• #ก้องห้วยไร่อัดคลิปขอให้เชียร์บิ๊กแม็ต
    ทิ้งท้าย
    ไม่รู้เชียร์ทำไม สุดท้ายผมได้ตังค์คนเดียว เหอะๆ
    จบการรายงาน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ก้องห้วยไร่อัดคลิปขอให้เชียร์บิ๊กแม็ต ทิ้งท้าย ไม่รู้เชียร์ทำไม สุดท้ายผมได้ตังค์คนเดียว เหอะๆ จบการรายงาน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมื่อโจเคลมมา
    #ก้องก็ตอบไว
    "ไม่รู้เงินใคร
    กรูแจกหมดแล้ว"
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เมื่อโจเคลมมา #ก้องก็ตอบไว "ไม่รู้เงินใคร กรูแจกหมดแล้ว" ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 639 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สรุปใครเปื่อยเอาให้แน่นะนาง
    โจลั่น ก้องห้วยไร่ มีเงินกามินด้วยห้าแสน
    เช็ด เขร้
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สรุปใครเปื่อยเอาให้แน่นะนาง โจลั่น ก้องห้วยไร่ มีเงินกามินด้วยห้าแสน เช็ด เขร้ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1079 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ้าวทองใบ
    จ้าวทองใบ#แกรนด์แชมป์ #พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน
    ควายงามเมืองสระแก้ว เสี่ยก้องเจ้าพระยา พัฒนาควายไทยด้วยใจรัก 089-253-3593
    จ้าวทองใบ จ้าวทองใบ#แกรนด์แชมป์ #พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน ควายงามเมืองสระแก้ว เสี่ยก้องเจ้าพระยา พัฒนาควายไทยด้วยใจรัก 089-253-3593
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • จ้าวทองใบ
    จ้าวทองใบ#แกรนด์แชมป์ #พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน
    ควายงามเมืองสระแก้ว เสี่ยก้องเจ้าพระยา พัฒนาควายไทยด้วยใจรัก 089-253-3593
    https://youtu.be/mXtqty_yDoQ
    ✨จ้าวทองใบ จ้าวทองใบ#แกรนด์แชมป์ #พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน ควายงามเมืองสระแก้ว เสี่ยก้องเจ้าพระยา พัฒนาควายไทยด้วยใจรัก 089-253-3593 https://youtu.be/mXtqty_yDoQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปริศนาแมวดำทั้ง7

    เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์

    หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน

    เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง

    ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ

    เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน

    เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี

    เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย

    ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป

    ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ

    ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว

    คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ

    ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป

    ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี

    ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน

    ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์!

    #เรื่องสั้น
    #เรื่องสั้นแปล
    #กันยรัตน์
    #แมวดำ
    #สืบสวน
    #คดีปริศนา
    #เอลเลอรีควีน
    #นักสืบ
    #thaitimes
    #ปริศนาแมวดำทั้ง7 เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์ หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี 📌ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน 📌 ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์! #เรื่องสั้น #เรื่องสั้นแปล #กันยรัตน์ #แมวดำ #สืบสวน #คดีปริศนา #เอลเลอรีควีน #นักสืบ #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ้าวทองใบ
    แกรนด์แชมป์ 11 สนาม
    พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน
    ติดต่อ:Facebook ก้อง เจ้าพระยา
    .......................................................
    #นินลนีย์ฟาร์มเขาใหญ่
    #ควายงามเมืองสระแก้ว
    #จ้าวทองใบ
    #ก้อง เจ้าพระยา
    ✨จ้าวทองใบ ✨แกรนด์แชมป์ 11 สนาม ✨พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน ✨ติดต่อ:Facebook ก้อง เจ้าพระยา ....................................................... #นินลนีย์ฟาร์มเขาใหญ่ #ควายงามเมืองสระแก้ว #จ้าวทองใบ #ก้อง เจ้าพระยา
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 62 0 รีวิว
  • Huawei รุกแล้ว! ปล่อยทีเซอร์ "สมาร์ทโฟนพับ 3 ทบ" ใช้ "หลิว เต๋อหัว" เป็นพรีเซนเตอร์
    .
    วันนี้ (5 ก.ย.) บัญชีเวยป๋อ หัวเว่ยจงตวน (华为终端) ของบริษัทหัวเว่ย บริษัทไอทีชั้นนำของจีนได้เผยแพร่คลิปวีดิโอประชาสัมพันธ์ สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของบริษัทคือ Huawei Mate XT | Ultimate design ความยาว 39 วินาที โดยใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราฮ่องกงชื่อก้องอย่าง หลิว เต๋อหัว หรือ แอนดี้ เลา
    .
    ทั้งนี้ ดีไซน์ฝาหลังของ Huawei Mate XT | Ultimate design นั้นแสดงให้เห็นโมดูลกล้องแบบ 8 เหลี่ยม โดยเมื่อตอนกางออกจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการกางออกแบบ 3 ทบ (Tri-fold) โดยถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ๆ ที่มีดีไซน์แบบ 3 ทบ
    .
    สำหรับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN นั้นมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 10 กันยายน 2567 ในเวลา 14:30น. ตามเวลาในประเทศจีน (13:30น. ตามเวลาในไทย) หลังจากแอปเปิลจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่คือ iPhone 16
    .
    华为终端 HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN >> https://weibo.com/1839167003/5075168815483932#repost
    Huawei รุกแล้ว! ปล่อยทีเซอร์ "สมาร์ทโฟนพับ 3 ทบ" ใช้ "หลิว เต๋อหัว" เป็นพรีเซนเตอร์ . วันนี้ (5 ก.ย.) บัญชีเวยป๋อ หัวเว่ยจงตวน (华为终端) ของบริษัทหัวเว่ย บริษัทไอทีชั้นนำของจีนได้เผยแพร่คลิปวีดิโอประชาสัมพันธ์ สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของบริษัทคือ Huawei Mate XT | Ultimate design ความยาว 39 วินาที โดยใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราฮ่องกงชื่อก้องอย่าง หลิว เต๋อหัว หรือ แอนดี้ เลา . ทั้งนี้ ดีไซน์ฝาหลังของ Huawei Mate XT | Ultimate design นั้นแสดงให้เห็นโมดูลกล้องแบบ 8 เหลี่ยม โดยเมื่อตอนกางออกจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการกางออกแบบ 3 ทบ (Tri-fold) โดยถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ๆ ที่มีดีไซน์แบบ 3 ทบ . สำหรับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN นั้นมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 10 กันยายน 2567 ในเวลา 14:30น. ตามเวลาในประเทศจีน (13:30น. ตามเวลาในไทย) หลังจากแอปเปิลจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่คือ iPhone 16 . 华为终端 HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN >> https://weibo.com/1839167003/5075168815483932#repost
    Like
    Love
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 4
    ปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.2011 Feltman ซึ่งเป็นทั้งนายและเพื่อน Stevens เดินทางมา Benghazi เพื่อมาฟังความคืบหน้า ในการนัดพบครั้งหลังสุดในวันที่ 20 สิงหาคม กับแกนนำระดับสูงของฝ่ายกบฎ ซึ่งเป็นระดับรัฐมนตรี ฝ่ายอเมริกันอยากรู้ให้แน่ใจว่าฝ่ายกบฏจะบุก Tripoli เมื่อไหร่
    เมื่อทั้ง 2 คนเดินเข้าไปที่โรงแรม El Fadeel Hotel ซึ่งรัฐมนตรีนั่งคอยอยู่ในห้องประชุม Stevens กระซิบบอก Feltman ว่า เรายังมีเวลา เราไปนั่งสังเกตการณ์สักพักกันดีกว่า Stevens ชอบไปซุ่มสังเกตการณ์ตามร้านกาแฟ หรือตลาด ในสำนักงานหรือห้องรับแขก เขาต้องการได้ข้อมูล บางที่เป็นข้อมูลทั่วไป บางที่เป็นข้อมูลเฉพาะ เขาบอกว่าเราจะไม่ได้ข้อมูลนั้นจากการถามตรงๆหรอก เราจะได้จากการฟังมากกว่าการถาม แล้วเขาจะใช้วิธีหยุดฟังเวลาคุย หยุดเพื่อสร้างโอกาส ให้อีกฝ่ายพูดเติม
    รัฐมนตรีที่พวกอเมริกันจะไปคุยด้วยนี้ เป็นรัฐมนตรีที่ Qaddafi ตัดสินประหารชีวิตหลังจาก ที่เจ้าตัวหนีมาแล้ว รัฐมนตรีทักทายกับอเมริกันอย่างเป็นมิตร ชาถูกนำมาเสริฟ การสนทนาเริ่มขึ้น รัฐมนตรีเล่าถึงการที่เตรียมบุก Tripoli ซึ่งขณะนั้นการรบกำลังรุกไปที่ Soug-al-Jumaa เมืองที่อยู่ติด ๆ กับ Barghazi ส่วนเมืองอื่นๆจะลุกฮือพร้อมนำอาวุธที่ลอบนำเข้าไปไว้ในเมืองแล้ว และถึงตอนนั้นชาวเมือง Tripoli ก็จะประกาศว่าพวกเขาได้ทำการปฏิวัติแล้ว และกองกำลังคณะปฏิวัติก็จะรุกคืบไปทางตะวันออกต่อไป
    รัฐมนตรีอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติการอย่างชัดเจน แต่ Felthman ยังสงสัยว่า ไอ้ทีพูดมาทั้งหมดจะเชื่อถือได้ขนาดไหน
    “แล้วทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” Stevens ถาม
    “จวนแล้วละ” รัฐมนตรีตอบ
    Stevens จิบชา แล้วถามต่อว่า เออ ! จวนแล้วของคุณนี่หมายความว่าอย่างไรนะ
    “ในไม่ช้านี้ละ”
    “เราได้ยินมาแยะแล้ว” Stevens พูดนุ่มๆ และเงียบ มันไม่ใช่ความเงียบแบบที่ทำให้อึดอัด แต่ดูเป็นการพักคิดมากกว่า Stevens เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการทำให้ความเงียบกลายเป็นการเชื้อเชิญ
    รัฐมนตรีพูดต่อว่า “มันจะเริ่มคืนนี้แล้วละ”
    นี่เป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้น สมมุติว่าเป็นเรื่องจริง จังหวะเวลา การออกแบบ การจับอาวุธลุกขึ้นมาต่อสู้ในเมืองหลวงของประเทศที่ปกครองโดยเผด็จการมากว่า 40 ปี ! ทั้ง Stevens และ Felthman ต่างรีบส่งรหัสลับรายงานไปทางวอซิงตัน แต่มันก็ต้องระมัดระวังอย่างมาก ใครจะรู้ว่าจะเชื่อใครได้ขนาดไหนในระหว่างการทำสงคราม ?
    ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินหลังกำแพง Château Christophe ความมืดค่อยๆเข้ามาครอบคลุมเถาองุ่นต้นฝรั่งและเรือนรับรอง หลังจากมืดสนิท Felthman ได้ยินเสียงของปืนไรเฟิลดังก้อง เสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องเหมือนการเฉลิมฉลอง
    การต่อสู้ที่ Tripoli ได้เริ่มขึ้นแล้วพร้อมกับเสียงสวดที่กำลังเริ่มเช่นกัน และเมืองที่ตื่นขึ้นมาเมืองแรกคือ Souq al-Jamaa
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 4 ปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.2011 Feltman ซึ่งเป็นทั้งนายและเพื่อน Stevens เดินทางมา Benghazi เพื่อมาฟังความคืบหน้า ในการนัดพบครั้งหลังสุดในวันที่ 20 สิงหาคม กับแกนนำระดับสูงของฝ่ายกบฎ ซึ่งเป็นระดับรัฐมนตรี ฝ่ายอเมริกันอยากรู้ให้แน่ใจว่าฝ่ายกบฏจะบุก Tripoli เมื่อไหร่ เมื่อทั้ง 2 คนเดินเข้าไปที่โรงแรม El Fadeel Hotel ซึ่งรัฐมนตรีนั่งคอยอยู่ในห้องประชุม Stevens กระซิบบอก Feltman ว่า เรายังมีเวลา เราไปนั่งสังเกตการณ์สักพักกันดีกว่า Stevens ชอบไปซุ่มสังเกตการณ์ตามร้านกาแฟ หรือตลาด ในสำนักงานหรือห้องรับแขก เขาต้องการได้ข้อมูล บางที่เป็นข้อมูลทั่วไป บางที่เป็นข้อมูลเฉพาะ เขาบอกว่าเราจะไม่ได้ข้อมูลนั้นจากการถามตรงๆหรอก เราจะได้จากการฟังมากกว่าการถาม แล้วเขาจะใช้วิธีหยุดฟังเวลาคุย หยุดเพื่อสร้างโอกาส ให้อีกฝ่ายพูดเติม รัฐมนตรีที่พวกอเมริกันจะไปคุยด้วยนี้ เป็นรัฐมนตรีที่ Qaddafi ตัดสินประหารชีวิตหลังจาก ที่เจ้าตัวหนีมาแล้ว รัฐมนตรีทักทายกับอเมริกันอย่างเป็นมิตร ชาถูกนำมาเสริฟ การสนทนาเริ่มขึ้น รัฐมนตรีเล่าถึงการที่เตรียมบุก Tripoli ซึ่งขณะนั้นการรบกำลังรุกไปที่ Soug-al-Jumaa เมืองที่อยู่ติด ๆ กับ Barghazi ส่วนเมืองอื่นๆจะลุกฮือพร้อมนำอาวุธที่ลอบนำเข้าไปไว้ในเมืองแล้ว และถึงตอนนั้นชาวเมือง Tripoli ก็จะประกาศว่าพวกเขาได้ทำการปฏิวัติแล้ว และกองกำลังคณะปฏิวัติก็จะรุกคืบไปทางตะวันออกต่อไป รัฐมนตรีอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติการอย่างชัดเจน แต่ Felthman ยังสงสัยว่า ไอ้ทีพูดมาทั้งหมดจะเชื่อถือได้ขนาดไหน “แล้วทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” Stevens ถาม “จวนแล้วละ” รัฐมนตรีตอบ Stevens จิบชา แล้วถามต่อว่า เออ ! จวนแล้วของคุณนี่หมายความว่าอย่างไรนะ “ในไม่ช้านี้ละ” “เราได้ยินมาแยะแล้ว” Stevens พูดนุ่มๆ และเงียบ มันไม่ใช่ความเงียบแบบที่ทำให้อึดอัด แต่ดูเป็นการพักคิดมากกว่า Stevens เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการทำให้ความเงียบกลายเป็นการเชื้อเชิญ รัฐมนตรีพูดต่อว่า “มันจะเริ่มคืนนี้แล้วละ” นี่เป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้น สมมุติว่าเป็นเรื่องจริง จังหวะเวลา การออกแบบ การจับอาวุธลุกขึ้นมาต่อสู้ในเมืองหลวงของประเทศที่ปกครองโดยเผด็จการมากว่า 40 ปี ! ทั้ง Stevens และ Felthman ต่างรีบส่งรหัสลับรายงานไปทางวอซิงตัน แต่มันก็ต้องระมัดระวังอย่างมาก ใครจะรู้ว่าจะเชื่อใครได้ขนาดไหนในระหว่างการทำสงคราม ? ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินหลังกำแพง Château Christophe ความมืดค่อยๆเข้ามาครอบคลุมเถาองุ่นต้นฝรั่งและเรือนรับรอง หลังจากมืดสนิท Felthman ได้ยินเสียงของปืนไรเฟิลดังก้อง เสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องเหมือนการเฉลิมฉลอง การต่อสู้ที่ Tripoli ได้เริ่มขึ้นแล้วพร้อมกับเสียงสวดที่กำลังเริ่มเช่นกัน และเมืองที่ตื่นขึ้นมาเมืองแรกคือ Souq al-Jamaa คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เฟซบุ๊ก ปะการัง 31 ก.ค.2567

    ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยสมัยศตวรรษที่ 15 “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” (The Last Supper) โดยศิลปินชื่อก้องโลกชาวอิตาลี เลโอนาร์โด ดาวินชี วาดจากเหตุการณ์ระหว่างทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับสิบสองอัครสาวก ก่อนที่จะถูกยูดาสทรยศ ทำให้พระองค์ถูกจับไปประหารชีวิตบนไม้กางเขน...
    .
    มีเรื่องเล่าเบื้องหลังภาพวาดนี้ (ไม่ยืนยันว่าจริงแท้แค่ไหน) จากหนังสือนวนิยาย “The Devil & Miss Prym” ของ Paulo Coelho (ฉบับภาษาไทย “เมืองทดสอบบาป” แปลโดย กอบชลี และกันเกรา) - - ผู้เขียนเปาโลเล่าว่า เมื่อตอนที่เลโอนาร์โด ดาวินชี วาดภาพนี้ เขาพบกับปัญหาที่ยากลำบากมาก นั่นคือ การวาดภาพ ‘ความดี’ของพระเยซู และ ‘ความชั่วร้าย’ของยูดาส เขาต้องหยุดวาด จนกว่าจะพบต้นแบบจำลองในอุดมคติ
    .
    วันหนึ่ง ขณะที่เลโอนาร์โดฟังคณะนักร้องประสานเสียง เขามองเห็นภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของพระเยซูในตัวเด็กคนหนึ่ง เขาเชิญเด็กไปที่สตูดิโอและวาดภาพร่างและศึกษาใบหน้าของเด็กคนนั้น และวาดภาพพระเยซูสำเร็จ
    .
    สามปีผ่านไป ภาพ 'อาหารค่ำมื้อสุดท้าย'เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เลโอนาร์โดยังไม่พบแบบจำลองที่สมบูรณ์แบบสำหรับยูดาส พระคาร์ดินัลที่รับผิดชอบโบสถ์เริ่มกดดันให้เขาวาดภาพฝาผนังให้เสร็จโดยเร็ว
    .
    หลังจากใช้เวลาเสาะหาอีกหลายวัน เลโอนาร์โดก็ได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาแก่ก่อนวัยคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าขี้ริ้วมอมแมม นอนเมาอยู่ในรางน้ำ เขาบอกผู้ช่วยให้พาชายขอทานคนนั้นกลับไปที่โบสถ์ เพราะไม่มีเวลาแล้ว
    .
    ชายขอทานเมาไม่ได้สติถูกนำตัวไปโดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลโอนาร์โดรีบคัดลอกเค้าโครงความไม่ซื่อสัตย์ ความบาป และความเห็นแก่ตัวที่ฝังไว้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของชายขอทานทันที
    .
    เมื่อวาดเสร็จ ชายขอทานเริ่มสร่างเมา เขาลืมตาขึ้นและเห็นภาพตรงหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดว่า “ผมเคยเห็นรูปนั้นมาก่อน!”
    .
    "เมื่อไหร่?" เลโอนาร์โดถามด้วยความประหลาดใจ
    .
    “เมื่อสามปีที่แล้ว ก่อนที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วงที่ผมร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงและชีวิตยังเต็มไปด้วยความฝัน ท่านขอให้ผมเป็นต้นแบบสำหรับพระพักตร์พระเยซู!”
    .
    สารจากเรื่องเล่านี้ บอกเราว่า ความดีกับความชั่วร้ายนั้น มีใบหน้าเดียวกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า มันจะผ่านเข้ามาในเส้นทางชีวิตของเราแต่ละคนเมื่อไร... เท่านั้นเอง
    .
    ภาพ“อาหารค่ำมื้อสุดท้าย”นี้ ถูกกล่าวถึงอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะมีการแสดงล้อเลียนในพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส 2024 ซึ่งมีหลายคนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ถึงความเหมาะสมกับการแสดงออกในลักษณะนี้ เพราะขณะที่โลกกำลังมุ่งแสวงหาสันติภาพด้วยเกมกีฬาสานสามัคคี คนกลุ่มหนึ่งกลับตอกย้ำให้แตกแยกด้วยการล้อเลียนความเชื่อของผู้อื่น - -
    .
    อันที่จริง สำหรับผม ไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่โต หรือน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะพระเยซูเองก็เคยถูกยั่วเย้ยเยาะหยันมายิ่งกว่านี้ แม้ขณะถูกตรึงเลือดโชกบนไม้กางเขน พระองค์ยังตรัสต่อพระบิดาว่า “...โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”
    .
    พระเยซูเองยิ่งย่อมรู้ดีว่า มนุษย์นั้นมีความดีกับความชั่วร้ายบนใบหน้าเดียวกัน... ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้แล้ว- - การเยาะเย้ยเหยียดหยันตั้งแต่สองพันปีก่อน จึงยังคงดำเนินตลอดมาและต่อไปตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และต้องขอบคุณการล้อเลียนของพวกเขา เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น มักส่งผลให้เราต้องหวนกลับไปทบทวนอ่านคำสอนของพระองค์อีกครั้ง ตระหนักอย่างหนักแน่นว่ายิ่งโลกนี้เตลิดไปทางความชั่วร้ายอย่างสุดเหวี่ยงเท่าใด เรายิ่งต้องเชื่อมั่นในคำสอนของพระเจ้าอย่างสุดโต่งเท่านั้น!
    . . . . .

    การยอมรับในความเชื่อของคนอื่น
    ไม่ได้ทำให้โลกของเราแคบลง
    แต่ทำให้ใจของเรากว้างขึ้น
    .
    การเคารพในความศรัทธาของคนอื่น
    ไม่ได้ทำให้เราต้อยต่ำ
    หากยกใจเราให้สูงขึ้น
    .
    ปะการัง

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/4XpWozK6DP9HuaEd/?mibextid=WC7FNe
    รีโพสต์เฟซบุ๊ก ปะการัง 31 ก.ค.2567 ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยสมัยศตวรรษที่ 15 “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” (The Last Supper) โดยศิลปินชื่อก้องโลกชาวอิตาลี เลโอนาร์โด ดาวินชี วาดจากเหตุการณ์ระหว่างทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับสิบสองอัครสาวก ก่อนที่จะถูกยูดาสทรยศ ทำให้พระองค์ถูกจับไปประหารชีวิตบนไม้กางเขน... . มีเรื่องเล่าเบื้องหลังภาพวาดนี้ (ไม่ยืนยันว่าจริงแท้แค่ไหน) จากหนังสือนวนิยาย “The Devil & Miss Prym” ของ Paulo Coelho (ฉบับภาษาไทย “เมืองทดสอบบาป” แปลโดย กอบชลี และกันเกรา) - - ผู้เขียนเปาโลเล่าว่า เมื่อตอนที่เลโอนาร์โด ดาวินชี วาดภาพนี้ เขาพบกับปัญหาที่ยากลำบากมาก นั่นคือ การวาดภาพ ‘ความดี’ของพระเยซู และ ‘ความชั่วร้าย’ของยูดาส เขาต้องหยุดวาด จนกว่าจะพบต้นแบบจำลองในอุดมคติ . วันหนึ่ง ขณะที่เลโอนาร์โดฟังคณะนักร้องประสานเสียง เขามองเห็นภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของพระเยซูในตัวเด็กคนหนึ่ง เขาเชิญเด็กไปที่สตูดิโอและวาดภาพร่างและศึกษาใบหน้าของเด็กคนนั้น และวาดภาพพระเยซูสำเร็จ . สามปีผ่านไป ภาพ 'อาหารค่ำมื้อสุดท้าย'เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เลโอนาร์โดยังไม่พบแบบจำลองที่สมบูรณ์แบบสำหรับยูดาส พระคาร์ดินัลที่รับผิดชอบโบสถ์เริ่มกดดันให้เขาวาดภาพฝาผนังให้เสร็จโดยเร็ว . หลังจากใช้เวลาเสาะหาอีกหลายวัน เลโอนาร์โดก็ได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาแก่ก่อนวัยคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าขี้ริ้วมอมแมม นอนเมาอยู่ในรางน้ำ เขาบอกผู้ช่วยให้พาชายขอทานคนนั้นกลับไปที่โบสถ์ เพราะไม่มีเวลาแล้ว . ชายขอทานเมาไม่ได้สติถูกนำตัวไปโดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลโอนาร์โดรีบคัดลอกเค้าโครงความไม่ซื่อสัตย์ ความบาป และความเห็นแก่ตัวที่ฝังไว้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของชายขอทานทันที . เมื่อวาดเสร็จ ชายขอทานเริ่มสร่างเมา เขาลืมตาขึ้นและเห็นภาพตรงหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดว่า “ผมเคยเห็นรูปนั้นมาก่อน!” . "เมื่อไหร่?" เลโอนาร์โดถามด้วยความประหลาดใจ . “เมื่อสามปีที่แล้ว ก่อนที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วงที่ผมร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงและชีวิตยังเต็มไปด้วยความฝัน ท่านขอให้ผมเป็นต้นแบบสำหรับพระพักตร์พระเยซู!” . สารจากเรื่องเล่านี้ บอกเราว่า ความดีกับความชั่วร้ายนั้น มีใบหน้าเดียวกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า มันจะผ่านเข้ามาในเส้นทางชีวิตของเราแต่ละคนเมื่อไร... เท่านั้นเอง . ภาพ“อาหารค่ำมื้อสุดท้าย”นี้ ถูกกล่าวถึงอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะมีการแสดงล้อเลียนในพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส 2024 ซึ่งมีหลายคนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ถึงความเหมาะสมกับการแสดงออกในลักษณะนี้ เพราะขณะที่โลกกำลังมุ่งแสวงหาสันติภาพด้วยเกมกีฬาสานสามัคคี คนกลุ่มหนึ่งกลับตอกย้ำให้แตกแยกด้วยการล้อเลียนความเชื่อของผู้อื่น - - . อันที่จริง สำหรับผม ไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่โต หรือน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะพระเยซูเองก็เคยถูกยั่วเย้ยเยาะหยันมายิ่งกว่านี้ แม้ขณะถูกตรึงเลือดโชกบนไม้กางเขน พระองค์ยังตรัสต่อพระบิดาว่า “...โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” . พระเยซูเองยิ่งย่อมรู้ดีว่า มนุษย์นั้นมีความดีกับความชั่วร้ายบนใบหน้าเดียวกัน... ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้แล้ว- - การเยาะเย้ยเหยียดหยันตั้งแต่สองพันปีก่อน จึงยังคงดำเนินตลอดมาและต่อไปตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และต้องขอบคุณการล้อเลียนของพวกเขา เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น มักส่งผลให้เราต้องหวนกลับไปทบทวนอ่านคำสอนของพระองค์อีกครั้ง ตระหนักอย่างหนักแน่นว่ายิ่งโลกนี้เตลิดไปทางความชั่วร้ายอย่างสุดเหวี่ยงเท่าใด เรายิ่งต้องเชื่อมั่นในคำสอนของพระเจ้าอย่างสุดโต่งเท่านั้น! . . . . . การยอมรับในความเชื่อของคนอื่น ไม่ได้ทำให้โลกของเราแคบลง แต่ทำให้ใจของเรากว้างขึ้น . การเคารพในความศรัทธาของคนอื่น ไม่ได้ทำให้เราต้อยต่ำ หากยกใจเราให้สูงขึ้น . ปะการัง ที่มา : https://www.facebook.com/share/4XpWozK6DP9HuaEd/?mibextid=WC7FNe
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว