• “วิสุทธิ์” ยัน “ทักษิณ” ไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทย ชี้เป็นเพียงผู้มีประสบการณ์ร่วมให้คำแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ ซัดกลับอย่าเอาอคติมาบดบังประโยชน์ประเทศ ลั่นไม่สน “ฮุน เซน” เรียกแค่ “พ่อมดเขมร” ไม่ให้ราคา

    วันนี้ (14ก.ค.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสวิจารณ์บทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบ่อยครั้งในระยะหลัง จนมีผู้ไปยื่นร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ ว่าเข้าข่ายครอบงำพรรคว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะแม้แต่นายทักษิณ “หายใจก็มีคนร้องแล้ว” ทั้งที่นายทักษิณเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และเคยมีบทบาทในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยในอดีต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000066083

    #Thaitimes #MGROnline #วิสุทธิ์ #ทักษิณ
    “วิสุทธิ์” ยัน “ทักษิณ” ไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทย ชี้เป็นเพียงผู้มีประสบการณ์ร่วมให้คำแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ ซัดกลับอย่าเอาอคติมาบดบังประโยชน์ประเทศ ลั่นไม่สน “ฮุน เซน” เรียกแค่ “พ่อมดเขมร” ไม่ให้ราคา • วันนี้ (14ก.ค.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสวิจารณ์บทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบ่อยครั้งในระยะหลัง จนมีผู้ไปยื่นร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ ว่าเข้าข่ายครอบงำพรรคว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะแม้แต่นายทักษิณ “หายใจก็มีคนร้องแล้ว” ทั้งที่นายทักษิณเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และเคยมีบทบาทในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยในอดีต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000066083 • #Thaitimes #MGROnline #วิสุทธิ์ #ทักษิณ
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • "ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต. สอบ "สทร." ครอบงำพรรคการเมือง เสี่ยงถูกยุบพรรค-จำคุก 10 ปี!
    https://www.thai-tai.tv/news/20263/
    .
    #ศรีสุวรรณ #กกต #สทร #ครอบงำพรรค #ยุบพรรค #พรปพรรคการเมือง #ทุจริต #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #องค์กรรักชาติรักแผ่นดิน #บ้านพิษณุโลก
    "ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต. สอบ "สทร." ครอบงำพรรคการเมือง เสี่ยงถูกยุบพรรค-จำคุก 10 ปี! https://www.thai-tai.tv/news/20263/ . #ศรีสุวรรณ #กกต #สทร #ครอบงำพรรค #ยุบพรรค #พรปพรรคการเมือง #ทุจริต #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #องค์กรรักชาติรักแผ่นดิน #บ้านพิษณุโลก
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • "อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา" ชี้ "ทักษิณ" อาจทำ "เพื่อไทย" ถูกยุบพรรค! หวั่นเข้าข่ายครอบงำพรรค มีโทษอาญา
    https://www.thai-tai.tv/news/20236/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #ยุบพรรค #กฎหมายพรรคการเมือง #วัสติงสมิตร #การเมืองไทย #ข้อหาอาญา
    "อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา" ชี้ "ทักษิณ" อาจทำ "เพื่อไทย" ถูกยุบพรรค! หวั่นเข้าข่ายครอบงำพรรค มีโทษอาญา https://www.thai-tai.tv/news/20236/ . #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #ยุบพรรค #กฎหมายพรรคการเมือง #วัสติงสมิตร #การเมืองไทย #ข้อหาอาญา
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • 'เฮียตือ' สวนเดือด 'ทักษิณ' เขาคือใคร? เตือนอย่าครอบงำพรรค
    https://www.thai-tai.tv/news/19090/
    'เฮียตือ' สวนเดือด 'ทักษิณ' เขาคือใคร? เตือนอย่าครอบงำพรรค https://www.thai-tai.tv/news/19090/
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • 10/1/68

    รวย..อย่างชินวัตร
    ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ”
    แก้วสรร อติโพธิ

    ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
    ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้ น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้ นชินคอร์ป แล้ว
    ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่
    ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร

    ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้นเงินผู้ขายมาให้

    ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด
    อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้ เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณ
    เชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้ นจริงไหม

    ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น

    ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้ งทรัพย์สินอย่างไร
    ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้ จากพ่อด้วย

    ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุดถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่าทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อ

    ซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้คุณว่าใช่หรือไม่
    ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด

    ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ กู้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน


    ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ
    ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชิน คอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด
    ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ

    ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอ กระทรวงคลังอัดเงินและ
    ควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท

    ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ

    ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้

    ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล๊อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ

    ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค” คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท

    จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวย ลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท
    ถาม เขาทำอย่างไรครับ

    ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็หุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้ นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้ นที่กวาดไว้ ล่วงหน้ามาขายได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด

    ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว
    ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ
    ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้ กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้

    ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้
    จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็
    แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก

    ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ ในชื่อลูกด้วยอย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ ครับ

    ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว
    ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ

    แล้ววนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนว์ไวท์ ต้องให้ พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก

    ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “ รวย โดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “ รวยจนบ้านเมือง ชิบหาย” ก็แล้วกันครับ
    10/1/68 รวย..อย่างชินวัตร ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ” แก้วสรร อติโพธิ ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้ น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้ นชินคอร์ป แล้ว ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่ ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้นเงินผู้ขายมาให้ ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้ เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณ เชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้ นจริงไหม ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้ งทรัพย์สินอย่างไร ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้ จากพ่อด้วย ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุดถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่าทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อ ซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้คุณว่าใช่หรือไม่ ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ กู้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชิน คอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอ กระทรวงคลังอัดเงินและ ควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้ ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล๊อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค” คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวย ลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ถาม เขาทำอย่างไรครับ ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็หุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้ นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้ นที่กวาดไว้ ล่วงหน้ามาขายได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้ กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้ ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็ แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ ในชื่อลูกด้วยอย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ ครับ ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้ววนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนว์ไวท์ ต้องให้ พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “ รวย โดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “ รวยจนบ้านเมือง ชิบหาย” ก็แล้วกันครับ
    0 Comments 0 Shares 1309 Views 0 Reviews
  • ๗ ม.ค.๖๘ - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รวย..อย่างชินวัตร" มีเนื้อหาดังนี้

    ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ”
    ถาม
    มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
    ตอบ
    ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ป แล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่

    ถาม
    ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร
    ตอบ
    เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้เงินผู้ขายมาให้ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณเชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้นจริงไหม

    ถาม
    ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น
    ตอบ
    ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้งทรัพย์สินอย่างไร

    ถาม
    แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้จากพ่อด้วย
    ตอบ
    ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุด
    ถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่า ทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้ คุณว่าใช่หรือไม่

    ถาม
    ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด
    ตอบ
    ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ก้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน

    ถาม
    มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ
    ตอบ
    ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้ คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชินคอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด

    ถาม
    นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ
    ตอบ
    ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอกระทรวงคลังอัดเงินและควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท

    ถาม
    เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ
    ตอบ
    ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้

    ถาม
    ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ
    ตอบ
    ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค”คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด
    มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวยลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท

    ถาม
    เขาทำอย่างไรครับ
    ตอบ
    ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็ต้องตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้นที่กวาดไว้ล่วงหน้ามาขาย ได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด

    ถาม
    เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว
    ตอบ
    เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ

    ถาม
    อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้
    ตอบ
    เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก

    ถาม
    หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ในชื่อลูกด้วย อย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ครับ
    ตอบ
    มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว

    ถาม
    กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้วนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้ มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนวไวท์ ต้องให้พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก
    ตอบ
    คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “รวยโดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “รวยจนบ้านเมืองชิบหาย”
    แล้วกันครับ.
    ๗ ม.ค.๖๘ - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รวย..อย่างชินวัตร" มีเนื้อหาดังนี้ ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ” ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ป แล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่ ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้เงินผู้ขายมาให้ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณเชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้นจริงไหม ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้งทรัพย์สินอย่างไร ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้จากพ่อด้วย ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุด ถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่า ทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้ คุณว่าใช่หรือไม่ ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ก้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้ คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชินคอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอกระทรวงคลังอัดเงินและควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้ ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค”คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวยลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ถาม เขาทำอย่างไรครับ ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็ต้องตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้นที่กวาดไว้ล่วงหน้ามาขาย ได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้ ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ในชื่อลูกด้วย อย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ครับ ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้วนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้ มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนวไวท์ ต้องให้พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “รวยโดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “รวยจนบ้านเมืองชิบหาย” แล้วกันครับ.
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1372 Views 0 Reviews
  • กกต.เร่งรุกจบคดียุบ 'เพื่อไทย' เรียก 'แพทองธาร' ชี้แจง
    .
    การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในการพิจารณาคดียุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่ามีความคืบหน้าพอสมคว โดยเฉพาะท่าทีของกกต.ที่เตรียมนำการขึ้นเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยของอดีตนายกฯทักษิณ มาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาคดีด้วย อีกทั้ง ยังจะพิจารณาถึงการเรียกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงข้อกล่าวหาเช่นกัน
    .
    ในเรื่องนี้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เปิดเผยว่า การส่งหนังสือเชิญนางสาวแพทองธารนั้น เมื่อมีคนยื่นคำร้องว่ามีพฤติกรรมที่อาจผิดกฎหมายพรรคการเมือง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะพิจารณาว่าคำร้องดังกล่าวมีมูลให้ตรวจสอบต่อหรือไม่ หากพบว่ามีมูลสมควรเพียงพอและรับไว้พิจารณา นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะสั่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานรับไปดำเนินการ รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำ ก่อนสรุปความเห็นส่งให้เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากสั่งยุติเรื่องต้องแจ้งให้คณะกรรมการ กกต. ทราบ แต่ที่ประชุมคณะกรรมการสามารถมีคำสั่งเป็นอื่นได้
    .
    "กกต. จะไม่แทรกแซงหรือก้าวก่ายการทำงานของผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ ทั้งนี้ ทราบว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิญผู้ร้องทั้ง 4 คำร้องมาให้ถ้อยคำแล้ว และมีหนังสือเชิญผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำด้วย แต่จะเมื่อไร อย่างไร ส่วนตัวไม่ทราบ และไม่แน่ใจว่ามีการเชิญนายทักษิณมาให้ถ้อยคำด้วยหรือไม่" ประธาน กกต. ระบุ
    .
    อย่างไรก็ตาม ประธานกกต.ยอมรับว่า หากนายทักษิณไม่พร้อมที่จะมาให้ข้อมูล ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ไม่อาจมีอำนาจจะทำอะไรได้ เพราะกฎหมายและระเบียบไม่ได้ให้อำนาจไว้ เพราะเป็นลักษณะการเชิญมาให้ถ้อยคำและส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเดินทางมาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง ส่งหนังสือชี้แจง หรือมอบหมายผู้มาชี้แจงแทนได้ แต่หากไม่มาชี้แจงก็สามารถพิจารณาตามข้อมูลเท่าที่มีอยู่ได้ แต่การชี้แจงจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ถูกร้องมาชี้แจงโต้ตอบแก้ข้อกล่าวหาได้
    .
    ด้าน นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากกกต.อย่างเป็นทางการ ขณะที่ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่าหากได้รับหนังสือแล้ว จะเดินทางไปชี้แจงกับ กกต. ด้วยตัวเอง หรือจะส่งตัวแทนไป นายกรัฐมนตรี ตอบว่า "หนังสือว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า เป็นการเชิญให้หัวหน้าพรรคไปชี้แจง นายกรัฐมนตรีตอบเพียงสั้นๆ ว่า "อ๋อ" ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที
    ...........
    Sondhi X
    กกต.เร่งรุกจบคดียุบ 'เพื่อไทย' เรียก 'แพทองธาร' ชี้แจง . การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในการพิจารณาคดียุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่ามีความคืบหน้าพอสมคว โดยเฉพาะท่าทีของกกต.ที่เตรียมนำการขึ้นเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยของอดีตนายกฯทักษิณ มาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาคดีด้วย อีกทั้ง ยังจะพิจารณาถึงการเรียกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงข้อกล่าวหาเช่นกัน . ในเรื่องนี้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เปิดเผยว่า การส่งหนังสือเชิญนางสาวแพทองธารนั้น เมื่อมีคนยื่นคำร้องว่ามีพฤติกรรมที่อาจผิดกฎหมายพรรคการเมือง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะพิจารณาว่าคำร้องดังกล่าวมีมูลให้ตรวจสอบต่อหรือไม่ หากพบว่ามีมูลสมควรเพียงพอและรับไว้พิจารณา นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะสั่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานรับไปดำเนินการ รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำ ก่อนสรุปความเห็นส่งให้เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากสั่งยุติเรื่องต้องแจ้งให้คณะกรรมการ กกต. ทราบ แต่ที่ประชุมคณะกรรมการสามารถมีคำสั่งเป็นอื่นได้ . "กกต. จะไม่แทรกแซงหรือก้าวก่ายการทำงานของผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ ทั้งนี้ ทราบว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิญผู้ร้องทั้ง 4 คำร้องมาให้ถ้อยคำแล้ว และมีหนังสือเชิญผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำด้วย แต่จะเมื่อไร อย่างไร ส่วนตัวไม่ทราบ และไม่แน่ใจว่ามีการเชิญนายทักษิณมาให้ถ้อยคำด้วยหรือไม่" ประธาน กกต. ระบุ . อย่างไรก็ตาม ประธานกกต.ยอมรับว่า หากนายทักษิณไม่พร้อมที่จะมาให้ข้อมูล ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ไม่อาจมีอำนาจจะทำอะไรได้ เพราะกฎหมายและระเบียบไม่ได้ให้อำนาจไว้ เพราะเป็นลักษณะการเชิญมาให้ถ้อยคำและส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเดินทางมาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง ส่งหนังสือชี้แจง หรือมอบหมายผู้มาชี้แจงแทนได้ แต่หากไม่มาชี้แจงก็สามารถพิจารณาตามข้อมูลเท่าที่มีอยู่ได้ แต่การชี้แจงจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ถูกร้องมาชี้แจงโต้ตอบแก้ข้อกล่าวหาได้ . ด้าน นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากกกต.อย่างเป็นทางการ ขณะที่ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่าหากได้รับหนังสือแล้ว จะเดินทางไปชี้แจงกับ กกต. ด้วยตัวเอง หรือจะส่งตัวแทนไป นายกรัฐมนตรี ตอบว่า "หนังสือว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า เป็นการเชิญให้หัวหน้าพรรคไปชี้แจง นายกรัฐมนตรีตอบเพียงสั้นๆ ว่า "อ๋อ" ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที ........... Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1104 Views 0 Reviews
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 Comments 1 Shares 1987 Views 0 Reviews
  • "อิ๊งค์" ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือจาก กกต.เรียกแจงข้อกล่าวหา ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรค

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121410

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อิ๊งค์" ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือจาก กกต.เรียกแจงข้อกล่าวหา ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรค อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121410 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    4
    1 Comments 0 Shares 801 Views 0 Reviews
  • วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1420 Views 0 Reviews
  • ประธาน กกต.เผย คืบหน้า ปมร้องยุบพรรคการเมืองใกล้ขั้นสุดท้าย ดึงเหตุการณ์ "ทักษิณ" สัมมนาหัวหิน เข้าพิจารณาร่วมด้วย

    วันนี้(17ธ.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณียุบพรรคการเมืองว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่สำนักงานกกต กว่า 100 เรื่อง แต่นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งการยุติไปแล้วเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ยังเหลือราวๆ 4-8 เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ บางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการใกล้ขั้นสุดท้ายแล้วที่จะมีการรวบรวมความเห็นเสนอให้นายทะเบียนพิจารณาว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้นายทะเบียนจะต้องพิจารณาว่ายุติเรื่อง หรือส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป

    เมื่อถามถึงกรณีคำร้องในทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องมาเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาราวๆ 4 คำร้องก็เป็นไปตามขั้นตอนการทำงานตามมาตรา 93 เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน ซึ่งสั่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงหลักฐานดำเนินการในส่วนนี้ความคืบหน้าเท่าที่ทราบคือ คณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานได้เรียกผู้ร้องทั้ง 4 คนมาให้ถ้อยคำแล้ว และมีหนังสือไปยังสื่อต่างๆที่ผู้ร้องกล่าวอ้างถึงให้มาให้ข้อเท็จจริงด้วยรวมถึงมีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นที่ถูกกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ส่วนความคืบหน้าก็อยู่ที่การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000120942

    #MGROnline #ยุบพรรคการเมือง
    ประธาน กกต.เผย คืบหน้า ปมร้องยุบพรรคการเมืองใกล้ขั้นสุดท้าย ดึงเหตุการณ์ "ทักษิณ" สัมมนาหัวหิน เข้าพิจารณาร่วมด้วย • วันนี้(17ธ.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณียุบพรรคการเมืองว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่สำนักงานกกต กว่า 100 เรื่อง แต่นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งการยุติไปแล้วเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ยังเหลือราวๆ 4-8 เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ บางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการใกล้ขั้นสุดท้ายแล้วที่จะมีการรวบรวมความเห็นเสนอให้นายทะเบียนพิจารณาว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้นายทะเบียนจะต้องพิจารณาว่ายุติเรื่อง หรือส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป • เมื่อถามถึงกรณีคำร้องในทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องมาเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาราวๆ 4 คำร้องก็เป็นไปตามขั้นตอนการทำงานตามมาตรา 93 เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน ซึ่งสั่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงหลักฐานดำเนินการในส่วนนี้ความคืบหน้าเท่าที่ทราบคือ คณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานได้เรียกผู้ร้องทั้ง 4 คนมาให้ถ้อยคำแล้ว และมีหนังสือไปยังสื่อต่างๆที่ผู้ร้องกล่าวอ้างถึงให้มาให้ข้อเท็จจริงด้วยรวมถึงมีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นที่ถูกกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ส่วนความคืบหน้าก็อยู่ที่การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000120942 • #MGROnline #ยุบพรรคการเมือง
    0 Comments 0 Shares 569 Views 0 Reviews
  • คุณเป็นอะไรหละครับ...???
    .
    เป็น เจ้าของพรรคการเมืองสีแดงนี้...???
    เป็น ผู้มีอำนาจครอบงำพรรคการเมืองนี้...???
    เป็น ผู้มีอิทธิพลต่อพรรคการเมืองนี้ สามารถชี้นิ้วสั่งได้ หรือ แม้แต่ข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลได้...???
    .
    ผมเองก็ชอบคนตรงมากๆครับ...!!!
    .
    ผมชอบ คนที่ไม่เป็น "อีแอบ" เหมือนกัน...!!!
    .
    พูดเยอะๆนะครับ...
    .
    เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด...!!!
    .
    คุณเป็นอะไรหละครับ...??? . เป็น เจ้าของพรรคการเมืองสีแดงนี้...??? เป็น ผู้มีอำนาจครอบงำพรรคการเมืองนี้...??? เป็น ผู้มีอิทธิพลต่อพรรคการเมืองนี้ สามารถชี้นิ้วสั่งได้ หรือ แม้แต่ข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลได้...??? . ผมเองก็ชอบคนตรงมากๆครับ...!!! . ผมชอบ คนที่ไม่เป็น "อีแอบ" เหมือนกัน...!!! . พูดเยอะๆนะครับ... . เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • สัญญาณบวก คำร้องยุบ 'เพื่อไทย' เหลือ 6 เรื่องจากครึ่งร้อย
    .
    พรรคเพื่อไทยเวลานี้อาจจะไม่ได้อยู่ช่วงขาขึ้นในทางการเมืองอย่างสุดขีดแต่มุมหนึ่งก็มีแอบมีข่าวดีอยู่บ้างในเรื่องคดีความ โดยก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกรณีถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครอง มาจนถึงล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ออกมาเปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยเหลือคำร้องยุบพรรคในระหว่างการพิจารณาของกกต. จำนวน 6 เรื่องเท่านั้น
    .
    นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ยื่นคำร้องยุบพรรคการเมืองทั้งหมด 160 คำร้อง พรรคเพื่อไทยมีคำร้องมากที่สุด จำนวน 53 คำร้อง พรรคประชาชน 3 คำร้อง โดยพรรคเพื่อไทยขณะนี้ตนได้พิจารณาจนเหลือ 6 คำร้อง ในส่วนที่เหลือ 47 คำร้อง สั่งให้ยุติการสอบสวน เพราะบางรายมีอะไรก็ยื่นร้อง บางคนก็ยื่นมาถาม อีกทั้งเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องนั้น ทำให้ไม่มีผลผูกพันถึง กกต.
    .
    นายแสวง ระบุว่า คำร้องครอบงำพรรคการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ร้องได้แสดงพยานหลักฐาน. อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรค ได้ขอขยายเวลาออกไป เนื่องด้วยมีคำร้องที่เกี่ยวโยงถึง 6 พรรคการเมือง
    .
    "ยืนยันไม่ได้มีการเข้าไปแทรกแซงในเรื่องระยะเวลาการหาพยานหลักฐาน แต่ก็กำชับให้เร่งมือ บางครั้งช้าเกินไปก็ไม่ดี โดยมั่นใจว่าในสำนวน คณะกรรมการสอบสวนจะทราบขอบเขต และโอกาสที่จะให้กับฝ่ายไหน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย" เลขากกต. ระบุ
    ..............
    Sondhi X
    สัญญาณบวก คำร้องยุบ 'เพื่อไทย' เหลือ 6 เรื่องจากครึ่งร้อย . พรรคเพื่อไทยเวลานี้อาจจะไม่ได้อยู่ช่วงขาขึ้นในทางการเมืองอย่างสุดขีดแต่มุมหนึ่งก็มีแอบมีข่าวดีอยู่บ้างในเรื่องคดีความ โดยก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกรณีถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครอง มาจนถึงล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ออกมาเปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยเหลือคำร้องยุบพรรคในระหว่างการพิจารณาของกกต. จำนวน 6 เรื่องเท่านั้น . นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ยื่นคำร้องยุบพรรคการเมืองทั้งหมด 160 คำร้อง พรรคเพื่อไทยมีคำร้องมากที่สุด จำนวน 53 คำร้อง พรรคประชาชน 3 คำร้อง โดยพรรคเพื่อไทยขณะนี้ตนได้พิจารณาจนเหลือ 6 คำร้อง ในส่วนที่เหลือ 47 คำร้อง สั่งให้ยุติการสอบสวน เพราะบางรายมีอะไรก็ยื่นร้อง บางคนก็ยื่นมาถาม อีกทั้งเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องนั้น ทำให้ไม่มีผลผูกพันถึง กกต. . นายแสวง ระบุว่า คำร้องครอบงำพรรคการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ร้องได้แสดงพยานหลักฐาน. อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรค ได้ขอขยายเวลาออกไป เนื่องด้วยมีคำร้องที่เกี่ยวโยงถึง 6 พรรคการเมือง . "ยืนยันไม่ได้มีการเข้าไปแทรกแซงในเรื่องระยะเวลาการหาพยานหลักฐาน แต่ก็กำชับให้เร่งมือ บางครั้งช้าเกินไปก็ไม่ดี โดยมั่นใจว่าในสำนวน คณะกรรมการสอบสวนจะทราบขอบเขต และโอกาสที่จะให้กับฝ่ายไหน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย" เลขากกต. ระบุ .............. Sondhi X
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 1056 Views 0 Reviews
  • เรื่องน่าคิด!
    #thaitimes #sondhitalk #news1
    ถ้าประเทศไทยเลือกนายก สส สว นายกอบจ. แบบอเมริกาจะเป็นอย่างไร?

    ขอพูดถึงนายกก่อน ย้ำว่านายกไม่ใช้ปธน.!

    ถ้าประเทศไทยเลือกนายกแบบอเมริกาโดยมี Electoral Vote สำหรับแต่ละจังหวัดโดยการจัดสรรจำนวน Electoral Vote ตามสัดส่วนประชากร โดยกทม.ก็จะต้องมีมากสุด (33 Electoral Vote ตามจำนวนสส. เขตในปัจจุบันอย่างเดียวเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวไม่มีสว. 2 คนสำหรับแต่ละจังหวัดแบบเมกาและ
    ก็ไม่นับสส.บช.รายชื่อ) เพราะกทมมีประชากรมากสุด

    ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ผู้ชนะกินรวบหมายความว่าถ้ากทม. มีประชากร 100 คนแล้ว 51 คนเลือกโทนี่ โทนี่ก็จะได้ 33 Electoral Vote ซึ่งจขกท. คิดว่าการที่มีคะแนนตกน้ำแบบนี้เหมาะกับเมืองไทยเพราจะทำให้การซื้อเสียงไม่มีประสิทธิภาพถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้ชนะไปเลยไม่งั้นเจ๊งหมด ทุกคนเชื่อไหมว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้กันมาทุกวันนี้บริสุทธิ์? จขกท. ไม่เชื่อ อีกอย่างผู้ที่จะเป็นนายกจะต้องได้ 201 Electoral Vote ขึ้นไปจากทั้งหมด 400 Electoral Vote พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะหายไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถึง 201 อยู่แล้ว (ไม่ควรมีพรรคเล็กพรรคน้อยและไม่ควรมีคนครอบงำพรรคใหญ่ พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่โปร่งใส)

    แต่เท่านี้ยังไม่พอเพื่อป้องกันการครอบงำพรรคในการเลือกตั้งแต่ละครั้งทุกพรรคที่ลงสมัครชิงนายกต้องเสนอแคนดิเดตนายกสามคน โดยต้องมีการเปิดตัวสามคนนี้ให้ประชาชนรู้จัก โดยชื่อของสามคนนี้จะอยู่ในบัตรเลือกตั้งและจะมีโลโก้พรรคเหมือนกัน (ต้องย้ำประชาชนว่าเลือกได้คนเดียว) เช่น พรรคเพื่อสยามส่ง นายเอ นายบี นายซี ทั้ง 400เขตทั่วไทยเลือก นายเอ 160 เขต นายบี 41 เขต นายซี 0 เขต ก็แปลว่าพรรคเพื่อสยามได้เป็นนายกเพราะชนะแล้ว 201 เขต และนายกก็คือนายเอเพราะชนะจำนวนเขตมากสุด

    การใช้ Electoral Vote จะทำให้นายกต้องเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหลายจังหวัดไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดที่ตนมีฐานเสียงเยอะและต้องใส่ใจทุกจังหวัด

    เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคอีกชั้นควรห้ามไม่ให้ผู้ที่ชนะมาลาออกโดยไม่มีเหตุจำเป็นเช่นป่วย ทำผิดกฏหมาย หรือตายหากลาออกต้องมีโทษทางกฏหมายหรือไม่ก็ถือเป็นการสละตำแน่งนายกให้พรรคอันดับสองไปโดยอัตโนมัติเพราะถือว่าคุณได้ตัดสินใจลงเลือกตั้งแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าตนไม่มีความสามารถก็ให้พรรคอันดับสองเป็นนายกไปเลย

    ใครที่อยากเป็นนายกหรือเป็นนักการเมืองก็ต้องเข้ามาในระบบพรรคการเมืองไม่ต้องออกไปตั้งพรรคเอง ถ้าคิดว่าตนเจ๋งพอก็ทำงานพิสูจน์ให้สมาชิกพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายก
    เรื่องน่าคิด! #thaitimes #sondhitalk #news1 ถ้าประเทศไทยเลือกนายก สส สว นายกอบจ. แบบอเมริกาจะเป็นอย่างไร? ขอพูดถึงนายกก่อน ย้ำว่านายกไม่ใช้ปธน.! ถ้าประเทศไทยเลือกนายกแบบอเมริกาโดยมี Electoral Vote สำหรับแต่ละจังหวัดโดยการจัดสรรจำนวน Electoral Vote ตามสัดส่วนประชากร โดยกทม.ก็จะต้องมีมากสุด (33 Electoral Vote ตามจำนวนสส. เขตในปัจจุบันอย่างเดียวเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวไม่มีสว. 2 คนสำหรับแต่ละจังหวัดแบบเมกาและ ก็ไม่นับสส.บช.รายชื่อ) เพราะกทมมีประชากรมากสุด ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ผู้ชนะกินรวบหมายความว่าถ้ากทม. มีประชากร 100 คนแล้ว 51 คนเลือกโทนี่ โทนี่ก็จะได้ 33 Electoral Vote ซึ่งจขกท. คิดว่าการที่มีคะแนนตกน้ำแบบนี้เหมาะกับเมืองไทยเพราจะทำให้การซื้อเสียงไม่มีประสิทธิภาพถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้ชนะไปเลยไม่งั้นเจ๊งหมด ทุกคนเชื่อไหมว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้กันมาทุกวันนี้บริสุทธิ์? จขกท. ไม่เชื่อ อีกอย่างผู้ที่จะเป็นนายกจะต้องได้ 201 Electoral Vote ขึ้นไปจากทั้งหมด 400 Electoral Vote พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะหายไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถึง 201 อยู่แล้ว (ไม่ควรมีพรรคเล็กพรรคน้อยและไม่ควรมีคนครอบงำพรรคใหญ่ พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่โปร่งใส) แต่เท่านี้ยังไม่พอเพื่อป้องกันการครอบงำพรรคในการเลือกตั้งแต่ละครั้งทุกพรรคที่ลงสมัครชิงนายกต้องเสนอแคนดิเดตนายกสามคน โดยต้องมีการเปิดตัวสามคนนี้ให้ประชาชนรู้จัก โดยชื่อของสามคนนี้จะอยู่ในบัตรเลือกตั้งและจะมีโลโก้พรรคเหมือนกัน (ต้องย้ำประชาชนว่าเลือกได้คนเดียว) เช่น พรรคเพื่อสยามส่ง นายเอ นายบี นายซี ทั้ง 400เขตทั่วไทยเลือก นายเอ 160 เขต นายบี 41 เขต นายซี 0 เขต ก็แปลว่าพรรคเพื่อสยามได้เป็นนายกเพราะชนะแล้ว 201 เขต และนายกก็คือนายเอเพราะชนะจำนวนเขตมากสุด การใช้ Electoral Vote จะทำให้นายกต้องเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหลายจังหวัดไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดที่ตนมีฐานเสียงเยอะและต้องใส่ใจทุกจังหวัด เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคอีกชั้นควรห้ามไม่ให้ผู้ที่ชนะมาลาออกโดยไม่มีเหตุจำเป็นเช่นป่วย ทำผิดกฏหมาย หรือตายหากลาออกต้องมีโทษทางกฏหมายหรือไม่ก็ถือเป็นการสละตำแน่งนายกให้พรรคอันดับสองไปโดยอัตโนมัติเพราะถือว่าคุณได้ตัดสินใจลงเลือกตั้งแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าตนไม่มีความสามารถก็ให้พรรคอันดับสองเป็นนายกไปเลย ใครที่อยากเป็นนายกหรือเป็นนักการเมืองก็ต้องเข้ามาในระบบพรรคการเมืองไม่ต้องออกไปตั้งพรรคเอง ถ้าคิดว่าตนเจ๋งพอก็ทำงานพิสูจน์ให้สมาชิกพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 805 Views 0 Reviews
  • "นพรุจ" ของขึ้น "ทักษิณ" หมิ่นนักร้องเป็นหมา ลั่นด้อยค่าคนไทย ยื่น กกต.เพิ่มปมขึ้นช่งยหาเสียงเลือกตั้งนายกอุดรธานี ชี้ทั้งคำพูดพฤติกรรมครอบงำพรรคเพื่อไทย-ผู้สมัคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110838

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "นพรุจ" ของขึ้น "ทักษิณ" หมิ่นนักร้องเป็นหมา ลั่นด้อยค่าคนไทย ยื่น กกต.เพิ่มปมขึ้นช่งยหาเสียงเลือกตั้งนายกอุดรธานี ชี้ทั้งคำพูดพฤติกรรมครอบงำพรรคเพื่อไทย-ผู้สมัคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110838 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    8
    0 Comments 0 Shares 1368 Views 0 Reviews
  • 23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า

    ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค
    รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร
    ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้

    ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ
    ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย
    เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย

    ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ
    ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น

    ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้
    ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ

    ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ
    ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด
    คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่

    ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล
    ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย

    ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว
    ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร?
    ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ
    เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ

    https://www.thaipost.net/hi-light/677990/

    #Thaitimes
    23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้ ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่ ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร? ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ https://www.thaipost.net/hi-light/677990/ #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1110 Views 0 Reviews
  • ศาล รธน.สั่ง อสส.แจงความคืบหน้า และรวบรวมพยานหลักฐานคดี "ธีรยุทธ" ร้องให้วิจินฉัยเพื่อมีคำสั่งสั่ง "ทักษิณ-พท." เลิกการกระทำล้มล้างการปกครอง ครอบงำพรรค-ยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือ ขีดเส้นส่งกลับมาภายใน 15 วัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101829

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาล รธน.สั่ง อสส.แจงความคืบหน้า และรวบรวมพยานหลักฐานคดี "ธีรยุทธ" ร้องให้วิจินฉัยเพื่อมีคำสั่งสั่ง "ทักษิณ-พท." เลิกการกระทำล้มล้างการปกครอง ครอบงำพรรค-ยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือ ขีดเส้นส่งกลับมาภายใน 15 วัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101829 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    15
    0 Comments 0 Shares 2327 Views 1 Reviews

  • กกต.ขีดเส้น 30 วัน ยุบ6พรรคการเมือง เพื่อไทยโวยโดนล้างแค้น
    .
    คดียุบพรรคการเมืองกลับมาเป็นประเด็นทางการเมืองอีกครั้งภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ6พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ครอบงำพรรคเพื่อไทย
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า กระบวนการหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนจะต้องตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆ พยานบุคคล ซึ่งอาจจะต้องเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากข้อมูล พยานเอกสาร และหลักฐาน ยังไม่ครบถ้วนที่จะสรุปความเห็นของสำนวนเสนอนายทะเบียนพรรคได้ สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ
    .
    ขณะที่ มีท่าทีจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทยอย่างนายสรวงศ์ เทียนทอง ระบุว่า พรรคมีข้อมูลและหลักฐานเพียงพอที่จะต่อสู้ประเด็นนี้ แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากให้หน่วยงานต่างๆ คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ เพราะทุกครั้งที่มีการร้องเรียนและหน่วยงานที่รับผิดชอบรับมาเป็นประเด็น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนตลอดจนนักท่องเที่ยวก็จะหายไปทันที
    .
    "ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างประดังเข้ามาหลังจากที่เราประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคการเมืองนี้" นายสรวงศ์ ตอบคำถามที่ถามว่ามองว่าเป็นเกมการเมืองหลังจากที่เราผลักพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
    ..............
    Sondhi X
    กกต.ขีดเส้น 30 วัน ยุบ6พรรคการเมือง เพื่อไทยโวยโดนล้างแค้น . คดียุบพรรคการเมืองกลับมาเป็นประเด็นทางการเมืองอีกครั้งภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ6พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ครอบงำพรรคเพื่อไทย . ทั้งนี้ มีรายงานว่า กระบวนการหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนจะต้องตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆ พยานบุคคล ซึ่งอาจจะต้องเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากข้อมูล พยานเอกสาร และหลักฐาน ยังไม่ครบถ้วนที่จะสรุปความเห็นของสำนวนเสนอนายทะเบียนพรรคได้ สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ . ขณะที่ มีท่าทีจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทยอย่างนายสรวงศ์ เทียนทอง ระบุว่า พรรคมีข้อมูลและหลักฐานเพียงพอที่จะต่อสู้ประเด็นนี้ แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากให้หน่วยงานต่างๆ คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ เพราะทุกครั้งที่มีการร้องเรียนและหน่วยงานที่รับผิดชอบรับมาเป็นประเด็น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนตลอดจนนักท่องเที่ยวก็จะหายไปทันที . "ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างประดังเข้ามาหลังจากที่เราประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคการเมืองนี้" นายสรวงศ์ ตอบคำถามที่ถามว่ามองว่าเป็นเกมการเมืองหลังจากที่เราผลักพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1455 Views 0 Reviews
  • #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค
    เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
    ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี
    -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร
    -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน
    -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า
    1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต
    2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา
    3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น
    คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า 1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต 2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา 3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1242 Views 70 0 Reviews
  • ทำงง 'ทักษิณ' ครอบงำพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร (10/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ขี้ข้าม้าใช้ทักษิณ #ประธานวิปรัฐบาล
    ทำงง 'ทักษิณ' ครอบงำพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร (10/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ขี้ข้าม้าใช้ทักษิณ #ประธานวิปรัฐบาล
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 2083 Views 451 0 Reviews
  • #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค
    เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
    ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี
    -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร
    -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน
    -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า
    1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต
    2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา
    3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น
    คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า 1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต 2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา 3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    0 Comments 0 Shares 1199 Views 0 Reviews
  • #อีกหนึ่งความหรรษา
    ด้วยความใจร้อน พอรู้ว่านิดถูกถอด
    รีบโทรไปเรียกพรรคร่วมมาเคลียที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
    พบปรากฏว่า บ้านจันทร์ส่องหล้าคือสถานที่พักโทษของโทนี่
    ที่ถูกระบุไว้ที่ราชทัณฑ์ ไม่ใช่บ้านอิ๊ง หรือพรรคเพื่อไทย
    ครบองค์ประกอบ เตรียมถูกร้องเรียน
    ครอบงำพรรคการเมือง เป็นอันดับต่อปายยยยย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อีกหนึ่งความหรรษา ด้วยความใจร้อน พอรู้ว่านิดถูกถอด รีบโทรไปเรียกพรรคร่วมมาเคลียที่บ้านจันทร์ส่องหล้า พบปรากฏว่า บ้านจันทร์ส่องหล้าคือสถานที่พักโทษของโทนี่ ที่ถูกระบุไว้ที่ราชทัณฑ์ ไม่ใช่บ้านอิ๊ง หรือพรรคเพื่อไทย ครบองค์ประกอบ เตรียมถูกร้องเรียน ครอบงำพรรคการเมือง เป็นอันดับต่อปายยยยย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 616 Views 0 Reviews
  • #ไม่เอาพลปชรไม่เอาวงศ์สุวรรณ
    รู้ที่มาละทำไมโทนี่หัวร้อนจี๋
    ก็คนที่วางแผนสอยนิด
    และโทนี่ต้องเจอ112ซ้ำแบบไม่สมัครใจ
    ก็ลุง ไม่ลุ้ว ไม่ลู้ว นี่แหละ
    ลุงนะลุง ทำเหมือนโบ๊งเบ๊ง แบ๊วๆ
    ที่แท้ลุงนี่เอง แสบซะทักษิณประกาศ
    ไม่เอาพลปชร ไม่เอาวงศ์สุวรรณ
    พอเค้าเหมือนจะเปิดให้ลุงเข้าร่วมรัฐบาล
    ลุงก็ส่งธรรมนัสไปอีก ลุงเก่งอิ๊บอ๊ายเลย
    แล้วเมื่อเช้าให้สัมภาษณ์ว่าจะไปร่วมรัฐบาล
    แถมพ่วงด้วยว่า คุยกับทักษิณแล้ว
    ป๊าด ลุง จะคุยต้องคุยกับอิ๊งหัวหน้าพรรค
    ลุงไปตกลงกับโทนี่นั่นหมายความว่า
    "โทนี่ครอบงำพรรค" นะลุ๊ง โอยไม่ไหวจะขำ
    5555555
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไม่เอาพลปชรไม่เอาวงศ์สุวรรณ รู้ที่มาละทำไมโทนี่หัวร้อนจี๋ ก็คนที่วางแผนสอยนิด และโทนี่ต้องเจอ112ซ้ำแบบไม่สมัครใจ ก็ลุง ไม่ลุ้ว ไม่ลู้ว นี่แหละ ลุงนะลุง ทำเหมือนโบ๊งเบ๊ง แบ๊วๆ ที่แท้ลุงนี่เอง แสบซะทักษิณประกาศ ไม่เอาพลปชร ไม่เอาวงศ์สุวรรณ พอเค้าเหมือนจะเปิดให้ลุงเข้าร่วมรัฐบาล ลุงก็ส่งธรรมนัสไปอีก ลุงเก่งอิ๊บอ๊ายเลย แล้วเมื่อเช้าให้สัมภาษณ์ว่าจะไปร่วมรัฐบาล แถมพ่วงด้วยว่า คุยกับทักษิณแล้ว ป๊าด ลุง จะคุยต้องคุยกับอิ๊งหัวหน้าพรรค ลุงไปตกลงกับโทนี่นั่นหมายความว่า "โทนี่ครอบงำพรรค" นะลุ๊ง โอยไม่ไหวจะขำ 5555555 #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews