• อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ
    สัทธรรมลำดับที่ : 931
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=931
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการแล้ว
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.
    หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ :-
    --๑. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ;
    --๒. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ;
    --๓. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาธิ;
    --๔. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ;
    --๕. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ;
    --๖. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ).
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แล้ว
    เป็นผู้ ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.
    หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ :-
    --๑. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ;
    --๒. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ;
    --๓. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการออกจากสมาธิ;
    --๔. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ;
    --๕. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ;
    --๖. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ).
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล
    #เป็นผู้ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/478/?keywords=ภพฺโพ+สมาธิสฺมึ+พลตํ

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/380/343.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/380/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๗/๓๔๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/477/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=931
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=931
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79
    ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ สัทธรรมลำดับที่ : 931 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=931 ชื่อบทธรรม :- ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการแล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ :- --๑. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ; --๒. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ; --๓. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาธิ; --๔. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ; --๕. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ; --๖. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ). --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แล้ว เป็นผู้ ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ :- --๑. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ; --๒. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ; --๓. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการออกจากสมาธิ; --๔. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ; --๕. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ; --๖. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ). --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล #เป็นผู้ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.- http://etipitaka.com/read/pali/22/478/?keywords=ภพฺโพ+สมาธิสฺมึ+พลตํ #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/380/343. http://etipitaka.com/read/thai/22/380/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๗/๓๔๓. http://etipitaka.com/read/pali/22/477/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=931 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=931 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79 ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ
    -(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า การที่พระองค์ทรงจัดให้องค์มรรคทั้งเจ็ดข้างต้น ตั้งอยู่ในฐานะเป็นบริวารขององค์สุดท้ายคือสัมมาสมาธิ นี้มีความหมายลึกซึ้ง เป็นเคล็ดลับของการปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง ผู้ศึกษาพึงศึกษาจากหัวข้อว่า “อริยสัมมาสมาธิมีบริขารเจ็ด”,“การทำหน้าที่สัมพันธ์กันของบริขารเจ็ด” ที่หน้า ๑๒๘๖ - ๑๒๙๕ แห่งหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องประกอบด้วย). ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการแล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ : ๑. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ; ๒. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ; ๓. ภิกษุ ไม่เป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาธิ; ๔. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ; ๕. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ; ๖. ภิกษุ ไม่เป็นผู้มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แล้ว เป็นผู้ ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ. หกประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! หกประการในกรณีนี้ คือ : ๑. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิ; ๒. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิ; ๓. ภิกษุ เป็นผู้ ฉลาดในการออกจากสมาธิ; ๔. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยเอื้อเฟื้อ; ๕. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำ (สมาธิ) โดยติดต่อ; ๖. ภิกษุ เป็นผู้ มีปกติกระทำด้วยธรรมเป็นที่สบาย (แก่สมาธิ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบแล้วด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ควรเพื่อจะถึงความมีกำลังในสมาธิ.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้:

    ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)**
    - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ
    - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา
    - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8

    ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)**
    - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4
    - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์
    - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ
    - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง
    - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง
    - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี
    - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ
    - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ

    ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)**
    - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้
    - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง

    ### 4. **กรรมและวิบาก**
    - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
    - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)**
    - **รูป (ร่างกาย)**
    - **เวทนา (ความรู้สึก)**
    - **สัญญา (ความจำ)**
    - **สังขาร (ความคิด)**
    - **วิญญาณ (จิตสำนึก)**

    ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น**
    - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8
    - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ
    - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต

    ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)**
    - **เมตตา (ความรัก)**
    - **กรุณา (ความสงสาร)**
    - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)**
    - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)**

    ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)**
    - **ไม่ทำบาปทั้งปวง**
    - **ทำความดีให้ถึงพร้อม**
    - **ทำจิตใจให้ผ่องใส**

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้: ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)** - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8 ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)** - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4 - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)** - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้ - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง ### 4. **กรรมและวิบาก** - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)** - **รูป (ร่างกาย)** - **เวทนา (ความรู้สึก)** - **สัญญา (ความจำ)** - **สังขาร (ความคิด)** - **วิญญาณ (จิตสำนึก)** ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น** - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8 - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)** - **เมตตา (ความรัก)** - **กรุณา (ความสงสาร)** - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)** - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)** ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)** - **ไม่ทำบาปทั้งปวง** - **ทำความดีให้ถึงพร้อม** - **ทำจิตใจให้ผ่องใส** พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ

    วันนี้ 14.00 น. มาฟังเรื่องรากเหง้าของพระพุทธศาสนากันนะคะ คนพุทธไทยเราอีกมาก ที่พยายามเรียกหาความเป็นพุทธแท้ ปฏิเสธพราหมณ์ ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ จะได้รู้กันว่า ที่เราทำสมาธิ นั่งสมาธิกันนี่ของพราหมณ์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าเรียนมาจากพราหมณ์ค่ะ แล้วมาต่อยอดเป็นวิปัสสนากลายเป็นสัมมาสมาธิ

    อดีตชาติของพระพุทธเจ้าล้วนสั่งสมบารมีในฐานะพราหมณ์ทั้งสิ้น คนพุทธเราทุกวันนี้ลืมรากเหง้าตัวเอง ลืมแม้กระทั่งว่ามนุษย์คนแรกที่มาจากพรหมมากินง้วนดินก็คือพราหมณ์ ทำตัวเป็นวัวลืมตีนกันหมดแล้วทุกวันนี้

    ขอบพระคุณ เจ้าของภาพและบทความค่ะ
    Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ วันนี้ 14.00 น. มาฟังเรื่องรากเหง้าของพระพุทธศาสนากันนะคะ คนพุทธไทยเราอีกมาก ที่พยายามเรียกหาความเป็นพุทธแท้ ปฏิเสธพราหมณ์ ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ จะได้รู้กันว่า ที่เราทำสมาธิ นั่งสมาธิกันนี่ของพราหมณ์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าเรียนมาจากพราหมณ์ค่ะ แล้วมาต่อยอดเป็นวิปัสสนากลายเป็นสัมมาสมาธิ อดีตชาติของพระพุทธเจ้าล้วนสั่งสมบารมีในฐานะพราหมณ์ทั้งสิ้น คนพุทธเราทุกวันนี้ลืมรากเหง้าตัวเอง ลืมแม้กระทั่งว่ามนุษย์คนแรกที่มาจากพรหมมากินง้วนดินก็คือพราหมณ์ ทำตัวเป็นวัวลืมตีนกันหมดแล้วทุกวันนี้ ขอบพระคุณ เจ้าของภาพและบทความค่ะ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาธิ: ระดับและองค์ประกอบสำคัญ

    สมาธิเริ่มต้นอย่างไร?
    สมาธิทุกระดับเริ่มต้นจาก สององค์ประกอบทางใจ:

    1. วิตักกะ (เล็ง): การตั้งจิตให้โฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง


    2. วิจาระ (เชื่อมติด): การเชื่อมกระแสจิตกับสิ่งที่เล็งจนจิตแนบแน่นกับอารมณ์นั้น



    เมื่อจิตเชื่อมติดกับอารมณ์ที่เล็งไว้ จะเกิดสมาธิ ซึ่งแบ่งได้ตามระดับของปีติสุขและความตั้งมั่นของจิต


    ---

    ระดับของสมาธิ

    1. ขณิกสมาธิ:

    สมาธิชั่วขณะ เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

    มีปีติสุขน้อย จิตสงบได้เพียงสั้นๆ

    มักเกิดในชีวิตประจำวัน เช่น การตั้งใจอ่านหนังสือ



    2. อุปจารสมาธิ:

    สมาธิระดับกลาง

    มีปีติสุขซาบซ่าน สงบวิเวก

    จิตใกล้จะรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด



    3. อัปปนาสมาธิ:

    สมาธิระดับสูงสุด

    จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว

    เกิดปีติสุขอันละเอียดและมั่นคง





    ---

    ตัวอย่างการเข้าสมาธิด้วยอานาปานสติ

    1. เริ่มต้นด้วยวิตักกะ (เล็ง):

    ตั้งสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก

    โฟกัสจิตที่ลมหายใจ



    2. เข้าสู่วิจาระ (เชื่อมติด):

    รู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง

    สังเกตลมหายใจที่ยาว สั้น หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย

    จิตเริ่มเชื่อมติดกับลมหายใจ



    3. เข้าสมาธิ:

    เมื่อจิตเชื่อมติดกับลมหายใจ จะเกิดปีติสุข

    สมาธิจะพัฒนาตามระดับของความสงบและความแน่วแน่





    ---

    สมาธิในชีวิตประจำวัน
    หลักการของวิตักกะและวิจาระเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น:

    การอ่านหนังสือแบบใจจดใจจ่อ

    การทำงานที่สนุกและมุ่งมั่นไม่วอกแวก

    การนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อและเพลิดเพลิน



    ---

    ข้อสรุป:
    สมาธิไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบการปฏิบัติธรรม แต่เกิดจากการ รู้เห็นกายใจ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จิตที่ตั้งมั่นและแนบแน่นกับอารมณ์อย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ สัมมาสมาธิ ที่ช่วยสร้างความสงบและความเข้าใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง.

    สมาธิ: ระดับและองค์ประกอบสำคัญ สมาธิเริ่มต้นอย่างไร? สมาธิทุกระดับเริ่มต้นจาก สององค์ประกอบทางใจ: 1. วิตักกะ (เล็ง): การตั้งจิตให้โฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 2. วิจาระ (เชื่อมติด): การเชื่อมกระแสจิตกับสิ่งที่เล็งจนจิตแนบแน่นกับอารมณ์นั้น เมื่อจิตเชื่อมติดกับอารมณ์ที่เล็งไว้ จะเกิดสมาธิ ซึ่งแบ่งได้ตามระดับของปีติสุขและความตั้งมั่นของจิต --- ระดับของสมาธิ 1. ขณิกสมาธิ: สมาธิชั่วขณะ เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว มีปีติสุขน้อย จิตสงบได้เพียงสั้นๆ มักเกิดในชีวิตประจำวัน เช่น การตั้งใจอ่านหนังสือ 2. อุปจารสมาธิ: สมาธิระดับกลาง มีปีติสุขซาบซ่าน สงบวิเวก จิตใกล้จะรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด 3. อัปปนาสมาธิ: สมาธิระดับสูงสุด จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว เกิดปีติสุขอันละเอียดและมั่นคง --- ตัวอย่างการเข้าสมาธิด้วยอานาปานสติ 1. เริ่มต้นด้วยวิตักกะ (เล็ง): ตั้งสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก โฟกัสจิตที่ลมหายใจ 2. เข้าสู่วิจาระ (เชื่อมติด): รู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง สังเกตลมหายใจที่ยาว สั้น หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย จิตเริ่มเชื่อมติดกับลมหายใจ 3. เข้าสมาธิ: เมื่อจิตเชื่อมติดกับลมหายใจ จะเกิดปีติสุข สมาธิจะพัฒนาตามระดับของความสงบและความแน่วแน่ --- สมาธิในชีวิตประจำวัน หลักการของวิตักกะและวิจาระเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น: การอ่านหนังสือแบบใจจดใจจ่อ การทำงานที่สนุกและมุ่งมั่นไม่วอกแวก การนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อและเพลิดเพลิน --- ข้อสรุป: สมาธิไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบการปฏิบัติธรรม แต่เกิดจากการ รู้เห็นกายใจ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จิตที่ตั้งมั่นและแนบแน่นกับอารมณ์อย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ สัมมาสมาธิ ที่ช่วยสร้างความสงบและความเข้าใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • มรรคมีองค์ 8 มีดังนี้
    1) สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ
    2) สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ
    3) สัมมาวาจา คือ การเจรจาชอบ
    4) สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำชอบ
    5) สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ
    6) สัมมาวายามะ คือ ความ พยายามชอบ
    7) สัมมาสติ คือ การระลึกชอบ 8) สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งจิตมั่นชอบ
    มรรคมีองค์ 8 มีดังนี้ 1) สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ 2) สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ 3) สัมมาวาจา คือ การเจรจาชอบ 4) สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำชอบ 5) สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ 6) สัมมาวายามะ คือ ความ พยายามชอบ 7) สัมมาสติ คือ การระลึกชอบ 8) สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งจิตมั่นชอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว