มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง
การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์
แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน
#Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์
แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน
#Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง
การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์
แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน
#Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON