• ขยับหมาก ตอนที่ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 4
    เรื่องของกรีซ ดูเหมือนเป็นเรื่องการเงิน ก็ใช่อยู่ แต่เป็นเรื่องการเงินที่น่าจะเป็นการวางแผนจากด้านการเมือง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษรบเยอรมัน แต่จัดการก่อเรื่องในรัสเซียให้มีปฏิวัติ และวุ่นวายเอง เพื่ออังกฤษไม่ต้องเสียกำลังพลมาสู้ทางรัสเซีย
    คราวนี้ ดูเหมือนอเมริกา อาจจะเอาวิธีการของอังกฤษ ที่เคยใช้สมัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาใช้บ้าง แต่สลับที่กัน อเมริกา เตรียมรบรัสเซียแน่ แต่เพื่อเป็นการสงวนกำลังสำหรับการรบ ที่ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน ในเมื่ออเมริการู้ว่า อียู หรือยุโรป ไม่แข็งในเรื่องกองกำลัง จริงอย่างที่ชาวเกาะใหญ่ฯ แดกดัน อเมริกาส่งกำลังพลและอาวุธเท่าไหร่ไม่รู้จะพอยันรัสเซียไหม และที่สำคัญ กำลังพลของอเมริกา ก็ไม่น่าจะพอแบ่งด้วย อเมริกาจจึงอาจใช้วิธีก่อความวุ่นวายในยุโรป โดยยังไม่ใช้กำลังพล แต่ใช้การสร้างความวุ่นวาย ที่จะบานปลาย ไปได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงแรกไปก่อน
    ถ้าอเมริกาเลือกใช้วิธีนี้ อเมริกาคงเลือกจุดพลุ 2 ทาง ทางหนึ่งคือแถบยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจัน ที่มีเขตแดนติดกับรัสเซีย และยาวมาถึงอิหร่านและตุรกี และอาจจะมีอียิปต์รอบ 2 อีกทางก็จุดเรื่องกรีซ เพื่อตัดเส้นทางจับมือ ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ทำไมถึงต้องตัดทางจับมือ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังขอตัดกลับมาที่กรีซก่อน
    กรีซจะตกลงเรื่องเงินกู้ครั้งใหม่ ได้หรือไม่ ดูเหมือนความสำคัญ ในภาพใหญ่ จะไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ แน่นอน เกิดเงินฝากไหล หรือหนักกว่านั้น ถ้าธนาคารกรีซไม่เปิด เพราะไม่มีเงิน หรือเจ้าหนี้ตกลงที่จะให้เงินกู้ก้อนใหม่ แต่ระหว่างการเจรจา ก็จะเกิดอาการสะอึกขึ้นได้อีก
    อเมริกา ส่งนางเหยี่ยว F-ck อียู Nuland ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการสร้างปฏิวัติสีส้มของยูเครน และล่าสุด เพิ่งอุ้มนายสาก เอามาวางเตรียมไว้ที่โอเดสสาของ ยูเครน ที่ติดกับรัสเซีย หลังจากอุ้มนายสาก นางเหยี่ยวก็แวะมาบีบคอ นายกรัฐมนครีหนุ่มกรีก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม บอกว่า เราอยากเห็นกรีซที่ร่ำรวย และเจริญก้าวหน้า เข้าใจไหม อย่าได้คิดออกจากอียูเชียว
    นายกซิบหลุด จะเป็นม้าไม้มาทำลายกรีก อย่างที่กูรูทั้งหลายเขาว่ากัน หรือเป็นม้าที่เขาหลอกเอามาเชือด ผมไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคลัง น้องยานิสของผม ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังวันลงคะแนนเสียง ก็ว่ากันว่า เขาเป็นม้าไม้อีกตัวหนึ่งหรือ ผมตอบไม่ได้ ยังไม่มีข้อมูลมากกว่าที่เขาเล่ากัน นอกจากบอกว่า น่าเสียดายถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เราจะหาคนที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง (แม้จะไม่ใช่บ้านเมืองของเรา แต่ผมก็เอาใจช่วย) ให้หลุดจากบ่วงของเหล่านักล่า ยากขนาดนั้นเชียวหรือ
    John Helmer นักข่าวรุ่นเก๋าจากแดนจิงโจ้ ที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียว ที่ปักหลักทำข่าวอยู่ที่รัสเซียได้นานกว่าสิบปี เขียนลงในบล๊อกของเขา เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม ว่า มีการเตรียมการที่จะก่อการจราจลในกรีซ เมื่อวันที่ชาวกรีกลงประชามติ ถ้าวันนั้น คะแนน yes กับ no ใกล้เคียงกัน ก็จะมีการปฏิวัติ ตามแผน Operation Nemesis ที่อเมริกาวางแผนไว้ เขาบอกว่า พวกอีลิตนักธุรกิจชาวกรีกเครือข่ายอเมริกัน และทหารกรีก ไม่ได้ vote no!
    Operation Nemesis มาจากการกำกับของนางเหยี่ยว (อีกแล้ว) อย่าลืมว่า นางเหยี่ยวใช้ Operation Gladio ที่เป็นกองกำลังนอกระบบของนาโต้ ปฏิบัติการในวันที่มีการชุมนุมใหญ่ ที่ Maiden Square ของยูเครน ที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายมากมาย นอกจากนี้ นางเหยี่ยวยังทิ้งกองกำลังที่ Mossad ของอิสราเอลฝึกให้ ไว้ให้นายสากอีก 2 พันคน (อ่านรายละเอียดของ เรื่อง ยูเครน ได้จากนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง และเรื่องของนายสาก)
    รัสเซียรู้เรื่องนี้ไหม รัสเซียคงรู้ดี จึงมองดูเรื่องการลงประชามติขอ งกรีกอยู่เฉยๆ รอดูว่า อเมริกา และอียู โดยเฉพาะเยอรมัน หัวเรือใหญ่ จะเล่นเกมอย่างไร เมื่อคะแนน no นำขาด Operation Nemesis จึงถูกระงับไว้ชั่วคราวก่อน แปลว่าชะตาชาวกรีก ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา ไม่ว่าจะ no หรือ yes ก็จะมีคนมากำหนดชะตาของพวกเขาอีกต่อ
    ผมจะไม่แปลกใจ ถ้าในที่สุด คนกรีกจะไม่พอใจเงื่อนไขใหม่ ที่นายกซิบหลุด ไปยอมตกลงกับเจ้าหนี้รอบ 3 เมื่อไม่กี่วันนี้ และ มีการออกมาชุมนุมกัน และการขุมนุมบานปลาย operation nemesis ที่หลบมุมมืดอยู่ อาจออกมาอยูที่สว่าง มีการปลี่ยนรัฐบาลกรีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แปลว่า คงมีการเริ่มขยับหมากแล้ว มันคงยากแก่การเข้าใจถ้าดูเฉพาะจุด แต่ถ้าดูภาพใหญ่ และมองตามวิธีการคิดขยับหมากของอเมริกา เราอาจจะพอเห็นอะไรชัดขึ้น
    การจุดพลุบริเวณยูเครน เป็นเรื่องไม่ยากที่จะเข้าใจ อเมริกาปล่อยให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปไม่ได้แน่ ไหนจะเป็นประตูใหญ่เข้ามาสู่ประเทศแถบอียูเหนือ ไหนจะเป็นการจองให้เป็นบ้านใหม่ของยิว หรืออิสราเอล 2 และไหนจะเป็นแหล่งที่อเมริกาลงทุนในแถบนั้นไว้แยะแล้ว แต่ที่สำคัญ การยอมให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปได้ หมายถึงยอมรับว่า รัสเซียเหนือกว่า เป็นการเสริมความแกร่งเพิ่มให้คุณพี่ปูติน ซึ่งรายการหลัง ไม่ใช่แต่นักล่าใบตองแห้ง จะเสียหน้าขนาดหนักเท่านั้น ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงทนไม่ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อ “ถึงเวลา” ยูเครน จอร์เจีย ก็จะต้องเดือดขึ้นมาอีก หน่วยปฏิบัติการยังเตรียมพร้อมอยู่
    แต่การจุดพลุกรีซนี่น่าสนใจว่า อเมริกาใจถึงขนาดไหน ขนาดยอมเสียยุโรป โดยเฉพาะเอาให้เยอรมันทรุดด้วย นี่ แก้ฝันค้างให้กับลูกพี่ชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ด้วย เพราะเรื่องกรีซ ไม่น่าใช่ แค่กรีซไม่ใช้หนี้ กรีซไม่มีเงิน หรือกลัวกรีซจะไปซบรัสเซีย เรื่องกรีซเอง เล็กน้อยมากในสายตาของนักล่า กินไม่พออิ่ม ได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอเมริกาคิด เล่นแรงถึงขนาดทำให้ยุโรปเซ ทั้งแถบนั่นแหละ มันถึงน่าจะเป็นสันดานดิบของนักล่าตัวจริง
    ยุโรปเป็นตลาดใหญ่ของรัสเซีย ถ้ายุโรปไป รัสเซียก็เหนื่อย ยุโรปไป เยอรมันก็อ่วม จุดพลุกรีซดอกเดียว ที่หลุดมาเข้าทาง ระบบการเงิน เศรษฐกิจยุโรปไปทั้งแถบ ไม่ต้องยกทัพโยธามาให้เหนื่อย เอากำลังพล ไว้ไปรบตรงอื่นดีกว่า เนอะ ถ้าสถานการณ์ มันบาน เป็นไปตามทฤษฏีสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ก็แปลว่า เข้าเขตไฟเหลือง โปรดระวังกันได้แล้ว
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 4 เรื่องของกรีซ ดูเหมือนเป็นเรื่องการเงิน ก็ใช่อยู่ แต่เป็นเรื่องการเงินที่น่าจะเป็นการวางแผนจากด้านการเมือง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษรบเยอรมัน แต่จัดการก่อเรื่องในรัสเซียให้มีปฏิวัติ และวุ่นวายเอง เพื่ออังกฤษไม่ต้องเสียกำลังพลมาสู้ทางรัสเซีย คราวนี้ ดูเหมือนอเมริกา อาจจะเอาวิธีการของอังกฤษ ที่เคยใช้สมัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาใช้บ้าง แต่สลับที่กัน อเมริกา เตรียมรบรัสเซียแน่ แต่เพื่อเป็นการสงวนกำลังสำหรับการรบ ที่ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน ในเมื่ออเมริการู้ว่า อียู หรือยุโรป ไม่แข็งในเรื่องกองกำลัง จริงอย่างที่ชาวเกาะใหญ่ฯ แดกดัน อเมริกาส่งกำลังพลและอาวุธเท่าไหร่ไม่รู้จะพอยันรัสเซียไหม และที่สำคัญ กำลังพลของอเมริกา ก็ไม่น่าจะพอแบ่งด้วย อเมริกาจจึงอาจใช้วิธีก่อความวุ่นวายในยุโรป โดยยังไม่ใช้กำลังพล แต่ใช้การสร้างความวุ่นวาย ที่จะบานปลาย ไปได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงแรกไปก่อน ถ้าอเมริกาเลือกใช้วิธีนี้ อเมริกาคงเลือกจุดพลุ 2 ทาง ทางหนึ่งคือแถบยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจัน ที่มีเขตแดนติดกับรัสเซีย และยาวมาถึงอิหร่านและตุรกี และอาจจะมีอียิปต์รอบ 2 อีกทางก็จุดเรื่องกรีซ เพื่อตัดเส้นทางจับมือ ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ทำไมถึงต้องตัดทางจับมือ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังขอตัดกลับมาที่กรีซก่อน กรีซจะตกลงเรื่องเงินกู้ครั้งใหม่ ได้หรือไม่ ดูเหมือนความสำคัญ ในภาพใหญ่ จะไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ แน่นอน เกิดเงินฝากไหล หรือหนักกว่านั้น ถ้าธนาคารกรีซไม่เปิด เพราะไม่มีเงิน หรือเจ้าหนี้ตกลงที่จะให้เงินกู้ก้อนใหม่ แต่ระหว่างการเจรจา ก็จะเกิดอาการสะอึกขึ้นได้อีก อเมริกา ส่งนางเหยี่ยว F-ck อียู Nuland ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการสร้างปฏิวัติสีส้มของยูเครน และล่าสุด เพิ่งอุ้มนายสาก เอามาวางเตรียมไว้ที่โอเดสสาของ ยูเครน ที่ติดกับรัสเซีย หลังจากอุ้มนายสาก นางเหยี่ยวก็แวะมาบีบคอ นายกรัฐมนครีหนุ่มกรีก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม บอกว่า เราอยากเห็นกรีซที่ร่ำรวย และเจริญก้าวหน้า เข้าใจไหม อย่าได้คิดออกจากอียูเชียว นายกซิบหลุด จะเป็นม้าไม้มาทำลายกรีก อย่างที่กูรูทั้งหลายเขาว่ากัน หรือเป็นม้าที่เขาหลอกเอามาเชือด ผมไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคลัง น้องยานิสของผม ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังวันลงคะแนนเสียง ก็ว่ากันว่า เขาเป็นม้าไม้อีกตัวหนึ่งหรือ ผมตอบไม่ได้ ยังไม่มีข้อมูลมากกว่าที่เขาเล่ากัน นอกจากบอกว่า น่าเสียดายถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เราจะหาคนที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง (แม้จะไม่ใช่บ้านเมืองของเรา แต่ผมก็เอาใจช่วย) ให้หลุดจากบ่วงของเหล่านักล่า ยากขนาดนั้นเชียวหรือ John Helmer นักข่าวรุ่นเก๋าจากแดนจิงโจ้ ที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียว ที่ปักหลักทำข่าวอยู่ที่รัสเซียได้นานกว่าสิบปี เขียนลงในบล๊อกของเขา เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม ว่า มีการเตรียมการที่จะก่อการจราจลในกรีซ เมื่อวันที่ชาวกรีกลงประชามติ ถ้าวันนั้น คะแนน yes กับ no ใกล้เคียงกัน ก็จะมีการปฏิวัติ ตามแผน Operation Nemesis ที่อเมริกาวางแผนไว้ เขาบอกว่า พวกอีลิตนักธุรกิจชาวกรีกเครือข่ายอเมริกัน และทหารกรีก ไม่ได้ vote no! Operation Nemesis มาจากการกำกับของนางเหยี่ยว (อีกแล้ว) อย่าลืมว่า นางเหยี่ยวใช้ Operation Gladio ที่เป็นกองกำลังนอกระบบของนาโต้ ปฏิบัติการในวันที่มีการชุมนุมใหญ่ ที่ Maiden Square ของยูเครน ที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายมากมาย นอกจากนี้ นางเหยี่ยวยังทิ้งกองกำลังที่ Mossad ของอิสราเอลฝึกให้ ไว้ให้นายสากอีก 2 พันคน (อ่านรายละเอียดของ เรื่อง ยูเครน ได้จากนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง และเรื่องของนายสาก) รัสเซียรู้เรื่องนี้ไหม รัสเซียคงรู้ดี จึงมองดูเรื่องการลงประชามติขอ งกรีกอยู่เฉยๆ รอดูว่า อเมริกา และอียู โดยเฉพาะเยอรมัน หัวเรือใหญ่ จะเล่นเกมอย่างไร เมื่อคะแนน no นำขาด Operation Nemesis จึงถูกระงับไว้ชั่วคราวก่อน แปลว่าชะตาชาวกรีก ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา ไม่ว่าจะ no หรือ yes ก็จะมีคนมากำหนดชะตาของพวกเขาอีกต่อ ผมจะไม่แปลกใจ ถ้าในที่สุด คนกรีกจะไม่พอใจเงื่อนไขใหม่ ที่นายกซิบหลุด ไปยอมตกลงกับเจ้าหนี้รอบ 3 เมื่อไม่กี่วันนี้ และ มีการออกมาชุมนุมกัน และการขุมนุมบานปลาย operation nemesis ที่หลบมุมมืดอยู่ อาจออกมาอยูที่สว่าง มีการปลี่ยนรัฐบาลกรีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แปลว่า คงมีการเริ่มขยับหมากแล้ว มันคงยากแก่การเข้าใจถ้าดูเฉพาะจุด แต่ถ้าดูภาพใหญ่ และมองตามวิธีการคิดขยับหมากของอเมริกา เราอาจจะพอเห็นอะไรชัดขึ้น การจุดพลุบริเวณยูเครน เป็นเรื่องไม่ยากที่จะเข้าใจ อเมริกาปล่อยให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปไม่ได้แน่ ไหนจะเป็นประตูใหญ่เข้ามาสู่ประเทศแถบอียูเหนือ ไหนจะเป็นการจองให้เป็นบ้านใหม่ของยิว หรืออิสราเอล 2 และไหนจะเป็นแหล่งที่อเมริกาลงทุนในแถบนั้นไว้แยะแล้ว แต่ที่สำคัญ การยอมให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปได้ หมายถึงยอมรับว่า รัสเซียเหนือกว่า เป็นการเสริมความแกร่งเพิ่มให้คุณพี่ปูติน ซึ่งรายการหลัง ไม่ใช่แต่นักล่าใบตองแห้ง จะเสียหน้าขนาดหนักเท่านั้น ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงทนไม่ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อ “ถึงเวลา” ยูเครน จอร์เจีย ก็จะต้องเดือดขึ้นมาอีก หน่วยปฏิบัติการยังเตรียมพร้อมอยู่ แต่การจุดพลุกรีซนี่น่าสนใจว่า อเมริกาใจถึงขนาดไหน ขนาดยอมเสียยุโรป โดยเฉพาะเอาให้เยอรมันทรุดด้วย นี่ แก้ฝันค้างให้กับลูกพี่ชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ด้วย เพราะเรื่องกรีซ ไม่น่าใช่ แค่กรีซไม่ใช้หนี้ กรีซไม่มีเงิน หรือกลัวกรีซจะไปซบรัสเซีย เรื่องกรีซเอง เล็กน้อยมากในสายตาของนักล่า กินไม่พออิ่ม ได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอเมริกาคิด เล่นแรงถึงขนาดทำให้ยุโรปเซ ทั้งแถบนั่นแหละ มันถึงน่าจะเป็นสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ยุโรปเป็นตลาดใหญ่ของรัสเซีย ถ้ายุโรปไป รัสเซียก็เหนื่อย ยุโรปไป เยอรมันก็อ่วม จุดพลุกรีซดอกเดียว ที่หลุดมาเข้าทาง ระบบการเงิน เศรษฐกิจยุโรปไปทั้งแถบ ไม่ต้องยกทัพโยธามาให้เหนื่อย เอากำลังพล ไว้ไปรบตรงอื่นดีกว่า เนอะ ถ้าสถานการณ์ มันบาน เป็นไปตามทฤษฏีสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ก็แปลว่า เข้าเขตไฟเหลือง โปรดระวังกันได้แล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ก.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 330 Views 0 Reviews
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 5 – 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”
    ตอน 5
    เป็นไปได้หรือว่า อเมริกาแสนจะชาญฉลาดกำโลกอยู่ในมือจนกระดิกไม่ออกมาตั้ง 70 ปี จะมาเสียทีให้กับอิหร่าน คงมีคนคิดกัน ตกลงอิหร่านต้มอเมริกา หรืออเมริกาต้มอิหร่านกันแน่ ก่อนจะลงความเห็น ลองฟังความเห็นอีกสักชิ้น เอามาจากบทความที่ลงในวารสาร Foreign Affairs วารสารที่ออกเป็นประจำของ CFR เมื่อปี ค.ศ.2012 ก่อนที่อเมริกาคิดจะเจรจากับอิหร่านไม่นาน
    คงมีคนสงสัย ทำไมลุงนิทานอ้างแต่ CFR ก็เขาเป็นผู้กำกับรัฐบาลอเมริกา ผมไม่ตามผู้กำกับ ผมก็ไม่รู้ว่าดาราคนไหน เล่นบทอะไร แล้วเล่นได้สมบทบาทแค่ไหน
    บทความนี้ชื่อ ” Time to Attack Iran” โดย Matthew Kroenig
    นายโคร เขาบอกว่า บรรดานักคิด และผู้วางนโยบายของอเมริกา ต่างโต้เถียงกันว่า อเมริกาควรจะจัดการเรื่องอิหร่านอย่างไรดี
    ความเห็นหนึ่ง บอกว่า เราควรบุกอิหร่าน และทำลายอุปกรณ์ทั้งปวงที่อิหร่านใช้ในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้เหี้ยนเลย
    ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการบุก บอกว่า การใช้กำลังทหารกับอิหร่านเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า และจะไม่เข้าท่าหนักขึ้น ถ้าเราไปเจออาวุธนิวเคลียร์ของ จริงของอิหร่าน นอกจากนี้ การบุกอิหร่าน โอกาสไม่สำเร็จมีสูง และถึงจะทำสำเร็จ มันอาจจะเป็นการจุดไม้ขีด ให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นสงคราม และอาจสร้างวิกฤติทางเศรษฐกืจ ให้กับอเมริกา และอาจลามไปทั้งโลกด้วยก็ได้
    นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายที่แนะนำให้อเมริกาใช้วิธีการที่ไม่ใช่ทางทหาร เช่นใช้การเจรจาทางการทูต การคว่ำบาตร หรือการปฏิบัติการณ์ลับ เพราะการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนด้านต่างๆสูง จนใจไม่ถึงที่จะควักกระเป๋าให้ (ตอนนั้น)
    ยังมีพวกนักวิเคราะห์ ที่บอกว่า พวกไม่เห็นด้วยกับการบุกอิหร่าน มองไม่เห็นอันตรายที่แท้จริง ที่อาจเกิดขึ้นกับผลประโยชน์ของอเมริกา ที่อยู่ในและนอกตะวันออกกลาง จากการปล่อยให้อิหร่านที่มีนิวเคลียร์ ลอยนวลอยู่ตามสบาย มันเป็นการคุกคามผลประโยชน์ของอเมริกาโดยตรง
    ส่วนนายโครเอง มีชื่อเสียงว่า สนับสนุนการบุกอิหร่าน เขาบอกว่า โดยการใช้กำลังทหาร และใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง ล๊อคเป้าจ่อไปที่โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แค่นั้นเรื่องก็จบ อเมริกาและตะวันออกกลาง ก็จะได้อยู่อย่างสงบจากเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเสียที
    โลกฝ่ายตะวันตก หรือฝ่ายอเมริกานั่นแหละ พยายามกดดันที่โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านมานานแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ขนาดปล่อยไวรัส Stuxnet เข้าไปในระบบของอิหร่าน ไม่นาน อิหร่านก็แก้ไขฟื้นขึ้นมาใหม่ Institute of Science and International Security บอกว่า นอกจากอิหร่านฟื้นเร็วแล้ว ระยะเวลาการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ละครั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย น่าจะใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และอิหร่านมีแผนที่จะย้ายโครงการผลิตนิวเคลียร์นี้ ไปไว้ในสถานที่ ที่ยากแก่เข้าถึง ทำให้โอกาสที่จะการใช้กำลังทหารแคบลงไปอีก ขณะเดียวกัน หลายประเทศในภูมิภาคเริ่มสงสัยในสมรรถภาพ ของอเมริกาว่า อเมริกาทำอะไรอยู่ ปล่อยอิหร่านผลิตนิวเคลียร์ยังกับผลิตของเล่น
    อเมริกาไม่ได้อยู่เฉย อเมริกาคิด แต่ยังคิดไม่ตก อเมริกาคิดจะใช้ cold war model เหมือนตอนสงครามเย็นปิดล้อมสหภาพโซเวียต แต่สภาพประเทศในตะวันออกกลาง ต่างกับประเทศในยุโรป อย่างหน้ามือกับหลังมือเลย อย่าว่าจะไปปิดล้อมใครเลย แค่พร้อมพอที่จะป้องกันตัวเองยัง ทำไม่ได้ เพราะฉนั้น ถ้าคิดจะปิดล้อมอิหร่าน ต้องใช้งบบาน เพราะโดยสภาพภูมิประเทศ และทำเลที่ตั้งของอิหร่าน อเมริกาต้องส่งทั้ง กองทัพเรือ กองทัพบก รวมทั้งอาจจะต้องจัดส่งนิวเคลียร์ ไปให้ทั้งตะวันออกกลาง คอยจ่อคอหอยอิหร่าน แล้วทั้งหมด ไม่ใช่ไปอยู่วันสองวัน แล้วกลับบ้านนอน แต่ต้องอยู่ถาวรเป็นหลาย 10 ปี ไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ไปต้มพวกเสี่ยปั้มมา ไหนจะลาดตระเวน ไหนจะป้องกัน ไหนจะตามเฝ้าอิหร่าน ไหนจะตรวจสอบอิหร่าน ฯลฯ
    พอเห็นแล้วนะครับ ว่า อเมริการู้ว่า อิหร่านกำลังทำอะไร คิดอะไร และอเมริกาน่าจะทำอะไร ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วทำไมอเมริกาถึงเลือกทำ อย่างที่กำลังโดนพวกตัวเองด่า และถ้า วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ยังเจรจากันไม่เสร็จ อเมริกาจะทำอย่างไรต่อไป และผลมันจะเป็นอย่างไร
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 6 (จบ)
    ก่อนไปถึงอเมริกา ขอย้อนกลับมาที่อิหร่าน ที่เขี้ยวลากดินหน่อย สมันน้อยแดนสยามจะได้เข้าใจว่า การจะออกจากคอกนั้นทำได้ ถ้าใช้สติปัญญา มีความตั้งใจทำจริง มีความอดทน ยอมลำบาก ไม่เห็นแก่ตัว และที่สำคัญต้องสามัคคี พร้อมใจกันทั้งชาติ
    อิหร่านโดนนักล่า ทั้งที่มาจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จนถึงนักล่าใบตองแห้ง ร่วมมือกัน แย่งชิงกัน เพื่อหลอกเอาทรัพยากรมีค่ามหา ศาลของอิหร่าน ด้วยการต้มเปื่อย ยุแยง แทรกแซง ปั่นหัว ฟอกย้อม ชาวอิหร่านทุกระดับ จนอิหร่านเสียทรัพยากร เสียพลเมือง เสียผู้นำประเทศ อย่างน่าเสียดายไปมากมาย ตั้งแต่ปี 1900 ต้นๆ โดนต้มมา 100 กว่าปี ไม่คิดปีนขึ้นมาจากหม้อ ก็.. คงต้องปล่อยไปตามกรรม
    แต่อิหร่าน ฮึดสู้ แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างหนักหนาสา หัส การฮึดสู้ อาจมีความลำบากยากเข็ญ ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการทำธุกิจ ฯลฯ แต่ เพื่อรักษาประเทศ มีชาวอิหร่านที่คิดทำ และอดทน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่ฮึดสู้ ก็มีแต่ถูกเขาจูงกลับเข้าคอก แล้วปอกลอกเอาสมบัติของประเทศไป….. เหมือนเดิม
    อิหร่านเชื่อว่า ทางออกจากกำมือของตะวันตกมีทางเดียวคือ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อิหร่านวางยุทธศาสตร์ สร้างชาติใหม่ที่พึ่งตัวเองได้ หนึ่งในกระบวนการสร้างชาติคือ การหาพลังงานใช้ในประเทศด้วยวิธีอื่นด้วย ไม่ใช่จากการขุดน้ำมันมาใช้อย่างเดียว น้ำมันของประเทศเอาไว้ขายเป็นรายได้ อิหร่านจึงคิดพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ คิดได้ 1 ก็ไป ถึง 2 แล้วก็เลยไปถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อิหร่านบอก ไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นการรุกราน แต่ไว้ใช้เป็นการป้องกันตัว และเป็นเครื่องต่อรอง ประเทศที่มองการณ์ไกล ไม่อยากถูกครอบงำชักจูง อยู่ในกำมือผู้อื่นตลอดกาล ก็ย่อมคิดอย่างนี้
    เมื่อแรกๆ ไม่มีใครเชื่อว่า อิหร่านจะพัฒนาได้ แต่จากการเมืองของอิหร่านเอง ทำให้คนใน เอาความมาบอกคนนอก แล้วอเมริกาก็เลยรู้ แต่รู้ช้าไปนิด เมื่ออิหร่านเดินหน้าไปไกลพอสมควร อเมริกาคิดหนัก อย่างที่นายโคร เอามาเขียนนั่นแหละ่
    อเมริกาคิดว่า ยังไม่ใช่เวลาทำสงครามกับอิหร่าน อเมริกาเพิ่งขูดเนื้ออิรัคเสร็จ จะมาขูดเนื้ออิหร่านต่อ เหนื่อยตายชัก ทหารก็ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนการปิดล้อม ก็ค่าใช้จ่ายสูงสะบั้น อเมริกาจึงใช้วิธีทางการเมือง แยงให้ตะวันออกกลางวุ่นวาย บวกกับ การคว่ำบาตร น่าจะทำให้อิหร่าน เหนื่อยและสยบ แต่อเมริกา คงลืมคิดไป โลกตอนนี้ กับโลก เมื่อ 50 ปีก่อน ต่างกันแยะ
    และยิ่งต่างกันแยะมากขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา โลกไม่ได้มีขั้วเดียว ที่มีอเมริกาและพวก เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโลกเท่านั้น จากการบีบคั้น แสดงอำนาจ เอาเปรียบ และความไม่เป็นธรรมของอเมริกาเอง จึงค่อยๆมีแยกตัว และจับมือ สร้างกลุ่มใหม่กันขึ้น มาถึงวันนี้ ขั้วอำนาจดูเหมือนจะเริ่มแบ่งชัดขึ้น ระหว่างแองโกลอเมริกัน บวกยุโรป และสมุนค่ายหนึ่ง และ มี รัสเซีย จีน กับพวกอยู่อีกค่ายหนึ่ง
    ดอลล่าร์กำลังถูกท้าทาย เหมือนที่เงินปอนด์เคยถูกชิงตำแหน่ง จากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก็แบ่งเป็น 2 ค่าย นี่เรากำลังเดินเข้าไปสู่วัฏฏะ เดิมอีกหรือ โดยมีเรื่องของอิหร่าน เป็นตัวแปร หรือเป็นชนวน…
    อิหร่านยอมที่จะเจรจากับอเมริกา เรื่องลดการพัฒนานิวเคลียร์ เพราะเป็นการเจรจาที่อิหร่าน มีแต่ได้ กับเสมอตัว อิหร่านต้องการให้ฝ่ายตะวันตก ปลดการคว่ำบาตรทั้งหมด ที่เกี่ยวกับอิหร่าน ถ้าได้ตามต้องการ อิหร่านจะกลายเป็นเสี่ยใหญ่แห่ง ตะวันออกกลาง เขาว่าเป็นเงินมากมาย ประเมินกันไม่ถูก เพราะอิหร่านอุบเงียบ แถมใช้ตัวแทน ทำหลายซับหลายซ้อน ขณะเดียวกัน ในระหว่างเจรจา อิหร่านก็เดินหน้าโครงการต่อ แถมโยกย้าย แยกแยะ จนยากแก่การติดตาม ถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ อิหร่านก็กลับมาอยู่สภาพ เดินหน้าพัฒนาต่ออย่างที่ทำอยู่ ชีวิตก็เหมือนเดิม เคยลำบากมาแล้ว ก็ลำบากต่ออีกนิด แต่เมื่อมีนิวเคลียร์ครบ เสียงของอิหร่านที่จะเจรจา หรือ พูดอะไรต่อไป ก็คงต่างไปบ้าง อเมริกาก็คิดเองแล้วกัน จะเป็นเสียงอย่างไหน อเมริกาก็เคยใช้มาสาระพัดเสียงแล้วนี่
    วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ถ้า ฝ่าย P5+1 ตกลงกับอิหร่านได้ครบถ้วน ตามความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย บทที่แสดงหน้าจอ ก็คงชนิดได้ตุ๊กตาทอง มีการจับมือ เอาบุญเอาคุญ ตามธรรมเนียม และมันคงเป็นแค่ “การซื้อเวลา” เมื่อไหร่ที่อิหร่านพร้อม เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตะวันออกกลางอย่างเห็นชัด เสี่ยปั้มทั้งหลาย ก็เฝ้าปั้มไว้ให้ดีก็แล้วกัน
    สำหรับอเมริกา อเมริกายอมเล่นบทคว่ำบาตร เพราะอเมริกา “ยังไม่พร้อม” เล่นบทอื่น ไม่ใช่อเมริกา ประเมินผิด ไอ้ถังขยะต่างๆ ที่ออกมาทำเสียงเขียว มันเป็นการเล่นละคร กันทั้งนั้น ต่างก็รู้คิวกัน เจรจาให้ยาว ทำเป็นตกลง ให้อิหร่านถลาเข้ามา แล้วก็ตวัดกลับ เพราะอเมริกา ไม่มีทางยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านอย่างจริงจัง แม้จะทำเป็นตกลง ท้ายที่สุดอิหร่านก็จะได้แต่กินแห้ว อเมริกาแค่ซื้อเวลา รอให้มีความพร้อมทางฝั่งของตนเองมากที่สุด
    อเมริกา โดยไอ้ถังขยะ CFR (อีกแล้ว) ลงทุนติวเข้มให้แก่ อิสราเอล และซาอุดิ 2 มิตรชิดใกล้ของอเมริกาในตะวันออกกลาง เกี่ยวกับเรื่องอิหร่าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด ประชุมติวกัน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ข่าวหลุดมาจาก นาย Anwar Eshski อดีตนายพล และทูตซาอุดิ ประจำอเมริกา อีกฝ่ายคือ นาย Dore Gold อดีตทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ มีการประชุมเช่นนี้ มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 อเมริกา ไม่ได้หลุดคิวเลย
    นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่าน เช่นเดียวกัน อเมริกายังส่งนาย John Brennan ผอ CIA บินตรงไปสรุปข้อมูลลับเกี่ยวกับอิหร่าน ให้กับหน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล Mossad
    แปลว่า อเมริกาน่าจะคิดขยับหมากแล้ว เรื่องการเจรจาก็ปล่อยไป เจรจาสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ สำหรับอเมริกา ไม่มีอะไรต่างกัน เพราะอเมริกาน่าจะมีโผอยู่ในใจแล้ว เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหมือนหนังฮอลลีวู้ดสร้าง ซี่รี่ส์ยาว ให้เราดูติดต่อกันมา 2 ปี เท่านั้นเอง
    อเมริกาไม่มีวันจะปล่อยมือที่บีบคออิหร่าน แม้อเมริกาจะนับรัสเซีย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งตลอดกาล และนับจีนเป็นคู่แข่งหมายเลขหนี่ง ซี่งแข่งมากๆ ก็จะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นศัตรูไปด้วย แต่กรณีของรัสเซีย เป็นเรื่องของ “ความอยากได้ ” ทรัพยากรของรัสเซีย บวกกับความแหยงสภาพการฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็วของรัสเซีย อเมริกาไม่มีผลประโยชน์โดยตรง มากมายในภูมิภาคของรัสเซีย มันเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมืองมากกว่า กรณีของจีน ก็ใกล้เคียงกับกรณีรัสเซีย แต่หนักไปในแง่ที่อเมริกาถือว่า แปซิฟิกและเอเซีย เป็นเหมือนบ้านที่ 2 ของอเมริกา มีแต่เด็กๆ ในความปกครองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แค่คิดว่าจีนจะมาใหญ่กว่า หรือแค่เป็นคู่แข็ง อเมริกาก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว
    แต่กรณีอิหร่าน ขณะที่อเมริกาอยากได้ ทรัพยากรของอิหร่าน แต่อิหร่านวันนี้ เป็นอิหร่านที่มีพิษ และอเมริกายังคิดเซรุ่มกันพิษรอบใหม่ของอิหร่านยังไม่ได้ ถ้าอเมริกาขยับผิด ผลประโยชน์มหาศาลของอเมริกา ในตะวันออกกลางจะฉิบหายเกลี้ยงไปด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ได้สมบัติของอิหร่านอย่างเดียว เรื่องอิหร่าน เป็นเรื่องกระทบตรงกับผลประโยชน์ของอเมริกา เป็นเรื่องที่อเมริการู้อยู่แก่ใจ กำลังทำใจ และกำลังหาทางขจัดปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ เมื่ออเมริกาพร้อม โลกคงสะเทือน
    แต่การขยับหมากของอเมริกา ไล่มาตั้งแต่ ยูเครน ตะวันออกกลาง มาถึงหมากญี่ปุ่น (จะสำเร็จหรือไม่ ไม่รู้ แต่ผมว่า ร่อแร่ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อไปแบกถาดให้เขานี่ คนญี่ปุ่นน่าจะคิดออกนะ ว่าถูกเขาหลอกใช้ขนาดไหน) เหมือนความพร้อมของอเมริกา จะใกล้เข้ามาทุกที จะพร้อมลุยอิหร่านประเทศเล็กแต่มีพิษ หรือแค่พร้อมตั้งรับ เพราะรู้ว่า พิษคงจะเริ่มออกฤทธิ์อีกไม่ช้า และแพร่กระจายไปหลายทิศ ในอีกไม่นาน ก็ต้องดูกันต่อไป
    กลับมาที่อิหร่านอีกที ถ้า วันที่ 7 กรกฏาคมนี่ อิหร่านต้องฟังเพลง I will walk away … อิหร่านจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะหงิมๆ เก็บของ กลับบ้านไหม อิหร่านก็คงทำอย่างนั้น แต่กลับบ้านไปทำอะไร ผมไม่รู้ด้วย แต่ผมตั้งใจว่า ถ้าต้องฟัง พณฯใบตองแห้งครวญเพลง หลังจากวันที่ 7 กรกฏาคม ผมคง ตั้งสติให้นิ่ง ตามข่าวถี่หน่อย กินให้อร่อย นอนให้อิ่ม เก็บสะสมไว้ยามจำเป็นครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 5 เป็นไปได้หรือว่า อเมริกาแสนจะชาญฉลาดกำโลกอยู่ในมือจนกระดิกไม่ออกมาตั้ง 70 ปี จะมาเสียทีให้กับอิหร่าน คงมีคนคิดกัน ตกลงอิหร่านต้มอเมริกา หรืออเมริกาต้มอิหร่านกันแน่ ก่อนจะลงความเห็น ลองฟังความเห็นอีกสักชิ้น เอามาจากบทความที่ลงในวารสาร Foreign Affairs วารสารที่ออกเป็นประจำของ CFR เมื่อปี ค.ศ.2012 ก่อนที่อเมริกาคิดจะเจรจากับอิหร่านไม่นาน คงมีคนสงสัย ทำไมลุงนิทานอ้างแต่ CFR ก็เขาเป็นผู้กำกับรัฐบาลอเมริกา ผมไม่ตามผู้กำกับ ผมก็ไม่รู้ว่าดาราคนไหน เล่นบทอะไร แล้วเล่นได้สมบทบาทแค่ไหน บทความนี้ชื่อ ” Time to Attack Iran” โดย Matthew Kroenig นายโคร เขาบอกว่า บรรดานักคิด และผู้วางนโยบายของอเมริกา ต่างโต้เถียงกันว่า อเมริกาควรจะจัดการเรื่องอิหร่านอย่างไรดี ความเห็นหนึ่ง บอกว่า เราควรบุกอิหร่าน และทำลายอุปกรณ์ทั้งปวงที่อิหร่านใช้ในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้เหี้ยนเลย ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการบุก บอกว่า การใช้กำลังทหารกับอิหร่านเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า และจะไม่เข้าท่าหนักขึ้น ถ้าเราไปเจออาวุธนิวเคลียร์ของ จริงของอิหร่าน นอกจากนี้ การบุกอิหร่าน โอกาสไม่สำเร็จมีสูง และถึงจะทำสำเร็จ มันอาจจะเป็นการจุดไม้ขีด ให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นสงคราม และอาจสร้างวิกฤติทางเศรษฐกืจ ให้กับอเมริกา และอาจลามไปทั้งโลกด้วยก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายที่แนะนำให้อเมริกาใช้วิธีการที่ไม่ใช่ทางทหาร เช่นใช้การเจรจาทางการทูต การคว่ำบาตร หรือการปฏิบัติการณ์ลับ เพราะการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนด้านต่างๆสูง จนใจไม่ถึงที่จะควักกระเป๋าให้ (ตอนนั้น) ยังมีพวกนักวิเคราะห์ ที่บอกว่า พวกไม่เห็นด้วยกับการบุกอิหร่าน มองไม่เห็นอันตรายที่แท้จริง ที่อาจเกิดขึ้นกับผลประโยชน์ของอเมริกา ที่อยู่ในและนอกตะวันออกกลาง จากการปล่อยให้อิหร่านที่มีนิวเคลียร์ ลอยนวลอยู่ตามสบาย มันเป็นการคุกคามผลประโยชน์ของอเมริกาโดยตรง ส่วนนายโครเอง มีชื่อเสียงว่า สนับสนุนการบุกอิหร่าน เขาบอกว่า โดยการใช้กำลังทหาร และใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง ล๊อคเป้าจ่อไปที่โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แค่นั้นเรื่องก็จบ อเมริกาและตะวันออกกลาง ก็จะได้อยู่อย่างสงบจากเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเสียที โลกฝ่ายตะวันตก หรือฝ่ายอเมริกานั่นแหละ พยายามกดดันที่โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านมานานแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ขนาดปล่อยไวรัส Stuxnet เข้าไปในระบบของอิหร่าน ไม่นาน อิหร่านก็แก้ไขฟื้นขึ้นมาใหม่ Institute of Science and International Security บอกว่า นอกจากอิหร่านฟื้นเร็วแล้ว ระยะเวลาการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ละครั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย น่าจะใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และอิหร่านมีแผนที่จะย้ายโครงการผลิตนิวเคลียร์นี้ ไปไว้ในสถานที่ ที่ยากแก่เข้าถึง ทำให้โอกาสที่จะการใช้กำลังทหารแคบลงไปอีก ขณะเดียวกัน หลายประเทศในภูมิภาคเริ่มสงสัยในสมรรถภาพ ของอเมริกาว่า อเมริกาทำอะไรอยู่ ปล่อยอิหร่านผลิตนิวเคลียร์ยังกับผลิตของเล่น อเมริกาไม่ได้อยู่เฉย อเมริกาคิด แต่ยังคิดไม่ตก อเมริกาคิดจะใช้ cold war model เหมือนตอนสงครามเย็นปิดล้อมสหภาพโซเวียต แต่สภาพประเทศในตะวันออกกลาง ต่างกับประเทศในยุโรป อย่างหน้ามือกับหลังมือเลย อย่าว่าจะไปปิดล้อมใครเลย แค่พร้อมพอที่จะป้องกันตัวเองยัง ทำไม่ได้ เพราะฉนั้น ถ้าคิดจะปิดล้อมอิหร่าน ต้องใช้งบบาน เพราะโดยสภาพภูมิประเทศ และทำเลที่ตั้งของอิหร่าน อเมริกาต้องส่งทั้ง กองทัพเรือ กองทัพบก รวมทั้งอาจจะต้องจัดส่งนิวเคลียร์ ไปให้ทั้งตะวันออกกลาง คอยจ่อคอหอยอิหร่าน แล้วทั้งหมด ไม่ใช่ไปอยู่วันสองวัน แล้วกลับบ้านนอน แต่ต้องอยู่ถาวรเป็นหลาย 10 ปี ไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ไปต้มพวกเสี่ยปั้มมา ไหนจะลาดตระเวน ไหนจะป้องกัน ไหนจะตามเฝ้าอิหร่าน ไหนจะตรวจสอบอิหร่าน ฯลฯ พอเห็นแล้วนะครับ ว่า อเมริการู้ว่า อิหร่านกำลังทำอะไร คิดอะไร และอเมริกาน่าจะทำอะไร ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วทำไมอเมริกาถึงเลือกทำ อย่างที่กำลังโดนพวกตัวเองด่า และถ้า วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ยังเจรจากันไม่เสร็จ อเมริกาจะทำอย่างไรต่อไป และผลมันจะเป็นอย่างไร ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 6 (จบ) ก่อนไปถึงอเมริกา ขอย้อนกลับมาที่อิหร่าน ที่เขี้ยวลากดินหน่อย สมันน้อยแดนสยามจะได้เข้าใจว่า การจะออกจากคอกนั้นทำได้ ถ้าใช้สติปัญญา มีความตั้งใจทำจริง มีความอดทน ยอมลำบาก ไม่เห็นแก่ตัว และที่สำคัญต้องสามัคคี พร้อมใจกันทั้งชาติ อิหร่านโดนนักล่า ทั้งที่มาจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จนถึงนักล่าใบตองแห้ง ร่วมมือกัน แย่งชิงกัน เพื่อหลอกเอาทรัพยากรมีค่ามหา ศาลของอิหร่าน ด้วยการต้มเปื่อย ยุแยง แทรกแซง ปั่นหัว ฟอกย้อม ชาวอิหร่านทุกระดับ จนอิหร่านเสียทรัพยากร เสียพลเมือง เสียผู้นำประเทศ อย่างน่าเสียดายไปมากมาย ตั้งแต่ปี 1900 ต้นๆ โดนต้มมา 100 กว่าปี ไม่คิดปีนขึ้นมาจากหม้อ ก็.. คงต้องปล่อยไปตามกรรม แต่อิหร่าน ฮึดสู้ แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างหนักหนาสา หัส การฮึดสู้ อาจมีความลำบากยากเข็ญ ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการทำธุกิจ ฯลฯ แต่ เพื่อรักษาประเทศ มีชาวอิหร่านที่คิดทำ และอดทน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่ฮึดสู้ ก็มีแต่ถูกเขาจูงกลับเข้าคอก แล้วปอกลอกเอาสมบัติของประเทศไป….. เหมือนเดิม อิหร่านเชื่อว่า ทางออกจากกำมือของตะวันตกมีทางเดียวคือ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อิหร่านวางยุทธศาสตร์ สร้างชาติใหม่ที่พึ่งตัวเองได้ หนึ่งในกระบวนการสร้างชาติคือ การหาพลังงานใช้ในประเทศด้วยวิธีอื่นด้วย ไม่ใช่จากการขุดน้ำมันมาใช้อย่างเดียว น้ำมันของประเทศเอาไว้ขายเป็นรายได้ อิหร่านจึงคิดพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ คิดได้ 1 ก็ไป ถึง 2 แล้วก็เลยไปถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อิหร่านบอก ไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นการรุกราน แต่ไว้ใช้เป็นการป้องกันตัว และเป็นเครื่องต่อรอง ประเทศที่มองการณ์ไกล ไม่อยากถูกครอบงำชักจูง อยู่ในกำมือผู้อื่นตลอดกาล ก็ย่อมคิดอย่างนี้ เมื่อแรกๆ ไม่มีใครเชื่อว่า อิหร่านจะพัฒนาได้ แต่จากการเมืองของอิหร่านเอง ทำให้คนใน เอาความมาบอกคนนอก แล้วอเมริกาก็เลยรู้ แต่รู้ช้าไปนิด เมื่ออิหร่านเดินหน้าไปไกลพอสมควร อเมริกาคิดหนัก อย่างที่นายโคร เอามาเขียนนั่นแหละ่ อเมริกาคิดว่า ยังไม่ใช่เวลาทำสงครามกับอิหร่าน อเมริกาเพิ่งขูดเนื้ออิรัคเสร็จ จะมาขูดเนื้ออิหร่านต่อ เหนื่อยตายชัก ทหารก็ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนการปิดล้อม ก็ค่าใช้จ่ายสูงสะบั้น อเมริกาจึงใช้วิธีทางการเมือง แยงให้ตะวันออกกลางวุ่นวาย บวกกับ การคว่ำบาตร น่าจะทำให้อิหร่าน เหนื่อยและสยบ แต่อเมริกา คงลืมคิดไป โลกตอนนี้ กับโลก เมื่อ 50 ปีก่อน ต่างกันแยะ และยิ่งต่างกันแยะมากขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา โลกไม่ได้มีขั้วเดียว ที่มีอเมริกาและพวก เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโลกเท่านั้น จากการบีบคั้น แสดงอำนาจ เอาเปรียบ และความไม่เป็นธรรมของอเมริกาเอง จึงค่อยๆมีแยกตัว และจับมือ สร้างกลุ่มใหม่กันขึ้น มาถึงวันนี้ ขั้วอำนาจดูเหมือนจะเริ่มแบ่งชัดขึ้น ระหว่างแองโกลอเมริกัน บวกยุโรป และสมุนค่ายหนึ่ง และ มี รัสเซีย จีน กับพวกอยู่อีกค่ายหนึ่ง ดอลล่าร์กำลังถูกท้าทาย เหมือนที่เงินปอนด์เคยถูกชิงตำแหน่ง จากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก็แบ่งเป็น 2 ค่าย นี่เรากำลังเดินเข้าไปสู่วัฏฏะ เดิมอีกหรือ โดยมีเรื่องของอิหร่าน เป็นตัวแปร หรือเป็นชนวน… อิหร่านยอมที่จะเจรจากับอเมริกา เรื่องลดการพัฒนานิวเคลียร์ เพราะเป็นการเจรจาที่อิหร่าน มีแต่ได้ กับเสมอตัว อิหร่านต้องการให้ฝ่ายตะวันตก ปลดการคว่ำบาตรทั้งหมด ที่เกี่ยวกับอิหร่าน ถ้าได้ตามต้องการ อิหร่านจะกลายเป็นเสี่ยใหญ่แห่ง ตะวันออกกลาง เขาว่าเป็นเงินมากมาย ประเมินกันไม่ถูก เพราะอิหร่านอุบเงียบ แถมใช้ตัวแทน ทำหลายซับหลายซ้อน ขณะเดียวกัน ในระหว่างเจรจา อิหร่านก็เดินหน้าโครงการต่อ แถมโยกย้าย แยกแยะ จนยากแก่การติดตาม ถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ อิหร่านก็กลับมาอยู่สภาพ เดินหน้าพัฒนาต่ออย่างที่ทำอยู่ ชีวิตก็เหมือนเดิม เคยลำบากมาแล้ว ก็ลำบากต่ออีกนิด แต่เมื่อมีนิวเคลียร์ครบ เสียงของอิหร่านที่จะเจรจา หรือ พูดอะไรต่อไป ก็คงต่างไปบ้าง อเมริกาก็คิดเองแล้วกัน จะเป็นเสียงอย่างไหน อเมริกาก็เคยใช้มาสาระพัดเสียงแล้วนี่ วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ถ้า ฝ่าย P5+1 ตกลงกับอิหร่านได้ครบถ้วน ตามความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย บทที่แสดงหน้าจอ ก็คงชนิดได้ตุ๊กตาทอง มีการจับมือ เอาบุญเอาคุญ ตามธรรมเนียม และมันคงเป็นแค่ “การซื้อเวลา” เมื่อไหร่ที่อิหร่านพร้อม เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตะวันออกกลางอย่างเห็นชัด เสี่ยปั้มทั้งหลาย ก็เฝ้าปั้มไว้ให้ดีก็แล้วกัน สำหรับอเมริกา อเมริกายอมเล่นบทคว่ำบาตร เพราะอเมริกา “ยังไม่พร้อม” เล่นบทอื่น ไม่ใช่อเมริกา ประเมินผิด ไอ้ถังขยะต่างๆ ที่ออกมาทำเสียงเขียว มันเป็นการเล่นละคร กันทั้งนั้น ต่างก็รู้คิวกัน เจรจาให้ยาว ทำเป็นตกลง ให้อิหร่านถลาเข้ามา แล้วก็ตวัดกลับ เพราะอเมริกา ไม่มีทางยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านอย่างจริงจัง แม้จะทำเป็นตกลง ท้ายที่สุดอิหร่านก็จะได้แต่กินแห้ว อเมริกาแค่ซื้อเวลา รอให้มีความพร้อมทางฝั่งของตนเองมากที่สุด อเมริกา โดยไอ้ถังขยะ CFR (อีกแล้ว) ลงทุนติวเข้มให้แก่ อิสราเอล และซาอุดิ 2 มิตรชิดใกล้ของอเมริกาในตะวันออกกลาง เกี่ยวกับเรื่องอิหร่าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด ประชุมติวกัน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ข่าวหลุดมาจาก นาย Anwar Eshski อดีตนายพล และทูตซาอุดิ ประจำอเมริกา อีกฝ่ายคือ นาย Dore Gold อดีตทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ มีการประชุมเช่นนี้ มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 อเมริกา ไม่ได้หลุดคิวเลย นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่าน เช่นเดียวกัน อเมริกายังส่งนาย John Brennan ผอ CIA บินตรงไปสรุปข้อมูลลับเกี่ยวกับอิหร่าน ให้กับหน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล Mossad แปลว่า อเมริกาน่าจะคิดขยับหมากแล้ว เรื่องการเจรจาก็ปล่อยไป เจรจาสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ สำหรับอเมริกา ไม่มีอะไรต่างกัน เพราะอเมริกาน่าจะมีโผอยู่ในใจแล้ว เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหมือนหนังฮอลลีวู้ดสร้าง ซี่รี่ส์ยาว ให้เราดูติดต่อกันมา 2 ปี เท่านั้นเอง อเมริกาไม่มีวันจะปล่อยมือที่บีบคออิหร่าน แม้อเมริกาจะนับรัสเซีย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งตลอดกาล และนับจีนเป็นคู่แข่งหมายเลขหนี่ง ซี่งแข่งมากๆ ก็จะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นศัตรูไปด้วย แต่กรณีของรัสเซีย เป็นเรื่องของ “ความอยากได้ ” ทรัพยากรของรัสเซีย บวกกับความแหยงสภาพการฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็วของรัสเซีย อเมริกาไม่มีผลประโยชน์โดยตรง มากมายในภูมิภาคของรัสเซีย มันเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมืองมากกว่า กรณีของจีน ก็ใกล้เคียงกับกรณีรัสเซีย แต่หนักไปในแง่ที่อเมริกาถือว่า แปซิฟิกและเอเซีย เป็นเหมือนบ้านที่ 2 ของอเมริกา มีแต่เด็กๆ ในความปกครองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แค่คิดว่าจีนจะมาใหญ่กว่า หรือแค่เป็นคู่แข็ง อเมริกาก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว แต่กรณีอิหร่าน ขณะที่อเมริกาอยากได้ ทรัพยากรของอิหร่าน แต่อิหร่านวันนี้ เป็นอิหร่านที่มีพิษ และอเมริกายังคิดเซรุ่มกันพิษรอบใหม่ของอิหร่านยังไม่ได้ ถ้าอเมริกาขยับผิด ผลประโยชน์มหาศาลของอเมริกา ในตะวันออกกลางจะฉิบหายเกลี้ยงไปด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ได้สมบัติของอิหร่านอย่างเดียว เรื่องอิหร่าน เป็นเรื่องกระทบตรงกับผลประโยชน์ของอเมริกา เป็นเรื่องที่อเมริการู้อยู่แก่ใจ กำลังทำใจ และกำลังหาทางขจัดปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ เมื่ออเมริกาพร้อม โลกคงสะเทือน แต่การขยับหมากของอเมริกา ไล่มาตั้งแต่ ยูเครน ตะวันออกกลาง มาถึงหมากญี่ปุ่น (จะสำเร็จหรือไม่ ไม่รู้ แต่ผมว่า ร่อแร่ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อไปแบกถาดให้เขานี่ คนญี่ปุ่นน่าจะคิดออกนะ ว่าถูกเขาหลอกใช้ขนาดไหน) เหมือนความพร้อมของอเมริกา จะใกล้เข้ามาทุกที จะพร้อมลุยอิหร่านประเทศเล็กแต่มีพิษ หรือแค่พร้อมตั้งรับ เพราะรู้ว่า พิษคงจะเริ่มออกฤทธิ์อีกไม่ช้า และแพร่กระจายไปหลายทิศ ในอีกไม่นาน ก็ต้องดูกันต่อไป กลับมาที่อิหร่านอีกที ถ้า วันที่ 7 กรกฏาคมนี่ อิหร่านต้องฟังเพลง I will walk away … อิหร่านจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะหงิมๆ เก็บของ กลับบ้านไหม อิหร่านก็คงทำอย่างนั้น แต่กลับบ้านไปทำอะไร ผมไม่รู้ด้วย แต่ผมตั้งใจว่า ถ้าต้องฟัง พณฯใบตองแห้งครวญเพลง หลังจากวันที่ 7 กรกฏาคม ผมคง ตั้งสติให้นิ่ง ตามข่าวถี่หน่อย กินให้อร่อย นอนให้อิ่ม เก็บสะสมไว้ยามจำเป็นครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ก.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 673 Views 0 Reviews
  • ราคาน้ำมันไทยจริงๆสมควรลงต่ำกว่า20บาทต่อลิตรได้แล้วในเวลานี้ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราภายในประเทศในลำดับหนึ่ง ภาระค่าเติมน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ราคาสินค้าทั่วประเทศจะถูกลงได้อีก ช่วยค่าใช้จ่ายคนไทยได้ดี.,มันจะคงราคาไว้โคตรพ่อโคตรแมร่งมันทำไม เทียบได้กับเกือบแตะ100$ต่อบาร์เรลในอดีตเลยที่30฿ต่อลิตรของไทยเรา,นี้50-60$ต่อบาร์เรลนะ,ราคาน้ำมันไทยคือโจรปล้นคนไทยอีกเดอะแก๊งหนึ่งแบบเปิดเผยอย่างถูกกฎหมายที่มันเขียนให้ชอบใจถูกใจแก่พวกมันบนแผ่นดินไทยจริงๆ,ทหารไทยยึดอำนาจในยุคลุงเสียของเสียหมาด้วย ไร้ค่าไร้ราคาอย่างน่าเสียดายเป็นอันมาก แต่ก็เข้าใจได้เพราะเป็นทหารฝ่ายมืดมันมิใช่ฝ่ายเราแบบบิ๊กกุ้ง มทภ.2อีสานเรา.,ราคาน้ำมันคือdeep stateตัวพ่อในไทยตัวหลักที่เราต้องกำจัดก่อนเพื่อน ยึดบ่อน้ำมันเราคืนทั้งหมดจากต่างชาติคือสิ่งที่เราทำได้อย่างชอบธรรมเพราะนี้คือแผ่นดินไทยเรา.

    https://www.bangkokbiznews.com/finance/analysis/1207088
    ราคาน้ำมันไทยจริงๆสมควรลงต่ำกว่า20บาทต่อลิตรได้แล้วในเวลานี้ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราภายในประเทศในลำดับหนึ่ง ภาระค่าเติมน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ราคาสินค้าทั่วประเทศจะถูกลงได้อีก ช่วยค่าใช้จ่ายคนไทยได้ดี.,มันจะคงราคาไว้โคตรพ่อโคตรแมร่งมันทำไม เทียบได้กับเกือบแตะ100$ต่อบาร์เรลในอดีตเลยที่30฿ต่อลิตรของไทยเรา,นี้50-60$ต่อบาร์เรลนะ,ราคาน้ำมันไทยคือโจรปล้นคนไทยอีกเดอะแก๊งหนึ่งแบบเปิดเผยอย่างถูกกฎหมายที่มันเขียนให้ชอบใจถูกใจแก่พวกมันบนแผ่นดินไทยจริงๆ,ทหารไทยยึดอำนาจในยุคลุงเสียของเสียหมาด้วย ไร้ค่าไร้ราคาอย่างน่าเสียดายเป็นอันมาก แต่ก็เข้าใจได้เพราะเป็นทหารฝ่ายมืดมันมิใช่ฝ่ายเราแบบบิ๊กกุ้ง มทภ.2อีสานเรา.,ราคาน้ำมันคือdeep stateตัวพ่อในไทยตัวหลักที่เราต้องกำจัดก่อนเพื่อน ยึดบ่อน้ำมันเราคืนทั้งหมดจากต่างชาติคือสิ่งที่เราทำได้อย่างชอบธรรมเพราะนี้คือแผ่นดินไทยเรา. https://www.bangkokbiznews.com/finance/analysis/1207088
    WWW.BANGKOKBIZNEWS.COM
    เวสต์เทกซัส 60.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล เบรนท์ 64.06 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล
    วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 พ.ย. 68) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างเห็นชอบยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • “Pixel Watch 4: สมาร์ตวอชที่ไม่ต้องพยายามก็ชนะใจ — ดีไซน์หรู ฟีเจอร์ครบ แบตอึด พร้อม Gemini บนข้อมือ”

    Google เปิดตัว Pixel Watch 4 อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยยังคงรักษาดีไซน์โดมสุดหรูที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมปรับปรุงหลายจุดให้กลายเป็นสมาร์ตวอชที่ “ใช้งานจริง” ได้มากกว่าการเป็นแค่เครื่องแจ้งเตือน

    สิ่งแรกที่โดดเด่นคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้จริงถึง 2 วันเต็ม แม้เปิด Always-On Display และใช้หลาย complications ก็ยังอยู่รอดได้สบาย ๆ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ dual-chip ที่แบ่งงานระหว่างชิปประหยัดพลังงานกับชิปหลัก ซึ่งช่วยลดภาระการประมวลผลและยืดอายุแบตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Pixel Watch 4 ยังมาพร้อม Gemini ซึ่งเป็น AI ผู้ช่วยที่ฉลาดขึ้นกว่า Google Assistant เดิม โดยสามารถตั้ง shortcut บน Tile เพื่อสั่งงานได้ทันที เช่น เปิดไฟห้อง หรือถามเวลาการแข่งขันกีฬา น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ Magic Cue ซึ่งดึงข้อมูลส่วนตัวมาแสดงอัตโนมัติ ยังไม่รองรับบนตัวนาฬิกา

    ด้านดีไซน์ Google ปรับหน้าจอให้เป็นโดมทั้งกระจกและพาเนลจริง ๆ ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนที่โค้งแค่ขอบ ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ “ลอย” ของ UI ที่ดูนุ่มนวลและลื่นไหล โดยใช้ Material 3 Expressive ที่จัดวางปุ่มและ Tiles ได้อย่างสนุกและใช้งานง่าย

    สำหรับการติดตามสุขภาพ Pixel Watch 4 ยังใช้ระบบ Fitbit เป็นหลัก โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น ใช้โทรศัพท์เป็น dashboard สำหรับการปั่นจักรยาน และมีการแจ้งเตือนแบบสั่นที่ปรับปรุงให้แม่นยำและไม่รบกวนคนข้าง ๆ

    สุดท้ายคือการรองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ซึ่งแม้จะยังไม่ได้ทดสอบจริง แต่ถือเป็นฟีเจอร์สำรองที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น หลงทางในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Pixel Watch 4 เปิดตัววันที่ 9 ตุลาคม 2025
    ใช้แบตเตอรี่ได้จริง 2 วัน แม้เปิด Always-On Display และหลาย complications
    ใช้สถาปัตยกรรม dual-chip เพื่อแบ่งงานระหว่างชิปประหยัดพลังงานกับชิปหลัก
    รองรับ Gemini บนข้อมือ พร้อมตั้ง shortcut บน Tile ได้
    ไม่รองรับ Magic Cue บนตัวนาฬิกา
    ดีไซน์หน้าจอแบบโดมจริงทั้งกระจกและพาเนล
    ใช้ Material 3 Expressive ในการจัดวาง UI
    ใช้โทรศัพท์เป็น dashboard สำหรับการปั่นจักรยาน
    รองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมในกรณีฉุกเฉิน
    ราคาเริ่มต้นที่ $349.99 เท่ากับรุ่นก่อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini เป็น AI ผู้ช่วยรุ่นใหม่ของ Google ที่เน้นการเข้าใจบริบทและคำสั่งซับซ้อน
    Material 3 Expressive เป็นแนวทางออกแบบ UI ที่เน้นความสนุกและความลื่นไหล
    Dual-chip architecture เคยใช้ใน OnePlus Watch 2 และช่วยยืดแบตได้จริง
    การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมเริ่มเป็นมาตรฐานในอุปกรณ์สวมใส่ระดับสูง
    Fitbit Premium ยังเป็นระบบหลักในการวิเคราะห์สุขภาพบน Pixel Watch

    https://www.slashgear.com/1992014/google-pixel-watch-4-review/
    ⌚ “Pixel Watch 4: สมาร์ตวอชที่ไม่ต้องพยายามก็ชนะใจ — ดีไซน์หรู ฟีเจอร์ครบ แบตอึด พร้อม Gemini บนข้อมือ” Google เปิดตัว Pixel Watch 4 อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยยังคงรักษาดีไซน์โดมสุดหรูที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมปรับปรุงหลายจุดให้กลายเป็นสมาร์ตวอชที่ “ใช้งานจริง” ได้มากกว่าการเป็นแค่เครื่องแจ้งเตือน สิ่งแรกที่โดดเด่นคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้จริงถึง 2 วันเต็ม แม้เปิด Always-On Display และใช้หลาย complications ก็ยังอยู่รอดได้สบาย ๆ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ dual-chip ที่แบ่งงานระหว่างชิปประหยัดพลังงานกับชิปหลัก ซึ่งช่วยลดภาระการประมวลผลและยืดอายุแบตได้อย่างมีประสิทธิภาพ Pixel Watch 4 ยังมาพร้อม Gemini ซึ่งเป็น AI ผู้ช่วยที่ฉลาดขึ้นกว่า Google Assistant เดิม โดยสามารถตั้ง shortcut บน Tile เพื่อสั่งงานได้ทันที เช่น เปิดไฟห้อง หรือถามเวลาการแข่งขันกีฬา น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ Magic Cue ซึ่งดึงข้อมูลส่วนตัวมาแสดงอัตโนมัติ ยังไม่รองรับบนตัวนาฬิกา ด้านดีไซน์ Google ปรับหน้าจอให้เป็นโดมทั้งกระจกและพาเนลจริง ๆ ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนที่โค้งแค่ขอบ ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ “ลอย” ของ UI ที่ดูนุ่มนวลและลื่นไหล โดยใช้ Material 3 Expressive ที่จัดวางปุ่มและ Tiles ได้อย่างสนุกและใช้งานง่าย สำหรับการติดตามสุขภาพ Pixel Watch 4 ยังใช้ระบบ Fitbit เป็นหลัก โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น ใช้โทรศัพท์เป็น dashboard สำหรับการปั่นจักรยาน และมีการแจ้งเตือนแบบสั่นที่ปรับปรุงให้แม่นยำและไม่รบกวนคนข้าง ๆ สุดท้ายคือการรองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ซึ่งแม้จะยังไม่ได้ทดสอบจริง แต่ถือเป็นฟีเจอร์สำรองที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น หลงทางในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Pixel Watch 4 เปิดตัววันที่ 9 ตุลาคม 2025 ➡️ ใช้แบตเตอรี่ได้จริง 2 วัน แม้เปิด Always-On Display และหลาย complications ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม dual-chip เพื่อแบ่งงานระหว่างชิปประหยัดพลังงานกับชิปหลัก ➡️ รองรับ Gemini บนข้อมือ พร้อมตั้ง shortcut บน Tile ได้ ➡️ ไม่รองรับ Magic Cue บนตัวนาฬิกา ➡️ ดีไซน์หน้าจอแบบโดมจริงทั้งกระจกและพาเนล ➡️ ใช้ Material 3 Expressive ในการจัดวาง UI ➡️ ใช้โทรศัพท์เป็น dashboard สำหรับการปั่นจักรยาน ➡️ รองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมในกรณีฉุกเฉิน ➡️ ราคาเริ่มต้นที่ $349.99 เท่ากับรุ่นก่อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini เป็น AI ผู้ช่วยรุ่นใหม่ของ Google ที่เน้นการเข้าใจบริบทและคำสั่งซับซ้อน ➡️ Material 3 Expressive เป็นแนวทางออกแบบ UI ที่เน้นความสนุกและความลื่นไหล ➡️ Dual-chip architecture เคยใช้ใน OnePlus Watch 2 และช่วยยืดแบตได้จริง ➡️ การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมเริ่มเป็นมาตรฐานในอุปกรณ์สวมใส่ระดับสูง ➡️ Fitbit Premium ยังเป็นระบบหลักในการวิเคราะห์สุขภาพบน Pixel Watch https://www.slashgear.com/1992014/google-pixel-watch-4-review/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google Made The Best Smartwatch For Android, And It Did It Without Gimmicks - SlashGear
    Google's Pixel Watch 4 is the best WearOS smartwatch yet -- and it might very well be the most beautiful smartwatch ever made.
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • Mon. Sep. 29, 2025

    เราแอบคิดในใจว่า บ่อนที่ตราด ทมอดาซิตี้ ที่จะทุบทิ้ง คอนโดหรู 1 หมื่นห้อง ถ้ายึดพื้นที่มา แล้วเปลี่ยนให้เป็นตึกที่อยู่อาศัยสำหรับชาวบ้านรายได้ต่ำมากเข้าไปอยู่ ก็ได้หลายพันครอบครัวนะคะ รอบๆก็ทำหนองน้ำ สอนปลูกผัก สอนเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่ จะดีกว่าทุบทิ้งก็น่าเสียดาย เห็นสภาพบ้านคนชายแดนแล้ว มันเยินจริงๆ
    ชั้นล่าง ทำเป็นห้องเรียน online และ โรงยิมกีฬาไปเลย และคลีนิกรักษาพยาบาลเบื้องต้น
    ให้เยาวชนมีการศึกษา มีร่างกายแข็งแรง และโตมาในสิ่งแวดล้อมดีๆ
    อาจต้องมีการตรวจบัตรปชช หรือเอกสารยืนยันตัวตน ทุกการเข้าออก ว่าเป็นคนไทยถูกต้องตามกฎหมาย ยุ่งยากหน่อย แต่แลกกับคอนโดฟรี ก็น่าจะดีกว่าทุบทิ้งหรือทิ้งร้างไว้แบบสีหนุวิลล์นะคะ ควรเปลี่ยนจุดบอดให้เป็นจุดเด่นขึ้นมาดีกว่า

    แค่คิดเล่นๆนะคะ
    Mon. Sep. 29, 2025 เราแอบคิดในใจว่า บ่อนที่ตราด ทมอดาซิตี้ ที่จะทุบทิ้ง คอนโดหรู 1 หมื่นห้อง ถ้ายึดพื้นที่มา แล้วเปลี่ยนให้เป็นตึกที่อยู่อาศัยสำหรับชาวบ้านรายได้ต่ำมากเข้าไปอยู่ ก็ได้หลายพันครอบครัวนะคะ รอบๆก็ทำหนองน้ำ สอนปลูกผัก สอนเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่ จะดีกว่าทุบทิ้งก็น่าเสียดาย เห็นสภาพบ้านคนชายแดนแล้ว มันเยินจริงๆ ชั้นล่าง ทำเป็นห้องเรียน online และ โรงยิมกีฬาไปเลย และคลีนิกรักษาพยาบาลเบื้องต้น ให้เยาวชนมีการศึกษา มีร่างกายแข็งแรง และโตมาในสิ่งแวดล้อมดีๆ อาจต้องมีการตรวจบัตรปชช หรือเอกสารยืนยันตัวตน ทุกการเข้าออก ว่าเป็นคนไทยถูกต้องตามกฎหมาย ยุ่งยากหน่อย แต่แลกกับคอนโดฟรี ก็น่าจะดีกว่าทุบทิ้งหรือทิ้งร้างไว้แบบสีหนุวิลล์นะคะ ควรเปลี่ยนจุดบอดให้เป็นจุดเด่นขึ้นมาดีกว่า แค่คิดเล่นๆนะคะ 😊
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 Comments 0 Shares 1170 Views 0 Reviews
  • Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป

    ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี

    ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร

    แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย

    แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s

    น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe

    Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว
    ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS
    เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID

    ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0
    ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s
    ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์

    ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup
    ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD
    เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency

    Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง
    ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม
    แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร

    การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก
    วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน
    เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่

    https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    📰 Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe ✅ Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว ➡️ ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS ➡️ เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID ✅ ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0 ➡️ ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s ➡️ ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์ ✅ ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup ➡️ ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD ➡️ เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency ✅ Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง ➡️ ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม ➡️ แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร ✅ การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก ➡️ วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน ➡️ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่ https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2517
    เหรียญหลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2517 //เหรียญมีประสบการณ์มาก ที่ระลึกในงานทอดผ้าป่า ปี2517 // พระสถาพใช้ หายากกครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ คงกระพันมหาอุด เหนียวมากๆ แคล้วคลาด ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า คงกระพันชาตรี และ เสน่ห์เมตตามหานิยมโดยเฉพาะในด้านค้าขายอีก >>

    ** วัดชลคราม เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ ในสมัยหลวงพ่อหงษ์มีความเจริญมาก ประชาชนทั่วไปให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามาก ตามประวัติการพบหลวงปู่เขียว วัดหรงบลโดยท่านอาจารย์มนัส สุดสัตย์กล่าวว่าทางคณะกรรมการจัดสร้างพระเครื่องพระพุทธไชยศรีเมื่อ พ.ศ.2517 โดยทางพลอากาศตรีสภา ศรีรักษ์ ได้นำคณะไปนิมนต์หลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม หลวงพ่อหงษ์ท่านเลยบอกว่า ไปนิมนต์อาจารย์ท่านซิ คือหลวงพ่อเขียว วัดหรงบล ไปพบเพียงแต่ศาลากุฏิมุงจาก เล็กๆ มีร่องน้ำหมาก ร่างคล้ำๆ เล็กๆ แต่ทรงไว้ด้วยความน่าเกรงขามยิ่งนัก แต่น่าเสียดายเหรียญของท่านยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก >>


    #พระสถาพใช้ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2517 เหรียญหลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2517 //เหรียญมีประสบการณ์มาก ที่ระลึกในงานทอดผ้าป่า ปี2517 // พระสถาพใช้ หายากกครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ คงกระพันมหาอุด เหนียวมากๆ แคล้วคลาด ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า คงกระพันชาตรี และ เสน่ห์เมตตามหานิยมโดยเฉพาะในด้านค้าขายอีก >> ** วัดชลคราม เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ ในสมัยหลวงพ่อหงษ์มีความเจริญมาก ประชาชนทั่วไปให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามาก ตามประวัติการพบหลวงปู่เขียว วัดหรงบลโดยท่านอาจารย์มนัส สุดสัตย์กล่าวว่าทางคณะกรรมการจัดสร้างพระเครื่องพระพุทธไชยศรีเมื่อ พ.ศ.2517 โดยทางพลอากาศตรีสภา ศรีรักษ์ ได้นำคณะไปนิมนต์หลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม หลวงพ่อหงษ์ท่านเลยบอกว่า ไปนิมนต์อาจารย์ท่านซิ คือหลวงพ่อเขียว วัดหรงบล ไปพบเพียงแต่ศาลากุฏิมุงจาก เล็กๆ มีร่องน้ำหมาก ร่างคล้ำๆ เล็กๆ แต่ทรงไว้ด้วยความน่าเกรงขามยิ่งนัก แต่น่าเสียดายเหรียญของท่านยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก >> #พระสถาพใช้ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • น่าเสียดายสื่อเราไม่เล่นสิ่งนี้ด้วย,ตลอดแฉพวก66ประเทศนี้ที่เข้าข้างเขมรด้วย,แสดงชัดเจนว่ายืนฝั่งเขมร สนับสนุนบริบทเขมรร่วมก่ออาชญากรรมสงครามด้วย,ตลอดเห็นดีเห็นงามที่เขมรเป็นฮับแหล่งฟอกเงินแหล่งค้ามนุษย์และสาระพัดฮับอาชญากรและอาชญากรรมโลก แสดงว่าประเทศทั้ง66ประเทศนี้ผู้นำผู้ปกครองโง่ อมนุษย์เป็นประเทศที่ไร้มนุษยธรรมด้วย,ถ้านายกฯที่รักชาติจะสั่งแบนทางลับและเปิดเผยห้ามค้าขายกับชาตินี้เด็ดขาด

    https://youtube.com/shorts/4eVENkCabgM?si=ES4Eej2AoPOgJ54C
    น่าเสียดายสื่อเราไม่เล่นสิ่งนี้ด้วย,ตลอดแฉพวก66ประเทศนี้ที่เข้าข้างเขมรด้วย,แสดงชัดเจนว่ายืนฝั่งเขมร สนับสนุนบริบทเขมรร่วมก่ออาชญากรรมสงครามด้วย,ตลอดเห็นดีเห็นงามที่เขมรเป็นฮับแหล่งฟอกเงินแหล่งค้ามนุษย์และสาระพัดฮับอาชญากรและอาชญากรรมโลก แสดงว่าประเทศทั้ง66ประเทศนี้ผู้นำผู้ปกครองโง่ อมนุษย์เป็นประเทศที่ไร้มนุษยธรรมด้วย,ถ้านายกฯที่รักชาติจะสั่งแบนทางลับและเปิดเผยห้ามค้าขายกับชาตินี้เด็ดขาด https://youtube.com/shorts/4eVENkCabgM?si=ES4Eej2AoPOgJ54C
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ!

    การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก

    สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

    ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น

    กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก

    น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว

    การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท

    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่

    #Newskit
    สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ! การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 1312 Views 0 Reviews
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 Comments 0 Shares 1070 Views 0 Reviews
  • ‘ทรัมพ์’ โพสต์ จดหมายถึงไทย ยืนยันเก็บภาษี 36% มีผล 1 สิงหาคมนี้

    7 กรกฎาคม 2025

    ฯพณฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
    รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย กรุงเทพฯ

    เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

    เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าได้ส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นในความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างประเทศของเรา และข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐอเมริกาได้ตกลงที่จะเดินหน้าทำงานร่วมกับประเทศไทยต่อไป แม้จะประสบปัญหาขาดดุลการค้ากับประเทศของท่านเป็นอย่างมากก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม เราได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อกับท่าน แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบการค้าที่ สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้น เราจึงขอเชิญประเทศไทยเข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอันน่าอัศจรรย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย และได้ข้อสรุปว่าเราจำเป็นต้องลดเลิกการขาดดุลการค้าเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากนโยบายกำแพงภาษีและมิใช่ภาษี ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ของไทย ความสัมพันธ์ของเราในอดีตนั้น น่าเสียดายที่ ไม่เป็นไปอย่างต่างตอบแทน

    ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป สหรัฐอเมริกาจะเรียกเก็บ ภาษีนำเข้าในอัตรา 36% สำหรับ สินค้าทุกชนิดจากประเทศไทย ที่ส่งเข้ามายังสหรัฐ แยกจากภาษีตามหมวดหมู่สินค้าโดยสิ้นเชิง สินค้าที่ผ่านการถ่ายโอนจากประเทศที่สามเพื่อเลี่ยงภาษีจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าตามที่ควร

    โปรดเข้าใจว่า อัตรา 36% นี้ยัง ต่ำกว่าระดับที่จำเป็น เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าที่เรามีกับประเทศของท่าน

    อย่างที่ท่านทราบ หากประเทศไทย หรือบริษัทใดในประเทศของท่าน เลือกที่จะมาตั้งฐานการผลิตหรือประกอบสินค้าในสหรัฐ จะ ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ และเรายังจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการอนุมัติด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์

    หากประเทศไทยเลือกที่จะ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่ว่าในอัตราใด เราจะเพิ่มอัตรานั้นเข้าไปใน 36% ที่เรากำหนดไว้แล้ว โปรดเข้าใจว่า การจัดเก็บภาษีนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้ไขผลกระทบจากนโยบายภาษีและมิใช่ภาษีของไทยที่มีมานานหลายปี และนำไปสู่การขาดดุลการค้าในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้ต่อเศรษฐกิจ และแม้แต่ต่อ ความมั่นคงแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา

    เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับท่านในฐานะพันธมิตรทางการค้าต่อไปอีกหลายปี หากประเทศไทยประสงค์จะเปิดตลาดการค้าที่เคยปิดไว้ต่อสหรัฐฯ และยกเลิกนโยบายกำแพงภาษี รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ เรา อาจ พิจารณาปรับเงื่อนไขในจดหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ อัตราภาษีดังกล่าว สามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา

    สหรัฐอเมริกาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง

    ขอบคุณสำหรับความใส่ใจในเรื่องนี้

    ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่ง

    ขอแสดงความนับถือ

    โดนัลด์ เจ. ทรัมป์
    ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
    ‘ทรัมพ์’ โพสต์ จดหมายถึงไทย ยืนยันเก็บภาษี 36% มีผล 1 สิงหาคมนี้ 7 กรกฎาคม 2025 ฯพณฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย กรุงเทพฯ เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าได้ส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นในความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างประเทศของเรา และข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐอเมริกาได้ตกลงที่จะเดินหน้าทำงานร่วมกับประเทศไทยต่อไป แม้จะประสบปัญหาขาดดุลการค้ากับประเทศของท่านเป็นอย่างมากก็ตาม อย่างไรก็ตาม เราได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อกับท่าน แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบการค้าที่ สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้น เราจึงขอเชิญประเทศไทยเข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอันน่าอัศจรรย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย และได้ข้อสรุปว่าเราจำเป็นต้องลดเลิกการขาดดุลการค้าเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากนโยบายกำแพงภาษีและมิใช่ภาษี ตลอดจนมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ของไทย ความสัมพันธ์ของเราในอดีตนั้น น่าเสียดายที่ ไม่เป็นไปอย่างต่างตอบแทน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป สหรัฐอเมริกาจะเรียกเก็บ ภาษีนำเข้าในอัตรา 36% สำหรับ สินค้าทุกชนิดจากประเทศไทย ที่ส่งเข้ามายังสหรัฐ แยกจากภาษีตามหมวดหมู่สินค้าโดยสิ้นเชิง สินค้าที่ผ่านการถ่ายโอนจากประเทศที่สามเพื่อเลี่ยงภาษีจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าตามที่ควร โปรดเข้าใจว่า อัตรา 36% นี้ยัง ต่ำกว่าระดับที่จำเป็น เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าที่เรามีกับประเทศของท่าน อย่างที่ท่านทราบ หากประเทศไทย หรือบริษัทใดในประเทศของท่าน เลือกที่จะมาตั้งฐานการผลิตหรือประกอบสินค้าในสหรัฐ จะ ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ และเรายังจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการอนุมัติด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ หากประเทศไทยเลือกที่จะ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่ว่าในอัตราใด เราจะเพิ่มอัตรานั้นเข้าไปใน 36% ที่เรากำหนดไว้แล้ว โปรดเข้าใจว่า การจัดเก็บภาษีนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้ไขผลกระทบจากนโยบายภาษีและมิใช่ภาษีของไทยที่มีมานานหลายปี และนำไปสู่การขาดดุลการค้าในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้ต่อเศรษฐกิจ และแม้แต่ต่อ ความมั่นคงแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับท่านในฐานะพันธมิตรทางการค้าต่อไปอีกหลายปี หากประเทศไทยประสงค์จะเปิดตลาดการค้าที่เคยปิดไว้ต่อสหรัฐฯ และยกเลิกนโยบายกำแพงภาษี รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ เรา อาจ พิจารณาปรับเงื่อนไขในจดหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ อัตราภาษีดังกล่าว สามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา สหรัฐอเมริกาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ขอบคุณสำหรับความใส่ใจในเรื่องนี้ ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่ง ขอแสดงความนับถือ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
    0 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews
  • เมื่อคืนที่ผ่านมายูเครนโจมตีไปที่ตลาดกลางเมืองโดเนตสค์ (Donetsk) ด้วยขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์ (Storm shadow) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย

    ขีปนาวุธ 4 ลูกถูกยิงตกโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ น่าเสียดายที่อีก 2 ลูก ตกใส่ตลาดโดยตรงจนเกิดไฟไหม้รุนแรง
    เมื่อคืนที่ผ่านมายูเครนโจมตีไปที่ตลาดกลางเมืองโดเนตสค์ (Donetsk) ด้วยขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์ (Storm shadow) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย ขีปนาวุธ 4 ลูกถูกยิงตกโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ น่าเสียดายที่อีก 2 ลูก ตกใส่ตลาดโดยตรงจนเกิดไฟไหม้รุนแรง
    0 Comments 0 Shares 238 Views 20 0 Reviews
  • ผู้แทนรัสเซียกล่าวในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ต่อโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ฟอร์โดว์ และอิสฟาฮานของอิหร่าน:

    ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน:
    อิสราเอลยังไม่เป็นสมาชิก NPT (สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์) ดังนั้น IAEA จึงไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบอิสราเอลอย่างเต็มรูปแบบ

    แต่อิหร่านเป็นประเทศเดียวที่ยอมรับการตรวจสอบมากที่สุด แต่แทนที่จะขอบคุณประเทศนี้ เรากลับทิ้งระเบิดใส่พวกเขา และพลเรือนของอิหร่านก็ตกเป็นเป้าหมาย

    น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการของ IAEA ไม่เคยเรียกร้องให้อิสราเอลเข้าร่วม NPT สถานการณ์นี้จึงเป็นการฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบ
    ผู้แทนรัสเซียกล่าวในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ต่อโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ฟอร์โดว์ และอิสฟาฮานของอิหร่าน: ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน: 👉อิสราเอลยังไม่เป็นสมาชิก NPT (สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์) ดังนั้น IAEA จึงไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบอิสราเอลอย่างเต็มรูปแบบ 👉แต่อิหร่านเป็นประเทศเดียวที่ยอมรับการตรวจสอบมากที่สุด แต่แทนที่จะขอบคุณประเทศนี้ เรากลับทิ้งระเบิดใส่พวกเขา และพลเรือนของอิหร่านก็ตกเป็นเป้าหมาย 👉น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการของ IAEA ไม่เคยเรียกร้องให้อิสราเอลเข้าร่วม NPT สถานการณ์นี้จึงเป็นการฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 516 Views 0 Reviews
  • องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญา NPT อย่างโจ่งแจ้ง” และกล่าวว่า “การกระทำดังกล่าวจะไม่สามารถหยุดการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติของอิหร่านลงได้”

    .

    แถลงการณ์ฉบับเต็มขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI - The Atomic Energy Organization of Iran):

    'หลังจากการโจมตีอย่างโหดร้ายโดยศัตรูไซออนิสต์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ของประเทศที่ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และอิสฟาฮาน ถูกโจมตีเมื่อเช้านี้โดยศัตรูของอิหร่าน ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)

    การกระทำนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนั้นอย่าง
    ชัดเจน และช่างน่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นท่ามกลางความเฉยเมย และยังเป็นการสมรู้ร่วมคิดของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)

    ศัตรูของเราออกมาอ้างความรับผิดชอบสำหรับการโจมตีฐานปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่องของ IAEA ตามข้อตกลงการป้องกันและสนธิสัญญา NPT

    เราหวังว่าจะได้เห็นการประณามจากนานาประเทศ และสนับสนุนอิหร่านในการบรรลุสิทธิอันชอบธรรมของตน

    องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านขอรับรองต่อชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ว่า แม้จะมีแผนการชั่วร้ายของศัตรู แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิวัติวงการและกระตือรือร้นนับพันคน องค์การจะไม่ยอมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง
    องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญา NPT อย่างโจ่งแจ้ง” และกล่าวว่า “การกระทำดังกล่าวจะไม่สามารถหยุดการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติของอิหร่านลงได้” . แถลงการณ์ฉบับเต็มขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI - The Atomic Energy Organization of Iran): 'หลังจากการโจมตีอย่างโหดร้ายโดยศัตรูไซออนิสต์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ของประเทศที่ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และอิสฟาฮาน ถูกโจมตีเมื่อเช้านี้โดยศัตรูของอิหร่าน ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) การกระทำนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนั้นอย่าง ชัดเจน และช่างน่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นท่ามกลางความเฉยเมย และยังเป็นการสมรู้ร่วมคิดของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ศัตรูของเราออกมาอ้างความรับผิดชอบสำหรับการโจมตีฐานปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่องของ IAEA ตามข้อตกลงการป้องกันและสนธิสัญญา NPT เราหวังว่าจะได้เห็นการประณามจากนานาประเทศ และสนับสนุนอิหร่านในการบรรลุสิทธิอันชอบธรรมของตน องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านขอรับรองต่อชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ว่า แม้จะมีแผนการชั่วร้ายของศัตรู แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิวัติวงการและกระตือรือร้นนับพันคน องค์การจะไม่ยอมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 609 Views 0 Reviews
  • ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ.
    ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม.
    ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า.
    ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ.


    ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ. ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม. ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า. ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ. ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    0 Comments 0 Shares 739 Views 0 Reviews
  • อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลที่ทำให้การเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ล้มเหลว

    อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวกับนักการทูตในกรุงเตหะรานว่า อิหร่านมี "ความตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ และทำให้เห็นมาตลอดที่จะไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์" นอกจากนี้อิหร่านยังพร้อมที่จะให้คำมั่นในการเจรจากับสหรัฐฯในเรื่องเหล่านี้

    น่าเสียดายที่การเจรจาถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอิสราเอลเป็นผู้บ่อนทำลายการทูตนั้น

    อาราฆชียังเรียกร้องให้วอชิงตันประณามการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ซึ่งพวกเราจะไม่มีวันได้เห็นการประณามนั้นอย่างแน่นอน)

    อาราฆชียังกล่าวอีกว่า อิหร่านไม่ยอมรับถึงคำปฏิเสธของสหรัฐว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่สำคัญของอิหร่าน

    ที่มา: Al Jazeera

    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    อิหร่าน เป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons หรือเรียกทั่วไปว่า Non-Proliferation Treaty หรือ NPT) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกระจายของอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอาวุธ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ

    แต่อิสราเอลไม่ยอมเข้าร่วมในสนธิสัญญา NPT นี้!!! และไม่ยอมรับมาตรการป้องกันของ IAEA สำหรับกิจกรรมนิวเคลียร์หลักบางประการของประเทศ นอกจากนี้อิสราเอลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลนิวเคลียร์ของอิสราเอลโดยที่ไม่มีประเทศใดคว่ำบาตรหรือกดดันอิสราเอลแม้แต่นิดเดียว!
    อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลที่ทำให้การเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ล้มเหลว อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวกับนักการทูตในกรุงเตหะรานว่า อิหร่านมี "ความตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ และทำให้เห็นมาตลอดที่จะไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์" นอกจากนี้อิหร่านยังพร้อมที่จะให้คำมั่นในการเจรจากับสหรัฐฯในเรื่องเหล่านี้ น่าเสียดายที่การเจรจาถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอิสราเอลเป็นผู้บ่อนทำลายการทูตนั้น อาราฆชียังเรียกร้องให้วอชิงตันประณามการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ซึ่งพวกเราจะไม่มีวันได้เห็นการประณามนั้นอย่างแน่นอน) อาราฆชียังกล่าวอีกว่า อิหร่านไม่ยอมรับถึงคำปฏิเสธของสหรัฐว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่สำคัญของอิหร่าน ที่มา: Al Jazeera ข้อมูลเพิ่มเติม: 👉อิหร่าน เป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons หรือเรียกทั่วไปว่า Non-Proliferation Treaty หรือ NPT) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกระจายของอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอาวุธ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ 👉แต่อิสราเอลไม่ยอมเข้าร่วมในสนธิสัญญา NPT นี้!!! และไม่ยอมรับมาตรการป้องกันของ IAEA สำหรับกิจกรรมนิวเคลียร์หลักบางประการของประเทศ นอกจากนี้อิสราเอลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลนิวเคลียร์ของอิสราเอลโดยที่ไม่มีประเทศใดคว่ำบาตรหรือกดดันอิสราเอลแม้แต่นิดเดียว!
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี้วิจารณ์ทรัมป์เมื่อคืนนี้ หลังทรัมป์โพสต์การสนทนากับปูติน ซึ่งนอกจากจะไม่มีคำพูดใดที่ห้ามปูตินโจมตีตอบโต้แล้ว ดูเหมือนจะให้ไฟเขียวในการโจมตียูเครนด้วยซ้ำ!

    “หลายคนคุยกับรัสเซีย แต่การสนทนาไม่ได้นำไปสู่สันติภาพที่นำไปสู่การยุติสงคราม น่าเสียดายที่พวกเขาทำให้ปูตินรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องรับโทษจากการกระทำที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ยังเตรียมการตอบโต้อยู่” เซเลนสกี้บ่น

    เซเลนสกียังกล่าวต่ออีกว่า ทรัมป์ผู้ฝ่ายยืนยันเองว่าปูตินบอกเขาอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับการเตรียมตอบโต้หลังการโจมตีฐานทัพอากาศในเร็วๆ นี้ โดยไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อต้านใดๆต่อคำพูดของปูติน ซ้ำยังบอกอีกว่าหากทรัมป์ไม่ช่วยหยุดปูตินในการโจมตียูเครน เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบนี้

    “หากผู้แข็งแกร่งไม่หยุดปูติน พวกเขาควรต้องแบ่งความรับผิดชอบกัน และถ้าหากเขา(ทรัมป์)ไม่สามารถหยุดปูตินได้ ปูตินคงจะไม่ถือว่าพวกเขาแข็งแกร่งอีกต่อไป” เซเลนสกี้กล่าว
    เซเลนสกี้วิจารณ์ทรัมป์เมื่อคืนนี้ หลังทรัมป์โพสต์การสนทนากับปูติน ซึ่งนอกจากจะไม่มีคำพูดใดที่ห้ามปูตินโจมตีตอบโต้แล้ว ดูเหมือนจะให้ไฟเขียวในการโจมตียูเครนด้วยซ้ำ! “หลายคนคุยกับรัสเซีย แต่การสนทนาไม่ได้นำไปสู่สันติภาพที่นำไปสู่การยุติสงคราม น่าเสียดายที่พวกเขาทำให้ปูตินรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องรับโทษจากการกระทำที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ยังเตรียมการตอบโต้อยู่” เซเลนสกี้บ่น เซเลนสกียังกล่าวต่ออีกว่า ทรัมป์ผู้ฝ่ายยืนยันเองว่าปูตินบอกเขาอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับการเตรียมตอบโต้หลังการโจมตีฐานทัพอากาศในเร็วๆ นี้ โดยไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อต้านใดๆต่อคำพูดของปูติน ซ้ำยังบอกอีกว่าหากทรัมป์ไม่ช่วยหยุดปูตินในการโจมตียูเครน เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบนี้ “หากผู้แข็งแกร่งไม่หยุดปูติน พวกเขาควรต้องแบ่งความรับผิดชอบกัน และถ้าหากเขา(ทรัมป์)ไม่สามารถหยุดปูตินได้ ปูตินคงจะไม่ถือว่าพวกเขาแข็งแกร่งอีกต่อไป” เซเลนสกี้กล่าว
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ความพยายาม...เป็นคุณสมบัติเดียวที่ติดตัวเราไปได้ตลอดชีวิต

    ขั้นตอนที่ยากที่สุด
    ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ
    ไม่ใช่การฝ่าฟันมันจนจบ
    แต่คือ...
    การตัดสินใจ “ลงมือทำ”

    ชีวิตที่ดีที่สุด
    ไม่ใช่ชีวิตที่วางแผนได้เป๊ะ
    แต่คือชีวิตที่ “จัดการกับวันนี้ได้อยู่หมัด”
    ก่อนจะเอาแต่พะวงถึงวันพรุ่งนี้

    การวางแผนอนาคต
    เรียกว่า ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
    แต่ถ้าเอาแต่กังวลล่วงหน้า
    นั่นคือการใช้ชีวิตแบบ "จมอยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น"

    หลายคนเสียดายโอกาสที่ผ่านไป
    แต่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือ
    “ทำลายโอกาสที่ยังอยู่ในมือ”
    และน่าเสียดายที่สุด...
    คือไม่เคยคิดจะสร้างโอกาสใดๆ ขึ้นมาเลย

    ผมมีคติประจำใจข้อหนึ่ง
    ที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า...

    “จะได้หรือไม่ได้...ก็จะพยายาม!”

    เพราะสุดท้ายแล้ว
    ความพยายาม
    คือคุณสมบัติเดียว
    ที่ไม่มีวันหมดอายุ
    และจะติดตัวเราไปตลอดทางของชีวิต
    ความพยายาม...เป็นคุณสมบัติเดียวที่ติดตัวเราไปได้ตลอดชีวิต ขั้นตอนที่ยากที่สุด ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ ไม่ใช่การฝ่าฟันมันจนจบ แต่คือ... การตัดสินใจ “ลงมือทำ” ชีวิตที่ดีที่สุด ไม่ใช่ชีวิตที่วางแผนได้เป๊ะ แต่คือชีวิตที่ “จัดการกับวันนี้ได้อยู่หมัด” ก่อนจะเอาแต่พะวงถึงวันพรุ่งนี้ การวางแผนอนาคต เรียกว่า ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย แต่ถ้าเอาแต่กังวลล่วงหน้า นั่นคือการใช้ชีวิตแบบ "จมอยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น" หลายคนเสียดายโอกาสที่ผ่านไป แต่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือ “ทำลายโอกาสที่ยังอยู่ในมือ” และน่าเสียดายที่สุด... คือไม่เคยคิดจะสร้างโอกาสใดๆ ขึ้นมาเลย ผมมีคติประจำใจข้อหนึ่ง ที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า... “จะได้หรือไม่ได้...ก็จะพยายาม!” เพราะสุดท้ายแล้ว ความพยายาม คือคุณสมบัติเดียว ที่ไม่มีวันหมดอายุ และจะติดตัวเราไปตลอดทางของชีวิต
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • พยายาม...คือคุณสมบัติเดียวที่ไม่มีวันหมดอายุ

    ขั้นตอนที่ยากที่สุด
    ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ
    ไม่ใช่การทำจนจบ
    แต่คือ...
    การตัดสินใจ “เริ่มลงมือ”

    เราอยากวางแผนอนาคตให้ดีที่สุด
    แต่กลับลืมว่า
    “ชีวิตที่ดี...ต้องเริ่มจากการ ‘จัดการกับวันนี้’ ให้ดีที่สุดก่อน”

    แค่กังวลอนาคต
    นั่นไม่ใช่การมีเป้าหมาย
    แต่มันคือการจมอยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิด
    และทำลายโอกาสของ “ปัจจุบัน” อย่างเงียบ ๆ

    หลายคนเสียดายสิ่งที่พลาดไป
    แต่น่าเสียดายยิ่งกว่า
    คือการ “ทำลายโอกาสที่อยู่ตรงหน้า” ด้วยมือของตัวเอง
    และที่สุดของความน่าเสียดายคือ
    ไม่เคยแม้แต่จะ ‘พยายามสร้างโอกาส’ ขึ้นมาเลย

    ผมมีคติประจำใจข้อหนึ่ง
    ที่ไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร

    “ได้หรือไม่ได้...ก็จะพยายาม”

    เพราะ “ความพยายาม”
    คือคุณสมบัติเดียว
    ที่เราพกติดตัวไปได้ตลอดชีวิต
    แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ข้างเราเลย
    พยายาม...คือคุณสมบัติเดียวที่ไม่มีวันหมดอายุ ขั้นตอนที่ยากที่สุด ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ ไม่ใช่การทำจนจบ แต่คือ... การตัดสินใจ “เริ่มลงมือ” เราอยากวางแผนอนาคตให้ดีที่สุด แต่กลับลืมว่า “ชีวิตที่ดี...ต้องเริ่มจากการ ‘จัดการกับวันนี้’ ให้ดีที่สุดก่อน” แค่กังวลอนาคต นั่นไม่ใช่การมีเป้าหมาย แต่มันคือการจมอยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิด และทำลายโอกาสของ “ปัจจุบัน” อย่างเงียบ ๆ หลายคนเสียดายสิ่งที่พลาดไป แต่น่าเสียดายยิ่งกว่า คือการ “ทำลายโอกาสที่อยู่ตรงหน้า” ด้วยมือของตัวเอง และที่สุดของความน่าเสียดายคือ ไม่เคยแม้แต่จะ ‘พยายามสร้างโอกาส’ ขึ้นมาเลย ผมมีคติประจำใจข้อหนึ่ง ที่ไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร “ได้หรือไม่ได้...ก็จะพยายาม” เพราะ “ความพยายาม” คือคุณสมบัติเดียว ที่เราพกติดตัวไปได้ตลอดชีวิต แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ข้างเราเลย
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย

    แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว

    แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป

    น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก

    สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท

    #Newskit
    No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 850 Views 0 Reviews
  • ตามคาด!

    เซลนสกีกล่าวหาปูตินไม่ให้ความร่วมมือในการเจรจา โดยกล่าวว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากปูตินแต่อย่างใด

    ในความเป็นจริง ประธานาธิบดีปูติน ได้ประกาศออกมาแล้วว่าต้องการให้ยูเครนกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้งที่ตุรกีในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยคาดว่า "ยูริ อูชาคอฟ" ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียด้านนโยบายต่างประเทศ จะเป็นผู้นำในการเจรจาเช่นเดิม ซึ่งบ่งบอกว่ารัสเซียพร้อมเข้าสู่การเจรจาตลอดเวลา และการเจรจาเพิ่งอยู่ในขั้นตอนแรก ซึ่งปูตินไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง

    เซเลนสกีรู้ดีว่าปูตินจะไม่ได้เข้าร่วม และต้องการให้โลกมองเห็นว่าปูตินไม่อยากให้สันติภาพเกิดขึ้น และผู้ที่ขัดขวางการเจรจาคือปูติน ซึ่งเป็นแผนการของเซเลนสกี

    นี่คือข้อความของเซลเนสกี:
    "ยูเครนสนับสนุนการทูตมาโดยตลอด ผมพร้อมที่จะมาตุรกีแล้ว แต่น่าเสียดายที่โลกยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรัสเซียต่อข้อเสนอมากมายสำหรับการหยุดยิง

    การโจมตีของรัสเซียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง มอสโกยังคงนิ่งเฉยตลอดทั้งวันเกี่ยวกับข้อเสนอสำหรับการประชุมโดยตรง มีแต่ความเงียบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม รัสเซียจะต้องยุติสงครามนี้ และยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะสังหารกันต่อไป

    ประธานาธิบดีเออร์โดกันแสดงความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุม เป็นเรื่องสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องสนับสนุนการประชุมนี้อย่างเต็มที่ และเราต้องการให้เขาหาโอกาสมาตุรกี"
    ตามคาด! เซลนสกีกล่าวหาปูตินไม่ให้ความร่วมมือในการเจรจา โดยกล่าวว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากปูตินแต่อย่างใด ในความเป็นจริง ประธานาธิบดีปูติน ได้ประกาศออกมาแล้วว่าต้องการให้ยูเครนกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้งที่ตุรกีในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยคาดว่า "ยูริ อูชาคอฟ" ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียด้านนโยบายต่างประเทศ จะเป็นผู้นำในการเจรจาเช่นเดิม ซึ่งบ่งบอกว่ารัสเซียพร้อมเข้าสู่การเจรจาตลอดเวลา และการเจรจาเพิ่งอยู่ในขั้นตอนแรก ซึ่งปูตินไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง เซเลนสกีรู้ดีว่าปูตินจะไม่ได้เข้าร่วม และต้องการให้โลกมองเห็นว่าปูตินไม่อยากให้สันติภาพเกิดขึ้น และผู้ที่ขัดขวางการเจรจาคือปูติน ซึ่งเป็นแผนการของเซเลนสกี นี่คือข้อความของเซลเนสกี: "ยูเครนสนับสนุนการทูตมาโดยตลอด ผมพร้อมที่จะมาตุรกีแล้ว แต่น่าเสียดายที่โลกยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรัสเซียต่อข้อเสนอมากมายสำหรับการหยุดยิง การโจมตีของรัสเซียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง มอสโกยังคงนิ่งเฉยตลอดทั้งวันเกี่ยวกับข้อเสนอสำหรับการประชุมโดยตรง มีแต่ความเงียบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม รัสเซียจะต้องยุติสงครามนี้ และยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะสังหารกันต่อไป ประธานาธิบดีเออร์โดกันแสดงความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุม เป็นเรื่องสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องสนับสนุนการประชุมนี้อย่างเต็มที่ และเราต้องการให้เขาหาโอกาสมาตุรกี"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • ..จริงช่วงเวลานี้ นายกฯพระราชทานต้องเบอร์1 &ยืนพื้นก่อกำเนิดจริงๆจึงจะพลิกชาติกอบกู้อธิปไตยของแผ่นดินไทยจริงๆได้,เป็นต้นว่ายึดคืนสมบัติทรัพยากรธรรมชาติมีค่าจากที่เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติผูกขาดทั้งหมดไปเอากลับคืนมาทั้งหมดได้,เพื่อแผ่นดินไทยจะมีสิทธิ์100%จริงในวัตถุดิบของตนเพื่อการสร้างชาติไทยของแท้และของจริงในอนาคตมิใช่แบบในปัจจุบัน.,บ่อน้ำมันไม่เป็นของตนเลยถูกบังคับไปให้สัมปทานบ่อน้ำมันอีก,บ่อทองคำก็ไม่ขุดเข้าคลังกลางตนเองให้เข้มแข็งถูกปล้นชิงยกให้เขาไปอีก แค่สองอย่างนี้ เด็กๆเยาวชนไทยเล่าเรียนฟรีๆไม่ต้องกู้ตัง กยศ.เรียนเป็นหนี้ก็ได้ คนเป็นหนีัเรียน อนาคตล่ารายชื่อตั้งพรรคขึ้นไปเป็นนายกฯเองบริหารเองยึดประเทศคืนก็น่าจะได้ น่าจะไม่ต่ำกว่า10-20ล้านคน รวมพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาด้วย สบายต่อการตั้งพรรค การเลือกกานายกฯกาตรงเลือกตรงได้สบาย."พรรคปลดหนี้" นโยบาย ล้างหนี้คนไทยทุกๆคนโดยเฉพาะหนี้เล่าเรียนลูกหลานคนไทย เรียนฟรีตามใจต้องการ ยุบ กยศ.ก็ว่า.พวกโกงกินขายชาติถ้าเอาจริงๆนะตังที่สูญเสียไปกับคนพวกนี้เยอะมาก,บ่อน้ำมัน บ่อทองคำ ขายเองตังเข้าแผ่นดินไทยมหาศาลแน่นอนในนามรัฐบาลพรรคปลดหนี้.

    ..นักการเมืองจะมาทางสายใครก็ไม่สมควรในช่วงวิกฤติสงครามพันทางทั่วโลกนี้ อาทิฝรั่งจะรบกับเอเชียก็ว่า ทัังทางตังคือเศรษฐกิจ และทางตังเพื่อฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนโดยอเมริกาสั่งล้างเจ้าหนีัจีนเองก็ว่า จนสาระพัดสงครามจะสงครามเข็มเชื้อโรค สงครามระเบิดบูมกันจริงๆแบบตัวแทนสู่w3.

    ..คือถ้ายุติบทบาทนักเลือกตั้งไม่ได้คือหยุดมิให้ภาคนักการเมืองสรัางความวุ่นวายโกลาหลไม่สิ้นสุดหรือหยุดละครลิงทั้งสภาไม่ทัน ไม่จริงจังพังงานพวกแหกตาปาหี่ให้ชาติเสียอธิปไตยไปเรื่อยๆไม่ได้ เช่น เสียอธิปไตยที่ดินให้ต่างชาติซื้อได้ไร่ละ40ล้านบาท ใช้สิทธิ์boiครองได้35ไร่ต่อคน ,เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยได้99ปี หรือสิทธิ์อธิปไตยเหนือการปกครองผ่านการลงทุน&ย้ายฐานมาลงทุนในไทย เป็นต้น เหล่านี้ล้วนฝีมือภาคนักการเมืองอ้างใช้ผ่านสภาก่อการให้ชอบทั้งสิ้น,หากทั้งแผ่นดินไทยเราไม่เห็นภัยร้ายนี้ให้ชัดเจนจะล่มสลายสิ้นชาติไทยแน่นอนหรือกลืนกินสิ้นก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมาก ด้วยเวลาในปัจจุบันเรายุติสิ่งชั่วเลวนี้ได้ ตัดตอนมันได้,คืนอิสระภาพอธิปไตยสู่ทุกๆคนไทยและแผ่นดินไทยได้จริง มิใช่พึงพิงไม่กี่โคตรเหง้าไม่กี่เชื้อวงศ์ตระกูล,ถึงเวลาที่คนไทยได้รับการกระจายความมั่งคั่งและความร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุทางโลกและร่ำรวยเจริญจิจเจริญใจหรือยกจิตยกใจคู่ขนานความมั่งคั่งร่ำรวยทางกายได้แล้ว,มิให้จมปรักในความยากจนกายทุกข์ใจดักดานมั่นคงในปัจจุบันหรือตั้งใจปกครองด้วยวิถีคณะกบฎ2475นี้มั่นคงดักดานนั้นเอง.,

    ..วิถีปกครองต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ที่มิใช่แบบฝรั่งตัดให้เราใส่หรือซาตานแรปทีเลี่ยนออกแบบให้ใส่,ยุคเราอารยะใจอารยะทางสติปัญญาสมควรแก่จังหวะเวลาแล้ว,สู่เรเวลที่สูงกว่าเดิม.

    ...https://youtube.com/watch?v=0BrIO_fWjiI&si=NUqsDjAoSlrOLCIK


    ..จริงช่วงเวลานี้ นายกฯพระราชทานต้องเบอร์1 &ยืนพื้นก่อกำเนิดจริงๆจึงจะพลิกชาติกอบกู้อธิปไตยของแผ่นดินไทยจริงๆได้,เป็นต้นว่ายึดคืนสมบัติทรัพยากรธรรมชาติมีค่าจากที่เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติผูกขาดทั้งหมดไปเอากลับคืนมาทั้งหมดได้,เพื่อแผ่นดินไทยจะมีสิทธิ์100%จริงในวัตถุดิบของตนเพื่อการสร้างชาติไทยของแท้และของจริงในอนาคตมิใช่แบบในปัจจุบัน.,บ่อน้ำมันไม่เป็นของตนเลยถูกบังคับไปให้สัมปทานบ่อน้ำมันอีก,บ่อทองคำก็ไม่ขุดเข้าคลังกลางตนเองให้เข้มแข็งถูกปล้นชิงยกให้เขาไปอีก แค่สองอย่างนี้ เด็กๆเยาวชนไทยเล่าเรียนฟรีๆไม่ต้องกู้ตัง กยศ.เรียนเป็นหนี้ก็ได้ คนเป็นหนีัเรียน อนาคตล่ารายชื่อตั้งพรรคขึ้นไปเป็นนายกฯเองบริหารเองยึดประเทศคืนก็น่าจะได้ น่าจะไม่ต่ำกว่า10-20ล้านคน รวมพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาด้วย สบายต่อการตั้งพรรค การเลือกกานายกฯกาตรงเลือกตรงได้สบาย."พรรคปลดหนี้" นโยบาย ล้างหนี้คนไทยทุกๆคนโดยเฉพาะหนี้เล่าเรียนลูกหลานคนไทย เรียนฟรีตามใจต้องการ ยุบ กยศ.ก็ว่า.พวกโกงกินขายชาติถ้าเอาจริงๆนะตังที่สูญเสียไปกับคนพวกนี้เยอะมาก,บ่อน้ำมัน บ่อทองคำ ขายเองตังเข้าแผ่นดินไทยมหาศาลแน่นอนในนามรัฐบาลพรรคปลดหนี้. ..นักการเมืองจะมาทางสายใครก็ไม่สมควรในช่วงวิกฤติสงครามพันทางทั่วโลกนี้ อาทิฝรั่งจะรบกับเอเชียก็ว่า ทัังทางตังคือเศรษฐกิจ และทางตังเพื่อฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนโดยอเมริกาสั่งล้างเจ้าหนีัจีนเองก็ว่า จนสาระพัดสงครามจะสงครามเข็มเชื้อโรค สงครามระเบิดบูมกันจริงๆแบบตัวแทนสู่w3. ..คือถ้ายุติบทบาทนักเลือกตั้งไม่ได้คือหยุดมิให้ภาคนักการเมืองสรัางความวุ่นวายโกลาหลไม่สิ้นสุดหรือหยุดละครลิงทั้งสภาไม่ทัน ไม่จริงจังพังงานพวกแหกตาปาหี่ให้ชาติเสียอธิปไตยไปเรื่อยๆไม่ได้ เช่น เสียอธิปไตยที่ดินให้ต่างชาติซื้อได้ไร่ละ40ล้านบาท ใช้สิทธิ์boiครองได้35ไร่ต่อคน ,เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยได้99ปี หรือสิทธิ์อธิปไตยเหนือการปกครองผ่านการลงทุน&ย้ายฐานมาลงทุนในไทย เป็นต้น เหล่านี้ล้วนฝีมือภาคนักการเมืองอ้างใช้ผ่านสภาก่อการให้ชอบทั้งสิ้น,หากทั้งแผ่นดินไทยเราไม่เห็นภัยร้ายนี้ให้ชัดเจนจะล่มสลายสิ้นชาติไทยแน่นอนหรือกลืนกินสิ้นก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมาก ด้วยเวลาในปัจจุบันเรายุติสิ่งชั่วเลวนี้ได้ ตัดตอนมันได้,คืนอิสระภาพอธิปไตยสู่ทุกๆคนไทยและแผ่นดินไทยได้จริง มิใช่พึงพิงไม่กี่โคตรเหง้าไม่กี่เชื้อวงศ์ตระกูล,ถึงเวลาที่คนไทยได้รับการกระจายความมั่งคั่งและความร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุทางโลกและร่ำรวยเจริญจิจเจริญใจหรือยกจิตยกใจคู่ขนานความมั่งคั่งร่ำรวยทางกายได้แล้ว,มิให้จมปรักในความยากจนกายทุกข์ใจดักดานมั่นคงในปัจจุบันหรือตั้งใจปกครองด้วยวิถีคณะกบฎ2475นี้มั่นคงดักดานนั้นเอง., ..วิถีปกครองต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ที่มิใช่แบบฝรั่งตัดให้เราใส่หรือซาตานแรปทีเลี่ยนออกแบบให้ใส่,ยุคเราอารยะใจอารยะทางสติปัญญาสมควรแก่จังหวะเวลาแล้ว,สู่เรเวลที่สูงกว่าเดิม. ...https://youtube.com/watch?v=0BrIO_fWjiI&si=NUqsDjAoSlrOLCIK
    0 Comments 0 Shares 1080 Views 0 Reviews
  • บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ

    -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน

    นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้

    ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih

    “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X


    การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    0 Comments 0 Shares 709 Views 0 Reviews
More Results