• ลิเวอร์พูลเตรียมคว้าแชมป์ (08/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ลิเวอร์พูล #แชมป์พรีเมียร์ลีก
    ลิเวอร์พูลเตรียมคว้าแชมป์ (08/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ลิเวอร์พูล #แชมป์พรีเมียร์ลีก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • อยากต่อยอีก 3 ครั้งสำคัญ ก่อนจะแขวนนวมหรือจะชกต่อ (08/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #รถถังจิตรเมืองนนท์
    อยากต่อยอีก 3 ครั้งสำคัญ ก่อนจะแขวนนวมหรือจะชกต่อ (08/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #รถถังจิตรเมืองนนท์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • 8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา!
    “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“
    ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!

    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย
    พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ
    รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย
    รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​
    และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต
    ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช.

    ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง”



    เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ

    ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.
    เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022
    โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม
    แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ

    ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า
    การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ

    กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
    แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง

    แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร?

    ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ! วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​ และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส. เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร? ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    THEPUBLISHERTH.COM
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา ! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!
    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วยพล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญรศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัยรศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูตในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมแต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004

    ✅ ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่
    - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น
    - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม

    ✅ การรองรับหลากหลายการใช้งาน
    - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย
    - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา

    ✅ การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma
    - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย

    Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก

    https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004 ✅ ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่ - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม ✅ การรองรับหลากหลายการใช้งาน - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา ✅ การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงเท็จไม่ทราบได้.

    ..Patriots and Frog Family

    “คิดอย่างมีตรรกะ!”

    ในตอนนี้ของภารกิจ คำพูดเหล่านั้นมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องจำไว้ว่าเรากำลังอยู่ในสงคราม... ใช่ นี่คือภาพยนตร์ แต่เรายังคงอยู่ในสงครามและต้องเล่นตามบทบาทของเรา โอเค มาร์ นี่มันตรรกะได้ยังไงเนี่ย? โอเค เริ่มเลย... ใช่แล้ว คิวบอกเราว่านี่คือภาพยนตร์ เพราะตัวร้ายหลักทั้งหมดถูกกำจัดออกไปแล้ว (ศาลทหาร การประหารชีวิต หรือกิตโม่-ตลอดไป-ตลอดไป) ก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เหมือนกับในสงครามทุกครั้ง การทำความสะอาดเกิดขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่... แล้วภาพยนตร์ล่ะ? ภาพยนตร์ต้องการโครงเรื่อง ตัวละครหลัก และผู้ชม เพื่อให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นเบื้องหลัง นั่นคือจุดที่เราเข้ามาในฐานะนักข่าวดิจิทัลของฟลินน์... ในฐานะ F.R.OG. ของฟลินน์!!! เราเริ่มแคมเปญด้วยส่วนที่ทรงพลังที่สุดในตอนแรก... แคมเปญ #SaveTheChildren ของเรา เมื่อเราปลุกคนจำนวนมากให้ตื่นขึ้นแล้ว เราก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าใคร อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไมลูกๆ ของเราจึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นเราก็ได้ข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น เช่น อะดรีโนโครม คลับรองเท้าสีแดง คลับตาสีดำ คลับพิซซ่า การกินเนื้อคน ฯลฯ และเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ เราจึงสามารถรวบรวมกบมาช่วยเหลือเราได้มากขึ้น เราเปิดโปงนักการเมือง ฮอลลีวูด นักกีฬา และนักดนตรีชั้นนำ ฯลฯ ขณะที่ทีมกบของเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราได้กลายเป็นข่าว จากนั้นเราก็กลายเป็นนักข่าวดิจิทัลที่คนอื่นไว้วางใจในการหาความจริง ศัตรูไม่เคยเห็นเรามาก่อน พวกเขาเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ถูกล้างสมองจนหมดสิ้น เราทำให้พวกเขาประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ที่เงียบงันลุกจากโซฟาและเข้าร่วมกับเรา อย่าให้ใครบอกคุณว่าตอนนี้เราไม่ใช่คนส่วนใหญ่เพราะเราเป็น!!! ใช่ หลายคนยังคงเป็น "แกะ" แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้ยินความจริง พวกเขาเป็นแกะเพราะพวกเขาเลือกที่จะเป็น พวกเขาสนุกกับการเป็นทาสและถูกบอกว่าต้องทำอะไรทุกวินาทีของวัน มีคนอื่นๆ ที่คิดว่าเราทุกคนเป็นนักทฤษฎีสมคบคิดเช่นกัน คนพวกนั้นต้องการหลักฐาน แต่เมื่อเรายอมรับความจริงกับพวกเขา พวกเขากลับเลือกที่จะไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไม่อยากยอมรับว่าเราถูกชักจูงทางความคิดมาหลายสิบปี ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้อง "คิดอย่างมีตรรกะ"... หยุดเชื่อรายงานของสื่อกระแสหลักและตัวเลขโควิดปลอมๆ ซะที ทำไมคุณยังเสียเวลาดูหรืออ่านเรื่องไร้สาระของพวกเขาอีก??? คิดอย่างมีตรรกะ... คิวบอกว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเท็จ... ตัวอย่าง... เมื่อถูกถาม คิวบอกว่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันรู้เป็นการส่วนตัวและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจอห์นยังมีชีวิตอยู่ ทำไมคิวถึงบอกว่าเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ คุณสามารถหาเหตุผลนั้นได้ด้วยตัวเองใช่ไหม ในสงคราม คุณไม่เคยบอกแผนการของคุณกับศัตรู คุณสังเกตไหมว่าในช่วงหลังนี้ มีข่าวเรื่อง "นั่นไม่เป็นความจริง" เกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า "กำลังต่อสู้" อยู่ คิดอย่างมีตรรกะ บางครั้งการเบี่ยงเบนความสนใจก็จำเป็นเพื่อให้ทุกคนจับจ้องไปที่ข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างหนึ่งทำหน้าที่ให้สำเร็จ ฉันถูกถามว่านายพลฟลินน์เป็นสมาชิกของ Cabal จริงหรือไม่...และถ้าใช่ ฉันจะต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่ม Signal ของฉันซึ่งเรียกว่า "Flynn's F.R.O.G.s" หรือเปล่า โอ้พระเจ้า...แน่นอน ไม่ ไม่ ไม่!!! ฉันได้มองเข้าไปในดวงตาของนายพลและพบว่าเขามีความมุ่งมั่นและภักดีต่อสหรัฐอเมริกาและพลเมืองของประเทศอย่างมาก!!! เขายังซื่อสัตย์ต่อประธานาธิบดีทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวอย่างมากอีกด้วย!!! คิดอย่างมีเหตุผล คิดถึงสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ คิดถึงผู้รักชาติในระดับสูงที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวมากมายเพื่อภารกิจนี้ พูดถึงการเสียสละชีวิตส่วนตัว ลองดูการเสียสละชีวิตส่วนตัวทั้งหมดที่คุณในฐานะกบและผู้รักชาติต้องเผชิญ ประเด็นของฉันในวันนี้คือ เมื่อคุณได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริงสำหรับคุณ ให้คิดอย่างมีเหตุผลและดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแค่เชื่อมั่นว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว เราแข็งแกร่ง!!! ตอนนี้ไม่เคยสำคัญไปกว่าตอนนี้ในการค้นคว้าทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณต้องคิดด้วยตัวเองจริงๆ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องเชื่อมั่นในพระเจ้า เชื่อมั่นในแผนการ หากคุณค้นคว้าข้อมูล คุณจะเข้าใจแผนการได้ดีขึ้นมาก

    เข้าร่วมตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป:
    https://t.me/JFK_Q17
    จริงเท็จไม่ทราบได้. ..Patriots and Frog Family “คิดอย่างมีตรรกะ!” ในตอนนี้ของภารกิจ คำพูดเหล่านั้นมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องจำไว้ว่าเรากำลังอยู่ในสงคราม... ใช่ นี่คือภาพยนตร์ แต่เรายังคงอยู่ในสงครามและต้องเล่นตามบทบาทของเรา โอเค มาร์ นี่มันตรรกะได้ยังไงเนี่ย? โอเค เริ่มเลย... ใช่แล้ว คิวบอกเราว่านี่คือภาพยนตร์ เพราะตัวร้ายหลักทั้งหมดถูกกำจัดออกไปแล้ว (ศาลทหาร การประหารชีวิต หรือกิตโม่-ตลอดไป-ตลอดไป) ก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เหมือนกับในสงครามทุกครั้ง การทำความสะอาดเกิดขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่... แล้วภาพยนตร์ล่ะ? ภาพยนตร์ต้องการโครงเรื่อง ตัวละครหลัก และผู้ชม เพื่อให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นเบื้องหลัง นั่นคือจุดที่เราเข้ามาในฐานะนักข่าวดิจิทัลของฟลินน์... ในฐานะ F.R.OG. ของฟลินน์!!! เราเริ่มแคมเปญด้วยส่วนที่ทรงพลังที่สุดในตอนแรก... แคมเปญ #SaveTheChildren ของเรา เมื่อเราปลุกคนจำนวนมากให้ตื่นขึ้นแล้ว เราก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าใคร อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไมลูกๆ ของเราจึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นเราก็ได้ข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น เช่น อะดรีโนโครม คลับรองเท้าสีแดง คลับตาสีดำ คลับพิซซ่า การกินเนื้อคน ฯลฯ และเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ เราจึงสามารถรวบรวมกบมาช่วยเหลือเราได้มากขึ้น เราเปิดโปงนักการเมือง ฮอลลีวูด นักกีฬา และนักดนตรีชั้นนำ ฯลฯ ขณะที่ทีมกบของเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราได้กลายเป็นข่าว จากนั้นเราก็กลายเป็นนักข่าวดิจิทัลที่คนอื่นไว้วางใจในการหาความจริง ศัตรูไม่เคยเห็นเรามาก่อน พวกเขาเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ถูกล้างสมองจนหมดสิ้น เราทำให้พวกเขาประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ที่เงียบงันลุกจากโซฟาและเข้าร่วมกับเรา อย่าให้ใครบอกคุณว่าตอนนี้เราไม่ใช่คนส่วนใหญ่เพราะเราเป็น!!! ใช่ หลายคนยังคงเป็น "แกะ" แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้ยินความจริง พวกเขาเป็นแกะเพราะพวกเขาเลือกที่จะเป็น พวกเขาสนุกกับการเป็นทาสและถูกบอกว่าต้องทำอะไรทุกวินาทีของวัน มีคนอื่นๆ ที่คิดว่าเราทุกคนเป็นนักทฤษฎีสมคบคิดเช่นกัน คนพวกนั้นต้องการหลักฐาน แต่เมื่อเรายอมรับความจริงกับพวกเขา พวกเขากลับเลือกที่จะไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไม่อยากยอมรับว่าเราถูกชักจูงทางความคิดมาหลายสิบปี ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้อง "คิดอย่างมีตรรกะ"... หยุดเชื่อรายงานของสื่อกระแสหลักและตัวเลขโควิดปลอมๆ ซะที ทำไมคุณยังเสียเวลาดูหรืออ่านเรื่องไร้สาระของพวกเขาอีก??? คิดอย่างมีตรรกะ... คิวบอกว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเท็จ... ตัวอย่าง... เมื่อถูกถาม คิวบอกว่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันรู้เป็นการส่วนตัวและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจอห์นยังมีชีวิตอยู่ ทำไมคิวถึงบอกว่าเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ คุณสามารถหาเหตุผลนั้นได้ด้วยตัวเองใช่ไหม ในสงคราม คุณไม่เคยบอกแผนการของคุณกับศัตรู คุณสังเกตไหมว่าในช่วงหลังนี้ มีข่าวเรื่อง "นั่นไม่เป็นความจริง" เกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า "กำลังต่อสู้" อยู่ คิดอย่างมีตรรกะ บางครั้งการเบี่ยงเบนความสนใจก็จำเป็นเพื่อให้ทุกคนจับจ้องไปที่ข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างหนึ่งทำหน้าที่ให้สำเร็จ ฉันถูกถามว่านายพลฟลินน์เป็นสมาชิกของ Cabal จริงหรือไม่...และถ้าใช่ ฉันจะต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่ม Signal ของฉันซึ่งเรียกว่า "Flynn's F.R.O.G.s" หรือเปล่า โอ้พระเจ้า...แน่นอน ไม่ ไม่ ไม่!!! ฉันได้มองเข้าไปในดวงตาของนายพลและพบว่าเขามีความมุ่งมั่นและภักดีต่อสหรัฐอเมริกาและพลเมืองของประเทศอย่างมาก!!! เขายังซื่อสัตย์ต่อประธานาธิบดีทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวอย่างมากอีกด้วย!!! คิดอย่างมีเหตุผล คิดถึงสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ คิดถึงผู้รักชาติในระดับสูงที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวมากมายเพื่อภารกิจนี้ พูดถึงการเสียสละชีวิตส่วนตัว ลองดูการเสียสละชีวิตส่วนตัวทั้งหมดที่คุณในฐานะกบและผู้รักชาติต้องเผชิญ ประเด็นของฉันในวันนี้คือ เมื่อคุณได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริงสำหรับคุณ ให้คิดอย่างมีเหตุผลและดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแค่เชื่อมั่นว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว เราแข็งแกร่ง!!! ตอนนี้ไม่เคยสำคัญไปกว่าตอนนี้ในการค้นคว้าทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณต้องคิดด้วยตัวเองจริงๆ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องเชื่อมั่นในพระเจ้า เชื่อมั่นในแผนการ หากคุณค้นคว้าข้อมูล คุณจะเข้าใจแผนการได้ดีขึ้นมาก เข้าร่วมตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป: https://t.me/JFK_Q17
    T.ME
    John F. Kennedy Jr.
    If You Know You Know God Bless America
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำหรับ 29 โครงการ ที่ DSI เปิดรายชื่อออกมามีดังนี้ คือ1.อาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น ชุมชนดินแดง การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 807 ล้านบาท2.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาพวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 563 ล้านบาท3.เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนอรุณอมรินทร์-บรมราชชนนี-พรานนก การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 1,261 ล้านบาท4.อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ สน.สุทธิสาร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 139 ล้านบาท5.อาคารบ้านพักส่วนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ลือชา) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 231 ล้านบาท6.อาคารที่ทำการศาลแรงงานกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 467 ล้านบาท7.ระบบรวบรวมน้ำเสียเพิ่มเติม ริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 541 ล้านบาท8.วางท่อประปาและงานที่เกี่ยวข้อง การประปานครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 347 ล้านบาท9.อาคารที่ทำการศาลแพ่งมีนบุรีและศาลอาญามีนบุรี สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 782 ล้านบาท10.หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 129 ล้านบาท11.ทาวน์โฮมสองชั้น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 343 ล้านบาท12.อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 210 ล้านบาท13.อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 9 จังหวัดสงขลา วงเงิน 386 ล้านบาท14.อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุโรงพยาบาลสงขลา วงเงิน 424 ล้านบาท15.อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานนราธิวาส วงเงิน 639 ล้านบาท16.งานเสริมเสถียรภาพและป้องกันน้ำท่วมตามแนวคลองประปาจังหวัดปทุมธานี วงเงิน 194 ล้านบาท17.ระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณโดยรอบสถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี วงเงิน 372 ล้านบาท18.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จังหวัดนนทบุรี วงเงิน 716 ล้านบาท19.อาคารคลังพัสดุสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 146 ล้านบาท20.อาคารกองบังคับการ กรมพลาธิการทหารเรือ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 179 ล้านบาท21.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 2,136 ล้านบาท22.อาคารเรียนและสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนวัดอัมรินทราราม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 160 ล้านบาท23.อาคารสถาบันวิชาการ (PEA ACADEMY) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม วงเงิน 606 ล้านบาท24.อาคารหอพักบุคลากรกางการแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วงเงิน468 ล้านบาท25.ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ วงเงิน 540 ล้านบาท26.การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วงเงิน 608 ล้านบาท27.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 10.7 ล้านบาท28.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 9.9 ล้านบาท29.รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท
    สำหรับ 29 โครงการ ที่ DSI เปิดรายชื่อออกมามีดังนี้ คือ1.อาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น ชุมชนดินแดง การเคหะแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 807 ล้านบาท2.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาพวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 563 ล้านบาท3.เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนอรุณอมรินทร์-บรมราชชนนี-พรานนก การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 1,261 ล้านบาท4.อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ สน.สุทธิสาร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 139 ล้านบาท5.อาคารบ้านพักส่วนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ลือชา) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 231 ล้านบาท6.อาคารที่ทำการศาลแรงงานกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 467 ล้านบาท7.ระบบรวบรวมน้ำเสียเพิ่มเติม ริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 541 ล้านบาท8.วางท่อประปาและงานที่เกี่ยวข้อง การประปานครหลวง กรุงเทพมหานคร วงเงิน 347 ล้านบาท9.อาคารที่ทำการศาลแพ่งมีนบุรีและศาลอาญามีนบุรี สำนักงานศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 782 ล้านบาท10.หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 129 ล้านบาท11.ทาวน์โฮมสองชั้น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 343 ล้านบาท12.อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 210 ล้านบาท13.อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 9 จังหวัดสงขลา วงเงิน 386 ล้านบาท14.อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุโรงพยาบาลสงขลา วงเงิน 424 ล้านบาท15.อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานนราธิวาส วงเงิน 639 ล้านบาท16.งานเสริมเสถียรภาพและป้องกันน้ำท่วมตามแนวคลองประปาจังหวัดปทุมธานี วงเงิน 194 ล้านบาท17.ระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณโดยรอบสถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี วงเงิน 372 ล้านบาท18.สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จังหวัดนนทบุรี วงเงิน 716 ล้านบาท19.อาคารคลังพัสดุสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร วงเงิน 146 ล้านบาท20.อาคารกองบังคับการ กรมพลาธิการทหารเรือ กรุงเทพมหานคร วงเงิน 179 ล้านบาท21.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) กรุงเทพมหานคร วงเงิน 2,136 ล้านบาท22.อาคารเรียนและสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนวัดอัมรินทราราม กรุงเทพมหานคร วงเงิน 160 ล้านบาท23.อาคารสถาบันวิชาการ (PEA ACADEMY) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม วงเงิน 606 ล้านบาท24.อาคารหอพักบุคลากรกางการแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วงเงิน468 ล้านบาท25.ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ วงเงิน 540 ล้านบาท26.การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วงเงิน 608 ล้านบาท27.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 10.7 ล้านบาท28.แขวงทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี วงเงิน 9.9 ล้านบาท29.รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท
    Angry
    1
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาบิล อานาน จะได้ชกมวยสากลสมัครเล่น 04/04/68 #นาบิล อานาน #มวยสากล #กีฬามวยสากล #มวยไทย
    นาบิล อานาน จะได้ชกมวยสากลสมัครเล่น 04/04/68 #นาบิล อานาน #มวยสากล #กีฬามวยสากล #มวยไทย
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • UFC ได้ลงนามข้อตกลงพันธมิตรระยะยาวกับ Meta เพื่อใช้เทคโนโลยีของ Meta ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แฟนมวย โดย UFC จะใช้ Threads เป็นโซเชียลมีเดียหลักแทน X ขณะที่ Meta Quest และ Meta AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น นอกจากนี้ Mark Zuckerberg และ Dana White มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดย White เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta ตั้งแต่ปี 2025

    ✅ Meta Threads กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลหลักของ UFC
    - UFC จะยุติการใช้ X (เดิมคือ Twitter) ในการประชาสัมพันธ์
    - Meta จะได้รับ ตำแหน่งแบรนด์พิเศษระหว่างการถ่ายทอดสด Fight Night และ PPV

    ✅ Mark Zuckerberg กับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ UFC
    - ปี 2022 Zuckerberg เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) และมักปรากฏตัวข้างสังเวียน
    - เขาเคยอยู่ในมุมของ Alexander Volkanovski ใน UFC 298

    ✅ Dana White ประธาน UFC เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta
    - White ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ Meta ตั้งแต่ มกราคม 2025
    - บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง Zuckerberg และ White อาจเป็นเหตุผลที่ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น

    ✅ อนาคตของความร่วมมือ UFC x Meta
    - UFC และ Meta ระบุว่าจะมี การประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการในอนาคต
    - อาจมีการนำ เทคโนโลยี VR และ AR มาสร้างประสบการณ์แฟนกีฬาที่ไม่เคยมีมาก่อน

    https://www.techspot.com/news/107392-multi-year-multimillion-dollar-deal-sees-meta-become.html
    UFC ได้ลงนามข้อตกลงพันธมิตรระยะยาวกับ Meta เพื่อใช้เทคโนโลยีของ Meta ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แฟนมวย โดย UFC จะใช้ Threads เป็นโซเชียลมีเดียหลักแทน X ขณะที่ Meta Quest และ Meta AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น นอกจากนี้ Mark Zuckerberg และ Dana White มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดย White เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta ตั้งแต่ปี 2025 ✅ Meta Threads กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลหลักของ UFC - UFC จะยุติการใช้ X (เดิมคือ Twitter) ในการประชาสัมพันธ์ - Meta จะได้รับ ตำแหน่งแบรนด์พิเศษระหว่างการถ่ายทอดสด Fight Night และ PPV ✅ Mark Zuckerberg กับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ UFC - ปี 2022 Zuckerberg เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) และมักปรากฏตัวข้างสังเวียน - เขาเคยอยู่ในมุมของ Alexander Volkanovski ใน UFC 298 ✅ Dana White ประธาน UFC เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta - White ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ Meta ตั้งแต่ มกราคม 2025 - บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง Zuckerberg และ White อาจเป็นเหตุผลที่ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น ✅ อนาคตของความร่วมมือ UFC x Meta - UFC และ Meta ระบุว่าจะมี การประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการในอนาคต - อาจมีการนำ เทคโนโลยี VR และ AR มาสร้างประสบการณ์แฟนกีฬาที่ไม่เคยมีมาก่อน https://www.techspot.com/news/107392-multi-year-multimillion-dollar-deal-sees-meta-become.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Multimillion-dollar deal sees Meta become the official tech partner of the UFC
    Speaking of Threads, Meta's answer to X will now be the official social media partner of the UFC – so don't expect to see X messages featured...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • NFL ได้ประกาศว่าจะนำระบบ Hawk-Eye Technology ของ Sony มาใช้แทนการวัดระยะ First Down ด้วยโซ่แบบดั้งเดิม เริ่มต้นใน ฤดูกาล 2025–26 โดยเทคโนโลยีนี้มี 6 กล้อง 8K เพื่อจับตำแหน่งบอลด้วยความละเอียดสูง ซึ่งช่วยลดเวลาการตัดสินจาก 70 วินาที เหลือเพียง 30 วินาที

    ✅ Hawk-Eye จะถูกนำไปใช้ในทุกสนามของ NFL รวมถึงเวทีระดับนานาชาติ
    - ระบบนี้จะทำงานร่วมกับ Art McNally GameDay Central Officiating Center ในนิวยอร์ก
    - ผู้ชมทั้งในสนามและทางโทรทัศน์จะเห็น ภาพจำลองแบบเสมือนจริงของระยะ First Down ในเวลาจริง

    ✅ ระบบใหม่ช่วยตัดสินได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้ขจัดข้อผิดพลาดทั้งหมด
    - แม้ Hawk-Eye จะช่วยวัดระยะได้แม่นยำขึ้น แต่การตัดสินที่เป็นข้อถกเถียงส่วนใหญ่เกิดจาก การกำหนดตำแหน่งบอลครั้งแรกโดยกรรมการ
    - เช่นในเกม AFC Championship ระหว่าง Buffalo Bills กับ Kansas City Chiefs กรรมการตัดสินให้ Josh Allen ไม่ถึงระยะ First Down ซึ่งกล้องไม่สามารถช่วยแก้ไขการตัดสินนี้ได้

    ✅ ทีมงานที่ใช้โซ่แบบดั้งเดิมยังคงอยู่เป็นระบบสำรอง
    - หาก Hawk-Eye มีปัญหาทางเทคนิค ทีมงานจะถูกเรียกมาวัดระยะด้วยวิธีดั้งเดิมทันที

    ✅ Hawk-Eye Technology ถูกใช้ในกีฬาอื่นมาแล้ว
    - ระบบนี้เป็น มาตรฐานในการตัดสินเส้นบอลของฟุตบอล, เทนนิส, คริกเก็ต และรักบี้
    - กว่า 23 จาก 25 ลีกกีฬาระดับโลกใช้เทคโนโลยีนี้

    https://www.techspot.com/news/107388-nfl-replace-chains-sony-8k-cameras-hawk-eye.html
    NFL ได้ประกาศว่าจะนำระบบ Hawk-Eye Technology ของ Sony มาใช้แทนการวัดระยะ First Down ด้วยโซ่แบบดั้งเดิม เริ่มต้นใน ฤดูกาล 2025–26 โดยเทคโนโลยีนี้มี 6 กล้อง 8K เพื่อจับตำแหน่งบอลด้วยความละเอียดสูง ซึ่งช่วยลดเวลาการตัดสินจาก 70 วินาที เหลือเพียง 30 วินาที ✅ Hawk-Eye จะถูกนำไปใช้ในทุกสนามของ NFL รวมถึงเวทีระดับนานาชาติ - ระบบนี้จะทำงานร่วมกับ Art McNally GameDay Central Officiating Center ในนิวยอร์ก - ผู้ชมทั้งในสนามและทางโทรทัศน์จะเห็น ภาพจำลองแบบเสมือนจริงของระยะ First Down ในเวลาจริง ✅ ระบบใหม่ช่วยตัดสินได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้ขจัดข้อผิดพลาดทั้งหมด - แม้ Hawk-Eye จะช่วยวัดระยะได้แม่นยำขึ้น แต่การตัดสินที่เป็นข้อถกเถียงส่วนใหญ่เกิดจาก การกำหนดตำแหน่งบอลครั้งแรกโดยกรรมการ - เช่นในเกม AFC Championship ระหว่าง Buffalo Bills กับ Kansas City Chiefs กรรมการตัดสินให้ Josh Allen ไม่ถึงระยะ First Down ซึ่งกล้องไม่สามารถช่วยแก้ไขการตัดสินนี้ได้ ✅ ทีมงานที่ใช้โซ่แบบดั้งเดิมยังคงอยู่เป็นระบบสำรอง - หาก Hawk-Eye มีปัญหาทางเทคนิค ทีมงานจะถูกเรียกมาวัดระยะด้วยวิธีดั้งเดิมทันที ✅ Hawk-Eye Technology ถูกใช้ในกีฬาอื่นมาแล้ว - ระบบนี้เป็น มาตรฐานในการตัดสินเส้นบอลของฟุตบอล, เทนนิส, คริกเก็ต และรักบี้ - กว่า 23 จาก 25 ลีกกีฬาระดับโลกใช้เทคโนโลยีนี้ https://www.techspot.com/news/107388-nfl-replace-chains-sony-8k-cameras-hawk-eye.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    NFL to replace chains with Sony's 8K cameras and Hawk-Eye technology for measuring first downs
    The change will take effect in the 2025 – 26 season, beginning with the kickoff game on September 4 in Philadelphia. The NFL expects the technology to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกบคู่รอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ (01/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ฟุตบอลเอฟเอคัพ #รอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ
    ประกบคู่รอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ (01/04/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ฟุตบอลเอฟเอคัพ #รอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • จ้าวแห่งการประมูลก่อสร้างงานรัฐ China Railway Number 10 ในภาพคือการสร้างตึก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แถมกำลังสร้างศูนย์ฝึกมวยให้การกีฬาแห่งประเทศไทย และสร้างอาคารศาลมีนบุรี รวมทั้งรอสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนอีกด้วย ชีวิตคนไทยต้องเสี่ยงกับอีกกี่โครงการ และอีกกี่ปี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จ้าวแห่งการประมูลก่อสร้างงานรัฐ China Railway Number 10 ในภาพคือการสร้างตึก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แถมกำลังสร้างศูนย์ฝึกมวยให้การกีฬาแห่งประเทศไทย และสร้างอาคารศาลมีนบุรี รวมทั้งรอสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนอีกด้วย ชีวิตคนไทยต้องเสี่ยงกับอีกกี่โครงการ และอีกกี่ปี #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับสัญญาณอาฟเตอร์ช็อก อสังหา-ท่องเที่ยว : คนเคาะข่าว 31-03-68
    : พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย
    : สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #อสังหาริมทรัพย์ #อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ #ตลาดอสังหา #ธุรกิจท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวไทย #พรนริศชวนไชยสิทธิ์ #สรวงศ์เทียนทอง #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการท่องเที่ยว #thaiTimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อสังหาไทย #ฟื้นฟูท่องเที่ยว #ผลกระทบเศรษฐกิจ #แผ่นดินไหว
    จับสัญญาณอาฟเตอร์ช็อก อสังหา-ท่องเที่ยว : คนเคาะข่าว 31-03-68 : พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย : สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #อสังหาริมทรัพย์ #อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ #ตลาดอสังหา #ธุรกิจท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวไทย #พรนริศชวนไชยสิทธิ์ #สรวงศ์เทียนทอง #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการท่องเที่ยว #thaiTimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อสังหาไทย #ฟื้นฟูท่องเที่ยว #ผลกระทบเศรษฐกิจ #แผ่นดินไหว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • มาประเทศไทยบ่อยจนเคยออกปากว่าเมืองไทย คือบ้านหลังที่ 2 สำหรับ ศิลปินระดับโลก อย่าง “แจ็คสัน หวัง” (Jackson Wang)หรือ “แจ็คสัน GOT7” ล่าสุด กับภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว ศิลปินคนดังก็ได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือคนไทยด้วย

    โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เผยกลางรายการ โหนกระแสว่า… “แจ็คสัน หวัง ประสานมาทางผมแล้วก็จะมีการโอนเงินมา 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ เกือบ 3.5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเรื่องของแผ่นดินไหว เดี๋ยวจะแบ่งทั้งหมดเป็น 3 มูลนิธิ มี มูลนิธิเพื่อนพึ่งภาฯ ยากยาก, กัน จอมพลัง และอีกหนึ่งส่วนจะดูก่อน แล้วจะแจ้งไปทางแจ็คสัน ขอบคุณแทนคนไทยนะครับ ที่มีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ”

    อย่างไรก็ตาม แจ็คสัน หวัง มีกำหนดการที่จะมาร่วมแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย พร้อมกับสมาชิก GOT7 แบบพร้อมหน้าอีกครั้ง ใน 2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK วันที่ 2-3 พ.ค. นี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถานด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000030691

    #MGROnline #แจ็คสันหวัง #แจ็คสันGOT7 #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    มาประเทศไทยบ่อยจนเคยออกปากว่าเมืองไทย คือบ้านหลังที่ 2 สำหรับ ศิลปินระดับโลก อย่าง “แจ็คสัน หวัง” (Jackson Wang)หรือ “แจ็คสัน GOT7” ล่าสุด กับภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว ศิลปินคนดังก็ได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือคนไทยด้วย • โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เผยกลางรายการ โหนกระแสว่า… “แจ็คสัน หวัง ประสานมาทางผมแล้วก็จะมีการโอนเงินมา 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ เกือบ 3.5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเรื่องของแผ่นดินไหว เดี๋ยวจะแบ่งทั้งหมดเป็น 3 มูลนิธิ มี มูลนิธิเพื่อนพึ่งภาฯ ยากยาก, กัน จอมพลัง และอีกหนึ่งส่วนจะดูก่อน แล้วจะแจ้งไปทางแจ็คสัน ขอบคุณแทนคนไทยนะครับ ที่มีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ” • อย่างไรก็ตาม แจ็คสัน หวัง มีกำหนดการที่จะมาร่วมแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย พร้อมกับสมาชิก GOT7 แบบพร้อมหน้าอีกครั้ง ใน 2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK วันที่ 2-3 พ.ค. นี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถานด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000030691 • #MGROnline #แจ็คสันหวัง #แจ็คสันGOT7 #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุ่นแล้วล่ะสิ เมื่อศูนย์ฝึกกีฬามวยสากลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในพื้นที่เขตบางกะปิ อาจจะมีปัญหาโครงสร้าง เนื่องจากได้ว่าจ้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 608.4 ล้านบาท ซึ่งตกเป็นประเด็นหลัง ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่จตุจักร ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030669
    วุ่นแล้วล่ะสิ เมื่อศูนย์ฝึกกีฬามวยสากลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในพื้นที่เขตบางกะปิ อาจจะมีปัญหาโครงสร้าง เนื่องจากได้ว่าจ้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 608.4 ล้านบาท ซึ่งตกเป็นประเด็นหลัง ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่จตุจักร ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030669
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว

    ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน

    5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป

    เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน 5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ปธน.ทรัมป์ 2.0 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนนี้ เป็นวันปลดปล่อย (Liberation Day) จากการที่สหรัฐฯ ถูกปล้นรุมกินโต๊ะจากทุกๆ ประเทศรอบโลก
    .
    ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์ดูพอใจต่อประกาศิตของตนที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำดิ่งมา 4 อาทิตย์เต็มๆ บางที่จะทำให้ทรัมป์และเหล่าพรรคพวกหรือสมาชิกในครอบครัวเขากอบโกยได้อย่างมหาศาล
    .
    การประกาศวันปลดปล่อยของจักรพรรดิทรัมป์กลับทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งมีข่าวใน The Sun (นสพ.แทบลอยด์ของอังกฤษ) และ Daily Mail บอกว่า คิงชาร์ลส์ได้เสนออย่างลับๆ กับทรัมป์ให้สหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งมีประเทศต่างๆ หลากหลายทั่วโลกได้เป็นสมาชิก เพื่อสร้างกลุ่มที่มีความใกล้ชิดในเรื่องการค้า, การลงทุน, การกีฬา, การร่วมมือและช่วยเหลือกันในทุกๆ ด้าน เพราะสหรัฐฯ ก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029273
    ปธน.ทรัมป์ 2.0 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนนี้ เป็นวันปลดปล่อย (Liberation Day) จากการที่สหรัฐฯ ถูกปล้นรุมกินโต๊ะจากทุกๆ ประเทศรอบโลก . ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์ดูพอใจต่อประกาศิตของตนที่ทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดำดิ่งมา 4 อาทิตย์เต็มๆ บางที่จะทำให้ทรัมป์และเหล่าพรรคพวกหรือสมาชิกในครอบครัวเขากอบโกยได้อย่างมหาศาล . การประกาศวันปลดปล่อยของจักรพรรดิทรัมป์กลับทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งมีข่าวใน The Sun (นสพ.แทบลอยด์ของอังกฤษ) และ Daily Mail บอกว่า คิงชาร์ลส์ได้เสนออย่างลับๆ กับทรัมป์ให้สหรัฐฯ เข้าเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งมีประเทศต่างๆ หลากหลายทั่วโลกได้เป็นสมาชิก เพื่อสร้างกลุ่มที่มีความใกล้ชิดในเรื่องการค้า, การลงทุน, การกีฬา, การร่วมมือและช่วยเหลือกันในทุกๆ ด้าน เพราะสหรัฐฯ ก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029273
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่ (26/03/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่
    ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่ (26/03/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • เทียบฟอร์มว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง#ว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย #พิมล ศรีวิกรม์
    เทียบฟอร์มว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง#ว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย #พิมล ศรีวิกรม์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 821 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • วิธีการเลือกประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย
    วิธีการเลือกประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 801 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา
    อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง
    1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้
    2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา
    3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้
    โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง 1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้ 2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา 3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้ โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาคมสหพันธ์กีฬาคนพิการแห่งอาเซียน แต่งตั้ง "อนุพงษ์ มาคำ" เป็นที่ปรึกษา เพื่อพัฒนากีฬาคนพิการในภูมิภาคอาเซียน
    https://www.thai-tai.tv/news/17777/
    สมาคมสหพันธ์กีฬาคนพิการแห่งอาเซียน แต่งตั้ง "อนุพงษ์ มาคำ" เป็นที่ปรึกษา เพื่อพัฒนากีฬาคนพิการในภูมิภาคอาเซียน https://www.thai-tai.tv/news/17777/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณหญิงปัทมา จะไม่ลงรับตำแหน่ง ประธานโอลิมปิกไทย 22/03/68 #คุณหญิงปัทมา #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬา #ไอโอซีเมมเบอร์
    คุณหญิงปัทมา จะไม่ลงรับตำแหน่ง ประธานโอลิมปิกไทย 22/03/68 #คุณหญิงปัทมา #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬา #ไอโอซีเมมเบอร์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • ประธาน IOC คนใหม่ เป็นสุภาพสตรี (21/03/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ประธานIOC #ประธานโอลิมปิกสากลหญิงคนเเรก
    ประธาน IOC คนใหม่ เป็นสุภาพสตรี (21/03/68) #news1 #ข่าวกีฬา #ประธานIOC #ประธานโอลิมปิกสากลหญิงคนเเรก
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 984 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • TRAP Bar หรือที่บางคนเรียกว่า HEX Bar คือ อุปกรณ์ทางเลือกแนวใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ และ ฝึกยกน้ำหนักได้มากขึ้น

    การฝึกด้วย TRAP Bar ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่หลายส่วนพร้อมกัน เช่น กล้ามเนื้อต้นขา สะโพก และหลัง การทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายอีกด้วย ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันที่มีประสิทธิภาพแม้ในขณะพัก

    TRAP Bar มีลักษณะเป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับสองข้าง ออกแบบมาให้ผู้ใช้ยืนอยู่ตรงกลางขณะยกน้ำหนัก ซึ่งแตกต่างจากบาร์เบลแบบดั้งเดิมที่ผู้ใช้ต้องจับด้านหน้าหรือด้านหลังของร่างกาย ความแตกต่างนี้ส่งผลให้ศูนย์ถ่วงน้ำหนัก จะอยู่แนวเดียวกับ ศูนย์ถ่วงของร่างกาย

    เมื่อเปรียบเทียบกับบาร์เบลแบบดั้งเดิม TRAP Bar มีข้อได้เปรียบหลายประการ คือ
    1. การยืนอยู่ตรงกลางของบาร์ช่วยให้การยกน้ำหนักมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
    ลดความเครียดที่เกิดขึ้นกับหลังส่วนล่าง.
    2. รูปทรงของ TRAP Bar ช่วยให้ผู้ใช้สามารถยกน้ำหนักได้มากขึ้น
    โดยที่ความเสี่ยงในการบาดเจ็บลดลง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งนักกีฬาและผู้ที่ต้องการพัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย
    TRAP Bar หรือที่บางคนเรียกว่า HEX Bar คือ อุปกรณ์ทางเลือกแนวใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ และ ฝึกยกน้ำหนักได้มากขึ้น การฝึกด้วย TRAP Bar ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่หลายส่วนพร้อมกัน เช่น กล้ามเนื้อต้นขา สะโพก และหลัง การทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายอีกด้วย ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันที่มีประสิทธิภาพแม้ในขณะพัก TRAP Bar มีลักษณะเป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับสองข้าง ออกแบบมาให้ผู้ใช้ยืนอยู่ตรงกลางขณะยกน้ำหนัก ซึ่งแตกต่างจากบาร์เบลแบบดั้งเดิมที่ผู้ใช้ต้องจับด้านหน้าหรือด้านหลังของร่างกาย ความแตกต่างนี้ส่งผลให้ศูนย์ถ่วงน้ำหนัก จะอยู่แนวเดียวกับ ศูนย์ถ่วงของร่างกาย เมื่อเปรียบเทียบกับบาร์เบลแบบดั้งเดิม TRAP Bar มีข้อได้เปรียบหลายประการ คือ 1. การยืนอยู่ตรงกลางของบาร์ช่วยให้การยกน้ำหนักมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดความเครียดที่เกิดขึ้นกับหลังส่วนล่าง. 2. รูปทรงของ TRAP Bar ช่วยให้ผู้ใช้สามารถยกน้ำหนักได้มากขึ้น โดยที่ความเสี่ยงในการบาดเจ็บลดลง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งนักกีฬาและผู้ที่ต้องการพัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts