• ..กับสันดานคนเขมรต้องรั้วลวดหนามแบบเวียดนามนี้ล่ะ,เวียดนามมันได้จริงๆกับพวกเขมรแบบนี้.ต้นทุนไม่แพงอะไร,เหล็กลวดไทยมีวัตถุดิบ,รัฐสร้างโรงงานผลิตตรงเลยก็ได้,นำเข้าวัตถุดิบปลอดภาษีก็ได้อีก,ห้ามเอกชนรายใดมาวุ่นวายด้วย,หรือหาแดกงบหลวงแม้ตัวนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารเองก็ด้วย,เอาจริงๆมันจัดการง่ายจะตายก็ว่า,ถนนลาดยางกิโลเมตรละ1ล้านยังทำได้,แค่800กว่ากิโลเมตรตลอดพรมแดนให้กิโลเมตรละ10ล้านบาทอย่างดีแบบหนาแบบเปลี่ยนสะดวกสบายยกแผงก็ทำได้,รวมก็แค่8,000ล้านบาทเอง,กากมาก,ที่ชดเชยภาษีทรัมป์ที่เป็นข่าวว่าใช้ตังกว่า200,000ล้านบาทใช้ช่วยกิจการเอกชนไทยและโรงงานนายทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในไทยส่งไปอเมริกามันยังช่วยพวกเหี้ยนี้มากกว่าอีก,200,000ล้านบาทนะถ้าให้แจกแจงรายละเอียดเปิดเผยเอกสารเป็นเว็บสาธารณะว่าใช้จริงไปไหนบ้าง เงิน200,000ล้านบาทนี้ชดเชยเอกชนรายใด โรงงานใดบ้างเป็นกระแสการไหลของเงินสดอย่างชัดเจนคงประชาชนตาสว่างกว่านี้อีก,หรืออดีตงบสร้างถนนหนทางปัจจุบันแบบกูขยายถนนแล้วขยายอีกซ้อมแล้วซ้อมซ้ำซากอีก ทั่วไทยอาจใช้งบตลอดทั้งปีกว่าแสนล้านบาทล่ะ ทำให้มีคุณภาพมาตราขนาดไหนอีกก็ไม่รู้ รถพ่วงเกิน21ตันเหยียบถนนหลวงไม่กี่เที่ยวก็ซ้อมอีกแล้วเป็นต้น,ถนนชาวบ้านไทบ้านรถพ่วงไปเหยียบครั้งเดียวถนนเป็นหลุมเลยพังเลยก็ว่า,จริงๆมาตราฐานถนนทั้งหมดทั่วประเทศต้องเกิน21ตันให้หมดเพราะเอกชนมักง่ายมาก หลายๆถนนชนบททั่วไทยใช้ทางโทมิใช่ทางเอก ลัดทางสั้นตรึม ถนนไทบ้านในชุมชนพังกันมากเพราะมิให้รถเกิน21ตันใช้,แต่เสือกวิ่งเป็นว่าเล่น,รถบรรทุกไทยเยอะมากๆในเวลานี้,ความปลอดภัยชาวบ้านประชาชนอันตรายด้วย,คนขับก็คนจีน คนลาว คนเขมร คนพม่า คนเวียดนามมากกว่าคนไทย,ยิ่งเป็นถนนข้ามแดนง่ายขึ้นเพื่อค้าขายขนส่ง วิ่งกระจายจริงๆ มอไซค์อักเสบและไปวัดไม่น้อย เพราะคนพวกนี้หมายสังหารคนไทยในท้องถนนง่ายๆด้วย ไร้น้ำจิตน้ำใจแบบคนไทย บดเบียด สีใกล้เหี้ยมีหมด.เข้าใต้ท้องมันมีมิใช่น้อยจากนั้นเอาตังตบหัวจบ.

    ..รั้วหนามทำได้สบายแต่เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองหรือทางหนีภัยลี้ภัยทางการเมืองตนจะลำบาก สมุนขี้ข้าลูกน้องจะหนีลำบาก ถูกจับได้จะซวยถึงนักการเมืองเดอะแก๊งอิทธิพลสั่งตายใครต่างๆไร้หลบหนีสะดวกทั้งกูและมรึงหากโดนคดีทางการเมืองจากไทย ช่องทางธรรมชาติทั่วรอบไทยจึงละเว้นไม่พยายามสร้าง นัยยะนี้ด้วย อะไรค้าขายเถื่อนๆกูก็ลำบากด้วยเป็นต้น ใครผีบ้าจะสร้างกำแพงตัดแหล่งช่องทางทำเงินทำตังมหาศาลของกู.



    https://www.youtube.com/shorts/lD7tGLBMEDE
    ..กับสันดานคนเขมรต้องรั้วลวดหนามแบบเวียดนามนี้ล่ะ,เวียดนามมันได้จริงๆกับพวกเขมรแบบนี้.ต้นทุนไม่แพงอะไร,เหล็กลวดไทยมีวัตถุดิบ,รัฐสร้างโรงงานผลิตตรงเลยก็ได้,นำเข้าวัตถุดิบปลอดภาษีก็ได้อีก,ห้ามเอกชนรายใดมาวุ่นวายด้วย,หรือหาแดกงบหลวงแม้ตัวนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารเองก็ด้วย,เอาจริงๆมันจัดการง่ายจะตายก็ว่า,ถนนลาดยางกิโลเมตรละ1ล้านยังทำได้,แค่800กว่ากิโลเมตรตลอดพรมแดนให้กิโลเมตรละ10ล้านบาทอย่างดีแบบหนาแบบเปลี่ยนสะดวกสบายยกแผงก็ทำได้,รวมก็แค่8,000ล้านบาทเอง,กากมาก,ที่ชดเชยภาษีทรัมป์ที่เป็นข่าวว่าใช้ตังกว่า200,000ล้านบาทใช้ช่วยกิจการเอกชนไทยและโรงงานนายทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในไทยส่งไปอเมริกามันยังช่วยพวกเหี้ยนี้มากกว่าอีก,200,000ล้านบาทนะถ้าให้แจกแจงรายละเอียดเปิดเผยเอกสารเป็นเว็บสาธารณะว่าใช้จริงไปไหนบ้าง เงิน200,000ล้านบาทนี้ชดเชยเอกชนรายใด โรงงานใดบ้างเป็นกระแสการไหลของเงินสดอย่างชัดเจนคงประชาชนตาสว่างกว่านี้อีก,หรืออดีตงบสร้างถนนหนทางปัจจุบันแบบกูขยายถนนแล้วขยายอีกซ้อมแล้วซ้อมซ้ำซากอีก ทั่วไทยอาจใช้งบตลอดทั้งปีกว่าแสนล้านบาทล่ะ ทำให้มีคุณภาพมาตราขนาดไหนอีกก็ไม่รู้ รถพ่วงเกิน21ตันเหยียบถนนหลวงไม่กี่เที่ยวก็ซ้อมอีกแล้วเป็นต้น,ถนนชาวบ้านไทบ้านรถพ่วงไปเหยียบครั้งเดียวถนนเป็นหลุมเลยพังเลยก็ว่า,จริงๆมาตราฐานถนนทั้งหมดทั่วประเทศต้องเกิน21ตันให้หมดเพราะเอกชนมักง่ายมาก หลายๆถนนชนบททั่วไทยใช้ทางโทมิใช่ทางเอก ลัดทางสั้นตรึม ถนนไทบ้านในชุมชนพังกันมากเพราะมิให้รถเกิน21ตันใช้,แต่เสือกวิ่งเป็นว่าเล่น,รถบรรทุกไทยเยอะมากๆในเวลานี้,ความปลอดภัยชาวบ้านประชาชนอันตรายด้วย,คนขับก็คนจีน คนลาว คนเขมร คนพม่า คนเวียดนามมากกว่าคนไทย,ยิ่งเป็นถนนข้ามแดนง่ายขึ้นเพื่อค้าขายขนส่ง วิ่งกระจายจริงๆ มอไซค์อักเสบและไปวัดไม่น้อย เพราะคนพวกนี้หมายสังหารคนไทยในท้องถนนง่ายๆด้วย ไร้น้ำจิตน้ำใจแบบคนไทย บดเบียด สีใกล้เหี้ยมีหมด.เข้าใต้ท้องมันมีมิใช่น้อยจากนั้นเอาตังตบหัวจบ. ..รั้วหนามทำได้สบายแต่เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองหรือทางหนีภัยลี้ภัยทางการเมืองตนจะลำบาก สมุนขี้ข้าลูกน้องจะหนีลำบาก ถูกจับได้จะซวยถึงนักการเมืองเดอะแก๊งอิทธิพลสั่งตายใครต่างๆไร้หลบหนีสะดวกทั้งกูและมรึงหากโดนคดีทางการเมืองจากไทย ช่องทางธรรมชาติทั่วรอบไทยจึงละเว้นไม่พยายามสร้าง นัยยะนี้ด้วย อะไรค้าขายเถื่อนๆกูก็ลำบากด้วยเป็นต้น ใครผีบ้าจะสร้างกำแพงตัดแหล่งช่องทางทำเงินทำตังมหาศาลของกู. https://www.youtube.com/shorts/lD7tGLBMEDE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง?

    รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม

    เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ

    รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ
    ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม

    เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์
    นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน

    การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ
    ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม

    รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่
    เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว

    การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ
    สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR

    กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง

    เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
    เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม

    LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล
    เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย

    การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที
    เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น

    https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    🚐🧠 รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง? รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ ➡️ ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม ✅ เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ ➡️ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน ✅ การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ ➡️ ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ✅ รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ ➡️ เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ✅ การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ ➡️ สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR ✅ กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน ➡️ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง ✅ เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ➡️ เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม ✅ LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล ➡️ เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ✅ การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที ➡️ เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ✅ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    NEWS.SKY.COM
    Facial recognition vans to be rolled out across police forces in England
    Ten live facial recognition vans will be deployed - but human rights groups argue the tech is "dangerous and discriminatory".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม OCaml ถึงกลายเป็นภาษาหลักของนักพัฒนาไฟแรงคนหนึ่ง — และอาจเป็นของคุณด้วย

    ผู้เขียนบทความนี้เริ่มใช้ OCaml ตั้งแต่ปี 2012 และหลงรักภาษานี้จนกลายเป็น “OCaml evangelist” ที่พูดถึงมันในงานสัมมนาอย่างสม่ำเสมอ แม้ OCaml จะไม่ใช่ภาษาหลักในอุตสาหกรรม แต่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Microsoft, Docker, Bloomberg และ Jane Street กลับใช้มันจริงจังในระบบโปรดักชัน

    OCaml เป็นภาษาที่มีรากฐานจากงานวิจัย แต่ถูกพัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรม โดยมีจุดเด่นคือระบบ type ที่ปลอดภัยและทรงพลัง, รองรับหลาย paradigm ทั้ง functional, imperative, modular และ object-oriented, มีระบบ module ที่ลึกและยืดหยุ่น, และล่าสุดยังรองรับ multi-core และ user-defined effects

    นอกจากภาษาจะดีแล้ว Ecosystem ก็แข็งแรงขึ้นมากในช่วงหลัง มีเครื่องมืออย่าง OPAM (package manager), Dune (build system), Merlin และ LSP (editor tooling), และ Odoc (documentation generator) ที่ช่วยให้การพัฒนาใน OCaml เป็นเรื่องง่ายและสนุก

    แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น syntax ที่ไม่คุ้นเคย, ขาด ad-hoc polymorphism, และ module language ที่ซับซ้อน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าคุณค่าของ OCaml อยู่ที่ความสามารถในการสื่อสารแนวคิดการออกแบบซอฟต์แวร์ได้อย่างชัดเจน และเป็นภาษาที่ช่วยให้เข้าใจแนวคิดระดับสูงได้ลึกซึ้ง

    ผู้เขียนใช้ OCaml เป็นภาษาหลักตั้งแต่ปี 2012
    ใช้ทั้งในโปรเจกต์ส่วนตัวและงานอาชีพ

    OCaml ถูกใช้งานจริงโดยบริษัทใหญ่หลายแห่ง
    เช่น Meta, Microsoft, Docker, Bloomberg, Jane Street

    OCaml รองรับหลาย paradigm ในการเขียนโปรแกรม
    ทั้ง functional, imperative, modular, object-oriented และ multi-core

    มีระบบ type ที่ปลอดภัยและ expressive มาก
    ช่วยลด bug และออกแบบโค้ดได้ชัดเจน

    ระบบ module ของ OCaml มีความลึกและยืดหยุ่นสูง
    รองรับ encapsulation, functor, และ polymorphism ระดับสูง

    รองรับ user-defined effects ตั้งแต่เวอร์ชัน 5.0
    ช่วยให้จัดการ control flow และ dependency injection ได้ง่าย

    Ecosystem มีเครื่องมือครบครัน
    เช่น OPAM, Dune, Merlin, LSP, Odoc และ library จำนวนมาก

    ชุมชน OCaml มีความเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย
    มีผู้เชี่ยวชาญคอยตอบคำถามและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง

    OCaml มีจุดเด่นด้าน algebraic data types และ pattern matching
    ทำให้เหมาะกับงานวิเคราะห์โครงสร้างภาษาและ AST

    OCaml ถูกใช้ในงานวิเคราะห์ภาษา เช่น CIL, Frama-C และ FFTW
    เพราะมีเครื่องมือ lexing/parsing ที่ใช้งานง่ายและเร็ว

    OCaml มี compiler ที่เร็วมาก
    ช่วยให้การพัฒนาและ build โค้ดเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    OCaml ถูกใช้ในวงการการเงิน เช่น Jane Street
    เพราะมีความปลอดภัยสูงและประสิทธิภาพดี

    https://xvw.lol/en/articles/why-ocaml.html
    🧠💻 ทำไม OCaml ถึงกลายเป็นภาษาหลักของนักพัฒนาไฟแรงคนหนึ่ง — และอาจเป็นของคุณด้วย ผู้เขียนบทความนี้เริ่มใช้ OCaml ตั้งแต่ปี 2012 และหลงรักภาษานี้จนกลายเป็น “OCaml evangelist” ที่พูดถึงมันในงานสัมมนาอย่างสม่ำเสมอ แม้ OCaml จะไม่ใช่ภาษาหลักในอุตสาหกรรม แต่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Microsoft, Docker, Bloomberg และ Jane Street กลับใช้มันจริงจังในระบบโปรดักชัน OCaml เป็นภาษาที่มีรากฐานจากงานวิจัย แต่ถูกพัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรม โดยมีจุดเด่นคือระบบ type ที่ปลอดภัยและทรงพลัง, รองรับหลาย paradigm ทั้ง functional, imperative, modular และ object-oriented, มีระบบ module ที่ลึกและยืดหยุ่น, และล่าสุดยังรองรับ multi-core และ user-defined effects นอกจากภาษาจะดีแล้ว Ecosystem ก็แข็งแรงขึ้นมากในช่วงหลัง มีเครื่องมืออย่าง OPAM (package manager), Dune (build system), Merlin และ LSP (editor tooling), และ Odoc (documentation generator) ที่ช่วยให้การพัฒนาใน OCaml เป็นเรื่องง่ายและสนุก แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น syntax ที่ไม่คุ้นเคย, ขาด ad-hoc polymorphism, และ module language ที่ซับซ้อน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าคุณค่าของ OCaml อยู่ที่ความสามารถในการสื่อสารแนวคิดการออกแบบซอฟต์แวร์ได้อย่างชัดเจน และเป็นภาษาที่ช่วยให้เข้าใจแนวคิดระดับสูงได้ลึกซึ้ง ✅ ผู้เขียนใช้ OCaml เป็นภาษาหลักตั้งแต่ปี 2012 ➡️ ใช้ทั้งในโปรเจกต์ส่วนตัวและงานอาชีพ ✅ OCaml ถูกใช้งานจริงโดยบริษัทใหญ่หลายแห่ง ➡️ เช่น Meta, Microsoft, Docker, Bloomberg, Jane Street ✅ OCaml รองรับหลาย paradigm ในการเขียนโปรแกรม ➡️ ทั้ง functional, imperative, modular, object-oriented และ multi-core ✅ มีระบบ type ที่ปลอดภัยและ expressive มาก ➡️ ช่วยลด bug และออกแบบโค้ดได้ชัดเจน ✅ ระบบ module ของ OCaml มีความลึกและยืดหยุ่นสูง ➡️ รองรับ encapsulation, functor, และ polymorphism ระดับสูง ✅ รองรับ user-defined effects ตั้งแต่เวอร์ชัน 5.0 ➡️ ช่วยให้จัดการ control flow และ dependency injection ได้ง่าย ✅ Ecosystem มีเครื่องมือครบครัน ➡️ เช่น OPAM, Dune, Merlin, LSP, Odoc และ library จำนวนมาก ✅ ชุมชน OCaml มีความเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย ➡️ มีผู้เชี่ยวชาญคอยตอบคำถามและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ✅ OCaml มีจุดเด่นด้าน algebraic data types และ pattern matching ➡️ ทำให้เหมาะกับงานวิเคราะห์โครงสร้างภาษาและ AST ✅ OCaml ถูกใช้ในงานวิเคราะห์ภาษา เช่น CIL, Frama-C และ FFTW ➡️ เพราะมีเครื่องมือ lexing/parsing ที่ใช้งานง่ายและเร็ว ✅ OCaml มี compiler ที่เร็วมาก ➡️ ช่วยให้การพัฒนาและ build โค้ดเป็นไปอย่างรวดเร็ว ✅ OCaml ถูกใช้ในวงการการเงิน เช่น Jane Street ➡️ เพราะมีความปลอดภัยสูงและประสิทธิภาพดี https://xvw.lol/en/articles/why-ocaml.html
    XVW.LOL
    Why I chose OCaml as my primary language
    A detailed explanation of why I chose OCaml as the ‘default’ programming language for every project.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ArchWiki กับภารกิจปั้นเอกสารให้ Debian — จากตำนานสู่แรงบันดาลใจ

    ในงาน DebConf25 ที่ฝรั่งเศส ทีมผู้ดูแล ArchWiki อย่าง Jakub Klinkovský และ Vladimir Lavallade ได้รับเชิญจาก Debian เพื่อแชร์กลยุทธ์การจัดการเอกสารของ Arch Linux ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการว่า “แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดแม้คุณจะไม่ได้ใช้ Arch”

    ArchWiki มีจุดแข็งคือเนื้อหาครอบคลุม อัปเดตเร็ว และมีชุมชนที่มีส่วนร่วมสูง โดยใช้หลักการ SWOT วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามของระบบเอกสารของตนเอง

    Debian ได้รับแรงบันดาลใจทันที โดยเริ่มเปลี่ยนระบบ wiki จาก MoinMoin ที่ล้าสมัยไปใช้ MediaWiki พร้อมปรับนโยบายการอนุญาตเนื้อหา และตั้ง mailing list ใหม่เพื่อจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบ

    แม้ ArchWiki จะมีจุดอ่อน เช่น syntax ที่ซับซ้อนและการพึ่งพา MediaWiki ที่ไม่ยืดหยุ่น แต่ระบบการดูแลเอกสารแบบกระจายอำนาจและการส่งเสริมให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม กลับสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง และกลายเป็นต้นแบบให้กับหลาย distro

    ArchWiki ถูกยกให้เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในวงการ Linux
    แม้ผู้ใช้จะไม่ได้ใช้ Arch ก็ยังอ้างอิงเอกสารจาก ArchWiki

    Debian เชิญทีม ArchWiki มาแชร์กลยุทธ์ในงาน DebConf25
    นำไปสู่การปฏิรูป wiki ของ Debian โดยเปลี่ยนไปใช้ MediaWiki

    ArchWiki มีมากกว่า 4,000 หน้าเนื้อหา และรวมทั้งหมดเกือบ 30,000 หน้า
    มีผู้แก้ไขกว่า 86,000 คน และมีการแก้ไขเฉลี่ย 2,000 ครั้งต่อเดือน

    หลักการดูแลเนื้อหาของ ArchWiki คือ DRY, atomic editing และการประกาศก่อนเปลี่ยนแปลงใหญ่
    ช่วยรักษาคุณภาพและลดความขัดแย้งในการแก้ไข

    การดูแลเนื้อหาใช้ระบบกระจายอำนาจ
    ผู้ใช้ทั่วไปสามารถตรวจสอบ แก้ไข หรือแจ้งปัญหาได้โดยไม่ต้องเป็น maintainer

    Debian เปลี่ยนนโยบายลิขสิทธิ์เนื้อหา wiki เป็น CC BY-SA 4.0
    เพื่อเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมและนำไปใช้ต่อได้ง่ายขึ้น

    ArchWiki ใช้ MediaWiki ซึ่งมี API และระบบ template ที่ทรงพลัง
    แม้จะซับซ้อน แต่สามารถปรับแต่งและใช้ร่วมกับ bot ได้ดี

    ArchWiki มีเครื่องมือช่วยแก้ไข เช่น Wiki Monkey และ wiki-scripts
    ช่วยตรวจลิงก์ แก้ markup และปรับปรุงโครงสร้างเนื้อหา

    ArchWiki มีห้อง IRC สำหรับพูดคุยเรื่องการแก้ไข wiki โดยเฉพาะ
    แต่เน้นให้ใช้หน้า talk page เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม

    ArchWiki เป็นศูนย์กลางความรู้ที่ผู้ใช้จาก distro อื่นก็เข้ามาใช้
    เช่น Ubuntu หรือ Fedora ก็อ้างอิงจาก ArchWiki เป็นประจำ

    https://lwn.net/SubscriberLink/1032604/73596e0c3ed1945a/
    📚🐧 ArchWiki กับภารกิจปั้นเอกสารให้ Debian — จากตำนานสู่แรงบันดาลใจ ในงาน DebConf25 ที่ฝรั่งเศส ทีมผู้ดูแล ArchWiki อย่าง Jakub Klinkovský และ Vladimir Lavallade ได้รับเชิญจาก Debian เพื่อแชร์กลยุทธ์การจัดการเอกสารของ Arch Linux ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการว่า “แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดแม้คุณจะไม่ได้ใช้ Arch” ArchWiki มีจุดแข็งคือเนื้อหาครอบคลุม อัปเดตเร็ว และมีชุมชนที่มีส่วนร่วมสูง โดยใช้หลักการ SWOT วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามของระบบเอกสารของตนเอง Debian ได้รับแรงบันดาลใจทันที โดยเริ่มเปลี่ยนระบบ wiki จาก MoinMoin ที่ล้าสมัยไปใช้ MediaWiki พร้อมปรับนโยบายการอนุญาตเนื้อหา และตั้ง mailing list ใหม่เพื่อจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบ แม้ ArchWiki จะมีจุดอ่อน เช่น syntax ที่ซับซ้อนและการพึ่งพา MediaWiki ที่ไม่ยืดหยุ่น แต่ระบบการดูแลเอกสารแบบกระจายอำนาจและการส่งเสริมให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม กลับสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง และกลายเป็นต้นแบบให้กับหลาย distro ✅ ArchWiki ถูกยกให้เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในวงการ Linux ➡️ แม้ผู้ใช้จะไม่ได้ใช้ Arch ก็ยังอ้างอิงเอกสารจาก ArchWiki ✅ Debian เชิญทีม ArchWiki มาแชร์กลยุทธ์ในงาน DebConf25 ➡️ นำไปสู่การปฏิรูป wiki ของ Debian โดยเปลี่ยนไปใช้ MediaWiki ✅ ArchWiki มีมากกว่า 4,000 หน้าเนื้อหา และรวมทั้งหมดเกือบ 30,000 หน้า ➡️ มีผู้แก้ไขกว่า 86,000 คน และมีการแก้ไขเฉลี่ย 2,000 ครั้งต่อเดือน ✅ หลักการดูแลเนื้อหาของ ArchWiki คือ DRY, atomic editing และการประกาศก่อนเปลี่ยนแปลงใหญ่ ➡️ ช่วยรักษาคุณภาพและลดความขัดแย้งในการแก้ไข ✅ การดูแลเนื้อหาใช้ระบบกระจายอำนาจ ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปสามารถตรวจสอบ แก้ไข หรือแจ้งปัญหาได้โดยไม่ต้องเป็น maintainer ✅ Debian เปลี่ยนนโยบายลิขสิทธิ์เนื้อหา wiki เป็น CC BY-SA 4.0 ➡️ เพื่อเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมและนำไปใช้ต่อได้ง่ายขึ้น ✅ ArchWiki ใช้ MediaWiki ซึ่งมี API และระบบ template ที่ทรงพลัง ➡️ แม้จะซับซ้อน แต่สามารถปรับแต่งและใช้ร่วมกับ bot ได้ดี ✅ ArchWiki มีเครื่องมือช่วยแก้ไข เช่น Wiki Monkey และ wiki-scripts ➡️ ช่วยตรวจลิงก์ แก้ markup และปรับปรุงโครงสร้างเนื้อหา ✅ ArchWiki มีห้อง IRC สำหรับพูดคุยเรื่องการแก้ไข wiki โดยเฉพาะ ➡️ แต่เน้นให้ใช้หน้า talk page เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ✅ ArchWiki เป็นศูนย์กลางความรู้ที่ผู้ใช้จาก distro อื่นก็เข้ามาใช้ ➡️ เช่น Ubuntu หรือ Fedora ก็อ้างอิงจาก ArchWiki เป็นประจำ https://lwn.net/SubscriberLink/1032604/73596e0c3ed1945a/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • "OTOP ศิลปาชีพฯ" คึกคัก! "รมว.จตุพร" หนุนผู้ประกอบการชุมชน 30 ราย...หวังดันผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/20926/
    .
    #OTOP #จตุพรบุรุษพัฒน์ #กระทรวงพาณิชย์ #เศรษฐกิจชุมชน #ซอฟท์พาวเวอร์ #ไทยไท
    "OTOP ศิลปาชีพฯ" คึกคัก! "รมว.จตุพร" หนุนผู้ประกอบการชุมชน 30 ราย...หวังดันผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/20926/ . #OTOP #จตุพรบุรุษพัฒน์ #กระทรวงพาณิชย์ #เศรษฐกิจชุมชน #ซอฟท์พาวเวอร์ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตประเทศไทยจะไม่มีบุคคลสาธารณะอีกต่อไป,จะเป็นบริษัทจำกัด ประชาขนคนใดจะมาว่ากล่าวบริษัทจำกัดไม่ได้,ฟ้องอย่างเดียว,เรากำลังอยู่ในระบบคอมมิวนิสต์ใช่หรือไม่.ประชาชนไม่สามารถพูดวาวิพากษ์วิจารณ์ว่ากล่าวด่าทออะไรได้,ป้าย ศาลาริมทางก็ด่ามันไม่ได้เพราะเป็นของสาธารณะ,ด่าของบริษัทอีกยิ่งไปกันใหญ่เพราะขนาดด่าป้ายสาธารณะไม่ได้,สมควรเก็บป้ายสาธารณะนี้อย่ามีดีกว่ามั้ย,ไฟจราจรผีบ้าอยากไฟแดงค้างก็ค้างแบบนััน อยากไฟเหลืองขึ้นก็ขึ้นไม่ไปไฟเขียว ด่าหน่อยจึงกดไฟเขียวผีบ้าขึ้น,ไฟจราจรก็ด่าไม่ได้เป็นของสาธารณะ.,ประชาธิปไตยแสดงว่ามิใช่ของสาธารณะ กฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายทำลายระบบประชาธิปไตย ควบคุมระบบประชาธิปไตย กฎหมายหมิ่นประมาทควบคุมการปกป้องตนเองของคนในสังคมชุมชนเป็นเครื่องมือควบคุมคนที่เห็นต่างคนที่เป็นภัยในระบบเสียเองที่ควบคุมง่ายๆไม่ได้ในเจตจำนงอิสระการแสดงออกของเขา,ระบบประชาธิปไตยด้านกฎหมายหมิ่นประมาทต้องยกเลิกทันที,และยกเลิกกฎหมายห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย,เพราะตัวเดียวกันกับกฎหมายหมิ่นประมาทชัดเจนมาก.

    https://youtube.com/watch?v=OIJypjHbiFo&si=t7XAJRF_wY2B7f1h
    อนาคตประเทศไทยจะไม่มีบุคคลสาธารณะอีกต่อไป,จะเป็นบริษัทจำกัด ประชาขนคนใดจะมาว่ากล่าวบริษัทจำกัดไม่ได้,ฟ้องอย่างเดียว,เรากำลังอยู่ในระบบคอมมิวนิสต์ใช่หรือไม่.ประชาชนไม่สามารถพูดวาวิพากษ์วิจารณ์ว่ากล่าวด่าทออะไรได้,ป้าย ศาลาริมทางก็ด่ามันไม่ได้เพราะเป็นของสาธารณะ,ด่าของบริษัทอีกยิ่งไปกันใหญ่เพราะขนาดด่าป้ายสาธารณะไม่ได้,สมควรเก็บป้ายสาธารณะนี้อย่ามีดีกว่ามั้ย,ไฟจราจรผีบ้าอยากไฟแดงค้างก็ค้างแบบนััน อยากไฟเหลืองขึ้นก็ขึ้นไม่ไปไฟเขียว ด่าหน่อยจึงกดไฟเขียวผีบ้าขึ้น,ไฟจราจรก็ด่าไม่ได้เป็นของสาธารณะ.,ประชาธิปไตยแสดงว่ามิใช่ของสาธารณะ กฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายทำลายระบบประชาธิปไตย ควบคุมระบบประชาธิปไตย กฎหมายหมิ่นประมาทควบคุมการปกป้องตนเองของคนในสังคมชุมชนเป็นเครื่องมือควบคุมคนที่เห็นต่างคนที่เป็นภัยในระบบเสียเองที่ควบคุมง่ายๆไม่ได้ในเจตจำนงอิสระการแสดงออกของเขา,ระบบประชาธิปไตยด้านกฎหมายหมิ่นประมาทต้องยกเลิกทันที,และยกเลิกกฎหมายห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย,เพราะตัวเดียวกันกับกฎหมายหมิ่นประมาทชัดเจนมาก. https://youtube.com/watch?v=OIJypjHbiFo&si=t7XAJRF_wY2B7f1h
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cyberdeck สุดล้ำจาก Sector 07: สองจอสัมผัส หมุนได้ ใช้ Raspberry Pi 5 และพิมพ์ 3D ได้เอง

    Sector 07 นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์สาย DIY ได้ออกแบบ Cyberdeck ที่ไม่เหมือนใคร—มีจอสัมผัสสองจอขนาด 9 นิ้วที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมเคสที่พิมพ์ 3D ได้เอง และขับเคลื่อนด้วย Raspberry Pi 5

    Cyberdeck นี้เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มทดลองเล็ก ๆ แต่กลายเป็นเครื่องมือเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนา การทดลอง และการใช้งานทั่วไป โดยมีพอร์ต GPIO และ I2C ให้ใช้งานภายนอก พร้อม USB hub ภายในสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม

    ตัวเคสถูกออกแบบให้พิมพ์ได้ง่าย และมีไฟล์ STL พร้อมให้ดาวน์โหลดบน GitHub รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้ทันที

    นอกจากความล้ำด้านดีไซน์แล้ว ยังเปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Raspberry Pi 5 เป็น Pi 4 ได้ และเลือกใช้ระบบปฏิบัติการที่ต้องการ เช่น Raspberry Pi OS หรือ Linux distro อื่น ๆ

    Cyberdeck ถูกออกแบบโดย Sector 07 และใช้ Raspberry Pi 5 เป็นแกนหลัก
    รองรับการเปลี่ยนเป็น Pi 4 ได้ตามต้องการ

    มีจอสัมผัส 9 นิ้ว 2 จอที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน
    ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

    เคสสามารถพิมพ์ 3D ได้เองจากไฟล์ STL ที่แจกฟรี
    พร้อมซอฟต์แวร์บน GitHub ที่ช่วยให้ใช้งานได้ทันที

    มี USB hub ภายในและพอร์ต GPIO/I2C สำหรับการทดลอง
    เหมาะกับงานพัฒนาและการเรียนรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์

    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Raspberry Pi OS
    เปิดโอกาสให้ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้

    เป็นโปรเจกต์ open-source ที่เน้นการเรียนรู้และการแบ่งปัน
    ส่งเสริมชุมชน maker และนักพัฒนา DIY

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/this-futuristic-3d-printed-cyberdeck-has-two-swiveling-touchscreens-and-its-powered-by-a-raspberry-pi-5
    🧠🖥️ Cyberdeck สุดล้ำจาก Sector 07: สองจอสัมผัส หมุนได้ ใช้ Raspberry Pi 5 และพิมพ์ 3D ได้เอง Sector 07 นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์สาย DIY ได้ออกแบบ Cyberdeck ที่ไม่เหมือนใคร—มีจอสัมผัสสองจอขนาด 9 นิ้วที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมเคสที่พิมพ์ 3D ได้เอง และขับเคลื่อนด้วย Raspberry Pi 5 Cyberdeck นี้เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มทดลองเล็ก ๆ แต่กลายเป็นเครื่องมือเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนา การทดลอง และการใช้งานทั่วไป โดยมีพอร์ต GPIO และ I2C ให้ใช้งานภายนอก พร้อม USB hub ภายในสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ตัวเคสถูกออกแบบให้พิมพ์ได้ง่าย และมีไฟล์ STL พร้อมให้ดาวน์โหลดบน GitHub รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้ทันที นอกจากความล้ำด้านดีไซน์แล้ว ยังเปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Raspberry Pi 5 เป็น Pi 4 ได้ และเลือกใช้ระบบปฏิบัติการที่ต้องการ เช่น Raspberry Pi OS หรือ Linux distro อื่น ๆ ✅ Cyberdeck ถูกออกแบบโดย Sector 07 และใช้ Raspberry Pi 5 เป็นแกนหลัก ➡️ รองรับการเปลี่ยนเป็น Pi 4 ได้ตามต้องการ ✅ มีจอสัมผัส 9 นิ้ว 2 จอที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน ➡️ ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ✅ เคสสามารถพิมพ์ 3D ได้เองจากไฟล์ STL ที่แจกฟรี ➡️ พร้อมซอฟต์แวร์บน GitHub ที่ช่วยให้ใช้งานได้ทันที ✅ มี USB hub ภายในและพอร์ต GPIO/I2C สำหรับการทดลอง ➡️ เหมาะกับงานพัฒนาและการเรียนรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ✅ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Raspberry Pi OS ➡️ เปิดโอกาสให้ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ ✅ เป็นโปรเจกต์ open-source ที่เน้นการเรียนรู้และการแบ่งปัน ➡️ ส่งเสริมชุมชน maker และนักพัฒนา DIY https://www.tomshardware.com/3d-printing/this-futuristic-3d-printed-cyberdeck-has-two-swiveling-touchscreens-and-its-powered-by-a-raspberry-pi-5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Modos Paper Monitor: จอ e-paper ที่เร็วที่สุดในตลาด พร้อมเปิดให้ทุกคนปรับแต่งได้

    ในโลกที่เต็มไปด้วยจอ LCD และ OLED ที่สว่างจ้าและเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนสายตา Modos Tech กำลังเสนอทางเลือกใหม่—จอ e-paper ที่ไม่เพียงแค่สบายตา แต่ยังเร็วและปรับแต่งได้อย่างอิสระ

    Modos Paper Monitor คือชุดพัฒนาแบบ open-hardware ที่ใช้จอ e-paper ขนาด 6 นิ้วและ 13.3 นิ้ว รองรับ refresh rate สูงถึง 75Hz ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับเทคโนโลยี e-paper ที่ปกติจะช้าและเหมาะแค่กับการอ่านหนังสือ

    หัวใจของระบบคือ Caster ซึ่งเป็น FPGA controller แบบ open-source ที่สามารถจัดการ pixel แบบอิสระและอัปเดตภาพได้ทันทีโดยไม่ต้องรอภาพก่อนหน้าเสร็จสิ้น ทำให้การแสดงผลลื่นไหลและลดการกระพริบของภาพ

    นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ HDMI ใช้งานได้กับ Windows, macOS และ Linux พร้อม API สำหรับนักพัฒนาในการปรับแต่งโหมดการแสดงผล เช่น binary mode สำหรับความเร็ว และ greyscale mode สำหรับความละเอียด

    Modos ยังเปิดให้ผู้ใช้สร้าง housing เองผ่านไฟล์ออกแบบ และเชื่อมต่อกับจอ e-paper ที่มีอยู่แล้วได้หลากหลายรุ่น ถือเป็นการเปิดประตูให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาได้ทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่เคยถูกจำกัดไว้เฉพาะบริษัทใหญ่

    Modos Paper Monitor เป็นจอ e-paper แบบ open-hardware
    รองรับ refresh rate สูงถึง 75Hz ด้วย FPGA controller

    ใช้ Caster ซึ่งเป็น FPGA gateware แบบ open-source
    จัดการ pixel แบบอิสระและอัปเดตภาพทันที

    รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ HDMI
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS และ Linux

    มีขนาดจอให้เลือก 6 นิ้วและ 13.3 นิ้ว
    ราคาเริ่มต้นที่ $199 ถึง $599

    รองรับโหมดการแสดงผลหลายแบบ เช่น binary และ greyscale
    ปรับแต่งได้ผ่าน C API สำหรับนักพัฒนา

    เปิดให้ใช้งานกับจอ e-paper รุ่นอื่น ๆ ได้
    พร้อมไฟล์ออกแบบ housing สำหรับสร้างจอแบบ custom

    มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาบน Discord, Mastodon และ GitHub
    ส่งเสริมการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับ e-paper

    https://www.crowdsupply.com/modos-tech/modos-paper-monitor
    📖🖥️ Modos Paper Monitor: จอ e-paper ที่เร็วที่สุดในตลาด พร้อมเปิดให้ทุกคนปรับแต่งได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยจอ LCD และ OLED ที่สว่างจ้าและเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนสายตา Modos Tech กำลังเสนอทางเลือกใหม่—จอ e-paper ที่ไม่เพียงแค่สบายตา แต่ยังเร็วและปรับแต่งได้อย่างอิสระ Modos Paper Monitor คือชุดพัฒนาแบบ open-hardware ที่ใช้จอ e-paper ขนาด 6 นิ้วและ 13.3 นิ้ว รองรับ refresh rate สูงถึง 75Hz ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับเทคโนโลยี e-paper ที่ปกติจะช้าและเหมาะแค่กับการอ่านหนังสือ หัวใจของระบบคือ Caster ซึ่งเป็น FPGA controller แบบ open-source ที่สามารถจัดการ pixel แบบอิสระและอัปเดตภาพได้ทันทีโดยไม่ต้องรอภาพก่อนหน้าเสร็จสิ้น ทำให้การแสดงผลลื่นไหลและลดการกระพริบของภาพ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ HDMI ใช้งานได้กับ Windows, macOS และ Linux พร้อม API สำหรับนักพัฒนาในการปรับแต่งโหมดการแสดงผล เช่น binary mode สำหรับความเร็ว และ greyscale mode สำหรับความละเอียด Modos ยังเปิดให้ผู้ใช้สร้าง housing เองผ่านไฟล์ออกแบบ และเชื่อมต่อกับจอ e-paper ที่มีอยู่แล้วได้หลากหลายรุ่น ถือเป็นการเปิดประตูให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาได้ทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่เคยถูกจำกัดไว้เฉพาะบริษัทใหญ่ ✅ Modos Paper Monitor เป็นจอ e-paper แบบ open-hardware ➡️ รองรับ refresh rate สูงถึง 75Hz ด้วย FPGA controller ✅ ใช้ Caster ซึ่งเป็น FPGA gateware แบบ open-source ➡️ จัดการ pixel แบบอิสระและอัปเดตภาพทันที ✅ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ HDMI ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS และ Linux ✅ มีขนาดจอให้เลือก 6 นิ้วและ 13.3 นิ้ว ➡️ ราคาเริ่มต้นที่ $199 ถึง $599 ✅ รองรับโหมดการแสดงผลหลายแบบ เช่น binary และ greyscale ➡️ ปรับแต่งได้ผ่าน C API สำหรับนักพัฒนา ✅ เปิดให้ใช้งานกับจอ e-paper รุ่นอื่น ๆ ได้ ➡️ พร้อมไฟล์ออกแบบ housing สำหรับสร้างจอแบบ custom ✅ มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาบน Discord, Mastodon และ GitHub ➡️ ส่งเสริมการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับ e-paper https://www.crowdsupply.com/modos-tech/modos-paper-monitor
    WWW.CROWDSUPPLY.COM
    Modos Paper Monitor
    A fast, low-latency, open-hardware e-paper monitor and dev kit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อความคิดเชิงเหตุผลกลายเป็นลัทธิ: เบื้องหลังชุมชน Rationalist ที่กลายพันธุ์

    ชุมชน Rationalist เริ่มต้นจากความตั้งใจดี—การส่งเสริมการคิดอย่างมีเหตุผล โดยมีจุดเริ่มต้นจากบล็อกชุด “The Sequences” ของ Eliezer Yudkowsky ซึ่งสอนวิธีคิดอย่างมีตรรกะและวิทยาศาสตร์ หลายคนหลงใหลในแนวคิดนี้ เพราะมันให้ความหวังว่าจะสามารถ “คิดให้ดีขึ้น” และแก้ปัญหาชีวิตได้ทั้งหมด

    แต่เมื่อแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในกลุ่มย่อยบางกลุ่ม มันกลับกลายเป็นสิ่งที่คล้ายลัทธิ บางกลุ่มมีความเชื่อแปลกประหลาด บางกลุ่มถึงขั้นอ้างว่าติดต่อกับ “ปีศาจ” และบางกลุ่มมีประวัติเกี่ยวข้องกับความรุนแรง เช่น กลุ่ม Zizians ที่เชื่อใน vegan anarchism และ transhumanism ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตถึง 6 ราย

    นอกจากนี้ยังมี Black Lotus ซึ่งเป็นแคมป์ Burning Man ที่นำแนวคิดจากเกม Mage the Ascension มาสร้างระบบความเชื่อ และ Leverage Research ที่เริ่มต้นจากองค์กรวิจัยอิสระแต่จบลงด้วยการล่วงละเมิดในที่ทำงานแบบ “New Age”

    แม้ชุมชน Rationalist โดยรวมจะมีความเป็นมิตรและสนับสนุนกันดี แต่การตลาดของแนวคิด “คิดให้ดีขึ้นแล้วชีวิตจะดีขึ้น” กลับสร้างความคาดหวังเกินจริง และกลายเป็นเชื้อเพลิงให้บางกลุ่มนำไปใช้ในทางที่ผิด

    ชุมชน Rationalist เริ่มต้นจากบล็อก “The Sequences” ของ Eliezer Yudkowsky
    สอนการคิดอย่างมีเหตุผลและวิทยาศาสตร์

    กลุ่ม Zizians ถูกเชื่อมโยงกับการเสียชีวิต 6 ราย
    มีแนวคิด vegan anarchist และ transhumanist

    Black Lotus นำแนวคิดจากเกม Mage the Ascension มาสร้างระบบความเชื่อ
    ผู้นำกลุ่มถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ

    Leverage Research เริ่มจากองค์กรวิจัยแต่จบลงด้วยการล่วงละเมิดในที่ทำงาน
    มีลักษณะคล้ายลัทธิ New Age

    ผู้เขียนบทความเป็นสมาชิก Rationalist และได้สัมภาษณ์คนในวงใน
    ได้ข้อมูลตรงจากอดีตสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องโดยตรง

    ชุมชน Rationalist โดยรวมมีความเป็นมิตรและสนับสนุนกัน
    มีกิจกรรมเช่นบาร์บีคิวแบบ vegan และการช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวัน

    Rationalism เป็นแนวคิดที่เน้นการใช้เหตุผลเป็นหลักในการตัดสินใจ
    มีอิทธิพลต่อวงการ AI, ฟิสิกส์, และปรัชญา

    ลัทธิ (cult) มักเกิดจากการรวมกลุ่มที่มีความเชื่อสุดโต่งและผู้นำที่มีอิทธิพลสูง
    ใช้ความหวังหรือความกลัวในการควบคุมสมาชิก

    การตลาดที่สื่อว่า “คิดดีแล้วชีวิตจะดี” อาจสร้างความคาดหวังเกินจริง
    ทำให้บางคนหลงเชื่อและยอมทำตามโดยไม่ตั้งคำถาม

    การรวมกลุ่มใน subculture ที่มีแนวคิดเฉพาะอาจนำไปสู่การแยกตัวจากสังคมหลัก
    เสี่ยงต่อการเกิดพฤติกรรมสุดโต่งหรือความเชื่อผิดปกติ

    https://asteriskmag.com/issues/11/why-are-there-so-many-rationalist-cults
    🧠🔥 เมื่อความคิดเชิงเหตุผลกลายเป็นลัทธิ: เบื้องหลังชุมชน Rationalist ที่กลายพันธุ์ ชุมชน Rationalist เริ่มต้นจากความตั้งใจดี—การส่งเสริมการคิดอย่างมีเหตุผล โดยมีจุดเริ่มต้นจากบล็อกชุด “The Sequences” ของ Eliezer Yudkowsky ซึ่งสอนวิธีคิดอย่างมีตรรกะและวิทยาศาสตร์ หลายคนหลงใหลในแนวคิดนี้ เพราะมันให้ความหวังว่าจะสามารถ “คิดให้ดีขึ้น” และแก้ปัญหาชีวิตได้ทั้งหมด แต่เมื่อแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในกลุ่มย่อยบางกลุ่ม มันกลับกลายเป็นสิ่งที่คล้ายลัทธิ บางกลุ่มมีความเชื่อแปลกประหลาด บางกลุ่มถึงขั้นอ้างว่าติดต่อกับ “ปีศาจ” และบางกลุ่มมีประวัติเกี่ยวข้องกับความรุนแรง เช่น กลุ่ม Zizians ที่เชื่อใน vegan anarchism และ transhumanism ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตถึง 6 ราย นอกจากนี้ยังมี Black Lotus ซึ่งเป็นแคมป์ Burning Man ที่นำแนวคิดจากเกม Mage the Ascension มาสร้างระบบความเชื่อ และ Leverage Research ที่เริ่มต้นจากองค์กรวิจัยอิสระแต่จบลงด้วยการล่วงละเมิดในที่ทำงานแบบ “New Age” แม้ชุมชน Rationalist โดยรวมจะมีความเป็นมิตรและสนับสนุนกันดี แต่การตลาดของแนวคิด “คิดให้ดีขึ้นแล้วชีวิตจะดีขึ้น” กลับสร้างความคาดหวังเกินจริง และกลายเป็นเชื้อเพลิงให้บางกลุ่มนำไปใช้ในทางที่ผิด ✅ ชุมชน Rationalist เริ่มต้นจากบล็อก “The Sequences” ของ Eliezer Yudkowsky ➡️ สอนการคิดอย่างมีเหตุผลและวิทยาศาสตร์ ✅ กลุ่ม Zizians ถูกเชื่อมโยงกับการเสียชีวิต 6 ราย ➡️ มีแนวคิด vegan anarchist และ transhumanist ✅ Black Lotus นำแนวคิดจากเกม Mage the Ascension มาสร้างระบบความเชื่อ ➡️ ผู้นำกลุ่มถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ ✅ Leverage Research เริ่มจากองค์กรวิจัยแต่จบลงด้วยการล่วงละเมิดในที่ทำงาน ➡️ มีลักษณะคล้ายลัทธิ New Age ✅ ผู้เขียนบทความเป็นสมาชิก Rationalist และได้สัมภาษณ์คนในวงใน ➡️ ได้ข้อมูลตรงจากอดีตสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ✅ ชุมชน Rationalist โดยรวมมีความเป็นมิตรและสนับสนุนกัน ➡️ มีกิจกรรมเช่นบาร์บีคิวแบบ vegan และการช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวัน ✅ Rationalism เป็นแนวคิดที่เน้นการใช้เหตุผลเป็นหลักในการตัดสินใจ ➡️ มีอิทธิพลต่อวงการ AI, ฟิสิกส์, และปรัชญา ✅ ลัทธิ (cult) มักเกิดจากการรวมกลุ่มที่มีความเชื่อสุดโต่งและผู้นำที่มีอิทธิพลสูง ➡️ ใช้ความหวังหรือความกลัวในการควบคุมสมาชิก ✅ การตลาดที่สื่อว่า “คิดดีแล้วชีวิตจะดี” อาจสร้างความคาดหวังเกินจริง ➡️ ทำให้บางคนหลงเชื่อและยอมทำตามโดยไม่ตั้งคำถาม ✅ การรวมกลุ่มใน subculture ที่มีแนวคิดเฉพาะอาจนำไปสู่การแยกตัวจากสังคมหลัก ➡️ เสี่ยงต่อการเกิดพฤติกรรมสุดโต่งหรือความเชื่อผิดปกติ https://asteriskmag.com/issues/11/why-are-there-so-many-rationalist-cults
    ASTERISKMAG.COM
    Why Are There So Many Rationalist Cults?—Asterisk
    There’s a lot to like about the Rationalist community, but they do have a certain tendency to spawn — shall we say — high demand groups. We sent a card-carrying Rat to investigate what’s really going on.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ Huawei เปิดซอร์ส CANN: ยุทธศาสตร์ใหม่ท้าชน CUDA เพื่ออิสรภาพด้าน AI ของจีน

    ลองนึกภาพว่าโลกของ AI ที่เคยถูกครอบงำโดย CUDA ของ Nvidia กำลังถูกท้าทายอย่างจริงจังจาก Huawei ที่ตัดสินใจเปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ของตัวเอง

    CUDA ครองตลาดมากว่า 20 ปี ด้วยการผูกขาดนักพัฒนาให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เท่านั้น การเปิดซอร์ส CANN จึงไม่ใช่แค่การปล่อยโค้ด แต่เป็นการเปิดประตูสู่ระบบนิเวศใหม่ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเจ้าของเทคโนโลยี

    Huawei เริ่มพูดคุยกับมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัท AI ชั้นนำในจีน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดสำหรับ Ascend ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กใหม่ที่รองรับงาน AI ได้หลากหลายมากขึ้น

    แม้จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ในแง่ของความเสถียรและการสนับสนุน แต่ Huawei ก็เริ่มไล่ตามในด้านประสิทธิภาพ โดยบางรุ่นของ Ascend มีผลทดสอบที่เหนือกว่า Nvidia ในบางสถานการณ์

    การเปิดซอร์ส CANN ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปให้กับ Huawei การสร้างซอฟต์แวร์พื้นฐานของตัวเองจึงเป็นก้าวสำคัญ

    Huawei เปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับชิป Ascend
    เพื่อท้าทายการผูกขาดของ CUDA จาก Nvidia

    CUDA เป็นระบบปิดที่ผูกนักพัฒนาไว้กับฮาร์ดแวร์ Nvidia
    ทำให้การพัฒนา AI ต้องอยู่ในระบบของ Nvidia เท่านั้น

    CANN มีโครงสร้างแบบหลายชั้น รองรับทั้งงานทั่วไปและงานประสิทธิภาพสูง
    เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา AI

    Huawei เริ่มสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ในจีน
    เพื่อเร่งสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กสำหรับ Ascend

    มีรายงานว่า Ascend บางรุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia ในบางกรณี
    เช่น DeepSeek R1 บน CloudMatrix 384

    การเปิดซอร์ส CANN เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เทคโนโลยีอิสระของจีน
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตกท่ามกลางข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/brave-or-foolhardy-huawei-takes-the-fight-to-nvidia-cuda-by-making-its-ascend-ai-gpu-software-open-source
    🚀🇨🇳 เมื่อ Huawei เปิดซอร์ส CANN: ยุทธศาสตร์ใหม่ท้าชน CUDA เพื่ออิสรภาพด้าน AI ของจีน ลองนึกภาพว่าโลกของ AI ที่เคยถูกครอบงำโดย CUDA ของ Nvidia กำลังถูกท้าทายอย่างจริงจังจาก Huawei ที่ตัดสินใจเปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ของตัวเอง CUDA ครองตลาดมากว่า 20 ปี ด้วยการผูกขาดนักพัฒนาให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เท่านั้น การเปิดซอร์ส CANN จึงไม่ใช่แค่การปล่อยโค้ด แต่เป็นการเปิดประตูสู่ระบบนิเวศใหม่ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเจ้าของเทคโนโลยี Huawei เริ่มพูดคุยกับมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัท AI ชั้นนำในจีน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดสำหรับ Ascend ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กใหม่ที่รองรับงาน AI ได้หลากหลายมากขึ้น แม้จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ในแง่ของความเสถียรและการสนับสนุน แต่ Huawei ก็เริ่มไล่ตามในด้านประสิทธิภาพ โดยบางรุ่นของ Ascend มีผลทดสอบที่เหนือกว่า Nvidia ในบางสถานการณ์ การเปิดซอร์ส CANN ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปให้กับ Huawei การสร้างซอฟต์แวร์พื้นฐานของตัวเองจึงเป็นก้าวสำคัญ ✅ Huawei เปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับชิป Ascend ➡️ เพื่อท้าทายการผูกขาดของ CUDA จาก Nvidia ✅ CUDA เป็นระบบปิดที่ผูกนักพัฒนาไว้กับฮาร์ดแวร์ Nvidia ➡️ ทำให้การพัฒนา AI ต้องอยู่ในระบบของ Nvidia เท่านั้น ✅ CANN มีโครงสร้างแบบหลายชั้น รองรับทั้งงานทั่วไปและงานประสิทธิภาพสูง ➡️ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา AI ✅ Huawei เริ่มสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ในจีน ➡️ เพื่อเร่งสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กสำหรับ Ascend ✅ มีรายงานว่า Ascend บางรุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia ในบางกรณี ➡️ เช่น DeepSeek R1 บน CloudMatrix 384 ✅ การเปิดซอร์ส CANN เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เทคโนโลยีอิสระของจีน ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตกท่ามกลางข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/brave-or-foolhardy-huawei-takes-the-fight-to-nvidia-cuda-by-making-its-ascend-ai-gpu-software-open-source
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018

    AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย”

    แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว

    กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน

    คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?”

    Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง
    สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ

    AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม
    เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน

    Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้
    เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย

    วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล
    มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า
    เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว
    แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    🧠📺 เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018 AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย” แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?” ✅ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง ➡️ สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ ✅ AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม ➡️ เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน ✅ Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้ ➡️ เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย ✅ วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล ➡️ มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม ✅ กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า ➡️ เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว ➡️ แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Jim Acosta’s AI interview raises deeper questions about human connection
    The interview sparked backlash and raised ethical concerns over technology's potential role in tarnishing the memory of the dead or changing their viewpoint.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากวิวัฒนาการของโมเดล GPT: จาก GPT-2 สู่ gpt-oss ยุคใหม่ของ AI แบบเปิด

    ย้อนกลับไปปี 2019 OpenAI เคยเปิดตัว GPT-2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Transformer และได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ AI แต่หลังจากนั้น OpenAI ก็หันไปพัฒนาโมเดลแบบปิด เช่น GPT-3 และ ChatGPT โดยไม่เปิดเผยน้ำหนักโมเดลอีกเลย จนกระทั่งสิงหาคม 2025 พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B ซึ่งเป็นโมเดลแบบ “open-weight” ที่เปิดให้ดาวน์โหลด ใช้งาน และปรับแต่งได้อย่างเสรีภายใต้ Apache 2.0 license

    โมเดล gpt-oss ใช้เทคนิคใหม่ ๆ เช่น Mixture-of-Experts (MoE), Sliding Window Attention, RMSNorm และ SwiGLU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการประมวลผล โดยสามารถรันบน GPU ทั่วไปได้ เช่น 20B ใช้แค่ 16GB RAM ส่วน 120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว

    แม้สถาปัตยกรรมโดยรวมยังคงใช้ Transformer เหมือนเดิม แต่การปรับแต่งภายในทำให้โมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น Qwen3 ได้อย่างสูสี

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำของข้อมูล (hallucination rate สูงถึง 49–53%) และความโปร่งใสของชุดข้อมูลที่ใช้ฝึก ซึ่ง OpenAI ยังไม่เปิดเผยเพราะเกรงปัญหาด้านลิขสิทธิ์

    OpenAI เปิดตัว gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B เป็นโมเดล open-weight ครั้งแรกในรอบ 6 ปี
    ใช้ Apache 2.0 license เปิดให้ใช้งานและปรับแต่งได้อย่างเสรี

    โมเดลใช้สถาปัตยกรรม Transformer แบบ decoder-only
    เหมือน GPT-2 แต่มีการปรับแต่งภายในหลายจุด

    ใช้เทคนิค Mixture-of-Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    เปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของโมเดลในแต่ละ token

    gpt-oss-20B รันได้บน GPU ทั่วไป (16GB RAM)
    ส่วน gpt-oss-120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว

    โมเดลมี benchmark สูง เช่น Codeforces score 2622 (120B)
    สูงกว่า DeepSeek R1 แต่ยังต่ำกว่า o3 และ o4-mini

    ใช้ Sliding Window Attention, RMSNorm, SwiGLU แทนเทคนิคเก่า
    ลดต้นทุนการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการ inference

    เปรียบเทียบกับ Qwen3 พบว่า gpt-oss เน้น “กว้าง” มากกว่า “ลึก”
    มี embedding และ FFN ขนาดใหญ่ แต่ layer น้อยกว่า

    การเปิดโมเดลแบบ open-weight ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
    เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การฝึกบนข้อมูลภายในองค์กร

    Apache 2.0 license ช่วยให้ startup และองค์กรขนาดเล็กเข้าถึง AI ขั้นสูง
    โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือขออนุญาต

    โมเดลสามารถใช้ในระบบ agent เช่น การเรียกใช้เครื่องมือหรือ API
    รองรับการใช้งานแบบ hybrid ระหว่าง local และ cloud

    OpenAI หวังใช้ gpt-oss เพื่อแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น DeepSeek และ Qwen
    และฟื้นความเชื่อมั่นจากชุมชน open-source

    โมเดล gpt-oss มี hallucination rate สูง (49–53%)
    อาจให้ข้อมูลผิดพลาดในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    OpenAI ไม่เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกโมเดล
    เกิดข้อกังวลเรื่องลิขสิทธิ์และความโปร่งใส

    แม้จะเปิดน้ำหนักโมเดล แต่ยังต้องใช้ hardware ขั้นสูงสำหรับรุ่นใหญ่
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มี GPU ระดับ enterprise

    การใช้ MoE ทำให้การฝึกและ deploy ซับซ้อนขึ้น
    ต้องมีระบบ routing และการจัดการ expert ที่แม่นยำ

    https://magazine.sebastianraschka.com/p/from-gpt-2-to-gpt-oss-analyzing-the
    🧠💡 เรื่องเล่าจากวิวัฒนาการของโมเดล GPT: จาก GPT-2 สู่ gpt-oss ยุคใหม่ของ AI แบบเปิด ย้อนกลับไปปี 2019 OpenAI เคยเปิดตัว GPT-2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Transformer และได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ AI แต่หลังจากนั้น OpenAI ก็หันไปพัฒนาโมเดลแบบปิด เช่น GPT-3 และ ChatGPT โดยไม่เปิดเผยน้ำหนักโมเดลอีกเลย จนกระทั่งสิงหาคม 2025 พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B ซึ่งเป็นโมเดลแบบ “open-weight” ที่เปิดให้ดาวน์โหลด ใช้งาน และปรับแต่งได้อย่างเสรีภายใต้ Apache 2.0 license โมเดล gpt-oss ใช้เทคนิคใหม่ ๆ เช่น Mixture-of-Experts (MoE), Sliding Window Attention, RMSNorm และ SwiGLU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการประมวลผล โดยสามารถรันบน GPU ทั่วไปได้ เช่น 20B ใช้แค่ 16GB RAM ส่วน 120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว แม้สถาปัตยกรรมโดยรวมยังคงใช้ Transformer เหมือนเดิม แต่การปรับแต่งภายในทำให้โมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น Qwen3 ได้อย่างสูสี อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำของข้อมูล (hallucination rate สูงถึง 49–53%) และความโปร่งใสของชุดข้อมูลที่ใช้ฝึก ซึ่ง OpenAI ยังไม่เปิดเผยเพราะเกรงปัญหาด้านลิขสิทธิ์ ✅ OpenAI เปิดตัว gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B เป็นโมเดล open-weight ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ➡️ ใช้ Apache 2.0 license เปิดให้ใช้งานและปรับแต่งได้อย่างเสรี ✅ โมเดลใช้สถาปัตยกรรม Transformer แบบ decoder-only ➡️ เหมือน GPT-2 แต่มีการปรับแต่งภายในหลายจุด ✅ ใช้เทคนิค Mixture-of-Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ เปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของโมเดลในแต่ละ token ✅ gpt-oss-20B รันได้บน GPU ทั่วไป (16GB RAM) ➡️ ส่วน gpt-oss-120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว ✅ โมเดลมี benchmark สูง เช่น Codeforces score 2622 (120B) ➡️ สูงกว่า DeepSeek R1 แต่ยังต่ำกว่า o3 และ o4-mini ✅ ใช้ Sliding Window Attention, RMSNorm, SwiGLU แทนเทคนิคเก่า ➡️ ลดต้นทุนการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการ inference ✅ เปรียบเทียบกับ Qwen3 พบว่า gpt-oss เน้น “กว้าง” มากกว่า “ลึก” ➡️ มี embedding และ FFN ขนาดใหญ่ แต่ layer น้อยกว่า ✅ การเปิดโมเดลแบบ open-weight ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ➡️ เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การฝึกบนข้อมูลภายในองค์กร ✅ Apache 2.0 license ช่วยให้ startup และองค์กรขนาดเล็กเข้าถึง AI ขั้นสูง ➡️ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือขออนุญาต ✅ โมเดลสามารถใช้ในระบบ agent เช่น การเรียกใช้เครื่องมือหรือ API ➡️ รองรับการใช้งานแบบ hybrid ระหว่าง local และ cloud ✅ OpenAI หวังใช้ gpt-oss เพื่อแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น DeepSeek และ Qwen ➡️ และฟื้นความเชื่อมั่นจากชุมชน open-source ‼️ โมเดล gpt-oss มี hallucination rate สูง (49–53%) ⛔ อาจให้ข้อมูลผิดพลาดในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ‼️ OpenAI ไม่เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกโมเดล ⛔ เกิดข้อกังวลเรื่องลิขสิทธิ์และความโปร่งใส ‼️ แม้จะเปิดน้ำหนักโมเดล แต่ยังต้องใช้ hardware ขั้นสูงสำหรับรุ่นใหญ่ ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มี GPU ระดับ enterprise ‼️ การใช้ MoE ทำให้การฝึกและ deploy ซับซ้อนขึ้น ⛔ ต้องมีระบบ routing และการจัดการ expert ที่แม่นยำ https://magazine.sebastianraschka.com/p/from-gpt-2-to-gpt-oss-analyzing-the
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ?
    ก่อนคิดจะไปรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรอ่านข้อมูลต่อไปนี้ก่อน
    การระบาดของไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจาก "วัคซีน" โควิดของแอสตร้าเซนเนก้า
    https://www.naturalnews.com/2022-07-19-hepatitis-children-direct-result-astrazeneca-covid-vaccine.html

    คลิป ดร. มิโคลาจ ราเซก กล่าวว่า ADE อาจทำให้เกิด 'โรคตับอักเสบปริศนา' ในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด
    https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/52986
    ______________________________
    ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นั่นเป็นเรื่องที่ยาว ฉันจะพูดสั้นๆ โรคตับอักเสบบี คือการติดเชื้อที่แพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคตับอักเสบบี

    มันคือ… มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

    1) แม่ไม่มีโรคตับอักเสบบี แต่พวกเขา (วงการยา) ต้องการให้วัคซีนแก่ทารก เพราะพวกเขาคิดว่า ทารกจะติดเชื้อจากที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ อันที่จริงฉันพูดตั้งแต่วัคซีนออกมาในปี 1991 ฉันพูดว่าถ้าฉันรวย และไม่มีอะไรทำ ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อพยายามกำจัดวัคซีนตัวนี้ เพราะมันเป็นพิษ มันสร้างความเสียหาย และไม่จำเป็นเลย

    2) ทีนี้ถ้าแม่เป็นโรคตับอักเสบบี มีข้อสันนิษฐานว่า ทารกจะติดเชื่อจากแม่โดยอัตโนมัติ ผ่านรก และทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบีออกมา และผลการวิจัยพบว่า นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริง รกจะช่วยปกป้องทารก จากการติดโรคตับอักเสบบี ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ลูกน้อยของคุณ เข้ารับการรักษาครั้งใหญ่โดยใช้ แอนติบอดี Hep B Ig (โกลบูลินภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี) ซึ่งพวกเขาเรียกว่า (HBIG) [Hep B Ig ( Hepatitis B immune globulin) antibody (HBIG) ] และพวกเขาทำสิ่งต่างๆ มากมายกับเด็กๆ เหล่านั้น

    หากแม่ของพวกเขา ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีล่วงหน้า นั่นเป็นเรื่องยาว ฉันไม่อยากใช้เวลาที่เหลือคุยแต่เรื่องนี้ แต่ถ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ‘ไม่เป็น’ ตับอักเสบบี ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นตับอักเสบบี โรคตับอักเสบบี เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ มันไม่แพร่เชื้อทางน้ำลาย หรือผ่านการใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะบอกคุณแบบนั้นก็ตาม มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ใช้เข็มที่ปนเปื้อนร่วมกัน และฉันไม่คิดว่าทารกแรกเกิดของคุณ จะทำอะไรพวกนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็น

    ดร. เทนเพนนีใช้เวลามากกว่า 24 ปีในการวิจัย บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยท่านแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีนในเด็ก

    อ่านบทสนทนาที่ถอดเสียงและแปลไทยจากคลิปที่นี้ --> https://www.rookon.com/?p=1112
    ______________________________
    โรคตับอักเสบในเด็ก สมมติฐานจนถึงปัจจุบัน:
    1. เด็กได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยา ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าร่วมการทดลองในวัยเด็ก หรือจากการข้ามช่วงอายุอย่างเป็นทางการ
    2. เด็กได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยาของแม่ ซึ่งความเป็นพิษจะถ่ายทอดผ่านน้ำนม
    3. การติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ครู หรือผู้ดูแล ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้น้ำร่วมกัน การหายใจออก ฯลฯ
    4. เด็กได้รับสารให้ความหวานเทียมที่เป็นพิษในปริมาณมาก เช่น แอสปาร์แตม
    5. ตารางการฉีดวัคซีนในวัยเด็กทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาอ่อนแอลง นำไปสู่โรคตับอักเสบ
    6. โรคตับอักเสบเป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจนจากการสวมหน้ากากอนามัย (https://t.me/robinmg/19155)

    เราไม่นับรวมเด็กที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และไม่สวมหน้ากากที่อาศัยอยู่และดูแลโดยผู้ที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และในที่นี้เราต้องชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนในวัยเด็กอื่นๆ รวมถึงจำนวนมหาศาลของวัคซีนเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบอันเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง โอกาสเกิดจะน้อยมาก

    ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือโรคตับอักเสบในวัยเด็กในชุมชนที่ไม่ยอมให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนตามตารางการฉีดวัคซีนหรือขั้นตอนการสวมหน้ากากที่เข้มงวด ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคตับอักเสบ

    สรุป: เกือบจะแน่นอนว่าเป็น "วัคซีน" แม้ว่าจะมาจากน้ำนมแม่ การหลั่งน้ำนม หรือความเป็นพิษจาก "วัคซีน" อื่นๆ ในวัยเด็กที่ผสมกัน ซึ่งรุนแรงขึ้นจากภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากการสวมหน้ากาก
    https://t.me/robinmg/19154
    ______________________________
    MMR (Measles,Mumps and Rubella) = วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน
    HepB = วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ บี

    วัคซีนมีความเสี่ยงต่อโรค MMR HepB ที่อาจเชื่อมโยงกับออทิซึม โรคจิต CFS โรคลูปัส...

    ดร. จูดี้ มิโควิทซ์

    "ถ้าพวกเขาให้ MMR กับเด็กผิวสี ที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ พวกเขาจะมีโอกาสสูงกว่าสี่เท่า ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นโรคออทิซึม โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคทางจิตเวช โรค MECFS โรคลูปัส เป็นโรคในเด็กผู้หญิง และพวกเขาจะเป็นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และ MECFS ก็คือ Myalgic Encephalomyelitis หรือ Chronic Fatigue Syndrome และแน่นอนว่า มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 ในช่วงแผนการระบาดของโรคเอดส์ครั้งแรก ปริญญาเอกของดิฉัน ได้รับการปกป้องหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น คือวันที่ 14 พฤศจิกายน 1991 ดิฉันได้ปกป้องปริญญาเอกของดิฉัน ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ที่ GWU ซึ่งระบุว่า HIV ไม่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ หากคุณรักษาระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดของคุณไว้
    มี HIV แต่ถูกฉีดเข้าในวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี.."

    รับชมตอนเต็มในรายการ Alpha Warrior:
    https://t.me/dr_judymikovitss
    ______________________________
    เปิดโปง แฉความเชื่อมโยง ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง :

    “วัคซีนรีคอมบิแนนท์ทั้งหมด [Hib (Haemophilus influenzae ชนิด b), ตับอักเสบ B, HPV (Human papillomavirus), ไอกรน (ส่วนหนึ่งของวัคซีนรวม DTaP), โรคปอดบวม, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคงูสวัด] มีสารเสริมฤทธิ์ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน การถ่ายโอนยีน โดยนำ DNA พลาสมิดที่ปนเปื้อน เข้าสู่เซลล์ของผู้รับผลิตภัณฑ์ พลาสมิดที่ถ่ายโอนยีน สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้

    ปัญหาการถ่ายโอน DNA พลาสมิดนี้ เป็นที่รู้จักอย่างน้อยตั้งแต่ปี 1999

    ต้องใช้เวลาถึง 25 ปี โรคระบาดที่ถูกสร้างขึ้น นักข่าวผู้กล้าหาญ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นต่าง และการประชุมสภา ที่อีกฟากหนึ่งของโลก12 เพื่อเปิดเผยเรื่องนี้

    บริษัทเภสัชกรรม ทราบเกี่ยวกับปัญหานี้ และพยายามปราบปราม เช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ มากมายที่พยายามล้อเลียน ข่มขู่ และ คุกคามนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามส่งสัญญาณเตือน มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"

    ดร. อาห์ ข่าน ไซเอ็ด

    https://www.arkmedic.info/p/would-you-like-plasmids-with-that
    ______________________________
    RFK Jr. ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 1999 ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ พยายามหาคำตอบว่า "วัคซีนที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบนั้น ทำให้เกิดโรคออทิซึมหรือไม่ ?"

    เขาเล่าว่า CDC ได้ทำการศึกษาวัคซีนหนึ่งชนิด คือ วัคซีนตับอักเสบบี และพบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (relative risk) ว่า การสูบบุหรี่หนึ่งซองต่อวัน เป็นเวลา 20 ปี มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดที่ระดับ 10 แต่ความเสี่ยงจากการได้รับวัคซีนตับอักเสบบี แล้วจะเป็นออทิสติก อยู่ที่ 11.35 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยง ที่บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง !!

    RFK Jr. กล่าวว่า เมื่อ CDC รู้ข้อมูลนี้ พวกเขาตกใจมาก และจัดการประชุมลับขึ้น โดยมีการเชิญผู้เกี่ยวข้อง 52 คนเข้าร่วม รวมถึงผู้แทนจากบริษัทวัคซีนใหญ่ๆ และผู้แทนหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO), CDC, FDA, NIH, และ HHS การประชุมนี้ใช้เวลาสองวัน

    เขายังเปิดเผยว่า มีการบันทึกการประชุมครั้งนั้นไว้ และเขาได้ คำถอดเทปบันทึกการประชุมดังกล่าว มาในปี 2005 เขาบอกว่าข้อมูลในนั้นน่าสะพรึงกลัว และเปรียบเสมือนฝันร้าย

    RFK Jr. กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ความปลอดภัยของวัคซีนเหล่านั้น ซึ่งควรจะทำหน้าที่ปกป้องประชาชน กลับดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และบอกว่า "มันชัดเจนแล้ว เราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดออทิซึม"

    RFK Jr: In 1999, the CDC wanted to find out "if these mercury vaccines are causing autism".

    "So they looked at one vaccine, the hepatitis B vaccine... and here's what they found: The relative risk of smoking a pack of cigarettes a day for 20 years and lung cancer is 10. This was 11.35. They knew."

    "They pushed the panic button and they had a secret meeting... They had a two day meeting with 52 individuals, including all the major vaccine companies, regulatory agencies that administer vaccines, WHO, CDC, FDA, NIH, HHS."

    "And somebody recorded that meeting... I got a hold of the transcripts in 2005, and it is horrific. It's a nightmare."

    "These regulators who are supposed to be protecting us... they're looking at the science and they are saying: It's bulletproof. We are causing autism."
    https://x.com/wideawake_media/status/1895795237487784385?t=lhpV-aFAn4SXWPzjT6tonA&s=19
    ______________________________
    "#Covidvaccination can elicit a distinct T cell-dominant immune-mediated hepatitis with a unique pathomechanism associated with vaccination induced antigen-specific tissue-resident immunity requiring systemic immunosuppression."
    https://sciencedirect.com/science/article/pii/S0168827822002343
    #วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี #hepatitis
    วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ? ก่อนคิดจะไปรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรอ่านข้อมูลต่อไปนี้ก่อน ✍️การระบาดของไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจาก "วัคซีน" โควิดของแอสตร้าเซนเนก้า https://www.naturalnews.com/2022-07-19-hepatitis-children-direct-result-astrazeneca-covid-vaccine.html ✍️ คลิป ดร. มิโคลาจ ราเซก กล่าวว่า ADE อาจทำให้เกิด 'โรคตับอักเสบปริศนา' ในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/52986 ______________________________ ✍️ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นั่นเป็นเรื่องที่ยาว ฉันจะพูดสั้นๆ โรคตับอักเสบบี คือการติดเชื้อที่แพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคตับอักเสบบี มันคือ… มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 1) แม่ไม่มีโรคตับอักเสบบี แต่พวกเขา (วงการยา) ต้องการให้วัคซีนแก่ทารก เพราะพวกเขาคิดว่า ทารกจะติดเชื้อจากที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ อันที่จริงฉันพูดตั้งแต่วัคซีนออกมาในปี 1991 ฉันพูดว่าถ้าฉันรวย และไม่มีอะไรทำ ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อพยายามกำจัดวัคซีนตัวนี้ เพราะมันเป็นพิษ มันสร้างความเสียหาย และไม่จำเป็นเลย 2) ทีนี้ถ้าแม่เป็นโรคตับอักเสบบี มีข้อสันนิษฐานว่า ทารกจะติดเชื่อจากแม่โดยอัตโนมัติ ผ่านรก และทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบีออกมา และผลการวิจัยพบว่า นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริง รกจะช่วยปกป้องทารก จากการติดโรคตับอักเสบบี ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ลูกน้อยของคุณ เข้ารับการรักษาครั้งใหญ่โดยใช้ แอนติบอดี Hep B Ig (โกลบูลินภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี) ซึ่งพวกเขาเรียกว่า (HBIG) [Hep B Ig ( Hepatitis B immune globulin) antibody (HBIG) ] และพวกเขาทำสิ่งต่างๆ มากมายกับเด็กๆ เหล่านั้น หากแม่ของพวกเขา ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีล่วงหน้า นั่นเป็นเรื่องยาว ฉันไม่อยากใช้เวลาที่เหลือคุยแต่เรื่องนี้ แต่ถ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ‘ไม่เป็น’ ตับอักเสบบี ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นตับอักเสบบี โรคตับอักเสบบี เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ มันไม่แพร่เชื้อทางน้ำลาย หรือผ่านการใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะบอกคุณแบบนั้นก็ตาม มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ใช้เข็มที่ปนเปื้อนร่วมกัน และฉันไม่คิดว่าทารกแรกเกิดของคุณ จะทำอะไรพวกนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็น ดร. เทนเพนนีใช้เวลามากกว่า 24 ปีในการวิจัย บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยท่านแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีนในเด็ก อ่านบทสนทนาที่ถอดเสียงและแปลไทยจากคลิปที่นี้ --> https://www.rookon.com/?p=1112 ______________________________ ✍️โรคตับอักเสบในเด็ก สมมติฐานจนถึงปัจจุบัน: 1. เด็กได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยา ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าร่วมการทดลองในวัยเด็ก หรือจากการข้ามช่วงอายุอย่างเป็นทางการ 2. เด็กได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยาของแม่ ซึ่งความเป็นพิษจะถ่ายทอดผ่านน้ำนม 3. การติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ครู หรือผู้ดูแล ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้น้ำร่วมกัน การหายใจออก ฯลฯ 4. เด็กได้รับสารให้ความหวานเทียมที่เป็นพิษในปริมาณมาก เช่น แอสปาร์แตม 5. ตารางการฉีดวัคซีนในวัยเด็กทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาอ่อนแอลง นำไปสู่โรคตับอักเสบ 6. โรคตับอักเสบเป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจนจากการสวมหน้ากากอนามัย (https://t.me/robinmg/19155) เราไม่นับรวมเด็กที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และไม่สวมหน้ากากที่อาศัยอยู่และดูแลโดยผู้ที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และในที่นี้เราต้องชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนในวัยเด็กอื่นๆ รวมถึงจำนวนมหาศาลของวัคซีนเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบอันเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง โอกาสเกิดจะน้อยมาก ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือโรคตับอักเสบในวัยเด็กในชุมชนที่ไม่ยอมให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนตามตารางการฉีดวัคซีนหรือขั้นตอนการสวมหน้ากากที่เข้มงวด ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคตับอักเสบ สรุป: เกือบจะแน่นอนว่าเป็น "วัคซีน" แม้ว่าจะมาจากน้ำนมแม่ การหลั่งน้ำนม หรือความเป็นพิษจาก "วัคซีน" อื่นๆ ในวัยเด็กที่ผสมกัน ซึ่งรุนแรงขึ้นจากภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากการสวมหน้ากาก https://t.me/robinmg/19154 ______________________________ ✍️MMR (Measles,Mumps and Rubella) = วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน HepB = วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ บี วัคซีนมีความเสี่ยงต่อโรค MMR HepB ที่อาจเชื่อมโยงกับออทิซึม โรคจิต CFS โรคลูปัส... ดร. จูดี้ มิโควิทซ์ "ถ้าพวกเขาให้ MMR กับเด็กผิวสี ที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ พวกเขาจะมีโอกาสสูงกว่าสี่เท่า ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นโรคออทิซึม โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคทางจิตเวช โรค MECFS โรคลูปัส เป็นโรคในเด็กผู้หญิง และพวกเขาจะเป็นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และ MECFS ก็คือ Myalgic Encephalomyelitis หรือ Chronic Fatigue Syndrome และแน่นอนว่า มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 ในช่วงแผนการระบาดของโรคเอดส์ครั้งแรก ปริญญาเอกของดิฉัน ได้รับการปกป้องหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น คือวันที่ 14 พฤศจิกายน 1991 ดิฉันได้ปกป้องปริญญาเอกของดิฉัน ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ที่ GWU ซึ่งระบุว่า HIV ไม่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ หากคุณรักษาระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดของคุณไว้ มี HIV แต่ถูกฉีดเข้าในวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี.." รับชมตอนเต็มในรายการ Alpha Warrior: https://t.me/dr_judymikovitss ______________________________ ✍️เปิดโปง แฉความเชื่อมโยง ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง 😱 : “วัคซีนรีคอมบิแนนท์ทั้งหมด [Hib (Haemophilus influenzae ชนิด b), ตับอักเสบ B, HPV (Human papillomavirus), ไอกรน (ส่วนหนึ่งของวัคซีนรวม DTaP), โรคปอดบวม, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคงูสวัด] มีสารเสริมฤทธิ์ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน การถ่ายโอนยีน โดยนำ DNA พลาสมิดที่ปนเปื้อน เข้าสู่เซลล์ของผู้รับผลิตภัณฑ์ พลาสมิดที่ถ่ายโอนยีน สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ 😱 ปัญหาการถ่ายโอน DNA พลาสมิดนี้ เป็นที่รู้จักอย่างน้อยตั้งแต่ปี 1999 ต้องใช้เวลาถึง 25 ปี โรคระบาดที่ถูกสร้างขึ้น นักข่าวผู้กล้าหาญ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นต่าง และการประชุมสภา ที่อีกฟากหนึ่งของโลก12 เพื่อเปิดเผยเรื่องนี้ บริษัทเภสัชกรรม ทราบเกี่ยวกับปัญหานี้ และพยายามปราบปราม เช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ มากมายที่พยายามล้อเลียน ข่มขู่ และ คุกคามนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามส่งสัญญาณเตือน มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา" ดร. อาห์ ข่าน ไซเอ็ด https://www.arkmedic.info/p/would-you-like-plasmids-with-that ______________________________ ✍️RFK Jr. ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 1999 ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ พยายามหาคำตอบว่า "วัคซีนที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบนั้น ทำให้เกิดโรคออทิซึมหรือไม่ ?" เขาเล่าว่า CDC ได้ทำการศึกษาวัคซีนหนึ่งชนิด คือ วัคซีนตับอักเสบบี และพบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (relative risk) ว่า การสูบบุหรี่หนึ่งซองต่อวัน เป็นเวลา 20 ปี มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดที่ระดับ 10 แต่ความเสี่ยงจากการได้รับวัคซีนตับอักเสบบี แล้วจะเป็นออทิสติก อยู่ที่ 11.35 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยง ที่บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง !! RFK Jr. กล่าวว่า เมื่อ CDC รู้ข้อมูลนี้ พวกเขาตกใจมาก และจัดการประชุมลับขึ้น โดยมีการเชิญผู้เกี่ยวข้อง 52 คนเข้าร่วม รวมถึงผู้แทนจากบริษัทวัคซีนใหญ่ๆ และผู้แทนหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO), CDC, FDA, NIH, และ HHS การประชุมนี้ใช้เวลาสองวัน เขายังเปิดเผยว่า มีการบันทึกการประชุมครั้งนั้นไว้ และเขาได้ คำถอดเทปบันทึกการประชุมดังกล่าว มาในปี 2005 เขาบอกว่าข้อมูลในนั้นน่าสะพรึงกลัว และเปรียบเสมือนฝันร้าย RFK Jr. กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ความปลอดภัยของวัคซีนเหล่านั้น ซึ่งควรจะทำหน้าที่ปกป้องประชาชน กลับดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และบอกว่า "มันชัดเจนแล้ว เราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดออทิซึม" RFK Jr: In 1999, the CDC wanted to find out "if these mercury vaccines are causing autism". "So they looked at one vaccine, the hepatitis B vaccine... and here's what they found: The relative risk of smoking a pack of cigarettes a day for 20 years and lung cancer is 10. This was 11.35. They knew." "They pushed the panic button and they had a secret meeting... They had a two day meeting with 52 individuals, including all the major vaccine companies, regulatory agencies that administer vaccines, WHO, CDC, FDA, NIH, HHS." "And somebody recorded that meeting... I got a hold of the transcripts in 2005, and it is horrific. It's a nightmare." "These regulators who are supposed to be protecting us... they're looking at the science and they are saying: It's bulletproof. We are causing autism." https://x.com/wideawake_media/status/1895795237487784385?t=lhpV-aFAn4SXWPzjT6tonA&s=19 ______________________________ ✍️"#Covidvaccination can elicit a distinct T cell-dominant immune-mediated hepatitis with a unique pathomechanism associated with vaccination induced antigen-specific tissue-resident immunity requiring systemic immunosuppression." https://sciencedirect.com/science/article/pii/S0168827822002343 #วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี #hepatitis
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google

    ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง”

    เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel

    Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด

    แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ

    จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม

    Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17
    เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด

    โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป
    Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ

    Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง”
    ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree

    เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น
    พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด

    RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย
    ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง

    การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance
    เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build
    ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse

    โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt
    ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    🧑‍💻🔥 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง” เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม ✅ Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17 ➡️ เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด ✅ โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ➡️ Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ ✅ Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง” ➡️ ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree ✅ เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น ➡️ พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ✅ RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย ➡️ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง ✅ การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance ➡️ เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build ➡️ ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse ✅ โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt ➡️ ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร

    Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน

    แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้

    เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง

    แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม

    ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่

    แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production

    Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง
    เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก

    ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน
    แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy

    PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง
    หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย

    ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส
    ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent

    เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย
    สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม

    ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight
    เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    🎮✨ เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้ เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่ แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production ✅ Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง ➡️ เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก ✅ ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน ➡️ แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy ✅ PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง ➡️ หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย ✅ ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส ➡️ ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent ✅ เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย ➡️ สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม ✅ ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight ➡️ เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มันต้องเด็ดขาดแบบนี้ผู้รักชาติเรา,จะลดมิติความปลอดภัยต่างๆได้เยอะแก่คนไทยเรา,พรรคชูสามนิ้วหรือฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสหรือต่างชาติชั่วเลวทั้งหลายจะใช้พวกนี้มาปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหลในไทยก็ไม่ง่ายหรือก่ออาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะหนีหายเข้าเขมรง่ายๆแบบในอดีตก็ไม่ง่ายนั้นเอง,สาระพัดปัญหามากมายจากกลุ่มต่างด้าวนี้ก็จะตัดตอนได้,เงินงบประมาณมากมายที่ต้องแบ่งมาป้องกันภัยหรือแบบชดเชยค่ารักษาที่โรงพยาบาลเราขาดทุนมาตลอดเพราะเหี้ยพวกนี้ทั้งสวมสิทธิทั้งใบปลอมตรึมก็จะหมดไปด้วย,คือต่างชาติต่างด้าวในเวลานี้ภาวะสงครามโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากผลักดันคนพวกทรยศเนรคุณหักหลังและหมายทำลายไทยอยู่ตลอดเวลาถีบออกให้หมดได้ย่อมดีมากๆนั้นเอง,ห่างเกิดสงครามโลกจริง พวกต่างด้าวนี้จี้ปล้นข่มขืนคนไทยมันสามารถรวมตัวคนพวกมันเป็นเดอะแก๊งเถื่อนๆในไทยในชุมชนจังหวัดนั้นได้สบายหรือก่อการร้ายภายในประเทศไทยง่ายๆนั้นเอง.ยิ่งภาวะสงครามกับเขมรอีก มันปากบอกว่ารักประเทศแต่วางระเบิดสีลม สาทรสัก10-20ตึกตามถังขยะลิปฟ์อาคารตึกต่างๆโรงจอดรถน้ำมันรถไฟ้ารถคนทำงานในตึกระเบิดต่อเนื่องทัังโรงรถอาคารถล่มเพราะคนเขมรคนเดียวที่ปากบอกว่ารักประเทศไทย มันคุ้มค่าโคตรๆมั้ย ตายตึกละ10-20คนอีก หากร่วมใจคนเขมรในไทยว่ากับระเบิดทั่วถนนไทยเวลากลางคืนอีก เอาโดรนบินแลกมัดคนไทย พลีชีพใส่บ้านเรือนตึกอาคารในเขตเศรษฐกิจ เราดูไม่จืดแน่นอน,สายลับองครักษ์ฮุนเซนมาในนามค้าแรงงานถูกกฎหมายก่อนสงครามเริ่มอีก ขนาดฮุนเซนมันยังจับมือกับอเมริกาก่อนจะเปิดไทยเลย,พวกมันสุมหัวกับไส้ศึกในไทยวางหมากไว้รอแล้วนั้นเอง,อะไรที่เราเด็ดขาดตัดตอนได้ต้องตัดตอนจริงจัง,ความเมตตาสงสารกับศัตรูอาจเป็นผู้แพ้แทนผู้ชนะทันที,จากนั้นประชาชนจะเป็นทาสเป็นเชลยศึกให้มันข่มเขงใดๆทารุนเราให้ทุกข์ทรมานแบบใดก็ได้,โล่มนุษย์ยังทำได้ พะสาประชาชนเขมรในไทยเราพวกนี้.

    https://youtube.com/watch?v=cUqg4evKzPQ&si=f589cZsGFidYjo4E
    ..มันต้องเด็ดขาดแบบนี้ผู้รักชาติเรา,จะลดมิติความปลอดภัยต่างๆได้เยอะแก่คนไทยเรา,พรรคชูสามนิ้วหรือฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสหรือต่างชาติชั่วเลวทั้งหลายจะใช้พวกนี้มาปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหลในไทยก็ไม่ง่ายหรือก่ออาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะหนีหายเข้าเขมรง่ายๆแบบในอดีตก็ไม่ง่ายนั้นเอง,สาระพัดปัญหามากมายจากกลุ่มต่างด้าวนี้ก็จะตัดตอนได้,เงินงบประมาณมากมายที่ต้องแบ่งมาป้องกันภัยหรือแบบชดเชยค่ารักษาที่โรงพยาบาลเราขาดทุนมาตลอดเพราะเหี้ยพวกนี้ทั้งสวมสิทธิทั้งใบปลอมตรึมก็จะหมดไปด้วย,คือต่างชาติต่างด้าวในเวลานี้ภาวะสงครามโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากผลักดันคนพวกทรยศเนรคุณหักหลังและหมายทำลายไทยอยู่ตลอดเวลาถีบออกให้หมดได้ย่อมดีมากๆนั้นเอง,ห่างเกิดสงครามโลกจริง พวกต่างด้าวนี้จี้ปล้นข่มขืนคนไทยมันสามารถรวมตัวคนพวกมันเป็นเดอะแก๊งเถื่อนๆในไทยในชุมชนจังหวัดนั้นได้สบายหรือก่อการร้ายภายในประเทศไทยง่ายๆนั้นเอง.ยิ่งภาวะสงครามกับเขมรอีก มันปากบอกว่ารักประเทศแต่วางระเบิดสีลม สาทรสัก10-20ตึกตามถังขยะลิปฟ์อาคารตึกต่างๆโรงจอดรถน้ำมันรถไฟ้ารถคนทำงานในตึกระเบิดต่อเนื่องทัังโรงรถอาคารถล่มเพราะคนเขมรคนเดียวที่ปากบอกว่ารักประเทศไทย มันคุ้มค่าโคตรๆมั้ย ตายตึกละ10-20คนอีก หากร่วมใจคนเขมรในไทยว่ากับระเบิดทั่วถนนไทยเวลากลางคืนอีก เอาโดรนบินแลกมัดคนไทย พลีชีพใส่บ้านเรือนตึกอาคารในเขตเศรษฐกิจ เราดูไม่จืดแน่นอน,สายลับองครักษ์ฮุนเซนมาในนามค้าแรงงานถูกกฎหมายก่อนสงครามเริ่มอีก ขนาดฮุนเซนมันยังจับมือกับอเมริกาก่อนจะเปิดไทยเลย,พวกมันสุมหัวกับไส้ศึกในไทยวางหมากไว้รอแล้วนั้นเอง,อะไรที่เราเด็ดขาดตัดตอนได้ต้องตัดตอนจริงจัง,ความเมตตาสงสารกับศัตรูอาจเป็นผู้แพ้แทนผู้ชนะทันที,จากนั้นประชาชนจะเป็นทาสเป็นเชลยศึกให้มันข่มเขงใดๆทารุนเราให้ทุกข์ทรมานแบบใดก็ได้,โล่มนุษย์ยังทำได้ พะสาประชาชนเขมรในไทยเราพวกนี้. https://youtube.com/watch?v=cUqg4evKzPQ&si=f589cZsGFidYjo4E
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-กัมพูชา ลงนามหยุดยิงภายใต้ข้อตกลง 13 ข้อ ในการประชุม GBC ณ ประเทศมาเลเซีย

    7 ส.ค. 2025 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กระทรวงกลาโหมมาเลเซีย สิ้นสุดลงด้วยการลงนาม MOU 13 ข้อ เพื่อยืนยันการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข

    รายละเอียดข้อตกลง 13 ข้อ:
    1. หยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข : ทั้งสองฝ่ายยุติการยิงทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2568
    2. ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลัง : ห้ามเพิ่มกำลังทหารหรือเคลื่อนย้ายกองทัพในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
    3. ห้ามโจมตีพลเรือน : ห้ามการยิงหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล ฯลฯ (แต่กัมพูชาทำฉ่ำ)
    4. จัดตั้งกลไกตรวจสอบ : สร้างทีมสังเกตการณ์ ASEAN นำโดยมาเลเซีย ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง
    5. ฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร : เปิดช่องทางตรงระหว่างนายกฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ และกลาโหมของทั้งสองฝ่าย
    6. อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม : อนุญาตให้ส่งคืนผู้บาดเจ็บและศพจากทั้งสองฝ่าย รวมถึงช่วยเหลือพลเรือน
    7. จัดตั้งคณะทำงานท้องถิ่น : สร้างทีมประสานงานระดับท้องถิ่นเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าในพื้นที่ชายแดน
    8. ห้ามใช้ระเบิดหรืออาวุธหนัก : จำกัดการใช้ระเบิด เช่น จรวด BM-21 หรือการโจมตีทางอากาศ
    9. ถอนทหารจากพื้นที่พิพาท : ค่อย ๆ ลดกำลังทหารในพื้นที่ เช่น บริเวณพระวิหารและภูมะเขือ
    10. เคารพหลัก ASEAN : ใช้กรอบทวิภาคีเป็นหลัก โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง ไม่ยอมให้มหาอำนาจครอบงำ
    11. จัดการปัญหาแรงงาน : อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชากลับไทยอย่างปลอดภัย และลดความตึงเครียดในชุมชน
    12. เจรจาต่อเนื่องใน GBC : กำหนดประชุม GBC ครั้งต่อไปที่กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาการกำหนดเขตแดน
    13. รายงานความคืบหน้า : ทั้งสองฝ่ายต้องรายงานการปฏิบัติตามข้อตกลงต่ออาเซียนและผู้สังเกตการณ์ทุก 2 สัปดาห์
    ไทย-กัมพูชา ลงนามหยุดยิงภายใต้ข้อตกลง 13 ข้อ ในการประชุม GBC ณ ประเทศมาเลเซีย 7 ส.ค. 2025 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กระทรวงกลาโหมมาเลเซีย สิ้นสุดลงด้วยการลงนาม MOU 13 ข้อ เพื่อยืนยันการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข รายละเอียดข้อตกลง 13 ข้อ: 🔘1. หยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข : ทั้งสองฝ่ายยุติการยิงทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2568 🔘2. ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลัง : ห้ามเพิ่มกำลังทหารหรือเคลื่อนย้ายกองทัพในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด 🔘3. ห้ามโจมตีพลเรือน : ห้ามการยิงหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล ฯลฯ (แต่กัมพูชาทำฉ่ำ) 🔘4. จัดตั้งกลไกตรวจสอบ : สร้างทีมสังเกตการณ์ ASEAN นำโดยมาเลเซีย ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง 🔘5. ฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร : เปิดช่องทางตรงระหว่างนายกฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ และกลาโหมของทั้งสองฝ่าย 🔘6. อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม : อนุญาตให้ส่งคืนผู้บาดเจ็บและศพจากทั้งสองฝ่าย รวมถึงช่วยเหลือพลเรือน 🔘7. จัดตั้งคณะทำงานท้องถิ่น : สร้างทีมประสานงานระดับท้องถิ่นเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าในพื้นที่ชายแดน 🔘8. ห้ามใช้ระเบิดหรืออาวุธหนัก : จำกัดการใช้ระเบิด เช่น จรวด BM-21 หรือการโจมตีทางอากาศ 🔘9. ถอนทหารจากพื้นที่พิพาท : ค่อย ๆ ลดกำลังทหารในพื้นที่ เช่น บริเวณพระวิหารและภูมะเขือ 🔘10. เคารพหลัก ASEAN : ใช้กรอบทวิภาคีเป็นหลัก โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง ไม่ยอมให้มหาอำนาจครอบงำ 🔘11. จัดการปัญหาแรงงาน : อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชากลับไทยอย่างปลอดภัย และลดความตึงเครียดในชุมชน 🔘12. เจรจาต่อเนื่องใน GBC : กำหนดประชุม GBC ครั้งต่อไปที่กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาการกำหนดเขตแดน 🔘13. รายงานความคืบหน้า : ทั้งสองฝ่ายต้องรายงานการปฏิบัติตามข้อตกลงต่ออาเซียนและผู้สังเกตการณ์ทุก 2 สัปดาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทยเราต้องบุกเชิงรุกเลย เอาอะไรก็ได้ไปทิ้งใบปลิวในหมู่บ้านชุมชนมันทั่วเขมร หัวเมืองใหญ่ๆด้วยของเขมรมัน จากที่มันปิดข่าวสาระพัดผ่านเน็ต จะถูกทำลายโดยใบปลิวง่ายๆนี้ทันที ใบปลิวตกมาจากฟ้าก็ว่า ปลิวทั่วเขมร อาทิ ใบปลิวข่าวศพทหารเขมรที่ฮุนเซนฮุนมาเนตเจตนาไม่เก็บศพส่งพี่น้องญาติทหารเขมรที่ตายกว่า5,000ศพ อาจเกิน10,000ศพ,ข่าวฮุนเซนฮุนมาเนตเลือกปฏิบัติดูแลทหารเมืองดีกว่าทหารแนวรบตายไม่เก็บตายไม่จ่ายค่าเยียวยาแต่ทหารบ้านดูแลพิเศษตายจัดงานศพเยียวยาอย่างดี,อยู่บ้านหรูแดกสบาย ประชาชนแดกหญ้าแดกใบไม้แดกต้มผักบุ้ง เป็นต้น ยุทธการทหารไทยเชิงนี้ทางลับต้องเล่นกับเขมรด้วย,ประชาชนเขมรมันจะแตกตื่นไม่พอใจมันฮุนเซนฮุนมาเนตหนักขึ้นไปอีก ทหารเขมรแดงที่โกรธแค้นปกติยิ่งอยากจะฆ่าฮุนเซนแน่นอน เตียบันอีก.ตีภายในด้วยสิ ,แค่ทหารไทยอยากมีมนุษยธรรมช่วยเผยแพร่ความจริงบอกช่วยชาวเขมรแค่นั้นอย่างบริสุทธิ์ใจอยากจะช่วยจึงไปแจกใบปลิวความจริงให้ดู มีรูปถ่ายชัดเจนสภาพศพทหารที่ต่างๆ ตายจริงเน่าจริง อีกาอีแร้งแดกจริง.นี้ทหารไทยต้องช่วยฮุนเซนแบบนี้ มันปกปิดก็ช่วยมันเปิดเล่าความจริงแค่นั้น,รัฐบาลชุดนี้ขัดขวางปฏิบัติการยุทธวิธีทางทหารก็อย่าสนใจหัวมัน,

    https://youtube.com/shorts/wP52B5zkHeE?si=rSyDiQh9-xkyRNHb
    ทหารไทยเราต้องบุกเชิงรุกเลย เอาอะไรก็ได้ไปทิ้งใบปลิวในหมู่บ้านชุมชนมันทั่วเขมร หัวเมืองใหญ่ๆด้วยของเขมรมัน จากที่มันปิดข่าวสาระพัดผ่านเน็ต จะถูกทำลายโดยใบปลิวง่ายๆนี้ทันที ใบปลิวตกมาจากฟ้าก็ว่า ปลิวทั่วเขมร อาทิ ใบปลิวข่าวศพทหารเขมรที่ฮุนเซนฮุนมาเนตเจตนาไม่เก็บศพส่งพี่น้องญาติทหารเขมรที่ตายกว่า5,000ศพ อาจเกิน10,000ศพ,ข่าวฮุนเซนฮุนมาเนตเลือกปฏิบัติดูแลทหารเมืองดีกว่าทหารแนวรบตายไม่เก็บตายไม่จ่ายค่าเยียวยาแต่ทหารบ้านดูแลพิเศษตายจัดงานศพเยียวยาอย่างดี,อยู่บ้านหรูแดกสบาย ประชาชนแดกหญ้าแดกใบไม้แดกต้มผักบุ้ง เป็นต้น ยุทธการทหารไทยเชิงนี้ทางลับต้องเล่นกับเขมรด้วย,ประชาชนเขมรมันจะแตกตื่นไม่พอใจมันฮุนเซนฮุนมาเนตหนักขึ้นไปอีก ทหารเขมรแดงที่โกรธแค้นปกติยิ่งอยากจะฆ่าฮุนเซนแน่นอน เตียบันอีก.ตีภายในด้วยสิ ,แค่ทหารไทยอยากมีมนุษยธรรมช่วยเผยแพร่ความจริงบอกช่วยชาวเขมรแค่นั้นอย่างบริสุทธิ์ใจอยากจะช่วยจึงไปแจกใบปลิวความจริงให้ดู มีรูปถ่ายชัดเจนสภาพศพทหารที่ต่างๆ ตายจริงเน่าจริง อีกาอีแร้งแดกจริง.นี้ทหารไทยต้องช่วยฮุนเซนแบบนี้ มันปกปิดก็ช่วยมันเปิดเล่าความจริงแค่นั้น,รัฐบาลชุดนี้ขัดขวางปฏิบัติการยุทธวิธีทางทหารก็อย่าสนใจหัวมัน, https://youtube.com/shorts/wP52B5zkHeE?si=rSyDiQh9-xkyRNHb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE]
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที


    เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร

    รับไม่ได้น่าเกลียดมาก

    เครือข่ายสู้สงครามการค้า

    เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร รับไม่ได้น่าเกลียดมาก เครือข่ายสู้สงครามการค้า เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: Huawei เปิดซอร์สเครื่องมือพัฒนา GPU เพื่อท้าชน Nvidia

    ในโลกของการประมวลผล AI ที่ Nvidia ครองตลาดมานานด้วยแพลตฟอร์ม CUDA ที่ปิดซอร์สและผูกขาด Huawei กำลังเดินเกมใหม่เพื่อท้าทายอำนาจนั้น ด้วยการประกาศเปิดซอร์สเครื่องมือพัฒนา CANN (Compute Architecture for Neural Networks) สำหรับชิป Ascend AI GPU ของตนเอง

    CANN เป็นชุดเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ได้ง่ายขึ้น โดยมีอินเทอร์เฟซหลายระดับคล้ายกับ CUDA ของ Nvidia แต่ต่างกันตรงที่ Huawei เลือกเปิดซอร์ส เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาสามารถเข้าถึง ปรับแต่ง และขยายความสามารถได้อย่างอิสระ

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลจีนที่ต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะหลังจากที่หน่วยงาน CAC ของจีนเริ่มสอบสวนชิป H20 ของ Nvidia จากข้อกังวลด้านความปลอดภัย

    Huawei ได้หารือกับมหาวิทยาลัย บริษัท AI ชั้นนำ และพันธมิตรธุรกิจในจีน เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดรอบชิป Ascend โดยหวังว่าจะเร่งการพัฒนาและเพิ่มการใช้งานในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและกำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่ขึ้นกับสหรัฐฯ

    แม้ CANN จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี แต่การเปิดซอร์สครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรม AI ในระยะยาว

    Huawei ประกาศเปิดซอร์สชุดเครื่องมือ CANN สำหรับชิป Ascend AI GPU
    เพื่อแข่งขันกับ CUDA ของ Nvidia ที่เป็นระบบปิด

    CANN เป็นสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ heterogeneous
    มีอินเทอร์เฟซหลายระดับสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI

    Huawei ได้หารือกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ชั้นนำในจีน
    เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดรอบชิป Ascend

    การเปิดซอร์ส CANN เกิดขึ้นหลังจากจีนเริ่มสอบสวนชิป H20 ของ Nvidia
    จากข้อกังวลด้านความปลอดภัยและการติดตามข้อมูล

    Huawei หวังว่า CANN จะช่วยเร่งนวัตกรรมและเพิ่มการใช้งานในประเทศ
    โดยเฉพาะในกลุ่มนักพัฒนาและองค์กรที่ต้องการทางเลือกจาก CUDA

    CUDA เป็นแพลตฟอร์มที่ผูกขาดกับฮาร์ดแวร์ของ Nvidia
    นักพัฒนาต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น

    Huawei Ascend 910C เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Nvidia
    โดยเฉพาะในงาน inference และการประมวลผลแบบเรียลไทม์

    การเปิดซอร์สช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือได้เอง
    เพิ่มความยืดหยุ่นและลดการพึ่งพาบริษัทเดียว

    รัฐบาลจีนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ
    เพื่อสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-is-making-its-ascend-ai-gpu-software-toolkit-open-source-to-better-compete-against-cuda
    🧠💻 เรื่องเล่าจากโลก AI: Huawei เปิดซอร์สเครื่องมือพัฒนา GPU เพื่อท้าชน Nvidia ในโลกของการประมวลผล AI ที่ Nvidia ครองตลาดมานานด้วยแพลตฟอร์ม CUDA ที่ปิดซอร์สและผูกขาด Huawei กำลังเดินเกมใหม่เพื่อท้าทายอำนาจนั้น ด้วยการประกาศเปิดซอร์สเครื่องมือพัฒนา CANN (Compute Architecture for Neural Networks) สำหรับชิป Ascend AI GPU ของตนเอง CANN เป็นชุดเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ได้ง่ายขึ้น โดยมีอินเทอร์เฟซหลายระดับคล้ายกับ CUDA ของ Nvidia แต่ต่างกันตรงที่ Huawei เลือกเปิดซอร์ส เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาสามารถเข้าถึง ปรับแต่ง และขยายความสามารถได้อย่างอิสระ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลจีนที่ต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะหลังจากที่หน่วยงาน CAC ของจีนเริ่มสอบสวนชิป H20 ของ Nvidia จากข้อกังวลด้านความปลอดภัย Huawei ได้หารือกับมหาวิทยาลัย บริษัท AI ชั้นนำ และพันธมิตรธุรกิจในจีน เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดรอบชิป Ascend โดยหวังว่าจะเร่งการพัฒนาและเพิ่มการใช้งานในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและกำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่ขึ้นกับสหรัฐฯ แม้ CANN จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี แต่การเปิดซอร์สครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรม AI ในระยะยาว ✅ Huawei ประกาศเปิดซอร์สชุดเครื่องมือ CANN สำหรับชิป Ascend AI GPU ➡️ เพื่อแข่งขันกับ CUDA ของ Nvidia ที่เป็นระบบปิด ✅ CANN เป็นสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ heterogeneous ➡️ มีอินเทอร์เฟซหลายระดับสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI ✅ Huawei ได้หารือกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ชั้นนำในจีน ➡️ เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดรอบชิป Ascend ✅ การเปิดซอร์ส CANN เกิดขึ้นหลังจากจีนเริ่มสอบสวนชิป H20 ของ Nvidia ➡️ จากข้อกังวลด้านความปลอดภัยและการติดตามข้อมูล ✅ Huawei หวังว่า CANN จะช่วยเร่งนวัตกรรมและเพิ่มการใช้งานในประเทศ ➡️ โดยเฉพาะในกลุ่มนักพัฒนาและองค์กรที่ต้องการทางเลือกจาก CUDA ✅ CUDA เป็นแพลตฟอร์มที่ผูกขาดกับฮาร์ดแวร์ของ Nvidia ➡️ นักพัฒนาต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ✅ Huawei Ascend 910C เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Nvidia ➡️ โดยเฉพาะในงาน inference และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดซอร์สช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือได้เอง ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นและลดการพึ่งพาบริษัทเดียว ✅ รัฐบาลจีนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ ➡️ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-is-making-its-ascend-ai-gpu-software-toolkit-open-source-to-better-compete-against-cuda
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Huawei is making its Ascend AI GPU software toolkit open-source to better compete against CUDA
    Huawei is getting better at making AI GPUs. Now it wants to increase adoption of its technology on the software side
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: ช่องโหว่ libxslt ที่ทำให้ GNOME ต้องตั้งรับเอง

    Google Project Zero ซึ่งเป็นทีมค้นหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับโลก ได้เปิดเผยช่องโหว่ใน libxslt ซึ่งเป็นไลบรารีสำคัญของ GNOME ที่ใช้ในการแปลงเอกสาร XML ด้วยภาษา XSLT ไลบรารีนี้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น GNOME Help, Gnumeric, Doxygen รวมถึงในเว็บที่ใช้ PHP และ Python

    ช่องโหว่นี้เป็นแบบ “use-after-free” (UAF) ซึ่งเกิดจากการจัดการหน่วยความจำของ Result Value Tree (RVT) ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการเข้าถึงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว ส่งผลให้แอปพลิเคชัน crash หรืออาจถูกใช้เป็นช่องทางรันโค้ดอันตรายได้

    Google ได้แจ้ง GNOME ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2025 และให้เวลา 90 วันในการแก้ไข แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว GNOME ยังไม่สามารถออกแพตช์ได้ เพราะการแก้ไขทำให้ส่วนอื่นของระบบเสียหาย และที่สำคัญคือ libxslt ไม่มีผู้ดูแลหลักมานานแล้ว ทำให้การแก้ไขต้องพึ่งชุมชนโอเพ่นซอร์สที่ยังคงพยายามกันอยู่

    ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงเป็น P2/S2 ซึ่งหมายถึงระดับกลางแต่มีผลกระทบสูง และตอนนี้มีโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถนำไปใช้โจมตีได้ทันที

    Google Project Zero พบช่องโหว่ใน libxslt ไลบรารีของ GNOME
    ใช้ในการแปลง XML ด้วย XSLT และถูกใช้งานในหลายแอปพลิเคชัน

    ช่องโหว่เป็นแบบ use-after-free จากการจัดการ RVT ที่ผิดพลาด
    ทำให้เกิด crash หรือเปิดช่องให้รันโค้ดอันตราย

    แจ้ง GNOME ตั้งแต่ 6 พฤษภาคม 2025 พร้อมเวลา 90 วันในการแก้ไข
    แต่ยังไม่มีแพตช์เพราะการแก้ไขทำให้ระบบอื่นเสียหาย

    GNOME เปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะหลังครบกำหนด
    มีโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว

    libxslt ไม่มีผู้ดูแลหลักมานาน
    ชุมชนต้องช่วยกันแก้ไข downstream กันเอง

    libxslt พัฒนาบนพื้นฐานของ libxml2
    รองรับฟังก์ชัน EXSLT และบางส่วนของ Saxon

    ช่องโหว่ CVE-2025-7425 เกิดจากการจัดการ atype flags ที่ผิดพลาด
    ทำให้เกิด heap corruption และอาจนำไปสู่ arbitrary code execution

    ระบบที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Red Hat, Debian, SUSE
    มีแพตช์ออกแล้วใน libxslt เวอร์ชัน 1.1.43 ขึ้นไป

    แนวทางป้องกันชั่วคราวคือปิดการใช้งาน XSLT หรือใช้ input validation
    ลดความเสี่ยงจากการประมวลผล XML ที่ไม่ปลอดภัย

    ช่องโหว่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายผ่าน XML หรือ XSLT
    อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่น เช่น XXE เพื่อโจมตีแบบ chain

    ไม่มีผู้ดูแลหลักของ libxslt ทำให้การแก้ไขล่าช้า
    ผู้ใช้ต้องพึ่งแพตช์จากระบบปฏิบัติการหรือแก้ไขเอง

    โค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว
    เพิ่มความเสี่ยงที่ช่องโหว่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง

    ระบบที่ยังใช้ libxslt เวอร์ชันเก่าเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ควรอัปเดตทันทีหรือปิดการใช้งาน XSLT หากไม่จำเป็น

    https://www.neowin.net/news/google-project-zero-exposes-security-flaw-in-libxslt-library-used-in-gnome-applications/
    🧨🧬 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: ช่องโหว่ libxslt ที่ทำให้ GNOME ต้องตั้งรับเอง Google Project Zero ซึ่งเป็นทีมค้นหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับโลก ได้เปิดเผยช่องโหว่ใน libxslt ซึ่งเป็นไลบรารีสำคัญของ GNOME ที่ใช้ในการแปลงเอกสาร XML ด้วยภาษา XSLT ไลบรารีนี้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น GNOME Help, Gnumeric, Doxygen รวมถึงในเว็บที่ใช้ PHP และ Python ช่องโหว่นี้เป็นแบบ “use-after-free” (UAF) ซึ่งเกิดจากการจัดการหน่วยความจำของ Result Value Tree (RVT) ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการเข้าถึงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว ส่งผลให้แอปพลิเคชัน crash หรืออาจถูกใช้เป็นช่องทางรันโค้ดอันตรายได้ Google ได้แจ้ง GNOME ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2025 และให้เวลา 90 วันในการแก้ไข แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว GNOME ยังไม่สามารถออกแพตช์ได้ เพราะการแก้ไขทำให้ส่วนอื่นของระบบเสียหาย และที่สำคัญคือ libxslt ไม่มีผู้ดูแลหลักมานานแล้ว ทำให้การแก้ไขต้องพึ่งชุมชนโอเพ่นซอร์สที่ยังคงพยายามกันอยู่ ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงเป็น P2/S2 ซึ่งหมายถึงระดับกลางแต่มีผลกระทบสูง และตอนนี้มีโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถนำไปใช้โจมตีได้ทันที ✅ Google Project Zero พบช่องโหว่ใน libxslt ไลบรารีของ GNOME ➡️ ใช้ในการแปลง XML ด้วย XSLT และถูกใช้งานในหลายแอปพลิเคชัน ✅ ช่องโหว่เป็นแบบ use-after-free จากการจัดการ RVT ที่ผิดพลาด ➡️ ทำให้เกิด crash หรือเปิดช่องให้รันโค้ดอันตราย ✅ แจ้ง GNOME ตั้งแต่ 6 พฤษภาคม 2025 พร้อมเวลา 90 วันในการแก้ไข ➡️ แต่ยังไม่มีแพตช์เพราะการแก้ไขทำให้ระบบอื่นเสียหาย ✅ GNOME เปิดเผยช่องโหว่ต่อสาธารณะหลังครบกำหนด ➡️ มีโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว ✅ libxslt ไม่มีผู้ดูแลหลักมานาน ➡️ ชุมชนต้องช่วยกันแก้ไข downstream กันเอง ✅ libxslt พัฒนาบนพื้นฐานของ libxml2 ➡️ รองรับฟังก์ชัน EXSLT และบางส่วนของ Saxon ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-7425 เกิดจากการจัดการ atype flags ที่ผิดพลาด ➡️ ทำให้เกิด heap corruption และอาจนำไปสู่ arbitrary code execution ✅ ระบบที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Red Hat, Debian, SUSE ➡️ มีแพตช์ออกแล้วใน libxslt เวอร์ชัน 1.1.43 ขึ้นไป ✅ แนวทางป้องกันชั่วคราวคือปิดการใช้งาน XSLT หรือใช้ input validation ➡️ ลดความเสี่ยงจากการประมวลผล XML ที่ไม่ปลอดภัย ‼️ ช่องโหว่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายผ่าน XML หรือ XSLT ⛔ อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่น เช่น XXE เพื่อโจมตีแบบ chain ‼️ ไม่มีผู้ดูแลหลักของ libxslt ทำให้การแก้ไขล่าช้า ⛔ ผู้ใช้ต้องพึ่งแพตช์จากระบบปฏิบัติการหรือแก้ไขเอง ‼️ โค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่แล้ว ⛔ เพิ่มความเสี่ยงที่ช่องโหว่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง ‼️ ระบบที่ยังใช้ libxslt เวอร์ชันเก่าเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ควรอัปเดตทันทีหรือปิดการใช้งาน XSLT หากไม่จำเป็น https://www.neowin.net/news/google-project-zero-exposes-security-flaw-in-libxslt-library-used-in-gnome-applications/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Project Zero exposes security flaw in libxslt library used in GNOME applications
    Google's Project Zero team has publicly disclosed a UAF flaw in the popular libxslt library following GNOME's inability to fix it within 90 days of private reporting.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุมชนทั่วประเทศคึกคัก! “จตุพร” มอบรางวัล “สุดยอดชุมชนต้นแบบ Digital Village 2025” สร้างเศรษฐกิจรากหญ้าเข้มแข็ง
    https://www.thai-tai.tv/news/20768/
    .
    #DigitalVillagebyDBD #กระทรวงพาณิชย์ #จตุพรบุรุษพัฒน์ #อีคอมเมิร์ซ #เศรษฐกิจชุมชน #ไทยไท
    ชุมชนทั่วประเทศคึกคัก! “จตุพร” มอบรางวัล “สุดยอดชุมชนต้นแบบ Digital Village 2025” สร้างเศรษฐกิจรากหญ้าเข้มแข็ง https://www.thai-tai.tv/news/20768/ . #DigitalVillagebyDBD #กระทรวงพาณิชย์ #จตุพรบุรุษพัฒน์ #อีคอมเมิร์ซ #เศรษฐกิจชุมชน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ChatGPT แตะ 700 ล้านผู้ใช้ต่อสัปดาห์—ก่อนเปิดตัว GPT-5 ที่ “คิดก่อนตอบ”

    OpenAI ประกาศว่า ChatGPT กำลังจะถึงจุดสูงสุดใหม่ที่ 700 ล้านผู้ใช้งานต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านในเดือนมีนาคม และมากกว่า 4 เท่าจากปีที่แล้ว ความนิยมนี้เกิดขึ้นก่อนการเปิดตัว GPT-5 ซึ่งจะรวมโมเดลสาย o-series และ GPT-series เข้าด้วยกัน โดยมีความสามารถใหม่คือ “คิดก่อนตอบ” หรือการเลือกว่าจะใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบที่ลึกซึ้งกว่า

    GPT-5 จะเปิดให้ใช้งานในทุก tier ของ ChatGPT โดยผู้ใช้ทั่วไปจะได้ใช้เวอร์ชันพื้นฐานแบบไม่จำกัด ส่วนผู้ใช้ Plus และ Pro จะสามารถเข้าถึงระดับความฉลาดที่สูงขึ้นตามลำดับ

    นอกจากนี้ OpenAI ยังเตรียมเปิดตัวโมเดลแบบ open-weight และผลิตภัณฑ์ใหม่อีกมากในเดือนถัดไป โดยได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $8.3 พันล้านดอลลาร์จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, Andreessen Horowitz และ Fidelity เพื่อรองรับต้นทุนการพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐาน

    ChatGPT กำลังจะถึง 700 ล้านผู้ใช้งานต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปีที่แล้ว
    เพิ่มจาก 500 ล้านในเดือนมีนาคม 2025
    สะท้อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน

    GPT-5 จะรวมโมเดล o-series และ GPT-series เข้าด้วยกัน
    มีความสามารถ “คิดก่อนตอบ” เพื่อให้คำตอบลึกซึ้งขึ้น
    เป็นการเปลี่ยนแนวทางการออกแบบโมเดลจากเดิมที่เน้นความเร็ว

    ผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถใช้ GPT-5 ได้แบบไม่จำกัดในระดับพื้นฐาน
    Plus tier จะได้ใช้ GPT-5 ที่ฉลาดขึ้น
    Pro tier ($200/เดือน) จะได้ใช้ GPT-5 ในระดับสูงสุด

    OpenAI มีผู้ใช้แบบธุรกิจถึง 5 ล้านราย เพิ่มจาก 3 ล้านในเดือนมิถุนายน
    สะท้อนการนำ AI ไปใช้ในองค์กรอย่างแพร่หลาย
    รวมถึงภาคการศึกษาและการสร้างสรรค์เนื้อหา

    รายได้ประจำต่อปี (ARR) ของ OpenAI พุ่งถึง $13 พันล้าน และคาดว่าจะเกิน $20 พันล้านภายในสิ้นปี
    ได้รับเงินลงทุนใหม่ $8.3 พันล้านจากนักลงทุนชั้นนำ
    เป็นส่วนหนึ่งของรอบการระดมทุน $40 พันล้านที่นำโดย SoftBank

    OpenAI เตรียมเปิดตัวโมเดลแบบ open-weight และผลิตภัณฑ์ใหม่ในเดือนถัดไป
    เลื่อนจากเดือนก่อนเพื่อทดสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม
    เน้นการตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงสูงก่อนเปิดใช้งาน

    “คิดก่อนตอบ” คือแนวคิดใหม่ใน AI ที่ให้โมเดลเลือกว่าจะใช้เวลาประมวลผลมากขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบที่ลึกกว่า
    คล้ายกับการ “หยุดคิด” ก่อนพูดของมนุษย์
    ช่วยให้คำตอบมีความละเอียดและมีบริบทมากขึ้น

    การเติบโตของ ChatGPT สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ทั่วโลก
    จากเครื่องมือทดลองกลายเป็นส่วนหนึ่งของ workflow จริง
    ใช้ในงานเขียน, การเรียน, การวิเคราะห์ และการสื่อสาร

    การเปิดโมเดลแบบ open-weight เป็นแนวทางที่หลายบริษัท AI เริ่มนำมาใช้ เช่น Meta และ Mistral
    ช่วยให้ชุมชนวิจัยสามารถพัฒนาและตรวจสอบได้
    แต่ต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด

    https://www.neowin.net/news/openai-chatgpt-on-track-to-reach-700m-weekly-active-users-ahead-of-gpt-5-launch/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ChatGPT แตะ 700 ล้านผู้ใช้ต่อสัปดาห์—ก่อนเปิดตัว GPT-5 ที่ “คิดก่อนตอบ” OpenAI ประกาศว่า ChatGPT กำลังจะถึงจุดสูงสุดใหม่ที่ 700 ล้านผู้ใช้งานต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านในเดือนมีนาคม และมากกว่า 4 เท่าจากปีที่แล้ว ความนิยมนี้เกิดขึ้นก่อนการเปิดตัว GPT-5 ซึ่งจะรวมโมเดลสาย o-series และ GPT-series เข้าด้วยกัน โดยมีความสามารถใหม่คือ “คิดก่อนตอบ” หรือการเลือกว่าจะใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบที่ลึกซึ้งกว่า GPT-5 จะเปิดให้ใช้งานในทุก tier ของ ChatGPT โดยผู้ใช้ทั่วไปจะได้ใช้เวอร์ชันพื้นฐานแบบไม่จำกัด ส่วนผู้ใช้ Plus และ Pro จะสามารถเข้าถึงระดับความฉลาดที่สูงขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ OpenAI ยังเตรียมเปิดตัวโมเดลแบบ open-weight และผลิตภัณฑ์ใหม่อีกมากในเดือนถัดไป โดยได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $8.3 พันล้านดอลลาร์จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, Andreessen Horowitz และ Fidelity เพื่อรองรับต้นทุนการพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐาน ✅ ChatGPT กำลังจะถึง 700 ล้านผู้ใช้งานต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปีที่แล้ว ➡️ เพิ่มจาก 500 ล้านในเดือนมีนาคม 2025 ➡️ สะท้อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน ✅ GPT-5 จะรวมโมเดล o-series และ GPT-series เข้าด้วยกัน ➡️ มีความสามารถ “คิดก่อนตอบ” เพื่อให้คำตอบลึกซึ้งขึ้น ➡️ เป็นการเปลี่ยนแนวทางการออกแบบโมเดลจากเดิมที่เน้นความเร็ว ✅ ผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถใช้ GPT-5 ได้แบบไม่จำกัดในระดับพื้นฐาน ➡️ Plus tier จะได้ใช้ GPT-5 ที่ฉลาดขึ้น ➡️ Pro tier ($200/เดือน) จะได้ใช้ GPT-5 ในระดับสูงสุด ✅ OpenAI มีผู้ใช้แบบธุรกิจถึง 5 ล้านราย เพิ่มจาก 3 ล้านในเดือนมิถุนายน ➡️ สะท้อนการนำ AI ไปใช้ในองค์กรอย่างแพร่หลาย ➡️ รวมถึงภาคการศึกษาและการสร้างสรรค์เนื้อหา ✅ รายได้ประจำต่อปี (ARR) ของ OpenAI พุ่งถึง $13 พันล้าน และคาดว่าจะเกิน $20 พันล้านภายในสิ้นปี ➡️ ได้รับเงินลงทุนใหม่ $8.3 พันล้านจากนักลงทุนชั้นนำ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของรอบการระดมทุน $40 พันล้านที่นำโดย SoftBank ✅ OpenAI เตรียมเปิดตัวโมเดลแบบ open-weight และผลิตภัณฑ์ใหม่ในเดือนถัดไป ➡️ เลื่อนจากเดือนก่อนเพื่อทดสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม ➡️ เน้นการตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงสูงก่อนเปิดใช้งาน ✅ “คิดก่อนตอบ” คือแนวคิดใหม่ใน AI ที่ให้โมเดลเลือกว่าจะใช้เวลาประมวลผลมากขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบที่ลึกกว่า ➡️ คล้ายกับการ “หยุดคิด” ก่อนพูดของมนุษย์ ➡️ ช่วยให้คำตอบมีความละเอียดและมีบริบทมากขึ้น ✅ การเติบโตของ ChatGPT สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ทั่วโลก ➡️ จากเครื่องมือทดลองกลายเป็นส่วนหนึ่งของ workflow จริง ➡️ ใช้ในงานเขียน, การเรียน, การวิเคราะห์ และการสื่อสาร ✅ การเปิดโมเดลแบบ open-weight เป็นแนวทางที่หลายบริษัท AI เริ่มนำมาใช้ เช่น Meta และ Mistral ➡️ ช่วยให้ชุมชนวิจัยสามารถพัฒนาและตรวจสอบได้ ➡️ แต่ต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด https://www.neowin.net/news/openai-chatgpt-on-track-to-reach-700m-weekly-active-users-ahead-of-gpt-5-launch/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI: ChatGPT on track to reach 700M weekly active users ahead of GPT-5 launch
    OpenAI's ChatGPT is set to hit a new milestone of 700 million weekly active users, marking significant growth from last year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที

    ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ

    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น

    ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง
    หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน
    ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย

    ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น
    ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ
    ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า
    การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก
    ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์

    เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ
    เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering
    ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย

    การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้
    การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
    การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้

    นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล
    เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ
    ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ

    การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี
    ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า
    อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง

    การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย
    ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย

    การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย
    การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก
    ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่

    การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน
    เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย
    ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม

    การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ
    ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover
    มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST

    การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี
    คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ
    แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ

    การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา
    ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET
    ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป

    https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น ✅ ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง ➡️ หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน ➡️ ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย ✅ ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ➡️ ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ ➡️ ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ✅ งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า ➡️ การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก ➡️ ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์ ✅ เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ ➡️ เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering ➡️ ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย ✅ การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้ ➡️ การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ➡️ การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้ ✅ นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล ➡️ เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ ➡️ ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ ‼️ การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า ⛔ อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ‼️ การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย ⛔ ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย ‼️ การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย ⛔ การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก ⛔ ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่ ‼️ การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน ⛔ เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ✅ การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ ➡️ ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover ➡️ มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST ✅ การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี ➡️ คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ ➡️ แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ ✅ การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา ➡️ ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET ➡️ ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    HACKREAD.COM
    Local Government Cybersecurity: Why Municipal Systems Need Extra Protection
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อเกมผู้ใหญ่กลายเป็นภัยต่อแบรนด์—Valve vs Mastercard

    เรื่องเริ่มจากการที่ Steam และ Itch.io ลบหรือซ่อนเกม NSFW จำนวนมาก โดยอ้างว่า “ถูกกดดันจาก payment processors” ซึ่งรวมถึง Mastercard ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้กฎ Rule 5.12.7 เพื่อปฏิเสธการทำธุรกรรมที่ “อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์”

    Mastercard ออกแถลงการณ์ว่า “เราไม่ได้ประเมินเกมใด ๆ หรือสั่งให้ลบเกมจากแพลตฟอร์ม” แต่ Valve โต้กลับทันทีว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง เช่น payment processors และธนาคารผู้รับชำระเงิน โดยไม่ได้ติดต่อกับ Valve โดยตรง แม้ Valve จะร้องขอให้คุยกันตรง ๆ ก็ตาม

    Valve ยืนยันว่า payment processors ปฏิเสธนโยบายของ Steam ที่พยายามเผยแพร่เฉพาะเกมที่ถูกกฎหมาย และอ้างถึง Rule 5.12.7 ว่าเกม NSFW บางประเภท “อาจเป็นภัยต่อแบรนด์ Mastercard” แม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม

    Mastercard ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้ลบเกม NSFW จาก Steam หรือ Itch.io
    ระบุว่า “อนุญาตให้ทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมายทั้งหมด”
    แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้ใช้บัตร Mastercard ซื้อเนื้อหาผิดกฎหมาย

    Valve ยืนยันว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง ไม่เคยคุยตรง ๆ กับ Valve
    ใช้ payment processors และ acquiring banks เป็นตัวแทน
    Valve ขอคุยตรง ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

    Rule 5.12.7 ของ Mastercard ถูกใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธเกม NSFW บางประเภท
    ห้ามธุรกรรมที่ “ผิดกฎหมาย หรืออาจทำลาย goodwill หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์”
    รวมถึงเนื้อหาที่ “ลามกอนาจารอย่างชัดเจนและไม่มีคุณค่าทางศิลปะ”

    Itch.io ก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน และเริ่มลบเกม NSFW ออกจากแพลตฟอร์ม
    โดยเฉพาะเกมที่มีเนื้อหา LGBTQ+ หรือเนื้อหาที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันเริ่มนำเกมฟรีกลับมา และมองหาผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่

    GOG ออกแคมเปญ FreedomToBuy เพื่อสนับสนุนสิทธิ์ในการซื้อเกม NSFW
    แจกเกม NSFW ฟรีกว่า 1 ล้านชุดในช่วงสุดสัปดาห์
    เป็นการตอบโต้การเซ็นเซอร์จาก payment processors

    Rule 5.12.7 ของ Mastercard ให้อำนาจในการตัดสินว่าเนื้อหาใด “ไม่เหมาะสม” ได้อย่างกว้างขวาง
    แม้เนื้อหาจะไม่ผิดกฎหมาย ก็อาจถูกปฏิเสธได้
    ส่งผลให้เกิดการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่หลากหลายโดยไม่มีมาตรฐานชัดเจน

    การสื่อสารผ่านตัวกลางทำให้เกิดความคลุมเครือและขาดความโปร่งใส
    Valve ไม่สามารถเจรจาโดยตรงกับ Mastercard
    ทำให้การตัดสินใจลบเกมขาดความชัดเจนและความรับผิดชอบ

    การลบเกม NSFW โดยไม่ระบุเหตุผลชัดเจน อาจกระทบต่อผู้พัฒนาเกมอินดี้และชุมชน LGBTQ+
    เกมที่ไม่ผิดกฎหมายถูกลบเพราะ “เสี่ยงต่อแบรนด์”
    สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและการเซ็นเซอร์ในวงการเกม

    การควบคุมเนื้อหาผ่านระบบการชำระเงินอาจกลายเป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพทางศิลปะ
    ผู้ให้บริการชำระเงินมีอำนาจเหนือแพลตฟอร์มเกม
    อาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาทางวัฒนธรรมในวงกว้าง

    “Patently offensive” เป็นคำที่ตีความได้กว้างและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท
    ไม่มีมาตรฐานกลางในการวัดคุณค่าทางศิลปะ
    อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลบเนื้อหาที่ไม่ถูกใจ

    Collective Shout กลุ่มนักเคลื่อนไหวจากออสเตรเลียอยู่เบื้องหลังการกดดัน payment processors
    เคยส่งจดหมายถึง Mastercard, Visa, PayPal และบริษัทอื่น ๆ
    อ้างว่าเกม NSFW เป็น “สื่อลามกที่รุนแรง” และควรถูกลบ

    การหาผู้ให้บริการชำระเงินที่สนับสนุนเนื้อหาผู้ใหญ่กลายเป็นทางรอดของแพลตฟอร์มเกมอินดี้
    Itch.io กำลังเจรจากับผู้ให้บริการรายใหม่
    เพื่อรักษาเสรีภาพในการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกกฎหมาย

    https://www.pcgamer.com/games/mastercard-deflects-blame-for-nsfw-games-being-taken-down-but-valve-says-payment-processors-specifically-cited-a-mastercard-rule-about-damaging-the-brand/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อเกมผู้ใหญ่กลายเป็นภัยต่อแบรนด์—Valve vs Mastercard เรื่องเริ่มจากการที่ Steam และ Itch.io ลบหรือซ่อนเกม NSFW จำนวนมาก โดยอ้างว่า “ถูกกดดันจาก payment processors” ซึ่งรวมถึง Mastercard ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้กฎ Rule 5.12.7 เพื่อปฏิเสธการทำธุรกรรมที่ “อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์” Mastercard ออกแถลงการณ์ว่า “เราไม่ได้ประเมินเกมใด ๆ หรือสั่งให้ลบเกมจากแพลตฟอร์ม” แต่ Valve โต้กลับทันทีว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง เช่น payment processors และธนาคารผู้รับชำระเงิน โดยไม่ได้ติดต่อกับ Valve โดยตรง แม้ Valve จะร้องขอให้คุยกันตรง ๆ ก็ตาม Valve ยืนยันว่า payment processors ปฏิเสธนโยบายของ Steam ที่พยายามเผยแพร่เฉพาะเกมที่ถูกกฎหมาย และอ้างถึง Rule 5.12.7 ว่าเกม NSFW บางประเภท “อาจเป็นภัยต่อแบรนด์ Mastercard” แม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม ✅ Mastercard ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้ลบเกม NSFW จาก Steam หรือ Itch.io ➡️ ระบุว่า “อนุญาตให้ทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมายทั้งหมด” ➡️ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้ใช้บัตร Mastercard ซื้อเนื้อหาผิดกฎหมาย ✅ Valve ยืนยันว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง ไม่เคยคุยตรง ๆ กับ Valve ➡️ ใช้ payment processors และ acquiring banks เป็นตัวแทน ➡️ Valve ขอคุยตรง ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ✅ Rule 5.12.7 ของ Mastercard ถูกใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธเกม NSFW บางประเภท ➡️ ห้ามธุรกรรมที่ “ผิดกฎหมาย หรืออาจทำลาย goodwill หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์” ➡️ รวมถึงเนื้อหาที่ “ลามกอนาจารอย่างชัดเจนและไม่มีคุณค่าทางศิลปะ” ✅ Itch.io ก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน และเริ่มลบเกม NSFW ออกจากแพลตฟอร์ม ➡️ โดยเฉพาะเกมที่มีเนื้อหา LGBTQ+ หรือเนื้อหาที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ➡️ ปัจจุบันเริ่มนำเกมฟรีกลับมา และมองหาผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่ ✅ GOG ออกแคมเปญ FreedomToBuy เพื่อสนับสนุนสิทธิ์ในการซื้อเกม NSFW ➡️ แจกเกม NSFW ฟรีกว่า 1 ล้านชุดในช่วงสุดสัปดาห์ ➡️ เป็นการตอบโต้การเซ็นเซอร์จาก payment processors ‼️ Rule 5.12.7 ของ Mastercard ให้อำนาจในการตัดสินว่าเนื้อหาใด “ไม่เหมาะสม” ได้อย่างกว้างขวาง ⛔ แม้เนื้อหาจะไม่ผิดกฎหมาย ก็อาจถูกปฏิเสธได้ ⛔ ส่งผลให้เกิดการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่หลากหลายโดยไม่มีมาตรฐานชัดเจน ‼️ การสื่อสารผ่านตัวกลางทำให้เกิดความคลุมเครือและขาดความโปร่งใส ⛔ Valve ไม่สามารถเจรจาโดยตรงกับ Mastercard ⛔ ทำให้การตัดสินใจลบเกมขาดความชัดเจนและความรับผิดชอบ ‼️ การลบเกม NSFW โดยไม่ระบุเหตุผลชัดเจน อาจกระทบต่อผู้พัฒนาเกมอินดี้และชุมชน LGBTQ+ ⛔ เกมที่ไม่ผิดกฎหมายถูกลบเพราะ “เสี่ยงต่อแบรนด์” ⛔ สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและการเซ็นเซอร์ในวงการเกม ‼️ การควบคุมเนื้อหาผ่านระบบการชำระเงินอาจกลายเป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพทางศิลปะ ⛔ ผู้ให้บริการชำระเงินมีอำนาจเหนือแพลตฟอร์มเกม ⛔ อาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาทางวัฒนธรรมในวงกว้าง ✅ “Patently offensive” เป็นคำที่ตีความได้กว้างและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท ➡️ ไม่มีมาตรฐานกลางในการวัดคุณค่าทางศิลปะ ➡️ อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลบเนื้อหาที่ไม่ถูกใจ ✅ Collective Shout กลุ่มนักเคลื่อนไหวจากออสเตรเลียอยู่เบื้องหลังการกดดัน payment processors ➡️ เคยส่งจดหมายถึง Mastercard, Visa, PayPal และบริษัทอื่น ๆ ➡️ อ้างว่าเกม NSFW เป็น “สื่อลามกที่รุนแรง” และควรถูกลบ ✅ การหาผู้ให้บริการชำระเงินที่สนับสนุนเนื้อหาผู้ใหญ่กลายเป็นทางรอดของแพลตฟอร์มเกมอินดี้ ➡️ Itch.io กำลังเจรจากับผู้ให้บริการรายใหม่ ➡️ เพื่อรักษาเสรีภาพในการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกกฎหมาย https://www.pcgamer.com/games/mastercard-deflects-blame-for-nsfw-games-being-taken-down-but-valve-says-payment-processors-specifically-cited-a-mastercard-rule-about-damaging-the-brand/
    WWW.PCGAMER.COM
    Mastercard deflects blame for NSFW games being taken down, but Valve says payment processors 'specifically cited' a Mastercard rule about damaging the brand
    Steam and Itch.io are worried about trouble with their payment processors, and Mastercard is not a payment processor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts