• พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505
    พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ เนื้อใบลานผสมสีผึ้ง วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 2 วาระ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภ ค้าขายดีเยี่ยม มหาอุตม์ มหาอำนาจ โชคลาภเงินทอง วาสนา หนุนดวง **

    ** มวลสารส่วนผสม 1.ผงวิเศษเก่าของหลวงปู่ทาบ 2.สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบ 3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร 4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงปู่ทาบ 5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี 6.ผงดินมงคลของหลวงปู่ทาบ 7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง

    ** พิธีปลุกเสก วาระที่ 1 หลวงปู่ทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม
    วาระที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง- หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี- หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก- หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง- หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่ทาบเป็นสหธรรมิกและศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม ท่านได้สร้างพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ และจะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาปลุกเสกทุกครั้ง พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 พระสมเด็จหลวงพ่อทาบ เนื้อใบลานผสมสีผึ้ง วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 2 วาระ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภ ค้าขายดีเยี่ยม มหาอุตม์ มหาอำนาจ โชคลาภเงินทอง วาสนา หนุนดวง ** ** มวลสารส่วนผสม 1.ผงวิเศษเก่าของหลวงปู่ทาบ 2.สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบ 3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร 4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงปู่ทาบ 5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี 6.ผงดินมงคลของหลวงปู่ทาบ 7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง ** พิธีปลุกเสก วาระที่ 1 หลวงปู่ทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม วาระที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง- หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี- หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก- หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง- หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่ทาบเป็นสหธรรมิกและศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่ทิม ท่านได้สร้างพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ และจะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาปลุกเสกทุกครั้ง พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ลองเชิง ตอนที่ 10

    “ลองเชิง”
    ตอน 10
    เวลาเกิดเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง นานเป็นปีๆ แถมตัวละครเข้าฉาก ก็หลากหลาย อย่างเรื่องซีเรีย นี่ มันก็น่าให้งง ตกลงใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นตัวชั่ว ใครเป็นตัวช่วย ใครเป็นตัวซวย แล้วจะแก้กันอย่างไร หรือจะจบอย่างไร ยิ่งตอนนี้ แบ่งค่ายแบ่งข้างกันค่อนข้างชัด แต่ก็ไม่แน่ว่า จะทำให้รู้เรื่องขึ้น
    มันดูยาก เพราะเขาวางแผนมาให้เป็นอย่างนั้น
    แน่นอน ฉากซีเรีย อเมริกาเกี่ยวข้องด้วยเต็มร้อย แม้จะไม่ได้ลงมือเองทั้งหมด แต่ที่น่าสงสัยคือ กลุ่มสิบเอ็ด มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย แล้วที่น่าสงสัยมากกว่า น่าจะเป็นการจับมือกัน ระหว่างซาอุดิอารเบีย กาตาร์ ตุรกี และอิสราเอล เพื่อถล่มอัสซาดให้พ้นไปจากซีเรียนั่นแหละ จะบอกว่าทั้งหมด เป็นลูกกระเป๋ง ลูกขุนพลอยพยัก หรือลูกหาบของอเมริกา มันก็ใช่ทั้งนั้น แต่มันคงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์เท่านั้น มันคงมีอะไรมากกว่านั้น
    แก๊สธรรมชาติ ได้กลายเป็นสมบัติมีค่า อีกรายการหนึ่งในตะวันออกกลาง ไม่น่าเชื่อว่า สามล้อจะ
    ฟลุ๊กถูกหวย รางวัลใหญ่ ได้มากกว่า 1 ครั้ง แก๊ส ไม่ได้มีความหมายเฉพาะกับ เจ้าของแหล่งเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับอียู ยูเรเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่เป็นผู้ส่งออกแก๊ส และจีนผู้นำเข้าแก๊สอีกด้วย
    แก๊สธรรมชาติ เป็นพลังงานสะอาด ที่กำลังพุ่งแรง แซงพลังงานถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังไฟฟ้า ในยุโรป โดยเฉพาะที่เยอรมัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่น และกำลังเป็นตัวเลือก ที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเตรียมเอามาช่วยพยุงสิ่งแวดล้อมของโลก แปลว่า ยุโรป จะเป็นตลาดนำเข้าแก๊สที่ใหญ่มาก อีกตลาดหนึ่ง อย่างนี้ก็ต้องมีการเบียด การแซงกันหน่อย
    การค้นพบแหล่งแก๊สในอิหร่าน กาตาร์ ซีเรีย และอิสราเอล มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ฉากซีเรีย ถูกเร่งสร้างขึ้นมา
    ในเดือนกรฏาคม ค.ศ.2011 ขณะที่พวกลูกหาบนานาชาติ และกลุ่มเสี่ยปั๊มใหญ่ปั๊มเล็กในตะวันออกกลาง กำลังสวิงกันเต็มที่อยู่ในซีเรีย เพื่อหวดให้อัสซาดหล่นแท่นให้ได้ รัฐบาลของซีเรีย อิหร่านและอิรัค ก็กำลังลงนามในสัญญาสร้างท่อส่งแก๊ส โดยรอดสายตาอันแสนคมของสื่อตะวันตก ที่มัวแต่ทำข่าวการไล่หวดอัสซาด
    ท่อส่งแก๊สรายการนี้ คาดว่าจะต้องใช้ทุนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ท่อส่งนี้ จะเริ่มจากท่าเรือ อาซาลลูเย Assalouyeh ของอิหร่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งแก๊สเซาท์พาส์ South Pars ของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย ท่อส่งจะยาวไปถึงเมืองดามัสกัสของซีเรีย โดยผ่านเข้ามาในเขตแดนของอิรัค นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผน ที่จะขยายเส้นทางท่อส่งนี้ ไปถึงท่าเรือของเลบานอน ที่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย จะได้ส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านของพวกอียู ทั้งซีเรียและอิรัค ตกลงทำสัญญา จะซื้อแก๊สของอิหร่านล่วงหน้าแล้วด้วย
    เซาท์พาส์ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติ ที่เชื่อกันว่า เป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ที่ค้นพบ อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย และมีเจ้าของ 2 ราย แบ่งกันตามเขตแดน รายหนึ่งคือ อิหร่าน อีกรายคือ กาตาร์
    เริ่มเห็นสาเหตุจริง ของความวุ่นวายในซีเรียรางๆ แล้วใช่ไหมครับ
    เส้นทางท่อส่งแก๊สของอิหร่าน จึงถูกมอง และประทับตราว่า มันเป็นท่อส่งของพวกชีอะอิหร่าน ผ่านชีอะอิรัค ไปถึงเพื่อนชีอะ อัล อัสซาดแห่งซีเรีย และบางทีก็เรียกเส้นทางท่อส่งนี้ว่า เส้นทางท่อส่งอิสลาม Islamic Pipeline
    กาตาร์นั้น เหมือนเป็นสาขาต่างประเทศในตะวันออกกลาง ของเพนตากอน Pentagon หน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา มีตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ อยู่ที่กาตาร์ และกาตาร์ยังมีสัมพันธ์ชนิดแน่น แบบแกะแทบไม่ออก กับอีกหลายหน่วยงานของอเมริกา และอังกฤษ รวมทั้งเป็นเจ้าของกิจการโทรทัศน์ อัลจาซีรา ที่กำลังทำรายการ ด่าอัสซาดอย่างรุนแรงทุกวัน อ้อ กาตาร์ยังสนิทกับนาโต้ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย เอาเป็นว่าแนบแน่น กับฝั่งตะวันตกอย่างยิ่งแล้วกัน
    ถ้าเปรียบกาตาร์เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวชามเล็ก แต่ในชาม คงจะมีแต่เส้นใหญ่ล้นชาม
    และกาตาร์ก็มีแผนของตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊สธรรมชาติเหมือนกัน
    กาตาร์บอกว่า ไม่สนใจจะไปมีส่วนร่วม ในท่อส่งแก๊สชีอะนี้เลย ตรงกันข้าม
    กาตาร์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ที่จะให้แผนท่อส่งของอิหร่านซีเรีย ย่อยยับไปกับมือ
    รวย แล้วยังตอแหล ไม่รู้เอานิสัยใครมา
    เมื่อปี ค.ศ.2009 Emir ผู้ครองนคร ของกาตาร์ ลงทุนบินไปเจรจากับอัสซาด ด้วยตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊ส ส่วนของกาตาร์ ที่เรียกว่า นอร์ทโดม North Dome ที่อยู่ติดกับเซาท์พาส์ของอิหร่าน
    กาตาร์เอง ก็เป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งขายทางเอเซียอยู่เหมือนกัน เมื่อมี นอร์ทโดมหล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทางอียู บ้าง แต่เดิม กาตาร์คิดจะสร้างท่อส่ง เส้นทางกาตาร์ ตุรกี ผ่านซาอุดิอารเบียทางใต้ ไปออกเมดิเตอร์เรเนียน ที่ซีเรีย แต่อัสซาดดันปฏิเสธหน้าตาเฉย บอกว่าเขามีไมตรีใกล้ชิดกับรัสเซีย เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก
    Emir แห่งกาตาร์ ควันออกหู พกเอาความแค้นขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ปีกขลิบทอง บินกลับบ้าน
    อัสซาดไม่เป็นนักการทูตเอาเลย แต่อัสซาดก็ไม่ได้โกหก หลังจากซีเรียทำสัญญาสร้างท่อส่งแก๊สกับอิหร่านในเดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซีเรียเอง ก็ค้นพบแหล่งแก๊สธรรมชาติของตัว บ้าง ที่เมืองคารา Qara ใกล้กับเขตแดนด้านเลบานอน และใกล้กับท่าเรือทาร์ทัส Tartus ของรัสเซีย ที่เช่ามาจากซีเรีย อยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซีเรียตกลงว่า ไม่ว่าแก๊สจะมาจากอิหร่าน หรือเป็นของซีเรียเอง เวลาขนส่งไปอียู ก็ต้องมาขนกันที่ท่าเรือของรัสเซียนี้แหละ
    และจริงๆ ซีเรียก็ขี้เกียจจะพูด แก๊สของกาตาร์น่ะ ไม่ได้เศษของที่ซีเรียเพิ่งค้นพบ
    Asia Times ลงข่าวในช่วงนั้นว่า … กาตาร์เอง ก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว อคาบา Aqaba ของจอร์แดน ซึ่งพวกมุสลิม บราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์จอร์แดนอยู่ กาตาร์แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวกมุสลิมบราเธอร์ฮูด ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้านกาตาร์นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่….
    …..มุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่กระจายอยู่เต็ม จอร์แดนและซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดยกาตาร์ อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมือง เกี่ยวกับแก๊สที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ
    กาตาร์นี้ ถ้าสำเร็จ นอกจากจะทำให้ฝั่งของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค เสียเปรียบแล้ว ยังอาจมีผล
    กระทบต่อจีน จนขาลากอีกด้วย…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 10 “ลองเชิง” ตอน 10 เวลาเกิดเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง นานเป็นปีๆ แถมตัวละครเข้าฉาก ก็หลากหลาย อย่างเรื่องซีเรีย นี่ มันก็น่าให้งง ตกลงใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นตัวชั่ว ใครเป็นตัวช่วย ใครเป็นตัวซวย แล้วจะแก้กันอย่างไร หรือจะจบอย่างไร ยิ่งตอนนี้ แบ่งค่ายแบ่งข้างกันค่อนข้างชัด แต่ก็ไม่แน่ว่า จะทำให้รู้เรื่องขึ้น มันดูยาก เพราะเขาวางแผนมาให้เป็นอย่างนั้น แน่นอน ฉากซีเรีย อเมริกาเกี่ยวข้องด้วยเต็มร้อย แม้จะไม่ได้ลงมือเองทั้งหมด แต่ที่น่าสงสัยคือ กลุ่มสิบเอ็ด มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย แล้วที่น่าสงสัยมากกว่า น่าจะเป็นการจับมือกัน ระหว่างซาอุดิอารเบีย กาตาร์ ตุรกี และอิสราเอล เพื่อถล่มอัสซาดให้พ้นไปจากซีเรียนั่นแหละ จะบอกว่าทั้งหมด เป็นลูกกระเป๋ง ลูกขุนพลอยพยัก หรือลูกหาบของอเมริกา มันก็ใช่ทั้งนั้น แต่มันคงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์เท่านั้น มันคงมีอะไรมากกว่านั้น แก๊สธรรมชาติ ได้กลายเป็นสมบัติมีค่า อีกรายการหนึ่งในตะวันออกกลาง ไม่น่าเชื่อว่า สามล้อจะ ฟลุ๊กถูกหวย รางวัลใหญ่ ได้มากกว่า 1 ครั้ง แก๊ส ไม่ได้มีความหมายเฉพาะกับ เจ้าของแหล่งเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับอียู ยูเรเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่เป็นผู้ส่งออกแก๊ส และจีนผู้นำเข้าแก๊สอีกด้วย แก๊สธรรมชาติ เป็นพลังงานสะอาด ที่กำลังพุ่งแรง แซงพลังงานถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังไฟฟ้า ในยุโรป โดยเฉพาะที่เยอรมัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่น และกำลังเป็นตัวเลือก ที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเตรียมเอามาช่วยพยุงสิ่งแวดล้อมของโลก แปลว่า ยุโรป จะเป็นตลาดนำเข้าแก๊สที่ใหญ่มาก อีกตลาดหนึ่ง อย่างนี้ก็ต้องมีการเบียด การแซงกันหน่อย การค้นพบแหล่งแก๊สในอิหร่าน กาตาร์ ซีเรีย และอิสราเอล มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ฉากซีเรีย ถูกเร่งสร้างขึ้นมา ในเดือนกรฏาคม ค.ศ.2011 ขณะที่พวกลูกหาบนานาชาติ และกลุ่มเสี่ยปั๊มใหญ่ปั๊มเล็กในตะวันออกกลาง กำลังสวิงกันเต็มที่อยู่ในซีเรีย เพื่อหวดให้อัสซาดหล่นแท่นให้ได้ รัฐบาลของซีเรีย อิหร่านและอิรัค ก็กำลังลงนามในสัญญาสร้างท่อส่งแก๊ส โดยรอดสายตาอันแสนคมของสื่อตะวันตก ที่มัวแต่ทำข่าวการไล่หวดอัสซาด ท่อส่งแก๊สรายการนี้ คาดว่าจะต้องใช้ทุนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ท่อส่งนี้ จะเริ่มจากท่าเรือ อาซาลลูเย Assalouyeh ของอิหร่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งแก๊สเซาท์พาส์ South Pars ของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย ท่อส่งจะยาวไปถึงเมืองดามัสกัสของซีเรีย โดยผ่านเข้ามาในเขตแดนของอิรัค นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผน ที่จะขยายเส้นทางท่อส่งนี้ ไปถึงท่าเรือของเลบานอน ที่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย จะได้ส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านของพวกอียู ทั้งซีเรียและอิรัค ตกลงทำสัญญา จะซื้อแก๊สของอิหร่านล่วงหน้าแล้วด้วย เซาท์พาส์ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติ ที่เชื่อกันว่า เป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ที่ค้นพบ อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย และมีเจ้าของ 2 ราย แบ่งกันตามเขตแดน รายหนึ่งคือ อิหร่าน อีกรายคือ กาตาร์ เริ่มเห็นสาเหตุจริง ของความวุ่นวายในซีเรียรางๆ แล้วใช่ไหมครับ เส้นทางท่อส่งแก๊สของอิหร่าน จึงถูกมอง และประทับตราว่า มันเป็นท่อส่งของพวกชีอะอิหร่าน ผ่านชีอะอิรัค ไปถึงเพื่อนชีอะ อัล อัสซาดแห่งซีเรีย และบางทีก็เรียกเส้นทางท่อส่งนี้ว่า เส้นทางท่อส่งอิสลาม Islamic Pipeline กาตาร์นั้น เหมือนเป็นสาขาต่างประเทศในตะวันออกกลาง ของเพนตากอน Pentagon หน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา มีตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ อยู่ที่กาตาร์ และกาตาร์ยังมีสัมพันธ์ชนิดแน่น แบบแกะแทบไม่ออก กับอีกหลายหน่วยงานของอเมริกา และอังกฤษ รวมทั้งเป็นเจ้าของกิจการโทรทัศน์ อัลจาซีรา ที่กำลังทำรายการ ด่าอัสซาดอย่างรุนแรงทุกวัน อ้อ กาตาร์ยังสนิทกับนาโต้ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย เอาเป็นว่าแนบแน่น กับฝั่งตะวันตกอย่างยิ่งแล้วกัน ถ้าเปรียบกาตาร์เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวชามเล็ก แต่ในชาม คงจะมีแต่เส้นใหญ่ล้นชาม และกาตาร์ก็มีแผนของตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊สธรรมชาติเหมือนกัน กาตาร์บอกว่า ไม่สนใจจะไปมีส่วนร่วม ในท่อส่งแก๊สชีอะนี้เลย ตรงกันข้าม กาตาร์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ที่จะให้แผนท่อส่งของอิหร่านซีเรีย ย่อยยับไปกับมือ รวย แล้วยังตอแหล ไม่รู้เอานิสัยใครมา เมื่อปี ค.ศ.2009 Emir ผู้ครองนคร ของกาตาร์ ลงทุนบินไปเจรจากับอัสซาด ด้วยตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊ส ส่วนของกาตาร์ ที่เรียกว่า นอร์ทโดม North Dome ที่อยู่ติดกับเซาท์พาส์ของอิหร่าน กาตาร์เอง ก็เป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งขายทางเอเซียอยู่เหมือนกัน เมื่อมี นอร์ทโดมหล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทางอียู บ้าง แต่เดิม กาตาร์คิดจะสร้างท่อส่ง เส้นทางกาตาร์ ตุรกี ผ่านซาอุดิอารเบียทางใต้ ไปออกเมดิเตอร์เรเนียน ที่ซีเรีย แต่อัสซาดดันปฏิเสธหน้าตาเฉย บอกว่าเขามีไมตรีใกล้ชิดกับรัสเซีย เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก Emir แห่งกาตาร์ ควันออกหู พกเอาความแค้นขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ปีกขลิบทอง บินกลับบ้าน อัสซาดไม่เป็นนักการทูตเอาเลย แต่อัสซาดก็ไม่ได้โกหก หลังจากซีเรียทำสัญญาสร้างท่อส่งแก๊สกับอิหร่านในเดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซีเรียเอง ก็ค้นพบแหล่งแก๊สธรรมชาติของตัว บ้าง ที่เมืองคารา Qara ใกล้กับเขตแดนด้านเลบานอน และใกล้กับท่าเรือทาร์ทัส Tartus ของรัสเซีย ที่เช่ามาจากซีเรีย อยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซีเรียตกลงว่า ไม่ว่าแก๊สจะมาจากอิหร่าน หรือเป็นของซีเรียเอง เวลาขนส่งไปอียู ก็ต้องมาขนกันที่ท่าเรือของรัสเซียนี้แหละ และจริงๆ ซีเรียก็ขี้เกียจจะพูด แก๊สของกาตาร์น่ะ ไม่ได้เศษของที่ซีเรียเพิ่งค้นพบ Asia Times ลงข่าวในช่วงนั้นว่า … กาตาร์เอง ก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว อคาบา Aqaba ของจอร์แดน ซึ่งพวกมุสลิม บราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์จอร์แดนอยู่ กาตาร์แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวกมุสลิมบราเธอร์ฮูด ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้านกาตาร์นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่…. …..มุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่กระจายอยู่เต็ม จอร์แดนและซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดยกาตาร์ อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมือง เกี่ยวกับแก๊สที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ กาตาร์นี้ ถ้าสำเร็จ นอกจากจะทำให้ฝั่งของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค เสียเปรียบแล้ว ยังอาจมีผล กระทบต่อจีน จนขาลากอีกด้วย… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ลองเชิง ตอนที่ 8

    “ลองเชิง”
    ตอน 8
    เขาว่ากันว่า สิ่งที่อเมริกาสนใจ และใส่ใจที่สุดในตะวันออกกลางคือ น้ำมัน กับอิสราเอลเท่านั้น ที่เถียงกันคือ ใน 2 สิ่ง อเมริกาห่วงสิ่งไหนมากกว่ากัน
    ที่เขาว่ากันแบบนั้น ก็คงไม่ผิดในเชิงการเมือง แต่ ในเชิงยุทธศาสตร์ ผมว่าอเมริกาคงสนใจแค่ 1 สิ่ง ในตะวันออกกลาง คืออเมริกา “จะต้องได้” ตะวันออกกลางทั้งหมดต่างหาก อย่างที่ผมเกริ่นมาในตอนก่อนๆ แต่อเมริกาจะกินตะวันออกกลางทั้งหมด อเมริกาก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะห่วงว่าจะมีใครย้อนศร ส่วจรวดมาใส่ไข่แดงของอเมริกา ที่อยู่ในตะวันออกกลางคือ อิสราเอล จนเละทั้งใบ
    ไม่ใช่อเมริการักอิสราเอลมากนักหรอก แต่ยิวที่ขี่คอรัฐบาลอเมริกานั่นสิ ที่อเมริกาต้องห่วง และยิวในอเมริกาก็มีมากเสียด้วย เรียกดาราดังๆเชื้อสายยิวๆ มาเข้าฉากทั้งหมด รัฐบาลอเมริกันอาจพังง่ายๆ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ดาราตุ๊กตาทอง สื่อทุกรูปแบบ อยู่ในมือยิวเกือบทั้งนั้น อาวุธที่ทำให้อเมริกาเซได้ โดยไม่ต้องถล่มตลาดหุ้น หรือใช้จรวดยิง ก็คือ ใช้ดารากับสื่อนี่แหละครับ เอาหน้าเด่นๆ ผลัดกันมาออกรายการ ตีข่าวเข้าไปทุกวัน คนบ้าดารา เคลิ้มตาม เดี๋ยวก็ได้มีการลาออก หรือเปลี่ยนนโยบายกันให้เห็น
    แต่ไม่ได้หมายความว่า อเมริกาจะไม่มีวันทิ้งยิว …
    อัสซาด คนพ่อ Hafez Assad นั้น เป็นนักยุทธศาสตร์ตัวยง เหลี่ยมลึก มองไกล เขาดูแล้วว่า อิสราเอลเป็นจุดสำคัญที่สุดของตะวันออกกลาง ผมจึงชื่นชมอังกฤษ ไอ้ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนักว่า มันสุดยอด(ชั่ว)จริงๆ ที่เอายิวไปอยู่ในตะวันออกกลางได้ และให้อยู่ในจุดนั้น
    ลองกลับไปดูแผนที่นะครับ และนึกถึงข้อตกลงของอังกฤษกับผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยว่า สมัยนั้น เขาตกลงแบ่งสมบัติกันอย่างไร สรุปว่า ประเทศที่มีทางออกสู่เมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดคือ ตุรกี ซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล ยาวมาจนถึงอียิปต์ ตกอยู่ในความดูแลของอังกฤษกับพวก เพื่ออังกฤษและพวกจะได้คุมทางออกไปทะเล จำไว้นะครับ เรื่องการคุมทางออกทะเล เป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่ง
    แต่มาภายหลัง เมื่อตุรกี ซีเรีย เลบานอน ได้รับเอกราช สามารถปกครองบ้านเมืองตัวเองได้ โดยไม่ต้องฟังอังกฤษกับพวกแล้ว อเมริกาที่รับไม้ดูแลตะวันออกกลางต่อจากอังกฤษ จึงต้องทุ่มสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอล ไข่แดงของตัว และสร้างความมั่นคงให้อิยิปต์ด้วยในช่วงแรก เพื่อเป็นกำแพงพิงหลังให้อิสราเอล ขณะเดียวกัน อเมริกาก็พยายามซื้อเลบานอนอยู่หลายรอบ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง
    อัสซาด คนพ่อ เห็นอย่างนั้นก็รู้ว่า อิสราเอล แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ถ้าอเมริกาเสริมเหล็กใ้ห้จนแข็งขนาดนั้น ต่อไปซีเรียจะเหนื่อย เขาจึงสนับสนุนให้มีการสร้างกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่อยู่ติดหลังบ้านอิสราเอลขึ้นมา ไว้เป็นด่านกั้นให้ซีเรียชั้นหนึ่งก่อน ส่วนเลบานอนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองยิ่งแย่ใหญ่ หน้าเกือบจะชนก้นอิสราเอลอยู่แล้ว และนี่ ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อิสราเอลเกลียดซีเรีย อย่างไม่มีวันเลิก
    กลับมาที่แผนชั่วของอเมริกาใน ตะวันออกกลาง ตัวละครใหญ่สำคัญที่สุด 3 รายคือ อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย นั้น อเมริกาจับมาอยู่ในมือแล้ว คือ 2 รายหลัง เหลือรายแรกคือ อิหร่าน ที่อเมริกาเพียรจับ แต่จับๆ หลุดๆ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1950 กว่าๆ แต่ไม่เคยอยู่หมัดอยู่มือถาวร อเมริกาจึงต้องวางแผนใหม่อยู่เรื่อย
    จะครองโลก ไม่ใช่คิดวันนี้ ครองพรุ่งนี้ เขาวางแผนกันมาหลายสิบปี บางทีร้อยปี ก็มี จะต่อสู้หรือต่อต้าน ก็เช่นเดียวกัน เขาก็ต้องวางแผนนาน สนามซีเรีย ช่วงนี้จะนั่งดูรายวัน ก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า ใครเล่นอะไร ที่ไหน เพราะอะไร ไม่อย่างนั้น ก็แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจ
    อเมริกาวางแผนที่จะกินอิหร่านหลายรูปแบบ รูปแบบสุดท้าย คือ เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นละครซื้อเวลา แผนจริงรุ่นแรก ที่อเมริกาเดินเพื่อกินอิหร่าน คือ แผนบุกอิรัค ของเหยี่ยวกระหายเลือด คาวบอยบุช กับดิกเชนีย์ เมื่อ ปี ค.ศ.2003 ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ที่บุชตัวพ่อ ประกาศ ในปี ค.ศ.1991 เมื่อคิดว่า สหภาพโซเวียตล่มสลายตายสนิท
    แต่ภายหลัง ในช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 ไอ้ที่คิดว่าตายสนิท ดันฟื้นเป็นรัสเซีย ที่ทำท่าจะเฟื่องต่อเสียด้วยซ้ำ และไอ้ที่คิดว่าดีแต่ค้าขายอย่างจีน ก็ทำท่าจะโตเร็วเกินไป แผนจัดการอิหร่าน เพื่อยึดตะวันออกกลาง และผ่ากลาง รัสเซียกับจีน จึงต้องรีบดำเนินการ
    แต่อยู่ดีๆ จะไปยึดอิหร่าน ที่ใหญ่เอาเรื่อง และก็ผูกสัมพันธ์กับรัสเซียมาตลอด คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเซ่อซ่าวิ่งลุยเข้าไปง่ายๆ อเมริกาจึงคิดทุบรอบนอกอิหร่านก่อน และยุทธศาสตร์ทุบรอบนอก หรือทุบข้างในให้น่วมก่อนกิน นี่ ดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์ยอดนิยมของค่ายตะวันตก
    อิรัคและซัดดัม จึงถูกเลือกเป็นทั้งเป้าหมายจริง และเป็นเป้าหมายหลอกในขณะเดียวกัน อเมริกาไม่เคยกินเด้งเดียว อเมริกาต้องการครอบครองอิรัค เพื่อเอาน้ำมัน และใช้เป็นสะพานเพื่อเข้าไปบุกซีเรียและอิหร่านอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดเส้นทางเลี้ยงกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ ของเลบานอน ที่อยู่ติดกับประตูหลังบ้านของอิสราเอล ที่ทั้งอิหร่านและซีเรียส่งเสียเลี้ยงดู เพื่ออิสราเอลจะได้ปลอดภัย เห็นความแสบ ซับซ้อนของอเมริกาไหมครับ
    แผนนี้ ถ้าสำเร็จ มันจะเป็นการทลายค่ายต่อต้านอเมริกาอย่างถาวร ได้ดูแลยิว และผ่ารัสเซียจากจีน เป็นการตัดตอน 2 ประเทศใหญ่ เตรียมก้าวไปครองโลก คิดแล้วน่าเคลิ้มใจ
    อเมริกา ยังฝันเฟื่องต่อไปอีกว่า เมื่อยึดอิรัค กำจัดซัดดัมแล้ว จะจัดให้อิรัคมีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้อิรัค เป็นมิตรที่ดีของอิสราเอล คอยช่วยเหลืออิสราเอล และช่วยด่าซีเรีย กับด่าอิหร่าน เป็นการปูพื้น เตรียมการให้อเมริกาบุก 2 ประเทศนั้นต่อ ระหว่างที่อ่านย่อหน้านี้ จะได้อารมณ์มาก ถ้านึกถึงหน้าคาวบอยบุซ ไปด้วยนะครับ จะได้ซึ้งถึงฝันเฟื่องของคาวบอย ว่ามัน
    เห่ย ขนาดไหน
    อเมริกา ไม่ได้เพียงประเมินตัวเองผิด อเมริกายังประเมินคู่ต่อสู้ของตัวผิดอีกด้วย การบุกอิรัค จึงกลายเป็นเรื่องหายนะของอเม ริกา และเป็นหายนะของอิรัคด้วย เพราะตามสูตรของอเมริกา เมื่อครอบครองไม่ได้ ก็ทำลายเสีย แล้วอิรัค ก็กลายเป็นรัฐล้มเหลว เช่นเดียวกับลิเบีย และอื่นๆ
    สำหรับอเมริกา ในการจะบุกซีเรีย อเมริกาต้องใช้สูตรสำเร็จ เอาปูนป้ายหน้า
    อัสซาดก่อนว่า ไอ้หมอนี่เป็นผู้นำที่เลว เผด็จการ ขี้โกง ไร้มนุษยธรรม ฯลฯ เหมือนอย่างที้ป้ายหน้า ซัดดัม กัดดาฟี ทำนองนั้น สูตรสำเร็จนี้ คนอ่านนิทานท่องได้ จำขึ้นใจกันแล้วทั้งนั้น
    แต่สำหรับซีเรีย สูตรสำเร็จแค่นั้นคงไม่พอ เพราะซีเรียก็แหลมคม และมีเพื่อน
    แล้วในปี ค.ศ.2005 จึงเกิดเรื่องการวางระเบิดคาร์บอม ใส่ขบวนรถของนายราฟิค ฮาริริ Rafiq Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน ข่าวบอกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเฮสบอลเลาะห์กองกำลังติดอาวุธของเลบานอน ที่อยู่คนละข้างกับกลุ่มของฮาริริ
    บังเอิญ ฮาริริ ดันเป็นคนที่ (มีคนสั่งให้) ซาอุ (จ่าย) สนับสนุนให้เป็นใหญ่ในเลบานอน เอาไว้เป็นหนาม อยู่กลางกลุ่มพวกอิหร่านและซีเรียในเลบานอน เรื่องมันจึงไม่ใช่การวางระเบิดระดับธรรมดา สื่อฟอกย้อม ลงข่าวว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบ เพราะตอนนั้นซีเรีย ดูแลด้านความมั่นคงให้แก่เลบานอน ตามสัญญา Taif Accord
    แม้จะดมกลิ่นระเบิดไม่ได้จากมือไหน แต่คาร์บอมรายการนี้ ก็ค่อนข้างชัดว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้ายสีให้อัสซาด นอกจากนี้ หัวหน้าอาหรับสายสุนนี่ โดยเฉพาะสุนนี่ในเลบานอน ต่างออกมาประสานเสียงกันว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบในการลอบฆ่านี้ ผลสุดท้าย กองทัพซีเรียก็ต้องถอนกำลังออกไปจากเลบานอน และเลบานอนก็อยู่ในความดูแลของ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกองกำลังที่เรียกว่า “กองกำลังร่วม 14 มีนา” ที่ตั้งขึ้นทันที ที่ ฮาริริ ถูกฆ่าตาย และไม่ถูกกับกลุ่มเฮสบอลเลาะห์
    เลบานอน ก็เริ่มมีความวุ่นวาย
    หลังจากนั้น เสียงไม่เอาซีเรีย ไม่เอาอัสซาด ก็เริ่มระบาดดังขึ้นในเลบานอน สื่อในเลบานอน ตีข่าวด่าซีเรียทุกวัน กองกำลังร่วม 14 มีนา ก็แข็งกร้าวขึ้นทุกวัน และกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ปนกลิ่นแพะ ก็ปลิวว่อนในเลบานอน
    นี่คือจุดเริ่มต้นของการรวมกำลังโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด ที่มาจากสาระพัดพันธ์ุและสาระพัด เป้าหมาย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 8 “ลองเชิง” ตอน 8 เขาว่ากันว่า สิ่งที่อเมริกาสนใจ และใส่ใจที่สุดในตะวันออกกลางคือ น้ำมัน กับอิสราเอลเท่านั้น ที่เถียงกันคือ ใน 2 สิ่ง อเมริกาห่วงสิ่งไหนมากกว่ากัน ที่เขาว่ากันแบบนั้น ก็คงไม่ผิดในเชิงการเมือง แต่ ในเชิงยุทธศาสตร์ ผมว่าอเมริกาคงสนใจแค่ 1 สิ่ง ในตะวันออกกลาง คืออเมริกา “จะต้องได้” ตะวันออกกลางทั้งหมดต่างหาก อย่างที่ผมเกริ่นมาในตอนก่อนๆ แต่อเมริกาจะกินตะวันออกกลางทั้งหมด อเมริกาก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะห่วงว่าจะมีใครย้อนศร ส่วจรวดมาใส่ไข่แดงของอเมริกา ที่อยู่ในตะวันออกกลางคือ อิสราเอล จนเละทั้งใบ ไม่ใช่อเมริการักอิสราเอลมากนักหรอก แต่ยิวที่ขี่คอรัฐบาลอเมริกานั่นสิ ที่อเมริกาต้องห่วง และยิวในอเมริกาก็มีมากเสียด้วย เรียกดาราดังๆเชื้อสายยิวๆ มาเข้าฉากทั้งหมด รัฐบาลอเมริกันอาจพังง่ายๆ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ดาราตุ๊กตาทอง สื่อทุกรูปแบบ อยู่ในมือยิวเกือบทั้งนั้น อาวุธที่ทำให้อเมริกาเซได้ โดยไม่ต้องถล่มตลาดหุ้น หรือใช้จรวดยิง ก็คือ ใช้ดารากับสื่อนี่แหละครับ เอาหน้าเด่นๆ ผลัดกันมาออกรายการ ตีข่าวเข้าไปทุกวัน คนบ้าดารา เคลิ้มตาม เดี๋ยวก็ได้มีการลาออก หรือเปลี่ยนนโยบายกันให้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่า อเมริกาจะไม่มีวันทิ้งยิว … อัสซาด คนพ่อ Hafez Assad นั้น เป็นนักยุทธศาสตร์ตัวยง เหลี่ยมลึก มองไกล เขาดูแล้วว่า อิสราเอลเป็นจุดสำคัญที่สุดของตะวันออกกลาง ผมจึงชื่นชมอังกฤษ ไอ้ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนักว่า มันสุดยอด(ชั่ว)จริงๆ ที่เอายิวไปอยู่ในตะวันออกกลางได้ และให้อยู่ในจุดนั้น ลองกลับไปดูแผนที่นะครับ และนึกถึงข้อตกลงของอังกฤษกับผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยว่า สมัยนั้น เขาตกลงแบ่งสมบัติกันอย่างไร สรุปว่า ประเทศที่มีทางออกสู่เมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดคือ ตุรกี ซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล ยาวมาจนถึงอียิปต์ ตกอยู่ในความดูแลของอังกฤษกับพวก เพื่ออังกฤษและพวกจะได้คุมทางออกไปทะเล จำไว้นะครับ เรื่องการคุมทางออกทะเล เป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่ง แต่มาภายหลัง เมื่อตุรกี ซีเรีย เลบานอน ได้รับเอกราช สามารถปกครองบ้านเมืองตัวเองได้ โดยไม่ต้องฟังอังกฤษกับพวกแล้ว อเมริกาที่รับไม้ดูแลตะวันออกกลางต่อจากอังกฤษ จึงต้องทุ่มสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอล ไข่แดงของตัว และสร้างความมั่นคงให้อิยิปต์ด้วยในช่วงแรก เพื่อเป็นกำแพงพิงหลังให้อิสราเอล ขณะเดียวกัน อเมริกาก็พยายามซื้อเลบานอนอยู่หลายรอบ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง อัสซาด คนพ่อ เห็นอย่างนั้นก็รู้ว่า อิสราเอล แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ถ้าอเมริกาเสริมเหล็กใ้ห้จนแข็งขนาดนั้น ต่อไปซีเรียจะเหนื่อย เขาจึงสนับสนุนให้มีการสร้างกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่อยู่ติดหลังบ้านอิสราเอลขึ้นมา ไว้เป็นด่านกั้นให้ซีเรียชั้นหนึ่งก่อน ส่วนเลบานอนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองยิ่งแย่ใหญ่ หน้าเกือบจะชนก้นอิสราเอลอยู่แล้ว และนี่ ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อิสราเอลเกลียดซีเรีย อย่างไม่มีวันเลิก กลับมาที่แผนชั่วของอเมริกาใน ตะวันออกกลาง ตัวละครใหญ่สำคัญที่สุด 3 รายคือ อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย นั้น อเมริกาจับมาอยู่ในมือแล้ว คือ 2 รายหลัง เหลือรายแรกคือ อิหร่าน ที่อเมริกาเพียรจับ แต่จับๆ หลุดๆ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1950 กว่าๆ แต่ไม่เคยอยู่หมัดอยู่มือถาวร อเมริกาจึงต้องวางแผนใหม่อยู่เรื่อย จะครองโลก ไม่ใช่คิดวันนี้ ครองพรุ่งนี้ เขาวางแผนกันมาหลายสิบปี บางทีร้อยปี ก็มี จะต่อสู้หรือต่อต้าน ก็เช่นเดียวกัน เขาก็ต้องวางแผนนาน สนามซีเรีย ช่วงนี้จะนั่งดูรายวัน ก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า ใครเล่นอะไร ที่ไหน เพราะอะไร ไม่อย่างนั้น ก็แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจ อเมริกาวางแผนที่จะกินอิหร่านหลายรูปแบบ รูปแบบสุดท้าย คือ เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นละครซื้อเวลา แผนจริงรุ่นแรก ที่อเมริกาเดินเพื่อกินอิหร่าน คือ แผนบุกอิรัค ของเหยี่ยวกระหายเลือด คาวบอยบุช กับดิกเชนีย์ เมื่อ ปี ค.ศ.2003 ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ที่บุชตัวพ่อ ประกาศ ในปี ค.ศ.1991 เมื่อคิดว่า สหภาพโซเวียตล่มสลายตายสนิท แต่ภายหลัง ในช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 ไอ้ที่คิดว่าตายสนิท ดันฟื้นเป็นรัสเซีย ที่ทำท่าจะเฟื่องต่อเสียด้วยซ้ำ และไอ้ที่คิดว่าดีแต่ค้าขายอย่างจีน ก็ทำท่าจะโตเร็วเกินไป แผนจัดการอิหร่าน เพื่อยึดตะวันออกกลาง และผ่ากลาง รัสเซียกับจีน จึงต้องรีบดำเนินการ แต่อยู่ดีๆ จะไปยึดอิหร่าน ที่ใหญ่เอาเรื่อง และก็ผูกสัมพันธ์กับรัสเซียมาตลอด คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเซ่อซ่าวิ่งลุยเข้าไปง่ายๆ อเมริกาจึงคิดทุบรอบนอกอิหร่านก่อน และยุทธศาสตร์ทุบรอบนอก หรือทุบข้างในให้น่วมก่อนกิน นี่ ดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์ยอดนิยมของค่ายตะวันตก อิรัคและซัดดัม จึงถูกเลือกเป็นทั้งเป้าหมายจริง และเป็นเป้าหมายหลอกในขณะเดียวกัน อเมริกาไม่เคยกินเด้งเดียว อเมริกาต้องการครอบครองอิรัค เพื่อเอาน้ำมัน และใช้เป็นสะพานเพื่อเข้าไปบุกซีเรียและอิหร่านอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดเส้นทางเลี้ยงกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ ของเลบานอน ที่อยู่ติดกับประตูหลังบ้านของอิสราเอล ที่ทั้งอิหร่านและซีเรียส่งเสียเลี้ยงดู เพื่ออิสราเอลจะได้ปลอดภัย เห็นความแสบ ซับซ้อนของอเมริกาไหมครับ แผนนี้ ถ้าสำเร็จ มันจะเป็นการทลายค่ายต่อต้านอเมริกาอย่างถาวร ได้ดูแลยิว และผ่ารัสเซียจากจีน เป็นการตัดตอน 2 ประเทศใหญ่ เตรียมก้าวไปครองโลก คิดแล้วน่าเคลิ้มใจ อเมริกา ยังฝันเฟื่องต่อไปอีกว่า เมื่อยึดอิรัค กำจัดซัดดัมแล้ว จะจัดให้อิรัคมีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้อิรัค เป็นมิตรที่ดีของอิสราเอล คอยช่วยเหลืออิสราเอล และช่วยด่าซีเรีย กับด่าอิหร่าน เป็นการปูพื้น เตรียมการให้อเมริกาบุก 2 ประเทศนั้นต่อ ระหว่างที่อ่านย่อหน้านี้ จะได้อารมณ์มาก ถ้านึกถึงหน้าคาวบอยบุซ ไปด้วยนะครับ จะได้ซึ้งถึงฝันเฟื่องของคาวบอย ว่ามัน เห่ย ขนาดไหน อเมริกา ไม่ได้เพียงประเมินตัวเองผิด อเมริกายังประเมินคู่ต่อสู้ของตัวผิดอีกด้วย การบุกอิรัค จึงกลายเป็นเรื่องหายนะของอเม ริกา และเป็นหายนะของอิรัคด้วย เพราะตามสูตรของอเมริกา เมื่อครอบครองไม่ได้ ก็ทำลายเสีย แล้วอิรัค ก็กลายเป็นรัฐล้มเหลว เช่นเดียวกับลิเบีย และอื่นๆ สำหรับอเมริกา ในการจะบุกซีเรีย อเมริกาต้องใช้สูตรสำเร็จ เอาปูนป้ายหน้า อัสซาดก่อนว่า ไอ้หมอนี่เป็นผู้นำที่เลว เผด็จการ ขี้โกง ไร้มนุษยธรรม ฯลฯ เหมือนอย่างที้ป้ายหน้า ซัดดัม กัดดาฟี ทำนองนั้น สูตรสำเร็จนี้ คนอ่านนิทานท่องได้ จำขึ้นใจกันแล้วทั้งนั้น แต่สำหรับซีเรีย สูตรสำเร็จแค่นั้นคงไม่พอ เพราะซีเรียก็แหลมคม และมีเพื่อน แล้วในปี ค.ศ.2005 จึงเกิดเรื่องการวางระเบิดคาร์บอม ใส่ขบวนรถของนายราฟิค ฮาริริ Rafiq Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน ข่าวบอกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเฮสบอลเลาะห์กองกำลังติดอาวุธของเลบานอน ที่อยู่คนละข้างกับกลุ่มของฮาริริ บังเอิญ ฮาริริ ดันเป็นคนที่ (มีคนสั่งให้) ซาอุ (จ่าย) สนับสนุนให้เป็นใหญ่ในเลบานอน เอาไว้เป็นหนาม อยู่กลางกลุ่มพวกอิหร่านและซีเรียในเลบานอน เรื่องมันจึงไม่ใช่การวางระเบิดระดับธรรมดา สื่อฟอกย้อม ลงข่าวว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบ เพราะตอนนั้นซีเรีย ดูแลด้านความมั่นคงให้แก่เลบานอน ตามสัญญา Taif Accord แม้จะดมกลิ่นระเบิดไม่ได้จากมือไหน แต่คาร์บอมรายการนี้ ก็ค่อนข้างชัดว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้ายสีให้อัสซาด นอกจากนี้ หัวหน้าอาหรับสายสุนนี่ โดยเฉพาะสุนนี่ในเลบานอน ต่างออกมาประสานเสียงกันว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบในการลอบฆ่านี้ ผลสุดท้าย กองทัพซีเรียก็ต้องถอนกำลังออกไปจากเลบานอน และเลบานอนก็อยู่ในความดูแลของ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกองกำลังที่เรียกว่า “กองกำลังร่วม 14 มีนา” ที่ตั้งขึ้นทันที ที่ ฮาริริ ถูกฆ่าตาย และไม่ถูกกับกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ เลบานอน ก็เริ่มมีความวุ่นวาย หลังจากนั้น เสียงไม่เอาซีเรีย ไม่เอาอัสซาด ก็เริ่มระบาดดังขึ้นในเลบานอน สื่อในเลบานอน ตีข่าวด่าซีเรียทุกวัน กองกำลังร่วม 14 มีนา ก็แข็งกร้าวขึ้นทุกวัน และกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ปนกลิ่นแพะ ก็ปลิวว่อนในเลบานอน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรวมกำลังโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด ที่มาจากสาระพัดพันธ์ุและสาระพัด เป้าหมาย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้

    นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

    มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้
    การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70%

    ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม
    การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา
    นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น
    ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า
    เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้

    มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
    รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์
    ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์

    ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
    ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ
    ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกใหม่ในการหา REEs
    ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่
    พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้

    ความท้าทายและข้อจำกัด
    เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    💎 ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้ นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ ⚙️ มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้ การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70% 🌱 ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม 🔮 ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น ➡️ ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า ➡️ เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้ ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ➡️ รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์ ✅ ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ ➡️ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม ✅ ทางเลือกใหม่ในการหา REEs ➡️ ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่ ➡️ พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้ ‼️ ความท้าทายและข้อจำกัด ⛔ เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Almost $100 Billion Worth of Rare Earth Elements May Be Buried in The US
    The waste left over from spent fossil fuel may contain a treasure trove of rare-earth elements worth billions of dollars.
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 11
    ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911…
    ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho
    ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า
    “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..”
    ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย
    นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ
    เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ
    ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ
    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค
    ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน
    ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม…
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า
    “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ”
    ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism
    ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย
    ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ
    คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้
    ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม
    ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน
    Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน
    Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี
    W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe
    Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน
    ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย
    คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 11 ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911… ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..” ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม… เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ” ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้ ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 675 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 10
    ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย
    จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา
    เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง
    เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน
    ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ
    ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ
    เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน
    สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน
    เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า
    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ
    อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง
    ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้
    แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน
    เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร
    ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน
    ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง
    คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ
    เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 10 ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้ แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 651 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 7
    หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ
    มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว
    เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน
    ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า
    ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี
    ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน
    ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป
    ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน
    เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง
    เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ
    หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา
    ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้
    ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้
    ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้
    เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ
    หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง
    ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ
    ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น
    เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว
    สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ
    เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย….
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 7 หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้ ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้ ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้ เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย…. สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 841 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 3
    อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น
    งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย
    ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว
    ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ
    ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม
    มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว
    ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย
    ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ
    ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย
    ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง
    นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
    ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต
    #############
    ตอน 4

    วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง
    ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931
    ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน
    อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ
    ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย
    ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives…
    แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937
    ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต
    ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว
    เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด
    สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ
    ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies
    จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 3 อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต ############# ตอน 4 วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931 ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives… แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937 ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 932 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 2
    จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่
    ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน
    ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี
    ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895
    ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ
    แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง
    แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ
    ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่
    หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก
    ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม
    จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น
    ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ
    แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น
    ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่
    ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
    การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า
    มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่
    ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?!
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 2 จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่ ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895 ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่ หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่ ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 738 Views 0 Reviews
  • เรื่อง สู่ทางน้ำเชี่ยว 1 – 2

    “สู่ทางน้ำเชี่ยว”
    (1)
    วันนี้ขอคุยกับท่านผู้อ่าน แบบตรงไปตรงมา จากความรู้สึกในใจของผมหน่อยเถิด ไม่ชอบใจ ก็ปิดเครื่อง หรือเปลี่ยนไปอ่านเพจอื่น ไม่พอใจ อยากจะด่า ก็เชิญตามสบาย
    แต่อย่าแรงนักแล้วกัน คนแก่ตกใจง่าย
    ผมเขียนนิทานเรื่องจริงให้อ่านกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว เอาข้อมูลเรื่องราวที่มองมาจากอีกมุมหนึ่ง รวมทั้งที่มองจากมุมเดิม ที่เห็นๆกันอยู่ซ้ำซาก แต่ผมมองลึกไปอีกแบบ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อม ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แทบไม่เคยพูดถึง หรือพูดแบบใส่สีเข้มตามใบสั่งของ เจ้าของสื่อ จนไม่รู้ว่า มีความจริงน้อยมากแค่ไหน หรือพูดแบบ มั่ว คลุมเคลือ ไม่รู้ที่มาและที่จะไปต่อ หรือพูดแบบครึ่งใบ ที่เหลือให้เดาเอา หรือแต่งกันเองสนุกดี
    จากการอ่านและการวิเคราะห์ของผมเอง ผมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 2 ถึง 3 ปี จากที่ผมเริ่มเขียนนิทานเรื่อง แรก เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 ก็แปลว่า จากนี้ไป ไม่เกิน 1 ปี โลกเราจะเริ่มเข้าสู่อาการ ถ้าเปรียบกันคน ก็เป็นคนต้องเกณท์เปลี่ยนชะตานั่นแหละ มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก สิ่งน้อย ซึ่งถ้าเราไม่ทันสังเกต หรือไม่สนใจติดตาม เราก็จะไม่รู้ว่า มันมีการเปลี่ยนไปแล้ว และการเปลี่ยนนั้น จะเปลี่ยนมากขึ้น ด้วยอัตราที่เร็วขึ้น จนเราเริ่มรู้สึก แต่ก็อาจจะยังไม่รู้เรื่อง รู้เหตุ รู้ผล อยู่ดี กว่าจะรู้เรื่อง ก็อาจจะทำอะไรไม่ทันแล้ว
    เราเคยชินกับการมีอเมริกา ที่ทำตัวเหมือนเป็นจิ๊กโก๋ปากซอยตัวแสบ เบ่งกล้าม คุมทั้งซอยอยู่คนเดียว มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นานถึง 70 ปี เชียวนะครับ ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันคุมโลก จนตัวมันก็ “ชิน” กับการที่ไม่ใครมากล้าหือกับมัน และเราๆ ก็ดัน “ชิน” กับการคุมของมัน แถมบางพวก ก็ชอบที่จะอยู่ใต้อุ้งมืออุ้งตีนของไอ้จิ๊กโก๋ ก็ของมันเคย มันชิน แต่สำหรับพวกที่ไม่ชอบ ก็ต้องทนยอมมันไป (ก่อน) ก็มันวางกฏเกณท์ของทั้งโลกทั้ง ใบ หันไปทางไหน จะทำอะไร ก็เจอกฏ เจอระบบ ที่มันวางไว้ทั้งนั้น ขนาดจะแต่งตัว ตัดผม ดูหนัง ฟังเพลง บันเทิงใจ ชอบ ไม่ชอบอะไร ยังต้องเป็นแบบที่มันจัดยัดใส่หัวมาให้เลย ใครที่ไม่อยู่ในระบบ ในรูปแบบที่มันเห็นชอบ มันก็จัดการเก็บกวาดจนเหี้ยน ในที่สุด ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็เลยจำยอมอยู่ในกำมือ ในกฏ กติกา ความเห็น ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันสร้าง มันวางเอาไว้ น่าสมเพชไหมครับ ที่ต้องมีใครมาจูงเราทุกเรื่อง หรือชอบใจกัน ที่ไม่ต้องคิดมาก จูงไปทางไหน ก็ไปทางนั้น…
    แต่ประมาณ 15 ปี มานี้ เริ่มมีพวกที่อยากดำเนินชีวิต ตามระบบ ตามแบบของตัวเอง อยากกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกอย่างต้องขึ้นกับจิ๊กโก๋ปากซอยสั่ง กูจะหิว กูจะกิน กูจะนอน ฯลฯ ให้มันเป็นไปตามใจกูบ้างได้มั้ย กูเบื่อที่จะถูกจูงแล้ว….
    จิ๊กโก๋ บอก ไม่ได้ กูไม่เชื่อว่าพวกมึงตัดสินใจเป็น และตัดสินใจถูก ขอโทษนะครับ ต้องเขียนด้วยสรรพนาม เช่นนี้ เพราะลักษณะที่เขาออกอาการกัน มันดูจะไม่ใช่เป็นการพูดแบบคุณครับขอรับกระผมกัน ที่นี้ เรื่องมันก็เลยเริ่มวุ่น และบานไปเรื่อยๆ
    มาถึงวันนี้ โลกแบ่งชัดเจนแล้ว อำนาจของโลก ที่เคยมีขั้วอำนาจขั้วเดียว ที่คุมโดย ไอ้จิ๊กโก๋ปากซอย อเมริกาและพวกลูกกระเป๋ง กำลังเปลี่ยนไป ขั้วอำนาจอีกขั้ว ที่นำโดยรัสเซียและจีน กำลังรวมตัว และปรากฏตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีจำนวนประเทศน้อยกว่า แต่ถ้านับเนื้อที่ของประเทศ กับจำนวนรวมของพลเมือง คงไม่ต่างกันมาก และขณะนี้ ทั้งสองขั้ว ต่างกำลังจ้องตาใส่กันอย่างไม่กระพริบ เพื่อค้นหา รวมไปถึงทดสอบ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และศักยภาพทางอาวุธ ของขั้วที่ต่างกัน ว่าใครจะเหนือกว่าใคร
    เศรษฐกิจเป็นเกมที่ทางขั้วอำนา จอเมริกาถนัดนัก เล่นกลอยู่เสมอ เล่นมา 100 ปีแล้วนี่ ปั่นขึ้น ปั่นลง ได้ทุกอย่าง ก็เป็นคนคุมระบบทั้งหมด มันก็เหมือนเป็นเจ้ามือคุมบ่อน นั่นแหล่ะ แจกไพ่เอง ทำเครื่องหมายไพ่ ให้ยืมเงินมาเล่น ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ไล่ออกจากวง คว่ำบาตรเสีย แบบนี้ เจ้ามือก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว (มีแต่ถูกเผาบ่อน หรือถูกยิง) เรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นเหมือนตัววัดตัวหนึ่ง เมื่อไหร่ที่เจ้ามือออกอาการ มีการใกล้จะล้มโต๊ะ เพราะเจ้ามือเล่นกลไม่ออก จะเพราะลูกมือเกิดดวงดี ดวงแข็ง หรือถูกลูกมือจับกลโกงของเจ้ามือได้ นั่นก็เป็นอาการที่เราๆ จะต้องระวัง แปลว่า เรื่องใหญ่ใกล้จะมา ดวงชะตาของโลกใกล้จะมีการเปลี่ยน
    เหตุการณ์ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มถูกปั่นลงดิ่ง ตั้งแต่เดือนมิถุนา กรกฏาคม จนแมงเม่าตาตี่ปีกหัก ร่วงผล่อยหล่นลงพื้นเต็มไปหมด แต่จีนก็ปล่อยให้เจ้ามือตาน้ำข้าวเล่นให้เพลิน ด้วยการปล่อยให้หล่นถึงพื้น และจีนก็ซื้อกลับ ส่วนเงินกองทุนของเจ้ามือตาน้ำข้าว รวมทั้งกำไรที่รวยมาจากเด็ดปีกแมงเม่าตาตี่ เจ้ามือตาน้ำข้าวเตรียมโอนกลับ บ้าน แต่จีนบอกรอแป๊บนึง อย่าเพิ่งใจร้อน รีบโอนกลับ ขอเราตรวจสอบก่อนว่า ทำผิดกฏอะไรบ้างหรือเปล่า ทำได้ไม่ไม่ใช่หรือ ก็ดันไปเปิดบ่อนเต๋าถ่วงที่บ้านคนอื่น โง่หรือฉลาด(วะ) ทุนก้อนใหญ่ เอาออกมาไม่ได้ ตลาดอื่นๆ ก็ค่อยๆร่วง ชาวบ้านนึกว่าร่วงเรื่องกรีซ ก็เพราะสื่อย้อมสีกับกองทุนตาน้ำข้าว มันบอกอย่างนั้น ก็เลยเชื่อกันอย่างนั้น…นี่การตรวจสอบจะนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้…. สื่อฟอกย้อม เรื่องนี้ ไม่ออกข่าวเลยนะ
    อเมริกาบอก โลกนี้หมุนด้วยน้ำมัน และมันต้องเป็นน้ำมัน ที่ค้าขายกันด้วยดอลล่าร์ (เปโตรดอลล่าร์) เท่านั้น โลกถึงจะหมุน วันนี้ จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ เปโตรหยวน หรือเปโตรรูเบิล ก็หมุนโลกได้เหมือนกัน
    อเมริกาบอก ระบบการเงินในโลก ต้องคุมด้วยระบบธนาคารกลางของอเมริกา จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ ถ้าเราสร้างระบบที่พวกเราเห็นพ้องกันว่ามันยุติธรรมได้ และตอนนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังค้าขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนเงินสกุลของพวกเขา ตามค่าของเงินที่พวกเขาตกลงกันเอง อ้าว พวกเอ็งตกลงกันเองได้ พวกผมก็ตกลงกันได้เหมือนกัน มีปัญหาไหม
    อเมริกากับพวกสร้าง World Bank, IMF มาเป็นกลไกด้านการเงิน คุมโลกจนกระดิกแทบไม่ออก วันนี้ จีนกับรัสเซียและพวกสร้าง AIIB ขึ้นมาเป็นทางเลือก
    อเมริกาสร้างใอ้ 3 หมาไน เป็นตัววัดเครดิตเรตติ้งของธุรกิจ ของประเทศต่างๆ ตามหลักเกณท์ที่มีผู้ค้านมากมาย ว่าไม่เป็นธรรม วันนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังสร้างบริษัทวัดเครดิตเช่นนั้นเหมือนกัน และบอกว่าเป็นธรรมกว่า
    เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มีการเพิ่มทางเลือกให้แก่มนุษยชาติ แต่ดูเหมือนอเมริกาไม่ยินดี นอกจากไม่ยินดีแล้ว อเมริกายังแสดงอาการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยว่า อเมริกาไม่พอใจอย่างยิ่ง อเมริกามองว่า การที่อีกฝ่าย และมนุษยชาติ มีทางเลือก มันเป็นการคุกคาม การเป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้แต่ผู้เดียวของอเมริกา( America World Dominence) และ อเมริกาเท่านั้นนะ ที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของโลก มันต้องเป็นไปตามเส้นทาง วิธีการ ระบบ ที่อเมริกาเลือก และเห็นชอบสิ เข้าใจไหม
    และเพราะอเมริกา มีแนวคิด และแนวปฏิบัติเข่นนี้ โลกนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงอย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อใดที่เรื่องอะไร ที่ไหน ที่ไม่เป็นไปตามแนวที่อเมริกาเห็นชอบ หรือเมื่ออเมริกาอยากได้สมบัติของเขา ประเทศเหล่านั้นก็ถูกสื่อที่เป็นมือตีนของอเมริกา ฟอกย้อมให้เป็นคนเลว เป็นเผด็จการ เป็นผู้ร้าย เป็นโจร เมื่อสื่อย้อมจนได้ที่ อเมริกาก็ยาตราใช้อำนาจของอาวุธของตัวเองเข้าไปตัดสิน และประเทศเหล่านั้น ก็ถึงแก่การกาลวิบัติ ฉิบหาย จนถึงสิ้นชาติ โลกนี้จึงอยู่ในกำมือของอเมริกา ที่ใช้มาตรฐานของตน ที่มีหลายระดับ หลายแบบ ตามสันดานจิ๊กโก๋เป็นเครื่องตัดสิน

    (2)
    แดนสยามของสมันน้อย กำลังถูกอเมริกาจับตามองอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่สมันน้อยเริ่มไม่ว่าง่าย เมื่อสมันน้อยทนมีรัฐบาลโคตรโกง ไม่ไหว ออกมาขับไล่ อเมริกายื่นหน้ามาถาม ไล่เขาทำไม เขามาจากการเลือกตั้ง เสือกไหม เสือกสิ ในความเห็นของผม ทำไมเอ็งต้องมาออกความเห็นเรื่องบ้านผมทุกเรื่อง วันนี้แดนสยาม มีทหารเป็นผู้ใช้อำนาจในการบริหาร โดยยังไม่มีการลือกตั้ง อเมริกาจะลงแดงตายเสียให้ได้ เมื่อไหร่ ไทยแลนด์จะมีการเลือกตั้ง อเมริการับไม่ได้กับการปฏิวัติ รับไม่ได้กับการไม่เลือกตั้ง รับไม่ได้กับการไม่เป็นประชาธิปไตย อเมริกาไม่ชอบ ไม่ชอบ และไม่ชอบ ทำไมไม่ลงไปดื้นเร่าๆกลิ้งกับพื้น ตอนด่าไทยแลนด์เลยละ (วะ) จะได้สมกับเป็นชาติมหาอำนาจใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก
    Wall Street Journal ลงบทความ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมนี้ เขียนโดย นาย Desmond Dalton ซึ่งเป็นนายทหารอเมริกัน ที่เกษียณแล้ว และเคยเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาในประเทศไทย บทความนั้นชื่อว่า ” Saving America’s Ties With Thailand” หลายท่านคงเห็นแล้ว และเข้าใจว่าสื่อไทยก็น่าจะลงแล้ว แต่ผมมีมุมมองของผม ที่อาจจะต่างไปบ้าง
    บทความดังกล่าว สรุปว่า อเมริกาไม่พอใจไทย ตั้งแต่มีการปฏิวัติเมื่อปี ค.ศ.2014 (ก็ปฏิวัติของลุงตู่นั่นแหละ) และความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับไทย ก็เสื่อมลงมากมายอย่างน่าใจหาย อเมริกาหันหลังให้กับรัฐบาลทหาร อย่างไม่ไว้หน้า แถมขู่ให้ไทยรีบมีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น สัมพันธ์อเมริกาไทยก็จะยิ่งเสื่อมลงไปอีกเรื่อยๆ (จะให้เสื่อมลงถึงไหน นี่ยังไม่ถึงดินหรือไง สงสัยอยากได้สัมพันธ์แบบใต้ดิน แบบนั้น ต้องไปแถวประเทศที่ถนัดแบกถาด ฮา)
    คุณทหารอดีตที่ปรึกษา บอกว่า การที่อเมริกาปฏิบัติต่อไทยเช่นนี้ ทำให้อเมริกาเสียโอกาสในไทยอย่างยิ่ง และทำให้นโยบายของรัฐบาลโอบามา ที่คิดจะมาถ่วงดุลอำนาจ ในเอเซียแปซิฟิกจะกลายเป็นแค่ราคาคุย ไม่ใช่ว่า อเมริกาควรจะหลับหู หลับตา กับสิ่งที่ไทยทำ แต่เพื่อรักษาโอกาสของอเมริกา อเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่สร้างศัตรูกับไทย ด้วยการด่าว่าทหารไทยอย่างเอิกเกริก ไปพูด (ด่า) กันเงียบๆก็ได้นะ แถมการที่อเมริกาตัดงบอาวุธ ตัดงบการอบรม สาระพัดกับไทย กลายเป็นการผลักให้ไทยหันไปสร้างสัมพันธ์กับชาติอื่น เช่นจีนแทน…
    ….และไทย ก็เลยปิดประตูทางเข้า ที่อเมริกาเคยเข้ามาใช้ไทยอย่างอิสระ สะดวกสบายไปเรียบร้อย และจากการตัดสินใจซื้ออาวุธล่าสุดของไทย แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่คิดจะพึ่งพาอเมริกาด้านอาวุธเพียงรายเดียว นี่เป็นก้าวที่พลาดอย่างยิ่งของอเมริกา แม้ไทยจะเป็นเพียงประเทศขนาดกลาง มีพลเมือง ประมาณ 70 ล้านคน มีเศรษฐกิจเพียงอันดับที่ 22 ของโลก … แต่ไทย มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งกับอเมริกา ……
    ….เส้นทางจากไทย เป็นเส้นทางเดียว ที่กองทัพอเมริกันเชื่อถือ ที่จะใช้เป็นจุดผ่านเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ของเอเซีย…
    …It offers U.S forces the only reliable access point to mainland Asia…
    นอกจากนี้ อุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธของอเมริกา ได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณด้านความมั่นคงก้อนใหญ่ ของไทยทุกปี
    บทความที่เหลือ ก็เป็นการสรรเสริญ ถึงความเก่งกล้าสามารถด้านการทหารของไทย รวมทั้งด้านการเป็นผู้นำในภูมิภาคของไทย พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ให้อเมริกากลับมาเจรจาโดยใช้คำหวานกับไทยเสียใหม่ ให้ไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อที่อเมริกาจะได้ใช้ประโยชน์จากการมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้มากที่สุด…โดยทำผ่านการพูดคุยกับผู้นำทหาร นักวิชาการ และราษฎรที่มีชื่อเสียง….อืม..
    พอเห็นไหมครับ ว่าบทความนี้มันสื่ออะไรกับเราบ้าง
    มันไม่มีส่วนไหนเลย ที่แสดงถึงความเข้าใจ และเห็นใจประเทศไทย มันมีแต่ว่า เขาจะใช้ประโยชน์จากเราได้อย่างไรบ้าง และจะ “ทำอย่างไร” ที่จะกลับมาจิกหัวเรา ได้อย่างเดิม
    บทความนี้ เป็นการโยนหินถามทางที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ คำแนะนำ ว่า อเมริกาควร “ทำอย่างไร” เพื่อจะกลับมา
    อเมริกา น่าจะรู้ตัวแล้วว่า อเมริกากำลังเดินหมากผิดจนน่าโขกหัวตัวเอง ในยามที่โลกแบ่งชัดเป็น 2 ขั้ว เมื่อจีนและรัสเซียอยู่คนละขั้วกับอเมริกา แต่อเมริกาดันถีบหมากชื่อไทยแลนด์ กระเด็นออกไปนอกกระดานของอเมริกา และก็เป็นการถีบทิ้งอย่างเอิกเกริก เล่นงานกันทุกทาง ไม่ว่าจะโดยแสดงด้วยกริยา อาการ หรือการแสดงด้วยวาจา การด่า การเขียน ทั้งทางตรง ทางอ้อม แม้กระทั่งในบทความของถังขยะความคิด ไม่ว่าถังไหน เมื่อพูดถึงอเมริกาและพวก จะไม่ปรากฏชื่อไทยแลนด์ แดนสยามของสมันน้อยแม้แต่ครั้งเดียว คบกันมา กว่า 70 ปี บทจะถีบทิ้ง ก็ไม่เหลือใย เหลือหน้ากันไว้ อย่างนี้จะกลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่ จะให้มองกันติดสนิทใจ จะใช้กาวยี่ห้อไหนดี(วะ)
    อเมริกา กำลังทดสอบไทย ตามสันดานจิ๊กโก๋ปากซอย ด้วยการบีบคั้นทุกรูปแบบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาใช้ hard power (อาวุธ) อเมริกาจึงใช้ soft power (อำนาจที่ไม่ต้องใช้อาวุธ เช่น การคว่ำบาตร การกีดกัน การระงับ โดยอ้างว่าไม่ได้มาตรฐานการ และใช้มากที่สุดคือ ใช้สื่อโจมตี) เราจึงได้เห็นตั้งแต่ การโจมตีเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การเลื่อนการเลือกตั้ง เรื่องการไม่มีมนุษยธรรม ตั้งแต่โรฮิงญา มาจนถึงอุยกูร์ การที่บริษักการบินไทยไม่ได้มาตรฐาน เรื่องส่งออกอาหารไม่ผ่านมาตรฐาน ใช้แรงงานผิดมาตรฐาน ข่าวเรื่องอียู คว่ำบาตรไทย การจ่าหน้าซองผิด ฯลฯ ยังจะมีสาระพัด ตะหวักตะบวยเลวไปกว่านี้อีกมากมาย ที่มันจะสรรหา ยกขึ้นตามมาอีก การก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ก็ยังจะเกิดขึ้นอีก และอาจจะรุนแรงขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสั่นคลอนเรา พยายามทุกอย่างให้สมันน้อยปอดแหก จะได้ไม่กล้า แหกคอก
    มาถึงวันนี้ วันที่ต่างก็เริ่มเห็นชัดแล้ว ว่าอะไรคอยอยู่ข้างหน้า อเมริกา คิดตกหรือยัง ว่า จะตบหน้าเพื่อนเก่า 70 ปีต่อไปอีก โทษฐานคิดแหกคอก หรือ อเมริกาจะทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกลับมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะชักสำนึกได้ว่า ถ้าจะใช้ไอ้พวกลูกกระเป๋ง มาแบกถาดถือปืน อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด
    จิ๊กโก๋ทำได้ไหม ทำได้สบายมาก ถ้าจำเป็นจริงๆ อเมริกาก็หาวิธีกลับเข้ามาตบหลังลูบหัวไทยได้ ถ้าเดินเข้ามาตรงๆไม่ได้ หนอนในบ้าน ที่ยังเห็นอเมริกาเป็นพ่อ ยังมีอีกแยะ คงหาทางให้ สมันน้อยเดินจ๋อยๆกลับเข้าคอกเอง โดยนึกว่าอเมริกาไม่เกี่ยว แล้วเราจะว่ายังไงครับ….
    ตอนนี้ ลุงตู่กำลังทำหน้าที่เป็นกัปตัน พาเรือใหญ่ขนาดกลาง ขนคนประมาณ 70 ล้านคน มุ่งหน้าไปตามลำน้ำใหญ่ สายน้ำเริ่มเชี่ยวขึ้นทุกที แถมข้างหน้า มีวังน้ำวนเห็นอยู่ชัดๆ เรือจะผ่านวังน้ำวน ไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ลุงตู่จะคัดท้าย นำเรือขนาดกลางนี้ ไปรอดไหม ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคัด ท้ายของลุงตู่เอง แต่อีกส่วน ก็ขึ้นอยู่กับผู้โดยสาร 70 ล้านคนนั่นด้วย จะเอาอย่างไรล่ะ จะให้กัปตันพาเรือเดินหน้า หรือเปลี่ยนใจ ไม่ไปต่อแล้ว กลัวน้ำวน กลัวโจรปล้น กลัวจิ๊กโก๋ขู่ ให้กัปตันทิ้งสมอ จอดมันริมฝั่งนั่นแหละ ใครจะมาเอาเรือก็เอาไป แล้วจะจอดฝั่งไหนล่ะ ฝั่งที่คุ้นๆกันมา 70 ปี เดี๋ยวดี เดียวด่า ทำเหมือนสมันน้อยเป็นขี้ข้า หรือจะจอดอีกฝั่ง จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เท่าที่ดู เขาว่าเป็นประเภทไม่ชอบเป็นขี้ข้าใคร แต่จะทิ้งสมอจอดเรือ ยามน้ำเชี่ยว ก็ใช่ว่าจะทำง่าย เผลอๆ ล่มตอนจอดนี่แหละ สมันน้อย ได้เป็นสมันน้ำ ลอยคอกันเป็นแถว
    เออ..แล้ว อยู่ๆ จะจอดเรือ ยกประเทศให้เขาเลยงั้นหรือ จะมีคนไม่ยอม หรือ จะมีคนอยากให้เขาจูงกลับเข้าคอก ผมตอบไม่ได้ รู้แต่ว่า หนอนในที่ชอบอยู่คอก และชอบถูกจูงยังมีอยู่
    แต่ถ้าเราจะเลือกเดินหน้า ผู้โดยสารก็ต้องทำความเข้าใจ และปรับชีวิตตัวเองบ้าง ต้องรับรู้ว่า กำลังนั่งเรือไปในทางน้ำเชี่ยว ก็ต้องนั่งให้มีสติ เตรียมอุปกรณ์ทั้งด้านส่วนตัวและ ด้านสติปัญญาให้พร้อม เริ่มฝึกตัวเองให้มีวินัย ช่วยเหลือตัวเองได้ นั่งเรือไป ไม่ใช่วีดว้าย กระตู้วู้ ไปตลอดทาง อะไรนิดก็โวย อะไรหน่อยก็ด่า ฟังอะไรมาไม่ได้ยังไม่ทันกรอง ก็แชร์กัน ไลน์กัน เหมือนคนมีแต่นิ้ว แต่ไม่มีสมอง เป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ และอย่าเป็นประเภทชอบเอามือราน้ำ แบบนี้ ต่อให้กัปตันเก่งยังไง เรือก็อาจล่ม…
    บ้านเมืองมาถึงจุดสำคัญ ตื่นกันได้แล้วครับ ลดเรื่องไร้สาระลงเสียบ้าง เอาใจใส่บ้านเมืองกันหน่อย อย่างที่ผมเคยบอก ความเข้าใจและเห็นพ้องกัน ระหว่างผู้บริหารบ้านเมืองกับพลเมือง เป็นความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง ปิดทางไม่ให้ศัตรูทั้งภายนอกและภายในเข้ามาทำร้าย และทำลายบ้านเมืองเราได้ เราจะได้ช่วยกัน พาเรือผ่านน้ำเชี่ยวไปได้ เป็นสิ่งที่เราทำให้บ้านเมืองของเราได้นะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 ก.ค. 2558
    เรื่อง สู่ทางน้ำเชี่ยว 1 – 2 “สู่ทางน้ำเชี่ยว” (1) วันนี้ขอคุยกับท่านผู้อ่าน แบบตรงไปตรงมา จากความรู้สึกในใจของผมหน่อยเถิด ไม่ชอบใจ ก็ปิดเครื่อง หรือเปลี่ยนไปอ่านเพจอื่น ไม่พอใจ อยากจะด่า ก็เชิญตามสบาย แต่อย่าแรงนักแล้วกัน คนแก่ตกใจง่าย ผมเขียนนิทานเรื่องจริงให้อ่านกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว เอาข้อมูลเรื่องราวที่มองมาจากอีกมุมหนึ่ง รวมทั้งที่มองจากมุมเดิม ที่เห็นๆกันอยู่ซ้ำซาก แต่ผมมองลึกไปอีกแบบ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อม ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แทบไม่เคยพูดถึง หรือพูดแบบใส่สีเข้มตามใบสั่งของ เจ้าของสื่อ จนไม่รู้ว่า มีความจริงน้อยมากแค่ไหน หรือพูดแบบ มั่ว คลุมเคลือ ไม่รู้ที่มาและที่จะไปต่อ หรือพูดแบบครึ่งใบ ที่เหลือให้เดาเอา หรือแต่งกันเองสนุกดี จากการอ่านและการวิเคราะห์ของผมเอง ผมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 2 ถึง 3 ปี จากที่ผมเริ่มเขียนนิทานเรื่อง แรก เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 ก็แปลว่า จากนี้ไป ไม่เกิน 1 ปี โลกเราจะเริ่มเข้าสู่อาการ ถ้าเปรียบกันคน ก็เป็นคนต้องเกณท์เปลี่ยนชะตานั่นแหละ มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก สิ่งน้อย ซึ่งถ้าเราไม่ทันสังเกต หรือไม่สนใจติดตาม เราก็จะไม่รู้ว่า มันมีการเปลี่ยนไปแล้ว และการเปลี่ยนนั้น จะเปลี่ยนมากขึ้น ด้วยอัตราที่เร็วขึ้น จนเราเริ่มรู้สึก แต่ก็อาจจะยังไม่รู้เรื่อง รู้เหตุ รู้ผล อยู่ดี กว่าจะรู้เรื่อง ก็อาจจะทำอะไรไม่ทันแล้ว เราเคยชินกับการมีอเมริกา ที่ทำตัวเหมือนเป็นจิ๊กโก๋ปากซอยตัวแสบ เบ่งกล้าม คุมทั้งซอยอยู่คนเดียว มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นานถึง 70 ปี เชียวนะครับ ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันคุมโลก จนตัวมันก็ “ชิน” กับการที่ไม่ใครมากล้าหือกับมัน และเราๆ ก็ดัน “ชิน” กับการคุมของมัน แถมบางพวก ก็ชอบที่จะอยู่ใต้อุ้งมืออุ้งตีนของไอ้จิ๊กโก๋ ก็ของมันเคย มันชิน แต่สำหรับพวกที่ไม่ชอบ ก็ต้องทนยอมมันไป (ก่อน) ก็มันวางกฏเกณท์ของทั้งโลกทั้ง ใบ หันไปทางไหน จะทำอะไร ก็เจอกฏ เจอระบบ ที่มันวางไว้ทั้งนั้น ขนาดจะแต่งตัว ตัดผม ดูหนัง ฟังเพลง บันเทิงใจ ชอบ ไม่ชอบอะไร ยังต้องเป็นแบบที่มันจัดยัดใส่หัวมาให้เลย ใครที่ไม่อยู่ในระบบ ในรูปแบบที่มันเห็นชอบ มันก็จัดการเก็บกวาดจนเหี้ยน ในที่สุด ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็เลยจำยอมอยู่ในกำมือ ในกฏ กติกา ความเห็น ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันสร้าง มันวางเอาไว้ น่าสมเพชไหมครับ ที่ต้องมีใครมาจูงเราทุกเรื่อง หรือชอบใจกัน ที่ไม่ต้องคิดมาก จูงไปทางไหน ก็ไปทางนั้น… แต่ประมาณ 15 ปี มานี้ เริ่มมีพวกที่อยากดำเนินชีวิต ตามระบบ ตามแบบของตัวเอง อยากกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกอย่างต้องขึ้นกับจิ๊กโก๋ปากซอยสั่ง กูจะหิว กูจะกิน กูจะนอน ฯลฯ ให้มันเป็นไปตามใจกูบ้างได้มั้ย กูเบื่อที่จะถูกจูงแล้ว…. จิ๊กโก๋ บอก ไม่ได้ กูไม่เชื่อว่าพวกมึงตัดสินใจเป็น และตัดสินใจถูก ขอโทษนะครับ ต้องเขียนด้วยสรรพนาม เช่นนี้ เพราะลักษณะที่เขาออกอาการกัน มันดูจะไม่ใช่เป็นการพูดแบบคุณครับขอรับกระผมกัน ที่นี้ เรื่องมันก็เลยเริ่มวุ่น และบานไปเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ โลกแบ่งชัดเจนแล้ว อำนาจของโลก ที่เคยมีขั้วอำนาจขั้วเดียว ที่คุมโดย ไอ้จิ๊กโก๋ปากซอย อเมริกาและพวกลูกกระเป๋ง กำลังเปลี่ยนไป ขั้วอำนาจอีกขั้ว ที่นำโดยรัสเซียและจีน กำลังรวมตัว และปรากฏตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีจำนวนประเทศน้อยกว่า แต่ถ้านับเนื้อที่ของประเทศ กับจำนวนรวมของพลเมือง คงไม่ต่างกันมาก และขณะนี้ ทั้งสองขั้ว ต่างกำลังจ้องตาใส่กันอย่างไม่กระพริบ เพื่อค้นหา รวมไปถึงทดสอบ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และศักยภาพทางอาวุธ ของขั้วที่ต่างกัน ว่าใครจะเหนือกว่าใคร เศรษฐกิจเป็นเกมที่ทางขั้วอำนา จอเมริกาถนัดนัก เล่นกลอยู่เสมอ เล่นมา 100 ปีแล้วนี่ ปั่นขึ้น ปั่นลง ได้ทุกอย่าง ก็เป็นคนคุมระบบทั้งหมด มันก็เหมือนเป็นเจ้ามือคุมบ่อน นั่นแหล่ะ แจกไพ่เอง ทำเครื่องหมายไพ่ ให้ยืมเงินมาเล่น ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ไล่ออกจากวง คว่ำบาตรเสีย แบบนี้ เจ้ามือก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว (มีแต่ถูกเผาบ่อน หรือถูกยิง) เรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นเหมือนตัววัดตัวหนึ่ง เมื่อไหร่ที่เจ้ามือออกอาการ มีการใกล้จะล้มโต๊ะ เพราะเจ้ามือเล่นกลไม่ออก จะเพราะลูกมือเกิดดวงดี ดวงแข็ง หรือถูกลูกมือจับกลโกงของเจ้ามือได้ นั่นก็เป็นอาการที่เราๆ จะต้องระวัง แปลว่า เรื่องใหญ่ใกล้จะมา ดวงชะตาของโลกใกล้จะมีการเปลี่ยน เหตุการณ์ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มถูกปั่นลงดิ่ง ตั้งแต่เดือนมิถุนา กรกฏาคม จนแมงเม่าตาตี่ปีกหัก ร่วงผล่อยหล่นลงพื้นเต็มไปหมด แต่จีนก็ปล่อยให้เจ้ามือตาน้ำข้าวเล่นให้เพลิน ด้วยการปล่อยให้หล่นถึงพื้น และจีนก็ซื้อกลับ ส่วนเงินกองทุนของเจ้ามือตาน้ำข้าว รวมทั้งกำไรที่รวยมาจากเด็ดปีกแมงเม่าตาตี่ เจ้ามือตาน้ำข้าวเตรียมโอนกลับ บ้าน แต่จีนบอกรอแป๊บนึง อย่าเพิ่งใจร้อน รีบโอนกลับ ขอเราตรวจสอบก่อนว่า ทำผิดกฏอะไรบ้างหรือเปล่า ทำได้ไม่ไม่ใช่หรือ ก็ดันไปเปิดบ่อนเต๋าถ่วงที่บ้านคนอื่น โง่หรือฉลาด(วะ) ทุนก้อนใหญ่ เอาออกมาไม่ได้ ตลาดอื่นๆ ก็ค่อยๆร่วง ชาวบ้านนึกว่าร่วงเรื่องกรีซ ก็เพราะสื่อย้อมสีกับกองทุนตาน้ำข้าว มันบอกอย่างนั้น ก็เลยเชื่อกันอย่างนั้น…นี่การตรวจสอบจะนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้…. สื่อฟอกย้อม เรื่องนี้ ไม่ออกข่าวเลยนะ อเมริกาบอก โลกนี้หมุนด้วยน้ำมัน และมันต้องเป็นน้ำมัน ที่ค้าขายกันด้วยดอลล่าร์ (เปโตรดอลล่าร์) เท่านั้น โลกถึงจะหมุน วันนี้ จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ เปโตรหยวน หรือเปโตรรูเบิล ก็หมุนโลกได้เหมือนกัน อเมริกาบอก ระบบการเงินในโลก ต้องคุมด้วยระบบธนาคารกลางของอเมริกา จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ ถ้าเราสร้างระบบที่พวกเราเห็นพ้องกันว่ามันยุติธรรมได้ และตอนนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังค้าขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนเงินสกุลของพวกเขา ตามค่าของเงินที่พวกเขาตกลงกันเอง อ้าว พวกเอ็งตกลงกันเองได้ พวกผมก็ตกลงกันได้เหมือนกัน มีปัญหาไหม อเมริกากับพวกสร้าง World Bank, IMF มาเป็นกลไกด้านการเงิน คุมโลกจนกระดิกแทบไม่ออก วันนี้ จีนกับรัสเซียและพวกสร้าง AIIB ขึ้นมาเป็นทางเลือก อเมริกาสร้างใอ้ 3 หมาไน เป็นตัววัดเครดิตเรตติ้งของธุรกิจ ของประเทศต่างๆ ตามหลักเกณท์ที่มีผู้ค้านมากมาย ว่าไม่เป็นธรรม วันนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังสร้างบริษัทวัดเครดิตเช่นนั้นเหมือนกัน และบอกว่าเป็นธรรมกว่า เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มีการเพิ่มทางเลือกให้แก่มนุษยชาติ แต่ดูเหมือนอเมริกาไม่ยินดี นอกจากไม่ยินดีแล้ว อเมริกายังแสดงอาการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยว่า อเมริกาไม่พอใจอย่างยิ่ง อเมริกามองว่า การที่อีกฝ่าย และมนุษยชาติ มีทางเลือก มันเป็นการคุกคาม การเป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้แต่ผู้เดียวของอเมริกา( America World Dominence) และ อเมริกาเท่านั้นนะ ที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของโลก มันต้องเป็นไปตามเส้นทาง วิธีการ ระบบ ที่อเมริกาเลือก และเห็นชอบสิ เข้าใจไหม และเพราะอเมริกา มีแนวคิด และแนวปฏิบัติเข่นนี้ โลกนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงอย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อใดที่เรื่องอะไร ที่ไหน ที่ไม่เป็นไปตามแนวที่อเมริกาเห็นชอบ หรือเมื่ออเมริกาอยากได้สมบัติของเขา ประเทศเหล่านั้นก็ถูกสื่อที่เป็นมือตีนของอเมริกา ฟอกย้อมให้เป็นคนเลว เป็นเผด็จการ เป็นผู้ร้าย เป็นโจร เมื่อสื่อย้อมจนได้ที่ อเมริกาก็ยาตราใช้อำนาจของอาวุธของตัวเองเข้าไปตัดสิน และประเทศเหล่านั้น ก็ถึงแก่การกาลวิบัติ ฉิบหาย จนถึงสิ้นชาติ โลกนี้จึงอยู่ในกำมือของอเมริกา ที่ใช้มาตรฐานของตน ที่มีหลายระดับ หลายแบบ ตามสันดานจิ๊กโก๋เป็นเครื่องตัดสิน (2) แดนสยามของสมันน้อย กำลังถูกอเมริกาจับตามองอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่สมันน้อยเริ่มไม่ว่าง่าย เมื่อสมันน้อยทนมีรัฐบาลโคตรโกง ไม่ไหว ออกมาขับไล่ อเมริกายื่นหน้ามาถาม ไล่เขาทำไม เขามาจากการเลือกตั้ง เสือกไหม เสือกสิ ในความเห็นของผม ทำไมเอ็งต้องมาออกความเห็นเรื่องบ้านผมทุกเรื่อง วันนี้แดนสยาม มีทหารเป็นผู้ใช้อำนาจในการบริหาร โดยยังไม่มีการลือกตั้ง อเมริกาจะลงแดงตายเสียให้ได้ เมื่อไหร่ ไทยแลนด์จะมีการเลือกตั้ง อเมริการับไม่ได้กับการปฏิวัติ รับไม่ได้กับการไม่เลือกตั้ง รับไม่ได้กับการไม่เป็นประชาธิปไตย อเมริกาไม่ชอบ ไม่ชอบ และไม่ชอบ ทำไมไม่ลงไปดื้นเร่าๆกลิ้งกับพื้น ตอนด่าไทยแลนด์เลยละ (วะ) จะได้สมกับเป็นชาติมหาอำนาจใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก Wall Street Journal ลงบทความ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมนี้ เขียนโดย นาย Desmond Dalton ซึ่งเป็นนายทหารอเมริกัน ที่เกษียณแล้ว และเคยเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาในประเทศไทย บทความนั้นชื่อว่า ” Saving America’s Ties With Thailand” หลายท่านคงเห็นแล้ว และเข้าใจว่าสื่อไทยก็น่าจะลงแล้ว แต่ผมมีมุมมองของผม ที่อาจจะต่างไปบ้าง บทความดังกล่าว สรุปว่า อเมริกาไม่พอใจไทย ตั้งแต่มีการปฏิวัติเมื่อปี ค.ศ.2014 (ก็ปฏิวัติของลุงตู่นั่นแหละ) และความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับไทย ก็เสื่อมลงมากมายอย่างน่าใจหาย อเมริกาหันหลังให้กับรัฐบาลทหาร อย่างไม่ไว้หน้า แถมขู่ให้ไทยรีบมีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น สัมพันธ์อเมริกาไทยก็จะยิ่งเสื่อมลงไปอีกเรื่อยๆ (จะให้เสื่อมลงถึงไหน นี่ยังไม่ถึงดินหรือไง สงสัยอยากได้สัมพันธ์แบบใต้ดิน แบบนั้น ต้องไปแถวประเทศที่ถนัดแบกถาด ฮา) คุณทหารอดีตที่ปรึกษา บอกว่า การที่อเมริกาปฏิบัติต่อไทยเช่นนี้ ทำให้อเมริกาเสียโอกาสในไทยอย่างยิ่ง และทำให้นโยบายของรัฐบาลโอบามา ที่คิดจะมาถ่วงดุลอำนาจ ในเอเซียแปซิฟิกจะกลายเป็นแค่ราคาคุย ไม่ใช่ว่า อเมริกาควรจะหลับหู หลับตา กับสิ่งที่ไทยทำ แต่เพื่อรักษาโอกาสของอเมริกา อเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่สร้างศัตรูกับไทย ด้วยการด่าว่าทหารไทยอย่างเอิกเกริก ไปพูด (ด่า) กันเงียบๆก็ได้นะ แถมการที่อเมริกาตัดงบอาวุธ ตัดงบการอบรม สาระพัดกับไทย กลายเป็นการผลักให้ไทยหันไปสร้างสัมพันธ์กับชาติอื่น เช่นจีนแทน… ….และไทย ก็เลยปิดประตูทางเข้า ที่อเมริกาเคยเข้ามาใช้ไทยอย่างอิสระ สะดวกสบายไปเรียบร้อย และจากการตัดสินใจซื้ออาวุธล่าสุดของไทย แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่คิดจะพึ่งพาอเมริกาด้านอาวุธเพียงรายเดียว นี่เป็นก้าวที่พลาดอย่างยิ่งของอเมริกา แม้ไทยจะเป็นเพียงประเทศขนาดกลาง มีพลเมือง ประมาณ 70 ล้านคน มีเศรษฐกิจเพียงอันดับที่ 22 ของโลก … แต่ไทย มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งกับอเมริกา …… ….เส้นทางจากไทย เป็นเส้นทางเดียว ที่กองทัพอเมริกันเชื่อถือ ที่จะใช้เป็นจุดผ่านเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ของเอเซีย… …It offers U.S forces the only reliable access point to mainland Asia… นอกจากนี้ อุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธของอเมริกา ได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณด้านความมั่นคงก้อนใหญ่ ของไทยทุกปี บทความที่เหลือ ก็เป็นการสรรเสริญ ถึงความเก่งกล้าสามารถด้านการทหารของไทย รวมทั้งด้านการเป็นผู้นำในภูมิภาคของไทย พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ให้อเมริกากลับมาเจรจาโดยใช้คำหวานกับไทยเสียใหม่ ให้ไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อที่อเมริกาจะได้ใช้ประโยชน์จากการมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้มากที่สุด…โดยทำผ่านการพูดคุยกับผู้นำทหาร นักวิชาการ และราษฎรที่มีชื่อเสียง….อืม.. พอเห็นไหมครับ ว่าบทความนี้มันสื่ออะไรกับเราบ้าง มันไม่มีส่วนไหนเลย ที่แสดงถึงความเข้าใจ และเห็นใจประเทศไทย มันมีแต่ว่า เขาจะใช้ประโยชน์จากเราได้อย่างไรบ้าง และจะ “ทำอย่างไร” ที่จะกลับมาจิกหัวเรา ได้อย่างเดิม บทความนี้ เป็นการโยนหินถามทางที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ คำแนะนำ ว่า อเมริกาควร “ทำอย่างไร” เพื่อจะกลับมา อเมริกา น่าจะรู้ตัวแล้วว่า อเมริกากำลังเดินหมากผิดจนน่าโขกหัวตัวเอง ในยามที่โลกแบ่งชัดเป็น 2 ขั้ว เมื่อจีนและรัสเซียอยู่คนละขั้วกับอเมริกา แต่อเมริกาดันถีบหมากชื่อไทยแลนด์ กระเด็นออกไปนอกกระดานของอเมริกา และก็เป็นการถีบทิ้งอย่างเอิกเกริก เล่นงานกันทุกทาง ไม่ว่าจะโดยแสดงด้วยกริยา อาการ หรือการแสดงด้วยวาจา การด่า การเขียน ทั้งทางตรง ทางอ้อม แม้กระทั่งในบทความของถังขยะความคิด ไม่ว่าถังไหน เมื่อพูดถึงอเมริกาและพวก จะไม่ปรากฏชื่อไทยแลนด์ แดนสยามของสมันน้อยแม้แต่ครั้งเดียว คบกันมา กว่า 70 ปี บทจะถีบทิ้ง ก็ไม่เหลือใย เหลือหน้ากันไว้ อย่างนี้จะกลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่ จะให้มองกันติดสนิทใจ จะใช้กาวยี่ห้อไหนดี(วะ) อเมริกา กำลังทดสอบไทย ตามสันดานจิ๊กโก๋ปากซอย ด้วยการบีบคั้นทุกรูปแบบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาใช้ hard power (อาวุธ) อเมริกาจึงใช้ soft power (อำนาจที่ไม่ต้องใช้อาวุธ เช่น การคว่ำบาตร การกีดกัน การระงับ โดยอ้างว่าไม่ได้มาตรฐานการ และใช้มากที่สุดคือ ใช้สื่อโจมตี) เราจึงได้เห็นตั้งแต่ การโจมตีเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การเลื่อนการเลือกตั้ง เรื่องการไม่มีมนุษยธรรม ตั้งแต่โรฮิงญา มาจนถึงอุยกูร์ การที่บริษักการบินไทยไม่ได้มาตรฐาน เรื่องส่งออกอาหารไม่ผ่านมาตรฐาน ใช้แรงงานผิดมาตรฐาน ข่าวเรื่องอียู คว่ำบาตรไทย การจ่าหน้าซองผิด ฯลฯ ยังจะมีสาระพัด ตะหวักตะบวยเลวไปกว่านี้อีกมากมาย ที่มันจะสรรหา ยกขึ้นตามมาอีก การก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ก็ยังจะเกิดขึ้นอีก และอาจจะรุนแรงขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสั่นคลอนเรา พยายามทุกอย่างให้สมันน้อยปอดแหก จะได้ไม่กล้า แหกคอก มาถึงวันนี้ วันที่ต่างก็เริ่มเห็นชัดแล้ว ว่าอะไรคอยอยู่ข้างหน้า อเมริกา คิดตกหรือยัง ว่า จะตบหน้าเพื่อนเก่า 70 ปีต่อไปอีก โทษฐานคิดแหกคอก หรือ อเมริกาจะทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกลับมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะชักสำนึกได้ว่า ถ้าจะใช้ไอ้พวกลูกกระเป๋ง มาแบกถาดถือปืน อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด จิ๊กโก๋ทำได้ไหม ทำได้สบายมาก ถ้าจำเป็นจริงๆ อเมริกาก็หาวิธีกลับเข้ามาตบหลังลูบหัวไทยได้ ถ้าเดินเข้ามาตรงๆไม่ได้ หนอนในบ้าน ที่ยังเห็นอเมริกาเป็นพ่อ ยังมีอีกแยะ คงหาทางให้ สมันน้อยเดินจ๋อยๆกลับเข้าคอกเอง โดยนึกว่าอเมริกาไม่เกี่ยว แล้วเราจะว่ายังไงครับ…. ตอนนี้ ลุงตู่กำลังทำหน้าที่เป็นกัปตัน พาเรือใหญ่ขนาดกลาง ขนคนประมาณ 70 ล้านคน มุ่งหน้าไปตามลำน้ำใหญ่ สายน้ำเริ่มเชี่ยวขึ้นทุกที แถมข้างหน้า มีวังน้ำวนเห็นอยู่ชัดๆ เรือจะผ่านวังน้ำวน ไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ลุงตู่จะคัดท้าย นำเรือขนาดกลางนี้ ไปรอดไหม ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคัด ท้ายของลุงตู่เอง แต่อีกส่วน ก็ขึ้นอยู่กับผู้โดยสาร 70 ล้านคนนั่นด้วย จะเอาอย่างไรล่ะ จะให้กัปตันพาเรือเดินหน้า หรือเปลี่ยนใจ ไม่ไปต่อแล้ว กลัวน้ำวน กลัวโจรปล้น กลัวจิ๊กโก๋ขู่ ให้กัปตันทิ้งสมอ จอดมันริมฝั่งนั่นแหละ ใครจะมาเอาเรือก็เอาไป แล้วจะจอดฝั่งไหนล่ะ ฝั่งที่คุ้นๆกันมา 70 ปี เดี๋ยวดี เดียวด่า ทำเหมือนสมันน้อยเป็นขี้ข้า หรือจะจอดอีกฝั่ง จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เท่าที่ดู เขาว่าเป็นประเภทไม่ชอบเป็นขี้ข้าใคร แต่จะทิ้งสมอจอดเรือ ยามน้ำเชี่ยว ก็ใช่ว่าจะทำง่าย เผลอๆ ล่มตอนจอดนี่แหละ สมันน้อย ได้เป็นสมันน้ำ ลอยคอกันเป็นแถว เออ..แล้ว อยู่ๆ จะจอดเรือ ยกประเทศให้เขาเลยงั้นหรือ จะมีคนไม่ยอม หรือ จะมีคนอยากให้เขาจูงกลับเข้าคอก ผมตอบไม่ได้ รู้แต่ว่า หนอนในที่ชอบอยู่คอก และชอบถูกจูงยังมีอยู่ แต่ถ้าเราจะเลือกเดินหน้า ผู้โดยสารก็ต้องทำความเข้าใจ และปรับชีวิตตัวเองบ้าง ต้องรับรู้ว่า กำลังนั่งเรือไปในทางน้ำเชี่ยว ก็ต้องนั่งให้มีสติ เตรียมอุปกรณ์ทั้งด้านส่วนตัวและ ด้านสติปัญญาให้พร้อม เริ่มฝึกตัวเองให้มีวินัย ช่วยเหลือตัวเองได้ นั่งเรือไป ไม่ใช่วีดว้าย กระตู้วู้ ไปตลอดทาง อะไรนิดก็โวย อะไรหน่อยก็ด่า ฟังอะไรมาไม่ได้ยังไม่ทันกรอง ก็แชร์กัน ไลน์กัน เหมือนคนมีแต่นิ้ว แต่ไม่มีสมอง เป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ และอย่าเป็นประเภทชอบเอามือราน้ำ แบบนี้ ต่อให้กัปตันเก่งยังไง เรือก็อาจล่ม… บ้านเมืองมาถึงจุดสำคัญ ตื่นกันได้แล้วครับ ลดเรื่องไร้สาระลงเสียบ้าง เอาใจใส่บ้านเมืองกันหน่อย อย่างที่ผมเคยบอก ความเข้าใจและเห็นพ้องกัน ระหว่างผู้บริหารบ้านเมืองกับพลเมือง เป็นความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง ปิดทางไม่ให้ศัตรูทั้งภายนอกและภายในเข้ามาทำร้าย และทำลายบ้านเมืองเราได้ เราจะได้ช่วยกัน พาเรือผ่านน้ำเชี่ยวไปได้ เป็นสิ่งที่เราทำให้บ้านเมืองของเราได้นะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 ก.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 1072 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar

    ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน
    มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก
    https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces

    เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear
    Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support

    ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก
    ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears

    SSD พกพาไร้สายจาก Kingston
    Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก
    https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket

    Android จับมือ AirDrop ของ Apple
    สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10

    ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity
    มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device

    Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ
    Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns

    บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
    บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI
    Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro

    ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่
    ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว
    Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา
    https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks

    ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย
    มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร
    https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made

    กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks

    แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร
    รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry

    Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู
    Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more

    รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน

    Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ
    https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan

    ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11
    ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026
    มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when

    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ
    ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws

    การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย
    มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback

    iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon
    Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl
    นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot
    Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11
    หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games

    Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia
    Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028
    https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment

    หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats
    Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them

    ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก
    ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use

    Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5
    Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how

    คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา
    รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar 🛡️ ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces 📶 เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support 🌊 ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears 💾 SSD พกพาไร้สายจาก Kingston Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket 🤝 Android จับมือ AirDrop ของ Apple สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10 ⚠️ ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device 🧑‍💻 Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns 🎰 บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know 🖼️ Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro 🔒 ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่ ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks 📱 ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made 🐉 กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks 🛍️ แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry 📷 Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more 📺 รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan 💻 ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11 ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 📱 หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026 มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when ⚖️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws 🌐 การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback 📱 iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🖥️ Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11 หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games 📡 Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028 🔗 https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment 🛵 หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them 🤖 ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use 🔒 Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5 Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how 🎨 คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    0 Comments 0 Shares 1099 Views 0 Reviews
  • ภูเขาไฟ **เซอเมรู** บนเกาะชวาปะทุ ส่งเถ้าถ่าน–ลาวาร้อนพุ่งสูง 2 กม. ไหลลงเชิงเขายาวถึง 7 กม. ชาวบ้านกว่า 300 คนต้องอพยพวุ่น อินโดนีเซียสั่งยกระดับเตือนภัยสูงสุด พร้อมขยายโซนอันตรายรัศมี 8 กม.

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110766

    #ภูเขาไฟเซอเมรู #อินโดนีเซีย #ภูเขาไฟปะทุ #ชวาตะวันออก #ภัยพิบัติ #News1live #News1
    ภูเขาไฟ **เซอเมรู** บนเกาะชวาปะทุ ส่งเถ้าถ่าน–ลาวาร้อนพุ่งสูง 2 กม. ไหลลงเชิงเขายาวถึง 7 กม. ชาวบ้านกว่า 300 คนต้องอพยพวุ่น อินโดนีเซียสั่งยกระดับเตือนภัยสูงสุด พร้อมขยายโซนอันตรายรัศมี 8 กม. • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110766 • #ภูเขาไฟเซอเมรู #อินโดนีเซีย #ภูเขาไฟปะทุ #ชวาตะวันออก #ภัยพิบัติ #News1live #News1
    0 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • หลุม ตอนที่ 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม”

    ตอน 3

    คุณช๊อกโกแลต ไปได้ยาโด๊ปมาจากไหนไม่ทราบแน่ แต่ต้องถอยหลังไปเล่าบางเรื่องของยูเครน เมื่อปลายปี ค.ศ.2014 เสียหน่อย เผื่อจะหาแหล่งขายยาโด๊ปเจอ

    ปลายเดือนตุลาคม 2014 คุณช๊อกโกแลต ประธานาธืบดียูเครน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อคัดเด็กในคาถาเข้าสภาตามใจนายใหญ่ เพราะว่าสมาชิกสภาชุดที่มีอยู่ มันสั่งให้ยกมือกางแขนนอนกลิ้งยาก และกว่าจะหมดวาระ ว่าเข้าไปถึงปี 2017 โน่น ไม่ทันการแน่ ข่าวว่าการให้จัดเลือกตั้งใหม่ เป็นใบสั่งของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของวลีอันโด่งดัง **** the EU แห่งกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา (อ่านรายละเอียดของสาเหตุการให้ F ของนางเหยี่ยวได้ในนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง )

    เขาสั่งได้ จัดได้กันจริงๆ แล้วยูเครนก็ได้สมาชิกสภาใหม่ ที่อยู่ในแถว ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หน้าเก่า เด็กในกระเป๋าใส่เศษสตางค์ของนางเหยี่ยว ชื่อนาย Arseniy Yatsenyuk หนุ่มยิวหน้ามน อดีตนายกรัฐมนตรียูเครนสมัยหนึ่ง ที่นางเหยี่ยวเป็นผู้เลือกกับมือ ตัดหน้าอียู และเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอีกสมัย เรียกว่าเป็นตัวโปรดตัวจริงของนางเหยี่ยว ซึ่งข่าวบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงาน ชื่อ “Church of Scientology” ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรอง แขนงหนึ่งของอเมริกา อีกด้วย

    นาย Yats ไม่มาคนเดียว เขาเสนอชื่อรัฐมนตรีน่าสนใจ 3 คน

    คนแรก ชื่อ นาง Natalie Jaresko ให้เป็นรัฐมนตรีการคลัง

    คุณนาย Ja แม้จะพูดภาษายูเครนคล่องปรื้อ เพราะมาอยู่เมืองเคียฟ ( Kyiv) ต้ังแต่ปี 1992 ในฐานะเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกัน ใช่ครับสถานทูตอเมริกัน ก็คุณนายเป็นคนอเมริกัน แม้จะอ้างว่ามีรากเหง้างอกจากยูเครน แต่คุณนาย Ja ก็ถือสัญชาติอเมริกัน เรียนจบ ป โท จาก ฮาร์วาด
    ปี 1995 คุณนาย Ja ลาออกจากสถานทูต ไปคุมกองทุนชื่อ Western NIS Enterprise Fund (WNISEF) ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน ตั้งโดยสภาสูงของอเมริกัน และเป็นเงินทุนอุดหนุนผ่าน USAID มีขนาดเงินกองทุน จำนวน 150 ล้านเหรียญ
    นอกจากนี้ คุณนาย Ja ยังบริหารกองทุน ชื่อ Horizon Capital Associates, LLC. (ไม่รู้ขนาดของกองทุน)

    ทั้ง 2 กองทุน มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนในธุรกิจบริการ ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจด้านของกินของใช้ โดยจะลงทุนในบริษัทขนาดกลาง ทั้งในยูเครน เบลาลุส และมอนโดวา เรียกว่า เป็นรายการกวาดกิจการ แถบยูเครนเข้ากระเป๋า ดูๆ ก็ไม่ต่างกับการบังคับให้แปรรูปรัฐวิสากิจ แต่ยูเครนไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจจะให้แปร เลยต้องใช้กองทุนเข้าไปซื้อบริษัทแบบดื้อๆ ด้านๆ ง่ายกว่าแยะ

    เมื่อคุณนาย Ja แถลงรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง คุณนายบอกว่า ทีมเราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้มีความโปร่งใส และขจัดทุจริต ฟังคุ้นหูดีไหมครับ สงสัยพวกโพยนี่ เขาอัดโรเนียวแจกทั่วโลก และไอ้พฤติกรรมที่ทำ กับคำพูดนี่ มันก็สับปรับเหมือนกันหมด

    ผู้คนสงสัย แล้วคนอเมริกันไปเป็นรัฐมนตรีที่ยูเครนได้ยังไง เขียนมั่วหรือเปล่า ไม่มั่วครับ

    1 วันก่อนการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง คุณช๊อกโกแลต ก็จัดการออกสัญชาติยูเครนให้คุณนาย Ja ก็แค่นั้นเอง คุณนายก็ถือ 2 สัญชาติควบ มีปัญหาอะไรไหม

    โปรดเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ของอเมริกา ที่จะเข้าไปล้วง ไปขุด ไปออกเสียง สั่งการที่ไหน แม้แต่ไปอยู่ในรัฐบาลประเทศอื่น ก็ได้ในโลก เยี่ยมจังพี่ ผมไม่เคยเห็นใครตวัดได้เก่งอย่างนี้เลย เขียนชมขนาดนี้แล้วจะเลิกป่วน เพจผมไหมครับ ไอ้เรื่องทำให้เครื่องค้าง กดอะไรไม่ได้เลย สลับข้อความ ข้อความหายนี่ ฯลฯ เล่นแบบนี้มานานแล้วนะ เบื่อฉิบหายเลย ให้มันสร้างสรรกว่านี้ได้ไหมครับ

    ส่งคุณนาย Ja มาคนเดียว คงกลัวจ่ายตลาดไม่ทัน นาย Yats เลยเสนอชื่อ นาย Aviras Abromavicius นักการเงินชาวลิทัวเนีย ให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นาย Ab นี่ เป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการกองทุน ชื่อ East Capital ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสวีเดน มีกองทุนอยู่ใน ประเทศตลาดเกิดใหม่ 25 ประเทศ ขนาดของแต่กองทุน ประมาณ 100 ล้านเหรียญขึ้นไป

    ถ้าผมเป็นชาวยูเครน ผมจะยุให้มีการอารยะขัดขืน (ฮา) ไม่จ่ายภาษีจนกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างชาตินี่ จะออกไปให้พ้นจากคณะรัฐบาล เพราะมันเป็นการดูหมิ่นประชาชนในชาติมาก ที่เอาคนต่างชาติมาบริหารชาติตนเองน่ะ ชาวยูเครนทนได้ยังไงครับ

    แล้วคุณช๊อกโกแลต ก็ออกสัญชาติยูเครนให้ นาย Ab พร้อมๆกับ คุณนาย Ja ไม่มีปัญหากับประชาธิปไตยของยูเครน แม้แต่น้อย และไม่มีไอ้พวกใบตองแห้ง มาด่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เพราะมันเป็นคนจัดมาให้ (ฮา และ โห่) ต้องการประชาธิปไตยอย่างนี้ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม

    ยังครับ ยัง ยังไม่เป็นประชาธิปไตยพอ นาย Yats เลยไปสรรหามาอีกหนึ่ง คราวนี้ได้ชาวจอร์เจีย ชื่อ Alexander Kvitashvili เขาเป็นอดีตรัฐมนตรีสาธารณะสุข ของจอร์เจีย สมัยที่ นาย Saak, Mikheil Saakashvili เป็นประธานาธิบดี ของ จอร์เจีย ( Georgia)
    นาย Kvit นี่น่าชื่นชมที่สุด ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญจริง เป็นคนต่างชาติ ยังไม่พอ พูดภาษายูเครนไม่ได้ ฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่รับหน้าที่จะมาปราบการทุจริต ในวงการสาธารณสุขของยูเครน ถ้าทำงานนี้สำเร็จ ควรต้องตกรางวัล ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนาย Yats เสียเลย ถ้านางเหยี่ยว Nuland ยอม

    อ้อ ตกความไปหน่อย นายKvit นี่ก็เรียนจบ ป โทที่อเมริกา และทำงานที่ Atlanta Medical Center ในอเมริกาอยู่พักหนึ่ง ก่อนกลับมาทำงานกับ United Nations Development Program ที่จอร์เจีย และทำงานร่วมกับหลายองค์กรทางด้านสาธารณสุขของอเมริกา

    ช่างเลือกกันดีนะครับ

    ##############
    ตอน 4

    เห็นแหล่งส่งยาโด๊ปของคุณช๊อกโกแลตแวบแวบ แต่ มันยังไม่ชัดเจน

    Loli Kantor เป็นนักข่าวประเภท ทั้งถ่าย(รูป)ทั้งเล่า ชาวอิสราเอล/อเมริกัน เล่าว่า เธอเดินทางไปโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.2004 เพื่อไปค้นหาด้วยตัวเอง ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวของตัวบ้างระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

    Kantor บอกว่า พ่อแม่ของเธอรอดตายจาก Holocaust แต่ก็เห็นชื่อปู่ยาตายาย ลุงป้า ตายเกลี้ยง ตามรายชื่อที่พวกนาซีรวบรวมไว้ เธอบอกว่า ชื่อคนตาย มีแต่ ยิว ยิว ยิว ฉันเดินไปถ่ายรูปสถานที่ฆ่าหมู่ชาวยิวทั้งหลาย ฉันถามตัวเองว่า แล้วชาวยิว ที่ยังเป็นๆอยู่ในยุโรปตะวันออกมีไหม เขาอยู่ที่ไหนกัน แล้วฉันก็พบพวกเขาที่ยูเครน หลังจากน้ันเจ้าตัวก็เทียวไปเทียวมายูเครนต่อมาอีก 8 ปี และเขียนหนังสือ ชื่อ Beyond the Forest ที่มีรูปภาพเกี่ยวกับชีวิตชาวยิวรุ่นเก่า

    ระหว่างที่ถ่ายรูปทำหนังสือ Kantor ก็ได้เห็นการเกิดใหม่ของชุมชน ชาวยิว rebirth of Jewish communities ในยูเครน Kantor ตื่นเต้น เธอกลับไปคุยกับ David Fisherman ศาสตราจารย์ชาวยิว ที่ Theological Seminary of America ซึ่งก็สอนที่มหาวิทยาลัย Kiew ของยูเครนด้วย
    ท่าน ศจ บอกว่า ตอนนี้ เหมือนเป็นช่วงเวลาของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ของชาวยิวกับยูเครน ไม่เคยมีช่วงไหนที่ดีอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ Kantor ถ้าจะตกข่าวแยะ

    ท่าน ศจ บอกว่า มันคงมีส่วน มาจากการพุ่งเป็นพลุ ของนาย Ihor Kolomoyski มหาเศรษฐีใหญ่ชาวยิวนั่นแหละ ซึ่งได้รับเลือก ตั้งแต่ปีก่อน ให้เป็นผู้ว่าการเมือง Dnipropetrovsk (ถ้าสะกดผิดก็ขออำไพนะครับ เขียนยากชะมัด) ซึ่งเป็นเสมือนเมือง ศูนย์กลางของยูเครนเลยนะ ก่อนหน้านั้น นาย มอยสกี้ (Kolomoyski) สร้างศูนย์สันทนาการ มูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ขึ้นที่กลางเมือง ต้ังชื่อว่า Menorah Center (menorah คือเชิงเทียน 7 กิ่ง ที่ใช้ในพิธีของชาวยิว และเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชาวยิว) มีของทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิว รวมทั้ง Holocaust Museum เรียกว่า เป็นศูนย์สันทนาการของชาวยิว ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าใจไหม… อ้อ อย่างนี้นี่เอง อันนี้ผมรำพึง

    นายมอยสกี้นี่ เป็นคนพูดจาไม่อ้อมค้อม เสียงดังฟังชัด ก็ทั้งรวย ทั้งเป็นผู้ว่าฯ เราๆก็น่าจะคุ้นกับการพูดแบบนี้ของคนอย่างนี้นะครับ เขาบอกว่า เมืองนี้ ไม่มีที่ให้สำหรับพวกที่อยากไปอยู่กับรัสเซีย …เด็ดขาดจริง

    ท่าน ศจ บอก เขาพูดแบบนี้ มันเลยทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลใหม่ ออกกลิ่นยิวแรงไปหน่อย ไม่หน่อยหรอก ท่าน ศจ คุณประธานาธิบดี ช๊อกโกแลต เองก็เพิ่งจัดงานรำลึก 70 ปี ของ Auschwitz แถมตั้งนาย Vladimir Grossman ซึ่งเป็นชาวยิว ให้เป็นประธานสภาใหม่เอี่ยมนี่ด้วย

    Kantor ยังไม่แน่ใจ เธอไปถาม Igor Shchupak หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ Holocaust ว่า ตกลงตอนนี้ พวกยิวที่นี่มีความสุขมากเลยใช่ไหม หัวหน้า บอก ใช่แล้ว มันเป็น golden age ของชาวยิวในยูเครนเชียวล่ะ มันเป็นฝีมือเขาละ ฝีมือของนายมอยสกี้

    นายมอยสกี้ เป็นใครมาจากไหน ข่าวบอกเขารวยมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดในแถบนั้น เป็นเจ้าของสื่อ เจ้าของโรงแรม สาระพัด ฯลฯ แต่เรื่องรวย สำหรับบางคนมันอาจจะน่าตื่นเต้น แต่สำหรับชาวยิว เรื่องรวย คงไม่ใช่เป็นเรื่องต้องตื่นเต้น รวยและมีอำนาจต่างหาก ที่เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสูตรบังคับ นายมอยสกี้จึงตั้งตัวเป็นมาเฟียใหญ่ประจำยูเครน ถนัดในการเก็บกวาดฝ่ายตรงกันข้าม ธุรกิจสีเทาอยู่ในมือเขาทั้งนั้น นายกเล็กของเมืองที่อยู่ฝั่งที่เชียร์รัสเซีย อีก 2 คน ที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า Dopa กับ Gepa ซึ่งแม้จะเป็นชาวยิวด้วยกัน แต่เมื่ออุดมการณ์ต่างกับเจ้าพ่อมอยสกี้ ผลปรากฏว่า คนหนึ่งจึงถูกยิง และอีกคนถูกจับติดคุก ยิวด้วยกัน ยังเล่นดุขนาดนี้
    เรื่องของนายมอยสกี้ ยังมีที่น่าสนใจ เกี่ยวพันกับสถานการณ์ปัจจุบันของยูเครนคือ นอกจากเป็นผู้ว่าการนครที่เป็นศูนย์กลางของยูเครน เป็นผู้ก่อตั้งสหภาพชาวยิวยุโรป (European Jewish Union) และประกาศชัดเจนว่าไม่เอารัสเซียแล้ว ยังมีข่าวว่า เขามีกองกำลังของตัวเอง จัดตั้งแบบพวกนาซีเยอรมัน (แต่ไม่เกี่ยวกับนาซีเยอรมัน) จำนวนประมาณ 2 หมื่นคน มีนโยบายชัดเจนว่า ถ้าอยู่คนละฝ่าย หรือไม่พอใจ ก็อย่าอยู่ร่วมกัน และนโยบายของเขาคือไม่เอารัสเซียแค่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเตรียมกองกำลังนี้ไว้ทำอะไร

    ยาโด๊ป ยี่ห้อ นาย Saak นายYats นายมอยสกี้ นี่เองหรือ ที่ทำให้ คุณช๊อกโกแลต เกิดฟิตจัด คิดขุดหลุมล่อรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 มิ.ย. 2558
    หลุม ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม” ตอน 3 คุณช๊อกโกแลต ไปได้ยาโด๊ปมาจากไหนไม่ทราบแน่ แต่ต้องถอยหลังไปเล่าบางเรื่องของยูเครน เมื่อปลายปี ค.ศ.2014 เสียหน่อย เผื่อจะหาแหล่งขายยาโด๊ปเจอ ปลายเดือนตุลาคม 2014 คุณช๊อกโกแลต ประธานาธืบดียูเครน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อคัดเด็กในคาถาเข้าสภาตามใจนายใหญ่ เพราะว่าสมาชิกสภาชุดที่มีอยู่ มันสั่งให้ยกมือกางแขนนอนกลิ้งยาก และกว่าจะหมดวาระ ว่าเข้าไปถึงปี 2017 โน่น ไม่ทันการแน่ ข่าวว่าการให้จัดเลือกตั้งใหม่ เป็นใบสั่งของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของวลีอันโด่งดัง Fuck the EU แห่งกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา (อ่านรายละเอียดของสาเหตุการให้ F ของนางเหยี่ยวได้ในนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง ) เขาสั่งได้ จัดได้กันจริงๆ แล้วยูเครนก็ได้สมาชิกสภาใหม่ ที่อยู่ในแถว ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หน้าเก่า เด็กในกระเป๋าใส่เศษสตางค์ของนางเหยี่ยว ชื่อนาย Arseniy Yatsenyuk หนุ่มยิวหน้ามน อดีตนายกรัฐมนตรียูเครนสมัยหนึ่ง ที่นางเหยี่ยวเป็นผู้เลือกกับมือ ตัดหน้าอียู และเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอีกสมัย เรียกว่าเป็นตัวโปรดตัวจริงของนางเหยี่ยว ซึ่งข่าวบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงาน ชื่อ “Church of Scientology” ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรอง แขนงหนึ่งของอเมริกา อีกด้วย นาย Yats ไม่มาคนเดียว เขาเสนอชื่อรัฐมนตรีน่าสนใจ 3 คน คนแรก ชื่อ นาง Natalie Jaresko ให้เป็นรัฐมนตรีการคลัง คุณนาย Ja แม้จะพูดภาษายูเครนคล่องปรื้อ เพราะมาอยู่เมืองเคียฟ ( Kyiv) ต้ังแต่ปี 1992 ในฐานะเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกัน ใช่ครับสถานทูตอเมริกัน ก็คุณนายเป็นคนอเมริกัน แม้จะอ้างว่ามีรากเหง้างอกจากยูเครน แต่คุณนาย Ja ก็ถือสัญชาติอเมริกัน เรียนจบ ป โท จาก ฮาร์วาด ปี 1995 คุณนาย Ja ลาออกจากสถานทูต ไปคุมกองทุนชื่อ Western NIS Enterprise Fund (WNISEF) ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน ตั้งโดยสภาสูงของอเมริกัน และเป็นเงินทุนอุดหนุนผ่าน USAID มีขนาดเงินกองทุน จำนวน 150 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ คุณนาย Ja ยังบริหารกองทุน ชื่อ Horizon Capital Associates, LLC. (ไม่รู้ขนาดของกองทุน) ทั้ง 2 กองทุน มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนในธุรกิจบริการ ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจด้านของกินของใช้ โดยจะลงทุนในบริษัทขนาดกลาง ทั้งในยูเครน เบลาลุส และมอนโดวา เรียกว่า เป็นรายการกวาดกิจการ แถบยูเครนเข้ากระเป๋า ดูๆ ก็ไม่ต่างกับการบังคับให้แปรรูปรัฐวิสากิจ แต่ยูเครนไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจจะให้แปร เลยต้องใช้กองทุนเข้าไปซื้อบริษัทแบบดื้อๆ ด้านๆ ง่ายกว่าแยะ เมื่อคุณนาย Ja แถลงรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง คุณนายบอกว่า ทีมเราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้มีความโปร่งใส และขจัดทุจริต ฟังคุ้นหูดีไหมครับ สงสัยพวกโพยนี่ เขาอัดโรเนียวแจกทั่วโลก และไอ้พฤติกรรมที่ทำ กับคำพูดนี่ มันก็สับปรับเหมือนกันหมด ผู้คนสงสัย แล้วคนอเมริกันไปเป็นรัฐมนตรีที่ยูเครนได้ยังไง เขียนมั่วหรือเปล่า ไม่มั่วครับ 1 วันก่อนการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง คุณช๊อกโกแลต ก็จัดการออกสัญชาติยูเครนให้คุณนาย Ja ก็แค่นั้นเอง คุณนายก็ถือ 2 สัญชาติควบ มีปัญหาอะไรไหม โปรดเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ของอเมริกา ที่จะเข้าไปล้วง ไปขุด ไปออกเสียง สั่งการที่ไหน แม้แต่ไปอยู่ในรัฐบาลประเทศอื่น ก็ได้ในโลก เยี่ยมจังพี่ ผมไม่เคยเห็นใครตวัดได้เก่งอย่างนี้เลย เขียนชมขนาดนี้แล้วจะเลิกป่วน เพจผมไหมครับ ไอ้เรื่องทำให้เครื่องค้าง กดอะไรไม่ได้เลย สลับข้อความ ข้อความหายนี่ ฯลฯ เล่นแบบนี้มานานแล้วนะ เบื่อฉิบหายเลย ให้มันสร้างสรรกว่านี้ได้ไหมครับ ส่งคุณนาย Ja มาคนเดียว คงกลัวจ่ายตลาดไม่ทัน นาย Yats เลยเสนอชื่อ นาย Aviras Abromavicius นักการเงินชาวลิทัวเนีย ให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นาย Ab นี่ เป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการกองทุน ชื่อ East Capital ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสวีเดน มีกองทุนอยู่ใน ประเทศตลาดเกิดใหม่ 25 ประเทศ ขนาดของแต่กองทุน ประมาณ 100 ล้านเหรียญขึ้นไป ถ้าผมเป็นชาวยูเครน ผมจะยุให้มีการอารยะขัดขืน (ฮา) ไม่จ่ายภาษีจนกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างชาตินี่ จะออกไปให้พ้นจากคณะรัฐบาล เพราะมันเป็นการดูหมิ่นประชาชนในชาติมาก ที่เอาคนต่างชาติมาบริหารชาติตนเองน่ะ ชาวยูเครนทนได้ยังไงครับ แล้วคุณช๊อกโกแลต ก็ออกสัญชาติยูเครนให้ นาย Ab พร้อมๆกับ คุณนาย Ja ไม่มีปัญหากับประชาธิปไตยของยูเครน แม้แต่น้อย และไม่มีไอ้พวกใบตองแห้ง มาด่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เพราะมันเป็นคนจัดมาให้ (ฮา และ โห่) ต้องการประชาธิปไตยอย่างนี้ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม ยังครับ ยัง ยังไม่เป็นประชาธิปไตยพอ นาย Yats เลยไปสรรหามาอีกหนึ่ง คราวนี้ได้ชาวจอร์เจีย ชื่อ Alexander Kvitashvili เขาเป็นอดีตรัฐมนตรีสาธารณะสุข ของจอร์เจีย สมัยที่ นาย Saak, Mikheil Saakashvili เป็นประธานาธิบดี ของ จอร์เจีย ( Georgia) นาย Kvit นี่น่าชื่นชมที่สุด ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญจริง เป็นคนต่างชาติ ยังไม่พอ พูดภาษายูเครนไม่ได้ ฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่รับหน้าที่จะมาปราบการทุจริต ในวงการสาธารณสุขของยูเครน ถ้าทำงานนี้สำเร็จ ควรต้องตกรางวัล ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนาย Yats เสียเลย ถ้านางเหยี่ยว Nuland ยอม อ้อ ตกความไปหน่อย นายKvit นี่ก็เรียนจบ ป โทที่อเมริกา และทำงานที่ Atlanta Medical Center ในอเมริกาอยู่พักหนึ่ง ก่อนกลับมาทำงานกับ United Nations Development Program ที่จอร์เจีย และทำงานร่วมกับหลายองค์กรทางด้านสาธารณสุขของอเมริกา ช่างเลือกกันดีนะครับ ############## ตอน 4 เห็นแหล่งส่งยาโด๊ปของคุณช๊อกโกแลตแวบแวบ แต่ มันยังไม่ชัดเจน Loli Kantor เป็นนักข่าวประเภท ทั้งถ่าย(รูป)ทั้งเล่า ชาวอิสราเอล/อเมริกัน เล่าว่า เธอเดินทางไปโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.2004 เพื่อไปค้นหาด้วยตัวเอง ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวของตัวบ้างระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 Kantor บอกว่า พ่อแม่ของเธอรอดตายจาก Holocaust แต่ก็เห็นชื่อปู่ยาตายาย ลุงป้า ตายเกลี้ยง ตามรายชื่อที่พวกนาซีรวบรวมไว้ เธอบอกว่า ชื่อคนตาย มีแต่ ยิว ยิว ยิว ฉันเดินไปถ่ายรูปสถานที่ฆ่าหมู่ชาวยิวทั้งหลาย ฉันถามตัวเองว่า แล้วชาวยิว ที่ยังเป็นๆอยู่ในยุโรปตะวันออกมีไหม เขาอยู่ที่ไหนกัน แล้วฉันก็พบพวกเขาที่ยูเครน หลังจากน้ันเจ้าตัวก็เทียวไปเทียวมายูเครนต่อมาอีก 8 ปี และเขียนหนังสือ ชื่อ Beyond the Forest ที่มีรูปภาพเกี่ยวกับชีวิตชาวยิวรุ่นเก่า ระหว่างที่ถ่ายรูปทำหนังสือ Kantor ก็ได้เห็นการเกิดใหม่ของชุมชน ชาวยิว rebirth of Jewish communities ในยูเครน Kantor ตื่นเต้น เธอกลับไปคุยกับ David Fisherman ศาสตราจารย์ชาวยิว ที่ Theological Seminary of America ซึ่งก็สอนที่มหาวิทยาลัย Kiew ของยูเครนด้วย ท่าน ศจ บอกว่า ตอนนี้ เหมือนเป็นช่วงเวลาของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ของชาวยิวกับยูเครน ไม่เคยมีช่วงไหนที่ดีอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ Kantor ถ้าจะตกข่าวแยะ ท่าน ศจ บอกว่า มันคงมีส่วน มาจากการพุ่งเป็นพลุ ของนาย Ihor Kolomoyski มหาเศรษฐีใหญ่ชาวยิวนั่นแหละ ซึ่งได้รับเลือก ตั้งแต่ปีก่อน ให้เป็นผู้ว่าการเมือง Dnipropetrovsk (ถ้าสะกดผิดก็ขออำไพนะครับ เขียนยากชะมัด) ซึ่งเป็นเสมือนเมือง ศูนย์กลางของยูเครนเลยนะ ก่อนหน้านั้น นาย มอยสกี้ (Kolomoyski) สร้างศูนย์สันทนาการ มูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ขึ้นที่กลางเมือง ต้ังชื่อว่า Menorah Center (menorah คือเชิงเทียน 7 กิ่ง ที่ใช้ในพิธีของชาวยิว และเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชาวยิว) มีของทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิว รวมทั้ง Holocaust Museum เรียกว่า เป็นศูนย์สันทนาการของชาวยิว ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าใจไหม… อ้อ อย่างนี้นี่เอง อันนี้ผมรำพึง นายมอยสกี้นี่ เป็นคนพูดจาไม่อ้อมค้อม เสียงดังฟังชัด ก็ทั้งรวย ทั้งเป็นผู้ว่าฯ เราๆก็น่าจะคุ้นกับการพูดแบบนี้ของคนอย่างนี้นะครับ เขาบอกว่า เมืองนี้ ไม่มีที่ให้สำหรับพวกที่อยากไปอยู่กับรัสเซีย …เด็ดขาดจริง ท่าน ศจ บอก เขาพูดแบบนี้ มันเลยทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลใหม่ ออกกลิ่นยิวแรงไปหน่อย ไม่หน่อยหรอก ท่าน ศจ คุณประธานาธิบดี ช๊อกโกแลต เองก็เพิ่งจัดงานรำลึก 70 ปี ของ Auschwitz แถมตั้งนาย Vladimir Grossman ซึ่งเป็นชาวยิว ให้เป็นประธานสภาใหม่เอี่ยมนี่ด้วย Kantor ยังไม่แน่ใจ เธอไปถาม Igor Shchupak หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ Holocaust ว่า ตกลงตอนนี้ พวกยิวที่นี่มีความสุขมากเลยใช่ไหม หัวหน้า บอก ใช่แล้ว มันเป็น golden age ของชาวยิวในยูเครนเชียวล่ะ มันเป็นฝีมือเขาละ ฝีมือของนายมอยสกี้ นายมอยสกี้ เป็นใครมาจากไหน ข่าวบอกเขารวยมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดในแถบนั้น เป็นเจ้าของสื่อ เจ้าของโรงแรม สาระพัด ฯลฯ แต่เรื่องรวย สำหรับบางคนมันอาจจะน่าตื่นเต้น แต่สำหรับชาวยิว เรื่องรวย คงไม่ใช่เป็นเรื่องต้องตื่นเต้น รวยและมีอำนาจต่างหาก ที่เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสูตรบังคับ นายมอยสกี้จึงตั้งตัวเป็นมาเฟียใหญ่ประจำยูเครน ถนัดในการเก็บกวาดฝ่ายตรงกันข้าม ธุรกิจสีเทาอยู่ในมือเขาทั้งนั้น นายกเล็กของเมืองที่อยู่ฝั่งที่เชียร์รัสเซีย อีก 2 คน ที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า Dopa กับ Gepa ซึ่งแม้จะเป็นชาวยิวด้วยกัน แต่เมื่ออุดมการณ์ต่างกับเจ้าพ่อมอยสกี้ ผลปรากฏว่า คนหนึ่งจึงถูกยิง และอีกคนถูกจับติดคุก ยิวด้วยกัน ยังเล่นดุขนาดนี้ เรื่องของนายมอยสกี้ ยังมีที่น่าสนใจ เกี่ยวพันกับสถานการณ์ปัจจุบันของยูเครนคือ นอกจากเป็นผู้ว่าการนครที่เป็นศูนย์กลางของยูเครน เป็นผู้ก่อตั้งสหภาพชาวยิวยุโรป (European Jewish Union) และประกาศชัดเจนว่าไม่เอารัสเซียแล้ว ยังมีข่าวว่า เขามีกองกำลังของตัวเอง จัดตั้งแบบพวกนาซีเยอรมัน (แต่ไม่เกี่ยวกับนาซีเยอรมัน) จำนวนประมาณ 2 หมื่นคน มีนโยบายชัดเจนว่า ถ้าอยู่คนละฝ่าย หรือไม่พอใจ ก็อย่าอยู่ร่วมกัน และนโยบายของเขาคือไม่เอารัสเซียแค่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเตรียมกองกำลังนี้ไว้ทำอะไร ยาโด๊ป ยี่ห้อ นาย Saak นายYats นายมอยสกี้ นี่เองหรือ ที่ทำให้ คุณช๊อกโกแลต เกิดฟิตจัด คิดขุดหลุมล่อรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 1255 Views 0 Reviews
  • ถือถ่านร้อนไว้ในมือ...ย่อมปวดแสบปวดร้อน
    Cr.Wiwan Boonya
    ถือถ่านร้อนไว้ในมือ...ย่อมปวดแสบปวดร้อน Cr.Wiwan Boonya
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • ทำไม Xbox ยังไม่เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่ชาร์จเหมือนคู่แข่ง?

    ในยุคที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จได้ เช่น PlayStation DualSense หรือ Nintendo Switch Pro Controller แต่ Xbox ยังคงเลือกใช้ ถ่าน AA เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับคอนโทรลเลอร์ของตนเอง

    เหตุผลหลักมาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เล่น โดย Jason Ronald ผู้บริหารฝ่ายโปรแกรมของ Xbox เผยว่า “มีผู้เล่นจำนวนมากที่ยังต้องการใช้ถ่าน AA” เพราะมันให้ความยืดหยุ่นในการเลือกว่าจะใช้ถ่านแบบชาร์จหรือแบบใช้แล้วทิ้ง

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า AA ไม่สะดวก แต่ Xbox ก็มีทางเลือกเสริม เช่น Play & Charge Kit หรือ แบตเตอรี่เสริมจากผู้ผลิตภายนอก ที่สามารถชาร์จผ่าน USB-C ได้เหมือนกับ Elite Controller Series 2

    นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ Duracell ในการจัดหาถ่าน OEM สำหรับ Xbox แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้ต้องใช้เฉพาะแบรนด์นี้

    Xbox ยังคงใช้ถ่าน AA เป็นค่าเริ่มต้น
    ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้เล่นในการเลือกวิธีใช้งาน
    เป็นผลจากการสำรวจความต้องการของผู้เล่นโดยตรง

    มีทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ AA
    Xbox Elite Controller Series 2 ใช้แบตเตอรี่ชาร์จผ่าน USB-C
    มี Play & Charge Kit สำหรับ Xbox One และ Series X/S
    รองรับแบตเตอรี่จากผู้ผลิตภายนอก

    ความร่วมมือกับ Duracell
    Duracell เป็นผู้จัดหาถ่าน OEM สำหรับ Xbox
    ไม่ได้บังคับให้ใช้เฉพาะแบรนด์นี้

    https://www.slashgear.com/2014244/why-xbox-controllers-still-use-batteries/
    🎮 ทำไม Xbox ยังไม่เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่ชาร์จเหมือนคู่แข่ง? ในยุคที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จได้ เช่น PlayStation DualSense หรือ Nintendo Switch Pro Controller แต่ Xbox ยังคงเลือกใช้ ถ่าน AA เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับคอนโทรลเลอร์ของตนเอง เหตุผลหลักมาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เล่น โดย Jason Ronald ผู้บริหารฝ่ายโปรแกรมของ Xbox เผยว่า “มีผู้เล่นจำนวนมากที่ยังต้องการใช้ถ่าน AA” เพราะมันให้ความยืดหยุ่นในการเลือกว่าจะใช้ถ่านแบบชาร์จหรือแบบใช้แล้วทิ้ง แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า AA ไม่สะดวก แต่ Xbox ก็มีทางเลือกเสริม เช่น Play & Charge Kit หรือ แบตเตอรี่เสริมจากผู้ผลิตภายนอก ที่สามารถชาร์จผ่าน USB-C ได้เหมือนกับ Elite Controller Series 2 นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ Duracell ในการจัดหาถ่าน OEM สำหรับ Xbox แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้ต้องใช้เฉพาะแบรนด์นี้ ✅ Xbox ยังคงใช้ถ่าน AA เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้เล่นในการเลือกวิธีใช้งาน ➡️ เป็นผลจากการสำรวจความต้องการของผู้เล่นโดยตรง ✅ มีทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ AA ➡️ Xbox Elite Controller Series 2 ใช้แบตเตอรี่ชาร์จผ่าน USB-C ➡️ มี Play & Charge Kit สำหรับ Xbox One และ Series X/S ➡️ รองรับแบตเตอรี่จากผู้ผลิตภายนอก ✅ ความร่วมมือกับ Duracell ➡️ Duracell เป็นผู้จัดหาถ่าน OEM สำหรับ Xbox ➡️ ไม่ได้บังคับให้ใช้เฉพาะแบรนด์นี้ https://www.slashgear.com/2014244/why-xbox-controllers-still-use-batteries/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Xbox Controllers Still Use Batteries (But PlayStation And Nintendo Switch Don't) - SlashGear
    Gamers have myriad ways to power their controllers, with options for different systems and personal preferences.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 4

    หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง

    สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้

    1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่

    2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย

    3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป)

    4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ ….

    4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย
    5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย

    6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง

    7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก

    8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล

    ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน

    ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง

    คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง

    และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้

    – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง

    – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น
    – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ

    – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ

    – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น

    – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน

    – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ

    – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย
    – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย

    – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่

    – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง

    – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด

    เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย

    ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 4 หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้ 1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่ 2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย 3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป) 4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ …. 4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย 5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย 6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง 7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก 8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้ – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่ – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 919 Views 0 Reviews
  • สะเทือนวงการเว็บเก็บข้อมูล! FBI สั่งผู้ให้บริการเผยตัวตนผู้ใช้ Archive.today

    ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความลับ เว็บไซต์ Archive.today ถือเป็นหนึ่งในแหล่งเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและเข้าถึงหน้าเว็บในอดีตได้โดยไม่ต้องผ่านข้อจำกัดใด ๆ เช่นเดียวกับ Wayback Machine แต่มีความเป็นอิสระและไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า

    ล่าสุด เว็บไซต์นี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของ FBI ที่ออกคำสั่งศาลให้ผู้ให้บริการโดเมน Tucows ในแคนาดา ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ที่อยู่เบื้องหลัง Archive.today ซึ่งรวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน โดยมีบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม

    เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากโพสต์ลึกลับในบัญชี X (Twitter เดิม) ของ Archive.today ที่เงียบหายไปนานกว่า 1 ปี โดยโพสต์คำว่า “Canary” พร้อมลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยในเหมืองถ่านหินยุคเก่า ว่าอาจมีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังใกล้เข้ามา

    แม้คำสั่งศาลจะยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ แต่ก็จุดกระแสให้เกิดการขุดคุ้ยถึงตัวตนของผู้ดำเนินการเว็บไซต์นี้ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ขณะที่อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในนิวยอร์ก

    นอกจากประเด็นด้านลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หน่วยงานสืบสวนของสหรัฐฯ ให้ความสนใจ

    Archive.today คืออะไร
    เป็นเว็บไซต์ที่เก็บ snapshot ของหน้าเว็บในอดีต โดยไม่สนข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป
    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกลบหรืออยู่หลัง paywall ได้

    คำสั่งศาลจาก FBI
    สั่งให้ Tucows ผู้ให้บริการโดเมนในแคนาดา ส่งข้อมูลผู้ใช้ของ Archive.today
    รวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน
    หากไม่ส่งข้อมูลตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย

    สัญญาณเตือนจากโพสต์ “Canary”
    เป็นสัญลักษณ์เตือนภัยแบบลับ ๆ ว่าเว็บไซต์อาจกำลังเผชิญอันตราย
    ลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ที่อ้างว่าเป็นคำสั่งศาล

    ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนผู้ดำเนินการ
    บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย
    อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาจากนิวยอร์ก
    ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด

    พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิด
    ใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูล
    อาจละเมิดลิขสิทธิ์จากการเผยแพร่เนื้อหาหลัง paywall

    https://www.heise.de/en/news/Archive-today-FBI-Demands-Data-from-Provider-Tucows-11066346.html
    🕵️‍♂️ สะเทือนวงการเว็บเก็บข้อมูล! FBI สั่งผู้ให้บริการเผยตัวตนผู้ใช้ Archive.today ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและความลับ เว็บไซต์ Archive.today ถือเป็นหนึ่งในแหล่งเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถบันทึกและเข้าถึงหน้าเว็บในอดีตได้โดยไม่ต้องผ่านข้อจำกัดใด ๆ เช่นเดียวกับ Wayback Machine แต่มีความเป็นอิสระและไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า ล่าสุด เว็บไซต์นี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของ FBI ที่ออกคำสั่งศาลให้ผู้ให้บริการโดเมน Tucows ในแคนาดา ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ที่อยู่เบื้องหลัง Archive.today ซึ่งรวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน โดยมีบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากโพสต์ลึกลับในบัญชี X (Twitter เดิม) ของ Archive.today ที่เงียบหายไปนานกว่า 1 ปี โดยโพสต์คำว่า “Canary” พร้อมลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยในเหมืองถ่านหินยุคเก่า ว่าอาจมีอันตรายที่มองไม่เห็นกำลังใกล้เข้ามา แม้คำสั่งศาลจะยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ แต่ก็จุดกระแสให้เกิดการขุดคุ้ยถึงตัวตนของผู้ดำเนินการเว็บไซต์นี้ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ขณะที่อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในนิวยอร์ก นอกจากประเด็นด้านลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หน่วยงานสืบสวนของสหรัฐฯ ให้ความสนใจ ✅ Archive.today คืออะไร ➡️ เป็นเว็บไซต์ที่เก็บ snapshot ของหน้าเว็บในอดีต โดยไม่สนข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ทั่วไป ➡️ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกลบหรืออยู่หลัง paywall ได้ ✅ คำสั่งศาลจาก FBI ➡️ สั่งให้ Tucows ผู้ให้บริการโดเมนในแคนาดา ส่งข้อมูลผู้ใช้ของ Archive.today ➡️ รวมถึงข้อมูลการติดต่อและการชำระเงิน ➡️ หากไม่ส่งข้อมูลตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย ✅ สัญญาณเตือนจากโพสต์ “Canary” ➡️ เป็นสัญลักษณ์เตือนภัยแบบลับ ๆ ว่าเว็บไซต์อาจกำลังเผชิญอันตราย ➡️ ลิงก์ไปยังไฟล์ PDF ที่อ้างว่าเป็นคำสั่งศาล ✅ ข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนผู้ดำเนินการ ➡️ บางรายงานชี้ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย ➡️ อีกแหล่งหนึ่งระบุว่าเป็นนักพัฒนาจากนิวยอร์ก ➡️ ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด ✅ พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิด ➡️ ใช้ botnet เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันการดึงข้อมูล ➡️ อาจละเมิดลิขสิทธิ์จากการเผยแพร่เนื้อหาหลัง paywall https://www.heise.de/en/news/Archive-today-FBI-Demands-Data-from-Provider-Tucows-11066346.html
    WWW.HEISE.DE
    Archive.today: FBI Demands Data from Provider Tucows
    The mysterious website Archive.today is coming under the FBI's crosshairs. A court order is forcing the provider Tucows to hand over user data.
    0 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจ จึงกำหนดทางรอดคนประชาชนคนไทยได้จริง,ถ้านักการเมืองยังปกครองผ่านการเลือกตั้งของระบบอีลิทที่เป็นเจ้าของกลไกการปกครองระบอบที่มันสร้างขึ้นมาควบคุมมนุษย์ ไทยเราเองจะไม่รอดสู่ยุคอนาคตแน่นอน,สถานะทาสAIจะชัดเจนขึ้นแบบทวีคูณ คุณค่าความเป็นมนุษย์จะถูกปกครองให้ด้อยค่าลงจากฝีมือเผด็จการอีลิทเหล่านี้,เรา..คนไทยจะถูกกำจัดทิ้งลงเรื่อยๆแน่นอน พร้อมถูกควบคุมอย่างเป็นระบบภายใต้การปกครองของมันที่ส่งออกมาให้เราใช้แบบปัจจุบัน,ง่าบๆเข้าใจง่ายชัดเจนคือเราถูกปล้นบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายจากแผ่นดินไทยอย่างหน้าด้านๆเหมือนแร่เอิร์ธนั้นล่ะ,ทหารไทย กองทัพไทยต้องปลดแอกชาติไทยเราอย่างจริงจัง.,การปฏิวัติการปกครอง ปฏิวัติยึดอำนาจคืนมาสู่ประเทศไทยจึงสำคัญ.


    การวิเคราะห์: นี่เป็นแนวโน้มสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจำเป็นต้องตระหนักถึง:
    - ต้นทุนการรับรู้ของ AI (โทเค็น) กำลังลดลงอย่างมาก
    - ในขณะที่คุณภาพของโทเค็น AI กำลังเพิ่มขึ้น
    - ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการรับรู้ของมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้น
    - ในขณะที่ผลผลิตจากการรับรู้ของมนุษย์กำลังลดลงอย่างมาก

    นั่นเป็นเพราะ:
    - วัคซีนทำลายสมองมนุษย์และทำให้เกิดการผ่าตัดสมอง (lobotomy) อย่างกว้างขวางในประชากรมนุษย์ (โดยตั้งใจ)
    - อาหารขยะแปรรูปและยาจำนวนมากทำลายประสิทธิภาพการรับรู้ เนื่องจากสมองได้รับพลังงานจากเลือด และเลือดถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่คุณกินและดื่ม
    - ด้วยปัจจัยเหล่านี้ มนุษย์จำนวนมากกำลังประสบกับภาวะเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้เพื่อทักษะการทำงาน บางคนลืมทักษะการทำงาน
    - ค่าครองชีพ (สำหรับมนุษย์) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นในสิ่งต่างๆ เช่น อาหารและประกันสุขภาพ
    - เนื่องจากสารเคมีในเทรล โลหะหนัก การปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง มลพิษทางอุตสาหกรรม การหลั่งโปรตีนหนาม ฯลฯ สุขภาพของมนุษย์จึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดต้นทุนใหม่ ๆ ที่สูงในการรักษามนุษย์ให้อยู่ในระบบเงินเดือน

    ผลที่ตามมา:
    - AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ดีกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ในหลายๆ งานเท่านั้น แต่ยังมีราคาถูกลงมากอีกด้วย โดยจะมีราคาถูกลง 10 เท่า (ประมาณการ) ทุกๆ 9 เดือน
    - AI ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะมาแทนที่มนุษย์ได้ หากมันราคาถูกกว่า 10 เท่า (ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี AI จะมีราคาถูกกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ถึง 100 เท่า (ประมาณการ)
    - การแทนที่มนุษย์ด้วย AI ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดความเสี่ยงจากการฟ้องร้อง อุบัติเหตุ ความเสี่ยงจากการจารกรรมขององค์กร และอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการลาพักร้อน วันหยุด วันลาป่วย ฯลฯ ของมนุษย์
    - สำหรับบริษัทต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ สมการนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรแทนที่มนุษย์ด้วยเอเจนต์ AI ให้ได้มากที่สุด โดยเร็วที่สุด โดยไม่ลังเล

    หลายภาคส่วนงานจะถูก AI เข้ามาแทนที่ 60% - 80% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะรวมถึง:
    - ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
    - ฝ่ายสนับสนุนก่อนการขาย
    - นักเขียน นักตรวจทาน และบรรณาธิการ
    - นักแปลและล่าม
    - ฝ่ายบริหารธุรกิจ (ระดับผู้จัดการระดับกลาง เช่น การประกาศปลดพนักงาน 30,000 คนโดย Amazon)
    - นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักฟิสิกส์ นักเคมี
    - ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะสร้างสรรค์ รวมถึงศิลปะกราฟิก ภาพยนตร์ ดนตรี วิศวกรรมเสียง และอื่นๆ

    ผมจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในพอดแคสต์ใหม่ของผม:
    ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงราคาตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนของมนุษย์ยังคงสูงขึ้น
    https://www.brighteon.com/e8b099f0-f018-4640-8764-af08692f6897

    ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจ จึงกำหนดทางรอดคนประชาชนคนไทยได้จริง,ถ้านักการเมืองยังปกครองผ่านการเลือกตั้งของระบบอีลิทที่เป็นเจ้าของกลไกการปกครองระบอบที่มันสร้างขึ้นมาควบคุมมนุษย์ ไทยเราเองจะไม่รอดสู่ยุคอนาคตแน่นอน,สถานะทาสAIจะชัดเจนขึ้นแบบทวีคูณ คุณค่าความเป็นมนุษย์จะถูกปกครองให้ด้อยค่าลงจากฝีมือเผด็จการอีลิทเหล่านี้,เรา..คนไทยจะถูกกำจัดทิ้งลงเรื่อยๆแน่นอน พร้อมถูกควบคุมอย่างเป็นระบบภายใต้การปกครองของมันที่ส่งออกมาให้เราใช้แบบปัจจุบัน,ง่าบๆเข้าใจง่ายชัดเจนคือเราถูกปล้นบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายจากแผ่นดินไทยอย่างหน้าด้านๆเหมือนแร่เอิร์ธนั้นล่ะ,ทหารไทย กองทัพไทยต้องปลดแอกชาติไทยเราอย่างจริงจัง.,การปฏิวัติการปกครอง ปฏิวัติยึดอำนาจคืนมาสู่ประเทศไทยจึงสำคัญ. การวิเคราะห์: นี่เป็นแนวโน้มสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจำเป็นต้องตระหนักถึง: - ต้นทุนการรับรู้ของ AI (โทเค็น) กำลังลดลงอย่างมาก - ในขณะที่คุณภาพของโทเค็น AI กำลังเพิ่มขึ้น - ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการรับรู้ของมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้น - ในขณะที่ผลผลิตจากการรับรู้ของมนุษย์กำลังลดลงอย่างมาก นั่นเป็นเพราะ: - วัคซีนทำลายสมองมนุษย์และทำให้เกิดการผ่าตัดสมอง (lobotomy) อย่างกว้างขวางในประชากรมนุษย์ (โดยตั้งใจ) - อาหารขยะแปรรูปและยาจำนวนมากทำลายประสิทธิภาพการรับรู้ เนื่องจากสมองได้รับพลังงานจากเลือด และเลือดถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่คุณกินและดื่ม - ด้วยปัจจัยเหล่านี้ มนุษย์จำนวนมากกำลังประสบกับภาวะเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้เพื่อทักษะการทำงาน บางคนลืมทักษะการทำงาน - ค่าครองชีพ (สำหรับมนุษย์) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นในสิ่งต่างๆ เช่น อาหารและประกันสุขภาพ - เนื่องจากสารเคมีในเทรล โลหะหนัก การปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง มลพิษทางอุตสาหกรรม การหลั่งโปรตีนหนาม ฯลฯ สุขภาพของมนุษย์จึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดต้นทุนใหม่ ๆ ที่สูงในการรักษามนุษย์ให้อยู่ในระบบเงินเดือน ผลที่ตามมา: - AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ดีกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ในหลายๆ งานเท่านั้น แต่ยังมีราคาถูกลงมากอีกด้วย โดยจะมีราคาถูกลง 10 เท่า (ประมาณการ) ทุกๆ 9 เดือน - AI ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะมาแทนที่มนุษย์ได้ หากมันราคาถูกกว่า 10 เท่า (ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี AI จะมีราคาถูกกว่าระบบการรับรู้ของมนุษย์ถึง 100 เท่า (ประมาณการ) - การแทนที่มนุษย์ด้วย AI ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดความเสี่ยงจากการฟ้องร้อง อุบัติเหตุ ความเสี่ยงจากการจารกรรมขององค์กร และอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการลาพักร้อน วันหยุด วันลาป่วย ฯลฯ ของมนุษย์ - สำหรับบริษัทต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ สมการนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรแทนที่มนุษย์ด้วยเอเจนต์ AI ให้ได้มากที่สุด โดยเร็วที่สุด โดยไม่ลังเล หลายภาคส่วนงานจะถูก AI เข้ามาแทนที่ 60% - 80% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะรวมถึง: - ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า - ฝ่ายสนับสนุนก่อนการขาย - นักเขียน นักตรวจทาน และบรรณาธิการ - นักแปลและล่าม - ฝ่ายบริหารธุรกิจ (ระดับผู้จัดการระดับกลาง เช่น การประกาศปลดพนักงาน 30,000 คนโดย Amazon) - นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักฟิสิกส์ นักเคมี - ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะสร้างสรรค์ รวมถึงศิลปะกราฟิก ภาพยนตร์ ดนตรี วิศวกรรมเสียง และอื่นๆ ผมจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในพอดแคสต์ใหม่ของผม: ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงราคาตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนของมนุษย์ยังคงสูงขึ้น https://www.brighteon.com/e8b099f0-f018-4640-8764-af08692f6897
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร”

    ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก

    ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน

    ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ

    ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก

    ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต:
    เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า
    เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้
    ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป

    และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น

    สรุปเนื้อหาสำคัญ
    แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง
    ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ
    ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA
    มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน
    อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90%
    บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50%
    ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์
    คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40%
    มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment

    การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง
    ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ
    ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล
    ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต
    ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์
    ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง

    ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต

    https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    ☀️ “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร” ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต: 📍 เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า 📍 เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้ 📍 ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น 📌 สรุปเนื้อหาสำคัญ ✅ แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ ➡️ ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA ➡️ มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน ➡️ อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90% ➡️ บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ➡️ ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์ ➡️ คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40% ➡️ มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment ‼️ การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง ⛔ ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ ⛔ ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล ⛔ ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต ⛔ ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ⛔ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    CLIMATEDRIFT.SUBSTACK.COM
    Why Solarpunk is already happening in Africa
    Or: How Africa is building the future by skipping the past
    0 Comments 0 Shares 567 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 4

    ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน

    พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน

    สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย

    Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย

    ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน

    ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม?
    Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ
    Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ

    หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า

    ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน

    เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno

    แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ

    ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน
    Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania

    ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…”

    ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..”

    เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…”

    4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 4 ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม? Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…” ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..” เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…” 4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 562 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (3)

    ก่อนปี คศ 1882 โลกรู้จัก น้ำมันเหนียวๆ ดำๆ ที่เรา เรียกว่า ปิโตรเลียมแล้ว แต่ยังไม่รู้จะเอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง และยังไม่รู้ว่า มันเป็นของมีค่ามหาศาล ถึงขนาดที่ฝ่ายที่อยากได้ หรือฝ่ายที่ไม่อยากให้ใครได้ไป พร้อมที่จะสร้างเรื่อง เพื่อทำสงครามฆ่าฟันประชาชนเจ้าของประเทศที่เป็นเจ้าของน้ำมันดำๆ เหนียวๆ นี้ ให้ตายเป็นเบือและประเทศเขาพินาศย่อยยับ อย่างไม่รู้สึกผิดและละอายแม้แต่น้อย

    ปี คศ 1853 ชาวเยอรมันชื่อ Stohwasser เป็นผู้ใช้เทคนิค ผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันที่เรียกว่า ” rock oil” เพราะมันจะไหลออกมาจากก้อนหิน ในแหล่งที่มีน้ำมัน เช่นที่ Titusville ที่ รัฐ Pennsyvania หรือ ที่ Baku ของรัสเซีย หรือที่ Galicia ที่ขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์

    John D Rockefeller คนโคตรรวยตัวแสบของอเมริกา คงได้ยินเรื่องน้ำมันตะเกียงของ เยอรมัน จึงตั้งบริษัทน้ำมัน The Standard Oil Company ขึ้นในปี คศ 1870 เพื่อขายน้ำมันตะเกียงบ้าง รวมทั้งน้ำมัน ที่นำมาใช้ผสมกับตัวยา เพื่อเป็นยารักษาโรค มันเป็นน้ำมันชนิดราคาถูก แต่ก็ทำให้ Rockefeller รวยขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้เหมือนกัน เพราะเขาเล่นใช้วิธีผูกขาด และบี้ราคาคูแข่ง จนอยูไม่ได้และต้องขายกิจการให้เขาในราคาถูก ดีกว่าเจ๊งจนไม่เหลือแม้แต่กางเกง

    ดูเหมือนคนขายปุ๋ย ขายไก่แถวบ้านสมันน้อย ก็นำวิธีนี้มาใช้ บี้มันทุกกิจการ คนค้าขายคนเล็ก คนน้อย จึงต้องถอยร่น หร่อยหรอ และหายไปในที่สุด เหลือแต่รายใหญ่ยักษ์ครอบงำเกือบทั้งประเทศ รวย และก็เลว ไม่ต่างกัน

    ในขณะเดียวกับที่ Standard Oil ของ Rockefeller กำลังก้าวหน้า เขมือบคู่แข่งในอเมริกาไปเรื่อยๆ เจ้าพ่อของอีกฝั่งหนึ่งของมหา สมุทรแอตแลนติก ตระกูล Rothschild จมูกไว ก็เข้าไปขุดเจาะน้ำมันที่ Baku ใน Azerbaijun ของรัสเซีย ในปี คศ 1880 Rothschild มีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง Rothschild ซึ่งมีรากเหง้ามาจากยิว ไม่ได้ไปขุดน้ำมันแต่ลำพัง ขนเอาบรรดาญาติพี่น้องของตระกูล ที่กระจายอยู่ในเมืองต่างๆของยุโรป เข้าไปค้าขาย และขยายพันธ์อยู่ในรัสเซียด้วย เป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย ที่แสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบยิว และไม่ชอบใจ Rothschild
    ปี คศ 1882 กัปตัน Fisher แห่งกองทัพเรืออังกฤษ พยายามชักชวน ให้กองทัพเรืออังกฤษ เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือรบ จากใช้ถ่านหิน เป็นใช้น้ำมัน ซึ่งจะทำให้เรือรบน้ำหนักเบาลง และวิ่งได้เร็วขึ้น Fisher ไม่ได้เป็นรายแรก ที่คิดติดเครื่องให้เรือวิ่งด้วยน้ำมันแทนถ่านหิน รัสเซียก็ใช้มาแล้ว เป็นเรือกลไฟเติมน้ำมัน ที่รัสเซียเรียกว่า “mazut” วิ่งควันโขมงอยู่บริเวณทะเลสาป Caspain

    กัปตัน Fisher ทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด ถึงข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ระหว่างการใช้เครื่องยนต์ ที่ใช้น้ำมันกับใช้ถ่านหิน ในที่สุด กองทัพเรืออังกฤษก็เห็นด้วย ที่จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะ ถ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือของอังกฤษจะยิ่งกว่าใหญ่เท่านั้น มันคงจะทำให้ความฝัน ที่จะครองโลกไปตลอดกาลนานของอังกฤษ เป็นความจริงอีกด้วย

    อังกฤษคิดหนัก ฝันนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่ออังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แม้แต่แหล่งเดียว

    ส่วนน้ำมันที่ Baku ของรัสเซีย ก็ทำท่าจะมีปัญหาประดังกันมา เรื่องแรก Rothschild ไม่ได้มีจมูกไวคนเดียว Rockefeller ก็มีคนตามดมกลิ่นให้เหมือนกัน ประมาณปี คศ. 1884 Rockefeller จึงเข้าไปใน Baku ช่วงแรก 2 ค่ายแข่งกันขุด แย่งกันขาย ผลปรากฏว่า อาการหนักทั้งคู่ น้ำมันล้นตลาด และราคาตก 2 เจ้าพ่อจึงจับมือตกลงกัน แบ่งเขต แบ่งโควต้ากันเอง ทำเหมือน Baku เป็นที่ดินสาธารณะ ไม่มีเจ้าของ ไม่เห็นหัวซาร์นิโคลัส เจ้าของตัวจริง

    เรื่องเอายิวไปแพร่พันธ์อยูใน รัสเซีย ก็ทำให้ซาร์นิโคลัส เหม็นหน้า Rothschild พอแล้ว นี่ Rothschild รวมหัวกับ Rockefelker ทำข้อตกลง เรื่องการขุดและขายน้ำมันที่ Baku อย่างนี้ ซาร์จะรับไหวหรือ เขาเฉี่ยวหัวเอา เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของ นโยบายส่งยิวออกนอกรัสเซีย จึงเริ่มเป็นรูปธรรม และแน่นอน นโยบายนี้ จึงเป็นการสร้างความขุ่น แค้นเคือง อาฆาต ไว้กับหลายกลุ่ม หลายคน เมื่อโอกาสจะครอบครอง แหล่งน้ำมันที่รัสเซีย ไม่ง่ายอย่างที่คิด อังกฤษจึงต้องหาเสาหลักที่สามต่อไป อย่างเร่งด่วน

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (4)

    ในปี คศ 1902 เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า บริเวณอาณาจักรออตโตมาน ที่เรียกกันว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) คือ อิรัคและคูเวตในปัจจุบันนี้แหละ เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม แต่ละแหล่งจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะเข้าไปถึงแหล่งได้อย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่การเจอแหล่งน้ำมันนี้ ก็ทำให้บรรดานักชิงน้ำมัน อยากเป็นเจ้าของปั้ม คิดแผนกันวุ่นไปหมด จนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้

    ในที่สุด ปี คศ 1905 อังกฤษ ซึ่งใช้สายลับระดับใกล้เคียง 007 นาย Sidney Reilly ตามสืบจนรู้ว่า นาย William Knox d’Arcy วิศวกรชาวออสเตรเลีย และเป็นนักสำรวจธรณีวิทยาสมัครเล่น ซึ่งมีข่าวว่าเจอน้ำมัน ที่วิหารเก่าแก่แถวเมืองโบราณของอิหร่าน และเทียวไปเทียวมาที่ลอนดอน เพื่อหาเงินกู้มาใช้ในการขุดน้ำมัน ซึ่งโอกาสได้เงินกู้ ริบหรี่มาก
    แต่นาย d’Arcy นับว่ายังมีโชค เนื่องจากเขาเป็นวิศวกร จึงมีโอกาสได้รับใช้ Shah Muzaffar กษัตริย์เปอร์เซีย (อิหร่าน ปัจจุบัน) ซึ่งเพิ่งขึ้นมาครองบัลลังก์ในตอนนั้น และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาประ เทศ โดยการสร้างทางรถไฟ ปี คศ 1901 Shah ตอบแทน d’Arcy ในการให้คำปรึกษาต่างๆ ด้วยการให้สัมปทานอายุ 60 ปี ที่จะขุดเจาะแผ่นดินส่วนไหนของเปอร์เซียก็ได้ ขุดเจออะไร ก็ให้ตกเป็นทรัพย์สินของนาย d’Arcy เขาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ Shah ไป สองหมื่นเหรียญ พร้อมตกลงแบ่งให้ Shah 16 เปอร์เซนต์ของรายรับที่จะได้ มันเป็นสัมปทาน ที่ตกทอดถึงทายาท และผู้รับโอนด้วย

    สายลับ Reilly ปลอมตัวเป็นพระ เพราะรู้ว่า นาย d’Arcy เป็นคนเคร่งศาสนา เขาเกลี้ยกล่อม หว่านล้อม จนในที่สุด นาย d’Arcy ซึ่งกำลังจะเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มธนาคารฝรั่งเศส ของพวก Rothschild เปลี่ยนใจ โอนสัมปทานให้พระปลอมแทน นาย d’Arcy คงนึกว่าได้ทำบุญกับพระเจ้า คงคิดไม่ต่างกับพวกที่ทำบุญกับพระปลอม ที่มาจากวัดจานบิน

    ได้แหล่งน้ำมาแล้ว 1 รายการ แต่คงไม่พอ สำหรับจะใช้เพื่อเป็นอาวุธครองโลก อังกฤษสายตายาวไกล มองจ้อง และจองเอาไว้ ทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแถบ Mosul อังกฤษ รู้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ไม่น่าจะนานเกินรอ อังกฤษมีแผนเรียบร้อยแล้ว แค่รอจังหวะเวลาบางเรื่องเท่านั้นเอง

    แต่ใช่ว่ามีแต่อังกฤษ ที่คิดครองแหล่งน้ามัน เยอรมันเองก็คิด อาจจะต่างกันที่วิธีการ หรือกลยุทธ เท่านั้นเอง

    ประมาณปี คศ 1870 อุตสาหกรรมของอังกฤษ นำหน้าเยอรมัน ชนิดทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น ในความเห็นของอังกฤษขณะนั้น เยอรมันไม่มีทีท่า ว่าจะขึ้นมาเป็นคู่แข่ง เรียกว่าไม่อยู่ในสายตาของอังกฤษ เอาเลย แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 ปี อุตสาหกรรมของเยอรมัน โตเร็วเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ การผลิตเหล็ก การไฟฟ้า เครื่องจักร เคมี ปุ๋ย ยารักษาโรคฯลฯ และทำให้เยอรมันเอง ก็ต้องการน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ในการทำอุตสาหกรรม

    และในขณะนั้น เยอรมัน ก็ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง เยอรมันต้องพึ่งน้ำมันของ Standard Oil จึงอยู่ในกำมือของ Rockefeller จนหน้าเขียว เยอรมันจะทนหน้าเขียวไปตลอด ก็คงไม่ไหว

    กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงินของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank จึงเจรจา กับรัฐบาลของออตโตมาน เพื่อรับสร้างทางรถไฟ ที่จะวิ่งจาก กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของออตโตมาน ข้ามผ่านอนาโตเลีย เป็นเส้นทางที่เยอรมันวางแผน จะให้ไปถึงเมือง แบกแดด เป็นเส้นทางที่ผ่านแหล่งน้ำมันใหญ่ไปตลอดสาย ข่าวนี้ ทำให้อังกฤษเครียดอย่างยิ่ง และถึงกับนอนฝันร้าย เมื่อมีรายงานข่าวว่า ระหว่างสร้างทางรถไฟ สัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน กับออตโตมาน ก็กระชับแน่นขึ้น แน่นขึ้น ไปเรื่อยๆ
    สัมพันธ์คงกระชับกันแน่นจริง ในที่สุดออตโตมาน ก็ตกลง ให้เยอรมันสร้างทางรถไฟยาว ไปถึงแบกแดด ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาว 2,500 ไมล์ ฝันร้ายของอังกฤษ กลายเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องจริงที่ดีเกินความ ฝัน ของเยอรมัน เพราะ ในปี 1912 จากการเจรจาของ Deutsche Bank ออตโตมานเกิดใจดี แถมให้สิทธิ 2 ข้างทาง (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร ยาวตลอดเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะไปถึง Mosul หรือ อืรัค ในปัจจุบัน แก่เยอรมัน

    ข่าวนี้ทำให้อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ถึงกับยืนไม่อยู่ เข่าทรุดทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เท้าทั้ง 2 ข้าง จากนิ้วก้อยถึงนิ้วโป้ง ทำท่าจะรับน้ำหนักต่อไปอีกไม่ไหว จะให้ดีแบบนี้ ต้องมี 4 เท้า ถึงจะยืนอยู่ได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (3) ก่อนปี คศ 1882 โลกรู้จัก น้ำมันเหนียวๆ ดำๆ ที่เรา เรียกว่า ปิโตรเลียมแล้ว แต่ยังไม่รู้จะเอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง และยังไม่รู้ว่า มันเป็นของมีค่ามหาศาล ถึงขนาดที่ฝ่ายที่อยากได้ หรือฝ่ายที่ไม่อยากให้ใครได้ไป พร้อมที่จะสร้างเรื่อง เพื่อทำสงครามฆ่าฟันประชาชนเจ้าของประเทศที่เป็นเจ้าของน้ำมันดำๆ เหนียวๆ นี้ ให้ตายเป็นเบือและประเทศเขาพินาศย่อยยับ อย่างไม่รู้สึกผิดและละอายแม้แต่น้อย ปี คศ 1853 ชาวเยอรมันชื่อ Stohwasser เป็นผู้ใช้เทคนิค ผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันที่เรียกว่า ” rock oil” เพราะมันจะไหลออกมาจากก้อนหิน ในแหล่งที่มีน้ำมัน เช่นที่ Titusville ที่ รัฐ Pennsyvania หรือ ที่ Baku ของรัสเซีย หรือที่ Galicia ที่ขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์ John D Rockefeller คนโคตรรวยตัวแสบของอเมริกา คงได้ยินเรื่องน้ำมันตะเกียงของ เยอรมัน จึงตั้งบริษัทน้ำมัน The Standard Oil Company ขึ้นในปี คศ 1870 เพื่อขายน้ำมันตะเกียงบ้าง รวมทั้งน้ำมัน ที่นำมาใช้ผสมกับตัวยา เพื่อเป็นยารักษาโรค มันเป็นน้ำมันชนิดราคาถูก แต่ก็ทำให้ Rockefeller รวยขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้เหมือนกัน เพราะเขาเล่นใช้วิธีผูกขาด และบี้ราคาคูแข่ง จนอยูไม่ได้และต้องขายกิจการให้เขาในราคาถูก ดีกว่าเจ๊งจนไม่เหลือแม้แต่กางเกง ดูเหมือนคนขายปุ๋ย ขายไก่แถวบ้านสมันน้อย ก็นำวิธีนี้มาใช้ บี้มันทุกกิจการ คนค้าขายคนเล็ก คนน้อย จึงต้องถอยร่น หร่อยหรอ และหายไปในที่สุด เหลือแต่รายใหญ่ยักษ์ครอบงำเกือบทั้งประเทศ รวย และก็เลว ไม่ต่างกัน ในขณะเดียวกับที่ Standard Oil ของ Rockefeller กำลังก้าวหน้า เขมือบคู่แข่งในอเมริกาไปเรื่อยๆ เจ้าพ่อของอีกฝั่งหนึ่งของมหา สมุทรแอตแลนติก ตระกูล Rothschild จมูกไว ก็เข้าไปขุดเจาะน้ำมันที่ Baku ใน Azerbaijun ของรัสเซีย ในปี คศ 1880 Rothschild มีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง Rothschild ซึ่งมีรากเหง้ามาจากยิว ไม่ได้ไปขุดน้ำมันแต่ลำพัง ขนเอาบรรดาญาติพี่น้องของตระกูล ที่กระจายอยู่ในเมืองต่างๆของยุโรป เข้าไปค้าขาย และขยายพันธ์อยู่ในรัสเซียด้วย เป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย ที่แสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบยิว และไม่ชอบใจ Rothschild ปี คศ 1882 กัปตัน Fisher แห่งกองทัพเรืออังกฤษ พยายามชักชวน ให้กองทัพเรืออังกฤษ เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือรบ จากใช้ถ่านหิน เป็นใช้น้ำมัน ซึ่งจะทำให้เรือรบน้ำหนักเบาลง และวิ่งได้เร็วขึ้น Fisher ไม่ได้เป็นรายแรก ที่คิดติดเครื่องให้เรือวิ่งด้วยน้ำมันแทนถ่านหิน รัสเซียก็ใช้มาแล้ว เป็นเรือกลไฟเติมน้ำมัน ที่รัสเซียเรียกว่า “mazut” วิ่งควันโขมงอยู่บริเวณทะเลสาป Caspain กัปตัน Fisher ทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด ถึงข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ระหว่างการใช้เครื่องยนต์ ที่ใช้น้ำมันกับใช้ถ่านหิน ในที่สุด กองทัพเรืออังกฤษก็เห็นด้วย ที่จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะ ถ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือของอังกฤษจะยิ่งกว่าใหญ่เท่านั้น มันคงจะทำให้ความฝัน ที่จะครองโลกไปตลอดกาลนานของอังกฤษ เป็นความจริงอีกด้วย อังกฤษคิดหนัก ฝันนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่ออังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แม้แต่แหล่งเดียว ส่วนน้ำมันที่ Baku ของรัสเซีย ก็ทำท่าจะมีปัญหาประดังกันมา เรื่องแรก Rothschild ไม่ได้มีจมูกไวคนเดียว Rockefeller ก็มีคนตามดมกลิ่นให้เหมือนกัน ประมาณปี คศ. 1884 Rockefeller จึงเข้าไปใน Baku ช่วงแรก 2 ค่ายแข่งกันขุด แย่งกันขาย ผลปรากฏว่า อาการหนักทั้งคู่ น้ำมันล้นตลาด และราคาตก 2 เจ้าพ่อจึงจับมือตกลงกัน แบ่งเขต แบ่งโควต้ากันเอง ทำเหมือน Baku เป็นที่ดินสาธารณะ ไม่มีเจ้าของ ไม่เห็นหัวซาร์นิโคลัส เจ้าของตัวจริง เรื่องเอายิวไปแพร่พันธ์อยูใน รัสเซีย ก็ทำให้ซาร์นิโคลัส เหม็นหน้า Rothschild พอแล้ว นี่ Rothschild รวมหัวกับ Rockefelker ทำข้อตกลง เรื่องการขุดและขายน้ำมันที่ Baku อย่างนี้ ซาร์จะรับไหวหรือ เขาเฉี่ยวหัวเอา เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของ นโยบายส่งยิวออกนอกรัสเซีย จึงเริ่มเป็นรูปธรรม และแน่นอน นโยบายนี้ จึงเป็นการสร้างความขุ่น แค้นเคือง อาฆาต ไว้กับหลายกลุ่ม หลายคน เมื่อโอกาสจะครอบครอง แหล่งน้ำมันที่รัสเซีย ไม่ง่ายอย่างที่คิด อังกฤษจึงต้องหาเสาหลักที่สามต่อไป อย่างเร่งด่วน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (4) ในปี คศ 1902 เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า บริเวณอาณาจักรออตโตมาน ที่เรียกกันว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) คือ อิรัคและคูเวตในปัจจุบันนี้แหละ เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม แต่ละแหล่งจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะเข้าไปถึงแหล่งได้อย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่การเจอแหล่งน้ำมันนี้ ก็ทำให้บรรดานักชิงน้ำมัน อยากเป็นเจ้าของปั้ม คิดแผนกันวุ่นไปหมด จนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ ในที่สุด ปี คศ 1905 อังกฤษ ซึ่งใช้สายลับระดับใกล้เคียง 007 นาย Sidney Reilly ตามสืบจนรู้ว่า นาย William Knox d’Arcy วิศวกรชาวออสเตรเลีย และเป็นนักสำรวจธรณีวิทยาสมัครเล่น ซึ่งมีข่าวว่าเจอน้ำมัน ที่วิหารเก่าแก่แถวเมืองโบราณของอิหร่าน และเทียวไปเทียวมาที่ลอนดอน เพื่อหาเงินกู้มาใช้ในการขุดน้ำมัน ซึ่งโอกาสได้เงินกู้ ริบหรี่มาก แต่นาย d’Arcy นับว่ายังมีโชค เนื่องจากเขาเป็นวิศวกร จึงมีโอกาสได้รับใช้ Shah Muzaffar กษัตริย์เปอร์เซีย (อิหร่าน ปัจจุบัน) ซึ่งเพิ่งขึ้นมาครองบัลลังก์ในตอนนั้น และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาประ เทศ โดยการสร้างทางรถไฟ ปี คศ 1901 Shah ตอบแทน d’Arcy ในการให้คำปรึกษาต่างๆ ด้วยการให้สัมปทานอายุ 60 ปี ที่จะขุดเจาะแผ่นดินส่วนไหนของเปอร์เซียก็ได้ ขุดเจออะไร ก็ให้ตกเป็นทรัพย์สินของนาย d’Arcy เขาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ Shah ไป สองหมื่นเหรียญ พร้อมตกลงแบ่งให้ Shah 16 เปอร์เซนต์ของรายรับที่จะได้ มันเป็นสัมปทาน ที่ตกทอดถึงทายาท และผู้รับโอนด้วย สายลับ Reilly ปลอมตัวเป็นพระ เพราะรู้ว่า นาย d’Arcy เป็นคนเคร่งศาสนา เขาเกลี้ยกล่อม หว่านล้อม จนในที่สุด นาย d’Arcy ซึ่งกำลังจะเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มธนาคารฝรั่งเศส ของพวก Rothschild เปลี่ยนใจ โอนสัมปทานให้พระปลอมแทน นาย d’Arcy คงนึกว่าได้ทำบุญกับพระเจ้า คงคิดไม่ต่างกับพวกที่ทำบุญกับพระปลอม ที่มาจากวัดจานบิน ได้แหล่งน้ำมาแล้ว 1 รายการ แต่คงไม่พอ สำหรับจะใช้เพื่อเป็นอาวุธครองโลก อังกฤษสายตายาวไกล มองจ้อง และจองเอาไว้ ทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแถบ Mosul อังกฤษ รู้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ไม่น่าจะนานเกินรอ อังกฤษมีแผนเรียบร้อยแล้ว แค่รอจังหวะเวลาบางเรื่องเท่านั้นเอง แต่ใช่ว่ามีแต่อังกฤษ ที่คิดครองแหล่งน้ามัน เยอรมันเองก็คิด อาจจะต่างกันที่วิธีการ หรือกลยุทธ เท่านั้นเอง ประมาณปี คศ 1870 อุตสาหกรรมของอังกฤษ นำหน้าเยอรมัน ชนิดทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น ในความเห็นของอังกฤษขณะนั้น เยอรมันไม่มีทีท่า ว่าจะขึ้นมาเป็นคู่แข่ง เรียกว่าไม่อยู่ในสายตาของอังกฤษ เอาเลย แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 ปี อุตสาหกรรมของเยอรมัน โตเร็วเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ การผลิตเหล็ก การไฟฟ้า เครื่องจักร เคมี ปุ๋ย ยารักษาโรคฯลฯ และทำให้เยอรมันเอง ก็ต้องการน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ในการทำอุตสาหกรรม และในขณะนั้น เยอรมัน ก็ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง เยอรมันต้องพึ่งน้ำมันของ Standard Oil จึงอยู่ในกำมือของ Rockefeller จนหน้าเขียว เยอรมันจะทนหน้าเขียวไปตลอด ก็คงไม่ไหว กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงินของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank จึงเจรจา กับรัฐบาลของออตโตมาน เพื่อรับสร้างทางรถไฟ ที่จะวิ่งจาก กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของออตโตมาน ข้ามผ่านอนาโตเลีย เป็นเส้นทางที่เยอรมันวางแผน จะให้ไปถึงเมือง แบกแดด เป็นเส้นทางที่ผ่านแหล่งน้ำมันใหญ่ไปตลอดสาย ข่าวนี้ ทำให้อังกฤษเครียดอย่างยิ่ง และถึงกับนอนฝันร้าย เมื่อมีรายงานข่าวว่า ระหว่างสร้างทางรถไฟ สัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน กับออตโตมาน ก็กระชับแน่นขึ้น แน่นขึ้น ไปเรื่อยๆ สัมพันธ์คงกระชับกันแน่นจริง ในที่สุดออตโตมาน ก็ตกลง ให้เยอรมันสร้างทางรถไฟยาว ไปถึงแบกแดด ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาว 2,500 ไมล์ ฝันร้ายของอังกฤษ กลายเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องจริงที่ดีเกินความ ฝัน ของเยอรมัน เพราะ ในปี 1912 จากการเจรจาของ Deutsche Bank ออตโตมานเกิดใจดี แถมให้สิทธิ 2 ข้างทาง (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร ยาวตลอดเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะไปถึง Mosul หรือ อืรัค ในปัจจุบัน แก่เยอรมัน ข่าวนี้ทำให้อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ถึงกับยืนไม่อยู่ เข่าทรุดทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เท้าทั้ง 2 ข้าง จากนิ้วก้อยถึงนิ้วโป้ง ทำท่าจะรับน้ำหนักต่อไปอีกไม่ไหว จะให้ดีแบบนี้ ต้องมี 4 เท้า ถึงจะยืนอยู่ได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 741 Views 0 Reviews
  • อนุทินต้องฟัง! หมอดิวตัวแทนคนไทยที่ชายแดน ถ้านายกหนูได้ฟังต้องจุก (28/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #หมอดิว #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตัวแทนคนไทย #นายกหนู #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    อนุทินต้องฟัง! หมอดิวตัวแทนคนไทยที่ชายแดน ถ้านายกหนูได้ฟังต้องจุก (28/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #หมอดิว #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตัวแทนคนไทย #นายกหนู #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 0 Reviews
  • เป็นหน้าซีด เจ้าหน้าที่รีบสอพลอว่า ใช่แล้วพณะท่าน เขากำลังยั่วยุเรา เพราะเขารู้ว่าท่านจะมา เออ เอ็งไม่เห็นหน้าพณะท่านหรือไง ถึงได้สอพลอแบบนี้

    หมากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเขาเดินกันในแถบแปซิฟิก รอบนี้ น่าจะแปลว่า เขตร้อนระอุ จะไม่ได้เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางอย่างเดียว แปซิฟิกก็มีสิทธิเหมือนกัน อาจจะไม่มาในรูปแบบเดียวกับที่ตะวันออกกลาง ที่เป้าหมายคือต้องการแต่ปั้ม ไม่ต้องการคน แต่ที่แปซิฟิก เป้าหมายของอเมริกา คือ ต้องการใช้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย เป็นกันชน คือ ทั้งกัน และชนกับจีน พี่เบิ้มใหญ่ตัวจริง ของแปซิฟิก

    ยุทธศาสตร์กันชน เล่นได้หลายรูปแบบ มีทั้ง ลูกสั้น ลูกยาว ใช้เวลาสั้น หรือลากกันยืดเยื้อ

    เขียนเหมือนเรื่องสนุก แต่จริงๆ มันไม่สนุกนะครับ ถ้าเขาจะใช้ยุทธศาสตร์กันชนกัน นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่มีทางปล่อยสมันน้อย ให้หลุดมือเด็ดขาด คงจำได้นะครับ ผมเคยอธิบายถึง เส้นทาง และภูมิศาสตร์แถบนี้ ไว้ในนิทานเรื่องยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก จนถึง เรื่องกบกระโดดมาแล้วว่า นักล่าคิดจะทำอะไร และในแผนต่างๆของนักล่า สมันน้อยมีความหมาย ความสำคัญอย่างไร

    เมื่อสมันน้อยเล่นเชิญเพื่อนใหม่ สัมพันธ์เก่า 120 ปี มาดมดอกไม้ด้วยกันแบบนี้ นักล่าจะปล่อยไปได้ยังไง มันทั้งเสียหน้า เสียเงิน และที่สำคัญ เสียแผน ทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง

    ถ้าเอาสมันน้อยกลับมาอยู่ในอุ้งมืออย่างเดิมไม่ได้ หวังว่านักล่าปีกเหี่ยวคงไม่ใช้มาตรการกระทืบสมันน้อยให้ตายคาตีน
    ถ้านักล่าเลือกอย่างหลัง นักล่าจะต้องเอาพม่า คว้าคอคุณน้าอองซาน ให้อยู่มือเสียก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถของนักล่า อันที่จริงคุณน้าแกก็ชอบอยู่ในมือฝรั่งอยู่แล้ว ก็ของมันคุ้นกัน แต่พวกพี่หม่องทหารสินะ ที่ยังไม่อยู่มือทั้งหมด เขาว่าบางพวกก็ยังนึกถึงพวกอาเฮีย ที่มาช่วยยามยากเอาไว้ คราวนี้จะถีบอาเฮียทิ้งหรือ ข่าวว่าเป็นไปได้ ไอ้พวกนักล่า มันมีวิธีล๊อกคอพวกพี่หม่องเขา ไว้ นึกไม่ถึงว่า พี่หม่องทหาร จะมีจุดโหว่ขนาดนั้น คงต้องขอยืม ความเห็นของ อาจารย์ฐิตินันท์ มาใช้กรณีนี้บ้าง ว่า การไปซบฝ่ายตะวันตก ที่พี่หม่องไม่รู้จักใจจริงของเขา มันอาจจะได้ผลแค่ระยะสั้น...เช่นกัน…ดูกันไปนะครับ

    ถ้าเป็นอย่างนั้น พณะหน้าเซียว รัฐมนตรีกลาโหม ของนักล่า คงต้องรีบจัดทริป 2 เดินสายมาพม่า เร็วๆนี้ และถ้ามาพม่า และไม่แวะไทย สมันน้อยก็จะได้รู้ใจเพื่อนเก่า พอที่จะตัดสินใจได้เด็ดขาดเสียที และต้ังกระบวนท่ารับให้ดี แต่มันคงยังไม่ทำอะไรชัดเจนโฉ่งฉ่างอย่างนั้น คงจะแวะมาเยี่ยมสมันน้อยด้วย คราวนี้แหละ นับเป็นโอกาสอันดีของสมันน้อย ที่จะเล่นบทถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศ อย่างฉลาด กล้าหาญ และจริงจัง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    12 เมย. 2558
    เป็นหน้าซีด เจ้าหน้าที่รีบสอพลอว่า ใช่แล้วพณะท่าน เขากำลังยั่วยุเรา เพราะเขารู้ว่าท่านจะมา เออ เอ็งไม่เห็นหน้าพณะท่านหรือไง ถึงได้สอพลอแบบนี้ หมากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเขาเดินกันในแถบแปซิฟิก รอบนี้ น่าจะแปลว่า เขตร้อนระอุ จะไม่ได้เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางอย่างเดียว แปซิฟิกก็มีสิทธิเหมือนกัน อาจจะไม่มาในรูปแบบเดียวกับที่ตะวันออกกลาง ที่เป้าหมายคือต้องการแต่ปั้ม ไม่ต้องการคน แต่ที่แปซิฟิก เป้าหมายของอเมริกา คือ ต้องการใช้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย เป็นกันชน คือ ทั้งกัน และชนกับจีน พี่เบิ้มใหญ่ตัวจริง ของแปซิฟิก ยุทธศาสตร์กันชน เล่นได้หลายรูปแบบ มีทั้ง ลูกสั้น ลูกยาว ใช้เวลาสั้น หรือลากกันยืดเยื้อ เขียนเหมือนเรื่องสนุก แต่จริงๆ มันไม่สนุกนะครับ ถ้าเขาจะใช้ยุทธศาสตร์กันชนกัน นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่มีทางปล่อยสมันน้อย ให้หลุดมือเด็ดขาด คงจำได้นะครับ ผมเคยอธิบายถึง เส้นทาง และภูมิศาสตร์แถบนี้ ไว้ในนิทานเรื่องยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก จนถึง เรื่องกบกระโดดมาแล้วว่า นักล่าคิดจะทำอะไร และในแผนต่างๆของนักล่า สมันน้อยมีความหมาย ความสำคัญอย่างไร เมื่อสมันน้อยเล่นเชิญเพื่อนใหม่ สัมพันธ์เก่า 120 ปี มาดมดอกไม้ด้วยกันแบบนี้ นักล่าจะปล่อยไปได้ยังไง มันทั้งเสียหน้า เสียเงิน และที่สำคัญ เสียแผน ทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง ถ้าเอาสมันน้อยกลับมาอยู่ในอุ้งมืออย่างเดิมไม่ได้ หวังว่านักล่าปีกเหี่ยวคงไม่ใช้มาตรการกระทืบสมันน้อยให้ตายคาตีน ถ้านักล่าเลือกอย่างหลัง นักล่าจะต้องเอาพม่า คว้าคอคุณน้าอองซาน ให้อยู่มือเสียก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถของนักล่า อันที่จริงคุณน้าแกก็ชอบอยู่ในมือฝรั่งอยู่แล้ว ก็ของมันคุ้นกัน แต่พวกพี่หม่องทหารสินะ ที่ยังไม่อยู่มือทั้งหมด เขาว่าบางพวกก็ยังนึกถึงพวกอาเฮีย ที่มาช่วยยามยากเอาไว้ คราวนี้จะถีบอาเฮียทิ้งหรือ ข่าวว่าเป็นไปได้ ไอ้พวกนักล่า มันมีวิธีล๊อกคอพวกพี่หม่องเขา ไว้ นึกไม่ถึงว่า พี่หม่องทหาร จะมีจุดโหว่ขนาดนั้น คงต้องขอยืม ความเห็นของ อาจารย์ฐิตินันท์ มาใช้กรณีนี้บ้าง ว่า การไปซบฝ่ายตะวันตก ที่พี่หม่องไม่รู้จักใจจริงของเขา มันอาจจะได้ผลแค่ระยะสั้น...เช่นกัน…ดูกันไปนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น พณะหน้าเซียว รัฐมนตรีกลาโหม ของนักล่า คงต้องรีบจัดทริป 2 เดินสายมาพม่า เร็วๆนี้ และถ้ามาพม่า และไม่แวะไทย สมันน้อยก็จะได้รู้ใจเพื่อนเก่า พอที่จะตัดสินใจได้เด็ดขาดเสียที และต้ังกระบวนท่ารับให้ดี แต่มันคงยังไม่ทำอะไรชัดเจนโฉ่งฉ่างอย่างนั้น คงจะแวะมาเยี่ยมสมันน้อยด้วย คราวนี้แหละ นับเป็นโอกาสอันดีของสมันน้อย ที่จะเล่นบทถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศ อย่างฉลาด กล้าหาญ และจริงจัง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 12 เมย. 2558
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา ปี2514
    พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา ปี2514 // พระดีพิธีขลัง !! พระมีประสบการณ์มาก ฉายา " พระปิดตาเงินล้านแห่งแดนทักษิณ " // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณในทางโชคลาภ และมหาเสน่ห์ โภคทรัพย์ โดยเฉพาะการเสี่ยงโชค แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ก็เยี่ยมสุดเหมือนกัน ทำให้เป็นที่ต้องการของประชาชนมาก รวมไปถึงเหตุการณ์ยิงกัน ฝ่ายที่แขวนพระปิดตาของพ่อท่านกล่อม กลับโดนยิงไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย จึงบอกได้ว่าพระปิดตาสำนักนี้ ไม่ควรมองข้าม **

    ** พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา เป็นพระปิดตาที่ขึ้นชื่ออีกสำนักหนึ่งของภาคใต้ ซึ่งใช่ว่าจะมีแต่คนไทยทางภาคใต้เท่านั้นที่นิยมเล่นหากันแต่คนจีนในประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ก็ให้ความนิยมกันแพร่หลาย จนมีนามฉายาเรียกกันมานานแล้วว่า “พระปิดตาเงินล้านแห่งแดนทักษิณ” มวลสารที่นำมาสร้างนอกจากผงวิเศษแล้ว ก็ยังมีเกสรดอกไม้และว่านอีกหลายชนิดเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ ว่านสาวหลง ว่านดอกทอง ว่านลูกไก่ทอง ว่านช้างประสมโขลง ว่านนางกวัก ว่านหลงรัง ว่านขุนแผน ว่านมหาลาภ ฯลฯ นอกจากนี้หลวงพ่อกล่อมยังให้ลูกศิษย์ไปขอผงเถ้าถ่านจากการเผาแบงค์ของธนาคารมาผสมอีกด้วย เพื่อเป็นการถือเคล็ดทางโชคลาภและโภคทรัพย์ **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา ปี2514 พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา ปี2514 // พระดีพิธีขลัง !! พระมีประสบการณ์มาก ฉายา " พระปิดตาเงินล้านแห่งแดนทักษิณ " // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณในทางโชคลาภ และมหาเสน่ห์ โภคทรัพย์ โดยเฉพาะการเสี่ยงโชค แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ก็เยี่ยมสุดเหมือนกัน ทำให้เป็นที่ต้องการของประชาชนมาก รวมไปถึงเหตุการณ์ยิงกัน ฝ่ายที่แขวนพระปิดตาของพ่อท่านกล่อม กลับโดนยิงไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย จึงบอกได้ว่าพระปิดตาสำนักนี้ ไม่ควรมองข้าม ** ** พระปิดตาหลวงพ่อกล่อม วัดหูแร่ จ.สงขลา เป็นพระปิดตาที่ขึ้นชื่ออีกสำนักหนึ่งของภาคใต้ ซึ่งใช่ว่าจะมีแต่คนไทยทางภาคใต้เท่านั้นที่นิยมเล่นหากันแต่คนจีนในประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ก็ให้ความนิยมกันแพร่หลาย จนมีนามฉายาเรียกกันมานานแล้วว่า “พระปิดตาเงินล้านแห่งแดนทักษิณ” มวลสารที่นำมาสร้างนอกจากผงวิเศษแล้ว ก็ยังมีเกสรดอกไม้และว่านอีกหลายชนิดเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ ว่านสาวหลง ว่านดอกทอง ว่านลูกไก่ทอง ว่านช้างประสมโขลง ว่านนางกวัก ว่านหลงรัง ว่านขุนแผน ว่านมหาลาภ ฯลฯ นอกจากนี้หลวงพ่อกล่อมยังให้ลูกศิษย์ไปขอผงเถ้าถ่านจากการเผาแบงค์ของธนาคารมาผสมอีกด้วย เพื่อเป็นการถือเคล็ดทางโชคลาภและโภคทรัพย์ ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • เรื่อง เตียงหัก
    ” เตียงหัก !”

    (1)

    หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015
    มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง

    เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด

    อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง

    แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า

    ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945

    แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี

    เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป

    ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933
    หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ

    ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ

    แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น

    พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร

    เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม

    หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?!

    (2)
    ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง

    ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน

    คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย

    เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา)

    นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน

    หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ

    อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง

    นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014)
    เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา

    อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ

    แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้

    (3)

    ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก

    รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา

    แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย
    เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย

    ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    เรื่อง เตียงหัก ” เตียงหัก !” (1) หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015 มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933 หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?! (2) ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา) นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014) เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้ (3) ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    0 Comments 0 Shares 1049 Views 0 Reviews
More Results