• การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด
    .
    ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่
    .
    หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้
    .
    ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้
    .
    นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020
    .
    ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้
    .
    ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้
    .
    แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ
    .
    ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
    .
    ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน
    .
    อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
    .
    การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร
    .
    ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง
    .
    ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม”
    .
    ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา
    .
    ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
    .
    สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น
    .
    ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า
    .
    ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น
    .
    ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ
    .
    รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742
    ..............
    Sondhi X
    การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด . ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่ . หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ . ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้ . นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020 . ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้ . ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้ . แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ . ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน . อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ . ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน . อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น . การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร . ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง . ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม” . ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา . ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง . สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น . ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า . ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น . ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ . รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดมีผู้สูงวัยเยอะมาก
    เรื่องนี้ที่ต้องนำเสนอเพราะแฟนเพจคิงส์ฯสงสัย
    ว่าเพราะเหตุใด วันที่มีการถ่ายทอดการไลฟ์วันที่แฟนคลับ
    ไปต้อนรับจีกามินที่สนามบิน จึงมีผู้สูงวัยเยอะมาก
    ต้องออกตัวก่อน ว่าโพสนี้ไม่มีแขวะ หรือแซะ แต่วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์
    และให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน
    - วันนี้มีจักรวาล แน๊กชาลี มีจักรวาลจีกามิน ที่แยกฐานแฟนอย่างชัดเจน ซึ่งจะบอกว่า จีกามินไม่หลงเหลือคนที่คลั่งไคล้ หรือรักนางจริงๆแล้วเลย ก็ไม่ยุติธรรมนัก แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรที่จะกำหนดเทรนนทวิทได้ ตามกลไกของสังคม นอกเสียจากการใช้ระบบบอทในการเจนข้อความตามที่ได้เคยอธิบายวิธีการไปแล้ว และจากที่เห็นคนที่ไปรอรับจีกามิน ก็จะมีความสุขที่ได้เจอคนที่พวกเค้ารอคอย มันก็เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เค้ารัก เค้าหลงของเค้า เราจะไปห้ามก็ไม่ได้ คนเรามันก็ชอบไม่เหมือนกัน
    - ส่วนเรื่องที่สงสัยกันมากว่า ทำไม มีคนสูงอายุเยอะเลย จ้างมาหรือเปล่าอะไรแบบนี้ พี่คิงส์ก็จะพูดเป็นกลางๆครับ ว่าไม่ได้จ้างมา และพี่ก็ไม่ได้มาแก้ต่างแก้ตัวแทน และอยากให้ทุกคนอ่านให้จบ
    - พี่คิงส์ เคยขุดก่อนที่จะมูฟออน และรับรู้ถึงแฟนคลับชั้นลึก หมายถึงในกลุ่มเทพ ห้อง DC ที่ในช่วงแรกๆนั้น เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่รักจีกามิน และชาลี แต่ด้วยชาลีเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจัดบิ๊กแม๊ต และต้องให้คนไทยด้วยกัน ต้องใช้จ่ายมากมาย ก็ทำให้เกิดความขัดอกขัดใจของผู้ที่เสียประโยชน์ จึงเป็นเหตุให้ ชาลีกลายเป็นคนแปลกหน้า ในสายตาคนในกลุ่ม ซึ่งก็มีป้า จ. ที่เป็นคนที่ออกตัวแรงสุด เพราะป้าเอง ก็มีกำลังใจขึ้นมาจากการฝากใจไว้กับจีกามิน และเหมือนเป็นการบำบัดจิตตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จากชอบ เป็นรัก จากรักเป็นคลั่งไคล้ และเทิดทูน อยากให้เป็นนางฟ้าในใจตลอดไป
    - ในกลุ่มนี้ อดีตมีจำนวนถึงห้าพันกว่าคน แต่หลังจากที่จีกามินกลับไปเกาหลี และไม่ติดต่อกับแน๊กชาลี จำนวนสมาชิกที่พร้อมซัพพอตจีกามิน ก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน มีจำนวนใกล้จะต่ำกว่าพันไปทุกที
    - พี่คิงส์จึงสืบต่อ และพบว่า จากเมื่อก่อนในจำนวนเริ่มต้นของสมาชิกกลุ่มดีซี ห้าพันกว่าคนนั้น จะเป็นผช.ซัก 80 % ที่เหลือเป็น ผญ. แต่วันนี้เป็นผญ.90% ในจำนวนพันคนนิดๆนี้ และ ป้า จ. ก็เหมือนเป็นจุดเชื่อมใจ ระหว่างคนในห้องกับ จีกามิน โดยจะช่วยกันเชียร์ให้ส่งของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้ยายหนูของเธอ ซึ่งการทำหน้าที่ของป้า จ. ก็จะใช้เวลาไปกับการแสดงออกทางจิตวิทยา ในการห่วงใย เพราะป้าๆที่เป็นเทพดีซี ในปัจจุบันแทบจะ 100% ที่เป็น ผญ. ล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิต และครอบครัวที่่ล้มเหลว คนที่เปย์หนักๆบางคน ยอมเปย์ให้จีกามิน แทนที่จะเก็บเงินไว้ในการรักษาตัวจากโรคะที่ร้ายแรง ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของป้าเค้านะครับ ก็ได้แค่สงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้ - - ดังนั้น ท่ามกลางภาพของหญิงมีอายุจำนวนมาก ที่มารอรับจีกามิน มันมีเบื้องหลังแห่วงความหดหู่อยู่ไม่น้อย ว่าในประเทศของเรา มีหญิงสูงอายุจำนวนมาก ที่พบความล้มเหลว หรือผ่านความเสียใจ ถึงแม้จะมีเงินมากมายเท่าไหร่ มีธุรกิจใหญ่โต มีทรัพย์มากถึงขนาดที่สามารถเปย์จีกามินได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แต่กลับไม่พบกับความสุขในชีวิตจริง และยอมเลือก และยอมแลก ทั้งเวลา และทรัพย์สิน เพียงเพื่อได้ชื่นชม ได้เชียร์ ใครซักคนหนึ่ง ที่เป็นตัวละคร พร้อมสตอรี่ที่พาเพ้อฝัน จากป้า จ. ให้ได้มาซึ่งกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป
    - ก็อย่างที่พี่คิงส์บอกจุดยืนของพี่ไปแล้วเมื่อวาน ว่าพี่คิงส์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสาวต่างด้าว ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย แต่ที่ทำโพสนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ชายที่ได้มาอ่านโพสนี้ ให้ใส่ใจและดูแลภรรยาของคุณ อย่าให้เธอต้องมีอนาคตที่เป็นหนึ่งในเกมส์แห่งความเศร้านี้ ต้องไปนั่งชม นั่งเชียร์ นั่งเปย์ เสียเวลาทั้งวันทั้งคืน เป็นปีๆ เพียงเพื่อรับเศษความสนใจจากคนที่ไม่เคยรู้จัก เพราะคนที่เปย์ ก็จะได้รับเพียง "ขอบคุณค่า" ขอบคุณมั่กๆ ฉันรักคุณ มันก็แค่นี้จริงๆ ซึ่งตัวแสดงแบบนี้ หรือเหล่านี้ เค้าก็ไม่ได้รู้จักคนเปย์จริง ก็เป็นเพียงแค่เป็นงานที่สร้างรายได้ ก็อย่างที่ให้คำนิยามว่า "เป็นแค่ต่างด้าวมาหากินในไทย" แค่นั้นเอง
    บางที ก็หดหู่นะ แต่ก็ได้แค่รู้สึก เพราะสุดท้าย มันเป็นเงินเค้า เวลาของเค้า ชีวิตของเค้า ที่เค้าควักด้วยความเต็มใจ ถึงบางคนจะอิ๊บอ๋าย หมดเนื้อ หมดตัว มันก็เป็นความอิ๊บอ๋าย ที่อาบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดั่งที่เราได้เห็นในภาพป้าๆที่ไปรอต้อนรับนั่นเอง
    #ก็แค่แอบสงสารคนไทยด้วยกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เหตุใดมีผู้สูงวัยเยอะมาก เรื่องนี้ที่ต้องนำเสนอเพราะแฟนเพจคิงส์ฯสงสัย ว่าเพราะเหตุใด วันที่มีการถ่ายทอดการไลฟ์วันที่แฟนคลับ ไปต้อนรับจีกามินที่สนามบิน จึงมีผู้สูงวัยเยอะมาก ต้องออกตัวก่อน ว่าโพสนี้ไม่มีแขวะ หรือแซะ แต่วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ และให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน - วันนี้มีจักรวาล แน๊กชาลี มีจักรวาลจีกามิน ที่แยกฐานแฟนอย่างชัดเจน ซึ่งจะบอกว่า จีกามินไม่หลงเหลือคนที่คลั่งไคล้ หรือรักนางจริงๆแล้วเลย ก็ไม่ยุติธรรมนัก แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรที่จะกำหนดเทรนนทวิทได้ ตามกลไกของสังคม นอกเสียจากการใช้ระบบบอทในการเจนข้อความตามที่ได้เคยอธิบายวิธีการไปแล้ว และจากที่เห็นคนที่ไปรอรับจีกามิน ก็จะมีความสุขที่ได้เจอคนที่พวกเค้ารอคอย มันก็เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เค้ารัก เค้าหลงของเค้า เราจะไปห้ามก็ไม่ได้ คนเรามันก็ชอบไม่เหมือนกัน - ส่วนเรื่องที่สงสัยกันมากว่า ทำไม มีคนสูงอายุเยอะเลย จ้างมาหรือเปล่าอะไรแบบนี้ พี่คิงส์ก็จะพูดเป็นกลางๆครับ ว่าไม่ได้จ้างมา และพี่ก็ไม่ได้มาแก้ต่างแก้ตัวแทน และอยากให้ทุกคนอ่านให้จบ - พี่คิงส์ เคยขุดก่อนที่จะมูฟออน และรับรู้ถึงแฟนคลับชั้นลึก หมายถึงในกลุ่มเทพ ห้อง DC ที่ในช่วงแรกๆนั้น เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่รักจีกามิน และชาลี แต่ด้วยชาลีเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจัดบิ๊กแม๊ต และต้องให้คนไทยด้วยกัน ต้องใช้จ่ายมากมาย ก็ทำให้เกิดความขัดอกขัดใจของผู้ที่เสียประโยชน์ จึงเป็นเหตุให้ ชาลีกลายเป็นคนแปลกหน้า ในสายตาคนในกลุ่ม ซึ่งก็มีป้า จ. ที่เป็นคนที่ออกตัวแรงสุด เพราะป้าเอง ก็มีกำลังใจขึ้นมาจากการฝากใจไว้กับจีกามิน และเหมือนเป็นการบำบัดจิตตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จากชอบ เป็นรัก จากรักเป็นคลั่งไคล้ และเทิดทูน อยากให้เป็นนางฟ้าในใจตลอดไป - ในกลุ่มนี้ อดีตมีจำนวนถึงห้าพันกว่าคน แต่หลังจากที่จีกามินกลับไปเกาหลี และไม่ติดต่อกับแน๊กชาลี จำนวนสมาชิกที่พร้อมซัพพอตจีกามิน ก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน มีจำนวนใกล้จะต่ำกว่าพันไปทุกที - พี่คิงส์จึงสืบต่อ และพบว่า จากเมื่อก่อนในจำนวนเริ่มต้นของสมาชิกกลุ่มดีซี ห้าพันกว่าคนนั้น จะเป็นผช.ซัก 80 % ที่เหลือเป็น ผญ. แต่วันนี้เป็นผญ.90% ในจำนวนพันคนนิดๆนี้ และ ป้า จ. ก็เหมือนเป็นจุดเชื่อมใจ ระหว่างคนในห้องกับ จีกามิน โดยจะช่วยกันเชียร์ให้ส่งของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้ยายหนูของเธอ ซึ่งการทำหน้าที่ของป้า จ. ก็จะใช้เวลาไปกับการแสดงออกทางจิตวิทยา ในการห่วงใย เพราะป้าๆที่เป็นเทพดีซี ในปัจจุบันแทบจะ 100% ที่เป็น ผญ. ล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิต และครอบครัวที่่ล้มเหลว คนที่เปย์หนักๆบางคน ยอมเปย์ให้จีกามิน แทนที่จะเก็บเงินไว้ในการรักษาตัวจากโรคะที่ร้ายแรง ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของป้าเค้านะครับ ก็ได้แค่สงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้ - - ดังนั้น ท่ามกลางภาพของหญิงมีอายุจำนวนมาก ที่มารอรับจีกามิน มันมีเบื้องหลังแห่วงความหดหู่อยู่ไม่น้อย ว่าในประเทศของเรา มีหญิงสูงอายุจำนวนมาก ที่พบความล้มเหลว หรือผ่านความเสียใจ ถึงแม้จะมีเงินมากมายเท่าไหร่ มีธุรกิจใหญ่โต มีทรัพย์มากถึงขนาดที่สามารถเปย์จีกามินได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แต่กลับไม่พบกับความสุขในชีวิตจริง และยอมเลือก และยอมแลก ทั้งเวลา และทรัพย์สิน เพียงเพื่อได้ชื่นชม ได้เชียร์ ใครซักคนหนึ่ง ที่เป็นตัวละคร พร้อมสตอรี่ที่พาเพ้อฝัน จากป้า จ. ให้ได้มาซึ่งกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป - ก็อย่างที่พี่คิงส์บอกจุดยืนของพี่ไปแล้วเมื่อวาน ว่าพี่คิงส์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสาวต่างด้าว ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย แต่ที่ทำโพสนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ชายที่ได้มาอ่านโพสนี้ ให้ใส่ใจและดูแลภรรยาของคุณ อย่าให้เธอต้องมีอนาคตที่เป็นหนึ่งในเกมส์แห่งความเศร้านี้ ต้องไปนั่งชม นั่งเชียร์ นั่งเปย์ เสียเวลาทั้งวันทั้งคืน เป็นปีๆ เพียงเพื่อรับเศษความสนใจจากคนที่ไม่เคยรู้จัก เพราะคนที่เปย์ ก็จะได้รับเพียง "ขอบคุณค่า" ขอบคุณมั่กๆ ฉันรักคุณ มันก็แค่นี้จริงๆ ซึ่งตัวแสดงแบบนี้ หรือเหล่านี้ เค้าก็ไม่ได้รู้จักคนเปย์จริง ก็เป็นเพียงแค่เป็นงานที่สร้างรายได้ ก็อย่างที่ให้คำนิยามว่า "เป็นแค่ต่างด้าวมาหากินในไทย" แค่นั้นเอง บางที ก็หดหู่นะ แต่ก็ได้แค่รู้สึก เพราะสุดท้าย มันเป็นเงินเค้า เวลาของเค้า ชีวิตของเค้า ที่เค้าควักด้วยความเต็มใจ ถึงบางคนจะอิ๊บอ๋าย หมดเนื้อ หมดตัว มันก็เป็นความอิ๊บอ๋าย ที่อาบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดั่งที่เราได้เห็นในภาพป้าๆที่ไปรอต้อนรับนั่นเอง #ก็แค่แอบสงสารคนไทยด้วยกัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 1 รีวิว
  • วิกฤตหนาวนี้โหดสุด ยูเครนเสี่ยงนั่งหนาวในความมืด 20 ชั่วโมงต่อวัน

    โรงไฟฟ้าถูกถล่มราบ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ห้องเทอร์ไบน์ขนาดสองสนามฟุตบอลพังยับเยิน นี่คือภาพที่ Dmytro วัย 41 ปี เห็นหลังการโจมตีของรัสเซีย "น้ำตาไหลเลย" เขาบอก ก่อนที่คนงาน 700 คนจะเร่งซ่อมแซมอย่างสุดชีวิต

    แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น... รัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจนยูเครนสูญเสียกำลังผลิตไฟฟ้าไปครึ่งหนึ่ง ต้องพึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไร้การป้องกันจากขีปนาวุธ และไม่มีเวลาพอจะติดตั้งระบบป้องกันก่อนหน้าหนาว

    "ผมกังวลมาก" Oleksandr Kharchenko ที่ปรึกษารัฐบาลด้านพลังงานบอก หากรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอากาศหนาวจัด ยูเครนจะเผชิญไฟดับนาน 20 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงบ้านไร้ความอบอุ่น โรงงานผลิตอาวุธหยุดชะงัก และผู้คนต้องอพยพหนีหนาว

    สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นเมื่อผู้ค้าตะวันตกไม่กล้าเก็บก๊าซสำรองในยูเครนเพราะกลัวการโจมตี และไม่มีใครรู้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่หากอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศา และรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ ยูเครนก็อาจต้องนั่งหนาวในความมืดนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน

    "คนจะทิ้งยูเครนไปลี้ภัยในยุโรปมากขึ้น" Viktoriya Gryb สมาชิกสภาผู้แทนฯ กล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า "ผู้คนจะตายในบ้านตัวเอง เพราะรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน"


    https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362257713580208/
    วิกฤตหนาวนี้โหดสุด ยูเครนเสี่ยงนั่งหนาวในความมืด 20 ชั่วโมงต่อวัน โรงไฟฟ้าถูกถล่มราบ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ห้องเทอร์ไบน์ขนาดสองสนามฟุตบอลพังยับเยิน นี่คือภาพที่ Dmytro วัย 41 ปี เห็นหลังการโจมตีของรัสเซีย "น้ำตาไหลเลย" เขาบอก ก่อนที่คนงาน 700 คนจะเร่งซ่อมแซมอย่างสุดชีวิต แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น... รัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจนยูเครนสูญเสียกำลังผลิตไฟฟ้าไปครึ่งหนึ่ง ต้องพึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไร้การป้องกันจากขีปนาวุธ และไม่มีเวลาพอจะติดตั้งระบบป้องกันก่อนหน้าหนาว "ผมกังวลมาก" Oleksandr Kharchenko ที่ปรึกษารัฐบาลด้านพลังงานบอก หากรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอากาศหนาวจัด ยูเครนจะเผชิญไฟดับนาน 20 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงบ้านไร้ความอบอุ่น โรงงานผลิตอาวุธหยุดชะงัก และผู้คนต้องอพยพหนีหนาว สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นเมื่อผู้ค้าตะวันตกไม่กล้าเก็บก๊าซสำรองในยูเครนเพราะกลัวการโจมตี และไม่มีใครรู้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่หากอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศา และรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ ยูเครนก็อาจต้องนั่งหนาวในความมืดนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน "คนจะทิ้งยูเครนไปลี้ภัยในยุโรปมากขึ้น" Viktoriya Gryb สมาชิกสภาผู้แทนฯ กล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า "ผู้คนจะตายในบ้านตัวเอง เพราะรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน" https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362257713580208/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกสภาฯ หญิงท้า ถึงเวลาเกณฑ์ทหารหญิงแล้ว!

    Maryana Bezuhla เจ้าแม่ดราม่ายูเครนออกโรงสนับสนุนการเกณฑ์ทหารหญิงอย่างถึงพริกถึงขิง "รัฐธรรมนูญไม่ได้แบ่งพลเมืองเป็นสองประเภท ตอนนี้เราเลือกปฏิบัติกับผู้ชายอย่างผิดกฎหมาย" เธอยังแซวผู้ชายว่า "ถ้าผู้หญิงถูกเกณฑ์ด้วย พวกคุณก็จะถูกเกณฑ์น้อยลงนะ นี่เป็นเหตุผลที่ควรสนับสนุน!"

    เธอเสนอให้เริ่มจากตำแหน่งหลังแนวรบก่อน เช่น งานเอกสาร งานบุคคล หน่วยรักษาการณ์ "ตอนนี้มีผู้ชายนับพันที่ 'จ่ายใต้โต๊ะ' เพื่อหลบอยู่หลังแนวรบ ในขณะที่หน่วยรบกำลังรอคอย แต่กลับต้องดึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาเป็นทหารราบ ทำให้กองทัพสูญเสียความเชี่ยวชาญ"

    "สงครามไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มเดียว โดยเฉพาะเมื่อไม่ใช่แค่เรื่องดินแดน แต่เป็นเรื่องการดำรงอยู่ของชาติ" เธอเผย เคยเสนอแก้กฎหมายหลายครั้งแต่ถูกปัดตก "ตลกร้ายที่กระทรวงกลาโหมทำพังเรื่องเกณฑ์ทหาร นายพลทำลายทหารด้วยการตัดสินใจไร้สติ แต่ไม่มีใครกล้าพูดเพราะเป็นเรื่อง 'ละเอียดอ่อน' บางทีถ้าผู้หญิงถูกเกณฑ์ อาจจะมาจัดการความวุ่นวายนี้ได้"
    ความเท่าเทียมอย่างแท้จริงกำลังจะเกิดขึ้นที่ยูเครนแล้ว

    https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362604156878897/
    สมาชิกสภาฯ หญิงท้า ถึงเวลาเกณฑ์ทหารหญิงแล้ว! Maryana Bezuhla เจ้าแม่ดราม่ายูเครนออกโรงสนับสนุนการเกณฑ์ทหารหญิงอย่างถึงพริกถึงขิง "รัฐธรรมนูญไม่ได้แบ่งพลเมืองเป็นสองประเภท ตอนนี้เราเลือกปฏิบัติกับผู้ชายอย่างผิดกฎหมาย" เธอยังแซวผู้ชายว่า "ถ้าผู้หญิงถูกเกณฑ์ด้วย พวกคุณก็จะถูกเกณฑ์น้อยลงนะ นี่เป็นเหตุผลที่ควรสนับสนุน!" เธอเสนอให้เริ่มจากตำแหน่งหลังแนวรบก่อน เช่น งานเอกสาร งานบุคคล หน่วยรักษาการณ์ "ตอนนี้มีผู้ชายนับพันที่ 'จ่ายใต้โต๊ะ' เพื่อหลบอยู่หลังแนวรบ ในขณะที่หน่วยรบกำลังรอคอย แต่กลับต้องดึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาเป็นทหารราบ ทำให้กองทัพสูญเสียความเชี่ยวชาญ" "สงครามไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มเดียว โดยเฉพาะเมื่อไม่ใช่แค่เรื่องดินแดน แต่เป็นเรื่องการดำรงอยู่ของชาติ" เธอเผย เคยเสนอแก้กฎหมายหลายครั้งแต่ถูกปัดตก "ตลกร้ายที่กระทรวงกลาโหมทำพังเรื่องเกณฑ์ทหาร นายพลทำลายทหารด้วยการตัดสินใจไร้สติ แต่ไม่มีใครกล้าพูดเพราะเป็นเรื่อง 'ละเอียดอ่อน' บางทีถ้าผู้หญิงถูกเกณฑ์ อาจจะมาจัดการความวุ่นวายนี้ได้" ความเท่าเทียมอย่างแท้จริงกำลังจะเกิดขึ้นที่ยูเครนแล้ว https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362604156878897/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในพิธีเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มูลค่าพันล้านดอลล่าร์ของ NATO ที่เบลเยี่ยม โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐขณะนั้นได้ทวงหนี้สมาชิกประเทศ NATO แบบซึ่งๆหน้าว่า “เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมต่อประชาชนและผู้เสียภาษีของสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ จำนวนมากเหล่านี้เป็นหนี้จำนวนมหาศาลจากปีที่ผ่านมา และจากการไม่ชำระเงินจากสมาชิกนาโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” นายทรัมป์กล่าว“ "finally contribute their fair share and meet their financial obligations for NATO defense.“ ผู้นำยุโรปตีหน้าเจื่อนกันเป็นแถว ด้วยเหตุนี้ความห้าวเป้งของทรัมป์จึงเป็นที่ไม่สบอารมณ์ผู้นำยุโรปอย่างมาก หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งอเมริกา2024และหวนคืนอำนาจกลับมาครั้งใหม่ อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด

    https://youtu.be/lN-2tu7UH-A?si=_8XhYRlIxUPLKJBE

    #Thaitimes
    เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในพิธีเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มูลค่าพันล้านดอลล่าร์ของ NATO ที่เบลเยี่ยม โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐขณะนั้นได้ทวงหนี้สมาชิกประเทศ NATO แบบซึ่งๆหน้าว่า “เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมต่อประชาชนและผู้เสียภาษีของสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ จำนวนมากเหล่านี้เป็นหนี้จำนวนมหาศาลจากปีที่ผ่านมา และจากการไม่ชำระเงินจากสมาชิกนาโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” นายทรัมป์กล่าว“ "finally contribute their fair share and meet their financial obligations for NATO defense.“ ผู้นำยุโรปตีหน้าเจื่อนกันเป็นแถว ด้วยเหตุนี้ความห้าวเป้งของทรัมป์จึงเป็นที่ไม่สบอารมณ์ผู้นำยุโรปอย่างมาก หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งอเมริกา2024และหวนคืนอำนาจกลับมาครั้งใหม่ อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด https://youtu.be/lN-2tu7UH-A?si=_8XhYRlIxUPLKJBE #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ไมอา ซานดู หญิงแกร่งสามารถชนะเลือกรอบ 2 ตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ฝ่ามรสุมมอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง ชนะไป 54.35% มีชัยเหนือคู่แข่ง อเล็กซานเดอร์ สตอยอาโนโกล (Alexandr Stoianoglo) จากพรรคโซเชียลลิสต์โปรรัสเซีย ผู้นำตะวันตกสุดดีใจแห่ร่วมแสดงความยินดีปูหนทางเข้าสู่ EU
    .
    รอยเตอร์รายงานวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า หลังนับไปแล้ว 98% พบว่าอดีตที่ปรึกษาเวิลด์แบงก์ ประธานาธิบดีหญิง ไมอา ซานดู (Maia Sandu) ได้คะแนน 54.35% คณะกรรมการการเลือกตั้มอลโดวาประกาศ
    .
    เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะนำมอลโดวาไปสู่การเข้าสู่สหภาพยุโรปได้หรือไม่ ท่ามกลางขวากหนามอย่างรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ายื่นมาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในป่วนเลือกตั้ง
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ตามรายงานวันจันทร์ (4) ของเดอะการ์เดียน อังกฤษ ได้กล่าวประณามมอสโกพยายามขัดขวางผู้มีสิทธิเลือกตั้งมอลโดวาในต่างแดนออกเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ การซื้อเสียง ควบคุม ขู่วางระเบิดคูหาเลือกตั้งหลายแห่งในเยอรมนี รวม แฟรงก์เฟิร์ต ฮัมบูร์ก และกรุงเบอร์ลิน
    .
    อย่างไรก็ตาม รัสเซียที่ออกมาประณามผลเลือกตั้งมอลโดวานี รอยเตอร์ชี้ว่า วุฒิสมาชิกรัสเซียใกล้ชิดปูติน อันเดร คลีชาส (Andrei Klishas) ออกมาโจมตีวันจันทร์ (4) เลียนวาทะทรัมป์อ้างว่า มอลโดวา “นำเข้าเสียงเลือกตั้งต่างแดน” เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีโปรตะวันตก ไมอา ซานดู ชนะคู่แข่ง
    .
    ตำรวจมอลโดวาแถลงในเดือนที่ผ่านมาว่า นักธุรกิจมอลโดวาที่หลบหนีคดีโปรรัสเซีย อีลาน ชอร์ (Ilan Shor) แอบเป็นท่อน้ำเลี้ยงส่งเงิน 24 ล้านดอลลาร์เมื่อตุลาคมจ่ายให้ผู้มีสิทธิออกเสียงมอลโดวาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา และการลงประชามติครั้งสำคัญเข้าร่วมสหภาพยุโรป
    .
    รอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีไมดูที่พยายามอย่างหนักในการผลักดันให้มอลโดวาหลุดออกจากวงโคจรรัสเซียและเข้าร่วมสหภาพยุโรปถูกมองจากบรรดาผู้สนับสนุนว่า การชนะเลือกตั้งเป็นเสมือนประชามติในการนำมอลโดวาอดีตเคยอยู่ภายใต้อดีตสหภาพโซเวียตเข้าสู่ EU
    .
    การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาใกล้ชิดในบรัสเซลส์ 1 สัปดาห์หลังพรรคโปรเครมลิน พรรคความฝันจอร์เจีย GD (Georgian Dream) ชนะเลือกตั้งและทำให้วิตกกันว่า รัฐบาลจอร์เจียชุดใหม่จะยุติกระบวนการพาประเทศยูเรเชียแห่งนี้เดินหน้าเข้าสหภาพยุโรป
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า สตอยอาโนโกล ในระหว่างหาเสียงประกาศว่า เขาสนับสนุนการเข้าสู่ EU แต่เขาต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซียเช่นกัน แต่ซานดูชี้ว่า เขาเป็นเสมือนม้าไม้เมืองทรอยทำเพื่อผลประโยชน์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แต่ สตอยอาโนโกล ปฏิเสธ
    .
    มอลโดวากลายเป็นจุดสนใจหลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อปี 2022
    .
    บรรดาผู้นำตะวันตกทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพยุโรป และยูเครนต่างร่วมแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีซานดู
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงการณ์แสดงความยินดีได้ชี้ว่า รัสเซียล้มเหลวในการแทรกแซงการเลือกตั้งมอลโดวา
    .
    ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เดวิด แลมมี (David Lammy) แถลงแสดงความยินดี พร้อมชี้ว่า อังกฤษยังคงเดินหน้าสนับสนุนการปฏิรูปทางประชาธิปไตยมอลโดวาหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี
    .
    หัวหน้านโยบายสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อความสำเร็จประธานาธิบดี ไมอา ซานดู ที่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
    .
    และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แสดงความยินและพร้อมกันนั้นยังประกาศความยึดมั่นต่อข้อผูกพันของยูเครนในการทำงานร่วมกันต่อเป้าหมายร่วมเพื่อเข้าสู่ความเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้สำเร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106362
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี ไมอา ซานดู หญิงแกร่งสามารถชนะเลือกรอบ 2 ตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ฝ่ามรสุมมอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง ชนะไป 54.35% มีชัยเหนือคู่แข่ง อเล็กซานเดอร์ สตอยอาโนโกล (Alexandr Stoianoglo) จากพรรคโซเชียลลิสต์โปรรัสเซีย ผู้นำตะวันตกสุดดีใจแห่ร่วมแสดงความยินดีปูหนทางเข้าสู่ EU . รอยเตอร์รายงานวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า หลังนับไปแล้ว 98% พบว่าอดีตที่ปรึกษาเวิลด์แบงก์ ประธานาธิบดีหญิง ไมอา ซานดู (Maia Sandu) ได้คะแนน 54.35% คณะกรรมการการเลือกตั้มอลโดวาประกาศ . เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะนำมอลโดวาไปสู่การเข้าสู่สหภาพยุโรปได้หรือไม่ ท่ามกลางขวากหนามอย่างรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ายื่นมาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในป่วนเลือกตั้ง . รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ตามรายงานวันจันทร์ (4) ของเดอะการ์เดียน อังกฤษ ได้กล่าวประณามมอสโกพยายามขัดขวางผู้มีสิทธิเลือกตั้งมอลโดวาในต่างแดนออกเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ การซื้อเสียง ควบคุม ขู่วางระเบิดคูหาเลือกตั้งหลายแห่งในเยอรมนี รวม แฟรงก์เฟิร์ต ฮัมบูร์ก และกรุงเบอร์ลิน . อย่างไรก็ตาม รัสเซียที่ออกมาประณามผลเลือกตั้งมอลโดวานี รอยเตอร์ชี้ว่า วุฒิสมาชิกรัสเซียใกล้ชิดปูติน อันเดร คลีชาส (Andrei Klishas) ออกมาโจมตีวันจันทร์ (4) เลียนวาทะทรัมป์อ้างว่า มอลโดวา “นำเข้าเสียงเลือกตั้งต่างแดน” เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีโปรตะวันตก ไมอา ซานดู ชนะคู่แข่ง . ตำรวจมอลโดวาแถลงในเดือนที่ผ่านมาว่า นักธุรกิจมอลโดวาที่หลบหนีคดีโปรรัสเซีย อีลาน ชอร์ (Ilan Shor) แอบเป็นท่อน้ำเลี้ยงส่งเงิน 24 ล้านดอลลาร์เมื่อตุลาคมจ่ายให้ผู้มีสิทธิออกเสียงมอลโดวาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา และการลงประชามติครั้งสำคัญเข้าร่วมสหภาพยุโรป . รอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีไมดูที่พยายามอย่างหนักในการผลักดันให้มอลโดวาหลุดออกจากวงโคจรรัสเซียและเข้าร่วมสหภาพยุโรปถูกมองจากบรรดาผู้สนับสนุนว่า การชนะเลือกตั้งเป็นเสมือนประชามติในการนำมอลโดวาอดีตเคยอยู่ภายใต้อดีตสหภาพโซเวียตเข้าสู่ EU . การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาใกล้ชิดในบรัสเซลส์ 1 สัปดาห์หลังพรรคโปรเครมลิน พรรคความฝันจอร์เจีย GD (Georgian Dream) ชนะเลือกตั้งและทำให้วิตกกันว่า รัฐบาลจอร์เจียชุดใหม่จะยุติกระบวนการพาประเทศยูเรเชียแห่งนี้เดินหน้าเข้าสหภาพยุโรป . รอยเตอร์รายงานว่า สตอยอาโนโกล ในระหว่างหาเสียงประกาศว่า เขาสนับสนุนการเข้าสู่ EU แต่เขาต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซียเช่นกัน แต่ซานดูชี้ว่า เขาเป็นเสมือนม้าไม้เมืองทรอยทำเพื่อผลประโยชน์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แต่ สตอยอาโนโกล ปฏิเสธ . มอลโดวากลายเป็นจุดสนใจหลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อปี 2022 . บรรดาผู้นำตะวันตกทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพยุโรป และยูเครนต่างร่วมแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีซานดู . รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงการณ์แสดงความยินดีได้ชี้ว่า รัสเซียล้มเหลวในการแทรกแซงการเลือกตั้งมอลโดวา . ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เดวิด แลมมี (David Lammy) แถลงแสดงความยินดี พร้อมชี้ว่า อังกฤษยังคงเดินหน้าสนับสนุนการปฏิรูปทางประชาธิปไตยมอลโดวาหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี . หัวหน้านโยบายสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อความสำเร็จประธานาธิบดี ไมอา ซานดู ที่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ . และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แสดงความยินและพร้อมกันนั้นยังประกาศความยึดมั่นต่อข้อผูกพันของยูเครนในการทำงานร่วมกันต่อเป้าหมายร่วมเพื่อเข้าสู่ความเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้สำเร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106362 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่ชอบมาพากลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา แต่ยุโรปรับรองว่าเป็นไปโดยสุจริตและเป็นประชาธิปไตย

    ภาพวิดีโอเผยให้เห็นว่าประชาชนชาวมอลโดวามารอลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่สถานกงศุลในรัสเซีย แต่รัฐบาลมอลโดวาส่งบัตรลงคะแนนมาเพียง 10,000 ใบเท่านั้น และมีหน่วยลงคะแนนเสียงเพียงสองหน่วย จากตัวเลขชาวมอลโดวาทั้งหมด 500,000 คน ทำให้มีคนไม่ได้ลงคะแนนเป็นจำนวนมาก

    มอลโดวามีพลเมือง 2.5 ล้านคน เป็นผู้อพยพอยู่ในต่างแดนอีก 1.2 ล้านคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง จึงมีความสำคัญต่อคะแนนเสียงของนางไมอา ซานดู

    ในขณะที่ชาวมอลโดวาอยู่ในรัสเซีย 500,000 คน และเขตปกครองพิเศษทรานส์นีสเตรียอีก 450,000 คน ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในโรมาเนีย เยอรมนี และปะเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ นี่จึงเป็นที่มาของการจำกัดบัตรลงคะแนนเลือกตั้งในรัสเซีย

    รัฐบาลรักษาการของมอลโดวานำโดยนางไมอา ซานดู มีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้อพยพที่อยู่ในรัสเซีย และพยายามขัดขวางกลุ่มคนที่ “ต่อต้านสหภาพยุโรป แต่นิยมรัสเซีย” ไม่ให้ลงคะแนนเสียง การจำกัดบัตรลงคะแนนเพียงหนึ่งหมื่นใบในรัสเซีย นั่นคือเหตุผล

    ในทางกลับกันจำนวนหน่วยเลือกตั้งในยุโรป ที่มีชาวมอลโดวาน้อยกว่า แต่กลับมีหน่วยลงคะแนนเสียงจำนวนมากกว่าในรัสเซียหลายเท่า

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในรัสเซีย รวมทั้งเขตปกครองพิเศษทรานส์นีสเตรีย พยายามขับรถส่วนตัวเข้ามาในมอลโดวาเพื่อลงคะแนนเสียง แต่ก็ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้ามา
    ความไม่ชอบมาพากลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา แต่ยุโรปรับรองว่าเป็นไปโดยสุจริตและเป็นประชาธิปไตย ภาพวิดีโอเผยให้เห็นว่าประชาชนชาวมอลโดวามารอลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่สถานกงศุลในรัสเซีย แต่รัฐบาลมอลโดวาส่งบัตรลงคะแนนมาเพียง 10,000 ใบเท่านั้น และมีหน่วยลงคะแนนเสียงเพียงสองหน่วย จากตัวเลขชาวมอลโดวาทั้งหมด 500,000 คน ทำให้มีคนไม่ได้ลงคะแนนเป็นจำนวนมาก มอลโดวามีพลเมือง 2.5 ล้านคน เป็นผู้อพยพอยู่ในต่างแดนอีก 1.2 ล้านคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง จึงมีความสำคัญต่อคะแนนเสียงของนางไมอา ซานดู ในขณะที่ชาวมอลโดวาอยู่ในรัสเซีย 500,000 คน และเขตปกครองพิเศษทรานส์นีสเตรียอีก 450,000 คน ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในโรมาเนีย เยอรมนี และปะเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ นี่จึงเป็นที่มาของการจำกัดบัตรลงคะแนนเลือกตั้งในรัสเซีย รัฐบาลรักษาการของมอลโดวานำโดยนางไมอา ซานดู มีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้อพยพที่อยู่ในรัสเซีย และพยายามขัดขวางกลุ่มคนที่ “ต่อต้านสหภาพยุโรป แต่นิยมรัสเซีย” ไม่ให้ลงคะแนนเสียง การจำกัดบัตรลงคะแนนเพียงหนึ่งหมื่นใบในรัสเซีย นั่นคือเหตุผล ในทางกลับกันจำนวนหน่วยเลือกตั้งในยุโรป ที่มีชาวมอลโดวาน้อยกว่า แต่กลับมีหน่วยลงคะแนนเสียงจำนวนมากกว่าในรัสเซียหลายเท่า นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในรัสเซีย รวมทั้งเขตปกครองพิเศษทรานส์นีสเตรีย พยายามขับรถส่วนตัวเข้ามาในมอลโดวาเพื่อลงคะแนนเสียง แต่ก็ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้ามา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • "ภูมิธรรม" ร้องโอ้โห! "กิตติรัตน์" ถูกมองแทรกแซงแบงค์ชาติ ถูกส่งมาจากฝ่ายการเมือง หลังเคยเป็นสมาชิกเพื่อไทย - มองเป็นคนมีความรู้การเงินการคลัง หากเข้าไปได้ จะเต็มเติม - ชี้ยังไม่เห็นประเด็นที่ต้องคัดค้าน

    วันนี้ (4พ.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเลื่อนประชุมคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. หลังมีชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดต ว่า ตนได้ยินว่าวันนี้เขาเลื่อน ต้องไปถาม นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ ประธานคัดเลือกประธานกรรมการคัดเลือกและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ธปท. ว่าทำไมถึงเลื่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และไม่ใช่เรื่องของตน

    ส่วนที่มีกระแสโจมตีว่านายกิตติรัตน์ มาจากฝ่ายการเมืองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปหาข้อสรุป และต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตัวบทกฎหมาย เมื่อนายกิตติรัตน์อยากสมัคร เมื่อมีโอกาสและเงื่อนไขอยากสมัครก็สมัคร แต่ถ้าตามกฎระเบียบ มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องถูกปฏิเสธไปแต่ถ้าเป็นได้ก็ไปว่ากัน แล้วจริงๆ ตนยังไม่เห็นประเด็น ว่าทำไมต้องคัดค้านนายกิตติรัตน์

    เมื่อถามว่าเพราะมองว่านายกิตติรัตน์มาจากฝ่ายการเมืองอาจจะมีการแทรกแซง ผู้ว่า ธปท.เกิดขึ้น นายธรรม ร้อง โอ้โห ถ้าวันนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าทุกคน เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เสร็จแล้วก็ไปทำงานไม่ได้เลย ซึ่งตนคิดว่าการที่นายกิตติรัตน์เข้าไป ก็เป็นมืออาชีพมีความรู้เรื่องทางการเงินและการคลัง หากนายกิตติรัตน์เข้าไปก็เป็นมองว่าเป็นการเข้าไปเติมเต็มให้มีการพูดคุยกัน ในมุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ต้องไปถามนายกิตติรัตน์ ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเข้าสู่กระบวนการ และกระบวนการตัดสินใจ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ก็อยู่ที่บอร์ดของแบงค์ชาติ ที่ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา ก็ต้องไปถามทางนั้น

    #MGROnline #ภูมิธรรม #กิตติรัตน์ #แบงค์ชาติ
    "ภูมิธรรม" ร้องโอ้โห! "กิตติรัตน์" ถูกมองแทรกแซงแบงค์ชาติ ถูกส่งมาจากฝ่ายการเมือง หลังเคยเป็นสมาชิกเพื่อไทย - มองเป็นคนมีความรู้การเงินการคลัง หากเข้าไปได้ จะเต็มเติม - ชี้ยังไม่เห็นประเด็นที่ต้องคัดค้าน • วันนี้ (4พ.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเลื่อนประชุมคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. หลังมีชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดต ว่า ตนได้ยินว่าวันนี้เขาเลื่อน ต้องไปถาม นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ ประธานคัดเลือกประธานกรรมการคัดเลือกและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ธปท. ว่าทำไมถึงเลื่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และไม่ใช่เรื่องของตน • ส่วนที่มีกระแสโจมตีว่านายกิตติรัตน์ มาจากฝ่ายการเมืองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปหาข้อสรุป และต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตัวบทกฎหมาย เมื่อนายกิตติรัตน์อยากสมัคร เมื่อมีโอกาสและเงื่อนไขอยากสมัครก็สมัคร แต่ถ้าตามกฎระเบียบ มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องถูกปฏิเสธไปแต่ถ้าเป็นได้ก็ไปว่ากัน แล้วจริงๆ ตนยังไม่เห็นประเด็น ว่าทำไมต้องคัดค้านนายกิตติรัตน์ • เมื่อถามว่าเพราะมองว่านายกิตติรัตน์มาจากฝ่ายการเมืองอาจจะมีการแทรกแซง ผู้ว่า ธปท.เกิดขึ้น นายธรรม ร้อง โอ้โห ถ้าวันนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าทุกคน เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เสร็จแล้วก็ไปทำงานไม่ได้เลย ซึ่งตนคิดว่าการที่นายกิตติรัตน์เข้าไป ก็เป็นมืออาชีพมีความรู้เรื่องทางการเงินและการคลัง หากนายกิตติรัตน์เข้าไปก็เป็นมองว่าเป็นการเข้าไปเติมเต็มให้มีการพูดคุยกัน ในมุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ต้องไปถามนายกิตติรัตน์ ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเข้าสู่กระบวนการ และกระบวนการตัดสินใจ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ก็อยู่ที่บอร์ดของแบงค์ชาติ ที่ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา ก็ต้องไปถามทางนั้น • #MGROnline #ภูมิธรรม #กิตติรัตน์ #แบงค์ชาติ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ประเทศรวมตัวกันเรียกร้องต่อ UN ให้มีการยุติส่งอาวุธให้กับอิสราเอล

    ประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย เวียดนาม เม็กซิโก ไนจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย อียิปต์ และแม้แต่ตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของ NATO ก็ได้ร่วมมือกันเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอาวุธต่อกลุ่มไซออนิสต์ของสหประชาชาติ

    แน่นอนว่าประเทศที่ขาดหายไปจะเป็นใครไปไม่ได้ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในยุโรป ไม่ยอมร่วมลงชื่อในครั้งนี้ เปรียบได้กับพวกเขาให้ความร่วมมือในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยอิสราเอล แม้ว่าที่ผ่านมาปากของพวกเขาจะขยับตลอดเวลาว่าต้องการให้ยุติสงครามในภูมิภาคนี้
    52 ประเทศรวมตัวกันเรียกร้องต่อ UN ให้มีการยุติส่งอาวุธให้กับอิสราเอล ประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย เวียดนาม เม็กซิโก ไนจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย อียิปต์ และแม้แต่ตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของ NATO ก็ได้ร่วมมือกันเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอาวุธต่อกลุ่มไซออนิสต์ของสหประชาชาติ แน่นอนว่าประเทศที่ขาดหายไปจะเป็นใครไปไม่ได้ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในยุโรป ไม่ยอมร่วมลงชื่อในครั้งนี้ เปรียบได้กับพวกเขาให้ความร่วมมือในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยอิสราเอล แม้ว่าที่ผ่านมาปากของพวกเขาจะขยับตลอดเวลาว่าต้องการให้ยุติสงครามในภูมิภาคนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💬 ขวัญกำลังใจของทหารยูเครนที่ตกต่ำ, พวกเขากลัว - พลเมืองสหรัฐฯที่ช่วยเหลือกองกำลังรัสเซีย

    แม้ว่าสมาชิกกองพันชาตินิยมของยูเครนมักจะเป็นผู้สนับสนุนอย่างเปิดเผยที่สุด ในการต่อสู้กับรัสเซียจนลมหายใจสุดท้าย, แดเนียล มาร์ตินเดล, พลเมืองสหรัฐฯที่ช่วยเหลือรัสเซียในเขตสงครามยูเครนโดยสมัครใจ, กล่าวว่าเขาไม่เห็นทหารเหล่านี้ในหมู่บ้าน (ในเวลานั้น) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคียฟควบคุมซึ่งเขาอาศัยอยู่

    “ฉันพบเฉพาะทหารที่ต่อสู้ในหน่วยป้องกันดินแดนหรือหน่วยอื่นๆเท่านั้น พวกเขาคิดว่าไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะอยู่ที่นี่ พวกเขากลัว พวกเขาแค่อยากกลับบ้าน” เขากล่าว
    .
    💬 MORALE OF UKRAINIAN SOLDIERS FALLING, THEY ARE SCARED - US CITIZEN WHO HELPED RUSSIAN FORCES

    While members of Ukraine’s nationalist battalions are often some of the most outspoken supporters of fighting Russia to the last breath, Daniel Martindale, a US citizen who voluntarily aided Russia in the Ukrainian conflict zone, says he did not see any of them in the village in (at the time) the Kiev-controlled area he was staying.

    “I only met soldiers who were fighting in territorial defense or units. Their opinion was that there's no good reason to be here. They were afraid. They just wanted to go home,” he noted.
    .
    12:17 PM · Nov 4, 2024 · 1,436 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853305620268532193
    💬 ขวัญกำลังใจของทหารยูเครนที่ตกต่ำ, พวกเขากลัว - พลเมืองสหรัฐฯที่ช่วยเหลือกองกำลังรัสเซีย แม้ว่าสมาชิกกองพันชาตินิยมของยูเครนมักจะเป็นผู้สนับสนุนอย่างเปิดเผยที่สุด ในการต่อสู้กับรัสเซียจนลมหายใจสุดท้าย, แดเนียล มาร์ตินเดล, พลเมืองสหรัฐฯที่ช่วยเหลือรัสเซียในเขตสงครามยูเครนโดยสมัครใจ, กล่าวว่าเขาไม่เห็นทหารเหล่านี้ในหมู่บ้าน (ในเวลานั้น) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคียฟควบคุมซึ่งเขาอาศัยอยู่ “ฉันพบเฉพาะทหารที่ต่อสู้ในหน่วยป้องกันดินแดนหรือหน่วยอื่นๆเท่านั้น พวกเขาคิดว่าไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะอยู่ที่นี่ พวกเขากลัว พวกเขาแค่อยากกลับบ้าน” เขากล่าว . 💬 MORALE OF UKRAINIAN SOLDIERS FALLING, THEY ARE SCARED - US CITIZEN WHO HELPED RUSSIAN FORCES While members of Ukraine’s nationalist battalions are often some of the most outspoken supporters of fighting Russia to the last breath, Daniel Martindale, a US citizen who voluntarily aided Russia in the Ukrainian conflict zone, says he did not see any of them in the village in (at the time) the Kiev-controlled area he was staying. “I only met soldiers who were fighting in territorial defense or units. Their opinion was that there's no good reason to be here. They were afraid. They just wanted to go home,” he noted. . 12:17 PM · Nov 4, 2024 · 1,436 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853305620268532193
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • ข่าว 4 พ.ย.

    เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว
    .
    วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง
    .
    นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท.
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
    .
    ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน
    ..............
    Sondhi X
    ข่าว 4 พ.ย. เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว . วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง . นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท. . ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว . อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร . ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพยายามยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างเร็วที่สุด เขาอาจพบจุดจบในชะตากรรมเดียวกับ จอห์น เอฟ.เคนเนดี จากความเห็นของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย
    .
    ขณะเดียวกัน เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับมอสโก จะยังคงตึงเครียดในระดับสูงลิ่วต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (5 พ.ย.)
    .
    ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ประกาศซ้ำๆ ว่าจะยุติสถานการณ์นองเลือดในยูเครนในเวลาอันสั้น หากได้รับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจงใดๆ ในขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต คู่แข่งของเขา เชื่อว่า ทรัมป์ อาจบีบให้ เคียฟ ยอมจำนน
    .
    ในเรื่องนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินก็แสดงความเคลือบแคลงสงสัยเช่นกันเกี่ยวกับความสามารถของทรัมป์ ในการหยุดความขัดแย้งในชั่วข้ามคืน พร้อมเชื่อว่าไม่มีไม้กายสิทธิ์ใดๆ ในปัจจุบันที่เขาจะทำเช่นนั้นได้
    .
    เมดเวเดฟ โพสต์ข้อความลงบนช่องเทเลแกรมเมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ระบุว่ามอสโกไม่ได้คาดหวังใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมอ้างว่า "สำหรับรัสเซียแล้ว การเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากจุดยืนของผู้สมัครทั้ง 2 สะท้อนออกมาโดยสิ้นเชิงอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้ง 2 ฝ่าย ว่าจำเป็นต้องเอาชนะประเทศของเรา"
    .
    ข้อความของเมดเวเดฟ เขียนต่อว่า แม้ในระหว่างหาเสียง ทรัมป์ พูดจากน่าเบื่อต่างๆ เกี่ยวกับโอกาสสันติภาพในยูเครน และอ้างว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาผู้นำโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากได้รับเลือกตั้ง ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้ "จะบังคับให้ทุกคนทำตามระบบกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล และจะไม่สามารถหยุดสงครามได้ ไม่ใช่แค่ภายในวันเดียว ใน 3 วัน หรือใน 3 เดือน"
    .
    "และถ้าหากเขาพยายามยุติความขัดแย้งยูเครน เขาจะกลายเป็นจอห์น เอฟ.เคนเนดี รายต่อไป" อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเตือน อ้างถึง จอห์น เอฟ.เคนเนดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1963
    .
    ในส่วนของแฮร์ริส เจ้าหน้าที่รัสเซียมองว่าเธอเป็น "คนโง่ ไร้ประสบการณ์ และอยู่ภายใต้การควบคุม" ขณะที่ เมดเวเดฟ ชี้ว่าหากเธอได้รัยชัยชนะ เธอจะเป็นแค่หุ่นเชิด ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และสมาชิกในบริวารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา คอยกุมบังเหียน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพยายามยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างเร็วที่สุด เขาอาจพบจุดจบในชะตากรรมเดียวกับ จอห์น เอฟ.เคนเนดี จากความเห็นของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย . ขณะเดียวกัน เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับมอสโก จะยังคงตึงเครียดในระดับสูงลิ่วต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (5 พ.ย.) . ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ประกาศซ้ำๆ ว่าจะยุติสถานการณ์นองเลือดในยูเครนในเวลาอันสั้น หากได้รับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจงใดๆ ในขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต คู่แข่งของเขา เชื่อว่า ทรัมป์ อาจบีบให้ เคียฟ ยอมจำนน . ในเรื่องนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินก็แสดงความเคลือบแคลงสงสัยเช่นกันเกี่ยวกับความสามารถของทรัมป์ ในการหยุดความขัดแย้งในชั่วข้ามคืน พร้อมเชื่อว่าไม่มีไม้กายสิทธิ์ใดๆ ในปัจจุบันที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ . เมดเวเดฟ โพสต์ข้อความลงบนช่องเทเลแกรมเมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ระบุว่ามอสโกไม่ได้คาดหวังใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมอ้างว่า "สำหรับรัสเซียแล้ว การเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากจุดยืนของผู้สมัครทั้ง 2 สะท้อนออกมาโดยสิ้นเชิงอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้ง 2 ฝ่าย ว่าจำเป็นต้องเอาชนะประเทศของเรา" . ข้อความของเมดเวเดฟ เขียนต่อว่า แม้ในระหว่างหาเสียง ทรัมป์ พูดจากน่าเบื่อต่างๆ เกี่ยวกับโอกาสสันติภาพในยูเครน และอ้างว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาผู้นำโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากได้รับเลือกตั้ง ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้ "จะบังคับให้ทุกคนทำตามระบบกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล และจะไม่สามารถหยุดสงครามได้ ไม่ใช่แค่ภายในวันเดียว ใน 3 วัน หรือใน 3 เดือน" . "และถ้าหากเขาพยายามยุติความขัดแย้งยูเครน เขาจะกลายเป็นจอห์น เอฟ.เคนเนดี รายต่อไป" อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเตือน อ้างถึง จอห์น เอฟ.เคนเนดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1963 . ในส่วนของแฮร์ริส เจ้าหน้าที่รัสเซียมองว่าเธอเป็น "คนโง่ ไร้ประสบการณ์ และอยู่ภายใต้การควบคุม" ขณะที่ เมดเวเดฟ ชี้ว่าหากเธอได้รัยชัยชนะ เธอจะเป็นแค่หุ่นเชิด ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และสมาชิกในบริวารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา คอยกุมบังเหียน . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย
    .
    ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย
    .
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม
    .
    การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก
    .
    หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น
    .
    สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์
    .
    สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
    .
    สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น
    .
    ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย . ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย . ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม . การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก . หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น . สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์ . สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ . สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น . ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • หม่อมโจ้
    สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส
    เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร
    ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้
    เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด
    ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน
    แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
    อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
    'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น
    ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
    ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
    ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
    ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
    (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist'
    ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist'
    เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น
    การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
    ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
    ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
    ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
    (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
    การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
    วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542)
    ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
    Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
    แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
    โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่
    (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
    เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ
    ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น
    หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร)
    ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
    ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก
    ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร
    จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่
    ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
    ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    หม่อมโจ้ สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้ เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง 'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ : (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist' เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542) ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่ (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร) ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่ ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการ์ตูนสื่อถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2565 ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยมีข้อความเปรียบเปรยว่า

    12 ชั่วโมงที่แล้ว: รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียเพราะปฏิเสธที่จะชำระเงินเป็นรูเบิล
    10 ชั่วโมงที่แล้ว: โปแลนด์ตกลงจ่ายค่าน้ำมันเป็นรูเบิล
    6 ชั่วโมงที่แล้ว: ออสเตรียและบัลแกเรียตกลงจ่ายค่าแก๊สเป็นรูเบิล
    5 ชั่วโมงที่แล้ว: คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตให้ประเทศในยุโรปซื้อก๊าซในสกุลเงินรูเบิล

    สาเหตุ: เมื่อ27 เมษายน 2565 บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย Gazprom กล่าวว่าได้หยุดการส่งออกเชื้อเพลิงไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียแล้ว ส่งผลให้ความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจากสงครามของรัสเซียกับยูเครน

    ในแถลงการณ์ Gazprom ระบุว่าการหยุดจ่ายก๊าซครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทก๊าซของโปแลนด์และบัลแกเรียปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเป็นรูเบิล ซึ่งเป็นสกุลเงินของรัสเซีย โดยก๊าซดังกล่าวถูกส่งผ่านท่อส่งยามาล ซึ่งทอดยาวจากไซบีเรียไปยังยุโรป

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินสั่งประเทศต่างๆ ที่รัสเซียมองว่า "ไม่เป็นมิตร" ให้ชำระค่าก๊าซเป็นรูเบิลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการตอบโต้การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกกรณีปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

    เคียร์มลินออกมาปกป้องการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "จำเป็น" โดยคำนึงถึงสิ่งที่เรียกว่า "ขั้นตอนที่ไม่เป็นมิตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจอายัดเงินสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย “พวกเขาปิดกั้นบัญชีของเรา หรือพูดให้เป็นภาษารัสเซียก็คือ พวกเขา ‘ขโมย’ เงินสำรองของเราไปจำนวนมาก” โฆษก Dmitry Peskov กล่าว

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามที่จะพยุงสกุลเงินและตอบโต้ยุโรปท่ามกลางการโจมตีของชาติตะวันตกที่บังคับใช้กับภาคการธนาคารของรัสเซีย

    หลังจากที่ประเทศเหล่านั้นได้อายัดสินทรัพย์สกุลเงินของธนาคารกลางของรัสเซีย เนื่องจากสงครามยูเครน ซึ่นกล่าวว่าการอายัดทรัพย์สินของรัสเซียในรูปเงินดอลลาร์และยูโรนั้น ชาติตะวันตกได้ยึดเงินค่าขนส่งน้ำมันไปฟรีๆ และรัสเซียไม่สามารถเสี่ยงต่อการค้าขายในรูปเงินยูโรและดอลลาร์ต่อไปได้ เนื่องจากการชำระเงินใหม่ก็อาจถูกอายัดได้เช่นกัน

    Agata Łoskot-Strachota นักวิจัยอาวุโสด้านนโยบายพลังงานที่ศูนย์การศึกษาด้านตะวันออกในกรุงวอร์ซอ กล่าวว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปบางประเทศ เช่น เยอรมนีและฮังการี พึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากรัสเซียเป็นอย่างมาก และระมัดระวังมากขึ้นในการประณามรัสเซียกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน

    เธอบอกว่าการปิดก็อกน้ำมันนั้น "สิ่งที่รัสเซียสามารถทำได้คือการแบ่งแยกยุโรป เราต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริง"

    สหภาพยุโรปมีแผนที่จะค่อยๆ ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากรัสเซียภายในปี 2030 แต่ยังตั้งเป้าที่จะลดการซื้อก๊าซจากรัสเซียลงอย่างมากภายในสิ้นปีนี้ด้วย นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทวีตข้อความเมื่อวันพุธว่า สหภาพยุโรปจะตอบสนองต่อการแบล็กเมล์ของ Gazprom ทันที โดยจะดำเนินการอย่างเป็นหนึ่งเดียวและประสานงานกัน

    อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับวิธีที่บริษัทในสหภาพยุโรปสามารถชำระค่าแก๊สของรัสเซียเป็นรูเบิลได้โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะไม่ทำธุรกรรมกับธนาคารกลางของรัสเซียในขณะที่ชำระเงินค่าซื้อสินค้าด้วยเงินยูโรหรือดอลลาร์ ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงไม่ได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ตามคำแนะนำดังกล่าว

    ที่มา ภาพจากออนไลน์

    #Thaitimes
    ภาพการ์ตูนสื่อถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2565 ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยมีข้อความเปรียบเปรยว่า 12 ชั่วโมงที่แล้ว: รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียเพราะปฏิเสธที่จะชำระเงินเป็นรูเบิล 10 ชั่วโมงที่แล้ว: โปแลนด์ตกลงจ่ายค่าน้ำมันเป็นรูเบิล 6 ชั่วโมงที่แล้ว: ออสเตรียและบัลแกเรียตกลงจ่ายค่าแก๊สเป็นรูเบิล 5 ชั่วโมงที่แล้ว: คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตให้ประเทศในยุโรปซื้อก๊าซในสกุลเงินรูเบิล สาเหตุ: เมื่อ27 เมษายน 2565 บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย Gazprom กล่าวว่าได้หยุดการส่งออกเชื้อเพลิงไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียแล้ว ส่งผลให้ความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจากสงครามของรัสเซียกับยูเครน ในแถลงการณ์ Gazprom ระบุว่าการหยุดจ่ายก๊าซครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทก๊าซของโปแลนด์และบัลแกเรียปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเป็นรูเบิล ซึ่งเป็นสกุลเงินของรัสเซีย โดยก๊าซดังกล่าวถูกส่งผ่านท่อส่งยามาล ซึ่งทอดยาวจากไซบีเรียไปยังยุโรป ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินสั่งประเทศต่างๆ ที่รัสเซียมองว่า "ไม่เป็นมิตร" ให้ชำระค่าก๊าซเป็นรูเบิลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการตอบโต้การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกกรณีปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เคียร์มลินออกมาปกป้องการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "จำเป็น" โดยคำนึงถึงสิ่งที่เรียกว่า "ขั้นตอนที่ไม่เป็นมิตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจอายัดเงินสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย “พวกเขาปิดกั้นบัญชีของเรา หรือพูดให้เป็นภาษารัสเซียก็คือ พวกเขา ‘ขโมย’ เงินสำรองของเราไปจำนวนมาก” โฆษก Dmitry Peskov กล่าว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามที่จะพยุงสกุลเงินและตอบโต้ยุโรปท่ามกลางการโจมตีของชาติตะวันตกที่บังคับใช้กับภาคการธนาคารของรัสเซีย หลังจากที่ประเทศเหล่านั้นได้อายัดสินทรัพย์สกุลเงินของธนาคารกลางของรัสเซีย เนื่องจากสงครามยูเครน ซึ่นกล่าวว่าการอายัดทรัพย์สินของรัสเซียในรูปเงินดอลลาร์และยูโรนั้น ชาติตะวันตกได้ยึดเงินค่าขนส่งน้ำมันไปฟรีๆ และรัสเซียไม่สามารถเสี่ยงต่อการค้าขายในรูปเงินยูโรและดอลลาร์ต่อไปได้ เนื่องจากการชำระเงินใหม่ก็อาจถูกอายัดได้เช่นกัน Agata Łoskot-Strachota นักวิจัยอาวุโสด้านนโยบายพลังงานที่ศูนย์การศึกษาด้านตะวันออกในกรุงวอร์ซอ กล่าวว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปบางประเทศ เช่น เยอรมนีและฮังการี พึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากรัสเซียเป็นอย่างมาก และระมัดระวังมากขึ้นในการประณามรัสเซียกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน เธอบอกว่าการปิดก็อกน้ำมันนั้น "สิ่งที่รัสเซียสามารถทำได้คือการแบ่งแยกยุโรป เราต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริง" สหภาพยุโรปมีแผนที่จะค่อยๆ ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากรัสเซียภายในปี 2030 แต่ยังตั้งเป้าที่จะลดการซื้อก๊าซจากรัสเซียลงอย่างมากภายในสิ้นปีนี้ด้วย นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทวีตข้อความเมื่อวันพุธว่า สหภาพยุโรปจะตอบสนองต่อการแบล็กเมล์ของ Gazprom ทันที โดยจะดำเนินการอย่างเป็นหนึ่งเดียวและประสานงานกัน อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับวิธีที่บริษัทในสหภาพยุโรปสามารถชำระค่าแก๊สของรัสเซียเป็นรูเบิลได้โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะไม่ทำธุรกรรมกับธนาคารกลางของรัสเซียในขณะที่ชำระเงินค่าซื้อสินค้าด้วยเงินยูโรหรือดอลลาร์ ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงไม่ได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ตามคำแนะนำดังกล่าว ที่มา ภาพจากออนไลน์ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคมิ บาเดนอค(Kemi Badenoch) นักการเมืองเชื้อสายอังกฤษ-ไนจีเรีย เกิดที่วิมเบิลดัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยม(Conservative Party) ของอังกฤษ

    เธอได้รับคะแนนเสียง 54,000 คะแนน ขณะที่โรเบิร์ต เจนริก คู่แข่งของเธอได้รับไป 41,000 คะแนน

    เคมิ เข้าเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมตั้งแต่ปี 2017

    ภาพวิดีโอแสดงท่าทางของภรรยาของ "โรเบิร์ต เจนริค" เธอคิดว่าเธอได้ปรบมือให้ เคมิ บาเดนอค ที่เอาชนะสามีของเธอมากพอแล้ว "แต่อาจยังไม่พอดี" 😂
    เคมิ บาเดนอค(Kemi Badenoch) นักการเมืองเชื้อสายอังกฤษ-ไนจีเรีย เกิดที่วิมเบิลดัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยม(Conservative Party) ของอังกฤษ เธอได้รับคะแนนเสียง 54,000 คะแนน ขณะที่โรเบิร์ต เจนริก คู่แข่งของเธอได้รับไป 41,000 คะแนน เคมิ เข้าเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมตั้งแต่ปี 2017 ภาพวิดีโอแสดงท่าทางของภรรยาของ "โรเบิร์ต เจนริค" เธอคิดว่าเธอได้ปรบมือให้ เคมิ บาเดนอค ที่เอาชนะสามีของเธอมากพอแล้ว "แต่อาจยังไม่พอดี" 😂
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยคอมมานโดอิสราเอลลักพาตัวเจ้าหน้าที่ทหารเรือของกองทัพเรือเลบานอน

    ภาพเหตุการณ์ขณะที่ทหารอิสราเอลประมาณ 25 นาย แอบลักลอบเข้ามาในเมืองบาตรูนด้วยเรือเร็ว เพื่อบุกจับกุมตัวอัมฮาซ และรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

    "อาลี ฮามิเอห์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเลบานอนยืนยันว่า อัมฮาซ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ และเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เดินเดินเรือทางทะเลของพลเรือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ UNIFIL รับรองการบังคับใช้มติ 1701 ตลอดแนวชายฝั่งเลบานอน เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นการลักพาตัวพลเรือนของเลบานอนโดยเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ

    แหล่งข่าวกองทัพเลบานอนเปิดเผยว่า อิมัด อัมฮาซ ซึ่งถูกจับตัวไปในเมืองบาตรูน กำลังเรียนหลักสูตรกัปตันเรือที่สถาบันการเดินเรือ ซึ่งเป็นสถาบันเอกชนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงของเลบานอน

    ทางด้านสื่ออิสราเอลอ้างว่า "อัมฮาซ" เป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    หน่วยคอมมานโดอิสราเอลลักพาตัวเจ้าหน้าที่ทหารเรือของกองทัพเรือเลบานอน ภาพเหตุการณ์ขณะที่ทหารอิสราเอลประมาณ 25 นาย แอบลักลอบเข้ามาในเมืองบาตรูนด้วยเรือเร็ว เพื่อบุกจับกุมตัวอัมฮาซ และรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว "อาลี ฮามิเอห์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเลบานอนยืนยันว่า อัมฮาซ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ และเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เดินเดินเรือทางทะเลของพลเรือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ UNIFIL รับรองการบังคับใช้มติ 1701 ตลอดแนวชายฝั่งเลบานอน เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นการลักพาตัวพลเรือนของเลบานอนโดยเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ แหล่งข่าวกองทัพเลบานอนเปิดเผยว่า อิมัด อัมฮาซ ซึ่งถูกจับตัวไปในเมืองบาตรูน กำลังเรียนหลักสูตรกัปตันเรือที่สถาบันการเดินเรือ ซึ่งเป็นสถาบันเอกชนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงของเลบานอน ทางด้านสื่ออิสราเอลอ้างว่า "อัมฮาซ" เป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉเอกสารชุดใหม่ HYBE แผนแคมเปญล้ม ‘ลิซ่า’ เหยียดเชื้อชาติ จ้างทำข่าวปลอม หวังทำลายชื่อเสียง แฟนคลับเรียกร้องฟ้องค่ายดัง

    การเปิดประเด็นของ ‘ฮันนิ’ แห่งวงนิวจีนส์ ออกมาเผยถึงการกดขี่ข่มเหงในวงการ K-POP จนรัฐบาลและรัฐสภารับเรื่องไปเปิดประเด็นไต่สวน นำไปสู่การเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องของบางบริษัทหลุดออกมา ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีจำนวน 18,000 หน้า

    โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว มีการพูดถึงศิลปินในวงการ K-POP ค่ายอื่นๆ เช่น EXO, SHINee, (G)I-DLE, Stray Kids เป็นต้น ซึ่งเนื้อหาในเอกสารก็เป็นการบูลลี่ ดูถูกศิลปินแบบเสียๆ หายๆ

    ล่าสุดมีการเปิดเผยเนื้อหาในเอกสารเพิ่มเติมอีก 1,000 หน้า มีการระบุว่าเป็นแผนงานและมีลำดับขั้นตอนชัดเจน โดยเอกสารส่วนนึงเพ่งเล็งไปที่การโจมตีหวังทำลาย ‘ลิซ่า’ เช่น จ้างสื่อให้เขียนข่าวโจมตีลิซ่า กล่าวหาว่าลิซ่ามีแฟนคลับเฉพาะแค่ในเอเชียอาคเนย์ กล่าวหาที่ได้รางวัลศิลปิน K-POP ยอดเยี่ยมเพราะโกงโหวต โจมตีเรื่องการออกเดทเป็นเหตุผลที่ไม่ยอมต่อสัญญากับค่ายเดิม ไปจนถึงการเหยียดเชื้อชาติ ว่าเพราะลิซ่าเป็นคนไทย เลยไม่แปลกที่ไปเต้นโชว์ Crazy Horse Show

    โดย HYBE กล่าวถึงการปรากฏตัวของลิซ่าที่ Crazy Horse Show ที่ปารีส ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาสาธารณชนลดลงอย่างมาก ดูเหมือนว่าสำหรับเธอ การแสดงที่มีการเปลือยอาจเป็นการท้าทายหรือแสดงถึงพลังในแบบของเธอ แต่การนำเสนอนั้นแบบนี้กลับดูไม่มีบริบทที่ชัดเจน แทนที่จะเป็นการผสมผสานเข้ากับการแสดงที่มีความหมาย กลับทำให้ดูเหมือนการแสดงแบบล้อเลียนที่ขาดความลึกซึ้ง จนถูกมองว่าไร้เดียงสาไปบ้าง

    การที่สมาชิกคนอื่นไปเข้าชมและสนับสนุนก็ทำให้ภาพลักษณ์ของทีมโดยรวมได้รับผลกระทบไปด้วย โชคดีที่กลุ่มนี้ไม่เคยนำเสนอผลงานในธีมเกี่ยวกับพลังหญิงหรือประเด็นทางเพศ ดังนั้นพวกเขาอาจฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้ง BLACKPINK มักเน้นเรื่องราวความสัมพันธ์แบบรักต่างเพศเป็นหลัก

    ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีบทความใส่ร้ายลิซ่าเป็นจำนวนมาก และเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน จนทำให้แฟนคลับต่างสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการนี้ วันนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วว่าข้อสงสัยดังกล่าวนั้นทุกอย่างคือเรื่องจริง

    ที่มา https://ch3plus.com/news/entertainment/ch3onlinenews/423128?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0_6vlqMTr2xhjpIxSWN_qnU_0600u-JLd6OQeZLyZ1z8-L3-3H_I2I6ls_aem_nSB2aucxZnNW8OmyAlYpSA

    #Thaitimes
    แฉเอกสารชุดใหม่ HYBE แผนแคมเปญล้ม ‘ลิซ่า’ เหยียดเชื้อชาติ จ้างทำข่าวปลอม หวังทำลายชื่อเสียง แฟนคลับเรียกร้องฟ้องค่ายดัง การเปิดประเด็นของ ‘ฮันนิ’ แห่งวงนิวจีนส์ ออกมาเผยถึงการกดขี่ข่มเหงในวงการ K-POP จนรัฐบาลและรัฐสภารับเรื่องไปเปิดประเด็นไต่สวน นำไปสู่การเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องของบางบริษัทหลุดออกมา ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีจำนวน 18,000 หน้า โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าว มีการพูดถึงศิลปินในวงการ K-POP ค่ายอื่นๆ เช่น EXO, SHINee, (G)I-DLE, Stray Kids เป็นต้น ซึ่งเนื้อหาในเอกสารก็เป็นการบูลลี่ ดูถูกศิลปินแบบเสียๆ หายๆ ล่าสุดมีการเปิดเผยเนื้อหาในเอกสารเพิ่มเติมอีก 1,000 หน้า มีการระบุว่าเป็นแผนงานและมีลำดับขั้นตอนชัดเจน โดยเอกสารส่วนนึงเพ่งเล็งไปที่การโจมตีหวังทำลาย ‘ลิซ่า’ เช่น จ้างสื่อให้เขียนข่าวโจมตีลิซ่า กล่าวหาว่าลิซ่ามีแฟนคลับเฉพาะแค่ในเอเชียอาคเนย์ กล่าวหาที่ได้รางวัลศิลปิน K-POP ยอดเยี่ยมเพราะโกงโหวต โจมตีเรื่องการออกเดทเป็นเหตุผลที่ไม่ยอมต่อสัญญากับค่ายเดิม ไปจนถึงการเหยียดเชื้อชาติ ว่าเพราะลิซ่าเป็นคนไทย เลยไม่แปลกที่ไปเต้นโชว์ Crazy Horse Show โดย HYBE กล่าวถึงการปรากฏตัวของลิซ่าที่ Crazy Horse Show ที่ปารีส ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาสาธารณชนลดลงอย่างมาก ดูเหมือนว่าสำหรับเธอ การแสดงที่มีการเปลือยอาจเป็นการท้าทายหรือแสดงถึงพลังในแบบของเธอ แต่การนำเสนอนั้นแบบนี้กลับดูไม่มีบริบทที่ชัดเจน แทนที่จะเป็นการผสมผสานเข้ากับการแสดงที่มีความหมาย กลับทำให้ดูเหมือนการแสดงแบบล้อเลียนที่ขาดความลึกซึ้ง จนถูกมองว่าไร้เดียงสาไปบ้าง การที่สมาชิกคนอื่นไปเข้าชมและสนับสนุนก็ทำให้ภาพลักษณ์ของทีมโดยรวมได้รับผลกระทบไปด้วย โชคดีที่กลุ่มนี้ไม่เคยนำเสนอผลงานในธีมเกี่ยวกับพลังหญิงหรือประเด็นทางเพศ ดังนั้นพวกเขาอาจฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้ง BLACKPINK มักเน้นเรื่องราวความสัมพันธ์แบบรักต่างเพศเป็นหลัก ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีบทความใส่ร้ายลิซ่าเป็นจำนวนมาก และเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน จนทำให้แฟนคลับต่างสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการนี้ วันนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วว่าข้อสงสัยดังกล่าวนั้นทุกอย่างคือเรื่องจริง ที่มา https://ch3plus.com/news/entertainment/ch3onlinenews/423128?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0_6vlqMTr2xhjpIxSWN_qnU_0600u-JLd6OQeZLyZ1z8-L3-3H_I2I6ls_aem_nSB2aucxZnNW8OmyAlYpSA #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.93 : BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไร
    .
    ในการประชุม BRICS ปีนี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ได้มีการรับรองให้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม 13 ประเทศมีสถานะเป็น “ประเทศพันธมิตร” หรือ Partner countries ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกในการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS อย่างสมบูรณ์ในอนาคต นี่จึงถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในโลกตะวันตก หรือกลุ่ม G7
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ จะมาให้ข้อมูลว่า การขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS มีนัยยะสำคัญอย่างไร ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และมีคำตอบของคุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่า การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ของไทย เป็นการเลือกข้าง ต่อต้านตะวันตก เหมือนที่ถูกวิจารณ์กันหรือไม่ ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    บูรพาไม่แพ้ Ep.93 : BRICS ขยายตัวครั้งใหญ่ ประเทศไทยได้อะไร . ในการประชุม BRICS ปีนี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ได้มีการรับรองให้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม 13 ประเทศมีสถานะเป็น “ประเทศพันธมิตร” หรือ Partner countries ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกในการเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS อย่างสมบูรณ์ในอนาคต นี่จึงถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในโลกตะวันตก หรือกลุ่ม G7 . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ จะมาให้ข้อมูลว่า การขยายตัวครั้งใหญ่ของกลุ่ม BRICS มีนัยยะสำคัญอย่างไร ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และมีคำตอบของคุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่า การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ของไทย เป็นการเลือกข้าง ต่อต้านตะวันตก เหมือนที่ถูกวิจารณ์กันหรือไม่ ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=kk7Nv8U2S2M
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516



    นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้

    1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line)

    อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา

    โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์”

    พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้

    “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

    มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

    ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้

    ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า



    “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์

    ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย

    ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน

    ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย

    ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า

    “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511”

    แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน

    ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น

    ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า

    “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“



    หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น

    ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด

    แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย

    แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

    แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล

    ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล

    การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

    MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“

    เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่?

    ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน

    จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า

    “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ

    จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป”

    โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ

    จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น

    ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่?

    ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530

    #Thaitimes
    ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้ 1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line) อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์” พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511” แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“ หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“ เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่? ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป” โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่? ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่ ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530 #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇵🇱🇪🇺🇨🇳 “สมาชิกสภาส่วนใหญ่พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะให้ประเทศในยุโรปทำสงครามกับรัสเซีย!

    ตอนนี้คุณกำลังพาพวกเราไปทำสงครามกับจีน!

    ยุโรปสมควรที่จะเป็นตัวแทนในสงครามระหว่างแองโกล-แซกซอน อเมริกัน-ยิว ที่เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่?”

    — ส.ส. โปแลนด์ บราวน์

    ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้ามีใครสักคนพยายามลอบสังหารเขา …
    .
    🇵🇱🇪🇺🇨🇳 “The majority of this house is persistently trying to take European nations to war with Russia!

    Now you are taking us to war with China!

    Does Europe deserve to be a proxy in some Anglo Saxon American Jewish wars fought all over the world?”

    — Polish MP Braun

    I would be not surprised if somebody would try to assassinate him …
    .
    3:24 PM · Nov 1, 2024 · 48.6K Views
    https://x.com/MyLordBebo/status/1852265515525263378
    🇵🇱🇪🇺🇨🇳 “สมาชิกสภาส่วนใหญ่พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะให้ประเทศในยุโรปทำสงครามกับรัสเซีย! ตอนนี้คุณกำลังพาพวกเราไปทำสงครามกับจีน! ยุโรปสมควรที่จะเป็นตัวแทนในสงครามระหว่างแองโกล-แซกซอน อเมริกัน-ยิว ที่เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่?” — ส.ส. โปแลนด์ บราวน์ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้ามีใครสักคนพยายามลอบสังหารเขา … . 🇵🇱🇪🇺🇨🇳 “The majority of this house is persistently trying to take European nations to war with Russia! Now you are taking us to war with China! Does Europe deserve to be a proxy in some Anglo Saxon American Jewish wars fought all over the world?” — Polish MP Braun I would be not surprised if somebody would try to assassinate him … . 3:24 PM · Nov 1, 2024 · 48.6K Views https://x.com/MyLordBebo/status/1852265515525263378
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • สวัสดีสมาชิกใหม่🥰🥰🥰🥰
    สวัสดีสมาชิกใหม่🥰🥰🥰🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่คือประเทศเอลซัลวาดอร์ เมืองที่เคยเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากจำนวนอาชญากรรมมากมาย
    แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับการอยู่อาศัย และท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในโลกไปแล้ว ภายใต้การบริหารประเทศของ "นายิบ บูเคเล" (Nayib Bukele) ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์

    เมื่อความปลอดภัยหวนคืนสู่ประเทศ ชาวเอลซัลวาดอร์บอกว่า พวกเขาสามารถเดินบนถนนได้อย่างอิสระ ขณะที่ร้านรวงต่าง ๆ ไม่บ่นเรื่องถูกกรรโชกทรัพย์อีกต่อไป

    “ที่นี่ไม่เคยปลอดภัย จนกระทั่งประธานาธิบดีคนนี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด และเขาเป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” หญิงสาวรายหนึ่งกล่าวถึงในย่านหนึ่งที่เคยเป็นแหล่งอันตรายที่สุดของเมืองหลวง

    บูเคเล ชนะการเลือกตั้งทั่วไปสมัยแรกในปี 2019 ส่งผลให้เขาเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศด้วยอายุเพียง 37 ปี จากการชูนโยบายต่อต้านการทุจริตและสัญญาว่าจะปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยมากขึ้น (นโยบายใกล้เคียงยูเครนในสมัยที่เซเลนสกีลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งก็คือปราบปรามการทุจริต)

    บูเคเล ถูกมองจากยุโรปและสหรัฐว่าเป็นเผด็จการ รวบอำนาจการปกครองไว้ที่ตนเอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันดีงามของประเทศ เนื่องจากเขาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศมาเกือบ 2 ปี เพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากรต่าง ๆ ส่งผลให้จำนวนนักโทษในเรือนจำเพิ่มขึ้นกว่ามากกว่า 75,000 คน หรือ 3 เท่า “สมาชิกแก๊งมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น” “คุกหรือตาย ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น” บูเคเล กล่าว

    แน่นอนว่ายุโรปและสหรัฐต่อต้านนโยบายเหล่านี้ของบูเคเล ผ่านทางองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอย่างฮิวแมนไรท์วอทช์และองค์กรพัฒนาเอกชนกล่าวหาว่า บูเคเลละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน และชักชวนให้ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านเขา โดยให้ข้อมูลว่ารัฐบาลควบคุมและระงับสิทธิต่างๆที่ประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยควรมี

    หลังจากลดความรุนแรงจากอาชญากรรมได้ บูเคเลนำอีเวนต์ที่มีชื่อเสียงมาจัดในเอลซัลวาดอร์อีกครั้ง เช่น การประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่ 72 หรือ มิสยูนิเวิร์ส เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศในระดับสากล และนักท่องเที่ยวก็เริ่มแสดงความสนใจ

    องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2019 หลายคนเป็นนักกระดานโต้คลื่น
    นี่คือประเทศเอลซัลวาดอร์ เมืองที่เคยเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากจำนวนอาชญากรรมมากมาย แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับการอยู่อาศัย และท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในโลกไปแล้ว ภายใต้การบริหารประเทศของ "นายิบ บูเคเล" (Nayib Bukele) ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ เมื่อความปลอดภัยหวนคืนสู่ประเทศ ชาวเอลซัลวาดอร์บอกว่า พวกเขาสามารถเดินบนถนนได้อย่างอิสระ ขณะที่ร้านรวงต่าง ๆ ไม่บ่นเรื่องถูกกรรโชกทรัพย์อีกต่อไป “ที่นี่ไม่เคยปลอดภัย จนกระทั่งประธานาธิบดีคนนี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด และเขาเป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” หญิงสาวรายหนึ่งกล่าวถึงในย่านหนึ่งที่เคยเป็นแหล่งอันตรายที่สุดของเมืองหลวง บูเคเล ชนะการเลือกตั้งทั่วไปสมัยแรกในปี 2019 ส่งผลให้เขาเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศด้วยอายุเพียง 37 ปี จากการชูนโยบายต่อต้านการทุจริตและสัญญาว่าจะปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยมากขึ้น (นโยบายใกล้เคียงยูเครนในสมัยที่เซเลนสกีลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งก็คือปราบปรามการทุจริต) บูเคเล ถูกมองจากยุโรปและสหรัฐว่าเป็นเผด็จการ รวบอำนาจการปกครองไว้ที่ตนเอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันดีงามของประเทศ เนื่องจากเขาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศมาเกือบ 2 ปี เพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากรต่าง ๆ ส่งผลให้จำนวนนักโทษในเรือนจำเพิ่มขึ้นกว่ามากกว่า 75,000 คน หรือ 3 เท่า “สมาชิกแก๊งมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น” “คุกหรือตาย ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น” บูเคเล กล่าว แน่นอนว่ายุโรปและสหรัฐต่อต้านนโยบายเหล่านี้ของบูเคเล ผ่านทางองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอย่างฮิวแมนไรท์วอทช์และองค์กรพัฒนาเอกชนกล่าวหาว่า บูเคเลละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน และชักชวนให้ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านเขา โดยให้ข้อมูลว่ารัฐบาลควบคุมและระงับสิทธิต่างๆที่ประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยควรมี หลังจากลดความรุนแรงจากอาชญากรรมได้ บูเคเลนำอีเวนต์ที่มีชื่อเสียงมาจัดในเอลซัลวาดอร์อีกครั้ง เช่น การประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่ 72 หรือ มิสยูนิเวิร์ส เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศในระดับสากล และนักท่องเที่ยวก็เริ่มแสดงความสนใจ องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2019 หลายคนเป็นนักกระดานโต้คลื่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • กกต.เริ่มไล่เชือด ส.ว.ประเดิม 'สมชาย เล่งหลัก' 'หมอเกศ' จ่อคิวต่อไป
    .
    วุฒิสภาชุดปัจจุบันที่เริ่มทำงานมาได้สักระยะ เวลานี้มีเรื่องให้ส.ว.บางคนร้อนๆหนาวๆกันบ้างแล้ว ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ว.ของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ หรือไม่
    .
    โดยเป็นผลมาจากกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เมื่อครั้งนายสมชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน ด้วยเหตุนี้กกต.จึงเห็นว่านายสมชาย เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ว. โดยขณะนี้อยู่ระหว่าง กกต.จัดทำคำวินิจฉัยและยกร่างคำร้องก่อนที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
    .
    อีกคนที่ต้องลุ้นเช่นกัน คือ พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ส.ว.กลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ) โดยกกต.เตรียมพิจารณาว่าความถูกต้องของประวัติการศึกษาที่ระบุว่าเป็นศาสตราจารย์ จบปริญญาเอกจาก California University ในใบเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา (สว.3) เข้าข่ายเป็นการกระทำหลอกลวง จูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณเพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ตนตามมาตรา 77 (4) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 หรือไม่ ในสัปดาห์หน้า
    ..............
    Sondhi X
    กกต.เริ่มไล่เชือด ส.ว.ประเดิม 'สมชาย เล่งหลัก' 'หมอเกศ' จ่อคิวต่อไป . วุฒิสภาชุดปัจจุบันที่เริ่มทำงานมาได้สักระยะ เวลานี้มีเรื่องให้ส.ว.บางคนร้อนๆหนาวๆกันบ้างแล้ว ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ว.ของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ หรือไม่ . โดยเป็นผลมาจากกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เมื่อครั้งนายสมชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน ด้วยเหตุนี้กกต.จึงเห็นว่านายสมชาย เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ว. โดยขณะนี้อยู่ระหว่าง กกต.จัดทำคำวินิจฉัยและยกร่างคำร้องก่อนที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป . อีกคนที่ต้องลุ้นเช่นกัน คือ พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ส.ว.กลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ) โดยกกต.เตรียมพิจารณาว่าความถูกต้องของประวัติการศึกษาที่ระบุว่าเป็นศาสตราจารย์ จบปริญญาเอกจาก California University ในใบเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา (สว.3) เข้าข่ายเป็นการกระทำหลอกลวง จูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณเพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ตนตามมาตรา 77 (4) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 หรือไม่ ในสัปดาห์หน้า .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇳 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติอย่างท่วมท้น เพื่อประณามมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อคิวบา

    การลงมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่มีสมาชิก ๑๙๓ ประเทศ มีมติ ๑๘๗ ต่อ ๒ เสียง 🤣โดยมีเพียงสหรัฐฯและอิสราเอลที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติดังกล่าว🤣 และมี ๑ เสียงงดออกเสียง
    .
    🇺🇳 United Nations General Assembly votes overwhelmingly to condemn the United States economic embargo on Cuba.

    The vote in the 193-member world body was 187-2, with only the United States and Israel voting against the resolution, and one abstention.
    .
    2:06 PM · Oct 31, 2024 · 215K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1851883373519609947
    🇺🇳 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติอย่างท่วมท้น เพื่อประณามมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อคิวบา การลงมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่มีสมาชิก ๑๙๓ ประเทศ มีมติ ๑๘๗ ต่อ ๒ เสียง 🤣โดยมีเพียงสหรัฐฯและอิสราเอลที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติดังกล่าว🤣 และมี ๑ เสียงงดออกเสียง . 🇺🇳 United Nations General Assembly votes overwhelmingly to condemn the United States economic embargo on Cuba. The vote in the 193-member world body was 187-2, with only the United States and Israel voting against the resolution, and one abstention. . 2:06 PM · Oct 31, 2024 · 215K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1851883373519609947
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ซาอีด จาลิลี สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของอิหร่าน และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านครั้งล่าสุด กล่าวเสนอความเห็นว่า

    “อิสราเอลจะต้องถูกโจมตีอย่างหนัก จนพวกเขาตระหนักได้ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด”
    ซาอีด จาลิลี สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของอิหร่าน และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านครั้งล่าสุด กล่าวเสนอความเห็นว่า “อิสราเอลจะต้องถูกโจมตีอย่างหนัก จนพวกเขาตระหนักได้ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31 ตค. 2567 เป็นสมาชิก thaitime
    31 ตค. 2567 เป็นสมาชิก thaitime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จากทั้ง 2 พรรค ต่างคาดหมายว่าอเมริกาอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหล หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และหวั่นวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองทั่วประเทศ ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวก็ตาม ตามรายงานของ Axios เว็บไซต์ข่าวของสหรัฐฯในวันพุธ(30ต.ค.) อ้างอิงความเห็นของสมาชิกรัฐสภาหลายคน
    .
    "เหล่าสมาชิกเดโมแครตมีความกังวลอย่างยิ่งว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคัดค้านผลการเลือกตั้ง หากเขาพ่ายแพ้ต่อรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ซ้ำรอยเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อปี 2021" รายงานข่าวระบุ
    .
    รายงานข่าวอ้างความเห็นของ เจสัน โครว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคเดโมแครต ในโคโรลาโด กล่าวว่า "เราแน่ใจว่า ที่นี่ มีสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงระดับสูง ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องระแวดระวังมัน และสร้างความแน่ใจว่า เรามีมาตรการป้องกันไว้ก่อนแล้ว"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ กำลังยกระดับดูแลด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในนั้นรวมการจัดตั้งแนวรั้วรอบๆอาคารรัฐสภา ก่อนหน้าการประชุมลงมติรับรองประธานาธิบดี ในวันที่ 6 มกราคม ตามรายงานของ Axios อ้างอิงเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับ
    .
    "ถ้าทรัมป์ชนะ เขาและพวกผู้สนับสนุนที่ใช้ความรุนแรงของเขา จะฮึกเหิม แต่ถ้าเขาแพ้ ฉันกังวลว่ามันจะเลวร้ายกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน" เดเลีย รามิเรซ ส.ส.เดโมแครต จากอิลลินอยส์ ให้ความเห็นกับ Axios
    .
    อย่างไรก็ตามสมาชิกรีพับลิกันก็แสดงความกังวลแบบเดียวกัน เตือนว่าพวกเดโมแครตจะประท้วงการคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ และลงมือใช้ความรุนแรง หาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้ง
    .
    ทรอย์ เนห์ลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกันจากเทกซัส กล่าวว่า "กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิควรพร้อมสำหรับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และพวกเขาควรปิดตายอาคารรัฐสภาให้ดีกว่าเดิม ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นของ Scripps News/Ipsos ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าอเมริกันชนส่วนใหญ่ก็มีความกังวลแบบเดียวกัน และคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงหลังวันเลือกตั้ง โดยผลสำรวจพบว่ามีคนสหรัฐฯมากถึง 62% ที่เชื่อว่าแนวโน้มความยุ่งเหยิงหลังการเลือกตั้งนั้น "ค่อนข้างจะเป็นไปได้หรือมีความเป็นไปได้อย่างมาก"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104817
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จากทั้ง 2 พรรค ต่างคาดหมายว่าอเมริกาอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหล หลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และหวั่นวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองทั่วประเทศ ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวก็ตาม ตามรายงานของ Axios เว็บไซต์ข่าวของสหรัฐฯในวันพุธ(30ต.ค.) อ้างอิงความเห็นของสมาชิกรัฐสภาหลายคน . "เหล่าสมาชิกเดโมแครตมีความกังวลอย่างยิ่งว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะคัดค้านผลการเลือกตั้ง หากเขาพ่ายแพ้ต่อรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ซ้ำรอยเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อปี 2021" รายงานข่าวระบุ . รายงานข่าวอ้างความเห็นของ เจสัน โครว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคเดโมแครต ในโคโรลาโด กล่าวว่า "เราแน่ใจว่า ที่นี่ มีสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงระดับสูง ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องระแวดระวังมัน และสร้างความแน่ใจว่า เรามีมาตรการป้องกันไว้ก่อนแล้ว" . พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ กำลังยกระดับดูแลด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในนั้นรวมการจัดตั้งแนวรั้วรอบๆอาคารรัฐสภา ก่อนหน้าการประชุมลงมติรับรองประธานาธิบดี ในวันที่ 6 มกราคม ตามรายงานของ Axios อ้างอิงเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับ . "ถ้าทรัมป์ชนะ เขาและพวกผู้สนับสนุนที่ใช้ความรุนแรงของเขา จะฮึกเหิม แต่ถ้าเขาแพ้ ฉันกังวลว่ามันจะเลวร้ายกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน" เดเลีย รามิเรซ ส.ส.เดโมแครต จากอิลลินอยส์ ให้ความเห็นกับ Axios . อย่างไรก็ตามสมาชิกรีพับลิกันก็แสดงความกังวลแบบเดียวกัน เตือนว่าพวกเดโมแครตจะประท้วงการคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ และลงมือใช้ความรุนแรง หาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้ง . ทรอย์ เนห์ลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกันจากเทกซัส กล่าวว่า "กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิควรพร้อมสำหรับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในช่วงเวลาสั้นๆ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และพวกเขาควรปิดตายอาคารรัฐสภาให้ดีกว่าเดิม ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ผลสำรวจความคิดเห็นของ Scripps News/Ipsos ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าอเมริกันชนส่วนใหญ่ก็มีความกังวลแบบเดียวกัน และคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงหลังวันเลือกตั้ง โดยผลสำรวจพบว่ามีคนสหรัฐฯมากถึง 62% ที่เชื่อว่าแนวโน้มความยุ่งเหยิงหลังการเลือกตั้งนั้น "ค่อนข้างจะเป็นไปได้หรือมีความเป็นไปได้อย่างมาก" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104817 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1351 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..การล่มสลายเริ่มจากสิ่งนี้อย่างเป็นทางการ ยุโรปเริ่มพังทั้งยุโรปอย่างเป็นรูปธรรม&เปิดเผย แล้วกระจายลุกลามถึงเอเชียอาเชียนที่เราเห็นๆในปัจจุบัน.
    ..ฟ้าเรารู้สิ่งนี้ดี จึงปฏิเสธการเข้าร่วมตามที่เป็นข่าว ราชินีกิ่งก่า น่าไปตรงไหน ตัวจริงตายนานแล้วด้วย เขาเก็บนานแล้ว รวมท่านลอร์ดต่างๆด้วย.

    ..จากอดีต คนข่าวเล่าว่า
    Healthความคิด...

    ☠งานศพของราชินีเป็นสัญลักษณ์ของการล่มสลายของคับบาลาห์: ตายแล้วถูกฝัง

    💥จำไว้ว่าก้อนหินแห่งจอร์เจียตกลงมาได้อย่างไร สัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ของการทำลายล้างแผนโลกาภิวัตน์ของซาตาน

    👉 มีการแสดงความคิดเห็นด้วยว่าจิตรกรรมฝาผนังซาตานที่สนามบินเดนเวอร์หายไป (หนึ่งในเด็กจากทั่วทุกมุมโลกที่มีธงปากกระบอกปืนของแต่ละประเทศ) (ไม่ยืนยัน)

    ⚡️วันนี้สมาชิกของ Dark Cabal จะมาพบกันที่ลอนดอน บางทีอาจจะพยายามตกลงกันว่าจะรื้อฟื้นโครงการที่ล้มเหลวในการครอบครองโลกและการปราบปรามมนุษยชาติ บางทีอาจจะลองพิธีกรรมอันมืดมน...หรือบางทีอาจจะเห็นด้วยกับการยอมจำนนทั้งหมดของพวกเขา และลองเจรจาเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์สำหรับพวกเขา 🔥

    เราต้องการให้พวกเขาออกไปจากโลกนี้โดยเร็วที่สุด

    ⚡️ไม่ว่าในกรณีใด ราชินีของพวกเขาจะไม่ปรากฏต่อสาธารณะอีกต่อไป แต่หัวของสัตว์ร้ายสองตัวยังคงอยู่ในแกลเลอรี (วาติกันและดีซี)

    😎มาดูกันว่าตั้งแต่วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น... ⚡️

    โดยส่วนตัวแล้ว ฉันพนันได้เลยว่าความสมดุลจะเอียงไปทางกิจกรรม GOOD อย่างเห็นได้ชัด 🍿Kat
    ...
    ..การล่มสลายเริ่มจากสิ่งนี้อย่างเป็นทางการ ยุโรปเริ่มพังทั้งยุโรปอย่างเป็นรูปธรรม&เปิดเผย แล้วกระจายลุกลามถึงเอเชียอาเชียนที่เราเห็นๆในปัจจุบัน. ..ฟ้าเรารู้สิ่งนี้ดี จึงปฏิเสธการเข้าร่วมตามที่เป็นข่าว ราชินีกิ่งก่า น่าไปตรงไหน ตัวจริงตายนานแล้วด้วย เขาเก็บนานแล้ว รวมท่านลอร์ดต่างๆด้วย. ..จากอดีต คนข่าวเล่าว่า Healthความคิด... ☠งานศพของราชินีเป็นสัญลักษณ์ของการล่มสลายของคับบาลาห์: ตายแล้วถูกฝัง 💥จำไว้ว่าก้อนหินแห่งจอร์เจียตกลงมาได้อย่างไร สัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ของการทำลายล้างแผนโลกาภิวัตน์ของซาตาน 👉 มีการแสดงความคิดเห็นด้วยว่าจิตรกรรมฝาผนังซาตานที่สนามบินเดนเวอร์หายไป (หนึ่งในเด็กจากทั่วทุกมุมโลกที่มีธงปากกระบอกปืนของแต่ละประเทศ) (ไม่ยืนยัน) ⚡️วันนี้สมาชิกของ Dark Cabal จะมาพบกันที่ลอนดอน บางทีอาจจะพยายามตกลงกันว่าจะรื้อฟื้นโครงการที่ล้มเหลวในการครอบครองโลกและการปราบปรามมนุษยชาติ บางทีอาจจะลองพิธีกรรมอันมืดมน...หรือบางทีอาจจะเห็นด้วยกับการยอมจำนนทั้งหมดของพวกเขา และลองเจรจาเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์สำหรับพวกเขา 🔥 เราต้องการให้พวกเขาออกไปจากโลกนี้โดยเร็วที่สุด ⚡️ไม่ว่าในกรณีใด ราชินีของพวกเขาจะไม่ปรากฏต่อสาธารณะอีกต่อไป แต่หัวของสัตว์ร้ายสองตัวยังคงอยู่ในแกลเลอรี (วาติกันและดีซี) 😎มาดูกันว่าตั้งแต่วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น... ⚡️ โดยส่วนตัวแล้ว ฉันพนันได้เลยว่าความสมดุลจะเอียงไปทางกิจกรรม GOOD อย่างเห็นได้ชัด 🍿Kat ...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า

    “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว !

    ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2

    แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย

    นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้

    เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ

    ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121

    การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้

    - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972)

    - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972)

    - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544)

    ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น

    ผิดทั้งหมด !

    เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว

    การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน

    แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ !

    ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้

    นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554

    นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด !

    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

    “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้

    อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ

    เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา

    แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย

    จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา !

    นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย

    โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน

    ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร

    ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ…

    “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้”

    การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก

    แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน

    พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U

    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา

    MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี

    แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด

    หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

    หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร

    ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ !

    ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน

    ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย

    แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982

    หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น

    เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ !

    หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA

    #Thaitimes
    อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว ! ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2 แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121 การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้ - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972) - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972) - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544) ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น ผิดทั้งหมด ! เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ ! ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้ นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด ! ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา ! นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ… “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้” การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ ! ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ ! หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้
    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล
    ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น

    บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ
    ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล
    ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ
    และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน
    ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ได้แก่

    (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน
    และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน

    (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก
    ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

    (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน
    และการบังคับใช้กฎหมาย และ

    (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
    อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล
    ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ
    มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม
    (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน
    หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ
    พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่
    และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
    หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม
    หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม
    ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น

    อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน
    และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ
    ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา
    ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น
    และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
    มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน
    ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้

    (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์
    เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง
    พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน
    เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น
    ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน
    อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน
    การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้

    (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน
    International Sustainability Standards Board (ISSB)
    ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ
    จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ
    และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน

    (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment)
    ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน
    สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี
    ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ที่มา ก.ล.ต.
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก ของตลาดหลักทรัพย์ฯ (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน และการบังคับใช้กฎหมาย และ (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้ (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้ (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน International Sustainability Standards Board (ISSB) ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment) ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่มา ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.11 ตอน "NEW HERO BORN IN EVERYDAY" ไม่ใช่ MARVEL ไม่ใช่ DC แต่เป็นทหารราชองครักษ์ สั่งสอนเด็กอมมือ ไม่รู้กาลเทศะ มือกัน ไม่ให้เดินเทียบเจ้า ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รหัสลับ DNA ตามพ่องแม่งเป๊ะเด๊ะ ครั้งนึง ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์กับแขกอาคันตุกะทั่วโลก อีพ่อเหลี่ยมไม่ได้ถูกเชิญ แต่เสือกเสนอหน้า อยากจะเกิด แต่เสือกดับกลางหน้าประตูงานเลี้ยง เพราะมันงานเลี้ยงของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ บรรดากษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูงจากทั่วโลก แห่กันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี อีเหลี่ยมหัวหมอ อยากยกระดับโดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเอง เป็นแค่นายกฯ ใต้ตรีนฝ่าพระบาท โดนเจ้าหน้าที่วังถีบออก สั่งไสหัวออกไป นั่นคือจุดเดือด ความเครียดแค้นที่มีต่อวังนับแต่นั้นมา หมายังรู้ มรึงแค่ขี้ข้าเหี้ย CIA ขึ้นมาได้เพราะเงินวอชิงตัน ซื้อเสียงมาทั้งนั้น หลอกควายไทยบัดซบ 10 ล้านเสียง ครั้นอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นบ้าง อยากจะเดินตามรอยพ่อเหลี่ยมเหี้ยบ้าง คิดวัดรอยตรีน แต่งวดนี้ หน้าแหก หมอไม่รับเย็บ โดนท่านปีใหม่ เอาแขนกันไว้ ไม่ให้เดินเทียบ ภาษาแถวบ้านเรียก "เสียหมา" ระดับนายก ก็แค่ข้าราชบริพาร อย่าริสะเออะเสนอหน้าเทียบเจ้า มรึงเป็นได้แค่เศษสวะ คิดล้มเจ้าทั้งตระกูล ฝันเปียกไปเหอะ ตระกูลมรึงจะสิ้นชาติพันธุ์ในพศ.นี้แหละ เหมือนทหารแตงโม ถูกแช่ ถูกดองกันเกลื่อนยามนี้ รู้ชะตากรรม วังเล่นบทพระเดชแล้ว อย่าต๊กกะใจ พ่อท่านร.10 ทรงมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง แต่จะไม่ละเว้นไอ้อีที่คิดกบฎขายชาติ ขายแผ่นดิน เชื่อกูเหอะว่า "ใครที่พ่อท่านไม่ปลื้ม" มรึงเตรียมเยี่ยวแตกได้เลย ระดับท่านไม่เสียเวลาดอก แค่ราชองครักษ์มรึงก็เละเทะแล้ว วังไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง ดีออก! จำใส่กระโหลกสมองหมาปัญญาควายมรึงไว้ให้ดีดี! กูว่าแล้ว ทรงมันมาชัวร์ ทำไมไทยต้องสร้าง "ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เริ่ดสุด เร็วสุด แรงสุดในอาเซียน" ไทยถูกจีนวางตัวเป็นศูนย์กลางผลิตชิปแห่งอาเซียนนั่นเอง เทคโนโลยีเราได้จากจีนมาเต็มตรีน บวกมันสมองคนไทยที่ต่อยอดสำเร็จ เรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน แล้วฮับอาเซียนต้องมีอะไรล่ะ? ศูนย์กลางพลังงาน ศูนย์กลางเทคโนโลยี ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์การตลาดอาเซียนเชื่อมโลก ศูนย์กลางเงิน ศูนย์การธนาคารอาเซียน เงินบาทหอมหวล ยังจะแข็งโป๊กได้อีกยาวไป ศูนย์กลางโลจิสติค ขนส่ง ไทยเรามีหมด ที่มาว่าทำไม เมื่อเราโตขึ้น สิ่งที่ตามมาคือภาคแรงงานมหาศาล และเพื่อนบ้านจะแห่กันเข้ามาอยู่เมืองไทยเพี๊ยบ เพราะหาเงินคล้อง เศรษฐกิจพุ่ง การค้าดี มั่นคง ร่มเย็น เป็นสุข แถมของอร่อยมีมากที่สุดในโลก ชีวิตดี๊ดี! ใครมาหลงเสน่ห์หมด ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดหมูเด้ง ฮิปโปแคระยังดังระดับจักรวาลมาเวล ใครมาก็แจ้งเกิดได้ง่ายดาย เมืองไทย มันคือ "ที่สุดของที่สุดความหลากหลายโลก" ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อิเหนาโชว์ป๋า! สั่งห้ามขายไอโฟน 16 เพราะผิดเงื่อนไขสัญญา ไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% นั่นคือข้ออ้าง แท้จริงคือตบหน้าสั่งสอนเหี้ยนั่นเอง เพราะมันคือเครื่องมือดักฟัง สอดแนมของเหี้ย CIA ใครยังจะโง่ใช้อีไอโฟนอยู่อีก หัวเว่ย มาแรง แซงทะลุนรกไปแล้ว ดีกว่า เริ่ดกว่า แจ่มกว่า คุ้มค่าและประสิทธิภาพเทียบกันไม่ติด 6G กลายเป็นเรื่องรองทันที ยิ่งหัวเว่ยออก HARMONY 5.0 ปฎิบัติการอนาคต ทุบ ANDROID ทิ้งไปเลย มันคือระบบมือถือแห่งอนาคต ที่เชื่อมทั้งโลกเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ แถวบ้านกูยังใช้กระป๋องผูกเชือกอยู่เลย เสียงดัง ฟังชัด ยกเว้นตอนฝนตก! ทำไม อิเหนา ถึงได้ช่างกล้าขนาดนี้ คำตอบคือ SU-35/ S-400 กำลังจะเข้ามาเติม พ่วงเรือรบใหม่ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพราะอิเหนามีหมู่เกาะเยอะมาก เรือดำน้ำจำเป็น และมีท่าเรือน้ำลึกมากมาย ใครจะวัดกับอิเหนา ไม่ง่ายอีกต่อไป อิเหนาพึ่งพาจีนด้านการลงทุน พึ่งพารัสเซีย ด้านพลังงาน อาวุธ เวียดนามตามรอยทันที ไม่แปลก รายชื่อสมาชิกใหม่ BRICS ถึงมีอาเซียนไปโผล่เพี๊ยบ เพราะเค้าคุยกันมาก่อนแล้ว แค่รอดูจังหวะเวลาที่ใช่ ค่อยประกาศตัว? ไอ้สัส! กลัวจุงเบย อย่าขู่กูน่ะ กูยิ่งปอดแหกอยู่ หลังล่าสุด อีวอชิงตันขู่อิหร่าน ห้ามโจมตีกลับอียิวเหี้ยเด็ดขาด หลังเพิ่งจะโชว์โง่ เสียหมา ดาหน้าบินไปถล่มเค้า แต่ถูกสกัดได้หมด หมากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ดันเสือกกลัวเค้าเอาคืน? อิหร่านกลัวจัด เลยรีบสั่ง 3 ฮอ ดาหน้าถล่มยับทันที ภายใน 24 ชม. ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์บัญชาการย่อย คลังแสงย่อย โดนอีก ไม่เหลือเป้าหมายแล้วลวกเพ่? อย่าขู่กูบ่อย มือมันสั่น มือมันลั่น เดี๋ยวมรึงจะตายห่าไม่มีเหลือ แค่กดปุ่ม ชีวิตเปลี่ยนเลยมรึง? ด้านพรมแดนเลบานอน กองทัพอียิวลากสังขารถอยหลังไปอีก 20 กม. จากไปรุกรานเค้า กลับเสียดินแดนหน้าด่านจนเกลี้ยง เลบานอนรุกกลับกินพื้นที่เข้าไปในแผ่นดินมรึงแล้ว งวดนี้ ไม่ต้องถามสื่อ ถามกูนี่แหละ ดอกนี้ อียิวตายห่าไปแล้ว 3000 ตัว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาว่าทำไมต้องสั่งเกณฑ์ทหารใหม่เพิ่มรอบที่ 6 เหลือแต่หมาแล้วมั้ง? โลกอาหรับ อิหร่าน คุยกันรู้เรื่อง ค่อยๆ บดขยี้ กินมันไปเรื่อยๆ จนมันอ่อนแรง บีบให้มันย้ายออกไปดีดี จะได้ไม่ต้องสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ ล่าสุด ตัวเลขพลเรือนอิสราเอล ที่เสียชีวิต นับตั้งแต่ฮามาสจุดเค็กวันเกิดฉลอง ตอนนี้ ตายห่าไปแล้วกว่า 30000 ตัว สื่อไม่มาบอกมรึงดอก เพราะมันถูกซากตึกทับตายกันเกลื่อน ส่วนอีไทยเนรคุณ ที่เสือกไปรับจ้างรบให้อิสราเอล ไม่ต้องถาม มันตายห่าตั้งแต่วันแรกแล้ว สูตรอียิว ส่งทหารรับจ้างไปตายห่าก่อน ทหารอียิวเหลือน้อย มีเอาไว้แค่สั่งการ ตายห่าไปเหอะ มรึงไม่ใช่คนไทย แค่อาศัยแผ่นดินพ่อกูมาเกิด แต่ไม่ได้ทำประโยชน์ห่าอะไรให้กับแผ่นดินเกิดมรึงเลย มีแต่จะชักศึกเข้าบ้าน จงตายห่าไปซะน่ะ กูไม่สนชีวิตเหี้ยๆ ของมรึงดอก ไอ้ระยำ?

    ปล.ลุงสนธิ ฝากมาบอก อีชาติชั่ว มรึงเตรียมแดร๊กเยี่ยวแล้วรึยัง? ท้าใครไม่ท้า 71 แก้ว แก้วเดียวมรึงก็อ๊วกแตกแล้ว! กรรมชั่ว ทำระยำ โกหกตอแหล ปลิ้นปล้อน 18 มงกุฎ ตายเพราะปากมรึงเอง! อยู่ดีดี ก็เอาเรตติ้งมาให้สนธิ ทอล์ก NEWS1 พุ่งกระฉูด ทุกสำนักข่าวต้องมาลากไส้อีทนายเหี้ยผ่านลุงสนธิ อาจารย์ปานเทพ เพราะเจ้าทุกข์ขอเอง กูจะคุยกับลุงสนธิเท่านั้น จ่ายค่าจ้างสุดถูก ไวน์ราคา 100 ล้าน ช็อคโกแลตราคาพันล้าน รวยมั้ย ไอ้สัส! บิดเบือนกันจัง ดีออก? เพ่อ้อย สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนจริง ใครเดือดร้อน มีที่ไหนที่เป็นปากกระบอกเสียงได้จริง ดังนั้น ตอนนี้ งานเข้า NEWS1 กับอีโหนกระแส อีหนุ่มบอก กูอาจจะตายวันไหนไม่ยู้? ล่อแต่ละดอก ของหนักทั้งนั้น! จำเอาไว้ว่า "อะไรที่โกงเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป" อะไรที่ไม่ใช่ของตน ยึดครองไว้ก็คือคำสาปแช่ง ชีวิตคนแค่ 100 ปี แต่สิ่งที่รอลงโทษมรึงอยู่ ไร้กาลเวลา คุ้มค่ามั้ยล่ะ? เพราะขาดสติ จึงไร้ปัญญา เพราะโลภ จึงมองไม่เห็นความจริง! ไอ้อี ที่เคยอวดมั่ง อวดมี โชว์ป๋า โชว์บินส่วนตัว บ้านคฤหาสน์ มันใช่ของมรึงจริงๆ มั้ยล่ะ? เสพสุขแค่ชั่วคืน เสพคุกทั้งชีวิต อิสรภาพคือสิ่งที่มนุษย์ขาดมิได้ อยากรู้ ให้ไปถามไอ้อีทะลุเหี้ยทั้งหลาย แดร๊กบาทาอร่อยเช้าเย็น ชีวิตบัดซบ ยิ่งกว่าตาย? ล่าสุด ไอ้อี 3 นิ้วครึ่งที่ล้มเจ้า ที่แห่หนีไปต่างแดน ชีวิตตกระกำลำบาก เงินเดือนไม่ให้ ดิ้นรน เลี้ยงปากท้องเอง อยู่แบบผิดกฎหมาย ทำงานไม่ได้ เหี้ยไม่เลี้ยงคือบีบให้กลับบ้านไปตายเอาดาบหน้าไงล่ะ หมาซะยิ่งกว่าหมา ขนาดอีพรรคส้มเน่ายังไม่เหลือ กระแสดิ่งเหว ควายตื่น ไทยบัดซบตื่น โง่กว่าควายคือกู! ชีวิตพอเพียงไม่เอา จะอยากอยู่คุกตลอดชีวิต ความโง่ที่มรึงคู่ควร แค่เศษเงินซื้อมรึงได้ ชีวิตมรึงก็แค่ "ขี้หมา" ไร้ราคา สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัย แด่วีรชน ผู้กล้าทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทุกท่านทำไป มันคือคุณประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ระลึกถึงเสมอ 7 ตุลาคม มิเคยลืมเลือน เทียนแห่งธรรมถูกจุดขึ้นนับแต่นั้นมา เสียใจกับเพ่โสและครอบครัว ไม่อยากพูด แต่อดไม่ได้ เพ่โส แฉเหี้ยมานมนาน จนคนตื่นรู้ ขออานิสงค์แห่งปัญญาส่งดวงวิญญานผู้กล้าทุกท่าน ไปสู่ดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่ดีกว่านี้ หน้าที่ของท่านจบลงแล้วบนแผ่นดินโลก เป็นหน้าที่รับไม้ต่อสู่ลูกหลานไทย ไม่มีมรึง ก็ไม่มีกู ไม่มีพ่อ ก็ไม่มีแผ่นดิน นี่คือรุ่นสุดท้ายของศตวรรษนี้แล้ว ปลายกลียุค ทุกอย่างของความอัปรีย์จัญไร สิ่งโสมม ทั้งสากลโลก จะต้องจบในพศ.นี้ ต้องจบในรุ่นนี้เท่านั้น จะไม่ปล่อยผ่านไปให้ถึงมือลูกหลานต้องมานั่งแก้ปัญหาต่อเด็ดขาด จบที่กูกับมรึง! ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่ ความจริง ศรัทธา และความถูกต้องชอบธรรม ที่จะดำรงอยู่

    หมี CNN(ฮีโร่ที่แท้จริง อยู่ในใจเราทุกคน ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้วนมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แค่มันยังไม่ถึงเวลาออกมาใช้ในยามจำเป็นแท้จริง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ย่อมจะก่อเกิดฮีโร่เสมอ เพราะสายเลือดหมู่บ้านบางระจัน มันฝังอยู่ใน DNA ลูกหลานไทยทุกคน คิดดี ได้ดี ปกป้องแผ่นดินเกิด เชิดชู สถาบันสูงสุด คือหน้าที่ของคนไทยทุกคน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน กฎอะไรก็ไม่สำคัญเท่า หากมีพ่อปกครองลูก ร่มเย็น เป็นสุข ด้วยพระบารมี ราชวงศ์จักรี ยั้งยืนยง ชั่วกาลปาวสาน)
    30 ตุลาคม 67
    10.59 น.

    https://linevoom.line.me/post/1173026253201001564
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    30-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.11 ตอน "NEW HERO BORN IN EVERYDAY" ไม่ใช่ MARVEL ไม่ใช่ DC แต่เป็นทหารราชองครักษ์ สั่งสอนเด็กอมมือ ไม่รู้กาลเทศะ มือกัน ไม่ให้เดินเทียบเจ้า ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รหัสลับ DNA ตามพ่องแม่งเป๊ะเด๊ะ ครั้งนึง ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์กับแขกอาคันตุกะทั่วโลก อีพ่อเหลี่ยมไม่ได้ถูกเชิญ แต่เสือกเสนอหน้า อยากจะเกิด แต่เสือกดับกลางหน้าประตูงานเลี้ยง เพราะมันงานเลี้ยงของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ บรรดากษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูงจากทั่วโลก แห่กันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี อีเหลี่ยมหัวหมอ อยากยกระดับโดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเอง เป็นแค่นายกฯ ใต้ตรีนฝ่าพระบาท โดนเจ้าหน้าที่วังถีบออก สั่งไสหัวออกไป นั่นคือจุดเดือด ความเครียดแค้นที่มีต่อวังนับแต่นั้นมา หมายังรู้ มรึงแค่ขี้ข้าเหี้ย CIA ขึ้นมาได้เพราะเงินวอชิงตัน ซื้อเสียงมาทั้งนั้น หลอกควายไทยบัดซบ 10 ล้านเสียง ครั้นอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นบ้าง อยากจะเดินตามรอยพ่อเหลี่ยมเหี้ยบ้าง คิดวัดรอยตรีน แต่งวดนี้ หน้าแหก หมอไม่รับเย็บ โดนท่านปีใหม่ เอาแขนกันไว้ ไม่ให้เดินเทียบ ภาษาแถวบ้านเรียก "เสียหมา" ระดับนายก ก็แค่ข้าราชบริพาร อย่าริสะเออะเสนอหน้าเทียบเจ้า มรึงเป็นได้แค่เศษสวะ คิดล้มเจ้าทั้งตระกูล ฝันเปียกไปเหอะ ตระกูลมรึงจะสิ้นชาติพันธุ์ในพศ.นี้แหละ เหมือนทหารแตงโม ถูกแช่ ถูกดองกันเกลื่อนยามนี้ รู้ชะตากรรม วังเล่นบทพระเดชแล้ว อย่าต๊กกะใจ พ่อท่านร.10 ทรงมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง แต่จะไม่ละเว้นไอ้อีที่คิดกบฎขายชาติ ขายแผ่นดิน เชื่อกูเหอะว่า "ใครที่พ่อท่านไม่ปลื้ม" มรึงเตรียมเยี่ยวแตกได้เลย ระดับท่านไม่เสียเวลาดอก แค่ราชองครักษ์มรึงก็เละเทะแล้ว วังไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง ดีออก! จำใส่กระโหลกสมองหมาปัญญาควายมรึงไว้ให้ดีดี! กูว่าแล้ว ทรงมันมาชัวร์ ทำไมไทยต้องสร้าง "ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เริ่ดสุด เร็วสุด แรงสุดในอาเซียน" ไทยถูกจีนวางตัวเป็นศูนย์กลางผลิตชิปแห่งอาเซียนนั่นเอง เทคโนโลยีเราได้จากจีนมาเต็มตรีน บวกมันสมองคนไทยที่ต่อยอดสำเร็จ เรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน แล้วฮับอาเซียนต้องมีอะไรล่ะ? ศูนย์กลางพลังงาน ศูนย์กลางเทคโนโลยี ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์การตลาดอาเซียนเชื่อมโลก ศูนย์กลางเงิน ศูนย์การธนาคารอาเซียน เงินบาทหอมหวล ยังจะแข็งโป๊กได้อีกยาวไป ศูนย์กลางโลจิสติค ขนส่ง ไทยเรามีหมด ที่มาว่าทำไม เมื่อเราโตขึ้น สิ่งที่ตามมาคือภาคแรงงานมหาศาล และเพื่อนบ้านจะแห่กันเข้ามาอยู่เมืองไทยเพี๊ยบ เพราะหาเงินคล้อง เศรษฐกิจพุ่ง การค้าดี มั่นคง ร่มเย็น เป็นสุข แถมของอร่อยมีมากที่สุดในโลก ชีวิตดี๊ดี! ใครมาหลงเสน่ห์หมด ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดหมูเด้ง ฮิปโปแคระยังดังระดับจักรวาลมาเวล ใครมาก็แจ้งเกิดได้ง่ายดาย เมืองไทย มันคือ "ที่สุดของที่สุดความหลากหลายโลก" ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อิเหนาโชว์ป๋า! สั่งห้ามขายไอโฟน 16 เพราะผิดเงื่อนไขสัญญา ไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% นั่นคือข้ออ้าง แท้จริงคือตบหน้าสั่งสอนเหี้ยนั่นเอง เพราะมันคือเครื่องมือดักฟัง สอดแนมของเหี้ย CIA ใครยังจะโง่ใช้อีไอโฟนอยู่อีก หัวเว่ย มาแรง แซงทะลุนรกไปแล้ว ดีกว่า เริ่ดกว่า แจ่มกว่า คุ้มค่าและประสิทธิภาพเทียบกันไม่ติด 6G กลายเป็นเรื่องรองทันที ยิ่งหัวเว่ยออก HARMONY 5.0 ปฎิบัติการอนาคต ทุบ ANDROID ทิ้งไปเลย มันคือระบบมือถือแห่งอนาคต ที่เชื่อมทั้งโลกเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ แถวบ้านกูยังใช้กระป๋องผูกเชือกอยู่เลย เสียงดัง ฟังชัด ยกเว้นตอนฝนตก! ทำไม อิเหนา ถึงได้ช่างกล้าขนาดนี้ คำตอบคือ SU-35/ S-400 กำลังจะเข้ามาเติม พ่วงเรือรบใหม่ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพราะอิเหนามีหมู่เกาะเยอะมาก เรือดำน้ำจำเป็น และมีท่าเรือน้ำลึกมากมาย ใครจะวัดกับอิเหนา ไม่ง่ายอีกต่อไป อิเหนาพึ่งพาจีนด้านการลงทุน พึ่งพารัสเซีย ด้านพลังงาน อาวุธ เวียดนามตามรอยทันที ไม่แปลก รายชื่อสมาชิกใหม่ BRICS ถึงมีอาเซียนไปโผล่เพี๊ยบ เพราะเค้าคุยกันมาก่อนแล้ว แค่รอดูจังหวะเวลาที่ใช่ ค่อยประกาศตัว? ไอ้สัส! กลัวจุงเบย อย่าขู่กูน่ะ กูยิ่งปอดแหกอยู่ หลังล่าสุด อีวอชิงตันขู่อิหร่าน ห้ามโจมตีกลับอียิวเหี้ยเด็ดขาด หลังเพิ่งจะโชว์โง่ เสียหมา ดาหน้าบินไปถล่มเค้า แต่ถูกสกัดได้หมด หมากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ดันเสือกกลัวเค้าเอาคืน? อิหร่านกลัวจัด เลยรีบสั่ง 3 ฮอ ดาหน้าถล่มยับทันที ภายใน 24 ชม. ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์บัญชาการย่อย คลังแสงย่อย โดนอีก ไม่เหลือเป้าหมายแล้วลวกเพ่? อย่าขู่กูบ่อย มือมันสั่น มือมันลั่น เดี๋ยวมรึงจะตายห่าไม่มีเหลือ แค่กดปุ่ม ชีวิตเปลี่ยนเลยมรึง? ด้านพรมแดนเลบานอน กองทัพอียิวลากสังขารถอยหลังไปอีก 20 กม. จากไปรุกรานเค้า กลับเสียดินแดนหน้าด่านจนเกลี้ยง เลบานอนรุกกลับกินพื้นที่เข้าไปในแผ่นดินมรึงแล้ว งวดนี้ ไม่ต้องถามสื่อ ถามกูนี่แหละ ดอกนี้ อียิวตายห่าไปแล้ว 3000 ตัว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาว่าทำไมต้องสั่งเกณฑ์ทหารใหม่เพิ่มรอบที่ 6 เหลือแต่หมาแล้วมั้ง? โลกอาหรับ อิหร่าน คุยกันรู้เรื่อง ค่อยๆ บดขยี้ กินมันไปเรื่อยๆ จนมันอ่อนแรง บีบให้มันย้ายออกไปดีดี จะได้ไม่ต้องสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ ล่าสุด ตัวเลขพลเรือนอิสราเอล ที่เสียชีวิต นับตั้งแต่ฮามาสจุดเค็กวันเกิดฉลอง ตอนนี้ ตายห่าไปแล้วกว่า 30000 ตัว สื่อไม่มาบอกมรึงดอก เพราะมันถูกซากตึกทับตายกันเกลื่อน ส่วนอีไทยเนรคุณ ที่เสือกไปรับจ้างรบให้อิสราเอล ไม่ต้องถาม มันตายห่าตั้งแต่วันแรกแล้ว สูตรอียิว ส่งทหารรับจ้างไปตายห่าก่อน ทหารอียิวเหลือน้อย มีเอาไว้แค่สั่งการ ตายห่าไปเหอะ มรึงไม่ใช่คนไทย แค่อาศัยแผ่นดินพ่อกูมาเกิด แต่ไม่ได้ทำประโยชน์ห่าอะไรให้กับแผ่นดินเกิดมรึงเลย มีแต่จะชักศึกเข้าบ้าน จงตายห่าไปซะน่ะ กูไม่สนชีวิตเหี้ยๆ ของมรึงดอก ไอ้ระยำ? ปล.ลุงสนธิ ฝากมาบอก อีชาติชั่ว มรึงเตรียมแดร๊กเยี่ยวแล้วรึยัง? ท้าใครไม่ท้า 71 แก้ว แก้วเดียวมรึงก็อ๊วกแตกแล้ว! กรรมชั่ว ทำระยำ โกหกตอแหล ปลิ้นปล้อน 18 มงกุฎ ตายเพราะปากมรึงเอง! อยู่ดีดี ก็เอาเรตติ้งมาให้สนธิ ทอล์ก NEWS1 พุ่งกระฉูด ทุกสำนักข่าวต้องมาลากไส้อีทนายเหี้ยผ่านลุงสนธิ อาจารย์ปานเทพ เพราะเจ้าทุกข์ขอเอง กูจะคุยกับลุงสนธิเท่านั้น จ่ายค่าจ้างสุดถูก ไวน์ราคา 100 ล้าน ช็อคโกแลตราคาพันล้าน รวยมั้ย ไอ้สัส! บิดเบือนกันจัง ดีออก? เพ่อ้อย สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนจริง ใครเดือดร้อน มีที่ไหนที่เป็นปากกระบอกเสียงได้จริง ดังนั้น ตอนนี้ งานเข้า NEWS1 กับอีโหนกระแส อีหนุ่มบอก กูอาจจะตายวันไหนไม่ยู้? ล่อแต่ละดอก ของหนักทั้งนั้น! จำเอาไว้ว่า "อะไรที่โกงเค้ามา ก็ต้องคืนเค้าไป" อะไรที่ไม่ใช่ของตน ยึดครองไว้ก็คือคำสาปแช่ง ชีวิตคนแค่ 100 ปี แต่สิ่งที่รอลงโทษมรึงอยู่ ไร้กาลเวลา คุ้มค่ามั้ยล่ะ? เพราะขาดสติ จึงไร้ปัญญา เพราะโลภ จึงมองไม่เห็นความจริง! ไอ้อี ที่เคยอวดมั่ง อวดมี โชว์ป๋า โชว์บินส่วนตัว บ้านคฤหาสน์ มันใช่ของมรึงจริงๆ มั้ยล่ะ? เสพสุขแค่ชั่วคืน เสพคุกทั้งชีวิต อิสรภาพคือสิ่งที่มนุษย์ขาดมิได้ อยากรู้ ให้ไปถามไอ้อีทะลุเหี้ยทั้งหลาย แดร๊กบาทาอร่อยเช้าเย็น ชีวิตบัดซบ ยิ่งกว่าตาย? ล่าสุด ไอ้อี 3 นิ้วครึ่งที่ล้มเจ้า ที่แห่หนีไปต่างแดน ชีวิตตกระกำลำบาก เงินเดือนไม่ให้ ดิ้นรน เลี้ยงปากท้องเอง อยู่แบบผิดกฎหมาย ทำงานไม่ได้ เหี้ยไม่เลี้ยงคือบีบให้กลับบ้านไปตายเอาดาบหน้าไงล่ะ หมาซะยิ่งกว่าหมา ขนาดอีพรรคส้มเน่ายังไม่เหลือ กระแสดิ่งเหว ควายตื่น ไทยบัดซบตื่น โง่กว่าควายคือกู! ชีวิตพอเพียงไม่เอา จะอยากอยู่คุกตลอดชีวิต ความโง่ที่มรึงคู่ควร แค่เศษเงินซื้อมรึงได้ ชีวิตมรึงก็แค่ "ขี้หมา" ไร้ราคา สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัย แด่วีรชน ผู้กล้าทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทุกท่านทำไป มันคือคุณประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ระลึกถึงเสมอ 7 ตุลาคม มิเคยลืมเลือน เทียนแห่งธรรมถูกจุดขึ้นนับแต่นั้นมา เสียใจกับเพ่โสและครอบครัว ไม่อยากพูด แต่อดไม่ได้ เพ่โส แฉเหี้ยมานมนาน จนคนตื่นรู้ ขออานิสงค์แห่งปัญญาส่งดวงวิญญานผู้กล้าทุกท่าน ไปสู่ดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่ดีกว่านี้ หน้าที่ของท่านจบลงแล้วบนแผ่นดินโลก เป็นหน้าที่รับไม้ต่อสู่ลูกหลานไทย ไม่มีมรึง ก็ไม่มีกู ไม่มีพ่อ ก็ไม่มีแผ่นดิน นี่คือรุ่นสุดท้ายของศตวรรษนี้แล้ว ปลายกลียุค ทุกอย่างของความอัปรีย์จัญไร สิ่งโสมม ทั้งสากลโลก จะต้องจบในพศ.นี้ ต้องจบในรุ่นนี้เท่านั้น จะไม่ปล่อยผ่านไปให้ถึงมือลูกหลานต้องมานั่งแก้ปัญหาต่อเด็ดขาด จบที่กูกับมรึง! ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่ ความจริง ศรัทธา และความถูกต้องชอบธรรม ที่จะดำรงอยู่ หมี CNN(ฮีโร่ที่แท้จริง อยู่ในใจเราทุกคน ผู้ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้วนมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แค่มันยังไม่ถึงเวลาออกมาใช้ในยามจำเป็นแท้จริง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ย่อมจะก่อเกิดฮีโร่เสมอ เพราะสายเลือดหมู่บ้านบางระจัน มันฝังอยู่ใน DNA ลูกหลานไทยทุกคน คิดดี ได้ดี ปกป้องแผ่นดินเกิด เชิดชู สถาบันสูงสุด คือหน้าที่ของคนไทยทุกคน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน กฎอะไรก็ไม่สำคัญเท่า หากมีพ่อปกครองลูก ร่มเย็น เป็นสุข ด้วยพระบารมี ราชวงศ์จักรี ยั้งยืนยง ชั่วกาลปาวสาน) 30 ตุลาคม 67 10.59 น. https://linevoom.line.me/post/1173026253201001564 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีสมัครสมาชิกใหม่ในแอป Thaitimes

    #Howto #thaitimes #วิธีสมัครด้วยemail #share #App #แพลตฟอร์มที่ไม่โดนปิดกั้น #แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ #iOS #android
    วิธีสมัครสมาชิกใหม่ในแอป Thaitimes #Howto #thaitimes #วิธีสมัครด้วยemail #share #App #แพลตฟอร์มที่ไม่โดนปิดกั้น #แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ #iOS #android
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 350 0 รีวิว
  • ## สมาชิก EU ขับไล่ เลขาธิการใหญ่ UN ให้ลาออกจากตำแหน่ง ##
    ..
    ..
    โดย กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้อง เช่นนี้มีนั้นมีสาเหตุ...
    .
    ซึ่ง เขาอ้างว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปแล้ว...
    .
    เหตุ เพียงเพราะแค่...!!!
    .
    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN ไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประชุม BRICS ใน รัสเซีย...
    .
    😑😑😑😑
    .
    ว้าว...!!!
    .
    เพียงเพราะ ไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประชุม BRICS ใน รัสเซีย ก็ทำให้ มนุษย์คนนึง ขาดความนาเชื่อถือได้แล้ว...???
    .
    แหม่...
    .
    งั้นการประชุมกับ อเมริกา ซึ่งพยายามจะอ้างว่า ตนเอง ต้องการสันติภาพ และ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ใน ฉนวนกาซา
    .
    แต่...ประกาศจะอยู่ข้าง อิสราเอล แบบไม่มีเงื่อนไข...!!!
    .
    แถม เป็นประเทศที่ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้ อิสราเอล แบบไม่ขาดสาย โดยที่ อิสราเอล ใช้อาวุธเหล่านั้นในการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ชาวปาเลสไตน์...!!!
    .
    พฤติการแบบนี้กระมัง ถึงจะเป็นคนดีศรีสังคม ที่น่าเชื่อถือ มีเกียรติมีศรี มีสง่า...
    .
    แล้วการที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ไม่เข้าร่วมประชุมสันติภาพ นั้นไม่แปลกเลยครับ...
    .
    ประชุมสันติภาพ ที่มีแค่ ยูเครน อเมริกา และ พวกลูกกะเป๋ง แทนที่จะมีคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย มี รัสเซีย มานั่งเจรจากัน มันจะมีประโยชน์อะไรหล่ะครับ...???
    .
    เขาจะเสียเวลาถ่อเดินทางไปนั่งประชุมหา พระแสงหอกของ้าว ทำไม...???
    .
    เพราะการถกกันคงไม่พ้นเรื่อง เราจะจัดการ รัสเซีย อย่างไร เราจะสนับสนุน ยูเครน ให้สู้กับ รัสเซีย ได้อย่างไร...
    .
    นั่นไม่ใช่การเจรจาเพื่อสันติภาพครับ...
    .
    🤣🤣🤣🤣
    .
    แหม่...
    .
    นี่แหล่ะน้าาาา มนุษย์อุจจาระเหม็น....
    .
    คนฝั่งตรงข้ามล้วนชั่วร้ายเลวทราม มีเพียงตนเองที่ดีเลิศประเสริฐศรี อุจจาระหอม อยู่คนเดียว...
    .
    🤣🤣🤣🤣
    .
    https://news1live.com/detail/9670000103579
    ## สมาชิก EU ขับไล่ เลขาธิการใหญ่ UN ให้ลาออกจากตำแหน่ง ## .. .. โดย กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้อง เช่นนี้มีนั้นมีสาเหตุ... . ซึ่ง เขาอ้างว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปแล้ว... . เหตุ เพียงเพราะแค่...!!! . อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN ไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประชุม BRICS ใน รัสเซีย... . 😑😑😑😑 . ว้าว...!!! . เพียงเพราะ ไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประชุม BRICS ใน รัสเซีย ก็ทำให้ มนุษย์คนนึง ขาดความนาเชื่อถือได้แล้ว...??? . แหม่... . งั้นการประชุมกับ อเมริกา ซึ่งพยายามจะอ้างว่า ตนเอง ต้องการสันติภาพ และ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ใน ฉนวนกาซา . แต่...ประกาศจะอยู่ข้าง อิสราเอล แบบไม่มีเงื่อนไข...!!! . แถม เป็นประเทศที่ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้ อิสราเอล แบบไม่ขาดสาย โดยที่ อิสราเอล ใช้อาวุธเหล่านั้นในการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ชาวปาเลสไตน์...!!! . พฤติการแบบนี้กระมัง ถึงจะเป็นคนดีศรีสังคม ที่น่าเชื่อถือ มีเกียรติมีศรี มีสง่า... . แล้วการที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ไม่เข้าร่วมประชุมสันติภาพ นั้นไม่แปลกเลยครับ... . ประชุมสันติภาพ ที่มีแค่ ยูเครน อเมริกา และ พวกลูกกะเป๋ง แทนที่จะมีคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย มี รัสเซีย มานั่งเจรจากัน มันจะมีประโยชน์อะไรหล่ะครับ...??? . เขาจะเสียเวลาถ่อเดินทางไปนั่งประชุมหา พระแสงหอกของ้าว ทำไม...??? . เพราะการถกกันคงไม่พ้นเรื่อง เราจะจัดการ รัสเซีย อย่างไร เราจะสนับสนุน ยูเครน ให้สู้กับ รัสเซีย ได้อย่างไร... . นั่นไม่ใช่การเจรจาเพื่อสันติภาพครับ... . 🤣🤣🤣🤣 . แหม่... . นี่แหล่ะน้าาาา มนุษย์อุจจาระเหม็น.... . คนฝั่งตรงข้ามล้วนชั่วร้ายเลวทราม มีเพียงตนเองที่ดีเลิศประเสริฐศรี อุจจาระหอม อยู่คนเดียว... . 🤣🤣🤣🤣 . https://news1live.com/detail/9670000103579
    NEWS1LIVE.COM
    ทนดูไม่ได้! สมาชิกอียูตะเพิดเลขาฯ UN พ้นเก้าอี้ ลอยหน้าลอยตาไปร่วมประชุมกลุ่ม BRICS
    กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลาออกจากตำแหน่ง อ้างว่าเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือ หลังไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ในรัสเซีย เมื่อช่วงปลายสัปด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกหนึ่ง ถล่มอาคารที่พักอาศัยหลังเดี่ยวแห่งหนึ่ง ปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย จากการเปิดเผยของหน่วยงานป้องกันพลเรือนกาซา เหตุสลดซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐยิวยังคงเดินหน้าการรุกรานทั้งในฉนวนแห่งนี้และเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ คู่ต่อกรของอิสราเอลในเลบานอน ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ หลังจากคนก่อนถูกปลิดชีพเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    สหรัฐฯ พันธมิตรและผู้สนับสนุนสำคัญของอิสราเอล เรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ซึ่งปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย และในนั้นเป็นเด็กจำนวนมาก ว่า "น่าสยดสยอง"
    .
    ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกนี้มีขึ้นแม้ว่าอิสราเอลกำลังเผชิญเสียงเกรี้ยวกราดจากนานาชาติ หลังจากรัฐสภาของพวกเขาเพิ่งลงมติอย่างท่วมท้น ห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง
    .
    ทีมกู้ภัยปาเลสไตน์และสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอาการสิ้นหวัง รวมตัวกันบริเวณอาคาร 5 ชั้นที่พักถล่มลงมา ในเขตเบอิต ลาเฮีย ทางเหนือของกาซา "จำนวนผู้เสียชีวิตนเหตุสังหารหมู่ในเบอิต ลาเฮีย เพิ่มเป็น 93 คน และราว 40 คน ยังคงสูญหายภายใต้ซากปรักหักพัง จากการเปิดเผยของ มาห์มูด บาสซาล โฆษกของสำนักงานป้องกันพลเรือนกาซา ที่ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
    .
    กองทัพอิสราเอลบอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการตรวจสอบรายงานข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการโจมตีในเบอิต ลาเฮีย หลังก่อนหน้านี้พวกเขารายงานว่ากองกำลังอิสราเอลปลิดชีพนักรบฮามาส 40 ราย และสูญเสียกำลังพลไป 4 รายในกาซา
    .
    แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง และก่อผลลัพธ์ที่น่าสยดสยอง เราติดต่อไปยังรัฐบาลอิสราเอล เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น"
    .
    กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นในภาคเหนือของกาซา มาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆ เขตจาบาเลีย เบอิต บาเฮีย และเบอิต ฮานูน อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้ฮามาสรวมกลุ่มใหม่
    .
    ประชาชนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนหลบหนีออกจากพื้นที่แถบนี้ ท่ามกลางวิกฤตที่ไม่มีทีท่าจบลงง่ายๆ ในสงครามที่ลากยาวมานานกว่า 12 เดือน นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ปลิดชีพผู้คนไปราว 1,206 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังอยู่ในกาซา แต่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าในนั้น 34 ราย เสียชีวิตแล้ว
    .
    อิสราเอลแก้แค้นด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้น สังหารชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 43,061 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุของฉนวนแห่งนี้
    .
    นานาชาติมีความกังวลมากขึ้น หลังจากรัฐสภาอิสราเอลลงมติอย่างท่วมท้นในการแบน UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภายังผ่านมาตรการหนึ่งที่ห้ามพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลทำงานร่วมกับ UNRWA
    .
    พันธมิตรตะวัตกหลายชาติของอิสราเอล ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ส่งเสียงแสดงความกังวลต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดย มิลเลอร์ เน้นย้ำคำเตือนที่ส่งถึงอิสราเอล ว่าวอชิงตันอาจระงับความช่วยเหลือด้านการทหาร หากสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซาไม่ดีขึ้น
    .
    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงความกังวลใหญ่หลวงเช่นกัน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อการผ่านกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ เยอรมนี เตือนว่ามาตรการนี้ เท่ากับทำให้การทำงานของ UNRWA ในกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
    .
    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ บอกว่ากฎหมายของอิสราเอลอาจก่อผลลัพธ์หายนะหากมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่าอิสราเอลพร้อมเดินหน้าป้อนความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ในหนทางที่ไม่ก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอล
    .
    ในเลบานอน รถถังอิสราเอลบุกเข้าไปยังแถบรอบนอกของหมู่บ้านเคียม ซึ่งถือเป็นการรุกรานที่ลึกที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาเปิดปฏิบัติการจู่โจมเลบานอน เป้าหมายเพื่อเล่นงานพวกฮิซบอลเลาะห์ เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    ช่วงค่ำวันอังคาร (29 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานเมืองซาราฟันด์ ทางใต้ของเลบานอน ได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 8 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 6 ราย ในเหตุโจมตีก่อนหน้านี้ที่เมืองฮาเร็ต ไซดา ใกล้กับเมืองไซดอน เมืองหลักทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ขณะเดียวกัน ฮิซบอลเลาะห์ แถลงว่าพวกเขาได้เลือก นาอิม กัสเซม รองผู้นำ ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ที่ถูกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลปลิดชีพ ทางใต้ของกรุงเบรุต เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า "กัสเซม จะได้รับการแต่งตั้งเพียงชั่วคราว เนื่องจากเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่นานนัก" และโพสต์ข้อความหลังจากนั้นในภาษาฮีบรู เขาระบุเพิ่มเติมว่า "การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว"
    .
    เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน ระบุว่าการแต่งตั้ง กัสเซม จะช่วยเสริมความเข้มแข็งแก่เจตจำนงของฝ่ายต่อต้าน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104393
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกหนึ่ง ถล่มอาคารที่พักอาศัยหลังเดี่ยวแห่งหนึ่ง ปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย จากการเปิดเผยของหน่วยงานป้องกันพลเรือนกาซา เหตุสลดซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐยิวยังคงเดินหน้าการรุกรานทั้งในฉนวนแห่งนี้และเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ คู่ต่อกรของอิสราเอลในเลบานอน ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ หลังจากคนก่อนถูกปลิดชีพเมื่อเดือนที่แล้ว . สหรัฐฯ พันธมิตรและผู้สนับสนุนสำคัญของอิสราเอล เรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ซึ่งปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย และในนั้นเป็นเด็กจำนวนมาก ว่า "น่าสยดสยอง" . ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกนี้มีขึ้นแม้ว่าอิสราเอลกำลังเผชิญเสียงเกรี้ยวกราดจากนานาชาติ หลังจากรัฐสภาของพวกเขาเพิ่งลงมติอย่างท่วมท้น ห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง . ทีมกู้ภัยปาเลสไตน์และสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอาการสิ้นหวัง รวมตัวกันบริเวณอาคาร 5 ชั้นที่พักถล่มลงมา ในเขตเบอิต ลาเฮีย ทางเหนือของกาซา "จำนวนผู้เสียชีวิตนเหตุสังหารหมู่ในเบอิต ลาเฮีย เพิ่มเป็น 93 คน และราว 40 คน ยังคงสูญหายภายใต้ซากปรักหักพัง จากการเปิดเผยของ มาห์มูด บาสซาล โฆษกของสำนักงานป้องกันพลเรือนกาซา ที่ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี . กองทัพอิสราเอลบอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการตรวจสอบรายงานข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการโจมตีในเบอิต ลาเฮีย หลังก่อนหน้านี้พวกเขารายงานว่ากองกำลังอิสราเอลปลิดชีพนักรบฮามาส 40 ราย และสูญเสียกำลังพลไป 4 รายในกาซา . แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง และก่อผลลัพธ์ที่น่าสยดสยอง เราติดต่อไปยังรัฐบาลอิสราเอล เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น" . กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นในภาคเหนือของกาซา มาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆ เขตจาบาเลีย เบอิต บาเฮีย และเบอิต ฮานูน อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้ฮามาสรวมกลุ่มใหม่ . ประชาชนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนหลบหนีออกจากพื้นที่แถบนี้ ท่ามกลางวิกฤตที่ไม่มีทีท่าจบลงง่ายๆ ในสงครามที่ลากยาวมานานกว่า 12 เดือน นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ปลิดชีพผู้คนไปราว 1,206 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังอยู่ในกาซา แต่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าในนั้น 34 ราย เสียชีวิตแล้ว . อิสราเอลแก้แค้นด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้น สังหารชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 43,061 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุของฉนวนแห่งนี้ . นานาชาติมีความกังวลมากขึ้น หลังจากรัฐสภาอิสราเอลลงมติอย่างท่วมท้นในการแบน UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภายังผ่านมาตรการหนึ่งที่ห้ามพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลทำงานร่วมกับ UNRWA . พันธมิตรตะวัตกหลายชาติของอิสราเอล ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ส่งเสียงแสดงความกังวลต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดย มิลเลอร์ เน้นย้ำคำเตือนที่ส่งถึงอิสราเอล ว่าวอชิงตันอาจระงับความช่วยเหลือด้านการทหาร หากสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซาไม่ดีขึ้น . เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงความกังวลใหญ่หลวงเช่นกัน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อการผ่านกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ เยอรมนี เตือนว่ามาตรการนี้ เท่ากับทำให้การทำงานของ UNRWA ในกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ . อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ บอกว่ากฎหมายของอิสราเอลอาจก่อผลลัพธ์หายนะหากมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่าอิสราเอลพร้อมเดินหน้าป้อนความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ในหนทางที่ไม่ก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอล . ในเลบานอน รถถังอิสราเอลบุกเข้าไปยังแถบรอบนอกของหมู่บ้านเคียม ซึ่งถือเป็นการรุกรานที่ลึกที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาเปิดปฏิบัติการจู่โจมเลบานอน เป้าหมายเพื่อเล่นงานพวกฮิซบอลเลาะห์ เมื่อเดือนที่แล้ว . ช่วงค่ำวันอังคาร (29 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานเมืองซาราฟันด์ ทางใต้ของเลบานอน ได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 8 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 6 ราย ในเหตุโจมตีก่อนหน้านี้ที่เมืองฮาเร็ต ไซดา ใกล้กับเมืองไซดอน เมืองหลักทางภาคใต้ของประเทศ . ขณะเดียวกัน ฮิซบอลเลาะห์ แถลงว่าพวกเขาได้เลือก นาอิม กัสเซม รองผู้นำ ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ที่ถูกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลปลิดชีพ ทางใต้ของกรุงเบรุต เมื่อเดือนที่แล้ว . โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า "กัสเซม จะได้รับการแต่งตั้งเพียงชั่วคราว เนื่องจากเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่นานนัก" และโพสต์ข้อความหลังจากนั้นในภาษาฮีบรู เขาระบุเพิ่มเติมว่า "การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว" . เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน ระบุว่าการแต่งตั้ง กัสเซม จะช่วยเสริมความเข้มแข็งแก่เจตจำนงของฝ่ายต่อต้าน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104393 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1234 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣ขณะที่ NATO พยายามโน้มน้าวคุณว่ารัสเซียและจีนคือ "ศัตรู" ของคุณ🤣

    จำไว้ว่าใครคือผู้ที่เสียสละมากที่สุดในการทำลายนาซีเยอรมนีและจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒

    📌รัสเซียและจีนที่ถูกมองว่าเป็นปีศาจในปัจจุบัน เสียสละมากกว่าประเทศสมาชิก NATO ทั้งหมดรวมกันเสียอีก📌

    อย่าลืมเรื่องนี้
    .
    As NATO tries to convince you that Russia and China are your "Enemy"

    Remember who sacrificed most to destroy Nazi Germany and Imperial Japan in WW2

    The Russians and the Chinese being demonised today sacrificed more than all NATO countries combined.

    Never forget it.
    .
    4:27 PM · Oct 29, 2024 · 89.1K Views
    https://x.com/BowesChay/status/1851194125082857801
    🤣ขณะที่ NATO พยายามโน้มน้าวคุณว่ารัสเซียและจีนคือ "ศัตรู" ของคุณ🤣 จำไว้ว่าใครคือผู้ที่เสียสละมากที่สุดในการทำลายนาซีเยอรมนีและจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒ 📌รัสเซียและจีนที่ถูกมองว่าเป็นปีศาจในปัจจุบัน เสียสละมากกว่าประเทศสมาชิก NATO ทั้งหมดรวมกันเสียอีก📌 อย่าลืมเรื่องนี้ . As NATO tries to convince you that Russia and China are your "Enemy" Remember who sacrificed most to destroy Nazi Germany and Imperial Japan in WW2 The Russians and the Chinese being demonised today sacrificed more than all NATO countries combined. Never forget it. . 4:27 PM · Oct 29, 2024 · 89.1K Views https://x.com/BowesChay/status/1851194125082857801
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
    .
    UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ
    .
    “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง
    .
    ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X
    .
    ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้”
    .
    เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ
    .
    ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม
    .
    “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ”
    .
    จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ
    .
    สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้
    .
    ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา
    .
    ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน
    .
    อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก
    .
    ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว
    .
    กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา . UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล . ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ . “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง . ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ . “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X . ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” . เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ . ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม . “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ” . จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ . สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้ . ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา . ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน . อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก . ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว . กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1222 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือส่งรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปรัสเซีย หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ออกมาระบุ โสมแดงส่งทหาร 10,000 นาย ไปฝึกในแดนหมีขาวและอาจส่งไปร่วมรบในยูเครนในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า พร้อมประกาศหากเป็นเช่นนั้นจริงจะเลิกตั้งข้อจำกัดเคียฟในการใช้อาวุธโจมตีเข้าไปในรัสเซีย ขณะที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้คาดทหารโสมแดงอาจถูกส่งลงสมรภูมิยูเครนเร็วกว่าคาด
    .
    สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานเมื่อวันอังคาร (29) ว่า โช ซอนฮุย รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เดินทางถึงเมืองวลาดิวอสต็อก เมืองใหญ่ทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซียแล้ว และมีกำหนดจะเดินทางต่อไปยังกรุงมอสโกในวันพุธ (30) เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร
    .
    รายงานนี้ออกมาหลังจากเมื่อวันจันทร์ (28) ซาบรินา ซิงห์ รองโฆษกของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) แถลงว่า เกาหลีเหนือจัดส่งทหารราว 10,000 นายไปฝึกในรัสเซีย ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินก่อนหน้านี้ถึง 7,000 นาย และทหารเหล่านั้นอาจถูกส่งไปสู้รบในยูเครนในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
    .
    ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า สถานการณ์นี้ “อันตรายมาก”
    .
    เพนตากอนยังประกาศว่า หากทหารเกาหลีเหนือเข้าสู่สงครามยูเครน ก็จะไม่ตั้งข้อจำกัดห้ามเคียฟใช้อาวุธของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯ แสดงท่าทียังไม่พร้อมที่จะทำตามคำรบเร้าของเคียฟ ที่ต้องการให้สหรัฐฯ และฝ่ายตะวันตกจัดส่งพวกอาวุธพิสัยทำการไกลๆ ให้แก่ยูเครน รวมทั้งอนุญาตให้ยูเครนนำอาวุธที่ได้รับจากตะวันตกซึ่งมีสมรรถนะเช่นนี้อยู่แล้ว ไปใช้ในการโจมตีลึกเข้าไปแดนหมีขาว
    .
    ขณะที่ แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งกับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการดำเนินการของทั้งสองประเทศที่ถือเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพ
    .
    ด้านมาร์ค รึตเตอ เลขาธิการขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการขยายสงครามที่อันตรายของรัสเซีย อีกทั้งเป็นสัญญาณว่า ปูตินสิ้นหวังมากขึ้น
    .
    รึตเตออ้างตัวเลขของฝ่ายตะวันตกที่ระบุว่า ทหารรัสเซียกว่า 600,000 นายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บระหว่างสงครามในยูเครนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเวลานี้เครมลินไม่สามารถบุกต่อโดยไม่มีการสนับสนุนจากต่างชาติ
    .
    เลขาธิการนาโตแถลงเช่นนี้ในบรัสเซลส์ หลังจากได้ฟังสรุปสถานการณ์จากทางเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้ว่า ขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า ทหารเกาหลีเหนือถูกส่งไปประจำการภาคสนามในแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยูเครนได้ส่งกำลังบุกเข้าไปในคูร์สก์ และยึดพื้นที่ได้จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ทางรัสเซียแถลงในระยะหลังๆ ว่า ได้ยันการบุกของฝ่ายเคียฟเอาไว้ได้แล้ว และกำลังค่อยๆ ช่วงชิงพื้นที่ซึ่งถูกยึดไปกลับคืนมา
    .
    ทางด้านประธานาธิบดียุน ซอกยอน ของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อวันอังคาร (29 ต.ค.) ว่า การขยายความร่วมมือทางทหารอย่างผิดกฎหมายระหว่างมอสโกกับเปียงยางเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงด้านความมั่นคงสำหรับนานาชาติ และเตือนว่า โซลกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้
    .
    ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ เผยว่า กำลังทบทวนการพิจารณาส่งอาวุธให้ยูเครนโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่พันธมิตรตะวันตกเรียกร้องมานาน แต่โซลยังคัดค้านเนื่องจากขัดกับนโยบายดั้งเดิมภายในประเทศ
    .
    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังกล่าวกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป หรือก็คือองค์กรบริหารของอียู ระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า ทหารเกาหลีเหนืออาจถูกส่งไปยังแนวรบในยูเครนเร็วกว่าที่คาด
    .
    นอกจากนั้น หน่วยงานข่าวกรองของโซลแถลงต่อสมาชิกรัฐสภาว่า แม้แต่นายพลระดับสูงของเกาหลีเหนือยังถูกส่งไปยังแนวหน้าในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ตอกย้ำการกระชับความร่วมมือทางทหารของสองประเทศนี้
    .
    ลี ซองควน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ กล่าวเช่นนี้หลังได้รับการบรรยายสรุปจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็นไอเอส) ว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมปล่อยดาวเทียมสอดแนมอีกครั้งโดยใช้ส่วนประกอบขั้นสูงและความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีจากรัสเซีย หลังจากความพยายามในเดือนพฤษภาคมล้มเหลว
    .
    พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เพื่อแลกเปลี่ยนกับการส่งทหารไปช่วยรัสเซีย เกาหลีเหนือมีแนวโน้มต้องการเทคโนโลยีการทหารตั้งแต่ดาวเทียมจนถึงเรือดำน้ำสอดแนม และอาจรวมถึงการรับประกันด้านความมั่นคงจากมอสโก
    .
    ลีเสริมว่า เกาหลีเหนือพยายามปิดข่าวการส่งทหารไปประจำการในรัสเซีย โดยแจ้งกับครอบครัวทหารเหล่านั้นว่า ถูกส่งไปฝึก
    .
    สำหรับท่าทีของ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน นั้น ในช่วงหลังๆ นี้ไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ โดยบอกว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ ขณะที่เปียงยางตอนแรกยืนกรานว่า ไม่ได้ส่งทหารไปรัสเซีย กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจึงแถลงแก้เกี้ยวว่า ถ้าหากจะมีการส่งทหารไปจริงก็จะเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวสำทับว่า “เร็วๆ นี้” อาจมีทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียถึง 12,000 นาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104387
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีเหนือส่งรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปรัสเซีย หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ออกมาระบุ โสมแดงส่งทหาร 10,000 นาย ไปฝึกในแดนหมีขาวและอาจส่งไปร่วมรบในยูเครนในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า พร้อมประกาศหากเป็นเช่นนั้นจริงจะเลิกตั้งข้อจำกัดเคียฟในการใช้อาวุธโจมตีเข้าไปในรัสเซีย ขณะที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้คาดทหารโสมแดงอาจถูกส่งลงสมรภูมิยูเครนเร็วกว่าคาด . สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานเมื่อวันอังคาร (29) ว่า โช ซอนฮุย รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เดินทางถึงเมืองวลาดิวอสต็อก เมืองใหญ่ทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซียแล้ว และมีกำหนดจะเดินทางต่อไปยังกรุงมอสโกในวันพุธ (30) เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร . รายงานนี้ออกมาหลังจากเมื่อวันจันทร์ (28) ซาบรินา ซิงห์ รองโฆษกของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) แถลงว่า เกาหลีเหนือจัดส่งทหารราว 10,000 นายไปฝึกในรัสเซีย ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินก่อนหน้านี้ถึง 7,000 นาย และทหารเหล่านั้นอาจถูกส่งไปสู้รบในยูเครนในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า . ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า สถานการณ์นี้ “อันตรายมาก” . เพนตากอนยังประกาศว่า หากทหารเกาหลีเหนือเข้าสู่สงครามยูเครน ก็จะไม่ตั้งข้อจำกัดห้ามเคียฟใช้อาวุธของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯ แสดงท่าทียังไม่พร้อมที่จะทำตามคำรบเร้าของเคียฟ ที่ต้องการให้สหรัฐฯ และฝ่ายตะวันตกจัดส่งพวกอาวุธพิสัยทำการไกลๆ ให้แก่ยูเครน รวมทั้งอนุญาตให้ยูเครนนำอาวุธที่ได้รับจากตะวันตกซึ่งมีสมรรถนะเช่นนี้อยู่แล้ว ไปใช้ในการโจมตีลึกเข้าไปแดนหมีขาว . ขณะที่ แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งกับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการดำเนินการของทั้งสองประเทศที่ถือเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพ . ด้านมาร์ค รึตเตอ เลขาธิการขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการขยายสงครามที่อันตรายของรัสเซีย อีกทั้งเป็นสัญญาณว่า ปูตินสิ้นหวังมากขึ้น . รึตเตออ้างตัวเลขของฝ่ายตะวันตกที่ระบุว่า ทหารรัสเซียกว่า 600,000 นายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บระหว่างสงครามในยูเครนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเวลานี้เครมลินไม่สามารถบุกต่อโดยไม่มีการสนับสนุนจากต่างชาติ . เลขาธิการนาโตแถลงเช่นนี้ในบรัสเซลส์ หลังจากได้ฟังสรุปสถานการณ์จากทางเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้ว่า ขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า ทหารเกาหลีเหนือถูกส่งไปประจำการภาคสนามในแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยูเครนได้ส่งกำลังบุกเข้าไปในคูร์สก์ และยึดพื้นที่ได้จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ทางรัสเซียแถลงในระยะหลังๆ ว่า ได้ยันการบุกของฝ่ายเคียฟเอาไว้ได้แล้ว และกำลังค่อยๆ ช่วงชิงพื้นที่ซึ่งถูกยึดไปกลับคืนมา . ทางด้านประธานาธิบดียุน ซอกยอน ของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อวันอังคาร (29 ต.ค.) ว่า การขยายความร่วมมือทางทหารอย่างผิดกฎหมายระหว่างมอสโกกับเปียงยางเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงด้านความมั่นคงสำหรับนานาชาติ และเตือนว่า โซลกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ . ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ เผยว่า กำลังทบทวนการพิจารณาส่งอาวุธให้ยูเครนโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่พันธมิตรตะวันตกเรียกร้องมานาน แต่โซลยังคัดค้านเนื่องจากขัดกับนโยบายดั้งเดิมภายในประเทศ . ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังกล่าวกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป หรือก็คือองค์กรบริหารของอียู ระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า ทหารเกาหลีเหนืออาจถูกส่งไปยังแนวรบในยูเครนเร็วกว่าที่คาด . นอกจากนั้น หน่วยงานข่าวกรองของโซลแถลงต่อสมาชิกรัฐสภาว่า แม้แต่นายพลระดับสูงของเกาหลีเหนือยังถูกส่งไปยังแนวหน้าในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ตอกย้ำการกระชับความร่วมมือทางทหารของสองประเทศนี้ . ลี ซองควน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ กล่าวเช่นนี้หลังได้รับการบรรยายสรุปจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็นไอเอส) ว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมปล่อยดาวเทียมสอดแนมอีกครั้งโดยใช้ส่วนประกอบขั้นสูงและความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีจากรัสเซีย หลังจากความพยายามในเดือนพฤษภาคมล้มเหลว . พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เพื่อแลกเปลี่ยนกับการส่งทหารไปช่วยรัสเซีย เกาหลีเหนือมีแนวโน้มต้องการเทคโนโลยีการทหารตั้งแต่ดาวเทียมจนถึงเรือดำน้ำสอดแนม และอาจรวมถึงการรับประกันด้านความมั่นคงจากมอสโก . ลีเสริมว่า เกาหลีเหนือพยายามปิดข่าวการส่งทหารไปประจำการในรัสเซีย โดยแจ้งกับครอบครัวทหารเหล่านั้นว่า ถูกส่งไปฝึก . สำหรับท่าทีของ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน นั้น ในช่วงหลังๆ นี้ไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ โดยบอกว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ ขณะที่เปียงยางตอนแรกยืนกรานว่า ไม่ได้ส่งทหารไปรัสเซีย กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจึงแถลงแก้เกี้ยวว่า ถ้าหากจะมีการส่งทหารไปจริงก็จะเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวสำทับว่า “เร็วๆ นี้” อาจมีทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียถึง 12,000 นาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104387 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1280 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณทับทิม มาลิกา เน็ตไอดอล ยูทูปเบอร์ชื่อดัง และอดีตสมาชิกของVRZO
    ได้ให้การสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการป่วยของโรคเนื้องอกในสมอง
    https://youtu.be/t4l9-D_OeW0?si=AJ6ZPek2MoxsIsUt
    คุณทับทิม มาลิกา เน็ตไอดอล ยูทูปเบอร์ชื่อดัง และอดีตสมาชิกของVRZO ได้ให้การสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการป่วยของโรคเนื้องอกในสมอง https://youtu.be/t4l9-D_OeW0?si=AJ6ZPek2MoxsIsUt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • สามารถลาออกจากสมาชิกพปชร.แล้ว ค่าตัวร่วงดิ่งเหว ไร้พรรคสนใจดึงร่วมการเมือง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สามารถลาออกจากสมาชิกพปชร.แล้ว ค่าตัวร่วงดิ่งเหว ไร้พรรคสนใจดึงร่วมการเมือง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • สามารถชิ่งหนีการตบทรัพย์ดิไอคอน ลาออกจากสมาชิกพปชร.ไร้พรรคสนใจดึงร่วมการเมือง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สามารถ
    #ลุงป้อม
    สามารถชิ่งหนีการตบทรัพย์ดิไอคอน ลาออกจากสมาชิกพปชร.ไร้พรรคสนใจดึงร่วมการเมือง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #สามารถ #ลุงป้อม
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=WRAFnZ3PLak
    บทสนทนาเจ้านายกับเลขาที่สำนักงาน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเจ้านายกับเลขาที่สำนักงาน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #secretary

    The conversations from the clip :

    Secretary: Hello, Mr. Johnson! I just wanted to confirm the details of the upcoming meeting with the client next week.
    Boss: Hi, Lisa. Good idea. It’s scheduled for Tuesday, right?
    Secretary: Yes, Tuesday at 10 a.m., in the main conference room.
    Boss: Perfect. And who will be joining from the client’s side?
    Secretary: They’ll be bringing their CEO, the project manager, and a few team members.
    Boss: Got it. Have you prepared the meeting agenda?
    Secretary: Yes, I have. I’ll send a copy to all participants and email one to you for review.
    Boss: Great. Make sure to include some time for questions at the end.
    Secretary: Absolutely. I’ve added a 15-minute Q&A session at the end.
    Boss: Good thinking. Do we need any special equipment for the presentation?
    Secretary: I’ve booked a projector and screen. Is there anything else you’d like?
    Boss: No, that should be enough. Will you have printed copies of the report ready?
    Secretary: Yes, I’ll prepare the handouts and place them in the conference room before the meeting.
    Boss: Excellent. Have you also arranged refreshments?
    Secretary: Yes, coffee and snacks will be delivered by 9:45 a.m.
    Boss: Perfect, Lisa. Thanks for handling everything.
    Secretary: You’re very welcome, Mr. Johnson. Let me know if anything changes.

    เลขา: สวัสดีค่ะ คุณจอห์นสัน! ดิฉันอยากจะยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมกับลูกค้าในสัปดาห์หน้านี้ค่ะ
    เจ้านาย: สวัสดี ลิซ่า ดีเลย การประชุมกำหนดไว้วันอังคาร ใช่ไหม?
    เลขา: ใช่ค่ะ วันอังคาร เวลา 10 โมงเช้า ที่ห้องประชุมใหญ่ค่ะ
    เจ้านาย: ดีมาก แล้วใครจะมาจากทางฝั่งลูกค้าบ้าง?
    เลขา: พวกเขาจะพา CEO ผู้จัดการโครงการ และสมาชิกทีมบางคนมาค่ะ
    เจ้านาย: เข้าใจแล้ว คุณได้เตรียมวาระการประชุมหรือยัง?
    เลขา: เรียบร้อยแล้วค่ะ ดิฉันจะส่งสำเนาให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน และส่งอีเมลให้คุณตรวจสอบด้วย
    เจ้านาย: เยี่ยมเลย อย่าลืมกันเวลาสำหรับคำถามไว้ช่วงท้ายด้วยนะ
    เลขา: แน่นอนค่ะ ดิฉันได้เพิ่มช่วงถาม-ตอบ 15 นาทีไว้ท้ายการประชุมแล้วค่ะ
    เจ้านาย: คิดได้ดีมาก เราต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไรสำหรับการนำเสนอไหม?
    เลขา: ดิฉันจองโปรเจ็กเตอร์กับจอไว้แล้วค่ะ ต้องการอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมไหมคะ?
    เจ้านาย: ไม่ล่ะ น่าจะพอแล้ว จะมีสำเนารายงานแจกไว้พร้อมหรือยัง?
    เลขา: ใช่ค่ะ ดิฉันจะเตรียมเอกสารแจก และนำไปวางที่ห้องประชุมก่อนเวลาเริ่ม
    เจ้านาย: ยอดเยี่ยม ลิซ่า ได้จัดเตรียมเครื่องดื่มไว้ด้วยไหม?
    เลขา: เรียบร้อยแล้วค่ะ จะมีบริการกาแฟและขนมตอน 9:45 น.
    เจ้านาย: ดีมาก ลิซ่า ขอบคุณมากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย
    เลขา: ยินดีค่ะ คุณจอห์นสัน ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรจะรีบแจ้งให้ทราบค่ะ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Schedule (สเคด-ดูล) n. แปลว่า ตารางเวลา
    Conference (คอน-เฟอ-เรินซ) n. แปลว่า การประชุม
    Client (ไคล-เอินท) n. แปลว่า ลูกค้า
    Assistant (อะ-ซิส-แทนท) n. แปลว่า ผู้ช่วย
    Equipment (อิค-วิพ-เมินท) n. แปลว่า อุปกรณ์
    Projector (โพร-เจค-เทอะ) n. แปลว่า เครื่องฉาย
    Refreshments (รี-เฟรช-เมินซ) n. แปลว่า อาหารว่าง/เครื่องดื่ม
    Q&A (คิว-แอนด์-เอ) n. แปลว่า คำถามและคำตอบ
    Meeting (มีท-ทิง) n. แปลว่า การประชุม
    Confirm (คอน-เฟิร์ม) v. แปลว่า ยืนยัน
    Discuss (ดิส-คัส) v. แปลว่า อภิปราย
    Time slot (ไทม์-สลอท) n. แปลว่า ช่วงเวลา
    Agenda (อะ-เจน-ดะ) n. แปลว่า วาระการประชุม
    Team (ทีม) n. แปลว่า ทีม
    Presentation (เพร-เซน-เท-เชิน) n. แปลว่า การนำเสนอ
    https://www.youtube.com/watch?v=WRAFnZ3PLak บทสนทนาเจ้านายกับเลขาที่สำนักงาน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเจ้านายกับเลขาที่สำนักงาน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #secretary The conversations from the clip : Secretary: Hello, Mr. Johnson! I just wanted to confirm the details of the upcoming meeting with the client next week. Boss: Hi, Lisa. Good idea. It’s scheduled for Tuesday, right? Secretary: Yes, Tuesday at 10 a.m., in the main conference room. Boss: Perfect. And who will be joining from the client’s side? Secretary: They’ll be bringing their CEO, the project manager, and a few team members. Boss: Got it. Have you prepared the meeting agenda? Secretary: Yes, I have. I’ll send a copy to all participants and email one to you for review. Boss: Great. Make sure to include some time for questions at the end. Secretary: Absolutely. I’ve added a 15-minute Q&A session at the end. Boss: Good thinking. Do we need any special equipment for the presentation? Secretary: I’ve booked a projector and screen. Is there anything else you’d like? Boss: No, that should be enough. Will you have printed copies of the report ready? Secretary: Yes, I’ll prepare the handouts and place them in the conference room before the meeting. Boss: Excellent. Have you also arranged refreshments? Secretary: Yes, coffee and snacks will be delivered by 9:45 a.m. Boss: Perfect, Lisa. Thanks for handling everything. Secretary: You’re very welcome, Mr. Johnson. Let me know if anything changes. เลขา: สวัสดีค่ะ คุณจอห์นสัน! ดิฉันอยากจะยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมกับลูกค้าในสัปดาห์หน้านี้ค่ะ เจ้านาย: สวัสดี ลิซ่า ดีเลย การประชุมกำหนดไว้วันอังคาร ใช่ไหม? เลขา: ใช่ค่ะ วันอังคาร เวลา 10 โมงเช้า ที่ห้องประชุมใหญ่ค่ะ เจ้านาย: ดีมาก แล้วใครจะมาจากทางฝั่งลูกค้าบ้าง? เลขา: พวกเขาจะพา CEO ผู้จัดการโครงการ และสมาชิกทีมบางคนมาค่ะ เจ้านาย: เข้าใจแล้ว คุณได้เตรียมวาระการประชุมหรือยัง? เลขา: เรียบร้อยแล้วค่ะ ดิฉันจะส่งสำเนาให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน และส่งอีเมลให้คุณตรวจสอบด้วย เจ้านาย: เยี่ยมเลย อย่าลืมกันเวลาสำหรับคำถามไว้ช่วงท้ายด้วยนะ เลขา: แน่นอนค่ะ ดิฉันได้เพิ่มช่วงถาม-ตอบ 15 นาทีไว้ท้ายการประชุมแล้วค่ะ เจ้านาย: คิดได้ดีมาก เราต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไรสำหรับการนำเสนอไหม? เลขา: ดิฉันจองโปรเจ็กเตอร์กับจอไว้แล้วค่ะ ต้องการอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมไหมคะ? เจ้านาย: ไม่ล่ะ น่าจะพอแล้ว จะมีสำเนารายงานแจกไว้พร้อมหรือยัง? เลขา: ใช่ค่ะ ดิฉันจะเตรียมเอกสารแจก และนำไปวางที่ห้องประชุมก่อนเวลาเริ่ม เจ้านาย: ยอดเยี่ยม ลิซ่า ได้จัดเตรียมเครื่องดื่มไว้ด้วยไหม? เลขา: เรียบร้อยแล้วค่ะ จะมีบริการกาแฟและขนมตอน 9:45 น. เจ้านาย: ดีมาก ลิซ่า ขอบคุณมากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เลขา: ยินดีค่ะ คุณจอห์นสัน ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรจะรีบแจ้งให้ทราบค่ะ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Schedule (สเคด-ดูล) n. แปลว่า ตารางเวลา Conference (คอน-เฟอ-เรินซ) n. แปลว่า การประชุม Client (ไคล-เอินท) n. แปลว่า ลูกค้า Assistant (อะ-ซิส-แทนท) n. แปลว่า ผู้ช่วย Equipment (อิค-วิพ-เมินท) n. แปลว่า อุปกรณ์ Projector (โพร-เจค-เทอะ) n. แปลว่า เครื่องฉาย Refreshments (รี-เฟรช-เมินซ) n. แปลว่า อาหารว่าง/เครื่องดื่ม Q&A (คิว-แอนด์-เอ) n. แปลว่า คำถามและคำตอบ Meeting (มีท-ทิง) n. แปลว่า การประชุม Confirm (คอน-เฟิร์ม) v. แปลว่า ยืนยัน Discuss (ดิส-คัส) v. แปลว่า อภิปราย Time slot (ไทม์-สลอท) n. แปลว่า ช่วงเวลา Agenda (อะ-เจน-ดะ) n. แปลว่า วาระการประชุม Team (ทีม) n. แปลว่า ทีม Presentation (เพร-เซน-เท-เชิน) n. แปลว่า การนำเสนอ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องขับ ! "สามารถ" ชิงลาออกสมาชิก พปชร. (29/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #เทวดา #สมาชิก พปชร.ลาออก #คลิปเสียงพ่นพิษ
    ไม่ต้องขับ ! "สามารถ" ชิงลาออกสมาชิก พปชร. (29/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #เทวดา #สมาชิก พปชร.ลาออก #คลิปเสียงพ่นพิษ
    Like
    Haha
    Sad
    Yay
    30
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1995 มุมมอง 1087 1 รีวิว
  • “ทนายบอสพอล” ลั่น! แม่ข่ายแสนกว่าคนต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ตอนนี้จัดการเชือด 8 คน “กบ ไมโคร - ลูกตาล” ปะทะคารม ขอความเป็นธรรม ทำไม “พลอย” เมีย “กันต์” ไม่โดน ในเมื่อเป็นถึงระดับแกรนด์ดีลเลอร์ ทนายอ้างไม่ใช่เป้าหมาย มีสมาชิกกี่คน ถึงทราบก็ตอบไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104266

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทนายบอสพอล” ลั่น! แม่ข่ายแสนกว่าคนต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ตอนนี้จัดการเชือด 8 คน “กบ ไมโคร - ลูกตาล” ปะทะคารม ขอความเป็นธรรม ทำไม “พลอย” เมีย “กันต์” ไม่โดน ในเมื่อเป็นถึงระดับแกรนด์ดีลเลอร์ ทนายอ้างไม่ใช่เป้าหมาย มีสมาชิกกี่คน ถึงทราบก็ตอบไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104266 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    30
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2821 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค

    วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง

    ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้

    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ

    #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค • วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง • ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้ • ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ • #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเพิ่มเติมความเสียหายของอาคารตามแนวชายฝั่งในเมืองไทร์(Tyre) ตอนใต้ของเลบานอน หลังจากกองทัพอิสราเอลโจมตีอาคารที่พักอาศัยของพลเมืองหลายหลังเมื่อวานนี้ โดยอ้างว่าเพื่อทำลายสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    ภาพเพิ่มเติมความเสียหายของอาคารตามแนวชายฝั่งในเมืองไทร์(Tyre) ตอนใต้ของเลบานอน หลังจากกองทัพอิสราเอลโจมตีอาคารที่พักอาศัยของพลเมืองหลายหลังเมื่อวานนี้ โดยอ้างว่าเพื่อทำลายสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกำลังตัดสินใจจะโจมตีอิหร่านอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนที่บ้านพักของเนทันยาฮูในเมืองซีซาเรีย

    ทีวีช่อง 13 ของอิสราเอลรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สมาชิกในคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงกำลังหาข้อสรุปถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีอิหร่านอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนที่บ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ในเมืองซีซาเรีย เมื่อต้นเดือนนี้

    ตามรายงานข่าวจากช่อง 13 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้รวมถึงการตอบโต้การโจมตีของโดรน ซึ่งอิสราเอลระบุว่านี่เป็นการพยายามลอบสังหาร สมควรต้องตอบโต้แยกต่างๆอีกครั้ง

    สื่อยังระบุอีกว่า การตอบโต้ของอิสราเอลต่อเหตุการณ์ดังกล่าวจะ "แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง" จากการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านครั้งล่าสุดเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอข้อสรุปของรูปแบบการโจมตีฉบับเต็มในอีกไม่กี่วันข้างหน้าต่อเนทันยาฮู
    อิสราเอลกำลังตัดสินใจจะโจมตีอิหร่านอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนที่บ้านพักของเนทันยาฮูในเมืองซีซาเรีย ทีวีช่อง 13 ของอิสราเอลรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สมาชิกในคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงกำลังหาข้อสรุปถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีอิหร่านอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนที่บ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ในเมืองซีซาเรีย เมื่อต้นเดือนนี้ ตามรายงานข่าวจากช่อง 13 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้รวมถึงการตอบโต้การโจมตีของโดรน ซึ่งอิสราเอลระบุว่านี่เป็นการพยายามลอบสังหาร สมควรต้องตอบโต้แยกต่างๆอีกครั้ง สื่อยังระบุอีกว่า การตอบโต้ของอิสราเอลต่อเหตุการณ์ดังกล่าวจะ "แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง" จากการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านครั้งล่าสุดเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอข้อสรุปของรูปแบบการโจมตีฉบับเต็มในอีกไม่กี่วันข้างหน้าต่อเนทันยาฮู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวอ้าง อิหร่านกำลังหาทางพัฒนา "คลังแสง" ระเบิดนิวเคลียร์ โดยมีเป้าหมายทำลายล้างอิสราเอล ความเห็นซึ่งมีขึ้น 2 วันหลังจากรัฐยิวทิ้งบอมบ์ถล่มเป้าหมายทางทหารในสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้
    .
    เมื่อวันเสาร์ (26 ต.ค.) อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายที่ตั้งทางทหารในอิหร่าน แก้แค้กรณีที่ถูกเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยในคราวนั้น อิหร่านลงมือแก้แค้นเหตุลอบสังหารพวกผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่พวกเขาให้การสนับสนุนและผู้บัญชาการระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    .
    "อิหร่านมุ่งมั่นพัฒนาคลังแสงระเบิดนิวเคลียร์ เพื่อทำลายเรา ระเบิดนิวเคลียร์เหล่านั้นติดตั้งบนขีปนาวุธพิสัยไกลและขีปนาวุธข้ามทวีป ที่อิหร่านกำลังพยายามพัฒนา" เนทันยาฮูกล่าว "อิหร่านอาจคุกคามทั่วทั้งโลกได้ทุกเมื่อ" นายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ ระหว่างกล่าวกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างเริ่มประชุมรัฐสภาอิสราเอลสมัยฤดูหนาว
    .
    "การหยุดยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน อยู่ในลำดับต้นๆ ในความคิดของเรา และด้วยเหตุผลต่างๆ ผมไม่อาจบอกพวกคุณทุกคนเกี่ยวกับแผนของเราและแนวทางดำเนินการของเราในเรื่องนี้"
    .
    รัฐบาลอิหร่านปฏิเสธมาช้านานต่อคำกล่าวหาที่ว่าพวกเขากำลังพยายามสร้างระเบิดนิวเคลียร์ และยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขานั้นมีจุดประสงค์เพื่อสันติ
    .
    ในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมา พวกเขาลดความร่วมมือกับทบวงปรมาณูสากล ขณะเดียวกันก็ยกระดับโครงการนิวเคลียร์ของตนเอง ในนั้นรวมถึงสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะจำนวนมาก

    อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการหน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ระบุในสัปดาห์ที่แล้ว ว่า อิหร่านแสดงออกถึงความตั้งใจในการกลับมาให้ความร่วมมือในประเด็นนิวเคลียร์
    .
    เตหะรานซึ่งให้การสนับสนุนฮามาส เตือนว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงและมีประสิทธิผล ต่อปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    สงครามในกาซาระหว่างฮามาสและอิสราเอล ลากอิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส รวมถึงพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเข้าร่วมวงด้วย
    .
    เนทันยาฮู กล่าวว่า "พวกอักษะแห่งปีศาจ ผู้บ้าคลั่งที่นำโดยอิหร่าน ข่มขู่ที่จะทำลายประเทศของเราและขู่ยึดครองประเทศอื่นๆ พวกเขาปรารถนาใช้กำลังเข้าควบคุมภูมิภาคของเรา อิสราเอลคือขวากหนามที่แท้จริงในเส้นทางของอิหร่าน เพราะว่าสำหรับอิหร่านแล้ว หากอิสราเอลล้มครืน ประเทศต่างๆ มากมายก็จะล้มตามไปด้วย ทั่วทั้งตะวันออกกลางจะตกไปอยู่ในมือของพวกเขา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103989
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวอ้าง อิหร่านกำลังหาทางพัฒนา "คลังแสง" ระเบิดนิวเคลียร์ โดยมีเป้าหมายทำลายล้างอิสราเอล ความเห็นซึ่งมีขึ้น 2 วันหลังจากรัฐยิวทิ้งบอมบ์ถล่มเป้าหมายทางทหารในสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ . เมื่อวันเสาร์ (26 ต.ค.) อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายที่ตั้งทางทหารในอิหร่าน แก้แค้กรณีที่ถูกเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยในคราวนั้น อิหร่านลงมือแก้แค้นเหตุลอบสังหารพวกผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่พวกเขาให้การสนับสนุนและผู้บัญชาการระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน . "อิหร่านมุ่งมั่นพัฒนาคลังแสงระเบิดนิวเคลียร์ เพื่อทำลายเรา ระเบิดนิวเคลียร์เหล่านั้นติดตั้งบนขีปนาวุธพิสัยไกลและขีปนาวุธข้ามทวีป ที่อิหร่านกำลังพยายามพัฒนา" เนทันยาฮูกล่าว "อิหร่านอาจคุกคามทั่วทั้งโลกได้ทุกเมื่อ" นายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ ระหว่างกล่าวกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างเริ่มประชุมรัฐสภาอิสราเอลสมัยฤดูหนาว . "การหยุดยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน อยู่ในลำดับต้นๆ ในความคิดของเรา และด้วยเหตุผลต่างๆ ผมไม่อาจบอกพวกคุณทุกคนเกี่ยวกับแผนของเราและแนวทางดำเนินการของเราในเรื่องนี้" . รัฐบาลอิหร่านปฏิเสธมาช้านานต่อคำกล่าวหาที่ว่าพวกเขากำลังพยายามสร้างระเบิดนิวเคลียร์ และยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขานั้นมีจุดประสงค์เพื่อสันติ . ในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมา พวกเขาลดความร่วมมือกับทบวงปรมาณูสากล ขณะเดียวกันก็ยกระดับโครงการนิวเคลียร์ของตนเอง ในนั้นรวมถึงสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการหน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ระบุในสัปดาห์ที่แล้ว ว่า อิหร่านแสดงออกถึงความตั้งใจในการกลับมาให้ความร่วมมือในประเด็นนิวเคลียร์ . เตหะรานซึ่งให้การสนับสนุนฮามาส เตือนว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงและมีประสิทธิผล ต่อปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . สงครามในกาซาระหว่างฮามาสและอิสราเอล ลากอิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส รวมถึงพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเข้าร่วมวงด้วย . เนทันยาฮู กล่าวว่า "พวกอักษะแห่งปีศาจ ผู้บ้าคลั่งที่นำโดยอิหร่าน ข่มขู่ที่จะทำลายประเทศของเราและขู่ยึดครองประเทศอื่นๆ พวกเขาปรารถนาใช้กำลังเข้าควบคุมภูมิภาคของเรา อิสราเอลคือขวากหนามที่แท้จริงในเส้นทางของอิหร่าน เพราะว่าสำหรับอิหร่านแล้ว หากอิสราเอลล้มครืน ประเทศต่างๆ มากมายก็จะล้มตามไปด้วย ทั่วทั้งตะวันออกกลางจะตกไปอยู่ในมือของพวกเขา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103989 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1168 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯเอ่ยปากเตือนอิหร่าน ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับ "ผลสนองรุนแรง" หากเตหะรานกระทำการก้าวร้าวใดๆ เพิ่มเติมกับอิสราเอลหรือบุคลากรของอเมริกาในตะวันออกกลาง
    .
    "เราจะไม่รีรอดำเนินการปกป้องตนเอง กรุณาอย่าสับสน สหรัฐฯไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ เราเชื่อว่าเรื่องนี้ควรอยุดอยู่ที่การยิงตอบโต้กันโดยตรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน" ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ บอกกับสมาชิก 15 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
    .
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ เรียกประชุมปรึกษาหารือ หลังอิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีโรงงานขีปนาวุธและที่ตั้งอื่นๆในอิหร่าน ก่อนรุ่งสางวันเสาร์(26ต.ค.) ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการแก้แค้นเตหะราน ที่รัวยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
    .
    อามีร์ ไซเอ็ด ไอราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ กล่าวหาวอชิงตัน เป็นผู้สมคบคิดกับอิสราเอล ผ่านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่พันธมิตรของสหรัฐฯแห่งนี้

    "อิหร่านสนับสนุนหนทางทางการทูตมาตลอด" เขาบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "อย่างไรก็ตามในฐานะรัฐอธิปไตย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านขอสงวนไว้ซึ่งสิทธิโดยเนื้อแท้ในการตอบโต้ ในช่วงเวลาที่เราเป็นคนเลือกเอง เพื่อตอบโต้พฤติกรรมก้าวร้าวนี้"
    .
    แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉีกโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและเศรษฐกิจของอิหร่านเป็นชิ้นๆ และใช้มาตรการต่างๆที่จำเป็นเพื่อขัดขวางระบอบการปกครองคนบ้าหนึ่งๆจากการครอบครองแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์
    .
    เขาให้คำจำกัดความการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานอิหร่าน ว่าเป็นมาตรการที่สมน้ำสมเนื้อและบอกว่าจะเดินหน้าปกป้องตนเองต่อไป "ความก้าวร้าวเพิ่มเติมใดๆจะต้องเจอกับผลสนอง ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและหนักหน่วง" ดานอนกล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมเน้นน้ำว่า "อิสราเอลไม่ได้เสาะแสวงหาสงคราม"
    .
    ฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ เรียกร้องสหรัฐฯ โดยไม่ได้เอ่ยชื่อ "ให้ปกป้องชีวิตและขัดขวางสงคราม" ก่อนเป็นลำดับแรก และสนับสนุนความเคลื่อนไหวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในทันทีในฉนวนกาซา และลดสถานการณ์ความตึงเครียดในศึกสู้รบระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน
    .
    วาสซิลีย์ เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เรียกร้องสหรัฐฯหยุดให้การสนับสนุนอิสราเอล "เยรูซาเลมไม่พร้อมละทิ้งทางเลือกของตนเอง ในการใช้กำลังหาออกในสถานการณ์ความขัดแย้งของพวกเขาทั้งหมดกับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน พวกเขามุ่งมั่นไปในทิศทางนั้น เพราะว่าพวกเขาได้รับแรงสนับสนุนและคุ้มครองจากพันธมิตรสหรัฐฯ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103972
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯเอ่ยปากเตือนอิหร่าน ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับ "ผลสนองรุนแรง" หากเตหะรานกระทำการก้าวร้าวใดๆ เพิ่มเติมกับอิสราเอลหรือบุคลากรของอเมริกาในตะวันออกกลาง . "เราจะไม่รีรอดำเนินการปกป้องตนเอง กรุณาอย่าสับสน สหรัฐฯไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ เราเชื่อว่าเรื่องนี้ควรอยุดอยู่ที่การยิงตอบโต้กันโดยตรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน" ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ บอกกับสมาชิก 15 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ . คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ เรียกประชุมปรึกษาหารือ หลังอิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีโรงงานขีปนาวุธและที่ตั้งอื่นๆในอิหร่าน ก่อนรุ่งสางวันเสาร์(26ต.ค.) ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการแก้แค้นเตหะราน ที่รัวยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม . อามีร์ ไซเอ็ด ไอราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ กล่าวหาวอชิงตัน เป็นผู้สมคบคิดกับอิสราเอล ผ่านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่พันธมิตรของสหรัฐฯแห่งนี้ "อิหร่านสนับสนุนหนทางทางการทูตมาตลอด" เขาบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "อย่างไรก็ตามในฐานะรัฐอธิปไตย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านขอสงวนไว้ซึ่งสิทธิโดยเนื้อแท้ในการตอบโต้ ในช่วงเวลาที่เราเป็นคนเลือกเอง เพื่อตอบโต้พฤติกรรมก้าวร้าวนี้" . แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉีกโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและเศรษฐกิจของอิหร่านเป็นชิ้นๆ และใช้มาตรการต่างๆที่จำเป็นเพื่อขัดขวางระบอบการปกครองคนบ้าหนึ่งๆจากการครอบครองแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ . เขาให้คำจำกัดความการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานอิหร่าน ว่าเป็นมาตรการที่สมน้ำสมเนื้อและบอกว่าจะเดินหน้าปกป้องตนเองต่อไป "ความก้าวร้าวเพิ่มเติมใดๆจะต้องเจอกับผลสนอง ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและหนักหน่วง" ดานอนกล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมเน้นน้ำว่า "อิสราเอลไม่ได้เสาะแสวงหาสงคราม" . ฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ เรียกร้องสหรัฐฯ โดยไม่ได้เอ่ยชื่อ "ให้ปกป้องชีวิตและขัดขวางสงคราม" ก่อนเป็นลำดับแรก และสนับสนุนความเคลื่อนไหวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในทันทีในฉนวนกาซา และลดสถานการณ์ความตึงเครียดในศึกสู้รบระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน . วาสซิลีย์ เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เรียกร้องสหรัฐฯหยุดให้การสนับสนุนอิสราเอล "เยรูซาเลมไม่พร้อมละทิ้งทางเลือกของตนเอง ในการใช้กำลังหาออกในสถานการณ์ความขัดแย้งของพวกเขาทั้งหมดกับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน พวกเขามุ่งมั่นไปในทิศทางนั้น เพราะว่าพวกเขาได้รับแรงสนับสนุนและคุ้มครองจากพันธมิตรสหรัฐฯ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103972 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน

    28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้

    โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์

    จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ
    เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่

    “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา

    Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์"

    ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28

    #Thaitimes

    ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน 28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้ โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่ “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์" ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28 #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts