• CYEK. : ด้วยตัวเอง (by myself)
    music lyrics
    "Changyai Elephant Key"
    Produced by Puri

    #CYEK #changyaielephantkey #changyai #ด้วยตัวเอง #เพลง #CapCut @uncle Changyai

    ขอบคุณกำลังจากเธอ
    ผู้คนดีๆรอบกาย
    และโอกาสที่เข้ามา

    Thanks to your strength
    Good people around
    And the opportunities that come
    CYEK. : ด้วยตัวเอง (by myself) music lyrics "Changyai Elephant Key" Produced by Puri #CYEK #changyaielephantkey #changyai #ด้วยตัวเอง #เพลง #CapCut @uncle Changyai ขอบคุณกำลังจากเธอ ผู้คนดีๆรอบกาย และโอกาสที่เข้ามา Thanks to your strength Good people around And the opportunities that come
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม หลังหายหน้าหลายวัน ท่ามกลางกระแสข่าวลือหลบหนี แจงไม่ได้มีความคิดจะหลบหนีไปไหน พร้อมแสดงจุดยืนที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ แม้จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดักรอหน้าหมู่บ้านโดยไม่มีหมายเรียก ติงตำรวจเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงตัดสินใจมาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่หวั่นข้อกล่าวหา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106649

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม หลังหายหน้าหลายวัน ท่ามกลางกระแสข่าวลือหลบหนี แจงไม่ได้มีความคิดจะหลบหนีไปไหน พร้อมแสดงจุดยืนที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ แม้จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดักรอหน้าหมู่บ้านโดยไม่มีหมายเรียก ติงตำรวจเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงตัดสินใจมาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่หวั่นข้อกล่าวหา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106649 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    Wow
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรู้จากโค๊ชนาตาลี
    https://www.facebook.com/Natalie.Proenca
    https://www.facebook.com/loveandlightawakening/
    https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie
    https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie
    https://healthcoachnatalie.podia.com

    ✍️รายการ On the way With Chom EP.11 คุณชมพู่ อารยา สัมภาษณ์ โค้ชนาตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีท็อกซ์ต้านมะเร็ง มาคุยเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ร่างกาย
    Facebook 👉 https://www.facebook.com/watch/?v=884245786743330
    Youtube 👉 https://youtu.be/19y5ZYGuKtA
    ✍️LIVE: 40 วิธีดีท็อกซ์ ถ้าคุณไม่อยากแก่เร็ว ห้ามพลาด
    https://www.youtube.com/live/TXQIPnmuZCs?si=bYh7DZVpT7jI2Z5A
    ✍️LIVE: คลิปดีท็อกซ์ปลิวอีกแล้ว! ห้ามพลาดไลฟ์นี้จะเอามาเล่าใหม่
    https://www.youtube.com/live/6eI1jiYjJZ8?si=tpxkIrxPf_f2jBAv
    ✍️Live: ดีท็อกซ์แบบไหนดีที่สุด และผลข้างเคียงที่คุณอาจจะต้องเจอ
    https://www.youtube.com/live/CTrDtjNb4oA?si=v8-3WTko-q3_8qV3
    ✍️LIVE: ถาม-ตอบเรื่องดีท็อกซ์และการบำบัดมะเร็ง
    https://www.youtube.com/live/bXF18zTQB6w?si=JJrbrw-bW_24uPhz
    ✍️🍹สูตรลับน้ำผักฟื้นฟูเซลล์และทำให้ร่างกายเป็นด่าง
    https://www.youtube.com/live/L7BRekpGRjI?si=2dm95slGs74rxx8A
    ✍️🧬รหัสโค้ดในดีเอ็นเอของมนุษย์ไม่ใช่เป็นของ GOD องค์ใดองค์หนึ่ง
    รหัสลับใน DNA ของคุณ มีความหมายซ่อนอยู่ในนั้นที่คุณต้องรู้
    https://www.youtube.com/live/eElgfF8V60Y?si=1XZQPkd7caVDfWY3
    ✍️Live: ซ่อมแซม DNA ด้วยเบต้ากลูแคน ได้จริงหรือ?
    https://www.youtube.com/live/ekNMQ7tHJ3Y?si=G6EPmOWfgExeWxu2
    ✍️ดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลงอาจเป็นเพราะเหตุนี้
    https://www.youtube.com/live/ToCiFmRYnkU?si=PYBJaK9ufUyRZJM_
    ✍️LIVE: วิตามินที่ควรพกไปทานช่วงเดินทาง
    https://www.youtube.com/live/Robzgp_IbPM?si=xk6hdNAQ-YMqB_x-
    ✍️ วิธี Energy Testing หาคำตอบด้วยตัวเองว่าอาหารและวิตามินอะไรที่คุณควรทาน วิธีที่คุณดูแลตัวเอง และใช้ subconscious จิตใต้สำนึก ตอบคำถามให้คุณได้อย่างแม่นยำ
    https://www.youtube.com/live/ia6UtLF42qo?si=J-crrMvxrlMp9oWf
    ✍️LIVE: รีชาร์จเซลล์ด้วย Energy Medicine - PEMF เทคโนโลยีใหม่สำหรับการบำบัดแห่งอนาคต
    https://www.youtube.com/live/h07Zdq2tYu8?si=7puWTAbO670fmAvb
    ✍️LIVE: TOP 11 ผักผลไม้และวิตามินที่ต้องทานในช่วงล้างพิษ
    https://www.youtube.com/live/ud843OO0AlQ?si=pb6WoVO_o4tYRGwC
    ✍️แจกสูตรลับน้ำผักดีท็อกซ์ที่ใช้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว
    https://www.youtube.com/live/wJY6nbrFws4?si=guHGzPFOb46SfDAo
    ✍️QUANTUM HEALING การบำบัดในอนาคต
    EP.1 : https://www.youtube.com/live/SNVSfGGzWhQ?si=cpDnTB9SF0Z7rEL2
    EP2 : https://www.youtube.com/live/OYP9ooNsUEc?si=pFy-FA4yYyK8noC9
    EP3 : https://www.youtube.com/live/jGsUeYwLh0s?si=tbRgokDiKvDpA8l0
    ✍️LIVE: เทคโนโลยีใหม่ใช้รักษามาถึงแล้ว
    https://www.youtube.com/live/t_wWeVRsxMM?si=JF8diTyOPnyE6A9_
    ✍️มะเร็งสัมพันธ์กับจักระอย่างไร
    https://www.youtube.com/live/ASOHtPGOkXk?si=OdiQfFqUTSRHswtQ
    ✍️11สิ่งดีท็อกซ์สารพิษที่ธรรมชาติให้มา
    https://www.youtube.com/live/xcLYydbGdkQ?si=BZKfdkKfMMl9onca
    ✍️เคล็ดลับในการทานอาหารต้านมะเร็งที่ทำได้ตลอดกาล
    https://www.youtube.com/live/t6AuYN8xiHk?si=KoGucdbzRE9JxcSr
    ✍️เวิร์คช็อป #ดีท็อกซ์#ล้างพิษ พิชิตโรคแบบองค์รวม” กับโค้ชนาตาลีและทีมแพทย์จาก NOVAVIDA INTEGRATIVE MEDICAL CENTER
    https://youtu.be/tCZW6L6Xyuw?si=yppE4dPOk6IZ1mYD
    ✍️ความเป็นกรดและด่างในร่างกาย
    EP1 : ร่างงกายเราเป็นกรดได้อย่างไร และตอนท้ายสรุปด้วย 5 วิธีง่ายๆ ทำร่างกายให้เป็นด่างด้วยตัวคุณเอง
    https://youtu.be/mEw95s-2oRo?si=-7D8OVrKCKL2S-c4
    EP2 : การตรวจความเป็น กรด และด่าง
    https://youtu.be/hk1WrDffDPc?si=lHUsiXRR5huganWt
    ✍️Saffron ช่วย #ต้านมะเร็ง #ลดความเครียด และ #บำรุงสมอง ช่วยเรื่อง #อัลไซเมอร์ และ #โรคซึมเศร้า
    https://youtu.be/LB--y5lVQfk?si=Hg9y4DIl2ldQdJQa
    ✍️ทำไมต้องเจอเรื่องร้ายๆในชีวิต
    https://youtu.be/WrzE7dRMnTA?si=BVWAz1X8xHyQZmjX
    ✍️พลังบำบัดมหัศจรรย์ด้วยรหัสโค้ดเปลี่ยนคลื่นความถี่ - Star Magic Healing | สัมภาษณ์ Jerry Sargeant ชาวอังกฤษ ร่วมกับอ.ทีน่า
    https://youtu.be/1Wduzh_KhqQ?si=4rQI9hZbA26_D5BK
    ✍️#โจดิสเพนซา #คุณคือพลาซีโบ #สมาธิบำบัด
    ซีรีย์หนังสือเสียงเพื่อเป็นกำลังใจและเพิ่มความรู้ให้คุณ
    https://youtu.be/-3RBDQPj-74?si=sOxQF0AFuRMsli1V
    ✍️Pure Sound Crystal Singing Bowls 432 Hz Solfeggio melody #HealingVibration
    คลิปนี้เป็นเสียงของของคริสตัลโบล์ล้วนๆค่ะ ช่วยกำจัดอารมณ์วิตกกังวลได้อย่างดี
    https://youtu.be/NH5s5N3p_JM?si=173EG3GkKxleXn3Z
    ✍️#crystalsingingbowls เสียงเพลงเบาๆด้วยคลื่นความถี่ Frequency 432 Hz จาก crystal singing bowls เพลงสายทิพย์, Solfeggio Tuning forks และคลื่น 528 Hz จากเสียงเพลง binaural จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและหลับสบาย
    https://youtu.be/sg2SS8go_P4?si=GaMPzPvusqQNvHgL
    ✍️#เสียงนำสมาธิ #manifest #ประตูมิติ
    ยังไม่สายที่จะทำสมาธิเพื่อเปิดรับพลังงานจากประตูมิติไลออน (Lion's Gate) กำลังเปิดรอคุณอยู่
    Lion's Gate ของปีนี้แรงกว่าปีที่แล้วค่ะ
    https://youtu.be/AJKysmti6tc?si=nf_g3BS2nuxvts1B
    ✍️เลือกเครื่องปั่นอย่างไรให้เหมาะกับตัวคุณ
    https://youtu.be/c7Gddf0XEp8?si=n2MzRZGp4T5RWs7W
    ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง
    https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi
    ✍️ Finding Your Quantum True-Self “จูนพลังจิตควอนตัมหาตัวเองให้เจอ”
    https://youtu.be/uXXggX1ShoE?si=VCJVz-Cw2HCJNaf1
    ✍️สั่งจิตพิชิตมะเร็ง สิ่งสำคัญที่สุด
    https://youtu.be/T8ytSEd83zI?si=Fc3HlW30G7CnadUg
    ✍️#ตื่นรู้ #HU ครั้งแรกที่โค้ชนาตาลี สนทนากับลูกชายเรื่องการตื่นรู้ และแชร์ประสบการณ์จากการส่ง HU
    https://youtu.be/TMcW2bO_UT4?si=CmEJZiJXKaGCA7-M
    ✍️หลักฐานยืนยัน #DNA มนุษย์ถูกตัดต่อสองแสนปีที่แล้ว DNA ของมนุษย์ถูกเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และ DNA ส่วนไหนที่ทำให้มนุษย์ต่างจากลิง
    https://youtu.be/SopVb_CQ2TY?si=snl5CfT1d1vHjWQe
    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง อยากได้กำลังใจให้ทำแบบนี้
    https://youtu.be/MIhClkNYQHs?si=qZNQqGEU8EhWzU6u
    ✍️วิธีติดตั้ง Glider กับส้อมเสียง OM
    https://youtu.be/OUtgNNesKjU?si=lJT5SGKEaJhP9Rdn
    ✍️คุณเคยสังเกตตัวเองมั้ยคะว่าคุณหายใจอย่างไร และมันสำคัญมากขนาดไหน ถ้าคุณหายใจผิดวิธีเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคได้หลายโรคค่ะ วิดีโอนี้เป็นการแนะนำวิธีปฏิบัติการหายใจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอ้างอิงจากหนังสือ “BREATH” เขียนโดย James Nestor https://youtu.be/wg01GqrPAsI?si=VyacPESRGh3f-z3S
    ✍️วิธีซ่อมแซม DNA ด้วยความรักและเทคนิค Freeze Frame
    https://youtu.be/54R-eA8vqsI?si=yKFSSp_Ya77dEJNH
    ✍️วิธีเปิดดีเอ็นเอที่ถูกปิดไว้นานแสนนานด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
    https://youtu.be/mkoPczNxBKY?si=tnKHn1FVLgBBkKor
    ✍️เปิดตาที่สามแล้วคุณจะมีพลังพิเศษ แอบรู้ความลับของต่อมไพเนียลที่คุณต้องรู้
    ✅ คลิปนี้บอกความลับของต่อมไพเนียลที่ถูกค้นพบไม่นานนี้เอง
    ✅ รูปปั้นของชาวอียิปต์โบราณพยายามจะบอกความลับอะไรกับคนสมัยใหม่
    ✅ วิธีสร้างสาร DMT ด้วยตัวคุณเอง
    ✅ และอาหารที่ช่วยล้างหินปูนที่เกาะต่อมไพเนียล
    https://youtu.be/2Yi_2QvU7qI?si=bn1XNJHYwWnTcDe2
    ✍️ความลับของกฎแรงดึงดูด ต้องเรียงลำดับขั้นตอน
    https://youtu.be/nAmM0XZRsxI?si=kQd8H3pELJDtVn0v
    ✍️สมาธิเปิดดีเอ็นเอ HU+528Hz+Light Language+ปรับจักระทั้ง7+ต้อนรับโลกใหม่(New Earth)
    https://youtu.be/AaGi_tIhOTc?si=pEGh3ALzBvgJXDv0
    ✍️ใครที่อยากจะหยุดทานเนื้อสัตว์แต่ยังทำไม่ได้ โค้ชนาตาลีมีเทคนิคที่ทำได้จริงของตัวเองมาแชร์ค่ะ
    https://youtu.be/bnNSUwjLBEo?si=EX1-D_f6W1fTlf0c
    ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง
    https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz
    ✍️สังคมใหม่ไม่ใช้เงิน ตลาดนัดออนไลน์ให้แลกเปลี่ยนสิ่งของโดยไม่ใช้เงิน
    https://youtu.be/iyXat83u7lA?si=ayC45Nu98XYKlHgc
    https://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=sharehttps://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=share&exp=93fa
    ✍️วิธีใช้ส้อมเสียง
    EP1 : https://youtu.be/J4FM5fSCIxU?si=b_yFf5wGVAjy7f2n
    EP2 : https://youtu.be/qvw_RcZJtPk?si=PqBEn3D8zeAVsu15
    ✍️การถอดจิต ความสามารถที่มนุษย์เราทุกคนควรจะมี Remote Viewing ประสบการณ์ดูไกลกับคุณนิมิต ภูติรัช
    https://youtu.be/5Ulzw-CGtkw?si=AYjhn6ULYM2eIB1O
    ✍️FC คุณปุ๊กมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังการเป็นมะเร็งเต้านม คุณก็ทำได้เช่นกัน
    https://youtu.be/Q-92FdVArA0?si=VL7bX5f5cdas8hxT
    ✍️เคสคุณแอ้ว เอาชนะมะเร็งปากมดลูก ไม่คี…ไม่ฉาย…
    https://youtu.be/-zzf8ySllkw?si=c4uUWJBJU1tsGEnZ
    ✍️ คำถามเกี่ยวกับมะเร็ง ตอบโดย พญ.ณัฐณิชา Nanovida
    EP1 : การรักษามะเร็งทางเลือกใหม่ https://youtu.be/xLqEVY2YGak?si=ubuB14AdLQea1RT3
    EP2 : ใช้สมุนไพรและดื่มน้ำผักช่วงรับคีโมได้หรือไม่ https://youtu.be/9SJzxNwYaGU?si=FqYgHWb3FFvIQC1D
    ✍️วิธีปล่อยวาง อย่ายึดติดกับร่างกายของเรา กำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็ง
    https://youtu.be/Bp4qVYAYuLM?si=a2FIoqaqdGAp6sqd
    ความรู้จากโค๊ชนาตาลี https://www.facebook.com/Natalie.Proenca https://www.facebook.com/loveandlightawakening/ https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie https://healthcoachnatalie.podia.com ✍️รายการ On the way With Chom EP.11 คุณชมพู่ อารยา สัมภาษณ์ โค้ชนาตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีท็อกซ์ต้านมะเร็ง มาคุยเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ร่างกาย Facebook 👉 https://www.facebook.com/watch/?v=884245786743330 Youtube 👉 https://youtu.be/19y5ZYGuKtA ✍️LIVE: 40 วิธีดีท็อกซ์ ถ้าคุณไม่อยากแก่เร็ว ห้ามพลาด https://www.youtube.com/live/TXQIPnmuZCs?si=bYh7DZVpT7jI2Z5A ✍️LIVE: คลิปดีท็อกซ์ปลิวอีกแล้ว! ห้ามพลาดไลฟ์นี้จะเอามาเล่าใหม่ https://www.youtube.com/live/6eI1jiYjJZ8?si=tpxkIrxPf_f2jBAv ✍️Live: ดีท็อกซ์แบบไหนดีที่สุด และผลข้างเคียงที่คุณอาจจะต้องเจอ https://www.youtube.com/live/CTrDtjNb4oA?si=v8-3WTko-q3_8qV3 ✍️LIVE: ถาม-ตอบเรื่องดีท็อกซ์และการบำบัดมะเร็ง https://www.youtube.com/live/bXF18zTQB6w?si=JJrbrw-bW_24uPhz ✍️🍹สูตรลับน้ำผักฟื้นฟูเซลล์และทำให้ร่างกายเป็นด่าง https://www.youtube.com/live/L7BRekpGRjI?si=2dm95slGs74rxx8A ✍️🧬รหัสโค้ดในดีเอ็นเอของมนุษย์ไม่ใช่เป็นของ GOD องค์ใดองค์หนึ่ง รหัสลับใน DNA ของคุณ มีความหมายซ่อนอยู่ในนั้นที่คุณต้องรู้ https://www.youtube.com/live/eElgfF8V60Y?si=1XZQPkd7caVDfWY3 ✍️Live: ซ่อมแซม DNA ด้วยเบต้ากลูแคน ได้จริงหรือ? https://www.youtube.com/live/ekNMQ7tHJ3Y?si=G6EPmOWfgExeWxu2 ✍️ดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลงอาจเป็นเพราะเหตุนี้ https://www.youtube.com/live/ToCiFmRYnkU?si=PYBJaK9ufUyRZJM_ ✍️LIVE: วิตามินที่ควรพกไปทานช่วงเดินทาง https://www.youtube.com/live/Robzgp_IbPM?si=xk6hdNAQ-YMqB_x- ✍️ วิธี Energy Testing หาคำตอบด้วยตัวเองว่าอาหารและวิตามินอะไรที่คุณควรทาน วิธีที่คุณดูแลตัวเอง และใช้ subconscious จิตใต้สำนึก ตอบคำถามให้คุณได้อย่างแม่นยำ https://www.youtube.com/live/ia6UtLF42qo?si=J-crrMvxrlMp9oWf ✍️LIVE: รีชาร์จเซลล์ด้วย Energy Medicine - PEMF เทคโนโลยีใหม่สำหรับการบำบัดแห่งอนาคต https://www.youtube.com/live/h07Zdq2tYu8?si=7puWTAbO670fmAvb ✍️LIVE: TOP 11 ผักผลไม้และวิตามินที่ต้องทานในช่วงล้างพิษ https://www.youtube.com/live/ud843OO0AlQ?si=pb6WoVO_o4tYRGwC ✍️แจกสูตรลับน้ำผักดีท็อกซ์ที่ใช้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว https://www.youtube.com/live/wJY6nbrFws4?si=guHGzPFOb46SfDAo ✍️QUANTUM HEALING การบำบัดในอนาคต EP.1 : https://www.youtube.com/live/SNVSfGGzWhQ?si=cpDnTB9SF0Z7rEL2 EP2 : https://www.youtube.com/live/OYP9ooNsUEc?si=pFy-FA4yYyK8noC9 EP3 : https://www.youtube.com/live/jGsUeYwLh0s?si=tbRgokDiKvDpA8l0 ✍️LIVE: เทคโนโลยีใหม่ใช้รักษามาถึงแล้ว https://www.youtube.com/live/t_wWeVRsxMM?si=JF8diTyOPnyE6A9_ ✍️มะเร็งสัมพันธ์กับจักระอย่างไร https://www.youtube.com/live/ASOHtPGOkXk?si=OdiQfFqUTSRHswtQ ✍️11สิ่งดีท็อกซ์สารพิษที่ธรรมชาติให้มา https://www.youtube.com/live/xcLYydbGdkQ?si=BZKfdkKfMMl9onca ✍️เคล็ดลับในการทานอาหารต้านมะเร็งที่ทำได้ตลอดกาล https://www.youtube.com/live/t6AuYN8xiHk?si=KoGucdbzRE9JxcSr ✍️เวิร์คช็อป #ดีท็อกซ์ “ #ล้างพิษ พิชิตโรคแบบองค์รวม” กับโค้ชนาตาลีและทีมแพทย์จาก NOVAVIDA INTEGRATIVE MEDICAL CENTER https://youtu.be/tCZW6L6Xyuw?si=yppE4dPOk6IZ1mYD ✍️ความเป็นกรดและด่างในร่างกาย EP1 : ร่างงกายเราเป็นกรดได้อย่างไร และตอนท้ายสรุปด้วย 5 วิธีง่ายๆ ทำร่างกายให้เป็นด่างด้วยตัวคุณเอง https://youtu.be/mEw95s-2oRo?si=-7D8OVrKCKL2S-c4 EP2 : การตรวจความเป็น กรด และด่าง https://youtu.be/hk1WrDffDPc?si=lHUsiXRR5huganWt ✍️Saffron ช่วย #ต้านมะเร็ง #ลดความเครียด และ #บำรุงสมอง ช่วยเรื่อง #อัลไซเมอร์ และ #โรคซึมเศร้า https://youtu.be/LB--y5lVQfk?si=Hg9y4DIl2ldQdJQa ✍️ทำไมต้องเจอเรื่องร้ายๆในชีวิต https://youtu.be/WrzE7dRMnTA?si=BVWAz1X8xHyQZmjX ✍️พลังบำบัดมหัศจรรย์ด้วยรหัสโค้ดเปลี่ยนคลื่นความถี่ - Star Magic Healing | สัมภาษณ์ Jerry Sargeant ชาวอังกฤษ ร่วมกับอ.ทีน่า https://youtu.be/1Wduzh_KhqQ?si=4rQI9hZbA26_D5BK ✍️#โจดิสเพนซา #คุณคือพลาซีโบ #สมาธิบำบัด ซีรีย์หนังสือเสียงเพื่อเป็นกำลังใจและเพิ่มความรู้ให้คุณ https://youtu.be/-3RBDQPj-74?si=sOxQF0AFuRMsli1V ✍️Pure Sound Crystal Singing Bowls 432 Hz Solfeggio melody #HealingVibration คลิปนี้เป็นเสียงของของคริสตัลโบล์ล้วนๆค่ะ ช่วยกำจัดอารมณ์วิตกกังวลได้อย่างดี https://youtu.be/NH5s5N3p_JM?si=173EG3GkKxleXn3Z ✍️#crystalsingingbowls เสียงเพลงเบาๆด้วยคลื่นความถี่ Frequency 432 Hz จาก crystal singing bowls เพลงสายทิพย์, Solfeggio Tuning forks และคลื่น 528 Hz จากเสียงเพลง binaural จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและหลับสบาย https://youtu.be/sg2SS8go_P4?si=GaMPzPvusqQNvHgL ✍️#เสียงนำสมาธิ #manifest #ประตูมิติ ยังไม่สายที่จะทำสมาธิเพื่อเปิดรับพลังงานจากประตูมิติไลออน (Lion's Gate) กำลังเปิดรอคุณอยู่ Lion's Gate ของปีนี้แรงกว่าปีที่แล้วค่ะ https://youtu.be/AJKysmti6tc?si=nf_g3BS2nuxvts1B ✍️เลือกเครื่องปั่นอย่างไรให้เหมาะกับตัวคุณ https://youtu.be/c7Gddf0XEp8?si=n2MzRZGp4T5RWs7W ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi ✍️ Finding Your Quantum True-Self “จูนพลังจิตควอนตัมหาตัวเองให้เจอ” https://youtu.be/uXXggX1ShoE?si=VCJVz-Cw2HCJNaf1 ✍️สั่งจิตพิชิตมะเร็ง สิ่งสำคัญที่สุด https://youtu.be/T8ytSEd83zI?si=Fc3HlW30G7CnadUg ✍️#ตื่นรู้ #HU ครั้งแรกที่โค้ชนาตาลี สนทนากับลูกชายเรื่องการตื่นรู้ และแชร์ประสบการณ์จากการส่ง HU https://youtu.be/TMcW2bO_UT4?si=CmEJZiJXKaGCA7-M ✍️หลักฐานยืนยัน #DNA มนุษย์ถูกตัดต่อสองแสนปีที่แล้ว DNA ของมนุษย์ถูกเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และ DNA ส่วนไหนที่ทำให้มนุษย์ต่างจากลิง https://youtu.be/SopVb_CQ2TY?si=snl5CfT1d1vHjWQe ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง อยากได้กำลังใจให้ทำแบบนี้ https://youtu.be/MIhClkNYQHs?si=qZNQqGEU8EhWzU6u ✍️วิธีติดตั้ง Glider กับส้อมเสียง OM https://youtu.be/OUtgNNesKjU?si=lJT5SGKEaJhP9Rdn ✍️คุณเคยสังเกตตัวเองมั้ยคะว่าคุณหายใจอย่างไร และมันสำคัญมากขนาดไหน ถ้าคุณหายใจผิดวิธีเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคได้หลายโรคค่ะ วิดีโอนี้เป็นการแนะนำวิธีปฏิบัติการหายใจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอ้างอิงจากหนังสือ “BREATH” เขียนโดย James Nestor https://youtu.be/wg01GqrPAsI?si=VyacPESRGh3f-z3S ✍️วิธีซ่อมแซม DNA ด้วยความรักและเทคนิค Freeze Frame https://youtu.be/54R-eA8vqsI?si=yKFSSp_Ya77dEJNH ✍️วิธีเปิดดีเอ็นเอที่ถูกปิดไว้นานแสนนานด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ https://youtu.be/mkoPczNxBKY?si=tnKHn1FVLgBBkKor ✍️เปิดตาที่สามแล้วคุณจะมีพลังพิเศษ แอบรู้ความลับของต่อมไพเนียลที่คุณต้องรู้ ✅ คลิปนี้บอกความลับของต่อมไพเนียลที่ถูกค้นพบไม่นานนี้เอง ✅ รูปปั้นของชาวอียิปต์โบราณพยายามจะบอกความลับอะไรกับคนสมัยใหม่ ✅ วิธีสร้างสาร DMT ด้วยตัวคุณเอง ✅ และอาหารที่ช่วยล้างหินปูนที่เกาะต่อมไพเนียล https://youtu.be/2Yi_2QvU7qI?si=bn1XNJHYwWnTcDe2 ✍️ความลับของกฎแรงดึงดูด ต้องเรียงลำดับขั้นตอน https://youtu.be/nAmM0XZRsxI?si=kQd8H3pELJDtVn0v ✍️สมาธิเปิดดีเอ็นเอ HU+528Hz+Light Language+ปรับจักระทั้ง7+ต้อนรับโลกใหม่(New Earth) https://youtu.be/AaGi_tIhOTc?si=pEGh3ALzBvgJXDv0 ✍️ใครที่อยากจะหยุดทานเนื้อสัตว์แต่ยังทำไม่ได้ โค้ชนาตาลีมีเทคนิคที่ทำได้จริงของตัวเองมาแชร์ค่ะ https://youtu.be/bnNSUwjLBEo?si=EX1-D_f6W1fTlf0c ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz ✍️สังคมใหม่ไม่ใช้เงิน ตลาดนัดออนไลน์ให้แลกเปลี่ยนสิ่งของโดยไม่ใช้เงิน https://youtu.be/iyXat83u7lA?si=ayC45Nu98XYKlHgc https://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=sharehttps://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=share&exp=93fa ✍️วิธีใช้ส้อมเสียง EP1 : https://youtu.be/J4FM5fSCIxU?si=b_yFf5wGVAjy7f2n EP2 : https://youtu.be/qvw_RcZJtPk?si=PqBEn3D8zeAVsu15 ✍️การถอดจิต ความสามารถที่มนุษย์เราทุกคนควรจะมี Remote Viewing ประสบการณ์ดูไกลกับคุณนิมิต ภูติรัช https://youtu.be/5Ulzw-CGtkw?si=AYjhn6ULYM2eIB1O ✍️FC คุณปุ๊กมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังการเป็นมะเร็งเต้านม คุณก็ทำได้เช่นกัน https://youtu.be/Q-92FdVArA0?si=VL7bX5f5cdas8hxT ✍️เคสคุณแอ้ว เอาชนะมะเร็งปากมดลูก ไม่คี…ไม่ฉาย… https://youtu.be/-zzf8ySllkw?si=c4uUWJBJU1tsGEnZ ✍️ คำถามเกี่ยวกับมะเร็ง ตอบโดย พญ.ณัฐณิชา Nanovida EP1 : การรักษามะเร็งทางเลือกใหม่ https://youtu.be/xLqEVY2YGak?si=ubuB14AdLQea1RT3 EP2 : ใช้สมุนไพรและดื่มน้ำผักช่วงรับคีโมได้หรือไม่ https://youtu.be/9SJzxNwYaGU?si=FqYgHWb3FFvIQC1D ✍️วิธีปล่อยวาง อย่ายึดติดกับร่างกายของเรา กำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็ง https://youtu.be/Bp4qVYAYuLM?si=a2FIoqaqdGAp6sqd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ
    .
    ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว
    .
    อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่
    .
    ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก
    .
    เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด
    .
    71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1942qfmeuV/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ . ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว . อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่ . ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก . เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด . 71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1942qfmeuV/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ
    .
    ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว
    .
    อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่
    .
    ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก
    .
    เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด
    .
    71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ
    ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ . ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว . อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่ . ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก . เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด . 71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีโอกาสไปเกาะมหามงคลหลายครั้ง สถานที่สงบได้ปลีกวิเวกพักใจอยู่กับตัวเอง ได้มีโอกาสทบทวนตนเองและเรียนรู้ฝึกหัดตน ได้พบประสบการณ์ตรงซึ้ง"อัศจรรย์ใจ"ด้วยตัวเองเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตนจริงๆ🔆🙇‍♀️
    มีโอกาสไปเกาะมหามงคลหลายครั้ง สถานที่สงบได้ปลีกวิเวกพักใจอยู่กับตัวเอง ได้มีโอกาสทบทวนตนเองและเรียนรู้ฝึกหัดตน ได้พบประสบการณ์ตรงซึ้ง"อัศจรรย์ใจ"ด้วยตัวเองเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตนจริงๆ🔆🙇‍♀️
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • **ขอบคุณบทความจาก คุณเอส Sos Sirikarn ภรรยาของผม ครับ**

    ได้ยินสามี​กับ​คุณแม่​ คุยกันเรื่อง​ ตารางการทาน​ "ออร์แกนิค​คลอ​เรลล่า​ กับ​ ออร์แก​นิค​สไป​รู​ลิ​น่า" ของเฟบิโก้​ 🇹🇼 PLC.

    📍แล้วคุณแม่สามี​ ​บอกว่า​ #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีสารที่เรียกว่า​ "Chlorella​ Growth Factor" ซึ่งเป็นชื่อเรียก​ กลุ่มของสารอาหาร​ ที่ช่วยให้เกิด​ กระบวนการซ่อมบำรุงเซลล์​ ตั้งแต่ระดับ​ DNA ตาม​ ที่ฝ่ายวิชาการได้เรียบเรียงข้อมูลไว้

    แม่ก็เลยแบ่งส่วนนึง ไว้ทานก่อนนอนด้วย​ จริงๆ​ตัวนี้เหมาะกับ​ #คนสูงอายุ

    😳แม้จะรู้อยู่แล้ว​ ว่า​ #ออร์แกนิค​คลอเรลล่า​เฟบิโก้ ช่วยให้เซลล์ในร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมบำรุงตั้งแต่ระดับ​ DNA​ ได้ดีขึ้น​

    แต่..ไอ้เราพอได้ยิน​ คำว่า​ Growth​ Factor​ ก็เลยถึงบางอ้อ​ ว่า​ ทำไมนอนตี​ 1-3​ มา​ยาวนานถึง 17​-18 ปีแล้ว​ แต่ก็ยังไม่โทรม!! จนหลายคนทัก

    เขาบอกว่า​ หน้าตา​ ความคล่องตัว​ ไม่เหมือนคนนอนตี​1-3​ 😁😁

    🙆🏻‍♀️แต่ที่ผ่านมา​ ไม่ได้สนใจเรื่อง​ "Growth​ Factor" เพราะต้องการทาน​ ออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ เพื่อขับล้างสารตกค้าง​จากอาหาร​เสริมที่ก่อนหน้านี้​ทานมาถึง​ 15 ปี​ จนผลตรวจ​ MRI​ พบว่า​ ได้ถุงน้ำในไตมา 2-3 ถุง

    เรื่อง​ #growthfactor​ จึงเป็นเหมือนของแถมจากการทานออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ 🇹🇼 PLC.​ ไม่ใช่ปัจจัยหลัก​ที่ทำให้ทานมายาวนาน​ มิ.ย.​ นี้​ ครบ​ 9 ปี

    👉🏻ตามปรัชญา​ "สะสาง​ ก่อนสะสม" ที่ได้รับจากครอบครัวของที่ปรึกษา​

    เพราะสำหรับเอส​ #การรับสิ่งพิษเข้าไปสะสมในร่างกายทุกๆวัน​ มันน่ากลัวกว่า​ "หน้าตาโทรม​ หน้าตาไม่สวย" 😁😁 ค่ะ

    💚💚💚💚💚💚💚💚

    คุณแม่​สามีเลือกทำ​ "คีโม" และ​​ ยังทาน​ ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ ​ตลอด​ โดยที่เพิ่มจากโดสปกติ​ เป็น "12​ เม็ด​ + ทานพืชที่ช่วยลดพิษร้อน" จากการคีโมค่ะ

    🎀ซึ่งคุณแม่สามี​ ไม่ยอมหยุดทาน​ #ออร์แกนิคคลอเรลล่าfebico ​ทั้งที่อาจารย์​หมอก็บอกว่า​ ทานได้​ แต่ระวัง​คลอเรลล่าจะไปขับพิษคีโมออก​ จนคีโมทำงานไม่ได้

    🎀คุณแม่สามี​ จึงวางแผนการทานออร์แก​นิคคลอเรลล่าเฟบิโก้​ ด้วยตัวเอง​ ระหว่างที่ทำคีโมไปด้วย​ เพราะน้องชายที่เป็นอาจารย์​หมอ​ รพ.ดังระดับประเทศ​ ไม่อยากให้ทาน​คลอเรลล่า

    📍เพราะ​ #ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ สามารถ​ทำลายพิษของคีโม​ได้​ เนื่องจาก​คีโมคือพิษ แล้วเราต้องการความเป็นพิษของคีโมไปทำลายเซลล์​มะเร็ง​

    ซึ่งคีโม​ นอกจากจะทำลาย​เซลล์มะเร็ง​แล้ว​ ยังทำลาย​เซลล์ดีอีกด้วย

    📍ดังนั้น​ การ​ทานออร์แก​นิคคลอเรลล่า​เฟบิโก้ ที่เหมาะสมกับผู้ที่กำลังรักษา​ด้วยคีโม จึงต้องทาน​ในช่วงเวลา​ หลังจาก​ "คีโมทำงานเสร็จแล้ว" เช่น​ หลังจากคีโม​ไปแล้ว​ 6 ชม.​ เป็นต้น

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    **ขอบคุณบทความจาก คุณเอส Sos Sirikarn ภรรยาของผม ครับ** ได้ยินสามี​กับ​คุณแม่​ คุยกันเรื่อง​ ตารางการทาน​ "ออร์แกนิค​คลอ​เรลล่า​ กับ​ ออร์แก​นิค​สไป​รู​ลิ​น่า" ของเฟบิโก้​ 🇹🇼 PLC. 📍แล้วคุณแม่สามี​ ​บอกว่า​ #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีสารที่เรียกว่า​ "Chlorella​ Growth Factor" ซึ่งเป็นชื่อเรียก​ กลุ่มของสารอาหาร​ ที่ช่วยให้เกิด​ กระบวนการซ่อมบำรุงเซลล์​ ตั้งแต่ระดับ​ DNA ตาม​ ที่ฝ่ายวิชาการได้เรียบเรียงข้อมูลไว้ แม่ก็เลยแบ่งส่วนนึง ไว้ทานก่อนนอนด้วย​ จริงๆ​ตัวนี้เหมาะกับ​ #คนสูงอายุ​ 😳แม้จะรู้อยู่แล้ว​ ว่า​ #ออร์แกนิค​คลอเรลล่า​เฟบิโก้ ช่วยให้เซลล์ในร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมบำรุงตั้งแต่ระดับ​ DNA​ ได้ดีขึ้น​ แต่..ไอ้เราพอได้ยิน​ คำว่า​ Growth​ Factor​ ก็เลยถึงบางอ้อ​ ว่า​ ทำไมนอนตี​ 1-3​ มา​ยาวนานถึง 17​-18 ปีแล้ว​ แต่ก็ยังไม่โทรม!! จนหลายคนทัก เขาบอกว่า​ หน้าตา​ ความคล่องตัว​ ไม่เหมือนคนนอนตี​1-3​ 😁😁 🙆🏻‍♀️แต่ที่ผ่านมา​ ไม่ได้สนใจเรื่อง​ "Growth​ Factor" เพราะต้องการทาน​ ออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ เพื่อขับล้างสารตกค้าง​จากอาหาร​เสริมที่ก่อนหน้านี้​ทานมาถึง​ 15 ปี​ จนผลตรวจ​ MRI​ พบว่า​ ได้ถุงน้ำในไตมา 2-3 ถุง เรื่อง​ #growthfactor​ จึงเป็นเหมือนของแถมจากการทานออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ 🇹🇼 PLC.​ ไม่ใช่ปัจจัยหลัก​ที่ทำให้ทานมายาวนาน​ มิ.ย.​ นี้​ ครบ​ 9 ปี 👉🏻ตามปรัชญา​ "สะสาง​ ก่อนสะสม" ที่ได้รับจากครอบครัวของที่ปรึกษา​ เพราะสำหรับเอส​ #การรับสิ่งพิษเข้าไปสะสมในร่างกายทุกๆวัน​ มันน่ากลัวกว่า​ "หน้าตาโทรม​ หน้าตาไม่สวย" 😁😁 ค่ะ 💚💚💚💚💚💚💚💚 คุณแม่​สามีเลือกทำ​ "คีโม" และ​​ ยังทาน​ ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ ​ตลอด​ โดยที่เพิ่มจากโดสปกติ​ เป็น "12​ เม็ด​ + ทานพืชที่ช่วยลดพิษร้อน" จากการคีโมค่ะ 🎀ซึ่งคุณแม่สามี​ ไม่ยอมหยุดทาน​ #ออร์แกนิคคลอเรลล่าfebico ​ทั้งที่อาจารย์​หมอก็บอกว่า​ ทานได้​ แต่ระวัง​คลอเรลล่าจะไปขับพิษคีโมออก​ จนคีโมทำงานไม่ได้ 🎀คุณแม่สามี​ จึงวางแผนการทานออร์แก​นิคคลอเรลล่าเฟบิโก้​ ด้วยตัวเอง​ ระหว่างที่ทำคีโมไปด้วย​ เพราะน้องชายที่เป็นอาจารย์​หมอ​ รพ.ดังระดับประเทศ​ ไม่อยากให้ทาน​คลอเรลล่า 📍เพราะ​ #ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ สามารถ​ทำลายพิษของคีโม​ได้​ เนื่องจาก​คีโมคือพิษ แล้วเราต้องการความเป็นพิษของคีโมไปทำลายเซลล์​มะเร็ง​ ซึ่งคีโม​ นอกจากจะทำลาย​เซลล์มะเร็ง​แล้ว​ ยังทำลาย​เซลล์ดีอีกด้วย 📍ดังนั้น​ การ​ทานออร์แก​นิคคลอเรลล่า​เฟบิโก้ ที่เหมาะสมกับผู้ที่กำลังรักษา​ด้วยคีโม จึงต้องทาน​ในช่วงเวลา​ หลังจาก​ "คีโมทำงานเสร็จแล้ว" เช่น​ หลังจากคีโม​ไปแล้ว​ 6 ชม.​ เป็นต้น #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • 71 ล้านเสน่หาหรือฉ้อโกงและเสียภาษีหรือยัง?
    .
    มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง
    .
    มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
    .
    ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
    .
    จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์
    .
    วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย
    .
    เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ
    .
    ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ
    .
    คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป
    .
    คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา
    .
    ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร
    .
    และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด
    .
    คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด
    .
    วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/5VdnTLYvmR1Em1mH/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    71 ล้านเสน่หาหรือฉ้อโกงและเสียภาษีหรือยัง? . มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง . มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส . ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา . จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์ . วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย . เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ . ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ . คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป . คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา . ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร . และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด . คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด . วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่มา https://www.facebook.com/share/p/5VdnTLYvmR1Em1mH/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ขอบคุณบทความจาก คุณเอส Sos Sirikarn ภรรยาของผม ครับ**

    ได้ยินสามี​กับ​คุณแม่​ คุยกันเรื่อง​ ตารางการทาน​ "ออร์แกนิค​คลอ​เรลล่า​ กับ​ ออร์แก​นิค​สไป​รู​ลิ​น่า" ของเฟบิโก้​ 🇹🇼 PLC.

    📍แล้วคุณแม่สามี​ ​บอกว่า​ #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีสารที่เรียกว่า​ "Chlorella​ Growth Factor" ซึ่งเป็นชื่อเรียก​ กลุ่มของสารอาหาร​ ที่ช่วยให้เกิด​ กระบวนการซ่อมบำรุงเซลล์​ ตั้งแต่ระดับ​ DNA ตาม​ ที่ฝ่ายวิชาการได้เรียบเรียงข้อมูลไว้

    แม่ก็เลยแบ่งส่วนนึง ไว้ทานก่อนนอนด้วย​ จริงๆ​ตัวนี้เหมาะกับ​ #คนสูงอายุ

    😳แม้จะรู้อยู่แล้ว​ ว่า​ #ออร์แกนิค​คลอเรลล่า​เฟบิโก้ ช่วยให้เซลล์ในร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมบำรุงตั้งแต่ระดับ​ DNA​ ได้ดีขึ้น​

    แต่..ไอ้เราพอได้ยิน​ คำว่า​ Growth​ Factor​ ก็เลยถึงบางอ้อ​ ว่า​ ทำไมนอนตี​ 1-3​ มา​ยาวนานถึง 17​-18 ปีแล้ว​ แต่ก็ยังไม่โทรม!! จนหลายคนทัก

    เขาบอกว่า​ หน้าตา​ ความคล่องตัว​ ไม่เหมือนคนนอนตี​1-3​ 😁😁

    🙆🏻‍♀️แต่ที่ผ่านมา​ ไม่ได้สนใจเรื่อง​ "Growth​ Factor" เพราะต้องการทาน​ ออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ เพื่อขับล้างสารตกค้าง​จากอาหาร​เสริมที่ก่อนหน้านี้​ทานมาถึง​ 15 ปี​ จนผลตรวจ​ MRI​ พบว่า​ ได้ถุงน้ำในไตมา 2-3 ถุง

    เรื่อง​ #growthfactor​ จึงเป็นเหมือนของแถมจากการทานออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ 🇹🇼 PLC.​ ไม่ใช่ปัจจัยหลัก​ที่ทำให้ทานมายาวนาน​ มิ.ย.​ นี้​ ครบ​ 9 ปี

    👉🏻ตามปรัชญา​ "สะสาง​ ก่อนสะสม" ที่ได้รับจากครอบครัวของที่ปรึกษา​

    เพราะสำหรับเอส​ #การรับสิ่งพิษเข้าไปสะสมในร่างกายทุกๆวัน​ มันน่ากลัวกว่า​ "หน้าตาโทรม​ หน้าตาไม่สวย" 😁😁 ค่ะ

    💚💚💚💚💚💚💚💚

    คุณแม่​สามีเลือกทำ​ "คีโม" และ​​ ยังทาน​ ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ ​ตลอด​ โดยที่เพิ่มจากโดสปกติ​ เป็น "12​ เม็ด​ + ทานพืชที่ช่วยลดพิษร้อน" จากการคีโมค่ะ

    🎀ซึ่งคุณแม่สามี​ ไม่ยอมหยุดทาน​ #ออร์แกนิคคลอเรลล่าfebico ​ทั้งที่อาจารย์​หมอก็บอกว่า​ ทานได้​ แต่ระวัง​คลอเรลล่าจะไปขับพิษคีโมออก​ จนคีโมทำงานไม่ได้

    🎀คุณแม่สามี​ จึงวางแผนการทานออร์แก​นิคคลอเรลล่าเฟบิโก้​ ด้วยตัวเอง​ ระหว่างที่ทำคีโมไปด้วย​ เพราะน้องชายที่เป็นอาจารย์​หมอ​ รพ.ดังระดับประเทศ​ ไม่อยากให้ทาน​คลอเรลล่า

    📍เพราะ​ #ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ สามารถ​ทำลายพิษของคีโม​ได้​ เนื่องจาก​คีโมคือพิษ แล้วเราต้องการความเป็นพิษของคีโมไปทำลายเซลล์​มะเร็ง​

    ซึ่งคีโม​ นอกจากจะทำลาย​เซลล์มะเร็ง​แล้ว​ ยังทำลาย​เซลล์ดีอีกด้วย

    📍ดังนั้น​ การ​ทานออร์แก​นิคคลอเรลล่า​เฟบิโก้ ที่เหมาะสมกับผู้ที่กำลังรักษา​ด้วยคีโม จึงต้องทาน​ในช่วงเวลา​ หลังจาก​ "คีโมทำงานเสร็จแล้ว" เช่น​ หลังจากคีโม​ไปแล้ว​ 6 ชม.​ เป็นต้น

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    **ขอบคุณบทความจาก คุณเอส Sos Sirikarn ภรรยาของผม ครับ** ได้ยินสามี​กับ​คุณแม่​ คุยกันเรื่อง​ ตารางการทาน​ "ออร์แกนิค​คลอ​เรลล่า​ กับ​ ออร์แก​นิค​สไป​รู​ลิ​น่า" ของเฟบิโก้​ 🇹🇼 PLC. 📍แล้วคุณแม่สามี​ ​บอกว่า​ #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีสารที่เรียกว่า​ "Chlorella​ Growth Factor" ซึ่งเป็นชื่อเรียก​ กลุ่มของสารอาหาร​ ที่ช่วยให้เกิด​ กระบวนการซ่อมบำรุงเซลล์​ ตั้งแต่ระดับ​ DNA ตาม​ ที่ฝ่ายวิชาการได้เรียบเรียงข้อมูลไว้ แม่ก็เลยแบ่งส่วนนึง ไว้ทานก่อนนอนด้วย​ จริงๆ​ตัวนี้เหมาะกับ​ #คนสูงอายุ​ 😳แม้จะรู้อยู่แล้ว​ ว่า​ #ออร์แกนิค​คลอเรลล่า​เฟบิโก้ ช่วยให้เซลล์ในร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมบำรุงตั้งแต่ระดับ​ DNA​ ได้ดีขึ้น​ แต่..ไอ้เราพอได้ยิน​ คำว่า​ Growth​ Factor​ ก็เลยถึงบางอ้อ​ ว่า​ ทำไมนอนตี​ 1-3​ มา​ยาวนานถึง 17​-18 ปีแล้ว​ แต่ก็ยังไม่โทรม!! จนหลายคนทัก เขาบอกว่า​ หน้าตา​ ความคล่องตัว​ ไม่เหมือนคนนอนตี​1-3​ 😁😁 🙆🏻‍♀️แต่ที่ผ่านมา​ ไม่ได้สนใจเรื่อง​ "Growth​ Factor" เพราะต้องการทาน​ ออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ เพื่อขับล้างสารตกค้าง​จากอาหาร​เสริมที่ก่อนหน้านี้​ทานมาถึง​ 15 ปี​ จนผลตรวจ​ MRI​ พบว่า​ ได้ถุงน้ำในไตมา 2-3 ถุง เรื่อง​ #growthfactor​ จึงเป็นเหมือนของแถมจากการทานออร์แก​นิค​คลอ​เรลล่า​เฟ​บิ​โก้​ 🇹🇼 PLC.​ ไม่ใช่ปัจจัยหลัก​ที่ทำให้ทานมายาวนาน​ มิ.ย.​ นี้​ ครบ​ 9 ปี 👉🏻ตามปรัชญา​ "สะสาง​ ก่อนสะสม" ที่ได้รับจากครอบครัวของที่ปรึกษา​ เพราะสำหรับเอส​ #การรับสิ่งพิษเข้าไปสะสมในร่างกายทุกๆวัน​ มันน่ากลัวกว่า​ "หน้าตาโทรม​ หน้าตาไม่สวย" 😁😁 ค่ะ 💚💚💚💚💚💚💚💚 คุณแม่​สามีเลือกทำ​ "คีโม" และ​​ ยังทาน​ ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ ​ตลอด​ โดยที่เพิ่มจากโดสปกติ​ เป็น "12​ เม็ด​ + ทานพืชที่ช่วยลดพิษร้อน" จากการคีโมค่ะ 🎀ซึ่งคุณแม่สามี​ ไม่ยอมหยุดทาน​ #ออร์แกนิคคลอเรลล่าfebico ​ทั้งที่อาจารย์​หมอก็บอกว่า​ ทานได้​ แต่ระวัง​คลอเรลล่าจะไปขับพิษคีโมออก​ จนคีโมทำงานไม่ได้ 🎀คุณแม่สามี​ จึงวางแผนการทานออร์แก​นิคคลอเรลล่าเฟบิโก้​ ด้วยตัวเอง​ ระหว่างที่ทำคีโมไปด้วย​ เพราะน้องชายที่เป็นอาจารย์​หมอ​ รพ.ดังระดับประเทศ​ ไม่อยากให้ทาน​คลอเรลล่า 📍เพราะ​ #ออร์แกนิกคลอเรลล่าเฟบิโก้ สามารถ​ทำลายพิษของคีโม​ได้​ เนื่องจาก​คีโมคือพิษ แล้วเราต้องการความเป็นพิษของคีโมไปทำลายเซลล์​มะเร็ง​ ซึ่งคีโม​ นอกจากจะทำลาย​เซลล์มะเร็ง​แล้ว​ ยังทำลาย​เซลล์ดีอีกด้วย 📍ดังนั้น​ การ​ทานออร์แก​นิคคลอเรลล่า​เฟบิโก้ ที่เหมาะสมกับผู้ที่กำลังรักษา​ด้วยคีโม จึงต้องทาน​ในช่วงเวลา​ หลังจาก​ "คีโมทำงานเสร็จแล้ว" เช่น​ หลังจากคีโม​ไปแล้ว​ 6 ชม.​ เป็นต้น #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • 71 ล้าน เสน่หาหรือฉ้อโกง และเสียภาษีหรือยัง?
    .
    มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง
    .
    มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
    .
    ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
    .
    จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์
    .
    วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย
    .
    เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ
    .
    ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ
    .
    คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป
    .
    คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา
    .
    ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร
    .
    และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด
    .
    คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด
    .
    วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล
    71 ล้าน เสน่หาหรือฉ้อโกง และเสียภาษีหรือยัง? . มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง . มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส . ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา . จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์ . วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย . เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ . ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ . คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป . คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา . ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร . และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด . คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด . วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 756 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออนุญาตเจ้าของลายมือ

    ตามลายมือ ทายว่า ฉลาด มีความรู้และจินตนาการอยู่ในตัว รักเกียรติยศและชื่อเสียง มีความทะเยอทะยานที่จะให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าและดีขึ้น ใจใฝ่หาความรู้และธรรม วางแผนในการทำสิ่งต่างๆ รักธรรมชาติ มีอารมณ์เครียด หงุดหงิดหน่อย ตอนเด็ก มีเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวทำให้สะเทือนใจ อาจทำให้อยู่ห่างจากครอบครัว

    รัก มีคนเข้ามาจีบพอสมควร รักไม่ราบรื่นหรือไม่ได้ดั่งใจหวังหรือไม่ถูกใจ ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง ไม่สมหวังในรัก มีเหตุการณ์สะเทือนใจตอนอายุ 20 ต้น มีเกณฑ์มีคู่ช้า เพราะค่อนข้างเลือกคู่และมีมาตรฐานหรือสเปคในการเลือกคู่ คู่คนไทย ทำให้เหนื่อย ลำบาก เครียด วิตกกังวล บางครั้งทำให้เสียใจ บางครั้งครอบครัวไม่ถูกใจคู่ คู่ต่างชาติส่งเสริม เกื้อกูล กว่าคู่คนไทย ถ้าคบคู่ต่างชาติ จะคบกันได้ยาวกว่าคู่คนไทย

    งาน คิดสร้างฐานะและหลักฐานด้วยตัวเองตอนอายุ 20 กลาง จึงลงมือทำและเหนื่อยด้วยตัวเอง ตอนเริ่มทำงาน อาจไม่ราบรื่นหรือลำบากหรือเหนื่อยหน่อย หลังจากนั้นพอไปได้ ก่อนอายุ 30 งานไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เหนื่อยบ้าง มีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์เวลามีปัญหาเรื่องงาน อายุ 20 กลาง อายุ 20 ปลาย และอายุ 30 ต้น มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีเรื่องงานและเงิน อายุ 32 อายุ 35 อายุ 50 ต้น อายุ 50 กลาง เจออุปสรรคแต่ผ่านไปได้ ตอนอายุ 50 ต้น ระมัดระวังเรื่องการงาน การเงินหรือการลงทุน มีเกณฑ์เสียมากกว่าได้ อายุ 30 ปลาย อายุ 40 ต้น มีเกณฑ์เปลี่ยนแปลงเรื่องงานหรือที่อยู่อาจทำงานหรืออยู่ไกลถิ่นเกิดหรือต่างประเทศ ตอนอายุมากขึ้นจะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น

    เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง บางครั้งมีคนมาทำให้เดือดร้อนจนเสียเงิน ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง เจอปัญหาเรื่องเงินแต่ช่วงนั้นมีลาภเข้ามา ลาภมาจากคนในครอบครัว ตอนมีหนี้จะหาเงินได้มากกว่าตอนไม่มีหนี้ อนาคตมีเงินพอสมควร

    สุขภาพ สมอง อาจคิดมากจนปวดศีรษะ อวัยวะภายในท้อง ลำไส้ ลำไส้แปรปรวน

    ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า พูดจาเก่ง ช่างเจรจา ขยัน มีความคิดและการกระทำที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน สนใจในประวัติศาสตร์ ของโบราณ ของเก่า ญาติมีฐานะดีและหน้าที่การงานดี

    ตอนอายุ 39 ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป พยายามเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ดีขึ้นเกี่ยวกับแม่และเพื่อน

    ตอนอายุ 40 เป็นปีที่ดี เรื่องเงิน ญาติ บ้าน แต่เหนื่อยหน่อยและต้องใช้เวลาในการได้มา ญาติหรือคนใกล้ชิด มีปัญหาสุขภาพ มีการเดินทางไปหาญาติหรือคนใกล้ชิด การเดินทาง ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ เสียเงินในการซ่อมหรือดูแลรักษารถยนต์

    คู่ มีลักษณะอ่อนโยน จู้จี้ จุกจิก โลเล จะมีนิสัยไม่ค่อยถูกใจตัวเอง เป็นคนต่างชาติ
    เข้ามาเยอะตอนอายุ 12/18/22/29/34/35/48
    เข้ามาบ้างตอนอายุ 14/16/20/26/27/41/44/46
    มีเกณฑ์มีคู่ ถ้าจะแต่ง แนะนำตอนอายุ 41/44

    งาน ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป ใช้ความรู้ที่มีในการสร้างตัว สร้างฐานะและหลักฐาน งานที่เหมาะ งานด้านใช้ทักษะในการเจรจา การติดต่อ ประสานงาน การสื่อสาร การเขียน

    เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย จึงมีโอกาสรวย ได้ลาภจากพ่อ พ่อให้เงินใช้

    สุขภาพ ระบบเลือด หัวใจ สายตา ระบบการหายใจ จมูก คอ
    ขออนุญาตเจ้าของลายมือ ตามลายมือ ทายว่า ฉลาด มีความรู้และจินตนาการอยู่ในตัว รักเกียรติยศและชื่อเสียง มีความทะเยอทะยานที่จะให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าและดีขึ้น ใจใฝ่หาความรู้และธรรม วางแผนในการทำสิ่งต่างๆ รักธรรมชาติ มีอารมณ์เครียด หงุดหงิดหน่อย ตอนเด็ก มีเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวทำให้สะเทือนใจ อาจทำให้อยู่ห่างจากครอบครัว รัก มีคนเข้ามาจีบพอสมควร รักไม่ราบรื่นหรือไม่ได้ดั่งใจหวังหรือไม่ถูกใจ ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง ไม่สมหวังในรัก มีเหตุการณ์สะเทือนใจตอนอายุ 20 ต้น มีเกณฑ์มีคู่ช้า เพราะค่อนข้างเลือกคู่และมีมาตรฐานหรือสเปคในการเลือกคู่ คู่คนไทย ทำให้เหนื่อย ลำบาก เครียด วิตกกังวล บางครั้งทำให้เสียใจ บางครั้งครอบครัวไม่ถูกใจคู่ คู่ต่างชาติส่งเสริม เกื้อกูล กว่าคู่คนไทย ถ้าคบคู่ต่างชาติ จะคบกันได้ยาวกว่าคู่คนไทย งาน คิดสร้างฐานะและหลักฐานด้วยตัวเองตอนอายุ 20 กลาง จึงลงมือทำและเหนื่อยด้วยตัวเอง ตอนเริ่มทำงาน อาจไม่ราบรื่นหรือลำบากหรือเหนื่อยหน่อย หลังจากนั้นพอไปได้ ก่อนอายุ 30 งานไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เหนื่อยบ้าง มีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์เวลามีปัญหาเรื่องงาน อายุ 20 กลาง อายุ 20 ปลาย และอายุ 30 ต้น มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีเรื่องงานและเงิน อายุ 32 อายุ 35 อายุ 50 ต้น อายุ 50 กลาง เจออุปสรรคแต่ผ่านไปได้ ตอนอายุ 50 ต้น ระมัดระวังเรื่องการงาน การเงินหรือการลงทุน มีเกณฑ์เสียมากกว่าได้ อายุ 30 ปลาย อายุ 40 ต้น มีเกณฑ์เปลี่ยนแปลงเรื่องงานหรือที่อยู่อาจทำงานหรืออยู่ไกลถิ่นเกิดหรือต่างประเทศ ตอนอายุมากขึ้นจะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง บางครั้งมีคนมาทำให้เดือดร้อนจนเสียเงิน ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง เจอปัญหาเรื่องเงินแต่ช่วงนั้นมีลาภเข้ามา ลาภมาจากคนในครอบครัว ตอนมีหนี้จะหาเงินได้มากกว่าตอนไม่มีหนี้ อนาคตมีเงินพอสมควร สุขภาพ สมอง อาจคิดมากจนปวดศีรษะ อวัยวะภายในท้อง ลำไส้ ลำไส้แปรปรวน ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า พูดจาเก่ง ช่างเจรจา ขยัน มีความคิดและการกระทำที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน สนใจในประวัติศาสตร์ ของโบราณ ของเก่า ญาติมีฐานะดีและหน้าที่การงานดี ตอนอายุ 39 ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป พยายามเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ดีขึ้นเกี่ยวกับแม่และเพื่อน ตอนอายุ 40 เป็นปีที่ดี เรื่องเงิน ญาติ บ้าน แต่เหนื่อยหน่อยและต้องใช้เวลาในการได้มา ญาติหรือคนใกล้ชิด มีปัญหาสุขภาพ มีการเดินทางไปหาญาติหรือคนใกล้ชิด การเดินทาง ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ เสียเงินในการซ่อมหรือดูแลรักษารถยนต์ คู่ มีลักษณะอ่อนโยน จู้จี้ จุกจิก โลเล จะมีนิสัยไม่ค่อยถูกใจตัวเอง เป็นคนต่างชาติ เข้ามาเยอะตอนอายุ 12/18/22/29/34/35/48 เข้ามาบ้างตอนอายุ 14/16/20/26/27/41/44/46 มีเกณฑ์มีคู่ ถ้าจะแต่ง แนะนำตอนอายุ 41/44 งาน ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป ใช้ความรู้ที่มีในการสร้างตัว สร้างฐานะและหลักฐาน งานที่เหมาะ งานด้านใช้ทักษะในการเจรจา การติดต่อ ประสานงาน การสื่อสาร การเขียน เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย จึงมีโอกาสรวย ได้ลาภจากพ่อ พ่อให้เงินใช้ สุขภาพ ระบบเลือด หัวใจ สายตา ระบบการหายใจ จมูก คอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..การทดลองเล็กๆ น้อยๆ กับโคคา-โคล่า ยาสีฟัน และเบกกิ้งโซดา....
    ..คุณคิดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เมื่อวางจำหน่ายหรือเปล่า?
    ..คุณสามารถสรุปผลด้วยตัวเองได้
    ..การทดลองเล็กๆ น้อยๆ กับโคคา-โคล่า ยาสีฟัน และเบกกิ้งโซดา.... ..คุณคิดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เมื่อวางจำหน่ายหรือเปล่า? ..คุณสามารถสรุปผลด้วยตัวเองได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
    .
    แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
    .
    ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
    .
    หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
    .
    นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
    .
    ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
    .
    นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
    .
    ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
    .
    ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
    .
    ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
    .
    ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
    .
    ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
    .
    โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
    .
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
    .
    จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
    .
    ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
    .
    ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
    .
    แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
    .
    ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
    .
    ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
    .
    จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
    .
    ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
    .
    ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?!
    .
    นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท
    .
    คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง
    ..............
    Sondhi X
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา . แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง . ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท . หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง . นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน . ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ . นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ . ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม . ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง . ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา . ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566 . ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง . โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ . หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 . จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม . ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด . ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที . แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง . ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง . ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น . จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน . ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา . ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว . เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?! . นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท . คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 840 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งเตือน
    ประชาชนและผู้ลงทุน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลวง
    แอบอ้างเป็นผู้ประกอบธุรกิจชักชวนให้ลงทุน
    สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูง พร้อมแนะนำ
    3 ข้อสังเกตระมัดระวังก่อนการลงทุน

    ก.ล.ต. จึงแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง
    ในการรับข้อมูลชักชวนให้ลงทุน โดยฉพาะผ่านช่อง
    ทางโซเชียลมีเดีย อย่าหลงเชื่อเมื่อพบความผิดปกติ
    และควรตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ
    โดยมีจุดสังเกต 3 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจลงทุน ดังนี้

    🚩(1) หากถูกทักส่วนตัวและชักชวนลงทุนในช่องทาง
    โซเชียลมีเดีย เช่น ส่งข้อความในไลน์ส่วนตัว หรือกล่อง
    ข้อความส่วนตัว ในเฟซบุ๊ก (Messenger) ให้สงสัยไว้ก่อนว่า
    อาจเป็นมิจฉาชีพ เพราะผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต
    ส่วนใหญ่ มักไม่ชักชวนลงทุนในลักษณะส่วนตัวผ่าน
    โซเชียลมีเดีย

    🚩(2) หากถูกชักชวนโดยอ้างชื่อ/ภาพของบุคคลใดก็ตาม
    ในข้อความโฆษณา ให้สงสัยไว้ก่อนและสอบถามด้วยตัวเอง
    กับบริษัทที่ถูกอ้างชื่อว่า มีบุคคลนั้นเป็นบุคคลากรทำหน้าที่
    ผู้แนะนำการลงทุนอยู่ในบริษัทจริงหรือไม่ เพราะมิจฉาชีพ
    มักจะแอบอ้างเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือหรือมีชื่อเสียง
    รวมทั้งต้องตรวจเช็กด้วยว่าบริษัทนั้น ๆ เป็นผู้ประกอบธุรกิจ
    ที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และ

    🚩(3) ก่อนโอนเงินชำระค่าเปิดบัญชีซื้อขายหรือค่าซื้อต้องตรวจดู
    ชื่อบัญชีธนาคารปลายทางก่อนโอนทุกครั้งว่า เป็นชื่อบัญชี
    ของบริษัทที่ประสงค์จะลงทุนจริงหรือไม่

    ที่มา : กลต.

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งเตือน ประชาชนและผู้ลงทุน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลวง แอบอ้างเป็นผู้ประกอบธุรกิจชักชวนให้ลงทุน สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูง พร้อมแนะนำ 3 ข้อสังเกตระมัดระวังก่อนการลงทุน ก.ล.ต. จึงแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง ในการรับข้อมูลชักชวนให้ลงทุน โดยฉพาะผ่านช่อง ทางโซเชียลมีเดีย อย่าหลงเชื่อเมื่อพบความผิดปกติ และควรตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยมีจุดสังเกต 3 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจลงทุน ดังนี้ 🚩(1) หากถูกทักส่วนตัวและชักชวนลงทุนในช่องทาง โซเชียลมีเดีย เช่น ส่งข้อความในไลน์ส่วนตัว หรือกล่อง ข้อความส่วนตัว ในเฟซบุ๊ก (Messenger) ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นมิจฉาชีพ เพราะผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่ มักไม่ชักชวนลงทุนในลักษณะส่วนตัวผ่าน โซเชียลมีเดีย 🚩(2) หากถูกชักชวนโดยอ้างชื่อ/ภาพของบุคคลใดก็ตาม ในข้อความโฆษณา ให้สงสัยไว้ก่อนและสอบถามด้วยตัวเอง กับบริษัทที่ถูกอ้างชื่อว่า มีบุคคลนั้นเป็นบุคคลากรทำหน้าที่ ผู้แนะนำการลงทุนอยู่ในบริษัทจริงหรือไม่ เพราะมิจฉาชีพ มักจะแอบอ้างเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือหรือมีชื่อเสียง รวมทั้งต้องตรวจเช็กด้วยว่าบริษัทนั้น ๆ เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และ 🚩(3) ก่อนโอนเงินชำระค่าเปิดบัญชีซื้อขายหรือค่าซื้อต้องตรวจดู ชื่อบัญชีธนาคารปลายทางก่อนโอนทุกครั้งว่า เป็นชื่อบัญชี ของบริษัทที่ประสงค์จะลงทุนจริงหรือไม่ ที่มา : กลต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลคึกครื้น แกนนำมากันเพียบ “นายกฯอิ๊งค์” บอกไม่มีธีมพิเศษ พร้อมรอรับด้วยตัวเองชื่นมื่น จัดเต็มเมนูเป๋าฮื้อ คาเวียร์​ หอยเชลล์ฮอกไกโด​

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101522

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    วงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลคึกครื้น แกนนำมากันเพียบ “นายกฯอิ๊งค์” บอกไม่มีธีมพิเศษ พร้อมรอรับด้วยตัวเองชื่นมื่น จัดเต็มเมนูเป๋าฮื้อ คาเวียร์​ หอยเชลล์ฮอกไกโด​ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101522 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1583 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตื่น ตื่นตามกระแสไม่ได้นะ กระต่ายตื่นตูม..ตื่นขึ้นทำดีทำด้วยตัวเอง ตื่นมาสวดมนต์ ตื่นมาภาวนา ตื่นขึ้นมาให้พบเห็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า..
    ตื่น ตื่นตามกระแสไม่ได้นะ กระต่ายตื่นตูม..ตื่นขึ้นทำดีทำด้วยตัวเอง ตื่นมาสวดมนต์ ตื่นมาภาวนา ตื่นขึ้นมาให้พบเห็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วย ผบ.ตร.เรียกประชุมเตรียมขอหมายจับผู้ต้องหา “ดิไอคอน” ชุด 2 ในวันนี้ ด้าน “บิ๊กเต่า” เผยสอบ “บอสพอล” ด้วยตัวเองยืนยันคลิปเสียงเทวดา-นาย ส.เสียงจริง มีไฟล์ที่กำลังดึงมาเป็นหลักฐานมัดเพิ่ม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100936

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ช่วย ผบ.ตร.เรียกประชุมเตรียมขอหมายจับผู้ต้องหา “ดิไอคอน” ชุด 2 ในวันนี้ ด้าน “บิ๊กเต่า” เผยสอบ “บอสพอล” ด้วยตัวเองยืนยันคลิปเสียงเทวดา-นาย ส.เสียงจริง มีไฟล์ที่กำลังดึงมาเป็นหลักฐานมัดเพิ่ม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100936 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    Sad
    23
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1874 มุมมอง 0 รีวิว
  • เข้มแข็งอยู่ในโลกนี้ต่อไปให้ได้แค่นั้น ทุกๆประสบการณ์ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฟังเขามาก็แค่สัญญา สภาวะจริงๆจำไม่ลืม
    เข้มแข็งอยู่ในโลกนี้ต่อไปให้ได้แค่นั้น ทุกๆประสบการณ์ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฟังเขามาก็แค่สัญญา สภาวะจริงๆจำไม่ลืม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์
    เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา

    กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

    ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่

    หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ

    สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย

    อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)

    ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”

    ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง

    สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E
    ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke

    #Thaitimes
    บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์ เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่ หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู” ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ

    ตอนแรก
    👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe

    ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด

    เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ

    ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด

    ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน

    ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก

    ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่

    ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ

    และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย

    ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค

    ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว

    โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั

    พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ

    ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ

    เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ
    ----------

    ปัจจุบัน..

    เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ

    แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม

    BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม

    ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น

    และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ

    ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น

    นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น

    ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ )

    คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ

    เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย

    วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ

    เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด

    มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท

    ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน
    👉 https://www.instagram.com/themikebhip/

    คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ ตอนแรก 👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่ ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ ---------- ปัจจุบัน.. เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ ) คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน 👉 https://www.instagram.com/themikebhip/ คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=UruCLtO92OQ
    นิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #listeningtest #listening #englishtest

    Part one ตอน 1

    Once upon a time there were three little pigs, who left their mummy and daddy. All summer long, they roamed through the woods and over the plains, playing games and having fun. None were happier than the three little pigs, and they easily made friends with everyone. Wherever they went, they were given a warm welcome, but as summer drew to a close, they realized that folk were going back to their usual jobs, and preparing for winter. Autumn came and it began to rain. The three little pigs started to feel they needed a real home. Sadly they knew that the fun was over now and they must work like the others, or they'd be left in the cold and rain, for they had no home to stay. They talked about what to do. Each had to decide himself to build his home. The laziest little pig said he'd build a straw hut because it was very easy.

    กาลครั้งหนึ่งมีหมูน้อยสามตัวซึ่งได้เดินทางจากพ่อแม่ของพวกเขา ตลอดทั้งฤดูร้อนพวกเขาได้ท่องเที่ยวไปยังป่าและบนทุ่งกว้างหลายต่อหลายแห่งมีการเล่นเกมส์กันสนุกสนานทีเดียว ไม่มีผู้ใดที่มีความสุขไปกว่าหมูน้อยสามตัวนี้และพวกเขาผูกมิตรกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป พวกเขาได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น แต่พอเมื่อฤดูร้อนได้ใกล้จะสิ้นสุดลง พวกเขาเข้าใจดีว่า ฝูงชนต่างก็กำลังกลับไปทำงานตามปกติของพวกเขา และเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงและฝนก็เริ่มตก หมูน้อยเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องการบ้านที่แท้จริงสักหลัง พวกเขารู้อย่างเศร้าๆ ว่าความสนุกสนานได้หมดลงเดี๋ยวนี้แล้ว และพวกเขาต้องไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ต้องถูกทิ้งอยู่ในที่หนาวเย็นและฝนตกเพราะพวกเขาไม่มีบ้านที่จะอยู่ พวกเขาจึงได้คุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ แต่ละตัวต้องตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะสร้างบ้านของเขา หมูตัวน้อยที่ขี้เกียจที่สุดพูดว่าเขาอยากสร้างกระท่อมฟางสักหลังเพราะมันง่ายมาก

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)
    little (ลิท'เทิล) คำคุณศัพท์ แปลว่า เล็ก,น้อย
    left (เลฟทฺ) คำกริยาช่องที่ 2 ของ leave (ลีฟว) {leave, left, left, leaving, leaves} แปลว่า จากไป
    mummy (มัม'มี) คำนาม แปลว่า คุณแม่
    daddy (แดด'ดี) คำนาม แปลว่า คุณพ่อ
    summer (ซัม'เมอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูร้อน
    roamed คำกริยาช่องที่ 2 ของ roam (โรม) {roam, roamed, roamed} แปลว่า ท่องเที่ยว
    woods (วูดซ) คำนาม แปลว่า ป่าไม้
    plains คำนามพหูพจน์ของ plain (เพลน) แปลว่า ทุ่งกว้าง
    games คำนามพหูพจน์ของ game (เกม) แปลว่า เกม
    fun (ฟัน) คำนามแปลว่า ความสนุกสนาน
    happier ขั้นกว่าของ happy (แฮพ'พี) คำคุณศัพท์ แปลว่า มีความสุข
    easily (อี'ซีลี) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า อย่างง่ายดาย
    friends (เฟรนดฺ) คำนาม แปลว่า เพื่อน
    wherever (แวร์เอฟ'เวอะ) คำกริยาวิเศษณ์แปลว่า ที่ไหนก็ตาม
    given (กิฟ'เวิน) คำกริยาช่องที่ 3 ของ give (กิฟว) {give, gave, given, giving, gives} แปลว่า ให้
    warm (วอร์ม) คำคุณศัพท์ แปลว่า อบอุ่น
    welcome (เวล'คัม) คำนาม แปลว่า การต้อนรับ
    drew (ดรู) คำกริยาช่องที่ 2 ของ draw (ดรอ) {draw, drew, drawn, drawing, draws} แปลว่า ใกล้เข้ามา
    close (โคลส) คำนาม แปลว่า สิ้นสุด
    realized คำกริยาช่องที่ 2 ของ realize (รี'อะไลซ) {realize, realized, realized}แปลว่า เข้าใจ
    folk (โฟล์ค) คำนาม แปลว่า ฝูงชน
    usual (ยู'ชวล) คำคุณศัพท์ แปลว่า ตามปกติ
    jobs คำนามพหูพจน์ของ job (จอบ) แปลว่า งาน
    preparing คำเติม ing ของ prepare (พรีแพร์') แปลว่า เตรียมตัว
    winter (วิน'เทอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูหนาว
    autumn (ออ'ทัมน์) คำนาม แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง
    began (บิแกน') คำกริยาช่องที่ 2 ของ begin (บิกิน') {begin, began, begun, beginning, begins} แปลว่า เริ่ม
    rain (เรน) คำกริยา แปลว่า ฝนตก
    started คำกริยาช่องที่ 2 ของ start (สทาร์ท) {start, started, started}แปลว่า เริ่ม, เริ่มต้น
    feel (ฟีล) คำกริยา แปลว่า รู้สึก
    needed คำกริยาช่องที่ 2 ของ need (นีด) {need, needed, needed, needing, needs} แปลว่า จำเป็น
    real (เรียล) คำคุณศัพท์ แปลว่า แท้,จริง
    home (โฮม) คำนาม แปลว่า บ้าน
    knew (นิว) คำกริยาช่องที่ 2 ของ know (โน) {know, knew, known, knowing, knows} แปลว่า รู้
    over (โอ'เวอะ) คำคุณศัพท์ แปลว่า จบสิ้นลง
    now (เนา) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้
    work (เวิร์ค) คำกริยา แปลว่า ทำงาน
    like (ไลคฺ) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เหมือนกับ
    cold โคลดฺ) คำนาม แปลว่าหนาว
    decide (ดิไซดฺ') คำกริยา แปลว่า ตัดสินใจ
    build (บิลดฺ) คำกริยา แปลว่า สร้าง
    laziest ขั้นสุดของ lazy (เล'ซิ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ขี้เกียจ
    straw (สทรอ) คำนาม แปลว่า ฟาง
    hut (ฮัท) คำนาม แปลว่า กระท่อม
    https://www.youtube.com/watch?v=UruCLtO92OQ นิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1 (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1 มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #listeningtest #listening #englishtest Part one ตอน 1 Once upon a time there were three little pigs, who left their mummy and daddy. All summer long, they roamed through the woods and over the plains, playing games and having fun. None were happier than the three little pigs, and they easily made friends with everyone. Wherever they went, they were given a warm welcome, but as summer drew to a close, they realized that folk were going back to their usual jobs, and preparing for winter. Autumn came and it began to rain. The three little pigs started to feel they needed a real home. Sadly they knew that the fun was over now and they must work like the others, or they'd be left in the cold and rain, for they had no home to stay. They talked about what to do. Each had to decide himself to build his home. The laziest little pig said he'd build a straw hut because it was very easy. กาลครั้งหนึ่งมีหมูน้อยสามตัวซึ่งได้เดินทางจากพ่อแม่ของพวกเขา ตลอดทั้งฤดูร้อนพวกเขาได้ท่องเที่ยวไปยังป่าและบนทุ่งกว้างหลายต่อหลายแห่งมีการเล่นเกมส์กันสนุกสนานทีเดียว ไม่มีผู้ใดที่มีความสุขไปกว่าหมูน้อยสามตัวนี้และพวกเขาผูกมิตรกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป พวกเขาได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น แต่พอเมื่อฤดูร้อนได้ใกล้จะสิ้นสุดลง พวกเขาเข้าใจดีว่า ฝูงชนต่างก็กำลังกลับไปทำงานตามปกติของพวกเขา และเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงและฝนก็เริ่มตก หมูน้อยเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องการบ้านที่แท้จริงสักหลัง พวกเขารู้อย่างเศร้าๆ ว่าความสนุกสนานได้หมดลงเดี๋ยวนี้แล้ว และพวกเขาต้องไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ต้องถูกทิ้งอยู่ในที่หนาวเย็นและฝนตกเพราะพวกเขาไม่มีบ้านที่จะอยู่ พวกเขาจึงได้คุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ แต่ละตัวต้องตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะสร้างบ้านของเขา หมูตัวน้อยที่ขี้เกียจที่สุดพูดว่าเขาอยากสร้างกระท่อมฟางสักหลังเพราะมันง่ายมาก Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) little (ลิท'เทิล) คำคุณศัพท์ แปลว่า เล็ก,น้อย left (เลฟทฺ) คำกริยาช่องที่ 2 ของ leave (ลีฟว) {leave, left, left, leaving, leaves} แปลว่า จากไป mummy (มัม'มี) คำนาม แปลว่า คุณแม่ daddy (แดด'ดี) คำนาม แปลว่า คุณพ่อ summer (ซัม'เมอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูร้อน roamed คำกริยาช่องที่ 2 ของ roam (โรม) {roam, roamed, roamed} แปลว่า ท่องเที่ยว woods (วูดซ) คำนาม แปลว่า ป่าไม้ plains คำนามพหูพจน์ของ plain (เพลน) แปลว่า ทุ่งกว้าง games คำนามพหูพจน์ของ game (เกม) แปลว่า เกม fun (ฟัน) คำนามแปลว่า ความสนุกสนาน happier ขั้นกว่าของ happy (แฮพ'พี) คำคุณศัพท์ แปลว่า มีความสุข easily (อี'ซีลี) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า อย่างง่ายดาย friends (เฟรนดฺ) คำนาม แปลว่า เพื่อน wherever (แวร์เอฟ'เวอะ) คำกริยาวิเศษณ์แปลว่า ที่ไหนก็ตาม given (กิฟ'เวิน) คำกริยาช่องที่ 3 ของ give (กิฟว) {give, gave, given, giving, gives} แปลว่า ให้ warm (วอร์ม) คำคุณศัพท์ แปลว่า อบอุ่น welcome (เวล'คัม) คำนาม แปลว่า การต้อนรับ drew (ดรู) คำกริยาช่องที่ 2 ของ draw (ดรอ) {draw, drew, drawn, drawing, draws} แปลว่า ใกล้เข้ามา close (โคลส) คำนาม แปลว่า สิ้นสุด realized คำกริยาช่องที่ 2 ของ realize (รี'อะไลซ) {realize, realized, realized}แปลว่า เข้าใจ folk (โฟล์ค) คำนาม แปลว่า ฝูงชน usual (ยู'ชวล) คำคุณศัพท์ แปลว่า ตามปกติ jobs คำนามพหูพจน์ของ job (จอบ) แปลว่า งาน preparing คำเติม ing ของ prepare (พรีแพร์') แปลว่า เตรียมตัว winter (วิน'เทอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูหนาว autumn (ออ'ทัมน์) คำนาม แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง began (บิแกน') คำกริยาช่องที่ 2 ของ begin (บิกิน') {begin, began, begun, beginning, begins} แปลว่า เริ่ม rain (เรน) คำกริยา แปลว่า ฝนตก started คำกริยาช่องที่ 2 ของ start (สทาร์ท) {start, started, started}แปลว่า เริ่ม, เริ่มต้น feel (ฟีล) คำกริยา แปลว่า รู้สึก needed คำกริยาช่องที่ 2 ของ need (นีด) {need, needed, needed, needing, needs} แปลว่า จำเป็น real (เรียล) คำคุณศัพท์ แปลว่า แท้,จริง home (โฮม) คำนาม แปลว่า บ้าน knew (นิว) คำกริยาช่องที่ 2 ของ know (โน) {know, knew, known, knowing, knows} แปลว่า รู้ over (โอ'เวอะ) คำคุณศัพท์ แปลว่า จบสิ้นลง now (เนา) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ work (เวิร์ค) คำกริยา แปลว่า ทำงาน like (ไลคฺ) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เหมือนกับ cold โคลดฺ) คำนาม แปลว่าหนาว decide (ดิไซดฺ') คำกริยา แปลว่า ตัดสินใจ build (บิลดฺ) คำกริยา แปลว่า สร้าง laziest ขั้นสุดของ lazy (เล'ซิ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ขี้เกียจ straw (สทรอ) คำนาม แปลว่า ฟาง hut (ฮัท) คำนาม แปลว่า กระท่อม
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า

    “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล

    หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท

    คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ

    ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร"

    สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี

    2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน)

    ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น

    ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก

    ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ

    นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้

    สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก"

    สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า

    - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5%
    - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด

    ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น

    และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น

    ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด

    ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก"

    นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ

    ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร

    รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่"

    ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น"

    ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565)

    โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว

    ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร

    อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์"

    เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

    ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น

    ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก

    นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย

    ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท)

    ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท

    จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว

    แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ

    สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์

    ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง

    นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้

    หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565)

    พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง"

    อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย

    วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย"

    หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน

    เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571

    และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้

    เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ

    คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ

    ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่?

    นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท

    ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย

    ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ

    อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท"

    แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน"

    การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป

    และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

    จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท

    คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า

    "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์"

    เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย

    ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น

    คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้

    - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต

    - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5%

    แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ

    และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง

    ------------------------

    นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป"

    เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว

    เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้

    กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป

    พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก

    สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง

    แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง

    สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก

    เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย

    ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้”
    ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร" สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี 2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้ สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก" สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5% - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก" นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่" ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น" ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565) โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท) ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์ ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้ หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565) พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง" อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย" หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571 และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้ เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่? นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท" แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน" การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์" เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้ - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5% แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง ------------------------ นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป" เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้ กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้” ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    วันนี้พี่คิงส์จะวิเคราะห์อาการของโจมณฑนี
    ภาพนี้โจถ่ายไว้นานแล้ว นั่นหมายความว่าปัจจุบันสภาพจะยิ่งกว่า
    ที่แฟนเพจเห็นในภาพนะครับ
    จากปัจจัยเหล่านี้
    1. ครอบครัวในวัยเด็กไม่ค่อยอบอุ่น และมีความชิงชังชายฝังลึก เพราะโตมาแบบไม่มีพ่อ เป็นปมในใจ มีความอิจทุกครั้งที่เห็นเด็กคนอื่นมีพ่อ
    2. ทำตัวสร้างปัญหา ด้วยการไม่ตั้งใจเล่าเรียนให้จบแม้กระทั่งม.ปลาย
    3. เนระคุณพ่อเลี้ยง นอกจากเสียเงินส่งคววายเรียน ไม่จบม.ปลาย ก็ยังอุตส่าห์กัดฟัน พาไปเรียนพาณิชย์ แต่ก็ไม่เอาอ่าว
    4. นางมีแฟนนะ แต่นางปิดเพื่อนๆทุกคน จนวันที่ผัวเท เพื่อนๆก็ยังไม่เคยเห็นหน้าว่าผลัววนางคือคนไหน
    5. เห็นหน้าเหี่ยวๆแบบนี้ กามใหญ่ๆแบบนี้ สมัยสาวๆก็ถือว่า พอใช้ได้ พูดเก่งแต่ไม่รู้จริงซักเรื่อง สมัยมีคนพลาดพาบินไปถ่ายรายการตปท. ปรากฏ ทุกคนรู้สึกนางแปลกๆ อยู่ดีๆก็หัวเราะ เหมือนมีอาการหลุดตั้งแต่สมัยนางสาวๆ เพื่อนในวงการจึงแทบไม่มีใครคบ ทุกวันนี้ถึงหาพวกกากๆมาเป็นเพื่อน
    6. นางเฉบติดดราม่า นางป๋วยจิต และอาการเหล่านี้ ทางการผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ที่พี่คิงส์ไปสอบถามข้อมูล เค้ายืนยันว่าไม่มีทางที่จะดีขึ้น มีแค่ใช้Yaในการบรรเทา และยิ่งเอาตัวเองไปหมกมุ่นกับเรื่องดราม่าบ่อยๆ ถี่ๆ มันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยภายนอก อาจสังเกตุไม่ชัด แต่ถ้าสังเกตุหลังการพูดคุย จะเห็นชัดเจนว่า เริ่มมีการพูดในลักษณะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น การเคารพ การรัก การเทิดทูนคนใดแบบที่เหนือกว่าความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา การจินตนาการว่า คนอายุสามสิบกว่า ผ่านชีวิตแบบโชกโชน ลำยอง ซกมก คือเทพีที่งดงามราวเทพธิดาจุติ คนอาการนี้ คิดได้ แต่ที่หนักกว่าคือคนธรรมดาที่ฟังแล้วเชื่อ ต้องรีบไปเช็คละเอียดด่วนว่า ท่านได้รับการบ่มเพาะทางจิตให้กลายเป็นแบบเดียวกับที่โจเป็นหรือไม่ สังเกตุว่า ใน 24 ชม. คุณนึกถึงกามิน นึกถึงโจ กี่เปอร์เซ็น คุณนึกถึงครอบครัวที่แท้จริง งานของคุณ และชีวิตส่วนตัวของคุณ กี่เปอร์เซ็น ถ้าคุณพบว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่เวลาไหนของกิจวัตร คุณก็รู้สึกว่า เรื่องกามิน เป็นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นของความใส่ใจทั้งหมด พี่คิงส์แนะเลยนะครับ ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตด่วน ก่อนที่จะถลำเกินแก้ เพราะช่วงแรกๆ ยังแก้ได้นะครับ เหมือนเป็นลักษณะโรรคจิตแบบเสมือน แต่อย่างโจมณฑนี มันมาจากสมองแล้วส่งผลไปถึงภาวะจิต แต่ถ้าคุณเฉบติดดราม่าแบบที่โจกล่อมทุกวัน ตลอด มันจะเกิดเคมีในสมองที่จะทำให้คนจม ดิ่ง และมูฟออนไม่ได้ตลอดไป อันนี้พี่คิงส์ห่วงจริงนะครับ
    7. จากโหงวเฮ้งของโจ คิ้วที่ห่าง บ่งบอกถึงสติ ปัญญา จึงไม่แปลก ที่ไม่ว่าโจมณฑนี จะพยายามทำธุรกิจอะไร ก็ไม่พบว่าประสบความสำเร็จ เรื่องนี้โจเป็นคนพูดด้วยตัวเอง เพราะโจขาดความรู้ในระบบ ไม่ได้จบการเงิน ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ ไม่ได้จบ บัญชี แต่อาศัยการจำจากคนอื่นมาพูด ซึ่งอาจจะตบตาคนที่ไอคิว ค่อนข้างเตี้ยๆได้ แต่ถ้าคนที่มีความรู้จริงๆ จะจับได้ว่า โจ กับข้อมูลที่เอามาพูด ไม่ว่าเรื่องการเงิน หรือเรื่องวิชาการใดๆ ไม่ได้มีความลึกซึ้ง และขาดการปะติดปะต่อกับหลักการพื้นฐานในเรื่องนั้นๆ
    8. โจ ปัจจุบัน อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่สังเกตุมั๊ย เรื่องของ ตต. จริงๆ เป็นเรื่องของวัยรุ่น ของรุ่นน้องๆเค้ามาสนุกกัน กามิน ชาลี วัยยังพอได้ ที่เราได้ดูสองคนในโลกตต แต่คนที่มีอายุส่วนใหญ่ เค้าก็เป็นคนดู ความน่ารักอะไรก็ว่าไป แต่โจ กระโดดเข้าไปเต็มตัว แบบคลั่ง ถ้าแฟนคลับฝั่งกามินตัดอคติกับพี่คิงส์ไปนะ แล้วลองนึกให้ดีว่า คนวัยอย่างโจ มาเวิ่นอะไรในโลกตต. แล้วโจ ไม่มีครอบครัวเหรอ ไม่มีสถาบันครอบครัวเหมือนแฟนคลับของเค้าเหรอ ไม่มีภาระหน้าที่่ที่ต้องไปทำเหรอ แต่กลับหมกมุ่น อยู่กับการท้าทายเพจคิงส์ และพอโดนจัดการ ก็ไปทำเป็นหมาเศร้าเล่าไปเรื่อยเฉบติดดราม่าให้ฉ่ำในเพจตัวเอง แล้วรุ่นน้องๆก็ไม่รู้ประสา เอาข้อความจากคนอย่างโจ ไปทำภาพอินโฟไปโพสในตต.อีก น้องๆรู้มั๊ย อิโจ มันป๋วยจิตขั้นแรงนะ
    ถึงโจนะ
    หน้าของโจ มันบอกถึงสภาวะจิตและสมอง ตอนนี้ มันไม่ดีแล้วนะโจ มันเบี้ยว ไม่สมดุลไปทั้งหน้าแล้ว ตาก็เริ่มไม่เท่ากัน ถ้าโจไม่ถอย กลับมาโลกแห่งความเป็นจริง โจจะพูดกับใครไม่รู้เรื่องในเวลาอันใกล้นี้
    ทุกอย่าง มันจะพังเพราะโจจริงๆ
    ถ้าโจไม่ท้าทายเพจคิงส์ฯ ป่านนี้ คนไทยหรือทุยไทยก็ยังไม่รู้หรอก
    ว่าโจ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ โจก็ยังต้มทุยได้อีกเยอะ
    โรงเรียนทิพย์ หลักสูตรมโน ก็ยังต้มทุยได้อีกมาก
    แต่เมื่อโจท้าทายเพจคิงส์ฯ โจถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้
    อย่าโทษใคร โจ ต้องโทษตัวโจเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง วันนี้พี่คิงส์จะวิเคราะห์อาการของโจมณฑนี ภาพนี้โจถ่ายไว้นานแล้ว นั่นหมายความว่าปัจจุบันสภาพจะยิ่งกว่า ที่แฟนเพจเห็นในภาพนะครับ จากปัจจัยเหล่านี้ 1. ครอบครัวในวัยเด็กไม่ค่อยอบอุ่น และมีความชิงชังชายฝังลึก เพราะโตมาแบบไม่มีพ่อ เป็นปมในใจ มีความอิจทุกครั้งที่เห็นเด็กคนอื่นมีพ่อ 2. ทำตัวสร้างปัญหา ด้วยการไม่ตั้งใจเล่าเรียนให้จบแม้กระทั่งม.ปลาย 3. เนระคุณพ่อเลี้ยง นอกจากเสียเงินส่งคววายเรียน ไม่จบม.ปลาย ก็ยังอุตส่าห์กัดฟัน พาไปเรียนพาณิชย์ แต่ก็ไม่เอาอ่าว 4. นางมีแฟนนะ แต่นางปิดเพื่อนๆทุกคน จนวันที่ผัวเท เพื่อนๆก็ยังไม่เคยเห็นหน้าว่าผลัววนางคือคนไหน 5. เห็นหน้าเหี่ยวๆแบบนี้ กามใหญ่ๆแบบนี้ สมัยสาวๆก็ถือว่า พอใช้ได้ พูดเก่งแต่ไม่รู้จริงซักเรื่อง สมัยมีคนพลาดพาบินไปถ่ายรายการตปท. ปรากฏ ทุกคนรู้สึกนางแปลกๆ อยู่ดีๆก็หัวเราะ เหมือนมีอาการหลุดตั้งแต่สมัยนางสาวๆ เพื่อนในวงการจึงแทบไม่มีใครคบ ทุกวันนี้ถึงหาพวกกากๆมาเป็นเพื่อน 6. นางเฉบติดดราม่า นางป๋วยจิต และอาการเหล่านี้ ทางการผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ที่พี่คิงส์ไปสอบถามข้อมูล เค้ายืนยันว่าไม่มีทางที่จะดีขึ้น มีแค่ใช้Yaในการบรรเทา และยิ่งเอาตัวเองไปหมกมุ่นกับเรื่องดราม่าบ่อยๆ ถี่ๆ มันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยภายนอก อาจสังเกตุไม่ชัด แต่ถ้าสังเกตุหลังการพูดคุย จะเห็นชัดเจนว่า เริ่มมีการพูดในลักษณะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น การเคารพ การรัก การเทิดทูนคนใดแบบที่เหนือกว่าความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา การจินตนาการว่า คนอายุสามสิบกว่า ผ่านชีวิตแบบโชกโชน ลำยอง ซกมก คือเทพีที่งดงามราวเทพธิดาจุติ คนอาการนี้ คิดได้ แต่ที่หนักกว่าคือคนธรรมดาที่ฟังแล้วเชื่อ ต้องรีบไปเช็คละเอียดด่วนว่า ท่านได้รับการบ่มเพาะทางจิตให้กลายเป็นแบบเดียวกับที่โจเป็นหรือไม่ สังเกตุว่า ใน 24 ชม. คุณนึกถึงกามิน นึกถึงโจ กี่เปอร์เซ็น คุณนึกถึงครอบครัวที่แท้จริง งานของคุณ และชีวิตส่วนตัวของคุณ กี่เปอร์เซ็น ถ้าคุณพบว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่เวลาไหนของกิจวัตร คุณก็รู้สึกว่า เรื่องกามิน เป็นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นของความใส่ใจทั้งหมด พี่คิงส์แนะเลยนะครับ ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตด่วน ก่อนที่จะถลำเกินแก้ เพราะช่วงแรกๆ ยังแก้ได้นะครับ เหมือนเป็นลักษณะโรรคจิตแบบเสมือน แต่อย่างโจมณฑนี มันมาจากสมองแล้วส่งผลไปถึงภาวะจิต แต่ถ้าคุณเฉบติดดราม่าแบบที่โจกล่อมทุกวัน ตลอด มันจะเกิดเคมีในสมองที่จะทำให้คนจม ดิ่ง และมูฟออนไม่ได้ตลอดไป อันนี้พี่คิงส์ห่วงจริงนะครับ 7. จากโหงวเฮ้งของโจ คิ้วที่ห่าง บ่งบอกถึงสติ ปัญญา จึงไม่แปลก ที่ไม่ว่าโจมณฑนี จะพยายามทำธุรกิจอะไร ก็ไม่พบว่าประสบความสำเร็จ เรื่องนี้โจเป็นคนพูดด้วยตัวเอง เพราะโจขาดความรู้ในระบบ ไม่ได้จบการเงิน ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ ไม่ได้จบ บัญชี แต่อาศัยการจำจากคนอื่นมาพูด ซึ่งอาจจะตบตาคนที่ไอคิว ค่อนข้างเตี้ยๆได้ แต่ถ้าคนที่มีความรู้จริงๆ จะจับได้ว่า โจ กับข้อมูลที่เอามาพูด ไม่ว่าเรื่องการเงิน หรือเรื่องวิชาการใดๆ ไม่ได้มีความลึกซึ้ง และขาดการปะติดปะต่อกับหลักการพื้นฐานในเรื่องนั้นๆ 8. โจ ปัจจุบัน อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่สังเกตุมั๊ย เรื่องของ ตต. จริงๆ เป็นเรื่องของวัยรุ่น ของรุ่นน้องๆเค้ามาสนุกกัน กามิน ชาลี วัยยังพอได้ ที่เราได้ดูสองคนในโลกตต แต่คนที่มีอายุส่วนใหญ่ เค้าก็เป็นคนดู ความน่ารักอะไรก็ว่าไป แต่โจ กระโดดเข้าไปเต็มตัว แบบคลั่ง ถ้าแฟนคลับฝั่งกามินตัดอคติกับพี่คิงส์ไปนะ แล้วลองนึกให้ดีว่า คนวัยอย่างโจ มาเวิ่นอะไรในโลกตต. แล้วโจ ไม่มีครอบครัวเหรอ ไม่มีสถาบันครอบครัวเหมือนแฟนคลับของเค้าเหรอ ไม่มีภาระหน้าที่่ที่ต้องไปทำเหรอ แต่กลับหมกมุ่น อยู่กับการท้าทายเพจคิงส์ และพอโดนจัดการ ก็ไปทำเป็นหมาเศร้าเล่าไปเรื่อยเฉบติดดราม่าให้ฉ่ำในเพจตัวเอง แล้วรุ่นน้องๆก็ไม่รู้ประสา เอาข้อความจากคนอย่างโจ ไปทำภาพอินโฟไปโพสในตต.อีก น้องๆรู้มั๊ย อิโจ มันป๋วยจิตขั้นแรงนะ ถึงโจนะ หน้าของโจ มันบอกถึงสภาวะจิตและสมอง ตอนนี้ มันไม่ดีแล้วนะโจ มันเบี้ยว ไม่สมดุลไปทั้งหน้าแล้ว ตาก็เริ่มไม่เท่ากัน ถ้าโจไม่ถอย กลับมาโลกแห่งความเป็นจริง โจจะพูดกับใครไม่รู้เรื่องในเวลาอันใกล้นี้ ทุกอย่าง มันจะพังเพราะโจจริงๆ ถ้าโจไม่ท้าทายเพจคิงส์ฯ ป่านนี้ คนไทยหรือทุยไทยก็ยังไม่รู้หรอก ว่าโจ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ โจก็ยังต้มทุยได้อีกเยอะ โรงเรียนทิพย์ หลักสูตรมโน ก็ยังต้มทุยได้อีกมาก แต่เมื่อโจท้าทายเพจคิงส์ฯ โจถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ อย่าโทษใคร โจ ต้องโทษตัวโจเอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 718 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทาหรณ์..จากแม่ชีศันสนีย์ "เสถียรธรรมสถาน" ถูกมะเร็งคร่าชีวิตไป..
    (-)บทความนี้ไขข้อข้องใจได้ดีแท้
    (-)มีญาติธรรม ชาวอโศก เสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งตับ" หลายราย ...
    (-)เกิดคำถามว่า...ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ...
    (-)มะเร็ง นั้น ใครๆเขาว่า…เกิดแต่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ มิใช่หรือ ...คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก มิใช่หรือ ?

    (-)ก่อนอื่น..เราต้องทำความเข้าใจ…"การเกิดของเซลล์มะเร็ง" ก่อน ...
    (-)สิ่งสำคัญ "ที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมาก และขาดไม่ได้เลย คือ ออกซิเจน"
    (-)ถ้าร่างกาย "ได้รับออกซิเจน" เต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ...

    (-)(-)แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำให้ ร่างกาย เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์ " มาก และ มีออกซิเจนในเลือดต่ำ
    (-)เซลล์ในร่างกายของเรา เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ...
    (-)(-)เซลล์ จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจแทน และ เปลี่ยนตัวเอง เป็นเซลล์มะเร็ง...

    (-)แล้วอะไร ทำให้เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ???
    (-)มันไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์อย่างเดียว ...
    ไม่ใช่อาหารพืชผัก...
    ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างเดียว ...
    ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ...

    (-)แต่สิ่งที่ทำให้ "คาร์บอนไดออกไซด์ " ในเลือดสูงเร็ว และมากที่สุดคือ
    (-)ความเครียด ความเร่งรีบ กับการใช้ชีวิต
    (-)อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ที่เกิดบ่อยๆ
    (-)นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ

    (-)เพราะอะไร ?
    (-)เพราะมันเป็นตัวกระตุ้น
    (-)ให้ร่างกาย เกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน อย่างสูงและ อย่างมาก ...
    (-)ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว
    (-)โดยเฉพาะสมองเรานั้น กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ
    (-)คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผัก ที่ไร้สารพิษ จะบริสุทธิ์สะอาด สักปานใด
    (-)(-)หากเราเครียด ติดต่อกัน 5 วัน เซลของเรา ก็จะกลายเป็น เซลมะเร็งได้ทันที

    (-)คนอโศก กินผัก และปฏิบัติธรรม ...
    (-)คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก แต่ เคร่งเครียดมาก
    (-)ไม่เป็นคนที่ปล่อยวาง …ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ...

    (-)ขอย้ำอีกครั้งว่า
    (-) คนที่เคร่งเครียดมาก มีความวิตกกังวลมาก ...
    (-)มักจะดื่มน้ำน้อย และ มักขาดการออกกำลังกาย
    (-)จึงส่งผลให้ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ... ทำให้เซลที่ดี กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นเสมอ

    (-)แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง ควรเลิกกินเนื้อ มากินผัก ...
    (-)ทั้งนี้ ก็เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์นั้น ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก
    (-)การกินเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด มากกว่าการกินผัก
    (-)แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผัก
    (-)แต่ คนป่วยก็ยังมีความเครียด
    (-)มะเร็ง ก็จะยิ่งกระจาย ยิ่งกว่า คนกินเนื้อสัตว์ แต่ ไม่เครียดนะครับ ...
    (-)สรุปว่า (-)อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับ ความวิตกกังวลต่างๆในการใช้ชีวิต ... อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห (-)
    (-) ที่เกิดบ่อยๆ นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
    (-)บวกกับ ขาดการออกกำลังกาย และดื่มน้ำน้อย ...
    (-)นำมาซึ่งการเกิดเซลมะเร็งได้มากที่สุด
    (-)สุขภาพที่ดีนั้น มีค่ามากนะครับ
    (-)ถ้าท่าน เลิกที่จะมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ เซลมะเร็งจะหนีหายไปครับ
    (-)บอกต่อ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ ให้รับทราบเยอะๆน่ะ ได้บุญหลายจ้า สาธุ สาธุ
    อุทาหรณ์..จากแม่ชีศันสนีย์ "เสถียรธรรมสถาน" ถูกมะเร็งคร่าชีวิตไป.. (-)บทความนี้ไขข้อข้องใจได้ดีแท้ (-)มีญาติธรรม ชาวอโศก เสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งตับ" หลายราย ... (-)เกิดคำถามว่า...ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ... (-)มะเร็ง นั้น ใครๆเขาว่า…เกิดแต่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ มิใช่หรือ ...คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก มิใช่หรือ ? (-)ก่อนอื่น..เราต้องทำความเข้าใจ…"การเกิดของเซลล์มะเร็ง" ก่อน ... (-)สิ่งสำคัญ "ที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมาก และขาดไม่ได้เลย คือ ออกซิเจน" (-)ถ้าร่างกาย "ได้รับออกซิเจน" เต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ... (-)(-)แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำให้ ร่างกาย เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์ " มาก และ มีออกซิเจนในเลือดต่ำ (-)เซลล์ในร่างกายของเรา เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ... (-)(-)เซลล์ จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจแทน และ เปลี่ยนตัวเอง เป็นเซลล์มะเร็ง... (-)แล้วอะไร ทำให้เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ??? (-)มันไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์อย่างเดียว ... ไม่ใช่อาหารพืชผัก... ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างเดียว ... ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ... (-)แต่สิ่งที่ทำให้ "คาร์บอนไดออกไซด์ " ในเลือดสูงเร็ว และมากที่สุดคือ (-)ความเครียด ความเร่งรีบ กับการใช้ชีวิต (-)อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ที่เกิดบ่อยๆ (-)นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ (-)เพราะอะไร ? (-)เพราะมันเป็นตัวกระตุ้น (-)ให้ร่างกาย เกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน อย่างสูงและ อย่างมาก ... (-)ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว (-)โดยเฉพาะสมองเรานั้น กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ (-)คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผัก ที่ไร้สารพิษ จะบริสุทธิ์สะอาด สักปานใด (-)(-)หากเราเครียด ติดต่อกัน 5 วัน เซลของเรา ก็จะกลายเป็น เซลมะเร็งได้ทันที (-)คนอโศก กินผัก และปฏิบัติธรรม ... (-)คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก แต่ เคร่งเครียดมาก (-)ไม่เป็นคนที่ปล่อยวาง …ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ... (-)ขอย้ำอีกครั้งว่า (-) คนที่เคร่งเครียดมาก มีความวิตกกังวลมาก ... (-)มักจะดื่มน้ำน้อย และ มักขาดการออกกำลังกาย (-)จึงส่งผลให้ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ... ทำให้เซลที่ดี กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นเสมอ (-)แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง ควรเลิกกินเนื้อ มากินผัก ... (-)ทั้งนี้ ก็เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์นั้น ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก (-)การกินเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด มากกว่าการกินผัก (-)แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผัก (-)แต่ คนป่วยก็ยังมีความเครียด (-)มะเร็ง ก็จะยิ่งกระจาย ยิ่งกว่า คนกินเนื้อสัตว์ แต่ ไม่เครียดนะครับ ... (-)สรุปว่า (-)อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับ ความวิตกกังวลต่างๆในการใช้ชีวิต ... อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห (-) (-) ที่เกิดบ่อยๆ นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ (-)บวกกับ ขาดการออกกำลังกาย และดื่มน้ำน้อย ... (-)นำมาซึ่งการเกิดเซลมะเร็งได้มากที่สุด (-)สุขภาพที่ดีนั้น มีค่ามากนะครับ (-)ถ้าท่าน เลิกที่จะมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ เซลมะเร็งจะหนีหายไปครับ (-)บอกต่อ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ ให้รับทราบเยอะๆน่ะ ได้บุญหลายจ้า สาธุ สาธุ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีศึกษา : คนร้ายบุกบ้านจับตัวประกัน

    เหตุการณ์ที่นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมของตำรวจ ปีนเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยอินทามาระ 29 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค. 2567 ภายในบ้านมีแม่และลูกชาย 2 คน มีการนำเสนอข่าวว่ามีการจับตัวประกัน โดยมีแม่พักอยู่กับลูกชาย 2 คน แต่พบว่าแม่หลบหนีออกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายทั้งสองคนอยู่ภายในห้อง จากนั้นสถานการณ์คลี่คลายเมื่อเวลาประมาณ 00.50 น. วันที่ 4 ต.ค. 2567

    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ระบุว่า คนร้ายไม่ได้จับใครเป็นตัวประกัน ไม่มีตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ส่วนคนในบ้านทั้งสองคนเป็นหมอ สภาพจิตใจค่อนข้างดีมาก ขณะเกิดเหตุหมอทั้ง 2 คนอยู่ในห้อง ตำรวจแนะนำว่าให้ล็อกห้องและหาอะไรดันเอาไว้ อย่าอยู่ในแนวของประตู ซึ่งทั้งสองก็ให้ความร่วมมือดี และขวัญกำลังใจดีมาก ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีไปผ่านทางช่องระบายอากาศ ช่องทางเดียวกับที่เข้ามาตอนแรก ก่อนปีนออกไปที่หลังบ้าน

    เหตุการณ์ผ่านไป 3 วัน ในที่สุดวันที่ 7 ต.ค. 2567 ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ได้รับการประสานจาก สน.เตาปูน สกัดจับรถแท็กซี่ต้องสงสัย ที่นายสันติจ้างให้ไปส่งที่จังหวัดอำนาจเจริญในราคา 8,000 บาท นายสันติวิ่งหนีออกจากรถ แต่สะดุดล้มได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจับกุมเอาไว้ได้ ตอนหนึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า ที่ยิงสวนตำรวจเพราะเปิดทางเพื่อหนีเท่านั้น ส่วนที่เข้าไปที่บ้านของตัวประกัน อ้างว่าแค่หิวน้ำเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจับตัวประกัน และถ้าหมอเปิดประตูออกมา ก็คงจับเป็นตัวประกัน

    บทเรียนจากเหตุโจรขึ้นบ้าน นอกจากหมั่นล็อกประตูบ้านทุกครั้งแล้ว อาจเสริมความแข็งแรงให้กับบ้าน ด้วยการสร้างรั้วให้สูงขึ้น อาจมีเหล็กแหลมด้านบนกำแพงเพื่อป้องกันคนร้ายปีนขึ้นไป ติดตั้งเหล็กดัดที่ประตู หน้าต่าง รวมทั้งช่องระบายอากาศ ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) สัญญาณเตือนผู้บุกรุก จัดภูมิทัศน์รอบบ้านเพื่อลดจุดอับสายตา ติดตั้งไฟส่องสว่างรอบบ้าน รวมทั้งเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ไว้เฝ้าบ้าน

    กรณีที่มีคนร้ายเข้ามาในบ้าน จับคนในบ้านเป็นตัวประกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับตำรวจ ช่วงแรกคนร้ายจะอยู่ในภาวะตึงเครียด หากตกอยู่ในเหตุการณ์แล้วหลบหนีไม่ทัน ให้พยายามตั้งสติ อยู่ในความสงบ ไม่ตื่นตระหนก ไม่ต่อสู้ขัดขืน อย่าพยายามหลบหนีด้วยตัวเอง สังเกตลักษณะของคนร้ายให้ได้มากที่สุด เช่น รูปร่าง หน้าตา เสื้อผ้า อาวุธ เส้นทางหลบหนี แล้วรอจังหวะตำรวจเข้าช่วยเหลือ

    #Newskit #อินทามาระ29 #จับตัวประกัน
    กรณีศึกษา : คนร้ายบุกบ้านจับตัวประกัน เหตุการณ์ที่นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมของตำรวจ ปีนเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยอินทามาระ 29 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค. 2567 ภายในบ้านมีแม่และลูกชาย 2 คน มีการนำเสนอข่าวว่ามีการจับตัวประกัน โดยมีแม่พักอยู่กับลูกชาย 2 คน แต่พบว่าแม่หลบหนีออกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายทั้งสองคนอยู่ภายในห้อง จากนั้นสถานการณ์คลี่คลายเมื่อเวลาประมาณ 00.50 น. วันที่ 4 ต.ค. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ระบุว่า คนร้ายไม่ได้จับใครเป็นตัวประกัน ไม่มีตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ส่วนคนในบ้านทั้งสองคนเป็นหมอ สภาพจิตใจค่อนข้างดีมาก ขณะเกิดเหตุหมอทั้ง 2 คนอยู่ในห้อง ตำรวจแนะนำว่าให้ล็อกห้องและหาอะไรดันเอาไว้ อย่าอยู่ในแนวของประตู ซึ่งทั้งสองก็ให้ความร่วมมือดี และขวัญกำลังใจดีมาก ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีไปผ่านทางช่องระบายอากาศ ช่องทางเดียวกับที่เข้ามาตอนแรก ก่อนปีนออกไปที่หลังบ้าน เหตุการณ์ผ่านไป 3 วัน ในที่สุดวันที่ 7 ต.ค. 2567 ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ได้รับการประสานจาก สน.เตาปูน สกัดจับรถแท็กซี่ต้องสงสัย ที่นายสันติจ้างให้ไปส่งที่จังหวัดอำนาจเจริญในราคา 8,000 บาท นายสันติวิ่งหนีออกจากรถ แต่สะดุดล้มได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจับกุมเอาไว้ได้ ตอนหนึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า ที่ยิงสวนตำรวจเพราะเปิดทางเพื่อหนีเท่านั้น ส่วนที่เข้าไปที่บ้านของตัวประกัน อ้างว่าแค่หิวน้ำเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจับตัวประกัน และถ้าหมอเปิดประตูออกมา ก็คงจับเป็นตัวประกัน บทเรียนจากเหตุโจรขึ้นบ้าน นอกจากหมั่นล็อกประตูบ้านทุกครั้งแล้ว อาจเสริมความแข็งแรงให้กับบ้าน ด้วยการสร้างรั้วให้สูงขึ้น อาจมีเหล็กแหลมด้านบนกำแพงเพื่อป้องกันคนร้ายปีนขึ้นไป ติดตั้งเหล็กดัดที่ประตู หน้าต่าง รวมทั้งช่องระบายอากาศ ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) สัญญาณเตือนผู้บุกรุก จัดภูมิทัศน์รอบบ้านเพื่อลดจุดอับสายตา ติดตั้งไฟส่องสว่างรอบบ้าน รวมทั้งเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ไว้เฝ้าบ้าน กรณีที่มีคนร้ายเข้ามาในบ้าน จับคนในบ้านเป็นตัวประกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับตำรวจ ช่วงแรกคนร้ายจะอยู่ในภาวะตึงเครียด หากตกอยู่ในเหตุการณ์แล้วหลบหนีไม่ทัน ให้พยายามตั้งสติ อยู่ในความสงบ ไม่ตื่นตระหนก ไม่ต่อสู้ขัดขืน อย่าพยายามหลบหนีด้วยตัวเอง สังเกตลักษณะของคนร้ายให้ได้มากที่สุด เช่น รูปร่าง หน้าตา เสื้อผ้า อาวุธ เส้นทางหลบหนี แล้วรอจังหวะตำรวจเข้าช่วยเหลือ #Newskit #อินทามาระ29 #จับตัวประกัน
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

    “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ

    แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย

    ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก

    เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด

    ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้

    ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง

    เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว”

    แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

    ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี

    ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก

    สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว

    จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้

    แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม

    ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture

    ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media

    เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก

    พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง

    ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้

    จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”

    https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/

    #Thaitimes
    บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/ #Thaitimes
    WWW.SALIKA.CO
    UGC เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”
    User-Generated Content (UGC) หมายถึง Story ที่ผู้บริโภค หรือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย สร้างขึ้นมาเอง โดยผู้คนเหล่านั้น จะพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาประทับใจ หรือให้ความสนใจ โดยที่ต้นเรื่องไม่ต้องเสียเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 621 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!!

    ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!!

    2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น
    ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา……
    โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013
    ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย
    เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
    สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
    เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post
    และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น……
    จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว

    แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ……

    ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง
    รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น……
    ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน
    ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน

    การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ
    SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว

    เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ
    โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20
    แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ,
    การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง
    แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น…
    ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!!

    ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ
    ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน
    สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ
    แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก
    บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015
    เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน

    สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้
    เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้……
    และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร……
    ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง)
    ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด
    มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก……
    ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น
    ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS)
    แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น……
    แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา
    โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012)
    “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……”

    ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป
    ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988

    ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่)
    ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า
    เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด……
    เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า
    ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย
    สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย

    แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู
    แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน
    ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว
    ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู
    อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม…
    ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง
    แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม

    ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
    และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268
    ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ………

    เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้

    ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี
    โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม ***** Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ
    สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว……
    ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..”
    นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร?
    คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!!
    แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน

    สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี
    ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง
    สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!! ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!! 2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา…… โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013 ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น…… จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ…… ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น…… ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20 แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ, การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น… ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!! ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015 เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้…… และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร…… ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง) ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก…… ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS) แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น…… แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012) “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……” ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988 ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่) ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด…… เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม… ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268 ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ……… เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม Pussy Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว…… ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..” นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร? คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!! แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇱 อิสราเอล, ซึ่งเป็นผลพวงจากลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรป, กำลังคุกคามอิทธิพลของตะวันตก

    การเกิดขึ้นของโครงการไซออนิสต์เป็นผลมาจากมรดกของจักรวรรดินิยมยุโรปเป็นอย่างมาก, แต่การกระทำของอิสราเอลในตอนนี้กำลังคุกคามที่จะทำลายอำนาจครอบงำของตะวันตกที่กำลังจะล่มสลายลง, ตามคำกล่าวของโรเบิร์ต แฟนตินา และ นิโค เฮาส์ ผู้วิจารณ์ในรายการ The Critical Hour ของสปุตนิก

    🗣️“จำไว้ว่า, 🤣อิสราเอลคือสัตว์ประหลาดที่สหรัฐฯสร้างขึ้น และมันคือสิ่งที่สหรัฐฯสูญเสียการควบคุม,”🤣 แฟนตินา กล่าวอ้าง “โอกาสที่อิสราเอลจะดึงสหรัฐฯเข้าสู่สงครามในตะวันออกกลางมีมากขึ้นทุกวัน, และนั่นจะเป็นหายนะสำหรับทุกคน”

    ธีโอดอร์ เฮิร์ซล์, ผู้ก่อตั้งลัทธิไซออนิสต์, ได้คิดโครงการนี้ขึ้นโดยเน้นที่เชื้อชาติโดยเฉพาะ, โดยพยายามขายแนวคิดเรื่อง “ป้อมปราการของอารยธรรม [ตะวันตก] เพื่อต่อต้านความป่าเถื่อน” ในโลกอาหรับให้กับชาวยุโรป อังกฤษเป็นหัวหอกในการสร้างอิสราเอลบนดินแดนที่ตนเคยยึดครองในเลแวนต์ แต่สหรัฐฯกลายมาเป็นผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพลที่สุดอย่างรวดเร็ว การป้องกันอิสราเอลกลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนนโยบายตะวันตกในตะวันออกกลาง แม้ว่าบางคนจะตั้งคำถามถึงผลที่ตามมาต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และผลประโยชน์ของสหรัฐฯในวงกว้าง

    🗣️“ฉันเชื่อจริงๆว่า, สหรัฐฯต้องการข้อตกลงหยุดยิงเพราะพวกเขามีผลประโยชน์ในเลบานอน,” เฮาส์ กล่าว “[อิสราเอล] ไม่สามารถจัดการสงครามนั้นได้ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าเราจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และนั่นเป็นตำแหน่งที่ไม่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ”

    เฮาส์ตั้งข้อสังเกตว่า 🤣สหรัฐฯกำลังดิ้นรนท่ามกลางสงครามตัวแทนในยูเครน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่สหรัฐฯจะสนับสนุนสงครามหลายแนวรบของอิสราเอล,🤣 โดยอิหร่านเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม
    .
    🇮🇱 Israel, an outgrowth of European colonialism, now threatens West’s dominance

    The emergence of the Zionist project owes much to the legacy of European imperialism, but Israel’s conduct now threatens to bring a dying Western hegemony crashing down, according to commentators Robert Fantina and Niko House on Sputnik’s The Critical Hour program.

    🗣️“Remember, Israel is the monster of the US's creation and it's one that it's lost control of,” claimed Fantina. “The possibility of Israel pulling the United States into a war in the Middle East grows every day, and it would be a disaster for everyone.”

    Theodor Herzl, the founder of Zionism, conceived of the project in explicitly racial terms, attempting to sell Europeans on the concept of an “outpost of [Western] civilization against barbarism” in the Arab world. The UK spearheaded Israel’s creation in land it had colonized in the Levant but the US quickly became its most powerful backer. The defense of Israel has become a primary driver of Western policy in the Middle East even as some question the ramifications for US national security and American interests more broadly.

    🗣️“I do believe, honestly, that the United States did want a ceasefire agreement because they have interests in Lebanon,” said House. “[Israel] can't handle that war by themselves. So that means we're going to have to get involved and that is a very unpopular position here in the US.”

    House noted the US is struggling amid its proxy war in Ukraine as Prime Minister Netanyahu raises the prospect of US support for Israel’s multi-front war, with Iran representing a formidable opponent.
    .
    10:59 AM · Oct 4, 2024 · 4,447 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1842051857511784709
    🇮🇱 อิสราเอล, ซึ่งเป็นผลพวงจากลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรป, กำลังคุกคามอิทธิพลของตะวันตก การเกิดขึ้นของโครงการไซออนิสต์เป็นผลมาจากมรดกของจักรวรรดินิยมยุโรปเป็นอย่างมาก, แต่การกระทำของอิสราเอลในตอนนี้กำลังคุกคามที่จะทำลายอำนาจครอบงำของตะวันตกที่กำลังจะล่มสลายลง, ตามคำกล่าวของโรเบิร์ต แฟนตินา และ นิโค เฮาส์ ผู้วิจารณ์ในรายการ The Critical Hour ของสปุตนิก 🗣️“จำไว้ว่า, 🤣อิสราเอลคือสัตว์ประหลาดที่สหรัฐฯสร้างขึ้น และมันคือสิ่งที่สหรัฐฯสูญเสียการควบคุม,”🤣 แฟนตินา กล่าวอ้าง “โอกาสที่อิสราเอลจะดึงสหรัฐฯเข้าสู่สงครามในตะวันออกกลางมีมากขึ้นทุกวัน, และนั่นจะเป็นหายนะสำหรับทุกคน” ธีโอดอร์ เฮิร์ซล์, ผู้ก่อตั้งลัทธิไซออนิสต์, ได้คิดโครงการนี้ขึ้นโดยเน้นที่เชื้อชาติโดยเฉพาะ, โดยพยายามขายแนวคิดเรื่อง “ป้อมปราการของอารยธรรม [ตะวันตก] เพื่อต่อต้านความป่าเถื่อน” ในโลกอาหรับให้กับชาวยุโรป อังกฤษเป็นหัวหอกในการสร้างอิสราเอลบนดินแดนที่ตนเคยยึดครองในเลแวนต์ แต่สหรัฐฯกลายมาเป็นผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพลที่สุดอย่างรวดเร็ว การป้องกันอิสราเอลกลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนนโยบายตะวันตกในตะวันออกกลาง แม้ว่าบางคนจะตั้งคำถามถึงผลที่ตามมาต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และผลประโยชน์ของสหรัฐฯในวงกว้าง 🗣️“ฉันเชื่อจริงๆว่า, สหรัฐฯต้องการข้อตกลงหยุดยิงเพราะพวกเขามีผลประโยชน์ในเลบานอน,” เฮาส์ กล่าว “[อิสราเอล] ไม่สามารถจัดการสงครามนั้นได้ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าเราจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และนั่นเป็นตำแหน่งที่ไม่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ” เฮาส์ตั้งข้อสังเกตว่า 🤣สหรัฐฯกำลังดิ้นรนท่ามกลางสงครามตัวแทนในยูเครน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่สหรัฐฯจะสนับสนุนสงครามหลายแนวรบของอิสราเอล,🤣 โดยอิหร่านเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม . 🇮🇱 Israel, an outgrowth of European colonialism, now threatens West’s dominance The emergence of the Zionist project owes much to the legacy of European imperialism, but Israel’s conduct now threatens to bring a dying Western hegemony crashing down, according to commentators Robert Fantina and Niko House on Sputnik’s The Critical Hour program. 🗣️“Remember, Israel is the monster of the US's creation and it's one that it's lost control of,” claimed Fantina. “The possibility of Israel pulling the United States into a war in the Middle East grows every day, and it would be a disaster for everyone.” Theodor Herzl, the founder of Zionism, conceived of the project in explicitly racial terms, attempting to sell Europeans on the concept of an “outpost of [Western] civilization against barbarism” in the Arab world. The UK spearheaded Israel’s creation in land it had colonized in the Levant but the US quickly became its most powerful backer. The defense of Israel has become a primary driver of Western policy in the Middle East even as some question the ramifications for US national security and American interests more broadly. 🗣️“I do believe, honestly, that the United States did want a ceasefire agreement because they have interests in Lebanon,” said House. “[Israel] can't handle that war by themselves. So that means we're going to have to get involved and that is a very unpopular position here in the US.” House noted the US is struggling amid its proxy war in Ukraine as Prime Minister Netanyahu raises the prospect of US support for Israel’s multi-front war, with Iran representing a formidable opponent. . 10:59 AM · Oct 4, 2024 · 4,447 Views https://x.com/SputnikInt/status/1842051857511784709
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!!

    ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!!

    ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก
    คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน
    และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย……
    เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ
    พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า

    กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน
    เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล
    ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี……

    กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา
    แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี
    เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ)
    แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร

    สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว

    ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์
    ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย

    ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน
    นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินตอบว่า……
    “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..??
    แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน)
    จากนั้นกลุ่ม ***** Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ

    ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO
    ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย…
    ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!!

    การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร
    เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…??
    เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!!

    ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……)
    ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……)
    และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้)

    มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง
    เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill
    จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว…
    ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่
    แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น

    ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin
    เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม…

    เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี……
    ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง
    ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว
    ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์

    ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม

    และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน
    จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda”
    ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า
    “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?”
    ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า
    “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..”
    ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า…
    “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
    นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง

    ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010)
    ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน
    ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง)
    เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ)
    คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก
    บานมาเป็น 260 ล้าน…
    ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ)
    แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…???
    คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!!
    ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……”
    แล้วเขาก็เดินออกไป….

    วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี
    ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน……
    ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff
    (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน)

    ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ
    หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี
    ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด
    เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ
    เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
    ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย
    แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป………
    รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
    เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว..


    Wiwanda W. Vichit
    ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!! ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!! ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย…… เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี…… กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ) แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์ ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้ ปูตินตอบว่า…… “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..?? แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน) จากนั้นกลุ่ม Pussy Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย… ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!! การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…?? เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!! ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……) ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……) และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้) มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว… ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่ แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม… เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี…… ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda” ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?” ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..” ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า… “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010) ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง) เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ) คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก บานมาเป็น 260 ล้าน… ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ) แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…??? คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!! ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……” แล้วเขาก็เดินออกไป…. วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน…… ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน) ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป……… รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว.. Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดาราประเภทจมไม่ลงหาทางออกหาทางรอดแบบลงเหว
    ท้าวความนิดนึงสำหรับแฟนเพจที่ติดตามข่าวไม่ปะติดปะต่อ
    ปัจจุบัน ฝั่งยุโรป เอเชีย เช่นจีน ไต้หวัน และตะวันออกลาง
    กลุ่มฟอก ได้ใช้ระบบในตต. ในการทำเงินดาร์คให้เป็นข่าวมาระยะเวลาพอสมควร ผ่านการพีเค บิ๊กแม็ต หากอยากรู้รายะละเอียดวิธีการรบกวนแฟนเพจย้อนกลับไปอ่านโพสก่อนๆหน้า
    ดังนั้น จากปรากฏการแน๊กชาลีกามิจ ทำให้ขบวนการฟอกขาว ได้มาใช้บริการ ผ่านการติดต่อเอเจนซี่ทุนดาร์คกิมจิ ที่ร่วมงานกับเจ้าพ่อเว็บ888 ซักฟอกได้มหาศาลในช่วยแปดเดือนที่ผ่านมา
    ทำให้เกิดการสร้างความยั่งยืน โดยจะใช้ประเทศไทย
    เป็นศูนย์กลางการฟอกของทั่วโลก
    การจัดพีเค บิ๊กแม็ตเท่านั้น เป็นเงื่อนไข
    ที่จะทำให้กระบวนการฟอกเกิดขึ้นได้
    เพื่ออ้างว่าได้รับรายได้มาจากของขวัญในการแข่งขัน
    ที่จะไม่ผิดจากความเป็นธรรมชาติ
    มีองค์ประกอบสำคัญคือ
    1. ตัวแสดง ต้องมี 2 ฝั่ง ที่มีความนิยม ที่จะสร้างสตอรี่ และดันให้ดังก่อน แล้วจึงมีการจัดตารางในการทำบิ๊กแม๊ต ผ่านการโปรโมท
    2. คนดู ที่ต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะมีการส่งของขวัญอย่างเอิกเกริก
    โดยตามข้อที่ 2 นี้ วิธีการที่จะยั่งยืนคือ ใช้ยูซตต. ที่ถูกสร้างขึ้น แทนคนจริง เพื่อไม่ต้องโฆมาก เสียงบประมาณแบบในปัจจุบัน และดันยูซผีเข้าไปวิวดูทั้งสองฝ่าย และเริ่มโยนของขวัญจากงบมหาศาล ตั้งแต่ 5 - 20% แต่จะถอดเหรียญตต.ออกมา 100 % ทั้งจำนวนคน และจำนวนเหรียญ และความยิ่งใหญ่ของบิ๊กแม๊ต ดูสมดุล ก็ถอนออกมาแล้วชำระภาษี ก็จะได้เงินที่สะอาดบริสุทธิ์
    ในส่วนของตัวแสดง ทางกลุ่มดาร์คเห็นแล้วว่า แน๊กชาลี เป็นผู้ทำปรากฏการ
    แต่แน๊ก ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใดที่จะทำให้คนไทยต้องเสียเงินมากๆ
    แน๊ก จึงกลายเป็นเป้า ที่ทุนดาร์คต้องใช้ระบบยูซผี เข้าไปเล่นช่องให้ปลิว แบบที่แน๊กช่องแท้โดนจนปลิว ถ้าเล่นแน๊กได้ ก็เล่นช่องที่เป็นด้อมของแน๊กได้ ตอนนี้ต่างทะยอยปลิวกันวันละเป็นสิบที่
    แล้วเหตุการณ์จะดำเนินอย่างไรต่อ
    ต่อไป ก็คือการช็อปคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่ไม่ต้องปั้นอะไรมาก
    ตอนแรก จะใช้ ตต.เกอร์ แต่ ตต.เกอร์หลายคนก็ยังเยาว์ และมีความรู้สึกยุ่งยาก เพราะต้องติดสัญญาสารพัดสี่ห้าปี และมีผปค ต้องเข้ามาช่วยดูอีก ซึ่งกลุ่มนี้ก็กลัวจะหลุด
    และในจังหวะที่วงการละครไทย กำลังดิ่ง ทำให้นักแสดงหลายคน ค่ายหลายๆ ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เพราะการดิสรับของโซเชียล ที่ทำให้ทีวีไทยที่อยู่ได้ด้วยโฆ ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะบริษัทต่างๆ ก็หันมาในสนามADโซเชียล เพราะเห็นผลกว่าในงบที่เท่ากัน
    ดาราส่วนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสายเก็บออม หรือสร้างธุรกิจไว้รองรับ ก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่ดาราอีกจำนวนไม่น้อย ที่ติดหล่มจมไม่ลง ต้องแสวงหารายได้ทางอื่น โดยบางคนรู้ แต่บางคนไม่รู้ตัว ว่ารายได้อันมากมาย มาจากกลุ่มทุนดาร์คข้ามชาติ
    ข้อมูลที่พี่คิงส์มี ก็ทำให้ตกใจ ที่ดาราที่ดูใสสะอาดหลายคน ได้รับการติดต่อการช็อป จากเอเจนซี่หลายสำนักที่มาเปิดในไทย ต่างเสนอค่าตอบแทนให้ชนิดที่อยู่ได้ และมากกว่าการแสดงละครหลายเท่า ซึ่งแน่นอน สิ่งนี้คนที่จมไม่ลง ยังรักชีวิตที่สุขสบาย ย่อมตาโต และพร้อมโผเข้าใส่ และดาราบางราย คิดการใหญ่ ไปดิลทุนดาร์คยังต่างประเทศ อยากเปิดเอเจนซี่ด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าตนเอง อยู่ในระบบอยู่แล้วในตต. มีผู้ติดตามเท่านั้นเท่านี้ และมีตัวเด่นๆที่รู้จัก และสามารถติดต่อคนในวงการเข้ามาในระบบนี้ ก็มีการเจรจาต่อรอง
    ซึ่งพี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า กรณีที่มีการส่งค่าตอบแทนผ่านระบบของกลุ่มทุนดาร์ค มันจะผ่านบัญชีที่ตัวมัน ปลอดภัย แต่ไม่มีความจำเป็น ที่กลุ่มทุนดาร์คจะเซฟผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งวันหนึ่ง เส้นเงินจะเข้ามาถึงบรรดาดาราไทยที่หลงผิด แต่ก็มีอีกหลายคน พลาด เพียงเพราะคิดว่ามันคือธุรกิจใหม่ นำชื่อเสียงและความสามารถของตัวเอง เปลี่ยนเป็นรายได้ ผ่านเอเจนซี่ ที่จะคอยผลักดันให้เป็นดาวในโลกตต. ทั้งชือเสียง ทั้งรายได้ ทุกอย่างมันดูดีไปหมด อย่างน่าแปลกใจ
    โพสนี้ พี่คิงส์ขอส่งสัญญาณไปถึงดาราที่ยังไม่พลาดพลั้ง ให้ทบทวนในสิ่งที่พี่คิงส์แจ้ง แล้วลองตัดสินใจให้ดีว่า อยากเป็นเหมือนหลายๆคน ที่ถูกโยงเรื่องการฟอก และต้องจบไปตารางหรือเปล่า
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เงินสุจริต อาจต้องแลกด้วยความยากลำบาก
    แต่มันมีค่า มีศิริมงคล แต่เมื่อไหร่ที่เงินดาร์คคือรายได้หลักของคน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว มันมีวันเริ่ม ที่ดูสวยงาม แต่วันจบของมัน ไม่เคยสวยงามซักราย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ดาราประเภทจมไม่ลงหาทางออกหาทางรอดแบบลงเหว ท้าวความนิดนึงสำหรับแฟนเพจที่ติดตามข่าวไม่ปะติดปะต่อ ปัจจุบัน ฝั่งยุโรป เอเชีย เช่นจีน ไต้หวัน และตะวันออกลาง กลุ่มฟอก ได้ใช้ระบบในตต. ในการทำเงินดาร์คให้เป็นข่าวมาระยะเวลาพอสมควร ผ่านการพีเค บิ๊กแม็ต หากอยากรู้รายะละเอียดวิธีการรบกวนแฟนเพจย้อนกลับไปอ่านโพสก่อนๆหน้า ดังนั้น จากปรากฏการแน๊กชาลีกามิจ ทำให้ขบวนการฟอกขาว ได้มาใช้บริการ ผ่านการติดต่อเอเจนซี่ทุนดาร์คกิมจิ ที่ร่วมงานกับเจ้าพ่อเว็บ888 ซักฟอกได้มหาศาลในช่วยแปดเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดการสร้างความยั่งยืน โดยจะใช้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการฟอกของทั่วโลก การจัดพีเค บิ๊กแม็ตเท่านั้น เป็นเงื่อนไข ที่จะทำให้กระบวนการฟอกเกิดขึ้นได้ เพื่ออ้างว่าได้รับรายได้มาจากของขวัญในการแข่งขัน ที่จะไม่ผิดจากความเป็นธรรมชาติ มีองค์ประกอบสำคัญคือ 1. ตัวแสดง ต้องมี 2 ฝั่ง ที่มีความนิยม ที่จะสร้างสตอรี่ และดันให้ดังก่อน แล้วจึงมีการจัดตารางในการทำบิ๊กแม๊ต ผ่านการโปรโมท 2. คนดู ที่ต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะมีการส่งของขวัญอย่างเอิกเกริก โดยตามข้อที่ 2 นี้ วิธีการที่จะยั่งยืนคือ ใช้ยูซตต. ที่ถูกสร้างขึ้น แทนคนจริง เพื่อไม่ต้องโฆมาก เสียงบประมาณแบบในปัจจุบัน และดันยูซผีเข้าไปวิวดูทั้งสองฝ่าย และเริ่มโยนของขวัญจากงบมหาศาล ตั้งแต่ 5 - 20% แต่จะถอดเหรียญตต.ออกมา 100 % ทั้งจำนวนคน และจำนวนเหรียญ และความยิ่งใหญ่ของบิ๊กแม๊ต ดูสมดุล ก็ถอนออกมาแล้วชำระภาษี ก็จะได้เงินที่สะอาดบริสุทธิ์ ในส่วนของตัวแสดง ทางกลุ่มดาร์คเห็นแล้วว่า แน๊กชาลี เป็นผู้ทำปรากฏการ แต่แน๊ก ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใดที่จะทำให้คนไทยต้องเสียเงินมากๆ แน๊ก จึงกลายเป็นเป้า ที่ทุนดาร์คต้องใช้ระบบยูซผี เข้าไปเล่นช่องให้ปลิว แบบที่แน๊กช่องแท้โดนจนปลิว ถ้าเล่นแน๊กได้ ก็เล่นช่องที่เป็นด้อมของแน๊กได้ ตอนนี้ต่างทะยอยปลิวกันวันละเป็นสิบที่ แล้วเหตุการณ์จะดำเนินอย่างไรต่อ ต่อไป ก็คือการช็อปคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่ไม่ต้องปั้นอะไรมาก ตอนแรก จะใช้ ตต.เกอร์ แต่ ตต.เกอร์หลายคนก็ยังเยาว์ และมีความรู้สึกยุ่งยาก เพราะต้องติดสัญญาสารพัดสี่ห้าปี และมีผปค ต้องเข้ามาช่วยดูอีก ซึ่งกลุ่มนี้ก็กลัวจะหลุด และในจังหวะที่วงการละครไทย กำลังดิ่ง ทำให้นักแสดงหลายคน ค่ายหลายๆ ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เพราะการดิสรับของโซเชียล ที่ทำให้ทีวีไทยที่อยู่ได้ด้วยโฆ ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เพราะบริษัทต่างๆ ก็หันมาในสนามADโซเชียล เพราะเห็นผลกว่าในงบที่เท่ากัน ดาราส่วนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสายเก็บออม หรือสร้างธุรกิจไว้รองรับ ก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่ดาราอีกจำนวนไม่น้อย ที่ติดหล่มจมไม่ลง ต้องแสวงหารายได้ทางอื่น โดยบางคนรู้ แต่บางคนไม่รู้ตัว ว่ารายได้อันมากมาย มาจากกลุ่มทุนดาร์คข้ามชาติ ข้อมูลที่พี่คิงส์มี ก็ทำให้ตกใจ ที่ดาราที่ดูใสสะอาดหลายคน ได้รับการติดต่อการช็อป จากเอเจนซี่หลายสำนักที่มาเปิดในไทย ต่างเสนอค่าตอบแทนให้ชนิดที่อยู่ได้ และมากกว่าการแสดงละครหลายเท่า ซึ่งแน่นอน สิ่งนี้คนที่จมไม่ลง ยังรักชีวิตที่สุขสบาย ย่อมตาโต และพร้อมโผเข้าใส่ และดาราบางราย คิดการใหญ่ ไปดิลทุนดาร์คยังต่างประเทศ อยากเปิดเอเจนซี่ด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าตนเอง อยู่ในระบบอยู่แล้วในตต. มีผู้ติดตามเท่านั้นเท่านี้ และมีตัวเด่นๆที่รู้จัก และสามารถติดต่อคนในวงการเข้ามาในระบบนี้ ก็มีการเจรจาต่อรอง ซึ่งพี่คิงส์เคยบอกแล้วว่า กรณีที่มีการส่งค่าตอบแทนผ่านระบบของกลุ่มทุนดาร์ค มันจะผ่านบัญชีที่ตัวมัน ปลอดภัย แต่ไม่มีความจำเป็น ที่กลุ่มทุนดาร์คจะเซฟผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งวันหนึ่ง เส้นเงินจะเข้ามาถึงบรรดาดาราไทยที่หลงผิด แต่ก็มีอีกหลายคน พลาด เพียงเพราะคิดว่ามันคือธุรกิจใหม่ นำชื่อเสียงและความสามารถของตัวเอง เปลี่ยนเป็นรายได้ ผ่านเอเจนซี่ ที่จะคอยผลักดันให้เป็นดาวในโลกตต. ทั้งชือเสียง ทั้งรายได้ ทุกอย่างมันดูดีไปหมด อย่างน่าแปลกใจ โพสนี้ พี่คิงส์ขอส่งสัญญาณไปถึงดาราที่ยังไม่พลาดพลั้ง ให้ทบทวนในสิ่งที่พี่คิงส์แจ้ง แล้วลองตัดสินใจให้ดีว่า อยากเป็นเหมือนหลายๆคน ที่ถูกโยงเรื่องการฟอก และต้องจบไปตารางหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เงินสุจริต อาจต้องแลกด้วยความยากลำบาก แต่มันมีค่า มีศิริมงคล แต่เมื่อไหร่ที่เงินดาร์คคือรายได้หลักของคน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว มันมีวันเริ่ม ที่ดูสวยงาม แต่วันจบของมัน ไม่เคยสวยงามซักราย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 889 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝีมือเด็กน้อย...วาดรูปนี้ออกมาด้วยตัวเอง
    ฝีมือเด็กน้อย...วาดรูปนี้ออกมาด้วยตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องจริงที่น่าสมเพช
    ⭕️⭕️⭕️⭕️⭕️
    คนไทยทุกคน
    ควรอ่าน
    ************
    เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตาลีแพ้สงครามโลก อังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลิเบียโดยแย่งไปจากอิตาลี และได้ขุดน้ำมัน บริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สัมปทานกอบโกยน้ำมันไปจนร่ำรวย ส่วนคนลิเบียแทบไม่ได้อะไรเลย แม้ภายหลังลิเบียได้เอกราช แต่สัมปทานน้ำมันแบบเกือบฟรี ก็ยังอยู่ในมือบริษัทอังกฤษและฝรั่งเศส

    ต่อมา กัดดาฟีเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงทำการปฏิวัติ และยึดสัมปทานน้ำมันคืนมา กัดดาฟีปกครอง ให้ประชาชนทุกอย่าง สวัสดิการดีที่สุดในบรรดาประเทศที่รวยน้ำมัน อาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลก ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุขสบายทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ ไม่มีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่มีการเลือกผู้แทน ไม่มีการเลือกรัฐบาล และผู้นำ

    กลุ่มนักศึกษา ที่นึกฝันว่า ถ้าประเทศลิเบียมีประชาธิปไตยแบบอเมริกา น่าจะทำให้ประชาชนได้สวัสดิการมากกว่าที่กัดดาฟี มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความคับข้องใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

    จนกัดดาฟี อึดอัดกับคำสั่งอเมริกาและซาอุ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในโอเปค (ตอนนั้นยังไม่ใช่โอเปคพลัสอย่างทุกวันนี้) ที่ให้ทุกประเทศในโอเปคต้องขายน้ำมันผูกขาดด้วย petrodollar เท่านั้น กัดดาฟีประกาศจะไม่ทำตาม จะขายน้ำมันด้วยเงินดีนาร์ทองคำ หรือแลกด้วยทองคำ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นทำลาย petrodollar อเมริกาจึงวางแผนกำจัดกัดดาฟี

    อเมริกาจึงไปยุยงวางแผนให้นักศึกษาก่อการจลาจล ลิเบียสปริง มีอเมริกาโดย CIA ดำเนินการให้ทั้งเงิน อาวุธ และสนับสนุนด้านอื่นๆ กัดดาฟีปราบปรามนักศึกษาที่ก่อการจลาจล สื่อตะวันตกก็พร้อมใจกันประโคมว่า กัดดาฟีเป็นผู้นำเผด็จการเข่นฆ่าประชาชนและนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ใหญ่โต และเป็นระบบ

    พอโหมประโคมโฆษณาชวนเชื่อจนล้างสมองคนทั้งโลกได้ อเมริกาและอังกฤษ ก็ส่งกองกำลังเข้าไปจับกัดดาฟีฆ่า ปล้นเอาทองคำในคลังหลวงของลิเบียไปหมด ยึดสัมปทานน้ำมันให้บริษัทตะวันตกไปร่ำรวยต่อ สวัสดิการทุกอย่างหายไปหมดสิ้น

    อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส จัดตั้งคนที่ตนสั่งได้ขึ้นมาแทนกัดดาฟี แต่กองกำลังอื่นๆ ไม่ยอมรับและเริ่มมีการต่อสู้แย่งอำนาจกันรุนแรงขึ้นเรื่อย จนบ้านเมืองพินาศวอดวาย อเมริกา หลังจากฆ่ากัดดาฟีได้ ก็ถอยไปให้อังกฤษกับฝรั่งเศสเจ้านายเดิมเข้ามาจัดการ แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ก็ไม่อยากลงทุนส่งทหารไปตายในลิเบีย เพราะสงครามแย่งชิงอำนาจของกองกำลังต่างๆ รบกันรุนแรงมาก ถ้าอังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งทหารไป จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารจะตายเยอะ และดูว่าไม่น่าจะสำเร็จจึงถอยมาปล่อยให้กองกำลังลิเบียฆ่ากันเองต่อไป จนโอบาม่าออกปากว่า อเมริกาฆ่ากัดดาฟีให้แล้ว พรรคพวกในยุโรปจัดการแย่มากจนลิเบียเละตุ้มเป๊ะไปหมด

    คนลิเบียฆ่ากันตายมากมาย บ้านเมืองพังพินาศ ความยากจนขาดแคลน เกิดทั่วประเทศ คนลิเบียหลายล้านคน ราวหนึ่งในสามต้องหนีตายจากสงครามและความอดอยาก ต้องอพยพเป็นมนุษย์เรือลี้ภัยออกจากลิเบียไปยุโรป เรือล่มจมน้ำตายมากมาย ที่เหลือต้องไปอยู่เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่ ห้า อยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกกดขี่ และเกลียดชัง เพราะเป็นคนอิสลามผิวสี ไปอยู่ในหมู่ชาวคริสตผิวขาว เป็นผู้ลี้ภัยที่เจ้าของบ้าน ไม่อยากต้อนรับ

    จนเดี๋ยวนี้ ลิเบียยังรบกันอยู่

    จากเมืองที่เคยเป็นเหมือนสวรรค์ อเมริกาทำให้กลับกลายเป็นนรกได้ ตอนนี้พวกนักศึกษาที่ก่อการจลาจล ลี้ภัย ตกนรกกันอยู่ที่ไหนบ้าง

    แต่อเมริกาทำไม่ได้ ถ้านักศึกษาของลิเบีย (ที่กัดดาฟีใช้เงินจากการขายน้ำมันส่งให้เรียนฟรีทั้งในและต่างประเทศ) ไม่หลงลมและร่วมมือกับ CIA ของอเมริกาก่อการจลาจล

    นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก่อการจลาจล ป่านนี้คงรู้สำนึกแล้วว่าไม่น่าทำลายบ้านเมืองตัวเอง ถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยในกระดาน พอใช้เสร็จก็ถูกทิ้ง แต่รู้สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว ลิเบียกลายเป็นนรกไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว

    กบเลือกนายจนทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอดละครับ
    วันชัย รุจนวงศ์
    20/4/23

    ***************************

    # บทความของ ชัย ราชวัตร เตือนคนไทย

    อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา"
    ....ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!!
    .....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด…….
    .....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว
    .....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด …..
    .....เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี…..
    .....ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง
    .....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย
    .....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย …..
    .....กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น ….
    .....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน
    .....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ
    .....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้
    .....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง
    .....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย…
    #เรารักประเทศไทย
    Cr : ชัย ราชวัตร
    เรื่องจริงที่น่าสมเพช ⭕️⭕️⭕️⭕️⭕️ คนไทยทุกคน ควรอ่าน ************ เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตาลีแพ้สงครามโลก อังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลิเบียโดยแย่งไปจากอิตาลี และได้ขุดน้ำมัน บริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สัมปทานกอบโกยน้ำมันไปจนร่ำรวย ส่วนคนลิเบียแทบไม่ได้อะไรเลย แม้ภายหลังลิเบียได้เอกราช แต่สัมปทานน้ำมันแบบเกือบฟรี ก็ยังอยู่ในมือบริษัทอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมา กัดดาฟีเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงทำการปฏิวัติ และยึดสัมปทานน้ำมันคืนมา กัดดาฟีปกครอง ให้ประชาชนทุกอย่าง สวัสดิการดีที่สุดในบรรดาประเทศที่รวยน้ำมัน อาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลก ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุขสบายทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ ไม่มีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่มีการเลือกผู้แทน ไม่มีการเลือกรัฐบาล และผู้นำ กลุ่มนักศึกษา ที่นึกฝันว่า ถ้าประเทศลิเบียมีประชาธิปไตยแบบอเมริกา น่าจะทำให้ประชาชนได้สวัสดิการมากกว่าที่กัดดาฟี มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความคับข้องใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ จนกัดดาฟี อึดอัดกับคำสั่งอเมริกาและซาอุ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในโอเปค (ตอนนั้นยังไม่ใช่โอเปคพลัสอย่างทุกวันนี้) ที่ให้ทุกประเทศในโอเปคต้องขายน้ำมันผูกขาดด้วย petrodollar เท่านั้น กัดดาฟีประกาศจะไม่ทำตาม จะขายน้ำมันด้วยเงินดีนาร์ทองคำ หรือแลกด้วยทองคำ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นทำลาย petrodollar อเมริกาจึงวางแผนกำจัดกัดดาฟี อเมริกาจึงไปยุยงวางแผนให้นักศึกษาก่อการจลาจล ลิเบียสปริง มีอเมริกาโดย CIA ดำเนินการให้ทั้งเงิน อาวุธ และสนับสนุนด้านอื่นๆ กัดดาฟีปราบปรามนักศึกษาที่ก่อการจลาจล สื่อตะวันตกก็พร้อมใจกันประโคมว่า กัดดาฟีเป็นผู้นำเผด็จการเข่นฆ่าประชาชนและนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ใหญ่โต และเป็นระบบ พอโหมประโคมโฆษณาชวนเชื่อจนล้างสมองคนทั้งโลกได้ อเมริกาและอังกฤษ ก็ส่งกองกำลังเข้าไปจับกัดดาฟีฆ่า ปล้นเอาทองคำในคลังหลวงของลิเบียไปหมด ยึดสัมปทานน้ำมันให้บริษัทตะวันตกไปร่ำรวยต่อ สวัสดิการทุกอย่างหายไปหมดสิ้น อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส จัดตั้งคนที่ตนสั่งได้ขึ้นมาแทนกัดดาฟี แต่กองกำลังอื่นๆ ไม่ยอมรับและเริ่มมีการต่อสู้แย่งอำนาจกันรุนแรงขึ้นเรื่อย จนบ้านเมืองพินาศวอดวาย อเมริกา หลังจากฆ่ากัดดาฟีได้ ก็ถอยไปให้อังกฤษกับฝรั่งเศสเจ้านายเดิมเข้ามาจัดการ แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ก็ไม่อยากลงทุนส่งทหารไปตายในลิเบีย เพราะสงครามแย่งชิงอำนาจของกองกำลังต่างๆ รบกันรุนแรงมาก ถ้าอังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งทหารไป จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารจะตายเยอะ และดูว่าไม่น่าจะสำเร็จจึงถอยมาปล่อยให้กองกำลังลิเบียฆ่ากันเองต่อไป จนโอบาม่าออกปากว่า อเมริกาฆ่ากัดดาฟีให้แล้ว พรรคพวกในยุโรปจัดการแย่มากจนลิเบียเละตุ้มเป๊ะไปหมด คนลิเบียฆ่ากันตายมากมาย บ้านเมืองพังพินาศ ความยากจนขาดแคลน เกิดทั่วประเทศ คนลิเบียหลายล้านคน ราวหนึ่งในสามต้องหนีตายจากสงครามและความอดอยาก ต้องอพยพเป็นมนุษย์เรือลี้ภัยออกจากลิเบียไปยุโรป เรือล่มจมน้ำตายมากมาย ที่เหลือต้องไปอยู่เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่ ห้า อยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกกดขี่ และเกลียดชัง เพราะเป็นคนอิสลามผิวสี ไปอยู่ในหมู่ชาวคริสตผิวขาว เป็นผู้ลี้ภัยที่เจ้าของบ้าน ไม่อยากต้อนรับ จนเดี๋ยวนี้ ลิเบียยังรบกันอยู่ จากเมืองที่เคยเป็นเหมือนสวรรค์ อเมริกาทำให้กลับกลายเป็นนรกได้ ตอนนี้พวกนักศึกษาที่ก่อการจลาจล ลี้ภัย ตกนรกกันอยู่ที่ไหนบ้าง แต่อเมริกาทำไม่ได้ ถ้านักศึกษาของลิเบีย (ที่กัดดาฟีใช้เงินจากการขายน้ำมันส่งให้เรียนฟรีทั้งในและต่างประเทศ) ไม่หลงลมและร่วมมือกับ CIA ของอเมริกาก่อการจลาจล นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก่อการจลาจล ป่านนี้คงรู้สำนึกแล้วว่าไม่น่าทำลายบ้านเมืองตัวเอง ถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยในกระดาน พอใช้เสร็จก็ถูกทิ้ง แต่รู้สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว ลิเบียกลายเป็นนรกไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว กบเลือกนายจนทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอดละครับ วันชัย รุจนวงศ์ 20/4/23 *************************** # บทความของ ชัย ราชวัตร เตือนคนไทย อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา" ....ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!! .....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด……. .....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว .....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด ….. .....เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี….. .....ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง .....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย .....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย ….. .....กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น …. .....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน .....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ .....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้ .....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง .....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย… #เรารักประเทศไทย Cr : ชัย ราชวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • โผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม
    .
    ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว
    .
    อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15
    .
    ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม
    .
    ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า
    “โผไม่ลงตัว”
    .
    เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์
    .
    เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ
    .
    ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น
    ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี
    .
    แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น
    .
    ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน
    .
    ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช.
    .
    กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่
    .
    เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า
    “มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง
    .
    การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น ..
    .
    . ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก”
    .
    ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!!
    ..............
    Sondhi X
    โผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม . ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว . อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15 . ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม . ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า “โผไม่ลงตัว” . เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ . เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ . ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี . แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น . ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน . ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช. . กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่ . เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า “มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง . การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น .. . . ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก” . ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!! .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    Sad
    13
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29-09-67/04 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.2

    "นาสรัลเลาะห์" ผู้นำเฮซบอเลาะห์ตายห่าแย้ว! ทำไงดี! อียิวแสบจัด มันเก่งจุงเบย ว๊ายๆ ช่วยตื่นตูมที! กูถามหน่อย "สงครามข่าวสาร" มาเป็นปีปี มีทั้งจริงและหลอก รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากมันเนี่ยแหละ? ดูภาพรวมให้ออก ตะวันออกกลางกำลังจะทำอะไร? ดูสเตปที่ผ่านมาจะเข้าใจเกมส์ สุไลมานีตาย ไรซีตาย ผู้นำฮามาสตาย มา "นาสรัลเลาะห์" ตายต่อ แล้วใครจะตายห่าอีก "คาเมเนอีเหรอ?" ถามคำเดียว สู้กับยิวเหี้ยไซออนนิสต์ แผนลอบฆ่าผู้นำ หน่วยข่าวกรองรู้มาเป็นชาติแล้ว เค้าระวังตัวและรัดกุมมาโดยตลอด ที่มาของแผนสับขาหลอก โยกไปอยู่เบื้องหลัง เอาหุ่นเชิดมาแทน กูเอ๊ะใจตั้งแต่เลือกสถานที่พัก ที่ประชุมแล้ว มันโล่งโจ่งเด่นชัดเกิน โจมตีง่ายปุยมุย? โลกของสงคราม มันซับซ้อนกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ มรึงรู้มั้ยว่า ตัวผู้นำระดับโลกแท้จริง มีตัวโคลนกี่ตัว ทุกชาติต่างมีตัวโคลน เพื่อจัดฉากการตายทั้งนั้น หากอียิ;มันไล่ฆ่าผู้นำที่ผ่านมาได้จริง ป่านนี้ มันชนะศึกไปนานแล้ว ทำไม นานวันยิ่งสู้ ยิ่งตายเกลื่อน ถูกลงแขกยับเยินทุกวัน เพราะอิหร่านใช้ประโยชน์จากแผนซ้อนแผนเนี่ยแหละ มรึงดูรัสเซียก็พอ พอพริโกซินตายปลอมกลายร่างเป็นผีน้อยคิวทาโร่ปุ๊บ ทุกอย่างดูง่ายดาย ผ่านฉลุย ไม่ต้องกังวลเหี้ยอะไรอีก สั่งการตรงได้ ไปไหนมาไหนสะดวกโยธิน กลายเป็นผีตัวจริง แม้แต่เงายังหาไม่เจอ สูตรเดียวกันหมด อิหร่านก็เดินแผนเฉดเช่นเดียวกับ WAGNER กะอีแค่ข่าวยิงถล่มขีปนาวุธใส่ฐานบัญชาการ และเฮซบอเลาะห์ อิหร่าน รีบออกมายื่นยันการเสียชีวิตทันทีก็ชัดแล้ว ทำไมต้องรีบตาย มันคือน้ำมันชั้นดี ที่มีเอาไว้ราดไฟไงล่ะ ไฟที่จะทำให้ชาติมุสลิมรวมตัวต่อกันติดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็โยนบาปให้อียิวเป็นแพะทันที เพราะมันเข้าใจว่ามันคือผู้สั่งหาร พ่วงใบเสร็จชำระแค้นสะดวกโยธินบูรณะ! ถามกลับ ห้องลับมีมุย? ห้องใต้ดินมีมุย? SAFE HOUSE มีกันทุกชาติ ใครเค้าจะบอกมรึงว่ากูอยู่ตรงไหน? ใครให้ข่าว ใครปล่อยข่าวลวง ชี้เป้าให้อียิวถล่ม สายลับ หนอนบ่อนไส้ ก็ถูกหลอกใช้ได้เช่นกัน ตายต้องเห็นศพ เคยเห็นศพ ตัวจริงมั้ยล่ะ มีแต่ภาพข่าว รายการตามกันมาทั้งนั้น ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่า ทำไมมันตายง่าย ตายถี่ ได้เยี่ยงนี้ ผิดปกติไปป่ะ? ก็หมีบอกไปเป็นชาติแล้วว่า "โลกการละคร" บทไม่เนียน โลกก็ไม่เคลื่อนไหวน่ะสิ? สรุปคือ อิหร่านและพันธมิตร กำลังจะใช้ข่าวลวง เพื่อโยกย้ายบุคคลสำคัญลงใต้ดิน(อยู่หลังฉาก)ให้หมด เพื่อง่ายต่อการบัญชาการ ส่งหุ่นเชิดออกหน้าแทน ย้ำว่า "ตัวโคลนมีกันทุกชาติ" มรึงดูอีทรัมปป์ อีเอ๋อ ก็พอ ภาพที่เอามาแฉตามโซเชี่ยล จับพิรุจกันอย่างเมามันส์ กลยุทธเค้ามีไว้สับขาหลอก อ่านง่ายจะเรียกสงครามเหรอ? ดูเกมส์ให้ดูภาพใหญ่ อย่าตามภาพย่อย มรึงจะหลงทาง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครตาย? แต่อยู่ที่ผลลัพธ์นั้นส่งผลกระทบต่ออะไรต่างหาก? อียิวมันจนตรอกแล้ว มันทำทุกอย่างได้หมดทุกเรื่องที่มวลมนุษยชาติไม่กล้าทำ? ไม่งั้นโลกจะสำเร็จตามแผนขั้วใหม่ที่วางเอาไว้เหรอ โดดเดียวสหรัฐ อังกฤษ NATO อิสราเอล ทุกอย่างมาตามนัดเป๊ะเด๊ะ! สรุปคือจะตายจริง ตายหลอก แต่เป้าหมายโลกอาหรับสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ดึงโลกมาประณามอิสราเอล ดึงโลกมาลงแขกอียิวสลัดหมา ยิวไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นชาติพันธุ์หิวกระหายสงคราม และนั่นยิ่งทำให้ปาเลสไตน์ถูกโลกอุ้มง่ายยิ่งขึ้น ถามจริง? มรึงก็เห็นเต็มตาว่าขีปนาวุธเยเมนไล่ฆ่าเหี้ยไอ้อีที่ว่าแน่ตายห่าหมด แล้วทำไม ไม่รีบเผด็จศึกเยรูซาเล็ม ที่แผ่นดินเท่าเหมี๋ยวดิ้นตายให้จบๆ ไปเลยล่ะ? ระดับโลกเค้าวางแผนหลายชั้น หากจัดการได้ง่ายจริง คงไม่ต้องมาพูดกันให้เยอะในวันนี้ ฆ่ายิวไม่ยาก แต่จะฆ่าเผ่าพันธุ์ทั้งโคตรยิว รวมถึงแหล่งรายได้มันทั้งหมดได้จริง มรึงต้องให้ทั้งโลกร่วมมือกัน นี่คือคีย์ของเรื่องนี้ ไอ้ที่ทำมาทั้งหมด เพื่อให้โลกรวมตัวต่อต้านอียิวเหี้ยเป็นเอกฉันท์ นั่นแหละ มรึงถึงจะชนะสงครามแท้จริง! ขอบอกว่า อิหร่านฉลาดกว่านั้นเยอะ "คาเมเนอี" ก็มีตัวโคลนเช่นกัน ดังนั้น หากจะตายซ้อน ต้องเป็นเรื่องที่พลิกเกมส์เท่านั้น อิหร่านไม่ใช่ควาย ที่ให้อียิวมันมาเจาะง่ายๆ ไม่งั้นตกเป็นเมืองขึ้นยิวนานแล้ว ยังสู้มาได้จนถึงวันนี้ ทีมห้องสีขาว กุนซือ เกจิดัง ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? หากยังไม่ตกผลึกกับสงครามข่าวสาร เชื่อทุกอย่างที่เห็น มรึงก็จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง? สติมี ปัญญาเกิด ลองคิดตามหมีดูเอง และพิจารณาด้วยตัวเอง ว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ภาพรวมเป็นยังไง การกระทำมันฟ้องหมดแล้ว เอาล่ะ? ไม่ต้องสนใจว่าใครจะตายห่าอีก นั่นแค่ผงชูรส แก่นแท้อยู่ที่ อิสราเอลจะสิ้นชาติพันธุ์ได้ยังไง? สิ่งที่อิหร่านทำอยู่ มันคือการเปิดหน้าร่างจริงของอียิวอยู่ และนั่นจะยิ่งให้โลกปฎิเสธยิวมากยิ่งขึ้น จนจำไปสู่การสิ้นชาติ สูญพันธุ์ เปลี่ยนร่างใหม่ ชื่อใหม่ เหมือนที่มันเคยทำมาก่อน ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย? อียิวมันอยู่มาได้เป็น 1000 ปี หากไม่เหี้ยจริง เอาตัวไม่รอดดอก?

    มาตามนัด! คาเมเนอี ได้ที "ปลุกเร้า" ชาวเปอร์เซีย อาหรับ มุสลิม งานนี้ต้องกฐินผ้าป่าชุดใหญ่ ไปพร้อมกันหมดทั้งโลก ลงแขกอียิวจนขี้แตก อย่าให้เหลือแม้แต่ศพ เอาให้ระเหยไปในอากาศสิ้นชาติ สูญพันธุ์ กันไปเลย? บทมันส่งให้ผู้นำแห่งศรัทธา "คาเมเนอี" ชัดเจน! วันนี้ อียิวปล่อยข่าวลวง ว่าชนะ พรุ่งนี้ อียิวตายโหงเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวปล่อยข่าวลอบสังหารเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวถูกขยี้จนหมดทางหนี เรื่องราวมันไม่ไปไหนดอก มันแค่หนังม้วนเดิมที่เล่นปาหี่หลอกควายโลกไปวันวัน จุดเปลี่ยนถึงต้องมี เพราะเค้ารออยู่ ว่าใครจะงัดมินิคุ๊กกี้ใช้ก่อนกัน สงคราม จะวัดกันที่ความได้เปรียบ เสียเปรียบ แผนการที่กดศัตรูอยู่หมัด บีบให้เดินในทางที่ตนวางเอาไว้ต่างหากล่ะ? โลกอาหรับมีเงินเยอะ มีเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ต่างจากเหี้ยเลย เพราะกูมีน้ำมัน แก็ส รวยรายวัน ไม่แปลกหากจะลงขันเก็บอียิว มรึงคิดเหรอว่า ข่าวที่รั่วจากเยรูซาเล็มบ่อยครั้ง เป็นเพราะมันมีหนอนบ่อนไส้ภายใน ฮามาส ทำไมชนะศึกกาซ่าราบคาบ เพราะคนในเป็นสายให้ไงล่ะ? เมื่อคนในเป็นสาย ก็สามารถให้ข่าว และปล่อยข่าวได้เช่นกัน อยู่ที่มรึงจะสับขาหลอกยังไง? ขำเอาไว้ว่า การเสียชีวิตของผู้นำ มันไม่มีทางปิดบังกันง่ายดอก หากมรึงแน่ขนาดนั้น มรึงคงทำสำเร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องรอมาถึงวันนี้ การรีบให้รายงานการเสียชีวิตทันที มันมิใช่เรื่องปกติของสงครามดอกน่ะ มันง่ายเกินปุยมุย? มรึงยิงปุ๊บ กูตายปั๊บ มรึงประกาศผลงานไม่ทันไร กูชิงประกาศยอมรับซะงั้น เหมือนตั้งใจมาเต็มเหนี่ยว นี่แหละ ที่น่ากลัว! เพราะอียิวไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังจะล่อหนักทางไหน? เดาทางยาก นี่สิ คือกลยุทธสงครามปลายเปิด ให้มรึงเดาทางไปจนกว่าเส้นเลือดสมองแตกตาย? คาเมเนอี ไม่ธรรมดาดอกน่ะ ผู้นำจิตวิญญาน เค้าย่อมรู้ดีว่า "อะไรจะเกิดขึ้น และอะไรจะตามมา" ไม่แน่ ไอ้ที่ควายโลกเครียดกันอยู่ อาจจะเป็นแค่ละครฉากนึงที่ทั้ง 2 ฝ่ายจัดฉากขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างใด อย่างนึงก็ได้ โลกคือละคร บอกแล้ว

    ปล.เกมส์บดขยี้ กำลังอยู่ในช่วงพีค เยเมนซัดขีปนาวุธจมเรือรบเหี้ยมะกัน 3 ลำฉลุย ยิงฝ่าแนวป้องกันภัยถล่มฐานทัพเหี้ยที่ราบสูงโกลานต่ออีก นี่ไง ภาพที่มันจะบ่งบอกว่า อียิวถูกลงแขกอยู่ ภาพที่อียิวไม่อยากให้โลกรู้ความจริง ว่าหลังชนฝาแล้ว สื่อเหี้ยทั้งโลก ตอแหลทุกวันเช้าเย็น ต้นทาง REUTER มั่วข่าวจนมึนซะเอง ลืมไปว่าเมื่อวานพูดอะไรเอาไว้ ไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้น ให้ดูผลลัพธ์ของการกระทำ ให้ดูภาพใหญ่ ว่าโลกเดินไปทางไหน? ใครควบคุมเกมส์อยู่หมัด? ใครสั่งใครได้จริง? เข้าใจหมากเกมส์โลกยัง? ทั้งหมดเพื่อชงให้เกิด WWIII ไงล่ะ? แต่มันเป็นของปลอม เพราะโลกไล่กระทืบเหี้ยฝ่ายเดียว ฝั่งเหี้ยมีแต่คนหนี ฝั่งคนมีแต่คนเข้า มันชนะอยู่แล้ว แค่ทำให้จบขบวนความ และตั้งกติกาโลกกันใหม่ ทุกอย่าง โมเมตั่มไปทางเดียวกันหมด โลกมี BRICS นำหน้าแล้ว เรื่องอียิวกับปาเลสไตน์ มันต้องมีวันจบ มติโลกมาแล้ว สันนิบาตอาหรับมาแล้ว อียิวทำได้แค่ก่อสงครามใหญ่ โดยยั่วยุชาติมุสลิมให้เข้ามาร่วมวง แต่อิหร่านรู้ทัน จัดการเฉพาะพื้นที่ จัดการเฉพาะผู้ขัดแย้งผลประโยชน์ ยังไม่ให้แอฟริกา ลาติน ยุโรป เอเซีย เข้ามายุ่งมากกว่านี้ แค่คอยแบ็คอีพก็พอ? หากถามหมี ว่าแท้จริงแล้ว อิหร่านต้องการยังไง? จะจบยังไง? ตอบได้แค่ว่า "งานนี้ไม่รีบ" เอาถึงตาย ตายแบบไม่มีวันได้ฟื้นขึ้นอีก เอาให้สิ้นชื่อ สูญพันธุ์ ตัวละครลับ เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ การตายของผู้นำหลายคน หลายฝ่าย มันมีข้อสงสัยมากจนผิดปกติ ทุกคำตอบย่อมมีคำถาม และทุกคำถามย่อมหาคำตอบได้ ด้วยสติ ปัญญา! อย่าตามเพื่อเชื่อเค้า แต่จงคิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำ มันเพื่อใคร? ใครได้ประโยชน์สูงสุด? ยังมีแผนสับขาหลอกอีกเยอะ ตราบใดที่สงครามยังไม่แตกหักขั้นสูงสุด ไพ่เด็ดมักจะออกมาตอนท้ายเสมอ อิหร่านยังมีอะไรซ่อนอีกเยอะ อาวุธปรมาณูก็มี ระบบป้องกันภัย S-400 ก็มี SU-35 ก็มีเป็นฝูง ดาวเทียมอัจฉริยะก็มี มาไกลซะขนาดนี้ มรึงคิดว่าอิหร่านจะยอมโง่ตายห่าฟรี แค่ขีปนาวุธกระจอกๆ ลูกนึงเหรอ? ตื่นๆๆๆๆ มันมีเงื่อนงำเสมอ

    หมี CNN(เท็จคือจริง จริงคือเท็จ ไม่มีใครบอกใครได้ แผนซ้อนแผนใช้กันมากในยามสงครามที่ควันตลบอบอวน ยิ่งศัตรูหลงทาง ยิ่งจัดการได้ง่าย ขีปนาวุธอียิว บินรบอียิว มรึงคิดว่าอิหร่านมีด้อยกว่าเหรอไง? บางครั้งแกล้งแพ้บ้าง เพื่ออรรถรส เวลาพลิกกระดานครั้งเดียว เหี้ยตายหมดทั้งหน้าตัก มันเจ็บจี๊ดกว่าเยอะ สงครามดูตอนจบ ใครเค้าดูตอนเริ่มกันล่ะ? ยังอีกยาว ไม่ต้องรีบเครียด ดูให้ขำขำ เหมือนดูละครซีรีย์ไปซะ เดี๋ยวก็ชิน พรุ่งนี้ คาเมเนอีตาย ปูตินตาย สีจิ้นผิงตาย ยิวครองโลก อเมริกาชนะ กู้โลกเน่าสำเร็จ ตื่นซะน่ะ ความจริงมีแค่ 1 เดียว คือพวกมรึงคือ "ไอ้ขี้แพ้" กระจอกของจริง)
    29 กย. 67
    17.47 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172760703303882109
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    29-09-67/04 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.2 "นาสรัลเลาะห์" ผู้นำเฮซบอเลาะห์ตายห่าแย้ว! ทำไงดี! อียิวแสบจัด มันเก่งจุงเบย ว๊ายๆ ช่วยตื่นตูมที! กูถามหน่อย "สงครามข่าวสาร" มาเป็นปีปี มีทั้งจริงและหลอก รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากมันเนี่ยแหละ? ดูภาพรวมให้ออก ตะวันออกกลางกำลังจะทำอะไร? ดูสเตปที่ผ่านมาจะเข้าใจเกมส์ สุไลมานีตาย ไรซีตาย ผู้นำฮามาสตาย มา "นาสรัลเลาะห์" ตายต่อ แล้วใครจะตายห่าอีก "คาเมเนอีเหรอ?" ถามคำเดียว สู้กับยิวเหี้ยไซออนนิสต์ แผนลอบฆ่าผู้นำ หน่วยข่าวกรองรู้มาเป็นชาติแล้ว เค้าระวังตัวและรัดกุมมาโดยตลอด ที่มาของแผนสับขาหลอก โยกไปอยู่เบื้องหลัง เอาหุ่นเชิดมาแทน กูเอ๊ะใจตั้งแต่เลือกสถานที่พัก ที่ประชุมแล้ว มันโล่งโจ่งเด่นชัดเกิน โจมตีง่ายปุยมุย? โลกของสงคราม มันซับซ้อนกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ มรึงรู้มั้ยว่า ตัวผู้นำระดับโลกแท้จริง มีตัวโคลนกี่ตัว ทุกชาติต่างมีตัวโคลน เพื่อจัดฉากการตายทั้งนั้น หากอียิ;มันไล่ฆ่าผู้นำที่ผ่านมาได้จริง ป่านนี้ มันชนะศึกไปนานแล้ว ทำไม นานวันยิ่งสู้ ยิ่งตายเกลื่อน ถูกลงแขกยับเยินทุกวัน เพราะอิหร่านใช้ประโยชน์จากแผนซ้อนแผนเนี่ยแหละ มรึงดูรัสเซียก็พอ พอพริโกซินตายปลอมกลายร่างเป็นผีน้อยคิวทาโร่ปุ๊บ ทุกอย่างดูง่ายดาย ผ่านฉลุย ไม่ต้องกังวลเหี้ยอะไรอีก สั่งการตรงได้ ไปไหนมาไหนสะดวกโยธิน กลายเป็นผีตัวจริง แม้แต่เงายังหาไม่เจอ สูตรเดียวกันหมด อิหร่านก็เดินแผนเฉดเช่นเดียวกับ WAGNER กะอีแค่ข่าวยิงถล่มขีปนาวุธใส่ฐานบัญชาการ และเฮซบอเลาะห์ อิหร่าน รีบออกมายื่นยันการเสียชีวิตทันทีก็ชัดแล้ว ทำไมต้องรีบตาย มันคือน้ำมันชั้นดี ที่มีเอาไว้ราดไฟไงล่ะ ไฟที่จะทำให้ชาติมุสลิมรวมตัวต่อกันติดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็โยนบาปให้อียิวเป็นแพะทันที เพราะมันเข้าใจว่ามันคือผู้สั่งหาร พ่วงใบเสร็จชำระแค้นสะดวกโยธินบูรณะ! ถามกลับ ห้องลับมีมุย? ห้องใต้ดินมีมุย? SAFE HOUSE มีกันทุกชาติ ใครเค้าจะบอกมรึงว่ากูอยู่ตรงไหน? ใครให้ข่าว ใครปล่อยข่าวลวง ชี้เป้าให้อียิวถล่ม สายลับ หนอนบ่อนไส้ ก็ถูกหลอกใช้ได้เช่นกัน ตายต้องเห็นศพ เคยเห็นศพ ตัวจริงมั้ยล่ะ มีแต่ภาพข่าว รายการตามกันมาทั้งนั้น ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่า ทำไมมันตายง่าย ตายถี่ ได้เยี่ยงนี้ ผิดปกติไปป่ะ? ก็หมีบอกไปเป็นชาติแล้วว่า "โลกการละคร" บทไม่เนียน โลกก็ไม่เคลื่อนไหวน่ะสิ? สรุปคือ อิหร่านและพันธมิตร กำลังจะใช้ข่าวลวง เพื่อโยกย้ายบุคคลสำคัญลงใต้ดิน(อยู่หลังฉาก)ให้หมด เพื่อง่ายต่อการบัญชาการ ส่งหุ่นเชิดออกหน้าแทน ย้ำว่า "ตัวโคลนมีกันทุกชาติ" มรึงดูอีทรัมปป์ อีเอ๋อ ก็พอ ภาพที่เอามาแฉตามโซเชี่ยล จับพิรุจกันอย่างเมามันส์ กลยุทธเค้ามีไว้สับขาหลอก อ่านง่ายจะเรียกสงครามเหรอ? ดูเกมส์ให้ดูภาพใหญ่ อย่าตามภาพย่อย มรึงจะหลงทาง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครตาย? แต่อยู่ที่ผลลัพธ์นั้นส่งผลกระทบต่ออะไรต่างหาก? อียิวมันจนตรอกแล้ว มันทำทุกอย่างได้หมดทุกเรื่องที่มวลมนุษยชาติไม่กล้าทำ? ไม่งั้นโลกจะสำเร็จตามแผนขั้วใหม่ที่วางเอาไว้เหรอ โดดเดียวสหรัฐ อังกฤษ NATO อิสราเอล ทุกอย่างมาตามนัดเป๊ะเด๊ะ! สรุปคือจะตายจริง ตายหลอก แต่เป้าหมายโลกอาหรับสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ดึงโลกมาประณามอิสราเอล ดึงโลกมาลงแขกอียิวสลัดหมา ยิวไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นชาติพันธุ์หิวกระหายสงคราม และนั่นยิ่งทำให้ปาเลสไตน์ถูกโลกอุ้มง่ายยิ่งขึ้น ถามจริง? มรึงก็เห็นเต็มตาว่าขีปนาวุธเยเมนไล่ฆ่าเหี้ยไอ้อีที่ว่าแน่ตายห่าหมด แล้วทำไม ไม่รีบเผด็จศึกเยรูซาเล็ม ที่แผ่นดินเท่าเหมี๋ยวดิ้นตายให้จบๆ ไปเลยล่ะ? ระดับโลกเค้าวางแผนหลายชั้น หากจัดการได้ง่ายจริง คงไม่ต้องมาพูดกันให้เยอะในวันนี้ ฆ่ายิวไม่ยาก แต่จะฆ่าเผ่าพันธุ์ทั้งโคตรยิว รวมถึงแหล่งรายได้มันทั้งหมดได้จริง มรึงต้องให้ทั้งโลกร่วมมือกัน นี่คือคีย์ของเรื่องนี้ ไอ้ที่ทำมาทั้งหมด เพื่อให้โลกรวมตัวต่อต้านอียิวเหี้ยเป็นเอกฉันท์ นั่นแหละ มรึงถึงจะชนะสงครามแท้จริง! ขอบอกว่า อิหร่านฉลาดกว่านั้นเยอะ "คาเมเนอี" ก็มีตัวโคลนเช่นกัน ดังนั้น หากจะตายซ้อน ต้องเป็นเรื่องที่พลิกเกมส์เท่านั้น อิหร่านไม่ใช่ควาย ที่ให้อียิวมันมาเจาะง่ายๆ ไม่งั้นตกเป็นเมืองขึ้นยิวนานแล้ว ยังสู้มาได้จนถึงวันนี้ ทีมห้องสีขาว กุนซือ เกจิดัง ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? หากยังไม่ตกผลึกกับสงครามข่าวสาร เชื่อทุกอย่างที่เห็น มรึงก็จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง? สติมี ปัญญาเกิด ลองคิดตามหมีดูเอง และพิจารณาด้วยตัวเอง ว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ภาพรวมเป็นยังไง การกระทำมันฟ้องหมดแล้ว เอาล่ะ? ไม่ต้องสนใจว่าใครจะตายห่าอีก นั่นแค่ผงชูรส แก่นแท้อยู่ที่ อิสราเอลจะสิ้นชาติพันธุ์ได้ยังไง? สิ่งที่อิหร่านทำอยู่ มันคือการเปิดหน้าร่างจริงของอียิวอยู่ และนั่นจะยิ่งให้โลกปฎิเสธยิวมากยิ่งขึ้น จนจำไปสู่การสิ้นชาติ สูญพันธุ์ เปลี่ยนร่างใหม่ ชื่อใหม่ เหมือนที่มันเคยทำมาก่อน ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย? อียิวมันอยู่มาได้เป็น 1000 ปี หากไม่เหี้ยจริง เอาตัวไม่รอดดอก? มาตามนัด! คาเมเนอี ได้ที "ปลุกเร้า" ชาวเปอร์เซีย อาหรับ มุสลิม งานนี้ต้องกฐินผ้าป่าชุดใหญ่ ไปพร้อมกันหมดทั้งโลก ลงแขกอียิวจนขี้แตก อย่าให้เหลือแม้แต่ศพ เอาให้ระเหยไปในอากาศสิ้นชาติ สูญพันธุ์ กันไปเลย? บทมันส่งให้ผู้นำแห่งศรัทธา "คาเมเนอี" ชัดเจน! วันนี้ อียิวปล่อยข่าวลวง ว่าชนะ พรุ่งนี้ อียิวตายโหงเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวปล่อยข่าวลอบสังหารเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวถูกขยี้จนหมดทางหนี เรื่องราวมันไม่ไปไหนดอก มันแค่หนังม้วนเดิมที่เล่นปาหี่หลอกควายโลกไปวันวัน จุดเปลี่ยนถึงต้องมี เพราะเค้ารออยู่ ว่าใครจะงัดมินิคุ๊กกี้ใช้ก่อนกัน สงคราม จะวัดกันที่ความได้เปรียบ เสียเปรียบ แผนการที่กดศัตรูอยู่หมัด บีบให้เดินในทางที่ตนวางเอาไว้ต่างหากล่ะ? โลกอาหรับมีเงินเยอะ มีเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ต่างจากเหี้ยเลย เพราะกูมีน้ำมัน แก็ส รวยรายวัน ไม่แปลกหากจะลงขันเก็บอียิว มรึงคิดเหรอว่า ข่าวที่รั่วจากเยรูซาเล็มบ่อยครั้ง เป็นเพราะมันมีหนอนบ่อนไส้ภายใน ฮามาส ทำไมชนะศึกกาซ่าราบคาบ เพราะคนในเป็นสายให้ไงล่ะ? เมื่อคนในเป็นสาย ก็สามารถให้ข่าว และปล่อยข่าวได้เช่นกัน อยู่ที่มรึงจะสับขาหลอกยังไง? ขำเอาไว้ว่า การเสียชีวิตของผู้นำ มันไม่มีทางปิดบังกันง่ายดอก หากมรึงแน่ขนาดนั้น มรึงคงทำสำเร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องรอมาถึงวันนี้ การรีบให้รายงานการเสียชีวิตทันที มันมิใช่เรื่องปกติของสงครามดอกน่ะ มันง่ายเกินปุยมุย? มรึงยิงปุ๊บ กูตายปั๊บ มรึงประกาศผลงานไม่ทันไร กูชิงประกาศยอมรับซะงั้น เหมือนตั้งใจมาเต็มเหนี่ยว นี่แหละ ที่น่ากลัว! เพราะอียิวไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังจะล่อหนักทางไหน? เดาทางยาก นี่สิ คือกลยุทธสงครามปลายเปิด ให้มรึงเดาทางไปจนกว่าเส้นเลือดสมองแตกตาย? คาเมเนอี ไม่ธรรมดาดอกน่ะ ผู้นำจิตวิญญาน เค้าย่อมรู้ดีว่า "อะไรจะเกิดขึ้น และอะไรจะตามมา" ไม่แน่ ไอ้ที่ควายโลกเครียดกันอยู่ อาจจะเป็นแค่ละครฉากนึงที่ทั้ง 2 ฝ่ายจัดฉากขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างใด อย่างนึงก็ได้ โลกคือละคร บอกแล้ว ปล.เกมส์บดขยี้ กำลังอยู่ในช่วงพีค เยเมนซัดขีปนาวุธจมเรือรบเหี้ยมะกัน 3 ลำฉลุย ยิงฝ่าแนวป้องกันภัยถล่มฐานทัพเหี้ยที่ราบสูงโกลานต่ออีก นี่ไง ภาพที่มันจะบ่งบอกว่า อียิวถูกลงแขกอยู่ ภาพที่อียิวไม่อยากให้โลกรู้ความจริง ว่าหลังชนฝาแล้ว สื่อเหี้ยทั้งโลก ตอแหลทุกวันเช้าเย็น ต้นทาง REUTER มั่วข่าวจนมึนซะเอง ลืมไปว่าเมื่อวานพูดอะไรเอาไว้ ไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้น ให้ดูผลลัพธ์ของการกระทำ ให้ดูภาพใหญ่ ว่าโลกเดินไปทางไหน? ใครควบคุมเกมส์อยู่หมัด? ใครสั่งใครได้จริง? เข้าใจหมากเกมส์โลกยัง? ทั้งหมดเพื่อชงให้เกิด WWIII ไงล่ะ? แต่มันเป็นของปลอม เพราะโลกไล่กระทืบเหี้ยฝ่ายเดียว ฝั่งเหี้ยมีแต่คนหนี ฝั่งคนมีแต่คนเข้า มันชนะอยู่แล้ว แค่ทำให้จบขบวนความ และตั้งกติกาโลกกันใหม่ ทุกอย่าง โมเมตั่มไปทางเดียวกันหมด โลกมี BRICS นำหน้าแล้ว เรื่องอียิวกับปาเลสไตน์ มันต้องมีวันจบ มติโลกมาแล้ว สันนิบาตอาหรับมาแล้ว อียิวทำได้แค่ก่อสงครามใหญ่ โดยยั่วยุชาติมุสลิมให้เข้ามาร่วมวง แต่อิหร่านรู้ทัน จัดการเฉพาะพื้นที่ จัดการเฉพาะผู้ขัดแย้งผลประโยชน์ ยังไม่ให้แอฟริกา ลาติน ยุโรป เอเซีย เข้ามายุ่งมากกว่านี้ แค่คอยแบ็คอีพก็พอ? หากถามหมี ว่าแท้จริงแล้ว อิหร่านต้องการยังไง? จะจบยังไง? ตอบได้แค่ว่า "งานนี้ไม่รีบ" เอาถึงตาย ตายแบบไม่มีวันได้ฟื้นขึ้นอีก เอาให้สิ้นชื่อ สูญพันธุ์ ตัวละครลับ เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ การตายของผู้นำหลายคน หลายฝ่าย มันมีข้อสงสัยมากจนผิดปกติ ทุกคำตอบย่อมมีคำถาม และทุกคำถามย่อมหาคำตอบได้ ด้วยสติ ปัญญา! อย่าตามเพื่อเชื่อเค้า แต่จงคิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำ มันเพื่อใคร? ใครได้ประโยชน์สูงสุด? ยังมีแผนสับขาหลอกอีกเยอะ ตราบใดที่สงครามยังไม่แตกหักขั้นสูงสุด ไพ่เด็ดมักจะออกมาตอนท้ายเสมอ อิหร่านยังมีอะไรซ่อนอีกเยอะ อาวุธปรมาณูก็มี ระบบป้องกันภัย S-400 ก็มี SU-35 ก็มีเป็นฝูง ดาวเทียมอัจฉริยะก็มี มาไกลซะขนาดนี้ มรึงคิดว่าอิหร่านจะยอมโง่ตายห่าฟรี แค่ขีปนาวุธกระจอกๆ ลูกนึงเหรอ? ตื่นๆๆๆๆ มันมีเงื่อนงำเสมอ หมี CNN(เท็จคือจริง จริงคือเท็จ ไม่มีใครบอกใครได้ แผนซ้อนแผนใช้กันมากในยามสงครามที่ควันตลบอบอวน ยิ่งศัตรูหลงทาง ยิ่งจัดการได้ง่าย ขีปนาวุธอียิว บินรบอียิว มรึงคิดว่าอิหร่านมีด้อยกว่าเหรอไง? บางครั้งแกล้งแพ้บ้าง เพื่ออรรถรส เวลาพลิกกระดานครั้งเดียว เหี้ยตายหมดทั้งหน้าตัก มันเจ็บจี๊ดกว่าเยอะ สงครามดูตอนจบ ใครเค้าดูตอนเริ่มกันล่ะ? ยังอีกยาว ไม่ต้องรีบเครียด ดูให้ขำขำ เหมือนดูละครซีรีย์ไปซะ เดี๋ยวก็ชิน พรุ่งนี้ คาเมเนอีตาย ปูตินตาย สีจิ้นผิงตาย ยิวครองโลก อเมริกาชนะ กู้โลกเน่าสำเร็จ ตื่นซะน่ะ ความจริงมีแค่ 1 เดียว คือพวกมรึงคือ "ไอ้ขี้แพ้" กระจอกของจริง) 29 กย. 67 17.47 น. https://linevoom.line.me/post/1172760703303882109 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตลอดทั้งวันมีการสร้างข่าวจากเครือข่ายโจมณฑนี
    ซึ่งข่าวนี้เริ่มมีการปล่อยผ่านบอท ผ่านยูซผีในx มาซักพัก
    คือการอ้างว่า กามิจมาถึงไทยแล้วและคืนดีกับแน๊กชาลีแล้ว
    บางคนถึงขนาดเอาภาพกามิจ ปั่นจักรยานซ้อนท้าย
    อ้างว่า นี่คือภาพจริง
    -พี่คิงส์เองต้องอึ้งในหลายๆอย่างกับความไม่เขินของโจและเครือข่าย
    แล้วยิ่งมั่นใจว่า โจมณฑนีคือผู้สร้างวาทะกรรมผ่านตัวอักษร
    เป็นหัวเชื้อในแต่ละเรื่อง ผ่านการคุยตรงกับกามิน และเอเจนซี่
    ทุกอย่างที่โพส ต่างโพสไปในทิศทางเดียวกัน
    ทั้งขบก. เพจ ช่อง และทุกทาง อย่างเป็นระบบ
    แต่ที่อึ้งที่สุด ก็น่าจะเป็นข่าวนี้
    1. โจ และเครือข่าย ต่างสร้างปัญหา ด้วยการเดินเกมส์แบบคนไม่จบม.6 ทำให้จับโป๊ะได้บ่อยแทบทุกชั่วโมง คนไทยทั้งประเทศยังรู้ ว่าโจสร้างเรื่องสร้างราวอะไรไว้บ้าง แล้วแน๊กจะไม่รู้เหรอ
    2. มีหลักฐานหลายประการ ที่ทำให้รู้ว่าโจ สื่อสารกับกามิจตลอด และกามิจเองก็ส่งของขวัญชื่นชมทุกคนที่ให้ร้ายแน๊ก ด้วยถ้อยคำที่แรงๆ
    3. ตอนนี้ แน็กก็รวบรวมหลักฐานในการจัดการกับเครือข่ายของโจ และเอเจนซี่ ที่ทำให้เรื่องบานปลาย
    4. ทุกการกระทำของโจ อยู่ภายใต้การรู้เห็นและการสั่งการจากกามินและเจนซี่ จากหลายๆเหตุการ์ โพสนี้ไม่เล่าย้อน หากต้องการทราบ ย้อนกลับไปอ่านทุกโพสแล้วท่านจะเห็นรายละเอียดนะครับ
    5. การล่วงล้ำก้ำเกิน จากแผนที่โจทำมา ในวันนี้มันได้ลามไปถึงครอบครัวของแน๊กชาลี มีการมาตรร้ายถึงขั้นจะบุกไปวาง เพลิง
    เอาแค่เฉพาะ 5 ข้อนี้ พี่คิงส์ถามว่า ใช้แค่สติปัญญาของเด็กประถมก็พอ
    จะรู้ว่า แน๊กจะกลับไปคืนดีกับกามิจจริงๆมั๊ย
    พี่คิงส์เลยนั่งวิเคราะห์และได้คำตอบดังนี้
    1. ผลประโยชน์ที่ได้จากเอเจนซี่มันค้ำคอ จึงหาสร้างเรื่องเพื่อสร้างผลงานประจำวัน
    2. นอกจากผลประโยชน์ และความรู้ที่จบจริงๆแค่ม.5 ของโจมณฑนี จึงคิดได้เพียงแผนที่ตื้นเขินแบบนี้
    3. กามิจหลุดพูดตั้งแต่ยังไม่ได้เลิกกับชาลี ว่าชาลีไม่ใช่สเป็ก หล่อสะอาดไม่ใช่แนว ต้องแนวยาคูซ่าปาจิงโกะแบบนั้น พอมันถูกเชิญกลับเกาหลี พอถึงเกาหลีปุ๊บ มันถึงเต้นเยาะเย้ยคนไทย และพูดชัดว่ามันดังด้วยตัวเอง นั่นแปลว่า กามิจมันไม่เคยรักชาลีเลยแม้แต่นาทีเดียว เป็นแค่การแสดง การแสดงออกตอนแรกนั่นคือตัวจริง ความรู้สึกจริง แล้วต้องไม่ลืมว่า มันอันฟอลทุกแพลตฟอร์มที่เป็นของชาลี ยังไม่รวม การเดินทางกลับระหว่างการคบกัน ไปเกาหลี ไม่เคยตอบแชท ไม่เคยติดต่อกลับ คนมันไม่เคยมีใจ เรื่องนี้ เรายังรับรู้ แล้วคิดว่าแน๊กชาลี จะไม่รู้และเข้าใจเหรอ
    4. ความฝันของหญิงชรา ที่ฝันกินหญ้าอ่อน ที่ห้ามใจไม่ได้
    ประเด็นนี้ ไม่ใช่ขำๆ หรือการแซะแต่อย่างใด สังเกตุได้จาก
    -การออกตัวของโจ มณฑนี ในการปกป้องกามิน มันมีความเลยเส้นแบบแปลกๆ เวลาที่เราลองอดทนฟัง โจ สาธยาย เราจะไม่รู้สึกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง ปกป้องคนหนึ่ง แต่การที่โจพูดถึงชาลี มันไปเหมือนกับ ชาลี ได้เลิกกับตัวเอง เหมือนตัวเอง คือคู่รักของชาลี ที่ตัวเองถูกทิ้ง มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
    -ด้วยสภาพจิตของโจ ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป แบบที่โจเองก็พูดเอง ในการสัมภาษณ์ที่พี่คิงส์เคยนำมาโพสไปแล้ว มันทำให้เราเองจะไม่สามารถคาดเดาว่าเธอคิดอะไรในแบบคนธรรมดาได้เลย
    -โจ เป็นคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จกับอะไรซักอย่าง ทั้งเรื่องการศึกษา การทำธุรกิจ และเรื่องความรัก มันพังมาตลอด
    -หากเราต้องการวิเคราะห์จริง และถ้าหากเรามองจากเรื่องทั้งหมดสิ่งหนึ่งที่แฝงไปพร้อมกับผลประโยชน์
    ผลลัพท์จากข้อมูลทั้งหมดนั่นคือ
    โจ มณฑนี กำลังมโนภาพว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องระหว่างแน๊กชาลี กับจีกามิน
    และการคิดขึ้นมาได้ สำหรับชุดความคิดว่า ชาลี และกามินได้กลับมาคบหากันอีกครั้งแล้ว ทั้งๆที่เหตุผลที่พี่คิงส์แจ้งไว้เบื้องต้น มันไม่มีทางเป็นไปได้ มีเหตุผลเดียว
    นั่นคือโจ ได้สะกดจิตตัวเองอีกครั้ง ว่าที่แท้จริงแล้ว
    เธอคือ จี กา โจ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ตลอดทั้งวันมีการสร้างข่าวจากเครือข่ายโจมณฑนี ซึ่งข่าวนี้เริ่มมีการปล่อยผ่านบอท ผ่านยูซผีในx มาซักพัก คือการอ้างว่า กามิจมาถึงไทยแล้วและคืนดีกับแน๊กชาลีแล้ว บางคนถึงขนาดเอาภาพกามิจ ปั่นจักรยานซ้อนท้าย อ้างว่า นี่คือภาพจริง -พี่คิงส์เองต้องอึ้งในหลายๆอย่างกับความไม่เขินของโจและเครือข่าย แล้วยิ่งมั่นใจว่า โจมณฑนีคือผู้สร้างวาทะกรรมผ่านตัวอักษร เป็นหัวเชื้อในแต่ละเรื่อง ผ่านการคุยตรงกับกามิน และเอเจนซี่ ทุกอย่างที่โพส ต่างโพสไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งขบก. เพจ ช่อง และทุกทาง อย่างเป็นระบบ แต่ที่อึ้งที่สุด ก็น่าจะเป็นข่าวนี้ 1. โจ และเครือข่าย ต่างสร้างปัญหา ด้วยการเดินเกมส์แบบคนไม่จบม.6 ทำให้จับโป๊ะได้บ่อยแทบทุกชั่วโมง คนไทยทั้งประเทศยังรู้ ว่าโจสร้างเรื่องสร้างราวอะไรไว้บ้าง แล้วแน๊กจะไม่รู้เหรอ 2. มีหลักฐานหลายประการ ที่ทำให้รู้ว่าโจ สื่อสารกับกามิจตลอด และกามิจเองก็ส่งของขวัญชื่นชมทุกคนที่ให้ร้ายแน๊ก ด้วยถ้อยคำที่แรงๆ 3. ตอนนี้ แน็กก็รวบรวมหลักฐานในการจัดการกับเครือข่ายของโจ และเอเจนซี่ ที่ทำให้เรื่องบานปลาย 4. ทุกการกระทำของโจ อยู่ภายใต้การรู้เห็นและการสั่งการจากกามินและเจนซี่ จากหลายๆเหตุการ์ โพสนี้ไม่เล่าย้อน หากต้องการทราบ ย้อนกลับไปอ่านทุกโพสแล้วท่านจะเห็นรายละเอียดนะครับ 5. การล่วงล้ำก้ำเกิน จากแผนที่โจทำมา ในวันนี้มันได้ลามไปถึงครอบครัวของแน๊กชาลี มีการมาตรร้ายถึงขั้นจะบุกไปวาง เพลิง เอาแค่เฉพาะ 5 ข้อนี้ พี่คิงส์ถามว่า ใช้แค่สติปัญญาของเด็กประถมก็พอ จะรู้ว่า แน๊กจะกลับไปคืนดีกับกามิจจริงๆมั๊ย พี่คิงส์เลยนั่งวิเคราะห์และได้คำตอบดังนี้ 1. ผลประโยชน์ที่ได้จากเอเจนซี่มันค้ำคอ จึงหาสร้างเรื่องเพื่อสร้างผลงานประจำวัน 2. นอกจากผลประโยชน์ และความรู้ที่จบจริงๆแค่ม.5 ของโจมณฑนี จึงคิดได้เพียงแผนที่ตื้นเขินแบบนี้ 3. กามิจหลุดพูดตั้งแต่ยังไม่ได้เลิกกับชาลี ว่าชาลีไม่ใช่สเป็ก หล่อสะอาดไม่ใช่แนว ต้องแนวยาคูซ่าปาจิงโกะแบบนั้น พอมันถูกเชิญกลับเกาหลี พอถึงเกาหลีปุ๊บ มันถึงเต้นเยาะเย้ยคนไทย และพูดชัดว่ามันดังด้วยตัวเอง นั่นแปลว่า กามิจมันไม่เคยรักชาลีเลยแม้แต่นาทีเดียว เป็นแค่การแสดง การแสดงออกตอนแรกนั่นคือตัวจริง ความรู้สึกจริง แล้วต้องไม่ลืมว่า มันอันฟอลทุกแพลตฟอร์มที่เป็นของชาลี ยังไม่รวม การเดินทางกลับระหว่างการคบกัน ไปเกาหลี ไม่เคยตอบแชท ไม่เคยติดต่อกลับ คนมันไม่เคยมีใจ เรื่องนี้ เรายังรับรู้ แล้วคิดว่าแน๊กชาลี จะไม่รู้และเข้าใจเหรอ 4. ความฝันของหญิงชรา ที่ฝันกินหญ้าอ่อน ที่ห้ามใจไม่ได้ ประเด็นนี้ ไม่ใช่ขำๆ หรือการแซะแต่อย่างใด สังเกตุได้จาก -การออกตัวของโจ มณฑนี ในการปกป้องกามิน มันมีความเลยเส้นแบบแปลกๆ เวลาที่เราลองอดทนฟัง โจ สาธยาย เราจะไม่รู้สึกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง ปกป้องคนหนึ่ง แต่การที่โจพูดถึงชาลี มันไปเหมือนกับ ชาลี ได้เลิกกับตัวเอง เหมือนตัวเอง คือคู่รักของชาลี ที่ตัวเองถูกทิ้ง มันเป็นแบบนั้นจริงๆ -ด้วยสภาพจิตของโจ ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป แบบที่โจเองก็พูดเอง ในการสัมภาษณ์ที่พี่คิงส์เคยนำมาโพสไปแล้ว มันทำให้เราเองจะไม่สามารถคาดเดาว่าเธอคิดอะไรในแบบคนธรรมดาได้เลย -โจ เป็นคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จกับอะไรซักอย่าง ทั้งเรื่องการศึกษา การทำธุรกิจ และเรื่องความรัก มันพังมาตลอด -หากเราต้องการวิเคราะห์จริง และถ้าหากเรามองจากเรื่องทั้งหมดสิ่งหนึ่งที่แฝงไปพร้อมกับผลประโยชน์ ผลลัพท์จากข้อมูลทั้งหมดนั่นคือ โจ มณฑนี กำลังมโนภาพว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องระหว่างแน๊กชาลี กับจีกามิน และการคิดขึ้นมาได้ สำหรับชุดความคิดว่า ชาลี และกามินได้กลับมาคบหากันอีกครั้งแล้ว ทั้งๆที่เหตุผลที่พี่คิงส์แจ้งไว้เบื้องต้น มันไม่มีทางเป็นไปได้ มีเหตุผลเดียว นั่นคือโจ ได้สะกดจิตตัวเองอีกครั้ง ว่าที่แท้จริงแล้ว เธอคือ จี กา โจ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1313 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องนี้ไม่มีซ้ำเติมและต้องเห็นใจพี่เดจากใจ
    แฟนเพจคิงส์ฯน่าจะจำกันได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้
    พี่เดชา ได้ลงคลิป ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจตรงกันว่า
    พี่เดชา ได้รับมอบอำนาจ ในการฟ้-อ-ง คนไทย
    และมีการเอ่ยถึงท-น-า-ย-แปดหมื่นคนที่คล้ายจะร่วมลงมาทำค-ดี
    และหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวนี้ไปนั้น
    พี่เดชา ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับค-ดี นี้
    ซึ่งทำให้ประชาชนไทย เกิดความรู้สึกงง กับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก
    โดยล่าสุด พี่คิงส์ ได้พบคลิปที่พี่เดชา ได้ทำการอธิบาย
    ถึงเรื่องราวดังกล่าวโดยละเอียด โดยมีข้อสรุปดังนี้
    1. มีบุคคล ที่มีตัวตนจริง ได้ติดต่อพี่เดชาจริง เป็นเบอร์คนจริง
    2. อ้างว่า ทางกามิจ ได้ให้ติดต่อมา เพื่อจะให้พี่เด ดำเนินการ
    3. พี่เด จึงออกคลิปแรก เพราะมั่นใจในข้อมูลว่ากามิจจะส่งใบมอบอำนาจมาให้ดำเนินการ
    4. หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพี่เดชาอีก เงียบไปเฉยๆ
    ซึ่งพี่เดชาอาจไม่ทราบว่า นี่คือการลูบคมอินฟูลเอ็นเซอร์ชื่อพี่เดชาอย่างหนักมาก
    เพราะโจมณฑนี ได้ทำแผนสยบความจริง
    ด้วยการปล่อยข่าวดังนี้
    1. เกิดชุดข้อความว่า พี่ชายกามิจทนไม่ไหว ทนกระแสว่าน้องตัวเองไม่ได้ (ทั้งๆที่อ่านภาษไทยไม่ออกซักตัว) จะดำเนินการกับคนไทยอย่างหนัก
    2. ปล่อยข่าวอีกว่า จะมีการดำเนินค-ดี และมีท-นายรับค-ดีแล้ว
    นี่คือชุดข้อความที่ประดิษฐ์โดย โจมณฑนี
    หลังจากนั้น ก็ให้บุคคล ทำหน้าที่ประสานไปที่พี่เด ทั้งๆที่ ไม่ได้คิดจะให้พี่เดชา ดำเนินการเรื่องนี้จริง เพียงหวังให้เกิดกระแส ให้พี่เดออกมาเป็นหน้าด่าน
    3. เมื่อพี่เดไลฟ์สดปุ๊ก ก็รีบแจกข่าวไปยังสนข.ที่โจ มณฑนีเอางบจากเงินดาร์ค ผ่านนอร์มีนี ซัพพอต สนข. เอาไปตีข่าวต่อ
    แต่เมื่อได้ตามเป้า ตามแผนที่โจวางไว้
    บุคคลที่ติดต่อพี่เดชา ก็เงียบหายไปอย่างไร้วี่แวว
    และโจมณฑนี รีออกตัวว่า ยังไม่เคยติดต่อพี่เดชา
    อ้าว ไอ่ฉัด เมิงให้คนอื่นติดต่อนี่ ถึงเมิงไม่ได้ติดต่อด้วยตัวเอง
    แต่ไอ้โม่งที่ให้ข้อมูลพี่เดชา แม่มมมมข้อมูลเดียวกับที่เมิงปล่อยในโซเชียลเป๊ะ
    ดังนั้น นี่คือความห้าวของโจมณฑนี ที่ต้มพี่เดชาจนเปื่อย ถึงกับหมดสภาพ เพราะคลิปแรกที่ออกไป มีหลายคำที่ไม่น่าฟัง จนทำให้พี่เดชา โดนกระแสคนไทยชังอย่างมาก จนพี่เดชาต้องรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน
    ดังนั้น โพสนี้ เรียนพี่เดชาโดยตรง ว่าถ้าพี่จะโทษใครซักคนในเรื่องนี้
    ขอชี้เป้าไปที่ โจ มณฑานี ที่ลูบคมพี่เดครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เรื่องนี้ไม่มีซ้ำเติมและต้องเห็นใจพี่เดจากใจ แฟนเพจคิงส์ฯน่าจะจำกันได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ พี่เดชา ได้ลงคลิป ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจตรงกันว่า พี่เดชา ได้รับมอบอำนาจ ในการฟ้-อ-ง คนไทย และมีการเอ่ยถึงท-น-า-ย-แปดหมื่นคนที่คล้ายจะร่วมลงมาทำค-ดี และหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวนี้ไปนั้น พี่เดชา ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับค-ดี นี้ ซึ่งทำให้ประชาชนไทย เกิดความรู้สึกงง กับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก โดยล่าสุด พี่คิงส์ ได้พบคลิปที่พี่เดชา ได้ทำการอธิบาย ถึงเรื่องราวดังกล่าวโดยละเอียด โดยมีข้อสรุปดังนี้ 1. มีบุคคล ที่มีตัวตนจริง ได้ติดต่อพี่เดชาจริง เป็นเบอร์คนจริง 2. อ้างว่า ทางกามิจ ได้ให้ติดต่อมา เพื่อจะให้พี่เด ดำเนินการ 3. พี่เด จึงออกคลิปแรก เพราะมั่นใจในข้อมูลว่ากามิจจะส่งใบมอบอำนาจมาให้ดำเนินการ 4. หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพี่เดชาอีก เงียบไปเฉยๆ ซึ่งพี่เดชาอาจไม่ทราบว่า นี่คือการลูบคมอินฟูลเอ็นเซอร์ชื่อพี่เดชาอย่างหนักมาก เพราะโจมณฑนี ได้ทำแผนสยบความจริง ด้วยการปล่อยข่าวดังนี้ 1. เกิดชุดข้อความว่า พี่ชายกามิจทนไม่ไหว ทนกระแสว่าน้องตัวเองไม่ได้ (ทั้งๆที่อ่านภาษไทยไม่ออกซักตัว) จะดำเนินการกับคนไทยอย่างหนัก 2. ปล่อยข่าวอีกว่า จะมีการดำเนินค-ดี และมีท-นายรับค-ดีแล้ว นี่คือชุดข้อความที่ประดิษฐ์โดย โจมณฑนี หลังจากนั้น ก็ให้บุคคล ทำหน้าที่ประสานไปที่พี่เด ทั้งๆที่ ไม่ได้คิดจะให้พี่เดชา ดำเนินการเรื่องนี้จริง เพียงหวังให้เกิดกระแส ให้พี่เดออกมาเป็นหน้าด่าน 3. เมื่อพี่เดไลฟ์สดปุ๊ก ก็รีบแจกข่าวไปยังสนข.ที่โจ มณฑนีเอางบจากเงินดาร์ค ผ่านนอร์มีนี ซัพพอต สนข. เอาไปตีข่าวต่อ แต่เมื่อได้ตามเป้า ตามแผนที่โจวางไว้ บุคคลที่ติดต่อพี่เดชา ก็เงียบหายไปอย่างไร้วี่แวว และโจมณฑนี รีออกตัวว่า ยังไม่เคยติดต่อพี่เดชา อ้าว ไอ่ฉัด เมิงให้คนอื่นติดต่อนี่ ถึงเมิงไม่ได้ติดต่อด้วยตัวเอง แต่ไอ้โม่งที่ให้ข้อมูลพี่เดชา แม่มมมมข้อมูลเดียวกับที่เมิงปล่อยในโซเชียลเป๊ะ ดังนั้น นี่คือความห้าวของโจมณฑนี ที่ต้มพี่เดชาจนเปื่อย ถึงกับหมดสภาพ เพราะคลิปแรกที่ออกไป มีหลายคำที่ไม่น่าฟัง จนทำให้พี่เดชา โดนกระแสคนไทยชังอย่างมาก จนพี่เดชาต้องรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ดังนั้น โพสนี้ เรียนพี่เดชาโดยตรง ว่าถ้าพี่จะโทษใครซักคนในเรื่องนี้ ขอชี้เป้าไปที่ โจ มณฑานี ที่ลูบคมพี่เดครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แหก-โจมณฑานี
    #เปิดความเชื่อมโยงโจมณฑนีเอเจนซี่และกลุ่มเงินดาร์ค
    เชื่อว่ามีแฟนเพจบางท่าน จะเห็นข้อความวาทะกรรม ว่าพี่คิงส์ มีปัญหาอะไรกับโจ มณฑานีมาก่อนหรือไม่ จึงพุ่งเป้าไปที่โจ ลองมาดูข้อมูลนี้กันนะครับ
    ความเกี่ยวข้องของโจมณฑานี จากเรื่องนี้ ที่ปฏิเสธไม่ได้
    1. โจ มณฑนี คือคนที่สื่อสารกับกามิน เอเจนซี่ จากเพียงไม่กี่คนที่ติดต่อได้จริง
    2. โจ มณฑนี คือคนที่แน๊กชาลี ให้เกียรติด้วยการเชิญเข้าไป ให้ทั้งซักถาม อธิบาย และให้ดูหลักฐาน
    3. โจ มณฑนี คือคนเดียว ที่เมื่อกลับออกมา ได้สื่อสารบิดเบือน กับสิ่งที่แน๊กได้อธิบาย
    4. โจ มณฑนี ยังคงกลับมาให้ร้ายแน๊ก โดยให้กลับไปดู โพสที่โจขู่ววเพจคิงส์โพธิ์แดง และสนธิในตอนท้าย จะมีแฮชแท็ก ชื่อของโ-ร-ค ทางจิต ที่โจยัดเยียดให้แน็กมาตลอด
    5. โจ มณฑนี คือคนที่ค่อยชี้ซ้าย ชี้ขวา ให้กับกลุ่ม DC เหมือนเป็นตัวแทนของกามิจ มีการชี้ชวนให้ไปเปย์ของขวัญให้กามิจทุกครั้ง โดยเฉพาะที่มีการพีเค
    6. โจ มณฑนี ได้แสดงจุดยืน ในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่สร้างความชิงชังให้คนในกลุ่ม DC มีอคิตกับน้องแน๊ก เหมือนเป็นการสะกดจิตประจำวัน
    7. จากเดิม ที่แน๊ก ยังไม่ตัดสินใจในการหยุดความสัมพันธ์กับกามิน เพื่อปกป้องแฟนคลับของเค้า ในเดือนแรกๆโจเองก็ยังดูปกติ หากสังเกตุจุดเริ่มต้นการใส่ความแน๊กชาลี คือตั้งแต่ที่แน๊กได้ออกมาเตือนแฟนคลับ และขวางกามิจว่าไม่ควรจัดพีเค มันคือการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มฟ-อ-ก-อย่างชัดแจ้ง คำถามคือ ถ้าโจไม่รู้ไม่เห็น ทำไมโจต้องเริ่มแผนในการให้ร้ายแน็กตั้งแต่เวลานั้น
    8. จะพบว่า กามิจ ใช้วิธีการ อ่อย คนที่เป็น MVP ระดับเทพที่เปย์หลักแสนหลักล้าน ด้วยการทักส่วนตัว โดยมีการให้วาทะกรรมลักษณะที่ให้เข้าใจว่า กามิจไม่มีความสุขที่อยู่กับชาลี และเหมือนกามิจมีใจให้กับ MVP คำถามคือ กามิจ ไม่รู้ภาษาไทย ใคร คือคนชี้เป้า ใครคือคนแต่งบท ถ้าไม่ใช่การทำงานร่วมกันระหว่างโจ กับเอเจนซี่
    9. คิงส์โพธิ์แดง ได้ให้ข้อมูล จนบรรดาหัวๆของกลุ่ม โจ มณฑนี ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเวลานี้ สหรัฐ ไต้หวัน จีน และหลายๆประเทศในโซยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ต่างทำการล้างบาง ข บ ก.ฟอก ที่ต่างมาจากการสอดแทรกเงินดาร์ค ผ่านการจัดบิ๊กแม๊ต และการส่งของขวัญทุกที่
    10. จากข้อ 9 แล้วทำไม ลักษณะของการทำงานระหว่าง โจมณฑานี เอเจนซี่ กามิจ จึงตรงกับประเทศตามข้อ 9 ทุกประการ
    11. จากปรากฏคลิปล่าสุด ที่มีเกรียนคีย์บอร์ด ที่เป็นแค่เบี้ย แต่อยากได้ชื่อเสียงจากเหตุการณ์นี้ ทำทีอาลา-วาต เพื่อให้ทุกคนพุ่งเป้าสนใจ จนหลุดเฉลยความจริง ว่ามีคนหนึ่งในบรรดาที่น้องแน๊ก ให้เข้าไปบ้านคู้บอนเพื่ออธิบายได้แอบอัดคลิปเสียงไว้ และหนึ่งในคนที่คนผู้นั้นมาเปิดให้ฟังคือ เกรียนคีบอร์ด ชื่อย่อ ป. คำถามคือ โจ มณฑนี ได้รับเชิญ จากความไว้เนื้อเชื่อใจ ของแน๊กและครอบครัว แต่สิ่งที่โจทำ ไม่ได้ต่างจากคำว่าไส้ศึก
    12. ส่วนที่มีความเชื่อมโยง ระหว่าง ยูซผี เทรนทิพย์ ที่ถูกสร้างขึ้น หลักฐานสำคัญคือ เวลาที่ยูซผี มีการโพสข้อความ เพื่อมุ่งเล่นงานน้องชาลี มันมีความเป็นตีมเดียวกัน และสำนวนเป็นลายเซ็นต์ของโจมณฑานีล้วนๆ
    13. การสร้างยูซผี หรือการทำเทรนทิพย์ พี่คิงส์มีความรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มยอดวิว ยอดไลค์ ยอดแชร์ ด้วยเรทถูกๆอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันต้องสร้างระบบขึ้นมา ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ และอุปกรณ์ otp ที่เป็นอุปกรณ์เดียวกับพวก ค..ลเซ็..เ..อร์ งบลงทุนที่จะปั๊มได้หลักแสนแบบนี้ และสามารถสู้กับระบบตรวจของแพลตฟอร์มได้ ต้องใช้เงินมหาศาล เพราะคือการป้อนคำสั่งเดียว ข้อความชุดเดียว และผ่านการเจนเนอเรตผ่านเอไอ เพื่อให้ไม่ถูกจับได้ว่า ข้อความนี้มาจากต้นฉบับเดียวกัน
    14. จากข้อที่ 13 นี้ คำถามคือ โจมณฑานี จะมีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไร ในการนำมาทำเทรนทิพย์ และยูซผี ยังไม่ถึงกองงานที่ทำแบบลูทีน ถึงแม้จะจ้างคนละไม่ถึงหมื่น แต่จำนวนหลายสิบคน โจ ทำเรื่องนี้คนเดียวได้อย่างไร นี่คือหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยง ซึ่งหากจะดูคำอ้างครั้งล่าสุด ที่พยายามปล่อยผ่านข้อความของยูซผีในแอพฟ้า ว่าฟอกมีจริง แต่เอเจนซี่กับกามิจไม่เกี่ยว รวมถึงโจ แต่มันไม่สามารถลบความจริงได้ เพราะเอเจนซี่เอง ซึ่งเป็นเอเจนซี่ที่เพิ่งเริ่มไม่นาน กับผลประโยชน์เพียงส่วนแบ่งจากค่าของขวัญ หาเหตุผลแห่งความคุ้มค่ายิ่งไม่ได้ และนี่คือสิ่งตอกย้ำว่ามาจากทุนดาร์คแน่นอน
    15. หากโจ มณฑนีจะปฏิเสธอีกว่า การปลุกปั่นให้สมาชิกกลุ่ม DC เปย์ และเป็นตัวหลักในการพีอาร์ให้เกิดบิ๊กแม๊ต ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอก คำถามคือ หลังจากเพจคิงส์โพธิ์แดง ได้สาวถึงข บ ก จนสื่อหลักนำไปตีแผ่ ทำไมบิ๊กแม๊ตจึงหายไปจากสาระบบ ในเวลาเดียวกัน
    16. หลังจากการทำแคมเปญ รวมพลังทืบทุยเมื่อคืนนี้ เพื่อให้แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง และคนไทยทุกคนร่วมรวบรวมข้อมูลส่งให้ทางเพจ เพื่อดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งโพส และคอมเม้นที่ให้ร้ายน้องชาลี คำถามคือ บรรดา ขบก.เหล่านี้ ทำไมต้องลบเพจ ลบโพส ลบคอมเม้น หากเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองสื่อสารเป็นความถูกต้อง จนบางเพจ ต้องออกมาขอโทษ กลับลำ ว่าเข้าใจผิดจึงลบโพส
    17. พบสิ่งผิดปกติสำคัญที่ตรงกันอีก 1 เรื่อง คือบรรดาคนที่ออกตัว คุ-กคามน้องแน๊ก ทางโซเชียล ด้วยความลืมตัว ได้ทำการโพสว่า แต่ละคนต่างได้รับดอกไม้เป็นของขวัญจากกามิจ ในช่องทางส่วนตัวมันบ่งบอกว่า 17.1 กลุ่มนี้ติดต่อกับกามิจโดยตลอด 17.2 กามิจเห็นด้วยและชื่นชมในการที่กลุ่มนี้ออกมาให้ร้าย และเล่นงานแน๊ก
    18. จากข้อ 17 จึงเป็นจุดเชื่อมโยงอีกว่า ทุกครั้งที่โจขยับ กลุ่มเบี้ยเพจเหล่านี้ จะออกมาโพสในตีมเดียวกันกับโจมณฑนี และกามิน อ่านภาษไทยไม่ออก คำถามว่า ใครคือคนชี้เป้า ในการส่งดอกไม้เพื่อสร้างกำลังใจจากกามินสู่เครือข่ายที่ให้ร้ายชาลี
    19. โจ มณฑนี อ้างว่าพี่ชายกามินต้องการ ฟ้-อ-ง คนไทย ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่า ทุกการเคลื่อนไหวของโจ มณฑานี มีการรับรู้รับทราบ และผ่านกระบวนการวางแผนจากฝั่งเกาหลี และฝั่งไทยคือโจมณฑนี
    20. นอกจากทางโซเชียล ยังพบว่า มีการอัดเงินสนับสนุนให้กับ สนข.บางช่อง ที่ไม่สามารถเชื่อได้ว่า สิ่งที่นำเสนอมาจากความเขลาของบรรณาธิการข่าว เช่น รอบล่าสุด ทั้งๆที่มีประสบการณ์จากรอบที่แล้ว ที่ลงสื่อตามแนวทางของโจมณฑานีสื่อสาร โชว์เทรนทิพย์ อ้างว่ากระแสกลับไปที่กามิจ ทั้งๆที่คนไทยต่างคอมเม้นท้วงใต้โพส ว่ามันคือเทรนทิพย์ ซึ่ง สนข. เองก็สามารถเข้าไปแหกตาดูด้วยตัวเองได้ ว่ามันจริงหรือไม่ และเมื่อคืน เทรนทิพย์ที่แบนน้องแน็กก็หลุดไปแล้ว แต่เช้านี้ก็ยังประกาศข่าว ว่าแน๊กถูกแบนอีก แทนที่มีข่าวที่ใหญ่และใหม่กว่าคือการทะลุล้านวิวภายใน 20 กว่าชม. แต่ไม่ออก จึงมีความมั่นใจว่า นอกเหนือจาก ทางโซเชียลแล้ว ก็ยังมีสื่อบางสื่อที่ได้รับเงินจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจมณฑานี ในการสร้างข่าวให้เกิดกระแส อย่างไม่มีความเขินอายในการลงข่าว กับอีกกลุ่มคือ สื่อที่ขาดสมองในการนำเสนอ แต่สื่อที่ดี ก็ยังมีอีกมาก ที่รู้เท่าทันว่าเทรนทิพย์จากยูซผี มันเช็คได้ สร้างกระแสได้ โดยไม่ต้องมีความจริงมาเกี่ยวข้อ
    โดยยังมีข้อมูลอีกมาก ที่ยิ่งขุด ก็ยิ่งชี้ลูกศรของเครือข่ายไปยัง โจ มณฑานี ว่าเป็นระดับหัว ในประเทศไทย ที่ร่วมมือกับเอเจนซี่ และกลุ่มทุนดาร์ค เพราะทุกอย่างมร่องรอยให้ย้อนสืบเสมอ โดยเฉพาะ การที่ปปงเริ่มลงมาจับงานนี้ การย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ต้น จะทำให้เห็นเส้นเงินจากกลุ่มทุนดาร์ค ที่มีความผิดปกติ เข้าสู่กลุ่มเครือข่ายที่อยู่ในประเทศไทย
    20.ข้อนี้ พอไหม สำหรับสิ่งที่โจมณฑนี อ้างแบบหน้าซื่อ ใจคด ตี สองหน้า และน่าเสียใจแค่ไหน ที่น้องแน๊กไว้ใจ ให้เกียรติเสมอ ถึงขนาดเชิญเข้าไปที่บ้าน เพื่ออธิบาย และยังมองโลกในแง่ดีว่า ที่โจ เล่นงานน้องเพียงเพราะเข้าใจผิด แต่โจ กลับปฏิเสธแม้กระทั่งน้องแน๊ก เปิดห-ลั-ก-ฐ—าน--ให้ดู โจเป็นคนเดียวที่รับไม่ได้ ไม่ยอมแม้แต่จะเปิดตาดูหลั-ก-ฐ-าน-นั้น และยับแอบอัดเสียง เพื่อส่งต่อให้กามิน เอเจนซี่ได้รับรู้ และยังตัดเฉพาะบางส่วน เพื่อให้บรรดาเบี้ยระดับล่าง แบบ ป. ยังได้ยิน
    แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง เมื่อได้อ่านทั้ง 20 ข้อนี้ ท่านคิดว่า คิงส์ฯมีปัญหาส่วนตัวกับ โจมณฑนี หรือ
    คิงส์โพธิ์แดง ออกตัวทำงานนี้ เพื่อปกป้องน้องแน๊กชาลี และชาวไทยทุกคน
    เชิญตัดสินใจได้ ผมเคารพมุมมองและการตัดสินใจจากทุกท่าน
    แต่ยืนยันที่จะไม่หยุดทั้งขุด และรวบรวม-ห-ลั-ก-ฐ-า-น
    ถ้าปล่อยไว้ กลุ่มเงินดาร์ค จะใช้ไทย เป็นฐานในการฟอก ที่แหล่งเงินนั้นจะมาจากน้ำตาของคนไทยทั้งชาติ
    คิงส์โพธิ์แดง ยอมไม่ได้
    สัญญา
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แหก-โจมณฑานี #เปิดความเชื่อมโยงโจมณฑนีเอเจนซี่และกลุ่มเงินดาร์ค เชื่อว่ามีแฟนเพจบางท่าน จะเห็นข้อความวาทะกรรม ว่าพี่คิงส์ มีปัญหาอะไรกับโจ มณฑานีมาก่อนหรือไม่ จึงพุ่งเป้าไปที่โจ ลองมาดูข้อมูลนี้กันนะครับ ความเกี่ยวข้องของโจมณฑานี จากเรื่องนี้ ที่ปฏิเสธไม่ได้ 1. โจ มณฑนี คือคนที่สื่อสารกับกามิน เอเจนซี่ จากเพียงไม่กี่คนที่ติดต่อได้จริง 2. โจ มณฑนี คือคนที่แน๊กชาลี ให้เกียรติด้วยการเชิญเข้าไป ให้ทั้งซักถาม อธิบาย และให้ดูหลักฐาน 3. โจ มณฑนี คือคนเดียว ที่เมื่อกลับออกมา ได้สื่อสารบิดเบือน กับสิ่งที่แน๊กได้อธิบาย 4. โจ มณฑนี ยังคงกลับมาให้ร้ายแน๊ก โดยให้กลับไปดู โพสที่โจขู่ววเพจคิงส์โพธิ์แดง และสนธิในตอนท้าย จะมีแฮชแท็ก ชื่อของโ-ร-ค ทางจิต ที่โจยัดเยียดให้แน็กมาตลอด 5. โจ มณฑนี คือคนที่ค่อยชี้ซ้าย ชี้ขวา ให้กับกลุ่ม DC เหมือนเป็นตัวแทนของกามิจ มีการชี้ชวนให้ไปเปย์ของขวัญให้กามิจทุกครั้ง โดยเฉพาะที่มีการพีเค 6. โจ มณฑนี ได้แสดงจุดยืน ในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่สร้างความชิงชังให้คนในกลุ่ม DC มีอคิตกับน้องแน๊ก เหมือนเป็นการสะกดจิตประจำวัน 7. จากเดิม ที่แน๊ก ยังไม่ตัดสินใจในการหยุดความสัมพันธ์กับกามิน เพื่อปกป้องแฟนคลับของเค้า ในเดือนแรกๆโจเองก็ยังดูปกติ หากสังเกตุจุดเริ่มต้นการใส่ความแน๊กชาลี คือตั้งแต่ที่แน๊กได้ออกมาเตือนแฟนคลับ และขวางกามิจว่าไม่ควรจัดพีเค มันคือการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มฟ-อ-ก-อย่างชัดแจ้ง คำถามคือ ถ้าโจไม่รู้ไม่เห็น ทำไมโจต้องเริ่มแผนในการให้ร้ายแน็กตั้งแต่เวลานั้น 8. จะพบว่า กามิจ ใช้วิธีการ อ่อย คนที่เป็น MVP ระดับเทพที่เปย์หลักแสนหลักล้าน ด้วยการทักส่วนตัว โดยมีการให้วาทะกรรมลักษณะที่ให้เข้าใจว่า กามิจไม่มีความสุขที่อยู่กับชาลี และเหมือนกามิจมีใจให้กับ MVP คำถามคือ กามิจ ไม่รู้ภาษาไทย ใคร คือคนชี้เป้า ใครคือคนแต่งบท ถ้าไม่ใช่การทำงานร่วมกันระหว่างโจ กับเอเจนซี่ 9. คิงส์โพธิ์แดง ได้ให้ข้อมูล จนบรรดาหัวๆของกลุ่ม โจ มณฑนี ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเวลานี้ สหรัฐ ไต้หวัน จีน และหลายๆประเทศในโซยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ต่างทำการล้างบาง ข บ ก.ฟอก ที่ต่างมาจากการสอดแทรกเงินดาร์ค ผ่านการจัดบิ๊กแม๊ต และการส่งของขวัญทุกที่ 10. จากข้อ 9 แล้วทำไม ลักษณะของการทำงานระหว่าง โจมณฑานี เอเจนซี่ กามิจ จึงตรงกับประเทศตามข้อ 9 ทุกประการ 11. จากปรากฏคลิปล่าสุด ที่มีเกรียนคีย์บอร์ด ที่เป็นแค่เบี้ย แต่อยากได้ชื่อเสียงจากเหตุการณ์นี้ ทำทีอาลา-วาต เพื่อให้ทุกคนพุ่งเป้าสนใจ จนหลุดเฉลยความจริง ว่ามีคนหนึ่งในบรรดาที่น้องแน๊ก ให้เข้าไปบ้านคู้บอนเพื่ออธิบายได้แอบอัดคลิปเสียงไว้ และหนึ่งในคนที่คนผู้นั้นมาเปิดให้ฟังคือ เกรียนคีบอร์ด ชื่อย่อ ป. คำถามคือ โจ มณฑนี ได้รับเชิญ จากความไว้เนื้อเชื่อใจ ของแน๊กและครอบครัว แต่สิ่งที่โจทำ ไม่ได้ต่างจากคำว่าไส้ศึก 12. ส่วนที่มีความเชื่อมโยง ระหว่าง ยูซผี เทรนทิพย์ ที่ถูกสร้างขึ้น หลักฐานสำคัญคือ เวลาที่ยูซผี มีการโพสข้อความ เพื่อมุ่งเล่นงานน้องชาลี มันมีความเป็นตีมเดียวกัน และสำนวนเป็นลายเซ็นต์ของโจมณฑานีล้วนๆ 13. การสร้างยูซผี หรือการทำเทรนทิพย์ พี่คิงส์มีความรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มยอดวิว ยอดไลค์ ยอดแชร์ ด้วยเรทถูกๆอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันต้องสร้างระบบขึ้นมา ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ และอุปกรณ์ otp ที่เป็นอุปกรณ์เดียวกับพวก ค..ลเซ็..เ..อร์ งบลงทุนที่จะปั๊มได้หลักแสนแบบนี้ และสามารถสู้กับระบบตรวจของแพลตฟอร์มได้ ต้องใช้เงินมหาศาล เพราะคือการป้อนคำสั่งเดียว ข้อความชุดเดียว และผ่านการเจนเนอเรตผ่านเอไอ เพื่อให้ไม่ถูกจับได้ว่า ข้อความนี้มาจากต้นฉบับเดียวกัน 14. จากข้อที่ 13 นี้ คำถามคือ โจมณฑานี จะมีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไร ในการนำมาทำเทรนทิพย์ และยูซผี ยังไม่ถึงกองงานที่ทำแบบลูทีน ถึงแม้จะจ้างคนละไม่ถึงหมื่น แต่จำนวนหลายสิบคน โจ ทำเรื่องนี้คนเดียวได้อย่างไร นี่คือหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยง ซึ่งหากจะดูคำอ้างครั้งล่าสุด ที่พยายามปล่อยผ่านข้อความของยูซผีในแอพฟ้า ว่าฟอกมีจริง แต่เอเจนซี่กับกามิจไม่เกี่ยว รวมถึงโจ แต่มันไม่สามารถลบความจริงได้ เพราะเอเจนซี่เอง ซึ่งเป็นเอเจนซี่ที่เพิ่งเริ่มไม่นาน กับผลประโยชน์เพียงส่วนแบ่งจากค่าของขวัญ หาเหตุผลแห่งความคุ้มค่ายิ่งไม่ได้ และนี่คือสิ่งตอกย้ำว่ามาจากทุนดาร์คแน่นอน 15. หากโจ มณฑนีจะปฏิเสธอีกว่า การปลุกปั่นให้สมาชิกกลุ่ม DC เปย์ และเป็นตัวหลักในการพีอาร์ให้เกิดบิ๊กแม๊ต ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอก คำถามคือ หลังจากเพจคิงส์โพธิ์แดง ได้สาวถึงข บ ก จนสื่อหลักนำไปตีแผ่ ทำไมบิ๊กแม๊ตจึงหายไปจากสาระบบ ในเวลาเดียวกัน 16. หลังจากการทำแคมเปญ รวมพลังทืบทุยเมื่อคืนนี้ เพื่อให้แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง และคนไทยทุกคนร่วมรวบรวมข้อมูลส่งให้ทางเพจ เพื่อดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งโพส และคอมเม้นที่ให้ร้ายน้องชาลี คำถามคือ บรรดา ขบก.เหล่านี้ ทำไมต้องลบเพจ ลบโพส ลบคอมเม้น หากเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองสื่อสารเป็นความถูกต้อง จนบางเพจ ต้องออกมาขอโทษ กลับลำ ว่าเข้าใจผิดจึงลบโพส 17. พบสิ่งผิดปกติสำคัญที่ตรงกันอีก 1 เรื่อง คือบรรดาคนที่ออกตัว คุ-กคามน้องแน๊ก ทางโซเชียล ด้วยความลืมตัว ได้ทำการโพสว่า แต่ละคนต่างได้รับดอกไม้เป็นของขวัญจากกามิจ ในช่องทางส่วนตัวมันบ่งบอกว่า 17.1 กลุ่มนี้ติดต่อกับกามิจโดยตลอด 17.2 กามิจเห็นด้วยและชื่นชมในการที่กลุ่มนี้ออกมาให้ร้าย และเล่นงานแน๊ก 18. จากข้อ 17 จึงเป็นจุดเชื่อมโยงอีกว่า ทุกครั้งที่โจขยับ กลุ่มเบี้ยเพจเหล่านี้ จะออกมาโพสในตีมเดียวกันกับโจมณฑนี และกามิน อ่านภาษไทยไม่ออก คำถามว่า ใครคือคนชี้เป้า ในการส่งดอกไม้เพื่อสร้างกำลังใจจากกามินสู่เครือข่ายที่ให้ร้ายชาลี 19. โจ มณฑนี อ้างว่าพี่ชายกามินต้องการ ฟ้-อ-ง คนไทย ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่า ทุกการเคลื่อนไหวของโจ มณฑานี มีการรับรู้รับทราบ และผ่านกระบวนการวางแผนจากฝั่งเกาหลี และฝั่งไทยคือโจมณฑนี 20. นอกจากทางโซเชียล ยังพบว่า มีการอัดเงินสนับสนุนให้กับ สนข.บางช่อง ที่ไม่สามารถเชื่อได้ว่า สิ่งที่นำเสนอมาจากความเขลาของบรรณาธิการข่าว เช่น รอบล่าสุด ทั้งๆที่มีประสบการณ์จากรอบที่แล้ว ที่ลงสื่อตามแนวทางของโจมณฑานีสื่อสาร โชว์เทรนทิพย์ อ้างว่ากระแสกลับไปที่กามิจ ทั้งๆที่คนไทยต่างคอมเม้นท้วงใต้โพส ว่ามันคือเทรนทิพย์ ซึ่ง สนข. เองก็สามารถเข้าไปแหกตาดูด้วยตัวเองได้ ว่ามันจริงหรือไม่ และเมื่อคืน เทรนทิพย์ที่แบนน้องแน็กก็หลุดไปแล้ว แต่เช้านี้ก็ยังประกาศข่าว ว่าแน๊กถูกแบนอีก แทนที่มีข่าวที่ใหญ่และใหม่กว่าคือการทะลุล้านวิวภายใน 20 กว่าชม. แต่ไม่ออก จึงมีความมั่นใจว่า นอกเหนือจาก ทางโซเชียลแล้ว ก็ยังมีสื่อบางสื่อที่ได้รับเงินจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจมณฑานี ในการสร้างข่าวให้เกิดกระแส อย่างไม่มีความเขินอายในการลงข่าว กับอีกกลุ่มคือ สื่อที่ขาดสมองในการนำเสนอ แต่สื่อที่ดี ก็ยังมีอีกมาก ที่รู้เท่าทันว่าเทรนทิพย์จากยูซผี มันเช็คได้ สร้างกระแสได้ โดยไม่ต้องมีความจริงมาเกี่ยวข้อ โดยยังมีข้อมูลอีกมาก ที่ยิ่งขุด ก็ยิ่งชี้ลูกศรของเครือข่ายไปยัง โจ มณฑานี ว่าเป็นระดับหัว ในประเทศไทย ที่ร่วมมือกับเอเจนซี่ และกลุ่มทุนดาร์ค เพราะทุกอย่างมร่องรอยให้ย้อนสืบเสมอ โดยเฉพาะ การที่ปปงเริ่มลงมาจับงานนี้ การย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ต้น จะทำให้เห็นเส้นเงินจากกลุ่มทุนดาร์ค ที่มีความผิดปกติ เข้าสู่กลุ่มเครือข่ายที่อยู่ในประเทศไทย 20.ข้อนี้ พอไหม สำหรับสิ่งที่โจมณฑนี อ้างแบบหน้าซื่อ ใจคด ตี สองหน้า และน่าเสียใจแค่ไหน ที่น้องแน๊กไว้ใจ ให้เกียรติเสมอ ถึงขนาดเชิญเข้าไปที่บ้าน เพื่ออธิบาย และยังมองโลกในแง่ดีว่า ที่โจ เล่นงานน้องเพียงเพราะเข้าใจผิด แต่โจ กลับปฏิเสธแม้กระทั่งน้องแน๊ก เปิดห-ลั-ก-ฐ—าน--ให้ดู โจเป็นคนเดียวที่รับไม่ได้ ไม่ยอมแม้แต่จะเปิดตาดูหลั-ก-ฐ-าน-นั้น และยับแอบอัดเสียง เพื่อส่งต่อให้กามิน เอเจนซี่ได้รับรู้ และยังตัดเฉพาะบางส่วน เพื่อให้บรรดาเบี้ยระดับล่าง แบบ ป. ยังได้ยิน แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง เมื่อได้อ่านทั้ง 20 ข้อนี้ ท่านคิดว่า คิงส์ฯมีปัญหาส่วนตัวกับ โจมณฑนี หรือ คิงส์โพธิ์แดง ออกตัวทำงานนี้ เพื่อปกป้องน้องแน๊กชาลี และชาวไทยทุกคน เชิญตัดสินใจได้ ผมเคารพมุมมองและการตัดสินใจจากทุกท่าน แต่ยืนยันที่จะไม่หยุดทั้งขุด และรวบรวม-ห-ลั-ก-ฐ-า-น ถ้าปล่อยไว้ กลุ่มเงินดาร์ค จะใช้ไทย เป็นฐานในการฟอก ที่แหล่งเงินนั้นจะมาจากน้ำตาของคนไทยทั้งชาติ คิงส์โพธิ์แดง ยอมไม่ได้ สัญญา #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1626 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โจงานงอกหาทางลงแต่คุมทุยไม่ได้
    เพจคิงส์โพธิ์แดงพบว่า โจ มณฑานี พยายามหาทางลง
    คุยกับบรรดาทุยหัวรุงแรง ว่าให้หยุดได้แล้ว
    แต่ พลังแห่งการสะกดจิตของโจที่สร้างวาทะกรรม
    มานานหลายเดือน มันฝังลงไปในดีเอ็นเอ
    ทำให้มนุษย์ กลายเป็นทุยโดยสมบูรณ์
    โดยพบว่า เมื่อคืนนี้ เป็นคืนแห่งความสุข
    ของคนไทยจำนวนมาก ที่ได้ฟังเพลงดี
    และได้ยินเสียงน้องชายแห่งชาติ
    ร้องเพลง คืองานดีมาก
    กับการร่วมงานกับวันเดอร์เฟรม
    ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าขนลุก
    แต่น่าเวทนา ที่มีชนกลุ่มหนึ่ง
    กลุ่มเล็กๆ กลุ่มเท่าหะมอยหมา
    คุ้ม คลั่ง ไประดมเล่นงานวันเดอร์เฟรม
    กับแค่เลือกใส่เสื้อในเอ็มวี มีดอกไม้
    ก็แปลความหมายได้ตลกโปกฮา
    เป็นที่ขบขันกันอย่างมาก
    อยากให้อิเหม็นมาเล่นเอ็มวีคนเดียว
    คิดได้ไง ไม่สงสารทีมงานที่ต้องทนกลิ่นเลยเหรอ
    น้ำท่าไม่อาบ ซกมกขนาดนั้น
    ที่สำคัญ ดังได้ด้วยตัวเอง แล้วจะมาเล่นเอ็มวีในไทยเพื่อ
    ประเด็นไม่ใช่เค้าเลือกแน๊ก ประเด็นคือต่อให้แน๊กไม่เล่น
    เค้าก็ไม่เอาอิเน่ามา ตอนนี้ใครเค้าก็รู้
    ว่ายูซผี เทรนทิพย์ทั้งนั้น พวกเมิงต้มสื่อได้แค่รอบเดียวแค่นั้นแหละ
    ตอนนี้ สื่อเค้าไม่แลตาแล้ว ไอ่ ฟาย
    เป็นไง สุดท้าย แบนยังไง ให้ยอดวิไปครึ่งล้านในคืนเดียว
    ตื่นเถิด ทุยไทย
    น่าเสียดาย ที่พวกทุยไม่ได้มีความสุขเหมือนคนไทยส่วนใหญ่
    ที่ได้รื่นรม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #savecharlie
    #savethailand
    #โจงานงอกหาทางลงแต่คุมทุยไม่ได้ เพจคิงส์โพธิ์แดงพบว่า โจ มณฑานี พยายามหาทางลง คุยกับบรรดาทุยหัวรุงแรง ว่าให้หยุดได้แล้ว แต่ พลังแห่งการสะกดจิตของโจที่สร้างวาทะกรรม มานานหลายเดือน มันฝังลงไปในดีเอ็นเอ ทำให้มนุษย์ กลายเป็นทุยโดยสมบูรณ์ โดยพบว่า เมื่อคืนนี้ เป็นคืนแห่งความสุข ของคนไทยจำนวนมาก ที่ได้ฟังเพลงดี และได้ยินเสียงน้องชายแห่งชาติ ร้องเพลง คืองานดีมาก กับการร่วมงานกับวันเดอร์เฟรม ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าขนลุก แต่น่าเวทนา ที่มีชนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มเล็กๆ กลุ่มเท่าหะมอยหมา คุ้ม คลั่ง ไประดมเล่นงานวันเดอร์เฟรม กับแค่เลือกใส่เสื้อในเอ็มวี มีดอกไม้ ก็แปลความหมายได้ตลกโปกฮา เป็นที่ขบขันกันอย่างมาก อยากให้อิเหม็นมาเล่นเอ็มวีคนเดียว คิดได้ไง ไม่สงสารทีมงานที่ต้องทนกลิ่นเลยเหรอ น้ำท่าไม่อาบ ซกมกขนาดนั้น ที่สำคัญ ดังได้ด้วยตัวเอง แล้วจะมาเล่นเอ็มวีในไทยเพื่อ ประเด็นไม่ใช่เค้าเลือกแน๊ก ประเด็นคือต่อให้แน๊กไม่เล่น เค้าก็ไม่เอาอิเน่ามา ตอนนี้ใครเค้าก็รู้ ว่ายูซผี เทรนทิพย์ทั้งนั้น พวกเมิงต้มสื่อได้แค่รอบเดียวแค่นั้นแหละ ตอนนี้ สื่อเค้าไม่แลตาแล้ว ไอ่ ฟาย เป็นไง สุดท้าย แบนยังไง ให้ยอดวิไปครึ่งล้านในคืนเดียว ตื่นเถิด ทุยไทย น่าเสียดาย ที่พวกทุยไม่ได้มีความสุขเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ที่ได้รื่นรม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #savecharlie #savethailand
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้….

    ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!!

    ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ
    ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน
    ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน
    ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า……
    “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……”
    ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน
    เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore)
    เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..…

    เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน
    2001 ที่ Ljubljana, Slovenia
    คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น
    ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม)
    แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ
    เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

    ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร?
    เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย”
    ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้
    เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร……

    ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย
    และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ
    ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ

    ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม
    พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

    หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย
    บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง)
    อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน
    ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ
    ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน
    และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan
    ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง
    เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น
    ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต
    เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000
    ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี
    ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า
    “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ
    และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…”

    การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช)
    ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม
    และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน
    ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน)
    ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ
    ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ…

    รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย)
    แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น
    อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง…
    และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน
    American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า
    “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……”
    “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..”
    “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..”
    แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป

    สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม
    และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน
    ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน
    เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า
    “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “
    และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย

    แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า
    นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ
    ABM (Anti-Ballistic Missile)
    เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี..

    การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น
    จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน
    ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก)
    โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที
    ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง
    แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู
    และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้
    พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา
    ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย
    และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า
    ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!!

    ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์
    เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก)
    เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร
    เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม
    คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์
    ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……”
    เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร

    ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ
    ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
    เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?”
    คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ……
    ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย
    วิตก……
    กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก
    เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ

    ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา
    ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย
    กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้
    ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!!
    การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย
    แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน
    มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี

    ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!!

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่
    ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน
    ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ
    ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข
    แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ)
    เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย

    คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..”
    ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น
    ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว
    เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!!
    และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…)
    ว่า……

    “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………”

    **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006

    Wiwanda W. Vichit
    จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้…. ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!! ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า…… “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……” ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore) เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..… เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน 2001 ที่ Ljubljana, Slovenia คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม) แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร? เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย” ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้ เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร…… ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง) อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000 ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…” การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช) ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน) ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ… รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย) แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง… และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……” “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..” “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..” แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “ และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ ABM (Anti-Ballistic Missile) เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี.. การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก) โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้ พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!! ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์ เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก) เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์ ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……” เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?” คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ…… ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย วิตก…… กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!! การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ) เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..” ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!! และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…) ว่า…… “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………” **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณกามินคนดังด้วยตัวเอง
    ที่นำเงินจากทุยไทยที่หลงเปย์เป็นร้อยล้าน เจียดเศษมาให้เพื่อสร้างกระแส
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ขอบคุณกามินคนดังด้วยตัวเอง ที่นำเงินจากทุยไทยที่หลงเปย์เป็นร้อยล้าน เจียดเศษมาให้เพื่อสร้างกระแส #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2550 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โลกเทรนปั่นด้วยยูซผีโลกคู่ขนานที่บิดจากความจริง
    ทุยเฮกันลั่นๆเลย ช่วงนี้
    อยากยื้อสติไว้นิดนึง
    ปั่นทวิตเช็คแล้วมีแต่ยูซผี
    ก็ยังอยู่ในโลกมโนกันไม่หาย
    ถ้ามั่นใจว่าแจ๋วจริง ปลดล็อคไอจี และตต.
    ปั๊มได้ปั๊มไป ต้มตัวเองได้มีความสุขก็มาลองดู
    คนดังด้วยตัวเองที่ยอดฟอลหายไปครึ่งล้าน
    จนต้องปิดเป็นส่วนตัว
    ถถถถถถถถถถ
    เค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #โลกเทรนปั่นด้วยยูซผีโลกคู่ขนานที่บิดจากความจริง ทุยเฮกันลั่นๆเลย ช่วงนี้ อยากยื้อสติไว้นิดนึง ปั่นทวิตเช็คแล้วมีแต่ยูซผี ก็ยังอยู่ในโลกมโนกันไม่หาย ถ้ามั่นใจว่าแจ๋วจริง ปลดล็อคไอจี และตต. ปั๊มได้ปั๊มไป ต้มตัวเองได้มีความสุขก็มาลองดู คนดังด้วยตัวเองที่ยอดฟอลหายไปครึ่งล้าน จนต้องปิดเป็นส่วนตัว ถถถถถถถถถถ เค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1585 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยืนยันความจริงเรื่อง #Saveอิเหวิงกามิจ
    แอดมินเพจดัง ยอมใช้เวลาไปเช็คด้วยตัวเอง
    ปรากฏว่า ในแอพนกฟ้า
    ยูซผีเกิน 90% โดยโพสข้อความดังนี้
    "เห็นขึ้นเซฟน้องในทวิสเตอร์ แอดเข้าไปสำรวจดูละ 90% ผีทั้งนั้น เอาจริงๆนะ คนที่ตั้งประเด็นแบบนี้ แล้วใช้ผีมาคอมเม้น คือทำให้น้องดูแย่กว่าเดิมอีก ที่แอดพูดเพราะมันดูตลก มันไม่มีความจริงใจ แม่แต่ใน ตต เองก็เหมือนกัน สู้กันหนักมากๆๆ ยิ่งทำก็ยิ่งแย่เด้อ"
    #ความจริงก็คือความจริง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ยืนยันความจริงเรื่อง #Saveอิเหวิงกามิจ แอดมินเพจดัง ยอมใช้เวลาไปเช็คด้วยตัวเอง ปรากฏว่า ในแอพนกฟ้า ยูซผีเกิน 90% โดยโพสข้อความดังนี้ "เห็นขึ้นเซฟน้องในทวิสเตอร์ แอดเข้าไปสำรวจดูละ 90% ผีทั้งนั้น เอาจริงๆนะ คนที่ตั้งประเด็นแบบนี้ แล้วใช้ผีมาคอมเม้น คือทำให้น้องดูแย่กว่าเดิมอีก ที่แอดพูดเพราะมันดูตลก มันไม่มีความจริงใจ แม่แต่ใน ตต เองก็เหมือนกัน สู้กันหนักมากๆๆ ยิ่งทำก็ยิ่งแย่เด้อ" #ความจริงก็คือความจริง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!!

    ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!!

    ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า

    “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา
    เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง
    ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……”

    ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่
    เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา
    ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย
    เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?)
    แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น
    จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก
    ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์

    ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก
    ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ

    เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน
    ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที
    ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน
    มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ……
    กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที
    แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว
    มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล

    แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม
    ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่?
    เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี…
    เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด

    มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด
    แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว
    แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด

    แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
    ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring***
    อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์
    โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก

    ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ

    หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น
    สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก
    การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป
    ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค
    คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง
    อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!!

    งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน……
    ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม
    แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด
    เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร

    เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev
    ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด
    พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง
    แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง…

    การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย
    ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว
    สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว……
    อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า
    “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

    แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย……

    ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้
    เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน
    เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน
    พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง…

    ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย
    แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี
    ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน
    กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
    และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ…
    ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!!
    ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!!

    เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง
    ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล
    ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!!

    ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า
    บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน
    บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน
    บางคนเสนอตัวเอง…
    เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ

    มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ
    1 Boris Berezovsky
    2 Mikhaïl Fridman
    3 Vladimir Gusinsky
    4 Mikhaïl Khodorkovsky
    5 Vladimir Potanin

    (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์)

    สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา
    อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!!
    เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์……
    สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท
    ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง
    เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น
    และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา
    คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง
    เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน
    หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก”
    นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า
    “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!”

    เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง

    การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง
    แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น

    ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร
    แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่
    และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin
    ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน

    งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin
    ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ
    บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง
    ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา……
    ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่

    แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!! ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!! ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……” ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่ เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?) แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์ ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ…… กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่? เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี… เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring*** อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์ โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!! งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน…… ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง… การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว…… อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย…… ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง… ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ… ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!! ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!! เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!! ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน บางคนเสนอตัวเอง… เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ 1 Boris Berezovsky 2 Mikhaïl Fridman 3 Vladimir Gusinsky 4 Mikhaïl Khodorkovsky 5 Vladimir Potanin (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์) สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!! เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์…… สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก” นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!” เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่ และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา…… ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่ แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ

    #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย

    สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564
    เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ
    แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
    หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ

    เรื่องย่อ

    ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1

    โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่

    จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก

    แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

    เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม

    ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ

    เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก

    ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้

    ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง

    ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน

    หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร

    ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา

    หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #จิตวิทยา
    #โตขึ้นจะเป็นอะไร
    #ร้านหนังสือ
    #รักการอ่าน
    #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง
    #หนังสือดีที่ควรอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #การพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564 เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ เรื่องย่อ ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1 โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่ จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย . . . . . . . . เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #จิตวิทยา #โตขึ้นจะเป็นอะไร #ร้านหนังสือ #รักการอ่าน #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง #หนังสือดีที่ควรอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #การพัฒนาตนเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 825 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อิไผ่คอลาเจนหิวแสงมาแว๊วววว
    อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน
    กลับมารับแสงอีกครั้ง พร้อมความกลางสุดๆอีกรอบ
    สำหรับอิไผ่ ที่ชอบมโนเรียกตัวเองว่าแม่
    ที่ต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ต้องเขินกันอีกต่อไป
    เพราะความซุ่ย ผลิตของไม่ทัน จะทันได้ไง ทั้งโรงงานก็ต่างด้าวหมด
    ถูกก-ฏห-ม-า-ย หรือเปล่าก็ไม่รู้
    ผลิตไม่ทันจนหมดสัญญา ชาลีไม่ต่อสัญญาเพราะรู้เช่นเห็นชาติ
    แอบไปสุมหัวกับอิเหวิงงุบงิบงุบงิบกันก่อนอิเหวิงขึ้นบิสเนสคลาสหอบข้าวของกลับเกาหลี มีบันทึกไว้ทั้งภาพและเสียง อิฉัด
    แต่ลับหลัง อิเหวิงนินตาอิไผ่ สารพัด
    อิเหวิงเห็นอิไผ่เหมือนขรี้ ขนาดนั้นเลย
    อิไผ่ก็ยังอิน คิดว่าอิเหวิงรักแม๊ไผ่ 5555
    สุดท้าย ดิ้นเฮือกสุดท้ายทีเหลือ ก็เพียงแค่หวังให้อิเหวิง
    ช่วยระบายสต็อค ที่กองเป็นภูเขา เพราะที่ผ่านมาเป็นปลิงเกาะชาลีอินคัมมหาศาลจนแฟนเพจนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว
    สต็อปท่วมแบบนี้ เลยต้องไปเข้าพวกกับอิป้าโจจิตเปื่อยตกขาว
    สุมหัวเล่นงานแน๊กทั้งเช้าค่ำ และเป็นตัวปล่อยวลีแก้เกมส์ วาทะกรรมที่อิป้าโจนั่งคิดหัวแทบแต็ก แต่ก็ทำได้แค่นี้
    โดยล่าสุด ออกมาไลฟ์ มีตัวชงด้วยนะ
    คอมเม้นกลางไลฟ์
    "ทำไมกามินบอกว่า ฉันดังด้วยตัวเองคะ"
    เช็ด อิโจจิตเปื่อยตกขาว เขียนบทดี มีชง มี ต-บ
    อิไผ่บอกงี้
    "อุ๊ย แม่ไผ่อะ ทำงานกับคนเกาหลีรอบตัว เค้าก็บอกมาว่ เข้าใจผิด น้องไม่ได้พูดว่า น้องดังด้วยตัวเอง น้องบอกว่า น้องเป็นตัวของตัวเอง"
    เช็ด นี่แหละ ทุยช๊อบชอบ เค้าเล่ามา เค้าเล่าว่า แค่อิพวกปลิงพูดนี่ เชื่อเลย
    แต่อิไผ่ คอลเจนบูด ลืมไป
    ว่า
    1. คนที่แปลให้คนไทยเข้าใจความหมายที่ถูกต้องอะ คนเกาหลีแท้ อิฉัด
    2. ถ้าอิเหวิงมันถูกเข้าใจผิดจริง ป่านนี้ต้องมีคนเกาหลีออกมาปกป้อง มาอธิบายแล้ว แต่เพราะความหมายมันเชี่ยจริงๆไง อิฉัด เกาหลีเค้าฟังเค้ายังของขึ้น แล้วบอกว่าขอเลือกข้างชาลี ก็มีแต่ปลิงทีม พวกเมิงนี่แหละ ที่แปลเซี่ยไรไม่รู้ กลางอิ๊บอ๋าย
    อิฉัด อิปลิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อิไผ่คอลาเจนหิวแสงมาแว๊วววว อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน กลับมารับแสงอีกครั้ง พร้อมความกลางสุดๆอีกรอบ สำหรับอิไผ่ ที่ชอบมโนเรียกตัวเองว่าแม่ ที่ต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ต้องเขินกันอีกต่อไป เพราะความซุ่ย ผลิตของไม่ทัน จะทันได้ไง ทั้งโรงงานก็ต่างด้าวหมด ถูกก-ฏห-ม-า-ย หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผลิตไม่ทันจนหมดสัญญา ชาลีไม่ต่อสัญญาเพราะรู้เช่นเห็นชาติ แอบไปสุมหัวกับอิเหวิงงุบงิบงุบงิบกันก่อนอิเหวิงขึ้นบิสเนสคลาสหอบข้าวของกลับเกาหลี มีบันทึกไว้ทั้งภาพและเสียง อิฉัด แต่ลับหลัง อิเหวิงนินตาอิไผ่ สารพัด อิเหวิงเห็นอิไผ่เหมือนขรี้ ขนาดนั้นเลย อิไผ่ก็ยังอิน คิดว่าอิเหวิงรักแม๊ไผ่ 5555 สุดท้าย ดิ้นเฮือกสุดท้ายทีเหลือ ก็เพียงแค่หวังให้อิเหวิง ช่วยระบายสต็อค ที่กองเป็นภูเขา เพราะที่ผ่านมาเป็นปลิงเกาะชาลีอินคัมมหาศาลจนแฟนเพจนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว สต็อปท่วมแบบนี้ เลยต้องไปเข้าพวกกับอิป้าโจจิตเปื่อยตกขาว สุมหัวเล่นงานแน๊กทั้งเช้าค่ำ และเป็นตัวปล่อยวลีแก้เกมส์ วาทะกรรมที่อิป้าโจนั่งคิดหัวแทบแต็ก แต่ก็ทำได้แค่นี้ โดยล่าสุด ออกมาไลฟ์ มีตัวชงด้วยนะ คอมเม้นกลางไลฟ์ "ทำไมกามินบอกว่า ฉันดังด้วยตัวเองคะ" เช็ด อิโจจิตเปื่อยตกขาว เขียนบทดี มีชง มี ต-บ อิไผ่บอกงี้ "อุ๊ย แม่ไผ่อะ ทำงานกับคนเกาหลีรอบตัว เค้าก็บอกมาว่ เข้าใจผิด น้องไม่ได้พูดว่า น้องดังด้วยตัวเอง น้องบอกว่า น้องเป็นตัวของตัวเอง" เช็ด นี่แหละ ทุยช๊อบชอบ เค้าเล่ามา เค้าเล่าว่า แค่อิพวกปลิงพูดนี่ เชื่อเลย แต่อิไผ่ คอลเจนบูด ลืมไป ว่า 1. คนที่แปลให้คนไทยเข้าใจความหมายที่ถูกต้องอะ คนเกาหลีแท้ อิฉัด 2. ถ้าอิเหวิงมันถูกเข้าใจผิดจริง ป่านนี้ต้องมีคนเกาหลีออกมาปกป้อง มาอธิบายแล้ว แต่เพราะความหมายมันเชี่ยจริงๆไง อิฉัด เกาหลีเค้าฟังเค้ายังของขึ้น แล้วบอกว่าขอเลือกข้างชาลี ก็มีแต่ปลิงทีม พวกเมิงนี่แหละ ที่แปลเซี่ยไรไม่รู้ กลางอิ๊บอ๋าย อิฉัด อิปลิง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2046 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ
    มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!!
    นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ
    โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต.
    โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ
    มาเริ่มกัน
    “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน
    จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ
    เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น
    แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน
    เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ
    แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย
    จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน
    ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว
    ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน
    เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้
    เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ
    โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า
    ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ
    แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา
    ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ
    นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็
    ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ”
    #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ
    “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล
    เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ
    จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้
    อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี
    นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน”
    กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้
    นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ
    แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊
    อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้
    - ดังด้วยตัวเอง
    - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง
    -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต
    ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช
    สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน
    มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม
    ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น
    คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย
    ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล”
    และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า
    “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ”
    “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น
    คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้
    ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย
    และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่
    เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด
    แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต.
    ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย
    ทุยมั๊ยหละ
    ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก
    คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่
    แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม
    ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา
    แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย
    ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง
    มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี
    เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น
    เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์
    ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า
    เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน
    ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ
    และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว
    สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง
    ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ
    ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง
    ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้
    และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา
    แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ
    ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์
    ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น
    เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์
    มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้
    พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน
    อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ
    อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!! นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต. โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ มาเริ่มกัน “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้ เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็ ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ” #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้ อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน” กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้ นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊ อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้ - ดังด้วยตัวเอง - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล” และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ” “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้ ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่ เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต. ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย ทุยมั๊ยหละ ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่ แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์ ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้ และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์ ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์ มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้ พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2060 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่

    ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว

    ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ

    “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง

    รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ”

    เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว

    ที่มา RT
    รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่ ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ” เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว ที่มา RT
    Like
    25
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1312 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2722 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts