• “เอกนัฏ” จวก “ซิน เคอ หยวน” ชี้ทุกข้ออ้างฟังไม่ขึ้น ยันโดนถอน BOI-ปิด รง. เพราะพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมาย ไล่ไปเตรียมให้การ DSI ที่มีคดีเป็นหางว่าว ด้านสถาบันเหล็กฯโต้ซิน เคอ หยวน ยืนยันเครื่องทดสอบส่วนผสมทางเคมีของโลหะ มีความแม่นยำ

    นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กถึงการแถลงข่าวโดยตัวแทน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เพื่อยืนยันว่า เหล็กที่ผลิตโดยบริษัทฯได้มาตรฐาน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยเอกนัฏขึ้นหัวข้อว่า “สังคมไม่ได้อะไรจากคำตอบของซินเคอหยวน? ตรรกะมันอยู่ตรงไหน?“

    ก่อนจะแย้งคำแถลงของตัวแทน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด แยกเป็นประเด็นๆ ตั้งแต่ "ตึกถล่มอาจเพราะสาเหตุอื่น” ว่า “ถ้ามีสาเหตุอื่นด้วย มันก็ไม่ได้แปลว่าเหล็กคุณได้มาตรฐาน” ส่วนกรณีที่บริษัทฯอ้างว่า “เคยได้ BOI (สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน) เคยได้ มอก. (มาตรฐานอุตสาหกรรม)” แย้งว่า “ก็ใช่ครับแต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็ถึงถูกถอนสิทธิ BOI ถูกปิดโรงงาน ผลิตของตกมาตรฐาน ตรวจไป 2 ครั้งก็ยังสอบตก”

    ขณะที่คำชี้แจงของตัวแทนบริษัทฯ ที่ว่า “สถาบันเหล็กไม่มีความสามารถในการตรวจเหล็ก” ก็ได้แย้งว่า ”ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง คือตอนตรวจผ่านรับได้ พอตรวจไม่ผ่านกลับโทษคนตรวจ“

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037406

    #MGROnline #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม #ซินเคอหยวน #ตึกถล่ม #สตง.
    “เอกนัฏ” จวก “ซิน เคอ หยวน” ชี้ทุกข้ออ้างฟังไม่ขึ้น ยันโดนถอน BOI-ปิด รง. เพราะพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมาย ไล่ไปเตรียมให้การ DSI ที่มีคดีเป็นหางว่าว ด้านสถาบันเหล็กฯโต้ซิน เคอ หยวน ยืนยันเครื่องทดสอบส่วนผสมทางเคมีของโลหะ มีความแม่นยำ • นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กถึงการแถลงข่าวโดยตัวแทน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เพื่อยืนยันว่า เหล็กที่ผลิตโดยบริษัทฯได้มาตรฐาน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยเอกนัฏขึ้นหัวข้อว่า “สังคมไม่ได้อะไรจากคำตอบของซินเคอหยวน? ตรรกะมันอยู่ตรงไหน?“ • ก่อนจะแย้งคำแถลงของตัวแทน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด แยกเป็นประเด็นๆ ตั้งแต่ "ตึกถล่มอาจเพราะสาเหตุอื่น” ว่า “ถ้ามีสาเหตุอื่นด้วย มันก็ไม่ได้แปลว่าเหล็กคุณได้มาตรฐาน” ส่วนกรณีที่บริษัทฯอ้างว่า “เคยได้ BOI (สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน) เคยได้ มอก. (มาตรฐานอุตสาหกรรม)” แย้งว่า “ก็ใช่ครับแต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็ถึงถูกถอนสิทธิ BOI ถูกปิดโรงงาน ผลิตของตกมาตรฐาน ตรวจไป 2 ครั้งก็ยังสอบตก” • ขณะที่คำชี้แจงของตัวแทนบริษัทฯ ที่ว่า “สถาบันเหล็กไม่มีความสามารถในการตรวจเหล็ก” ก็ได้แย้งว่า ”ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง คือตอนตรวจผ่านรับได้ พอตรวจไม่ผ่านกลับโทษคนตรวจ“ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037406 • #MGROnline #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม #ซินเคอหยวน #ตึกถล่ม #สตง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว

    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

    กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด

    “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297

    #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว • นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย • กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด • “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297 • #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 เม.ย.68 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า "ข่าว"ซินเคอหยวน" ถูกสั่งปิดโรงงาน ธ.ค.67 แต่ สมอ.ได้ต่ออายุมอก. ให้ ม.ค.68 จริงหรือไม่? เพราะอะไร? รมว.อุตสาหกรรมควรชี้แจง" ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของนายปานเทพ โดยได้ตอบคำถามว่า "ไม่เป็นความจริงครับ ทุกวันนี้การระงับยังอยู่ครับ ทั้งโรงงาน ทั้งผลิตภัณฑ์ ชงเป็นคดีพิเศษด้วย ล่าสุดยื่นขอให้ถอน boi แล้วด้วยครับ" เวลาต่อมา นายปานเทพ ได้โพสต์อีกครั้งพร้อมข้อควมระบุว่า "เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ตอบมาแล้วว่ากรณีข่าวการต่ออายุ มอก.ของ "ซินเคอหยวน" “ไม่จริง” และจะเดินหน้าสุดซอยครับ"ที่มา : แนวหน้าhttps://www.naewna.com/likesara/875441?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR5YNpmtVNhKidIdlzSkwGa-uyNCuURsO_T0Mwmwdif_vsVJABPaJS9yQ7yIZg_aem_W3mk7n_r16Ylnrohdp_pqQ#93j37srknmh2zspkohuzrdyjimugj0q
    5 เม.ย.68 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า "ข่าว"ซินเคอหยวน" ถูกสั่งปิดโรงงาน ธ.ค.67 แต่ สมอ.ได้ต่ออายุมอก. ให้ ม.ค.68 จริงหรือไม่? เพราะอะไร? รมว.อุตสาหกรรมควรชี้แจง" ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของนายปานเทพ โดยได้ตอบคำถามว่า "ไม่เป็นความจริงครับ ทุกวันนี้การระงับยังอยู่ครับ ทั้งโรงงาน ทั้งผลิตภัณฑ์ ชงเป็นคดีพิเศษด้วย ล่าสุดยื่นขอให้ถอน boi แล้วด้วยครับ" เวลาต่อมา นายปานเทพ ได้โพสต์อีกครั้งพร้อมข้อควมระบุว่า "เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ตอบมาแล้วว่ากรณีข่าวการต่ออายุ มอก.ของ "ซินเคอหยวน" “ไม่จริง” และจะเดินหน้าสุดซอยครับ"ที่มา : แนวหน้าhttps://www.naewna.com/likesara/875441?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR5YNpmtVNhKidIdlzSkwGa-uyNCuURsO_T0Mwmwdif_vsVJABPaJS9yQ7yIZg_aem_W3mk7n_r16Ylnrohdp_pqQ#93j37srknmh2zspkohuzrdyjimugj0q
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน
    สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300
    จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่
    ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล
    โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
    ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก
    แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300 จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 850 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น

    บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต
    นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า
    ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง
    พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“
    บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ"
    ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์
    การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก
    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก
    บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023
    บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น
    บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท 
    ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา
    คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน
    ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน
    “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว
    “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย”
    สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้
    “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว
    ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง"
    “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม”
    จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น"
    “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว
    หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์
    นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้
    ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้
    นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง
    “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”

    นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“ บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ" ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์ การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023 บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท  ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย” สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้ “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง" “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม” จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น" “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้ ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้ นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇩🇪 SMART: รัสเซียเชิญคนงาน Volkswagen ชาวเยอรมัน, เนื่องจากโรงงานในเยอรมนีปิดตัวลง!

    “รัสเซียจะเปิดโรงงาน Jetta, ซึ่งเป็นโรงงานในจีนที่เทียบได้กับ Volkswagen Audi Group, ให้กับพนักงานชาวเยอรมัน

    รัสเซียจะจัดหาตำแหน่งงานให้กับผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน ซึ่งจะสามารถขอสัญชาติรัสเซียได้หลังจากผ่านไป ๕ ปี

    เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีล้มละลาย รถยนต์ของ Volkswagen Audi Group มีคุณภาพดีที่สุดมาโดยตลอดและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก”

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า แอนตัน อาลีคานอฟ ประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิต Jetta แบรนด์จีน, ซึ่งผลิตรถยนต์ Volkswagen ภายใต้แบรนด์ของตนเอง, ใน ๕ เมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย ท่ามกลางการปิดโรงงานในเยอรมนี

    “ขณะนี้มีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเปิดโรงงาน VAG ๕ แห่งในรัสเซีย

    นอกจากเมืองคาลูกาแล้ว, โรงงานผลิตยังจะตั้งอยู่ในเมืองวเซโวโลซสค์, คาลินินกราด, โนโวคูอีบีเชฟสค์ และนาเบเรจเนียเชลนี“
    — อาลีคานอฟ กล่าว
    .
    🇷🇺🇩🇪 Volkswagen ขายโรงงานประกอบรถยนต์ในรัสเซีย, รวมทั้งโรงงานประกอบรถยนต์

    โรงงานประกอบรถยนต์ Volkswagen ทางตะวันตกของรัสเซีย, เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต ๒๒๕,๐๐๐ คันต่อปี

    Volkswagen ได้ขายโรงงานประกอบรถยนต์และโรงงานประกอบรถยนต์อื่นๆ ในรัสเซียให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันแห่งนี้ยุติการผลิตในประเทศหลังการรุกรานยูเครน, บริษัทดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว, ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซีย, ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในมอสโกว์ที่ชื่อ Avilon ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ของ Volkswagen Group Rus, บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าว ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุราคาขาย, แต่สื่อของรัสเซียอ้างข้อมูลในท้องถิ่นว่า Avilon จ่ายเงินไปประมาณ ๑๒๕ ล้านยูโร (๑๓๕ ล้านดอลลาร์)
    .
    โรงงาน Volkswagen ในคาลูกาแห่งเดิมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง, เนื่องจากภาคส่วนรถยนต์ของรัสเซียฟื้นตัวเต็มที่จนกลับมาเท่ากับระดับการผลิตก่อน-สงคราม ในเดือนกรกฎาคม
    .
    🇷🇺🇩🇪 SMART: Russia invites German Volkswagen workers, because the German factories close!

    “Russia to open Jetta factories, the Chinese analogue of Volkswagen Audi Group, for German employees.

    Russia will be providing jobs for German specialists who will be able to obtain Russian citizenship after five years.

    It is impossible to watch a giant in Germany collapse. Volkswagen Audi Group’s cars have always been of the best quality and loved all over the world.”

    Minister of Industry and Trade Anton Alikhanov announced plans to open production facilities for the Chinese brand Jetta, which produces Volkswagen cars under its own brand, in five cities in the Russian Federation against the backdrop of the closure of factories in Germany.

    “A legal entity is currently being created to open five VAG factories in Russia.

    In addition to Kaluga, production facilities will appear in Vsevolozhsk, Kaliningrad, Novokuibyshevsk and Naberezhnye Chelny.“
    — Alikhanov said

    1/
    .
    🇷🇺🇩🇪 Volkswagen Sells Its Russia Operations, Including an Assembly Plant

    Volkswagen’s assembly plant in western Russia, in December. It had capacity to turn out 225,000 vehicles a year.

    Volkswagen has sold its assembly plant and other operations in Russia to a local auto dealership, more than a year after the German carmaker ceased production in the country following the invasion of Ukraine, the company said on Friday.

    Under the deal, which required approval from the Russian government, a Moscow-based dealership called Avilon acquired the assets of Volkswagen Group Rus, the carmaker said. Neither company specified a sales price, but Russia media citing local records said Avilon paid about 125 million euros ($135 million)

    2/
    .
    The former Volkswagen plant in Kaluga is back online, as Russia's car sector makes a full recovery to pre-war production levels in July

    3/
    .
    9:54 PM · Nov 3, 2024 · 339.6K Views
    https://x.com/MyLordBebo/status/1853088468412366868
    🇷🇺🇩🇪 SMART: รัสเซียเชิญคนงาน Volkswagen ชาวเยอรมัน, เนื่องจากโรงงานในเยอรมนีปิดตัวลง! “รัสเซียจะเปิดโรงงาน Jetta, ซึ่งเป็นโรงงานในจีนที่เทียบได้กับ Volkswagen Audi Group, ให้กับพนักงานชาวเยอรมัน รัสเซียจะจัดหาตำแหน่งงานให้กับผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน ซึ่งจะสามารถขอสัญชาติรัสเซียได้หลังจากผ่านไป ๕ ปี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีล้มละลาย รถยนต์ของ Volkswagen Audi Group มีคุณภาพดีที่สุดมาโดยตลอดและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า แอนตัน อาลีคานอฟ ประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิต Jetta แบรนด์จีน, ซึ่งผลิตรถยนต์ Volkswagen ภายใต้แบรนด์ของตนเอง, ใน ๕ เมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย ท่ามกลางการปิดโรงงานในเยอรมนี “ขณะนี้มีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเปิดโรงงาน VAG ๕ แห่งในรัสเซีย นอกจากเมืองคาลูกาแล้ว, โรงงานผลิตยังจะตั้งอยู่ในเมืองวเซโวโลซสค์, คาลินินกราด, โนโวคูอีบีเชฟสค์ และนาเบเรจเนียเชลนี“ — อาลีคานอฟ กล่าว . 🇷🇺🇩🇪 Volkswagen ขายโรงงานประกอบรถยนต์ในรัสเซีย, รวมทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานประกอบรถยนต์ Volkswagen ทางตะวันตกของรัสเซีย, เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต ๒๒๕,๐๐๐ คันต่อปี Volkswagen ได้ขายโรงงานประกอบรถยนต์และโรงงานประกอบรถยนต์อื่นๆ ในรัสเซียให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันแห่งนี้ยุติการผลิตในประเทศหลังการรุกรานยูเครน, บริษัทดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว, ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซีย, ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในมอสโกว์ที่ชื่อ Avilon ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ของ Volkswagen Group Rus, บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าว ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุราคาขาย, แต่สื่อของรัสเซียอ้างข้อมูลในท้องถิ่นว่า Avilon จ่ายเงินไปประมาณ ๑๒๕ ล้านยูโร (๑๓๕ ล้านดอลลาร์) . โรงงาน Volkswagen ในคาลูกาแห่งเดิมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง, เนื่องจากภาคส่วนรถยนต์ของรัสเซียฟื้นตัวเต็มที่จนกลับมาเท่ากับระดับการผลิตก่อน-สงคราม ในเดือนกรกฎาคม . 🇷🇺🇩🇪 SMART: Russia invites German Volkswagen workers, because the German factories close! “Russia to open Jetta factories, the Chinese analogue of Volkswagen Audi Group, for German employees. Russia will be providing jobs for German specialists who will be able to obtain Russian citizenship after five years. It is impossible to watch a giant in Germany collapse. Volkswagen Audi Group’s cars have always been of the best quality and loved all over the world.” Minister of Industry and Trade Anton Alikhanov announced plans to open production facilities for the Chinese brand Jetta, which produces Volkswagen cars under its own brand, in five cities in the Russian Federation against the backdrop of the closure of factories in Germany. “A legal entity is currently being created to open five VAG factories in Russia. In addition to Kaluga, production facilities will appear in Vsevolozhsk, Kaliningrad, Novokuibyshevsk and Naberezhnye Chelny.“ — Alikhanov said 1/ . 🇷🇺🇩🇪 Volkswagen Sells Its Russia Operations, Including an Assembly Plant Volkswagen’s assembly plant in western Russia, in December. It had capacity to turn out 225,000 vehicles a year. Volkswagen has sold its assembly plant and other operations in Russia to a local auto dealership, more than a year after the German carmaker ceased production in the country following the invasion of Ukraine, the company said on Friday. Under the deal, which required approval from the Russian government, a Moscow-based dealership called Avilon acquired the assets of Volkswagen Group Rus, the carmaker said. Neither company specified a sales price, but Russia media citing local records said Avilon paid about 125 million euros ($135 million) 2/ . The former Volkswagen plant in Kaluga is back online, as Russia's car sector makes a full recovery to pre-war production levels in July 3/ . 9:54 PM · Nov 3, 2024 · 339.6K Views https://x.com/MyLordBebo/status/1853088468412366868
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัดการ ‘นิคมมลพิษ’ รอ ‘เอกนัฏ’ จะทำงานกี่โมง
    .
    เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมป้ายแดง คุณรับรู้รับทราบเรื่องปัญหานิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางหรือยังครับ นิคมนี้กำลังสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นพื้นที่สีเขียวจริงๆ คือมันเป็นปอดขนาดใหญ่ของชาวระยอง แล้วนิคมอุตสาหกรรมมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 8 ตำบล 20 หมู่บ้าน โรงเรียน สถานศึกษา วัดวาอาราม สำนักสงฆ์อีก 7 แห่ง รวมไปจนถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ต้องเดือดร้อนจากนิคมฯ นี้อีก 9 แห่ง
    .
    บริษัทที่อยู่ในนิคมฯ ทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนายทุนจีน นายทุนอินเดีย นายทุนญี่ปุ่น แทบทั้งสิ้น ผมจะถามท่านกลับว่า ประชาชนแถวนั้นเขาได้ประโยชน์อะไรจากนิคมฯ จนป่านนี้ชาวบ้านทนทุกข์ทรมานกับนิคมฯนี้มา 9 ปีแล้ว พวกคุณยังนิ่งดูดายกันอยู่ได้อย่างไร
    .
    ผมจะฝากถามคำถามไปถึงคน 3 คน คนแรก คือ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีป้ายแดงค่าย กปปส. ลูกบุญธรรมคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ,คนที่สองที่ผมจะพูดถึง คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ดันคุณเอกณัฐเป็น รมต. และคนที่สาม คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คนที่ถูกวางตัวว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากอุ๊งอิ๊งค์ ที่เกี่ยวข้องในมุม รมว.มหาดไทยของบรรดานักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่เอื้ออำนวยนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นเลวๆที่กดหัวชาวบ้าน
    .
    วันนี้ชาวบ้านเมืองระยองเขาจะล้มหายตายจากกันแล้ว แต่คุณก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา คุณลองไปเยี่ยมเขาหน่อยสิครับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ คุณสบายดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าคุณแค่โกหกพกลมให้ชาวบ้านเขาเชื่อว่าคุณเข้ามาเพื่อตั้งใจทำงานจริงๆ แต่ผลงานคุณมันไม่ได้ออกมาในรูปแบบนี้ คนละเรื่อง
    .
    นี่ไงประชาชน แล้วคุณทำประโยชน์อะไรกับเขาได้บ้าง ผมยังไม่เห็นคุณทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหม เรื่องนี้
    จัดการ ‘นิคมมลพิษ’ รอ ‘เอกนัฏ’ จะทำงานกี่โมง . เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมป้ายแดง คุณรับรู้รับทราบเรื่องปัญหานิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางหรือยังครับ นิคมนี้กำลังสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นพื้นที่สีเขียวจริงๆ คือมันเป็นปอดขนาดใหญ่ของชาวระยอง แล้วนิคมอุตสาหกรรมมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 8 ตำบล 20 หมู่บ้าน โรงเรียน สถานศึกษา วัดวาอาราม สำนักสงฆ์อีก 7 แห่ง รวมไปจนถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ต้องเดือดร้อนจากนิคมฯ นี้อีก 9 แห่ง . บริษัทที่อยู่ในนิคมฯ ทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนายทุนจีน นายทุนอินเดีย นายทุนญี่ปุ่น แทบทั้งสิ้น ผมจะถามท่านกลับว่า ประชาชนแถวนั้นเขาได้ประโยชน์อะไรจากนิคมฯ จนป่านนี้ชาวบ้านทนทุกข์ทรมานกับนิคมฯนี้มา 9 ปีแล้ว พวกคุณยังนิ่งดูดายกันอยู่ได้อย่างไร . ผมจะฝากถามคำถามไปถึงคน 3 คน คนแรก คือ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีป้ายแดงค่าย กปปส. ลูกบุญธรรมคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ,คนที่สองที่ผมจะพูดถึง คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ดันคุณเอกณัฐเป็น รมต. และคนที่สาม คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คนที่ถูกวางตัวว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากอุ๊งอิ๊งค์ ที่เกี่ยวข้องในมุม รมว.มหาดไทยของบรรดานักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่เอื้ออำนวยนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นเลวๆที่กดหัวชาวบ้าน . วันนี้ชาวบ้านเมืองระยองเขาจะล้มหายตายจากกันแล้ว แต่คุณก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา คุณลองไปเยี่ยมเขาหน่อยสิครับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ คุณสบายดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าคุณแค่โกหกพกลมให้ชาวบ้านเขาเชื่อว่าคุณเข้ามาเพื่อตั้งใจทำงานจริงๆ แต่ผลงานคุณมันไม่ได้ออกมาในรูปแบบนี้ คนละเรื่อง . นี่ไงประชาชน แล้วคุณทำประโยชน์อะไรกับเขาได้บ้าง ผมยังไม่เห็นคุณทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหม เรื่องนี้
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1508 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล้าเก่าในขวดใหม่ ฝรั่งเศสได้คณะรัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมของมาครงเป็นแกนหลักครองอำนาจต่อไป

    22 กันยายน 2567-รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า ฝรั่งเศสได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว หลังจากยืดเยื้อมานานตั้งแต่การเลือกตั้งที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด หลังจากประธานาธิบดีมาครงได้ประกาศยุบสมัชชาแห่งชาติ (Assemblée nationale) หรือสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว (snap election) ในวันที่ 30 มิถุนายน 2024 และวันที่ 7 กรกฎาคม 2024

    โดยคณะรัฐบาลชุดใหม่ส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมที่ทำงานให้กับมาครงเป็นแกนหลัก ขณะที่ผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายออกมาเดินขบวนบนท้องถนนเพื่อประณามสิ่งที่พวกเขากล่าวว่าเป็นการปฏิเสธผลการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ที่ต้องไม่มีมาครง

    สำหรับคณะรัฐบาลใหม่ที่นำโดย มีแชล บาร์นีเย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศวัย 73 ปี เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆอีก 19 คน อันได้แก่

    -รัฐมนตรีต่างประเทศ : ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ พันธมิตรของมาครงมายาวนานและรัฐมนตรีกระทรวงยุโรปในรัฐบาลชุดก่อน
    - รัฐมนตรีกระทรวงยุโรป: เบนจามิน ฮัดดาด อดีตโฆษกพรรคของมาครง
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ: แอนน์ เจเนเตต์ อดีตวุฒิสมาชิกพรรคของมาครง (เธอใช้ชีวิตทางการเมืองทั้งหมดอยู่ฝ่ายของมาครง)
    - รัฐมนตรีกลาโหม: เซบาสเตียน เลอกอร์นู ไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เขาเคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลชุดก่อน...
    -รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: อักเนส ปานเนียร์-รูนาเชร์ เธอเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในรัฐบาลชุดก่อน
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม: ราชิดา ดาติ เหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เธอเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในรัฐบาลชุดก่อน
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ: อองตวน อาร์ม็อง พันธมิตรเก่าแก่ของมาครงอีกคนหนึ่ง เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของมาครงในช่วงหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม: มาร์ก เฟอร์ราซี นี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงที่สุด เพราะเขาคือเพื่อนเจ้าบ่าวของมาครงในงานแต่งงานของเขา
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงราชการ: กีโยม คาสบาเรียน เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัยในรัฐบาลชุดก่อน
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงงบประมาณ: Laurent Saint-Martin พันธมิตรอีกคนหนึ่งของ Macron ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าหน่วยงาน "Business France" ในรัฐบาลก่อน
    - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว: มาริน่า เฟอร์รารี เธอเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลในรัฐบาลชุดก่อน
    - โฆษกของรัฐบาล: Maud Bregeon เธอเป็น ส.ส. จากพรรคของ Macron ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้ง

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีรัฐมนตรีที่ไม่ใช่คนของมาครงอยู่บ้าง เช่น บรูโน รีเทลโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ส่วนใหญ่มาจากพรรค Les Républicains ของนายกรัฐมนตรีบาร์นิเยร์ ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 5% ในการเลือกตั้ง ดังนั้น พวกเขาจึงยิ่งมีความชอบธรรมน้อยลงไปอีก

    "นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐของเราที่มีรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเลย"อดีตเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าว
    #Thaitimes
    เหล้าเก่าในขวดใหม่ ฝรั่งเศสได้คณะรัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมของมาครงเป็นแกนหลักครองอำนาจต่อไป 22 กันยายน 2567-รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า ฝรั่งเศสได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว หลังจากยืดเยื้อมานานตั้งแต่การเลือกตั้งที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด หลังจากประธานาธิบดีมาครงได้ประกาศยุบสมัชชาแห่งชาติ (Assemblée nationale) หรือสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว (snap election) ในวันที่ 30 มิถุนายน 2024 และวันที่ 7 กรกฎาคม 2024 โดยคณะรัฐบาลชุดใหม่ส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมที่ทำงานให้กับมาครงเป็นแกนหลัก ขณะที่ผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายออกมาเดินขบวนบนท้องถนนเพื่อประณามสิ่งที่พวกเขากล่าวว่าเป็นการปฏิเสธผลการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ที่ต้องไม่มีมาครง สำหรับคณะรัฐบาลใหม่ที่นำโดย มีแชล บาร์นีเย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศวัย 73 ปี เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆอีก 19 คน อันได้แก่ -รัฐมนตรีต่างประเทศ : ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ พันธมิตรของมาครงมายาวนานและรัฐมนตรีกระทรวงยุโรปในรัฐบาลชุดก่อน - รัฐมนตรีกระทรวงยุโรป: เบนจามิน ฮัดดาด อดีตโฆษกพรรคของมาครง - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ: แอนน์ เจเนเตต์ อดีตวุฒิสมาชิกพรรคของมาครง (เธอใช้ชีวิตทางการเมืองทั้งหมดอยู่ฝ่ายของมาครง) - รัฐมนตรีกลาโหม: เซบาสเตียน เลอกอร์นู ไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เขาเคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลชุดก่อน... -รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: อักเนส ปานเนียร์-รูนาเชร์ เธอเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในรัฐบาลชุดก่อน - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม: ราชิดา ดาติ เหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เธอเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในรัฐบาลชุดก่อน - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ: อองตวน อาร์ม็อง พันธมิตรเก่าแก่ของมาครงอีกคนหนึ่ง เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของมาครงในช่วงหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม: มาร์ก เฟอร์ราซี นี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงที่สุด เพราะเขาคือเพื่อนเจ้าบ่าวของมาครงในงานแต่งงานของเขา - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงราชการ: กีโยม คาสบาเรียน เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัยในรัฐบาลชุดก่อน - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงงบประมาณ: Laurent Saint-Martin พันธมิตรอีกคนหนึ่งของ Macron ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าหน่วยงาน "Business France" ในรัฐบาลก่อน - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว: มาริน่า เฟอร์รารี เธอเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลในรัฐบาลชุดก่อน - โฆษกของรัฐบาล: Maud Bregeon เธอเป็น ส.ส. จากพรรคของ Macron ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีรัฐมนตรีที่ไม่ใช่คนของมาครงอยู่บ้าง เช่น บรูโน รีเทลโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ส่วนใหญ่มาจากพรรค Les Républicains ของนายกรัฐมนตรีบาร์นิเยร์ ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 5% ในการเลือกตั้ง ดังนั้น พวกเขาจึงยิ่งมีความชอบธรรมน้อยลงไปอีก "นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐของเราที่มีรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเลย"อดีตเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าว #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1016 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้

    4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง

    สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ

    หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง”

    เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม

    หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว

    หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น

    เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ
    “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน”

    ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ

    ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก

    #Thaitimes
    รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ 4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง” เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน” ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก #Thaitimes
    Like
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1136 มุมมอง 0 รีวิว