• ตรวจเหล็กเพิ่ม 40 ท่อน ซินเคอหยวนนัดสื่อแจง : [NEWS UPDATE]
    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยความคืบหน้าการตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บตัวอย่างจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ตัวอย่างเหล็กเส้นเพิ่ม 8 ชนิด ชนิดละ 5 ท่อน รวม 40 ท่อน โดยจะตรวจสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ได้แก่ 1.มวลต่อเมตร 2.ช่วงระหว่างบั้ง ส่วนสูงของบั้ง ความกว้างครีบ 3.ส่วนประกอบทางเคมี 4.ความต้านแรงดึง 5.ความต้านแรงดึงที่จุดคราก 6.ความยืด 7.ความดัดโค้ง 8.มุมระหว่างบั้งครีบแกนของเหล็ก และ 9.เครื่องหมายที่เหล็กข้ออ้อย ซึ่งตรงกับวันที่บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด จะแถลงข่าวมาตรฐานเหล็กของบริษัท หลังจากเลื่อนการแถลงข่าวจากวันที่ 9 เม.ย. โดยระบุว่า ขอฟังกระทรวงอุตสาหกรรมแถลงข่าววันที่ 10 เม.ย. ก่อน


    กู้ซากตึกพบกว่า 100 ชิ้น

    หนุนยะลาโมเดลนำร่อง

    หวั่นสวมสิทธิไทยส่งออก

    ประชาชนอยากเปลี่ยนรมต.
    ตรวจเหล็กเพิ่ม 40 ท่อน ซินเคอหยวนนัดสื่อแจง : [NEWS UPDATE] นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยความคืบหน้าการตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บตัวอย่างจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ตัวอย่างเหล็กเส้นเพิ่ม 8 ชนิด ชนิดละ 5 ท่อน รวม 40 ท่อน โดยจะตรวจสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ได้แก่ 1.มวลต่อเมตร 2.ช่วงระหว่างบั้ง ส่วนสูงของบั้ง ความกว้างครีบ 3.ส่วนประกอบทางเคมี 4.ความต้านแรงดึง 5.ความต้านแรงดึงที่จุดคราก 6.ความยืด 7.ความดัดโค้ง 8.มุมระหว่างบั้งครีบแกนของเหล็ก และ 9.เครื่องหมายที่เหล็กข้ออ้อย ซึ่งตรงกับวันที่บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด จะแถลงข่าวมาตรฐานเหล็กของบริษัท หลังจากเลื่อนการแถลงข่าวจากวันที่ 9 เม.ย. โดยระบุว่า ขอฟังกระทรวงอุตสาหกรรมแถลงข่าววันที่ 10 เม.ย. ก่อน กู้ซากตึกพบกว่า 100 ชิ้น หนุนยะลาโมเดลนำร่อง หวั่นสวมสิทธิไทยส่งออก ประชาชนอยากเปลี่ยนรมต.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 164 Views 29 0 Reviews
  • แฟลชไดรฟ์ราคาถูกที่มีความจุสูงอาจไม่ใช่ข้อเสนอที่ดีอย่างที่คิด! บทความนี้เตือนถึงอันตรายของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลปลอมที่ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มักมีความจุจริงต่ำกว่าที่โฆษณา และอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือเสียหายได้

    ✅ แฟลชไดรฟ์ราคาถูกมักมีความจุจริงต่ำกว่าที่โฆษณา
    - ตัวอย่างเช่น แฟลชไดรฟ์ที่โฆษณาว่ามีความจุ 2TB แต่เมื่อทดสอบพบว่ามีเพียง 18.2GB
    - ผู้ขายมักใช้เฟิร์มแวร์ปลอมเพื่อให้ระบบรายงานความจุสูงกว่าความเป็นจริง

    ✅ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซพยายามจัดการกับสินค้าปลอม
    - Lazada และ Shopee ใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับและลบรายการสินค้าปลอม
    - อย่างไรก็ตาม ผู้ขายที่ไม่ซื่อสัตย์ยังคงหาวิธีหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบ

    ✅ อุปกรณ์ปลอมอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - แฮกเกอร์สามารถใช้แฟลชไดรฟ์ปลอมเพื่อแพร่กระจายมัลแวร์
    - มีรายงานว่า USB ปลอมสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขโมยข้อมูลหรือเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์

    ✅ วิธีหลีกเลี่ยงการซื้อแฟลชไดรฟ์ปลอม
    - ซื้อจากร้านค้าที่ได้รับการรับรองหรือแบรนด์ที่เชื่อถือได้
    - หลีกเลี่ยงสินค้าที่มีราคาถูกเกินไปเมื่อเทียบกับราคาตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/danger-in-disguise-when-that-ultra-cheap-high-capacity-thumb-drive-seems-too-good-to-be-true
    แฟลชไดรฟ์ราคาถูกที่มีความจุสูงอาจไม่ใช่ข้อเสนอที่ดีอย่างที่คิด! บทความนี้เตือนถึงอันตรายของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลปลอมที่ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มักมีความจุจริงต่ำกว่าที่โฆษณา และอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือเสียหายได้ ✅ แฟลชไดรฟ์ราคาถูกมักมีความจุจริงต่ำกว่าที่โฆษณา - ตัวอย่างเช่น แฟลชไดรฟ์ที่โฆษณาว่ามีความจุ 2TB แต่เมื่อทดสอบพบว่ามีเพียง 18.2GB - ผู้ขายมักใช้เฟิร์มแวร์ปลอมเพื่อให้ระบบรายงานความจุสูงกว่าความเป็นจริง ✅ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซพยายามจัดการกับสินค้าปลอม - Lazada และ Shopee ใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับและลบรายการสินค้าปลอม - อย่างไรก็ตาม ผู้ขายที่ไม่ซื่อสัตย์ยังคงหาวิธีหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบ ✅ อุปกรณ์ปลอมอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - แฮกเกอร์สามารถใช้แฟลชไดรฟ์ปลอมเพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ - มีรายงานว่า USB ปลอมสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขโมยข้อมูลหรือเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์ ✅ วิธีหลีกเลี่ยงการซื้อแฟลชไดรฟ์ปลอม - ซื้อจากร้านค้าที่ได้รับการรับรองหรือแบรนด์ที่เชื่อถือได้ - หลีกเลี่ยงสินค้าที่มีราคาถูกเกินไปเมื่อเทียบกับราคาตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/danger-in-disguise-when-that-ultra-cheap-high-capacity-thumb-drive-seems-too-good-to-be-true
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Danger in disguise: When that cheap 2TB thumb drive seems too good to be true
    Beware of counterfeit USB drives being sold cheaply online as they could pose a cybersecurity risk.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • Intel ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับซีพียูรุ่นใหม่ Nova Lake ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851 โดย Nova Lake เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2026 และมีการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดด้วยโครงสร้างไฮบริดที่ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง (P-cores) และคอร์ประหยัดพลังงาน (E-cores) รวมถึงคอร์ประหยัดพลังงานต่ำ (LPE cores) ใน SoC Tile รวมทั้งหมด 52 คอร์

    ✅ Nova Lake จะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851
    - ซ็อกเก็ต LGA1954 มีจำนวนขาเชื่อมต่อไฟฟ้า 1,954 ขา ซึ่งมากกว่า LGA1851
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการออกแบบใหม่

    ✅ Nova Lake มีโครงสร้างไฮบริดที่ประกอบด้วย 52 คอร์
    - ประกอบด้วย P-cores, E-cores และ LPE cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ Nova Lake จะเปิดตัวในปี 2026
    - Intel ได้เริ่มส่งตัวอย่างสำหรับการทดสอบไปยังพันธมิตรทั่วโลก

    ✅ การออกแบบใหม่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา
    - มีการใช้ interposer เพื่อทดสอบการควบคุมแรงดันไฟฟ้าสำหรับแพลตฟอร์มใหม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-cpus-will-seemingly-use-a-new-lga1954-socket
    Intel ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับซีพียูรุ่นใหม่ Nova Lake ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851 โดย Nova Lake เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2026 และมีการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดด้วยโครงสร้างไฮบริดที่ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง (P-cores) และคอร์ประหยัดพลังงาน (E-cores) รวมถึงคอร์ประหยัดพลังงานต่ำ (LPE cores) ใน SoC Tile รวมทั้งหมด 52 คอร์ ✅ Nova Lake จะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851 - ซ็อกเก็ต LGA1954 มีจำนวนขาเชื่อมต่อไฟฟ้า 1,954 ขา ซึ่งมากกว่า LGA1851 - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการออกแบบใหม่ ✅ Nova Lake มีโครงสร้างไฮบริดที่ประกอบด้วย 52 คอร์ - ประกอบด้วย P-cores, E-cores และ LPE cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ Nova Lake จะเปิดตัวในปี 2026 - Intel ได้เริ่มส่งตัวอย่างสำหรับการทดสอบไปยังพันธมิตรทั่วโลก ✅ การออกแบบใหม่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา - มีการใช้ interposer เพื่อทดสอบการควบคุมแรงดันไฟฟ้าสำหรับแพลตฟอร์มใหม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-cpus-will-seemingly-use-a-new-lga1954-socket
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • 91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง?

    จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้

    ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️

    ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง...

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง?

    🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ

    จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น!

    ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜

    🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌

    พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง

    แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭

    🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น...

    🦴 โครงกระดูก

    🐋 ซากสัตว์

    📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100%

    🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่

    แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ

    ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์

    ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน

    ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ

    ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้

    🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง

    ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ

    📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ

    📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้

    🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด

    🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์

    ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ

    ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง

    ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต

    🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น

    📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน
    1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร
    2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม
    3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก
    4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด
    5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ
    6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ
    7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง
    5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ
    9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี
    10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰

    🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍

    แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568

    📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์
    #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง? จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้ ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️ ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง... แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง? 🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น! ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜 🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌ พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭 🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น... 🦴 โครงกระดูก 🐋 ซากสัตว์ 📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100% 🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่ แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์ ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้ 🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ 📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ 📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้ 🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด 🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต 🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น 📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน 1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร 2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม 3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก 4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด 5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ 6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ 7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง 5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ 9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี 10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰 🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍 แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568 📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์ #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง

    ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า
    - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง
    - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที

    ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ)
    - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector
    - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก
    - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ

    ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี
    - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia

    https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ) - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • Ahold Delhaize ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยืนยันว่าข้อมูลสำคัญจากธุรกิจในสหรัฐฯ ถูกขโมยในเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยกลุ่มแฮกเกอร์ INC Ransom ได้เพิ่มชื่อบริษัทลงในเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมย พร้อมแชร์เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี บริษัทกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อระบุข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย จะมีการแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจากระบบธุรกิจในสหรัฐฯ
    - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง
    - INC Ransom ได้เผยแพร่เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี

    ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่
    - บริษัทกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และจะแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย
    - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ Ahold Delhaize เป็นกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 7,910 แห่งทั่วโลก
    - บริษัทให้บริการลูกค้าประมาณ 72 ล้านคนต่อสัปดาห์

    ✅ บริการและร้านค้าของบริษัทยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
    - บริษัทระบุว่าลูกค้าไม่ควรเผชิญปัญหาใดๆ จากเหตุการณ์นี้

    https://www.techradar.com/pro/security/food-retail-giant-behind-several-major-us-supermarket-brands-confirms-data-stolen-in-major-ransomware-breach
    Ahold Delhaize ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยืนยันว่าข้อมูลสำคัญจากธุรกิจในสหรัฐฯ ถูกขโมยในเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยกลุ่มแฮกเกอร์ INC Ransom ได้เพิ่มชื่อบริษัทลงในเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมย พร้อมแชร์เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี บริษัทกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อระบุข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย จะมีการแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจากระบบธุรกิจในสหรัฐฯ - บริษัทตรวจพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบไอทีและพบว่าไฟล์บางส่วนถูกเข้าถึง - INC Ransom ได้เผยแพร่เอกสารตัวอย่างที่อ้างว่าได้มาจากการโจมตี ✅ การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ - บริษัทกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ และจะแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบหากพบว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย - บริษัทได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ Ahold Delhaize เป็นกลุ่มค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 7,910 แห่งทั่วโลก - บริษัทให้บริการลูกค้าประมาณ 72 ล้านคนต่อสัปดาห์ ✅ บริการและร้านค้าของบริษัทยังคงเปิดให้บริการตามปกติ - บริษัทระบุว่าลูกค้าไม่ควรเผชิญปัญหาใดๆ จากเหตุการณ์นี้ https://www.techradar.com/pro/security/food-retail-giant-behind-several-major-us-supermarket-brands-confirms-data-stolen-in-major-ransomware-breach
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้ง Sachin Katti เป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและ AI ของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุมชนผู้พัฒนาและสตาร์ทอัพ

    ✅ Sachin Katti ได้รับการแต่งตั้งเป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI
    - เขาจะดูแลกลยุทธ์ด้าน AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ของ Intel
    - รับผิดชอบการวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ใน Intel Labs รวมถึงการพัฒนากระบวนการผลิตชิป

    ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
    - ผู้นำด้านเทคนิคจากกลุ่มสำคัญจะมีสายตรงถึง CEO เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ
    - ตัวอย่างเช่น Rob Bruckner ดูแลสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มลูกค้า และ Lisa Pearce ดูแล GPU และ NPU

    ✅ Intel มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI
    - การแต่งตั้งหัวหน้าด้าน AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก AI เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข้อมูลศูนย์กลาง
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ AI ได้รับทรัพยากรและความสนใจมากขึ้น

    ✅ CEO Lip-Bu Tan มีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างองค์กร
    - เขาเน้นการมีส่วนร่วมโดยตรงกับทีมวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์
    - มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกับหัวหน้าฝ่ายกิจการรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกฎระเบียบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ceo-reorganizes-intel-with-new-cto-and-ai-lead
    Intel ได้ประกาศการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้ง Sachin Katti เป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและ AI ของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุมชนผู้พัฒนาและสตาร์ทอัพ ✅ Sachin Katti ได้รับการแต่งตั้งเป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI - เขาจะดูแลกลยุทธ์ด้าน AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ของ Intel - รับผิดชอบการวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ใน Intel Labs รวมถึงการพัฒนากระบวนการผลิตชิป ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ - ผู้นำด้านเทคนิคจากกลุ่มสำคัญจะมีสายตรงถึง CEO เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ - ตัวอย่างเช่น Rob Bruckner ดูแลสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มลูกค้า และ Lisa Pearce ดูแล GPU และ NPU ✅ Intel มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI - การแต่งตั้งหัวหน้าด้าน AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก AI เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข้อมูลศูนย์กลาง - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ AI ได้รับทรัพยากรและความสนใจมากขึ้น ✅ CEO Lip-Bu Tan มีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างองค์กร - เขาเน้นการมีส่วนร่วมโดยตรงกับทีมวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์ - มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกับหัวหน้าฝ่ายกิจการรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกฎระเบียบ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ceo-reorganizes-intel-with-new-cto-and-ai-lead
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    CEO reorganizes Intel with new CTO and AI lead
    Tan gains tighter control over strategic developments.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง

    ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า
    - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด
    - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง

    ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์
    - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์
    - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า

    ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
    - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025

    ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
    - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell

    https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์ - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์ - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HP agrees to $4 million settlement over inflated PC prices on its website
    The lawsuit accused HP of using "strike-through" pricing – showing a higher, crossed-out price next to a lower sale price – to suggest that shoppers were getting...
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต

    ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู
    - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร
    - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล

    ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ
    - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ
    - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด

    ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น
    - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น
    - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง

    ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ
    - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน

    https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says AI will end doctor and teacher shortages, transform the future of work
    "AI will come in and provide medical IQ, and there won't be a shortage," Gates said, pointing to nations like India and those across Africa where the...
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • บทความจาก ZDNET รายงานว่า ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูล GPS หรือ EXIF ซึ่งเป็นความสามารถที่น่าสนใจ แต่ก็ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจาก AI สามารถใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ภูมิประเทศ หรือป้ายชื่อ เพื่อระบุสถานที่ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพเพื่อคาดเดาสถานที่ได้
    - ใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ต้นไม้ หรือภูมิประเทศ
    - สามารถคาดเดาสถานที่ได้แม้ในภาพที่เบลอหรือมีข้อมูลบางส่วน

    ✅ ความสามารถนี้มาจากโมเดล AI รุ่นใหม่ของ OpenAI
    - โมเดล o3 และ o4-mini สามารถวิเคราะห์ภาพได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
    - ใช้ข้อมูลจากฐานความรู้และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการคาดเดา

    ✅ การทดลองแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของ AI
    - ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาพบ้านที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ต้นไม้และวัสดุของบ้าน
    - AI สามารถใช้ป้ายชื่อบางส่วนในภาพเพื่อระบุเมืองและพื้นที่ได้

    ✅ ผู้ใช้บางคนสนุกกับการใช้ ChatGPT ในการเล่นเกมทายสถานที่
    - คล้ายกับเกม GeoGuessr ที่ต้องเดาสถานที่จากภาพใน Google Street View

    https://www.zdnet.com/article/think-geoguessr-is-fun-try-using-chatgpt-to-guess-locations-in-your-photos/
    บทความจาก ZDNET รายงานว่า ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูล GPS หรือ EXIF ซึ่งเป็นความสามารถที่น่าสนใจ แต่ก็ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจาก AI สามารถใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ภูมิประเทศ หรือป้ายชื่อ เพื่อระบุสถานที่ได้อย่างแม่นยำ ✅ ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ - ใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ต้นไม้ หรือภูมิประเทศ - สามารถคาดเดาสถานที่ได้แม้ในภาพที่เบลอหรือมีข้อมูลบางส่วน ✅ ความสามารถนี้มาจากโมเดล AI รุ่นใหม่ของ OpenAI - โมเดล o3 และ o4-mini สามารถวิเคราะห์ภาพได้ลึกซึ้งกว่าเดิม - ใช้ข้อมูลจากฐานความรู้และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการคาดเดา ✅ การทดลองแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของ AI - ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาพบ้านที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ต้นไม้และวัสดุของบ้าน - AI สามารถใช้ป้ายชื่อบางส่วนในภาพเพื่อระบุเมืองและพื้นที่ได้ ✅ ผู้ใช้บางคนสนุกกับการใช้ ChatGPT ในการเล่นเกมทายสถานที่ - คล้ายกับเกม GeoGuessr ที่ต้องเดาสถานที่จากภาพใน Google Street View https://www.zdnet.com/article/think-geoguessr-is-fun-try-using-chatgpt-to-guess-locations-in-your-photos/
    WWW.ZDNET.COM
    Think GeoGuessr is fun? Try using ChatGPT to guess locations in your photos
    ChatGPT can 'read' your photos for location clues - even without embedded GPS or EXIF data. Here's why that could be a problem.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • บทความนี้จาก CSO Online เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก AI ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ (Autopoietic AI) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถ เขียนโปรแกรมตัวเองใหม่ และปรับเปลี่ยนการทำงานโดยไม่มีการควบคุมจากมนุษย์ โดยนักวิจัยระบุว่า องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะ อาจเผชิญความเสี่ยงสูง เนื่องจากขาดทรัพยากรในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI

    ✅ AI ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองได้สามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    - ระบบ AI อาจ ลดความเข้มงวดของการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    - ตัวอย่างเช่น ระบบกรองอีเมลอาจ ลดการบล็อกอีเมลฟิชชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากผู้ใช้

    ✅ การเปลี่ยนแปลงของ AI อาจไม่สามารถตรวจสอบได้
    - AI อาจ ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยโดยไม่มีการบันทึก ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์
    - องค์กรอาจไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความปลอดภัย

    ✅ องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะมีความเสี่ยงสูง
    - ขาดทรัพยากรในการ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI
    - ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการฉ้อโกงอาจ ลดการแจ้งเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก

    ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - ใช้ ระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของ AI
    - พัฒนา AI ที่มีความโปร่งใส เพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจการตัดสินใจของระบบ

    https://www.csoonline.com/article/3852782/when-ai-moves-beyond-human-oversight-the-cybersecurity-risks-of-self-sustaining-systems.html
    บทความนี้จาก CSO Online เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก AI ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ (Autopoietic AI) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถ เขียนโปรแกรมตัวเองใหม่ และปรับเปลี่ยนการทำงานโดยไม่มีการควบคุมจากมนุษย์ โดยนักวิจัยระบุว่า องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะ อาจเผชิญความเสี่ยงสูง เนื่องจากขาดทรัพยากรในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI ✅ AI ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองได้สามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย - ระบบ AI อาจ ลดความเข้มงวดของการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน - ตัวอย่างเช่น ระบบกรองอีเมลอาจ ลดการบล็อกอีเมลฟิชชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากผู้ใช้ ✅ การเปลี่ยนแปลงของ AI อาจไม่สามารถตรวจสอบได้ - AI อาจ ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยโดยไม่มีการบันทึก ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ - องค์กรอาจไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความปลอดภัย ✅ องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะมีความเสี่ยงสูง - ขาดทรัพยากรในการ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI - ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการฉ้อโกงอาจ ลดการแจ้งเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - ใช้ ระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของ AI - พัฒนา AI ที่มีความโปร่งใส เพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจการตัดสินใจของระบบ https://www.csoonline.com/article/3852782/when-ai-moves-beyond-human-oversight-the-cybersecurity-risks-of-self-sustaining-systems.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    When AI moves beyond human oversight: The cybersecurity risks of self-sustaining systems
    What happens when AI cybersecurity systems start to rewrite themselves as they adapt over time? Keeping an eye on what they’re doing will be mission-critical.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Ubuntu 25.04 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า Plucky Puffin ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อมกับ GNOME 48 และ Linux Kernel 6.14 ซึ่งเป็นการอัปเดตที่เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การจัดการการแจ้งเตือนแบบใหม่ และ การตั้งค่าด้านสุขภาพดิจิทัล

    ✅ GNOME 48 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    - การจัดการการแจ้งเตือนแบบ stacking เพื่อให้การแจ้งเตือนเป็นระเบียบมากขึ้น
    - การตั้งค่าด้านสุขภาพดิจิทัลเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ได้ดีขึ้น

    ✅ Linux Kernel 6.14 เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการพัฒนา
    - เพิ่ม NTSYNC driver เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเกม Windows ที่รันบน WINE และ Proton
    - เพิ่มระบบ sched_ext ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างตัวจัดการการทำงานแบบ hot-swappable

    ✅ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และการปรับปรุงด้านกราฟิก
    - รองรับ Intel Core Ultra 200V series และ GPU Intel Arc รุ่นใหม่
    - เพิ่มประสิทธิภาพการเรนเดอร์ ray tracing ใน Blender และการเข้ารหัสวิดีโอแบบ hardware acceleration

    ✅ การเปลี่ยนแปลงด้านบริการ geolocation
    - ใช้ BeaconDB geolocation service แทนบริการของ Mozilla ที่ถูกยกเลิก

    ✅ รองรับ ARM64 และ Snapdragon chips
    - Canonical ระบุว่า Ubuntu 25.04 สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ ARM64 และ Snapdragon ได้

    https://www.neowin.net/news/ubuntu-2504-now-available-with-gnome-48-and-linux-kernel-614/
    Ubuntu 25.04 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า Plucky Puffin ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อมกับ GNOME 48 และ Linux Kernel 6.14 ซึ่งเป็นการอัปเดตที่เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การจัดการการแจ้งเตือนแบบใหม่ และ การตั้งค่าด้านสุขภาพดิจิทัล ✅ GNOME 48 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ - การจัดการการแจ้งเตือนแบบ stacking เพื่อให้การแจ้งเตือนเป็นระเบียบมากขึ้น - การตั้งค่าด้านสุขภาพดิจิทัลเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ได้ดีขึ้น ✅ Linux Kernel 6.14 เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการพัฒนา - เพิ่ม NTSYNC driver เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเกม Windows ที่รันบน WINE และ Proton - เพิ่มระบบ sched_ext ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างตัวจัดการการทำงานแบบ hot-swappable ✅ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และการปรับปรุงด้านกราฟิก - รองรับ Intel Core Ultra 200V series และ GPU Intel Arc รุ่นใหม่ - เพิ่มประสิทธิภาพการเรนเดอร์ ray tracing ใน Blender และการเข้ารหัสวิดีโอแบบ hardware acceleration ✅ การเปลี่ยนแปลงด้านบริการ geolocation - ใช้ BeaconDB geolocation service แทนบริการของ Mozilla ที่ถูกยกเลิก ✅ รองรับ ARM64 และ Snapdragon chips - Canonical ระบุว่า Ubuntu 25.04 สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ ARM64 และ Snapdragon ได้ https://www.neowin.net/news/ubuntu-2504-now-available-with-gnome-48-and-linux-kernel-614/
    WWW.NEOWIN.NET
    Ubuntu 25.04 now available with GNOME 48 and Linux kernel 6.14
    Canonical has released Ubuntu 25.04 to the general public. This release brings new versions of GNOME and the Linux kernel, but it's only going to be supported for a short time.
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • งานวิจัยที่เผยแพร่ใน IEEE Access เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญใน การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และการวิจัยโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยระบุว่า หากไม่มีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีนี้อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ นำไปสู่ การโจรกรรมข้อมูลและภัยคุกคามทางชีวภาพ

    ✅ NGS เป็นเครื่องมือสำคัญในหลายสาขา
    - ใช้ใน การพัฒนายา, วิทยาศาสตร์นิติวิทยา และการเกษตร
    - ช่วยให้การจัดลำดับ DNA และ RNA เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ

    ✅ กระบวนการจัดลำดับ DNA มีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน
    - รวมถึง การเตรียมตัวอย่าง, การจัดลำดับ และการวิเคราะห์ข้อมูล
    - แต่ละขั้นตอนพึ่งพา เครื่องมือซอฟต์แวร์และระบบที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตี NGS
    - การโจมตีแบบ Targeted Re-identification เพื่อระบุตัวบุคคลจากข้อมูลพันธุกรรม
    - การใช้ มัลแวร์ใน DNA สังเคราะห์ เพื่อโจมตีระบบ
    - การปรับเปลี่ยนข้อมูลพันธุกรรมด้วย AI ซึ่งอาจนำไปสู่ การวิจัยที่ผิดจรรยาบรรณ

    ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - ใช้ วิธีการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล
    - พัฒนา AI เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ
    - ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง วิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีชีวภาพ และความปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/research-warns-that-your-dna-data-can-be-hacked-and-used-against-you/
    งานวิจัยที่เผยแพร่ใน IEEE Access เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญใน การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และการวิจัยโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยระบุว่า หากไม่มีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีนี้อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ นำไปสู่ การโจรกรรมข้อมูลและภัยคุกคามทางชีวภาพ ✅ NGS เป็นเครื่องมือสำคัญในหลายสาขา - ใช้ใน การพัฒนายา, วิทยาศาสตร์นิติวิทยา และการเกษตร - ช่วยให้การจัดลำดับ DNA และ RNA เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ ✅ กระบวนการจัดลำดับ DNA มีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน - รวมถึง การเตรียมตัวอย่าง, การจัดลำดับ และการวิเคราะห์ข้อมูล - แต่ละขั้นตอนพึ่งพา เครื่องมือซอฟต์แวร์และระบบที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตี NGS - การโจมตีแบบ Targeted Re-identification เพื่อระบุตัวบุคคลจากข้อมูลพันธุกรรม - การใช้ มัลแวร์ใน DNA สังเคราะห์ เพื่อโจมตีระบบ - การปรับเปลี่ยนข้อมูลพันธุกรรมด้วย AI ซึ่งอาจนำไปสู่ การวิจัยที่ผิดจรรยาบรรณ ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - ใช้ วิธีการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล - พัฒนา AI เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ - ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง วิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีชีวภาพ และความปลอดภัย https://www.neowin.net/news/research-warns-that-your-dna-data-can-be-hacked-and-used-against-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Research warns that your DNA data can be hacked and used against you
    Research has warned that your DNA data can be hacked into and used against you by exploiting certain vulnerabilities in modern techniques.
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • บทความจาก TechRadar รายงานเกี่ยวกับ NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ของ Google ที่สามารถ สรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ โดยผู้เขียนได้ทดลองใช้กับ งานวิจัยเกี่ยวกับ String Theory และพบว่า AI สามารถ สร้างพอดแคสต์ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและเข้าใจง่าย

    ✅ NotebookLM สามารถสรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่
    - ผู้ใช้สามารถ อัปโหลดเอกสารและให้ AI สร้างสรุปหรือพอดแคสต์
    - AI สามารถ จัดทำแผนภาพแนวคิด (Mind Maps) เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น

    ✅ NotebookLM สามารถสร้างพอดแคสต์ที่อธิบายเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์
    - AI สร้างพอดแคสต์ที่มี รูปแบบการสนทนา ทำให้เนื้อหาซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น
    - ผู้ทดลองใช้พบว่า AI สามารถอธิบาย String Theory ได้อย่างมีโครงสร้าง

    ✅ AI ใช้เทคนิคการนำเสนอที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
    - ใช้ การเปรียบเทียบและการสรุปซ้ำ เพื่อช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน
    - มีการใช้ ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดทางฟิสิกส์

    ✅ NotebookLM สามารถรวมแหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อสร้างเนื้อหาที่สมบูรณ์ขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถ เพิ่มเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง
    - AI สามารถ ปรับปรุงพอดแคสต์และแผนภาพแนวคิดตามข้อมูลใหม่

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-fed-notebooklm-a-218-page-research-paper-on-string-theory-and-the-podcast-results-were-mind-blowing
    บทความจาก TechRadar รายงานเกี่ยวกับ NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ของ Google ที่สามารถ สรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ โดยผู้เขียนได้ทดลองใช้กับ งานวิจัยเกี่ยวกับ String Theory และพบว่า AI สามารถ สร้างพอดแคสต์ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและเข้าใจง่าย ✅ NotebookLM สามารถสรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ - ผู้ใช้สามารถ อัปโหลดเอกสารและให้ AI สร้างสรุปหรือพอดแคสต์ - AI สามารถ จัดทำแผนภาพแนวคิด (Mind Maps) เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ✅ NotebookLM สามารถสร้างพอดแคสต์ที่อธิบายเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ - AI สร้างพอดแคสต์ที่มี รูปแบบการสนทนา ทำให้เนื้อหาซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น - ผู้ทดลองใช้พบว่า AI สามารถอธิบาย String Theory ได้อย่างมีโครงสร้าง ✅ AI ใช้เทคนิคการนำเสนอที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น - ใช้ การเปรียบเทียบและการสรุปซ้ำ เพื่อช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน - มีการใช้ ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดทางฟิสิกส์ ✅ NotebookLM สามารถรวมแหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อสร้างเนื้อหาที่สมบูรณ์ขึ้น - ผู้ใช้สามารถ เพิ่มเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง - AI สามารถ ปรับปรุงพอดแคสต์และแผนภาพแนวคิดตามข้อมูลใหม่ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-fed-notebooklm-a-218-page-research-paper-on-string-theory-and-the-podcast-results-were-mind-blowing
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • บทความจาก TechRadar รายงานว่า AWS อ้างว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้า Microsoft Azure จะเปลี่ยนไปใช้ AWS หากไม่มีข้อจำกัดด้านค่าลิขสิทธิ์ โดย AWS ระบุว่าค่าธรรมเนียมของ Microsoft ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นมีต้นทุนสูง

    ✅ AWS อ้างว่าค่าธรรมเนียมของ Microsoft ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นได้
    - AWS ระบุว่า 50% ของ workloads ที่รันบน Azure จะย้ายไปที่อื่นหากไม่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย
    - Microsoft มีการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมในปี 2019 ซึ่งทำให้ การรัน Windows Server บน AWS และ Google Cloud มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นถึง 4 เท่า

    ✅ Google สนับสนุนข้อกล่าวหาของ AWS
    - Google ให้ตัวอย่างว่าลูกค้ารายหนึ่งเลือกใช้ Azure เพียงเพราะข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะต้องการใช้ Google Cloud มากกว่า
    - Google ระบุว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง Microsoft อาจครองตลาดคลาวด์ในสหราชอาณาจักรภายใน 5 ปี

    ✅ Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาและระบุว่าค่าธรรมเนียมไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกใช้บริการคลาวด์
    - Microsoft อ้างว่าการลบค่าธรรมเนียมภายใต้ EU Data Act ไม่ได้ทำให้ลูกค้าสลับไปใช้บริการอื่นมากขึ้น

    ✅ ตลาดคลาวด์ในสหราชอาณาจักรมีการแข่งขันสูง
    - รายงานจาก Ofcom ระบุว่า Microsoft และ AWS ครองตลาด 70-80% ในปี 2022
    - Google มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5-10%

    https://www.techradar.com/pro/aws-says-half-of-microsoft-azure-customers-would-shift-to-them-if-not-for-licensing-costs
    บทความจาก TechRadar รายงานว่า AWS อ้างว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้า Microsoft Azure จะเปลี่ยนไปใช้ AWS หากไม่มีข้อจำกัดด้านค่าลิขสิทธิ์ โดย AWS ระบุว่าค่าธรรมเนียมของ Microsoft ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นมีต้นทุนสูง ✅ AWS อ้างว่าค่าธรรมเนียมของ Microsoft ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นได้ - AWS ระบุว่า 50% ของ workloads ที่รันบน Azure จะย้ายไปที่อื่นหากไม่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย - Microsoft มีการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมในปี 2019 ซึ่งทำให้ การรัน Windows Server บน AWS และ Google Cloud มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นถึง 4 เท่า ✅ Google สนับสนุนข้อกล่าวหาของ AWS - Google ให้ตัวอย่างว่าลูกค้ารายหนึ่งเลือกใช้ Azure เพียงเพราะข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะต้องการใช้ Google Cloud มากกว่า - Google ระบุว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง Microsoft อาจครองตลาดคลาวด์ในสหราชอาณาจักรภายใน 5 ปี ✅ Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาและระบุว่าค่าธรรมเนียมไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกใช้บริการคลาวด์ - Microsoft อ้างว่าการลบค่าธรรมเนียมภายใต้ EU Data Act ไม่ได้ทำให้ลูกค้าสลับไปใช้บริการอื่นมากขึ้น ✅ ตลาดคลาวด์ในสหราชอาณาจักรมีการแข่งขันสูง - รายงานจาก Ofcom ระบุว่า Microsoft และ AWS ครองตลาด 70-80% ในปี 2022 - Google มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5-10% https://www.techradar.com/pro/aws-says-half-of-microsoft-azure-customers-would-shift-to-them-if-not-for-licensing-costs
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก

    ความมีอยู่ว่า...
    หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป”
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย

    ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว)

    Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้

    ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น

    เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก

    บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html
    https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html
    https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx
    https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468
    http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html

    #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้



    วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก ความมีอยู่ว่า... หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป” - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว) Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้ ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468 http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้ 
    1 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • อุปสรรครื้อซากตึก สตง. แพเหล็กเส้นมหาศาล : [NEWS UPDATE]

    นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เผยความคืบหน้ากู้ซากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลดระดับซากตึกเหลือ 13 เมตร พบปัญหาคือเมื่อนำปูนออกก็มีเหล็กเส้นจำนวนมากร้อยกันเป็นแพ ต้องใช้ทีมช่างของทหาร และ กทม. นำเครื่องมือตัดแก๊สตัดเหล็กออก หากใช้แค่เครื่องจักรหนักจะใช้เวลานานกว่าจะตัดเหล็กเส้นออกจากกันได้ ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ เป็นการค้นหาร่างผู้สูญหาย ด้านเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นโซนซี ไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้หลักฐานครบถ้วน

    -พยาน 3 กลุ่มสืบคดีนอมินี

    -ค้านประกันโบรกคดีหมอบุญ

    -สภาไม่เคย"หวิดวางมวย"

    -ปลุกครอบครัวเอเชียสู้อิทธิพล
    อุปสรรครื้อซากตึก สตง. แพเหล็กเส้นมหาศาล : [NEWS UPDATE] นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เผยความคืบหน้ากู้ซากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลดระดับซากตึกเหลือ 13 เมตร พบปัญหาคือเมื่อนำปูนออกก็มีเหล็กเส้นจำนวนมากร้อยกันเป็นแพ ต้องใช้ทีมช่างของทหาร และ กทม. นำเครื่องมือตัดแก๊สตัดเหล็กออก หากใช้แค่เครื่องจักรหนักจะใช้เวลานานกว่าจะตัดเหล็กเส้นออกจากกันได้ ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ เป็นการค้นหาร่างผู้สูญหาย ด้านเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นโซนซี ไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้หลักฐานครบถ้วน -พยาน 3 กลุ่มสืบคดีนอมินี -ค้านประกันโบรกคดีหมอบุญ -สภาไม่เคย"หวิดวางมวย" -ปลุกครอบครัวเอเชียสู้อิทธิพล
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 756 Views 21 0 Reviews
  • Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)

    ✅ Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48
    - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono
    - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น
    - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา

    ✅ Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)
    - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น
    - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store

    ✅ การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora)
    - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ

    ✅ การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42
    - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora
    - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า
    - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่

    ℹ️ ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL
    - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต
    - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป

    https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) ✅ Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48 - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา ✅ Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store ✅ การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora) - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ ✅ การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42 - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่ ℹ️ ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fedora Workstation 42 arrives with GNOME 48, WSL images, and more
    Fedora Workstation 42 is now available for download. It includes loads of new features, including GNOME 48, which has notification stacking, new fonts, well-being settings, and more.
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1)
    .
    ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน
    .
    ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
    .
    อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย
    .
    ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า
    .
    ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด
    .
    สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น.
    .
    ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1) . ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน . ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย . อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย . ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า . ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน . นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด . สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น. . ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว
    .
    ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว
    .
    ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้
    .
    การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น
    .
    การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้
    .
    การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้
    .
    1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น
    .
    ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้
    .
    สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต
    .
    การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน
    .
    2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย
    .
    พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว
    .
    การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น
    .
    3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย
    .
    การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา
    .
    การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท
    .
    อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม
    .
    ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท)
    .
    ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน
    .
    ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว . ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว . ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้ . การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น . การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ . การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้ . 1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น . ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้ . สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต . การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน . 2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย . พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว . การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น . 3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย . การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา . การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท . อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม . ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท) . ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน . ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 Comments 0 Shares 551 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง

    ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
    - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ
    - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน

    ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ
    - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน
    - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022

    ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง
    - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง
    - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร
    - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์
    - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน
    - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ
    - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่

    https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022 ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์ - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่ https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How not to hire a North Korean IT spy
    CISOs are urged to carry out tighter vetting of new hires to ward off potential ‘moles’ — who are increasingly finding their way onto company payrolls and into their IT systems.
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการอัปเดต Google Docs ที่เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ ในฟีเจอร์ Code Blocks ซึ่งช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น

    Google เปิดตัวฟีเจอร์ Smart Canvas ในปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องคัดลอกโค้ดไปวางและปรับแต่งเอง การอัปเดตล่าสุดนี้ช่วยให้รองรับภาษาโปรแกรมเพิ่มเติม เช่น C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell

    ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักพัฒนา API, เอกสารซอฟต์แวร์, และ บทเรียนการเขียนโค้ด เนื่องจากช่วยให้สามารถแสดงตัวอย่างโค้ดได้อย่างเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย

    นอกจากนี้ Google Docs ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries, และ ระบบติดตามโครงการ

    ✅ การอัปเดต Code Blocks ใน Google Docs
    - เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่
    - ช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น

    ✅ ฟีเจอร์ Smart Canvas
    - เปิดตัวในปี 2022 เพื่อช่วยจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสาร
    - ลดขั้นตอนการคัดลอกและปรับแต่งโค้ดเอง

    ✅ ภาษาที่รองรับใน Code Blocks
    - C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell

    ✅ ฟีเจอร์อื่นๆ ใน Google Docs
    - การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries
    - ระบบติดตามโครงการ เช่น Review Tracking, Team Directory, Content Launch Tracker

    ℹ️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Code Blocks
    - ผู้ดูแลระบบ Workspace Admins ไม่มีสิทธิ์ควบคุมฟีเจอร์นี้
    - การอัปเดตจะถูกทยอยเปิดให้ใช้งานในบางระดับของ Google Workspace

    ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานร่วมกัน
    - การเพิ่มภาษาโปรแกรมใหม่ช่วยให้การทำงานร่วมกันของนักพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับฟีเจอร์นี้

    https://www.neowin.net/news/google-docs-adds-14-new-programming-languages-to-code-blocks/
    ข่าวนี้เล่าถึงการอัปเดต Google Docs ที่เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ ในฟีเจอร์ Code Blocks ซึ่งช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ Smart Canvas ในปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องคัดลอกโค้ดไปวางและปรับแต่งเอง การอัปเดตล่าสุดนี้ช่วยให้รองรับภาษาโปรแกรมเพิ่มเติม เช่น C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักพัฒนา API, เอกสารซอฟต์แวร์, และ บทเรียนการเขียนโค้ด เนื่องจากช่วยให้สามารถแสดงตัวอย่างโค้ดได้อย่างเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ Google Docs ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries, และ ระบบติดตามโครงการ ✅ การอัปเดต Code Blocks ใน Google Docs - เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ - ช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น ✅ ฟีเจอร์ Smart Canvas - เปิดตัวในปี 2022 เพื่อช่วยจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสาร - ลดขั้นตอนการคัดลอกและปรับแต่งโค้ดเอง ✅ ภาษาที่รองรับใน Code Blocks - C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell ✅ ฟีเจอร์อื่นๆ ใน Google Docs - การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries - ระบบติดตามโครงการ เช่น Review Tracking, Team Directory, Content Launch Tracker ℹ️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Code Blocks - ผู้ดูแลระบบ Workspace Admins ไม่มีสิทธิ์ควบคุมฟีเจอร์นี้ - การอัปเดตจะถูกทยอยเปิดให้ใช้งานในบางระดับของ Google Workspace ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานร่วมกัน - การเพิ่มภาษาโปรแกรมใหม่ช่วยให้การทำงานร่วมกันของนักพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น - อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับฟีเจอร์นี้ https://www.neowin.net/news/google-docs-adds-14-new-programming-languages-to-code-blocks/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Docs adds 14 new programming languages to code blocks
    Google's latest update to the Google Docs code blocks feature brings support for more than a dozen new programming languages.
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ

    ความมีอยู่ว่า
    ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ...
    - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย)

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่)

    บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน

    ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ

    แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี

    เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน

    ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย

    บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html
    https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551
    https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html
    https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545
    https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00
    https://www.sohu.com/a/249005081_100234890

    #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ ความมีอยู่ว่า ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ... - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย) กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่) บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551 https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545 https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00 https://www.sohu.com/a/249005081_100234890 #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    《我就是这般女子》在哪儿可以看?一周更新几集?-趣历史网
    关晓彤和侯明昊主演的《我就是这般女子》追剧日历出炉,自1月18日正式开播到2月15日大结局,见证班婳
    1 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
More Results