• การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI

    นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล

    ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ
    การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย
    Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI

    ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก
    แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index
    AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7%

    มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ
    คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

    การใช้งานจริงของ Iceberg Index
    รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย

    ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar
    งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่

    ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน

    ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน
    หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    🤖 การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล 📉 ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 🏛️ การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI 🌍 ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index ➡️ AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7% ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ➡️ คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ การใช้งานจริงของ Iceberg Index ➡️ รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย ✅ ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar ➡️ งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน ‼️ ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน ⛔ หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ นายกฯเสี่ยหนูลูกอ้อนขอคะแนนเสียงจาก อาสาสมัครสาธารณสุข อสม. ยังไม่เข็ด ครั้งก่อนเลือกตั้งปี 66 อุตส่าห์เพิ่มเงินตอบแทน เพิ่มสวัสดิการให้ อสม.ทั่วประเทศ 1 ล้านคน หวังได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม สุดท้ายภูมิใจไทยได้มาแค่ล้านเศษ เพราะอสม.เค้ารับเงินแต่ไม่เลือกไง
    #7ดอกจิก
    ♣ นายกฯเสี่ยหนูลูกอ้อนขอคะแนนเสียงจาก อาสาสมัครสาธารณสุข อสม. ยังไม่เข็ด ครั้งก่อนเลือกตั้งปี 66 อุตส่าห์เพิ่มเงินตอบแทน เพิ่มสวัสดิการให้ อสม.ทั่วประเทศ 1 ล้านคน หวังได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม สุดท้ายภูมิใจไทยได้มาแค่ล้านเศษ เพราะอสม.เค้ารับเงินแต่ไม่เลือกไง #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่จี้รัฐบาล "ทำไมให้สวัสดิการเรื่องการศึกษาฟรีไม่ได้" ชี้คนจบใหม่ต้องเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นหนี้
    https://www.thai-tai.tv/news/22423/
    .
    #ไทยไท #วราวิชกำภูณอยุธยา #ไทยก้าวใหม่ #หนี้นักศึกษา #การศึกษาฟรี #ความเหลื่อมล้ำ

    รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่จี้รัฐบาล "ทำไมให้สวัสดิการเรื่องการศึกษาฟรีไม่ได้" ชี้คนจบใหม่ต้องเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นหนี้ https://www.thai-tai.tv/news/22423/ . #ไทยไท #วราวิชกำภูณอยุธยา #ไทยก้าวใหม่ #หนี้นักศึกษา #การศึกษาฟรี #ความเหลื่อมล้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 3
    แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ
    ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา
    สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน
    ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม
    เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ
    เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง
    กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ
    เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน
    ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015
    ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน
    ##############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 4
    นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก
    ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ
    แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น …
    …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น…
    ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม
    พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ
    ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน
    ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์
    แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก
    สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก
    สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง
    มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า
    ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่
    ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า
    เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่
    จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 3 แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015 ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน ############## “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 4 นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น … …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น… ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่ ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่ จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 774 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 972 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.25

    สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

    เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด

    ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    บทความกฎหมาย EP.25 สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • กสทช.ชง “เน็ตคนละครึ่ง” เดือนละ 160 บาท , ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้เน็ต 40GB นาน 3 เดือน
    .
    โครงการช่วยลดเหลื่อมล้ำดิจิทัลเตรียมเข้าครม. ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14 ล้านคนจ่ายเพียง 160 บาทต่อเดือน ได้สิทธิเน็ตความเร็วสูง 40GB ใช้ต่อเนื่อง 3 เดือน คุมคุณภาพสัญญาณ–ครอบคลุมทั่วประเทศ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109157
    .
    #News1live #News1 #เน็ตคนละครึ่ง #กสทช #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง #ลดเหลื่อมล้ำดิจิทัล #กทปส #ข่าวเศรษฐกิจดิจิทัล #newsupdate
    กสทช.ชง “เน็ตคนละครึ่ง” เดือนละ 160 บาท , ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้เน็ต 40GB นาน 3 เดือน . โครงการช่วยลดเหลื่อมล้ำดิจิทัลเตรียมเข้าครม. ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14 ล้านคนจ่ายเพียง 160 บาทต่อเดือน ได้สิทธิเน็ตความเร็วสูง 40GB ใช้ต่อเนื่อง 3 เดือน คุมคุณภาพสัญญาณ–ครอบคลุมทั่วประเทศ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109157 . #News1live #News1 #เน็ตคนละครึ่ง #กสทช #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง #ลดเหลื่อมล้ำดิจิทัล #กทปส #ข่าวเศรษฐกิจดิจิทัล #newsupdate
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ลั่นไม่สนคำวิจารณ์เลียนแบบ ยืนยัน "คนละครึ่งพลัส" และ "บัตรสวัสดิการฯ" สร้างเม็ดเงินในระบบ-ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
    https://www.thai-tai.tv/news/22220/
    .
    #ไทยไท #อนุทิน #ยุบสภา #QuickBigWin #คนละครึ่งพลัส #GreenEconomy #ไฟฟ้าชุมชน
    นายกฯ ลั่นไม่สนคำวิจารณ์เลียนแบบ ยืนยัน "คนละครึ่งพลัส" และ "บัตรสวัสดิการฯ" สร้างเม็ดเงินในระบบ-ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง https://www.thai-tai.tv/news/22220/ . #ไทยไท #อนุทิน #ยุบสภา #QuickBigWin #คนละครึ่งพลัส #GreenEconomy #ไฟฟ้าชุมชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รัฐบาลอนุทิน" พูดแล้วทำ! ภูมิใจไทยประกาศเพิ่มวงเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เดือนละ 850 บาท พ.ย.–ธ.ค.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/22157/
    .
    #รัฐบาลอนุทิน #พรรคภูมิใจไทย #พูดแล้วทำ #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #ครมอนุทิน #ลดค่าครองชีพ #QuickBigWi
    "รัฐบาลอนุทิน" พูดแล้วทำ! ภูมิใจไทยประกาศเพิ่มวงเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เดือนละ 850 บาท พ.ย.–ธ.ค.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/22157/ . #รัฐบาลอนุทิน #พรรคภูมิใจไทย #พูดแล้วทำ #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #ครมอนุทิน #ลดค่าครองชีพ #QuickBigWi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆย่อมาไทย สงครามที่คนไทยเจอจริงๆคือสงครามกฎหมาย ,จะผ่านด่านใดๆต้องอาศัยข้อกฎหมายในการปล้นชิง แย่งชิงได้อย่างใสซื่อ ชอบธรรมที่สุดเพราะทุกๆอย่างจะจบที่ข้อกฎหมายนำมาอ้าง มาหยิบยก การแย่งชิงใดๆจะบันทึกเป็นกฎกันให้ต่างบังคับกันให้ปฏิบัติ ใครเขียนกฎหมายได้ก็ยึดประเทศนั้นได้ ใครสร้างกฎหมาย ใครสร้างกฎ ใครทำลายกฎหมายก็สามารถทำตามสิ่งที่ตนต้องการได้หมด ทั้งสร้างทั้งทำ ,เรา..อยู่ในสงครามกฎหมาย ต่างชาติใช้กฎหมายภายในที่เปิดช่องเพื่อต้องให้มันเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย อย่างถูกต้องชอบธรรม จึงต้องยึดคนสร้างกฎหมายในไทยให้ได้ บีบบังคับ กดดันคนมีอำนาจสร้างกฎหมายให้มันปล้นชิงอย่างชอบธรรมให้ไม่น่าเกียจในยุคปัจจุบันนี้ให้ได้ mou43,44ก็ข้อกฎหมายทั้งนั้น,ผ่านอำนาจกฎหมายจากนายกฯหรือคณะครม. ก็มีกฎหมายมาค้ำคอหมด ต่างชาติจะทำอะไรได้ในไทยต้องผ่านกฎหมายไทย เขียนกฎหมายให้ต่างชาติทำได้ก่อน เช่นนั้นจะทำไม่ได้อย่างชอบธรรมอะไรใดๆเลย,การทำลายกฎหมายของการเอื้ออำนวยต่างชาติคือการปลดปล่อยประเทศไทยที่ถูกทาง ชอบธรรมโดยหลักสากลปกติ ไม่ต้องคิดมากอะไรและง่ายดายมาก เขียนกฎหมายใดๆได้หมดหากจะปกป้องอธิปไตยจากคนต่างประเทศ.
    ..สงครามที่เกิดกับไทยแท้จริงคือสงครามกฎหมายภายในเราเองโดยต่างชาติพยายามสร้างพยายามลงมือยิงเราผ่านช่องทางนี้ พยายามโจมตี พยายามยึดเมือง ยึดพื้นที่ที่ดิน ยึดครองที่ดินผ่านช่องทางกฎหมายให้ตนเองดูมีความชอบธรรมก่อน,เมื่อยึดใดๆได้แล้วหรือยึดพื้นที่ ยึดที่อยู่ที่อาศัย ยึดทรัพยากร ก็จะยึดทั้งประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จต่อไป จึงกลับมาเขียนกฎหมายฉบับตนเองใหม่ทั้งหมดต่อไปในส่วนของมันที่ยึดครองประเทศไทยได้หมดแล้ว,
    ..ข่าวคราวยิวทำไมเกิดข่าวเด่นชัดในยุครัฐบาลอนุทิน มีสองกรณีคือต่อต้านยิว กับเป็นฝ่ายยิว ยอมรับยิว,แต่อย่าลืมว่า้พรรคภูมิใจไทยมุสลิมไม่น้อยเต็มพรรค ไม่พอใจยิวที่ทำกับปาเลสไตน์แน่นอน,คนอาหรับคนมุสลิมรู้ไส้รู้พุงรู้สันดานกันและกันอีก เขาคือศัตรูกันจึงไม่ชอบยิวอิสราเอลในภาพรวม,การต่อต้านยิวสายใต้ดินจึงเต็มที่,อย่าลืมว่าอิสลามไม่ดีในไทยรวมมือกับต่างชาติอิสลามนอกไทยจะยึดประเทศไทยก็มีเช่นกัน,ยิวเข้ามาขัดคอขัดจังหวะของกินตนย่อมไม่พอใจด้วย,กระบวนการสร้างความเกลียดยิวให้คนไทยมาเกลียดยิวจึงเริ่มขึ้น,ยิวก็ไซออนิสต์ก็ถูกสั่งสอนมาจากอนูคานีศาสนาดาเดียวกันกับอิสลาม ใครต่างศาสนาลัทธิความเชื่อมันคือศัตรูต่อพระเจ้ามันหมด ต้องไล่ล่ากำจัดทิ้งฆ่าสังหารคนต่างศาสนาตนที่ไม่ได้นับถือลัทธีรีตศาสนาแบบตนนั้นเอง มันอนูนาคีสั่งสอนแบบนี้ทั้งยิวซาตานไซออนิสต์ยุโรปทั้งอิสลามทั่วโลกเอาเด็กทำเมียไม่ผิดหลักศาสนา,ยิวที่ฆ่าคนปาเลสไตน์เด็ก คนแก่คนชรา หญิงชาย ล้วนมันมองแบบเดียวกันคือคนต่างศาสนาฆ่าได้ทันทีไม่ผิดต่อพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์ด้วย อิสลามก็ฆ่าคนละทิ้งศาสนาละทิ้งพระเจ้า คนนอกศาสนาอิสลามไม่ผิดต่อพระเจ้า ช่วยกำจัดแทนพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์โน้นเหมือนกัน ต่างดาวชั่วเลวแบบอนูนาคีชั่วเลวสั่งสอนทั้งอิสลามและยิวคริสต์ไซออนิสต์อิลูมินาติจึงอนาถโคตรๆแก่ผู้บริสุทธิ์ทั่วโลกชาวโลกในปัจจุบันให้หลงผิดทั้งโลก,ไทยจึงจะเป็นสนามบอลอีกแห่งให้คนยิวอิสราเอลตีกับอิสลามในไทยคงไม่นาน บัดสบที่สุดคืออิสลามยุแหย่ให้มาร่วมตียิวในสนามด้วย,ซึ่งจริงๆต้องไล่ถีบทั้งคู่ที่ไม่ดีออกจากประเทศไทยออกจากสนามไปตีกันเองในพื้นที่อื่น,เพราะประเทศไทยสงวนไว้ให้ยิวนิสัยดีคนดี อิสลามดีคนดี มาร่วมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ มาสร้างชาติไทยร่วมสร้างชาติไทย คนไทยและผู้มาร่วมอาศัยต่างประเทศมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เมตตารักดีต่อกัน ช่วยเหลือกันและกัน ไม่ยึดครองยึดเอาเป็นของตนที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกัน อิสระเสรีไปมาอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นสงบสุขสามัคคีกันแม้ต่างชาติต่างศาสนากัน มิใช่แดกกันแดกมนุษย์ ทำลายฆ่ากันบนแผ่นดินไทย เลอะเทอะต่อบ้านต่อเมืองต่อประเทศไทยต่อคนไทย จนลุแก่ปัจจัยทรัพย์สินเงินทองตนอำนาจเครือข่ายตนจนอยากยึดประเทศไทยถือว่าผิดสันดานผู้หลบภัยหลบหนีร้อนมาพึ่งเย็นบนแผ่นดินไทยมาก อาจสมควรตายและถูกกำจัดทิ้งออกจากประเทศไทยเช่นกันเป็นภัยอันตรายต่อเจ้าของประเทศไทยคือคนไทยเรา,เราจะไปอาศัยแล้วจะยึดบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เขาหรือใครเขาจะยอมเช่นกัน,ประเทศไทยก็ยอมไม่ได้,ไม่มีชาติไหนที่อิสลามเต็มประเทศไทยสวัสดิการดีมากมาย,ไม่มีชาติไหนแบบไทย ยิวจะเต็มอ.ปาย เต็ม เกาะพะงัน เต็มภาคใต้เสรีอิสระขนาดนั้น,ไทยให้โอกาสคนทุกๆคนทั่วโลกมาเป็นคนดีเพื่อตนเองและเพื่อโลก มาร่วมสร้างสันติสุขร่วมกันย่อลงมาคือราชอาณาจักรไทยเขตประเทศไทยคืออย่างน้อย,การกวาดล้างปราบการคตโกงล้างทำความสะอาดเมืองไทยให้น่าอยู่โดยเฉพาะคนข้าราชการไทยเทา นักการเมืองไทยเทา เจ้าของกิจการไทยเทาเจ้าสัวชั่วเลวไทยเทาผูกขาดไร้กระจายความมั่งคั่งทางวัตถุให้สมดุลเจริญต่อจิตใจถือว่าคนเหล่านี้ขัดขวางการยกจิตยกใจทางดีงามคนไทยและคนดีๆที่หมายดีมาร่วมพักพิงมาเยือนอาศัยชั่วคราวในไทยให้จิตใจตกต่ำชั่วเลวไปด้วยถือว่าต้องถูกกวาดล้างและกำจัดทั้งหมด,สมมุติทางโลกเสียสมดุล รวยจนต่างกันมากเกินไปผ่านวิถีกฎหมายการปกครองของคนเทาๆในไทยเราแบบนี้,ค่าจริงจึงไม่สดใส จิตใจที่ดีงามของคนไทยและผู้มาเยือนท่องเที่ยวจะถือทำลายไปด้วย,วัตถุธาตุเจริญทางทรัพย์สินเงินทองต้องร่วมหล่อเลี้ยงจิตใจให้ดีงามไปด้วย อาหารทางวัตถุหล่อเลี้ยงอาหารทางจิตใจจิตวิญญาณคนไทยและคนมาเยือนเยี่ยมย่อมสมดุลควบคู่กันไปด้วย,เสมือนคนมีหนี้สินล้นเต็มตัว ย่อมฝันไปเลยจะมีจิตใจความคิดอ่านที่เป็นปกติได้ ทุกข์ทั้งทางวัตถุและจิตใจจึงตกต่ำก็อันเดียวกัน,การกวาดล้างทำลายจึงต้องจัดการคนเหล่านี้จริงจังภายในประเทศไทยเรานี้ล่ะ,กองทัพไทย ทหารไทยคือทางเดียวด้วยกฎอัยการศึกพิเศษแบบนี้เท่านั้นจริงเมื่อดูรูปกาลเวลาทั้งหมดภาพรวมมันเน่าเละหมดโดยอำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน มันส่อไปทางชั่วเลวให้ชาติบ้านเมืองพินาศพิบัติพังพินาศสิ้นชาติชัดเจนแบบสืบทอดต่อยอดรับงานกันเป็นทอดๆมิให้ใครจับได้ด้วย ทำชั่วให้แบบแนบเนียนนั้นเอง,เดอะแก๊งทำลายชาติไทยชัดเจนนั้นเอง ทหารไทยทหารประชาชนทหารพระราชาจึงต้องเด็ดขาดจัดการมันเสีย.

    .............................

    สงครามไฮบริด คือ อะไร ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก

    สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง”
    ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )


    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    ..จริงๆย่อมาไทย สงครามที่คนไทยเจอจริงๆคือสงครามกฎหมาย ,จะผ่านด่านใดๆต้องอาศัยข้อกฎหมายในการปล้นชิง แย่งชิงได้อย่างใสซื่อ ชอบธรรมที่สุดเพราะทุกๆอย่างจะจบที่ข้อกฎหมายนำมาอ้าง มาหยิบยก การแย่งชิงใดๆจะบันทึกเป็นกฎกันให้ต่างบังคับกันให้ปฏิบัติ ใครเขียนกฎหมายได้ก็ยึดประเทศนั้นได้ ใครสร้างกฎหมาย ใครสร้างกฎ ใครทำลายกฎหมายก็สามารถทำตามสิ่งที่ตนต้องการได้หมด ทั้งสร้างทั้งทำ ,เรา..อยู่ในสงครามกฎหมาย ต่างชาติใช้กฎหมายภายในที่เปิดช่องเพื่อต้องให้มันเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย อย่างถูกต้องชอบธรรม จึงต้องยึดคนสร้างกฎหมายในไทยให้ได้ บีบบังคับ กดดันคนมีอำนาจสร้างกฎหมายให้มันปล้นชิงอย่างชอบธรรมให้ไม่น่าเกียจในยุคปัจจุบันนี้ให้ได้ mou43,44ก็ข้อกฎหมายทั้งนั้น,ผ่านอำนาจกฎหมายจากนายกฯหรือคณะครม. ก็มีกฎหมายมาค้ำคอหมด ต่างชาติจะทำอะไรได้ในไทยต้องผ่านกฎหมายไทย เขียนกฎหมายให้ต่างชาติทำได้ก่อน เช่นนั้นจะทำไม่ได้อย่างชอบธรรมอะไรใดๆเลย,การทำลายกฎหมายของการเอื้ออำนวยต่างชาติคือการปลดปล่อยประเทศไทยที่ถูกทาง ชอบธรรมโดยหลักสากลปกติ ไม่ต้องคิดมากอะไรและง่ายดายมาก เขียนกฎหมายใดๆได้หมดหากจะปกป้องอธิปไตยจากคนต่างประเทศ. ..สงครามที่เกิดกับไทยแท้จริงคือสงครามกฎหมายภายในเราเองโดยต่างชาติพยายามสร้างพยายามลงมือยิงเราผ่านช่องทางนี้ พยายามโจมตี พยายามยึดเมือง ยึดพื้นที่ที่ดิน ยึดครองที่ดินผ่านช่องทางกฎหมายให้ตนเองดูมีความชอบธรรมก่อน,เมื่อยึดใดๆได้แล้วหรือยึดพื้นที่ ยึดที่อยู่ที่อาศัย ยึดทรัพยากร ก็จะยึดทั้งประเทศไทยได้เบ็ดเสร็จต่อไป จึงกลับมาเขียนกฎหมายฉบับตนเองใหม่ทั้งหมดต่อไปในส่วนของมันที่ยึดครองประเทศไทยได้หมดแล้ว, ..ข่าวคราวยิวทำไมเกิดข่าวเด่นชัดในยุครัฐบาลอนุทิน มีสองกรณีคือต่อต้านยิว กับเป็นฝ่ายยิว ยอมรับยิว,แต่อย่าลืมว่า้พรรคภูมิใจไทยมุสลิมไม่น้อยเต็มพรรค ไม่พอใจยิวที่ทำกับปาเลสไตน์แน่นอน,คนอาหรับคนมุสลิมรู้ไส้รู้พุงรู้สันดานกันและกันอีก เขาคือศัตรูกันจึงไม่ชอบยิวอิสราเอลในภาพรวม,การต่อต้านยิวสายใต้ดินจึงเต็มที่,อย่าลืมว่าอิสลามไม่ดีในไทยรวมมือกับต่างชาติอิสลามนอกไทยจะยึดประเทศไทยก็มีเช่นกัน,ยิวเข้ามาขัดคอขัดจังหวะของกินตนย่อมไม่พอใจด้วย,กระบวนการสร้างความเกลียดยิวให้คนไทยมาเกลียดยิวจึงเริ่มขึ้น,ยิวก็ไซออนิสต์ก็ถูกสั่งสอนมาจากอนูคานีศาสนาดาเดียวกันกับอิสลาม ใครต่างศาสนาลัทธิความเชื่อมันคือศัตรูต่อพระเจ้ามันหมด ต้องไล่ล่ากำจัดทิ้งฆ่าสังหารคนต่างศาสนาตนที่ไม่ได้นับถือลัทธีรีตศาสนาแบบตนนั้นเอง มันอนูนาคีสั่งสอนแบบนี้ทั้งยิวซาตานไซออนิสต์ยุโรปทั้งอิสลามทั่วโลกเอาเด็กทำเมียไม่ผิดหลักศาสนา,ยิวที่ฆ่าคนปาเลสไตน์เด็ก คนแก่คนชรา หญิงชาย ล้วนมันมองแบบเดียวกันคือคนต่างศาสนาฆ่าได้ทันทีไม่ผิดต่อพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์ด้วย อิสลามก็ฆ่าคนละทิ้งศาสนาละทิ้งพระเจ้า คนนอกศาสนาอิสลามไม่ผิดต่อพระเจ้า ช่วยกำจัดแทนพระเจ้า ได้ขึ้นสวรรค์โน้นเหมือนกัน ต่างดาวชั่วเลวแบบอนูนาคีชั่วเลวสั่งสอนทั้งอิสลามและยิวคริสต์ไซออนิสต์อิลูมินาติจึงอนาถโคตรๆแก่ผู้บริสุทธิ์ทั่วโลกชาวโลกในปัจจุบันให้หลงผิดทั้งโลก,ไทยจึงจะเป็นสนามบอลอีกแห่งให้คนยิวอิสราเอลตีกับอิสลามในไทยคงไม่นาน บัดสบที่สุดคืออิสลามยุแหย่ให้มาร่วมตียิวในสนามด้วย,ซึ่งจริงๆต้องไล่ถีบทั้งคู่ที่ไม่ดีออกจากประเทศไทยออกจากสนามไปตีกันเองในพื้นที่อื่น,เพราะประเทศไทยสงวนไว้ให้ยิวนิสัยดีคนดี อิสลามดีคนดี มาร่วมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ มาสร้างชาติไทยร่วมสร้างชาติไทย คนไทยและผู้มาร่วมอาศัยต่างประเทศมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เมตตารักดีต่อกัน ช่วยเหลือกันและกัน ไม่ยึดครองยึดเอาเป็นของตนที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกัน อิสระเสรีไปมาอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นสงบสุขสามัคคีกันแม้ต่างชาติต่างศาสนากัน มิใช่แดกกันแดกมนุษย์ ทำลายฆ่ากันบนแผ่นดินไทย เลอะเทอะต่อบ้านต่อเมืองต่อประเทศไทยต่อคนไทย จนลุแก่ปัจจัยทรัพย์สินเงินทองตนอำนาจเครือข่ายตนจนอยากยึดประเทศไทยถือว่าผิดสันดานผู้หลบภัยหลบหนีร้อนมาพึ่งเย็นบนแผ่นดินไทยมาก อาจสมควรตายและถูกกำจัดทิ้งออกจากประเทศไทยเช่นกันเป็นภัยอันตรายต่อเจ้าของประเทศไทยคือคนไทยเรา,เราจะไปอาศัยแล้วจะยึดบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เขาหรือใครเขาจะยอมเช่นกัน,ประเทศไทยก็ยอมไม่ได้,ไม่มีชาติไหนที่อิสลามเต็มประเทศไทยสวัสดิการดีมากมาย,ไม่มีชาติไหนแบบไทย ยิวจะเต็มอ.ปาย เต็ม เกาะพะงัน เต็มภาคใต้เสรีอิสระขนาดนั้น,ไทยให้โอกาสคนทุกๆคนทั่วโลกมาเป็นคนดีเพื่อตนเองและเพื่อโลก มาร่วมสร้างสันติสุขร่วมกันย่อลงมาคือราชอาณาจักรไทยเขตประเทศไทยคืออย่างน้อย,การกวาดล้างปราบการคตโกงล้างทำความสะอาดเมืองไทยให้น่าอยู่โดยเฉพาะคนข้าราชการไทยเทา นักการเมืองไทยเทา เจ้าของกิจการไทยเทาเจ้าสัวชั่วเลวไทยเทาผูกขาดไร้กระจายความมั่งคั่งทางวัตถุให้สมดุลเจริญต่อจิตใจถือว่าคนเหล่านี้ขัดขวางการยกจิตยกใจทางดีงามคนไทยและคนดีๆที่หมายดีมาร่วมพักพิงมาเยือนอาศัยชั่วคราวในไทยให้จิตใจตกต่ำชั่วเลวไปด้วยถือว่าต้องถูกกวาดล้างและกำจัดทั้งหมด,สมมุติทางโลกเสียสมดุล รวยจนต่างกันมากเกินไปผ่านวิถีกฎหมายการปกครองของคนเทาๆในไทยเราแบบนี้,ค่าจริงจึงไม่สดใส จิตใจที่ดีงามของคนไทยและผู้มาเยือนท่องเที่ยวจะถือทำลายไปด้วย,วัตถุธาตุเจริญทางทรัพย์สินเงินทองต้องร่วมหล่อเลี้ยงจิตใจให้ดีงามไปด้วย อาหารทางวัตถุหล่อเลี้ยงอาหารทางจิตใจจิตวิญญาณคนไทยและคนมาเยือนเยี่ยมย่อมสมดุลควบคู่กันไปด้วย,เสมือนคนมีหนี้สินล้นเต็มตัว ย่อมฝันไปเลยจะมีจิตใจความคิดอ่านที่เป็นปกติได้ ทุกข์ทั้งทางวัตถุและจิตใจจึงตกต่ำก็อันเดียวกัน,การกวาดล้างทำลายจึงต้องจัดการคนเหล่านี้จริงจังภายในประเทศไทยเรานี้ล่ะ,กองทัพไทย ทหารไทยคือทางเดียวด้วยกฎอัยการศึกพิเศษแบบนี้เท่านั้นจริงเมื่อดูรูปกาลเวลาทั้งหมดภาพรวมมันเน่าเละหมดโดยอำนาจทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน มันส่อไปทางชั่วเลวให้ชาติบ้านเมืองพินาศพิบัติพังพินาศสิ้นชาติชัดเจนแบบสืบทอดต่อยอดรับงานกันเป็นทอดๆมิให้ใครจับได้ด้วย ทำชั่วให้แบบแนบเนียนนั้นเอง,เดอะแก๊งทำลายชาติไทยชัดเจนนั้นเอง ทหารไทยทหารประชาชนทหารพระราชาจึงต้องเด็ดขาดจัดการมันเสีย. ............................. 📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥 แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    MGRONLINE.COM
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาอดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่รับทราบกันแล้วในปัจจุบัน การกำเนิดของไวรัสโควิดมาจากการสร้างในห้องแล็บ จากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสถาบันว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม

    ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก

    รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้

    รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา

    อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร

    แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?!

    70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง

    อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?!

    อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
    ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า!

    อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่

    ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า

    ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน)

    แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา

    มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน

    ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น

    สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร

    แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค. 2558
    ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้ รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?! 70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?! อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า! อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่ ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน) แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เตียงหัก
    ” เตียงหัก !”

    (1)

    หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015
    มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง

    เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด

    อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง

    แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า

    ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945

    แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี

    เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป

    ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933
    หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ

    ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ

    แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น

    พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร

    เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม

    หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?!

    (2)
    ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง

    ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน

    คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย

    เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา)

    นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน

    หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ

    อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง

    นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014)
    เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา

    อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ

    แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้

    (3)

    ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก

    รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา

    แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย
    เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย

    ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    เรื่อง เตียงหัก ” เตียงหัก !” (1) หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015 มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933 หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?! (2) ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา) นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014) เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้ (3) ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 2

    คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้

    ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก

    ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ
    – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2
    – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1
    – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ
    – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม

    แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก

    นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า

    ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว
    ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้

    นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้…

    The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…”

    Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม

    Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า

    “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก

    ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ”

    หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ”
    และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่

    นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ

    รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 2 คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้ ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1 – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้ นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้… The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…” Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ” หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ” และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่ นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" โพสต์สดุดีตำรวจกล้า "ด.ต.สมศักดิ์ นาคเสน" หัวหน้าชุด EOD ตชด.444 พลีชีพจากเหตุปะทะระหว่างเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.ปัตตานี และพร้อมดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเต็มที่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098816

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" โพสต์สดุดีตำรวจกล้า "ด.ต.สมศักดิ์ นาคเสน" หัวหน้าชุด EOD ตชด.444 พลีชีพจากเหตุปะทะระหว่างเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.ปัตตานี และพร้อมดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเต็มที่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098816 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไอร์แลนด์ประกาศรายได้พื้นฐานถาวรสำหรับศิลปิน” — โมเดลสนับสนุนศิลปะที่สร้างผลตอบแทนทางสังคมและเศรษฐกิจ

    รัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศให้โครงการ Basic Income for the Arts (BIA) เป็นนโยบายถาวร เริ่มตั้งแต่ปี 2026 หลังจากประสบความสำเร็จในการทดลองเป็นเวลา 3 ปี โดยมีศิลปินและผู้ทำงานด้านศิลปะกว่า 2,000 คนได้รับเงินสนับสนุนรายสัปดาห์จำนวน €325 โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบรายได้หรือเงื่อนไขสวัสดิการอื่น ๆ

    รายงานประเมินผลจาก Alma Economics พบว่าโครงการนี้สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจน เช่น การมีส่วนร่วมของผู้ชมที่เพิ่มขึ้น การลดภาระสวัสดิการ และการพัฒนาสุขภาพจิตของผู้เข้าร่วม โดยทุก €1 ที่ลงทุนในศิลปิน สร้างผลตอบแทนกลับมา €1.39 รวมมูลค่ากว่า €100 ล้านในช่วง 3 ปี

    นอกจากผลทางเศรษฐกิจแล้ว โครงการยังช่วยให้ศิลปินสามารถทุ่มเทเวลาให้กับงานสร้างสรรค์มากขึ้นถึง 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสร้างผลงานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% พร้อมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ความสามารถในการจ่ายค่าเช่าและการมีส่วนร่วมทางสังคม

    รัฐบาลยังประกาศเพิ่มงบประมาณด้านวัฒนธรรมในปี 2026 เช่น สนับสนุนสถานที่จัดแสดงดนตรีอิสระ, ภาพยนตร์, การท่องเที่ยวศิลปิน และการอนุรักษ์ดนตรีพื้นบ้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน

    ข้อมูลในข่าว
    ไอร์แลนด์ประกาศให้โครงการ Basic Income for the Arts เป็นนโยบายถาวรในปี 2026
    ผู้เข้าร่วมได้รับเงิน €325 ต่อสัปดาห์ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบรายได้
    โครงการทดลองมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน ระหว่างปี 2022–2025
    รายงานพบว่าโครงการสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ €1.39 ต่อการลงทุน €1
    สร้างมูลค่าทางสังคมกว่า €16.9 ล้าน และสุขภาพจิตดีขึ้นกว่า €80 ล้าน
    ศิลปินใช้เวลาเพิ่มขึ้น 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในงานสร้างสรรค์
    ผลิตผลงานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
    รัฐบาลเพิ่มงบประมาณด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรีอิสระ ภาพยนตร์ และศิลปะพื้นบ้าน
    โครงการได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากภาคศิลปะและผู้กำหนดนโยบาย

    https://www.artnews.com/art-news/news/ireland-basic-income-artists-program-permanent-1234756981/
    🎨 “ไอร์แลนด์ประกาศรายได้พื้นฐานถาวรสำหรับศิลปิน” — โมเดลสนับสนุนศิลปะที่สร้างผลตอบแทนทางสังคมและเศรษฐกิจ รัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศให้โครงการ Basic Income for the Arts (BIA) เป็นนโยบายถาวร เริ่มตั้งแต่ปี 2026 หลังจากประสบความสำเร็จในการทดลองเป็นเวลา 3 ปี โดยมีศิลปินและผู้ทำงานด้านศิลปะกว่า 2,000 คนได้รับเงินสนับสนุนรายสัปดาห์จำนวน €325 โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบรายได้หรือเงื่อนไขสวัสดิการอื่น ๆ รายงานประเมินผลจาก Alma Economics พบว่าโครงการนี้สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจน เช่น การมีส่วนร่วมของผู้ชมที่เพิ่มขึ้น การลดภาระสวัสดิการ และการพัฒนาสุขภาพจิตของผู้เข้าร่วม โดยทุก €1 ที่ลงทุนในศิลปิน สร้างผลตอบแทนกลับมา €1.39 รวมมูลค่ากว่า €100 ล้านในช่วง 3 ปี นอกจากผลทางเศรษฐกิจแล้ว โครงการยังช่วยให้ศิลปินสามารถทุ่มเทเวลาให้กับงานสร้างสรรค์มากขึ้นถึง 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสร้างผลงานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% พร้อมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ความสามารถในการจ่ายค่าเช่าและการมีส่วนร่วมทางสังคม รัฐบาลยังประกาศเพิ่มงบประมาณด้านวัฒนธรรมในปี 2026 เช่น สนับสนุนสถานที่จัดแสดงดนตรีอิสระ, ภาพยนตร์, การท่องเที่ยวศิลปิน และการอนุรักษ์ดนตรีพื้นบ้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ไอร์แลนด์ประกาศให้โครงการ Basic Income for the Arts เป็นนโยบายถาวรในปี 2026 ➡️ ผู้เข้าร่วมได้รับเงิน €325 ต่อสัปดาห์ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบรายได้ ➡️ โครงการทดลองมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน ระหว่างปี 2022–2025 ➡️ รายงานพบว่าโครงการสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ €1.39 ต่อการลงทุน €1 ➡️ สร้างมูลค่าทางสังคมกว่า €16.9 ล้าน และสุขภาพจิตดีขึ้นกว่า €80 ล้าน ➡️ ศิลปินใช้เวลาเพิ่มขึ้น 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในงานสร้างสรรค์ ➡️ ผลิตผลงานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ➡️ รัฐบาลเพิ่มงบประมาณด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรีอิสระ ภาพยนตร์ และศิลปะพื้นบ้าน ➡️ โครงการได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากภาคศิลปะและผู้กำหนดนโยบาย https://www.artnews.com/art-news/news/ireland-basic-income-artists-program-permanent-1234756981/
    WWW.ARTNEWS.COM
    Three Years After Trial Launch, Ireland Is Making Basic Income for Artists Program Permanent
    Several years after launching a trial, Ireland is set to make its basic income for artists program permanent starting in 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นฤมล” เดินหน้าปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มจากการยกระดับคุณภาพชีวิตครู ดูแลสวัสดิการ บ้านพัก และแก้หนี้สิน พร้อมเปิดช่องทางพิเศษขอวิทยฐานะได้ทันทีเมื่อผลงานพร้อม ย้ำไม่มีระบบเลือกปฏิบัติ ครูทุกสังกัดต้องเติบโตได้อย่างเท่าเทียม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097517

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “นฤมล” เดินหน้าปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มจากการยกระดับคุณภาพชีวิตครู ดูแลสวัสดิการ บ้านพัก และแก้หนี้สิน พร้อมเปิดช่องทางพิเศษขอวิทยฐานะได้ทันทีเมื่อผลงานพร้อม ย้ำไม่มีระบบเลือกปฏิบัติ ครูทุกสังกัดต้องเติบโตได้อย่างเท่าเทียม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097517 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นฤมล” เดินหน้าปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มจากการยกระดับคุณภาพชีวิตครู ดูแลสวัสดิการ บ้านพัก และแก้หนี้สิน พร้อมเปิดช่องทางพิเศษขอวิทยฐานะได้ทันทีเมื่อผลงานพร้อม ย้ำไม่มีระบบเลือกปฏิบัติ ครูทุกสังกัดต้องเติบโตได้อย่างเท่าเทียม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097504

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “นฤมล” เดินหน้าปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มจากการยกระดับคุณภาพชีวิตครู ดูแลสวัสดิการ บ้านพัก และแก้หนี้สิน พร้อมเปิดช่องทางพิเศษขอวิทยฐานะได้ทันทีเมื่อผลงานพร้อม ย้ำไม่มีระบบเลือกปฏิบัติ ครูทุกสังกัดต้องเติบโตได้อย่างเท่าเทียม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097504 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • -

    ระบบระบุตัวตนดิจิทัล "Aadhaar" ของอินเดียเริ่มต้นขึ้นเพื่อสวัสดิการ แต่ขยายไปสู่การตรวจตรา การเฝ้าระวัง และการใช้งานส่วนตัว

    https://lawfullegal.in/aadhaar-identity-fraud-balancing-national-security-with-data-privacy-in-digital-india/

    - ระบบระบุตัวตนดิจิทัล "Aadhaar" ของอินเดียเริ่มต้นขึ้นเพื่อสวัสดิการ แต่ขยายไปสู่การตรวจตรา การเฝ้าระวัง และการใช้งานส่วนตัว https://lawfullegal.in/aadhaar-identity-fraud-balancing-national-security-with-data-privacy-in-digital-india/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ สุชาติ” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ป่าไม้ อุทยานฯ จ.เชียงราย ขอบคุณที่เสียสละช่วยดูแลประชาชนในพื้นที่
    https://www.thai-tai.tv/news/21834/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า #กรมป่าไม้ #กรมอุทยาน #สวัสดิการ #เชียงราย
    “รองนายกฯ สุชาติ” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ป่าไม้ อุทยานฯ จ.เชียงราย ขอบคุณที่เสียสละช่วยดูแลประชาชนในพื้นที่ https://www.thai-tai.tv/news/21834/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า #กรมป่าไม้ #กรมอุทยาน #สวัสดิการ #เชียงราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม

    หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี

    โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท

    ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​

    สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส

    อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13%

    #Newskit
    คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​ สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13% #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 787 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย.
    ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด.
    ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน.
    ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน,
    ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้,
    ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน.
    ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่.
    ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก.
    ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก.

    https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย. ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด. ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน. ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน, ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้, ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน. ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่. ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก. ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก. https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก”

    รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

    ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์

    AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน
    186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด
    ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง
    ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้
    รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ
    มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes
    ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด
    การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้
    Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง
    การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ

    https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    💰 “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก” รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์ AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน ➡️ 186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด ➡️ ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง ➡️ ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้ ➡️ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ ➡️ มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes ➡️ ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด ➡️ การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ ➡️ Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง ➡️ การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    WWW.TECHRADAR.COM
    UK’s fraud detection AI to be licensed abroad after recovering £480m in lost revenue
    The Fraud Risk Assessment Accelerator is now set to be licensed abroad
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดกะโหลก ชะโงกดูไอเดีย คนมีคดีทุจริตตอนคุมแบงก์กรุงไทย มานั่งเป็น รมช.คลัง คิดแต่จะเพิ่มรายได้จากการขึ้นภาษี ขึ้นแวต ลดรายจ่ายจากสวัสดิการ และบำนาญ แต่เสือกไม่คิดจะปราบปรามป้องกันการทุจริตที่สูบเงินในภาครัฐและเอกชนมหาศาล
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เปิดกะโหลก ชะโงกดูไอเดีย คนมีคดีทุจริตตอนคุมแบงก์กรุงไทย มานั่งเป็น รมช.คลัง คิดแต่จะเพิ่มรายได้จากการขึ้นภาษี ขึ้นแวต ลดรายจ่ายจากสวัสดิการ และบำนาญ แต่เสือกไม่คิดจะปราบปรามป้องกันการทุจริตที่สูบเงินในภาครัฐและเอกชนมหาศาล #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ฉายแวววินาศสันตะโรซะแล้ว เพราะนายวรภัค รมช.คลัง ผู้โดนคดีโกงแบงก์ คิดจะขึ้นภาษี ขึ้นแวต ขยายฐานรีดภาษี ยกเลิกส่วนลด ลดงบสวัสดิการ
    #7ดอกจิก
    ♣ ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ฉายแวววินาศสันตะโรซะแล้ว เพราะนายวรภัค รมช.คลัง ผู้โดนคดีโกงแบงก์ คิดจะขึ้นภาษี ขึ้นแวต ขยายฐานรีดภาษี ยกเลิกส่วนลด ลดงบสวัสดิการ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts