• ..ประชาชนดีหรือคนดีๆในสังคมไทยเราจะมีลักษณะนี้เกือบทุกๆคน,ซื่อสัตย์สุจริตแสวงหาไม่ฆ่าไม่ปล้นใครทำลายใครเพื่อดูแลชีวิตคนข้างหลังก็มาก,วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษายุคต่างๆน่าจะซึ้ง หลายคนหาตังเล่าเรียนเองบวกกู้หนี้ยืมสินเล่าเรียนเพื่อได้ทำงานดีๆ,แต่ระบบอุปถัมภ์ในไทยและใต้โต๊ะซื้อซีซื้อตำแหน่งเด็กเส้นเด็กฝากเด็กมหาลัยกูมรึงรุ่นน้องใครมันรุ่นพี่ใครมรึงมากล้นเต็มระบบ,โอกาสคนอีก คลิปนี้บอกนัยยะอดีตผู้คนมากล้น อนาคตอาจกลับไปแบบนี้ทั้งประเทศก็ได้ อาทิภัยพิบัติธรรมชาติเต็มประเทศ น้ำท่วน แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ลาวาใต้ดินตามรอยเลื่อนปะทุขึ้นมา ภาคเหนือไหลลงภาคกลาง อีสานบนไหลลงอีสานกลางสู่ใต้และตลอดแนวริมโขง,อาหารข้าปลาเสียหาย มีตังมากมายก็หาซื้อลำบากไม่ได้,ขาดแคลนไม่หมด ยิ่งน้ำสะอาดหลังภัยพิบัติอีกหรือขณะเจอแบบน้ำท่วม,ใครขุดอุโมงค์ใต้ดินก็ใช่จะรอด แผ่นดินไหวอาจบีดทำลายทางออกตายคาอุโมงค์ก็ได้ ระบบหายใจเสียหายขาดออกซิเจนไฟฟ้าไม่ทำงานแม้มีเครื่องช่วยหายใจก็ไม่รอดออกมาข้างบนไม่ได้ติดอุโมงค์นั้นล่ะ,แบบอุโมงค์รถไไฟ้าใต้ดินก็ด้วย,ปลอดภัยที่สุดอยู่ผิวดินถ้าไม่มีสงครามWWW3นิวเคลียร์นะ อาหารยิ่งอดอยากขาดแคลน1,000เท่า,ไม่รวมซอมบี้กลายพันธุ์จากวัคซีนโควิดอีก,วิกฤติยุโรปพังจากเจ้าสัวยุโรปเครือข่ายแม่ลูกมันก็โดนถึงเอเชียอาเชียนแล้ว,ตลาดการเงินพังแบบทรัมป์พังไม่มีตังจ่ายหนี้จึงรีดภาษีนำเข้าทั่วโลกไปจ่ายหนี้,
    ..จะต่างชาติแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานไทย ทุกๆคนชาวบ้านไทบ้านที่ยากจนจะไม่มาค้าแรงงานเป็นทาสรับใช้ใครหรอก,เพราะโลกนี้ถูกออกแบบมาอย่างคนชั่วเลวต้องการปกครอง คนดีคนซื่อจะถูกทำให้มีสถานะแบบนี้หมด,เช่น มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศ ก็ไม่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำมันให้คนไทยร่ำรวยถ้วนหน้า พัฒนาคนพัฒนาทรัพยากรชาติมุ่งความสุขแก่คนในชาติตนแต่รัฐฐะในอดีตเลวชั่วกลับมุ่งประโยชน์มุ่งความสุขให้คนชาติอื่นแทนชาติไทยตนเอง,ทรัพยากรแบบน้ำมันแค่ขุดเจาะเอง ตั้งบริษัทใหม่รับผิดชอบแทน ปตท. ตั้งกระทรวงใหม่พอขุดเจาะเองและรองรับที่โมฆะสัญญาใดๆที่ตกลงกับอีกฝ่าย มันสามารถคืนความยุติธรรมแต่คนไทยได้หมดล่ะ,แต่เพราะผู้นำเรากากกระจอกอ่อนแอเกินไป คนไทยจึงลำบากยากเย็นยากจนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา,บัตรคนจนก็บอกสถานะได้แล้วว่า คือบัตรคนจน และไม่ช่วยเหลืออะไรจริงห่าเหวเขาให้หยัดยืนพึ่งพาตนเองได้,ปล่อยวงเงินยืมแก่คนจนถือบัตรคนจนก็มีมั้ยให้เขานำไปประกอบอาชีพได้ เงินลงทุนปลูกผักสวนครัวขาย กัญชาเสรีส่งโรงพยาบาลเป็นต้น ไม่มีโครงการอะไรช่วยเหลือคนไทยจริงจังอะไรเลย,เลี้ยงพอกันตาย แต่มิให้เติบโตเพื่อปกครองง่าย,สไตล์วิถีปกครองที่เลวและล้มเหลว,ยุคนี้ ต้องวงเงินคนละ50,000บาทยืมได้เลยพร้อมในบัตร,กรอกวัตถุประสงค์การใช้ อนุมัติทันทีเขานำออกมาเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ได้ค้าขายเลย,ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ผสมผสานพอเพียงก็ทำไป ขายของรถเข็ญก็ทำไป ซื้อผักผลไม้ทุเรียนขนุนมะพร้าวน้ำหอมผลไม้ปั่นชาไข่มุกก็ทำไป,จากนั้นอาจอัดวงเงินเพิ่มอีก10,000ฉุกเฉินให้เขายามจำเป็นได้,จากนั้นสามารถประเมอนผลงานได้ในอีก1-2ปีเสมือนวิจัยในตัว,แต่รัฐฐะกลับไม่ใส่ใจห่าอะไรเลย,จาก15ล้านคน คนละ10,000บาทก็ยังดีให้เขา ก็150,000ล้านบาทเอง,ทีจะช่วยเจ้าสัวนายทุนคนค้าส่วออกจากภาษีทรัมป์ยังจะช่วยพวกมันฟรีๆจากตังคลังหลวงชาติถึง200,000ล้านบาทเตรียมตังช่วยเหลือมันพะนะ,ตอนมันกำไรขึ้นท็อปเศรษฐี100อันดับแรก มันไม่เห็นส่งตังคืนเข้าคลังหลวงคืนประชาชนคนไทยจากภาษีที่จ่ายช่วยพวกมัน,ค่าล็อบบี้ยีสผีบ้านั้นอีกกว่า100ล้านบาทเสียไปฟรีๆนำมาช่วยปล่อยยืมให้คนถือบัตรคนจนอาจช่วยเหลือเขาได้หลายคนเลย,นี้คือการปกครองที่เป็นระบบปกครองที่พังและล้มเหลว.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/1Cr5nP5pkY0?si=GiMeKjXoH7vbhyUG
    ..ประชาชนดีหรือคนดีๆในสังคมไทยเราจะมีลักษณะนี้เกือบทุกๆคน,ซื่อสัตย์สุจริตแสวงหาไม่ฆ่าไม่ปล้นใครทำลายใครเพื่อดูแลชีวิตคนข้างหลังก็มาก,วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษายุคต่างๆน่าจะซึ้ง หลายคนหาตังเล่าเรียนเองบวกกู้หนี้ยืมสินเล่าเรียนเพื่อได้ทำงานดีๆ,แต่ระบบอุปถัมภ์ในไทยและใต้โต๊ะซื้อซีซื้อตำแหน่งเด็กเส้นเด็กฝากเด็กมหาลัยกูมรึงรุ่นน้องใครมันรุ่นพี่ใครมรึงมากล้นเต็มระบบ,โอกาสคนอีก คลิปนี้บอกนัยยะอดีตผู้คนมากล้น อนาคตอาจกลับไปแบบนี้ทั้งประเทศก็ได้ อาทิภัยพิบัติธรรมชาติเต็มประเทศ น้ำท่วน แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ลาวาใต้ดินตามรอยเลื่อนปะทุขึ้นมา ภาคเหนือไหลลงภาคกลาง อีสานบนไหลลงอีสานกลางสู่ใต้และตลอดแนวริมโขง,อาหารข้าปลาเสียหาย มีตังมากมายก็หาซื้อลำบากไม่ได้,ขาดแคลนไม่หมด ยิ่งน้ำสะอาดหลังภัยพิบัติอีกหรือขณะเจอแบบน้ำท่วม,ใครขุดอุโมงค์ใต้ดินก็ใช่จะรอด แผ่นดินไหวอาจบีดทำลายทางออกตายคาอุโมงค์ก็ได้ ระบบหายใจเสียหายขาดออกซิเจนไฟฟ้าไม่ทำงานแม้มีเครื่องช่วยหายใจก็ไม่รอดออกมาข้างบนไม่ได้ติดอุโมงค์นั้นล่ะ,แบบอุโมงค์รถไไฟ้าใต้ดินก็ด้วย,ปลอดภัยที่สุดอยู่ผิวดินถ้าไม่มีสงครามWWW3นิวเคลียร์นะ อาหารยิ่งอดอยากขาดแคลน1,000เท่า,ไม่รวมซอมบี้กลายพันธุ์จากวัคซีนโควิดอีก,วิกฤติยุโรปพังจากเจ้าสัวยุโรปเครือข่ายแม่ลูกมันก็โดนถึงเอเชียอาเชียนแล้ว,ตลาดการเงินพังแบบทรัมป์พังไม่มีตังจ่ายหนี้จึงรีดภาษีนำเข้าทั่วโลกไปจ่ายหนี้, ..จะต่างชาติแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานไทย ทุกๆคนชาวบ้านไทบ้านที่ยากจนจะไม่มาค้าแรงงานเป็นทาสรับใช้ใครหรอก,เพราะโลกนี้ถูกออกแบบมาอย่างคนชั่วเลวต้องการปกครอง คนดีคนซื่อจะถูกทำให้มีสถานะแบบนี้หมด,เช่น มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศ ก็ไม่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำมันให้คนไทยร่ำรวยถ้วนหน้า พัฒนาคนพัฒนาทรัพยากรชาติมุ่งความสุขแก่คนในชาติตนแต่รัฐฐะในอดีตเลวชั่วกลับมุ่งประโยชน์มุ่งความสุขให้คนชาติอื่นแทนชาติไทยตนเอง,ทรัพยากรแบบน้ำมันแค่ขุดเจาะเอง ตั้งบริษัทใหม่รับผิดชอบแทน ปตท. ตั้งกระทรวงใหม่พอขุดเจาะเองและรองรับที่โมฆะสัญญาใดๆที่ตกลงกับอีกฝ่าย มันสามารถคืนความยุติธรรมแต่คนไทยได้หมดล่ะ,แต่เพราะผู้นำเรากากกระจอกอ่อนแอเกินไป คนไทยจึงลำบากยากเย็นยากจนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา,บัตรคนจนก็บอกสถานะได้แล้วว่า คือบัตรคนจน และไม่ช่วยเหลืออะไรจริงห่าเหวเขาให้หยัดยืนพึ่งพาตนเองได้,ปล่อยวงเงินยืมแก่คนจนถือบัตรคนจนก็มีมั้ยให้เขานำไปประกอบอาชีพได้ เงินลงทุนปลูกผักสวนครัวขาย กัญชาเสรีส่งโรงพยาบาลเป็นต้น ไม่มีโครงการอะไรช่วยเหลือคนไทยจริงจังอะไรเลย,เลี้ยงพอกันตาย แต่มิให้เติบโตเพื่อปกครองง่าย,สไตล์วิถีปกครองที่เลวและล้มเหลว,ยุคนี้ ต้องวงเงินคนละ50,000บาทยืมได้เลยพร้อมในบัตร,กรอกวัตถุประสงค์การใช้ อนุมัติทันทีเขานำออกมาเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ได้ค้าขายเลย,ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ผสมผสานพอเพียงก็ทำไป ขายของรถเข็ญก็ทำไป ซื้อผักผลไม้ทุเรียนขนุนมะพร้าวน้ำหอมผลไม้ปั่นชาไข่มุกก็ทำไป,จากนั้นอาจอัดวงเงินเพิ่มอีก10,000ฉุกเฉินให้เขายามจำเป็นได้,จากนั้นสามารถประเมอนผลงานได้ในอีก1-2ปีเสมือนวิจัยในตัว,แต่รัฐฐะกลับไม่ใส่ใจห่าอะไรเลย,จาก15ล้านคน คนละ10,000บาทก็ยังดีให้เขา ก็150,000ล้านบาทเอง,ทีจะช่วยเจ้าสัวนายทุนคนค้าส่วออกจากภาษีทรัมป์ยังจะช่วยพวกมันฟรีๆจากตังคลังหลวงชาติถึง200,000ล้านบาทเตรียมตังช่วยเหลือมันพะนะ,ตอนมันกำไรขึ้นท็อปเศรษฐี100อันดับแรก มันไม่เห็นส่งตังคืนเข้าคลังหลวงคืนประชาชนคนไทยจากภาษีที่จ่ายช่วยพวกมัน,ค่าล็อบบี้ยีสผีบ้านั้นอีกกว่า100ล้านบาทเสียไปฟรีๆนำมาช่วยปล่อยยืมให้คนถือบัตรคนจนอาจช่วยเหลือเขาได้หลายคนเลย,นี้คือการปกครองที่เป็นระบบปกครองที่พังและล้มเหลว. .. ..https://youtube.com/shorts/1Cr5nP5pkY0?si=GiMeKjXoH7vbhyUG
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน

    นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย

    แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ

    ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี

    บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า

    https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Why business landlines are still essential in a wireless world
    However, the modern business landline has evolved, with many organizations transitioning from legacy copper systems to digital solutions that use Internet Protocol (IP) to transmit calls. This...
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส

    ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง

    รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน

    เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ

    เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า




    นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก

    ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง

    ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป

    แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์
    - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน
    - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้
    - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ
    - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting
    - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง
    - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง
    - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส
    - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน
    - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน
    - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น

    https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์ - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้ - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Data center boom in Georgia sparks water worries and resident backlash
    The rise of data centers is closely tied to the rapid growth of artificial intelligence and cloud computing. But as the demand for digital services increases, so...
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค

    เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค

    หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

    ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ

    นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ

    ข้อมูลจากข่าว
    - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด
    - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน
    - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต
    - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
    - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต
    - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง
    - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา
    - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด
    - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European securities regulator warns about crypto firms misleading customers
    PARIS (Reuters) -Europe's securities regulator warned crypto companies on Friday not to mislead customers about the extent to which their products are regulated - the latest sign of European authorities trying to limit crypto-related risks.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ควรสงบปากสงบคำ ถนอมน้ำใจถนอมคำพูดซึ่งกันและกัน ครอบครัวจึงจะอยู่อย่างเป็นสุขสงบต่อกัน อีกทั้งควรป้องกันระวังภัยจากพวกโจรปล้นขโมยทรัพย์ พวกมิจฉาชีพ และนักต้มตุ๋น เพราะมีเกณฑ์จะถูกหลอก ตลอดจนภัยอุบัติเหตุจะบาดเจ็บจากของมีคม อาวุธปืน และรถยนต์ จากเรื่องเล็กจะกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ บานปลายให้มีคดีความติดตัว หรือเป็นเพราะขาดผู้อุปถัมภ์สนับสนุน คดีความเก่าเก็บที่ค้างคาจึงพ่ายแพ้ หมดรูป เป็นเพราะปากและคำพูด ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกับคนอื่นอย่างรุนแรง จนถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อกันได้ ดังนั้นควรงดการประชุม งานเลี้ยงสังสรรค์จะปลอดภัยกว่า เพราะแม้แต่ การเงินยังถดถอย ติดขัดไม่คล่องมือ ทรัพย์สินมีโอกาสสูญเสีย จึงควรหลีกเลี่ยงการลงทุนเพิ่ม อย่าทำเรื่องไม่ซื่อตรง คิดคดทำผิดกฏหมาย มีโอกาสจะถูกลงโทษ ฟ้องร้องฟ้องศาลจนเป็นคดีความได้

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ควรสงบปากสงบคำ ถนอมน้ำใจถนอมคำพูดซึ่งกันและกัน ครอบครัวจึงจะอยู่อย่างเป็นสุขสงบต่อกัน อีกทั้งควรป้องกันระวังภัยจากพวกโจรปล้นขโมยทรัพย์ พวกมิจฉาชีพ และนักต้มตุ๋น เพราะมีเกณฑ์จะถูกหลอก ตลอดจนภัยอุบัติเหตุจะบาดเจ็บจากของมีคม อาวุธปืน และรถยนต์ จากเรื่องเล็กจะกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ บานปลายให้มีคดีความติดตัว หรือเป็นเพราะขาดผู้อุปถัมภ์สนับสนุน คดีความเก่าเก็บที่ค้างคาจึงพ่ายแพ้ หมดรูป เป็นเพราะปากและคำพูด ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกับคนอื่นอย่างรุนแรง จนถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อกันได้ ดังนั้นควรงดการประชุม งานเลี้ยงสังสรรค์จะปลอดภัยกว่า เพราะแม้แต่ การเงินยังถดถอย ติดขัดไม่คล่องมือ ทรัพย์สินมีโอกาสสูญเสีย จึงควรหลีกเลี่ยงการลงทุนเพิ่ม อย่าทำเรื่องไม่ซื่อตรง คิดคดทำผิดกฏหมาย มีโอกาสจะถูกลงโทษ ฟ้องร้องฟ้องศาลจนเป็นคดีความได้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Intel ยอมรับ “สายเกินไป” ที่จะไล่ทัน AI – จากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม

    Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ของ Intel กล่าวในวงประชุมพนักงานทั่วโลกว่า “เมื่อ 20–30 ปีก่อน เราคือผู้นำ แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไป เราไม่ติดอันดับ 10 บริษัทเซมิคอนดักเตอร์อีกแล้ว” คำพูดนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาด CPU อย่างเบ็ดเสร็จ

    Intel พยายามปรับตัวหลายด้าน เช่น:
    - สร้างสถาปัตยกรรม hybrid แบบ big.LITTLE เหมือน ARM แต่ไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก AMD ได้
    - เปิดตัว GPU ที่ล่าช้าและไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้
    - Outsource การผลิตชิปบางส่วนไปยัง TSMC ตั้งแต่ปี 2023 โดยล่าสุดในปี 2025 มีถึง 30% ของการผลิตที่ทำโดย TSMC

    แม้จะลงทุนมหาศาลใน R&D แต่ Intel ก็ยังขาดความเร็วและความเฉียบคมในการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ Nvidia ครองอยู่เกือบเบ็ดเสร็จ

    Intel จึงวางแผนเปลี่ยนกลยุทธ์:
    - หันไปเน้น edge AI และ agentic AI (AI ที่ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม)
    - ลดขนาดองค์กรและปลดพนักงานหลายพันคนทั่วโลกเพื่อลดต้นทุน
    - อาจแยกธุรกิจ foundry ออกเป็นบริษัทลูก และเปลี่ยน Intel เป็นบริษัท fabless แบบ AMD และ Apple

    Tan ยอมรับว่า “การฝึกโมเดล AI สำหรับ training ใน data center เรามาช้าเกินไป” แต่ยังมีความหวังใน edge AI และการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้ “ถ่อมตัวและฟังตลาดมากขึ้น”

    ข้อมูลจากข่าว
    - CEO Intel ยอมรับว่าไม่ติดอันดับ 10 บริษัทเซมิคอนดักเตอร์อีกต่อไป
    - Intel พยายามปรับตัวด้วย hybrid architecture และ GPU แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
    - มีการ outsource การผลิตชิปไปยัง TSMC มากขึ้น โดยเฉพาะใน Meteor Lake และ Lunar Lake
    - Intel ขาดความสามารถในการแข่งขันในตลาด AI โดยเฉพาะด้าน training
    - บริษัทปลดพนักงานหลายพันคนทั่วโลกเพื่อลดต้นทุน
    - วางแผนเน้น edge AI และ agentic AI เป็นกลยุทธ์ใหม่
    - อาจแยกธุรกิจ foundry ออกเป็นบริษัทลูก และเปลี่ยนเป็น fabless company

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การยอมรับว่า “สายเกินไป” ในตลาด AI อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตร
    - การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบต่อขวัญกำลังใจและนวัตกรรมภายในองค์กร
    - การพึ่งพา TSMC ในการผลิตชิปอาจทำให้ Intel เสียความได้เปรียบด้าน vertical integration
    - การเปลี่ยนเป็นบริษัท fabless ต้องใช้เวลาและอาจมีความเสี่ยงด้าน supply chain
    - Edge AI ยังเป็นตลาดที่ไม่แน่นอน และต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ที่คล่องตัวกว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-says-its-too-late-for-them-to-catch-up-with-ai-competition-claims-intel-has-fallen-out-of-the-top-10-semiconductor-companies-as-the-firm-lays-off-thousands-across-the-world
    Intel ยอมรับ “สายเกินไป” ที่จะไล่ทัน AI – จากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ของ Intel กล่าวในวงประชุมพนักงานทั่วโลกว่า “เมื่อ 20–30 ปีก่อน เราคือผู้นำ แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไป เราไม่ติดอันดับ 10 บริษัทเซมิคอนดักเตอร์อีกแล้ว” คำพูดนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาด CPU อย่างเบ็ดเสร็จ Intel พยายามปรับตัวหลายด้าน เช่น: - สร้างสถาปัตยกรรม hybrid แบบ big.LITTLE เหมือน ARM แต่ไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก AMD ได้ - เปิดตัว GPU ที่ล่าช้าและไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ - Outsource การผลิตชิปบางส่วนไปยัง TSMC ตั้งแต่ปี 2023 โดยล่าสุดในปี 2025 มีถึง 30% ของการผลิตที่ทำโดย TSMC แม้จะลงทุนมหาศาลใน R&D แต่ Intel ก็ยังขาดความเร็วและความเฉียบคมในการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ Nvidia ครองอยู่เกือบเบ็ดเสร็จ Intel จึงวางแผนเปลี่ยนกลยุทธ์: - หันไปเน้น edge AI และ agentic AI (AI ที่ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม) - ลดขนาดองค์กรและปลดพนักงานหลายพันคนทั่วโลกเพื่อลดต้นทุน - อาจแยกธุรกิจ foundry ออกเป็นบริษัทลูก และเปลี่ยน Intel เป็นบริษัท fabless แบบ AMD และ Apple Tan ยอมรับว่า “การฝึกโมเดล AI สำหรับ training ใน data center เรามาช้าเกินไป” แต่ยังมีความหวังใน edge AI และการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้ “ถ่อมตัวและฟังตลาดมากขึ้น” ✅ ข้อมูลจากข่าว - CEO Intel ยอมรับว่าไม่ติดอันดับ 10 บริษัทเซมิคอนดักเตอร์อีกต่อไป - Intel พยายามปรับตัวด้วย hybrid architecture และ GPU แต่ไม่ประสบความสำเร็จ - มีการ outsource การผลิตชิปไปยัง TSMC มากขึ้น โดยเฉพาะใน Meteor Lake และ Lunar Lake - Intel ขาดความสามารถในการแข่งขันในตลาด AI โดยเฉพาะด้าน training - บริษัทปลดพนักงานหลายพันคนทั่วโลกเพื่อลดต้นทุน - วางแผนเน้น edge AI และ agentic AI เป็นกลยุทธ์ใหม่ - อาจแยกธุรกิจ foundry ออกเป็นบริษัทลูก และเปลี่ยนเป็น fabless company ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การยอมรับว่า “สายเกินไป” ในตลาด AI อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตร - การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบต่อขวัญกำลังใจและนวัตกรรมภายในองค์กร - การพึ่งพา TSMC ในการผลิตชิปอาจทำให้ Intel เสียความได้เปรียบด้าน vertical integration - การเปลี่ยนเป็นบริษัท fabless ต้องใช้เวลาและอาจมีความเสี่ยงด้าน supply chain - Edge AI ยังเป็นตลาดที่ไม่แน่นอน และต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ที่คล่องตัวกว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-says-its-too-late-for-them-to-catch-up-with-ai-competition-claims-intel-has-fallen-out-of-the-top-10-semiconductor-companies-as-the-firm-lays-off-thousands-across-the-world
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • Zombie Fabs – ความฝันชิปจีนที่กลายเป็นฝันร้าย

    จีนพยายามผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้แผน “Made in China 2025” ที่ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นผู้นำด้านการผลิตชิประดับโลก แต่เบื้องหลังความคืบหน้ากลับมีโครงการล้มเหลวมากมายที่เผาเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์

    หลายโครงการสร้างโรงงานผลิตชิป (fabs) ขนาดใหญ่ แต่ไม่เคยติดตั้งเครื่องจักรหรือเริ่มผลิตจริง กลายเป็น “zombie fabs” ที่ถูกทิ้งร้าง เช่น:
    - HSMC ลงทุน $19B เพื่อสร้างโรงงาน 14nm/7nm แต่ถูกยึดโดยรัฐบาลท้องถิ่นหลังเงินหมด
    - QXIC พยายามสร้างโรงงาน 14nm โดยไม่มีเครื่องจักรหรืออาคารจริง
    - Tsinghua Unigroup ล้มเหลวทั้งโครงการ DRAM และ 3D NAND หลังขาดทุนและผู้บริหารลาออก
    - JHICC ถูกสหรัฐฯ แบนหลังขโมยเทคโนโลยีจาก Micron ทำให้ไม่สามารถพัฒนา DRAM ต่อได้
    - GlobalFoundries ลงทุน $10B ใน Chengdu แต่ต้องยกเลิกกลางทาง ก่อนถูก HLMC เข้าซื้อในปี 2023

    สาเหตุหลักของความล้มเหลวเหล่านี้ ได้แก่:
    - ขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและ R&D
    - พึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่มี oversight
    - การบริหารผิดพลาดและการฉ้อโกง
    - ถูกจำกัดการเข้าถึงเครื่องมือผลิตชิประดับสูงจากมาตรการแบนของสหรัฐฯ
    - ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ supply chain ไม่มั่นคง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/zombie-fabs-plague-chinas-chipmaking-ambitions-failures-burning-tens-of-billions-of-dollars
    Zombie Fabs – ความฝันชิปจีนที่กลายเป็นฝันร้าย จีนพยายามผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้แผน “Made in China 2025” ที่ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นผู้นำด้านการผลิตชิประดับโลก แต่เบื้องหลังความคืบหน้ากลับมีโครงการล้มเหลวมากมายที่เผาเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์ หลายโครงการสร้างโรงงานผลิตชิป (fabs) ขนาดใหญ่ แต่ไม่เคยติดตั้งเครื่องจักรหรือเริ่มผลิตจริง กลายเป็น “zombie fabs” ที่ถูกทิ้งร้าง เช่น: - HSMC ลงทุน $19B เพื่อสร้างโรงงาน 14nm/7nm แต่ถูกยึดโดยรัฐบาลท้องถิ่นหลังเงินหมด - QXIC พยายามสร้างโรงงาน 14nm โดยไม่มีเครื่องจักรหรืออาคารจริง - Tsinghua Unigroup ล้มเหลวทั้งโครงการ DRAM และ 3D NAND หลังขาดทุนและผู้บริหารลาออก - JHICC ถูกสหรัฐฯ แบนหลังขโมยเทคโนโลยีจาก Micron ทำให้ไม่สามารถพัฒนา DRAM ต่อได้ - GlobalFoundries ลงทุน $10B ใน Chengdu แต่ต้องยกเลิกกลางทาง ก่อนถูก HLMC เข้าซื้อในปี 2023 สาเหตุหลักของความล้มเหลวเหล่านี้ ได้แก่: - ขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและ R&D - พึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่มี oversight - การบริหารผิดพลาดและการฉ้อโกง - ถูกจำกัดการเข้าถึงเครื่องมือผลิตชิประดับสูงจากมาตรการแบนของสหรัฐฯ - ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ supply chain ไม่มั่นคง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/zombie-fabs-plague-chinas-chipmaking-ambitions-failures-burning-tens-of-billions-of-dollars
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีกล่าวในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เรียกร้องให้พันธมิตรกว่า 30 ประเทศที่มารวมตัวกันวันนี้ เพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีของยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนการผลิตโดรน
    เซเลนสกีกล่าวในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เรียกร้องให้พันธมิตรกว่า 30 ประเทศที่มารวมตัวกันวันนี้ เพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีของยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนการผลิตโดรน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 0 Reviews
  • สามารถติดตามดูข่าวสาร ข้อมูลทั่วไป ในการเทรด การลงทุน
    จากแหล่งต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์, สำนักข่าว ฯลฯ

    โดยใช้ แอพ Telegram ได้
    ฟีดข้อมูลจะทำได้มากกว่า ดูได้เยอะกว่า
    เป็นทางเลือกเพิ่มเติม

    ค้นหาที่ Channels

    #Telegram
    สามารถติดตามดูข่าวสาร ข้อมูลทั่วไป ในการเทรด การลงทุน จากแหล่งต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์, สำนักข่าว ฯลฯ โดยใช้ แอพ Telegram ได้ ฟีดข้อมูลจะทำได้มากกว่า ดูได้เยอะกว่า เป็นทางเลือกเพิ่มเติม ค้นหาที่ Channels #Telegram
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • “เศรษฐา” เชื่อมือ ทีมไทยแลนด์ เจรจาภาษีทรัมป์ หวังลดอัตราภาษี 20% เท่าเวียดนาม ชี้ หน่วยงานรัฐต้องจับมือเดินไปทิศทางเดียวกัน มั่นใจไทย มีระบบดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065130

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เศรษฐา” เชื่อมือ ทีมไทยแลนด์ เจรจาภาษีทรัมป์ หวังลดอัตราภาษี 20% เท่าเวียดนาม ชี้ หน่วยงานรัฐต้องจับมือเดินไปทิศทางเดียวกัน มั่นใจไทย มีระบบดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065130 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • "เสี่ยนิด" ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ลุกขึ้นสู้หลังเจอศึกนอกศึกใน เชื่อนายกฯ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม สวน “อนุทิน” กาสิโนยังไม่เกิดนักท่องเที่ยวจีนจะห่วงอะไร ชี้คดี ”นายกฯ อิ๊งค์" ปล่อยตามกระบวนการ ลั่นยังมีก๊อกสาม “ชัยเกษม”

    วันนี้ (10ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเสถียรภาพทางการเมืองในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ว่า ตนมองว่าหลายคนพูดไปแล้วเรื่องนี้ แน่นอนว่าการเมืองเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นใจต่อนักลงทุนและความมั่นใจต่อประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้การเมืองมีเสถียรภาพ เรื่องที่ต้องขณะนี้ยังมีเรื่องอีกสองสามเรื่องที่จะต้องเดินไปข้างหน้า อย่างเช่นคดีต่างๆที่จะทำให้คน wait and see

    เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมที่เจอทั้งศึกนอกและศึกในอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและบอกให้ลุกขึ้นสู้ ท่านเองก็กำลังใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แล้วตนเชื่อว่าท่านก็สู้อยู่แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000065033

    #Thaitimes #MGROnline #เสี่ยนิด #แพทองธาร #เศรษฐาทวีสิน
    "เสี่ยนิด" ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ลุกขึ้นสู้หลังเจอศึกนอกศึกใน เชื่อนายกฯ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม สวน “อนุทิน” กาสิโนยังไม่เกิดนักท่องเที่ยวจีนจะห่วงอะไร ชี้คดี ”นายกฯ อิ๊งค์" ปล่อยตามกระบวนการ ลั่นยังมีก๊อกสาม “ชัยเกษม” • วันนี้ (10ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเสถียรภาพทางการเมืองในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ว่า ตนมองว่าหลายคนพูดไปแล้วเรื่องนี้ แน่นอนว่าการเมืองเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความมั่นใจต่อนักลงทุนและความมั่นใจต่อประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้การเมืองมีเสถียรภาพ เรื่องที่ต้องขณะนี้ยังมีเรื่องอีกสองสามเรื่องที่จะต้องเดินไปข้างหน้า อย่างเช่นคดีต่างๆที่จะทำให้คน wait and see • เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมที่เจอทั้งศึกนอกและศึกในอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและบอกให้ลุกขึ้นสู้ ท่านเองก็กำลังใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แล้วตนเชื่อว่าท่านก็สู้อยู่แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000065033 • #Thaitimes #MGROnline #เสี่ยนิด #แพทองธาร #เศรษฐาทวีสิน
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • ..555,การค้าผีบ้าของพวกโลกเสรี ประเทศที่พัฒนาแล้วพะนะ พัฒนาในการเก็บส่วย พัฒนาในการขูดรีดตังจากประเทศอื่นที่เรียกเขาว่ากำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา พัฒนาในการเอาเปรียบประเทศอื่น555ค้าขายกันปกติต้องเก็บภาษีเท่าๆกันสิ,เช่นไทยถูกอเมริกาเก็บที่35%,ไทยก็สามารถเก็บสินค้านำเข้าไทยของอเมริกาที่35%ด้วย,แต่ละคนส่งส่วยเท่ากัน,ปัญหาคือคนอเมริกาต้องการสินค้าจากไทยหรือไม่,ทรัมป์ไม่ฉลาด ต้องระบุด้วยว่า ภาษี35%นี้จะเรียกเก็บเฉพาะกับกิจการไทยที่มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกิน35%ในกิจการไทยนัันๆ,ต่างชาติถือหุ้นเกิน49%ก็เก็บภาษีขั้นต่ำ49%ไป,กิจการไทยไหนถือโดยคนไทย100%ก็คิดขั้นต่ำที่14%ก็จบ,ไทยก็ด้วยถ้ากิจการอเมริกาคนมะกันถือหุ้น100%ก็คิดภาษีเท่ากันที่14%,นี้คนฉลาดแบบทรัมป์ต้องจัดการแบบนีัเลือกเป้าหมายศัตรูให้ชัดเจน,จะเป็นมาตราฐานการค้าเสรีของโลกยุคใหม่ด้วยสร้างบริบทใหม่ปฐมบทใหม่ก็ด้วย,กิจการใดย้ายฐานมาไทยมาอ้างนามชื่อไทยส่งออกก็ไม่รอดนั้นล่ะ,ยาถูกกับโรค,ไทยเป็นมหาอำนาจหากจะจัดการเขมรไปสร้างโรงงานที่ติมอร์อ้างส่งออกมาไทย,ไทยก็คิดภาษีติมอร์โดยดูว่ากิจการในติมอร์ที่ส่งออกมาไทยนั้นมีเขมรลงทุนเท่าไรถือหุ้น100% ไทยก็เก็บภาษีกิจการนั้นในนามติมอร์ที่200%ก็ได้ เป็นต้น,นี้คือบอกไทยจากทรัมป์อเมริกาว่าให้ไทยเป็นไทอย่าเป็นทาสใครมายืมที่ดินตั้งโรงงานยืมจมูกไทยหายใจทำรายได้ก็ว่า หัดใช้สมองใช้ปัญญาสร้างกิจการโรงงานผลิตตนเอง มีเงินทุนตนเอง100%บ้าง,อเมริกาจะส่งเสริมชาติที่ก่อร่างสร้างตัวตนเอง มิใช่ให้เหี้ยใดแทรกแซงการเติบโตภายในประเทศนั้นๆที่ผิดปกติคือมะเร็งที่เติบโตผิดปกติในประเทศบ้านเมืองนั้นๆในร่างกายนั้นๆก็ว่า,นี้คือยารักษาชนิดขมของทรัมป์ก็ได้แต่ ถ้านายกฯเราดีมาจากพระราชทานนะ สามารถเชื่อมใจอเมริกาจีนรัสเชียสบายทางการค้า,มรึงจะตีกันแบบไหนเรื่องส่วนตัวของพวกมรึง,จีนมาตั้งโรงงานในไทย ต่างชาติเหี้ยใดๆมาสร้างกิจการในไทยแต่หมายส่งเข้าไปในอเมริกา อเมริกาดูกิจการนั่นๆทันทีว่าเจ้าของและคนถือหุ้นคือคนไทย100%มั้ย,ถ้าใช่ก็คิดอัตราต่ำสุดสนับสนุนการค้าเสรีกัน,แต่ไม่ใช่ เช่นสืบสวนพบต่างชาติถือเกินผ่านนอมินีด้วยอาจคิดที่อัตรา200%ในกิจการนั้นๆทันทีแม้ส่งออกมาไทยก็ว่า,แนวทางนี้จะช่วยให้ชาตินั้นๆตั้งใจพัฒนาการค้าการขายการตลาดในตัวด้วยตลอดสร้างวัตถุดิบพึ่งพาในประเทศตนเองด้วย,
    ..ยิ่งคิดภาษีให้จัดหนักลงลึกไปอีกสไตล์ทรัมป์ฟันอัตราภาษีเก็บที่60%ในทุกๆประเทศเพื่อสนับสนุนการจ้างงานภายในประเทศโดยเป็นแรงงานตนเองมิใช่ต่างด้าวภายนอกเป็นหลักด้วย ลดการค้ามนุษย์ ลดการก่ออาชญากรรมข้ามชาติหลากหลายมิติได้ด้วยหรือค้ายาเสพติดและอื่นๆสาระพัดก็ว่าจากการเคลื่อนย้ายแรงงานไปทำงานในโรงงานกิจการต่างๆ ในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทย เช่น กิจการ บริษัทRK เป็นของคนไทยถือหุ้น100%แต่จ้างแรงงานต่างด้าวทั้งหมดเกือบเต็มโรงงาน หรือเกือบ100%ด้วย ทรัมป์สามารถคิดภาษีไทยที่อัตรานำเข้าอเมริกาที่200%เลยก็ว่า,มีแรงงานต่างด้าวในกิจการคนไทยที่50%ก็คิดภาษีนำเข้าอเมริกาอัตราที่100%ไป,มี25%เป็นแรงงานต่างด้าวก็เก็บภาษีส่งออกไปอเมริกาที่50%เลย,มีต่างด้าวต่างชาติทำงานในบริษัทในกิจการคนไทย12.5%ก็เก็บภาษีส่งออกที่25%ไป,มีต่างชาติต่างด้าวในกิจการคนไทย6.75%ก็คิดอัตราภาษีส่งออกไปอเมริกาปกติที่14% เป็นต้น,นี้อาจประยุกต์กับโรงงานต่างชาติย้ายฐานมาไทยด้วย มีคนไทยถือหุ้นเกิน51%ก็ตาม,แต่ทั้งโรงงานเป็นแรงงานต่างชาติต่างด้าวเต็มโรงงานย้ายฐานมานั้นอีก ทรัมป์อาจเก็บกิจการโรงงานที่อัตราภาษี200%บวกอีก200%ข้อหาแรงงานต่างชาติต่างด้าวเต็มโรงงานที่มิใช่คนไทยเลยก็ด้วย,ทรัมป์ทำแบบนี้นะ จะเก็บส่วยเก็บตังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างชาติต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอน,สามารถมีตังล้างหนี้อเมริกากว่า35-36ล้านล้านเหรียญนั้นภายในไม่กี่ปีจริง,ทั้งช่วยสร้างงานจริงแก่คนในพื้นที่ของคนภายในประเทศเขาเองนั้นๆด้วย,ย่อมาไทยคือกิจการบริษัทต่างๆและโรงงานต่างๆทั่วประเทศไทยจะจ้างงานคนไทยมากกว่าคนต่างด้าวต่างชาติทันทีเพราะแลกกับตังที่สูญเสียไปไม่คุ้มทุนนั้นเอง บังเอิญทุกๆประเทศเสือกลอกเลียนแบบอเมริกา,bricsเองก็ด้วยกำหนดให้ชาติสมาชิกใช้มาตราการนี้มาตราฐานนี้เช่นกัน,คุณภาพการทำงานจะถูกเอาใจใส่ทันทีด้วย ชาวโลกทั่วโลกจะไม่ตกงาน ทำงานก็จะมีความสุข ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากหน้างานตำแหน่งงานเนื้องานแบบในอดีตอีก,ชนะด้วยกันหมด,อัพเรเวลโลกอีกสถานะหนึ่งนะนั้น.,ฝ่ายแสงบังเอิญมาอ่านผ่านๆไป เอาไปบอกทรัมป์ด้วย.บังคับแดกยารักษาพิษกลายๆก็ว่า,ขมในช่วงต้น แล้วสุขภาพจะดีในทุกๆประเทศ ค้าขายอย่างมีความสุขร่วมกันอีกครััง.


    https://youtube.com/watch?v=auqh7GjGax0&si=PWLqM2E30_vhlihE

    ..555,การค้าผีบ้าของพวกโลกเสรี ประเทศที่พัฒนาแล้วพะนะ พัฒนาในการเก็บส่วย พัฒนาในการขูดรีดตังจากประเทศอื่นที่เรียกเขาว่ากำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา พัฒนาในการเอาเปรียบประเทศอื่น555ค้าขายกันปกติต้องเก็บภาษีเท่าๆกันสิ,เช่นไทยถูกอเมริกาเก็บที่35%,ไทยก็สามารถเก็บสินค้านำเข้าไทยของอเมริกาที่35%ด้วย,แต่ละคนส่งส่วยเท่ากัน,ปัญหาคือคนอเมริกาต้องการสินค้าจากไทยหรือไม่,ทรัมป์ไม่ฉลาด ต้องระบุด้วยว่า ภาษี35%นี้จะเรียกเก็บเฉพาะกับกิจการไทยที่มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกิน35%ในกิจการไทยนัันๆ,ต่างชาติถือหุ้นเกิน49%ก็เก็บภาษีขั้นต่ำ49%ไป,กิจการไทยไหนถือโดยคนไทย100%ก็คิดขั้นต่ำที่14%ก็จบ,ไทยก็ด้วยถ้ากิจการอเมริกาคนมะกันถือหุ้น100%ก็คิดภาษีเท่ากันที่14%,นี้คนฉลาดแบบทรัมป์ต้องจัดการแบบนีัเลือกเป้าหมายศัตรูให้ชัดเจน,จะเป็นมาตราฐานการค้าเสรีของโลกยุคใหม่ด้วยสร้างบริบทใหม่ปฐมบทใหม่ก็ด้วย,กิจการใดย้ายฐานมาไทยมาอ้างนามชื่อไทยส่งออกก็ไม่รอดนั้นล่ะ,ยาถูกกับโรค,ไทยเป็นมหาอำนาจหากจะจัดการเขมรไปสร้างโรงงานที่ติมอร์อ้างส่งออกมาไทย,ไทยก็คิดภาษีติมอร์โดยดูว่ากิจการในติมอร์ที่ส่งออกมาไทยนั้นมีเขมรลงทุนเท่าไรถือหุ้น100% ไทยก็เก็บภาษีกิจการนั้นในนามติมอร์ที่200%ก็ได้ เป็นต้น,นี้คือบอกไทยจากทรัมป์อเมริกาว่าให้ไทยเป็นไทอย่าเป็นทาสใครมายืมที่ดินตั้งโรงงานยืมจมูกไทยหายใจทำรายได้ก็ว่า หัดใช้สมองใช้ปัญญาสร้างกิจการโรงงานผลิตตนเอง มีเงินทุนตนเอง100%บ้าง,อเมริกาจะส่งเสริมชาติที่ก่อร่างสร้างตัวตนเอง มิใช่ให้เหี้ยใดแทรกแซงการเติบโตภายในประเทศนั้นๆที่ผิดปกติคือมะเร็งที่เติบโตผิดปกติในประเทศบ้านเมืองนั้นๆในร่างกายนั้นๆก็ว่า,นี้คือยารักษาชนิดขมของทรัมป์ก็ได้แต่ ถ้านายกฯเราดีมาจากพระราชทานนะ สามารถเชื่อมใจอเมริกาจีนรัสเชียสบายทางการค้า,มรึงจะตีกันแบบไหนเรื่องส่วนตัวของพวกมรึง,จีนมาตั้งโรงงานในไทย ต่างชาติเหี้ยใดๆมาสร้างกิจการในไทยแต่หมายส่งเข้าไปในอเมริกา อเมริกาดูกิจการนั่นๆทันทีว่าเจ้าของและคนถือหุ้นคือคนไทย100%มั้ย,ถ้าใช่ก็คิดอัตราต่ำสุดสนับสนุนการค้าเสรีกัน,แต่ไม่ใช่ เช่นสืบสวนพบต่างชาติถือเกินผ่านนอมินีด้วยอาจคิดที่อัตรา200%ในกิจการนั้นๆทันทีแม้ส่งออกมาไทยก็ว่า,แนวทางนี้จะช่วยให้ชาตินั้นๆตั้งใจพัฒนาการค้าการขายการตลาดในตัวด้วยตลอดสร้างวัตถุดิบพึ่งพาในประเทศตนเองด้วย, ..ยิ่งคิดภาษีให้จัดหนักลงลึกไปอีกสไตล์ทรัมป์ฟันอัตราภาษีเก็บที่60%ในทุกๆประเทศเพื่อสนับสนุนการจ้างงานภายในประเทศโดยเป็นแรงงานตนเองมิใช่ต่างด้าวภายนอกเป็นหลักด้วย ลดการค้ามนุษย์ ลดการก่ออาชญากรรมข้ามชาติหลากหลายมิติได้ด้วยหรือค้ายาเสพติดและอื่นๆสาระพัดก็ว่าจากการเคลื่อนย้ายแรงงานไปทำงานในโรงงานกิจการต่างๆ ในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทย เช่น กิจการ บริษัทRK เป็นของคนไทยถือหุ้น100%แต่จ้างแรงงานต่างด้าวทั้งหมดเกือบเต็มโรงงาน หรือเกือบ100%ด้วย ทรัมป์สามารถคิดภาษีไทยที่อัตรานำเข้าอเมริกาที่200%เลยก็ว่า,มีแรงงานต่างด้าวในกิจการคนไทยที่50%ก็คิดภาษีนำเข้าอเมริกาอัตราที่100%ไป,มี25%เป็นแรงงานต่างด้าวก็เก็บภาษีส่งออกไปอเมริกาที่50%เลย,มีต่างด้าวต่างชาติทำงานในบริษัทในกิจการคนไทย12.5%ก็เก็บภาษีส่งออกที่25%ไป,มีต่างชาติต่างด้าวในกิจการคนไทย6.75%ก็คิดอัตราภาษีส่งออกไปอเมริกาปกติที่14% เป็นต้น,นี้อาจประยุกต์กับโรงงานต่างชาติย้ายฐานมาไทยด้วย มีคนไทยถือหุ้นเกิน51%ก็ตาม,แต่ทั้งโรงงานเป็นแรงงานต่างชาติต่างด้าวเต็มโรงงานย้ายฐานมานั้นอีก ทรัมป์อาจเก็บกิจการโรงงานที่อัตราภาษี200%บวกอีก200%ข้อหาแรงงานต่างชาติต่างด้าวเต็มโรงงานที่มิใช่คนไทยเลยก็ด้วย,ทรัมป์ทำแบบนี้นะ จะเก็บส่วยเก็บตังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างชาติต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอน,สามารถมีตังล้างหนี้อเมริกากว่า35-36ล้านล้านเหรียญนั้นภายในไม่กี่ปีจริง,ทั้งช่วยสร้างงานจริงแก่คนในพื้นที่ของคนภายในประเทศเขาเองนั้นๆด้วย,ย่อมาไทยคือกิจการบริษัทต่างๆและโรงงานต่างๆทั่วประเทศไทยจะจ้างงานคนไทยมากกว่าคนต่างด้าวต่างชาติทันทีเพราะแลกกับตังที่สูญเสียไปไม่คุ้มทุนนั้นเอง บังเอิญทุกๆประเทศเสือกลอกเลียนแบบอเมริกา,bricsเองก็ด้วยกำหนดให้ชาติสมาชิกใช้มาตราการนี้มาตราฐานนี้เช่นกัน,คุณภาพการทำงานจะถูกเอาใจใส่ทันทีด้วย ชาวโลกทั่วโลกจะไม่ตกงาน ทำงานก็จะมีความสุข ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากหน้างานตำแหน่งงานเนื้องานแบบในอดีตอีก,ชนะด้วยกันหมด,อัพเรเวลโลกอีกสถานะหนึ่งนะนั้น.,ฝ่ายแสงบังเอิญมาอ่านผ่านๆไป เอาไปบอกทรัมป์ด้วย.บังคับแดกยารักษาพิษกลายๆก็ว่า,ขมในช่วงต้น แล้วสุขภาพจะดีในทุกๆประเทศ ค้าขายอย่างมีความสุขร่วมกันอีกครััง. https://youtube.com/watch?v=auqh7GjGax0&si=PWLqM2E30_vhlihE
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีบินเดินทางมาถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อเข้าร่วมการประชุม “การฟื้นฟูยูเครน”

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า BlackRock ได้ยกเลิกการลงทุนในกองทุนพัฒนายูเครนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว เนื่องจากไม่มีนักลงทุนสนใจมากพอ

    กองทุนดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวในช่วงที่เซเลนสกีเดินทางมาโรม ประเทศอิตาลี แต่หลังจากความลังเลของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ทำให้การลงทุนจะเหลือเพียงเยอรมนี อิตาลี และโปแลนด์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอน และนักลงทุนสูญเสียความสนใจในโครงการดังกล่าว ในที่สุดกองทุนนี้ก็ถูกยกเลิกไป
    เซเลนสกีบินเดินทางมาถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อเข้าร่วมการประชุม “การฟื้นฟูยูเครน” เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า BlackRock ได้ยกเลิกการลงทุนในกองทุนพัฒนายูเครนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว เนื่องจากไม่มีนักลงทุนสนใจมากพอ กองทุนดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวในช่วงที่เซเลนสกีเดินทางมาโรม ประเทศอิตาลี แต่หลังจากความลังเลของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ทำให้การลงทุนจะเหลือเพียงเยอรมนี อิตาลี และโปแลนด์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอน และนักลงทุนสูญเสียความสนใจในโครงการดังกล่าว ในที่สุดกองทุนนี้ก็ถูกยกเลิกไป
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง!

    เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering

    ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ
    - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท
    - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา

    ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M
    • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน  
    • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”  
    • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน

    ผู้ต้องหา:  
    • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro  
    • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา

    กลยุทธ์ลวงตา:  
    • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  
    • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล  
    • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก

    ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้  
    • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider

    ข้อหาที่ได้รับ:  
    • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)  
    • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา

    ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง

    https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง! เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน   • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”   • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน ✅ ผู้ต้องหา:   • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro   • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา ✅ กลยุทธ์ลวงตา:   • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ   • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล   • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก ✅ ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้   • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider ✅ ข้อหาที่ได้รับ:   • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)   • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา ✅ ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ charges two men over $650 million crypto Ponzi scheme that promised 300% returns
    The DoJ writes that an indictment was unsealed yesterday in the District of Puerto Rico charging two men for their alleged roles in operating and promoting OmegaPro.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา

    และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น

    ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม

    Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center

    AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว

    เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว

    ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน

    ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI

    มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม ✅ Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center ✅ AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว ✅ เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว ✅ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน ✅ ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI ✅ มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft racks up over $500 million in AI savings while slashing jobs, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Microsoft saved more than $500 million in its call centers alone last year by using artificial intelligence, Bloomberg News reported on Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย

    ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก

    ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์)

    LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม  
    • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน  
    • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%  
    • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

    ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต  
    • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า  
    • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ

    ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม  
    • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง

    LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin  
    • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ  
    • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่

    Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน

    ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์) ✅ LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม   • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน   • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%   • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ✅ ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต   • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า   • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ ✅ ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม   • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง ✅ LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin   • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ   • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่ ‼️ Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน ‼️ ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    LG Innotek to slim down smartphones by replacing solder balls with copper posts
    LG Innotek introduced Copper Post packaging technology, which replaces traditional solder balls in semiconductor substrates, enabling slimmer, denser, and cooler smartphone designs.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • เวลาพูดถึงปัญหาชิป ขาดตลาด เรามักนึกถึงโรงงานเจอวิกฤต หรือจีน–ไต้หวันมีเรื่องกัน แต่รอบนี้ PwC เผยว่า ภัยคุกคามตัวจริงที่กำลังมา คือความเสี่ยงเรื่อง "ทองแดง" (copper)

    ทองแดงไม่ใช่แค่วัตถุดิบทั่วไป → มันคือ "เส้นเลือด" ของชิปยุคใหม่ ใช้เป็นสายส่งสัญญาณในอินเตอร์คอนเน็กต์ระดับนาโน → เพราะเหนี่ยวนำกระแสไฟดี ทนความร้อนดี กว่าการใช้อลูมิเนียมแบบเดิม

    แต่ปัญหาคือ — เหมืองทองแดงต้องใช้น้ำมหาศาลในการสกัด → และประเทศผู้ผลิตหลักอย่าง ชิลี (อันดับ 1 ของโลก) กำลังเจอภาวะแห้งแล้งรุนแรง → PwC คาดว่า 25% ของกำลังผลิตทองแดงในชิลีจะเสี่ยงภายใน 2035 และแตะ 75–100% ภายใน 2050

    สถานการณ์จะยิ่งน่ากังวลขึ้น หากการปล่อยคาร์บอนไม่ลดลง → เพราะไม่ใช่แค่ชิลี — แต่ 17 ประเทศที่ส่งทองแดงให้วงการชิป จะเจอภัยแล้งใน 10 ปีข้างหน้า

    ในขณะที่บางประเทศเริ่มลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำทะเล และรีไซเคิลน้ำ → แต่ประเทศที่ไม่มีชายฝั่ง หรือน้ำทะเลใช้งานไม่ได้ ก็อาจหมดทางเลือก

    PwC คาดว่าภายในปี 2035 → 32% ของการผลิตชิปทั่วโลกจะพึ่งพาทองแดงจากแหล่งที่เสี่ยงภัยแล้ง  
    • และตัวเลขจะพุ่งเป็น 58% ในปี 2050 หากไม่ลดการปล่อยคาร์บอน

    ชิลีคือผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของโลก แต่ต้องพึ่งน้ำจำนวนมากในการทำเหมือง  
    • ปัจจุบัน 25% ของเหมืองในชิลีกำลังเผชิญภัยแล้ง  
    • อาจเพิ่มเป็น 75–100% ภายใน 2050

    ทองแดงคือวัสดุหลักของ “interconnects” ในชิปยุคใหม่  
    • เพราะค่าความต้านทานต่ำและทนการเสื่อมสภาพ (electromigration) ดีกว่าอลูมิเนียม

    PwC แนะให้แก้ปัญหา 3 ทาง:  
    • ลงทุนเทคโนโลยีรีไซเคิลน้ำและโรงกลั่นน้ำทะเล  
    • พัฒนา “วัสดุทดแทนทองแดง”  
    • กระจายซัพพลายเชน ไม่ให้กระจุกในประเทศที่เสี่ยงภัยแล้ง

    บทเรียนจากวิกฤตชิปในยุคโควิด-19 (2020):  
    • เสียหาย GDP สหรัฐฯ ไป 1% และเยอรมนี 2.4%  
    • ตอกย้ำความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน

    https://www.techspot.com/news/108596-drought-stricken-copper-mines-may-disrupt-one-third.html
    เวลาพูดถึงปัญหาชิป ขาดตลาด เรามักนึกถึงโรงงานเจอวิกฤต หรือจีน–ไต้หวันมีเรื่องกัน แต่รอบนี้ PwC เผยว่า ภัยคุกคามตัวจริงที่กำลังมา คือความเสี่ยงเรื่อง "ทองแดง" (copper) ทองแดงไม่ใช่แค่วัตถุดิบทั่วไป → มันคือ "เส้นเลือด" ของชิปยุคใหม่ ใช้เป็นสายส่งสัญญาณในอินเตอร์คอนเน็กต์ระดับนาโน → เพราะเหนี่ยวนำกระแสไฟดี ทนความร้อนดี กว่าการใช้อลูมิเนียมแบบเดิม แต่ปัญหาคือ — เหมืองทองแดงต้องใช้น้ำมหาศาลในการสกัด → และประเทศผู้ผลิตหลักอย่าง ชิลี (อันดับ 1 ของโลก) กำลังเจอภาวะแห้งแล้งรุนแรง → PwC คาดว่า 25% ของกำลังผลิตทองแดงในชิลีจะเสี่ยงภายใน 2035 และแตะ 75–100% ภายใน 2050 สถานการณ์จะยิ่งน่ากังวลขึ้น หากการปล่อยคาร์บอนไม่ลดลง → เพราะไม่ใช่แค่ชิลี — แต่ 17 ประเทศที่ส่งทองแดงให้วงการชิป จะเจอภัยแล้งใน 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่บางประเทศเริ่มลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำทะเล และรีไซเคิลน้ำ → แต่ประเทศที่ไม่มีชายฝั่ง หรือน้ำทะเลใช้งานไม่ได้ ก็อาจหมดทางเลือก ✅ PwC คาดว่าภายในปี 2035 → 32% ของการผลิตชิปทั่วโลกจะพึ่งพาทองแดงจากแหล่งที่เสี่ยงภัยแล้ง   • และตัวเลขจะพุ่งเป็น 58% ในปี 2050 หากไม่ลดการปล่อยคาร์บอน ✅ ชิลีคือผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของโลก แต่ต้องพึ่งน้ำจำนวนมากในการทำเหมือง   • ปัจจุบัน 25% ของเหมืองในชิลีกำลังเผชิญภัยแล้ง   • อาจเพิ่มเป็น 75–100% ภายใน 2050 ✅ ทองแดงคือวัสดุหลักของ “interconnects” ในชิปยุคใหม่   • เพราะค่าความต้านทานต่ำและทนการเสื่อมสภาพ (electromigration) ดีกว่าอลูมิเนียม ✅ PwC แนะให้แก้ปัญหา 3 ทาง:   • ลงทุนเทคโนโลยีรีไซเคิลน้ำและโรงกลั่นน้ำทะเล   • พัฒนา “วัสดุทดแทนทองแดง”   • กระจายซัพพลายเชน ไม่ให้กระจุกในประเทศที่เสี่ยงภัยแล้ง ✅ บทเรียนจากวิกฤตชิปในยุคโควิด-19 (2020):   • เสียหาย GDP สหรัฐฯ ไป 1% และเยอรมนี 2.4%   • ตอกย้ำความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน https://www.techspot.com/news/108596-drought-stricken-copper-mines-may-disrupt-one-third.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Drought-stricken copper mines may disrupt one-third of global semiconductor production by 2035
    PricewaterhouseCoopers (PwC) writes that the global semiconductor industry is expected to reach $1 trillion by 2030. However, it adds that one-third (32%) of worldwide production will be...
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • ในโลกการเงินการลงทุน ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะได้เปรียบอย่างมาก เพราะดีลในสายนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมไปถึงความเข้าใจในโครงสร้าง IT, Cloud, Cybersecurity ฯลฯ → JPMorgan รู้เรื่องนี้ดี และตอนนี้พวกเขากำลัง “เสริมเกราะ” ด้วยการดึง Mike Amez เข้ามา

    Mike เคยเป็น Managing Director ที่ Guggenheim Securities ฝั่ง Tech Investment Banking → เชี่ยวชาญด้าน IT Services, Cybersecurity และ Hyperscale Cloud → เขาจะประจำอยู่ที่ชิคาโก และเริ่มงานในเดือนกันยายน 2025

    การย้ายเข้ามาของเขาเกิดขึ้นไม่ถึง 6 สัปดาห์ หลัง JPMorgan เพิ่งดึงผู้บริหารจาก Goldman Sachs, Bank of America และ Lazard อีก 4 คนเข้าสู่ทีม West Coast → สะท้อนว่า JPMorgan กำลังจัดทัพชุดใหญ่เพื่อปิดดีลเทคโนโลยีระดับโลก

    และก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ JPMorgan เพิ่งช่วยปิดดีลใหญ่ ๆ เช่น → Global Payments ซื้อ Worldpay ที่มูลค่า 24.25 พันล้านเหรียญ → Turn/River ซื้อ SolarWinds ในดีล 4.4 พันล้าน → DoorDash ซื้อ Deliveroo 3.9 พันล้าน → และ CoreWeave เข้าตลาดด้วยมูลค่ากว่า 23 พันล้าน

    JPMorgan จ้าง Mike Amez จาก Guggenheim มานั่งตำแหน่ง “Head of Mid-Cap Technology Services”  
    • เริ่มงาน ก.ย. 2025 ที่ชิคาโก  
    • มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่ม mid-size (เทคโนโลยีระดับกลาง–กำลังโต)

    Amez เชี่ยวชาญในสามสายหลัก:  
    • IT Services  • Cybersecurity  
    • Hyperscale Cloud Infrastructure

    เกิดขึ้นหลัง JPMorgan เพิ่งดึง 4 ผู้บริหารจาก Goldman Sachs, BofA และ Lazard เสริมทีมฝั่ง West Coast

    JPMorgan เป็นหนึ่งในธนาคารที่ “ครองตลาด tech investment banking” อยู่แล้ว  
    • ตามข้อมูลจาก Dealogic  
    • รับบทบาทสำคัญในหลายดีลขนาดพันล้านดอลลาร์

    ดีลใหญ่ที่ JPMorgan มีบทบาทช่วงที่ผ่านมา:  
    • Global Payments ซื้อ Worldpay ($24.25B)  
    • Turn/River ซื้อ SolarWinds ($4.4B)  
    • DoorDash ซื้อ Deliveroo ($3.9B)  
    • CoreWeave เข้าตลาด ($23B)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/jpmorgan-expands-tech-team-with-guggenheim-veteran-memo-says
    ในโลกการเงินการลงทุน ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะได้เปรียบอย่างมาก เพราะดีลในสายนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมไปถึงความเข้าใจในโครงสร้าง IT, Cloud, Cybersecurity ฯลฯ → JPMorgan รู้เรื่องนี้ดี และตอนนี้พวกเขากำลัง “เสริมเกราะ” ด้วยการดึง Mike Amez เข้ามา Mike เคยเป็น Managing Director ที่ Guggenheim Securities ฝั่ง Tech Investment Banking → เชี่ยวชาญด้าน IT Services, Cybersecurity และ Hyperscale Cloud → เขาจะประจำอยู่ที่ชิคาโก และเริ่มงานในเดือนกันยายน 2025 การย้ายเข้ามาของเขาเกิดขึ้นไม่ถึง 6 สัปดาห์ หลัง JPMorgan เพิ่งดึงผู้บริหารจาก Goldman Sachs, Bank of America และ Lazard อีก 4 คนเข้าสู่ทีม West Coast → สะท้อนว่า JPMorgan กำลังจัดทัพชุดใหญ่เพื่อปิดดีลเทคโนโลยีระดับโลก และก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ JPMorgan เพิ่งช่วยปิดดีลใหญ่ ๆ เช่น → Global Payments ซื้อ Worldpay ที่มูลค่า 24.25 พันล้านเหรียญ → Turn/River ซื้อ SolarWinds ในดีล 4.4 พันล้าน → DoorDash ซื้อ Deliveroo 3.9 พันล้าน → และ CoreWeave เข้าตลาดด้วยมูลค่ากว่า 23 พันล้าน ✅ JPMorgan จ้าง Mike Amez จาก Guggenheim มานั่งตำแหน่ง “Head of Mid-Cap Technology Services”   • เริ่มงาน ก.ย. 2025 ที่ชิคาโก   • มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่ม mid-size (เทคโนโลยีระดับกลาง–กำลังโต) ✅ Amez เชี่ยวชาญในสามสายหลัก:   • IT Services  • Cybersecurity   • Hyperscale Cloud Infrastructure ✅ เกิดขึ้นหลัง JPMorgan เพิ่งดึง 4 ผู้บริหารจาก Goldman Sachs, BofA และ Lazard เสริมทีมฝั่ง West Coast ✅ JPMorgan เป็นหนึ่งในธนาคารที่ “ครองตลาด tech investment banking” อยู่แล้ว   • ตามข้อมูลจาก Dealogic   • รับบทบาทสำคัญในหลายดีลขนาดพันล้านดอลลาร์ ✅ ดีลใหญ่ที่ JPMorgan มีบทบาทช่วงที่ผ่านมา:   • Global Payments ซื้อ Worldpay ($24.25B)   • Turn/River ซื้อ SolarWinds ($4.4B)   • DoorDash ซื้อ Deliveroo ($3.9B)   • CoreWeave เข้าตลาด ($23B) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/jpmorgan-expands-tech-team-with-guggenheim-veteran-memo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    JPMorgan expands tech team with Guggenheim veteran, memo says
    NEW YORK (Reuters) -JPMorgan Chase is hiring Guggenheim Securities executive Mike Amez, as the country's biggest bank continues to expand its technology investment banking team and to provide specific expertise to medium-sized companies, according to a staff memo.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ถ้าเมื่อก่อนวิดีโอ AI เคยมีข้อบกพร่อง เช่น หน้ามนุษย์บิดเบี้ยว มือมี 6 นิ้ว หรือเส้นผมติดกันเป็นก้อน… วันนี้ AI กำลังทิ้งอดีตเหล่านั้นไว้ข้างหลัง → ลองนึกถึงคลิป “Will Smith กินสปาเกตตี” ที่เคยดังเมื่อ 2 ปีก่อนในเวอร์ชันหลอน ๆ น่าขนลุก → แต่เวอร์ชันล่าสุดบน Veo 3 ของ Google กลับแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของปลอม!

    AI วิดีโอตอนนี้พัฒนาไปเร็วมาก → ภายใน 12 เดือน มีการเปิดตัวโมเดลใหม่อย่าง Luma Dream Machine, OpenAI Sora, Runway Gen-4 และ Veo 3 → วงการฮอลลีวูดเริ่มขยับ เช่น Lionsgate ทำดีลกับ Runway เพื่อสร้างแอนิเมชันจากแฟรนไชส์ดังอย่าง John Wick หรือ Hunger Games → และ AI ถูกใช้ในการทำ Previs หรือ Storyboard ที่เคยต้องใช้เงินหลักล้าน → ตอนนี้แค่สร้างคลิป 10 วิ ที่มีทหารหมื่นคนก็พอให้ตัดสินใจแล้วว่าจะถ่ายทำจริงไหม

    แม้บางสตูดิโออย่าง Staircase Studio จะก้าวหน้าไปถึงขั้นผลิตภาพยนตร์ทั้งเรื่องด้วย AI ในต้นทุนไม่ถึง $500,000 → แต่ศิลปิน–ผู้กำกับบางคนยังปฏิเสธ AI เพราะมองว่า “ทำลายจินตนาการ” และไม่ต้องการให้เครื่องมือตัดสินแทน

    อย่างไรก็ดี Strickler จาก Georgia State บอกว่า “ต่อต้าน AI ตอนนี้ก็เหมือนทำธุรกิจโดยไม่มีอินเทอร์เน็ต” → แม้จะเข้าใจว่าคนกังวลเรื่องพลังงาน–ลิขสิทธิ์–ผลกระทบต่อแรงงานก็ตาม

    AI วิดีโอพัฒนาเร็วมากในปี 2024–2025 → สร้างภาพที่สมจริงจนแยกไม่ออกจากวิดีโอจริง  
    • เทคโนโลยีจาก Veo, Sora, Gen-4 และ Dream Machine  
    • ตัวอย่างคลิป Will Smith กินสปาเกตตีเวอร์ชันล่าสุดแทบไม่มีข้อผิดพลาด

    Runway AI จับมือ Lionsgate และ AMC สร้างแอนิเมชันจากแฟรนไชส์หนังจริง  
    • ใช้ทำ Previsualization แทนการลงทุนหลายล้าน  
    • ช่วยตัดสินใจว่าควรถ่ายทำหรือไม่

    Staircase Studio ตั้งเป้าสร้างภาพยนตร์ AI ทั้งเรื่อง ในงบไม่ถึง $500,000 ต่อเรื่อง  
    • แต่ยังใช้แรงงานจริงจากกองถ่ายและนักสร้างสรรค์แบบ union

    บางคนใช้ AI เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการแก้ไขงาน (unlimited iteration) โดยไม่ต้องถ่ายใหม่

    นักศึกษาหลายคนต่อต้าน AI เพราะพลังงาน–การดูดเนื้อหาจากเจ้าของเดิม–ผลกระทบต่อแรงงาน

    Runway กำลังวางแผนขยายไปสู่ VR–AR และการสร้างโลกเสมือนจริงที่ถ่ายทำหนังได้เลย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/08/ai-video-becomes-more-convincing-rattling-creative-industry
    ถ้าเมื่อก่อนวิดีโอ AI เคยมีข้อบกพร่อง เช่น หน้ามนุษย์บิดเบี้ยว มือมี 6 นิ้ว หรือเส้นผมติดกันเป็นก้อน… วันนี้ AI กำลังทิ้งอดีตเหล่านั้นไว้ข้างหลัง → ลองนึกถึงคลิป “Will Smith กินสปาเกตตี” ที่เคยดังเมื่อ 2 ปีก่อนในเวอร์ชันหลอน ๆ น่าขนลุก → แต่เวอร์ชันล่าสุดบน Veo 3 ของ Google กลับแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของปลอม! AI วิดีโอตอนนี้พัฒนาไปเร็วมาก → ภายใน 12 เดือน มีการเปิดตัวโมเดลใหม่อย่าง Luma Dream Machine, OpenAI Sora, Runway Gen-4 และ Veo 3 → วงการฮอลลีวูดเริ่มขยับ เช่น Lionsgate ทำดีลกับ Runway เพื่อสร้างแอนิเมชันจากแฟรนไชส์ดังอย่าง John Wick หรือ Hunger Games → และ AI ถูกใช้ในการทำ Previs หรือ Storyboard ที่เคยต้องใช้เงินหลักล้าน → ตอนนี้แค่สร้างคลิป 10 วิ ที่มีทหารหมื่นคนก็พอให้ตัดสินใจแล้วว่าจะถ่ายทำจริงไหม แม้บางสตูดิโออย่าง Staircase Studio จะก้าวหน้าไปถึงขั้นผลิตภาพยนตร์ทั้งเรื่องด้วย AI ในต้นทุนไม่ถึง $500,000 → แต่ศิลปิน–ผู้กำกับบางคนยังปฏิเสธ AI เพราะมองว่า “ทำลายจินตนาการ” และไม่ต้องการให้เครื่องมือตัดสินแทน อย่างไรก็ดี Strickler จาก Georgia State บอกว่า “ต่อต้าน AI ตอนนี้ก็เหมือนทำธุรกิจโดยไม่มีอินเทอร์เน็ต” → แม้จะเข้าใจว่าคนกังวลเรื่องพลังงาน–ลิขสิทธิ์–ผลกระทบต่อแรงงานก็ตาม ✅ AI วิดีโอพัฒนาเร็วมากในปี 2024–2025 → สร้างภาพที่สมจริงจนแยกไม่ออกจากวิดีโอจริง   • เทคโนโลยีจาก Veo, Sora, Gen-4 และ Dream Machine   • ตัวอย่างคลิป Will Smith กินสปาเกตตีเวอร์ชันล่าสุดแทบไม่มีข้อผิดพลาด ✅ Runway AI จับมือ Lionsgate และ AMC สร้างแอนิเมชันจากแฟรนไชส์หนังจริง   • ใช้ทำ Previsualization แทนการลงทุนหลายล้าน   • ช่วยตัดสินใจว่าควรถ่ายทำหรือไม่ ✅ Staircase Studio ตั้งเป้าสร้างภาพยนตร์ AI ทั้งเรื่อง ในงบไม่ถึง $500,000 ต่อเรื่อง   • แต่ยังใช้แรงงานจริงจากกองถ่ายและนักสร้างสรรค์แบบ union ✅ บางคนใช้ AI เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการแก้ไขงาน (unlimited iteration) โดยไม่ต้องถ่ายใหม่ ✅ นักศึกษาหลายคนต่อต้าน AI เพราะพลังงาน–การดูดเนื้อหาจากเจ้าของเดิม–ผลกระทบต่อแรงงาน ✅ Runway กำลังวางแผนขยายไปสู่ VR–AR และการสร้างโลกเสมือนจริงที่ถ่ายทำหนังได้เลย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/08/ai-video-becomes-more-convincing-rattling-creative-industry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI video becomes more convincing, rattling creative industry
    Gone are the days of six-fingered hands or distorted faces – AI-generated video is becoming increasingly convincing, attracting Hollywood, artists, and advertisers, while shaking the foundations of the creative industry.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • ภาษีทรัมป์ 36% ช็อกเศรษฐกิจไทยทรุดติดลบ : คนเคาะข่าว 08-07-68
    : ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ Head of Economic Research หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=rvKB61C_IP4
    ภาษีทรัมป์ 36% ช็อกเศรษฐกิจไทยทรุดติดลบ : คนเคาะข่าว 08-07-68 : ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ Head of Economic Research หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=rvKB61C_IP4
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
More Results