• ไม่ได้ลงเสนองานฟรีแลนซ์นานละ ช่องทางนี้อีกช่องทางละกันครับ
    ผมมีความสนใจใน
    - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อร้านอาหาร/คาเฟ่/บาร์/และร้านอาหารในโรงแรม
    - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อการบริการทั่วไปและการจองต่างๆที่มีรายละเอียดมากกว่าการจองโต๊ะในร้านอาหาร
    - งานพัฒนาระบบ E-Commerce (ร้านค้าออนไลน์/เติมเงินเกมส์)
    ผมเคยมีประสบการณ์พัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น/เว็บ API ที่สามารถเข้ากันได้ทั้งเครื่องพีซี แท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนมาแล้วหลายอย่าง
    - พัฒนาระบบร้านอาหารจากโปรเจคจบ PHP + MySQL + JS และนำมาพัฒนาต่อ และมีระบบจัดเก็บวัตถุดิบ ข้อมูลอาหารพร้อมสูตรอาหารและการตัดสต็อกวัตถุดิบจากสูตรอาหาร ระบบจองโต๊ะ ระบบบัญชีรายรับ-รายจ่าย
    - พัฒนาเว็บไซต์ UBIS AUTOMATE ผ่าน Sunfix โดยพัฒนาในส่วนการทำงานของแผนก QS , CC และแผนกอื่นๆที่ผมทำการต่อเติมหรือร่วมพัฒนาส่วนการทำงานในแต่ละระบบ ด้วย PHP , TCPDF , PostgreSQL และ CodeIgnitator
    ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ NodeJS , React , NextJS , Laravel หรือภาษาเฟรมเวิร์คอื่นๆ ผมเคยเขียนเว็บไซต์ทุกรูปแบบมาแล้วครับ
    ฐานข้อมูล MongoDB หรือ MySQL ผมสามารถออกแบบฐานข้อมูลได้ทุกรูปแบบ ต้องการฐานข้อมูลแบบไหนทักท้วงมาได้ครับ
    ราคา และ ระยะเวลาในการทำงานจะประเมินและปรับเปลี่ยนหลังจากคุยรายละเอียดงานกับผู้ว่าจ้างครับ
    - ไม่รับงานประเภท PHP เวอร์ชั่นเก่าอย่าง 5 , 7 รับทำ PHP เฉพาะเวอร์ชั่นปัจจุบัน (8.4) เท่านั้น กรณีเสนอให้ทำ PHP/Laravel/Codeignitor
    - ไม่รับงานเฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าทุกกรณี
    Infographics ค่อยทำ เพราะว่ายังคิดผังความคิดไม่ออกเลยครับ
    ไม่ได้ลงเสนองานฟรีแลนซ์นานละ ช่องทางนี้อีกช่องทางละกันครับ ผมมีความสนใจใน - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อร้านอาหาร/คาเฟ่/บาร์/และร้านอาหารในโรงแรม - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อการบริการทั่วไปและการจองต่างๆที่มีรายละเอียดมากกว่าการจองโต๊ะในร้านอาหาร - งานพัฒนาระบบ E-Commerce (ร้านค้าออนไลน์/เติมเงินเกมส์) ผมเคยมีประสบการณ์พัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น/เว็บ API ที่สามารถเข้ากันได้ทั้งเครื่องพีซี แท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนมาแล้วหลายอย่าง - พัฒนาระบบร้านอาหารจากโปรเจคจบ PHP + MySQL + JS และนำมาพัฒนาต่อ และมีระบบจัดเก็บวัตถุดิบ ข้อมูลอาหารพร้อมสูตรอาหารและการตัดสต็อกวัตถุดิบจากสูตรอาหาร ระบบจองโต๊ะ ระบบบัญชีรายรับ-รายจ่าย - พัฒนาเว็บไซต์ UBIS AUTOMATE ผ่าน Sunfix โดยพัฒนาในส่วนการทำงานของแผนก QS , CC และแผนกอื่นๆที่ผมทำการต่อเติมหรือร่วมพัฒนาส่วนการทำงานในแต่ละระบบ ด้วย PHP , TCPDF , PostgreSQL และ CodeIgnitator ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ NodeJS , React , NextJS , Laravel หรือภาษาเฟรมเวิร์คอื่นๆ ผมเคยเขียนเว็บไซต์ทุกรูปแบบมาแล้วครับ ฐานข้อมูล MongoDB หรือ MySQL ผมสามารถออกแบบฐานข้อมูลได้ทุกรูปแบบ ต้องการฐานข้อมูลแบบไหนทักท้วงมาได้ครับ ราคา และ ระยะเวลาในการทำงานจะประเมินและปรับเปลี่ยนหลังจากคุยรายละเอียดงานกับผู้ว่าจ้างครับ - ไม่รับงานประเภท PHP เวอร์ชั่นเก่าอย่าง 5 , 7 รับทำ PHP เฉพาะเวอร์ชั่นปัจจุบัน (8.4) เท่านั้น กรณีเสนอให้ทำ PHP/Laravel/Codeignitor - ไม่รับงานเฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าทุกกรณี Infographics ค่อยทำ เพราะว่ายังคิดผังความคิดไม่ออกเลยครับ
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • ..นี้คือวิสัยทัศน์ของคนได้มาเป็นผู้ปกครอง&ผู้นำ&ผู้มีอำนาจในประเทศเราล้วนๆ,และนั้นคือการรีเซ็ตระบบใหม่หมด ของการเล่าเรียนๆในประเทศเราทุกๆมิติ,เมื่อเราวางพื้นฐาน&รากฐานองค์ความรู้อย่างยอดเยี่ยม เราจะไม่หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ,ส่วนการแตกไลน์แตกแขนงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแค่น้ำจิ้มๆแล้ว แทบไม่มีผลกระทบต่อฐานรากเราเลย,เพียงแก้ไขแก้ปมตามจุดตามข้อของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแค่นั้น เพราะมันไม่พลิกแบบก้าวกระโดดอะไรมากมายหรอก,สุดท้ายเป็นไปเพื่อตังนั้นล่ะ,หางานดีๆตำแหน่งดีๆก็มุ่งหมายตังสืบต่อแก่การใช้จ่าย&กินอยู่ในชีวิตประจำวันแค่นั้น,AIนำมาใช้ก็เพื่อมุ่งผลิตงานต่างๆตอบสนองคนๆเราให้ไปซื้อไปใช้ตัง&จ่ายให้คนทำคนผลิตจากAIได้กำไรทางตังทั้งนั้นล่ะ.เพราะแก่นหลักคือเอาAIมาทำตังมากๆไม่มีอะไรเลย,คนไม่ซื้อไม่ใช้บริการต่างๆจากAIผลิต แบนบริษัทกิจการที่ใช้งานAIมากกว่าคน ไม่ส่งเสริมคนคุณค่ามนุษย์บนประเทศไทย ประชาชนพากันแบนพากันเปิดโปงบริษัทกิจการทั่วโซเชียล ไม่ซื้อ ไม่ใช้สินค้า ไม่ไปใช้บริการในกิจการแม่กิจการสาขากิจการลูกเครือข่ายบริษัทแม่นั้นๆ กิจการนั้นพังแน่นอนในประเทศไทย บวกนโยบายรัฐเราเองคิดภาษีแบบทรัมป์ต่อกิจการโรงงานบริษัทที่ใช้AIนั้นเกินอัตราที่รัฐกำหนดมิให้เลิกจ้างสถานะมนุษย์เกิน95% เกินจะคิดภาษีทุกๆบริษัทกิจการในไทยทั้งหมดที่3,000%-5,000%แบบทรัมป์คิดภาษีบริษัทกิจการในไทยเช่นโรงงานจีนในไทยผลิตแผงแดดขาย ส่งไปอเมริกาทรัมป์คิดภาษีแผงแดดที่จะส่งมาขายในอเมริกาที่3,000%ถึง4,000%โน้น พะสาโรงงานกิจการ&บริษัทใดๆในไทย หากใช้AIจักรกลเกินอัตราที่กำหนดไม่เกิน5%ก็ฟันภาษีที่3,000%-4,000%ได้,เพื่อเฉลี่ยชดเชยในการเลี้ยงดูเยียวยาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศไทยเราเอง,นี้ก็คือผู้นำไทยเราต้องกล้าหาญต่อโลกจะมากระทำกระทบตนขนาดปรับปรังพัฒนาการตนหรือวิวัฒนาการนำพาชาติไทยเข้าสู่ยุคใหม่,กำแพงสงครามปกป้อง&ป้องกันประเภทภายในตนเองก็ว่า,ยังไม่เกี่ยวกับกระบวนการศึกษาและการจ้างงานจัดการบริหารเนื้อตำแหน่งงานองค์รวมของประเทศไทยเรานะ.

    https://m.youtube.com/watch?v=UkLQT11Li9Q
    ..นี้คือวิสัยทัศน์ของคนได้มาเป็นผู้ปกครอง&ผู้นำ&ผู้มีอำนาจในประเทศเราล้วนๆ,และนั้นคือการรีเซ็ตระบบใหม่หมด ของการเล่าเรียนๆในประเทศเราทุกๆมิติ,เมื่อเราวางพื้นฐาน&รากฐานองค์ความรู้อย่างยอดเยี่ยม เราจะไม่หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ,ส่วนการแตกไลน์แตกแขนงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแค่น้ำจิ้มๆแล้ว แทบไม่มีผลกระทบต่อฐานรากเราเลย,เพียงแก้ไขแก้ปมตามจุดตามข้อของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแค่นั้น เพราะมันไม่พลิกแบบก้าวกระโดดอะไรมากมายหรอก,สุดท้ายเป็นไปเพื่อตังนั้นล่ะ,หางานดีๆตำแหน่งดีๆก็มุ่งหมายตังสืบต่อแก่การใช้จ่าย&กินอยู่ในชีวิตประจำวันแค่นั้น,AIนำมาใช้ก็เพื่อมุ่งผลิตงานต่างๆตอบสนองคนๆเราให้ไปซื้อไปใช้ตัง&จ่ายให้คนทำคนผลิตจากAIได้กำไรทางตังทั้งนั้นล่ะ.เพราะแก่นหลักคือเอาAIมาทำตังมากๆไม่มีอะไรเลย,คนไม่ซื้อไม่ใช้บริการต่างๆจากAIผลิต แบนบริษัทกิจการที่ใช้งานAIมากกว่าคน ไม่ส่งเสริมคนคุณค่ามนุษย์บนประเทศไทย ประชาชนพากันแบนพากันเปิดโปงบริษัทกิจการทั่วโซเชียล ไม่ซื้อ ไม่ใช้สินค้า ไม่ไปใช้บริการในกิจการแม่กิจการสาขากิจการลูกเครือข่ายบริษัทแม่นั้นๆ กิจการนั้นพังแน่นอนในประเทศไทย บวกนโยบายรัฐเราเองคิดภาษีแบบทรัมป์ต่อกิจการโรงงานบริษัทที่ใช้AIนั้นเกินอัตราที่รัฐกำหนดมิให้เลิกจ้างสถานะมนุษย์เกิน95% เกินจะคิดภาษีทุกๆบริษัทกิจการในไทยทั้งหมดที่3,000%-5,000%แบบทรัมป์คิดภาษีบริษัทกิจการในไทยเช่นโรงงานจีนในไทยผลิตแผงแดดขาย ส่งไปอเมริกาทรัมป์คิดภาษีแผงแดดที่จะส่งมาขายในอเมริกาที่3,000%ถึง4,000%โน้น พะสาโรงงานกิจการ&บริษัทใดๆในไทย หากใช้AIจักรกลเกินอัตราที่กำหนดไม่เกิน5%ก็ฟันภาษีที่3,000%-4,000%ได้,เพื่อเฉลี่ยชดเชยในการเลี้ยงดูเยียวยาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศไทยเราเอง,นี้ก็คือผู้นำไทยเราต้องกล้าหาญต่อโลกจะมากระทำกระทบตนขนาดปรับปรังพัฒนาการตนหรือวิวัฒนาการนำพาชาติไทยเข้าสู่ยุคใหม่,กำแพงสงครามปกป้อง&ป้องกันประเภทภายในตนเองก็ว่า,ยังไม่เกี่ยวกับกระบวนการศึกษาและการจ้างงานจัดการบริหารเนื้อตำแหน่งงานองค์รวมของประเทศไทยเรานะ. https://m.youtube.com/watch?v=UkLQT11Li9Q
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt ในซาอุดีอาระเบีย

    Supermicro (SMCI) ผู้ให้บริการ GPU-as-a-Service และผู้ค้าระบบ AI liquid-cooled racks ชั้นนำ ได้ลงนามใน ข้อตกลงระยะยาวกับ DataVolt ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย โดยข้อตกลงนี้มีมูลค่าสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์ และจะช่วยให้ Supermicro ขยายตลาดในตะวันออกกลาง

    ✅ Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt
    - จะจัดหา แพลตฟอร์ม GPU ความหนาแน่นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบ rack-scale

    ✅ Goldman Sachs คาดว่าข้อตกลงนี้จะสร้างรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับ Supermicro
    - พร้อมกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    ✅ Supermicro เริ่มจ้างงานในซาอุดีอาระเบียก่อนประกาศข้อตกลง
    - แสดงถึง ความมั่นใจในตลาดใหม่และพันธมิตรทางธุรกิจ

    ✅ เปิดตัวเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวรุ่นใหม่ DLC-2
    - ลดการใช้พลังงานและน้ำได้ สูงสุด 40% และลดต้นทุนโดยรวมของศูนย์ข้อมูล ถึง 20%

    ✅ DLC-2 สามารถจับความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 98%
    - ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลในสภาพอากาศร้อน เช่น ซาอุดีอาระเบีย ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://wccftech.com/supermicro-smci-is-on-a-hiring-binge-in-saudi-arabia-after-inking-a-massive-20-billion-deal/
    Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt ในซาอุดีอาระเบีย Supermicro (SMCI) ผู้ให้บริการ GPU-as-a-Service และผู้ค้าระบบ AI liquid-cooled racks ชั้นนำ ได้ลงนามใน ข้อตกลงระยะยาวกับ DataVolt ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย โดยข้อตกลงนี้มีมูลค่าสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์ และจะช่วยให้ Supermicro ขยายตลาดในตะวันออกกลาง ✅ Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt - จะจัดหา แพลตฟอร์ม GPU ความหนาแน่นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบ rack-scale ✅ Goldman Sachs คาดว่าข้อตกลงนี้จะสร้างรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับ Supermicro - พร้อมกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ Supermicro เริ่มจ้างงานในซาอุดีอาระเบียก่อนประกาศข้อตกลง - แสดงถึง ความมั่นใจในตลาดใหม่และพันธมิตรทางธุรกิจ ✅ เปิดตัวเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวรุ่นใหม่ DLC-2 - ลดการใช้พลังงานและน้ำได้ สูงสุด 40% และลดต้นทุนโดยรวมของศูนย์ข้อมูล ถึง 20% ✅ DLC-2 สามารถจับความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 98% - ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลในสภาพอากาศร้อน เช่น ซาอุดีอาระเบีย ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น https://wccftech.com/supermicro-smci-is-on-a-hiring-binge-in-saudi-arabia-after-inking-a-massive-20-billion-deal/
    WCCFTECH.COM
    Supermicro (SMCI) Is On A Hiring Binge In Saudi Arabia After Inking A Massive $20 Billion Deal
    Interestingly, Supermicro has been hiring in Saudi Arabia even before a formal announcement of its deal with DataVolt.
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • Proton ขู่ถอนตัวจากสวิตเซอร์แลนด์ หากกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ผ่าน

    Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลเข้ารหัส ออกมาประกาศว่า อาจต้องออกจากสวิตเซอร์แลนด์ หากรัฐบาลผ่านกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ที่ บังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งขัดกับหลักการความเป็นส่วนตัวที่บริษัทให้ความสำคัญ

    ✅ กฎหมายใหม่จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้
    - ปัจจุบัน ข้อบังคับนี้ใช้กับเครือข่ายมือถือและ ISP เท่านั้น

    ✅ Proton และ NymVPN ประกาศว่าพวกเขาจะออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน
    - เชื่อว่า กฎหมายนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    ✅ CEO ของ Proton ระบุว่ากฎหมายนี้คล้ายกับกฎหมายในรัสเซีย
    - อาจทำให้ Proton มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า Google ที่อยู่ในสหรัฐฯ

    ✅ บางรัฐในสวิตเซอร์แลนด์ เช่น เจนีวา ต่อต้านกฎหมายนี้โดยอ้างสิทธิ์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัล
    - มีการผลักดันให้ รัฐบาลพิจารณากฎหมายที่สมดุลมากขึ้น

    ✅ Proton ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน
    - พร้อมเรียกร้องให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ทบทวนข้อเสนอใหม่

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/we-would-be-less-confidential-than-google-proton-threatens-to-quit-switzerland-over-new-surveillance-law
    Proton ขู่ถอนตัวจากสวิตเซอร์แลนด์ หากกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ผ่าน Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลเข้ารหัส ออกมาประกาศว่า อาจต้องออกจากสวิตเซอร์แลนด์ หากรัฐบาลผ่านกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ที่ บังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งขัดกับหลักการความเป็นส่วนตัวที่บริษัทให้ความสำคัญ ✅ กฎหมายใหม่จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ - ปัจจุบัน ข้อบังคับนี้ใช้กับเครือข่ายมือถือและ ISP เท่านั้น ✅ Proton และ NymVPN ประกาศว่าพวกเขาจะออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน - เชื่อว่า กฎหมายนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ✅ CEO ของ Proton ระบุว่ากฎหมายนี้คล้ายกับกฎหมายในรัสเซีย - อาจทำให้ Proton มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า Google ที่อยู่ในสหรัฐฯ ✅ บางรัฐในสวิตเซอร์แลนด์ เช่น เจนีวา ต่อต้านกฎหมายนี้โดยอ้างสิทธิ์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัล - มีการผลักดันให้ รัฐบาลพิจารณากฎหมายที่สมดุลมากขึ้น ✅ Proton ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน - พร้อมเรียกร้องให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ทบทวนข้อเสนอใหม่ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/we-would-be-less-confidential-than-google-proton-threatens-to-quit-switzerland-over-new-surveillance-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    "We would be less confidential than Google" – Proton threatens to quit Switzerland over new surveillance law
    If passed, new rules would require VPNs and messaging apps to identify and retain users' data
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • Ivanti Neurons for ITSM พบช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง: ผู้ใช้ควรอัปเดตแพตช์ทันที

    Ivanti ได้ออกแพตช์สำหรับ ช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤติ ใน Neurons for ITSM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการบริการด้าน IT ที่ใช้ AI โดยช่องโหว่นี้สามารถ ถูกใช้เพื่อเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-22462 และมีผลกระทบต่อเวอร์ชันก่อน 2023.4, 2024.2 และ 2024.3
    - ส่งผลกระทบต่อ เฉพาะระบบที่ติดตั้งแบบ on-premises

    ✅ ช่องโหว่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์
    - อาจถูกใช้เพื่อ ควบคุมระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ

    ✅ Ivanti ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีในขณะนี้
    - อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรอัปเดตแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    ✅ องค์กรที่ปฏิบัติตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยของ Ivanti จะมีความเสี่ยงลดลง
    - เช่น การจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ IIS และการตั้งค่า DMZ สำหรับการล็อกอินจากภายนอก

    ✅ Ivanti เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงอีกตัวใน Endpoint Manager Mobile (EPMM) เมื่อสัปดาห์นี้
    - แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของ Ivanti กำลังถูกตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

    ‼️ ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้โจมตีได้ง่าย เนื่องจากมีความซับซ้อนต่ำ
    - องค์กรที่ยังไม่ได้อัปเดต อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์

    https://www.techradar.com/pro/security/ivanti-neurons-for-itsm-could-be-targeted-by-authentication-bypass-flaw-so-watch-out
    Ivanti Neurons for ITSM พบช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง: ผู้ใช้ควรอัปเดตแพตช์ทันที Ivanti ได้ออกแพตช์สำหรับ ช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤติ ใน Neurons for ITSM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการบริการด้าน IT ที่ใช้ AI โดยช่องโหว่นี้สามารถ ถูกใช้เพื่อเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ ช่องโหว่ถูกระบุเป็น CVE-2025-22462 และมีผลกระทบต่อเวอร์ชันก่อน 2023.4, 2024.2 และ 2024.3 - ส่งผลกระทบต่อ เฉพาะระบบที่ติดตั้งแบบ on-premises ✅ ช่องโหว่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ - อาจถูกใช้เพื่อ ควบคุมระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ ✅ Ivanti ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีในขณะนี้ - อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรอัปเดตแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ✅ องค์กรที่ปฏิบัติตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยของ Ivanti จะมีความเสี่ยงลดลง - เช่น การจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ IIS และการตั้งค่า DMZ สำหรับการล็อกอินจากภายนอก ✅ Ivanti เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงอีกตัวใน Endpoint Manager Mobile (EPMM) เมื่อสัปดาห์นี้ - แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของ Ivanti กำลังถูกตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ‼️ ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้โจมตีได้ง่าย เนื่องจากมีความซับซ้อนต่ำ - องค์กรที่ยังไม่ได้อัปเดต อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ https://www.techradar.com/pro/security/ivanti-neurons-for-itsm-could-be-targeted-by-authentication-bypass-flaw-so-watch-out
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • CoreWeave เตรียมลงทุนสูงถึง 23 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น

    CoreWeave บริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังวางแผนลงทุน 20-23 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และศูนย์ข้อมูล โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Microsoft และ OpenAI ที่ต้องการใช้บริการของบริษัท

    ✅ CoreWeave วางแผนลงทุน 20-23 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025
    - เพื่อ ขยายศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน AI

    ✅ บริษัทมีรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่าที่คาดการณ์
    - รายงานรายได้ 981.6 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 852.9 ล้านดอลลาร์

    ✅ CoreWeave มีข้อตกลงมูลค่า 11.2 พันล้านดอลลาร์กับ OpenAI
    - จะให้บริการ โครงสร้างพื้นฐาน AI สำหรับ ChatGPT

    ✅ Microsoft เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ CoreWeave
    - มีสัญญา ระยะเวลา 3 ปี กับบริษัท

    ✅ บริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้อยู่ที่ 4.9-5.1 พันล้านดอลลาร์
    - สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.61 พันล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/nvidia-backed-coreweave-beats-first-quarter-revenue-estimate
    CoreWeave เตรียมลงทุนสูงถึง 23 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น CoreWeave บริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังวางแผนลงทุน 20-23 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และศูนย์ข้อมูล โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Microsoft และ OpenAI ที่ต้องการใช้บริการของบริษัท ✅ CoreWeave วางแผนลงทุน 20-23 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 - เพื่อ ขยายศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ บริษัทมีรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่าที่คาดการณ์ - รายงานรายได้ 981.6 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 852.9 ล้านดอลลาร์ ✅ CoreWeave มีข้อตกลงมูลค่า 11.2 พันล้านดอลลาร์กับ OpenAI - จะให้บริการ โครงสร้างพื้นฐาน AI สำหรับ ChatGPT ✅ Microsoft เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ CoreWeave - มีสัญญา ระยะเวลา 3 ปี กับบริษัท ✅ บริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้อยู่ที่ 4.9-5.1 พันล้านดอลลาร์ - สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.61 พันล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/nvidia-backed-coreweave-beats-first-quarter-revenue-estimate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia-backed CoreWeave to spend up to $23 billion this year to tap AI demand boom
    (Reuters) -CoreWeave is looking to spend $20 billion to $23 billion this year on AI infrastructure and data center capacity, the Nvidia-backed company said on Wednesday, as it aims to meet the booming demand from clients, including Microsoft.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • Microsoft ประกาศยุติ Bing Search APIs: ผลกระทบต่อวงการพัฒนา

    Microsoft ได้ประกาศว่า Bing Search APIs จะถูกยุติการให้บริการในวันที่ 11 สิงหาคม 2025 ซึ่งสร้างความตกใจให้กับนักพัฒนา เนื่องจาก API นี้เป็นทางเลือกสำคัญสำหรับการเข้าถึงข้อมูลค้นหาที่ไม่มีโฆษณาและรองรับการค้นหาตามตำแหน่งที่ตั้ง

    ✅ Bing Search APIs จะถูกยุติการให้บริการในวันที่ 11 สิงหาคม 2025
    - นักพัฒนาที่ใช้ API นี้ ต้องหาทางเลือกใหม่ก่อนถึงวันดังกล่าว

    ✅ DuckDuckGo และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เคยใช้ Bing Search APIs
    - API นี้ช่วยให้ นักพัฒนาสร้างประสบการณ์ค้นหาทางเลือกที่มีคุณภาพสูง

    ✅ Microsoft แนะนำให้ใช้ Grounding with Bing Search แทน
    - อย่างไรก็ตาม Grounding with Bing Search ไม่สามารถให้ข้อมูลดิบเหมือน Bing Search APIs

    ✅ Brave Search APIs กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา
    - Brave Search API มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า Bing Search API และให้บริการฟรีสำหรับ 2,000 คำค้นหาต่อเดือน

    ✅ นักพัฒนาที่ใช้ Bing Custom Search (F0 และ S1-S4) ก็ได้รับผลกระทบ
    - ต้องหาทางเลือกใหม่ ก่อนถึงกำหนดการยุติบริการ

    https://www.neowin.net/news/microsoft-pulls-plug-on-bing-search-apis/
    Microsoft ประกาศยุติ Bing Search APIs: ผลกระทบต่อวงการพัฒนา Microsoft ได้ประกาศว่า Bing Search APIs จะถูกยุติการให้บริการในวันที่ 11 สิงหาคม 2025 ซึ่งสร้างความตกใจให้กับนักพัฒนา เนื่องจาก API นี้เป็นทางเลือกสำคัญสำหรับการเข้าถึงข้อมูลค้นหาที่ไม่มีโฆษณาและรองรับการค้นหาตามตำแหน่งที่ตั้ง ✅ Bing Search APIs จะถูกยุติการให้บริการในวันที่ 11 สิงหาคม 2025 - นักพัฒนาที่ใช้ API นี้ ต้องหาทางเลือกใหม่ก่อนถึงวันดังกล่าว ✅ DuckDuckGo และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เคยใช้ Bing Search APIs - API นี้ช่วยให้ นักพัฒนาสร้างประสบการณ์ค้นหาทางเลือกที่มีคุณภาพสูง ✅ Microsoft แนะนำให้ใช้ Grounding with Bing Search แทน - อย่างไรก็ตาม Grounding with Bing Search ไม่สามารถให้ข้อมูลดิบเหมือน Bing Search APIs ✅ Brave Search APIs กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา - Brave Search API มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า Bing Search API และให้บริการฟรีสำหรับ 2,000 คำค้นหาต่อเดือน ✅ นักพัฒนาที่ใช้ Bing Custom Search (F0 และ S1-S4) ก็ได้รับผลกระทบ - ต้องหาทางเลือกใหม่ ก่อนถึงกำหนดการยุติบริการ https://www.neowin.net/news/microsoft-pulls-plug-on-bing-search-apis/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft pulls plug on Bing Search APIs
    Microsoft has announced the retirement of its popular Bing Search APIs, effective August 11, 2025, surprising many developers who relied on them.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • HOT STAR GIANT CHICKEN ไก่ทอดไต้หวันกลับมาแล้ว

    ย้อนกลับไปกว่า 10 ปีก่อน ไก่ทอดใหญ่ไซส์เท่าใบหน้าจากไต้หวัน ฮฮตสตาร์ (HOT STAR GIANT CHICKEN) เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เมื่อปี 2557 โดยบริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เจ้าของเดียวกับร้านบาร์บีคิวพลาซ่า หลังจากนั้นไม่นานก็อำลาวงการไป ด้วยราคาไก่ทอดไซส์ XXL ในขณะนั้นสูงถึงชิ้นละ 129 บาท แต่การกลับมาครั้งนี้ ภายใต้การดูแลของ บริษัท ฮอท สตาร์ ชิกเก้น (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากจะเปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 10 ตรงข้ามเตี๋ยวเรือท่าสยาม เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ยังขายในราคาถูกลง ชิ้นละ 89 บาทเท่านั้น

    Newskit มีโอกาสมาเยือนร้านฮอตสตาร์สาขานี้ด้วยตัวเอง พบว่าตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันได โดยมีที่นั่งพร้อมปลั๊กไฟสำหรับนั่งทำงานหรือชาร์จโทรศัพท์มือถือ เมนูหลักของที่นี่คือไก่ทอดไซส์ XXL ราคา 89 บาท มีให้เลือก 6 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ซึ่งมีความเผ็ดเล็กน้อย บาร์บีคิว เห็ดทัฟเฟิล ต้มยำ หมาล่า และซาวครีม แต่จะมีคอมโบเซตให้เลือกหลากหลาย เช่น คลาสสิกคอมโบ ไก่ทอดไซส์ XXL พร้อมน้ำอัดลมและเฟรนซ์ฟรายส์ไซส์ M ราคา 109 บาท นอกจากนี้ยังมีไก่ส่วนอื่นๆ ทั้ง Giant Leg, Giant Drum Stick, Giant Wing, Mini Wing 6 ชิ้น และเมนูอย่างข้าวหน้าไก่และสลัดไก่ Hot Star Signature

    ส่วนเมนูคอมโบเซต มีให้เลือกทั้งมินิคอมโบเซต ราคาเริ่มต้นที่ 69 บาท ชุดคอมโบสำหรับหลายคนตั้งแต่ Crunchy Combo สำหรับ 1 คน (นับตามจำนวนน้ำอัดลม) ราคา 269 บาท Family Combo สำหรับ 2 คน ราคา 279 บาท และ Party Combo สำหรับ 4 คน ราคา 499 บาท ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกผ่านคิวอาร์โค้ดของทางร้าน แจ้งเบอร์โทรเพื่อสะสมคะแนน โดยทุก 10 บาทได้ 1 คะแนน และทุก 50 คะแนน แลกส่วนลดท้ายบิล 5 บาท หากสะสม 5,000 คะแนนจะได้สถานะ Exclusive Member สามารถแลกรับเมนูต่างๆ ของทางร้านได้อีกด้วย

    ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ฮอตสตาร์ในไทย คือ พญ.ศิโรรัตน์ อินทรปัญญา ซึ่งทำธุรกิจไก่ส่งออก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และขายในราคาไม่ถึงหลักร้อยใกล้เคียงกับไต้หวัน สำหรับแผนขยายสาขานั้นมีการเปิดแฟรนไชส์ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ S แบบซุ้ม ไซส์ M แบบร้านนั่งรับประทานทั้ง Outdoor และ Indoor สำหรับห้างสรรพสินค้า และไซส์ L สำหรับอาคารพาณิชย์ 1 คูหา วางตำแหน่งเป็นสตรีทฟู้ดพรีเมียม ท่ามกลางการแข่งขันของร้านไก่ทอดที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 27,000 ล้านบาท มี KFC เป็นเจ้าตลาดกว่า 1,000 สาขา

    ร้านฮอตสตาร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 10 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

    #Newskit
    HOT STAR GIANT CHICKEN ไก่ทอดไต้หวันกลับมาแล้ว ย้อนกลับไปกว่า 10 ปีก่อน ไก่ทอดใหญ่ไซส์เท่าใบหน้าจากไต้หวัน ฮฮตสตาร์ (HOT STAR GIANT CHICKEN) เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เมื่อปี 2557 โดยบริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เจ้าของเดียวกับร้านบาร์บีคิวพลาซ่า หลังจากนั้นไม่นานก็อำลาวงการไป ด้วยราคาไก่ทอดไซส์ XXL ในขณะนั้นสูงถึงชิ้นละ 129 บาท แต่การกลับมาครั้งนี้ ภายใต้การดูแลของ บริษัท ฮอท สตาร์ ชิกเก้น (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากจะเปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 10 ตรงข้ามเตี๋ยวเรือท่าสยาม เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ยังขายในราคาถูกลง ชิ้นละ 89 บาทเท่านั้น Newskit มีโอกาสมาเยือนร้านฮอตสตาร์สาขานี้ด้วยตัวเอง พบว่าตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันได โดยมีที่นั่งพร้อมปลั๊กไฟสำหรับนั่งทำงานหรือชาร์จโทรศัพท์มือถือ เมนูหลักของที่นี่คือไก่ทอดไซส์ XXL ราคา 89 บาท มีให้เลือก 6 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ซึ่งมีความเผ็ดเล็กน้อย บาร์บีคิว เห็ดทัฟเฟิล ต้มยำ หมาล่า และซาวครีม แต่จะมีคอมโบเซตให้เลือกหลากหลาย เช่น คลาสสิกคอมโบ ไก่ทอดไซส์ XXL พร้อมน้ำอัดลมและเฟรนซ์ฟรายส์ไซส์ M ราคา 109 บาท นอกจากนี้ยังมีไก่ส่วนอื่นๆ ทั้ง Giant Leg, Giant Drum Stick, Giant Wing, Mini Wing 6 ชิ้น และเมนูอย่างข้าวหน้าไก่และสลัดไก่ Hot Star Signature ส่วนเมนูคอมโบเซต มีให้เลือกทั้งมินิคอมโบเซต ราคาเริ่มต้นที่ 69 บาท ชุดคอมโบสำหรับหลายคนตั้งแต่ Crunchy Combo สำหรับ 1 คน (นับตามจำนวนน้ำอัดลม) ราคา 269 บาท Family Combo สำหรับ 2 คน ราคา 279 บาท และ Party Combo สำหรับ 4 คน ราคา 499 บาท ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกผ่านคิวอาร์โค้ดของทางร้าน แจ้งเบอร์โทรเพื่อสะสมคะแนน โดยทุก 10 บาทได้ 1 คะแนน และทุก 50 คะแนน แลกส่วนลดท้ายบิล 5 บาท หากสะสม 5,000 คะแนนจะได้สถานะ Exclusive Member สามารถแลกรับเมนูต่างๆ ของทางร้านได้อีกด้วย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ฮอตสตาร์ในไทย คือ พญ.ศิโรรัตน์ อินทรปัญญา ซึ่งทำธุรกิจไก่ส่งออก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และขายในราคาไม่ถึงหลักร้อยใกล้เคียงกับไต้หวัน สำหรับแผนขยายสาขานั้นมีการเปิดแฟรนไชส์ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ S แบบซุ้ม ไซส์ M แบบร้านนั่งรับประทานทั้ง Outdoor และ Indoor สำหรับห้างสรรพสินค้า และไซส์ L สำหรับอาคารพาณิชย์ 1 คูหา วางตำแหน่งเป็นสตรีทฟู้ดพรีเมียม ท่ามกลางการแข่งขันของร้านไก่ทอดที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 27,000 ล้านบาท มี KFC เป็นเจ้าตลาดกว่า 1,000 สาขา ร้านฮอตสตาร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 10 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • United Airlines เปิดตัว Wi-Fi บนเครื่องบินที่เร็วที่สุดผ่าน Starlink

    United Airlines ได้เริ่มให้บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินผ่านเครือข่ายดาวเทียม Starlink ของ SpaceX ซึ่งให้ความเร็วสูงและไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้โดยสารที่ลงทะเบียน MileagePlus โดยบริการนี้จะเริ่มต้นในเที่ยวบินระยะสั้นระหว่าง ชิคาโกและดีทรอยต์ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2025

    ✅ United Airlines เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดที่นำ Starlink มาใช้
    - Hawaiian Airlines และ JSX เคยเปิดตัวบริการนี้มาก่อน แต่ United เป็นสายการบินที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดที่ใช้เทคโนโลยีนี้

    ✅ Wi-Fi Starlink ให้ความเร็วสูงสุดถึง 230 Mbps และค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 128 Mbps
    - ความเร็วนี้ เทียบเท่ากับอินเทอร์เน็ตบ้าน และช่วยให้ผู้โดยสารสามารถ สตรีมวิดีโอ, เล่นเกม และประชุมออนไลน์ได้

    ✅ บริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิก MileagePlus
    - ผู้โดยสารสามารถ ลงทะเบียนฟรีเพื่อใช้บริการ Wi-Fi ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    ✅ United วางแผนติดตั้ง Starlink บนเครื่องบิน 1,026 ลำ
    - เริ่มจาก เครื่องบินระดับภูมิภาคแบบสองห้องโดยสาร ก่อนขยายไปยังเครื่องบินหลัก

    ✅ Starlink ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำเพื่อให้มีความหน่วงต่ำกว่าอินเทอร์เน็ตดาวเทียมแบบเดิม
    - ทำให้ การเชื่อมต่อมีความเสถียรและรวดเร็วขึ้น

    ✅ United วางแผนใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อโฆษณาแบบเรียลไทม์
    - ด้วย ความหน่วงต่ำกว่า 100 มิลลิวินาที ทำให้สามารถแสดงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายได้ทันที

    https://www.techspot.com/news/107906-united-becomes-largest-airline-deploy-fast-starlink-flight.html
    United Airlines เปิดตัว Wi-Fi บนเครื่องบินที่เร็วที่สุดผ่าน Starlink United Airlines ได้เริ่มให้บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินผ่านเครือข่ายดาวเทียม Starlink ของ SpaceX ซึ่งให้ความเร็วสูงและไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้โดยสารที่ลงทะเบียน MileagePlus โดยบริการนี้จะเริ่มต้นในเที่ยวบินระยะสั้นระหว่าง ชิคาโกและดีทรอยต์ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2025 ✅ United Airlines เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดที่นำ Starlink มาใช้ - Hawaiian Airlines และ JSX เคยเปิดตัวบริการนี้มาก่อน แต่ United เป็นสายการบินที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ✅ Wi-Fi Starlink ให้ความเร็วสูงสุดถึง 230 Mbps และค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 128 Mbps - ความเร็วนี้ เทียบเท่ากับอินเทอร์เน็ตบ้าน และช่วยให้ผู้โดยสารสามารถ สตรีมวิดีโอ, เล่นเกม และประชุมออนไลน์ได้ ✅ บริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิก MileagePlus - ผู้โดยสารสามารถ ลงทะเบียนฟรีเพื่อใช้บริการ Wi-Fi ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ✅ United วางแผนติดตั้ง Starlink บนเครื่องบิน 1,026 ลำ - เริ่มจาก เครื่องบินระดับภูมิภาคแบบสองห้องโดยสาร ก่อนขยายไปยังเครื่องบินหลัก ✅ Starlink ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำเพื่อให้มีความหน่วงต่ำกว่าอินเทอร์เน็ตดาวเทียมแบบเดิม - ทำให้ การเชื่อมต่อมีความเสถียรและรวดเร็วขึ้น ✅ United วางแผนใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อโฆษณาแบบเรียลไทม์ - ด้วย ความหน่วงต่ำกว่า 100 มิลลิวินาที ทำให้สามารถแสดงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายได้ทันที https://www.techspot.com/news/107906-united-becomes-largest-airline-deploy-fast-starlink-flight.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    United becomes largest airline to deploy fast Starlink in-flight Wi-Fi
    United Airlines has started rolling out SpaceX's Starlink internet on its planes, marking a shift for in-flight Wi-Fi. Last week, the airline hosted a demo aboard an...
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • 14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • Audible ใช้ AI สร้างเสียงบรรยายเพื่อเพิ่มจำนวนหนังสือเสียง

    Audible ซึ่งเป็นบริการหนังสือเสียงของ Amazon ได้เปิดตัว เทคโนโลยี AI narration เพื่อช่วยให้ สำนักพิมพ์สามารถผลิตหนังสือเสียงได้เร็วขึ้น โดย AI สามารถสร้างเสียงบรรยายที่มีคุณภาพสูงและรองรับหลายภาษา

    ✅ Audible ใช้ AI narration เพื่อเพิ่มจำนวนหนังสือเสียงในแพลตฟอร์ม
    - ช่วยให้ สำนักพิมพ์สามารถผลิตหนังสือเสียงได้เร็วขึ้น

    ✅ มีตัวเลือกเสียง AI มากกว่า 100 แบบ
    - รองรับ ภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี

    ✅ สำนักพิมพ์สามารถเลือกใช้บริการแบบจัดการโดย Audible หรือแบบบริการตนเอง
    - แบบแรก Audible ดูแลทุกขั้นตอน
    - แบบที่สอง สำนักพิมพ์สามารถควบคุมการผลิตเอง

    ✅ Audible เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ AI translation ในช่วงปลายปี 2025
    - รองรับ การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นสเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และเยอรมัน

    ✅ มีตัวเลือกการแปลสองแบบ: แปลต้นฉบับก่อนบรรยาย หรือแปลเสียงโดยตรง
    - สำนักพิมพ์สามารถ เลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

    ✅ Audible ยืนยันว่าจะยังคงทำงานร่วมกับนักเขียนและนักบรรยายมืออาชีพ
    - เพื่อให้ คุณภาพของหนังสือเสียงยังคงสูงและมีความเป็นมนุษย์

    https://www.neowin.net/news/audible-is-using-ai-narration-to-help-publishers-crank-out-more-audiobooks/
    Audible ใช้ AI สร้างเสียงบรรยายเพื่อเพิ่มจำนวนหนังสือเสียง Audible ซึ่งเป็นบริการหนังสือเสียงของ Amazon ได้เปิดตัว เทคโนโลยี AI narration เพื่อช่วยให้ สำนักพิมพ์สามารถผลิตหนังสือเสียงได้เร็วขึ้น โดย AI สามารถสร้างเสียงบรรยายที่มีคุณภาพสูงและรองรับหลายภาษา ✅ Audible ใช้ AI narration เพื่อเพิ่มจำนวนหนังสือเสียงในแพลตฟอร์ม - ช่วยให้ สำนักพิมพ์สามารถผลิตหนังสือเสียงได้เร็วขึ้น ✅ มีตัวเลือกเสียง AI มากกว่า 100 แบบ - รองรับ ภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี ✅ สำนักพิมพ์สามารถเลือกใช้บริการแบบจัดการโดย Audible หรือแบบบริการตนเอง - แบบแรก Audible ดูแลทุกขั้นตอน - แบบที่สอง สำนักพิมพ์สามารถควบคุมการผลิตเอง ✅ Audible เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ AI translation ในช่วงปลายปี 2025 - รองรับ การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นสเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และเยอรมัน ✅ มีตัวเลือกการแปลสองแบบ: แปลต้นฉบับก่อนบรรยาย หรือแปลเสียงโดยตรง - สำนักพิมพ์สามารถ เลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ✅ Audible ยืนยันว่าจะยังคงทำงานร่วมกับนักเขียนและนักบรรยายมืออาชีพ - เพื่อให้ คุณภาพของหนังสือเสียงยังคงสูงและมีความเป็นมนุษย์ https://www.neowin.net/news/audible-is-using-ai-narration-to-help-publishers-crank-out-more-audiobooks/
    WWW.NEOWIN.NET
    Audible is using AI narration to help publishers crank out more audiobooks
    Audible has announced that it is adding new audiobooks to its library using narration technology powered by AI from Amazon.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2025 ตามเวลาประเทศไทย หุ้นของ UnitedHealth Group Inc. (UNH) ประสบกับการร่วงลงอย่างรุนแรง โดยปิดตลาดที่ราคา 311.38 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงประมาณ 17.79% จากวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบหลายปี
    สาเหตุหลักมาจากการประกาศลาออกอย่างกะทันหันของซีอีโอ Andrew Witty ด้วยเหตุผลส่วนตัว และการที่บริษัทระงับการคาดการณ์ผลประกอบการปี 2025 เนื่องจากต้นทุนทางการแพทย์ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

    นอกจากนี้ UnitedHealth ยังเผชิญกับปัญหาอื่น ๆ เช่น การถูกฟ้องร้องในคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์ การโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูลของผู้ใช้บริการกว่า 190 ล้านราย และการเสียชีวิตของผู้บริหารระดับสูง Brian Thompson ในเหตุการณ์ยิงกันในเดือนธันวาคม 2024

    บริษัทได้แต่งตั้ง Stephen J. Hemsley อดีตซีอีโอที่เคยดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2006–2017 กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    ในระยะสั้น แนวโน้มของหุ้น UNH ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงทางกฎหมายและการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2026
    เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2025 ตามเวลาประเทศไทย หุ้นของ UnitedHealth Group Inc. (UNH) ประสบกับการร่วงลงอย่างรุนแรง โดยปิดตลาดที่ราคา 311.38 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงประมาณ 17.79% จากวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบหลายปี สาเหตุหลักมาจากการประกาศลาออกอย่างกะทันหันของซีอีโอ Andrew Witty ด้วยเหตุผลส่วนตัว และการที่บริษัทระงับการคาดการณ์ผลประกอบการปี 2025 เนื่องจากต้นทุนทางการแพทย์ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ UnitedHealth ยังเผชิญกับปัญหาอื่น ๆ เช่น การถูกฟ้องร้องในคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์ การโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูลของผู้ใช้บริการกว่า 190 ล้านราย และการเสียชีวิตของผู้บริหารระดับสูง Brian Thompson ในเหตุการณ์ยิงกันในเดือนธันวาคม 2024 บริษัทได้แต่งตั้ง Stephen J. Hemsley อดีตซีอีโอที่เคยดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2006–2017 กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในระยะสั้น แนวโน้มของหุ้น UNH ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงทางกฎหมายและการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2026
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 132 Views 3 0 Reviews
  • AMD เปิดตัว EPYC 4005-Series: ขยายตลาด Zen 5 สู่ธุรกิจขนาดเล็ก

    AMD ได้เปิดตัว EPYC 4005-Series ซึ่งเป็น ซีพียู Zen 5 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ระดับเริ่มต้น โดยออกแบบมาเพื่อ ธุรกิจขนาดเล็ก, การใช้งาน Edge Computing และผู้ให้บริการโฮสติ้ง ซีพียูรุ่นใหม่นี้ใช้ ซ็อกเก็ต AM5 และมี สูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด

    ✅ EPYC 4005-Series ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และรองรับ Windows Server 2025
    - ออกแบบมาเพื่อ ธุรกิจขนาดเล็กและเซิร์ฟเวอร์แบบ Uniprocessor

    ✅ มีสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมแคช L3 สูงสุด 128MB
    - รุ่น EPYC 4585PX มี 3D V-Cache ขนาด 64MB

    ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 สูงสุด 192GB พร้อม ECC
    - ใช้ dual-channel memory controller

    ✅ มีค่า TDP ตั้งแต่ 65W ถึง 170W ขึ้นอยู่กับรุ่น
    - รุ่น EPYC 4545P มีค่า TDP ต่ำสุดที่ 65W

    ✅ รองรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น TrustZone, Secure Boot และ TPM 2.0
    - มี การเข้ารหัสหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/zen-5-comes-to-small-businesses-amd-unveils-epyc-4005-series-processors
    AMD เปิดตัว EPYC 4005-Series: ขยายตลาด Zen 5 สู่ธุรกิจขนาดเล็ก AMD ได้เปิดตัว EPYC 4005-Series ซึ่งเป็น ซีพียู Zen 5 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ระดับเริ่มต้น โดยออกแบบมาเพื่อ ธุรกิจขนาดเล็ก, การใช้งาน Edge Computing และผู้ให้บริการโฮสติ้ง ซีพียูรุ่นใหม่นี้ใช้ ซ็อกเก็ต AM5 และมี สูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด ✅ EPYC 4005-Series ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และรองรับ Windows Server 2025 - ออกแบบมาเพื่อ ธุรกิจขนาดเล็กและเซิร์ฟเวอร์แบบ Uniprocessor ✅ มีสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมแคช L3 สูงสุด 128MB - รุ่น EPYC 4585PX มี 3D V-Cache ขนาด 64MB ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 สูงสุด 192GB พร้อม ECC - ใช้ dual-channel memory controller ✅ มีค่า TDP ตั้งแต่ 65W ถึง 170W ขึ้นอยู่กับรุ่น - รุ่น EPYC 4545P มีค่า TDP ต่ำสุดที่ 65W ✅ รองรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น TrustZone, Secure Boot และ TPM 2.0 - มี การเข้ารหัสหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/zen-5-comes-to-small-businesses-amd-unveils-epyc-4005-series-processors
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • VPN Secure ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพหลังถูกซื้อกิจการ

    ผู้ใช้บริการ VPNSecure ที่เคยซื้อแพ็กเกจ "Lifetime Subscription" ต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อบริษัทถูกซื้อกิจการโดย InfiniteQuant Ltd และผู้บริหารใหม่ ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาไม่ทราบว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่

    ✅ VPNSecure ถูกซื้อกิจการในปี 2023 โดย InfiniteQuant Ltd
    - การซื้อขายนี้เป็น "asset only deal" ซึ่งหมายถึง ซื้อเฉพาะเทคโนโลยี, โดเมน และฐานข้อมูลลูกค้า แต่ไม่รวมภาระผูกพันทางการเงิน

    ✅ ผู้บริหารใหม่อ้างว่าไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจ Lifetime Subscription
    - พบข้อมูลนี้ หลังจากดำเนินกิจการไปหลายเดือน

    ✅ บัญชีที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 6 เดือนถูกปิดโดยอัตโนมัติ
    - ส่งผลให้เกิด กระแสวิพากษ์วิจารณ์และรีวิวเชิงลบจำนวนมาก

    ✅ VPNSecure เสนอทางเลือกให้ลูกค้าเดิมสมัครสมาชิกใหม่ในราคาส่วนลด
    - $1.87 ต่อเดือน (ปกติ $9.95)
    - $19 ต่อปี (ปกติ $79.92)
    - $55 สำหรับ 3 ปี (ปกติ $107.64)

    ✅ ลูกค้าต้องสมัครใหม่ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2025 มิฉะนั้นจะต้องจ่ายราคาเต็ม

    https://www.techspot.com/news/107896-vpn-service-cancels-lifetime-subscriptions-after-takeover-new.html
    VPN Secure ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพหลังถูกซื้อกิจการ ผู้ใช้บริการ VPNSecure ที่เคยซื้อแพ็กเกจ "Lifetime Subscription" ต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อบริษัทถูกซื้อกิจการโดย InfiniteQuant Ltd และผู้บริหารใหม่ ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาไม่ทราบว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ ✅ VPNSecure ถูกซื้อกิจการในปี 2023 โดย InfiniteQuant Ltd - การซื้อขายนี้เป็น "asset only deal" ซึ่งหมายถึง ซื้อเฉพาะเทคโนโลยี, โดเมน และฐานข้อมูลลูกค้า แต่ไม่รวมภาระผูกพันทางการเงิน ✅ ผู้บริหารใหม่อ้างว่าไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจ Lifetime Subscription - พบข้อมูลนี้ หลังจากดำเนินกิจการไปหลายเดือน ✅ บัญชีที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 6 เดือนถูกปิดโดยอัตโนมัติ - ส่งผลให้เกิด กระแสวิพากษ์วิจารณ์และรีวิวเชิงลบจำนวนมาก ✅ VPNSecure เสนอทางเลือกให้ลูกค้าเดิมสมัครสมาชิกใหม่ในราคาส่วนลด - $1.87 ต่อเดือน (ปกติ $9.95) - $19 ต่อปี (ปกติ $79.92) - $55 สำหรับ 3 ปี (ปกติ $107.64) ✅ ลูกค้าต้องสมัครใหม่ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2025 มิฉะนั้นจะต้องจ่ายราคาเต็ม https://www.techspot.com/news/107896-vpn-service-cancels-lifetime-subscriptions-after-takeover-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    VPN service cancels customers' lifetime subscriptions after takeover, says new owners didn't know they existed
    In an email posted on Reddit from "The VPN Secure Team" sent to lifetime subscription holders, it's explained that VPNSecure was acquired in 2023. The deal included...
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • Klarna กลับมาจ้างพนักงานอีกครั้ง หลังพบว่า AI ให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำ

    Klarna ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later) ได้กลับมาจ้างพนักงานมนุษย์อีกครั้ง หลังจากพบว่า AI ที่ใช้แทนพนักงานให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำ แม้ว่าจะช่วยลดต้นทุนได้มากก็ตาม

    ✅ Klarna เคยลดจำนวนพนักงานจาก 5,000 คนในปี 2023 เหลือ 2,000 คนในปี 2024
    - CEO Sebastian Siemiatkowski เคยประกาศให้ AI ทำงานแทนพนักงาน

    ✅ AI Chatbots เคยรับผิดชอบ 2 ใน 3 ของการสนทนากับลูกค้า
    - สามารถทำงานแทนพนักงานได้ถึง 700 คน

    ✅ Klarna พบว่า AI ให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำกว่ามนุษย์
    - แม้จะช่วยลดต้นทุน แต่ ลูกค้าต้องการพูดคุยกับพนักงานจริงมากกว่า

    ✅ บริษัทกลับมาจ้างพนักงานเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการพูดคุยกับมนุษย์
    - พนักงานใหม่จะทำงานแบบ Remote คล้ายกับ Uber

    ✅ Klarna มุ่งเน้นการลงทุนในคุณภาพของการให้บริการลูกค้า
    - CEO ยอมรับว่า การลดต้นทุนมากเกินไปส่งผลให้คุณภาพลดลง

    https://www.techspot.com/news/107881-klarna-hiring-humans-again-ai-replacements-fail-deliver.html
    Klarna กลับมาจ้างพนักงานอีกครั้ง หลังพบว่า AI ให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำ Klarna ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later) ได้กลับมาจ้างพนักงานมนุษย์อีกครั้ง หลังจากพบว่า AI ที่ใช้แทนพนักงานให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำ แม้ว่าจะช่วยลดต้นทุนได้มากก็ตาม ✅ Klarna เคยลดจำนวนพนักงานจาก 5,000 คนในปี 2023 เหลือ 2,000 คนในปี 2024 - CEO Sebastian Siemiatkowski เคยประกาศให้ AI ทำงานแทนพนักงาน ✅ AI Chatbots เคยรับผิดชอบ 2 ใน 3 ของการสนทนากับลูกค้า - สามารถทำงานแทนพนักงานได้ถึง 700 คน ✅ Klarna พบว่า AI ให้บริการลูกค้าได้คุณภาพต่ำกว่ามนุษย์ - แม้จะช่วยลดต้นทุน แต่ ลูกค้าต้องการพูดคุยกับพนักงานจริงมากกว่า ✅ บริษัทกลับมาจ้างพนักงานเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการพูดคุยกับมนุษย์ - พนักงานใหม่จะทำงานแบบ Remote คล้ายกับ Uber ✅ Klarna มุ่งเน้นการลงทุนในคุณภาพของการให้บริการลูกค้า - CEO ยอมรับว่า การลดต้นทุนมากเกินไปส่งผลให้คุณภาพลดลง https://www.techspot.com/news/107881-klarna-hiring-humans-again-ai-replacements-fail-deliver.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Klarna is hiring humans again as AI replacements offer "lower quality" output
    Buy now, pay later/shopping service Klarna is one of the companies that have really been going all-in on AI. CEO Sebastian Siemiatkowski reached out to OpenAI boss...
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • ฏิวัติการจัดการเวลาครอบครัวด้วยปฏิทินดิจิทัลราคาแพง

    ในยุคที่ชีวิตครอบครัวเต็มไปด้วยภารกิจมากมาย ปฏิทินดิจิทัลราคาแพง กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดการตารางเวลามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์อย่าง Skylight Calendar และ Hearth Display ได้รับความนิยมในกลุ่มครอบครัวที่ต้องการลดภาระ "mental load" หรือภาระทางจิตใจในการวางแผนชีวิต

    ✅ Skylight Calendar มีราคาตั้งแต่ 170 ถึง 630 ดอลลาร์สหรัฐฯ
    - พร้อมค่าบริการรายปี 79 ดอลลาร์ เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์พิเศษ

    ✅ Hearth Display เป็นปฏิทินดิจิทัลขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยสามคุณแม่ทำงาน
    - มีราคาสูงถึง 700 ดอลลาร์ พร้อมค่าบริการรายเดือน 9 ดอลลาร์

    ✅ แนวคิดของ Hearth Display คือการทำให้ข้อมูลสำคัญของครอบครัวมองเห็นได้ชัดเจน
    - ลดปัญหาการสื่อสารที่กระจัดกระจาย

    ✅ ผู้ใช้บางรายพบว่าปฏิทินดิจิทัลช่วยให้การจัดการตารางเวลาครอบครัวดีขึ้น
    - เช่น การแจ้งเตือนให้สมาชิกทำงานบ้านหรือดูแลเด็ก

    ✅ นักสังคมวิทยาชี้ว่าปฏิทินดิจิทัลอาจไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมในการแบ่งงานบ้านได้
    - เพราะยังคงมีแนวโน้มที่ คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะเป็น "calendar partner" ที่ต้องคอยจัดการข้อมูลทั้งหมด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/can-a-us700-calendar-save-your-marriage
    ฏิวัติการจัดการเวลาครอบครัวด้วยปฏิทินดิจิทัลราคาแพง ในยุคที่ชีวิตครอบครัวเต็มไปด้วยภารกิจมากมาย ปฏิทินดิจิทัลราคาแพง กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดการตารางเวลามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์อย่าง Skylight Calendar และ Hearth Display ได้รับความนิยมในกลุ่มครอบครัวที่ต้องการลดภาระ "mental load" หรือภาระทางจิตใจในการวางแผนชีวิต ✅ Skylight Calendar มีราคาตั้งแต่ 170 ถึง 630 ดอลลาร์สหรัฐฯ - พร้อมค่าบริการรายปี 79 ดอลลาร์ เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์พิเศษ ✅ Hearth Display เป็นปฏิทินดิจิทัลขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยสามคุณแม่ทำงาน - มีราคาสูงถึง 700 ดอลลาร์ พร้อมค่าบริการรายเดือน 9 ดอลลาร์ ✅ แนวคิดของ Hearth Display คือการทำให้ข้อมูลสำคัญของครอบครัวมองเห็นได้ชัดเจน - ลดปัญหาการสื่อสารที่กระจัดกระจาย ✅ ผู้ใช้บางรายพบว่าปฏิทินดิจิทัลช่วยให้การจัดการตารางเวลาครอบครัวดีขึ้น - เช่น การแจ้งเตือนให้สมาชิกทำงานบ้านหรือดูแลเด็ก ✅ นักสังคมวิทยาชี้ว่าปฏิทินดิจิทัลอาจไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมในการแบ่งงานบ้านได้ - เพราะยังคงมีแนวโน้มที่ คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะเป็น "calendar partner" ที่ต้องคอยจัดการข้อมูลทั้งหมด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/can-a-us700-calendar-save-your-marriage
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Can a US$700 calendar save your marriage?
    Your spouse can't read your mind. But these products promise to "externalise the primary caregiver's brain".
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • Files เป็นหนึ่งในตัวจัดการไฟล์ยอดนิยมสำหรับ Windows 11 ที่มีดีไซน์คล้าย File Explorer ของ Microsoft แต่เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น ล่าสุด Files Preview 3.9.9 ได้รับการอัปเดตใหม่ โดยมีการปรับปรุงไอคอน, เพิ่มผู้ให้บริการคลาวด์ใหม่ และปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ✅ Files Preview 3.9.9 มาพร้อมไอคอนใหม่
    - ไอคอนใหม่นี้จะถูกนำไปใช้ใน Files เวอร์ชัน 4 ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้

    ✅ เพิ่มการรองรับผู้ให้บริการคลาวด์ใหม่ ได้แก่ Magent และ Sync
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เข้าถึงไฟล์จากคลาวด์ได้สะดวกขึ้น

    ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Quick Access widgets บนหน้า Home Page
    - ลดเวลาโหลดและเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงไฟล์

    ✅ แก้ไขปัญหาหลายรายการ เช่น:
    - ปัญหาการเปิดโฟลเดอร์ที่ลงท้ายด้วย .url
    - ปัญหาชื่อไทล์ของแอปใน Start Menu
    - ปัญหาการกระพริบของ sidebar เมื่อปรับขนาดหน้าต่าง Properties

    ✅ Files Preview มีให้ดาวน์โหลดฟรีบนเว็บไซต์ทางการ
    - แต่สามารถซื้อผ่าน Microsoft Store ในราคา $9.99 เพื่อสนับสนุนผู้พัฒนา

    ✅ Files เวอร์ชัน 3.9 ที่เปิดตัวในเดือนมกราคม 2025 มีการปรับปรุงด้านแท็ก, แท็บ และเลย์เอาต์ใหม่

    https://www.neowin.net/news/my-favorite-file-manager-for-windows-11-gets-redesigned-icon-better-performance-and-more/
    Files เป็นหนึ่งในตัวจัดการไฟล์ยอดนิยมสำหรับ Windows 11 ที่มีดีไซน์คล้าย File Explorer ของ Microsoft แต่เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น ล่าสุด Files Preview 3.9.9 ได้รับการอัปเดตใหม่ โดยมีการปรับปรุงไอคอน, เพิ่มผู้ให้บริการคลาวด์ใหม่ และปรับปรุงประสิทธิภาพ ✅ Files Preview 3.9.9 มาพร้อมไอคอนใหม่ - ไอคอนใหม่นี้จะถูกนำไปใช้ใน Files เวอร์ชัน 4 ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ ✅ เพิ่มการรองรับผู้ให้บริการคลาวด์ใหม่ ได้แก่ Magent และ Sync - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เข้าถึงไฟล์จากคลาวด์ได้สะดวกขึ้น ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Quick Access widgets บนหน้า Home Page - ลดเวลาโหลดและเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงไฟล์ ✅ แก้ไขปัญหาหลายรายการ เช่น: - ปัญหาการเปิดโฟลเดอร์ที่ลงท้ายด้วย .url - ปัญหาชื่อไทล์ของแอปใน Start Menu - ปัญหาการกระพริบของ sidebar เมื่อปรับขนาดหน้าต่าง Properties ✅ Files Preview มีให้ดาวน์โหลดฟรีบนเว็บไซต์ทางการ - แต่สามารถซื้อผ่าน Microsoft Store ในราคา $9.99 เพื่อสนับสนุนผู้พัฒนา ✅ Files เวอร์ชัน 3.9 ที่เปิดตัวในเดือนมกราคม 2025 มีการปรับปรุงด้านแท็ก, แท็บ และเลย์เอาต์ใหม่ https://www.neowin.net/news/my-favorite-file-manager-for-windows-11-gets-redesigned-icon-better-performance-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    My favorite file manager for Windows 11 gets redesigned icon, better performance, and more
    Files, one of the best third-party file managers for Windows, is getting some neat updates, including a redesigned icon, more cloud storage providers, and more.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568

    ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย

    การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว

    นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท

    #Newskit
    ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท #Newskit
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ..กฎหมายเราเองมีปัญหา&ตามระวังข้าศึกศัตรูไม่ทันเกมส์ทันหมากเข้าบวกคนในระบบข้าราชการเราเองไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ปกป้องผลประโยชน์คนไทยตนเอง,ร่วมกันปิดประตูปิดช่องทางต่างๆมิให้ศัตรูข้าศึกมาแย่งชิงสัมมาอาชีพสร้างรายได้แทนคนไทยได้สะดวกสบายอิสระเสรีหรือเปิดเปิดเผยขนาดนี้,อาจแค่สามารถจัดแบบตลาดนัดวันสัมพันธุ์เชื่อมอาหารไทยจีนได้ไม่กี่วันกี่ช่วงเท่านั้นมิใช่ปล่อยต่างชาติอื่นใดๆบุกเราขนาดนี้,จะจีนจะอเมริกฝรั่งตะวันตกตะวันออกใดๆขึ้นชื่อต่างชาติทั้งหมด ,ต้องสัมมาอาชีพภายในคนไทยเองต้องมาก่อนเสมอ เมื่อทุกๆคนไทยไม่ถูกแย่งอาชีพค้าขายไป ตังทองก็หมุนเวียนจริงในชุมชนสังคมเราในท้องถิ่นนั้นทันที วัตถุดิบแหล่งผลิตก็ขับเคลื่อนจับจ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วยเงินตราสาระพัดสะพัดตังในประเทศเราอย่างมั่นคงและเพิ่มขึ้นทวีคูณต่อเนื่องได้อีก,ต้นน้ำก็ขายวัตถุดิบได้ ปลายน้ำก็มีลูกค้าตอบสนองแลกเปลี่ยนซื้อขายบริการกันพอมีรายได้กำไรเลี้ยงตนเองและครอบครัวใครมันนั้นๆ,ถ้าผู้นำยังเลอะเทอะผิดพลาดว่ายังประโยชน์ต่อต่างชาติให้ดีเชื่อมสายสัมพันธ์แต่คนไทยตนภายในประเทศ0บาทตายเรียบ จะมีผู้นำผู้ปกครองไว้ทำซากอะไร,ไม่ว่าจีนแขกแกวยุ่นพม่าแขมร์ลาวมลายูขอมจามเจ๊กฝรั่ง&ต่างชาติใดๆ คนไทยเท่านั้นต้องประกอบสัมมาอาชีพเหล่าใดมากกว่าต่างชาติจะมาทำเช่นนี้เองได้บนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นคนทั่วโลกไม่เสรีย้ายฐานมาทำอาชีพที่แผ่นดินไทยเต็มเหรอโดยสามารถอ้างว่ามาท่องเที่ยวเยอะนะ มาอยู่เลยดีมั้ย ชาติต่างๆสร้างมุกมาสักปี2ปีมิซวยเหรอ,เช่นdeep stateใช่เศษตังให้แขกประเทศละ10ล้านล้านบาทต่อปี พาคนแขกชาติต่างๆมาท่องเที่ยวหมุนเวียนสัก10ประเทศมุสลิม,เปิดร้านอาหาร ร้านนั้นร้านนี้ทั่วไทยอ้างว่าแขกชอบไปตรึม ยึดเหนือยึดอีสานยึดใต้ในท้องถิ่นต่างๆเปิดร้านค้าแขกสาระพัด ผสมจีนdeep state ccpจีนส่งมายึดเปิดร้านค้าปกติแบบนี้อีกทั่วอีสาน ทั่วตะวันออก&ตก ทั่วเหนือเมืองหลักๆทั่วไทยนอกจากกทม.กระจายทุกๆชาติทั่วโลกยึดทุกๆจังหวัดดินแดนที่ดินเปิดร้านค้ากิจการต่าง เดิมเต็มตรึมด้วยคนต่างชาติอ้างมาท่องเที่ยวเต็มประเทศนะ แต่ตังทั้งหมดมุกแบบ0เหรียญของจีนของแขกของฝรั่งและของต่างชาตินั้นๆของสมุนขี้ข้าdeep stateส่งเข้าบัญชีdeep stateทั้งหมด,ประเทศไทยไม่ได้ห่าอะไรเลย มีแต่ป้ายภาษาแขกต่างๆ ป้ายภาษาจีน ป้ายภาษาอื่นๆเต็มแผ่นดินไทยหมด มิมีภาษาไทยเขียนเหนือทุกๆภาษาห่านี้กำกับแบบเข้มข้นควบคุมอย่างละเอียดห่าอะไร แล้ววิถีการปกครองมันจะไม่เหี้ยมโหฬารมั้ยล่ะ,วิถีปกครองบรรลัยเลยล่ะ คนไทยชาติตนร่ำรวยโคตรๆทุกๆคนจะไม่ว่าห่าอะไรหรอกในการค้าขายเสรีปล่อยห่าเหวแบบนี้ แต่คนไทยยังเสือกยากจนมั่นคงอยู่นี้สิมันบัดสบมั้ยล่ะ,สัมมาอาชีพคนไทยเปิดกว้างให้ต่างชาติยึดครองผีบ้าอะไรแบบนี้,ตรวจพบมามุกนอมินีทันเกมส์ก็สั่งปิดทันทีได้,รัานค้าไทยยืนหนึ่งบนแผ่นดินไทยสิ,มิใช่ให้มีร้านค้าจากชาติอื่นมาเปิดตรึม จะของฝรั่งก็ตามเถอะ ,กฎหมายต้องปรับปรุงเขียนให้ทันสงครามตังสงครามเศรษฐกิจของต่างชาติ,กิจการต่างชาติใดๆสามารถเปิดได้เพียงในนามบริษัทมหาชนเท่านั้นและมีสำนักงานเพียงสถานที่แห่งเดียวเลือกแห่งใดแห่งหนึ่งดำเนินการและในแต่ละเขตอำเภอจังหวัดตำบลตบจะสามารถมีไม่เกิน1ที่รวมกันทั้งประเทศ,ห้ามเปิดสาขา,ตรวจพบว่ามีเจ้าของหรือเป็นเจ้าของคนเดียวกันสั่งยึดกิจการและเงินทุน&ทรัพย์สินทั้งหมดทันที.,นี้สามารถเป็นอีกมุกๆหนึ่งตัดตอนต่างชาติหัวหมอมาแย่งชิงสัมมาอาชีพคนไทยแย่งชิงรายได้พอเลี้ยงชีวิตครอบครัวคนไทยเราภายในประเทศได้,จีนคนกว่า1,400ล้านคน คนมีตังแค่100ล้านคนหอบตังลงทุนนิดหน่อยคนละ100ล้านหยวนก็ทำลายสัมมาอาชีพต่างๆภายในประเทศไทยเราได้สบาย ไม่รวมแขกอินเดียแจกอาหรับฝรั่งผู้ดีชอบปล้นชิงล่าวัตถุดิบ&อาณานิคมอีกกว่า100ล้านคนบินมาสัมมาอาชีพช่วนเหลือขยายอาชีพภายในประเทศไทย คนไทยจะมีรายได้ทางสัมมาอาชีพอะไรอีก เขาเสือกซื้อบริการใช้จ่ายกับแค่ร้านค้าขายคนของประเทศเขาอีก วัตถุดิบก็สั่งตรงจากชาติมัน ไม่ซื้อวัตถุดิบใดๆจากคนไทย ซวยแน่นอน.,เหมือนผีบ้าบางคนไปท่องเที่ยวเหี้ยพกไปเองหมด ไม่เสียตังสักบาทในบริเวณธรรมชาติอิสระเสรีนั้นๆ,นึกดูสิ,อันเดียวกัน มันใช้ไทยแบบนั้นล่ะ,แล้วก็ทิ้งขยะสร้างภาระให้พื้นที่นั้นๆกำจัดอีก,กำไรรายได้อิ่มท้องอิ่มตามันเอาไปเต็มๆแบบกินเองด้วย พกมาขายมากๆด้วย ใครมาเที่ยวที่นั้นไปซื้อของมันอีก ตังเต็มๆเอากลับบ้านไปนอนหลับสบาย อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อครั้งโน้นก็ว่าออกนอกประเทศ ,คนต่างชาติย่อมยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=8RD6KfYIMbw&si=p7Jpl4NYhI5B8Sdv

    ..กฎหมายเราเองมีปัญหา&ตามระวังข้าศึกศัตรูไม่ทันเกมส์ทันหมากเข้าบวกคนในระบบข้าราชการเราเองไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ปกป้องผลประโยชน์คนไทยตนเอง,ร่วมกันปิดประตูปิดช่องทางต่างๆมิให้ศัตรูข้าศึกมาแย่งชิงสัมมาอาชีพสร้างรายได้แทนคนไทยได้สะดวกสบายอิสระเสรีหรือเปิดเปิดเผยขนาดนี้,อาจแค่สามารถจัดแบบตลาดนัดวันสัมพันธุ์เชื่อมอาหารไทยจีนได้ไม่กี่วันกี่ช่วงเท่านั้นมิใช่ปล่อยต่างชาติอื่นใดๆบุกเราขนาดนี้,จะจีนจะอเมริกฝรั่งตะวันตกตะวันออกใดๆขึ้นชื่อต่างชาติทั้งหมด ,ต้องสัมมาอาชีพภายในคนไทยเองต้องมาก่อนเสมอ เมื่อทุกๆคนไทยไม่ถูกแย่งอาชีพค้าขายไป ตังทองก็หมุนเวียนจริงในชุมชนสังคมเราในท้องถิ่นนั้นทันที วัตถุดิบแหล่งผลิตก็ขับเคลื่อนจับจ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วยเงินตราสาระพัดสะพัดตังในประเทศเราอย่างมั่นคงและเพิ่มขึ้นทวีคูณต่อเนื่องได้อีก,ต้นน้ำก็ขายวัตถุดิบได้ ปลายน้ำก็มีลูกค้าตอบสนองแลกเปลี่ยนซื้อขายบริการกันพอมีรายได้กำไรเลี้ยงตนเองและครอบครัวใครมันนั้นๆ,ถ้าผู้นำยังเลอะเทอะผิดพลาดว่ายังประโยชน์ต่อต่างชาติให้ดีเชื่อมสายสัมพันธ์แต่คนไทยตนภายในประเทศ0บาทตายเรียบ จะมีผู้นำผู้ปกครองไว้ทำซากอะไร,ไม่ว่าจีนแขกแกวยุ่นพม่าแขมร์ลาวมลายูขอมจามเจ๊กฝรั่ง&ต่างชาติใดๆ คนไทยเท่านั้นต้องประกอบสัมมาอาชีพเหล่าใดมากกว่าต่างชาติจะมาทำเช่นนี้เองได้บนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นคนทั่วโลกไม่เสรีย้ายฐานมาทำอาชีพที่แผ่นดินไทยเต็มเหรอโดยสามารถอ้างว่ามาท่องเที่ยวเยอะนะ มาอยู่เลยดีมั้ย ชาติต่างๆสร้างมุกมาสักปี2ปีมิซวยเหรอ,เช่นdeep stateใช่เศษตังให้แขกประเทศละ10ล้านล้านบาทต่อปี พาคนแขกชาติต่างๆมาท่องเที่ยวหมุนเวียนสัก10ประเทศมุสลิม,เปิดร้านอาหาร ร้านนั้นร้านนี้ทั่วไทยอ้างว่าแขกชอบไปตรึม ยึดเหนือยึดอีสานยึดใต้ในท้องถิ่นต่างๆเปิดร้านค้าแขกสาระพัด ผสมจีนdeep state ccpจีนส่งมายึดเปิดร้านค้าปกติแบบนี้อีกทั่วอีสาน ทั่วตะวันออก&ตก ทั่วเหนือเมืองหลักๆทั่วไทยนอกจากกทม.กระจายทุกๆชาติทั่วโลกยึดทุกๆจังหวัดดินแดนที่ดินเปิดร้านค้ากิจการต่าง เดิมเต็มตรึมด้วยคนต่างชาติอ้างมาท่องเที่ยวเต็มประเทศนะ แต่ตังทั้งหมดมุกแบบ0เหรียญของจีนของแขกของฝรั่งและของต่างชาตินั้นๆของสมุนขี้ข้าdeep stateส่งเข้าบัญชีdeep stateทั้งหมด,ประเทศไทยไม่ได้ห่าอะไรเลย มีแต่ป้ายภาษาแขกต่างๆ ป้ายภาษาจีน ป้ายภาษาอื่นๆเต็มแผ่นดินไทยหมด มิมีภาษาไทยเขียนเหนือทุกๆภาษาห่านี้กำกับแบบเข้มข้นควบคุมอย่างละเอียดห่าอะไร แล้ววิถีการปกครองมันจะไม่เหี้ยมโหฬารมั้ยล่ะ,วิถีปกครองบรรลัยเลยล่ะ คนไทยชาติตนร่ำรวยโคตรๆทุกๆคนจะไม่ว่าห่าอะไรหรอกในการค้าขายเสรีปล่อยห่าเหวแบบนี้ แต่คนไทยยังเสือกยากจนมั่นคงอยู่นี้สิมันบัดสบมั้ยล่ะ,สัมมาอาชีพคนไทยเปิดกว้างให้ต่างชาติยึดครองผีบ้าอะไรแบบนี้,ตรวจพบมามุกนอมินีทันเกมส์ก็สั่งปิดทันทีได้,รัานค้าไทยยืนหนึ่งบนแผ่นดินไทยสิ,มิใช่ให้มีร้านค้าจากชาติอื่นมาเปิดตรึม จะของฝรั่งก็ตามเถอะ ,กฎหมายต้องปรับปรุงเขียนให้ทันสงครามตังสงครามเศรษฐกิจของต่างชาติ,กิจการต่างชาติใดๆสามารถเปิดได้เพียงในนามบริษัทมหาชนเท่านั้นและมีสำนักงานเพียงสถานที่แห่งเดียวเลือกแห่งใดแห่งหนึ่งดำเนินการและในแต่ละเขตอำเภอจังหวัดตำบลตบจะสามารถมีไม่เกิน1ที่รวมกันทั้งประเทศ,ห้ามเปิดสาขา,ตรวจพบว่ามีเจ้าของหรือเป็นเจ้าของคนเดียวกันสั่งยึดกิจการและเงินทุน&ทรัพย์สินทั้งหมดทันที.,นี้สามารถเป็นอีกมุกๆหนึ่งตัดตอนต่างชาติหัวหมอมาแย่งชิงสัมมาอาชีพคนไทยแย่งชิงรายได้พอเลี้ยงชีวิตครอบครัวคนไทยเราภายในประเทศได้,จีนคนกว่า1,400ล้านคน คนมีตังแค่100ล้านคนหอบตังลงทุนนิดหน่อยคนละ100ล้านหยวนก็ทำลายสัมมาอาชีพต่างๆภายในประเทศไทยเราได้สบาย ไม่รวมแขกอินเดียแจกอาหรับฝรั่งผู้ดีชอบปล้นชิงล่าวัตถุดิบ&อาณานิคมอีกกว่า100ล้านคนบินมาสัมมาอาชีพช่วนเหลือขยายอาชีพภายในประเทศไทย คนไทยจะมีรายได้ทางสัมมาอาชีพอะไรอีก เขาเสือกซื้อบริการใช้จ่ายกับแค่ร้านค้าขายคนของประเทศเขาอีก วัตถุดิบก็สั่งตรงจากชาติมัน ไม่ซื้อวัตถุดิบใดๆจากคนไทย ซวยแน่นอน.,เหมือนผีบ้าบางคนไปท่องเที่ยวเหี้ยพกไปเองหมด ไม่เสียตังสักบาทในบริเวณธรรมชาติอิสระเสรีนั้นๆ,นึกดูสิ,อันเดียวกัน มันใช้ไทยแบบนั้นล่ะ,แล้วก็ทิ้งขยะสร้างภาระให้พื้นที่นั้นๆกำจัดอีก,กำไรรายได้อิ่มท้องอิ่มตามันเอาไปเต็มๆแบบกินเองด้วย พกมาขายมากๆด้วย ใครมาเที่ยวที่นั้นไปซื้อของมันอีก ตังเต็มๆเอากลับบ้านไปนอนหลับสบาย อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อครั้งโน้นก็ว่าออกนอกประเทศ ,คนต่างชาติย่อมยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ. https://youtube.com/watch?v=8RD6KfYIMbw&si=p7Jpl4NYhI5B8Sdv
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • 💜💜HONDA WAVE 110i led💜💜
    เก็บเงินปลายทางทั่วไทย
    💥ใครที่กำลังมองหาชุดสีสวยๆ งานดีๆ ราคาไม่แพง ทางนี้เลยครับ แอดมินขอแนะนำ ชุดสีเวฟ110ไอ รุ่นแอลอีดี อยากได้สีอะไร สีเดิม หรือสีแต่ง หรือจะสั่งทำสี แจ้งให้กับแอดมินได้เลครับ
    🎯สนใจสั่งซื้อ ทักมาสอบถามรายละเอียด จอรูปจากแอดมินได้เลยครับ หรืออยากได้รุ่นอื่น ทางร้านมีอีกหลายรุ่นให้เลือกกันนะครับ สินค้ามีบริการเก็บเงินปลายทาง จัดส่งทั่วประเทศ
    Cr.shopee affiliate
    https://s.shopee.co.th/LaXjmiJEG

    ✅ข้อมูลติดต่อเพิ่มเติม ☎️0930230336
    LINE ID:0836359698
    #ชุดสีเวฟ #ชุดสีเวฟ110i #เวฟ110iLED #เก็บเงินปลายทางทั่วไทย
    #เวฟ110i
    💜💜HONDA WAVE 110i led💜💜 เก็บเงินปลายทางทั่วไทย 💥ใครที่กำลังมองหาชุดสีสวยๆ งานดีๆ ราคาไม่แพง ทางนี้เลยครับ แอดมินขอแนะนำ ชุดสีเวฟ110ไอ รุ่นแอลอีดี อยากได้สีอะไร สีเดิม หรือสีแต่ง หรือจะสั่งทำสี แจ้งให้กับแอดมินได้เลครับ 🎯สนใจสั่งซื้อ ทักมาสอบถามรายละเอียด จอรูปจากแอดมินได้เลยครับ หรืออยากได้รุ่นอื่น ทางร้านมีอีกหลายรุ่นให้เลือกกันนะครับ สินค้ามีบริการเก็บเงินปลายทาง จัดส่งทั่วประเทศ Cr.shopee affiliate https://s.shopee.co.th/LaXjmiJEG ✅ข้อมูลติดต่อเพิ่มเติม ☎️0930230336 LINE ID:0836359698 #ชุดสีเวฟ #ชุดสีเวฟ110i #เวฟ110iLED #เก็บเงินปลายทางทั่วไทย #เวฟ110i
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • วันนี้(10 พ.ค.) มีรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ออกประกาศปรับอัตราค่าธรรมเนียมบริการโอนเงินและบริการแจ้งเตือนผู้รับเงินผ่านทางอีเมล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

    ประกาศดังกล่าวระบุว่า การโอนเงินภายในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงไม่มีค่าธรรมเนียม แต่สำหรับการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลอื่น จะเริ่มมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 5 บาทต่อรายการ จากเดิมที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย

    นอกจากนี้ หากเป็นการโอนเงินข้ามเขต จะมีการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอีก 0.1% ของยอดเงินที่โอน โดยกำหนดขั้นต่ำที่ 10 บาท และไม่เกิน 1,000 บาท

    ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ปรับลดค่าธรรมเนียมบริการแจ้งเตือนผู้รับเงินผ่านทางอีเมล โดย ยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมด จากเดิมที่คิด 3 บาทต่อรายการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000043823

    #MGROnline #SCB #ธนาคารไทยพาณิชย์ #โอนเงิน #โอนเงินข้ามเขต
    วันนี้(10 พ.ค.) มีรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ออกประกาศปรับอัตราค่าธรรมเนียมบริการโอนเงินและบริการแจ้งเตือนผู้รับเงินผ่านทางอีเมล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป • ประกาศดังกล่าวระบุว่า การโอนเงินภายในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงไม่มีค่าธรรมเนียม แต่สำหรับการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลอื่น จะเริ่มมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 5 บาทต่อรายการ จากเดิมที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย • นอกจากนี้ หากเป็นการโอนเงินข้ามเขต จะมีการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอีก 0.1% ของยอดเงินที่โอน โดยกำหนดขั้นต่ำที่ 10 บาท และไม่เกิน 1,000 บาท • ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ปรับลดค่าธรรมเนียมบริการแจ้งเตือนผู้รับเงินผ่านทางอีเมล โดย ยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมด จากเดิมที่คิด 3 บาทต่อรายการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000043823 • #MGROnline #SCB #ธนาคารไทยพาณิชย์ #โอนเงิน #โอนเงินข้ามเขต
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • PowerSchool ถูกโจมตีทางไซเบอร์อีกครั้ง ข้อมูลนักเรียนและครูอาจไม่ถูกลบตามที่สัญญา PowerSchool ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการศึกษาถูกโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของ 62 ล้านนักเรียนและ 9 ล้านครู ถูกขโมยไป แม้ว่าบริษัทจะ จ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์เพื่อให้ลบข้อมูลที่ถูกขโมย แต่ล่าสุดพบว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังคงถูกใช้เพื่อข่มขู่โรงเรียนต่าง ๆ

    แฮกเกอร์กำลัง ติดต่อโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อเรียกค่าไถ่เพิ่มเติม โดยขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมยหากโรงเรียนไม่จ่ายเงิน PowerSchool ยืนยันว่า กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ และแนะนำให้ผู้ได้รับผลกระทบ ใช้บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรีเป็นเวลา 2 ปี

    ✅ PowerSchool ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนธันวาคม 2024
    - ข้อมูลส่วนตัวของ 62 ล้านนักเรียนและ 9 ล้านครูถูกขโมย

    ✅ บริษัทจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์เพื่อให้ลบข้อมูลที่ถูกขโมย
    - แต่พบว่า ข้อมูลยังคงถูกใช้เพื่อข่มขู่โรงเรียน

    ✅ แฮกเกอร์กำลังติดต่อโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อเรียกค่าไถ่เพิ่มเติม
    - ขู่ว่าจะ เปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมยหากโรงเรียนไม่จ่ายเงิน

    ✅ PowerSchool แนะนำให้ผู้ได้รับผลกระทบใช้บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรีเป็นเวลา 2 ปี
    - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ถูกขโมย

    ✅ บริษัทกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้
    - และ พยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนและนักเรียน

    https://www.techradar.com/pro/security/powerschool-hackers-return-and-may-not-have-deleted-stolen-data-as-promised
    PowerSchool ถูกโจมตีทางไซเบอร์อีกครั้ง ข้อมูลนักเรียนและครูอาจไม่ถูกลบตามที่สัญญา PowerSchool ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการศึกษาถูกโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของ 62 ล้านนักเรียนและ 9 ล้านครู ถูกขโมยไป แม้ว่าบริษัทจะ จ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์เพื่อให้ลบข้อมูลที่ถูกขโมย แต่ล่าสุดพบว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังคงถูกใช้เพื่อข่มขู่โรงเรียนต่าง ๆ แฮกเกอร์กำลัง ติดต่อโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อเรียกค่าไถ่เพิ่มเติม โดยขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมยหากโรงเรียนไม่จ่ายเงิน PowerSchool ยืนยันว่า กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ และแนะนำให้ผู้ได้รับผลกระทบ ใช้บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรีเป็นเวลา 2 ปี ✅ PowerSchool ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในเดือนธันวาคม 2024 - ข้อมูลส่วนตัวของ 62 ล้านนักเรียนและ 9 ล้านครูถูกขโมย ✅ บริษัทจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์เพื่อให้ลบข้อมูลที่ถูกขโมย - แต่พบว่า ข้อมูลยังคงถูกใช้เพื่อข่มขู่โรงเรียน ✅ แฮกเกอร์กำลังติดต่อโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อเรียกค่าไถ่เพิ่มเติม - ขู่ว่าจะ เปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมยหากโรงเรียนไม่จ่ายเงิน ✅ PowerSchool แนะนำให้ผู้ได้รับผลกระทบใช้บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวฟรีเป็นเวลา 2 ปี - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ถูกขโมย ✅ บริษัทกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ - และ พยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนและนักเรียน https://www.techradar.com/pro/security/powerschool-hackers-return-and-may-not-have-deleted-stolen-data-as-promised
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • Adobe ลดราคาซอฟต์แวร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ 70% เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล Adobe ได้ประกาศ ลดราคาซอฟต์แวร์ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 70% เพื่อช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ ลดการใช้เอกสารกระดาษและเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัล โดยข้อเสนอนี้จะมีผลจนถึง 30 พฤศจิกายน 2025

    ข้อตกลงนี้ได้รับการยืนยันโดย US General Services Administration (GSA) ซึ่งระบุว่า Adobe จะนำเสนอ "Paperless Government Solution" ในราคาพิเศษ เพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

    ✅ Adobe ลดราคาซอฟต์แวร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 70%
    - มีผลจนถึง 30 พฤศจิกายน 2025

    ✅ GSA ยืนยันว่า Adobe จะนำเสนอ "Paperless Government Solution" ในราคาพิเศษ
    - เพื่อช่วยให้ รัฐบาลลดการใช้เอกสารกระดาษและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    ✅ ซอฟต์แวร์ที่รวมอยู่ในข้อเสนอ ได้แก่ Acrobat Premium, Acrobat Sign และ Adobe Express สำหรับองค์กร
    - ช่วยให้ หน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ Adobe ระบุว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างเนื้อหาและปรับปรุงการตอบสนองของหน่วยงานรัฐ
    - ลด ความล่าช้าและข้อผิดพลาดจากกระบวนการทำงานแบบเดิม

    ✅ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ GSA ในการจัดซื้อสินค้าและบริการ
    - มุ่งเน้น การใช้ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์แทนการซื้อแบบแยกหน่วยงาน

    https://www.techradar.com/pro/adobe-offers-us-government-discounted-software-following-doge-review
    Adobe ลดราคาซอฟต์แวร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ 70% เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล Adobe ได้ประกาศ ลดราคาซอฟต์แวร์ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 70% เพื่อช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ ลดการใช้เอกสารกระดาษและเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัล โดยข้อเสนอนี้จะมีผลจนถึง 30 พฤศจิกายน 2025 ข้อตกลงนี้ได้รับการยืนยันโดย US General Services Administration (GSA) ซึ่งระบุว่า Adobe จะนำเสนอ "Paperless Government Solution" ในราคาพิเศษ เพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ✅ Adobe ลดราคาซอฟต์แวร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 70% - มีผลจนถึง 30 พฤศจิกายน 2025 ✅ GSA ยืนยันว่า Adobe จะนำเสนอ "Paperless Government Solution" ในราคาพิเศษ - เพื่อช่วยให้ รัฐบาลลดการใช้เอกสารกระดาษและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ✅ ซอฟต์แวร์ที่รวมอยู่ในข้อเสนอ ได้แก่ Acrobat Premium, Acrobat Sign และ Adobe Express สำหรับองค์กร - ช่วยให้ หน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ Adobe ระบุว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างเนื้อหาและปรับปรุงการตอบสนองของหน่วยงานรัฐ - ลด ความล่าช้าและข้อผิดพลาดจากกระบวนการทำงานแบบเดิม ✅ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ GSA ในการจัดซื้อสินค้าและบริการ - มุ่งเน้น การใช้ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์แทนการซื้อแบบแยกหน่วยงาน https://www.techradar.com/pro/adobe-offers-us-government-discounted-software-following-doge-review
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • FBI เตือนภัย! เราเตอร์รุ่นเก่าถูกแฮกและใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์ สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (FBI) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ เราเตอร์รุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิต ซึ่งกำลังถูกแฮกและนำไปใช้ในกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ผิดกฎหมาย โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเพื่อ ติดตั้งมัลแวร์และเปลี่ยนเราเตอร์ให้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ต

    บ็อตเน็ตที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ ได้แก่ 5Socks และ Anyproxy ซึ่งเดิมทีเป็นบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุมและใช้เป็นเครื่องมือในการ ปกปิดตัวตนและโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ

    ✅ FBI เตือนว่าเราเตอร์รุ่นเก่ากำลังถูกแฮกและใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์
    - แฮกเกอร์ใช้ ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเพื่อแทรกซึมมัลแวร์

    ✅ เราเตอร์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นรุ่นของ Linksys และ Cisco
    - เช่น E1200, E2500, E1000, E4200, WRT320N และ WRT610N

    ✅ บ็อตเน็ตที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 5Socks และ Anyproxy
    - เดิมทีเป็น บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุม

    ✅ แฮกเกอร์ใช้บ็อตเน็ตเพื่อปกปิดตัวตนและโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ
    - FBI ระบุว่า มี "กลุ่มแฮกเกอร์จีน" ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้

    ✅ FBI แนะนำให้ผู้ใช้ถอดปลั๊กและเปลี่ยนเราเตอร์รุ่นเก่าโดยเร็วที่สุด
    - หากไม่สามารถเปลี่ยนได้ ควรปิดฟีเจอร์การจัดการระยะไกลและรีบูตอุปกรณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-outdated-routers-are-being-hacked-and-hijacked-for-criminal-purposes
    FBI เตือนภัย! เราเตอร์รุ่นเก่าถูกแฮกและใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์ สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (FBI) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ เราเตอร์รุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิต ซึ่งกำลังถูกแฮกและนำไปใช้ในกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ผิดกฎหมาย โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเพื่อ ติดตั้งมัลแวร์และเปลี่ยนเราเตอร์ให้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ต บ็อตเน็ตที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ ได้แก่ 5Socks และ Anyproxy ซึ่งเดิมทีเป็นบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุมและใช้เป็นเครื่องมือในการ ปกปิดตัวตนและโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ ✅ FBI เตือนว่าเราเตอร์รุ่นเก่ากำลังถูกแฮกและใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์ - แฮกเกอร์ใช้ ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเพื่อแทรกซึมมัลแวร์ ✅ เราเตอร์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นรุ่นของ Linksys และ Cisco - เช่น E1200, E2500, E1000, E4200, WRT320N และ WRT610N ✅ บ็อตเน็ตที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 5Socks และ Anyproxy - เดิมทีเป็น บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุม ✅ แฮกเกอร์ใช้บ็อตเน็ตเพื่อปกปิดตัวตนและโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ - FBI ระบุว่า มี "กลุ่มแฮกเกอร์จีน" ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ ✅ FBI แนะนำให้ผู้ใช้ถอดปลั๊กและเปลี่ยนเราเตอร์รุ่นเก่าโดยเร็วที่สุด - หากไม่สามารถเปลี่ยนได้ ควรปิดฟีเจอร์การจัดการระยะไกลและรีบูตอุปกรณ์ https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-outdated-routers-are-being-hacked-and-hijacked-for-criminal-purposes
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
More Results