหนัก อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ช่วยหาเสียงให้คนของพรรคภูมิใจไทยไม่เหมาะสม ด้าน “อภิสิทธิ์” แจงบนเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นคนของพรรคไหน มีอิสระจะช่วยใครก็ได้ ไม่เคยมีความแค้นกับใคร ชี้ “สาโรจน์” เคยทำงานมาด้วยกัน มีนโยบายที่ดี จึงมาช่วยหาเสียง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009643

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ “สาโรจน์ สามารถ” ผู้สมัครนายก อบจ. วิจารณ์กันหนัก อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ช่วยหาเสียงให้คนของพรรคภูมิใจไทยไม่เหมาะสม ด้าน “อภิสิทธิ์” แจงบนเวทีวันนี้ไม่ได้เป็นคนของพรรคไหน มีอิสระจะช่วยใครก็ได้ ไม่เคยมีความแค้นกับใคร ชี้ “สาโรจน์” เคยทำงานมาด้วยกัน มีนโยบายที่ดี จึงมาช่วยหาเสียง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009643 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1253 Views 0 Reviews
  • คนนครสั่งสอนบ้านใหญ่ เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยน
    ผลการเลือกตั้งนายก อบจ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เลือกกัน 3 จังหวัดในวันเดียวกันคือ อุดรธานี เพชรบุรี และนครศรีธรรมราช
    ส่วนใหญ่คนสนใจไปที่อุดรธานี หลังเห็นทักษิณ ชินวัตร นําทัพใหญ่ไปช่วยสราวุธ เพชรพนมพร ขณะเดียวกันพรรคประชาชนก็ขนอดีตแกนนําพรรคส้มตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน ไปช่วยหาเสียงให้นายคณิศร ผู้สมัครนายก อบจ อุดรธานี เช่นกัน ทั้ง พิธา ธนาธร ปิยบุตร ไชยธว ช่อพณิกาและเท้ง ณัฐพล จนทําให้ศึกเลือกตั้งนายกอุดรธานีไปไกลเกินเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว
    แต่สุดท้ายอุดรธานี ไม่มีล็อกถล่ม เพื่อไทยยังคงรักษาเก้าอี้นายกอุดรธานีไว้ได้อีกสมัยทําให้ทักษิณไม่หน้าแหก ส่วนที่ล็อกถล่มคือสนามเลือกตั้งนายกอบจ นครศรีธรรมราช ที่นายกต้อย อดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชไม่สามารถรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้ โดยแพ้ให้กับวาริน ผู้สมัครจากกรุงนครเข้มแข็ง ซึ่งนายกต้อย เป็นอดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชมาร่วม 4 ปีแถมมีลูกชายสองคนเป็น สส นครศรีธรรมราชในเวลานี้ คือชัยชนะและพิทักษ์เดชเดโช สองพี่น้อง สส นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะแทนชัยชนะก็ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ และที่ผ่านมามีบทบาทอย่างมากในพรรคประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัยที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและพรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า ชัยชนะ คือเบอร์สามในพรรคประชาธิปัตย์รองจากเฉลิมชัยและเดชอิฐ
    รวมถึงยังสร้างตระกูลเดชเดโชให้ขึ้นมาเป็นบ้านใหญ่นครศรีธรรมราชได้สําเร็จเพราะตัวเองกับน้องชายก็เป็นส สส่วนแม่ก็เป็นนายก อบจ ด้วยบารมีทางการเมืองเบ่งบานขนาดนี้คนนึกว่ากนกพรคงชนะชัวร์แบบใสใส แต่สุดท้ายแพ้พลิกล็อก ให้กับ วารินเด็กปั้นโกเกี๊ยะพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนําพรรคภูมิใจไทยสายภาคใต้ที่ช่วงแรกคนมองว่ากระดูกคนละเบอร์กับนางกนกพร แต่สุดท้ายหลังกระแสม้าตีนปลายของวารินมาแรงช่วง 2สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ที่สามารถล้ม นางกนกพรและชัยชนะได้สําเร็จ
    เบื้องหลังความพ่ายแพ้ของบ้านใหญ่เดชเดโชครั้งนี้ว่ากันว่าสาเหตุหลักหลักเพราะคนนครที่ถือเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นฐานการเมืองสําคัญ ของประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาตลอด ต้องการสั่งสอนชัยชนะและพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทยซึ่งเป็นเรื่องที่คนนครจํานวนไม่น้อยรับไม่ได้ และยังมีกรณีชัยชนะเอาคณะกรรมาธิการการตํารวจที่ตัวเองเป็นประธาน ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ทักษิณแต่สุดท้ายกลายเป็นปาหี่ไม่เอาจริงแถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการเอาประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณ
    การสั่งสอนของคนนครศรีธรรมราชต่อแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ที่คงทําให้พวก สสสะตอพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทย มีหนาวแน่ เพราะอาจจะสอบตกตามรอยแม่ชัยชนะอย่างที่เห็นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็ได้ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ

    คนนครสั่งสอนบ้านใหญ่ เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยน ผลการเลือกตั้งนายก อบจ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เลือกกัน 3 จังหวัดในวันเดียวกันคือ อุดรธานี เพชรบุรี และนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่คนสนใจไปที่อุดรธานี หลังเห็นทักษิณ ชินวัตร นําทัพใหญ่ไปช่วยสราวุธ เพชรพนมพร ขณะเดียวกันพรรคประชาชนก็ขนอดีตแกนนําพรรคส้มตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน ไปช่วยหาเสียงให้นายคณิศร ผู้สมัครนายก อบจ อุดรธานี เช่นกัน ทั้ง พิธา ธนาธร ปิยบุตร ไชยธว ช่อพณิกาและเท้ง ณัฐพล จนทําให้ศึกเลือกตั้งนายกอุดรธานีไปไกลเกินเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว แต่สุดท้ายอุดรธานี ไม่มีล็อกถล่ม เพื่อไทยยังคงรักษาเก้าอี้นายกอุดรธานีไว้ได้อีกสมัยทําให้ทักษิณไม่หน้าแหก ส่วนที่ล็อกถล่มคือสนามเลือกตั้งนายกอบจ นครศรีธรรมราช ที่นายกต้อย อดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชไม่สามารถรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้ โดยแพ้ให้กับวาริน ผู้สมัครจากกรุงนครเข้มแข็ง ซึ่งนายกต้อย เป็นอดีตนายก อบจ นครศรีธรรมราชมาร่วม 4 ปีแถมมีลูกชายสองคนเป็น สส นครศรีธรรมราชในเวลานี้ คือชัยชนะและพิทักษ์เดชเดโช สองพี่น้อง สส นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะแทนชัยชนะก็ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ และที่ผ่านมามีบทบาทอย่างมากในพรรคประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัยที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและพรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า ชัยชนะ คือเบอร์สามในพรรคประชาธิปัตย์รองจากเฉลิมชัยและเดชอิฐ รวมถึงยังสร้างตระกูลเดชเดโชให้ขึ้นมาเป็นบ้านใหญ่นครศรีธรรมราชได้สําเร็จเพราะตัวเองกับน้องชายก็เป็นส สส่วนแม่ก็เป็นนายก อบจ ด้วยบารมีทางการเมืองเบ่งบานขนาดนี้คนนึกว่ากนกพรคงชนะชัวร์แบบใสใส แต่สุดท้ายแพ้พลิกล็อก ให้กับ วารินเด็กปั้นโกเกี๊ยะพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนําพรรคภูมิใจไทยสายภาคใต้ที่ช่วงแรกคนมองว่ากระดูกคนละเบอร์กับนางกนกพร แต่สุดท้ายหลังกระแสม้าตีนปลายของวารินมาแรงช่วง 2สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ที่สามารถล้ม นางกนกพรและชัยชนะได้สําเร็จ เบื้องหลังความพ่ายแพ้ของบ้านใหญ่เดชเดโชครั้งนี้ว่ากันว่าสาเหตุหลักหลักเพราะคนนครที่ถือเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นฐานการเมืองสําคัญ ของประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาตลอด ต้องการสั่งสอนชัยชนะและพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทยซึ่งเป็นเรื่องที่คนนครจํานวนไม่น้อยรับไม่ได้ และยังมีกรณีชัยชนะเอาคณะกรรมาธิการการตํารวจที่ตัวเองเป็นประธาน ตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ทักษิณแต่สุดท้ายกลายเป็นปาหี่ไม่เอาจริงแถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการเอาประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณ การสั่งสอนของคนนครศรีธรรมราชต่อแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ที่คงทําให้พวก สสสะตอพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับทักษิณและเพื่อไทย มีหนาวแน่ เพราะอาจจะสอบตกตามรอยแม่ชัยชนะอย่างที่เห็นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็ได้ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 1692 Views 0 Reviews
  • จะได้จบกันไปไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันอีก! “ไพเจน” ยอมหลีกทางไม่ลงสมัครนายก อบจ.สงขลาสมัยที่ 2

    จากกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศแล้วว่าจะไม่ให้นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ลงสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.อีกสมัยแน่นอน เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกนั้น

    รายงานข่าวแจ้งว่า นายไพเจน มากสุวรรณ์ ได้ยอมรับที่จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาครั้งที่ 2 แม้ว่าจะได้จัดทีม “รวมพลังร่วมสร้างสุข” ที่มีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สงขลาร่วมทีมแล้ว 27 คน โดยนายไพเจนให้เหตุผลว่า ได้มีการเจรจากับนายเดชอิศม์ ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ และเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณทั้งสองคนคือนายเดชอิศม์ และนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.สงขลา ซึ่งได้ชักชวนเข้าสู่วงการการเมือง รวมทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้การสนับสนุน

    “จะได้จบกันไป ไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันอีกต่อไป และแม้ว่า ผมจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา แต่จะไม่ทิ้งพื้นที่ จะยังคงอยู่กับประชาชชนต่อไป ยังคงหาช่องทางประสานช่วยเหลือประชาชนต่อไปโดยเฉพาะภาคการเกษตร”

    ด้านนายอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำทีม ”รวมพลังร่วมสร้างสุข”กล่าวว่า ลูกทีมทั้ง 27 คนจะต้องเดินลงสนามเลือกตั้งต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรในอนาคตเพื่อรักษาศักดิ์ศรี ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนไม่น้อยเสียดายที่นายไพเจนจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา
    จะได้จบกันไปไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันอีก! “ไพเจน” ยอมหลีกทางไม่ลงสมัครนายก อบจ.สงขลาสมัยที่ 2 จากกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศแล้วว่าจะไม่ให้นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ลงสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.อีกสมัยแน่นอน เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า นายไพเจน มากสุวรรณ์ ได้ยอมรับที่จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาครั้งที่ 2 แม้ว่าจะได้จัดทีม “รวมพลังร่วมสร้างสุข” ที่มีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สงขลาร่วมทีมแล้ว 27 คน โดยนายไพเจนให้เหตุผลว่า ได้มีการเจรจากับนายเดชอิศม์ ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ และเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณทั้งสองคนคือนายเดชอิศม์ และนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.สงขลา ซึ่งได้ชักชวนเข้าสู่วงการการเมือง รวมทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้การสนับสนุน “จะได้จบกันไป ไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันอีกต่อไป และแม้ว่า ผมจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา แต่จะไม่ทิ้งพื้นที่ จะยังคงอยู่กับประชาชชนต่อไป ยังคงหาช่องทางประสานช่วยเหลือประชาชนต่อไปโดยเฉพาะภาคการเกษตร” ด้านนายอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำทีม ”รวมพลังร่วมสร้างสุข”กล่าวว่า ลูกทีมทั้ง 27 คนจะต้องเดินลงสนามเลือกตั้งต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรในอนาคตเพื่อรักษาศักดิ์ศรี ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนไม่น้อยเสียดายที่นายไพเจนจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา
    0 Comments 0 Shares 955 Views 0 Reviews
  • เตือนสภาฯ ชะลอนิรโทษกรรม คดี 112 เรื่องละเอียดอ่อน ระวังรัฐบาลงานเข้า
    .
    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ตุลาคม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีการพิจารณารายงานผลการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและประธานคณะกรรมาธิการฯได้แจ้งว่าจะมีการพิจารณารายงานดังกล่าวแน่นอนหลังเลื่อนมา2-3 ครั้ง
    .
    "ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีกรรมาธิการของสภาฯ ชุดไหน พูดคุยศึกษาเรื่องมาตรา 112 จะมีก็คือคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ที่คุยเรื่อง 112 เป็นครั้งแรก ที่มีการศึกษา มีการเขียนไว้ในรายงานของกรรมาธิการฯ ชัดเจนว่า หากจะนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยจะให้มีเงื่อนไขการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งเมื่อสภาฯ ได้อภิปรายกันในวันพฤหัสบดีนี้แล้ว หากพรรคการเมืองไหน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 หรือมีความเห็นว่าควรนิรโทษกรรมคดี 112 แบบไหน ก็อภิปรายกัน มันจะได้ลดความเข้าใจผิด ยืนยันว่า ข้อเสนอของกมธ.ฯ ไม่ได้เสนอให้แก้ไข 112 แต่อย่างใด" นพ.เชิดชัย กล่าว
    .
    ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความคิดเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวของ กมธ.ฯ เป็นเรื่องล่อแหลม เนื่องจากได้มีการเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งยังเป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างกันอยู่มาก ทั้งในหมู่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และประชาชน ดังนั้น หากสภาฯ พิจารณา แล้วมีมติเห็นควรส่งให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ปัญหาก็จะตกไปอยู่กับรัฐบาล
    .
    "ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลมีปัญหามากแล้ว ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว จึงเห็นว่ายังไม่ควรเอาเรื่องนี้สุมเพิ่มเข้าไปอีก" นายจุรินทร์ กล่าว
    .............
    Sondhi X
    เตือนสภาฯ ชะลอนิรโทษกรรม คดี 112 เรื่องละเอียดอ่อน ระวังรัฐบาลงานเข้า . การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ตุลาคม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีการพิจารณารายงานผลการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและประธานคณะกรรมาธิการฯได้แจ้งว่าจะมีการพิจารณารายงานดังกล่าวแน่นอนหลังเลื่อนมา2-3 ครั้ง . "ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีกรรมาธิการของสภาฯ ชุดไหน พูดคุยศึกษาเรื่องมาตรา 112 จะมีก็คือคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ที่คุยเรื่อง 112 เป็นครั้งแรก ที่มีการศึกษา มีการเขียนไว้ในรายงานของกรรมาธิการฯ ชัดเจนว่า หากจะนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยจะให้มีเงื่อนไขการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งเมื่อสภาฯ ได้อภิปรายกันในวันพฤหัสบดีนี้แล้ว หากพรรคการเมืองไหน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 หรือมีความเห็นว่าควรนิรโทษกรรมคดี 112 แบบไหน ก็อภิปรายกัน มันจะได้ลดความเข้าใจผิด ยืนยันว่า ข้อเสนอของกมธ.ฯ ไม่ได้เสนอให้แก้ไข 112 แต่อย่างใด" นพ.เชิดชัย กล่าว . ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความคิดเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวของ กมธ.ฯ เป็นเรื่องล่อแหลม เนื่องจากได้มีการเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งยังเป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างกันอยู่มาก ทั้งในหมู่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และประชาชน ดังนั้น หากสภาฯ พิจารณา แล้วมีมติเห็นควรส่งให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ปัญหาก็จะตกไปอยู่กับรัฐบาล . "ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลมีปัญหามากแล้ว ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว จึงเห็นว่ายังไม่ควรเอาเรื่องนี้สุมเพิ่มเข้าไปอีก" นายจุรินทร์ กล่าว ............. Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1358 Views 0 Reviews
  • ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์"

    การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่

    เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส.

    แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี

    แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้

    นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้

    ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี

    "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน"

    นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง

    ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น

    อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง

    "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม"

    "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม"

    นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่

    "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน"

    "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย"

    เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน

    "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน"

    เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า

    #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์" การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่ เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้ นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน" นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม" "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม" นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน" "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย" เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน" เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 2362 Views 0 Reviews