• โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    2/10/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด

    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่
    *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่!

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน)

    *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น
    - ธุรกิจอสังหาฯ
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป
    - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น
    - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม
    - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม
    - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม
    -
    อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้

    การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570}
    ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

    A---------------------------------------------
    (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
    ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง
    เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย

    จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน
    เจ้าของประเทศ

    a--------------------------------------
    พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง
    จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ
    จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ”
    เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย
    การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง)
    การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง

    การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน
    คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป



    a------------------------------------

    ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี
    ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล
    จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย
    สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี










    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 2/10/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่! 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน) *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น - ธุรกิจอสังหาฯ - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม - อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ – การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570} ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ A--------------------------------------------- (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน เจ้าของประเทศ a-------------------------------------- พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ” เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง) การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป a------------------------------------ ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่นักการเมืองกลัวรัฐธรรมนูญ2560 คือความเข้มข้นด้านจริยธรรม

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000094545
    สิ่งที่นักการเมืองกลัวรัฐธรรมนูญ2560 คือความเข้มข้นด้านจริยธรรม บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000094545
    MGRONLINE.COM
    สิ่งที่นักการเมืองกลัวรัฐธรรมนูญ2560 คือความเข้มข้นด้านจริยธรรม
    ความจริงแล้วรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นฉบับที่ผมไม่เคยเห็นด้วยตั้งแต่แรก
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนที่รับใช้แต่นาย ตลอดชีวิต โดยไม่เลือกระหว่างชาติ กับ เจ้านาย อะไรคือธรรม คือความถูกต้อง หวังว่าครั้งหน้า เลือกตั้ง เลือกรักษารัฐธรรมนูญ คุณเลือกเองนะ

    https://youtu.be/oTFPwYgjHug?si=cONjBqkfS6x8KO04
    คนที่รับใช้แต่นาย ตลอดชีวิต โดยไม่เลือกระหว่างชาติ กับ เจ้านาย อะไรคือธรรม คือความถูกต้อง หวังว่าครั้งหน้า เลือกตั้ง เลือกรักษารัฐธรรมนูญ คุณเลือกเองนะ https://youtu.be/oTFPwYgjHug?si=cONjBqkfS6x8KO04
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวสวยตั้งคำถาม อยากแก้รธน. เคยหยิบมาอ่านหรือยัง? (1/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #แก้รัฐธรรมนูญ
    #การเมืองไทย
    #สาวสวย
    สาวสวยตั้งคำถาม อยากแก้รธน. เคยหยิบมาอ่านหรือยัง? (1/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #แก้รัฐธรรมนูญ #การเมืองไทย #สาวสวย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • .. "เอกภาพ" และ "เอกสิทธิ" ส.ส. หมายถึง สภาพที่ ส.ส. มีความเป็นเอกภาพในฐานะองค์กรที่ทำหน้าที่แทนประชาชน และ "เอกสิทธิ์" ของ ส.ส. คือ สิทธิเด็ดขาดในการกล่าวแสดงความคิดเห็น ออกเสียงลงคะแนน หรือกระทำการอื่นใดในที่ประชุมสภา โดยไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายใดๆ เพื่อให้ ส.ส. สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

    เอกภาพของ ส.ส.
    ในฐานะองค์กร:
    ส.ส. รวมกันเป็นสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองที่สำคัญ

    การทำงานร่วมกัน:
    แม้ว่าจะมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน ส.ส. ก็ต้องทำงานร่วมกันในสภาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

    การรักษาผลประโยชน์:
    ความเป็นเอกภาพนี้มีความสำคัญเพื่อให้สภาสามารถทำหน้าที่ในการควบคุมฝ่ายบริหาร และออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เอกสิทธิ์ของ ส.ส.
    สิทธิเด็ดขาดในการแสดงความคิดเห็น:
    ส.ส. มีสิทธิอย่างเด็ดขาดที่จะกล่าวแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมสภา โดยไม่มีใครสามารถนำเรื่องนั้นไปฟ้องร้องดำเนินคดีได้

    ขอบเขตของเอกสิทธิ์:
    เอกสิทธิ์นี้มีผลเฉพาะการกระทำที่เกิดขึ้นในที่ประชุมสภาเท่านั้น หากเป็นการกล่าวถ้อยคำนอกที่ประชุมสภา หรือก่อนและหลังการประชุม ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง

    วัตถุประสงค์:
    เอกสิทธิ์นี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎร เพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อการถูกฟ้องร้องหรือลงโทษจากผู้อื่น

    ที่มา:
    แนวคิดนี้มีต้นกำเนิดจากระบบรัฐสภาของสหราชอาณาจักรในอดีต เพื่อปกป้องสมาชิกสภาจากการถูกจับกุมหรือฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

    ..เงื่อนไข MOAที่ครอบงำและควบคุม สส.ในพรรคตนเองทั้งหมดนั้นที่รวมลงนามMOAกันนั้น มีความผิดเต็มๆจะพรรคส้มและพรรคสีน้ำเงิน หรือพรรคใดๆที่ลงร่วมลงนามข้อตกลงสิ่งนี้บนMOA68นี้ ,ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญปี60แน่นอน,ซวยแน่นอนในสถานะสส.ทุกๆคน กรรมการพรรคนั้นๆตลอดสถานะพรรคการเมืองชื่อนั้นๆด้วย อาจถูกยุบพรรคหรือตัดสิทธิทางการเมืองได้ จะตลอดชีวิตหรือไม่ก็ตามพิจารณาเหตุคดีความความผิด เข้าข่ายครอบงำสส.พรรคตนด้วย ครอบ สส.พรรคอื่นด้วย ตลอดครอบงำบนฐานเงื่อนไขที่MOAตนเขียนเงื่อนไขนั้นด้วยที่อ้างกล่าว สรุปครอบงำนั่นเอง.
    ..สถาบันกษัตริย์มีคณาประการมากมายในการสร้างชาติไทยขึ้นมาจนเป็นประเทศไทย เรา..ประชาชนคนไทย ร่วมกันรักษาถนอมไว้ไม่ผิดอะไรดอก,พระองค์ก็มีบทบาทของพระองค์ท่าน,เรา..ประชาชนก็มีบทบาทของเราตามยุคสมัย ผสามกลมเกลียวกันได้ มิเดือดร้อนอะไร,เสรีภาพเราก็มี แค่กฎหมายเราร่วมออกร่วมเขียนผ่านสส.สว.คนของข้าราชการกระทรวงทบวงกรมนั้น,อันใดกดขี่ข่มเหงไม่เป็นคุณประโยชน์ขัดขวางประชาชนไม่ให้สะดวก ทำให้ลำบาก เรา..ประชาชนก็ร่วมกันยกเลิกได้.

    ..แพลตฟอร์มออนไลน์ลงมติเสียงคะแนนเรียลไทม์จากประชาชนเราต้องพัฒนาขึ้นโดยรวดเร็ว เวลาประชาชนเดือดร้อนด้วยกฎหมายปัญญาที่คนข้าราชการออกมาบังคับกดหัวประชาชนมากเกินไปแบบกฎหมายผีบ้าไม่สวมหมวกกันน็อคในขี่มอไซค์ปรับ2,000บาท คนซ้อนท้ายไม่ใส่ด้วยปรับ2เท่าคือ4,000บาท กฎหมายแบบนี้จัญไรอุบาทก์บัดสบเกินไปก็ร่วมกันโหวตลงประชามติเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เราร่วมกันยกเลิกเรียลไทม์ได้,สามารถประเมินแบนคนข้าราชการคณะออกกฎหมายนั้นได้อีกกับความปัญญาอ่อนที่ก่อการเรื่องกฎกติกาผีบ้าไร้สมองคิดตามความเป็นจริงออก. เป็นต้น ตลอดMOU43,44คนไทยก็ลงมติเรียลไทม์ได้,หรือร่วมย้ายแม่ทัพภาค1ที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยึดคืนบ้านหนองจานจากคนเขมรได้ในช่วงเวลาเดียวกันที่แม่ทัพภาค2กลับยึดได้ถึง11จุดพื้นที่ คนไร้น้ำยาไร้ฝีมือเรามิอาจเอาชาติบ้านเมืองมาเสี่ยงได้และเขมรคือภัยคุกคามรุกรานศัตรูเราจริง ยิงระเบิดใส่7/11ประชาชนเราตายเกือบหมดครอบครัว เด็กๆตัวน้อยๆผู้บริสุทธิ์ไม่รู้ห่าอะไรด้วย นอกแนวรบอีกต้องมาเสียชีวิต,แต่แม่ทัพภาคที่1ทำลายจิตใจคนไทยทั้งประเทศมิอาจปล่อยไว้ได้หรืออภัยให้ได้จริงๆ เป็นต้น.

    https://youtube.com/watch?v=5uHtZTK7Xmo&si=oivLl0K396LtfHRH
    .. "เอกภาพ" และ "เอกสิทธิ" ส.ส. หมายถึง สภาพที่ ส.ส. มีความเป็นเอกภาพในฐานะองค์กรที่ทำหน้าที่แทนประชาชน และ "เอกสิทธิ์" ของ ส.ส. คือ สิทธิเด็ดขาดในการกล่าวแสดงความคิดเห็น ออกเสียงลงคะแนน หรือกระทำการอื่นใดในที่ประชุมสภา โดยไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายใดๆ เพื่อให้ ส.ส. สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เอกภาพของ ส.ส. ในฐานะองค์กร: ส.ส. รวมกันเป็นสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองที่สำคัญ การทำงานร่วมกัน: แม้ว่าจะมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน ส.ส. ก็ต้องทำงานร่วมกันในสภาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน การรักษาผลประโยชน์: ความเป็นเอกภาพนี้มีความสำคัญเพื่อให้สภาสามารถทำหน้าที่ในการควบคุมฝ่ายบริหาร และออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอกสิทธิ์ของ ส.ส. สิทธิเด็ดขาดในการแสดงความคิดเห็น: ส.ส. มีสิทธิอย่างเด็ดขาดที่จะกล่าวแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมสภา โดยไม่มีใครสามารถนำเรื่องนั้นไปฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ขอบเขตของเอกสิทธิ์: เอกสิทธิ์นี้มีผลเฉพาะการกระทำที่เกิดขึ้นในที่ประชุมสภาเท่านั้น หากเป็นการกล่าวถ้อยคำนอกที่ประชุมสภา หรือก่อนและหลังการประชุม ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง วัตถุประสงค์: เอกสิทธิ์นี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎร เพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อการถูกฟ้องร้องหรือลงโทษจากผู้อื่น ที่มา: แนวคิดนี้มีต้นกำเนิดจากระบบรัฐสภาของสหราชอาณาจักรในอดีต เพื่อปกป้องสมาชิกสภาจากการถูกจับกุมหรือฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ..เงื่อนไข MOAที่ครอบงำและควบคุม สส.ในพรรคตนเองทั้งหมดนั้นที่รวมลงนามMOAกันนั้น มีความผิดเต็มๆจะพรรคส้มและพรรคสีน้ำเงิน หรือพรรคใดๆที่ลงร่วมลงนามข้อตกลงสิ่งนี้บนMOA68นี้ ,ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญปี60แน่นอน,ซวยแน่นอนในสถานะสส.ทุกๆคน กรรมการพรรคนั้นๆตลอดสถานะพรรคการเมืองชื่อนั้นๆด้วย อาจถูกยุบพรรคหรือตัดสิทธิทางการเมืองได้ จะตลอดชีวิตหรือไม่ก็ตามพิจารณาเหตุคดีความความผิด เข้าข่ายครอบงำสส.พรรคตนด้วย ครอบ สส.พรรคอื่นด้วย ตลอดครอบงำบนฐานเงื่อนไขที่MOAตนเขียนเงื่อนไขนั้นด้วยที่อ้างกล่าว สรุปครอบงำนั่นเอง. ..สถาบันกษัตริย์มีคณาประการมากมายในการสร้างชาติไทยขึ้นมาจนเป็นประเทศไทย เรา..ประชาชนคนไทย ร่วมกันรักษาถนอมไว้ไม่ผิดอะไรดอก,พระองค์ก็มีบทบาทของพระองค์ท่าน,เรา..ประชาชนก็มีบทบาทของเราตามยุคสมัย ผสามกลมเกลียวกันได้ มิเดือดร้อนอะไร,เสรีภาพเราก็มี แค่กฎหมายเราร่วมออกร่วมเขียนผ่านสส.สว.คนของข้าราชการกระทรวงทบวงกรมนั้น,อันใดกดขี่ข่มเหงไม่เป็นคุณประโยชน์ขัดขวางประชาชนไม่ให้สะดวก ทำให้ลำบาก เรา..ประชาชนก็ร่วมกันยกเลิกได้. ..แพลตฟอร์มออนไลน์ลงมติเสียงคะแนนเรียลไทม์จากประชาชนเราต้องพัฒนาขึ้นโดยรวดเร็ว เวลาประชาชนเดือดร้อนด้วยกฎหมายปัญญาที่คนข้าราชการออกมาบังคับกดหัวประชาชนมากเกินไปแบบกฎหมายผีบ้าไม่สวมหมวกกันน็อคในขี่มอไซค์ปรับ2,000บาท คนซ้อนท้ายไม่ใส่ด้วยปรับ2เท่าคือ4,000บาท กฎหมายแบบนี้จัญไรอุบาทก์บัดสบเกินไปก็ร่วมกันโหวตลงประชามติเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เราร่วมกันยกเลิกเรียลไทม์ได้,สามารถประเมินแบนคนข้าราชการคณะออกกฎหมายนั้นได้อีกกับความปัญญาอ่อนที่ก่อการเรื่องกฎกติกาผีบ้าไร้สมองคิดตามความเป็นจริงออก. เป็นต้น ตลอดMOU43,44คนไทยก็ลงมติเรียลไทม์ได้,หรือร่วมย้ายแม่ทัพภาค1ที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยึดคืนบ้านหนองจานจากคนเขมรได้ในช่วงเวลาเดียวกันที่แม่ทัพภาค2กลับยึดได้ถึง11จุดพื้นที่ คนไร้น้ำยาไร้ฝีมือเรามิอาจเอาชาติบ้านเมืองมาเสี่ยงได้และเขมรคือภัยคุกคามรุกรานศัตรูเราจริง ยิงระเบิดใส่7/11ประชาชนเราตายเกือบหมดครอบครัว เด็กๆตัวน้อยๆผู้บริสุทธิ์ไม่รู้ห่าอะไรด้วย นอกแนวรบอีกต้องมาเสียชีวิต,แต่แม่ทัพภาคที่1ทำลายจิตใจคนไทยทั้งประเทศมิอาจปล่อยไว้ได้หรืออภัยให้ได้จริงๆ เป็นต้น. https://youtube.com/watch?v=5uHtZTK7Xmo&si=oivLl0K396LtfHRH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ นิตยสาร TIME คงไม่เข้าข้างสามกีบหรอก คงประเมินจากความจริง เพราะพรรคส้มแม้เป็นฝ่ายค้านยังมีอิทธิพลตั้งพรรคอื่นเป็นรัฐบาลได้ โหวตอนุทินเป็นนายกฯได้ แถมกำหนดเวลาให้รัฐบาลยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญได้ด้วย
    #7ดอกจิก
    ♣ นิตยสาร TIME คงไม่เข้าข้างสามกีบหรอก คงประเมินจากความจริง เพราะพรรคส้มแม้เป็นฝ่ายค้านยังมีอิทธิพลตั้งพรรคอื่นเป็นรัฐบาลได้ โหวตอนุทินเป็นนายกฯได้ แถมกำหนดเวลาให้รัฐบาลยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญได้ด้วย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเบื้องหลังพรรคเพื่อไทยยึด มท.1 เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย เผยที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อทำงานเป็นฝ่ายค้าน แต่ น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่มีคนยุบสภา จึงพูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี โดยวันที่ 14-15 ตุลาคม นี้ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569

    -สงสัยประเพณีรมว.ดีอี 40 ล้าน
    -หนุนแก้ปัญหาชายแดนใต้
    -ตำแหน่งคุ้มกะลาหัว
    -ใช้สีแยกบัตรประชามติ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเบื้องหลังพรรคเพื่อไทยยึด มท.1 เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย เผยที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อทำงานเป็นฝ่ายค้าน แต่ น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่มีคนยุบสภา จึงพูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี โดยวันที่ 14-15 ตุลาคม นี้ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 -สงสัยประเพณีรมว.ดีอี 40 ล้าน -หนุนแก้ปัญหาชายแดนใต้ -ตำแหน่งคุ้มกะลาหัว -ใช้สีแยกบัตรประชามติ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6:2 เดินหน้าวินิจฉัยคดี 'ภูมิธรรม-ทวี' ปมใช้ DSI แทรกแซงการเลือกตั้ง สว. ขัดหลักจริยธรรม
    https://www.thai-tai.tv/news/21689/
    .
    #ศาลรัฐธรรมนูญ #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทวีสอดส่อง #สว #DSI #แทรกแซงการเมือง #มาตรฐานจริยธรรม #ความซื่อสัตย์สุจริต

    ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6:2 เดินหน้าวินิจฉัยคดี 'ภูมิธรรม-ทวี' ปมใช้ DSI แทรกแซงการเลือกตั้ง สว. ขัดหลักจริยธรรม https://www.thai-tai.tv/news/21689/ . #ศาลรัฐธรรมนูญ #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทวีสอดส่อง #สว #DSI #แทรกแซงการเมือง #มาตรฐานจริยธรรม #ความซื่อสัตย์สุจริต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉ "อิ๊งค์" แอบกระซิบเขมร ยึดมท.เตรียมเลือกตั้ง : [THE MESSAGE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยืนยัน ไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในนามส่วนตัวซักคนเดียว เปิดเบื้องหลัง เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนที่รู้จักกันเขาโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย เผย ที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานทำงานเป็นฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงรอให้ยุบสภา แต่หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่มีคนยุบสภา จึงได้พูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น จะมาบอกดราม่าได้ยังไ...
    แฉ "อิ๊งค์" แอบกระซิบเขมร ยึดมท.เตรียมเลือกตั้ง : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยืนยัน ไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในนามส่วนตัวซักคนเดียว เปิดเบื้องหลัง เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนที่รู้จักกันเขาโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย เผย ที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานทำงานเป็นฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงรอให้ยุบสภา แต่หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่มีคนยุบสภา จึงได้พูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น จะมาบอกดราม่าได้ยังไ...
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อะไรที่ดีต่อชาติสนับสนุนเต็มที่,ประหารก่อนค่อยรายงานทีหลัง,ฮ่องเต้มอบกระบี่อาญาสิทธิ์แล้ว.
    ..อ.ไพศาลพลาดไปแล้ว,อยู่เฉยๆนิ่งๆก็ได้ ,รัฐธรรมนูญปี60มันมาจากยุคลุงที่เสีย11จุดให้เขมรจนถึงยุคบิ๊กกุ้งถีบเขมรยึดคืนมาได้ มันก็ชัดเจนแล้วว่าสามารถฉีกทิ้งทัังฉบับก็ได้ เขียนให้ดีใหม่แบบไหนก็ได้แต่มิใช่4เดือนในยุคพ.ศ.นี้, หยิบข้อดีๆในฉบับเก่าๆที่ผ่านมามาต่อยอดให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้รวมปี60นี้ด้วย,

    https://youtube.com/watch?v=YwfcwKrnT0A&si=2IIrhFqT7GBxedL_
    อะไรที่ดีต่อชาติสนับสนุนเต็มที่,ประหารก่อนค่อยรายงานทีหลัง,ฮ่องเต้มอบกระบี่อาญาสิทธิ์แล้ว. ..อ.ไพศาลพลาดไปแล้ว,อยู่เฉยๆนิ่งๆก็ได้ ,รัฐธรรมนูญปี60มันมาจากยุคลุงที่เสีย11จุดให้เขมรจนถึงยุคบิ๊กกุ้งถีบเขมรยึดคืนมาได้ มันก็ชัดเจนแล้วว่าสามารถฉีกทิ้งทัังฉบับก็ได้ เขียนให้ดีใหม่แบบไหนก็ได้แต่มิใช่4เดือนในยุคพ.ศ.นี้, หยิบข้อดีๆในฉบับเก่าๆที่ผ่านมามาต่อยอดให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้รวมปี60นี้ด้วย, https://youtube.com/watch?v=YwfcwKrnT0A&si=2IIrhFqT7GBxedL_
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..555ที่เห็นชัดๆเจนๆตอนนี้คือปัญหาจากการไม่เลือกตรงนายกฯนี้ล่ะ,ผีบ้ามากในแบบปัจจุบัน ทำตามอีลิทสั่งให้ทำเกิน จนบ้านเมืองเลอะเทอะเละ,มโนบางประเด็นหมายเพื่อแก้ไข พรบ.การเลือกตั้งของยุคลุง3ป.ก็ว่า

    ..ตรงไหนมีดีก็คงไว้หรือต่อยอดให้ดีขึ้น,อะไรไม่ดีก็เอามาบอกมากล่าวกับเรา..ประชาชนให้เห็นชัดเจนไปด้วยกัน,เราควรแก้ไขตรงไหนตรงนี้ดีมั้ยมาถามประชาชนก็ดีมาก,อย่าพูดแบบปิดบังแบบไม่อยากเปิดเผยแบบไม่จริงใจแบบแอบซ่อนอำพราง,และมิใช่ถามพอเป็นพิธีแล้วฉันแก้เลย,ตีความวีโต้กันเต็มที่ เรามีกูรูสายดีงามเต็มบ้านเต็มเมืองพร้อมเสนอแสดงความคิดเห็นดีๆเสมอในประเด็นที่สำคัญนั้นๆ,ไม่หมกเม็ดประชาชนแบบในอดีตหรือแบบลักษณะใช้นิสัยสันดานเอาmou43,44ไปให้unเป็นสนธิสัญญาแบบนั้น อธิปไตยดินแดนชาติมันกฎหมายแม่บทแบบรัฐธรรมนูญเลย,ต้องมีบทลงโทษหนักแก่คนกระทำให้อธิปไตยไทยเสื่อมเสียด้วยหรือสูญเสียดินแดนไทยเลยจากปกติทหารไทยเราใช้1:50,000ตามหลักสากล,แต่ไปใช้1:200,000ตามศัตรูภัยรุกรานชาติไทยตน ทำให้ไทยเสียดินแดนทันทีที่1:150,000นั้นมันน้อยๆที่ไหน ลากกินเนื้อที่เข้าอ่าวไทยเราบ่อน้ำมันบ่อทรัพยากรมีค่ามากมายหลากหลายทั้งในทะเลและบนบกอีก แร่เอิร์ธแร่ทองคำเพชรพลอยต่างๆอีกหรือทรัพยากรเรากว่า20ล้านล้านบาทนะมันสูญเสียชัดเจน ไม่เอาเข้าสภาสส.สว.ด้วยถือว่าผิดกฎหมายความมั่นคงทางอธิปไตยไทยชัดเจนด้วย.,ลุแก่อำนาจตนที่มีชั่วคราวไม่กี่ปีแต่สร้างหายนะภัยพิบัติต่อชาติถึงปัจจุบัน ผิดนี้โทษประหารชีวิตได้เลย.,ต้องแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญลักษณะนี้ก่อน.

    ..จริงๆรัฐบาลอนุทินควรมุ่งประเด็นในการแก้ไข พรบ.การเลือกตั้งก่อนดีที่สุด,ไปหมายแก้ทั้งฉบับตามพรรคส้มเลอะเทอะมาก,สุ่มเสี่ยงหมายแก้ ม.112 ร่วมตามน้ำเนียนๆไปด้วย มีนัยยะผิดวิสัยปกติพึงเป็นโดยเฉพาะพรรคประชาชนยกมือให้ตนเป็นนายกฯได้,เพราะเรา..ประชาชนก็เห็นความเป็นจริงว่าพรรคประชาชนมาจากพรรคที่ถูกยุบนั้นเองจากกรณีตามข่าวเต็มบ้านเต็มเมือง,ควรปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีในเนื้อในไส้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี2560ดีกว่าต้องส่วนที่ประชาชนไม่มีเวลาไปเห็นไปอ่านค้นคว้าตีความ ส่อความชั่วร้ายไส้ในมากมายที่เชื่อมโยงกฎหมายลูกต่างๆนั้นจะดีกว่า,อันไหนดีก็คงไว้ เป็นต้น ด้วยเวลา4เดือน สมควรแก้ไขหรือเขียนใหม่ทั้งหมดของกฎหมายการเลือกตั้งนั้น.,สส.มีมากมายจนเลอะเทอะมาก สิ้นเปลืองภาษี,อนาคตAIจะมาร่วมความสะดวกสบายอีก,สส.คนเดียวทั้งจังหวัดจะบัญชาการทิศทางช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตนได้เต็มที่ ไม่สับสนวุ่นวายเกรงใจสส.ในเขตนั้นเขตนี้,ประสานงานกับผู้ว่าฯสายธุรการข้าราชการได้อีกหรือคนในระบบประจำการ มิใช่แบบสส.อยู่วาระไม่เกิน4-5ปี ไม่มีต่ออายุราชการด้วย.,ทำดีก็อยู่ต่อประชาชนเลือกเหมือนเดิม.,การมีสส.มากมายปัจจุบันเลอะเทอะมาก,สว.อีก มาค้านอำนาจสส.เป็นสภาฯเงาของประชาชนก็ได้,แต่ความเป็นจริงผิดผีไปหมด.,เป็นสภาสูงเสีย,เรา..ประเทศไทยต้องจัดการฐานรากหลักนี้ให้มั่นคงก่อนจริงๆ,เรา..ประเทศไทยจะบริหารจัดการง่ายอีก,ใครไม่ดีมาแทรกแซงผ่านสส.สว.เราที่มีไม่มากมีน้อย เราก็รับรู้ดูออกสังเกตุได้ง่าย,ติดสินใจสั่งการก็เด็ดขาดเลยในพื้นที่ตน.

    ..บางช่วงบางตอนที่สมควรแก้ไข และเขียนใหม่.

    #พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดวันเลือกตั้ง

    #สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมควรมีแค่77คนใน77จังหวัดเท่านั้นเพิ่มเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำอำเภอก็พอ.

    #พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี60ต้องโมฆะทั้งหมดและต้องเขียนใหม่ทั้งฉบับเป็นปี69.

    #การเลือกตั้งจัดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี2560ไม่เป็นไปบนพื้นฐานรากเหง้าของหลักประชาธิปไตยอันดีงามที่นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนเท่านั้น. ..ต้องแก้ไขใหม่แบบนี้

    #การคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบปัจจุบันออกแบบมาให้เกิดรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคและต้องตั้งรัฐบาลผสม ..นี้เลอะเทอะต้องแก้ไข สส.ไม่จำเป็นสังกัดพรรค นายกฯไม่จำเป็นสังกัดพรรค รัฐบาลตั้งทีมโดยนายกฯสิทธิขาดได้คนเดียว เชิญใครทั่วไทยมาสร้างทีมสร้างชาติให้ดีงามได้., นายกฯประชาชนเลือกตรงก็ตั้งรัฐบาลได้เลย ไม่ง้อใคร ไม่เสียเวลาบริหารชาติ ,เชิญใครมาเป็นรมต.ได้หมดเพื่อบริหารประเทศให้เป็นไปด้วยคุณทางกุศลต่อประชาชนและประเทศชาติ,ไม่มีสส.ฝ่ายค้าน มีแต่สส.ฝ่ายบริหารชาติก็ได้,เชิญใครออกจากทีมบริหารชาติปรับเปลี่ยนสภาพคล่องคนทำงานเหมาะสมกับเนื้องานหน้างาน ประยุกต์ผสมผสานได้หมด,เพื่อดูแลประชาชนพื้นที่ตน ประเทศชาติตน,นายกฯเชิญมาร่วมรัฐบาลหรือไม่เชิญมาร่วมก็ได้หมด,อำนาจนายกฯมีเสียงเกิน77เสียงสส.และ77เสียงสว.คือ156เสียงนั้นเอง.,อำนาจระบบราชการทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจนายกฯเด็ดขาดและใหญ่ของจริง.,สว.และหรือสส.ที่ไม่ได้รับเชิญสามารถเป็นรัฐบาลเงาร่วมกับสว.ได้.ตรวจสอบการบริหารงานฝ่ายรัฐบาลนั้นเอง.กรณีสส.สว.มี77จังหวัด77คนหรือ154คน.

    #ทุกการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ..นี้ไม่จำเป็นตัดทิ้งได้เลย.

    #สมาชิกวุฒิสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง ..มิใช่แบบปัจจุบัน.

    #ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภารวมกันต้องตั้งแต่376คนขึ้นไป ..นี้ก็ตัดทิ้งไปเลย หากนายกฯเลือกตรงจากประชาชน,ยิ่งสส.สว.มีแค่77คนต่อ77จังหวัดยิ่งบริหารจัดการง่าย,อำนาจจัดตั้งรัฐบาลสิทธิขาดคือนายกฯตั้งทีมเองเต็มที่.,ชาติเสียหาย นายกฯต้องรับผิดชอบทั้งหมดพร้อมคณะชุดบริหาร.

    #นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งตรงจากประชาชน.

    #กฎหมายการเลือกตั้งเปิดให้บุคคลที่มิใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ..ตัดทิ้งตัดออกเลย นายกฯเลือกตั้งตรงจากประชาชน สส.คือนายกฯเป็นอัตโนมัติแล้ว.

    #นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ..ข้อนีัอาจต่อยอดคือ เลือกสส.ก่อนทั่วประเทศก่อน,ประกาศผลใครเป็นสส.ใน77จังหวัด, สส.นั้นจึงสามารถลงสมัครเป็นนายกฯต่อไปได้,นั้นคือ ต้องเลือกสส.ก่อนนั้นเองมิใช่เลือกแบบปัจจุบัน,(ใครจังหวัดใดได้เป็นนายกฯ จังหวัดนั้นๆที่ได้เป็นนายกฯ จะต้องจัดการเลือกตั้งสส.ใหม่ทันทีอีกครั้ง),นายกฯจะเป็นใคร จากตัวแทนจังหวัดไหนที่ทั่วประเทศยอมรับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนระดับชาติเป็นหน้าเป็นตาจังหวัดตน ต้องมีจิตใจตั้งมั่นเพื่อเป็นตัวแทนของทุกๆจังหวัดระดับชาติทันที เป็นตัวแทนของคนไทยทุกๆจังหวัดนั้นเอง ทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศและเพื่อแผ่นดินไทยตนนั้นเอง.

    #พรรคการเมืองแกนนำที่สุมหัวชนะแบบปัจจุบันที่ได้สิทธิเสนอรายชื่อบุคคลให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีได้แบบฟรีสไตล์เช่นสองคนของเพื่อไทยที่ผ่านมา ..นี้ก็ยกเลิกทันทีฉีกกฎนี้ทันที เพราะหากนายกฯเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งประเทศแล้วทั้งสภาฯต้องยอมรับอย่างเดียว.,ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร่วมลงมติพร้อมใจกันแล้วจนชนะการเลือกตั้งมาเป็นนายกฯ สภาฯไม่มีสิทธิไม่ให้คนๆนี้เป็นผู้นำประเทศไทย.,เพื่อมาสร้างชาติพัฒนาชาติไปทางที่ดีงามได้ดั่งเขาคาดหวังลงคะแนนเสียงให้จนชนะการเลือกตั้งครั้งนี้.


    https://youtube.com/shorts/JdcPschsOJs?si=z5WBZVYe_W6okGcI
    ..555ที่เห็นชัดๆเจนๆตอนนี้คือปัญหาจากการไม่เลือกตรงนายกฯนี้ล่ะ,ผีบ้ามากในแบบปัจจุบัน ทำตามอีลิทสั่งให้ทำเกิน จนบ้านเมืองเลอะเทอะเละ,มโนบางประเด็นหมายเพื่อแก้ไข พรบ.การเลือกตั้งของยุคลุง3ป.ก็ว่า ..ตรงไหนมีดีก็คงไว้หรือต่อยอดให้ดีขึ้น,อะไรไม่ดีก็เอามาบอกมากล่าวกับเรา..ประชาชนให้เห็นชัดเจนไปด้วยกัน,เราควรแก้ไขตรงไหนตรงนี้ดีมั้ยมาถามประชาชนก็ดีมาก,อย่าพูดแบบปิดบังแบบไม่อยากเปิดเผยแบบไม่จริงใจแบบแอบซ่อนอำพราง,และมิใช่ถามพอเป็นพิธีแล้วฉันแก้เลย,ตีความวีโต้กันเต็มที่ เรามีกูรูสายดีงามเต็มบ้านเต็มเมืองพร้อมเสนอแสดงความคิดเห็นดีๆเสมอในประเด็นที่สำคัญนั้นๆ,ไม่หมกเม็ดประชาชนแบบในอดีตหรือแบบลักษณะใช้นิสัยสันดานเอาmou43,44ไปให้unเป็นสนธิสัญญาแบบนั้น อธิปไตยดินแดนชาติมันกฎหมายแม่บทแบบรัฐธรรมนูญเลย,ต้องมีบทลงโทษหนักแก่คนกระทำให้อธิปไตยไทยเสื่อมเสียด้วยหรือสูญเสียดินแดนไทยเลยจากปกติทหารไทยเราใช้1:50,000ตามหลักสากล,แต่ไปใช้1:200,000ตามศัตรูภัยรุกรานชาติไทยตน ทำให้ไทยเสียดินแดนทันทีที่1:150,000นั้นมันน้อยๆที่ไหน ลากกินเนื้อที่เข้าอ่าวไทยเราบ่อน้ำมันบ่อทรัพยากรมีค่ามากมายหลากหลายทั้งในทะเลและบนบกอีก แร่เอิร์ธแร่ทองคำเพชรพลอยต่างๆอีกหรือทรัพยากรเรากว่า20ล้านล้านบาทนะมันสูญเสียชัดเจน ไม่เอาเข้าสภาสส.สว.ด้วยถือว่าผิดกฎหมายความมั่นคงทางอธิปไตยไทยชัดเจนด้วย.,ลุแก่อำนาจตนที่มีชั่วคราวไม่กี่ปีแต่สร้างหายนะภัยพิบัติต่อชาติถึงปัจจุบัน ผิดนี้โทษประหารชีวิตได้เลย.,ต้องแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญลักษณะนี้ก่อน. ..จริงๆรัฐบาลอนุทินควรมุ่งประเด็นในการแก้ไข พรบ.การเลือกตั้งก่อนดีที่สุด,ไปหมายแก้ทั้งฉบับตามพรรคส้มเลอะเทอะมาก,สุ่มเสี่ยงหมายแก้ ม.112 ร่วมตามน้ำเนียนๆไปด้วย มีนัยยะผิดวิสัยปกติพึงเป็นโดยเฉพาะพรรคประชาชนยกมือให้ตนเป็นนายกฯได้,เพราะเรา..ประชาชนก็เห็นความเป็นจริงว่าพรรคประชาชนมาจากพรรคที่ถูกยุบนั้นเองจากกรณีตามข่าวเต็มบ้านเต็มเมือง,ควรปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีในเนื้อในไส้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี2560ดีกว่าต้องส่วนที่ประชาชนไม่มีเวลาไปเห็นไปอ่านค้นคว้าตีความ ส่อความชั่วร้ายไส้ในมากมายที่เชื่อมโยงกฎหมายลูกต่างๆนั้นจะดีกว่า,อันไหนดีก็คงไว้ เป็นต้น ด้วยเวลา4เดือน สมควรแก้ไขหรือเขียนใหม่ทั้งหมดของกฎหมายการเลือกตั้งนั้น.,สส.มีมากมายจนเลอะเทอะมาก สิ้นเปลืองภาษี,อนาคตAIจะมาร่วมความสะดวกสบายอีก,สส.คนเดียวทั้งจังหวัดจะบัญชาการทิศทางช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตนได้เต็มที่ ไม่สับสนวุ่นวายเกรงใจสส.ในเขตนั้นเขตนี้,ประสานงานกับผู้ว่าฯสายธุรการข้าราชการได้อีกหรือคนในระบบประจำการ มิใช่แบบสส.อยู่วาระไม่เกิน4-5ปี ไม่มีต่ออายุราชการด้วย.,ทำดีก็อยู่ต่อประชาชนเลือกเหมือนเดิม.,การมีสส.มากมายปัจจุบันเลอะเทอะมาก,สว.อีก มาค้านอำนาจสส.เป็นสภาฯเงาของประชาชนก็ได้,แต่ความเป็นจริงผิดผีไปหมด.,เป็นสภาสูงเสีย,เรา..ประเทศไทยต้องจัดการฐานรากหลักนี้ให้มั่นคงก่อนจริงๆ,เรา..ประเทศไทยจะบริหารจัดการง่ายอีก,ใครไม่ดีมาแทรกแซงผ่านสส.สว.เราที่มีไม่มากมีน้อย เราก็รับรู้ดูออกสังเกตุได้ง่าย,ติดสินใจสั่งการก็เด็ดขาดเลยในพื้นที่ตน. ..บางช่วงบางตอนที่สมควรแก้ไข และเขียนใหม่. #พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดวันเลือกตั้ง #สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมควรมีแค่77คนใน77จังหวัดเท่านั้นเพิ่มเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำอำเภอก็พอ. #พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี60ต้องโมฆะทั้งหมดและต้องเขียนใหม่ทั้งฉบับเป็นปี69. #การเลือกตั้งจัดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี2560ไม่เป็นไปบนพื้นฐานรากเหง้าของหลักประชาธิปไตยอันดีงามที่นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนเท่านั้น. ..ต้องแก้ไขใหม่แบบนี้ #การคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบปัจจุบันออกแบบมาให้เกิดรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคและต้องตั้งรัฐบาลผสม ..นี้เลอะเทอะต้องแก้ไข สส.ไม่จำเป็นสังกัดพรรค นายกฯไม่จำเป็นสังกัดพรรค รัฐบาลตั้งทีมโดยนายกฯสิทธิขาดได้คนเดียว เชิญใครทั่วไทยมาสร้างทีมสร้างชาติให้ดีงามได้., นายกฯประชาชนเลือกตรงก็ตั้งรัฐบาลได้เลย ไม่ง้อใคร ไม่เสียเวลาบริหารชาติ ,เชิญใครมาเป็นรมต.ได้หมดเพื่อบริหารประเทศให้เป็นไปด้วยคุณทางกุศลต่อประชาชนและประเทศชาติ,ไม่มีสส.ฝ่ายค้าน มีแต่สส.ฝ่ายบริหารชาติก็ได้,เชิญใครออกจากทีมบริหารชาติปรับเปลี่ยนสภาพคล่องคนทำงานเหมาะสมกับเนื้องานหน้างาน ประยุกต์ผสมผสานได้หมด,เพื่อดูแลประชาชนพื้นที่ตน ประเทศชาติตน,นายกฯเชิญมาร่วมรัฐบาลหรือไม่เชิญมาร่วมก็ได้หมด,อำนาจนายกฯมีเสียงเกิน77เสียงสส.และ77เสียงสว.คือ156เสียงนั้นเอง.,อำนาจระบบราชการทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจนายกฯเด็ดขาดและใหญ่ของจริง.,สว.และหรือสส.ที่ไม่ได้รับเชิญสามารถเป็นรัฐบาลเงาร่วมกับสว.ได้.ตรวจสอบการบริหารงานฝ่ายรัฐบาลนั้นเอง.กรณีสส.สว.มี77จังหวัด77คนหรือ154คน. #ทุกการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ..นี้ไม่จำเป็นตัดทิ้งได้เลย. #สมาชิกวุฒิสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง ..มิใช่แบบปัจจุบัน. #ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภารวมกันต้องตั้งแต่376คนขึ้นไป ..นี้ก็ตัดทิ้งไปเลย หากนายกฯเลือกตรงจากประชาชน,ยิ่งสส.สว.มีแค่77คนต่อ77จังหวัดยิ่งบริหารจัดการง่าย,อำนาจจัดตั้งรัฐบาลสิทธิขาดคือนายกฯตั้งทีมเองเต็มที่.,ชาติเสียหาย นายกฯต้องรับผิดชอบทั้งหมดพร้อมคณะชุดบริหาร. #นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งตรงจากประชาชน. #กฎหมายการเลือกตั้งเปิดให้บุคคลที่มิใช่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ..ตัดทิ้งตัดออกเลย นายกฯเลือกตั้งตรงจากประชาชน สส.คือนายกฯเป็นอัตโนมัติแล้ว. #นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ..ข้อนีัอาจต่อยอดคือ เลือกสส.ก่อนทั่วประเทศก่อน,ประกาศผลใครเป็นสส.ใน77จังหวัด, สส.นั้นจึงสามารถลงสมัครเป็นนายกฯต่อไปได้,นั้นคือ ต้องเลือกสส.ก่อนนั้นเองมิใช่เลือกแบบปัจจุบัน,(ใครจังหวัดใดได้เป็นนายกฯ จังหวัดนั้นๆที่ได้เป็นนายกฯ จะต้องจัดการเลือกตั้งสส.ใหม่ทันทีอีกครั้ง),นายกฯจะเป็นใคร จากตัวแทนจังหวัดไหนที่ทั่วประเทศยอมรับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนระดับชาติเป็นหน้าเป็นตาจังหวัดตน ต้องมีจิตใจตั้งมั่นเพื่อเป็นตัวแทนของทุกๆจังหวัดระดับชาติทันที เป็นตัวแทนของคนไทยทุกๆจังหวัดนั้นเอง ทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศและเพื่อแผ่นดินไทยตนนั้นเอง. #พรรคการเมืองแกนนำที่สุมหัวชนะแบบปัจจุบันที่ได้สิทธิเสนอรายชื่อบุคคลให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีได้แบบฟรีสไตล์เช่นสองคนของเพื่อไทยที่ผ่านมา ..นี้ก็ยกเลิกทันทีฉีกกฎนี้ทันที เพราะหากนายกฯเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งประเทศแล้วทั้งสภาฯต้องยอมรับอย่างเดียว.,ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร่วมลงมติพร้อมใจกันแล้วจนชนะการเลือกตั้งมาเป็นนายกฯ สภาฯไม่มีสิทธิไม่ให้คนๆนี้เป็นผู้นำประเทศไทย.,เพื่อมาสร้างชาติพัฒนาชาติไปทางที่ดีงามได้ดั่งเขาคาดหวังลงคะแนนเสียงให้จนชนะการเลือกตั้งครั้งนี้. https://youtube.com/shorts/JdcPschsOJs?si=z5WBZVYe_W6okGcI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'หมอวรงค์' ซัด "พรรคประชาชน" ค้าความขัดแย้ง!!! เตือนหยุดขุดผีรัฐประหารสร้างความแตกแยกในสังคม
    https://www.thai-tai.tv/news/21674/
    .
    #วรงค์เดชกิจวิกรม #หัวหน้าพรรคประชาชน #ค้าความขัดแย้ง #รัฐประหาร #ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ #การเมืองไทย #ยุคเศรษฐกิจใหม่ #วรงค์ #อภิปรายนโยบาย
    'หมอวรงค์' ซัด "พรรคประชาชน" ค้าความขัดแย้ง!!! เตือนหยุดขุดผีรัฐประหารสร้างความแตกแยกในสังคม https://www.thai-tai.tv/news/21674/ . #วรงค์เดชกิจวิกรม #หัวหน้าพรรคประชาชน #ค้าความขัดแย้ง #รัฐประหาร #ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ #การเมืองไทย #ยุคเศรษฐกิจใหม่ #วรงค์ #อภิปรายนโยบาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐธรรมนูญใหม่ทำไปเพื่อ? ท้องประชาชนยังไม่อิ่ม นักการเมืองหิวอำนาจ : ข่าวลึกปมลับ 29-09-68
    รัฐธรรมนูญใหม่ทำไปเพื่อ? ท้องประชาชนยังไม่อิ่ม นักการเมืองหิวอำนาจ : ข่าวลึกปมลับ 29-09-68
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 'บวรศักดิ์' แจงท่าทีรัฐบาล ยันสนับสนุนทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่ยกร่างทั้งฉบับ ไม่แตะหมวด 1-2 สอดคล้องคำวินิจฉัยศาล
    https://www.thai-tai.tv/news/21670/
    .
    #บวรศักดิ์อุวรรณโณ #แถลงนโยบายรัฐบาล #แก้รัฐธรรมนูญ #จัดทำประชามติ #MOUไทยกัมพูชา #ไม่แตะหมวด1หมวด2 #รัฐสภา #การเมืองไทย
    'บวรศักดิ์' แจงท่าทีรัฐบาล ยันสนับสนุนทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่ยกร่างทั้งฉบับ ไม่แตะหมวด 1-2 สอดคล้องคำวินิจฉัยศาล https://www.thai-tai.tv/news/21670/ . #บวรศักดิ์อุวรรณโณ #แถลงนโยบายรัฐบาล #แก้รัฐธรรมนูญ #จัดทำประชามติ #MOUไทยกัมพูชา #ไม่แตะหมวด1หมวด2 #รัฐสภา #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เท้งพรรคปชน. แถลงลุยแก้รธน. ประชาชนอยากรู้จะแก้112ใช่มั๊ย? (29/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #พรรคปชน
    #แก้รัฐธรรมนูญ
    #ม112
    เท้งพรรคปชน. แถลงลุยแก้รธน. ประชาชนอยากรู้จะแก้112ใช่มั๊ย? (29/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #พรรคปชน #แก้รัฐธรรมนูญ #ม112
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวไทยหลังขึ้นกล่าวถ้อยแถลงชี้แจงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาบนเวทีสหประชาชาติ แต่กลับถูกนักวิจารณ์ตั้งคำถามว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญเพราะยังไม่ได้แถลงนโยบาย ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน โดยอ้างอิงความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่าเป็นเรื่อง "จำเป็นเร่งด่วน" เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศในเวทีโลกอย่างชัดเจน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093014

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวไทยหลังขึ้นกล่าวถ้อยแถลงชี้แจงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาบนเวทีสหประชาชาติ แต่กลับถูกนักวิจารณ์ตั้งคำถามว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญเพราะยังไม่ได้แถลงนโยบาย ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน โดยอ้างอิงความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่าเป็นเรื่อง "จำเป็นเร่งด่วน" เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศในเวทีโลกอย่างชัดเจน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093014 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไตรศุลี' ชี้แจง รมต.ต่างประเทศ ทำหน้าที่เร่งด่วนที่ UNGA ไม่ขัด รธน.
    https://www.thai-tai.tv/news/21659/
    .
    #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #UNGA80 #รัฐธรรมนูญ #กฤษฎีกา #มาตรา162 #ไตรศุลีไตรสรณกุล #การเมืองไทย #ผลประโยชน์ของประเทศ
    'ไตรศุลี' ชี้แจง รมต.ต่างประเทศ ทำหน้าที่เร่งด่วนที่ UNGA ไม่ขัด รธน. https://www.thai-tai.tv/news/21659/ . #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #UNGA80 #รัฐธรรมนูญ #กฤษฎีกา #มาตรา162 #ไตรศุลีไตรสรณกุล #การเมืองไทย #ผลประโยชน์ของประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไพศาล' ตั้งคำถาม 'สีหศักดิ์' ประชุมยูเอ็นฐานะอะไร ชี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ
    https://www.thai-tai.tv/news/21658/
    .
    #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไพศาลพืชมงคล #ประชุมสหประชาชาติ #รัฐธรรมนูญ #มาตรา162 #แถลงนโยบายต่อรัฐสภา #การเมืองไทย
    'ไพศาล' ตั้งคำถาม 'สีหศักดิ์' ประชุมยูเอ็นฐานะอะไร ชี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ https://www.thai-tai.tv/news/21658/ . #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไพศาลพืชมงคล #ประชุมสหประชาชาติ #รัฐธรรมนูญ #มาตรา162 #แถลงนโยบายต่อรัฐสภา #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 7 “ครู”
    Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง)
    ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน
    ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ !
    Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!)
    กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี)
    แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า
    “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?)
    หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร
    เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต
    ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 7 “ครู” Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง) ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ ! Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!) กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี) แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?) หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทั่นเต้น" ช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 5 ศรีสะเกษ ชี้พรรคยืนหยัด แม้ถูกยุบ 2 ครั้ง-นายกฯ พ้นตำแหน่ง 6 คน
    https://www.thai-tai.tv/news/21648/
    .
    #เพื่อไทย #เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #รัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน #ฮั้วสว #อำนาจกินรวบ #ไทยไท
    "ทั่นเต้น" ช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 5 ศรีสะเกษ ชี้พรรคยืนหยัด แม้ถูกยุบ 2 ครั้ง-นายกฯ พ้นตำแหน่ง 6 คน https://www.thai-tai.tv/news/21648/ . #เพื่อไทย #เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #รัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน #ฮั้วสว #อำนาจกินรวบ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศ.ดร.ไชยันต์ เสนอทางออกจริยธรรมนักการเมือง แนะ สส. ลาออกเอง และฝ่ายค้านทำงานจริงจัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งศาล รธน.
    https://www.thai-tai.tv/news/21638/
    .
    #ไทยไท #จริยธรรมนักการเมือง #ศาลรัฐธรรมนูญ #ไชยันต์ไชยพร #รัฐศาสตร์จุฬาฯ #ฝ่ายค้าน #การเมืองไทย #ลาออก
    ศ.ดร.ไชยันต์ เสนอทางออกจริยธรรมนักการเมือง แนะ สส. ลาออกเอง และฝ่ายค้านทำงานจริงจัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งศาล รธน. https://www.thai-tai.tv/news/21638/ . #ไทยไท #จริยธรรมนักการเมือง #ศาลรัฐธรรมนูญ #ไชยันต์ไชยพร #รัฐศาสตร์จุฬาฯ #ฝ่ายค้าน #การเมืองไทย #ลาออก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระวังสภาสีน้ำเงิน ครอบงำ 'ส.ส.ร.' พรรคประชาชน จุดยืนต้องชัดเจน ภูมิใจไทยยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ ลดสัดส่วนเสียง ส.ว. – เพิ่ม ส.ส.ร. 99 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091703

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ระวังสภาสีน้ำเงิน ครอบงำ 'ส.ส.ร.' พรรคประชาชน จุดยืนต้องชัดเจน ภูมิใจไทยยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ ลดสัดส่วนเสียง ส.ว. – เพิ่ม ส.ส.ร. 99 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091703 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมเดลแก้รัฐธรรมนูญ 'ภูมิใจไทย-ประชาชน-เพื่อไทย' เกมนี้..สีไหนคุมเบ็ดเสร็จ : ข่าวลึกปมลับ 24/09/68
    โมเดลแก้รัฐธรรมนูญ 'ภูมิใจไทย-ประชาชน-เพื่อไทย' เกมนี้..สีไหนคุมเบ็ดเสร็จ : ข่าวลึกปมลับ 24/09/68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี

    คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ

    จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา

    แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง

    อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง

    หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน

    โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

    สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี

    คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ

    #Newskit
    ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts