• พบ "วิษณุ เครืองาม" อดีตรองนายกฯ เป็นประธานกฤษฎีกาคณะพิเศษ พิจารณา กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะที่ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" อดีต ปธ.กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นั่งเป็นกรรมการด้วย คาดเสร็จเร็วกว่า 50 วัน
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... หรือ กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พร้อมทั้งส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 (เกี่ยวกับบริหารราชการแผ่นดิน) เป็นประธาน และมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13 (เกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เป็นกรรมการด้วย
    .
    ขณะที่รัฐบาลได้ส่ง นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนเข้าไปร่วมประชุมคอยชี้แจงหลักการและแนวคิดของรัฐบาล โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมกันไปแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และกระทรวงการมหาดไทย เข้าไปชี้แจงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า จากการเร่งเดินหน้าเรื่องดังกล่าว อาจทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จเร็วกว่ากรอบ 50 วัน ที่จะครบในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2568
    .
    ขณะที่เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) นายปกรณ์​ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า การหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ในตอนนี้เรียกประชุม 3-4 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่เรียกกระทรวงการคลัง​ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแล้ว ซึ่งการหารือไม่ได้มีอะไร ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อสังเกตไว้​ อย่างเรื่องการรักษาการร่วม และการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ได้มีประเด็นอะไร
    .
    ส่วนที่นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง​ ระบุกฎหมายจะไม่มีการตราเรื่องสัดส่วนกาสิโน 10% ลงไปในนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนที่กฤษฎีกามองว่าควรจะมีการบัญญัติสัดส่วนของกาสิโนลงไปในกฎหมายเลยหรือไม่ เนื่องจากหากไม่มีการเขียนลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย นายปกรณ์เห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่​นายจุลพันธ์มาชี้แจงและเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติขนาดนั้น
    .
    ด้านนายจุล​พันธ์ปฏิเสธจะชี้แจงรายละเอียด ระบุเพียงว่า​ ไม่มีอะไร การพูดคุยคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษราบรื่นดี ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่ร่างกาสิโน โดยได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริง และเป็นไปในแนวทางนโยบายแห่งรัฐ โดยสรุปว่านโยบายนี้คือองค์ประกอบของธุรกิจหลายรูปแบบ โดยรัฐบาลสามารถกำหนดได้ ซึ่งกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับสัดส่วนกาสิโนไม่ได้มีการเขียนในกฎหมายตั้งแต่ต้น แต่อยู่ที่เจตจำนงของผู้กำหนดนโยบายในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเปิดกว้างเอาไว้ แต่หากต้องกำหนด เช่น ไม่เกิน 10% ก็สามารถดำเนินการได้​ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด​ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถบริหารจัดการได้
    .
    ส่วนการไม่กำหนดสัดส่วนกาสิโนเข้าไปในกฎหมาย จะไม่เป็นช่องโหว่ทางกฎหมายนั้น นายจุล​พันธ์ยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องกาสิโนรายละเอียดของสถานที่ก็จะยังไม่เขียนในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบาย (ซูเปอร์บอร์ด) สถานบันเทิงครบวงจรในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งตามหลักโมเดลธุรกิจไม่เกิน 10% เพราะมาตรฐานทั่วโลกไม่เกิน 5% เช่น สิงคโปร์ มีสัดส่วนกาสิโน 3% ฉะนั้นอย่าจินตนาการเลยสิ่งที่มันไม่เป็นจริงและข้อเท็จจริง​ พร้อมยืนยันว่าไม่กังวล ที่ขณะนี้สังคมกำลังจับตา เพราะทำตามหน้าที่และขั้นตอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009147
    ..............
    Sondhi X
    พบ "วิษณุ เครืองาม" อดีตรองนายกฯ เป็นประธานกฤษฎีกาคณะพิเศษ พิจารณา กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะที่ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" อดีต ปธ.กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นั่งเป็นกรรมการด้วย คาดเสร็จเร็วกว่า 50 วัน . วันนี้ (29 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... หรือ กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พร้อมทั้งส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 (เกี่ยวกับบริหารราชการแผ่นดิน) เป็นประธาน และมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13 (เกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เป็นกรรมการด้วย . ขณะที่รัฐบาลได้ส่ง นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนเข้าไปร่วมประชุมคอยชี้แจงหลักการและแนวคิดของรัฐบาล โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมกันไปแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และกระทรวงการมหาดไทย เข้าไปชี้แจงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า จากการเร่งเดินหน้าเรื่องดังกล่าว อาจทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จเร็วกว่ากรอบ 50 วัน ที่จะครบในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2568 . ขณะที่เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) นายปกรณ์​ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า การหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ในตอนนี้เรียกประชุม 3-4 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่เรียกกระทรวงการคลัง​ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแล้ว ซึ่งการหารือไม่ได้มีอะไร ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อสังเกตไว้​ อย่างเรื่องการรักษาการร่วม และการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ได้มีประเด็นอะไร . ส่วนที่นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง​ ระบุกฎหมายจะไม่มีการตราเรื่องสัดส่วนกาสิโน 10% ลงไปในนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนที่กฤษฎีกามองว่าควรจะมีการบัญญัติสัดส่วนของกาสิโนลงไปในกฎหมายเลยหรือไม่ เนื่องจากหากไม่มีการเขียนลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย นายปกรณ์เห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่​นายจุลพันธ์มาชี้แจงและเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติขนาดนั้น . ด้านนายจุล​พันธ์ปฏิเสธจะชี้แจงรายละเอียด ระบุเพียงว่า​ ไม่มีอะไร การพูดคุยคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษราบรื่นดี ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่ร่างกาสิโน โดยได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริง และเป็นไปในแนวทางนโยบายแห่งรัฐ โดยสรุปว่านโยบายนี้คือองค์ประกอบของธุรกิจหลายรูปแบบ โดยรัฐบาลสามารถกำหนดได้ ซึ่งกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับสัดส่วนกาสิโนไม่ได้มีการเขียนในกฎหมายตั้งแต่ต้น แต่อยู่ที่เจตจำนงของผู้กำหนดนโยบายในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเปิดกว้างเอาไว้ แต่หากต้องกำหนด เช่น ไม่เกิน 10% ก็สามารถดำเนินการได้​ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด​ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถบริหารจัดการได้ . ส่วนการไม่กำหนดสัดส่วนกาสิโนเข้าไปในกฎหมาย จะไม่เป็นช่องโหว่ทางกฎหมายนั้น นายจุล​พันธ์ยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องกาสิโนรายละเอียดของสถานที่ก็จะยังไม่เขียนในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบาย (ซูเปอร์บอร์ด) สถานบันเทิงครบวงจรในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งตามหลักโมเดลธุรกิจไม่เกิน 10% เพราะมาตรฐานทั่วโลกไม่เกิน 5% เช่น สิงคโปร์ มีสัดส่วนกาสิโน 3% ฉะนั้นอย่าจินตนาการเลยสิ่งที่มันไม่เป็นจริงและข้อเท็จจริง​ พร้อมยืนยันว่าไม่กังวล ที่ขณะนี้สังคมกำลังจับตา เพราะทำตามหน้าที่และขั้นตอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009147 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน
    .
    วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น
    .
    เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง
    .
    “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .
    ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่
    .
    ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543
    .........
    Sondhi X
    สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน . วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น . เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง . “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว . ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่ . ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    Love
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม
    .
    "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู
    .
    นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว
    .
    ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง
    .
    หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก)
    .
    ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313
    ..............
    Sondhi X
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม . "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว . นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู . นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว . ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง . หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน . หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก) . ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 886 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก
    .
    ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว
    .
    การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน
    .
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ
    .
    "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง
    .
    สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน
    .
    ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม
    .
    ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว
    .
    เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
    .
    "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที"
    .
    ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น
    .
    ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
    .
    รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง
    .
    ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว
    .
    ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311
    ..............
    Sondhi X
    อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก . ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว . การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน . ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ . "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง . สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน . ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม . ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว . เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม . "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที" . ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น . ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว . รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง . ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว . ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา . ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศแก่ประเทศต่างๆทั้งหมด ยกเว้นอิสราเอลและอียิปต์

    “จะไม่มีข้อผูกมัดเงินทุนใหม่ใดๆเกิดขึ้น หรือแม้แต่การขยายขอบเขตระยะเวลาการสนับสนุนเงินทุนต่างๆ จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง” ข้อความจากรายงานบางส่วนตามบันทึกภายในถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

    แต่บันทึกดังกล่าวได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอล ซึ่งแพ็คเกจอาวุธหลักที่สหรัฐฯ มอบให้มาอย่างยาวนานได้ขยายเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สงครามกาซา และอียิปต์ ซึ่งได้รับเงินทุนด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ จำนวนมากตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลในปี 2522

    อิสราเอลได้รับเงินทุนทางทหารจากต่างประเทศประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่อียิปต์ได้รับประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์

    แต่ขอบเขตของคำสั่งดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าเงินทุนใดที่จะถูกตัดออก เนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดงบประมาณของรัฐบาลกลาง

    สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนดังกล่าวในปี 2025 จากการอนมุัติของรัฐบาลไบเดนได้แก่ ยูเครน ไทย จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จิบูตี โคลอมเบีย ปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAid) กล่าวว่านี่ “เป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ดังนั้นบริการด้านสุขภาพที่ช่วยชีวิตได้ทั้งหมด เอชไอวี/เอดส์ โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานเกษตรทั้งหมด การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด การศึกษา”

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่ยอมเอ่ยถึงเงินทุนของสหรัฐที่ผ่าน USAid ในรูปแบบโครงการเพื่อพัฒนาประชาธิบไตยของแต่ละประเทศ ก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า เงินสนับสนุนในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขัดแย้งในแต่ละประเทศโดยผ่านชื่อโครงการอันสวยหรู
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศแก่ประเทศต่างๆทั้งหมด ยกเว้นอิสราเอลและอียิปต์ “จะไม่มีข้อผูกมัดเงินทุนใหม่ใดๆเกิดขึ้น หรือแม้แต่การขยายขอบเขตระยะเวลาการสนับสนุนเงินทุนต่างๆ จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง” ข้อความจากรายงานบางส่วนตามบันทึกภายในถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แต่บันทึกดังกล่าวได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอล ซึ่งแพ็คเกจอาวุธหลักที่สหรัฐฯ มอบให้มาอย่างยาวนานได้ขยายเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สงครามกาซา และอียิปต์ ซึ่งได้รับเงินทุนด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ จำนวนมากตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลในปี 2522 อิสราเอลได้รับเงินทุนทางทหารจากต่างประเทศประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่อียิปต์ได้รับประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ขอบเขตของคำสั่งดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าเงินทุนใดที่จะถูกตัดออก เนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดงบประมาณของรัฐบาลกลาง สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนดังกล่าวในปี 2025 จากการอนมุัติของรัฐบาลไบเดนได้แก่ ยูเครน ไทย จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จิบูตี โคลอมเบีย ปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAid) กล่าวว่านี่ “เป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ดังนั้นบริการด้านสุขภาพที่ช่วยชีวิตได้ทั้งหมด เอชไอวี/เอดส์ โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานเกษตรทั้งหมด การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด การศึกษา” เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่ยอมเอ่ยถึงเงินทุนของสหรัฐที่ผ่าน USAid ในรูปแบบโครงการเพื่อพัฒนาประชาธิบไตยของแต่ละประเทศ ก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า เงินสนับสนุนในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขัดแย้งในแต่ละประเทศโดยผ่านชื่อโครงการอันสวยหรู
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานไปทั่วว่าทีมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนย้ายชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนไปที่ “อินโดนีเซีย” ชั่วคราวระหว่างเขตฉนวนกาซากำลังซ่อมใหม่เพื่อบูรณะ ส.ส. อินโดนีเซียวันอังคาร (21 ม.ค.) ไม่พอใจชี้ ไม่ใช่ธุระของทรัมป์แต่เป็นของประชาชนปาเลสไตน์ หลังรัฐบาลนายกรัฐมนตรีปราโบโว ซูเบียนโต เพิ่งออกมารับรอง จากาตาร์จะไม่ทอดทิ้งปาเลสไตน์
    .
    มิดเดิลอีสต์มอนิเตอร์รายงานวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่า มีรายงานออกมาจากสื่อ NBC News ของสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (18) ว่า ทีมของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งเข้าพิธีสาบานตัวในวันจันทร์ (20) และกลายเป็นผู้นำคนที่ 47 ของอเมริกา กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการย้ายประชาชนปาเลสไตน์รวม 2 ล้านคนจากเขตฉนวนกาซาในตะวันออกกลางมาที่ “อินโดนีเซีย” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างที่กาซากำลังอยู่ระหว่างการบูรณะสร้างใหม่
    .
    ทั้งนี้ สื่ออเมริกันได้อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทีมเปลี่ยนผ่านอำนาจของทรัมป์ที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า “อินโดนีเซีย” ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกพิจารณาในการเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคน
    .
    และนอกจากนี้ NBC News ยังรายงานว่า ทูตพิเศษตะวันออกกลางของทรัมป์ สตีฟ วิตต์คอฟฟ์ (Steve Witkoff) กำลังพิจารณาการเดินทางไปเยือนกาซา เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-ฮามาสให้ยังคงอยู่
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทีมทรัมป์กล่าวว่า “คุณต้องเห็นมัน คุณต้องรู้สึกมัน” และชี้ว่า
    .
    “การทำเช่นนั้นจะเปิดโอกาสให้ทูตพิเศษของทรัมป์สามารถเห็นไดนามิกความเคลื่อนไหวในพื้นที่ด้วยตาตัวเองมากกว่าได้มาจากคำพูดของอิสราเอล”
    .
    ทั้งนี้ วิตต์คอฟฟ์กำลังทำงานเพื่อทำให้ประสบสำเร็จต่อเสถียรภาพระยะยาวของชาวอิสราเอลและประชาชนปาเลสไตน์อีก 2 ล้านคน ซึ่งเขาได้พบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ถือเป็นจุดสำคัญทำให้ข้อตกลงหยุดยิงสามารถบรรลุ
    .
    อย่างไรก็ตาม ข่าวการย้ายชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนมาที่อินโดนีเซียตามข้อเสนอของทีมทรัมป์ทำให้นักการเมืองอิเหนาไม่พอใจ
    .
    เรดิโอรีพับลิกอินโดนีเซียรายงานว่า ส.ส. มาร์ดานี อาลี ซีรา (Mardani Ali Sera) ได้ออกมาตอบโต้ข่าวข้อเสนอย้ายว่า การโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่กิจธุระของทรัมป์ แต่เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินอนาคตตัวเอง
    .
    “มันขึ้นอยู่กับประชาชนกาซา มันไม่ใช่กิจธุระของทรัมป์” เขากล่าว
    .
    มาร์ดานีซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำองค์กรความร่วมมือระหว่างรัฐสภา BKSAP กล่าวเสริมว่า ชาวปาเลสไตน์นั้นไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ที่จะสามารถย้ายไปง่ายๆ ได้
    .
    และยังย้ำต่อพันธสัญญาของอินโดนีเซียในการสนับสนุนการเป็นอิสรภาพของปาเลสไตน์จากอิสราเอลผู้ยึดครอง สอดคล้องกับการออกมายืนยันของรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียที่ก่อนหน้ายืนยัน อ้างอิงจาก อันตาราของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ว่ารัฐบาลจากาตาร์จะไม่มีวันทอดทิ้งชาวปาเลสไตน์ไว้เบื้องหลัง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006998
    ..............
    Sondhi X
    มีรายงานไปทั่วว่าทีมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนย้ายชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนไปที่ “อินโดนีเซีย” ชั่วคราวระหว่างเขตฉนวนกาซากำลังซ่อมใหม่เพื่อบูรณะ ส.ส. อินโดนีเซียวันอังคาร (21 ม.ค.) ไม่พอใจชี้ ไม่ใช่ธุระของทรัมป์แต่เป็นของประชาชนปาเลสไตน์ หลังรัฐบาลนายกรัฐมนตรีปราโบโว ซูเบียนโต เพิ่งออกมารับรอง จากาตาร์จะไม่ทอดทิ้งปาเลสไตน์ . มิดเดิลอีสต์มอนิเตอร์รายงานวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่า มีรายงานออกมาจากสื่อ NBC News ของสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (18) ว่า ทีมของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งเข้าพิธีสาบานตัวในวันจันทร์ (20) และกลายเป็นผู้นำคนที่ 47 ของอเมริกา กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการย้ายประชาชนปาเลสไตน์รวม 2 ล้านคนจากเขตฉนวนกาซาในตะวันออกกลางมาที่ “อินโดนีเซีย” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างที่กาซากำลังอยู่ระหว่างการบูรณะสร้างใหม่ . ทั้งนี้ สื่ออเมริกันได้อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทีมเปลี่ยนผ่านอำนาจของทรัมป์ที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า “อินโดนีเซีย” ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกพิจารณาในการเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคน . และนอกจากนี้ NBC News ยังรายงานว่า ทูตพิเศษตะวันออกกลางของทรัมป์ สตีฟ วิตต์คอฟฟ์ (Steve Witkoff) กำลังพิจารณาการเดินทางไปเยือนกาซา เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-ฮามาสให้ยังคงอยู่ . แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทีมทรัมป์กล่าวว่า “คุณต้องเห็นมัน คุณต้องรู้สึกมัน” และชี้ว่า . “การทำเช่นนั้นจะเปิดโอกาสให้ทูตพิเศษของทรัมป์สามารถเห็นไดนามิกความเคลื่อนไหวในพื้นที่ด้วยตาตัวเองมากกว่าได้มาจากคำพูดของอิสราเอล” . ทั้งนี้ วิตต์คอฟฟ์กำลังทำงานเพื่อทำให้ประสบสำเร็จต่อเสถียรภาพระยะยาวของชาวอิสราเอลและประชาชนปาเลสไตน์อีก 2 ล้านคน ซึ่งเขาได้พบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ถือเป็นจุดสำคัญทำให้ข้อตกลงหยุดยิงสามารถบรรลุ . อย่างไรก็ตาม ข่าวการย้ายชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนมาที่อินโดนีเซียตามข้อเสนอของทีมทรัมป์ทำให้นักการเมืองอิเหนาไม่พอใจ . เรดิโอรีพับลิกอินโดนีเซียรายงานว่า ส.ส. มาร์ดานี อาลี ซีรา (Mardani Ali Sera) ได้ออกมาตอบโต้ข่าวข้อเสนอย้ายว่า การโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่กิจธุระของทรัมป์ แต่เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินอนาคตตัวเอง . “มันขึ้นอยู่กับประชาชนกาซา มันไม่ใช่กิจธุระของทรัมป์” เขากล่าว . มาร์ดานีซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำองค์กรความร่วมมือระหว่างรัฐสภา BKSAP กล่าวเสริมว่า ชาวปาเลสไตน์นั้นไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ที่จะสามารถย้ายไปง่ายๆ ได้ . และยังย้ำต่อพันธสัญญาของอินโดนีเซียในการสนับสนุนการเป็นอิสรภาพของปาเลสไตน์จากอิสราเอลผู้ยึดครอง สอดคล้องกับการออกมายืนยันของรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียที่ก่อนหน้ายืนยัน อ้างอิงจาก อันตาราของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ว่ารัฐบาลจากาตาร์จะไม่มีวันทอดทิ้งชาวปาเลสไตน์ไว้เบื้องหลัง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006998 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1386 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีอเมริกันชนราว 47% ที่เห็นชอบการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ หลังจากเขาคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณบ่งชี้ว่าประเทศแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยการแบ่งขั้ว หลังตัวแทนจากรีพับลิกันคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน จากผลโพลของรอยเตอร์/อิปซอส ที่ปิดการสำรวจในวันอังคาร (21 ม.ค.)
    .
    ผลสำรวจที่ดำเนินการในวันจันทร์ (20 ม.ค.) และวันอังคาร (21 ม.ค.) ตามหลัง ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี แสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของเขาสูงกว่าตลอดช่วงเวลาเกือบทั้งหมดในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017-2021
    .
    อย่างไรก็ตาม ผลโพลพบด้วยว่าชาวอเมริกาพากันขุ่นเคืองต่อความเคลื่อนไหวแรกๆ บางอย่างของประธานาธิบดีรายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ตอบแบบสอบถามราว 58% บอกว่า ทรัมป์ ไม่ควรนิรโทษกรรมทุกคนที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา ระหว่างเหตุจลาจลบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
    .
    ทรัมป์ ดำเนินการดังกล่าว นิรโทษกรรมเหล่าผู้สนับสนุนเกือบ 1,600 ราย ที่ถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา ร่วมกันปิดล้อมอาคารรัฐสภา ไม่กี่ชั่วโมงหลังดำรงตำแหน่งสมัย 2 อย่างเป็นทางการ ในระหว่างที่กำลังจัดทำโพล
    .
    มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงแค่ 29% ที่เห็นชอบแนวทางของทรัมป์ ในการจัดการกับสิ่งที่รับรู้กันว่าเป็นระบบตุลาการเชิงการเมือง ทรัมป์กล่าวหา โจ ไบเดน ผู้นำคนก่อนก่อความบิดเบี้ยวแก่กระบวนการยุติธรรม ด้วยความพยายามดำเนินคดีต่างๆ กับเขา ในเจตนาขัดขวางเขาจากการดำรงตำแหน่ง ข้อกล่าวหาที่ทางฝั่งเดโมแครตปฏิเสธ นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังบอกว่าเขาอาจใช้ระบบยุติธรรมหาทางแก้แค้นคู่ปรับทางการเมืองด้วย
    .
    พวกผู้ตอบแบบสอบถามให้การสนับสนุนแนวทางทรัมป์ มากกว่าในการจัดการกับประเด็นอื่นๆ โดยมี 46% ที่เห็นชอบแนวทางการรับมือพวกผู้อพยพของทรัมป์ ประเด็นที่อเมริกันชนจำนวนมากอยากเห็นมันเป็นประเด็นที่รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญในลำดับสูงสุด
    .
    ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง 2024 เหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากเดโมแครต ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 312 ต่อ 226 เสียง แต่ในส่วนของคะแนนป็อบปูลาร์โหวตนั้น เขาได้คะแนนเสียงแค่ 49.8% เฉือน แฮร์ริส ที่ได้ไป 48.3%
    .
    ผลสำรวจเท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับทรัมป์ ผู้ซึ่งเริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ด้วยคะแนนนิยม 43% ก่อนคะแนนนิยมจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 49% ในช่วงปลายเดือนมกราคมปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปิดฉากการเป็นประธานาธิบดี ด้วยคะแนนนิยม 34% ตามหลังเหตุปิดล้อมอาคารรัฐสภา พยายามโค่นล้มผลเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
    .
    คล้ายกับ ไบเดน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) คะแนนนิยมของทรัมป์ ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 45% ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของการดำรงตำแหน่งสมัยแรก และเคยดำดิ่งลงไปในระดับต่ำสุดเหลือแค่ 33% ในเดือนธันวาคม 2017
    .
    ไบเดน เริ่มต้นทำหน้าที่ประธานาธิบดี ด้วยคะแนนนิยม 55% แต่เรตติ้งของเขาปักหัวลงอย่างรวดเร็ว และเคยดำดิ่งแตะระดับแค่ 35% ในช่วงก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ภาวะที่ไม่ได้รับความนิยมของตัวแทนจากพรรคเดโมแครตรายนี้ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่ากลายเป็นตัวส่งเสริมคะแนนนิยมของทรัมป์ ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
    .
    การคืนสู่อำนาจของทรัมป์ เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาชาติเพื่อนบ้านและทั่วโลก แต่ผลสำรวจพบว่ามีอเมริกันชนเพียงเล็กน้อยที่สนับสนุนแผนขยายเขตแดนอเมริกาของทรัมป์ เช่นเดียวกับมาตรการรีดภาษีที่อาจทำให้ราคาเชื้อเพลิงดีดตัวสูงขึ้น
    .
    ผลสำรวจพบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงแค่ 16% ที่เห็นด้วยกับถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ว่า สหรัฐฯ ควรกดดันให้เดนมาร์ก ยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่อเมริกา
    .
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ มีความจำเป็นต้องควบคุมเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก เพื่อรับประกันความมั่นคงระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เดนมาร์ก และ กรีนแลนด์ บอกว่าเกาะยักษ์แห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
    .
    ขณะเดียวกัน มีเพียงราว 29% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่บอกว่าสหรัฐฯ ควรทวงคืนการควบคุมคลองปานามา มาจากปานามา อีกหนึ่งเป้าหมายระหว่างประเทศของทรัมป์ อเมริกายอมปล่อยมือการควบคุมน่านน้ำยุทธศาสตร์แห่งนี้ให้แก่แคนาดาในปี 1999 แต่ ทรัมป์ กล่าวหา ปานามา ยกให้จีนดูแลปฏิบัติการต่างๆ ของคลองแห่งนี้ คำกล่าวหาที่ทางรัฐบาลปานามาปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006615
    ..............
    Sondhi X
    มีอเมริกันชนราว 47% ที่เห็นชอบการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ หลังจากเขาคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณบ่งชี้ว่าประเทศแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยการแบ่งขั้ว หลังตัวแทนจากรีพับลิกันคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน จากผลโพลของรอยเตอร์/อิปซอส ที่ปิดการสำรวจในวันอังคาร (21 ม.ค.) . ผลสำรวจที่ดำเนินการในวันจันทร์ (20 ม.ค.) และวันอังคาร (21 ม.ค.) ตามหลัง ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี แสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของเขาสูงกว่าตลอดช่วงเวลาเกือบทั้งหมดในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017-2021 . อย่างไรก็ตาม ผลโพลพบด้วยว่าชาวอเมริกาพากันขุ่นเคืองต่อความเคลื่อนไหวแรกๆ บางอย่างของประธานาธิบดีรายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ตอบแบบสอบถามราว 58% บอกว่า ทรัมป์ ไม่ควรนิรโทษกรรมทุกคนที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา ระหว่างเหตุจลาจลบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 . ทรัมป์ ดำเนินการดังกล่าว นิรโทษกรรมเหล่าผู้สนับสนุนเกือบ 1,600 ราย ที่ถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา ร่วมกันปิดล้อมอาคารรัฐสภา ไม่กี่ชั่วโมงหลังดำรงตำแหน่งสมัย 2 อย่างเป็นทางการ ในระหว่างที่กำลังจัดทำโพล . มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงแค่ 29% ที่เห็นชอบแนวทางของทรัมป์ ในการจัดการกับสิ่งที่รับรู้กันว่าเป็นระบบตุลาการเชิงการเมือง ทรัมป์กล่าวหา โจ ไบเดน ผู้นำคนก่อนก่อความบิดเบี้ยวแก่กระบวนการยุติธรรม ด้วยความพยายามดำเนินคดีต่างๆ กับเขา ในเจตนาขัดขวางเขาจากการดำรงตำแหน่ง ข้อกล่าวหาที่ทางฝั่งเดโมแครตปฏิเสธ นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังบอกว่าเขาอาจใช้ระบบยุติธรรมหาทางแก้แค้นคู่ปรับทางการเมืองด้วย . พวกผู้ตอบแบบสอบถามให้การสนับสนุนแนวทางทรัมป์ มากกว่าในการจัดการกับประเด็นอื่นๆ โดยมี 46% ที่เห็นชอบแนวทางการรับมือพวกผู้อพยพของทรัมป์ ประเด็นที่อเมริกันชนจำนวนมากอยากเห็นมันเป็นประเด็นที่รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญในลำดับสูงสุด . ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง 2024 เหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากเดโมแครต ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 312 ต่อ 226 เสียง แต่ในส่วนของคะแนนป็อบปูลาร์โหวตนั้น เขาได้คะแนนเสียงแค่ 49.8% เฉือน แฮร์ริส ที่ได้ไป 48.3% . ผลสำรวจเท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับทรัมป์ ผู้ซึ่งเริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ด้วยคะแนนนิยม 43% ก่อนคะแนนนิยมจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 49% ในช่วงปลายเดือนมกราคมปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปิดฉากการเป็นประธานาธิบดี ด้วยคะแนนนิยม 34% ตามหลังเหตุปิดล้อมอาคารรัฐสภา พยายามโค่นล้มผลเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ . คล้ายกับ ไบเดน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) คะแนนนิยมของทรัมป์ ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 45% ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของการดำรงตำแหน่งสมัยแรก และเคยดำดิ่งลงไปในระดับต่ำสุดเหลือแค่ 33% ในเดือนธันวาคม 2017 . ไบเดน เริ่มต้นทำหน้าที่ประธานาธิบดี ด้วยคะแนนนิยม 55% แต่เรตติ้งของเขาปักหัวลงอย่างรวดเร็ว และเคยดำดิ่งแตะระดับแค่ 35% ในช่วงก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ภาวะที่ไม่ได้รับความนิยมของตัวแทนจากพรรคเดโมแครตรายนี้ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่ากลายเป็นตัวส่งเสริมคะแนนนิยมของทรัมป์ ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง . การคืนสู่อำนาจของทรัมป์ เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาชาติเพื่อนบ้านและทั่วโลก แต่ผลสำรวจพบว่ามีอเมริกันชนเพียงเล็กน้อยที่สนับสนุนแผนขยายเขตแดนอเมริกาของทรัมป์ เช่นเดียวกับมาตรการรีดภาษีที่อาจทำให้ราคาเชื้อเพลิงดีดตัวสูงขึ้น . ผลสำรวจพบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงแค่ 16% ที่เห็นด้วยกับถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ว่า สหรัฐฯ ควรกดดันให้เดนมาร์ก ยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่อเมริกา . เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ มีความจำเป็นต้องควบคุมเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก เพื่อรับประกันความมั่นคงระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เดนมาร์ก และ กรีนแลนด์ บอกว่าเกาะยักษ์แห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย . ขณะเดียวกัน มีเพียงราว 29% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่บอกว่าสหรัฐฯ ควรทวงคืนการควบคุมคลองปานามา มาจากปานามา อีกหนึ่งเป้าหมายระหว่างประเทศของทรัมป์ อเมริกายอมปล่อยมือการควบคุมน่านน้ำยุทธศาสตร์แห่งนี้ให้แก่แคนาดาในปี 1999 แต่ ทรัมป์ กล่าวหา ปานามา ยกให้จีนดูแลปฏิบัติการต่างๆ ของคลองแห่งนี้ คำกล่าวหาที่ทางรัฐบาลปานามาปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006615 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้
    .
    คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
    .
    ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    คนเข้าเมือง
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้
    ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว”
    .
    ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ
    .
    ม็อบบุกสภา 6 มกราคม
    .
    ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน”
    .
    ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง
    .
    ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้”
    .
    ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น
    .
    ข้อตกลงโลกร้อนปารีส
    .
    ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก
    .
    อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้
    .
    การขุดเจาะน้ำมัน
    .
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก
    .
    เวิร์ก ฟอร์ม โฮม
    .
    นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
    .
    ถอนตัวจาก WHO
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย
    .
    ติ๊กต็อก Tiktok
    .
    ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
    .
    ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา
    .
    ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์
    .
    ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์
    .
    คิวบา
    .
    ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้ . คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) . ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . คนเข้าเมือง . ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้ ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว” . ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ . ม็อบบุกสภา 6 มกราคม . ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน” . ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง . ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้” . ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น . ข้อตกลงโลกร้อนปารีส . ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก . อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้ . การขุดเจาะน้ำมัน . ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก . เวิร์ก ฟอร์ม โฮม . นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด . ถอนตัวจาก WHO . ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย . ติ๊กต็อก Tiktok . ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.) . ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา . ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ . ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ . คิวบา . ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1312 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสองอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (20 ม.ค.) โดยกล่าวปราศรัยประกาศว่า “ยุคทอง” ของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว จากนั้นก็ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกจำนวนหลายสิบฉบับ ซึ่งมีทั้งการให้อภัยโทษพวกผู้สนับสนุนเขาที่ใช้ความรุนแรงบุกโจมตีอาคารรัฐสภา ไปจนถึงการออกมาตรการคุมเข้มผู้อพยพ และการยุตินโยบายรับมือปัญหาโลกร้อน และถึงแม้ยังไม่มีการขึ้นภาษีศุลกากรใดๆ ในวันแรกของการครองตำแหน่งคราวนี้ แต่เขาก็ขู่รีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตั้งแต่ 1 ก.พ.ขณะที่แสดงท่าทีแปลกกรณีสงครามยูเครน โดยหันมาวิพากษ์วลาดิมีร์ ปูติน ว่ากำลังทำลายรัสเซียจากการไม่ยอมทำข้อตกลงยุติศึก
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวปราศรัยหลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งต้องจัดขึ้นภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากอากาศข้างนอกหนาวจัด โดยบอกว่า การตกต่ำของอเมริกายุติลงแล้ว ซึ่งหมายถึงช่วงเวลา 4 ปีภายใต้คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต และประกาศการเริ่มต้นยุคทองของอเมริกาซึ่งจะมีความมั่งคั่งรุ่งเรืองและเป็นที่เคารพของทั่วโลกอีกครั้ง
    .
    จากนั้น ทรัมป์ซึ่งอยู่ในวัย 78 ปี จึงสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดขณะสาบานตนรับตำแหน่ง ได้เดินทางไปยังที่ชุมนุมของพวกผู้สนับสนุนเขา ณ สนามกีฬาในร่มแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเขาได้กล่าวปราศรัยในสไตล์หาเสียง ก่อนโยนปากกาที่ใช้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับในรอบแรกไปแล้วหมาดๆ ให้ฝูงชนที่อัดแน่นคอยต้อนรับเขา
    .
    ถัดมา ทรัมป์จึงได้เดินทางกลับไปยังทำเนียบในแบบผู้พิชิต 4 ปีหลังจากที่เขาต้องจากไปด้วยความเสื่อมเสียเกียรติ เป็นการเสร็จสิ้นครบถ้วนการหวนกลับคืนมาได้อย่างโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของสหรัฐฯ
    .
    ณ ห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ทรัมป์จัดให้มีการแถลงข่าวเป็นเวลาราว 50 นาทีโดยไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า พร้อมกับลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่ม ซึ่งรวมถึงการอภัยโทษผู้ก่อจลาจลราว 1,500 คนที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อพยายามขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน
    .
    ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโก และระบุว่า จะส่งทหารไปจัดการการลักลอบเข้าเมือง ซึ่งเป็นประเด็นหาเสียงสำคัญที่ทำให้เขาชนะอดีตรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต
    .
    ทรัมป์ยังไฟเขียวให้ขยายการขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งยกเลิกกฎระเบียบที่ต้องการโน้มน้าวให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    นอกจากนั้น เขาประกาศนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก และข้อตกลงปารีสที่นานาประเทศรวมทั้งอเมริกาให้สัญญาระบุเป้าหมายของตนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
    .
    ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันผู้นี้แสดงการเชิดชูลัทธิชาตินิยม ด้วยการประกาศเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และขู่ยึดคลองปานานาคืนหลังจากยกสิทธิการควบคุมให้ปานามาตั้งแต่ปี 1999 โดยอ้างว่า จีนเป็นผู้ควบคุมคลองปานามาตัวจริง ทั้งที่ในความเป็นจริงคือ บริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกงซึ่งชนะการประมูล ได้สิทธิเข้าบริหารดำเนินงานคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
    .
    ทรัมป์ยังประกาศว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นสมาชิกนาโตเช่นเดียวกับอเมริกา ขณะที่รัสเซียเข้าไปดำเนินการในบริเวณดังกล่าวมากขึ้นหลังจากน้ำแข็งละลายอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ลดความขึงขังเรื่องยูเครนจากที่เคยสัญญาว่า จะผลักดันข้อตกลงสันติภาพให้ลุล่วงก่อนเข้ารับตำแหน่ง และเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยชื่นชมก็มาวิจารณ์ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียว่า กำลังทำลายรัสเซียด้วยการไม่ยอมทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน โดยเขาอ้างอิงสถานะเศรษฐกิจและการสูญเสียในสนามรบของรัสเซีย แต่ยังคงยืนยันว่า จะพบปะหารือกับปูตินโดยเร็ว
    .
    ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวถามว่า จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศอย่างที่ประกาศเอาไว้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อาจจะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ และเมื่อถามถึงการขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าของแคนาดาและเม็กซิโก ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ตอบว่า เล็งเรียกเก็บภาษีราว 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เนื่องจากสองประเทศนี้ปล่อยให้มีผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนมากแอบเดินทางเข้าสหรัฐฯ รวมทั้งปล่อยให้มีการการขนส่งยาเสพติดเฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา
    .
    ทั้งนี้ ตามรายละเอียดในบันทึกช่วยจำของประธานาธิบดีนั้น ทรัมป์สั่งให้กระทรวงการคลังและพาณิชย์ รวมถึงสำนักงานการค้าสหรัฐฯ ตรวจสอบความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติจากการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาล พร้อมเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสม เช่น การเรียกเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกหรือนโยบายอื่นๆ เพื่อแก้ไขการขาดดุลการค้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006612
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสองอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (20 ม.ค.) โดยกล่าวปราศรัยประกาศว่า “ยุคทอง” ของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว จากนั้นก็ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกจำนวนหลายสิบฉบับ ซึ่งมีทั้งการให้อภัยโทษพวกผู้สนับสนุนเขาที่ใช้ความรุนแรงบุกโจมตีอาคารรัฐสภา ไปจนถึงการออกมาตรการคุมเข้มผู้อพยพ และการยุตินโยบายรับมือปัญหาโลกร้อน และถึงแม้ยังไม่มีการขึ้นภาษีศุลกากรใดๆ ในวันแรกของการครองตำแหน่งคราวนี้ แต่เขาก็ขู่รีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตั้งแต่ 1 ก.พ.ขณะที่แสดงท่าทีแปลกกรณีสงครามยูเครน โดยหันมาวิพากษ์วลาดิมีร์ ปูติน ว่ากำลังทำลายรัสเซียจากการไม่ยอมทำข้อตกลงยุติศึก . ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวปราศรัยหลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งต้องจัดขึ้นภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากอากาศข้างนอกหนาวจัด โดยบอกว่า การตกต่ำของอเมริกายุติลงแล้ว ซึ่งหมายถึงช่วงเวลา 4 ปีภายใต้คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต และประกาศการเริ่มต้นยุคทองของอเมริกาซึ่งจะมีความมั่งคั่งรุ่งเรืองและเป็นที่เคารพของทั่วโลกอีกครั้ง . จากนั้น ทรัมป์ซึ่งอยู่ในวัย 78 ปี จึงสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดขณะสาบานตนรับตำแหน่ง ได้เดินทางไปยังที่ชุมนุมของพวกผู้สนับสนุนเขา ณ สนามกีฬาในร่มแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเขาได้กล่าวปราศรัยในสไตล์หาเสียง ก่อนโยนปากกาที่ใช้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับในรอบแรกไปแล้วหมาดๆ ให้ฝูงชนที่อัดแน่นคอยต้อนรับเขา . ถัดมา ทรัมป์จึงได้เดินทางกลับไปยังทำเนียบในแบบผู้พิชิต 4 ปีหลังจากที่เขาต้องจากไปด้วยความเสื่อมเสียเกียรติ เป็นการเสร็จสิ้นครบถ้วนการหวนกลับคืนมาได้อย่างโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของสหรัฐฯ . ณ ห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ทรัมป์จัดให้มีการแถลงข่าวเป็นเวลาราว 50 นาทีโดยไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า พร้อมกับลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่ม ซึ่งรวมถึงการอภัยโทษผู้ก่อจลาจลราว 1,500 คนที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อพยายามขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน . ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโก และระบุว่า จะส่งทหารไปจัดการการลักลอบเข้าเมือง ซึ่งเป็นประเด็นหาเสียงสำคัญที่ทำให้เขาชนะอดีตรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต . ทรัมป์ยังไฟเขียวให้ขยายการขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งยกเลิกกฎระเบียบที่ต้องการโน้มน้าวให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า . นอกจากนั้น เขาประกาศนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก และข้อตกลงปารีสที่นานาประเทศรวมทั้งอเมริกาให้สัญญาระบุเป้าหมายของตนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ . ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันผู้นี้แสดงการเชิดชูลัทธิชาตินิยม ด้วยการประกาศเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และขู่ยึดคลองปานานาคืนหลังจากยกสิทธิการควบคุมให้ปานามาตั้งแต่ปี 1999 โดยอ้างว่า จีนเป็นผู้ควบคุมคลองปานามาตัวจริง ทั้งที่ในความเป็นจริงคือ บริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกงซึ่งชนะการประมูล ได้สิทธิเข้าบริหารดำเนินงานคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ . ทรัมป์ยังประกาศว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นสมาชิกนาโตเช่นเดียวกับอเมริกา ขณะที่รัสเซียเข้าไปดำเนินการในบริเวณดังกล่าวมากขึ้นหลังจากน้ำแข็งละลายอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ลดความขึงขังเรื่องยูเครนจากที่เคยสัญญาว่า จะผลักดันข้อตกลงสันติภาพให้ลุล่วงก่อนเข้ารับตำแหน่ง และเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยชื่นชมก็มาวิจารณ์ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียว่า กำลังทำลายรัสเซียด้วยการไม่ยอมทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน โดยเขาอ้างอิงสถานะเศรษฐกิจและการสูญเสียในสนามรบของรัสเซีย แต่ยังคงยืนยันว่า จะพบปะหารือกับปูตินโดยเร็ว . ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวถามว่า จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศอย่างที่ประกาศเอาไว้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อาจจะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ และเมื่อถามถึงการขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าของแคนาดาและเม็กซิโก ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ตอบว่า เล็งเรียกเก็บภาษีราว 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เนื่องจากสองประเทศนี้ปล่อยให้มีผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนมากแอบเดินทางเข้าสหรัฐฯ รวมทั้งปล่อยให้มีการการขนส่งยาเสพติดเฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา . ทั้งนี้ ตามรายละเอียดในบันทึกช่วยจำของประธานาธิบดีนั้น ทรัมป์สั่งให้กระทรวงการคลังและพาณิชย์ รวมถึงสำนักงานการค้าสหรัฐฯ ตรวจสอบความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติจากการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาล พร้อมเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสม เช่น การเรียกเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกหรือนโยบายอื่นๆ เพื่อแก้ไขการขาดดุลการค้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006612 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1280 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล
    .
    ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ
    .
    ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก
    .
    เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น
    .
    นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19)
    .
    และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ
    .
    แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน
    กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา
    .
    ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว
    .
    เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก
    .
    ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล . ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ . ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก . เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล . เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น . นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19) . และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ . แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า . เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา . ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว . เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก . ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1260 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งไบเดนแล้ว 78 ฉบับ เผยเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าแคนาดา-เม็กซิโก 1 กุมภาพันธ์นี้

    บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหววันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 ว่า ทรัมป์ยังดำเนินแผนการอันทะเยอทะยานของเขาต่อไป โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก

    บลูมเบิร์กระบุว่า ณ เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ (ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นเป็นการเพิกถอนคำสั่งหรือแผนริเริ่มต่าง ๆ ในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ถึง 78 ฉบับ ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่สนามกีฬาแคปิตอลวัน (Capital One Arena)

    บรรดาคำสั่งที่ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งของไบเดนนั้น รวมถึงการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement), คำสั่งให้ทุกกระทรวงจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ, การดำเนินการเรียกพนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงาน และคำสั่งคืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันไม่ให้รัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูดในอนาคต

    ต่อจากนั้นทรัมป์ย้ายไปที่ห้องทำงานรูปไข่ (The Oval Office) ในทำเนียบขาว แล้วลงนามคำสั่งต่อไป ซึ่งคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกที่ทรัมป์ลงนามในห้องทำงานรูปไข่ คือการอภัยโทษให้กับผู้คนจำนวน 1,500 คน ที่ได้รับโทษจากการปิดล้อมอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

    จากนั้นในเวลาประมาณ 19.50 น. บลูมเบิร์กรายงานว่า ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องภาษีศุลกากรว่า “เราคิดอัตราภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะอยู่ที่ 25% ผมคิดว่าเราจะดำเนินการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์”

    ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กล่าวถึงจีนว่า จะประชุมและโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน

    นอกจากนั้น ทรัมป์กล่าวว่าประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต้องใช้จ่ายงบประมาณ 5% ของจีดีพี สำหรับการป้องกันประเทศ

    ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ทำเนียบขาว (The White House) หรือสำนักงานประธานาธิบดีสหหรัฐ พบว่า ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบต่อต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น

    -ถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยุติรายจ่ายที่เป็นภาระและไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการเจรจาข้อตกลงว่าด้วยโรคระบาด (Pandemic Agreement) และการแปรญัตติกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations)

    -ประกาศใช้นโยบายการค้าที่ให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก (America First Trade Policy) หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องกำหนดนโยบายการค้าที่ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ แก้ไขการค้าที่ไม่เป็นธรรมและไม่สมดุล โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม อย่างเช่น ภาษีศุลกากร

    -ปรับโครงสร้างโครงการรับผู้ลี้ภัยของสหรัฐ (USRAP) ใหม่ และระงับการรับผู้ลี้ภัยผ่าน USRAP จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของผู้ลี้ภัยจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ

    -ยกเลิกการให้สถานะพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด เด็กที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแต่เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน จะไม่ได้สถานะพลเมืองโดยกำเนิดอีกต่อไป

    -เพิ่มการรักษาความปลอดภัยชายแดน โดยสร้างกำแพงและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่และการใช้เทคโนโลยี เพื่อขัดขวางและป้องกันการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และดำเนินการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยมีกระบวนการคุมขังระหว่างรอส่งตัวออกจากประเทศ

    -ลดการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ โดยจะหยุดให้ความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐ 90 วันเพื่อประเมินประสิทธิภาพโครงการและความสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐว่าควรได้รับการช่วยเหลือต่อไปหรือไม่

    ​ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งไบเดนแล้ว 78 ฉบับ เผยเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าแคนาดา-เม็กซิโก 1 กุมภาพันธ์นี้ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหววันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 ว่า ทรัมป์ยังดำเนินแผนการอันทะเยอทะยานของเขาต่อไป โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก บลูมเบิร์กระบุว่า ณ เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ (ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นเป็นการเพิกถอนคำสั่งหรือแผนริเริ่มต่าง ๆ ในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ถึง 78 ฉบับ ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่สนามกีฬาแคปิตอลวัน (Capital One Arena) บรรดาคำสั่งที่ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งของไบเดนนั้น รวมถึงการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement), คำสั่งให้ทุกกระทรวงจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ, การดำเนินการเรียกพนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงาน และคำสั่งคืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันไม่ให้รัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูดในอนาคต ต่อจากนั้นทรัมป์ย้ายไปที่ห้องทำงานรูปไข่ (The Oval Office) ในทำเนียบขาว แล้วลงนามคำสั่งต่อไป ซึ่งคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกที่ทรัมป์ลงนามในห้องทำงานรูปไข่ คือการอภัยโทษให้กับผู้คนจำนวน 1,500 คน ที่ได้รับโทษจากการปิดล้อมอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 จากนั้นในเวลาประมาณ 19.50 น. บลูมเบิร์กรายงานว่า ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องภาษีศุลกากรว่า “เราคิดอัตราภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะอยู่ที่ 25% ผมคิดว่าเราจะดำเนินการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์” ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กล่าวถึงจีนว่า จะประชุมและโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน นอกจากนั้น ทรัมป์กล่าวว่าประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต้องใช้จ่ายงบประมาณ 5% ของจีดีพี สำหรับการป้องกันประเทศ ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ทำเนียบขาว (The White House) หรือสำนักงานประธานาธิบดีสหหรัฐ พบว่า ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบต่อต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น -ถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยุติรายจ่ายที่เป็นภาระและไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการเจรจาข้อตกลงว่าด้วยโรคระบาด (Pandemic Agreement) และการแปรญัตติกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations) -ประกาศใช้นโยบายการค้าที่ให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก (America First Trade Policy) หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องกำหนดนโยบายการค้าที่ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ แก้ไขการค้าที่ไม่เป็นธรรมและไม่สมดุล โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม อย่างเช่น ภาษีศุลกากร -ปรับโครงสร้างโครงการรับผู้ลี้ภัยของสหรัฐ (USRAP) ใหม่ และระงับการรับผู้ลี้ภัยผ่าน USRAP จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของผู้ลี้ภัยจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ -ยกเลิกการให้สถานะพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด เด็กที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแต่เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน จะไม่ได้สถานะพลเมืองโดยกำเนิดอีกต่อไป -เพิ่มการรักษาความปลอดภัยชายแดน โดยสร้างกำแพงและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่และการใช้เทคโนโลยี เพื่อขัดขวางและป้องกันการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และดำเนินการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยมีกระบวนการคุมขังระหว่างรอส่งตัวออกจากประเทศ -ลดการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ โดยจะหยุดให้ความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐ 90 วันเพื่อประเมินประสิทธิภาพโครงการและความสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐว่าควรได้รับการช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ ​ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ ลงนามนิรโทษกรรมแก่บุคคล 1,500 ราย ที่ก่อเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ในระหว่างพยายามขัดขวางสมาชิกสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาพ่ายแพ้แก่ โจ ไบเดน อดีตผู้นำที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง
    ทรัมป์ ลงนามนิรโทษกรรมแก่บุคคล 1,500 ราย ที่ก่อเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ในระหว่างพยายามขัดขวางสมาชิกสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาพ่ายแพ้แก่ โจ ไบเดน อดีตผู้นำที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • * สัปดาห์นี้ ธนาคารกลาง 4 แห่งการเงินประชุม

    Bank of Japan (BoJ): ประชุม 23-24 มค. คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย

    Federal Reserve (Fed): ธ.กลางสหรัฐ ประชุม 28-29 คาดคงดอกเบี้ย

    European Central Bank (ECB): ประชุม 30 มค. คาดลดดอกเบี้ย

    Bank of Canada (BoC): ธ.กลางแคนาดา ประชุม 29 มค. คาดลดดอกเบี้ย
    .........................
    วานนี้ทรัมป์เข้าสาบานตนรับตำแหน่ง เบื้องต้นยังไม่การออก executive orders ที่เกี่ยวกับมาตรการภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง (กระทบราคาทองคำไม่ดึดตัว เงินไหลเข้าตลาดเงิน ตลาดทุน)

    - งดเพิ่มจำนวนข้าราชการ ยกเว้นด้านความมั่นคง (ทหาร)
    - งด work from home ของข้าราชการ
    - ถอนตัวจาก Paris Climate Treaty
    - ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า เม็กซิโก แคนาดา สูงสุดแตะ 50% ส่วนจีนรอดูดีล tiktok ถ้าล้มอาจจะมีมาตรการภาษีออกมา (คาดเดาจากนวค.ว่า ทรัมป์ที่โทรหาสี จิ้นผิง อาจจะมีบางดีลที่รออยู่)
    * Tiktok ถูกแบนในสหรัฐ แต่ทรัมป์ยืดเวลาให้ใช้ต่อได้ 75 วัน แต่ต่อรองให้ tiktok ขายหุ้น 50% ให้สหรัฐ แต่ยังไม่ระบุว่าให้ขายให้ใคร ระบุเป็น Joint Venture
    - ยกเลิกคำสั่งและเมมโมฯขอไบเดน 78 ฉบับ (ในนั้นรวม LGBTQ)
    - เพิกถอนคำสั่งไบเดนที่ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ EB 50% ภายในปี 2030
    - ประกาศภาวะฉุกเฉินชายแดนตอนใต้ เนรเทศผู้เข้าเมืองไม่ถูกกฏหมาย
    - นิรโทษกรรมผู้ต้องหา 1500 คนที่บุกรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อน (ตอนทรัมป์แพ้เลือกตั้งให้ไบเดน)
    - ขุดเจาะน้ำมันดิบ กระทบราคาน้ำมันดิบจากคาดการณ์ซัพพลายในตลาดจะเพิ่ม
    - ถอนตัวจาก WHO
    - กดดัน EU ต้องการลดระดับการขาดดุลการค้า ขู่ใช้มาตรการภาษี หรือ EU ต้องนำเข้าน้ำมันและแก๊สจากสหรัฐ
    - สหรัฐจะไปปักธงที่ดาวอังคาร

    DXY ดัชนีดอลลาร์ คาดค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะสั้นจาก
    1. จำนวนการเปิดสัญญา "Long" ค่าเงินดอลลาร์สูงสุดนับจากปี 2019
    2. ประเด็นกำแพงภาษีน่าจะไม่แรงเหมือนตอนหาเสียง
    3. การกระตุ้นผ่านมาตรการการคลังไม่น่าจะสูงเหมือนตอนที่หาเสียง

    ............................................
    จีน ราคาบ้านน่าจะเจอจุดต่ำสุดแล้ว ราคาบ้านเริ่มกระตุก จำนวนธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาฯ ในเมืองใหญ่เริ่มเพิ่มขึ้น
    ................................
    ทอง โทนเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีทรัมป์ไม่แรงอย่างที่หาเสียง ไม่กดดัน เฟดอาจจะดำเนินนโยบายการเงินได้ตามภาวะตลาดไม่ผันผวน + มุมมองดอลลาร์อ่อนค่า เทคนิคที่เบรคกรอบสามเหลี่ยม
    #เศรษฐกิจ
    * สัปดาห์นี้ ธนาคารกลาง 4 แห่งการเงินประชุม Bank of Japan (BoJ): ประชุม 23-24 มค. คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย Federal Reserve (Fed): ธ.กลางสหรัฐ ประชุม 28-29 คาดคงดอกเบี้ย European Central Bank (ECB): ประชุม 30 มค. คาดลดดอกเบี้ย Bank of Canada (BoC): ธ.กลางแคนาดา ประชุม 29 มค. คาดลดดอกเบี้ย ......................... วานนี้ทรัมป์เข้าสาบานตนรับตำแหน่ง เบื้องต้นยังไม่การออก executive orders ที่เกี่ยวกับมาตรการภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง (กระทบราคาทองคำไม่ดึดตัว เงินไหลเข้าตลาดเงิน ตลาดทุน) - งดเพิ่มจำนวนข้าราชการ ยกเว้นด้านความมั่นคง (ทหาร) - งด work from home ของข้าราชการ - ถอนตัวจาก Paris Climate Treaty - ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า เม็กซิโก แคนาดา สูงสุดแตะ 50% ส่วนจีนรอดูดีล tiktok ถ้าล้มอาจจะมีมาตรการภาษีออกมา (คาดเดาจากนวค.ว่า ทรัมป์ที่โทรหาสี จิ้นผิง อาจจะมีบางดีลที่รออยู่) * Tiktok ถูกแบนในสหรัฐ แต่ทรัมป์ยืดเวลาให้ใช้ต่อได้ 75 วัน แต่ต่อรองให้ tiktok ขายหุ้น 50% ให้สหรัฐ แต่ยังไม่ระบุว่าให้ขายให้ใคร ระบุเป็น Joint Venture - ยกเลิกคำสั่งและเมมโมฯขอไบเดน 78 ฉบับ (ในนั้นรวม LGBTQ) - เพิกถอนคำสั่งไบเดนที่ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ EB 50% ภายในปี 2030 - ประกาศภาวะฉุกเฉินชายแดนตอนใต้ เนรเทศผู้เข้าเมืองไม่ถูกกฏหมาย - นิรโทษกรรมผู้ต้องหา 1500 คนที่บุกรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อน (ตอนทรัมป์แพ้เลือกตั้งให้ไบเดน) - ขุดเจาะน้ำมันดิบ กระทบราคาน้ำมันดิบจากคาดการณ์ซัพพลายในตลาดจะเพิ่ม - ถอนตัวจาก WHO - กดดัน EU ต้องการลดระดับการขาดดุลการค้า ขู่ใช้มาตรการภาษี หรือ EU ต้องนำเข้าน้ำมันและแก๊สจากสหรัฐ - สหรัฐจะไปปักธงที่ดาวอังคาร DXY ดัชนีดอลลาร์ คาดค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะสั้นจาก 1. จำนวนการเปิดสัญญา "Long" ค่าเงินดอลลาร์สูงสุดนับจากปี 2019 2. ประเด็นกำแพงภาษีน่าจะไม่แรงเหมือนตอนหาเสียง 3. การกระตุ้นผ่านมาตรการการคลังไม่น่าจะสูงเหมือนตอนที่หาเสียง ............................................ จีน ราคาบ้านน่าจะเจอจุดต่ำสุดแล้ว ราคาบ้านเริ่มกระตุก จำนวนธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาฯ ในเมืองใหญ่เริ่มเพิ่มขึ้น ................................ ทอง โทนเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีทรัมป์ไม่แรงอย่างที่หาเสียง ไม่กดดัน เฟดอาจจะดำเนินนโยบายการเงินได้ตามภาวะตลาดไม่ผันผวน + มุมมองดอลลาร์อ่อนค่า เทคนิคที่เบรคกรอบสามเหลี่ยม #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา"
    .
    ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด
    .
    ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
    .
    นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว"
    .
    ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร
    .
    มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน
    .
    ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน
    .
    ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา
    .
    อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่
    .
    อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม
    .
    กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์
    .
    หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา
    .
    ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
    .
    นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์
    .
    ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก"
    .
    มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893
    .
    สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์
    .
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา" . ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด . ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" . นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว" . ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร . มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน . ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน . ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา . อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่ . อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม . กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ . หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา . ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง . นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ . ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก" . มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893 . สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ . เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232 .............. Sondhi X
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 835 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ป๋าตั๊ม ให้ #อภัยโทษ #ผู้ต้องขังคดี
    #บุกทำเนียบรัฐสภา ประท้วงพ่ายแพ้
    #เลือกต้ม 4 ปีก่อน

    BREAKING: Trump pardons approximately 1,500 defendants charged in January 6, 2021 Capitol riot and commutes 6 sentences.
    #ป๋าตั๊ม ให้ #อภัยโทษ #ผู้ต้องขังคดี #บุกทำเนียบรัฐสภา ประท้วงพ่ายแพ้ #เลือกต้ม 4 ปีก่อน BREAKING: Trump pardons approximately 1,500 defendants charged in January 6, 2021 Capitol riot and commutes 6 sentences.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นผู้นำคนที่ 47 ในวันรำลึกสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (MLK) ฟุ้งจะทำให้อเมริกากลับมามั่งคั่งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ เดินหน้าขุดหาน้ำมัน เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก ยืนยันยึดคลองปานามาแน่ ยุติยุค LGBTQ รุ่งเรือง ท่ามกลางเสียงปรบมือ กลุ่ม Proud Boys ต้นเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯวันที่ 6 ม.ค 2021 ร่วมฉลองเดินมาร์ชบนถนนกลางกรุง ดีซีวันจันทร์(20 ม.ค)
    .
    เอพีรายงานวันจันทร์(20 ม.ค) ว่า สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 ในวันจันทร์(20)หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งโดยมีประธานศาลสูงสุดสหรัฐฯ จอห์น โรเบิร์ต เป็นผู้ทำพิธี หลังจากก่อนหน้า เจดี. แวนซ์ เข้าพิธีสาบานตนในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯที่ทรัมป์ตั้ง เบรตต์ คาวานอห์ ( Brett Kavanaug)เป็นผู้ทำพิธี
    .
    เอพีรายงานว่า มีเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 ลำจอดอยู่ที่ด้านนอกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเพื่อนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ จิล ไบเดนกลับไปหลังพิธีสาบานตนเสร็จสิ้น
    .
    ภาพกลุ่มไวท์ซูพรีมาซิสต์ Proud Boys ผู้สนับสนุนทรัมป์เดินมาร์ชบนถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมโชว์ป้ายต่อต้านกลุ่มต้านฟาร์สซิสต์ระหว่างทรัมป์กำลังเตรียมสาบานตน
    .
    เอพีรายงานว่า สุนทรพจน์ประธานาธิบดีทรัมป์สมัย 2 มีเนื้อหาไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดหาเสียงบนเวที เขาประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ติดเม็กซิโกโดยยังคงอ้างอย่างผิดพลาดว่า พวกผู้อพยพเข้าสหรัฐฯผิดกฎหมายนี้ออกมาจากคุกและสถานบำบัดทางจิต
    .
    ทรัมป์ยังประกาศยุติ กฎเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    เนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้นำคนที่ 47 ยังกล่าวว่า “ ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มต้นแล้วในเวลานี้” และสิ่งที่หวือหวาและเป็นที่จับตาไปทั่วเมื่อทรัมป์ประกาศภารกิจที่จะนำธงชาติสหรัฐฯไปปักบนดาวอังคารและทำให้มหาเศรษฐีพันล้านอเมริกัน อีลอน มัสก์ ชูมือขึ้นในอากาศอย่างตื่นเต้นทันที
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า และเหมือนกับบนเวทีหาเสียง เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศผ่านสุนทรพจน์รับตำแหน่งในการนำ “คลองปานามา” กลับมาสู่อ้อมอกอเมริกาอีกครั้ง พร้อมกับอ้างว่า “จีน”กำลังควบคุมคลองปานามา
    .
    “พวกเราไม่ได้มอบมันให้กับจีน พวกเราให้แก่ปานามา และพวกเราจะนำมันกลับมา” ทรัมป์กล่าว
    .
    ขณะที่เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่าในสุนทรพจน์ ทรัมป์ย้ำว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิลเลียม แม็คคินลีย์ (William McKinley) ระหว่างปี 1897 – ปี 1901 ทำให้ประเทศร่ำรวยจากการเก็บภาษีและได้มอบเงินต่อให้ประธานาธิบดี ทีโอดอร์ โรเซอเวลต์ รวมถึงคลองปานามา
    .
    ทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯใช้เงินมหาศาลสำหรับการขุดคลองปานามารวมถึงชีวิตที่ต้องเสียไปอีก38,000 คน
    .
    อ้างอิงตามประวัติพบแม็คคินลีย์ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 6 ก.ย ปี 1901 และเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลาต่อมา เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผนวกฮาวายเข้าเป็นหนึ่งในมลรัฐของสหรัฐฯเมื่อปี 1989
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯรายงานว่า ทรัมป์ใช้สุนทรพจน์รับตำแหน่งโจมตีรัฐบาลของไบเดนและการจัดการอย่างผิดพลาดต่อวิกฤตผู้อพยพเข้าอเมริกา โดยกล่าวว่า ประเทศเกิดวิกฤตในความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ไบเดนหัวเราะกับตัวเองไม่กี่ครั้งระหว่างนั่งฟังสุนทรพจน์โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์ประกาศจะออกคำสั่งบริหารเพื่อนำ 'สามัญสำนึก' หรือ common sense กลับคืนมา
    .
    ส่วนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ถึงขั้นส่ายหัวไปมาระหว่างที่ทั้งเธอและสามีอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน คุยกระซิบข้างหูและหัวเราะเมื่อทรัมป์ปฎิญาณจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น “อ่าวอเมริกา”
    .
    บีบีซีชี้ว่า ทรัมป์ประกาศก้องว่า “ขุด ที่รัก ขุด” (Drill baby drill) ท่ามกลางเสียงปรบมือ เขาประกาศที่จะทำให้อเมริกากลับมาเป็นชาติอุตสาหกรรมอีกครั้ง พร้อมชี้ว่าประเทศสหรัฐฯถือเป็นชาติที่มีทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมากที่สุดในโลก “และพวกเรากำลังจะใช้มัน”
    .
    และในช่วงท้ายของสุนทรพจน์เขากล่าวว่า อนาคตเป็นของพวกเรา ยุคทองกำลังจะเริ่มขึ้น พร้อมกันยังรับรู้ถึงชัยชนะแลนด์สไลด์ของตัวเองโดยกล่าวว่า” อเมริกันชนได้ส่งเสียงออกมาแล้ว”
    .
    “ผมยืนอยู่ตรงหน้าพวกคุณเป็นหลักฐานว่าคุณไม่ควรจะเชื่อว่ามีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ ในอเมริกาแล้ว การทำสิ่งที่ไม่เป็นไปไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด”
    .
    เขากล่าวว่า อเมริกาจะไม่ถูกครอบครองหรือคุกคาม “พวกเราจะไม่ล้มเหลว นับจากวันนี้สหรัฐอเมริกาจะเป็นอิสระ มีอธิปไตย และเป็นชาติที่เป็นเอกราช”
    .
    เขาเสริมต่อว่า สหรัฐฯภายใต้เขาจะปราศจากสีหรือเพศโดยชี้ว่า ที่ผ่านมาทั้งในด้านสาธารณะหรือส่วนตัวมีสิ่งเหล่านี้นโยบาย DEI (Diversity, equity, and inclusion) ความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศเพื่อเข้าแทรกแซงมากเกินไปและยืนยันว่า อเมริกามีแค่ 2 เพศเท่านั้น เพศชาย และ เพศหญิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006231
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นผู้นำคนที่ 47 ในวันรำลึกสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (MLK) ฟุ้งจะทำให้อเมริกากลับมามั่งคั่งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ เดินหน้าขุดหาน้ำมัน เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก ยืนยันยึดคลองปานามาแน่ ยุติยุค LGBTQ รุ่งเรือง ท่ามกลางเสียงปรบมือ กลุ่ม Proud Boys ต้นเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯวันที่ 6 ม.ค 2021 ร่วมฉลองเดินมาร์ชบนถนนกลางกรุง ดีซีวันจันทร์(20 ม.ค) . เอพีรายงานวันจันทร์(20 ม.ค) ว่า สหรัฐฯได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 ในวันจันทร์(20)หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งโดยมีประธานศาลสูงสุดสหรัฐฯ จอห์น โรเบิร์ต เป็นผู้ทำพิธี หลังจากก่อนหน้า เจดี. แวนซ์ เข้าพิธีสาบานตนในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯที่ทรัมป์ตั้ง เบรตต์ คาวานอห์ ( Brett Kavanaug)เป็นผู้ทำพิธี . เอพีรายงานว่า มีเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 ลำจอดอยู่ที่ด้านนอกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเพื่อนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ จิล ไบเดนกลับไปหลังพิธีสาบานตนเสร็จสิ้น . ภาพกลุ่มไวท์ซูพรีมาซิสต์ Proud Boys ผู้สนับสนุนทรัมป์เดินมาร์ชบนถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมโชว์ป้ายต่อต้านกลุ่มต้านฟาร์สซิสต์ระหว่างทรัมป์กำลังเตรียมสาบานตน . เอพีรายงานว่า สุนทรพจน์ประธานาธิบดีทรัมป์สมัย 2 มีเนื้อหาไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดหาเสียงบนเวที เขาประกาศภาวะฉุกเฉินพรมแดนใต้ติดเม็กซิโกโดยยังคงอ้างอย่างผิดพลาดว่า พวกผู้อพยพเข้าสหรัฐฯผิดกฎหมายนี้ออกมาจากคุกและสถานบำบัดทางจิต . ทรัมป์ยังประกาศยุติ กฎเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า . เนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้นำคนที่ 47 ยังกล่าวว่า “ ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มต้นแล้วในเวลานี้” และสิ่งที่หวือหวาและเป็นที่จับตาไปทั่วเมื่อทรัมป์ประกาศภารกิจที่จะนำธงชาติสหรัฐฯไปปักบนดาวอังคารและทำให้มหาเศรษฐีพันล้านอเมริกัน อีลอน มัสก์ ชูมือขึ้นในอากาศอย่างตื่นเต้นทันที . บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า และเหมือนกับบนเวทีหาเสียง เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศผ่านสุนทรพจน์รับตำแหน่งในการนำ “คลองปานามา” กลับมาสู่อ้อมอกอเมริกาอีกครั้ง พร้อมกับอ้างว่า “จีน”กำลังควบคุมคลองปานามา . “พวกเราไม่ได้มอบมันให้กับจีน พวกเราให้แก่ปานามา และพวกเราจะนำมันกลับมา” ทรัมป์กล่าว . ขณะที่เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่าในสุนทรพจน์ ทรัมป์ย้ำว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิลเลียม แม็คคินลีย์ (William McKinley) ระหว่างปี 1897 – ปี 1901 ทำให้ประเทศร่ำรวยจากการเก็บภาษีและได้มอบเงินต่อให้ประธานาธิบดี ทีโอดอร์ โรเซอเวลต์ รวมถึงคลองปานามา . ทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯใช้เงินมหาศาลสำหรับการขุดคลองปานามารวมถึงชีวิตที่ต้องเสียไปอีก38,000 คน . อ้างอิงตามประวัติพบแม็คคินลีย์ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 6 ก.ย ปี 1901 และเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลาต่อมา เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผนวกฮาวายเข้าเป็นหนึ่งในมลรัฐของสหรัฐฯเมื่อปี 1989 . โพลิติโกของสหรัฐฯรายงานว่า ทรัมป์ใช้สุนทรพจน์รับตำแหน่งโจมตีรัฐบาลของไบเดนและการจัดการอย่างผิดพลาดต่อวิกฤตผู้อพยพเข้าอเมริกา โดยกล่าวว่า ประเทศเกิดวิกฤตในความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล . โพลิติโกรายงานว่า ไบเดนหัวเราะกับตัวเองไม่กี่ครั้งระหว่างนั่งฟังสุนทรพจน์โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์ประกาศจะออกคำสั่งบริหารเพื่อนำ 'สามัญสำนึก' หรือ common sense กลับคืนมา . ส่วนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ถึงขั้นส่ายหัวไปมาระหว่างที่ทั้งเธอและสามีอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน คุยกระซิบข้างหูและหัวเราะเมื่อทรัมป์ปฎิญาณจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น “อ่าวอเมริกา” . บีบีซีชี้ว่า ทรัมป์ประกาศก้องว่า “ขุด ที่รัก ขุด” (Drill baby drill) ท่ามกลางเสียงปรบมือ เขาประกาศที่จะทำให้อเมริกากลับมาเป็นชาติอุตสาหกรรมอีกครั้ง พร้อมชี้ว่าประเทศสหรัฐฯถือเป็นชาติที่มีทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมากที่สุดในโลก “และพวกเรากำลังจะใช้มัน” . และในช่วงท้ายของสุนทรพจน์เขากล่าวว่า อนาคตเป็นของพวกเรา ยุคทองกำลังจะเริ่มขึ้น พร้อมกันยังรับรู้ถึงชัยชนะแลนด์สไลด์ของตัวเองโดยกล่าวว่า” อเมริกันชนได้ส่งเสียงออกมาแล้ว” . “ผมยืนอยู่ตรงหน้าพวกคุณเป็นหลักฐานว่าคุณไม่ควรจะเชื่อว่ามีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ ในอเมริกาแล้ว การทำสิ่งที่ไม่เป็นไปไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด” . เขากล่าวว่า อเมริกาจะไม่ถูกครอบครองหรือคุกคาม “พวกเราจะไม่ล้มเหลว นับจากวันนี้สหรัฐอเมริกาจะเป็นอิสระ มีอธิปไตย และเป็นชาติที่เป็นเอกราช” . เขาเสริมต่อว่า สหรัฐฯภายใต้เขาจะปราศจากสีหรือเพศโดยชี้ว่า ที่ผ่านมาทั้งในด้านสาธารณะหรือส่วนตัวมีสิ่งเหล่านี้นโยบาย DEI (Diversity, equity, and inclusion) ความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศเพื่อเข้าแทรกแซงมากเกินไปและยืนยันว่า อเมริกามีแค่ 2 เพศเท่านั้น เพศชาย และ เพศหญิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006231 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 805 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เตรียมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ให้สัญญาปิดฉากความตกต่ำนาน 4 ปีและนำอเมริกาสู่ยุคทอง ลั่นพร้อมเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองนับล้าน และการปรับบทบาทใหม่ของอเมริกาในเวทีโลก
    .
    การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการกลับมาอย่างผู้ชนะเต็มตัวของ “ดิสรัปเตอร์ทางการเมือง” ที่รอดจากการถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อถอดถอนถึงสองครั้ง รวมถึงการถูกศาลตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงหนึ่งครั้ง นอกจากนั้นยังเผชิญความพยายามในการลอบสังหารสองครั้ง และการถูกฟ้องร้องจากความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
    .
    ทรัมป์ วัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แทนที่ โจ ไบเดน ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอายุมากที่สุดขณะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์อเมริกัน ถัดจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (ปี 1885-1889 และปี1893-1897) ที่ดำรงตำแหน่งสองวาระแบบไม่ต่อเนื่อง
    .
    พิธีสาบานตนกำหนดเริ่มต้นขึ้นเวลา 12.00 น. วันจันทร์ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา เที่ยงคืน คืนวันจันทร์ ตามเวลาเมืองไทย) ภายในอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่มีการจัดพิธีภายในอาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากพยากรณ์อากาศระบุว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็นจัด
    .
    ก่อนหน้าที่พิธีจะเริ่มต้นหนึ่งวัน ทรัมป์ได้ไปกล่าวปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนที่อัดแน่นในสนามกีฬาแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน โดยให้สัญญาว่า จะปิดฉากความตกต่ำที่ดำเนินมานาน 4 ปี ซึ่งก็คือหมายถึงสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน และเริ่มต้นอเมริกายุคใหม่ที่เข้มแข็งและมั่งคั่ง รวมทั้งเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ใช้เวลาจำนวนมากในการปราศรัยนานหนึ่งชั่วโมงคราวนี้โฟกัสที่ปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของอเมริกาผู้นี้ ประกาศว่า จะหยุดยั้งการบุกรุกข้ามแดนและจัดการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทันที
    .
    ทรัมป์สัญญาว่า จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโก ยกเลิกนโยบาย “การตื่นรู้” ที่รวมถึง “ความบ้าคลั่งของการยอมรับคนข้ามเพศ” ในโรงเรียน ทั้งนี้รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เขาจะเซ็นประกาศใช้อำนาจฝ่ายบริหารถึงราว 200 ฉบับ
    .
    เขายังย้ำคำสัญญาในการเผยแพร่ไฟล์ข้อมูลการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และน้องชาย บ็อบบี้ เคนเนดี้ รวมทั้งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง
    .
    ทรัมป์สำทับว่า จะอภัยโทษผู้ต้องหาจำนวนมาก จากกว่า 1,500 คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน
    .
    สำหรับทางด้านไบเดนเดินทางไปรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา และกล่าวเรียกร้องให้คนอเมริกันเชื่อมั่นว่า วันที่ดีกว่านี้กำลังจะมาถึง พร้อมให้สัญญา “จะไม่ไปไหน” โดยไบเดนมีกำหนดกลับไปกรุงวอชิงตันเพื่อร่วมพิธีส่งมอบตำแหน่งให้ทรัมป์ที่เขาเคยตราหน้าว่า เป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย อีกทั้งยังถือเป็นการ “ตบหน้า” ทรัมป์กลายๆ เนื่องจาก ทรัมป์นั้นไม่ยอมรับเลยว่าพ่ายแพ้แก่ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 และไม่ยอมร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนในเดือนมกราคม 2021
    .
    ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเสียอีก ทรัมป์ก็แสดงบทบาทเข้าสู่กรณีระดับโลก หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ยกความดีความชอบว่า “ความชัดเจน” ของทรัมป์ทำให้ติ๊กต็อกกลับมาให้บริการอีกครั้งในอเมริกา หลังขึ้นจอดำนานหลายชั่วโมง
    .
    วันเดียวกันนั้น ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอล 3 คนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาที่ทีมงานของทรัมป์มีส่วนร่วมผลักดันโดยทำงานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของไบเดน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกต่างมองการกลับมาของทรัมป์ ว่าจะต้องเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ โดยที่ทรัมป์ประกาศเอาไว้แล้วว่าเตรียมเขย่าระเบียบโลกอีกคำรบหนึ่ง ด้วยการให้สัญญาเก็บภาษีศุลกากรแบบเหวี่ยงแหจากทั้งประเทศอริอย่างเช่นจีน และประเทศที่เป็นมิตรอย่างแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนั้นเขายังข่มขู่เข้ายึดคลองปานานา กดดันให้แคนาดายอมถูกผนวกเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และบีบคั้นให้เดนมาร์กยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่สหรัฐฯ ตลอดจนตั้งข้อสงสัยในการให้ความช่วยเหลือยูเครนของอเมริกา โดยที่มีแผนจะทำให้เกิดสันติภาพขึ้นอย่างรวดเร็ว และบีบให้ยูเครนยอมสละดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006227
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์เตรียมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ให้สัญญาปิดฉากความตกต่ำนาน 4 ปีและนำอเมริกาสู่ยุคทอง ลั่นพร้อมเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองนับล้าน และการปรับบทบาทใหม่ของอเมริกาในเวทีโลก . การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการกลับมาอย่างผู้ชนะเต็มตัวของ “ดิสรัปเตอร์ทางการเมือง” ที่รอดจากการถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อถอดถอนถึงสองครั้ง รวมถึงการถูกศาลตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงหนึ่งครั้ง นอกจากนั้นยังเผชิญความพยายามในการลอบสังหารสองครั้ง และการถูกฟ้องร้องจากความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ . ทรัมป์ วัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แทนที่ โจ ไบเดน ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอายุมากที่สุดขณะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์อเมริกัน ถัดจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (ปี 1885-1889 และปี1893-1897) ที่ดำรงตำแหน่งสองวาระแบบไม่ต่อเนื่อง . พิธีสาบานตนกำหนดเริ่มต้นขึ้นเวลา 12.00 น. วันจันทร์ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา เที่ยงคืน คืนวันจันทร์ ตามเวลาเมืองไทย) ภายในอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่มีการจัดพิธีภายในอาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากพยากรณ์อากาศระบุว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็นจัด . ก่อนหน้าที่พิธีจะเริ่มต้นหนึ่งวัน ทรัมป์ได้ไปกล่าวปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนที่อัดแน่นในสนามกีฬาแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน โดยให้สัญญาว่า จะปิดฉากความตกต่ำที่ดำเนินมานาน 4 ปี ซึ่งก็คือหมายถึงสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน และเริ่มต้นอเมริกายุคใหม่ที่เข้มแข็งและมั่งคั่ง รวมทั้งเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ใช้เวลาจำนวนมากในการปราศรัยนานหนึ่งชั่วโมงคราวนี้โฟกัสที่ปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของอเมริกาผู้นี้ ประกาศว่า จะหยุดยั้งการบุกรุกข้ามแดนและจัดการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทันที . ทรัมป์สัญญาว่า จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโก ยกเลิกนโยบาย “การตื่นรู้” ที่รวมถึง “ความบ้าคลั่งของการยอมรับคนข้ามเพศ” ในโรงเรียน ทั้งนี้รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เขาจะเซ็นประกาศใช้อำนาจฝ่ายบริหารถึงราว 200 ฉบับ . เขายังย้ำคำสัญญาในการเผยแพร่ไฟล์ข้อมูลการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และน้องชาย บ็อบบี้ เคนเนดี้ รวมทั้งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง . ทรัมป์สำทับว่า จะอภัยโทษผู้ต้องหาจำนวนมาก จากกว่า 1,500 คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน . สำหรับทางด้านไบเดนเดินทางไปรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา และกล่าวเรียกร้องให้คนอเมริกันเชื่อมั่นว่า วันที่ดีกว่านี้กำลังจะมาถึง พร้อมให้สัญญา “จะไม่ไปไหน” โดยไบเดนมีกำหนดกลับไปกรุงวอชิงตันเพื่อร่วมพิธีส่งมอบตำแหน่งให้ทรัมป์ที่เขาเคยตราหน้าว่า เป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย อีกทั้งยังถือเป็นการ “ตบหน้า” ทรัมป์กลายๆ เนื่องจาก ทรัมป์นั้นไม่ยอมรับเลยว่าพ่ายแพ้แก่ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 และไม่ยอมร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนในเดือนมกราคม 2021 . ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเสียอีก ทรัมป์ก็แสดงบทบาทเข้าสู่กรณีระดับโลก หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ยกความดีความชอบว่า “ความชัดเจน” ของทรัมป์ทำให้ติ๊กต็อกกลับมาให้บริการอีกครั้งในอเมริกา หลังขึ้นจอดำนานหลายชั่วโมง . วันเดียวกันนั้น ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอล 3 คนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาที่ทีมงานของทรัมป์มีส่วนร่วมผลักดันโดยทำงานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของไบเดน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกต่างมองการกลับมาของทรัมป์ ว่าจะต้องเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ โดยที่ทรัมป์ประกาศเอาไว้แล้วว่าเตรียมเขย่าระเบียบโลกอีกคำรบหนึ่ง ด้วยการให้สัญญาเก็บภาษีศุลกากรแบบเหวี่ยงแหจากทั้งประเทศอริอย่างเช่นจีน และประเทศที่เป็นมิตรอย่างแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนั้นเขายังข่มขู่เข้ายึดคลองปานานา กดดันให้แคนาดายอมถูกผนวกเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และบีบคั้นให้เดนมาร์กยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่สหรัฐฯ ตลอดจนตั้งข้อสงสัยในการให้ความช่วยเหลือยูเครนของอเมริกา โดยที่มีแผนจะทำให้เกิดสันติภาพขึ้นอย่างรวดเร็ว และบีบให้ยูเครนยอมสละดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006227 .............. Sondhi X
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนแถวคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ กำลังเดินเข้าภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    ขบวนแถวคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ กำลังเดินเข้าภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว
    .
    วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง
    .
    หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์
    .
    ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ
    .
    ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม
    .
    ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ
    .
    หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก
    .
    ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ
    .
    ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน
    .
    ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล
    .
    ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์
    .
    นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825
    ..............
    Sondhi X
    ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว . วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง . หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ . ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ . ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม . ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม . เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ . หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก . ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ . ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน . ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล . ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น . ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง . ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์ . นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 877 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่นอะไรกัน!?!
    ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล

    หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา

    กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที

    ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้


    และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง:

    “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน”

    "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น

    จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น:

    TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้

    เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    เล่นอะไรกัน!?! ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้ และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง: “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน” "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น: TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้ เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตความมั่นคงสหรัฐฯ! DJI ปลดล็อกโดรน 6 แสนลำ บินเสรีเหนือทำเนียบขาว-รัฐสภา หลังถูกกดดันแบนสินค้า

    ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ พุ่งสูงสุด หลัง DJI ผู้ผลิตโดรนยักษ์ใหญ่จากจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลก 90% ประกาศยกเลิกระบบกำหนดเขตห้ามบิน มีผล 13 มกราคม 2568

    ส่งผลให้โดรนกว่า 600,000 ลำสามารถบินเหนือพื้นที่หวงห้ามได้อย่างเสรี อาทิ ทำเนียบขาว รัฐสภา สนามบิน ฐานทัพ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และสถานที่ราชการสำคัญ

    การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเผชิญแรงกดดันหนักจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 ที่ห้ามกระทรวงกลาโหมซื้อโดรนจีน ตามด้วยการขึ้นบัญชี DJI เป็นบริษัททหารจีนในปี 2564 ล่าสุดถูกกล่าวหาใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิต นำไปสู่การระงับนำเข้า พร้อมกับการผ่านร่าง Countering CCP Drones Act ที่อาจนำไปสู่การแบนสินค้าโดยสิ้นเชิง

    ยิ่งไปกว่านั้น การยกเลิกระบบความปลอดภัยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุโดรน DJI Mini ชนเครื่องบินดับเพลิงที่ลอสแองเจลิส และในช่วงเวลาสำคัญก่อนพิธีสาบานตนประธานาธิบดี ด้าน DJI แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาว่าไร้มูลความจริงและสะท้อนอคติต่อชาวต่างชาติ


    https://www.imctnews.com/news_details-news-6184.html
    วิกฤตความมั่นคงสหรัฐฯ! DJI ปลดล็อกโดรน 6 แสนลำ บินเสรีเหนือทำเนียบขาว-รัฐสภา หลังถูกกดดันแบนสินค้า ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ พุ่งสูงสุด หลัง DJI ผู้ผลิตโดรนยักษ์ใหญ่จากจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลก 90% ประกาศยกเลิกระบบกำหนดเขตห้ามบิน มีผล 13 มกราคม 2568 ส่งผลให้โดรนกว่า 600,000 ลำสามารถบินเหนือพื้นที่หวงห้ามได้อย่างเสรี อาทิ ทำเนียบขาว รัฐสภา สนามบิน ฐานทัพ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และสถานที่ราชการสำคัญ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเผชิญแรงกดดันหนักจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 ที่ห้ามกระทรวงกลาโหมซื้อโดรนจีน ตามด้วยการขึ้นบัญชี DJI เป็นบริษัททหารจีนในปี 2564 ล่าสุดถูกกล่าวหาใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิต นำไปสู่การระงับนำเข้า พร้อมกับการผ่านร่าง Countering CCP Drones Act ที่อาจนำไปสู่การแบนสินค้าโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น การยกเลิกระบบความปลอดภัยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุโดรน DJI Mini ชนเครื่องบินดับเพลิงที่ลอสแองเจลิส และในช่วงเวลาสำคัญก่อนพิธีสาบานตนประธานาธิบดี ด้าน DJI แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาว่าไร้มูลความจริงและสะท้อนอคติต่อชาวต่างชาติ https://www.imctnews.com/news_details-news-6184.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลต.สหรัฐฟ้องอีลอน มัสก์ ข้อหาไม่ยื่นรายงานการทะยอยซื้อหุ้น Twitter เมื่อปี2022

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา

    หมายเลขการฟ้องร้อง 26219 / 14 มกราคม 2025

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กับ อีลอน มัสก์ หมายเลข 1:25-cv-00105 (D.D.C. ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025)

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กล่าวหาว่า อีลอน มัสก์ ละเมิดข้อกำหนดการรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศในวันนี้ว่าได้ยื่นฟ้องอีลอน มัสก์ โดยกล่าวหาว่าเขาไม่ยื่นรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในเวลาที่เหมาะสม หลังจากซื้อหุ้นสามัญของ Twitter, Inc. ที่ยังไม่ได้จำหน่ายมากกว่า 5% ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดการรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 (“พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์”) ตามคำร้องเรียนของ SEC มัสก์ประหยัดเงินได้อย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายของผู้ถือหุ้น Twitter โดยไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ภายในเวลาที่กำหนด

    รัฐสภาได้ตราข้อกำหนดการยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสะสมของหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ โดยบุคคลที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงหรือมีอิทธิพลต่อการควบคุมบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์

    ตามคำร้องเรียนของ SEC หลังจากที่มัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ภายในเวลาที่กำหนดภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 เขาก็ซื้อหุ้นสามัญของ Twitter มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2022 ถึง 1 เมษายน 2022 ตามที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากมัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์กับ SEC ภายในเวลาที่กำหนด เขาจึงสามารถซื้อหุ้นสามัญของ Twitter ในราคาที่ต่ำอย่างเทียมจากสาธารณชนผู้ไม่สงสัย ซึ่งยังไม่ได้กำหนดราคาในข้อมูลสำคัญที่ไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการถือครองผลประโยชน์ของมัสก์ในหุ้นสามัญของ Twitter มากกว่า 5% และวัตถุประสงค์ในการลงทุน ตามคำร้องเรียนของ SEC มัสก์จ่ายเงินต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อหุ้นสามัญของ Twitter ในช่วงเวลาดังกล่าว คำร้องเรียนยังกล่าวหาอีกว่า เนื่องจากมัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ต่อ SEC ทันเวลา นักลงทุนที่ขายหุ้นสามัญของ Twitter ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2022 ถึง 1 เมษายน 2022 จึงขายในราคาที่ต่ำเกินจริง ซึ่งส่งผลให้ได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก

    คำร้องเรียนของ SEC ที่ยื่นต่อศาลแขวงสหรัฐฯ สำหรับเขตโคลัมเบีย กล่าวหาว่ามัสก์ละเมิดมาตรา 13(d) ของพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนและกฎ 13d-1 ภายใต้กฎหมายดังกล่าว มาตรา 13(d) กำหนดมาตรฐานความรับผิดที่เข้มงวด คำร้องเรียนเรียกร้องให้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวอย่างถาวร คืนเงินกำไรที่ได้มาโดยมิชอบพร้อมดอกเบี้ยก่อนคำพิพากษา และค่าปรับทางแพ่ง

    ที่มา  https://www.sec.gov/enforcement-litigation/litigation-releases/lr-26219?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0BdHY3fUuwuxWy4wDeTVveg43XWI9NAWyl9neHlk8GRn8mZMyb4K7yjiQ_aem_lxVkpiutF39vGWNceIE41A
    กลต.สหรัฐฟ้องอีลอน มัสก์ ข้อหาไม่ยื่นรายงานการทะยอยซื้อหุ้น Twitter เมื่อปี2022 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หมายเลขการฟ้องร้อง 26219 / 14 มกราคม 2025 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กับ อีลอน มัสก์ หมายเลข 1:25-cv-00105 (D.D.C. ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กล่าวหาว่า อีลอน มัสก์ ละเมิดข้อกำหนดการรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศในวันนี้ว่าได้ยื่นฟ้องอีลอน มัสก์ โดยกล่าวหาว่าเขาไม่ยื่นรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในเวลาที่เหมาะสม หลังจากซื้อหุ้นสามัญของ Twitter, Inc. ที่ยังไม่ได้จำหน่ายมากกว่า 5% ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดการรายงานการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ภายใต้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 (“พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์”) ตามคำร้องเรียนของ SEC มัสก์ประหยัดเงินได้อย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายของผู้ถือหุ้น Twitter โดยไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ภายในเวลาที่กำหนด รัฐสภาได้ตราข้อกำหนดการยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสะสมของหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ โดยบุคคลที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงหรือมีอิทธิพลต่อการควบคุมบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ตามคำร้องเรียนของ SEC หลังจากที่มัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ภายในเวลาที่กำหนดภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 เขาก็ซื้อหุ้นสามัญของ Twitter มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2022 ถึง 1 เมษายน 2022 ตามที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากมัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์กับ SEC ภายในเวลาที่กำหนด เขาจึงสามารถซื้อหุ้นสามัญของ Twitter ในราคาที่ต่ำอย่างเทียมจากสาธารณชนผู้ไม่สงสัย ซึ่งยังไม่ได้กำหนดราคาในข้อมูลสำคัญที่ไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการถือครองผลประโยชน์ของมัสก์ในหุ้นสามัญของ Twitter มากกว่า 5% และวัตถุประสงค์ในการลงทุน ตามคำร้องเรียนของ SEC มัสก์จ่ายเงินต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อหุ้นสามัญของ Twitter ในช่วงเวลาดังกล่าว คำร้องเรียนยังกล่าวหาอีกว่า เนื่องจากมัสก์ไม่ยื่นรายงานการถือครองผลประโยชน์ต่อ SEC ทันเวลา นักลงทุนที่ขายหุ้นสามัญของ Twitter ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2022 ถึง 1 เมษายน 2022 จึงขายในราคาที่ต่ำเกินจริง ซึ่งส่งผลให้ได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก คำร้องเรียนของ SEC ที่ยื่นต่อศาลแขวงสหรัฐฯ สำหรับเขตโคลัมเบีย กล่าวหาว่ามัสก์ละเมิดมาตรา 13(d) ของพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนและกฎ 13d-1 ภายใต้กฎหมายดังกล่าว มาตรา 13(d) กำหนดมาตรฐานความรับผิดที่เข้มงวด คำร้องเรียนเรียกร้องให้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวอย่างถาวร คืนเงินกำไรที่ได้มาโดยมิชอบพร้อมดอกเบี้ยก่อนคำพิพากษา และค่าปรับทางแพ่ง ที่มา  https://www.sec.gov/enforcement-litigation/litigation-releases/lr-26219?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0BdHY3fUuwuxWy4wDeTVveg43XWI9NAWyl9neHlk8GRn8mZMyb4K7yjiQ_aem_lxVkpiutF39vGWNceIE41A
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • Andrej Danko เป็นรองประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎรสโลวาเกีย ถ่ายทำวิดีโอที่สอง เพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่า "การคว่ำบาตร" รัสเซียมันช่างไร้ค่าจริงๆ!

    “แม้จะมีการคว่ำบาตร แต่เรายังเห็นบริษัทของตะวันตกขายอาหารจานด่วนในรัสเซีย พวกคุณดูด้วยตาคุณเองแล้วกัน!”

    รองประธานรัฐสภาสโลวาเกียบันทึกวิดีโอร้านค้าที่มีคล้ายกับแมคโดนัลด์และไก่ทอดเคเอฟซีของรัสเซียในศูนย์การค้ามอสโก

    นอกจากนี้ยังมีร้านที่คล้ายเบอร์เกอร์คิงอีกด้วย

    พลเมืองชาวรัสเซียไม่เคยอดอยาก ไม่เคยเดือดร้อนกับการคว่ำบาตร พวกเขาจะรู้ไหมว่าตะวันตกกำลังดีใจที่สามารถคว่ำบาตรรัสเซียได้ ทั้งที่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี!
    Andrej Danko เป็นรองประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎรสโลวาเกีย ถ่ายทำวิดีโอที่สอง เพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่า "การคว่ำบาตร" รัสเซียมันช่างไร้ค่าจริงๆ! “แม้จะมีการคว่ำบาตร แต่เรายังเห็นบริษัทของตะวันตกขายอาหารจานด่วนในรัสเซีย พวกคุณดูด้วยตาคุณเองแล้วกัน!” รองประธานรัฐสภาสโลวาเกียบันทึกวิดีโอร้านค้าที่มีคล้ายกับแมคโดนัลด์และไก่ทอดเคเอฟซีของรัสเซียในศูนย์การค้ามอสโก นอกจากนี้ยังมีร้านที่คล้ายเบอร์เกอร์คิงอีกด้วย พลเมืองชาวรัสเซียไม่เคยอดอยาก ไม่เคยเดือดร้อนกับการคว่ำบาตร พวกเขาจะรู้ไหมว่าตะวันตกกำลังดีใจที่สามารถคว่ำบาตรรัสเซียได้ ทั้งที่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี!
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด"

    นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก

    การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม

    ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327

    #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด" • นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก • การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม • ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327 • #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement)

    ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้)

    นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง

    “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB

    รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement) ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้) นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts