เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: US CLOUD Act กับแรงสั่นสะเทือนอธิปไตยข้อมูลไทย
ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า และ AI คือเครื่องมือแห่งอำนาจ ประเทศมหาอำนาจต่างเร่งสะสม “ข้อมูล” ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะบริษัทสัญชาติสหรัฐที่ครองตลาด hyperscaler ทั่วโลก แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ กฎหมาย CLOUD Act ของสหรัฐฯ ที่ออกในปี 2018 ได้เปลี่ยนเกมนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
กฎหมายนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกดูข้อมูลจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ข้อมูลนั้นจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ เช่น ไทย หรือยุโรป โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลประเทศนั้นเลย และหากบริษัทไม่ยอมส่งข้อมูล ก็ต้องไปโต้แย้งในศาลสหรัฐเอง ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลไทยหรือ EU
ผลกระทบจึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” แต่ลามไปถึง “อธิปไตยไซเบอร์” ของประเทศ เช่น ข้อมูลความมั่นคงแห่งชาติ ข้อมูลทางการค้า หรือข้อมูลบุคคลจาก EU ที่อาจละเมิด GDPR ได้ทันทีหากถูกเรียกดูโดยสหรัฐ
หลายประเทศจึงเริ่มตอบโต้ เช่น ฝรั่งเศสออกมาตรฐาน SecNumCloud ที่ห้ามผู้ให้บริการตกอยู่ภายใต้ CLOUD Act เยอรมนีผลักดัน GAIA-X คลาวด์แบบกระจายศูนย์ และออสเตรเลียแม้จะลงนามข้อตกลงกับสหรัฐ แต่ก็ออกกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูลสำคัญในประเทศและเข้ารหัสสองชั้น
สำหรับไทย บทความแนะนำให้เริ่มจากการประเมินประเภทข้อมูล กำหนดตำแหน่งจัดเก็บ ต่อรองสัญญาให้โปร่งใส และวางระบบเข้ารหัสที่เราถือกุญแจเอง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความคล่องตัวทางธุรกิจและอธิปไตยไซเบอร์
CLOUD Act ละเมิดหลักการอธิปไตยข้อมูลของประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลถูกจัดเก็บโดยบริษัทสหรัฐ แม้ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
องค์กรไทยอาจตกอยู่ในความเสี่ยงทางกฎหมายทั้งจากสหรัฐและ EU
หากไม่วางแผนการจัดเก็บและเข้ารหัสข้อมูลอย่างรอบคอบ
การใช้คลาวด์ไม่ใช่แค่การส่งออกข้อมูล แต่คือการส่งออก “เขตอำนาจศาล”
เส้นแบ่งแดนในโลกกายภาพไม่รับประกันความเป็นเจ้าของข้อมูล
https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/635062
ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า และ AI คือเครื่องมือแห่งอำนาจ ประเทศมหาอำนาจต่างเร่งสะสม “ข้อมูล” ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะบริษัทสัญชาติสหรัฐที่ครองตลาด hyperscaler ทั่วโลก แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ กฎหมาย CLOUD Act ของสหรัฐฯ ที่ออกในปี 2018 ได้เปลี่ยนเกมนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
กฎหมายนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกดูข้อมูลจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ข้อมูลนั้นจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ เช่น ไทย หรือยุโรป โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลประเทศนั้นเลย และหากบริษัทไม่ยอมส่งข้อมูล ก็ต้องไปโต้แย้งในศาลสหรัฐเอง ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลไทยหรือ EU
ผลกระทบจึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” แต่ลามไปถึง “อธิปไตยไซเบอร์” ของประเทศ เช่น ข้อมูลความมั่นคงแห่งชาติ ข้อมูลทางการค้า หรือข้อมูลบุคคลจาก EU ที่อาจละเมิด GDPR ได้ทันทีหากถูกเรียกดูโดยสหรัฐ
หลายประเทศจึงเริ่มตอบโต้ เช่น ฝรั่งเศสออกมาตรฐาน SecNumCloud ที่ห้ามผู้ให้บริการตกอยู่ภายใต้ CLOUD Act เยอรมนีผลักดัน GAIA-X คลาวด์แบบกระจายศูนย์ และออสเตรเลียแม้จะลงนามข้อตกลงกับสหรัฐ แต่ก็ออกกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูลสำคัญในประเทศและเข้ารหัสสองชั้น
สำหรับไทย บทความแนะนำให้เริ่มจากการประเมินประเภทข้อมูล กำหนดตำแหน่งจัดเก็บ ต่อรองสัญญาให้โปร่งใส และวางระบบเข้ารหัสที่เราถือกุญแจเอง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความคล่องตัวทางธุรกิจและอธิปไตยไซเบอร์
CLOUD Act ละเมิดหลักการอธิปไตยข้อมูลของประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลถูกจัดเก็บโดยบริษัทสหรัฐ แม้ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
องค์กรไทยอาจตกอยู่ในความเสี่ยงทางกฎหมายทั้งจากสหรัฐและ EU
หากไม่วางแผนการจัดเก็บและเข้ารหัสข้อมูลอย่างรอบคอบ
การใช้คลาวด์ไม่ใช่แค่การส่งออกข้อมูล แต่คือการส่งออก “เขตอำนาจศาล”
เส้นแบ่งแดนในโลกกายภาพไม่รับประกันความเป็นเจ้าของข้อมูล
https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/635062
🌐🔐 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: US CLOUD Act กับแรงสั่นสะเทือนอธิปไตยข้อมูลไทย
ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า และ AI คือเครื่องมือแห่งอำนาจ ประเทศมหาอำนาจต่างเร่งสะสม “ข้อมูล” ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะบริษัทสัญชาติสหรัฐที่ครองตลาด hyperscaler ทั่วโลก แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ กฎหมาย CLOUD Act ของสหรัฐฯ ที่ออกในปี 2018 ได้เปลี่ยนเกมนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
กฎหมายนี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกดูข้อมูลจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ข้อมูลนั้นจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ เช่น ไทย หรือยุโรป โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลประเทศนั้นเลย และหากบริษัทไม่ยอมส่งข้อมูล ก็ต้องไปโต้แย้งในศาลสหรัฐเอง ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลไทยหรือ EU
ผลกระทบจึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” แต่ลามไปถึง “อธิปไตยไซเบอร์” ของประเทศ เช่น ข้อมูลความมั่นคงแห่งชาติ ข้อมูลทางการค้า หรือข้อมูลบุคคลจาก EU ที่อาจละเมิด GDPR ได้ทันทีหากถูกเรียกดูโดยสหรัฐ
หลายประเทศจึงเริ่มตอบโต้ เช่น ฝรั่งเศสออกมาตรฐาน SecNumCloud ที่ห้ามผู้ให้บริการตกอยู่ภายใต้ CLOUD Act เยอรมนีผลักดัน GAIA-X คลาวด์แบบกระจายศูนย์ และออสเตรเลียแม้จะลงนามข้อตกลงกับสหรัฐ แต่ก็ออกกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูลสำคัญในประเทศและเข้ารหัสสองชั้น
สำหรับไทย บทความแนะนำให้เริ่มจากการประเมินประเภทข้อมูล กำหนดตำแหน่งจัดเก็บ ต่อรองสัญญาให้โปร่งใส และวางระบบเข้ารหัสที่เราถือกุญแจเอง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความคล่องตัวทางธุรกิจและอธิปไตยไซเบอร์
‼️ CLOUD Act ละเมิดหลักการอธิปไตยข้อมูลของประเทศต่างๆ
⛔ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลถูกจัดเก็บโดยบริษัทสหรัฐ แม้ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
‼️ องค์กรไทยอาจตกอยู่ในความเสี่ยงทางกฎหมายทั้งจากสหรัฐและ EU
⛔ หากไม่วางแผนการจัดเก็บและเข้ารหัสข้อมูลอย่างรอบคอบ
‼️ การใช้คลาวด์ไม่ใช่แค่การส่งออกข้อมูล แต่คือการส่งออก “เขตอำนาจศาล”
⛔ เส้นแบ่งแดนในโลกกายภาพไม่รับประกันความเป็นเจ้าของข้อมูล
https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/635062
0 Comments
0 Shares
24 Views
0 Reviews