เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน
สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300
จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล
โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก
แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่
ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
เปิดธาตุแท้อุ๊งอิ๊ง เห็นเงินดีกว่าชีวิตประชาชน สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศไทยระยะนี้ถือว่าหนักหน่วงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม กลายเป็นวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษสูงมากและเป็นสีม่วงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี ซึ่งมีค่าฝุ่นไม่ต่ำกว่า 300 จากตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจอยู่เฉยๆ และพูดปลอบใจผ่านสื่อมวลชนไปวันๆ ได้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ 'แพทองธาร ชินวัตร' ต้องประชุมทางไกลมอบหมายงานให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองใดขึ้นมาเป็นรัฐบาล ย่อมต้องเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไม่ต่างกัน แต่เสียงวิจารณ์ที่กระหน่ำหนักมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นเพราะไม่ปรากฏรูปธรรมในการทำงาน ในสถานการณ์นี้นายกฯแพทองธารมีแต้มตามหลังคู่แข่งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล โดยเฉพาะกับ 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้มงวดกับโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยเผา เกินกว่าที่ภาครัฐกำหนด แม้การสั่งปิดโรงงานบางแห่งอาจไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องการรับซื้ออ้อยเผา แต่อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่ายามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเมาหมัดอย่างหนัก แสดงให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาคนเพื่อไทย ขาดความกล้าในการถอนรากถอนโคนต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่กล้าประกาศเขตมลพิษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้มาตรการที่เข้มงวดกับการทำกิจกรรมทางการเกษตร พรรคเพื่อไทยเองก็ทำแบบชักเข้าชักออก เพราะการไปเข้มงวดมากเท่าไหร่ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
Angry
2
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว