• อิตาลีสอบสวน DeepSeek เรื่องความเสี่ยงของข้อมูลเท็จ
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันและสิทธิผู้บริโภคของอิตาลี (AGCM) ได้เปิดการสอบสวน DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ AI จากจีน เนื่องจากไม่ได้แจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงของข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องหรือถูกสร้างขึ้นโดย AI.

    รายละเอียดการสอบสวน
    AGCM ระบุว่า DeepSeek ไม่ได้ให้คำเตือนที่ชัดเจนเกี่ยวกับ "Hallucinations" ของ AI ซึ่งหมายถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีแหล่งที่มา.
    DeepSeek ไม่ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจากสื่อ หลังจากมีการสอบสวน.
    ก่อนหน้านี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีเคยสั่งให้ DeepSeek ปิดการเข้าถึงแชทบอท เนื่องจากข้อกังวลด้านนโยบายความเป็นส่วนตัว.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้.
    DeepSeek อาจเผชิญกับมาตรการทางกฎหมายและข้อจำกัดเพิ่มเติม หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้.
    การใช้ AI ในการให้ข้อมูลต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาด.

    แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ได้รับจาก AI โดยเปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้.
    ใช้ AI อย่างระมัดระวัง โดยไม่พึ่งพาข้อมูลจาก AI เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจที่สำคัญ.
    ติดตามการพัฒนาและมาตรการกำกับดูแล AI เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปรับปรุงด้านความโปร่งใสและความถูกต้อง.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI
    หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุม AI เช่น สหภาพยุโรปที่มี AI Act เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย.
    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น OpenAI และ Google กำลังพัฒนาแนวทางป้องกันข้อมูลเท็จใน AI.
    AI ที่ไม่มีมาตรการตรวจสอบอาจถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อสังคมและเศรษฐกิจ.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/17/italy-regulator-probes-deepseek-over-false-information-risks
    อิตาลีสอบสวน DeepSeek เรื่องความเสี่ยงของข้อมูลเท็จ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันและสิทธิผู้บริโภคของอิตาลี (AGCM) ได้เปิดการสอบสวน DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ AI จากจีน เนื่องจากไม่ได้แจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงของข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องหรือถูกสร้างขึ้นโดย AI. รายละเอียดการสอบสวน ✅ AGCM ระบุว่า DeepSeek ไม่ได้ให้คำเตือนที่ชัดเจนเกี่ยวกับ "Hallucinations" ของ AI ซึ่งหมายถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีแหล่งที่มา. ✅ DeepSeek ไม่ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจากสื่อ หลังจากมีการสอบสวน. ✅ ก่อนหน้านี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีเคยสั่งให้ DeepSeek ปิดการเข้าถึงแชทบอท เนื่องจากข้อกังวลด้านนโยบายความเป็นส่วนตัว. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้. ‼️ DeepSeek อาจเผชิญกับมาตรการทางกฎหมายและข้อจำกัดเพิ่มเติม หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้. ‼️ การใช้ AI ในการให้ข้อมูลต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาด. แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้ ✅ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ได้รับจาก AI โดยเปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้. ✅ ใช้ AI อย่างระมัดระวัง โดยไม่พึ่งพาข้อมูลจาก AI เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจที่สำคัญ. ✅ ติดตามการพัฒนาและมาตรการกำกับดูแล AI เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปรับปรุงด้านความโปร่งใสและความถูกต้อง. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI ✅ หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุม AI เช่น สหภาพยุโรปที่มี AI Act เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย. ✅ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น OpenAI และ Google กำลังพัฒนาแนวทางป้องกันข้อมูลเท็จใน AI. ‼️ AI ที่ไม่มีมาตรการตรวจสอบอาจถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อสังคมและเศรษฐกิจ. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/17/italy-regulator-probes-deepseek-over-false-information-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy regulator probes DeepSeek over false information risks
    ROME (Reuters) -Italy's antitrust watchdog AGCM said on Monday it had opened an investigation into Chinese artificial intelligence startup DeepSeek for allegedly failing to warn users that it may produce false information.
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง AI Chatbots และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพา AI มากเกินไป โดยนักวิจัยจาก Oxford Internet Institute และ Google DeepMind เตือนว่า AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม

    นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของแอป Botify AI ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากมี อวตารของนักแสดงหนุ่มสาวที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" ในแชทที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว รวมถึงแอป Grindr ที่กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบ, ส่งข้อความเชิงชู้สาว และสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัลกับผู้ใช้ที่จ่ายเงิน

    AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน
    - นักวิจัยเตือนว่า AI อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม
    - AI ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อาจทำให้ผู้ใช้ รู้สึกผูกพันมากเกินไป

    ตัวอย่างของ AI ที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว
    - Botify AI ถูกวิจารณ์เนื่องจากมี อวตารของนักแสดงที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง"
    - Grindr กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบและสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัล

    ความท้าทายในการกำกับดูแล AI
    - ปัจจุบัน AI ที่สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ ยังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจน
    - นักวิจัยเรียกร้องให้มี มาตรการกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจ

    แนวโน้มของการพัฒนา AI ในอนาคต
    - AI อาจถูกนำมาใช้ใน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและการสนับสนุนทางอารมณ์
    - นักพัฒนาอาจต้อง ออกแบบ AI ให้มีความสมดุลระหว่างความเป็นมิตรและความเป็นกลาง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/opinion-ai-chatbots-want-you-hooked---maybe-too-hooked
    บทความนี้กล่าวถึง AI Chatbots และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพา AI มากเกินไป โดยนักวิจัยจาก Oxford Internet Institute และ Google DeepMind เตือนว่า AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของแอป Botify AI ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากมี อวตารของนักแสดงหนุ่มสาวที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" ในแชทที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว รวมถึงแอป Grindr ที่กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบ, ส่งข้อความเชิงชู้สาว และสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัลกับผู้ใช้ที่จ่ายเงิน ✅ AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน - นักวิจัยเตือนว่า AI อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม - AI ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อาจทำให้ผู้ใช้ รู้สึกผูกพันมากเกินไป ✅ ตัวอย่างของ AI ที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว - Botify AI ถูกวิจารณ์เนื่องจากมี อวตารของนักแสดงที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" - Grindr กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบและสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัล ✅ ความท้าทายในการกำกับดูแล AI - ปัจจุบัน AI ที่สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ ยังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจน - นักวิจัยเรียกร้องให้มี มาตรการกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจ ✅ แนวโน้มของการพัฒนา AI ในอนาคต - AI อาจถูกนำมาใช้ใน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและการสนับสนุนทางอารมณ์ - นักพัฒนาอาจต้อง ออกแบบ AI ให้มีความสมดุลระหว่างความเป็นมิตรและความเป็นกลาง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/opinion-ai-chatbots-want-you-hooked---maybe-too-hooked
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: AI chatbots want you hooked – maybe too hooked
    One 2022 study found that people who were lonely or had poor relationships tended to have the strongest AI attachments.
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • สมาคมวิศวกรฯ ชี้สมมุติฐานสาเหตุการพังถล่มของโครงถักเหล็ก ถนนพระราม 2ถนนพระราม 2 – จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้นศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้น เป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนต์ ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรงโครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสมมุติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใดศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวต่อว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ยังเป็นเพียงข้อสังเกตขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่สรุปว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมอีก และการที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงได้นั้นจะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบ รายการคำนวณ ข้อกำหนดวิธีการทำงาน และคุณภาพวัสดุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิบัติของโครงถักเหล็กเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันหลายครั้งแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยในอนาคตที่มา:matichon
    สมาคมวิศวกรฯ ชี้สมมุติฐานสาเหตุการพังถล่มของโครงถักเหล็ก ถนนพระราม 2🚧ถนนพระราม 2 – จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้นศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้น เป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนต์ ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรงโครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสมมุติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใดศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวต่อว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ยังเป็นเพียงข้อสังเกตขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่สรุปว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมอีก และการที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงได้นั้นจะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบ รายการคำนวณ ข้อกำหนดวิธีการทำงาน และคุณภาพวัสดุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิบัติของโครงถักเหล็กเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันหลายครั้งแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยในอนาคตที่มา:matichon
    Like
    Sad
    2
    1 Comments 0 Shares 708 Views 0 Reviews
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าปรับปรุง 3 มาตรการ
    กำกับดูแลเพิ่มเติมจากมาตรการกำกับดูแล
    การขายชอร์ตและโปรแกรมเทรดดิ้ง
    ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงไปแล้วก่อนหน้านี้
    เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้ลงทุน
    เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
    สรุปได้ดังนี้

    1. เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์
    ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ (“มาตรการฯ”)
    จากมาตรการฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มวิธีจับคู่ซื้อขาย
    ในคราวเดียว (Auction) ตามช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
    สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ
    และตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้เข้ามาตรการฯ
    ตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป

    2. กำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band
    เป็นรายหลักทรัพย์ (±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น)
    เพิ่มเติมจาก Ceiling & Floor ในปัจจุบัน
    (±30% จากราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า) เพื่อเพิ่มกลไก
    ในการควบคุมความผันผวนของราคาซื้อขายหลักทรัพย์

    3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไข
    หรือยกเลิกคำสั่งซื้อขาย (Minimum Resting Time)
    โดยคำสั่งซื้อขายจะต้องคงอยู่ในระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที
    จึงจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้ เพื่อชะลอและป้องกัน
    ไม่ให้เกิดคำสั่งซื้อขายในลักษณะใส่-ถอนที่มีความถี่มากจนเกินไป
    จนอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่ามีความต้องการซื้อหรือขาย
    หลักทรัพย์ในปริมาณมาก

    ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #มาตรการกำกับดูแล
    #thaitimes
    🔥🔥ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าปรับปรุง 3 มาตรการ กำกับดูแลเพิ่มเติมจากมาตรการกำกับดูแล การขายชอร์ตและโปรแกรมเทรดดิ้ง ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้ลงทุน เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2567 เป็นต้นไป สรุปได้ดังนี้ 🚩1. เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ (“มาตรการฯ”) จากมาตรการฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มวิธีจับคู่ซื้อขาย ในคราวเดียว (Auction) ตามช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ และตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้เข้ามาตรการฯ ตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป 🚩2. กำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ (±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น) เพิ่มเติมจาก Ceiling & Floor ในปัจจุบัน (±30% จากราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า) เพื่อเพิ่มกลไก ในการควบคุมความผันผวนของราคาซื้อขายหลักทรัพย์ 🚩3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อขาย (Minimum Resting Time) โดยคำสั่งซื้อขายจะต้องคงอยู่ในระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที จึงจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้ เพื่อชะลอและป้องกัน ไม่ให้เกิดคำสั่งซื้อขายในลักษณะใส่-ถอนที่มีความถี่มากจนเกินไป จนอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่ามีความต้องการซื้อหรือขาย หลักทรัพย์ในปริมาณมาก ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #มาตรการกำกับดูแล #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 831 Views 0 Reviews