• ตราบใดที่คนไทยยังโง่งมงาย กับหมอดูหมอเดาและไม่มีเจ้าหน้าที่จะเข้าไปห้ามปราม หมอปลาย ก็คงจะสวยวันสวยคืน จากรายได้อู้ฟู่ อย่างที่เห็น

    #หมอปลายฉวยโอกาส #จ้อคำทำนายร้าย #ฉวยโอกาส #หมอดูหมอเดา #หมอปลาย #แผ่นดิวไหว #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    ตราบใดที่คนไทยยังโง่งมงาย กับหมอดูหมอเดาและไม่มีเจ้าหน้าที่จะเข้าไปห้ามปราม หมอปลาย ก็คงจะสวยวันสวยคืน จากรายได้อู้ฟู่ อย่างที่เห็น #หมอปลายฉวยโอกาส #จ้อคำทำนายร้าย #ฉวยโอกาส #หมอดูหมอเดา #หมอปลาย #แผ่นดิวไหว #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    6
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ?

    การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4

    การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ

    บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์

    #Newskit
    สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ? การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4 การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 เมษายน โดยเปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการโพสต์เนื้อหาใส่ร้าย ปล่อยข้อมูลเท็จ และคอมเมนต์โจมตีอย่างรุนแรงต่อศิลปินในสังกัดอย่างต่อเนื่อง

    “เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความและข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีมูลความจริง และเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายต่อศิลปินของเรา ‘คิมซูฮยอน’ แพร่กระจายอยู่บนโลกออนไลน์” ตัวแทนของ Gold Medalist บอก “สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของศิลปินอย่างรุนแรง”

    Gold Medalist ยังได้กล่าวถึง กลุ่มผู้ที่สร้างคอนเทนต์ปลอมที่หวังยอดวิวและกระแส โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า “บุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสจากความเป็นนิรนาม สร้างข่าวปลอมและปลุกปั่นการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035894

    #MGROnline #คิมซูฮยอน
    ต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 เมษายน โดยเปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการโพสต์เนื้อหาใส่ร้าย ปล่อยข้อมูลเท็จ และคอมเมนต์โจมตีอย่างรุนแรงต่อศิลปินในสังกัดอย่างต่อเนื่อง • “เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความและข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีมูลความจริง และเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายต่อศิลปินของเรา ‘คิมซูฮยอน’ แพร่กระจายอยู่บนโลกออนไลน์” ตัวแทนของ Gold Medalist บอก “สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของศิลปินอย่างรุนแรง” • Gold Medalist ยังได้กล่าวถึง กลุ่มผู้ที่สร้างคอนเทนต์ปลอมที่หวังยอดวิวและกระแส โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า “บุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสจากความเป็นนิรนาม สร้างข่าวปลอมและปลุกปั่นการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035894 • #MGROnline #คิมซูฮยอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่น่ากลัวกว่ามิจฉาชีพ ก็คือ.. ทนายและนายประกันที่อาศัยอยู่ในศาล พยายามทำทุกอย่างเพื่อขูดรีดเงินจากประชาชนให้ได้มากที่สุด พยายามทำให้เรื่องมันดูยุ่งยาก เพื่อจะได้เรียกเงินเพิ่ม เรามีเงินเท่าไหร่มันก็พยายามขอดให้เราจ่ายมันให้ได้มากที่สุด ทำกันเป็นขบวนการ แบ่งๆกันไป ทำตัวเหมือนฝูงแร้งที่รุมแทะกินซาก ฉวยโอกาสขูดรีดหากินจากความทุกข์ร้อนของประชาชนได้โดยชอบตามกฏหมาย และไม่มีใครปราบปรามได้ พวกนี้จึงน่ากลัวยิ่งกว่ามิจฉาชีพ..
    สิ่งที่น่ากลัวกว่ามิจฉาชีพ ก็คือ.. ทนายและนายประกันที่อาศัยอยู่ในศาล พยายามทำทุกอย่างเพื่อขูดรีดเงินจากประชาชนให้ได้มากที่สุด พยายามทำให้เรื่องมันดูยุ่งยาก เพื่อจะได้เรียกเงินเพิ่ม เรามีเงินเท่าไหร่มันก็พยายามขอดให้เราจ่ายมันให้ได้มากที่สุด ทำกันเป็นขบวนการ แบ่งๆกันไป ทำตัวเหมือนฝูงแร้งที่รุมแทะกินซาก ฉวยโอกาสขูดรีดหากินจากความทุกข์ร้อนของประชาชนได้โดยชอบตามกฏหมาย และไม่มีใครปราบปรามได้ พวกนี้จึงน่ากลัวยิ่งกว่ามิจฉาชีพ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส

    ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์:
    - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง
    - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา

    ✅ กระบวนการโจมตี:
    - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ
    - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด

    ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส:
    - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม

    ✅ การรับมือจากชุมชน:
    - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว

    ✅ ความท้าทายในการป้องกัน:
    - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์: - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา ✅ กระบวนการโจมตี: - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส: - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม ✅ การรับมือจากชุมชน: - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว ✅ ความท้าทายในการป้องกัน: - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'โรม' ฟาดรัฐบาลฉวยโอกาสดันร่างกม.กาสิโน เข้าสภาฯ แม้ไทยจำเผชิญปัญหาแผ่นดินไหว
    https://www.thai-tai.tv/news/17999/
    'โรม' ฟาดรัฐบาลฉวยโอกาสดันร่างกม.กาสิโน เข้าสภาฯ แม้ไทยจำเผชิญปัญหาแผ่นดินไหว https://www.thai-tai.tv/news/17999/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปๆ มาๆ คิงส์ว่า พี่ปูยังแมนกว่าเยอะ รบกันยังแมนกว่าลอบกัด ฉกฉวยโอกาสยึดทรัพยากรยูเครนแบบไอ้กัน แร่แรเอิร์ธก็จะเอา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็จะเอา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไปๆ มาๆ คิงส์ว่า พี่ปูยังแมนกว่าเยอะ รบกันยังแมนกว่าลอบกัด ฉกฉวยโอกาสยึดทรัพยากรยูเครนแบบไอ้กัน แร่แรเอิร์ธก็จะเอา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็จะเอา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซื้อหนี้ประชาชน อันตรายบนศีลธรรม

    เป็นที่วิจารณ์ไม่หยุด สำหรับแนวคิดรับซื้อหนี้จากประชาชนทั้งหมดออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ โดยอ้างว่าจะให้หนี้สินคนไทยหมดไป ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท ให้เอกชนลงทุน แม้แนวคิดดูเลื่อนลอย แต่ก็เป็นความกังวลของสังคมไทย นักกลยุทธ์การลงทุนรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "การซื้อหนี้ 16 ล้านล้านบาท ไม่มีเอกชนหน้าโง่ที่ไหนซื้อหนี้ราคาสูงแล้วมาแฮร์คัต (Hair Cut หรือปิดจบด้วยเงินก้อน) ให้ลูกหนี้ ถ้ารัฐไม่ล้างผลาญงบฯ จ่ายส่วนต่างให้" มีชาวเน็ตแชร์ออกไปนับร้อยครั้ง

    นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า แนวคิดการรับซื้อหนี้เสียของประชาชน จากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ กรอบสำคัญคือต้องมองให้ครบ บูรณาการผลกระทบต่างๆ สำคัญคือที่มาของเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นภาระทางการคลังได้ และคำนึงผลกระทบเชิง Moral hazard ต้องหาจุดตรงกลางในการช่วยเหลือ

    ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบงก์ชาติยึดหลักแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน 3 ประการ คือ 1. ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เกิดปัญหา Moral hazard 2. สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า และ 3. ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม

    Moral hazard หรือภัยทางศีลธรรม อันตรายบนศีลธรรม จรรยาสามานย์ แล้วแต่จะเรียก เกิดขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้เสียคือลูกหนี้ มีแรงจูงใจหรือมีสิ่งล่อใจแล้วเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้าล้มเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ได้รับการช่วยเหลือ เปรียบคนเบี้ยวหนี้กองทุน กยศ.คิดว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะลดยอดหนี้ให้ ชาวนาไม่ฟังทางการทำนาในฤดูแล้ง เมื่อเสียหายก็ได้เงินชดเชยจากรัฐบาล เป็นเครื่องมือให้นักการเมืองฉวยโอกาสสร้างคะแนนนิยมเอาเปรียบประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

    การซื้อหนี้จากธนาคารแล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน เหมือนเริ่มต้นจะสวยหรูแต่ขมขื่นระยะยาว เฉกเช่นบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง เปิดฉากกวาดลูกค้าจากค่ายอื่นแล้วได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นปัญหา มีประวัติผิดนัดชำระหนี้จากที่อื่นย้ายหนีจำนวนมาก สุดท้ายก็สร้างปัญหา ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ แล้วขายพอร์ตสินเชื่อให้กับผู้สนใจรายใหม่ จากนั้นรายใหม่ก็อาจนำไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่น ปล่อยหุ้นกู้แล้วไม่จ่ายคืน กลายเป็นมันนี่เกมที่อาจทำให้นักลงทุนซึ่งเป็นคนธรรมดาอาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว

    #Newskit
    ซื้อหนี้ประชาชน อันตรายบนศีลธรรม เป็นที่วิจารณ์ไม่หยุด สำหรับแนวคิดรับซื้อหนี้จากประชาชนทั้งหมดออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ โดยอ้างว่าจะให้หนี้สินคนไทยหมดไป ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท ให้เอกชนลงทุน แม้แนวคิดดูเลื่อนลอย แต่ก็เป็นความกังวลของสังคมไทย นักกลยุทธ์การลงทุนรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "การซื้อหนี้ 16 ล้านล้านบาท ไม่มีเอกชนหน้าโง่ที่ไหนซื้อหนี้ราคาสูงแล้วมาแฮร์คัต (Hair Cut หรือปิดจบด้วยเงินก้อน) ให้ลูกหนี้ ถ้ารัฐไม่ล้างผลาญงบฯ จ่ายส่วนต่างให้" มีชาวเน็ตแชร์ออกไปนับร้อยครั้ง นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า แนวคิดการรับซื้อหนี้เสียของประชาชน จากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ กรอบสำคัญคือต้องมองให้ครบ บูรณาการผลกระทบต่างๆ สำคัญคือที่มาของเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นภาระทางการคลังได้ และคำนึงผลกระทบเชิง Moral hazard ต้องหาจุดตรงกลางในการช่วยเหลือ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาแบงก์ชาติยึดหลักแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน 3 ประการ คือ 1. ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เกิดปัญหา Moral hazard 2. สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า และ 3. ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม Moral hazard หรือภัยทางศีลธรรม อันตรายบนศีลธรรม จรรยาสามานย์ แล้วแต่จะเรียก เกิดขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้เสียคือลูกหนี้ มีแรงจูงใจหรือมีสิ่งล่อใจแล้วเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้าล้มเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ได้รับการช่วยเหลือ เปรียบคนเบี้ยวหนี้กองทุน กยศ.คิดว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะลดยอดหนี้ให้ ชาวนาไม่ฟังทางการทำนาในฤดูแล้ง เมื่อเสียหายก็ได้เงินชดเชยจากรัฐบาล เป็นเครื่องมือให้นักการเมืองฉวยโอกาสสร้างคะแนนนิยมเอาเปรียบประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การซื้อหนี้จากธนาคารแล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน เหมือนเริ่มต้นจะสวยหรูแต่ขมขื่นระยะยาว เฉกเช่นบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง เปิดฉากกวาดลูกค้าจากค่ายอื่นแล้วได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นปัญหา มีประวัติผิดนัดชำระหนี้จากที่อื่นย้ายหนีจำนวนมาก สุดท้ายก็สร้างปัญหา ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ แล้วขายพอร์ตสินเชื่อให้กับผู้สนใจรายใหม่ จากนั้นรายใหม่ก็อาจนำไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่น ปล่อยหุ้นกู้แล้วไม่จ่ายคืน กลายเป็นมันนี่เกมที่อาจทำให้นักลงทุนซึ่งเป็นคนธรรมดาอาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 689 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ รัฐสภายุโรป คือกลุ่มที่พรรคก้าวไกลใช้งบแผ่นดิน บินไปฟ้องเรื่องโดนคดี 112 วันนี้จึงฉวยโอกาสจากเรื่องอุยกูร์ เพื่อโหวตลงมติประณามไทย แต่กลับพบว่ามีหัวข้อลงมติเรื่องเสนอให้ไทย ยกเลิกแก้ไข ม.112 พ่วงมาด้วย
    #7ดอกจิก
    ♣ รัฐสภายุโรป คือกลุ่มที่พรรคก้าวไกลใช้งบแผ่นดิน บินไปฟ้องเรื่องโดนคดี 112 วันนี้จึงฉวยโอกาสจากเรื่องอุยกูร์ เพื่อโหวตลงมติประณามไทย แต่กลับพบว่ามีหัวข้อลงมติเรื่องเสนอให้ไทย ยกเลิกแก้ไข ม.112 พ่วงมาด้วย #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน ประกาศชัดเจนว่า จะไม่มีการเจรจากับสหรัฐเกิดขึ้น ภายหลังจากที่ทรัมป์กล่าวเมื่อวันก่อนว่า อิหร่านมีเพียงสองทางเลือก ในการเจรจานิวเคลียร์คือ จะใช้วิธีการคุยกัน หรือ จะใมช้วิธีการทางทหาร

    เปเซชเคียน กล่าวว่า คำพูดของทรัมป์คือการข่มขู่อิหร่าน และเมื่อเริ่มต้นด้วยการข่มขู่ การเจรจาจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน

    เมื่อวันที่ 9 มีนาคม "คาเมเนอี" ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เพิ่งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าใช้วิธีการข่มเหงรังแกผู้อื่น โดยใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือบังหน้า โดยตั้งเงื่อนไขที่อิหร่านไม่สามารถทำได้ เพื่อบังคับให้อิหร่านทำตามที่ต้องการ มากกว่าจะมุ่งแสวงหาทางออกร่วมกัน และหากอิหร่านไม่ยอมทำตาม สหรัฐก็จะฉวยโอกาสนี้กล่าวหาอิหร่านว่าไม่ให้ความร่วมมือ และหาทางทำร้ายอิหร่านด้วยวิธีการต่างๆนานาๆ
    ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน ประกาศชัดเจนว่า จะไม่มีการเจรจากับสหรัฐเกิดขึ้น ภายหลังจากที่ทรัมป์กล่าวเมื่อวันก่อนว่า อิหร่านมีเพียงสองทางเลือก ในการเจรจานิวเคลียร์คือ จะใช้วิธีการคุยกัน หรือ จะใมช้วิธีการทางทหาร เปเซชเคียน กล่าวว่า คำพูดของทรัมป์คือการข่มขู่อิหร่าน และเมื่อเริ่มต้นด้วยการข่มขู่ การเจรจาจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม "คาเมเนอี" ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เพิ่งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าใช้วิธีการข่มเหงรังแกผู้อื่น โดยใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือบังหน้า โดยตั้งเงื่อนไขที่อิหร่านไม่สามารถทำได้ เพื่อบังคับให้อิหร่านทำตามที่ต้องการ มากกว่าจะมุ่งแสวงหาทางออกร่วมกัน และหากอิหร่านไม่ยอมทำตาม สหรัฐก็จะฉวยโอกาสนี้กล่าวหาอิหร่านว่าไม่ให้ความร่วมมือ และหาทางทำร้ายอิหร่านด้วยวิธีการต่างๆนานาๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ฉวยโอกาสความวุ่นวายทางฝั่งตะวันตกของซีเรีย โดยเรียกประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรียว่าเป็น “ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์” หลังจากมีรายงานว่า เขาเรียกใช้กองกำลัง HTS ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้าย แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นเจ้าหน้ารักษาความสงบของรัฐบาลซีเรียไปแล้ว เข้าปราบปรามและสังหารพลเรือนชาวอลาวีไปแล้วมากกว่า 125 คน

    คัทซ์เตือนซีเรียว่า อิสราเอลจะปกป้องตนเองจากภัยคุกคามใดๆ จากซีเรีย และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิสราเอลจะยังคงรักษาพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอลต่อไป

    ขณะเดียวกัน NBC News รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 240 รายในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากกองกำลังของรัฐบาลซีเรีย เข้าทำการปราบปรามอย่างหนัก และสิ่งที่ตามมาคือคลื่นการสังหารที่โหดร้าย เหยื่อจำนวนมากเป็นชาวอลาวี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาของอัสซาดที่ครองอำนาจมานานหลายทศวรรษ

    ประธานาธิบดีอัลชาราเคยสัญญาว่าซีเรียจะเป็นหนึ่งเดียวในทุกเชื้อชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมำให้รัฐบาลตะวันตกกำลัง "จับตาดูอย่างใกล้ชิด" โดยสงสัยว่า อัลชาราคือคนที่จะมาสร้างซีเรียขึ้นใหม่จริงหรือ หรือเป็นเพียงผู้นำสงครามในเครื่องแบบใหม่เท่านั้น
    อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ฉวยโอกาสความวุ่นวายทางฝั่งตะวันตกของซีเรีย โดยเรียกประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรียว่าเป็น “ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์” หลังจากมีรายงานว่า เขาเรียกใช้กองกำลัง HTS ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้าย แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นเจ้าหน้ารักษาความสงบของรัฐบาลซีเรียไปแล้ว เข้าปราบปรามและสังหารพลเรือนชาวอลาวีไปแล้วมากกว่า 125 คน คัทซ์เตือนซีเรียว่า อิสราเอลจะปกป้องตนเองจากภัยคุกคามใดๆ จากซีเรีย และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิสราเอลจะยังคงรักษาพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอลต่อไป ขณะเดียวกัน NBC News รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 240 รายในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากกองกำลังของรัฐบาลซีเรีย เข้าทำการปราบปรามอย่างหนัก และสิ่งที่ตามมาคือคลื่นการสังหารที่โหดร้าย เหยื่อจำนวนมากเป็นชาวอลาวี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาของอัสซาดที่ครองอำนาจมานานหลายทศวรรษ ประธานาธิบดีอัลชาราเคยสัญญาว่าซีเรียจะเป็นหนึ่งเดียวในทุกเชื้อชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมำให้รัฐบาลตะวันตกกำลัง "จับตาดูอย่างใกล้ชิด" โดยสงสัยว่า อัลชาราคือคนที่จะมาสร้างซีเรียขึ้นใหม่จริงหรือ หรือเป็นเพียงผู้นำสงครามในเครื่องแบบใหม่เท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินค้าจำเป็น ช่วงฝุ่นพิษเต็มเมือง‘เครื่องฟอกอากาศ,เครื่องดูดฝุ่น’ ถูกคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดให้เป็น‘สินค้าควบคุม’ เฉพาะที่ใช้ในครัวเรือน ป้องกันผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา ดูแลไม่ให้ขาด ไม่ให้แพง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน มี.ค.68
    สินค้าจำเป็น ช่วงฝุ่นพิษเต็มเมือง‘เครื่องฟอกอากาศ,เครื่องดูดฝุ่น’ ถูกคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดให้เป็น‘สินค้าควบคุม’ เฉพาะที่ใช้ในครัวเรือน ป้องกันผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา ดูแลไม่ให้ขาด ไม่ให้แพง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน มี.ค.68
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 775 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • อิสราเอลฉวยโอกาสขณะสหรัฐกลับมามีอิทธิพลครั้งใหม่ ประกาศแนวเขตแดนใหม่ของตนเอง

    เนทันยาฮูประกาศแนวเขตแดนในภูมิภาค “ตะวันออกกลางใหม่” โดยกล่าวว่าเขาจะไม่ถอนกำลังออกจาก 5 ตำแหน่งในเลบานอน รวมทั้งเขตกันชนและภูเขาเฮอร์มอนในดินแดนซีเรีย

    เขาประกาศไปถึงกองกำลังซีเรียใหม่ ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้าย Hay'at Tahrir al-Sham ไม่อนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของดามัสกัสบนที่ราบสูงโกลัน ที่ขณะนี้อิสราเข้ายึดครองอยู่

    ขณะเดียวกันทางด้าน อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ประกาศไม่อนุญาตให้ผู้พลัดถิ่นในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกผลักดันออกไปกลับเข้ายังดินแดนนี้อีก

    "เราไม่อนุญาตให้กองกำลังศัตรูเข้ามาตั้งถิ่นฐานและปรากฏตัวในเขตปลอดภัยในซีเรียตอนใต้ตั้งแต่ที่นี่ไปจนถึงดามัสกัส และเราจะดำเนินการต่อต้านภัยคุกคามใดๆ" แคทซ์กล่าว
    อิสราเอลฉวยโอกาสขณะสหรัฐกลับมามีอิทธิพลครั้งใหม่ ประกาศแนวเขตแดนใหม่ของตนเอง เนทันยาฮูประกาศแนวเขตแดนในภูมิภาค “ตะวันออกกลางใหม่” โดยกล่าวว่าเขาจะไม่ถอนกำลังออกจาก 5 ตำแหน่งในเลบานอน รวมทั้งเขตกันชนและภูเขาเฮอร์มอนในดินแดนซีเรีย เขาประกาศไปถึงกองกำลังซีเรียใหม่ ซึ่งอดีตคือกลุ่มก่อการร้าย Hay'at Tahrir al-Sham ไม่อนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของดามัสกัสบนที่ราบสูงโกลัน ที่ขณะนี้อิสราเข้ายึดครองอยู่ ขณะเดียวกันทางด้าน อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ประกาศไม่อนุญาตให้ผู้พลัดถิ่นในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกผลักดันออกไปกลับเข้ายังดินแดนนี้อีก "เราไม่อนุญาตให้กองกำลังศัตรูเข้ามาตั้งถิ่นฐานและปรากฏตัวในเขตปลอดภัยในซีเรียตอนใต้ตั้งแต่ที่นี่ไปจนถึงดามัสกัส และเราจะดำเนินการต่อต้านภัยคุกคามใดๆ" แคทซ์กล่าว
    Sad
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในบันทึกข้อความเมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) สั่งการให้คณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ (Committee on Foreign Investment in the United States - CFIUS) จำกัดการลงทุนของจีนในภาคส่วนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
    .
    เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่า บันทึกข้อความด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็มุ่งปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ จากภัยคุกคามอันเกิดจากรัฐที่ไม่เป็นมิตรอย่างเช่น จีน เป็นต้น
    .
    คำสั่งของ ทรัมป์ ระบุว่า จีน "ฉวยโอกาสจากเงินลงทุนและความช่างประดิษฐ์คิดค้นของสหรัฐฯ เพื่อเอาไปเป็นทุนสนับสนุนและยกระดับปฏิบัติการกองทัพ ข่าวกรอง และความมั่นคงของพวกเขาให้มีความทันสมัย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ"
    .
    ภายใต้คำสั่งนี้ สหรัฐฯ จะมีการตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ "เพื่อปิดกั้นการแสวงหาประโยชน์จากเงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ของเราโดยศัตรูต่างชาติ เช่น จีน และเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวอเมริกันเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาต"
    .
    เจ้าหน้าที่ผู้นี้ยังบอกด้วยว่า รัฐบาล ทรัมป์ กำลังพิจารณาขยายมาตรการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯในจีนเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เปราะบาง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ ควอนตัม เทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และอื่นๆ
    .
    ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้มีถ้อยแถลงตอบโต้ในวันเสาร์ (22) โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกนำเศรษฐกิจมาเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" และ "อาวุธ" พร้อมยืนยันว่าจีนจะเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะมีมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมเพื่อธำรงไว้ซึ่งสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของจีน
    .
    ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ คาดว่าจะยิ่งกระพือความตึงเครียดในด้านเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ ทรัมป์ สั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนเป็นมาตรการแรกๆ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเทอมสองเมื่อเดือน ม.ค.
    .
    CFIUS ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการลงทุนจากต่างชาติในสหรัฐฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคง พบว่ามูลค่าการลงทุนของจีนนั้นลดลงไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    .
    ข้อมูลจาก Rhodium Group พบว่า มูลค่าการลงทุนจากจีนต่อปีลดลงจากระดับ 46,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2016 เหลือไม่ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022
    .
    คำสั่งของ ทรัมป์ ยังมีการอ้างถึงองค์กรและบุคคลต่างชาติซึ่งเข้าไปถือครองที่ดินทำการเกษตรในสหรัฐฯ ประมาณ 43 ล้านเอเคอร์ หรือคิดเป็น 2% ของที่ดินทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นที่ดินซึ่งถือครองโดยจีนมากกว่า 350,000 เอเคอร์ใน 27 รัฐ
    .
    ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์และสมาชิกรัฐสภาหลายคนได้แสดงความกังวลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ว่า การที่นักลงทุนและรัฐบาลต่างชาติเข้าไปซื้อที่ดินในสหรัฐฯ ทำให้ราคาที่ดินทำการเกษตรพุ่งสูงขึ้น และถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017986
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในบันทึกข้อความเมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) สั่งการให้คณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ (Committee on Foreign Investment in the United States - CFIUS) จำกัดการลงทุนของจีนในภาคส่วนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว . เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่า บันทึกข้อความด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็มุ่งปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ จากภัยคุกคามอันเกิดจากรัฐที่ไม่เป็นมิตรอย่างเช่น จีน เป็นต้น . คำสั่งของ ทรัมป์ ระบุว่า จีน "ฉวยโอกาสจากเงินลงทุนและความช่างประดิษฐ์คิดค้นของสหรัฐฯ เพื่อเอาไปเป็นทุนสนับสนุนและยกระดับปฏิบัติการกองทัพ ข่าวกรอง และความมั่นคงของพวกเขาให้มีความทันสมัย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ" . ภายใต้คำสั่งนี้ สหรัฐฯ จะมีการตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ "เพื่อปิดกั้นการแสวงหาประโยชน์จากเงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ของเราโดยศัตรูต่างชาติ เช่น จีน และเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวอเมริกันเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาต" . เจ้าหน้าที่ผู้นี้ยังบอกด้วยว่า รัฐบาล ทรัมป์ กำลังพิจารณาขยายมาตรการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯในจีนเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เปราะบาง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ ควอนตัม เทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และอื่นๆ . ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้มีถ้อยแถลงตอบโต้ในวันเสาร์ (22) โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกนำเศรษฐกิจมาเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" และ "อาวุธ" พร้อมยืนยันว่าจีนจะเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะมีมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมเพื่อธำรงไว้ซึ่งสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของจีน . ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ คาดว่าจะยิ่งกระพือความตึงเครียดในด้านเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ ทรัมป์ สั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนเป็นมาตรการแรกๆ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเทอมสองเมื่อเดือน ม.ค. . CFIUS ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการลงทุนจากต่างชาติในสหรัฐฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคง พบว่ามูลค่าการลงทุนของจีนนั้นลดลงไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา . ข้อมูลจาก Rhodium Group พบว่า มูลค่าการลงทุนจากจีนต่อปีลดลงจากระดับ 46,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2016 เหลือไม่ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 . คำสั่งของ ทรัมป์ ยังมีการอ้างถึงองค์กรและบุคคลต่างชาติซึ่งเข้าไปถือครองที่ดินทำการเกษตรในสหรัฐฯ ประมาณ 43 ล้านเอเคอร์ หรือคิดเป็น 2% ของที่ดินทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นที่ดินซึ่งถือครองโดยจีนมากกว่า 350,000 เอเคอร์ใน 27 รัฐ . ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์และสมาชิกรัฐสภาหลายคนได้แสดงความกังวลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ว่า การที่นักลงทุนและรัฐบาลต่างชาติเข้าไปซื้อที่ดินในสหรัฐฯ ทำให้ราคาที่ดินทำการเกษตรพุ่งสูงขึ้น และถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017986 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2053 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่บริษัทเทคฯ ของอเมริกากำลังลดแรงงานด้านเทคโนโลยี ลุงเห็นว่าจีนต้องรีบฉวยโอกาสจ้างงานคนเหล่านี้เข้ามาเสริมความรู้ให้มากขึ้น แต่อเมริกาของลุงตั๊มป์จะขวางไหมนะ ??!!

    https://www.thairath.co.th/money/economics/global_economics/2842408
    ในขณะที่บริษัทเทคฯ ของอเมริกากำลังลดแรงงานด้านเทคโนโลยี ลุงเห็นว่าจีนต้องรีบฉวยโอกาสจ้างงานคนเหล่านี้เข้ามาเสริมความรู้ให้มากขึ้น แต่อเมริกาของลุงตั๊มป์จะขวางไหมนะ ??!! https://www.thairath.co.th/money/economics/global_economics/2842408
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    โลกบีบจีนไร้ทางเลือก ? สี จิ้นผิง เรียกพบแจ็ค หม่า และผู้บริหารบิ๊กเทค ระดมกำลังฟื้นเศรษฐกิจ
    สี จิ้นผิง เชิญ แจ็ค หม่า พร้อมผู้บริหารบิ๊กเทคจีนและผู้ประกอบการภาคเอกชนระดับแนวหน้าเข้าพบในการประชุมนัดพิเศษ ส่งสัญญาณนโยบายเชิงบวกต่อภาคเอกชน หันหัวเรือกลับมาสนับสนุนเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจสู้กำแพงภาษีสหรัฐฯ หลังจากมีการปราบปรามมาเป็นเวลานานกว่าสี่ปี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้ดูคลิปที่แชร์กันต่อเรื่องที่ต่างด้าวเข้ามาใช้สิทธิ์การรักษาฟรีในประเทศ รวมถึงมาเรียนฟรีด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้ นึกถึงตอนที่มีคนพม่า มาขอให้รับรองว่ามาเช่าอยู่ในพื้นที่ เพื่อที่จะทำใบรับรองในการเรียนกับ สกร.(กศน.เก่า) ในระดับอนุบาล( ระดับไม่มีความรู้ด้านภาษาไทยเลย) ทั้งๆที่ อายุของคนที่มาขอรับรองก็ประมาณ 40 กว่าๆ เมื่อโทรไปเช็คกับต้นสังกัด เพราะเอกสารที่ให้เซ็นเกี่ยวกับการรับรองรายได้ รวมถึงใบรับรองจากผู้ใหญ่บ้านด้วย
    จนในที่สุดทาง สกร.(กศน.เดิม) ตอบมาว่าเป็นแบบฟอร์มที่มาจากหน่วยงานจริง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้คิดต่อได้ว่า หากคนไทยต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศนอกจากจะต้องเสียค่าเล่าเรียนที่แสนแพงแล้ว การกระทำ student visa ก็ยังยากเย็นแสนเข็ญแต่ตอนนี้ทั้งต่างด้าวและต่างชาติฉวยโอกาส เข้ามาเรียนฟรีแถมยังเป็นใบการันตีในการอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย
    เคยโทรไปปรึกษากับผอ.สกร อำเภอ แต่ก็ได้คำตอบว่าไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นนโยบายมาจากส่วนกลาง เราก็ได้แต่เข้าใจและทำใจเพียงแต่ฝากผอ. ไปว่าถ้ามีโอกาสได้ชี้แจงหรือเสนอแนะประเด็นตรงนี้ขึ้นไปในระดับบน ก็จะได้ช่วยชี้ให้เห็นถึงช่องว่างช่องโหว่ เพราะคนไทยในปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียนแล้ว
    พี่ที่เคารพกันเคยเล่าให้ฟังว่าเคยได้ยินพวกไทยใหญ่อ้างบุญคุณว่าถ้าไม่มีพวกเขาโรงเรียนต่างๆที่เปิดก็จะเจ๊งเพราะพวกเขาทำให้โรงเรียนของพวกเราอยู่ได้ แหม…. ทำไมไม่มาพูดให้เราได้ยินนะจะตอบกลับกลับไปให้สวยๆเลยทีเดียว
    ได้ดูคลิปที่แชร์กันต่อเรื่องที่ต่างด้าวเข้ามาใช้สิทธิ์การรักษาฟรีในประเทศ รวมถึงมาเรียนฟรีด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้ นึกถึงตอนที่มีคนพม่า มาขอให้รับรองว่ามาเช่าอยู่ในพื้นที่ เพื่อที่จะทำใบรับรองในการเรียนกับ สกร.(กศน.เก่า) ในระดับอนุบาล( ระดับไม่มีความรู้ด้านภาษาไทยเลย) ทั้งๆที่ อายุของคนที่มาขอรับรองก็ประมาณ 40 กว่าๆ เมื่อโทรไปเช็คกับต้นสังกัด เพราะเอกสารที่ให้เซ็นเกี่ยวกับการรับรองรายได้ รวมถึงใบรับรองจากผู้ใหญ่บ้านด้วย จนในที่สุดทาง สกร.(กศน.เดิม) ตอบมาว่าเป็นแบบฟอร์มที่มาจากหน่วยงานจริง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้คิดต่อได้ว่า หากคนไทยต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศนอกจากจะต้องเสียค่าเล่าเรียนที่แสนแพงแล้ว การกระทำ student visa ก็ยังยากเย็นแสนเข็ญแต่ตอนนี้ทั้งต่างด้าวและต่างชาติฉวยโอกาส เข้ามาเรียนฟรีแถมยังเป็นใบการันตีในการอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย เคยโทรไปปรึกษากับผอ.สกร อำเภอ แต่ก็ได้คำตอบว่าไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นนโยบายมาจากส่วนกลาง เราก็ได้แต่เข้าใจและทำใจเพียงแต่ฝากผอ. ไปว่าถ้ามีโอกาสได้ชี้แจงหรือเสนอแนะประเด็นตรงนี้ขึ้นไปในระดับบน ก็จะได้ช่วยชี้ให้เห็นถึงช่องว่างช่องโหว่ เพราะคนไทยในปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียนแล้ว พี่ที่เคารพกันเคยเล่าให้ฟังว่าเคยได้ยินพวกไทยใหญ่อ้างบุญคุณว่าถ้าไม่มีพวกเขาโรงเรียนต่างๆที่เปิดก็จะเจ๊งเพราะพวกเขาทำให้โรงเรียนของพวกเราอยู่ได้ แหม…. ทำไมไม่มาพูดให้เราได้ยินนะจะตอบกลับกลับไปให้สวยๆเลยทีเดียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์

    ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก

    แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์ ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • 77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์”

    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี

    ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี
    ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน

    เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์...
    "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด

    เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี?
    "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน

    เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น

    หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492

    บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
    "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย

    ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้
    ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง

    คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก

    สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ
    สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

    1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง
    คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    2. สัจจะ (Satya) ความจริง
    เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ

    3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ
    คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา

    ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
    เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473
    คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด

    ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485
    คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก

    ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่

    มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก
    แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น

    ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา
    ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้
    ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต

    คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ
    การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก

    🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก
    🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย
    💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม

    77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568

    #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์” “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์... "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี? "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492 บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ 1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด 2. สัจจะ (Satya) ความจริง เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ 3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473 คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485 คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่ มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้ ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก 🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก 🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย 💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม 77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568 #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1431 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰

    ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก

    แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ

    'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา)

    ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม

    ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน

    อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก

    โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

    สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย

    ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰 ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ 'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา) ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้"
    .
    เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม
    .
    โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ
    .
    "ผมขอพูดให้ชัดเจนตรงนี้เลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาและตอนเช้าวันนี้ เราจับกุมบุคคลได้ 20 ราย กลุ่มคนที่เลือกเข้าไปในพื้นที่ของเรา และซ้ำเติมประชาชนผู้น่าสงสาร ที่เป็นห่วงทรัพย์สินของตนเองเป็นอย่างมาก" ลูน่ากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) "ครั้งที่เรามีคำสั่งอพยพ ตามกฎหมายแล้ว หากคุณยังอยู่ในพื้นที่ คุณก็จะมีความผิดลหุโทษอยู่แล้ว และหากคุณก่ออาชญากรรมบางอย่าง มันอาจถูกยกระดับกลายเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง"
    .
    "ลอสแองเจลิสอาจบังคับใช้เคอร์ฟิวหลัง 18.00 น. โดยอาจมีการกำหนดพื้นที่มีผลบังคับใช้อย่างเจาะจง แถวๆ บริเวณที่กำลังเผชิญไฟป่า 2 จุด" ลูนากล่าว พร้อมหวังว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในคืนวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) หรือไม่ก็วันศุกร์ (10 ม.ค.) ทั้งนี้ล่าสุดประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าวได้มีการบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    บาร์เกอร์ เน้นว่าเคอร์ฟิวไม่ได้เป็นการลงโทษพวกชาวบ้าน แต่เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในพื้นที่ และเผยว่าเคอร์ฟิวนั้นเป็นไปตามคำขอของสภาเมืองแอคตาเดนา
    .
    ลูนา เสริมว่า "ขณะนี้มีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการปกป้องทรัพย์สิน ป้องกันการโจรกรรม และการปล้นสะดมในพื้นที่ที่ประชาชนอพยพบังคับ หากมีผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุม"
    .
    กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าเขาเห็นชอบคำร้องของทางแอล.เอ.เคาน์ตี ที่ขอใช้งานบุคลากรจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ดึงกำลังพล 8,000 นาย มาร่วมทำงานกับพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและรัฐบาล ในความพยายามควบคุมสถานการณ์ "เราจะไม่อดทนกับการปล้นสะดม" นิวซัมกล่าว
    .
    ส่วน นาธาน ฮอชแมน อัยการทั่วไปของเขตแอล.แอ.เคาน์ตี ก็ประณามการปล้นสะดมเช่นกัน "ถ้าคุณอยากเดินหน้าปล้นสะดม ถ้าคุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งใหญ่ ถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับกลโกงทางอินเทอร์เน็ต ที่ฉวยโอกาสกับผู้คนที่กำลังร้องขอเคลมประกันหรือขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เมื่อนั้นคุณจะถูกจับกุม จะถูกดำเนินคดี และโดนลงโทษอย่างเต็มพิกัดภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย"
    .
    ในสถานการณ์ล่าสุดของเหตุไฟป่า มีรายงานว่าไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของลอสแองเจลิส มุ่งหน้าสู่ย่านต่างๆ ที่มันไม่เคยลุกลามไปถึงมาก่อนเลยในวันเสาร์ (11 ม.ค.) บีบให้ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่ และกัดเซาะความหวังว่ากำลังควบคุมภัยพิบัตินี้ได้แล้ว
    .
    จนถึงตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่อย่างน้อย 11 ราย ในเหตุไฟป่าลุกลามหลายจุด เผาผลาญไปทั่วพื้นที่ชุมชน ทำลายล้างชุมชนต่างๆ ในสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้คำจำกัดความว่าราวกับ "ฉากแห่งสงคราม"
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าสามารถควบคุมไฟป่าที่เรียกว่าปาลิซาเดส ได้ 11% ในวันเสาร์ (11 ม.ค.) แต่มันกำลงลุกลามไปทางทิศตะวันตก หลังจากทำลายล้างพื้นที่ไปแล้วกว่า 22,600 เอเคอร์ (ราว 57,000 ไร่) ส่วนไฟป่าที่มีชื่อว่าอีตัน ทำลายล้างพื้นที่ไปกว่า 14,000 เอเคอร์ (ราว 35,000 ไร่) และควบคุมได้แล้ว 15%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003319
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา . แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้" . เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม . โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ . "ผมขอพูดให้ชัดเจนตรงนี้เลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาและตอนเช้าวันนี้ เราจับกุมบุคคลได้ 20 ราย กลุ่มคนที่เลือกเข้าไปในพื้นที่ของเรา และซ้ำเติมประชาชนผู้น่าสงสาร ที่เป็นห่วงทรัพย์สินของตนเองเป็นอย่างมาก" ลูน่ากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) "ครั้งที่เรามีคำสั่งอพยพ ตามกฎหมายแล้ว หากคุณยังอยู่ในพื้นที่ คุณก็จะมีความผิดลหุโทษอยู่แล้ว และหากคุณก่ออาชญากรรมบางอย่าง มันอาจถูกยกระดับกลายเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง" . "ลอสแองเจลิสอาจบังคับใช้เคอร์ฟิวหลัง 18.00 น. โดยอาจมีการกำหนดพื้นที่มีผลบังคับใช้อย่างเจาะจง แถวๆ บริเวณที่กำลังเผชิญไฟป่า 2 จุด" ลูนากล่าว พร้อมหวังว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในคืนวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) หรือไม่ก็วันศุกร์ (10 ม.ค.) ทั้งนี้ล่าสุดประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าวได้มีการบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . บาร์เกอร์ เน้นว่าเคอร์ฟิวไม่ได้เป็นการลงโทษพวกชาวบ้าน แต่เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในพื้นที่ และเผยว่าเคอร์ฟิวนั้นเป็นไปตามคำขอของสภาเมืองแอคตาเดนา . ลูนา เสริมว่า "ขณะนี้มีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการปกป้องทรัพย์สิน ป้องกันการโจรกรรม และการปล้นสะดมในพื้นที่ที่ประชาชนอพยพบังคับ หากมีผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุม" . กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าเขาเห็นชอบคำร้องของทางแอล.เอ.เคาน์ตี ที่ขอใช้งานบุคลากรจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ดึงกำลังพล 8,000 นาย มาร่วมทำงานกับพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและรัฐบาล ในความพยายามควบคุมสถานการณ์ "เราจะไม่อดทนกับการปล้นสะดม" นิวซัมกล่าว . ส่วน นาธาน ฮอชแมน อัยการทั่วไปของเขตแอล.แอ.เคาน์ตี ก็ประณามการปล้นสะดมเช่นกัน "ถ้าคุณอยากเดินหน้าปล้นสะดม ถ้าคุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งใหญ่ ถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับกลโกงทางอินเทอร์เน็ต ที่ฉวยโอกาสกับผู้คนที่กำลังร้องขอเคลมประกันหรือขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เมื่อนั้นคุณจะถูกจับกุม จะถูกดำเนินคดี และโดนลงโทษอย่างเต็มพิกัดภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย" . ในสถานการณ์ล่าสุดของเหตุไฟป่า มีรายงานว่าไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของลอสแองเจลิส มุ่งหน้าสู่ย่านต่างๆ ที่มันไม่เคยลุกลามไปถึงมาก่อนเลยในวันเสาร์ (11 ม.ค.) บีบให้ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่ และกัดเซาะความหวังว่ากำลังควบคุมภัยพิบัตินี้ได้แล้ว . จนถึงตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่อย่างน้อย 11 ราย ในเหตุไฟป่าลุกลามหลายจุด เผาผลาญไปทั่วพื้นที่ชุมชน ทำลายล้างชุมชนต่างๆ ในสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้คำจำกัดความว่าราวกับ "ฉากแห่งสงคราม" . เจ้าหน้าที่เผยว่าสามารถควบคุมไฟป่าที่เรียกว่าปาลิซาเดส ได้ 11% ในวันเสาร์ (11 ม.ค.) แต่มันกำลงลุกลามไปทางทิศตะวันตก หลังจากทำลายล้างพื้นที่ไปแล้วกว่า 22,600 เอเคอร์ (ราว 57,000 ไร่) ส่วนไฟป่าที่มีชื่อว่าอีตัน ทำลายล้างพื้นที่ไปกว่า 14,000 เอเคอร์ (ราว 35,000 ไร่) และควบคุมได้แล้ว 15% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003319 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1338 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลงดนตรีฉินโบราณ กว่างหลิงส่าน

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> น่าจะจำได้ว่าตระกูลเยียนถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและ เซี่ยเวยได้บรรเลงพิณกู่ฉินส่งอำลาเยียนโหวและเยียนหลิงสองครั้ง ชื่อของเพลงพิณนี้คือ ‘กว่างหลิงส่าน’ (广陵散 / เพลงกว่างหลิน)

    มีคนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเพลงนี้พอสมควร และเพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับมันแล้ว (แต่อาจเจอหลายเวอร์ชั่นที่แตกต่าง) Storyฯ เชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านที่ไม่เข้าใจถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในเพลงนี้ เพื่อให้ได้อรรถรสในการดูมากขึ้น วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพลงพิณเพลงนี้กัน

    เพลงกว่างหลิงส่านถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดเพลงพิณโบราณของจีน เป็นหนึ่งในเพลงพิณที่มีความยาวและความซับซ้อนมากที่สุด มีทั้งหมดสี่สิบห้าท่อนด้วยกัน จึงมีความหลากหลายของท่วงทำนองและความซับซ้อนในการบรรเลง เพื่อนเพจสามารถค้นหาบนเน็ตก็จะพบหลายเวอร์ชั่นที่นักดนตรีชั้นครูหลายท่านบรรเลงไว้ แต่ทั้งหมดจะเป็นการยกบางท่อนมาเล่นเพราะเพลงเต็มนั้นยาวเกินไป

    เอกสารเกี่ยวกับโน้ตเพลงกว่างหลิงส่านนี้ปรากฏครั้งแรกในตำราดนตรีสมัยหมิงที่ชื่อว่าตำราเสินฉีมี่ผู่ (神奇秘谱) เรียกว่า ‘โน้ต’ อาจทำให้นึกภาพผิด เพราะสมัยโบราณไม่ได้เขียนโน้ตด้วยสัญลักษณ์แบบปัจจุบัน แต่เป็นการเขียนอธิบายรายละเอียดในลักษณะการบรรยาย จึงมีหน้าตาเป็นเหมือนหนังสือตำรา ในสมุดบันทึกดังกล่าวมีคำหมายเหตุที่เอ่ยถึงหลายชื่อบุคคลและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในสมัยจ้านกั๋ว จึงถูกมองว่าเป็นเพลงเดียวกับเพลงโบราณ ‘เนี่ยเจิ้งชึหานกุยฉวี่’ (聂政刺韩傀曲 /เพลงเนี่ยเจิ้งลอบสังหารหานกุย) ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวของเนี่ยเจิ้ง หนึ่งในมือสังหารที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

    เรื่องราวของเนี่ยเจิ้งมีสองเวอร์ชั่นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร Storyฯ สรุปใจความหลักมาให้ฟัง... เนี่ยเจิ้งผู้นี้เป็นคนมีฝีมือดีใจกล้ามีคุณธรรม เขาพาแม่และพี่สาวหลบไปซ่อนตัวอยู่ในชนบทตั้งแต่สมัยหนุ่ม เวอร์ชั่นแรก บอกว่าเขาเป็นลูกขุนนางที่ถูกอ๋องแห่งแคว้นหานฆ่าตายเลยต้องหนี ต่อมาฝึกเพลงพิณจนชำนาญและเข้าวังไปเป็นนักดนตรี ฉวยโอกาสงานรื่นเริงลอบสังหารอ๋องแห่งแคว้นหานสำเร็จ

    เวอร์ชั่นที่สองซึ่งสอดคล้องกับชื่อเพลงมากกว่านั้น เล่าว่าเขาช่วยคนอื่นแล้วพลั้งมือฆ่าคนตายเลยต้องหนีไปซ่อนตัว ต่อมาเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณเหยียนซุ่ยที่ดูแลแม่ของตนจึงรับงานสังหาร ซึ่งเหยียนซุ่ยคือขุนนางของแคว้นหานที่มีความแค้นกับหานกุย อัครเสนาบดีแคว้นหานที่ขึ้นชื่อว่าใช้อำนาจรังแกคนมากมายและเป็นอาของอ๋องแห่งแคว้นหาน เหยียนซุ่ยกลัวว่าจะถูกหานกุยกำจัดทิ้งเลยจะชิงลงมือก่อน ในเวอร์ชั่นนี้เนี่ยเจิ้งบุกเข้าไปฆ่าหานกุยสำเร็จตามลำพัง

    แต่ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน สิ่งที่พ้องกันคือ หลังจากสังหารอีกฝ่ายเสร็จแล้ว เนี่ยเจิ้งทำลายโฉมลอกหนังหน้าและควักลูกตาของตนออกมา ตายในที่เกิดเหตุโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ทางการป่าวประกาศหาคนมาให้เบาะแส จวบจนพี่สาวของเขามาตามหาและโศกเศร้าจนกอดศพตายไปจึงรู้ว่าที่แท้มือสังหารคนนี้คือเนี่ยเจิ้ง และเรื่องราวถูกเล่าต่อกันถึงความกล้าหาญของเขา และความกตัญญูยอมทำลายโฉมตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัว ต่อมากลายมาเป็นเรื่องราวที่แฝงไว้ซึ่งคำสอนว่าผู้ที่ปกครองบ้านเมืองควรมีคุณธรรม

    ชื่อเพลงแปรเปลี่ยนเป็นกว่างหลิงส่านตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่ชนรุ่นหลังรู้จักชื่อ ‘ก่วงหลิงส่าน’ นี้เพราะจีคัง เขาคือนักปรัชญา นักเขียนและนักดนตรีชื่อดังในสมัยเว่ยจิ้นแห่งราชวงศ์เหนือใต้ ได้รับการเชิญให้เข้ารับราชการหลายครั้งแต่ก็ปฏิเสธเรื่อยมา เขาเป็นคนตรงและกล้าพูด ยอมหักไม่ยอมงอ ในสมัยที่สองพี่น้องสกุลซือหม่า (ซือหม่าซือและซือหม่าจาว) กุมอำนาจทางการเมือง เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การปกครองของรัฐบาลอย่างเปิดเผยและรุนแรง ต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่เขาต่อต้านทางการเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของสหายสนิท สุดท้ายถูกจับกุมและประหารชีวิตเมื่อตอนอายุสี่สิบปี ก่อนตายเขาบรรเลงเพลงพิณกว่างหลิงส่านนี้

    ตำนานเกี่ยวกับเพลงกว่างหลิงส่านและจีคังมีหลายเวอร์ชั่นเช่นกัน บ้างว่าเพลงนี้เขาได้รับการสอนจากเซียน บ้างว่าได้มาจากวิญญาณ โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามสอนต่อ บ้างว่าได้รับการสอนมาจากครอบครัวตระกูลตู้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิณแต่ต่อมาไร้ผู้สืบทอด บ้างว่าเขาประพันธ์ขึ้นเอง แต่ที่เล่ากันต่อมาเป็นเสียงเดียวกันคือ จีคังบรรเลงเพลงนี้ได้ไพเราะจับใจ

    เนื่องจากเพลงกว่างหลิงส่านมีหลายท่อนหลายท่วงทำนอง จึงให้ความรู้สึกตามจินตนาการที่หลากหลาย เช่น ภาพม้าศึกออกรบ ความรู้สึกฮึกเหิม แรงต่อต้าน และมีบางช่วงทอดเสียงอ้อยอิ่งคล้ายเศร้าแต่ก็ให้ความหวัง มีคนตีความว่าเป็นบทเพลงที่เกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองเนื่องจากโน้ตเพลงเน้นการใช้สายพิณเส้นที่หนึ่ง สอง และสาม ซึ่งหมายถึง ‘กง’ หรือราชัน ‘ซาง’ หรือข้าราชสำนัก และ ‘เจวี๋ย’ หรือประชาชน ตามลำดับ (หมายเหตุ อ่านย้อนเกี่ยวกับความหมายของสายพิณกู่ฉินได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837) และเพลงนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการยึดมั่นในความถูกต้อง

    Storyฯ คิดว่าการใช้เพลงกว่างหลิงส่านมาเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> สะท้อนได้ดีถึงความรู้สึกของตัวละครหลายคนโดยเฉพาะตระกูลเยียนที่ยึดมั่นในคุณธรรมและความถูกต้อง และไม่หวั่นเกรงต่อความลำบากหรือผลร้ายที่จะตามมา เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้แล้ว คิดเห็นเป็นอย่างไรคะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://big5.huaxia.com/c/2023/11/09/1824224.shtml
    https://catalog.digitalarchives.tw/item/00/07/db/5a.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.guoxue.com/?p=6176
    https://baike.baidu.com/item/聂政
    https://baike.baidu.com/item/聂政刺韩傀/6263080
    https://baike.baidu.com/item/广陵散/234828
    https://baike.baidu.com/item/嵇康/151928
    https://www.sohu.com/a/214683627_718263
    https://m.cyol.com/gb/articles/2022-05/11/content_BN2qBSlY7.html

    #เล่ห์รักวังคุนหนิง #กว่างหลิงส่าน #ตำราเพลงกู่ฉิน #พิณโบราณ #เนี่ยเจิ้ง #จีคัง
    เพลงดนตรีฉินโบราณ กว่างหลิงส่าน สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> น่าจะจำได้ว่าตระกูลเยียนถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและ เซี่ยเวยได้บรรเลงพิณกู่ฉินส่งอำลาเยียนโหวและเยียนหลิงสองครั้ง ชื่อของเพลงพิณนี้คือ ‘กว่างหลิงส่าน’ (广陵散 / เพลงกว่างหลิน) มีคนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเพลงนี้พอสมควร และเพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับมันแล้ว (แต่อาจเจอหลายเวอร์ชั่นที่แตกต่าง) Storyฯ เชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านที่ไม่เข้าใจถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในเพลงนี้ เพื่อให้ได้อรรถรสในการดูมากขึ้น วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพลงพิณเพลงนี้กัน เพลงกว่างหลิงส่านถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดเพลงพิณโบราณของจีน เป็นหนึ่งในเพลงพิณที่มีความยาวและความซับซ้อนมากที่สุด มีทั้งหมดสี่สิบห้าท่อนด้วยกัน จึงมีความหลากหลายของท่วงทำนองและความซับซ้อนในการบรรเลง เพื่อนเพจสามารถค้นหาบนเน็ตก็จะพบหลายเวอร์ชั่นที่นักดนตรีชั้นครูหลายท่านบรรเลงไว้ แต่ทั้งหมดจะเป็นการยกบางท่อนมาเล่นเพราะเพลงเต็มนั้นยาวเกินไป เอกสารเกี่ยวกับโน้ตเพลงกว่างหลิงส่านนี้ปรากฏครั้งแรกในตำราดนตรีสมัยหมิงที่ชื่อว่าตำราเสินฉีมี่ผู่ (神奇秘谱) เรียกว่า ‘โน้ต’ อาจทำให้นึกภาพผิด เพราะสมัยโบราณไม่ได้เขียนโน้ตด้วยสัญลักษณ์แบบปัจจุบัน แต่เป็นการเขียนอธิบายรายละเอียดในลักษณะการบรรยาย จึงมีหน้าตาเป็นเหมือนหนังสือตำรา ในสมุดบันทึกดังกล่าวมีคำหมายเหตุที่เอ่ยถึงหลายชื่อบุคคลและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในสมัยจ้านกั๋ว จึงถูกมองว่าเป็นเพลงเดียวกับเพลงโบราณ ‘เนี่ยเจิ้งชึหานกุยฉวี่’ (聂政刺韩傀曲 /เพลงเนี่ยเจิ้งลอบสังหารหานกุย) ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวของเนี่ยเจิ้ง หนึ่งในมือสังหารที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เรื่องราวของเนี่ยเจิ้งมีสองเวอร์ชั่นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร Storyฯ สรุปใจความหลักมาให้ฟัง... เนี่ยเจิ้งผู้นี้เป็นคนมีฝีมือดีใจกล้ามีคุณธรรม เขาพาแม่และพี่สาวหลบไปซ่อนตัวอยู่ในชนบทตั้งแต่สมัยหนุ่ม เวอร์ชั่นแรก บอกว่าเขาเป็นลูกขุนนางที่ถูกอ๋องแห่งแคว้นหานฆ่าตายเลยต้องหนี ต่อมาฝึกเพลงพิณจนชำนาญและเข้าวังไปเป็นนักดนตรี ฉวยโอกาสงานรื่นเริงลอบสังหารอ๋องแห่งแคว้นหานสำเร็จ เวอร์ชั่นที่สองซึ่งสอดคล้องกับชื่อเพลงมากกว่านั้น เล่าว่าเขาช่วยคนอื่นแล้วพลั้งมือฆ่าคนตายเลยต้องหนีไปซ่อนตัว ต่อมาเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณเหยียนซุ่ยที่ดูแลแม่ของตนจึงรับงานสังหาร ซึ่งเหยียนซุ่ยคือขุนนางของแคว้นหานที่มีความแค้นกับหานกุย อัครเสนาบดีแคว้นหานที่ขึ้นชื่อว่าใช้อำนาจรังแกคนมากมายและเป็นอาของอ๋องแห่งแคว้นหาน เหยียนซุ่ยกลัวว่าจะถูกหานกุยกำจัดทิ้งเลยจะชิงลงมือก่อน ในเวอร์ชั่นนี้เนี่ยเจิ้งบุกเข้าไปฆ่าหานกุยสำเร็จตามลำพัง แต่ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน สิ่งที่พ้องกันคือ หลังจากสังหารอีกฝ่ายเสร็จแล้ว เนี่ยเจิ้งทำลายโฉมลอกหนังหน้าและควักลูกตาของตนออกมา ตายในที่เกิดเหตุโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ทางการป่าวประกาศหาคนมาให้เบาะแส จวบจนพี่สาวของเขามาตามหาและโศกเศร้าจนกอดศพตายไปจึงรู้ว่าที่แท้มือสังหารคนนี้คือเนี่ยเจิ้ง และเรื่องราวถูกเล่าต่อกันถึงความกล้าหาญของเขา และความกตัญญูยอมทำลายโฉมตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัว ต่อมากลายมาเป็นเรื่องราวที่แฝงไว้ซึ่งคำสอนว่าผู้ที่ปกครองบ้านเมืองควรมีคุณธรรม ชื่อเพลงแปรเปลี่ยนเป็นกว่างหลิงส่านตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่ชนรุ่นหลังรู้จักชื่อ ‘ก่วงหลิงส่าน’ นี้เพราะจีคัง เขาคือนักปรัชญา นักเขียนและนักดนตรีชื่อดังในสมัยเว่ยจิ้นแห่งราชวงศ์เหนือใต้ ได้รับการเชิญให้เข้ารับราชการหลายครั้งแต่ก็ปฏิเสธเรื่อยมา เขาเป็นคนตรงและกล้าพูด ยอมหักไม่ยอมงอ ในสมัยที่สองพี่น้องสกุลซือหม่า (ซือหม่าซือและซือหม่าจาว) กุมอำนาจทางการเมือง เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การปกครองของรัฐบาลอย่างเปิดเผยและรุนแรง ต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่เขาต่อต้านทางการเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของสหายสนิท สุดท้ายถูกจับกุมและประหารชีวิตเมื่อตอนอายุสี่สิบปี ก่อนตายเขาบรรเลงเพลงพิณกว่างหลิงส่านนี้ ตำนานเกี่ยวกับเพลงกว่างหลิงส่านและจีคังมีหลายเวอร์ชั่นเช่นกัน บ้างว่าเพลงนี้เขาได้รับการสอนจากเซียน บ้างว่าได้มาจากวิญญาณ โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามสอนต่อ บ้างว่าได้รับการสอนมาจากครอบครัวตระกูลตู้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิณแต่ต่อมาไร้ผู้สืบทอด บ้างว่าเขาประพันธ์ขึ้นเอง แต่ที่เล่ากันต่อมาเป็นเสียงเดียวกันคือ จีคังบรรเลงเพลงนี้ได้ไพเราะจับใจ เนื่องจากเพลงกว่างหลิงส่านมีหลายท่อนหลายท่วงทำนอง จึงให้ความรู้สึกตามจินตนาการที่หลากหลาย เช่น ภาพม้าศึกออกรบ ความรู้สึกฮึกเหิม แรงต่อต้าน และมีบางช่วงทอดเสียงอ้อยอิ่งคล้ายเศร้าแต่ก็ให้ความหวัง มีคนตีความว่าเป็นบทเพลงที่เกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองเนื่องจากโน้ตเพลงเน้นการใช้สายพิณเส้นที่หนึ่ง สอง และสาม ซึ่งหมายถึง ‘กง’ หรือราชัน ‘ซาง’ หรือข้าราชสำนัก และ ‘เจวี๋ย’ หรือประชาชน ตามลำดับ (หมายเหตุ อ่านย้อนเกี่ยวกับความหมายของสายพิณกู่ฉินได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837) และเพลงนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการยึดมั่นในความถูกต้อง Storyฯ คิดว่าการใช้เพลงกว่างหลิงส่านมาเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> สะท้อนได้ดีถึงความรู้สึกของตัวละครหลายคนโดยเฉพาะตระกูลเยียนที่ยึดมั่นในคุณธรรมและความถูกต้อง และไม่หวั่นเกรงต่อความลำบากหรือผลร้ายที่จะตามมา เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้แล้ว คิดเห็นเป็นอย่างไรคะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://big5.huaxia.com/c/2023/11/09/1824224.shtml https://catalog.digitalarchives.tw/item/00/07/db/5a.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.guoxue.com/?p=6176 https://baike.baidu.com/item/聂政 https://baike.baidu.com/item/聂政刺韩傀/6263080 https://baike.baidu.com/item/广陵散/234828 https://baike.baidu.com/item/嵇康/151928 https://www.sohu.com/a/214683627_718263 https://m.cyol.com/gb/articles/2022-05/11/content_BN2qBSlY7.html #เล่ห์รักวังคุนหนิง #กว่างหลิงส่าน #ตำราเพลงกู่ฉิน #พิณโบราณ #เนี่ยเจิ้ง #จีคัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1087 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘กระดูกงดงาม’ จากวรรณกรรมโบราณ

    สวัสดีค่ะ วันนี้ Storyฯ มาเก็บตกเกร็ดหนึ่งจากนิยาย/ซีรีส์เรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยายต้นฉบับหรือดูซีรีส์น่าจะจำได้ว่า มีหลายฉากที่เกริ่นถึงว่าพระเอกในภาคอดีตคือคนที่มีกระดูกงดงาม

    ...“กระดูกงดงาม คือความดีงามที่ฝังถึงเนื้อใน ผู้ที่มีกระดูกจะไม่มีผิวหนัง ผู้ที่มีผิวหนังจะไม่มีกระดูก”
    ...“คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก”
    - จาก <ทุกชาติภพ กระดูงดงาม> ผู้แต่ง ม่อเป่าเฟยเป่า และ ผู้แปล เสี่ยวหวา

    ประโยคแรกเป็นคำประพันธ์ของคุณม่อเป่าเฟยเป่า แต่ประโยคหลังยกมาจากบทประพันธ์โบราณซึ่งในนิยายกล่าวถึงว่าชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น)

    ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ เป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1627 มันเป็นบทประพันธ์รวบรวมเรื่องสั้นจากยุคสมัยก่อน แต่งขึ้นในลักษณะนักเขียนเล่าและชวนนักอ่านคุย (นึกภาพเหมือนฟังคนเล่านิทานในซีรีส์จีนที่พูดเองเออเองแต่เหมือนกับคุยกับคนฟังอยู่) โดยเนื้อหาของเรื่องสั้นเหล่านี้สอดแทรกคติธรรมสอนใจ และประโยคที่ว่า “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” (世人眼孔浅的多,只有皮相,没有骨相) นี้ปรากฏอยู่ในบทแรกที่มีชื่อว่า ‘สองนายอำเภอถกเรื่องการแต่งงานของสตรีกำพร้า’ (两县令竞义婚孤女)

    สตรีกำพร้าที่กล่าวถึงคือเยวี่ยเซียงผู้กำพร้าแม่แต่เด็ก พ่อคือสือปี้เป็นนายอำเภอ ต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้คลังหลวง ซึ่งตามกฎหมายแล้วนายอำเภอต้องถูกปลดจากตำแหน่งและต้องนำเงินส่วนตัวมาชดเชยค่าเสียหาย แต่สือปี้เป็นขุนนางตงฉินฐานะไม่ดี ไม่มีปัญญาหาเงินมาชดใช้ เครียดจนล้มป่วยตายไป เยวี่ยเซียงและแม่นมจึงถูกทางการขายในฐานะครอบครัวของนักโทษทางการเพื่อเอาเงินมาชดใช้แทน ยังดีที่มีพ่อค้านามว่าเจี่ยชางที่เคยได้รับการช่วยชีวิตจากสือปี้มาซื้อตัวทั้งสองคนกลับไป เขารับเยวี่ยเซียงเป็นลูกบุญธรรมและให้ทุกคนดูแลนางดียิ่ง ทำให้ภรรยาของเจี่ยชางอิจฉาและแอบกดขี่ข่มเหงเยวี่ยเซียงในเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน แต่ไม่ว่านางจะกลั่นแกล้งอย่างไรเยวี่ยเซียงก็ทนและไม่เคยคิดแค้นเคืองเพราะสำนึกในบุญคุณของเจี่ยชาง ต่อมาภรรยาของเจี่ยชางฉวยโอกาสที่เจี่ยชางเดินทางไปค้าขายต่างเมืองจัดการขายเยวี่ยเซียงและแม่นมไป

    เป็นโชคดีครั้งที่สองที่เยวี่ยเซียงถูกครอบครัวของนายอำเภอคนใหม่ซื้อไปเพื่อจะให้ไปเป็นสาวใช้ที่ติดตามบุตรีของตนตอนออกเรือน ซึ่งบ้านพักของนายอำเภอจงหลีก็คือบ้านเดิมที่เยวี่ยเซียงเคยอยู่เมื่อครั้งที่พ่อของนางเป็นนายอำเภอ และต่อมานายอำเภอจงหลีทราบเรื่องราวของนางก็เห็นใจรับนางเป็นลูกบุญธรรม เขาเขียนจดหมายไปหานายอำเภอเกาซึ่งเป็นนายอำเภอของอีกอำเภอหนึ่งว่าอยากจะชะลอเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวตนและลูกชายคนโตของนายอำเภอเกาไว้ เพราะอยากจัดการให้เยวี่ยเซียงเป็นฝั่งเป็นฝาไปก่อน คุยไปคุยมานายอำเภอเกาจึงให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับลูกสาวของนายอำเภอจงหลี และให้ลูกชายคนรองแต่งงานกับเยวี่ยเซียง จบแบบสุขนิยมอารมณ์คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ และเป็นที่มาของชื่อนิทานเรื่องนี้

    แต่จริงๆ แล้วในบทนี้แบ่งเป็นนิทานสองเรื่อง โดยเรื่องของเยวี่ยเซียงนี้เป็นเรื่องที่สองและเป็นเรื่องหลัก แต่มันถูกเกริ่นนำด้วยนิทานเรื่องแรกซึ่งเป็นเรื่องของชายผู้มีนามว่าหวางเฟิ่งและลูกสาวหลานสาว และประโยค “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” ปรากฏอยู่ในนิทานเรื่องแรกนี้

    ในเรื่องของหวางเฟิ่งนี้ เล่าถึงว่าพี่ชายของเขาก่อนสิ้นใจได้ฝากฝังลูกสาวคนเดียวที่กำพร้าแม่แต่เด็กให้หวางเฟิ่งช่วยดูแล พอได้อายุแต่งงานก็ให้แต่งไปตระกูลพานที่หมั้นหมายกันไว้แต่เด็ก โดยฝากเงินสินสอดทองหมั้นของลูกสาวเอาไว้ด้วย หวางเฟิ่งก็รับหลานสาวคือฉยงอิงไปเลี้ยงดูอย่างดีคู่กับลูกสาวคือฉยงเจิน อยู่มาวันหนึ่งคุณชายตระกูลพานคือพานหัวเดินทางมาเยี่ยมเยียนพร้อมกันกับเซียวหย่าซึ่งหมั้นหมายไว้แต่เด็กกับฉยงเจิน พานหัวหล่อเหลาร่ำรวย แต่เซียวหย่าฐานะยากจนและหน้าตาอัปลักษณ์ หวางเฟิ่งนั่งคิดนอนคิดก็ตัดสินใจสลับตัวเจ้าสาว ให้ฉยงเจินลูกสาวของตนแต่งไปกับพานหัว อีกทั้งยึดเอาสินสอดของฉยงอิงไปด้วย และให้ฉยงอิงแต่งงานกับเซียวหย่า

    พานหัวร่ำรวยแต่เละเทะไม่เอาการเอางาน ไม่ถึงสิบปีก็ผลาญทรัพย์สินของตระกูลจนหมด ไม่รู้จะเอาอะไรกินก็เลยจะพาเมียไปรับงานเป็นคนใช้ในบ้านคนอื่น หวางเฟิ่งรู้ข่าวจึงไปรับลูกสาวตนเองกลับมาและขับไล่พานหัวไป ส่วนเซียวหย่านั้น เอาการเอางาน สอบได้เป็นราชบัณฑิต ต่อมาไต่เต้าเป็นถึงเสนาบดีและฉยงอิงได้เป็นฟูเหรินขั้นที่หนึ่ง

    “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” จึงเป็นการกล่าวถึงหวางเฟิ่งเพื่อเป็นคติสอนใจให้มองคนที่เนื้อใน ส่วนเรื่องของเยวี่ยเซียงเป็นการเล่ากลับมุมเพื่อเป็นคติสอนใจให้ดำรงตนเป็นคนที่ดีจากเนื้อในนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/489109778_100127948
    https://www.bella.tw/articles/movies&culture/31188
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/醒世恒言/768435
    https://baike.baidu.com/item/两县令竞义婚孤女/7878655
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=66907&remap=gb
    https://www.toutiao.com/article/7102754854845727236/

    #ทุกชาติภพ #กระดูกงดงาม #เฝิงเมิ่งหลง #วรรณกรรมจีนโบราณ
    ‘กระดูกงดงาม’ จากวรรณกรรมโบราณ สวัสดีค่ะ วันนี้ Storyฯ มาเก็บตกเกร็ดหนึ่งจากนิยาย/ซีรีส์เรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยายต้นฉบับหรือดูซีรีส์น่าจะจำได้ว่า มีหลายฉากที่เกริ่นถึงว่าพระเอกในภาคอดีตคือคนที่มีกระดูกงดงาม ...“กระดูกงดงาม คือความดีงามที่ฝังถึงเนื้อใน ผู้ที่มีกระดูกจะไม่มีผิวหนัง ผู้ที่มีผิวหนังจะไม่มีกระดูก” ...“คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” - จาก <ทุกชาติภพ กระดูงดงาม> ผู้แต่ง ม่อเป่าเฟยเป่า และ ผู้แปล เสี่ยวหวา ประโยคแรกเป็นคำประพันธ์ของคุณม่อเป่าเฟยเป่า แต่ประโยคหลังยกมาจากบทประพันธ์โบราณซึ่งในนิยายกล่าวถึงว่าชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น) ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ เป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1627 มันเป็นบทประพันธ์รวบรวมเรื่องสั้นจากยุคสมัยก่อน แต่งขึ้นในลักษณะนักเขียนเล่าและชวนนักอ่านคุย (นึกภาพเหมือนฟังคนเล่านิทานในซีรีส์จีนที่พูดเองเออเองแต่เหมือนกับคุยกับคนฟังอยู่) โดยเนื้อหาของเรื่องสั้นเหล่านี้สอดแทรกคติธรรมสอนใจ และประโยคที่ว่า “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” (世人眼孔浅的多,只有皮相,没有骨相) นี้ปรากฏอยู่ในบทแรกที่มีชื่อว่า ‘สองนายอำเภอถกเรื่องการแต่งงานของสตรีกำพร้า’ (两县令竞义婚孤女) สตรีกำพร้าที่กล่าวถึงคือเยวี่ยเซียงผู้กำพร้าแม่แต่เด็ก พ่อคือสือปี้เป็นนายอำเภอ ต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้คลังหลวง ซึ่งตามกฎหมายแล้วนายอำเภอต้องถูกปลดจากตำแหน่งและต้องนำเงินส่วนตัวมาชดเชยค่าเสียหาย แต่สือปี้เป็นขุนนางตงฉินฐานะไม่ดี ไม่มีปัญญาหาเงินมาชดใช้ เครียดจนล้มป่วยตายไป เยวี่ยเซียงและแม่นมจึงถูกทางการขายในฐานะครอบครัวของนักโทษทางการเพื่อเอาเงินมาชดใช้แทน ยังดีที่มีพ่อค้านามว่าเจี่ยชางที่เคยได้รับการช่วยชีวิตจากสือปี้มาซื้อตัวทั้งสองคนกลับไป เขารับเยวี่ยเซียงเป็นลูกบุญธรรมและให้ทุกคนดูแลนางดียิ่ง ทำให้ภรรยาของเจี่ยชางอิจฉาและแอบกดขี่ข่มเหงเยวี่ยเซียงในเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน แต่ไม่ว่านางจะกลั่นแกล้งอย่างไรเยวี่ยเซียงก็ทนและไม่เคยคิดแค้นเคืองเพราะสำนึกในบุญคุณของเจี่ยชาง ต่อมาภรรยาของเจี่ยชางฉวยโอกาสที่เจี่ยชางเดินทางไปค้าขายต่างเมืองจัดการขายเยวี่ยเซียงและแม่นมไป เป็นโชคดีครั้งที่สองที่เยวี่ยเซียงถูกครอบครัวของนายอำเภอคนใหม่ซื้อไปเพื่อจะให้ไปเป็นสาวใช้ที่ติดตามบุตรีของตนตอนออกเรือน ซึ่งบ้านพักของนายอำเภอจงหลีก็คือบ้านเดิมที่เยวี่ยเซียงเคยอยู่เมื่อครั้งที่พ่อของนางเป็นนายอำเภอ และต่อมานายอำเภอจงหลีทราบเรื่องราวของนางก็เห็นใจรับนางเป็นลูกบุญธรรม เขาเขียนจดหมายไปหานายอำเภอเกาซึ่งเป็นนายอำเภอของอีกอำเภอหนึ่งว่าอยากจะชะลอเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวตนและลูกชายคนโตของนายอำเภอเกาไว้ เพราะอยากจัดการให้เยวี่ยเซียงเป็นฝั่งเป็นฝาไปก่อน คุยไปคุยมานายอำเภอเกาจึงให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับลูกสาวของนายอำเภอจงหลี และให้ลูกชายคนรองแต่งงานกับเยวี่ยเซียง จบแบบสุขนิยมอารมณ์คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ และเป็นที่มาของชื่อนิทานเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วในบทนี้แบ่งเป็นนิทานสองเรื่อง โดยเรื่องของเยวี่ยเซียงนี้เป็นเรื่องที่สองและเป็นเรื่องหลัก แต่มันถูกเกริ่นนำด้วยนิทานเรื่องแรกซึ่งเป็นเรื่องของชายผู้มีนามว่าหวางเฟิ่งและลูกสาวหลานสาว และประโยค “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” ปรากฏอยู่ในนิทานเรื่องแรกนี้ ในเรื่องของหวางเฟิ่งนี้ เล่าถึงว่าพี่ชายของเขาก่อนสิ้นใจได้ฝากฝังลูกสาวคนเดียวที่กำพร้าแม่แต่เด็กให้หวางเฟิ่งช่วยดูแล พอได้อายุแต่งงานก็ให้แต่งไปตระกูลพานที่หมั้นหมายกันไว้แต่เด็ก โดยฝากเงินสินสอดทองหมั้นของลูกสาวเอาไว้ด้วย หวางเฟิ่งก็รับหลานสาวคือฉยงอิงไปเลี้ยงดูอย่างดีคู่กับลูกสาวคือฉยงเจิน อยู่มาวันหนึ่งคุณชายตระกูลพานคือพานหัวเดินทางมาเยี่ยมเยียนพร้อมกันกับเซียวหย่าซึ่งหมั้นหมายไว้แต่เด็กกับฉยงเจิน พานหัวหล่อเหลาร่ำรวย แต่เซียวหย่าฐานะยากจนและหน้าตาอัปลักษณ์ หวางเฟิ่งนั่งคิดนอนคิดก็ตัดสินใจสลับตัวเจ้าสาว ให้ฉยงเจินลูกสาวของตนแต่งไปกับพานหัว อีกทั้งยึดเอาสินสอดของฉยงอิงไปด้วย และให้ฉยงอิงแต่งงานกับเซียวหย่า พานหัวร่ำรวยแต่เละเทะไม่เอาการเอางาน ไม่ถึงสิบปีก็ผลาญทรัพย์สินของตระกูลจนหมด ไม่รู้จะเอาอะไรกินก็เลยจะพาเมียไปรับงานเป็นคนใช้ในบ้านคนอื่น หวางเฟิ่งรู้ข่าวจึงไปรับลูกสาวตนเองกลับมาและขับไล่พานหัวไป ส่วนเซียวหย่านั้น เอาการเอางาน สอบได้เป็นราชบัณฑิต ต่อมาไต่เต้าเป็นถึงเสนาบดีและฉยงอิงได้เป็นฟูเหรินขั้นที่หนึ่ง “คนบนโลกส่วนใหญ่สายตาตื้นเขิน มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก” จึงเป็นการกล่าวถึงหวางเฟิ่งเพื่อเป็นคติสอนใจให้มองคนที่เนื้อใน ส่วนเรื่องของเยวี่ยเซียงเป็นการเล่ากลับมุมเพื่อเป็นคติสอนใจให้ดำรงตนเป็นคนที่ดีจากเนื้อในนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/489109778_100127948 https://www.bella.tw/articles/movies&culture/31188 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/醒世恒言/768435 https://baike.baidu.com/item/两县令竞义婚孤女/7878655 https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=66907&remap=gb https://www.toutiao.com/article/7102754854845727236/ #ทุกชาติภพ #กระดูกงดงาม #เฝิงเมิ่งหลง #วรรณกรรมจีนโบราณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 890 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บขส.” เผยปชช.แห่เดินทางปีใหม่ 2568 ศุกร์ ธ.ค. นิวไฮ 1.6 แสนคน สูงกว่าคาดการณ์ไว้ 4 หมื่นคน คาดวันนี้ ยังเดินทางต่อเนื่องแตะ 1.1 แสนคน ด้าน “สุรพงษ์” กำชับ รถโดยสารเข้ารับตรงเวลา - ห้ามขายตั๋วแพง – ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร

    นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อตรวจการบริหารการจัดรถโดยสารและพนักงาน อำนวยความสะดวกประชาชน ในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 หลังจากได้ลงพื้นที่แล้วเมื่อวันที่ 25 - 26 ธันวาคม 2567 โดยกำชับ บขส. จัดรถโดยสารรองรับการเดินทางให้เพียงพอ นำรถเข้ารับผู้โดยสารที่ชานชาลาขาออกให้ตรงเวลา เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการรอคอยรถนาน ดูแลราคาค่าโดยสาร ไม่ขายตั๋วโดยสารเกินราคาที่กำหนด ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร ในช่วงเทศกาล เพราะผู้โดยสารไว้วางใจเลือกใช้บริการ ดังนั้นควรจะได้รับบริการที่ดี มีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000124682

    #MGROnline #สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ #หมอชิต2
    “บขส.” เผยปชช.แห่เดินทางปีใหม่ 2568 ศุกร์ ธ.ค. นิวไฮ 1.6 แสนคน สูงกว่าคาดการณ์ไว้ 4 หมื่นคน คาดวันนี้ ยังเดินทางต่อเนื่องแตะ 1.1 แสนคน ด้าน “สุรพงษ์” กำชับ รถโดยสารเข้ารับตรงเวลา - ห้ามขายตั๋วแพง – ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร • นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อตรวจการบริหารการจัดรถโดยสารและพนักงาน อำนวยความสะดวกประชาชน ในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 หลังจากได้ลงพื้นที่แล้วเมื่อวันที่ 25 - 26 ธันวาคม 2567 โดยกำชับ บขส. จัดรถโดยสารรองรับการเดินทางให้เพียงพอ นำรถเข้ารับผู้โดยสารที่ชานชาลาขาออกให้ตรงเวลา เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการรอคอยรถนาน ดูแลราคาค่าโดยสาร ไม่ขายตั๋วโดยสารเกินราคาที่กำหนด ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร ในช่วงเทศกาล เพราะผู้โดยสารไว้วางใจเลือกใช้บริการ ดังนั้นควรจะได้รับบริการที่ดี มีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000124682 • #MGROnline #สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ #หมอชิต2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้ต้องขังมากกว่า 1,500 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงมาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิกในวันพุธ (25ธ.ค.) ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ความไม่สงบ ที่มีต้นตอจากประเด็นถกเถียงกรณีพรรคเฟรลิโม ที่ปกครองประเทศแห่งนี้มาช้านาน ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อไม่นานที่ผ่านมา
    .
    รวมแล้วมีนักโทษ 1,534 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น และตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงแค่ราวๆ 15 กิโลเมตร จากการเปิดเผยของ เบอร์นาร์ดิโน ราฟาเอล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างแถลงข่าว
    .
    ในบรรดาผู้พยายามหลบหนีเหล่านี้ มีอยู่ 33 รายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 15 คน ในเหตุปะทะกับพวกเจ้าหน้าที่เรือนจำ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าว และบอกว่าปฏิบัติการตามล่าหนึ่งๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ นำมาซึ่งการรวบตัวนักโทษผู้หลบหนีกลับมาได้ราวๆ 150 คน
    .
    ทั้งนี้มีผู้ต้องขังราวๆ 30 คน ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบและเหตุโจมตีต่างๆในจังหวัดคาโบ เดลดาโก ทางเหนือของประเทศ ในช่วง 7 ปีท่ผ่านมา "เรากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์นี้" ราฟาเอลบอก
    .
    ศาลสูงสุดของชาติแอฟริกาแห่งนี้ ที่พูดภาษาโปรตุเกส ยืนยันเมื่อวันจันทร์(23ธ.ค.) ว่าพรรคเฟรลิโม ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 1975 เป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 9 ตุลาคม ที่โหมกระพือสถานการณ์ความไม่สงบมาแล้วหลายสัปดาห์
    .
    กลุ่มผู้ประท้วงรุกคืบเข้าหาเรือนจำในวันพุธ(25ธ.ค.) ก่อความสับสนและจุดชนวนความไม่สงบภายในเรือนจำ บริเวณที่พวกนักโทษช่วยกันทุบเจาะกำแพงช่วงหนึ่ง สำหรับใช้หลบหนีออกมา
    .
    เครื่องกีดขวางยังคงถูกติดตั้งในหลายพื้นที่ของเมืองหลวงจนถึงวันพุธ(25ธ.ค.) เพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวต่างๆ ท่ามกลางพฤติกรรมทำลายทรัพย์สินยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ร้านค้าและอาคารสาธารณะหลายแห่งถูกปล้นสะดมในวันจันทร์(23ธ.ค.) รถฉุกเฉินหลายคันถูกจุดไฟเผา เช่นเดียวกับร้านขายยาและธุรกิจอื่นๆ ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
    .
    ผู้ประท้วงบางส่วนยังตั้งโต๊ะบนท้องถนนเพื่อยึดพื้นที่สำหรับฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวหรือเพื่อนบ้าน ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่พบเห็นเหตุการณ์ในพื้นที่ชนชั้นแรงงานหลายๆย่านในเมืองหลวง
    .
    การยืนยันผลเลือกตั้งในวันจันทร์(23ธ.ค.) มีขึ้นแม้ว่ามีคำกล่าวอ้างจากบรรดาผู้สังเกตการณ์หลายคน เกี่ยวกับการพบความผิดปกติต่างๆนานา
    .
    ดาเนียล ชาโป หัวหน้าพรรคเฟรลิโม ได้คะแนนโหวต 65.17% น้อยกว่าผลในเบื้องต้นที่ประกาศออกมาโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศ ราวๆ 5%
    .
    เวนันซิโอ มอนด์ลาเน ผู้นำฝ่ายค้านที่หลบหนีอยู่ในต่างแดนและผู้ท้าทายหลักของชาโป อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง และมันโหมกระพือความรุนแรงระหว่างพวกผู้สนับสนุนของ 2 พรรคคู่อริ โดยจนถึงตอนนี้สถานการณ์ความไม่สงบ ปลิดชีพผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 150 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123941
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้ต้องขังมากกว่า 1,500 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงมาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิกในวันพุธ (25ธ.ค.) ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ความไม่สงบ ที่มีต้นตอจากประเด็นถกเถียงกรณีพรรคเฟรลิโม ที่ปกครองประเทศแห่งนี้มาช้านาน ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อไม่นานที่ผ่านมา . รวมแล้วมีนักโทษ 1,534 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น และตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงแค่ราวๆ 15 กิโลเมตร จากการเปิดเผยของ เบอร์นาร์ดิโน ราฟาเอล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างแถลงข่าว . ในบรรดาผู้พยายามหลบหนีเหล่านี้ มีอยู่ 33 รายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 15 คน ในเหตุปะทะกับพวกเจ้าหน้าที่เรือนจำ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าว และบอกว่าปฏิบัติการตามล่าหนึ่งๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ นำมาซึ่งการรวบตัวนักโทษผู้หลบหนีกลับมาได้ราวๆ 150 คน . ทั้งนี้มีผู้ต้องขังราวๆ 30 คน ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบและเหตุโจมตีต่างๆในจังหวัดคาโบ เดลดาโก ทางเหนือของประเทศ ในช่วง 7 ปีท่ผ่านมา "เรากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์นี้" ราฟาเอลบอก . ศาลสูงสุดของชาติแอฟริกาแห่งนี้ ที่พูดภาษาโปรตุเกส ยืนยันเมื่อวันจันทร์(23ธ.ค.) ว่าพรรคเฟรลิโม ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 1975 เป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 9 ตุลาคม ที่โหมกระพือสถานการณ์ความไม่สงบมาแล้วหลายสัปดาห์ . กลุ่มผู้ประท้วงรุกคืบเข้าหาเรือนจำในวันพุธ(25ธ.ค.) ก่อความสับสนและจุดชนวนความไม่สงบภายในเรือนจำ บริเวณที่พวกนักโทษช่วยกันทุบเจาะกำแพงช่วงหนึ่ง สำหรับใช้หลบหนีออกมา . เครื่องกีดขวางยังคงถูกติดตั้งในหลายพื้นที่ของเมืองหลวงจนถึงวันพุธ(25ธ.ค.) เพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวต่างๆ ท่ามกลางพฤติกรรมทำลายทรัพย์สินยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ร้านค้าและอาคารสาธารณะหลายแห่งถูกปล้นสะดมในวันจันทร์(23ธ.ค.) รถฉุกเฉินหลายคันถูกจุดไฟเผา เช่นเดียวกับร้านขายยาและธุรกิจอื่นๆ ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี . ผู้ประท้วงบางส่วนยังตั้งโต๊ะบนท้องถนนเพื่อยึดพื้นที่สำหรับฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวหรือเพื่อนบ้าน ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่พบเห็นเหตุการณ์ในพื้นที่ชนชั้นแรงงานหลายๆย่านในเมืองหลวง . การยืนยันผลเลือกตั้งในวันจันทร์(23ธ.ค.) มีขึ้นแม้ว่ามีคำกล่าวอ้างจากบรรดาผู้สังเกตการณ์หลายคน เกี่ยวกับการพบความผิดปกติต่างๆนานา . ดาเนียล ชาโป หัวหน้าพรรคเฟรลิโม ได้คะแนนโหวต 65.17% น้อยกว่าผลในเบื้องต้นที่ประกาศออกมาโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศ ราวๆ 5% . เวนันซิโอ มอนด์ลาเน ผู้นำฝ่ายค้านที่หลบหนีอยู่ในต่างแดนและผู้ท้าทายหลักของชาโป อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง และมันโหมกระพือความรุนแรงระหว่างพวกผู้สนับสนุนของ 2 พรรคคู่อริ โดยจนถึงตอนนี้สถานการณ์ความไม่สงบ ปลิดชีพผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 150 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123941 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1442 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts