• ตำรวจทางหลวงเพชรบูรณ์สรุปผลปฏิบัติตั้งด่านสกัดคาราวาน "น้ำไม่อาบ" ขึ้นภูทับเบิก ตรวจสอบ จยย.จำนวน 430 คัน พบทำผิดกฎหมาย 72 ราย ยึดยาเสพติดอีก 1 ราย

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000112877

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจทางหลวงเพชรบูรณ์สรุปผลปฏิบัติตั้งด่านสกัดคาราวาน "น้ำไม่อาบ" ขึ้นภูทับเบิก ตรวจสอบ จยย.จำนวน 430 คัน พบทำผิดกฎหมาย 72 ราย ยึดยาเสพติดอีก 1 ราย อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000112877 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    11
    0 Comments 0 Shares 1256 Views 0 Reviews
  • เพชรบูรณ์ – ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ เผย “ทริปน้ำไม่อาบ” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมย้ำให้ปฏิบัติตามกฎจราจร..ขณะที่มอเตอร์ไซค์ในกลุ่มชนรถชาวบ้านร่วมทาง 3 ราย ทั้งรถตู้-จยย.-รถไถ พบเด็ก 9 ขวบเจ็บด้วย แถมโลกออนไลน์แชร์ว่อนภาพคนในก๊วนตั้งวงเล่นพนัน-สติ๊กเกอร์เคลียร์ทางราคา 250-5,500 บาท

    กรณีมีการนัดหมายรวมตัวกันขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวในพื้นที่เพชรบูรณ์ โดยใช้ชื่อว่า “ทริปไม่อาบน้ำ” ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้(23 พ.ย.) ซึ่งคาดว่ามีจักรยานยนต์มากันประมาณ 6,000 คัน ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้ติดตามนับหมื่นคน มีจุดหมายปลายทางหลักคือ ภูทับเบิก และเขาค้อ สร้างความคึกคักให้กับเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

    แต่ก็มีผู้ขับขี่บางรายขับขี่ด้วยความหวาดเสียว ขับกลางถนน เบิ้ลรถเสียงดัง ทั้งๆที่มีการตักเตือนและขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายจัดกิจกรรมในครั้งนี้แล้วก็ตาม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000112793

    #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ
    เพชรบูรณ์ – ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ เผย “ทริปน้ำไม่อาบ” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมย้ำให้ปฏิบัติตามกฎจราจร..ขณะที่มอเตอร์ไซค์ในกลุ่มชนรถชาวบ้านร่วมทาง 3 ราย ทั้งรถตู้-จยย.-รถไถ พบเด็ก 9 ขวบเจ็บด้วย แถมโลกออนไลน์แชร์ว่อนภาพคนในก๊วนตั้งวงเล่นพนัน-สติ๊กเกอร์เคลียร์ทางราคา 250-5,500 บาท • กรณีมีการนัดหมายรวมตัวกันขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวในพื้นที่เพชรบูรณ์ โดยใช้ชื่อว่า “ทริปไม่อาบน้ำ” ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้(23 พ.ย.) ซึ่งคาดว่ามีจักรยานยนต์มากันประมาณ 6,000 คัน ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้ติดตามนับหมื่นคน มีจุดหมายปลายทางหลักคือ ภูทับเบิก และเขาค้อ สร้างความคึกคักให้กับเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก • แต่ก็มีผู้ขับขี่บางรายขับขี่ด้วยความหวาดเสียว ขับกลางถนน เบิ้ลรถเสียงดัง ทั้งๆที่มีการตักเตือนและขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายจัดกิจกรรมในครั้งนี้แล้วก็ตาม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000112793 • #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว

    จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789

    #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว • จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย • ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789 • #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • ผบช.น.มีคำสั่งให้ ผกก.สน.หนองค้างพลู ออกจากราชการหลัง ป.ป.ท.ชี้มูลผิดวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมตั้ง พ.ต.อ.ธนากร นิมมะโม นั่งรักษาการ

    วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ลงนามในคำสั่ง บช.น.ที่ 361/2567 เรื่อง "ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน" ด้วยกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) มีคำสั่ง ที่ 306 /2567 ลงโทษปลด ว่าที่ พ.ต.อ. สุขสันต์ แสนสวัสดิ์ ผกก.หนองค้างพลู ออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.2567 เป็นต้นไป

    เนื่องจาก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.พระยืน จ.ขอนแก่น มีกรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ขี้มูลความผิดว่าการกระทำของ ว่าที่ พ.ต.อ.สุขสันต์ แสนสวัสดิ์ ผกก.หนองค้างพลู เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มีควรได้ จึงเป็นเหตุให้ขาดผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112752

    #MGROnline #หนองค้างพลู
    ผบช.น.มีคำสั่งให้ ผกก.สน.หนองค้างพลู ออกจากราชการหลัง ป.ป.ท.ชี้มูลผิดวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมตั้ง พ.ต.อ.ธนากร นิมมะโม นั่งรักษาการ • วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ลงนามในคำสั่ง บช.น.ที่ 361/2567 เรื่อง "ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน" ด้วยกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) มีคำสั่ง ที่ 306 /2567 ลงโทษปลด ว่าที่ พ.ต.อ. สุขสันต์ แสนสวัสดิ์ ผกก.หนองค้างพลู ออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.2567 เป็นต้นไป • เนื่องจาก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.พระยืน จ.ขอนแก่น มีกรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ขี้มูลความผิดว่าการกระทำของ ว่าที่ พ.ต.อ.สุขสันต์ แสนสวัสดิ์ ผกก.หนองค้างพลู เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มีควรได้ จึงเป็นเหตุให้ขาดผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112752 • #MGROnline #หนองค้างพลู
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ ปอศ.ส่งสำนวนคดี "หมอบุญ" โกงผู้เสียหาย 12 ราย รวมมูลค่า 1.9 พันล้านบาทให้ดีเอสไอแล้วเมื่อวาน (22 พ.ย.) หลังพบมูลค่าความผิดเข้าข่ายคดีพิเศษ

    วันนี้ ( 23 พ.ย. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ส่งสำนวนการสอบสวนคดีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ น.พ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี กับพวกในคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน ให้กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยได้ส่งมอบสำนวนดังกล่าวไปเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังพบว่ามีมูลค่าทรัพย์สินความเสียหายเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112745

    #MGROnline #หมอบุญ
    ตำรวจ ปอศ.ส่งสำนวนคดี "หมอบุญ" โกงผู้เสียหาย 12 ราย รวมมูลค่า 1.9 พันล้านบาทให้ดีเอสไอแล้วเมื่อวาน (22 พ.ย.) หลังพบมูลค่าความผิดเข้าข่ายคดีพิเศษ • วันนี้ ( 23 พ.ย. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ส่งสำนวนการสอบสวนคดีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ น.พ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี กับพวกในคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน ให้กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยได้ส่งมอบสำนวนดังกล่าวไปเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังพบว่ามีมูลค่าทรัพย์สินความเสียหายเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112745 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • นครปฐม - หลวงพี่น้ำฝน แจงคลิปชายกระโดดถีบพระปีนเสา รับเป็นลูกศิษย์จริงแต่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของวัด สั่งการให้ติดตามตัวเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. บางเขนแล้ว ย้ำชัดลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ขอโทษช่อง 8 หลังลูกศิษย์ไปก่อเหตุไม่เหมาะสม

    วันนี้( 23 พ.ย.) ที่วิหารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชายสวมหมวกสีแดงกระโดดถีบ พระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือพระครูปลัดธีระฯ ซึ่งมีชื่อเรียกติดปากว่า "พระปีนเสา" ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานบริษัทอาร์เอส จำกัด(มหาชน) หลังจากไปออกรายการที่ช่อง 8 และกำลังจะลงมาขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอรับ

    ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับชายที่ก่อเหตุ ซึ่งได้เดินออกไปจากหน้าอาคาร และรถกระบะสี่ประตูสีบรอนซ์เงิน ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 1777 นครปฐม ซึ่งมีภาพชายคนขับรถ ทราบชื่อต่อมาคือเฮียยุทธ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000112746

    #MGROnline #นครปฐม #หลวงพี่น้ำฝน
    นครปฐม - หลวงพี่น้ำฝน แจงคลิปชายกระโดดถีบพระปีนเสา รับเป็นลูกศิษย์จริงแต่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของวัด สั่งการให้ติดตามตัวเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. บางเขนแล้ว ย้ำชัดลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ขอโทษช่อง 8 หลังลูกศิษย์ไปก่อเหตุไม่เหมาะสม • วันนี้( 23 พ.ย.) ที่วิหารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชายสวมหมวกสีแดงกระโดดถีบ พระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือพระครูปลัดธีระฯ ซึ่งมีชื่อเรียกติดปากว่า "พระปีนเสา" ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานบริษัทอาร์เอส จำกัด(มหาชน) หลังจากไปออกรายการที่ช่อง 8 และกำลังจะลงมาขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอรับ • ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับชายที่ก่อเหตุ ซึ่งได้เดินออกไปจากหน้าอาคาร และรถกระบะสี่ประตูสีบรอนซ์เงิน ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 1777 นครปฐม ซึ่งมีภาพชายคนขับรถ ทราบชื่อต่อมาคือเฮียยุทธ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000112746 • #MGROnline #นครปฐม #หลวงพี่น้ำฝน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112789

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112789 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    Haha
    33
    3 Comments 1 Shares 2261 Views 0 Reviews
  • ถามตรงๆ ปีหน้า "เมลาย รัชดา" จะเอาอีกไหม? พบทริปน้ำไม่อาบคราวนี้ก่อความเดือดร้อน ล้มคว่ำกันเอง สะพัดตายแล้ว 2 ศพ ขายน้ำกระท่อม แต่งกายเลียนแบบตำรวจ แถมเหิมเกริมบังอาจ เฉี่ยวชนพระบิณฑบาตแล้วหนี ไม่รู้จะหาคำด่ายังไงดี

    วันนี้ (23 พ.ย.) จากกรณีที่อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ชื่อว่า "เมลาย รัชดา" ไม่เปิดเผยชื่อและนามสกุลจริง นัดรวมพลคนขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งนับหมื่นคน ไปรวมตัวกันที่ภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ออกเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งตั้งแต่เวลา 03.00 น. สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้ใช้รถใช้ถนนพหลโยธิน และถนนสายสระบุรี-หล่มสัก โดยก่อนหน้านี้ เมลาย รัชดา อ้างว่าปีนี้ภาพไม่ดี ปีหน้าคงไม่มีแล้ว แต่ปรากฎว่ายังมีการเบิ้ลเครื่องเสียงดังขณะเข้าเขตชุมชนจนได้

    ล่าสุด เฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้แหลก" ที่เกาะติดกลุ่มน้ำไม่อาบเปิดเผยดรามาทริปน้ำไม่อาบจำนวนมาก ทั้งกรณีที่รถจักรยานยนต์ในกลุ่มล้มคว่ำบาดเจ็บ 1 ราย ทั้งการจำหน่ายน้ำกระท่อม ทั้งกรณีมีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นคือรถคาวาซากิ ผู้ขับขี่ถูกนำส่งขึ้นรถตู้ที่ชื่อว่า "รถขนผี" กรณีเฉี่ยวพระบิณฑบาตได้รับบาดเจ็บแล้วหนี และกรณีที่ชายแต่งกายคล้ายตำรวจอยู่ในกลุ่มน้ำไม่อาบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112765

    #MGROnline #กลุ่มน้ำไม่อาบ #ทริปน้ำไม่อาบ
    ถามตรงๆ ปีหน้า "เมลาย รัชดา" จะเอาอีกไหม? พบทริปน้ำไม่อาบคราวนี้ก่อความเดือดร้อน ล้มคว่ำกันเอง สะพัดตายแล้ว 2 ศพ ขายน้ำกระท่อม แต่งกายเลียนแบบตำรวจ แถมเหิมเกริมบังอาจ เฉี่ยวชนพระบิณฑบาตแล้วหนี ไม่รู้จะหาคำด่ายังไงดี • วันนี้ (23 พ.ย.) จากกรณีที่อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ชื่อว่า "เมลาย รัชดา" ไม่เปิดเผยชื่อและนามสกุลจริง นัดรวมพลคนขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งนับหมื่นคน ไปรวมตัวกันที่ภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ออกเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งตั้งแต่เวลา 03.00 น. สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้ใช้รถใช้ถนนพหลโยธิน และถนนสายสระบุรี-หล่มสัก โดยก่อนหน้านี้ เมลาย รัชดา อ้างว่าปีนี้ภาพไม่ดี ปีหน้าคงไม่มีแล้ว แต่ปรากฎว่ายังมีการเบิ้ลเครื่องเสียงดังขณะเข้าเขตชุมชนจนได้ • ล่าสุด เฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้แหลก" ที่เกาะติดกลุ่มน้ำไม่อาบเปิดเผยดรามาทริปน้ำไม่อาบจำนวนมาก ทั้งกรณีที่รถจักรยานยนต์ในกลุ่มล้มคว่ำบาดเจ็บ 1 ราย ทั้งการจำหน่ายน้ำกระท่อม ทั้งกรณีมีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นคือรถคาวาซากิ ผู้ขับขี่ถูกนำส่งขึ้นรถตู้ที่ชื่อว่า "รถขนผี" กรณีเฉี่ยวพระบิณฑบาตได้รับบาดเจ็บแล้วหนี และกรณีที่ชายแต่งกายคล้ายตำรวจอยู่ในกลุ่มน้ำไม่อาบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112765 • #MGROnline #กลุ่มน้ำไม่อาบ #ทริปน้ำไม่อาบ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • เพชรบูรณ์ – ชาวบ้านตามเส้นทาง ทล.21 สระบุรี-หล่มสัก/คนในสังคมออนไลน์ วิจารณ์สนั่นตั้งแต่กลางดึก..กลุ่ม จยย. “ทริปน้ำไม่อาบ” กว่า 6,000 คัน ร่วมหมื่นคน บุกเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อ-ภูทับเบิก บางคันเสียงดังก้องท้องถนน-ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญกันแน่

    วันนี้(23 พ.ย.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังขบวนรถจักรยานยนต์ “ทริปน้ำไม่อาบ” กว่า 6,000 คัน 10,000 คน บุกจังหวัดเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อ-ภูทับเบิก ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านตลอดเส้นทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก)

    ชาวเน็ตต่างตั้งคำถามถึงการปฏิบัติตามกฎจราจรของกลุ่มผู้ร่วมทริป รวมถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังพบว่ามีรถจักรยานยนต์หลายคันเสียงดังเกิน จนก้องท้องถนน และบางคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ จากเจ้าหน้าที่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000112728

    #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ
    เพชรบูรณ์ – ชาวบ้านตามเส้นทาง ทล.21 สระบุรี-หล่มสัก/คนในสังคมออนไลน์ วิจารณ์สนั่นตั้งแต่กลางดึก..กลุ่ม จยย. “ทริปน้ำไม่อาบ” กว่า 6,000 คัน ร่วมหมื่นคน บุกเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อ-ภูทับเบิก บางคันเสียงดังก้องท้องถนน-ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญกันแน่ • วันนี้(23 พ.ย.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังขบวนรถจักรยานยนต์ “ทริปน้ำไม่อาบ” กว่า 6,000 คัน 10,000 คน บุกจังหวัดเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อ-ภูทับเบิก ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านตลอดเส้นทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) • ชาวเน็ตต่างตั้งคำถามถึงการปฏิบัติตามกฎจราจรของกลุ่มผู้ร่วมทริป รวมถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังพบว่ามีรถจักรยานยนต์หลายคันเสียงดังเกิน จนก้องท้องถนน และบางคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ จากเจ้าหน้าที่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000112728 • #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ภรรยา และลูกสาวของ “หมอบุญ” พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ บช.น. ทนายเผยทั้งสองถูกปลอมแปลงลายเซ็นเอกสารกู้ยืมเงิน แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร มารู้ตัวตอนถูกฟ้องคดีแพ่ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112747

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ภรรยา และลูกสาวของ “หมอบุญ” พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ บช.น. ทนายเผยทั้งสองถูกปลอมแปลงลายเซ็นเอกสารกู้ยืมเงิน แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร มารู้ตัวตอนถูกฟ้องคดีแพ่ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112747 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    Angry
    23
    0 Comments 0 Shares 2224 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ ปอศ.ส่งสำนวนคดี "หมอบุญ" โกงผู้เสียหาย 12 ราย รวมมูลค่า 1.9 พันล้านบาทให้ดีเอสไอแล้วเมื่อวาน (22 พ.ย.) หลังพบมูลค่าความผิดเข้าข่ายคดีพิเศษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112745

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ ปอศ.ส่งสำนวนคดี "หมอบุญ" โกงผู้เสียหาย 12 ราย รวมมูลค่า 1.9 พันล้านบาทให้ดีเอสไอแล้วเมื่อวาน (22 พ.ย.) หลังพบมูลค่าความผิดเข้าข่ายคดีพิเศษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112745 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    14
    0 Comments 0 Shares 2174 Views 0 Reviews
  • รอง ผบช.น.สรุปไทม์ไลน์คดี "หมอบุญ" หลอกลงทุน เสียหาย 7.5 พันล้าน เปิดคำพูดและพฤติการณ์จนเหยื่อหลงเชื่อ เผยตัวเลขแจ้งความ 500 คดี เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาให้ บช.ก.ดำเนินการต่อ ล่าสุดเมีย-ลูกสาวมอบตัวที่ บช.น.แล้ว

    วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเครือข่าย นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี หลอกลวงผู้เสียหายลงทุนเสียหาย 7,500 ล้านบาท ว่า สรุปไทม์ไลน์ ดังนี้ เดือน ธ.ค. 2566 ผู้เสียหายแจ้งความ สน.ห้วยขวาง 1 คดี, เดือน พ.ค. 2567 เป็นต้นมา แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 6 คดี, เดือน มิ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 8 คดี, เดือน ก.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 49 คดี ต่อมาคดีเริ่มมีความซับซ้อนยุ่งยากและมีผู้เสียหายมากขึ้น ในห้วงตั้งแต่เดือน ส.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 75 คดี เดือน ก.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 84 คดี เดือน ต.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 60 คดี เดือน พ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 66 คดี รวมแล้วประมาณ 500 คดี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112741

    #MGROnline #หมอบุญ
    รอง ผบช.น.สรุปไทม์ไลน์คดี "หมอบุญ" หลอกลงทุน เสียหาย 7.5 พันล้าน เปิดคำพูดและพฤติการณ์จนเหยื่อหลงเชื่อ เผยตัวเลขแจ้งความ 500 คดี เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาให้ บช.ก.ดำเนินการต่อ ล่าสุดเมีย-ลูกสาวมอบตัวที่ บช.น.แล้ว • วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเครือข่าย นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี หลอกลวงผู้เสียหายลงทุนเสียหาย 7,500 ล้านบาท ว่า สรุปไทม์ไลน์ ดังนี้ เดือน ธ.ค. 2566 ผู้เสียหายแจ้งความ สน.ห้วยขวาง 1 คดี, เดือน พ.ค. 2567 เป็นต้นมา แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 6 คดี, เดือน มิ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 8 คดี, เดือน ก.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 49 คดี ต่อมาคดีเริ่มมีความซับซ้อนยุ่งยากและมีผู้เสียหายมากขึ้น ในห้วงตั้งแต่เดือน ส.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 75 คดี เดือน ก.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 84 คดี เดือน ต.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 60 คดี เดือน พ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 66 คดี รวมแล้วประมาณ 500 คดี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112741 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ภรรยา และลูกสาวของ “หมอบุญ” พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ บช.น. ทนายเผยทั้งสองถูกปลอมแปลงลายเซ็นเอกสารกู้ยืมเงิน แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร มารู้ตัวตอนถูกฟ้องคดีแพ่ง

    วันนี้ ( 23 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นพ.บุญ วนาสิน ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อ เป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ พร้อมด้วย นางสาวนลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของ นพ.บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ โดยทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหาในหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมีนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ เดินทางมาด้วย

    โดยนางจารุวรรณ ได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูอ่อน สวมแว่นตาดำ และนางสาวนลิน สวมเสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ในระหว่างที่เดินทางขึ้นมาพบตำรวจนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่นางจารุวรรณและนางสาวนลิน ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112747

    #MGROnline #ภรรยา #ลูกสาว #หมอบุญ
    ภรรยา และลูกสาวของ “หมอบุญ” พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ บช.น. ทนายเผยทั้งสองถูกปลอมแปลงลายเซ็นเอกสารกู้ยืมเงิน แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร มารู้ตัวตอนถูกฟ้องคดีแพ่ง • วันนี้ ( 23 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นพ.บุญ วนาสิน ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อ เป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ พร้อมด้วย นางสาวนลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของ นพ.บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ โดยทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหาในหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมีนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ เดินทางมาด้วย • โดยนางจารุวรรณ ได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูอ่อน สวมแว่นตาดำ และนางสาวนลิน สวมเสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ในระหว่างที่เดินทางขึ้นมาพบตำรวจนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่นางจารุวรรณและนางสาวนลิน ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112747 • #MGROnline #ภรรยา #ลูกสาว #หมอบุญ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • บช.ตชด.ร่อนเอกสารชี้แจงกรณีร้อยตชด.137 สวนผึ้ง ถูกร้องรีด 5 แสน แลกปล่อยตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมเรียกเก็บรายเดือน ล่าสุดมีคำสั่งย้าย 11 ตชด.ที่ถูกร้องเข้ากรุ พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว

    ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีร้อย ตชด.137 สวนผึ้ง จับกุมผู้ต้องหาและรีดทรัพย์ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคดียาเสพติด พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน นั้น​

    ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (​บช.ตชด.) ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงใจความว่า บช.ตชด.ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปรากฎในสื่อ จำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.67 และให้ บก.ตชด.ภาค 1 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานโดยด่วน​

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112657

    #MGROnline #ตชด.#สวนผึ้ง #คดียาเสพติด
    บช.ตชด.ร่อนเอกสารชี้แจงกรณีร้อยตชด.137 สวนผึ้ง ถูกร้องรีด 5 แสน แลกปล่อยตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมเรียกเก็บรายเดือน ล่าสุดมีคำสั่งย้าย 11 ตชด.ที่ถูกร้องเข้ากรุ พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว • ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีร้อย ตชด.137 สวนผึ้ง จับกุมผู้ต้องหาและรีดทรัพย์ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคดียาเสพติด พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน นั้น​ • ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (​บช.ตชด.) ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงใจความว่า บช.ตชด.ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปรากฎในสื่อ จำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.67 และให้ บก.ตชด.ภาค 1 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานโดยด่วน​ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112657 • #MGROnline #ตชด.#สวนผึ้ง #คดียาเสพติด
    Like
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112706

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112706 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    11
    0 Comments 0 Shares 2235 Views 0 Reviews
  • “เจ๊หนิง-สามีตำรวจ-หลานชาย” ยังไม่เดินทางมามอบตัวกับตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก”

    จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือ หนิง อาจารย์สอนพิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษภรรยาของอดีตนายพลตํารวจ คดีลักทรัพย์ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ ภายหลังภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น และแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้โทษรับทางอาญา

    ต่อมามื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับนางสาวธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง และนายภีมพจน์ ซึ่งเป็นสามีตำรวจ และนายพงษ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหลานเจ๊หนิง ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นตาทที่เสนอข่าวนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) ที่ สน.พระโขนง เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวมีดารโทรสอบถาม น.ส.ธณัฏฐา เรื่องหมายจับ ได้รับคำตอบว่า น.ส.ธณัฏฐา กับพวกจะเดินทางเข้ามอบตัววันนี้เวลา 09.00 น. แต่ถึงเวลานัดหมายกลับ ไม่พบวี่แววทั้ง 3 คนเข้ามอบตัว นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว พยายามโทรติดต่อ น.ส.ธณัฏฐาหลายครั้ง เพื่อสอบถามว่าวันนี้ทั้ง 3 คนจะเดินทางเข้ามามอบตัวที่ สน.พระโขนงหรือไม่ แต่น.ส.ธณัฏฐาไม่รับสาย

    ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อจากเจ๊หนิง ว่า จะเข้ามอบตัววันนี้ ทราบจากสื่อที่เสนอเหมือนกันว่าจะเข้ามอบตัววันนี้ แต่เมื่อมีหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องออกสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    #MGROnline #เจ๊หนิง #สามีตำรวจ #หลานชาย #คดีแจ้งความเท็จ #ภรรยาบิ๊กโจ๊ก
    “เจ๊หนิง-สามีตำรวจ-หลานชาย” ยังไม่เดินทางมามอบตัวกับตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก” • จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือ หนิง อาจารย์สอนพิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษภรรยาของอดีตนายพลตํารวจ คดีลักทรัพย์ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ ภายหลังภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น และแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้โทษรับทางอาญา • ต่อมามื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับนางสาวธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง และนายภีมพจน์ ซึ่งเป็นสามีตำรวจ และนายพงษ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหลานเจ๊หนิง ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นตาทที่เสนอข่าวนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) ที่ สน.พระโขนง เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวมีดารโทรสอบถาม น.ส.ธณัฏฐา เรื่องหมายจับ ได้รับคำตอบว่า น.ส.ธณัฏฐา กับพวกจะเดินทางเข้ามอบตัววันนี้เวลา 09.00 น. แต่ถึงเวลานัดหมายกลับ ไม่พบวี่แววทั้ง 3 คนเข้ามอบตัว นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว พยายามโทรติดต่อ น.ส.ธณัฏฐาหลายครั้ง เพื่อสอบถามว่าวันนี้ทั้ง 3 คนจะเดินทางเข้ามามอบตัวที่ สน.พระโขนงหรือไม่ แต่น.ส.ธณัฏฐาไม่รับสาย • ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อจากเจ๊หนิง ว่า จะเข้ามอบตัววันนี้ ทราบจากสื่อที่เสนอเหมือนกันว่าจะเข้ามอบตัววันนี้ แต่เมื่อมีหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องออกสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป • #MGROnline #เจ๊หนิง #สามีตำรวจ #หลานชาย #คดีแจ้งความเท็จ #ภรรยาบิ๊กโจ๊ก
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว

    วันนี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เครือข่ายนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ อายุ 86 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67

    ทั้งนี้ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น และพวกอีก 8 รายประกอบด้วย

    1. น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา 3.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 4.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และนางจารุวรรณ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 5.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน 6.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน 7.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน และ 8.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี เป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน โดยทั้ง 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112706

    #MGROnline #หมอบุญ #ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน #ร่วมลงทุน
    รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว • วันนี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เครือข่ายนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ อายุ 86 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 • ทั้งนี้ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น และพวกอีก 8 รายประกอบด้วย • 1. น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา 3.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 4.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และนางจารุวรรณ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 5.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน 6.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน 7.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน และ 8.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี เป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน โดยทั้ง 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112706 • #MGROnline #หมอบุญ #ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน #ร่วมลงทุน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • เหยื่อเมทานอล 6 ศพ จากเหล้าเถื่อนที่วังเวียง

    สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า น.ส.ฮอลลี่ โบว์ลส์ นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยภาวะเป็นพิษจากเมทานอล (Methanol) มานาน 1 สัปดาห์ ขณะที่ น.ส.บิอังกา โจนส์ วัย 19 ปี ชาวออสเตรเลีย และ น.ส.ซิโมน ไวท์ ทนายความชาวอังกฤษวัย 28 ปี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 รวมทั้ง นายเจมส์ ฮัตสัน วัย 57 ปี ชาวอเมริกัน น.ส.แอนน์-โซฟี คอยแมน วัย 20 ปี และ น.ส.เฟรยา โซเรนเซน อายุ 21 ปี ชาวเดนมาร์ค ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากดื่มสุราเถื่อนที่มีสารเมทานอลปนอยู่ในวังเวียง เมืองท่องเที่ยวของประเทศลาว

    ผู้ประสบภัยหลายรายเข้าพักที่ Nana Backpacker Hostel พนักงานได้รับแจ้งว่ามีผู้เข้าพักล้มป่วยหลังจากที่ไม่ได้เช็คเอาต์เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ก่อนหน้านี้ทางที่พักได้แจกเครื่องดื่มสุราช็อตฟรีให้กับแขกประมาณ 100 คน แต่ผู้จัดการโฮสเทลเปิดเผยต่อสำนักข่าว Associated Press ว่า ไม่มีผู้เข้าพักคนอื่นป่วยแต่อย่างใด ขณะนี้ถูกตำรวจท้องถิ่นเรียกตัวไปสอบปากคำ ส่วนผู้ให้บริการจองที่พักโฮสเทล Hostelworld ได้ลบชื่อ Nana Backpacker Hostel ออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ และซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีชื่อเสียงเท่านั้น

    บางประเทศออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ระวังพิษจากเมทานอล เมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในประเทศลาว โดยทางการออสเตรเลียเตือนให้ระวังความเสี่ยง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เช่น ค็อกเทล เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ ส่วนสหราชอาณาจักร เตือนให้ระวังการซื้อสุราพื้นเมือง เครื่องดื่มผสมจากสุรา เช่น ค็อกเทล และสุราปลอมในร้านค้าหรือหลังบาร์ โดยแนะนำให้ซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตเท่านั้น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำเอง ตรวจสอบซีลและฉลากว่าสมบูรณ์หรือไม่

    สำหรับเมทานอลเป็นสารอันตรายที่พบได้ในสุราเถื่อน แพร่ระบาดอย่างมากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากราคาถูก มีการบังคับใช้กฎหมายต่ำ แทบไม่มีการควบคุมในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ และเนื่องจากไม่มีรสและไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากในเครื่องดื่ม กว่าจะแสดงอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจใช้เวลามากถึง 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากสุราเถื่อนในอินเดีย 57 ราย สำหรับประเทศไทยเคยเกิดคลัสเตอร์ยาดอง ที่เขตคลองสามวา มีนบุรี และหนองจอก กรุงเทพฯ เสียชีวิต 10 ราย ตำรวจได้ดำเนินคดีผู้ผสมยาดอง ผู้ผลิตสุราเถื่อน และผู้จำหน่ายสารเอทานอล รวม 4 ราย

    #Newskit
    เหยื่อเมทานอล 6 ศพ จากเหล้าเถื่อนที่วังเวียง สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า น.ส.ฮอลลี่ โบว์ลส์ นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยภาวะเป็นพิษจากเมทานอล (Methanol) มานาน 1 สัปดาห์ ขณะที่ น.ส.บิอังกา โจนส์ วัย 19 ปี ชาวออสเตรเลีย และ น.ส.ซิโมน ไวท์ ทนายความชาวอังกฤษวัย 28 ปี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 รวมทั้ง นายเจมส์ ฮัตสัน วัย 57 ปี ชาวอเมริกัน น.ส.แอนน์-โซฟี คอยแมน วัย 20 ปี และ น.ส.เฟรยา โซเรนเซน อายุ 21 ปี ชาวเดนมาร์ค ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากดื่มสุราเถื่อนที่มีสารเมทานอลปนอยู่ในวังเวียง เมืองท่องเที่ยวของประเทศลาว ผู้ประสบภัยหลายรายเข้าพักที่ Nana Backpacker Hostel พนักงานได้รับแจ้งว่ามีผู้เข้าพักล้มป่วยหลังจากที่ไม่ได้เช็คเอาต์เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ก่อนหน้านี้ทางที่พักได้แจกเครื่องดื่มสุราช็อตฟรีให้กับแขกประมาณ 100 คน แต่ผู้จัดการโฮสเทลเปิดเผยต่อสำนักข่าว Associated Press ว่า ไม่มีผู้เข้าพักคนอื่นป่วยแต่อย่างใด ขณะนี้ถูกตำรวจท้องถิ่นเรียกตัวไปสอบปากคำ ส่วนผู้ให้บริการจองที่พักโฮสเทล Hostelworld ได้ลบชื่อ Nana Backpacker Hostel ออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ และซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีชื่อเสียงเท่านั้น บางประเทศออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ระวังพิษจากเมทานอล เมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในประเทศลาว โดยทางการออสเตรเลียเตือนให้ระวังความเสี่ยง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เช่น ค็อกเทล เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ ส่วนสหราชอาณาจักร เตือนให้ระวังการซื้อสุราพื้นเมือง เครื่องดื่มผสมจากสุรา เช่น ค็อกเทล และสุราปลอมในร้านค้าหรือหลังบาร์ โดยแนะนำให้ซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตเท่านั้น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำเอง ตรวจสอบซีลและฉลากว่าสมบูรณ์หรือไม่ สำหรับเมทานอลเป็นสารอันตรายที่พบได้ในสุราเถื่อน แพร่ระบาดอย่างมากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากราคาถูก มีการบังคับใช้กฎหมายต่ำ แทบไม่มีการควบคุมในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ และเนื่องจากไม่มีรสและไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากในเครื่องดื่ม กว่าจะแสดงอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจใช้เวลามากถึง 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากสุราเถื่อนในอินเดีย 57 ราย สำหรับประเทศไทยเคยเกิดคลัสเตอร์ยาดอง ที่เขตคลองสามวา มีนบุรี และหนองจอก กรุงเทพฯ เสียชีวิต 10 ราย ตำรวจได้ดำเนินคดีผู้ผสมยาดอง ผู้ผลิตสุราเถื่อน และผู้จำหน่ายสารเอทานอล รวม 4 ราย #Newskit
    Like
    Sad
    Angry
    8
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    Like
    Yay
    3
    0 Comments 0 Shares 508 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ บช.ก.อนุญาตให้ "เอก สายไหม" ประกันตัว 5 หมื่นบาท เจ้าตัวลั่นแจ้งจับพยานให้ข้อมูลเท็จจนต้องถูกดำเนินคดี ส่วน "ทนาย บอสพอล" เตรียมรับของขวัญปีใหม่ได้เลย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112525

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ บช.ก.อนุญาตให้ "เอก สายไหม" ประกันตัว 5 หมื่นบาท เจ้าตัวลั่นแจ้งจับพยานให้ข้อมูลเท็จจนต้องถูกดำเนินคดี ส่วน "ทนาย บอสพอล" เตรียมรับของขวัญปีใหม่ได้เลย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112525 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    Sad
    Angry
    18
    0 Comments 0 Shares 2399 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.

    จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา

    ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก

    พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น.

    #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. • จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา • ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก • พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น. • #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • คนขาณุวรลักษบุรี ตกใจกันทั่ว ไม่คิดว่าเจอศพฝังมากขนาดนี้..ตำรวจเร่งติดต่อญาติรับ 11 ศพถูกฝังสำนักสงฆ์ฯลัทธิประหลาดสอนหูทิพย์ตาทิพย์ ขณะที่ครอบครัวชาวอุดรฯเป็นงง หลังพบศพหลานสาวไปทำงาน-เสียชีวิตอยู่ กทม.โผล่เป็น 1 ใน 11 ศพด้วย ทั้งที่พี่น้องสายตรงไม่เคยเป็นศิษย์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112416

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คนขาณุวรลักษบุรี ตกใจกันทั่ว ไม่คิดว่าเจอศพฝังมากขนาดนี้..ตำรวจเร่งติดต่อญาติรับ 11 ศพถูกฝังสำนักสงฆ์ฯลัทธิประหลาดสอนหูทิพย์ตาทิพย์ ขณะที่ครอบครัวชาวอุดรฯเป็นงง หลังพบศพหลานสาวไปทำงาน-เสียชีวิตอยู่ กทม.โผล่เป็น 1 ใน 11 ศพด้วย ทั้งที่พี่น้องสายตรงไม่เคยเป็นศิษย์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112416 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 0 Shares 1406 Views 0 Reviews
  • “โรม” เผย กมธ.ได้ความคืบหน้าปม “ทักษิณ” มีหลายโรค-จ่ายค่ารักษาเองล้านกว่า “ทวี” ยอมรับไม่เคยเหยียบชั้น14 ตรวจสอบทำตามระเบียบหรือไม่ แต่มีแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ตรวจก่อนส่ง รพ.ตำรวจ เตรียมบุกชั้น 14 ค้นหาความจริงต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112400

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “โรม” เผย กมธ.ได้ความคืบหน้าปม “ทักษิณ” มีหลายโรค-จ่ายค่ารักษาเองล้านกว่า “ทวี” ยอมรับไม่เคยเหยียบชั้น14 ตรวจสอบทำตามระเบียบหรือไม่ แต่มีแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ตรวจก่อนส่ง รพ.ตำรวจ เตรียมบุกชั้น 14 ค้นหาความจริงต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112400 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    4
    1 Comments 0 Shares 1367 Views 0 Reviews
  • "เอก สายไหมต้องรอด" มอบตัว หลังศาลออกหมายจับ โพสต์ข้อมูลเท็จคดีดิไอคอนฯ
    .
    "เอกภพ เหลืองประเสริฐ" ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เข้ามอบตัวกับตำรวจ บก.ปอท. หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จเงินดิจิตอล ที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป
    .
    วันนี้ (22 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด นักการเมืองเขตสายไหม กรุงเทพฯ และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จในระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเงินดิจิตอล ที่เกี่ยวข้องกับคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และศาลได้อนุมัติหมายจับในเวลาต่อมา
    .
    ทันทีที่มีการออกหมายจับ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปทางนายเอกภพ เจ้าตัวได้เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบเรื่องหมายจับ และขณะนี้กำลังเดินทางมาเพื่อให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำเชิญในเวลา 15.00 น.
    .
    ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า คดีนายเอกภพนั้น ทางชุดสืบสวนมีการนัดนายเอกภพมาให้ถ้อยคำในวันนี้ ช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากชุดสืบสวนยังต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเรียกนายเอกภพมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 พ.ย. และวันอังคารที่ 19 พ.ย. ผ่านมา แต่นายเอกภพอ้างว่าติดธุระ เดี๋ยวจะมาพร้อมกับทนายความ ซึ่งกรณีนายเอกภพก็จะเข้าข่ายความผิดเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
    .
    ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายเอกภพได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ บก.ปอท.แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังนำตัวผู้ต้องหาเข้ามายัง บก.ปอท. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    "เอก สายไหมต้องรอด" มอบตัว หลังศาลออกหมายจับ โพสต์ข้อมูลเท็จคดีดิไอคอนฯ . "เอกภพ เหลืองประเสริฐ" ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เข้ามอบตัวกับตำรวจ บก.ปอท. หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จเงินดิจิตอล ที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป . วันนี้ (22 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด นักการเมืองเขตสายไหม กรุงเทพฯ และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จในระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเงินดิจิตอล ที่เกี่ยวข้องกับคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และศาลได้อนุมัติหมายจับในเวลาต่อมา . ทันทีที่มีการออกหมายจับ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปทางนายเอกภพ เจ้าตัวได้เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบเรื่องหมายจับ และขณะนี้กำลังเดินทางมาเพื่อให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำเชิญในเวลา 15.00 น. . ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า คดีนายเอกภพนั้น ทางชุดสืบสวนมีการนัดนายเอกภพมาให้ถ้อยคำในวันนี้ ช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากชุดสืบสวนยังต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเรียกนายเอกภพมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 พ.ย. และวันอังคารที่ 19 พ.ย. ผ่านมา แต่นายเอกภพอ้างว่าติดธุระ เดี๋ยวจะมาพร้อมกับทนายความ ซึ่งกรณีนายเอกภพก็จะเข้าข่ายความผิดเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ . ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายเอกภพได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ บก.ปอท.แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังนำตัวผู้ต้องหาเข้ามายัง บก.ปอท. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 901 Views 1 Reviews
  • ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช.
    .
    ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย
    .
    สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
    .
    ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
    .
    ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ
    .
    ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
    .
    ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6
    .
    สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
    .
    ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช. . ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย . สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต . ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา . ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ . ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล . ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา . ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ . ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 . สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ . ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    4
    1 Comments 0 Shares 1026 Views 0 Reviews
More Results