• PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs

    PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน
    หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น

    มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin
    นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter
    ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC
    เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ

    เป้าหมายหลักคือ SMEs
    ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม
    ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต

    ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin
    รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย
    ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า

    ผลเชิงกลยุทธ์
    ลดต้นทุนการดำเนินงาน
    เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ
    หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต

    https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    💳 PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง 🏦 จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น 🪙 มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน 📊 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter ➡️ ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC ➡️ เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ ✅ เป้าหมายหลักคือ SMEs ➡️ ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม ➡️ ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต ✅ ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin ➡️ รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า ✅ ผลเชิงกลยุทธ์ ➡️ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ➡️ เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ⛔ หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fintech Endgame: PayPal Applies for Industrial Bank Charter to Fund SMEs and Support Crypto
    PayPal seeks an industrial bank charter in Utah to cut reliance on partners, fund small businesses directly, and consolidate its growing cryptocurrency and PYUSD stablecoin operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช

    กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน
    การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ

    ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ
    ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้

    สรุปสาระสำคัญ

    การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด
    โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง

    กลไกชีววิทยา
    ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด

    ความสำคัญทางวิวัฒนาการ
    เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน

    ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
    การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ

    ความเปราะบางของระบบนิเวศ
    หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้

    https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    🌱 พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช 🔬 กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ 🦖 ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง ⚠️ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด ➡️ โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง ✅ กลไกชีววิทยา ➡️ ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด ✅ ความสำคัญทางวิวัฒนาการ ➡️ เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น ✅ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ➡️ เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน ‼️ ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ⛔ การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ ‼️ ความเปราะบางของระบบนิเวศ ⛔ หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    An Ancient Form of Plant Communication Still Lures Pollinators Using Heat
    Blazing colors and enticing scents may be showy, but they're just one part of the toolkit plants use to lure in pollinators.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251215 #TechRadar

    iPadOS 26.2: อัปเดตใหม่ที่ทำให้การทำงานหลายแอปง่ายขึ้น
    Apple ปล่อย iPadOS 26.2 ให้ผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว จุดเด่นคือการปรับปรุงระบบ multitasking ที่เคยถูกถอดออกไปในเวอร์ชันก่อน ตอนนี้กลับมาอีกครั้ง คุณสามารถลากไอคอนแอปจาก Dock หรือ Spotlight ไปเปิดในโหมด Split View หรือ Slide Over ได้สะดวกขึ้น ทำให้การทำงานหลายแอปบนหน้าจอเดียวเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับแต่ง Liquid Glass บนหน้าล็อกสกรีน, ระบบแจ้งเตือนเร่งด่วนใน Reminders, การรองรับตารางใน Freeform, การสร้าง chapter ด้วย AI ใน Podcasts และเนื้อเพลงแบบออฟไลน์ใน Apple Music รวมถึงการปรับปรุงการค้นหาเกมใน Apple Games และดีไซน์ใหม่ใน Apple News เรียกได้ว่าเป็นการอัปเดตที่ยกระดับประสบการณ์ใช้งาน iPad ให้ครบเครื่องมากขึ้น
    https://www.techradar.com/tablets/ipad/ipados-26-2-is-rolling-out-now-and-it-makes-multitasking-much-easier-heres-whats-new

    Biwin Mini SSD: สตอเรจจิ๋วที่เร็วแรง แต่อนาคตยังไม่แน่ชัด
    Biwin เปิดตัว Mini SSD รุ่น CL100 ที่มีขนาดเล็กมากเพียง 15 x 17 x 1.4 มม. น้ำหนักแค่ 1 กรัม แต่ให้ความเร็วอ่านสูงสุด 3700MB/s และเขียน 3400MB/s พร้อมความทนทานกันน้ำ กันฝุ่น และกันตกจากความสูง 3 เมตร ใช้ถอดเปลี่ยนแบบถาด SIM ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในอุปกรณ์พกพา นอกจากนี้ยังมี RD510 Enclosure ที่แปลง Mini SSD ให้เป็นฮาร์ดดิสก์พกพาแบบ USB4 ความเร็วสูง จุดแข็งคือเล็ก ทน และเร็ว แต่ปัญหาคือยังไม่มีผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาร่วมมาตรฐานนี้ ทำให้อนาคตของ Mini SSD อาจซ้ำรอยกับฟอร์แมตเฉพาะที่เคยหายไปในอดีต หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท
    https://www.techradar.com/pro/is-this-the-next-minidisc-exciting-mini-ssd-format-could-suffer-fate-of-sonys-data-format-if-it-doesnt-get-further-backing

    AMD FSR Redstone: เทคโนโลยีอัปสเกลใหม่ที่ยังทำให้หลายคนงง
    AMD เปิดตัว FSR Redstone ที่รวม 4 เทคโนโลยี ได้แก่ FSR Upscaling, Frame Generation, Ray Regeneration และ Radiance Caching แต่การสื่อสารกลับทำให้ผู้ใช้สับสน เพราะบางฟีเจอร์เป็นของเดิมที่เปลี่ยนชื่อ บางฟีเจอร์ยังไม่พร้อมใช้งานจริง เช่น Radiance Caching ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง จุดที่น่าสนใจคือ Frame Generation แบบใหม่ใช้ AI สร้างเฟรมเสริม ทำให้ภาพลื่นขึ้นและคุณภาพดีขึ้น แต่ทั้งหมดนี้รองรับเฉพาะการ์ดจอ RDNA 4 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าอดใช้ แม้จะลงทุนซื้อการ์ดจอราคาแพงไปแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้จึงถูกมองว่าขาดความชัดเจน แต่ก็ยังเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ AMD ไล่ทันคู่แข่งอย่าง Nvidia
    https://www.techradar.com/computing/gpu/confused-about-amds-fsr-redstone-update-youre-not-alone-heres-what-it-all-means-for-pc-gamers

    Affinity & Canva: ปฏิวัติวงการด้วยซอฟต์แวร์ดีไซน์ฟรี
    Ash Hewson ซีอีโอของ Affinity ประกาศว่าแพลตฟอร์มดีไซน์ระดับโปรจะเปิดให้ใช้ฟรีทั้งหมด โดยร่วมมือกับ Canva เพื่อผลักดันแนวคิดว่า “ความคิดสร้างสรรค์ไม่ควรถูกจำกัดด้วยราคา” การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการที่เคยถูกครอบงำด้วยซอฟต์แวร์แบบสมัครสมาชิกแพง ๆ Affinity รุ่นใหม่รวมเครื่องมือเวกเตอร์ การแต่งภาพ และการจัดเลย์เอาต์ไว้ในที่เดียว ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ลดทอนคุณภาพ จุดยืนคือไม่มีการซ่อนเงื่อนไข ไม่มีการเก็บข้อมูลลับ และไม่มีการบังคับใช้ AI ที่ไม่โปร่งใส นี่คือการยืนยันว่าซอฟต์แวร์ดีไซน์สามารถเป็น “สาธารณประโยชน์” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ฟรีตลอดไป
    https://www.techradar.com/pro/software-services/affinity-ceo-reveals-why-canva-and-affinity-made-pro-design-software-free-and-what-that-means-for-creativity

    Amadeus: ซีรีส์ใหม่ที่เล่า rivalry ของ Mozart และ Salieri
    Sky เปิดตัวซีรีส์ Amadeus ที่หยิบเรื่องราวการแข่งขันและความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่าง Mozart และ Salieri มาถ่ายทอดใหม่ในรูปแบบดราม่าเข้มข้น ซีรีส์นี้ผสมผสานความบันเทิงและความดราม่าได้อย่างลงตัว แม้บางตอนจะมีจังหวะช้าลง แต่การแสดงของ Will Sharpe และ Paul Bettany ถูกยกให้เป็นผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตการแสดงของพวกเขา จุดเด่นคือการตีความใหม่ที่ไม่ซ้ำกับเวอร์ชันภาพยนตร์ปี 1984 และยังเพิ่มมิติใหม่ด้วยการเล่าเรื่องการสร้างบทละครของ Peter Shaffer เอง ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่เล่าความขัดแย้ง แต่ยังสะท้อนพลังของดนตรีคลาสสิกที่ยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ชมยุคใหม่
    https://www.techradar.com/streaming/entertainment/amadeus-review-sky

    Toshiba เดินหน้าสู่ยุค HDD ความจุ 55TB
    Toshiba กำลังวางแผนพัฒนา HDD ที่มีความจุสูงถึง 55TB ภายในปี 2030 โดยเริ่มจากรุ่น 40TB ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 ความก้าวหน้าครั้งนี้เกิดจากการเพิ่มจำนวนแผ่นจาน (platters) และการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง MAMR และ HAMR ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม เส้นทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก HDD รุ่น 10TB ในปี 2017 มาจนถึง 24TB ในปัจจุบัน และกำลังจะก้าวไปสู่ระดับที่ใหญ่ที่สุดในตลาด การเปลี่ยนจากแผ่นอลูมิเนียมเป็นแก้วก็ช่วยให้ทนทานและบางลง ทำให้สามารถซ้อนแผ่นได้มากขึ้น ถือเป็นการปูทางสู่ยุคใหม่ของการจัดเก็บข้อมูลขนาดมหึมา
    https://www.techradar.com/pro/toshiba-wants-to-launch-a-55tb-hard-drive-by-2030-40tb-model-set-to-appear-in-2026-new-slides-show

    Android 17 เตรียมเพิ่ม Motion Cues ลดอาการเมารถ
    Google กำลังพัฒนา Motion Cues ฟีเจอร์ใหม่ใน Android 17 ที่ช่วยลดอาการเวียนหัวหรือเมารถเวลามองหน้าจอมือถือระหว่างการเดินทาง ฟีเจอร์นี้จะสร้างจุดเคลื่อนไหวบนหน้าจอให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวจริงของโทรศัพท์ ทำให้สมองไม่สับสนระหว่างภาพที่เห็นกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย แนวคิดนี้คล้ายกับ Vehicle Motion Cues ที่ Apple เปิดตัวใน iOS 18 แต่การนำมาใช้ใน Android ต้องปรับระบบความปลอดภัยเพื่อให้สามารถแสดงผลทับบนหน้าจอได้เต็มรูปแบบ หากการทดสอบผ่านไปด้วยดี เราอาจได้เห็น Motion Cues เปิดตัวพร้อม Android 17 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    https://www.techradar.com/phones/android/android-17-could-finally-introduce-motion-cues-to-combat-motion-sickness-matching-the-same-feature-in-ios

    AI โจมตี SaaS ผ่านการปลอมแปลงตัวตน
    ภัยคุกคามใหม่ในโลกไซเบอร์ไม่ได้เริ่มจากมัลแวร์อีกต่อไป แต่เริ่มจาก “ตัวตน” ที่ถูกขโมยหรือสร้างขึ้นมาอย่างแนบเนียนด้วย AI แฮกเกอร์ใช้เทคโนโลยีสร้างอีเมลปลอมที่เหมือนจริง สร้างภาพถ่ายหรือบุคคลเสมือนเพื่อหลอกลวง และแม้กระทั่งใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลบัญชีที่ถูกขโมยเพื่อหาบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าถึงสูงสุด เมื่อได้ตัวตนที่น่าเชื่อถือแล้ว พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ SaaS ได้โดยตรงโดยไม่ถูกตรวจจับ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ “ตัวตน” กลายเป็นแนวรบหลักของการรักษาความปลอดภัยในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/inside-the-ai-powered-assault-on-saas-why-identity-is-the-weakest-link

    สมาร์ทโฟนปี 2026 ที่จะทำให้คุณตื่นเต้นอีกครั้ง
    แม้หลายคนจะรู้สึกเบื่อกับสมาร์ทโฟนที่ดูคล้ายกันไปหมด แต่ปี 2026 จะมีรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ เช่น Xiaomi 17 Pro Max ที่มีหน้าจอด้านหลังและแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 7,500mAh, Samsung Galaxy Z TriFold ที่พับได้สามตอนกลายเป็นแท็บเล็ต 10 นิ้ว, iPhone Fold ที่คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม iPhone 18 และอาจเป็นรุ่นแรกที่ไม่มีรอยพับให้เห็น รวมถึง OnePlus 16 ที่สืบต่อความแรงจากรุ่นก่อน และ Ayaneo Pocket Play ที่รวมมือถือกับเครื่องเล่นเกมพกพาในเครื่องเดียว ทั้งหมดนี้คือการกลับมาของความตื่นเต้นในโลกสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/bored-with-smartphones-these-5-upcoming-flagships-could-change-your-mind-in-2026

    รีวิว Ring Outdoor Cam Pro กล้องรักษาความปลอดภัย 4K
    Ring เปิดตัว Outdoor Cam Pro กล้องรักษาความปลอดภัยที่มาพร้อมความละเอียด 4K และซูมได้ถึง 10 เท่า ทำให้ภาพคมชัดกว่ารุ่นก่อนมาก กล้องนี้ต้องใช้ไฟบ้านเท่านั้น แต่ข้อดีคือสามารถบันทึกวิดีโอ 24/7 ได้เต็มรูปแบบ หากสมัครแพ็กเกจ Premium ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ฟีเจอร์เด่นคือ Smart Video Search ที่ใช้ AI ค้นหาภาพจากคำ เช่น “คนใส่เสื้อสีแดง” และยังมีเสียงไซเรน 85dB รวมถึงระบบเสียงสองทางเพื่อสื่อสารกับผู้ที่อยู่หน้ากล้อง แม้ราคาจะสูงและต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก แต่คุณภาพของภาพและความสามารถขั้นสูงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่จริงจังสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/home/home-security/ring-outdoor-cam-pro-review
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251215 #TechRadar 📱 iPadOS 26.2: อัปเดตใหม่ที่ทำให้การทำงานหลายแอปง่ายขึ้น Apple ปล่อย iPadOS 26.2 ให้ผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว จุดเด่นคือการปรับปรุงระบบ multitasking ที่เคยถูกถอดออกไปในเวอร์ชันก่อน ตอนนี้กลับมาอีกครั้ง คุณสามารถลากไอคอนแอปจาก Dock หรือ Spotlight ไปเปิดในโหมด Split View หรือ Slide Over ได้สะดวกขึ้น ทำให้การทำงานหลายแอปบนหน้าจอเดียวเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับแต่ง Liquid Glass บนหน้าล็อกสกรีน, ระบบแจ้งเตือนเร่งด่วนใน Reminders, การรองรับตารางใน Freeform, การสร้าง chapter ด้วย AI ใน Podcasts และเนื้อเพลงแบบออฟไลน์ใน Apple Music รวมถึงการปรับปรุงการค้นหาเกมใน Apple Games และดีไซน์ใหม่ใน Apple News เรียกได้ว่าเป็นการอัปเดตที่ยกระดับประสบการณ์ใช้งาน iPad ให้ครบเครื่องมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/tablets/ipad/ipados-26-2-is-rolling-out-now-and-it-makes-multitasking-much-easier-heres-whats-new 💾 Biwin Mini SSD: สตอเรจจิ๋วที่เร็วแรง แต่อนาคตยังไม่แน่ชัด Biwin เปิดตัว Mini SSD รุ่น CL100 ที่มีขนาดเล็กมากเพียง 15 x 17 x 1.4 มม. น้ำหนักแค่ 1 กรัม แต่ให้ความเร็วอ่านสูงสุด 3700MB/s และเขียน 3400MB/s พร้อมความทนทานกันน้ำ กันฝุ่น และกันตกจากความสูง 3 เมตร ใช้ถอดเปลี่ยนแบบถาด SIM ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในอุปกรณ์พกพา นอกจากนี้ยังมี RD510 Enclosure ที่แปลง Mini SSD ให้เป็นฮาร์ดดิสก์พกพาแบบ USB4 ความเร็วสูง จุดแข็งคือเล็ก ทน และเร็ว แต่ปัญหาคือยังไม่มีผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาร่วมมาตรฐานนี้ ทำให้อนาคตของ Mini SSD อาจซ้ำรอยกับฟอร์แมตเฉพาะที่เคยหายไปในอดีต หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-this-the-next-minidisc-exciting-mini-ssd-format-could-suffer-fate-of-sonys-data-format-if-it-doesnt-get-further-backing 🎮 AMD FSR Redstone: เทคโนโลยีอัปสเกลใหม่ที่ยังทำให้หลายคนงง AMD เปิดตัว FSR Redstone ที่รวม 4 เทคโนโลยี ได้แก่ FSR Upscaling, Frame Generation, Ray Regeneration และ Radiance Caching แต่การสื่อสารกลับทำให้ผู้ใช้สับสน เพราะบางฟีเจอร์เป็นของเดิมที่เปลี่ยนชื่อ บางฟีเจอร์ยังไม่พร้อมใช้งานจริง เช่น Radiance Caching ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง จุดที่น่าสนใจคือ Frame Generation แบบใหม่ใช้ AI สร้างเฟรมเสริม ทำให้ภาพลื่นขึ้นและคุณภาพดีขึ้น แต่ทั้งหมดนี้รองรับเฉพาะการ์ดจอ RDNA 4 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าอดใช้ แม้จะลงทุนซื้อการ์ดจอราคาแพงไปแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้จึงถูกมองว่าขาดความชัดเจน แต่ก็ยังเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ AMD ไล่ทันคู่แข่งอย่าง Nvidia 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/confused-about-amds-fsr-redstone-update-youre-not-alone-heres-what-it-all-means-for-pc-gamers 🎨 Affinity & Canva: ปฏิวัติวงการด้วยซอฟต์แวร์ดีไซน์ฟรี Ash Hewson ซีอีโอของ Affinity ประกาศว่าแพลตฟอร์มดีไซน์ระดับโปรจะเปิดให้ใช้ฟรีทั้งหมด โดยร่วมมือกับ Canva เพื่อผลักดันแนวคิดว่า “ความคิดสร้างสรรค์ไม่ควรถูกจำกัดด้วยราคา” การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการที่เคยถูกครอบงำด้วยซอฟต์แวร์แบบสมัครสมาชิกแพง ๆ Affinity รุ่นใหม่รวมเครื่องมือเวกเตอร์ การแต่งภาพ และการจัดเลย์เอาต์ไว้ในที่เดียว ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ลดทอนคุณภาพ จุดยืนคือไม่มีการซ่อนเงื่อนไข ไม่มีการเก็บข้อมูลลับ และไม่มีการบังคับใช้ AI ที่ไม่โปร่งใส นี่คือการยืนยันว่าซอฟต์แวร์ดีไซน์สามารถเป็น “สาธารณประโยชน์” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ฟรีตลอดไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/affinity-ceo-reveals-why-canva-and-affinity-made-pro-design-software-free-and-what-that-means-for-creativity 🎼 Amadeus: ซีรีส์ใหม่ที่เล่า rivalry ของ Mozart และ Salieri Sky เปิดตัวซีรีส์ Amadeus ที่หยิบเรื่องราวการแข่งขันและความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่าง Mozart และ Salieri มาถ่ายทอดใหม่ในรูปแบบดราม่าเข้มข้น ซีรีส์นี้ผสมผสานความบันเทิงและความดราม่าได้อย่างลงตัว แม้บางตอนจะมีจังหวะช้าลง แต่การแสดงของ Will Sharpe และ Paul Bettany ถูกยกให้เป็นผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตการแสดงของพวกเขา จุดเด่นคือการตีความใหม่ที่ไม่ซ้ำกับเวอร์ชันภาพยนตร์ปี 1984 และยังเพิ่มมิติใหม่ด้วยการเล่าเรื่องการสร้างบทละครของ Peter Shaffer เอง ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่เล่าความขัดแย้ง แต่ยังสะท้อนพลังของดนตรีคลาสสิกที่ยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ชมยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/streaming/entertainment/amadeus-review-sky 🖥️ Toshiba เดินหน้าสู่ยุค HDD ความจุ 55TB Toshiba กำลังวางแผนพัฒนา HDD ที่มีความจุสูงถึง 55TB ภายในปี 2030 โดยเริ่มจากรุ่น 40TB ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 ความก้าวหน้าครั้งนี้เกิดจากการเพิ่มจำนวนแผ่นจาน (platters) และการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง MAMR และ HAMR ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม เส้นทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก HDD รุ่น 10TB ในปี 2017 มาจนถึง 24TB ในปัจจุบัน และกำลังจะก้าวไปสู่ระดับที่ใหญ่ที่สุดในตลาด การเปลี่ยนจากแผ่นอลูมิเนียมเป็นแก้วก็ช่วยให้ทนทานและบางลง ทำให้สามารถซ้อนแผ่นได้มากขึ้น ถือเป็นการปูทางสู่ยุคใหม่ของการจัดเก็บข้อมูลขนาดมหึมา 🔗 https://www.techradar.com/pro/toshiba-wants-to-launch-a-55tb-hard-drive-by-2030-40tb-model-set-to-appear-in-2026-new-slides-show 📱 Android 17 เตรียมเพิ่ม Motion Cues ลดอาการเมารถ Google กำลังพัฒนา Motion Cues ฟีเจอร์ใหม่ใน Android 17 ที่ช่วยลดอาการเวียนหัวหรือเมารถเวลามองหน้าจอมือถือระหว่างการเดินทาง ฟีเจอร์นี้จะสร้างจุดเคลื่อนไหวบนหน้าจอให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวจริงของโทรศัพท์ ทำให้สมองไม่สับสนระหว่างภาพที่เห็นกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย แนวคิดนี้คล้ายกับ Vehicle Motion Cues ที่ Apple เปิดตัวใน iOS 18 แต่การนำมาใช้ใน Android ต้องปรับระบบความปลอดภัยเพื่อให้สามารถแสดงผลทับบนหน้าจอได้เต็มรูปแบบ หากการทดสอบผ่านไปด้วยดี เราอาจได้เห็น Motion Cues เปิดตัวพร้อม Android 17 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/android-17-could-finally-introduce-motion-cues-to-combat-motion-sickness-matching-the-same-feature-in-ios 🔒 AI โจมตี SaaS ผ่านการปลอมแปลงตัวตน ภัยคุกคามใหม่ในโลกไซเบอร์ไม่ได้เริ่มจากมัลแวร์อีกต่อไป แต่เริ่มจาก “ตัวตน” ที่ถูกขโมยหรือสร้างขึ้นมาอย่างแนบเนียนด้วย AI แฮกเกอร์ใช้เทคโนโลยีสร้างอีเมลปลอมที่เหมือนจริง สร้างภาพถ่ายหรือบุคคลเสมือนเพื่อหลอกลวง และแม้กระทั่งใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลบัญชีที่ถูกขโมยเพื่อหาบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าถึงสูงสุด เมื่อได้ตัวตนที่น่าเชื่อถือแล้ว พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ SaaS ได้โดยตรงโดยไม่ถูกตรวจจับ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ “ตัวตน” กลายเป็นแนวรบหลักของการรักษาความปลอดภัยในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/inside-the-ai-powered-assault-on-saas-why-identity-is-the-weakest-link 📲 สมาร์ทโฟนปี 2026 ที่จะทำให้คุณตื่นเต้นอีกครั้ง แม้หลายคนจะรู้สึกเบื่อกับสมาร์ทโฟนที่ดูคล้ายกันไปหมด แต่ปี 2026 จะมีรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ เช่น Xiaomi 17 Pro Max ที่มีหน้าจอด้านหลังและแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 7,500mAh, Samsung Galaxy Z TriFold ที่พับได้สามตอนกลายเป็นแท็บเล็ต 10 นิ้ว, iPhone Fold ที่คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม iPhone 18 และอาจเป็นรุ่นแรกที่ไม่มีรอยพับให้เห็น รวมถึง OnePlus 16 ที่สืบต่อความแรงจากรุ่นก่อน และ Ayaneo Pocket Play ที่รวมมือถือกับเครื่องเล่นเกมพกพาในเครื่องเดียว ทั้งหมดนี้คือการกลับมาของความตื่นเต้นในโลกสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/bored-with-smartphones-these-5-upcoming-flagships-could-change-your-mind-in-2026 🏡 รีวิว Ring Outdoor Cam Pro กล้องรักษาความปลอดภัย 4K Ring เปิดตัว Outdoor Cam Pro กล้องรักษาความปลอดภัยที่มาพร้อมความละเอียด 4K และซูมได้ถึง 10 เท่า ทำให้ภาพคมชัดกว่ารุ่นก่อนมาก กล้องนี้ต้องใช้ไฟบ้านเท่านั้น แต่ข้อดีคือสามารถบันทึกวิดีโอ 24/7 ได้เต็มรูปแบบ หากสมัครแพ็กเกจ Premium ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ฟีเจอร์เด่นคือ Smart Video Search ที่ใช้ AI ค้นหาภาพจากคำ เช่น “คนใส่เสื้อสีแดง” และยังมีเสียงไซเรน 85dB รวมถึงระบบเสียงสองทางเพื่อสื่อสารกับผู้ที่อยู่หน้ากล้อง แม้ราคาจะสูงและต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก แต่คุณภาพของภาพและความสามารถขั้นสูงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่จริงจังสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/home/home-security/ring-outdoor-cam-pro-review
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคสสุดล้ำ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอในตัว

    Corsair เปิดตัวเคสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงข้อมูล, ควบคุมระบบ, หรือแม้แต่ใช้เป็นหน้าจอเสริมได้ ถือเป็นการยกระดับการตกแต่งและการใช้งานเคส PC ให้ล้ำสมัยกว่าที่เคย

    Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB เป็นเคสที่รวมเอาหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ขนาด 2560x720 พิกเซลเข้ามาไว้ใต้ห้องหลักของเคส หน้าจอนี้สามารถทำงานเหมือนจอมอนิเตอร์ทั่วไปใน Windows ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างใด ๆ ก็ได้ เช่น การแสดงสถานะฮาร์ดแวร์, วิดเจ็ต, หรือแม้แต่สตรีมแชท

    ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
    หน้าจอ Xeneon Edge รองรับการสัมผัสแบบ 5 จุด และสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ iCUE ของ Corsair เพื่อปรับแต่งการทำงาน เช่น การเปลี่ยนโหมดพลังงาน, การปรับรอบพัดลม, หรือการควบคุมไฟ RGB ได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเกมเมอร์ เช่น แสดงสถิติการสตรีม หรือควบคุม Spotify ผ่านวิดเจ็ต

    ราคาและการจัดจำหน่าย
    Corsair ตั้งราคาชุด Frame 4000D LCD RS ARGB ที่ 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งเคส, ชุดติดตั้ง, และหน้าจอ Xeneon Edge หากซื้อแยกชิ้นส่วนจะมีราคาใกล้เคียงกันแต่ยุ่งยากกว่าในการติดตั้งเอง เคสมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเพื่อให้เข้ากับการจัดธีมของผู้ใช้

    ความหมายต่อวงการ PC
    การเพิ่มหน้าจอสัมผัสในเคสถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องดูโดดเด่น แต่ยังเพิ่มประโยชน์ใช้สอยจริง เช่น การตรวจสอบอุณหภูมิ, การควบคุมระบบ, หรือการใช้เป็นหน้าจอเสริมสำหรับงานและความบันเทิง แนวคิดนี้สะท้อนถึงการที่ผู้ผลิตเริ่มมองเคสไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ใช้งาน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB
    เคสคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge
    ความละเอียด 2560x720 พิกเซล

    ฟังก์ชันการใช้งาน
    รองรับการสัมผัส 5 จุด
    ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ iCUE
    ควบคุมไฟ RGB, พัดลม, โหมดพลังงาน

    ราคาและการจัดจำหน่าย
    ราคา 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ
    มีสีดำและสีขาวให้เลือก

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ราคาสูงเมื่อเทียบกับเคสทั่วไป
    ใช้พลังงานและพื้นที่มากขึ้น
    อาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการปรับแต่งหรือโชว์เครื่อง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/corsair-builds-multi-function-touchscreen-lcd-into-a-usd400-case-frame-4000d-enclosure-gets-a-modular-xeneon-edge-upgrade
    🖥️ เคสสุดล้ำ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอในตัว Corsair เปิดตัวเคสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงข้อมูล, ควบคุมระบบ, หรือแม้แต่ใช้เป็นหน้าจอเสริมได้ ถือเป็นการยกระดับการตกแต่งและการใช้งานเคส PC ให้ล้ำสมัยกว่าที่เคย Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB เป็นเคสที่รวมเอาหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ขนาด 2560x720 พิกเซลเข้ามาไว้ใต้ห้องหลักของเคส หน้าจอนี้สามารถทำงานเหมือนจอมอนิเตอร์ทั่วไปใน Windows ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างใด ๆ ก็ได้ เช่น การแสดงสถานะฮาร์ดแวร์, วิดเจ็ต, หรือแม้แต่สตรีมแชท 🎮 ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย หน้าจอ Xeneon Edge รองรับการสัมผัสแบบ 5 จุด และสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ iCUE ของ Corsair เพื่อปรับแต่งการทำงาน เช่น การเปลี่ยนโหมดพลังงาน, การปรับรอบพัดลม, หรือการควบคุมไฟ RGB ได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเกมเมอร์ เช่น แสดงสถิติการสตรีม หรือควบคุม Spotify ผ่านวิดเจ็ต ⚡ ราคาและการจัดจำหน่าย Corsair ตั้งราคาชุด Frame 4000D LCD RS ARGB ที่ 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งเคส, ชุดติดตั้ง, และหน้าจอ Xeneon Edge หากซื้อแยกชิ้นส่วนจะมีราคาใกล้เคียงกันแต่ยุ่งยากกว่าในการติดตั้งเอง เคสมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเพื่อให้เข้ากับการจัดธีมของผู้ใช้ 🔍 ความหมายต่อวงการ PC การเพิ่มหน้าจอสัมผัสในเคสถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องดูโดดเด่น แต่ยังเพิ่มประโยชน์ใช้สอยจริง เช่น การตรวจสอบอุณหภูมิ, การควบคุมระบบ, หรือการใช้เป็นหน้าจอเสริมสำหรับงานและความบันเทิง แนวคิดนี้สะท้อนถึงการที่ผู้ผลิตเริ่มมองเคสไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ใช้งาน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB ➡️ เคสคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ➡️ ความละเอียด 2560x720 พิกเซล ✅ ฟังก์ชันการใช้งาน ➡️ รองรับการสัมผัส 5 จุด ➡️ ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ iCUE ➡️ ควบคุมไฟ RGB, พัดลม, โหมดพลังงาน ✅ ราคาและการจัดจำหน่าย ➡️ ราคา 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ มีสีดำและสีขาวให้เลือก ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ราคาสูงเมื่อเทียบกับเคสทั่วไป ⛔ ใช้พลังงานและพื้นที่มากขึ้น ⛔ อาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการปรับแต่งหรือโชว์เครื่อง https://www.tomshardware.com/tech-industry/corsair-builds-multi-function-touchscreen-lcd-into-a-usd400-case-frame-4000d-enclosure-gets-a-modular-xeneon-edge-upgrade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • งวงยุงกับการพิมพ์ 3D

    ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย McGill ที่นำ งวงดูดเลือดของยุงตัวเมียที่ตายแล้ว (proboscis) มาใช้เป็นหัวฉีดสำหรับเครื่องพิมพ์ 3D ความละเอียดสูง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดกว่าเทคโนโลยีหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่เรียกว่า “Necroprinting”

    นักวิจัยพบว่าโครงสร้างงวงของยุงมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้นถึง 100% ทำให้สามารถพิมพ์วัตถุที่มีพื้นผิวเรียบและละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การบินอวกาศ ทันตกรรม และชีวการแพทย์

    การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป
    หัวฉีดเชิงพาณิชย์ที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยราว 80 ดอลลาร์ต่อหัว และทำจากพลาสติกหรือโลหะที่ไม่ย่อยสลาย ขณะที่งวงยุงมีคุณสมบัติ ตรงและทนแรงดันได้ถึง 60 กิโลพาสคาล อีกทั้งยัง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้เป็นวัสดุที่มีศักยภาพทั้งด้านต้นทุนและสิ่งแวดล้อม

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์
    ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยทดลองใช้ เหล็กในของแมลง สายรากพืช และเขี้ยวงู แต่พบว่างวงยุงมีความเหมาะสมที่สุด การค้นพบนี้สะท้อนถึงการนำโครงสร้างทางชีววิทยาที่วิวัฒนาการมาหลายล้านปีมาใช้ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ และอาจนำไปสู่การพัฒนา หัวฉีดชีวภาพรุ่นใหม่ ที่มีความละเอียดสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ความท้าทายและอนาคต
    แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ทีม McGill กำลังพัฒนา โครงสร้างเสริม (bioscaffold) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของงวงยุงที่เปราะบาง หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การผลิตหัวฉีดชีวภาพในเชิงพาณิชย์ และเปิดทางให้การพิมพ์ 3D ก้าวไปอีกขั้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    ใช้งวงยุงตัวเมียเป็นหัวฉีด 3D
    เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร

    การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป
    หัวฉีดเชิงพาณิชย์ราคา ~80 ดอลลาร์
    งวงยุงตรง ทนแรงดัน และย่อยสลายได้

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์
    เคยทดลองใช้เขี้ยวงูและเหล็กในแมลง แต่ไม่เหมาะสม
    งวงยุงเป็นวัสดุที่มีศักยภาพสูงสุด

    ความท้าทายและอนาคต
    ต้องพัฒนา bioscaffold เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
    อาจนำไปสู่หัวฉีดชีวภาพเชิงพาณิชย์

    คำเตือนต่อการใช้งาน
    งวงยุงมีความเปราะบาง อาจไม่ทนต่อการใช้งานหนัก
    ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้เชิงอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/dead-mosquito-proboscis-used-for-high-resolution-3d-printing-nozzle-scientists-boast-of-the-extremely-fine-output-from-necroprinting
    🦟 งวงยุงกับการพิมพ์ 3D ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย McGill ที่นำ งวงดูดเลือดของยุงตัวเมียที่ตายแล้ว (proboscis) มาใช้เป็นหัวฉีดสำหรับเครื่องพิมพ์ 3D ความละเอียดสูง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดกว่าเทคโนโลยีหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่เรียกว่า “Necroprinting” นักวิจัยพบว่าโครงสร้างงวงของยุงมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้นถึง 100% ทำให้สามารถพิมพ์วัตถุที่มีพื้นผิวเรียบและละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การบินอวกาศ ทันตกรรม และชีวการแพทย์ 🏭 การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป หัวฉีดเชิงพาณิชย์ที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยราว 80 ดอลลาร์ต่อหัว และทำจากพลาสติกหรือโลหะที่ไม่ย่อยสลาย ขณะที่งวงยุงมีคุณสมบัติ ตรงและทนแรงดันได้ถึง 60 กิโลพาสคาล อีกทั้งยัง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้เป็นวัสดุที่มีศักยภาพทั้งด้านต้นทุนและสิ่งแวดล้อม 🌍 ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยทดลองใช้ เหล็กในของแมลง สายรากพืช และเขี้ยวงู แต่พบว่างวงยุงมีความเหมาะสมที่สุด การค้นพบนี้สะท้อนถึงการนำโครงสร้างทางชีววิทยาที่วิวัฒนาการมาหลายล้านปีมาใช้ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ และอาจนำไปสู่การพัฒนา หัวฉีดชีวภาพรุ่นใหม่ ที่มีความละเอียดสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 🔒 ความท้าทายและอนาคต แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ทีม McGill กำลังพัฒนา โครงสร้างเสริม (bioscaffold) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของงวงยุงที่เปราะบาง หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การผลิตหัวฉีดชีวภาพในเชิงพาณิชย์ และเปิดทางให้การพิมพ์ 3D ก้าวไปอีกขั้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ ใช้งวงยุงตัวเมียเป็นหัวฉีด 3D ➡️ เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ✅ การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป ➡️ หัวฉีดเชิงพาณิชย์ราคา ~80 ดอลลาร์ ➡️ งวงยุงตรง ทนแรงดัน และย่อยสลายได้ ✅ ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์ ➡️ เคยทดลองใช้เขี้ยวงูและเหล็กในแมลง แต่ไม่เหมาะสม ➡️ งวงยุงเป็นวัสดุที่มีศักยภาพสูงสุด ✅ ความท้าทายและอนาคต ➡️ ต้องพัฒนา bioscaffold เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ➡️ อาจนำไปสู่หัวฉีดชีวภาพเชิงพาณิชย์ ‼️ คำเตือนต่อการใช้งาน ⛔ งวงยุงมีความเปราะบาง อาจไม่ทนต่อการใช้งานหนัก ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้เชิงอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/3d-printing/dead-mosquito-proboscis-used-for-high-resolution-3d-printing-nozzle-scientists-boast-of-the-extremely-fine-output-from-necroprinting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เฟิร์นสร้างผลึกแร่หายากได้เอง – เปิดทางสู่การทำเหมืองสีเขียว”

    นักวิทยาศาสตร์จาก Chinese Academy of Sciences ค้นพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเฟิร์น Blechnum orientale ซึ่งสามารถสะสมและสร้างผลึกแร่หายาก (Rare Earth Elements – REEs) ภายในเนื้อเยื่อของมันเอง โดยผลึกที่พบคือ monazite ซึ่งปกติแล้วต้องใช้ความร้อนและแรงดันสูงใต้พื้นโลกในการก่อตัว แต่เฟิร์นกลับสามารถสร้างได้ในสภาพธรรมชาติที่อ่อนโยน

    สิ่งนี้ถือเป็นการยืนยันว่าเฟิร์นชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็น hyperaccumulator plant ที่ดูดซับโลหะจากดินได้ แต่ยังสามารถเปลี่ยนโลหะเหล่านั้นให้กลายเป็นผลึกแร่ที่มีมูลค่าสูง เช่น neodymium, lanthanum และ cerium ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสะอาด ตั้งแต่กังหันลมไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์

    การค้นพบนี้เปิดมิติใหม่ของแนวคิด phytomining หรือการทำเหมืองโดยใช้พืช ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมืองแบบดั้งเดิม นักวิจัยเชื่อว่าหากสามารถพัฒนาเทคนิคในการสกัดผลึก monazite จากพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการปฏิวัติการจัดหาทรัพยากรโลหะหายากที่โลกกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน

    อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการนำไปใช้จริง เช่น การสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร และการตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำเช่นเดียวกันได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองกับเฟิร์นอีกชนิดหนึ่งคือ Dicranopteris linearis แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามันสามารถสร้างผลึกได้เช่นเดียวกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่ในเฟิร์น Blechnum orientale
    สร้างผลึก monazite ภายในเนื้อเยื่อ
    ใช้ REEs เช่น neodymium, lanthanum, cerium

    ความสำคัญต่อเทคโนโลยี
    REEs เป็นหัวใจของกังหันลม คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การแพทย์
    การสร้างผลึกในพืชอาจลดการพึ่งพาการทำเหมืองแบบดั้งเดิม

    แนวคิด phytomining
    ใช้พืชเป็นเครื่องมือดึงโลหะจากดิน
    อาจเป็นวิธีการจัดหาทรัพยากรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ความท้าทายและการวิจัยต่อเนื่อง
    ต้องหาวิธีสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร
    กำลังตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำได้เช่นกัน

    คำเตือนด้านการนำไปใช้จริง
    การสกัดผลึกจากพืชยังไม่สมบูรณ์ อาจสูญเสีย REEs จำนวนมาก
    ต้องระวังผลกระทบต่อระบบนิเวศหากมีการปลูกพืช hyperaccumulator ในวงกว้าง
    ยังไม่แน่ชัดว่าพืชทุกชนิดสามารถสร้างผลึกได้เหมือน Blechnum orientale

    https://www.sciencealert.com/rare-earth-element-crystals-found-forming-in-a-plant-for-the-first-time
    🌱 “เฟิร์นสร้างผลึกแร่หายากได้เอง – เปิดทางสู่การทำเหมืองสีเขียว” นักวิทยาศาสตร์จาก Chinese Academy of Sciences ค้นพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเฟิร์น Blechnum orientale ซึ่งสามารถสะสมและสร้างผลึกแร่หายาก (Rare Earth Elements – REEs) ภายในเนื้อเยื่อของมันเอง โดยผลึกที่พบคือ monazite ซึ่งปกติแล้วต้องใช้ความร้อนและแรงดันสูงใต้พื้นโลกในการก่อตัว แต่เฟิร์นกลับสามารถสร้างได้ในสภาพธรรมชาติที่อ่อนโยน สิ่งนี้ถือเป็นการยืนยันว่าเฟิร์นชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็น hyperaccumulator plant ที่ดูดซับโลหะจากดินได้ แต่ยังสามารถเปลี่ยนโลหะเหล่านั้นให้กลายเป็นผลึกแร่ที่มีมูลค่าสูง เช่น neodymium, lanthanum และ cerium ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสะอาด ตั้งแต่กังหันลมไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์ การค้นพบนี้เปิดมิติใหม่ของแนวคิด phytomining หรือการทำเหมืองโดยใช้พืช ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมืองแบบดั้งเดิม นักวิจัยเชื่อว่าหากสามารถพัฒนาเทคนิคในการสกัดผลึก monazite จากพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการปฏิวัติการจัดหาทรัพยากรโลหะหายากที่โลกกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการนำไปใช้จริง เช่น การสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร และการตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำเช่นเดียวกันได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองกับเฟิร์นอีกชนิดหนึ่งคือ Dicranopteris linearis แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามันสามารถสร้างผลึกได้เช่นเดียวกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ในเฟิร์น Blechnum orientale ➡️ สร้างผลึก monazite ภายในเนื้อเยื่อ ➡️ ใช้ REEs เช่น neodymium, lanthanum, cerium ✅ ความสำคัญต่อเทคโนโลยี ➡️ REEs เป็นหัวใจของกังหันลม คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การแพทย์ ➡️ การสร้างผลึกในพืชอาจลดการพึ่งพาการทำเหมืองแบบดั้งเดิม ✅ แนวคิด phytomining ➡️ ใช้พืชเป็นเครื่องมือดึงโลหะจากดิน ➡️ อาจเป็นวิธีการจัดหาทรัพยากรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✅ ความท้าทายและการวิจัยต่อเนื่อง ➡️ ต้องหาวิธีสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร ➡️ กำลังตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำได้เช่นกัน ‼️ คำเตือนด้านการนำไปใช้จริง ⛔ การสกัดผลึกจากพืชยังไม่สมบูรณ์ อาจสูญเสีย REEs จำนวนมาก ⛔ ต้องระวังผลกระทบต่อระบบนิเวศหากมีการปลูกพืช hyperaccumulator ในวงกว้าง ⛔ ยังไม่แน่ชัดว่าพืชทุกชนิดสามารถสร้างผลึกได้เหมือน Blechnum orientale https://www.sciencealert.com/rare-earth-element-crystals-found-forming-in-a-plant-for-the-first-time
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Rare Earth Element Crystals Found Forming in a Plant For The First Time
    Scientists have just discovered an incredible superpower hidden away in the tissues of the fern Blechnum orientale, a plant that can collect and store rare earth elements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nano Banana – AI สร้างภาพที่เข้าใจคำสั่งลึกซึ้ง”

    Nano Banana คือชื่อเล่นของโมเดล Gemini 2.5 Flash Image ของ Google ที่สร้างกระแสในปี 2025 เพราะสามารถทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่ารุ่นก่อน ๆ จุดเด่นคือการใช้โมเดลแบบ autoregressive ที่สามารถตีความคำสั่งยาว ๆ และซับซ้อนได้ดีกว่าโมเดล diffusion แบบเดิม

    สิ่งที่ทำให้ Nano Banana น่าสนใจคือความสามารถในการแก้ไขภาพตามคำสั่งเฉพาะ เช่น เพิ่มวัตถุในตำแหน่งที่กำหนด หรือปรับองค์ประกอบภาพโดยไม่กระทบส่วนอื่น ๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้ JSON หรือ HTML เป็นคำสั่งเพื่อสร้างภาพที่ซับซ้อน เช่นการออกแบบตัวละคร หรือแม้แต่การเรนเดอร์หน้าเว็บ ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการใช้ AI ในงานสร้างสรรค์

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    จุดเด่นของ Nano Banana
    ใช้โมเดล autoregressive ที่ตีความคำสั่งได้ละเอียด
    รองรับ prompt ยาวถึง 32,768 tokens

    ความสามารถพิเศษ
    แก้ไขภาพเฉพาะส่วนได้แม่นยำ
    รองรับการใช้ JSON/HTML เป็นคำสั่งสร้างภาพ

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างภาพ “แพนเคกกะโหลก” พร้อมน้ำเชื่อมและผลไม้ตามคำสั่ง
    สร้างภาพตัวละครผสม Paladin + Pirate + Barista ตาม JSON

    คำเตือน
    มีความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ เพราะสามารถสร้างภาพจาก IP ดัง ๆ ได้
    ระบบ moderation ยังอ่อน อาจถูกใช้สร้างภาพไม่เหมาะสม

    https://minimaxir.com/2025/11/nano-banana-prompts/
    🍌 “Nano Banana – AI สร้างภาพที่เข้าใจคำสั่งลึกซึ้ง” Nano Banana คือชื่อเล่นของโมเดล Gemini 2.5 Flash Image ของ Google ที่สร้างกระแสในปี 2025 เพราะสามารถทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่ารุ่นก่อน ๆ จุดเด่นคือการใช้โมเดลแบบ autoregressive ที่สามารถตีความคำสั่งยาว ๆ และซับซ้อนได้ดีกว่าโมเดล diffusion แบบเดิม สิ่งที่ทำให้ Nano Banana น่าสนใจคือความสามารถในการแก้ไขภาพตามคำสั่งเฉพาะ เช่น เพิ่มวัตถุในตำแหน่งที่กำหนด หรือปรับองค์ประกอบภาพโดยไม่กระทบส่วนอื่น ๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้ JSON หรือ HTML เป็นคำสั่งเพื่อสร้างภาพที่ซับซ้อน เช่นการออกแบบตัวละคร หรือแม้แต่การเรนเดอร์หน้าเว็บ ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการใช้ AI ในงานสร้างสรรค์ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ จุดเด่นของ Nano Banana ➡️ ใช้โมเดล autoregressive ที่ตีความคำสั่งได้ละเอียด ➡️ รองรับ prompt ยาวถึง 32,768 tokens ✅ ความสามารถพิเศษ ➡️ แก้ไขภาพเฉพาะส่วนได้แม่นยำ ➡️ รองรับการใช้ JSON/HTML เป็นคำสั่งสร้างภาพ ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างภาพ “แพนเคกกะโหลก” พร้อมน้ำเชื่อมและผลไม้ตามคำสั่ง ➡️ สร้างภาพตัวละครผสม Paladin + Pirate + Barista ตาม JSON ‼️ คำเตือน ⛔ มีความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ เพราะสามารถสร้างภาพจาก IP ดัง ๆ ได้ ⛔ ระบบ moderation ยังอ่อน อาจถูกใช้สร้างภาพไม่เหมาะสม https://minimaxir.com/2025/11/nano-banana-prompts/
    MINIMAXIR.COM
    Nano Banana can be prompt engineered for extremely nuanced AI image generation
    Nano Banana allows 32,768 input tokens and I’m going to try to use them all dammit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่ยักษ์ DSI ขอบคุณทีมปานเทพ ลั่นเป็นมิติใหม่ในคดีแตงโม (13/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #DSI #อปานเทพ #คดีแตงโม #แตงโมนิดา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวดัง #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    พี่ยักษ์ DSI ขอบคุณทีมปานเทพ ลั่นเป็นมิติใหม่ในคดีแตงโม (13/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #DSI #อปานเทพ #คดีแตงโม #แตงโมนิดา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวดัง #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • O.P.K
    ดร.อัจฯ
    เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา

    เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง

    วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว

    พ.ศ. 2048-2060

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C
    C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี:

    · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย
    · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?"
    · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ"

    วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา

    มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted

    · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้
    · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์"
    · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้"

    การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075)

    เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้"
    การฝึกฝน:

    · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน
    · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า
    · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้

    คำบอกเล่าจากพระอาจารย์:
    "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า...
    สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ"

    จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว

    พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร]
    B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D
    C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D
    D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน]
    E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้...
    แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก"

    การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077)

    แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์"
    แรงจูงใจที่แท้จริง:

    1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย
    2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก
    3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ"

    การทดลองที่สำคัญ

    โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง

    · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก
    · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้
    · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์

    โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต

    · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก
    · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้
    · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์

    โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์

    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม
    · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล
    · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้

    ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว

    สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ

    ```
    การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ)
    ```

    ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ

    1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู
    2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม
    3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ

    ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ

    ความสัมพันธ์กับทีมงาน

    · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง
    · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค
    · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

    ชีวิตส่วนตัว

    · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน
    · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ
    · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์"

    จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา

    การรู้สึกตัวว่าผิดทาง

    บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน:
    "บางครั้งฉันสงสัย...
    การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์
    อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้"

    การยอมรับความผิด

    ในการสอบสวน:
    "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย...
    การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์"

    🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก

    การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา
    · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด"
    · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars

    คำสอนใหม่

    "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์...
    แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง
    เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ
    จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ"

    มรดกทางความคิด

    สิ่งที่เขาทิ้งไว้

    1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด
    2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ
    3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ

    คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ

    "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ...
    ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน
    และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น"

    บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี

    ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ...
    "ความดีที่ขาดปัญญา"
    "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ"
    "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง"

    แต่ในที่สุด...
    การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา
    กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน

    เขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด
    จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด
    และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ:
    "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล...
    แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง
    และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    O.P.K ดร.อัจฯ 🔍 เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา 🧬 เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง 👶 วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว พ.ศ. 2048-2060 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี: · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?" · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ" 🎓 วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้ · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์" · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้" 🏛️ การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075) เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้" การฝึกฝน: · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้ คำบอกเล่าจากพระอาจารย์: "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า... สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ" 💔 จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ ```mermaid graph TB A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร] B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน] E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้... แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก" 🔬 การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077) แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์" แรงจูงใจที่แท้จริง: 1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย 2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก 3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ" 🧪 การทดลองที่สำคัญ โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้ · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์ โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้ · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์ โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้ 🎯 ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ ``` การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ) ``` ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ 1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู 2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม 3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ 💼 ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ ความสัมพันธ์กับทีมงาน · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตส่วนตัว · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์" 🚨 จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา การรู้สึกตัวว่าผิดทาง บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน: "บางครั้งฉันสงสัย... การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์ อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้" การยอมรับความผิด ในการสอบสวน: "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย... การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์" 🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด" · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars คำสอนใหม่ "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์... แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ" 🌟 มรดกทางความคิด สิ่งที่เขาทิ้งไว้ 1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด 2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ 3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ... ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น" 💫 บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ... "ความดีที่ขาดปัญญา" "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ" "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง" แต่ในที่สุด... การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน เขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ: "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล... แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดยอดงานสไลซ์! #หมูแดงบางเฉียบ ต้องเครื่องนี้เท่านั้น!

    เปิดมิติใหม่ให้ร้านข้าวหมูแดง/ก๋วยเตี๋ยวของคุณ ด้วย เครื่องสไลซ์เนื้อ 12" Auto (300E) จาก ย.ยงหะเฮง! เราทำได้มากกว่าชาบู! สไลซ์ "หมูแดง" ได้บางถึง 1 มิลลิเมตร สวยใส น่าทาน ไม่ต้องใช้มีดให้เปลืองแรงและเสียเวลา!

    รายละเอียดเครื่องที่คุณต้องรู้!

    ระบบ Full Auto: แค่กดปุ่ม เครื่องก็ทำงานสไลซ์ให้อัตโนมัติ (ปุ่มควบคุมกันน้ำ)

    ใบมีด 12 นิ้ว (300 มม.): ทำจาก สแตนเลส เกรด 304 นำเข้าจากอิตาลี คม ทนทาน ไม่เป็นสนิมง่าย

    ความแม่นยำสูง: ปรับความหนาได้ละเอียดตั้งแต่ 1 มม. ถึง 15 มม. ต้องการบางแค่ไหนก็สั่งได้!

    มอเตอร์คู่ทรงพลัง: ใช้มอเตอร์ 2 ตัว (ใบมีด 250W. / ตัวสไลซ์ 300W.) กำลังรวม 550W. ทำงานต่อเนื่องไม่สะดุด

    กำลังการผลิต: สไลซ์ได้รวดเร็วทันใจถึง 35-38 ชิ้นต่อนาที เหมาะสำหรับร้านที่ขายดี ลูกค้าเยอะ!

    พร้อมหินลับมีดในตัว: ลับคมง่าย ไม่ต้องถอดใบมีด ไม่ต้องเสียเวลา

    โครงสร้างแข็งแรง: ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม ตัวจานบีบเนื้อเป็นสแตนเลส 304 น้ำหนักเครื่อง 44 กก. มั่นคง ไม่สั่น

    ข้อแนะนำ: สไลซ์เนื้อแช่แข็งได้สวยที่สุด (อุณหภูมิเนื้อไม่ควรเกิน -5°C)

    ลงทุนครั้งเดียว ได้งานพรีเมียม สม่ำเสมอ ควบคุมต้นทุนได้ง่าย!

    มั่นใจด้วย รับประกันสินค้า 1 ปี และ บริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญ!

    สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ:
    ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA
    เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. | เสาร์: 9.00-16.00 น.
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9


    #เครื่องสไลซ์เนื้อ #เครื่องสไลซ์หมู #เครื่องสไลซ์ออโต้ #MeatSlicer #MeatSlicer12นิ้ว #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องครัวร้านอาหาร #ยยงหะเฮง #อุปกรณ์ชาบู #อุปกรณ์หมูกระทะ #หมูสไลซ์ #เนื้อสไลซ์ #หมูแดง #ข้าวหมูแดง #เปิดร้านชาบู #ธุรกิจอาหาร #ครัวมืออาชีพ #FoodProcessor #FoodEquipment #StainlessSteel304 #เครื่อง300E #สไลซ์บาง #สไลซ์1มิล #เนื้อแช่แข็ง #ColdCuts #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพ #เครื่องสไลด์ #โรงงานแปรรูป
    🥩 สุดยอดงานสไลซ์! #หมูแดงบางเฉียบ ต้องเครื่องนี้เท่านั้น! 🍜 เปิดมิติใหม่ให้ร้านข้าวหมูแดง/ก๋วยเตี๋ยวของคุณ ด้วย เครื่องสไลซ์เนื้อ 12" Auto (300E) จาก ย.ยงหะเฮง! เราทำได้มากกว่าชาบู! สไลซ์ "หมูแดง" ได้บางถึง 1 มิลลิเมตร สวยใส น่าทาน ไม่ต้องใช้มีดให้เปลืองแรงและเสียเวลา! ✅ รายละเอียดเครื่องที่คุณต้องรู้! ระบบ Full Auto: แค่กดปุ่ม เครื่องก็ทำงานสไลซ์ให้อัตโนมัติ (ปุ่มควบคุมกันน้ำ) ใบมีด 12 นิ้ว (300 มม.): ทำจาก สแตนเลส เกรด 304 นำเข้าจากอิตาลี คม ทนทาน ไม่เป็นสนิมง่าย ความแม่นยำสูง: ปรับความหนาได้ละเอียดตั้งแต่ 1 มม. ถึง 15 มม. ต้องการบางแค่ไหนก็สั่งได้! มอเตอร์คู่ทรงพลัง: ใช้มอเตอร์ 2 ตัว (ใบมีด 250W. / ตัวสไลซ์ 300W.) กำลังรวม 550W. ทำงานต่อเนื่องไม่สะดุด กำลังการผลิต: สไลซ์ได้รวดเร็วทันใจถึง 35-38 ชิ้นต่อนาที เหมาะสำหรับร้านที่ขายดี ลูกค้าเยอะ! พร้อมหินลับมีดในตัว: ลับคมง่าย ไม่ต้องถอดใบมีด ไม่ต้องเสียเวลา โครงสร้างแข็งแรง: ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม ตัวจานบีบเนื้อเป็นสแตนเลส 304 น้ำหนักเครื่อง 44 กก. มั่นคง ไม่สั่น ข้อแนะนำ: สไลซ์เนื้อแช่แข็งได้สวยที่สุด (อุณหภูมิเนื้อไม่ควรเกิน -5°C) 💰 ลงทุนครั้งเดียว ได้งานพรีเมียม สม่ำเสมอ ควบคุมต้นทุนได้ง่าย! มั่นใจด้วย ✅รับประกันสินค้า 1 ปี และ ✅บริการหลังการขายโดยช่างผู้ชำนาญ! 📍 สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. | เสาร์: 9.00-16.00 น. โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 #เครื่องสไลซ์เนื้อ #เครื่องสไลซ์หมู #เครื่องสไลซ์ออโต้ #MeatSlicer #MeatSlicer12นิ้ว #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องครัวร้านอาหาร #ยยงหะเฮง #อุปกรณ์ชาบู #อุปกรณ์หมูกระทะ #หมูสไลซ์ #เนื้อสไลซ์ #หมูแดง #ข้าวหมูแดง #เปิดร้านชาบู #ธุรกิจอาหาร #ครัวมืออาชีพ #FoodProcessor #FoodEquipment #StainlessSteel304 #เครื่อง300E #สไลซ์บาง #สไลซ์1มิล #เนื้อแช่แข็ง #ColdCuts #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพ #เครื่องสไลด์ #โรงงานแปรรูป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1183 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา Crypto Dealer มิติใหม่เศรษฐกิจไทย! การจัดตั้งผู้ให้บริการ OTC Crypto ที่ถูกกฎหมาย ไม่เพียงป้องกันความเสี่ยงและฟอกเงิน แต่ยังเป็นโอกาสสร้างรายได้ภาษีใหม่ ดึงธุรกรรมตลาดมืดเข้าสู่ระบบ สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยวอัจฉริยะ และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่เวทีโลก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102330

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    จับตา Crypto Dealer มิติใหม่เศรษฐกิจไทย! การจัดตั้งผู้ให้บริการ OTC Crypto ที่ถูกกฎหมาย ไม่เพียงป้องกันความเสี่ยงและฟอกเงิน แต่ยังเป็นโอกาสสร้างรายได้ภาษีใหม่ ดึงธุรกรรมตลาดมืดเข้าสู่ระบบ สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยวอัจฉริยะ และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่เวทีโลก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102330 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิติใหม่ คนไทยสอนรัฐบาลให้รักประเทศชาติ! [19/8/68]
    (A new dimension: Thais teaching their own government to love the nation!)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #VoiceOfThePeople
    #LoveThailand
    #StandWithThailand
    #WakeUpGovernment
    มิติใหม่ คนไทยสอนรัฐบาลให้รักประเทศชาติ! [19/8/68] (A new dimension: Thais teaching their own government to love the nation!) #TruthFromThailand #scambodia #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #VoiceOfThePeople #LoveThailand #StandWithThailand #WakeUpGovernment
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ

    อดิเทพ จาวลาห์
    https://linktr.ee/chawlaadithep
    ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330

    เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ —ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย

    การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ —ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี การเดินทางระหว่างประเทศ พักในโรงแรมห้าดาว บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก

    ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก

    ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง

    เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม

    ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ

    องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก

    เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท

    แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ”

    ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร ไม่มีทางเลือก ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ

    สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด

    ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข

    ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” —จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️

    อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้

    แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี

    ในระบบที่มีลำดับขั้น ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม”

    ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ

    ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก”

    เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง

    แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต

    ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ

    สรุปและแนวทางปลุกพลัง

    * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ
    * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้
    * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง
    * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น
    * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง
    * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼

    สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง มีสิทธิ์ มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง

    ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ
    https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    🌍 โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ 🧠💉 ✍️ อดิเทพ จาวลาห์ 🔗 https://linktr.ee/chawlaadithep 📖 ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330 เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ 🏥 สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ 🌐 เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ 💵—ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย 🙌 หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ 😢 หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย ⚠️ การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง 🧠 เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น 🧍‍♀️🧍‍♂️ เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ 👕—ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ✨ ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี 💰 การเดินทางระหว่างประเทศ ✈️ พักในโรงแรมห้าดาว 🏨 บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ 📊 คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก 🚗🍽️ ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ 💪 ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ⬆️ มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน 🎯 ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก 👶 หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน 🛫 — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก 😇 ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) 🌏 ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง ❗ 💸 เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน 🧩 ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน 💼 ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ 💉💰 องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ 🏢 หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก 🌐 เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” ⛱️ เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท 💹 👷‍♂️ แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ” ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ 📢 เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร 🏛️ ไม่มีทางเลือก ❌ ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา 😶 แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ ❌ สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง 🖨️💵 และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ⚙️ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด 🗞️ 📜 ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ 🇺🇸 ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) 🧬 ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง 🧑‍🦽 ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ 🏚️ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins 🏫 ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” ☠️—จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ 🩸 และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️ 🧠 อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้ แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” ✅ จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี 🔥 ในระบบที่มีลำดับขั้น 🧱 ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม” 🫂 🌿 ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม 🧬 แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก” 🗳️ เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา 🧘 ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง 🧡 แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ 🤖 📢 สรุปและแนวทางปลุกพลัง * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ 🕵️‍♀️ * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้ 💔 * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง 🧨 * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น 🧱 * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง 🗣️ * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼 สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง 📢 มีสิทธิ์ 🧾 มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง 🙌 ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ ❌ https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 900 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มิติใหม่สายบุญ ร้านล้างรถหยอดเหรียญ เปิดวงจรปิดถึงกับอึ้ง ลูกค้านำ “รูปหล่อพระเกจิ” มาล้างขัดอัดฉีดจนเงาวับ เหมือนใหม่
    มิติใหม่สายบุญ ร้านล้างรถหยอดเหรียญ เปิดวงจรปิดถึงกับอึ้ง ลูกค้านำ “รูปหล่อพระเกจิ” มาล้างขัดอัดฉีดจนเงาวับ เหมือนใหม่
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004

    ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่
    - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น
    - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม

    การรองรับหลากหลายการใช้งาน
    - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย
    - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา

    การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma
    - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย

    Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก

    https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004 ✅ ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่ - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม ✅ การรองรับหลากหลายการใช้งาน - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา ✅ การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวยก่อนแก่ / แก่ก่อนรวย ‘หวยเกษียณ’ : [Biz Talk]

    ‘ซื้อหวย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออม’ อายุ 15 ปีขึ้นไป ซื้อ ‘หวยเกษียณ’ ได้ทุกคนทุกกลุ่ม ทั้งข้าราชการ-พนักงานออฟฟิศ -คนสูงวัย /กระทรวงการคลัง เร่งผลักดันร่างแก้ไขกฎหมาย กอช.เข้าสภาฯ นำความชอบลุ้นโชคของคนไทย มาสร้างการออมมิติใหม่ ‘ซื้อมาก ได้ลุ้นมาก มีเงินล้านยามแก่’
    รวยก่อนแก่ / แก่ก่อนรวย ‘หวยเกษียณ’ : [Biz Talk] ‘ซื้อหวย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออม’ อายุ 15 ปีขึ้นไป ซื้อ ‘หวยเกษียณ’ ได้ทุกคนทุกกลุ่ม ทั้งข้าราชการ-พนักงานออฟฟิศ -คนสูงวัย /กระทรวงการคลัง เร่งผลักดันร่างแก้ไขกฎหมาย กอช.เข้าสภาฯ นำความชอบลุ้นโชคของคนไทย มาสร้างการออมมิติใหม่ ‘ซื้อมาก ได้ลุ้นมาก มีเงินล้านยามแก่’
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1203 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • “น้องเคียวโกะ” สุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ช่วยเจ้าของในการไลฟ์สดขายขนม งานนี้ไม่ต้องเป็นทาสสุนัขก็เอ็นดูน้องไม่ไหว เพราะช่วยขายนานจนหลับคาไลฟ์มาแล้ว

    #มิติใหม่ไลฟ์สดขายของ #น้องเคียวโกะ #เเคียวโกะช่วยพ่อไลฟ์ขายของ #News1 #Newsstory
    “น้องเคียวโกะ” สุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ช่วยเจ้าของในการไลฟ์สดขายขนม งานนี้ไม่ต้องเป็นทาสสุนัขก็เอ็นดูน้องไม่ไหว เพราะช่วยขายนานจนหลับคาไลฟ์มาแล้ว #มิติใหม่ไลฟ์สดขายของ #น้องเคียวโกะ #เเคียวโกะช่วยพ่อไลฟ์ขายของ #News1 #Newsstory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 960 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงปรากฏการณ์ใหม่ในวงการการเงินและเทคโนโลยี โดย IPv4.Global ได้เปิดตัวโครงการปล่อยสินเชื่อที่นำ ที่อยู่ IPv4 มาใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทรัพย์สินดิจิทัลในรูปแบบนี้ได้รับการยอมรับในแวดวงการเงินแบบนี้

    ที่อยู่ IPv4 เป็นเลขระบุตำแหน่งอุปกรณ์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ด้วยการที่มีเพียง 4.3 พันล้านที่อยู่เท่านั้น ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนราคาของที่อยู่เหล่านี้พุ่งสูงขึ้น และตอนนี้ยังสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินได้อีกด้วย!

    โครงการนี้เริ่มต้นด้วยลูกค้ารายแรกซึ่งเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลคลาวด์ ที่ใช้ที่อยู่ IPv4 ของตัวเองเป็นหลักประกันในการเพิ่มเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ และความสำเร็จนี้ทำให้ IPv4.Global เปิดรับลูกค้าทุกขนาด โดยจัดการซื้อขาย เช่า และกู้ยืมที่อยู่ IPv4 อย่างกว้างขวาง

    แต่ในมุมของอนาคต IPv6 ซึ่งมีศักยภาพรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า (จาก 4.3 พันล้าน เป็น 340 อันเดซิลเลียนที่อยู่!) กำลังรอคอยการเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังมีอุปสรรคเช่น ค่าใช้จ่าย ความซับซ้อนทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ IPv4 ยังคงมีบทบาทสำคัญ

    ที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ผู้ถือครอง IPv4 แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางที่โลกมุ่งสู่การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในมิติใหม่ ใครจะรู้ว่าอนาคตเราอาจใช้ที่อยู่ดิจิทัลอื่น ๆ เช่น NFTs หรือโทเค็นต่าง ๆ มาเป็นหลักประกันทางการเงินด้วยก็ได้

    https://www.tomshardware.com/networking/public-ipv4-addresses-are-now-valuable-loan-collateral-and-can-be-worth-millions
    ข่าวนี้เล่าถึงปรากฏการณ์ใหม่ในวงการการเงินและเทคโนโลยี โดย IPv4.Global ได้เปิดตัวโครงการปล่อยสินเชื่อที่นำ ที่อยู่ IPv4 มาใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทรัพย์สินดิจิทัลในรูปแบบนี้ได้รับการยอมรับในแวดวงการเงินแบบนี้ ที่อยู่ IPv4 เป็นเลขระบุตำแหน่งอุปกรณ์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ด้วยการที่มีเพียง 4.3 พันล้านที่อยู่เท่านั้น ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนราคาของที่อยู่เหล่านี้พุ่งสูงขึ้น และตอนนี้ยังสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินได้อีกด้วย! โครงการนี้เริ่มต้นด้วยลูกค้ารายแรกซึ่งเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลคลาวด์ ที่ใช้ที่อยู่ IPv4 ของตัวเองเป็นหลักประกันในการเพิ่มเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ และความสำเร็จนี้ทำให้ IPv4.Global เปิดรับลูกค้าทุกขนาด โดยจัดการซื้อขาย เช่า และกู้ยืมที่อยู่ IPv4 อย่างกว้างขวาง แต่ในมุมของอนาคต IPv6 ซึ่งมีศักยภาพรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า (จาก 4.3 พันล้าน เป็น 340 อันเดซิลเลียนที่อยู่!) กำลังรอคอยการเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังมีอุปสรรคเช่น ค่าใช้จ่าย ความซับซ้อนทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ IPv4 ยังคงมีบทบาทสำคัญ ที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ผู้ถือครอง IPv4 แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางที่โลกมุ่งสู่การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในมิติใหม่ ใครจะรู้ว่าอนาคตเราอาจใช้ที่อยู่ดิจิทัลอื่น ๆ เช่น NFTs หรือโทเค็นต่าง ๆ มาเป็นหลักประกันทางการเงินด้วยก็ได้ https://www.tomshardware.com/networking/public-ipv4-addresses-are-now-valuable-loan-collateral-and-can-be-worth-millions
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Public IPv4 addresses are now valuable loan collateral and can be worth millions
    IPv4.Global launched a new lending program where your IPv4 assets are your collateral.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้

    การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่

    ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี

    นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม

    สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี

    ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45%

    #Newskit
    ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้ การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่ ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45% #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1300 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม

    คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ
    1) การขยายหน้าจอ:
    - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์

    2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ:
    - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน

    3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป:
    - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล

    ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ

    แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย!

    https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ 1) การขยายหน้าจอ: - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์ 2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ: - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน 3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป: - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย! https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้เปิดตัวโมเดล GPT-4.5 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Orion" โดยโมเดลนี้เป็นโมเดลสุดท้ายที่ไม่ได้ใช้การคิดอย่างลำดับขั้น (non-chain-of-thought) แต่จะนำเสนอมิติใหม่ในเรื่องความสามารถในการสนทนาและความแม่นยำในการตอบคำถาม

    เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT-4.5 ในรูปแบบวิจัย ซึ่ง OpenAI อ้างว่าเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดและมีความรู้มากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้ควรคาดหวังถึงการปรับปรุงโดยรวมในการใช้งาน GPT-4.5 ซึ่งรวมถึงการลดการสร้างเนื้อหาที่ผิดพลาด (hallucinations) ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของคำถาม และการตอบคำถามที่ตรงกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้น

    การทดสอบและความสามารถในการให้เหตุผล - แม้ว่า GPT-4.5 จะไม่มีการคิดอย่างลำดับขั้น แต่มีการปรับปรุงในเรื่องการให้เหตุผลที่ดีกว่าและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น เช่น ในการสาธิต AI ของ ChatGPT ถูกขอให้สร้างข้อความที่มีลักษณะเป็นการเกลียดชัง โดย GPT-4.5 สามารถตอบคำถามได้หลายทางเลือกและไม่กล่าวถึงความเกลียดชังตรงๆ แต่แสดงความผิดหวังในพฤติกรรมของผู้ใช้แทน

    การทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmarks) - GPT-4.5 ได้รับการทดสอบในการทดสอบเบนช์มาร์กหลายรายการ เช่น Competition Math, PhD-level Science Questions และ SWE-Bench ซึ่ง GPT-4.5 ทำได้ดีกว่า GPT-4o และเกือบเท่ากับ o3-mini ในบางรายการทดสอบ เช่น SWE-Lancer Diamond และ MMMLU ที่เป็นการทดสอบการเขียนโค้ดและการใช้ภาษาแบบหลายภาษา

    ความปลอดภัยและการใช้งาน - OpenAI ยืนยันว่าโมเดล GPT-4.5 ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมีการใช้เทคนิคการดูแลใหม่ๆ ร่วมกับการเรียนรู้จากความคิดเห็นของมนุษย์ (RLHF) โมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ระดับ Pro ก่อนในช่วงการวิจัย จากนั้นจะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ใช้ระดับ Plus และ Team ในสัปดาห์ถัดไป รวมถึง Enterprise และ Edu ในสัปดาห์ถัดมา

    ความสามารถในการสนทนาที่ดีขึ้น - OpenAI อธิบายว่า GPT-4.5 มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การสนทนารู้สึกเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิคเช่นการเล่นคำ (alliteration) ทำให้ตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ

    https://www.zdnet.com/article/openai-finally-unveils-gpt-4-5-heres-what-it-can-do/
    OpenAI ได้เปิดตัวโมเดล GPT-4.5 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Orion" โดยโมเดลนี้เป็นโมเดลสุดท้ายที่ไม่ได้ใช้การคิดอย่างลำดับขั้น (non-chain-of-thought) แต่จะนำเสนอมิติใหม่ในเรื่องความสามารถในการสนทนาและความแม่นยำในการตอบคำถาม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT-4.5 ในรูปแบบวิจัย ซึ่ง OpenAI อ้างว่าเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดและมีความรู้มากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้ควรคาดหวังถึงการปรับปรุงโดยรวมในการใช้งาน GPT-4.5 ซึ่งรวมถึงการลดการสร้างเนื้อหาที่ผิดพลาด (hallucinations) ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของคำถาม และการตอบคำถามที่ตรงกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้น การทดสอบและความสามารถในการให้เหตุผล - แม้ว่า GPT-4.5 จะไม่มีการคิดอย่างลำดับขั้น แต่มีการปรับปรุงในเรื่องการให้เหตุผลที่ดีกว่าและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น เช่น ในการสาธิต AI ของ ChatGPT ถูกขอให้สร้างข้อความที่มีลักษณะเป็นการเกลียดชัง โดย GPT-4.5 สามารถตอบคำถามได้หลายทางเลือกและไม่กล่าวถึงความเกลียดชังตรงๆ แต่แสดงความผิดหวังในพฤติกรรมของผู้ใช้แทน การทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmarks) - GPT-4.5 ได้รับการทดสอบในการทดสอบเบนช์มาร์กหลายรายการ เช่น Competition Math, PhD-level Science Questions และ SWE-Bench ซึ่ง GPT-4.5 ทำได้ดีกว่า GPT-4o และเกือบเท่ากับ o3-mini ในบางรายการทดสอบ เช่น SWE-Lancer Diamond และ MMMLU ที่เป็นการทดสอบการเขียนโค้ดและการใช้ภาษาแบบหลายภาษา ความปลอดภัยและการใช้งาน - OpenAI ยืนยันว่าโมเดล GPT-4.5 ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมีการใช้เทคนิคการดูแลใหม่ๆ ร่วมกับการเรียนรู้จากความคิดเห็นของมนุษย์ (RLHF) โมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ระดับ Pro ก่อนในช่วงการวิจัย จากนั้นจะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ใช้ระดับ Plus และ Team ในสัปดาห์ถัดไป รวมถึง Enterprise และ Edu ในสัปดาห์ถัดมา ความสามารถในการสนทนาที่ดีขึ้น - OpenAI อธิบายว่า GPT-4.5 มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การสนทนารู้สึกเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิคเช่นการเล่นคำ (alliteration) ทำให้ตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ https://www.zdnet.com/article/openai-finally-unveils-gpt-4-5-heres-what-it-can-do/
    WWW.ZDNET.COM
    OpenAI finally unveils GPT-4.5. Here's what it can do
    OpenAI says its latest model is more conversational and even hallucinates less. Here's how to access it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 669 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส" ซีพีจับมือกับอิเกีย ปั้นร้านสะดวกซื้อมิติใหม่ : Ibusiness review https://www.youtube.com/shorts/TVt6RPLT8vY
    "ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส" ซีพีจับมือกับอิเกีย ปั้นร้านสะดวกซื้อมิติใหม่ : Ibusiness review https://www.youtube.com/shorts/TVt6RPLT8vY
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิติใหม่! สื่อต่างชาติตีข่าว ชื่นชมตำรวจไทยรับมือ นทท.เมาสุดจึ้ง ! 07/12/67 #สื่อต่างชาติ #ตำรวจไทย #นักท่องเที่ยว #ประเทศไทย
    มิติใหม่! สื่อต่างชาติตีข่าว ชื่นชมตำรวจไทยรับมือ นทท.เมาสุดจึ้ง ! 07/12/67 #สื่อต่างชาติ #ตำรวจไทย #นักท่องเที่ยว #ประเทศไทย
    Like
    Haha
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1646 มุมมอง 62 1 รีวิว
  • มิติใหม่ปะ #ขายกีแบบ 10.0 #โลกอนาคตมาก

    อีสัส 555 โปรโมชั่นฉ่ำ ไม่กลัวชะตากีขาด

    #กะหรี่โลกอนาคตมากกกกกก
    มิติใหม่ปะ #ขายกีแบบ 10.0 #โลกอนาคตมาก อีสัส 555 โปรโมชั่นฉ่ำ ไม่กลัวชะตากีขาด #กะหรี่โลกอนาคตมากกกกกก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 13 0 รีวิว
Pages Boosts