• "การอภัย: กุญแจสู่การปลดปล่อยและการเติบโต"---คู่เวรและการผูกพันในจิตใจในชีวิตของเราบางครั้ง เราอาจพบกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเป็น "คู่เวร" ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับการผูกพันระหว่างบุคคลที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างไม่หยุดยั้ง บ่อยครั้งเมื่อเราถูกทำร้ายหรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากบุคคลเหล่านี้ เราอาจเกิดความคิดในใจว่า "ขออย่าได้เจอกันอีกเลย" ด้วยความรู้สึกเกลียดชังและความอยากหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น แต่คำถามคือ หากเราไม่สามารถหาทางหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้นได้ เราจะทำอย่างไร?---กรรมและการสร้างเส้นทางใหม่การพบเจอกับคู่เวรในชีวิต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกรรมที่เราเคยทำในอดีต หากเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง เราก็จะตกอยู่ในวงจรเดิม พบเจอแต่คนแบบเดิม และสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ซ้ำไปซ้ำมา แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการตั้งใจทำสิ่งดีและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในลักษณะที่เคยทำมา เราก็สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้และสร้างชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขได้---การอภัย: ปลดปล่อยความเครียดจากจิตใจคำว่า "อภัยไม่ได้" เป็นคำที่เราใช้ยึดมั่นในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว "การอภัย" เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเรื่องในชีวิต หากเราไม่ยึดติดกับความแค้นหรือความเกลียดชัง การปล่อยให้ตัวเองได้อภัยให้กับผู้อื่นจะช่วยปลดปล่อยใจจากพันธนาการที่ยึดมั่นมาเนิ่นนานหากเราเลิกสนใจในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือหยุดรับฟังคำพูดที่กระตุ้นให้เราเจ็บใจ จิตใจเราจะค่อยๆ กลับสู่สภาวะที่เป็นธรรมชาติ ความสงบและความสุขจะกลับมาสู่ชีวิตเราอีกครั้ง เหมือนกับที่จิตใจจะมุ่งไปสู่ความเจริญและความสว่างสูงสุด หากเราหยุดยึดติดกับความแค้นและเริ่มให้ความสำคัญกับการอภัย---การอภัยในชีวิตจริง: หลวงปู่ขาวตัวอย่างที่ชัดเจนจากประสบการณ์ของหลวงปู่ขาวที่เคยมีความคิดในการฆ่าคน แต่ท่านกลับพลิกเปลี่ยนชีวิตโดยการอภัยในขณะนั้น หลวงปู่ขาวตัดสินใจวางมีดและดาบ ท่านไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจจนทำให้ชีวิตตกต่ำ แต่กลับเลือกที่จะให้ความสงบและการอภัยเป็นทางเลือกของการเติบโตในชีวิตหากหลวงปู่ขาวเลือกที่จะไม่อภัยในขณะนั้น ท่านอาจต้องใช้ชีวิตในคุกและความทุกข์อย่างไม่สิ้นสุด แต่เพราะท่านเลือกที่จะอภัยและปล่อยวาง ความทุกข์จึงได้หมดสิ้นไป และท่านสามารถกลายเป็นพระอรหันต์ที่มีจิตใจเบิกบานและเป็นอิสระจากความทุกข์---บทสรุป: การอภัยเป็นพลังที่มีอำนาจการอภัยไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเลิกยึดติดกับความแค้นและความทุกข์ที่เกิดจากผู้อื่น แต่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เราปลดปล่อยตนเองจากภาวะทางจิตใจที่จำกัด โดยการอภัย เราจะได้มอบโอกาสให้ตัวเองเติบโตและพบกับความสุขในชีวิต เมื่อเราหยุดคิดถึงสิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวด แล้วหันมองไปข้างหน้าอย่างมีสติและความสงบ ความเจริญจะตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ"การอภัย คือการปล่อยให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของความทุกข์และได้เติบโตไปสู่ความสงบและความสุขที่แท้จริง"
    "การอภัย: กุญแจสู่การปลดปล่อยและการเติบโต"---คู่เวรและการผูกพันในจิตใจในชีวิตของเราบางครั้ง เราอาจพบกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเป็น "คู่เวร" ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับการผูกพันระหว่างบุคคลที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างไม่หยุดยั้ง บ่อยครั้งเมื่อเราถูกทำร้ายหรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากบุคคลเหล่านี้ เราอาจเกิดความคิดในใจว่า "ขออย่าได้เจอกันอีกเลย" ด้วยความรู้สึกเกลียดชังและความอยากหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น แต่คำถามคือ หากเราไม่สามารถหาทางหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้นได้ เราจะทำอย่างไร?---กรรมและการสร้างเส้นทางใหม่การพบเจอกับคู่เวรในชีวิต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกรรมที่เราเคยทำในอดีต หากเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง เราก็จะตกอยู่ในวงจรเดิม พบเจอแต่คนแบบเดิม และสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ซ้ำไปซ้ำมา แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการตั้งใจทำสิ่งดีและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในลักษณะที่เคยทำมา เราก็สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้และสร้างชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขได้---การอภัย: ปลดปล่อยความเครียดจากจิตใจคำว่า "อภัยไม่ได้" เป็นคำที่เราใช้ยึดมั่นในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว "การอภัย" เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเรื่องในชีวิต หากเราไม่ยึดติดกับความแค้นหรือความเกลียดชัง การปล่อยให้ตัวเองได้อภัยให้กับผู้อื่นจะช่วยปลดปล่อยใจจากพันธนาการที่ยึดมั่นมาเนิ่นนานหากเราเลิกสนใจในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือหยุดรับฟังคำพูดที่กระตุ้นให้เราเจ็บใจ จิตใจเราจะค่อยๆ กลับสู่สภาวะที่เป็นธรรมชาติ ความสงบและความสุขจะกลับมาสู่ชีวิตเราอีกครั้ง เหมือนกับที่จิตใจจะมุ่งไปสู่ความเจริญและความสว่างสูงสุด หากเราหยุดยึดติดกับความแค้นและเริ่มให้ความสำคัญกับการอภัย---การอภัยในชีวิตจริง: หลวงปู่ขาวตัวอย่างที่ชัดเจนจากประสบการณ์ของหลวงปู่ขาวที่เคยมีความคิดในการฆ่าคน แต่ท่านกลับพลิกเปลี่ยนชีวิตโดยการอภัยในขณะนั้น หลวงปู่ขาวตัดสินใจวางมีดและดาบ ท่านไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจจนทำให้ชีวิตตกต่ำ แต่กลับเลือกที่จะให้ความสงบและการอภัยเป็นทางเลือกของการเติบโตในชีวิตหากหลวงปู่ขาวเลือกที่จะไม่อภัยในขณะนั้น ท่านอาจต้องใช้ชีวิตในคุกและความทุกข์อย่างไม่สิ้นสุด แต่เพราะท่านเลือกที่จะอภัยและปล่อยวาง ความทุกข์จึงได้หมดสิ้นไป และท่านสามารถกลายเป็นพระอรหันต์ที่มีจิตใจเบิกบานและเป็นอิสระจากความทุกข์---บทสรุป: การอภัยเป็นพลังที่มีอำนาจการอภัยไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเลิกยึดติดกับความแค้นและความทุกข์ที่เกิดจากผู้อื่น แต่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เราปลดปล่อยตนเองจากภาวะทางจิตใจที่จำกัด โดยการอภัย เราจะได้มอบโอกาสให้ตัวเองเติบโตและพบกับความสุขในชีวิต เมื่อเราหยุดคิดถึงสิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวด แล้วหันมองไปข้างหน้าอย่างมีสติและความสงบ ความเจริญจะตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ"การอภัย คือการปล่อยให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของความทุกข์และได้เติบโตไปสู่ความสงบและความสุขที่แท้จริง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน
    .
    รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน
    .
    อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน
    .
    ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม
    .
    ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า
    .
    หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
    .
    ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532
    ..............
    Sondhi X
    ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน . รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน . อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ . ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน . ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ . ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022 . ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม . ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า . หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร . ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น . อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532 .............. Sondhi X
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว
    .
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน
    .
    ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล
    .
    เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง"
    .
    จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก
    .
    ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้
    .
    Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี
    .
    ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น
    .
    ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง
    .
    ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
    .
    สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ
    .
    เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์
    .
    ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา
    .
    เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499
    ..............
    Sondhi X
    คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว . เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน . ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ . ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล . เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง" . จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว . ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก . ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ . Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี . ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น . ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง . ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม . สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ . เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว . อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์ . ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา . เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499 .............. Sondhi X
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียและอัฟกานิสถานบรรลุข้อตกลงการค้าระดับสูง

    รักษาการตาลีบัน* หัวหน้ากระทรวงการค้า นูรุดดิน อาซิซี กล่าวกับสปุตนิกว่า การเจรจาเป็นไปในเชิงบวก, โดยมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระดับสูง การประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย โอเวอร์ชุก เน้นที่ความสำเร็จที่มีอยู่และส่งเสริมความร่วมมือ

    *ตาลีบันอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติจากกิจกรรมก่อการร้าย
    .
    RUSSIA AND AFGHANISTAN PURSUE HIGH-LEVEL TRADE AGREEMENTS

    Acting Taliban* Ministry of Trade chief Nooruddin Azizi told Sputnik that talks are positive, aiming to strengthen high-level trade and economic ties. Meetings with Russian Deputy PM Overchuk focused on existing achievements and boosting cooperation.

    *Taliban is under UN sanctions for terrorist activities.
    .
    5:51 AM · Nov 26, 2024 · 4,512 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861180816405209268
    รัสเซียและอัฟกานิสถานบรรลุข้อตกลงการค้าระดับสูง รักษาการตาลีบัน* หัวหน้ากระทรวงการค้า นูรุดดิน อาซิซี กล่าวกับสปุตนิกว่า การเจรจาเป็นไปในเชิงบวก, โดยมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระดับสูง การประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย โอเวอร์ชุก เน้นที่ความสำเร็จที่มีอยู่และส่งเสริมความร่วมมือ *ตาลีบันอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติจากกิจกรรมก่อการร้าย . RUSSIA AND AFGHANISTAN PURSUE HIGH-LEVEL TRADE AGREEMENTS Acting Taliban* Ministry of Trade chief Nooruddin Azizi told Sputnik that talks are positive, aiming to strengthen high-level trade and economic ties. Meetings with Russian Deputy PM Overchuk focused on existing achievements and boosting cooperation. *Taliban is under UN sanctions for terrorist activities. . 5:51 AM · Nov 26, 2024 · 4,512 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861180816405209268
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้แทนรัสเซียและกลุ่มตาลีบันแลกเปลี่ยนของขวัญกัน ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงคาบูล

    ในการแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นมิตร, คณะผู้แทนรัสเซียได้รับพรมอัฟกานิสถาน, ในขณะที่ชอยกูมอบมีดสั้น, ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความอดทนในวัฒนธรรมอัฟกานิสถาน

    *กลุ่มตาลีบันอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติจากกิจกรรมก่อการร้าย
    .
    RUSSIAN AND TALIBAN DELEGATIONS EXCHANGE GIFTS DURING KABUL TRIP

    In a friendly exchange, the Russian delegation received Afghan rugs, while Shoigu gifted a dagger, symbolizing courage and resilience in Afghan culture.

    *Taliban is under UN sanctions for terrorist activities.
    .
    4:26 AM · Nov 26, 2024 · 5,780 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861159487345672603
    คณะผู้แทนรัสเซียและกลุ่มตาลีบันแลกเปลี่ยนของขวัญกัน ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงคาบูล ในการแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นมิตร, คณะผู้แทนรัสเซียได้รับพรมอัฟกานิสถาน, ในขณะที่ชอยกูมอบมีดสั้น, ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความอดทนในวัฒนธรรมอัฟกานิสถาน *กลุ่มตาลีบันอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติจากกิจกรรมก่อการร้าย . RUSSIAN AND TALIBAN DELEGATIONS EXCHANGE GIFTS DURING KABUL TRIP In a friendly exchange, the Russian delegation received Afghan rugs, while Shoigu gifted a dagger, symbolizing courage and resilience in Afghan culture. *Taliban is under UN sanctions for terrorist activities. . 4:26 AM · Nov 26, 2024 · 5,780 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861159487345672603
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติก่อนทีทุกข์มีกรรมอะไรมา มาชาตินี้ก็ยังต้องแบกมันมาด้วย ปลงมันลงวางลงมาปฏิบัติธรรมกัน สร้างบุญกุศลกัน แบกบุญกุศลไป
    ชาติก่อนทีทุกข์มีกรรมอะไรมา มาชาตินี้ก็ยังต้องแบกมันมาด้วย ปลงมันลงวางลงมาปฏิบัติธรรมกัน สร้างบุญกุศลกัน แบกบุญกุศลไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ของพลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมการการทหารนาโต เกี่ยวกับการโจมตีรัสเซียอย่างแม่นยำของกลุ่มพันธมิตร

    “ดูเหมือนว่า, พวกเขาไม่ได้อ่านหลักคำสอนที่ปรับปรุงใหม่ให้จบ,” เธอกล่าว

    คุณอ่านนโยบายยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับใหม่ของรัสเซียหรือยัง?

    👉 คลิกลิงก์ (https://x.com/SputnikInt/status/1858923671873531941) เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักคำสอนที่ปรับปรุงใหม่ 🤣และอย่าเป็นเหมือนบาวเออร์🤣
    .
    🇷🇺 Russian Foreign Ministry spokeswoman Maria Zakharova commented on the statement by NATO Military Committee Chairman Admiral Rob Bauer regarding the alliance's potential precision strikes on Russia.

    "Apparently, they didn’t finish reading the updated doctrine," she said.

    Have you read the new version of Russia's nuclear deterrent policy yet?

    👉 Click the link (https://x.com/SputnikInt/status/1858923671873531941) to learn more about the updated doctrine and don’t be like Bauer.
    .
    1:15 AM · Nov 26, 2024 · 7,277 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861111471800770921
    🇷🇺 โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ของพลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมการการทหารนาโต เกี่ยวกับการโจมตีรัสเซียอย่างแม่นยำของกลุ่มพันธมิตร “ดูเหมือนว่า, พวกเขาไม่ได้อ่านหลักคำสอนที่ปรับปรุงใหม่ให้จบ,” เธอกล่าว คุณอ่านนโยบายยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับใหม่ของรัสเซียหรือยัง? 👉 คลิกลิงก์ (https://x.com/SputnikInt/status/1858923671873531941) เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักคำสอนที่ปรับปรุงใหม่ 🤣และอย่าเป็นเหมือนบาวเออร์🤣 . 🇷🇺 Russian Foreign Ministry spokeswoman Maria Zakharova commented on the statement by NATO Military Committee Chairman Admiral Rob Bauer regarding the alliance's potential precision strikes on Russia. "Apparently, they didn’t finish reading the updated doctrine," she said. Have you read the new version of Russia's nuclear deterrent policy yet? 👉 Click the link (https://x.com/SputnikInt/status/1858923671873531941) to learn more about the updated doctrine and don’t be like Bauer. . 1:15 AM · Nov 26, 2024 · 7,277 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861111471800770921
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนค้นพบแหล่งทองคำสำรองมูลค่า 600,000 ล้านหยวน (82,900 ล้านดอลลาร์) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลาง สำนักข่าวซินหัวของรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567จีนเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยคิดเป็นประมาณ 10% ของผลผลิตทั่วโลกในปี 2566 ตามข้อมูลจากสภาทองคำโลกโดยมีการบริโภคทองคำ 741.732 เมตริกตันในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 268.068 ตัน ซึ่งหมายความว่าต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศสถาบันธรณีวิทยาหูหนานค้นพบเส้นแร่ทองคำมากกว่า 40 เส้นที่ความลึกมากกว่า 2,000 เมตรในเขตผิงเจียง โดยพบแหล่งแร่ทองคำรวม 300.2 ตันในพื้นที่สำรวจหลัก และมีเกรดสูงสุดที่ 138 กรัมต่อเมตริกตัน ซินหัวกล่าวกลุ่มดังกล่าวคาดการณ์ว่ามีทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตันในระดับความลึกมากกว่า 3,000 เมตร ตามรายงานของซินหัวโดยทั่วไปสำรองทองคำหมายถึงส่วนหนึ่งของทรัพยากรที่สามารถสกัดได้ในทางเศรษฐกิจราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 639.48 หยวนต่อกรัมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ด้วยการค้นพบในมณฑลหูหนาน จีนตอกย้ำความเป็นผู้นำในภาคเหมืองแร่ทองคำ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับการสำรวจเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ใหม่ๆ ทำให้ประเทศอยู่ในแถวหน้าของการผลิตทั่วโลกแม้ว่าความท้าทายต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านความยั่งยืนยังคงมีอยู่ แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมทองคำของจีนบ่งชี้ว่าประเทศพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพแหล่งทองคำใหม่ที่ค้นพบในมณฑลหูหนานไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทบาทที่สำคัญของประเทศในการกำหนดอนาคตของตลาดทองคำทั่วโลก ผลกระทบของการค้นพบนี้อาจสะท้อนให้เห็นต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า พลวัตทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรม
    จีนค้นพบแหล่งทองคำสำรองมูลค่า 600,000 ล้านหยวน (82,900 ล้านดอลลาร์) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลาง สำนักข่าวซินหัวของรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567จีนเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยคิดเป็นประมาณ 10% ของผลผลิตทั่วโลกในปี 2566 ตามข้อมูลจากสภาทองคำโลกโดยมีการบริโภคทองคำ 741.732 เมตริกตันในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 268.068 ตัน ซึ่งหมายความว่าต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศสถาบันธรณีวิทยาหูหนานค้นพบเส้นแร่ทองคำมากกว่า 40 เส้นที่ความลึกมากกว่า 2,000 เมตรในเขตผิงเจียง โดยพบแหล่งแร่ทองคำรวม 300.2 ตันในพื้นที่สำรวจหลัก และมีเกรดสูงสุดที่ 138 กรัมต่อเมตริกตัน ซินหัวกล่าวกลุ่มดังกล่าวคาดการณ์ว่ามีทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตันในระดับความลึกมากกว่า 3,000 เมตร ตามรายงานของซินหัวโดยทั่วไปสำรองทองคำหมายถึงส่วนหนึ่งของทรัพยากรที่สามารถสกัดได้ในทางเศรษฐกิจราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 639.48 หยวนต่อกรัมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ด้วยการค้นพบในมณฑลหูหนาน จีนตอกย้ำความเป็นผู้นำในภาคเหมืองแร่ทองคำ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับการสำรวจเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ใหม่ๆ ทำให้ประเทศอยู่ในแถวหน้าของการผลิตทั่วโลกแม้ว่าความท้าทายต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านความยั่งยืนยังคงมีอยู่ แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมทองคำของจีนบ่งชี้ว่าประเทศพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพแหล่งทองคำใหม่ที่ค้นพบในมณฑลหูหนานไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทบาทที่สำคัญของประเทศในการกำหนดอนาคตของตลาดทองคำทั่วโลก ผลกระทบของการค้นพบนี้อาจสะท้อนให้เห็นต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า พลวัตทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ep. 6 ) ตามกรรม . ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ . อุษณีย์ เอกอุษณีย์ . ทอล์คธรรม . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    Ep. 6 ) ตามกรรม . ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ . อุษณีย์ เอกอุษณีย์ . ทอล์คธรรม . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต้เตือนผู้ประกอบการธุรกิจ ให้เตรียมพร้อมรับมือสำหรับ "สถานการณ์ในช่วงสงคราม"

    พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารของนาโต้ เรียกร้องให้กลุ่มธุรกิจปรับการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจหยุดชะงักจากภัยศัตรูระดับโลก เช่น รัสเซียและจีน

    บาวเออร์ กล่าวถึงประเด็นนี้ขณะประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยเน้นย้ำถึงการลดการพึ่งพาการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญจากจีน ซึ่งควบคุมวัตถุดิบหายาก 60% ของโลก รวมทั้งให้เตรียมพร้อมจัดหาเวชภัณฑ์สำคัญไว้
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต้เตือนผู้ประกอบการธุรกิจ ให้เตรียมพร้อมรับมือสำหรับ "สถานการณ์ในช่วงสงคราม" พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารของนาโต้ เรียกร้องให้กลุ่มธุรกิจปรับการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจหยุดชะงักจากภัยศัตรูระดับโลก เช่น รัสเซียและจีน บาวเออร์ กล่าวถึงประเด็นนี้ขณะประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยเน้นย้ำถึงการลดการพึ่งพาการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญจากจีน ซึ่งควบคุมวัตถุดิบหายาก 60% ของโลก รวมทั้งให้เตรียมพร้อมจัดหาเวชภัณฑ์สำคัญไว้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25-11-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP3 ตื่นได้แย้ว..มาสายเรียก "กาก๊า"จับตาครูบาอาจารย์ให้ดีดี ช่วงหลัง ลุงสนธิ LIVE ถี่ขึ้น ถี่ยิบทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องขี้หมาอย่างทนายเหี้ยชะตาขาดอย่างเดียว แต่หากดูทรง และรู้จักลุงสนธิดีดี นี่มันคือการส่งสัญญานความพร้อม เพราะ "ใกล้ถึงวัน D-DAY" แล้วนั่นเอง ขุนศึกจะไม่รบ หากไม่เตรียมความพร้อมให้ดีก่อน ที่มา LIVE ถี่รายวัน แต่ก่อน สัปดาห์ละครั้ง เดี๋ยวนี้ วันละ 1-2 ครั้ง หลังจับยาม 3 ตาดูแล้ว เบื้องหลังที่ต้องมี "สงครามครั้งสุดท้าย" ยกมากันทั้งแผ่นดิน ชาวอโยธยา+ทหารกล้า+แม่ทัพ งวดนี้ เราไม่ได้เจอหม่องแบบในอดีตหลายร้อยปี แต่เรากำลังจะสู้กับนักล่าอาณานิคมโลกขาลง ตอนชะตาใกล้จะขาด อโยธยาไม่ได้มามือเปล่า พ่วงลูกหลานราสปูตินกับจิ๋นซี ฮ่องเต้มาด้วย พ่วงลูกหลานซาลาดิน เข้าไปอีก งานนี้ ต้องเรียกระดับ "จักรวาลมาเวล" ของจริง ไม่ต้องมีอีแอบ ไม่ปิดไม่บังหน้ากันอีกแล้ว ยิวเหี้ยไซออนนิสต์กำลังจะตายคาตรีนชาวโลก ดิ้นเฮือกสุดท้าย ไม่มรึงก็กู ต้องตายกันไปข้าง? ส่วนตัวมองว่า "ออกยังไงก็ชนะชัวร์" อะไรที่เค้าไม่พร้อม จะไม่จัดฉากแสดงพลัง ฉลองชัยชนะในบั้นปลาย เพื่อการรวมชาติเป็นหนึ่งเดียว สลัดไอ้อีควายไร้ปัญญาทั้งหลายออกให้หมด จับควายแหกตาดูอาจมที่มรึงแดร๊กมานานนับศตวรรษ ถึงเวลาล้างป่าช้ากันแล้ว! HAITER สูตรทลายคราบเหี้ยฝังใน งานนี้ ควายดิ้น เหี้ยดิ้นพล่าน ทั่วอโยธยาแน่ "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆ" ไปปัดฝุ่นยัง?หนังคนละม้วน! ทันที ที่ปูตินรู้ล่วงหน้าว่าอีทรัมปป์มาชัวร์? สั่งยกระดับการบุกแบบสายฟ้าผ่าทุกพื้นที่ ขับไล่กองกำลังอียูเครน ถอยจนหลังผิงฝา รอตายอย่างเดียว แค่ 2 สัปดาห์ หลังอีทรัมปป์ชนะเลือกตั้ง ยูเครนเสียพื้นที่ดูแลในการปกครองไปถึง 12 เมือง และจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เส้นทางลำเลียง เส้นทางเชื่อมไคร์เมียร์ ถูกเก็บกวาดเรียบวุธ แปลว่าอะไร? ปูตินมองขาด อีทรัมปป์มาเพื่อจะหยุดสงคราม ตามที่ประกาศหาเสียง ใครจะไปรู้ว่า อีทรัมปป์อาจคุยหลังไมค์กับปูตินไว้ล่วงหน้าแล้ว มรึงบุกสุดตรีนไปเลย กูสาบานตนเสร็จ ประกาศถอนกำลังทันที เอาเท่าที่มรึงยึดได้ไป จบน่ะ? เมื่อเหี้ยมะกันไม่หนุนยูเครนต่อ ไอ้อีขี้ข้าหน้าไหนจะยอมจ่ายค่าโง่ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำต่ออีกล่ะ? ทุกชาติสมาชิก NATO ต่างรู้ดี แผนแบ่งเค็กหั่นยูเครนมันจบแล้ว สุดท้ายรัสเซียรวบแดร๊กหมดเกลี้ยง ยุโรปยังต้องพึ่งพาพลังงานรัสเซีย จะมีใครโง่เอาชาติไปแลก สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่อไอ้กระจอกนีโอนาซีกันล่ะ? ดอกนี้ ภาพชัด อียิวตกกระป๋องแล้วนั่นเอง!ถุยส์! นึกว่าจะแน่ ดีออก? ทั้งอีสายบัว อีเด สายเหลือง เผ่นหางจุกตูดกันหมด ไม่ได้กลัวแพ้คดีดอกน่ะ ไม่ได้กลัวเสียหน้า แต่กลัวโดนลุงสนธิ สาวไส้ ล้วงตับไตไส้พุงจนหมดเกลี้ยง พ่วงหางเลขคุกรอปลายทางน่ะสิ เพราะสืบไปสืบมา แม่งมีเอี่ยว สมรู้ร่วมคิด อยู่เบื้องหลังคดีบิดเบือน ปลอมแปลง และชี้โพรงเหี้ยรอด ต่างกรรม ต่างวาระ กี่ปีไปนับเอา? เค้าถึงบอกไงล่ะว่า ควายกับคน ต่างกันที่สติปัญญา มรึงจะหาเรื่องใครก็ได้ แต่เสือกคิดวัดรอยตรีน? ไม่สำเหนียกดูสารรูปตัวเอง แค่ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดเทียบรุ่นใหญ่ เป็นไงล่ะ? ขี้แตก เผ่นหางจุกตูด ยามเมื่อเจอของจริง ของหนัก! บทเรียนสอนให้ไอ้อีทนายหาแดร๊กเหี้ยทั้งหลาย พึงระวังตัวเอาไว้ สัดนรกอย่างพวกมรึงที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน เวรกรรมมันมีจริง? ช่วยคนรวย ช่วยคนเหี้ย มรึงก็ไม่พ้นบ่วงกรรมที่ก่อร่วมกันดอกน่ะ ศีลเสมอกัน ถึงคบกันได้ เหี้ยคบเหี้ย จึงได้ชุมชนเหี้ย ควายคบควาย จึงได้ชุมชนควาย!หลายคนสงสัย จีนรวยที่สุดในโลก แต่ทำไมยังไม่ยอมเปิดเผยทองคำ 3 หมื่นตันให้โลกตะลึงซักกะที ล่าสุด จีนค้นพบแหล่งทองคำมหึมาในมณฑลหูหนาน มีอย่างต่ำ 800-1000 ตัน หากเอาชาวจีนทั้งหมด แร่ทองคำจีนทั้งหมด มรึงคิดว่าจีนจะมีทะลุ 100000 ตันมั้ย? ขนาดที่ทั้งโลก เหี้ยมะกันอ้างมีทองคำเยอะสุด ยังมีแค่ 3000 ตัน(ของปลอม ทองเก๊) แล้วทำไม จีนไม่เผด็จศึกเลย ตอบง่ายมาก 1.เงินจีนยังอยู่กับเหี้ยอีกเยอะ การค้ายังมี หากหักดิบ กูมีแต่เสียหนี้สูญ 2.ยังไม่ถึงเวลาแบกโลกทั้งใบ เพราะความได้เปรียบที่เป็นเบอร์ 2 เนี่ยแหละ ทำให้โลกไม่ต้องมาโฟกัสที่จีน ทำตัวจนเข้าไว้ แดร๊กเงียบไปเรื่อยๆ นี่แหละ "ศาสตร์การค้าจีน รวยไม่ต้องโชว์เยอะ" 3.เมื่อสงครามโลกก่อเกิด หลังจบสงครามต่างหากที่จำเป็นต้องประกาศศักดา จีนจะโชว์หลังจบศึก เพื่อดึงทั้งโลกมาเป็นพวก ยอมรับกติกาจีน เจ้ามือโลกคนใหม่ รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องโชว์ ไม่ต้องแบก จีนสะสมแต้มอยู่ปล.เทลอาวีฟ ไซเรนดังตลอด 48 ชม. ที่ผ่านมา ไม่ได้หลับได้นอน เพราะถูกเฮซบอเลาะห์ดาหน้าถล่มยับ ล่อจุดเสี่ยง ล่อแหลมทุกดอก ชาวเมืองมุดลงท่อกันหมดแล้ว ชีวิตดี๊ดี ไอ้สัส! รัสเซียไล่ที่ยูเครน อาหรับไล่ที่อียิว สุดท้ายมันจะไปจบที่ไหน? คืนแผ่นดินเค้าไป แล้วแยกย้าย มันจะง่ายขนาดนี้เหรอ หลังอีทรัมปป์ไม่รบ ปิดหลังบ้านซ่อมแซมตัวเองก่อน นั่นแค่ปาก ไม่มีใครควบคุมความคิดอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ได้ หมาบ้าจนตรอก ทำอะไรได้ทุกอย่าง แม้แต่ระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อลากศัตรูตายห่าไปด้วย มันไม่ได้แคร์เยรูซาเล็มนานแล้ว ถึงได้บ้าคลั่งท้าชาวโลกไปทั่ว ทำเหี้ยให้หนักกว่าเก่า เพื่อดึงโลกมารบกันให้หมด แผนหนีหนี้ ดอลล่าร์ที่ก่อไว้ ชาติไหนก็จ่ายไม่หมด? ล่าสุดอีมาครง ยังเสี้ยนไม่เลิก ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธเศษฝรั่งโจมตีรัสเซียได้ กูถามจริง อาวุธห่วยๆ มรึงยังกล้าเอามาโชว์โง่หลอกควายได้อีก? ก็แค่ละครปาหี่ หลังฉาก กราบตรีนปูตินเช้าเย็น มรึงรู้ตัวดี ชะตาขาดนานแล้ว ปูตินกาหัวหมาไว้หมด ทั้งอีปารีส อีเบียร์ อีลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง พูดง่ายๆ "กูจะแดร๊กทั้งทวีปยุโรป" มีปัญหามั้ย? โปรดแหกตาดู ยุโรปฝั่งตะวันออกกว่า 10 ชาติ เค้าเตรียมกลับบ้านเก่ากันหมดแล้ว มรึงจะเหลือใครล่ะ เหลือแค่ชาติเล็ก ไม้ประดับ สุดท้ายเค้าต้องย้ายตามขั้วใหม่ เพราะมีพลังงานมั่นคงระยะยาวให้พวกเขาได้ใช้ในราคามิตรภาพ! เกมส์โลกใกล้สุกงอมแล้ว เฉกเช่นเดียวกับเกมส์ไทย มันมาตรงเวลานัดเสมอ ไทยจะกลายเป็นโมเดลโลก "พ่อปกครองลูก" และจะกลายเป็นที่นิยมให้โลกยุคใหม่ในไม่ช้านี้ ถีบส่งปชต.ตอแหลลวงโลกตกขุมนรกตามอียิวไปซะ!หมี CNN(เดินให้สุดซอยคือนักสู้ ทุกความอัปรีย์จัญไรที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้ มันถูกกำหนดให้เป็นไปตามแผนการสวรรค์ ไม่ว่าจะคิดแผนอะไรไว้ หากไม่ใช่ทางสวรรค์ชี้เป้า มันก็จะนำไปสู่หนทางออกของตัวมันเอง ดังนั้น สิ่งที่มรึงคิดจะล้างแค้นให้คนไทย ล้างแค้นให้แผ่นดิน สวรรค์เค้ามีแผนที่เด็ดขาดกว่านี้ โหดเหี้ยมกว่านี้ เกินกว่ามรึงจะจินตนาการได้ เพราะการลงโทษจากสวรรค์ทรมานที่สุดแล้ว แทบไม่ต้องนึกว่าจะขอตายยังดีกว่า? ไม่ให้ตายง่ายๆ ต้องชดใช้กรรมก่อน จนหมดสภาพ และไปใช้กรรมต่อในขุมนรก)25 พฤศจิกายน 6710.10 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    25-11-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP3 ตื่นได้แย้ว..มาสายเรียก "กาก๊า"จับตาครูบาอาจารย์ให้ดีดี ช่วงหลัง ลุงสนธิ LIVE ถี่ขึ้น ถี่ยิบทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องขี้หมาอย่างทนายเหี้ยชะตาขาดอย่างเดียว แต่หากดูทรง และรู้จักลุงสนธิดีดี นี่มันคือการส่งสัญญานความพร้อม เพราะ "ใกล้ถึงวัน D-DAY" แล้วนั่นเอง ขุนศึกจะไม่รบ หากไม่เตรียมความพร้อมให้ดีก่อน ที่มา LIVE ถี่รายวัน แต่ก่อน สัปดาห์ละครั้ง เดี๋ยวนี้ วันละ 1-2 ครั้ง หลังจับยาม 3 ตาดูแล้ว เบื้องหลังที่ต้องมี "สงครามครั้งสุดท้าย" ยกมากันทั้งแผ่นดิน ชาวอโยธยา+ทหารกล้า+แม่ทัพ งวดนี้ เราไม่ได้เจอหม่องแบบในอดีตหลายร้อยปี แต่เรากำลังจะสู้กับนักล่าอาณานิคมโลกขาลง ตอนชะตาใกล้จะขาด อโยธยาไม่ได้มามือเปล่า พ่วงลูกหลานราสปูตินกับจิ๋นซี ฮ่องเต้มาด้วย พ่วงลูกหลานซาลาดิน เข้าไปอีก งานนี้ ต้องเรียกระดับ "จักรวาลมาเวล" ของจริง ไม่ต้องมีอีแอบ ไม่ปิดไม่บังหน้ากันอีกแล้ว ยิวเหี้ยไซออนนิสต์กำลังจะตายคาตรีนชาวโลก ดิ้นเฮือกสุดท้าย ไม่มรึงก็กู ต้องตายกันไปข้าง? ส่วนตัวมองว่า "ออกยังไงก็ชนะชัวร์" อะไรที่เค้าไม่พร้อม จะไม่จัดฉากแสดงพลัง ฉลองชัยชนะในบั้นปลาย เพื่อการรวมชาติเป็นหนึ่งเดียว สลัดไอ้อีควายไร้ปัญญาทั้งหลายออกให้หมด จับควายแหกตาดูอาจมที่มรึงแดร๊กมานานนับศตวรรษ ถึงเวลาล้างป่าช้ากันแล้ว! HAITER สูตรทลายคราบเหี้ยฝังใน งานนี้ ควายดิ้น เหี้ยดิ้นพล่าน ทั่วอโยธยาแน่ "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆ" ไปปัดฝุ่นยัง?หนังคนละม้วน! ทันที ที่ปูตินรู้ล่วงหน้าว่าอีทรัมปป์มาชัวร์? สั่งยกระดับการบุกแบบสายฟ้าผ่าทุกพื้นที่ ขับไล่กองกำลังอียูเครน ถอยจนหลังผิงฝา รอตายอย่างเดียว แค่ 2 สัปดาห์ หลังอีทรัมปป์ชนะเลือกตั้ง ยูเครนเสียพื้นที่ดูแลในการปกครองไปถึง 12 เมือง และจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เส้นทางลำเลียง เส้นทางเชื่อมไคร์เมียร์ ถูกเก็บกวาดเรียบวุธ แปลว่าอะไร? ปูตินมองขาด อีทรัมปป์มาเพื่อจะหยุดสงคราม ตามที่ประกาศหาเสียง ใครจะไปรู้ว่า อีทรัมปป์อาจคุยหลังไมค์กับปูตินไว้ล่วงหน้าแล้ว มรึงบุกสุดตรีนไปเลย กูสาบานตนเสร็จ ประกาศถอนกำลังทันที เอาเท่าที่มรึงยึดได้ไป จบน่ะ? เมื่อเหี้ยมะกันไม่หนุนยูเครนต่อ ไอ้อีขี้ข้าหน้าไหนจะยอมจ่ายค่าโง่ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำต่ออีกล่ะ? ทุกชาติสมาชิก NATO ต่างรู้ดี แผนแบ่งเค็กหั่นยูเครนมันจบแล้ว สุดท้ายรัสเซียรวบแดร๊กหมดเกลี้ยง ยุโรปยังต้องพึ่งพาพลังงานรัสเซีย จะมีใครโง่เอาชาติไปแลก สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่อไอ้กระจอกนีโอนาซีกันล่ะ? ดอกนี้ ภาพชัด อียิวตกกระป๋องแล้วนั่นเอง!ถุยส์! นึกว่าจะแน่ ดีออก? ทั้งอีสายบัว อีเด สายเหลือง เผ่นหางจุกตูดกันหมด ไม่ได้กลัวแพ้คดีดอกน่ะ ไม่ได้กลัวเสียหน้า แต่กลัวโดนลุงสนธิ สาวไส้ ล้วงตับไตไส้พุงจนหมดเกลี้ยง พ่วงหางเลขคุกรอปลายทางน่ะสิ เพราะสืบไปสืบมา แม่งมีเอี่ยว สมรู้ร่วมคิด อยู่เบื้องหลังคดีบิดเบือน ปลอมแปลง และชี้โพรงเหี้ยรอด ต่างกรรม ต่างวาระ กี่ปีไปนับเอา? เค้าถึงบอกไงล่ะว่า ควายกับคน ต่างกันที่สติปัญญา มรึงจะหาเรื่องใครก็ได้ แต่เสือกคิดวัดรอยตรีน? ไม่สำเหนียกดูสารรูปตัวเอง แค่ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดเทียบรุ่นใหญ่ เป็นไงล่ะ? ขี้แตก เผ่นหางจุกตูด ยามเมื่อเจอของจริง ของหนัก! บทเรียนสอนให้ไอ้อีทนายหาแดร๊กเหี้ยทั้งหลาย พึงระวังตัวเอาไว้ สัดนรกอย่างพวกมรึงที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน เวรกรรมมันมีจริง? ช่วยคนรวย ช่วยคนเหี้ย มรึงก็ไม่พ้นบ่วงกรรมที่ก่อร่วมกันดอกน่ะ ศีลเสมอกัน ถึงคบกันได้ เหี้ยคบเหี้ย จึงได้ชุมชนเหี้ย ควายคบควาย จึงได้ชุมชนควาย!หลายคนสงสัย จีนรวยที่สุดในโลก แต่ทำไมยังไม่ยอมเปิดเผยทองคำ 3 หมื่นตันให้โลกตะลึงซักกะที ล่าสุด จีนค้นพบแหล่งทองคำมหึมาในมณฑลหูหนาน มีอย่างต่ำ 800-1000 ตัน หากเอาชาวจีนทั้งหมด แร่ทองคำจีนทั้งหมด มรึงคิดว่าจีนจะมีทะลุ 100000 ตันมั้ย? ขนาดที่ทั้งโลก เหี้ยมะกันอ้างมีทองคำเยอะสุด ยังมีแค่ 3000 ตัน(ของปลอม ทองเก๊) แล้วทำไม จีนไม่เผด็จศึกเลย ตอบง่ายมาก 1.เงินจีนยังอยู่กับเหี้ยอีกเยอะ การค้ายังมี หากหักดิบ กูมีแต่เสียหนี้สูญ 2.ยังไม่ถึงเวลาแบกโลกทั้งใบ เพราะความได้เปรียบที่เป็นเบอร์ 2 เนี่ยแหละ ทำให้โลกไม่ต้องมาโฟกัสที่จีน ทำตัวจนเข้าไว้ แดร๊กเงียบไปเรื่อยๆ นี่แหละ "ศาสตร์การค้าจีน รวยไม่ต้องโชว์เยอะ" 3.เมื่อสงครามโลกก่อเกิด หลังจบสงครามต่างหากที่จำเป็นต้องประกาศศักดา จีนจะโชว์หลังจบศึก เพื่อดึงทั้งโลกมาเป็นพวก ยอมรับกติกาจีน เจ้ามือโลกคนใหม่ รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องโชว์ ไม่ต้องแบก จีนสะสมแต้มอยู่ปล.เทลอาวีฟ ไซเรนดังตลอด 48 ชม. ที่ผ่านมา ไม่ได้หลับได้นอน เพราะถูกเฮซบอเลาะห์ดาหน้าถล่มยับ ล่อจุดเสี่ยง ล่อแหลมทุกดอก ชาวเมืองมุดลงท่อกันหมดแล้ว ชีวิตดี๊ดี ไอ้สัส! รัสเซียไล่ที่ยูเครน อาหรับไล่ที่อียิว สุดท้ายมันจะไปจบที่ไหน? คืนแผ่นดินเค้าไป แล้วแยกย้าย มันจะง่ายขนาดนี้เหรอ หลังอีทรัมปป์ไม่รบ ปิดหลังบ้านซ่อมแซมตัวเองก่อน นั่นแค่ปาก ไม่มีใครควบคุมความคิดอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ได้ หมาบ้าจนตรอก ทำอะไรได้ทุกอย่าง แม้แต่ระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อลากศัตรูตายห่าไปด้วย มันไม่ได้แคร์เยรูซาเล็มนานแล้ว ถึงได้บ้าคลั่งท้าชาวโลกไปทั่ว ทำเหี้ยให้หนักกว่าเก่า เพื่อดึงโลกมารบกันให้หมด แผนหนีหนี้ ดอลล่าร์ที่ก่อไว้ ชาติไหนก็จ่ายไม่หมด? ล่าสุดอีมาครง ยังเสี้ยนไม่เลิก ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธเศษฝรั่งโจมตีรัสเซียได้ กูถามจริง อาวุธห่วยๆ มรึงยังกล้าเอามาโชว์โง่หลอกควายได้อีก? ก็แค่ละครปาหี่ หลังฉาก กราบตรีนปูตินเช้าเย็น มรึงรู้ตัวดี ชะตาขาดนานแล้ว ปูตินกาหัวหมาไว้หมด ทั้งอีปารีส อีเบียร์ อีลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง พูดง่ายๆ "กูจะแดร๊กทั้งทวีปยุโรป" มีปัญหามั้ย? โปรดแหกตาดู ยุโรปฝั่งตะวันออกกว่า 10 ชาติ เค้าเตรียมกลับบ้านเก่ากันหมดแล้ว มรึงจะเหลือใครล่ะ เหลือแค่ชาติเล็ก ไม้ประดับ สุดท้ายเค้าต้องย้ายตามขั้วใหม่ เพราะมีพลังงานมั่นคงระยะยาวให้พวกเขาได้ใช้ในราคามิตรภาพ! เกมส์โลกใกล้สุกงอมแล้ว เฉกเช่นเดียวกับเกมส์ไทย มันมาตรงเวลานัดเสมอ ไทยจะกลายเป็นโมเดลโลก "พ่อปกครองลูก" และจะกลายเป็นที่นิยมให้โลกยุคใหม่ในไม่ช้านี้ ถีบส่งปชต.ตอแหลลวงโลกตกขุมนรกตามอียิวไปซะ!หมี CNN(เดินให้สุดซอยคือนักสู้ ทุกความอัปรีย์จัญไรที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้ มันถูกกำหนดให้เป็นไปตามแผนการสวรรค์ ไม่ว่าจะคิดแผนอะไรไว้ หากไม่ใช่ทางสวรรค์ชี้เป้า มันก็จะนำไปสู่หนทางออกของตัวมันเอง ดังนั้น สิ่งที่มรึงคิดจะล้างแค้นให้คนไทย ล้างแค้นให้แผ่นดิน สวรรค์เค้ามีแผนที่เด็ดขาดกว่านี้ โหดเหี้ยมกว่านี้ เกินกว่ามรึงจะจินตนาการได้ เพราะการลงโทษจากสวรรค์ทรมานที่สุดแล้ว แทบไม่ต้องนึกว่าจะขอตายยังดีกว่า? ไม่ให้ตายง่ายๆ ต้องชดใช้กรรมก่อน จนหมดสภาพ และไปใช้กรรมต่อในขุมนรก)25 พฤศจิกายน 6710.10 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดที่มาของเหตุการณ์ แอม ไซยาไนด์...
    เบื้องหลังคําสั่งประหารชีวิตแอมไซยาไนด์ ส่วนหนึ่งขอยกความดีความชอบให้ห้องแล็บที่ มัดแอมจนดิ้นไม่หลุด คนที่ทุ่มเททํางานในห้องแล็บนั้นก็คือ อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีระชัย ประธานหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อ๊อดเล่าว่าต้องพิสูจน์หลักฐานกว่า 800ชิ้น ที่ทางตํารวจส่งมาให้ช่วยตรวจหาสารพิษไซยาไนด์ผ่านระบบเครื่องมือไฮเทค ของห้องแล็บเคมี บวกกับบุคลากรที่มีความชํานาญการซึ่งก็มี อ อ๊อด เป็นหัวหน้าทีม ผลก็คือการพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ ทั้งในรถในบ้านของแอมไซยาไนด์รวมถึงในยาของกลางที่แอมไซยาไนด์ แอบยัดไส้ให้เพื่อนกิน
    เป็นหลักฐานสําคัญนํามาสู่การฟ้องแอมไซยาไนด์คดีฆ่าคนตายถึง14 ศพและเกือบตายอีกหนึ่งคน ที่พีคกว่านั้นทีมอาจารย์อ๊อดยังตรวจพบยาถอนพิษไซยาไนด์ในบ้านของแอมด้วย สารตัวนี้มีชื่อว่าโซเดียมไพโอซัลเฟต พอฉีดสารนี้เข้าเส้นเลือดมันจะช่วยถอนพิษสุดโหดของไซยาไนด์ได้ทันท่วงที เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า หมอพิษก็กลัวตายเพราะพิษ จึงต้องมียาแก้พิษติดไว้ใกล้มือเมื่อนําไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ที่ตํารวจเสาะหามาได้ คดีของก้อยนางสาวศิริพร ขันธ์วงศ์ ซึ่งถือเป็นคดีนําร่องของซีรี่ย์แอมไซยาไนด์ จึงได้ผลออกมาเป็นคําสั่งประหารชีวิตสถานเดียว
    ความอันตรายอีกอย่างของ ไซยาไนด์ คือมันเป็นสารราคาถูกที่เคยซื้อได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมันใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมอัญมณีทองรูปพรรณ แม้จะเป็นสารควบคุมแต่ดันมีข้อแม้ว่า ต้องซื้อเกิน1 ตันโน่นเลย จึงจะเข้าเกณฑ์ ต้องขออนุญาตจากทางราชการตรงนี้จึงเป็นช่องว่างให้โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารซื้อง่ายขายคล่องไปอยู่ในมืออาชญากรได้ง่าย ความที่ไม่มีสี ไม่มีรสไม่มีกลิ่นขนาดผสมลงในเครื่องดื่ม คนดื่มก็ไม่รู้ว่ามีพิษใช้ปริมาณน้อยนิดแค่100 มิลลิกรัม ก็ปลิดชีวิตคนได้แล้ว
    เหตุจูงใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการพนันออนไลน์ ที่แพร่หลายมากในสังคมไทย แอมไซยาไนด์เป็นทาสการพนันออนไลน์ เที่ยวหยิบยืมเงินคนรู้จักไปทั่วจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเกิดไอเดียใช้ยาพิษฆ่าล้างหนี้เหยื่อของเธอล้วนแต่เป็นเจ้าหนี้เป็นเพื่อน เป็นผัว เป็นคนที่ไว้ใจกันทั้งสิ้น อุทาหรณ์จากคดีนี้บอกว่าการคบเพื่อนต้องพยายามอยู่ให้ไกลจากพวกผีพนัน หรืออย่าให้คนร้อนเงิน มาเป็นลูกหนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    เปิดที่มาของเหตุการณ์ แอม ไซยาไนด์... เบื้องหลังคําสั่งประหารชีวิตแอมไซยาไนด์ ส่วนหนึ่งขอยกความดีความชอบให้ห้องแล็บที่ มัดแอมจนดิ้นไม่หลุด คนที่ทุ่มเททํางานในห้องแล็บนั้นก็คือ อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีระชัย ประธานหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อ๊อดเล่าว่าต้องพิสูจน์หลักฐานกว่า 800ชิ้น ที่ทางตํารวจส่งมาให้ช่วยตรวจหาสารพิษไซยาไนด์ผ่านระบบเครื่องมือไฮเทค ของห้องแล็บเคมี บวกกับบุคลากรที่มีความชํานาญการซึ่งก็มี อ อ๊อด เป็นหัวหน้าทีม ผลก็คือการพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ ทั้งในรถในบ้านของแอมไซยาไนด์รวมถึงในยาของกลางที่แอมไซยาไนด์ แอบยัดไส้ให้เพื่อนกิน เป็นหลักฐานสําคัญนํามาสู่การฟ้องแอมไซยาไนด์คดีฆ่าคนตายถึง14 ศพและเกือบตายอีกหนึ่งคน ที่พีคกว่านั้นทีมอาจารย์อ๊อดยังตรวจพบยาถอนพิษไซยาไนด์ในบ้านของแอมด้วย สารตัวนี้มีชื่อว่าโซเดียมไพโอซัลเฟต พอฉีดสารนี้เข้าเส้นเลือดมันจะช่วยถอนพิษสุดโหดของไซยาไนด์ได้ทันท่วงที เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า หมอพิษก็กลัวตายเพราะพิษ จึงต้องมียาแก้พิษติดไว้ใกล้มือเมื่อนําไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ที่ตํารวจเสาะหามาได้ คดีของก้อยนางสาวศิริพร ขันธ์วงศ์ ซึ่งถือเป็นคดีนําร่องของซีรี่ย์แอมไซยาไนด์ จึงได้ผลออกมาเป็นคําสั่งประหารชีวิตสถานเดียว ความอันตรายอีกอย่างของ ไซยาไนด์ คือมันเป็นสารราคาถูกที่เคยซื้อได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมันใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมอัญมณีทองรูปพรรณ แม้จะเป็นสารควบคุมแต่ดันมีข้อแม้ว่า ต้องซื้อเกิน1 ตันโน่นเลย จึงจะเข้าเกณฑ์ ต้องขออนุญาตจากทางราชการตรงนี้จึงเป็นช่องว่างให้โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารซื้อง่ายขายคล่องไปอยู่ในมืออาชญากรได้ง่าย ความที่ไม่มีสี ไม่มีรสไม่มีกลิ่นขนาดผสมลงในเครื่องดื่ม คนดื่มก็ไม่รู้ว่ามีพิษใช้ปริมาณน้อยนิดแค่100 มิลลิกรัม ก็ปลิดชีวิตคนได้แล้ว เหตุจูงใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการพนันออนไลน์ ที่แพร่หลายมากในสังคมไทย แอมไซยาไนด์เป็นทาสการพนันออนไลน์ เที่ยวหยิบยืมเงินคนรู้จักไปทั่วจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเกิดไอเดียใช้ยาพิษฆ่าล้างหนี้เหยื่อของเธอล้วนแต่เป็นเจ้าหนี้เป็นเพื่อน เป็นผัว เป็นคนที่ไว้ใจกันทั้งสิ้น อุทาหรณ์จากคดีนี้บอกว่าการคบเพื่อนต้องพยายามอยู่ให้ไกลจากพวกผีพนัน หรืออย่าให้คนร้อนเงิน มาเป็นลูกหนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูมีคำสั่งคว่ำบาตรสำนักข่าว Haaretz หลังจากกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นระบอบที่กระทำการโหดร้ายต่อชาวปาเลสไตน์

    มติการคว่ำบาตรต่อสำนักข่าวดังกล่าวถูกเสนอเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอาทิตย์ในนาทีสุดท้าย และได้รับการรับรองจากเนทันยาฮูโดยทันที โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายตามปกติ

    รายละเอียดของมติการคว่ำบาตรจะมีคำสั่งไปยังทุกองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ต้องยุติการติดต่อกับสำนักข่าว Haaretz โดยทันที และจะต้องถอนโฆษณาออกจากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวด้วย

    เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเนทันยาฮูออกมาเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจาก "บทความจำนวนมากที่ต่อต้านต่อความชอบธรรมของอิสราเอลจากคำสั่งการของเนทันยาฮูในการกระทำที่กำลังปกป้องสิทธิในการป้องกันตนเองจากฮามาส นอกจากนี้ อามอส ช็อคเกน ผู้บริหารของ Haaretz ยังไปพูดในลอนดอนเพื่อสนับสนุนปาเลสไตน์ และยังเรียกร้องให้คว่ำบาตรอิสราเอลอีกด้วย" ทำให้ความอดทนของอิสราเอลสิ้นสุดลง

    สำนักข่าว Haaretz ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีเมื่อวันอาทิตย์ว่า "มติคว่ำบาตรดังกล่าว เป็นการฉวยโอกาสโดยไม่มีการตรวจสอบทางกฎหมายใดๆ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในเส้นทางของเนทันยาฮูที่กำลังทำลายล้างประชาธิปไตยของอิสราเอล เนทันยาฮูกำลังพยายามปิดปากหนังสือพิมพ์อิสระที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้"

    ก่อนหน้านี้ เนทันยาฮูมีคำสั่งปิดสำนักข่าว อัล จาซีรา ไปแล้วจากข้อกล่าวหาที่คล้ายกัน

    ต่อมามีการออกกฎหมายุติการดำเนินกิจกรรมของ UNRWA ทำให้องค์กรนี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีกฎหมายรองรับการทำงานในพื้นที่ปกครองของอิสราเอลอีกต่อไป

    การกระทำของอิสราเอลในลักษณะนี้ไม่เคยถูกประณามจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่เยอรมัน แต่อย่างใด
    เนทันยาฮูมีคำสั่งคว่ำบาตรสำนักข่าว Haaretz หลังจากกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นระบอบที่กระทำการโหดร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ มติการคว่ำบาตรต่อสำนักข่าวดังกล่าวถูกเสนอเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอาทิตย์ในนาทีสุดท้าย และได้รับการรับรองจากเนทันยาฮูโดยทันที โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายตามปกติ รายละเอียดของมติการคว่ำบาตรจะมีคำสั่งไปยังทุกองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอิสราเอล ต้องยุติการติดต่อกับสำนักข่าว Haaretz โดยทันที และจะต้องถอนโฆษณาออกจากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเนทันยาฮูออกมาเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจาก "บทความจำนวนมากที่ต่อต้านต่อความชอบธรรมของอิสราเอลจากคำสั่งการของเนทันยาฮูในการกระทำที่กำลังปกป้องสิทธิในการป้องกันตนเองจากฮามาส นอกจากนี้ อามอส ช็อคเกน ผู้บริหารของ Haaretz ยังไปพูดในลอนดอนเพื่อสนับสนุนปาเลสไตน์ และยังเรียกร้องให้คว่ำบาตรอิสราเอลอีกด้วย" ทำให้ความอดทนของอิสราเอลสิ้นสุดลง สำนักข่าว Haaretz ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีเมื่อวันอาทิตย์ว่า "มติคว่ำบาตรดังกล่าว เป็นการฉวยโอกาสโดยไม่มีการตรวจสอบทางกฎหมายใดๆ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในเส้นทางของเนทันยาฮูที่กำลังทำลายล้างประชาธิปไตยของอิสราเอล เนทันยาฮูกำลังพยายามปิดปากหนังสือพิมพ์อิสระที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้" ก่อนหน้านี้ เนทันยาฮูมีคำสั่งปิดสำนักข่าว อัล จาซีรา ไปแล้วจากข้อกล่าวหาที่คล้ายกัน ต่อมามีการออกกฎหมายุติการดำเนินกิจกรรมของ UNRWA ทำให้องค์กรนี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีกฎหมายรองรับการทำงานในพื้นที่ปกครองของอิสราเอลอีกต่อไป การกระทำของอิสราเอลในลักษณะนี้ไม่เคยถูกประณามจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่เยอรมัน แต่อย่างใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเตือน! ทนายตัวจริงของตั้ม ทำลายพินัยกรรมเสี่ยงคุก (25/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทำลายพินัยกรรม #ผู้จัดการมรดกพี่อ้อย #ไอ้ตั้มมันร้าย #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    สนธิเตือน! ทนายตัวจริงของตั้ม ทำลายพินัยกรรมเสี่ยงคุก (25/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทำลายพินัยกรรม #ผู้จัดการมรดกพี่อ้อย #ไอ้ตั้มมันร้าย #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 838 มุมมอง 56 2 รีวิว
  • #นิทานคิงส์ยามเช้า
    อรุณสแวส เอ้ย อรุณสวัสยามเช้า มิตรรักแฟนเพจคิงส์
    วันนี้ พี่คิงส์มีนิทานสอนใจ ที่อยากมาเล่าให้คติ และสติสอนใจ
    เป็นเรื่องของคนผู้เป็นท็อกสิค ที่ปะปนและปกปิดอย่างแนบเนียน
    เป็นคนประเภทต้องห้ามที่ไม่ควรเอาไว้ใกล้ตัว
    มิเช่นนั้น ความบันเทิงจะเกิด
    - กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้
    มีแม่มดตนหนึ่ง หน้าเหมือนปู ซึ่งพี่คิงส์จิเรียกตัวละครนี้ว่า อิปู นะคับนะ
    ไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครในโลกแห่งความจริง เป็นเพียงตัวละคนในนิทาน
    - อิปู เดิมทีก็กักเก็บความซั่วได้อย่างดี เรียกว่าตบตาคนได้ทั้งแคว้น เดิมทีปูเป็นคนโนเนม แต่เป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง อยากเป็นคนดัง อยากเป็นคนมีชื่อเสียง จึงใช้วิธีในการรับเป็นผู้ดูแลจอมยุทธ และแม่นางทั่วยุทธภพ
    - เดิมที อาชีพดูแลจอมยุทธและแม่นาง ไม่ได้ผิด ผิดที่อิปู หรือแม่มดหน้าปู แอบซ่อนเร้นความอิจฉาไว้ในใจ จึงรอเพียงโอกาสที่จะได้เฉิดฉาย
    - และในที่สุด ก็ได้เข้ามาแทรกในครอบครัวจอมยุทธท่านหนึ่ง ชื่อชีลา ที่เป็นที่หมายปองของบรรดาแม่นางมากมายในแว่นแคว้นนี้ อิปู ก็ดูเหมือนทำหน้าที่ได้อย่างดีมาหลายปี ได้รับความรักความเมตตาจากทั้งมารดาจอมยุช ชีลา เป็นอย่างดี รวมถึงพี่ๆน้องจอมยุทธ์ทั้ง 4 ด้วยเช่นเดียวกัน
    - แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จอมยุทธชีลา ไปพบรักกับแม่นาง นางหนึ่ง ที่อยู่ต่างแคว้าน และแม่นางดังกล่าว ขอเรียกชื่อแทนว่า แม่นางเหม็น ซึ่งเราไม่อธิบายถึงรายละเอียดของที่มาของชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานักท่องนิทาน
    - อิปู ได้เห็นกิจกรรมหนึ่งที่จอมยุทธ์ชีลา และแม่นางเหม็น ทำด้วยกันนั่นคือ กิจกรรม เพคีย์ ซึ่งสามารถกวาดทรัพย์กวาดตำลึงทองจากชาวบ้านได้มากโข แต่ยอมยุทธ์ชีลา เล็งเห็นว่า การทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการใช้ความรักความไว้วางใจความนิยมของชาวแคว้น มาสร้างประโยชน์ให้ตนเองมากเกินไป จึงออกเตือนชาวแคว้นว่า อย่าเปย์ขนาดนั้น และเตือนแม่นางเหม็นว่า อย่าเยอะเกินไป สงสารชาวแคว้น ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน
    - และนี่แหละ คือปมที่แม่มดหน้าปู เล็งเห็นแล้วว่า ได้เวลาที่จะเริ่มแผนการ โดยการทำตัวเป็นสายให้กับป้านางหนึ่ง ที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของแม่นางเหม็น การพบกันของแม่มดหน้าปูกับนังป้าถือเป็นนรกลิขิตให้มาเจอจริงๆ
    - ซึ่งแม่มดหน้าปู มักจะใช้วิชาด้านมารในการปล่อยของมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีกับจอมยุทธิ์ชีลามาตลอดโดยที่จอมยุทธ์และครอบครัวเองก็ไม่รู้ตัว
    - ซึ่งขณะที่นังแม่มดดูแลจอมยุทธ์ ก็ยังรับดูแลแม่นางอีกหลายคน ซึ่งแม่นางเหล่านั้น ล้วนได้รับสารที่เป็นเชิงลบ ที่แต่งแต้มจากนังแม่มดหน้าปูทั้งสิ้น ชนิดที่ว่า แม้กระทั่งแม่นางที่เคยร่วมยุทธภพกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังรู้สึกตีตัวออกห่างจอมยุทธชีลา ซึ่งจอมยุทธ์เองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ว่ามีมารยาวิชาด้านมาร ได้กระทำการเหมือนกับเป็นปลวกที่กัดเซาะชื่อเสียงของตนอยู่ตลอดระยะเวลาหลายปี
    - และเมื่อถึงวันที่จอมยุทธิ์ กับแม่นางเหม็น ได้เลิกรากันไป นังแม่มดคือสารตั้งต้นชั้นดี ที่มีการสร้างข่าวไม่ดีเกี่ยวกับจอมยุทธิ์ขึ้นในแคว้น แต่นังแม่มดหน้าปู กลับไม่เคยออกตัวในการปกป้องชื่อเสียงตามหน้าที่ ทั้งๆที่ได้รับการดูแลจากจอมยุทธ์และครอบครัวมาอย่างดี ช่างเนรคุณ แต่เมื่อใดที่มีข่าวเชิงลบของแม่นางเหม็น นังแม่มดหน้าปูจะรีบออกตัวหาข้อมูลเหมือนสุนัขขี้ประจบนาย ออกมาแถลงทันที
    - ในช่วงเวลาชุลมุนนั้น สังเกตุได้ว่า มักจะมีข่าวหลุดแปลกๆในบ้านของจอมยุทธ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งข่าวที่ออกมา คือการปั้นแต่งเรื่องราวให้เกิดความเสียหายที่มาจากนังแม่มดหน้าปูนี่แหละ เมื่อป้าจิตเปื่อยรับรู้ ด้วยความอคติจากที่ชีวิตตนเองถูกผัว ผัว เทมา ก็เหมือนจะชัง ผช ทั้งโลก และอยากให้แม่นางเหม็นที่ตนรักมีชีวิตรันทดเหมือนตน จึงนำข้อมูลที่เป็นกากจากแม่มดหน้าปู เอาไปปั่นให้คนเกิดความแตกแยกกันเป็นสองฝั่งทันที ทั้งๆที่ ต่างคน ต่างไป ไม่ควรมีปัญหาใดๆเลย
    - โดยในกลุ่มที่คอยเซาะกร่อนลดทอนชื่อเสียงของจอมยุทธ์ จะมีหลายตัว เริ่มสารตั้งต้นคือ แม่มดหน้าปู นังพึ่ง(ชื่อเต็มพึ่งพา) และนังไพ่ สองพี่น้องที่เป็นผู้ร้ายถ้าในปัจจุบันเราจะเรียกว่ามิจ และป้าเปื่อยจิต แต่จริงๆแล้ว แต่ละตัวก็แอบฟาดฟันกันไม่ได้มีความจริงใจต่อกันหรอก แสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ โดยแม้กระทั่้งแม่นางเหม็นเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไม่ใช่แค่จอมยุทธชีลา ที่เป็นเหยี่อ ตัวนางเหม็นเองก็เช่นกัน
    - แต่ที่น่าเสียใจ แต่ห้ามอะไรไม่ได้ก็คือ พี่สาวทั้ง 4 ของจอมยุทธ์เอง ก็ใกล้ชิดกับนังแม่มดปูมากเกินไป จนเกิดความหลงเชื่อนังแม่มดโดยลืมไปว่าที่ผ่านมา น้องชายคือจอมยุทธชีลาต้องเจออะไรบ้างที่ผ่านมา และยังคงหลับตาไม่เชื่อว่า แม่มดปู คือตัวละครตัวร้ายตัวสำคัญ กลับไปร่วมงานร่วมกิจกรรมกันสนุกสนาน สร้างความงุนงงกับชาวเมืองชาวแคว้นอย่างมาก
    - ท่านที่ติดตามนิทานมาถึงตอนนี้ พี่คิงส์ก็อยากจะบอกคนในยุทธภพว่า อย่าไปต่อว่าพี่ๆของจอมยุทธ์เลย เพราะหลายๆคนในแคว้น ก็โดนต้มมาหลายปี เพิ่งจะรู้กันแล้วไฉน พี่ทั้งสี่ของจอมยุทธ์ จะหลงบ้างไม่ได้ ก็ต้องให้เวลาได้พิสูจน์ ว่าคนไหน คือตัวละครตัวร้ายที่ใกล้ตัวที่แท้จริง และแม่มดหน้าปู คือตัวกา ลา กี นี ของแทร่ ใกล้ใคร อิ๊บหายทุกตัว
    - ก็อย่างที่เล่าตั้งแต่ต้นว่า นังแม่มดหน้าปูนี้ ฝันอยากเด่นอยากดัง จริงๆแล้วนางอยากเป็นแม่นางที่ได้รับความนิยมเหมือนแม่นางเหม็นนี่แหละ และเคยไปขอเป็นผู้ดูแลแม่นางเหม็นตอนเลิกกับจอมยุทธิ์ชีลาใหม่ๆ แต่เค้าไม่เอา ตอนนี้ ด้วยความที่อยากมีแสงแต่ตัวเองเป็นแค่ดาวเคราะแคระ จึงต้องดึงพี่ทั้งสี่จอมยุทธ์มาเป็นเครื่องมือ หวังว่าสะสมคนนิยมได้เพียงพอ ค่อยถีบหัวส่งทีหลัง
    - และคนที่ยืนเคียงข้างจอมยุทธ์ชีลาเสมอ คือคุณแม่ของจอมยุทธ์นั่นเอง
    เป็นอย่างไรบ้าง นิทานพี่คิงส์เช้านี้สนุกมั๊ย
    ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่นิทาน อย่านำไปโยง ตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนจริงๆคนใด สร้างมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #นิทานคิงส์ยามเช้า อรุณสแวส เอ้ย อรุณสวัสยามเช้า มิตรรักแฟนเพจคิงส์ วันนี้ พี่คิงส์มีนิทานสอนใจ ที่อยากมาเล่าให้คติ และสติสอนใจ เป็นเรื่องของคนผู้เป็นท็อกสิค ที่ปะปนและปกปิดอย่างแนบเนียน เป็นคนประเภทต้องห้ามที่ไม่ควรเอาไว้ใกล้ตัว มิเช่นนั้น ความบันเทิงจะเกิด - กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ มีแม่มดตนหนึ่ง หน้าเหมือนปู ซึ่งพี่คิงส์จิเรียกตัวละครนี้ว่า อิปู นะคับนะ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครในโลกแห่งความจริง เป็นเพียงตัวละคนในนิทาน - อิปู เดิมทีก็กักเก็บความซั่วได้อย่างดี เรียกว่าตบตาคนได้ทั้งแคว้น เดิมทีปูเป็นคนโนเนม แต่เป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง อยากเป็นคนดัง อยากเป็นคนมีชื่อเสียง จึงใช้วิธีในการรับเป็นผู้ดูแลจอมยุทธ และแม่นางทั่วยุทธภพ - เดิมที อาชีพดูแลจอมยุทธและแม่นาง ไม่ได้ผิด ผิดที่อิปู หรือแม่มดหน้าปู แอบซ่อนเร้นความอิจฉาไว้ในใจ จึงรอเพียงโอกาสที่จะได้เฉิดฉาย - และในที่สุด ก็ได้เข้ามาแทรกในครอบครัวจอมยุทธท่านหนึ่ง ชื่อชีลา ที่เป็นที่หมายปองของบรรดาแม่นางมากมายในแว่นแคว้นนี้ อิปู ก็ดูเหมือนทำหน้าที่ได้อย่างดีมาหลายปี ได้รับความรักความเมตตาจากทั้งมารดาจอมยุช ชีลา เป็นอย่างดี รวมถึงพี่ๆน้องจอมยุทธ์ทั้ง 4 ด้วยเช่นเดียวกัน - แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จอมยุทธชีลา ไปพบรักกับแม่นาง นางหนึ่ง ที่อยู่ต่างแคว้าน และแม่นางดังกล่าว ขอเรียกชื่อแทนว่า แม่นางเหม็น ซึ่งเราไม่อธิบายถึงรายละเอียดของที่มาของชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานักท่องนิทาน - อิปู ได้เห็นกิจกรรมหนึ่งที่จอมยุทธ์ชีลา และแม่นางเหม็น ทำด้วยกันนั่นคือ กิจกรรม เพคีย์ ซึ่งสามารถกวาดทรัพย์กวาดตำลึงทองจากชาวบ้านได้มากโข แต่ยอมยุทธ์ชีลา เล็งเห็นว่า การทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการใช้ความรักความไว้วางใจความนิยมของชาวแคว้น มาสร้างประโยชน์ให้ตนเองมากเกินไป จึงออกเตือนชาวแคว้นว่า อย่าเปย์ขนาดนั้น และเตือนแม่นางเหม็นว่า อย่าเยอะเกินไป สงสารชาวแคว้น ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน - และนี่แหละ คือปมที่แม่มดหน้าปู เล็งเห็นแล้วว่า ได้เวลาที่จะเริ่มแผนการ โดยการทำตัวเป็นสายให้กับป้านางหนึ่ง ที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของแม่นางเหม็น การพบกันของแม่มดหน้าปูกับนังป้าถือเป็นนรกลิขิตให้มาเจอจริงๆ - ซึ่งแม่มดหน้าปู มักจะใช้วิชาด้านมารในการปล่อยของมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีกับจอมยุทธิ์ชีลามาตลอดโดยที่จอมยุทธ์และครอบครัวเองก็ไม่รู้ตัว - ซึ่งขณะที่นังแม่มดดูแลจอมยุทธ์ ก็ยังรับดูแลแม่นางอีกหลายคน ซึ่งแม่นางเหล่านั้น ล้วนได้รับสารที่เป็นเชิงลบ ที่แต่งแต้มจากนังแม่มดหน้าปูทั้งสิ้น ชนิดที่ว่า แม้กระทั่งแม่นางที่เคยร่วมยุทธภพกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังรู้สึกตีตัวออกห่างจอมยุทธชีลา ซึ่งจอมยุทธ์เองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ว่ามีมารยาวิชาด้านมาร ได้กระทำการเหมือนกับเป็นปลวกที่กัดเซาะชื่อเสียงของตนอยู่ตลอดระยะเวลาหลายปี - และเมื่อถึงวันที่จอมยุทธิ์ กับแม่นางเหม็น ได้เลิกรากันไป นังแม่มดคือสารตั้งต้นชั้นดี ที่มีการสร้างข่าวไม่ดีเกี่ยวกับจอมยุทธิ์ขึ้นในแคว้น แต่นังแม่มดหน้าปู กลับไม่เคยออกตัวในการปกป้องชื่อเสียงตามหน้าที่ ทั้งๆที่ได้รับการดูแลจากจอมยุทธ์และครอบครัวมาอย่างดี ช่างเนรคุณ แต่เมื่อใดที่มีข่าวเชิงลบของแม่นางเหม็น นังแม่มดหน้าปูจะรีบออกตัวหาข้อมูลเหมือนสุนัขขี้ประจบนาย ออกมาแถลงทันที - ในช่วงเวลาชุลมุนนั้น สังเกตุได้ว่า มักจะมีข่าวหลุดแปลกๆในบ้านของจอมยุทธ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งข่าวที่ออกมา คือการปั้นแต่งเรื่องราวให้เกิดความเสียหายที่มาจากนังแม่มดหน้าปูนี่แหละ เมื่อป้าจิตเปื่อยรับรู้ ด้วยความอคติจากที่ชีวิตตนเองถูกผัว ผัว เทมา ก็เหมือนจะชัง ผช ทั้งโลก และอยากให้แม่นางเหม็นที่ตนรักมีชีวิตรันทดเหมือนตน จึงนำข้อมูลที่เป็นกากจากแม่มดหน้าปู เอาไปปั่นให้คนเกิดความแตกแยกกันเป็นสองฝั่งทันที ทั้งๆที่ ต่างคน ต่างไป ไม่ควรมีปัญหาใดๆเลย - โดยในกลุ่มที่คอยเซาะกร่อนลดทอนชื่อเสียงของจอมยุทธ์ จะมีหลายตัว เริ่มสารตั้งต้นคือ แม่มดหน้าปู นังพึ่ง(ชื่อเต็มพึ่งพา) และนังไพ่ สองพี่น้องที่เป็นผู้ร้ายถ้าในปัจจุบันเราจะเรียกว่ามิจ และป้าเปื่อยจิต แต่จริงๆแล้ว แต่ละตัวก็แอบฟาดฟันกันไม่ได้มีความจริงใจต่อกันหรอก แสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ โดยแม้กระทั่้งแม่นางเหม็นเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไม่ใช่แค่จอมยุทธชีลา ที่เป็นเหยี่อ ตัวนางเหม็นเองก็เช่นกัน - แต่ที่น่าเสียใจ แต่ห้ามอะไรไม่ได้ก็คือ พี่สาวทั้ง 4 ของจอมยุทธ์เอง ก็ใกล้ชิดกับนังแม่มดปูมากเกินไป จนเกิดความหลงเชื่อนังแม่มดโดยลืมไปว่าที่ผ่านมา น้องชายคือจอมยุทธชีลาต้องเจออะไรบ้างที่ผ่านมา และยังคงหลับตาไม่เชื่อว่า แม่มดปู คือตัวละครตัวร้ายตัวสำคัญ กลับไปร่วมงานร่วมกิจกรรมกันสนุกสนาน สร้างความงุนงงกับชาวเมืองชาวแคว้นอย่างมาก - ท่านที่ติดตามนิทานมาถึงตอนนี้ พี่คิงส์ก็อยากจะบอกคนในยุทธภพว่า อย่าไปต่อว่าพี่ๆของจอมยุทธ์เลย เพราะหลายๆคนในแคว้น ก็โดนต้มมาหลายปี เพิ่งจะรู้กันแล้วไฉน พี่ทั้งสี่ของจอมยุทธ์ จะหลงบ้างไม่ได้ ก็ต้องให้เวลาได้พิสูจน์ ว่าคนไหน คือตัวละครตัวร้ายที่ใกล้ตัวที่แท้จริง และแม่มดหน้าปู คือตัวกา ลา กี นี ของแทร่ ใกล้ใคร อิ๊บหายทุกตัว - ก็อย่างที่เล่าตั้งแต่ต้นว่า นังแม่มดหน้าปูนี้ ฝันอยากเด่นอยากดัง จริงๆแล้วนางอยากเป็นแม่นางที่ได้รับความนิยมเหมือนแม่นางเหม็นนี่แหละ และเคยไปขอเป็นผู้ดูแลแม่นางเหม็นตอนเลิกกับจอมยุทธิ์ชีลาใหม่ๆ แต่เค้าไม่เอา ตอนนี้ ด้วยความที่อยากมีแสงแต่ตัวเองเป็นแค่ดาวเคราะแคระ จึงต้องดึงพี่ทั้งสี่จอมยุทธ์มาเป็นเครื่องมือ หวังว่าสะสมคนนิยมได้เพียงพอ ค่อยถีบหัวส่งทีหลัง - และคนที่ยืนเคียงข้างจอมยุทธ์ชีลาเสมอ คือคุณแม่ของจอมยุทธ์นั่นเอง เป็นอย่างไรบ้าง นิทานพี่คิงส์เช้านี้สนุกมั๊ย ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่นิทาน อย่านำไปโยง ตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนจริงๆคนใด สร้างมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อิป้าขี้โม้กระจ่อกแต่บอกเจ๋ง
    อยากพิมพ์แค่ ทุ๊ย ทุ๊ย และ ทุ๊ย
    ขู่ววว กร่าางง ห้าววว ทุ๊ย
    ลั่นพิมพ์ขู่ววสนธิไว้ เห็นกันทั่วประเทศ
    สนธิสนที่ไหน แล้วไหนว่าจะฟ๊อง
    มาตอนนี้ หยองดิเมิง บอกข่าวลือมั่ววๆ
    มั่ว Pong เมิงดิ
    กรรูทั้ง ขรรรม ทั้งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามถึงเมิงอิป้า
    เวทนาที่หาเหตุผลมาอ้างสารพัด แต่แท้จริงไม่มีปัญญาทำอะไรเค้าได้
    อ้างอีกบอกมีสัมพันธิ์อันดี เค้ารู้จักสนิท ปฏิสัมพันธิ์กับเมิงตอนไหนก่อน
    ถ้าสนธิที่เคยเอ่ยถึงเมิง แค่ชื่อเค้ายังไม่เอ่ยให้เสียปาก
    เค้าเรียกเมิงว่า "มีผู้หญิงแก่ๆคนนึงลามปาม"
    เมิงนี่ ชอบแอบอ้างไม่เข็ด หาแต่เรื่องไม่เว้นวัน
    แล้วไอ่ที่เมิงเอาภาพแทนตัวในโปรไฟล์ว่ารักชาติอะ
    ชาวเน็ตเค้ารับไม่ได้มานานแล้ว
    รักชาติแบบไหน สิ่งที่เมิงทำสวนทาง Sus sus
    สัน Dan สร้างเรื่องปั่นกระแสให้คนไทยแตกแยกกันไม่เว้นวัน
    E ดอก ซ้ำยังปั่นให้สาวเกามาฟ๊องคนไทย รักชาติ Pong เมิงสิ
    อย่าว่าแต่คำว่ารักชาติเ่ลย
    แค่เป็นคนไทย เมิงยังไม่คู่ควรเลย
    แหม่ ทิ้งท้ายยังปากดี ใช้คำว่าด้วยความกรุณาของอิป้าที่มีต่อสนธิ
    นี่แหละ ความหลงผิด สำคัญตัวเองผิด
    ชีวิตเมิง ถึง Budซบ แบบนี้ อายุเท่าไหร่่แล้ว
    หาความสำเร็จใดๆในชีวิตไม่มี เกาแสงสาวเกา
    ต้องหาเสพดราม่ากับการสร้างเรื่องบ็องๆไปวันๆ
    จนทำให้สาวเกาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้
    ด้อมเกาเยอะแยะที่เค้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เมิงทำ
    จนเค้าทนเมิงไม่ไหว ออกมาเคลื่อนไหว
    แต่เมิงไม่เคยสำเหนียก กลัวหมดความสำคัญ
    ทำตัวเป็น ช่องโจจนน ปลุก ระ ดมม ให้คนหลงผิด
    ดิ้นพร่านในแต่ละวัน แทนที่จะไปหาอาชีพปกติทำกัน
    กี่เดือนแล้วที่เมิงฝังตัวในโซเชียล เอาแต่ปลุก ระ ดมผู้คน
    หาเรื่องไปทั่ว เอาสาวเกามาเป็นฉากหน้า ไฝ้กับณวัฒน์
    ไฝ้กับก้อง ไฝ้กับกรรู ไฝ้กับคนที่รักพระเอก
    แต่พอคนสวนกลับ เมิงก็ไปดึงสาวเกามาแถลง
    ทั้งๆที่เมิงเป็นคนสร้างปัญหาทั้งนั้น แต่ใช้เงินสาวเกา เพื่อเอาไปทะเลาะกับคนไทยด้วยกัน โดยเมิงไม่ต้องควัก ขู่วววเก่ง E ดอก
    เอาเป็นว่า กรรรูเป็นคนนึงในประเทส ที่รอลุ้น
    ว่า พี่ลักยิ้ม แกว่าไว้ ว่าเอ็งจะอาการBaจะหนักก่อนสิ้นเดือนนี้
    ทุกอย่างจะพังเพราะอิป้า และอิป้าจะพังเพราะกรรมที่สร้าง
    ถ้าไม่มีป้า สาวเกาจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
    ถ้าไม่มีป้า โลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
    ปากกล้า ขาสั่น จอกแต่บอกเจ๋ง
    ทุ๊ย ทุ๊ย ทุ๊ย
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #อิป้าขี้โม้กระจ่อกแต่บอกเจ๋ง อยากพิมพ์แค่ ทุ๊ย ทุ๊ย และ ทุ๊ย ขู่ววว กร่าางง ห้าววว ทุ๊ย ลั่นพิมพ์ขู่ววสนธิไว้ เห็นกันทั่วประเทศ สนธิสนที่ไหน แล้วไหนว่าจะฟ๊อง มาตอนนี้ หยองดิเมิง บอกข่าวลือมั่ววๆ มั่ว Pong เมิงดิ กรรูทั้ง ขรรรม ทั้งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามถึงเมิงอิป้า เวทนาที่หาเหตุผลมาอ้างสารพัด แต่แท้จริงไม่มีปัญญาทำอะไรเค้าได้ อ้างอีกบอกมีสัมพันธิ์อันดี เค้ารู้จักสนิท ปฏิสัมพันธิ์กับเมิงตอนไหนก่อน ถ้าสนธิที่เคยเอ่ยถึงเมิง แค่ชื่อเค้ายังไม่เอ่ยให้เสียปาก เค้าเรียกเมิงว่า "มีผู้หญิงแก่ๆคนนึงลามปาม" เมิงนี่ ชอบแอบอ้างไม่เข็ด หาแต่เรื่องไม่เว้นวัน แล้วไอ่ที่เมิงเอาภาพแทนตัวในโปรไฟล์ว่ารักชาติอะ ชาวเน็ตเค้ารับไม่ได้มานานแล้ว รักชาติแบบไหน สิ่งที่เมิงทำสวนทาง Sus sus สัน Dan สร้างเรื่องปั่นกระแสให้คนไทยแตกแยกกันไม่เว้นวัน E ดอก ซ้ำยังปั่นให้สาวเกามาฟ๊องคนไทย รักชาติ Pong เมิงสิ อย่าว่าแต่คำว่ารักชาติเ่ลย แค่เป็นคนไทย เมิงยังไม่คู่ควรเลย แหม่ ทิ้งท้ายยังปากดี ใช้คำว่าด้วยความกรุณาของอิป้าที่มีต่อสนธิ นี่แหละ ความหลงผิด สำคัญตัวเองผิด ชีวิตเมิง ถึง Budซบ แบบนี้ อายุเท่าไหร่่แล้ว หาความสำเร็จใดๆในชีวิตไม่มี เกาแสงสาวเกา ต้องหาเสพดราม่ากับการสร้างเรื่องบ็องๆไปวันๆ จนทำให้สาวเกาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้ ด้อมเกาเยอะแยะที่เค้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เมิงทำ จนเค้าทนเมิงไม่ไหว ออกมาเคลื่อนไหว แต่เมิงไม่เคยสำเหนียก กลัวหมดความสำคัญ ทำตัวเป็น ช่องโจจนน ปลุก ระ ดมม ให้คนหลงผิด ดิ้นพร่านในแต่ละวัน แทนที่จะไปหาอาชีพปกติทำกัน กี่เดือนแล้วที่เมิงฝังตัวในโซเชียล เอาแต่ปลุก ระ ดมผู้คน หาเรื่องไปทั่ว เอาสาวเกามาเป็นฉากหน้า ไฝ้กับณวัฒน์ ไฝ้กับก้อง ไฝ้กับกรรู ไฝ้กับคนที่รักพระเอก แต่พอคนสวนกลับ เมิงก็ไปดึงสาวเกามาแถลง ทั้งๆที่เมิงเป็นคนสร้างปัญหาทั้งนั้น แต่ใช้เงินสาวเกา เพื่อเอาไปทะเลาะกับคนไทยด้วยกัน โดยเมิงไม่ต้องควัก ขู่วววเก่ง E ดอก เอาเป็นว่า กรรรูเป็นคนนึงในประเทส ที่รอลุ้น ว่า พี่ลักยิ้ม แกว่าไว้ ว่าเอ็งจะอาการBaจะหนักก่อนสิ้นเดือนนี้ ทุกอย่างจะพังเพราะอิป้า และอิป้าจะพังเพราะกรรมที่สร้าง ถ้าไม่มีป้า สาวเกาจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่มีป้า โลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ ปากกล้า ขาสั่น จอกแต่บอกเจ๋ง ทุ๊ย ทุ๊ย ทุ๊ย อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สามารถคือใคร
    #เห็นละหลายคนงงว่าไอ่เสื้อดำนี้ใครฟร๊ะ
    ชื่อสามารถ สามารถไหนฟร๊ะ
    แล้วเกี่ยวอารายกับดิไอค่อน
    เอาจริงๆ เกี่ยวแม่มมแทบทุกวงการ
    ตอนนี้ตามตัวไม่เจอ เจอแต่แม่ แม่โดนด้วย
    ตัวฟอก ตัวดาร์ค ตัวตบ ครบในที่เดียว
    เดี๋ยวเล่าวีระกรรมเรียงให้
    1. คนนี้แหละ ที่เป็นตัวสำคัญ เข้าไปในพรรค พลปชร ทีหลัง แต่เป็นคนมีทักษะเรื่องการประจบนาย ชนิดที่ ขนาดเสี่ยแป้งยังกระเด็ด คิดเอา และเป็นตัวปั่นในพรรค จนทำให้ ผู้จงรักภักดีลุงเผ่นแนบ
    2. เป็นตัวที่ชอบอ้างชื่อลุงป้อม ในการกระทำเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ แทรกซึ่มในกระทรวง หน่วยงานต่างๆ โดยใช้ชื่อลุงเป็นใบเบิกทาง
    3. เป็นตัวที่อ้างว่า เชื่อม สส.แดง และสส.ส้มได้ และเบิกลุงไปจ่าย พรรคส้มหัวละแสน พรรคแดงหัวละล้าน โดยรับปากลุงว่าถ้าเปย์แบบนี้ ตอนลงโหวตเลือกนายก ลุงได้เป็นแน่นวล แต่หารู้มั๊ย จ่ายไปแสนจ่ายห้าหมื่น จ่ายไปล้าน จ่ายห้าแสน และบรรดาระดับหัวของส้มและแดง เค้าก็ปล่อยให้เปย์ไปดิ ลูกพรรคได้ค่าขนมฟรีๆ ใครไม่เอา ลุงเจ๊งง สามารถ รวยเอารวยเอา ซึ่งลุงโมโหมากที่นักข่าวมาถามจี้ใจดำเรื่องผลโหวต
    4. ต้องบอกว่า การเดินเกมส์ของลุง เริ่มเป๋ เซ หลงทิศก็ตั้งแต่ลุงได้เลื่อนลำดับความสำคัญให้สามารถมาเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่รู้สามารถใช้วิธีไหน เหมือนลุงกลายเป็นคนในคาถา สามารถ หยิบฉวยชื่อลุงไปใช้อย่างไม่กระดาก
    5. จำเสียงคนที่บอสพอลอัดเสียงไว้ป่าว ที่บอกว่า ฟิล์มจ่ายเดือนละแสน มันเล่นเล็กไป พอลต้องเล่นให้ใหญ่ ดูแลดีกว่านี้ แล้วบอสพอลจะเหมือนทานอส อยากได้อะไร ดีดนิ้วได้หมด ก็เสียงตานี่นี่แหละ
    6. ทุกคน คงรู้จักนังพัต ใช่ป่ะ ที่เพิ่งเข้าซรังเตไปไม่กี่วันที่ผ่านมา นังพัต ดิลงานกับสามารถนี่แหละ ที่เวลาอ้าง ผู้ใหญ่อะไร เรียกว่าศีลเสมอกันที่สุดแล้ว พัต สามารถ
    ดังนั้น นี่คือตัวสำคัญ ที่มีความเกี่ยวพันกับอีกหลายวงการ
    รอบนี้ โดนเรื่องฟอกด้วย รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สามารถคือใคร #เห็นละหลายคนงงว่าไอ่เสื้อดำนี้ใครฟร๊ะ ชื่อสามารถ สามารถไหนฟร๊ะ แล้วเกี่ยวอารายกับดิไอค่อน เอาจริงๆ เกี่ยวแม่มมแทบทุกวงการ ตอนนี้ตามตัวไม่เจอ เจอแต่แม่ แม่โดนด้วย ตัวฟอก ตัวดาร์ค ตัวตบ ครบในที่เดียว เดี๋ยวเล่าวีระกรรมเรียงให้ 1. คนนี้แหละ ที่เป็นตัวสำคัญ เข้าไปในพรรค พลปชร ทีหลัง แต่เป็นคนมีทักษะเรื่องการประจบนาย ชนิดที่ ขนาดเสี่ยแป้งยังกระเด็ด คิดเอา และเป็นตัวปั่นในพรรค จนทำให้ ผู้จงรักภักดีลุงเผ่นแนบ 2. เป็นตัวที่ชอบอ้างชื่อลุงป้อม ในการกระทำเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ แทรกซึ่มในกระทรวง หน่วยงานต่างๆ โดยใช้ชื่อลุงเป็นใบเบิกทาง 3. เป็นตัวที่อ้างว่า เชื่อม สส.แดง และสส.ส้มได้ และเบิกลุงไปจ่าย พรรคส้มหัวละแสน พรรคแดงหัวละล้าน โดยรับปากลุงว่าถ้าเปย์แบบนี้ ตอนลงโหวตเลือกนายก ลุงได้เป็นแน่นวล แต่หารู้มั๊ย จ่ายไปแสนจ่ายห้าหมื่น จ่ายไปล้าน จ่ายห้าแสน และบรรดาระดับหัวของส้มและแดง เค้าก็ปล่อยให้เปย์ไปดิ ลูกพรรคได้ค่าขนมฟรีๆ ใครไม่เอา ลุงเจ๊งง สามารถ รวยเอารวยเอา ซึ่งลุงโมโหมากที่นักข่าวมาถามจี้ใจดำเรื่องผลโหวต 4. ต้องบอกว่า การเดินเกมส์ของลุง เริ่มเป๋ เซ หลงทิศก็ตั้งแต่ลุงได้เลื่อนลำดับความสำคัญให้สามารถมาเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่รู้สามารถใช้วิธีไหน เหมือนลุงกลายเป็นคนในคาถา สามารถ หยิบฉวยชื่อลุงไปใช้อย่างไม่กระดาก 5. จำเสียงคนที่บอสพอลอัดเสียงไว้ป่าว ที่บอกว่า ฟิล์มจ่ายเดือนละแสน มันเล่นเล็กไป พอลต้องเล่นให้ใหญ่ ดูแลดีกว่านี้ แล้วบอสพอลจะเหมือนทานอส อยากได้อะไร ดีดนิ้วได้หมด ก็เสียงตานี่นี่แหละ 6. ทุกคน คงรู้จักนังพัต ใช่ป่ะ ที่เพิ่งเข้าซรังเตไปไม่กี่วันที่ผ่านมา นังพัต ดิลงานกับสามารถนี่แหละ ที่เวลาอ้าง ผู้ใหญ่อะไร เรียกว่าศีลเสมอกันที่สุดแล้ว พัต สามารถ ดังนั้น นี่คือตัวสำคัญ ที่มีความเกี่ยวพันกับอีกหลายวงการ รอบนี้ โดนเรื่องฟอกด้วย รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • #บุญคุณป้าข้างบ้าน
    หลังจากที่พี่คิงส์แยกได้แล้ว
    ระหว่างแฟนคลับสาวแดนอุนจิตัวจริง
    กับสาวกป้าข้างบ้าน
    ถ้าเป็นแฟนคลับสาวจริงจะโพสจะคอมเม้นเชิง+ ไม่แซะ
    แต่ถ้าแซะ ปั่น หาประเด็นให้มีความแตกแยกระหว่างคนไทย
    ให้เป็นสองฝั่ง นั่นคือสาวกป้าล้วนๆ
    แต่ฝั่งสาวกป้า พี่คิงส์ก็เห็นสร้างวาทะกรรม
    ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่พ้นวาทะกรรมของป้านี่แหละ
    ที่สร้างแล้วก็กระจายให้กับสมุน
    นั่นคือ ถ้าไม่มีป้า คนที่รักสาวคงจะไม่มากมายขนาดนี้
    เอ้า เอาก็เอา งั้นวันนี้เรามารำลึกถึงบุญคุณของป้ากัน
    1. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่โดนคนไทยเกลียดมากขนาดนี้ ยอดคนติดตามคงไม่หายไปเกินครึ่งล้าน
    2. ถ้าไม่มีป้า #สาวกับหนุ่มก็ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเชียร์ เพราะไม่มีป้ามาหาประเด็นสร้างดราม่าไม่เว้นแต่ละวัน
    3. ถ้าไม่มีป้า #จะไม่มีความแตกแยก เพราะป้าคอยรับข้อมูลจากปูเป็นหนอนแบบผิดๆ เพราะปูเป็นหนอนหวังไปเกาะสาวตั้งแต่แรกก็เลยปั้นหลายเรื่อง แล้วเอาไปบอกป้าผ่าน ผ.บ้าง บอกเองบ้าง ทำกันแบบนี้สม่ำเสมอตั้งแต่หนุ่มสาวยังไม่ได้เลิกกัน พอป้าได้ข้อมูลมาแล้วก็เอามาสร้างอคติให้เกิดขึ้นในกลุ่มแฟนคลับสาวตามจริตที่ป้ามีปมที่ถูกผัวเท เลยทำให้หนุ่มโดนปักธงจากป้าโดยไม่รู้ตัว จนแฟนคลับหนุ่มเริ่มรับไม่ได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการแตกกันระหว่างแฟนคลับของทั้งสองฝ่าย
    4. ถ้าไม่มีป้า #จะมีใครสร้างปัญหาให้สาวได้มากเท่านี้ ด้วยการไฝ้วสร้างโจทย์ไปทั่ว กับบอส ณวัฒน์งี้ กับก้องห้วยไร่งี้ แม้กระทั่งกับคิงส์โพธิ์แดงงี้ ฝีมือป้าทั้งนั้น
    5. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่พลาดมาแถลงฟ๊องคนไทย จนความนิยมหล่นลงยาวๆแบบนี้ และคงไม่มีใครมาเตรียมชิงฟ๊องก่อน หรือฟ๊องกลับ กันมากมายขนาดนี้
    6. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน ด้วยการต้องมาขึ้นSAN อีกไม่รู้กี่สิบรอบ หรือถ้าอีกฝ่ายฟ๊องกลับ 1 ปี อาจเป็นร้อยรอบ ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ป้าก็จะได้อยู่กับสาวตลอดปี
    7. ถ้าไม่มีป้า #ก็จะไม่มีก๊าบๆ ที่ป้าเอาเข้าไปในกลุ่มเทพ ที่แสดงความถ๋อย สถุ๋น จนเป็นภาพลบให้กับคนในนั้นที่ส่วนใหญ่ เป็นผู้ประสบความสำเร็จทางอาชีพ และชีวิตมาก่อนทั้งนั้น เทพคงไม่มีใครลดตัวมาคบคนอย่างก๊าบๆแน่นอน (และพอก๊าบๆเกมส์ ก็ไม่ออกมาปกป้อง พูดหน้าตาลอยว่า ที่ไม่ปกป้อง เพราะรู้ปลายทางว่ายังไงก็ฟ๊องก๊าบๆไม่ได้ หรือฟ๊องได้ก็ไม่ชนะ อันนี้ขอทีนะ อิฉัด ไปต้มเด็กอมมือไป เหตุผลตลกsus sus เมิงเทมัน แต่แค่หาข้ออ้างดีๆ อย่าเท่ห์เลยเมิง ทุ๊ย ถ้าเมิงรักมัน เมิงต้องปกป้อง ออกตัว มันไม่มีหรอก KADEE ไหน ที่ชนะชัวร์ อิฉัด เพราะผพภษ เท่านั้นที่ตัดสิน ไม่รู้ไอ่ก๊าบๆมันรู้ตัวมั๊ย หรืออย่าบอกนะ ว่าเชื่อเหตุผลจากอิป้าเนี่ย)
    8. ถ้าไม่มีป้า #แล้วใครจะสร้างเรื่องนิยายให้สาวกฟัง เล่าแบบผิดๆถูกๆ เอาแบบที่ใจอยากให้สาวเป็น ทั้งเรื่องแม่ เรื่องพี่ชาย และอีกหลายๆเรื่อง ให้อีกฝ่ายที่ป้าตั้งใจสร้างให้มี ได้มาจับโป๊ะกันสนุกสนาน
    9. ถ้าไม่มีป้า #จะมีใครมาเสียเวลาBAบอ ทำเหมือนเป็นบางระจัน สมัยจะเสียกรุง มโนคติว่า ตัวเองมีคนจะมาทำนั่นนี่ ต้องออกศึ-ก-ส-ง-ค-ร-า-ม ศาลา ฟินิกส์เฮี้ยอะไรอีกฟร๊ะเนี่ย
    10. ถ้าไม่มีป้า #สี่ห้าเดือนที่ผ่านมาพวกเราคงเอาเวลาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับชีวิตมากกว่านี้
    11. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เพราะไม่ต้องมารับข้อมูลปั่นจากป้า และไม่มีป้าก็คงไม่มีคนคาบข่าวจากสาวมาแปลเพื่อเป็นประโยชน์กับอุดมการณ์บ็องๆของตัวเองแบบนี้
    12. ถ้าไม่มีป้า #คนคงไม่รู้ว่าคนที่ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีวุฒิแค่ม.3 อย่างป้า จะทำให้คนที่จบตรี ถึงดร. เชื่อได้ขนาดนี้
    ดังนั้น สาวกเค้าบอกว่าต้องไม่ลืมบุญคุณป้านะ จะเทป้าไม่ได้นะ
    ก็สมเหตุสมผลอยู่ ถ้าโลกนี้ไม่มีป้า ก็จะมี 12 ข้อนี้ไม่ได้แน่นอน
    ทุกคน ทุกฝ่าย สูญเสีย แต่ป้าได้อยู่คนเดียว ได้เสพพดราม่าสมใจ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #บุญคุณป้าข้างบ้าน หลังจากที่พี่คิงส์แยกได้แล้ว ระหว่างแฟนคลับสาวแดนอุนจิตัวจริง กับสาวกป้าข้างบ้าน ถ้าเป็นแฟนคลับสาวจริงจะโพสจะคอมเม้นเชิง+ ไม่แซะ แต่ถ้าแซะ ปั่น หาประเด็นให้มีความแตกแยกระหว่างคนไทย ให้เป็นสองฝั่ง นั่นคือสาวกป้าล้วนๆ แต่ฝั่งสาวกป้า พี่คิงส์ก็เห็นสร้างวาทะกรรม ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่พ้นวาทะกรรมของป้านี่แหละ ที่สร้างแล้วก็กระจายให้กับสมุน นั่นคือ ถ้าไม่มีป้า คนที่รักสาวคงจะไม่มากมายขนาดนี้ เอ้า เอาก็เอา งั้นวันนี้เรามารำลึกถึงบุญคุณของป้ากัน 1. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่โดนคนไทยเกลียดมากขนาดนี้ ยอดคนติดตามคงไม่หายไปเกินครึ่งล้าน 2. ถ้าไม่มีป้า #สาวกับหนุ่มก็ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเชียร์ เพราะไม่มีป้ามาหาประเด็นสร้างดราม่าไม่เว้นแต่ละวัน 3. ถ้าไม่มีป้า #จะไม่มีความแตกแยก เพราะป้าคอยรับข้อมูลจากปูเป็นหนอนแบบผิดๆ เพราะปูเป็นหนอนหวังไปเกาะสาวตั้งแต่แรกก็เลยปั้นหลายเรื่อง แล้วเอาไปบอกป้าผ่าน ผ.บ้าง บอกเองบ้าง ทำกันแบบนี้สม่ำเสมอตั้งแต่หนุ่มสาวยังไม่ได้เลิกกัน พอป้าได้ข้อมูลมาแล้วก็เอามาสร้างอคติให้เกิดขึ้นในกลุ่มแฟนคลับสาวตามจริตที่ป้ามีปมที่ถูกผัวเท เลยทำให้หนุ่มโดนปักธงจากป้าโดยไม่รู้ตัว จนแฟนคลับหนุ่มเริ่มรับไม่ได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการแตกกันระหว่างแฟนคลับของทั้งสองฝ่าย 4. ถ้าไม่มีป้า #จะมีใครสร้างปัญหาให้สาวได้มากเท่านี้ ด้วยการไฝ้วสร้างโจทย์ไปทั่ว กับบอส ณวัฒน์งี้ กับก้องห้วยไร่งี้ แม้กระทั่งกับคิงส์โพธิ์แดงงี้ ฝีมือป้าทั้งนั้น 5. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่พลาดมาแถลงฟ๊องคนไทย จนความนิยมหล่นลงยาวๆแบบนี้ และคงไม่มีใครมาเตรียมชิงฟ๊องก่อน หรือฟ๊องกลับ กันมากมายขนาดนี้ 6. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน ด้วยการต้องมาขึ้นSAN อีกไม่รู้กี่สิบรอบ หรือถ้าอีกฝ่ายฟ๊องกลับ 1 ปี อาจเป็นร้อยรอบ ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ป้าก็จะได้อยู่กับสาวตลอดปี 7. ถ้าไม่มีป้า #ก็จะไม่มีก๊าบๆ ที่ป้าเอาเข้าไปในกลุ่มเทพ ที่แสดงความถ๋อย สถุ๋น จนเป็นภาพลบให้กับคนในนั้นที่ส่วนใหญ่ เป็นผู้ประสบความสำเร็จทางอาชีพ และชีวิตมาก่อนทั้งนั้น เทพคงไม่มีใครลดตัวมาคบคนอย่างก๊าบๆแน่นอน (และพอก๊าบๆเกมส์ ก็ไม่ออกมาปกป้อง พูดหน้าตาลอยว่า ที่ไม่ปกป้อง เพราะรู้ปลายทางว่ายังไงก็ฟ๊องก๊าบๆไม่ได้ หรือฟ๊องได้ก็ไม่ชนะ อันนี้ขอทีนะ อิฉัด ไปต้มเด็กอมมือไป เหตุผลตลกsus sus เมิงเทมัน แต่แค่หาข้ออ้างดีๆ อย่าเท่ห์เลยเมิง ทุ๊ย ถ้าเมิงรักมัน เมิงต้องปกป้อง ออกตัว มันไม่มีหรอก KADEE ไหน ที่ชนะชัวร์ อิฉัด เพราะผพภษ เท่านั้นที่ตัดสิน ไม่รู้ไอ่ก๊าบๆมันรู้ตัวมั๊ย หรืออย่าบอกนะ ว่าเชื่อเหตุผลจากอิป้าเนี่ย) 8. ถ้าไม่มีป้า #แล้วใครจะสร้างเรื่องนิยายให้สาวกฟัง เล่าแบบผิดๆถูกๆ เอาแบบที่ใจอยากให้สาวเป็น ทั้งเรื่องแม่ เรื่องพี่ชาย และอีกหลายๆเรื่อง ให้อีกฝ่ายที่ป้าตั้งใจสร้างให้มี ได้มาจับโป๊ะกันสนุกสนาน 9. ถ้าไม่มีป้า #จะมีใครมาเสียเวลาBAบอ ทำเหมือนเป็นบางระจัน สมัยจะเสียกรุง มโนคติว่า ตัวเองมีคนจะมาทำนั่นนี่ ต้องออกศึ-ก-ส-ง-ค-ร-า-ม ศาลา ฟินิกส์เฮี้ยอะไรอีกฟร๊ะเนี่ย 10. ถ้าไม่มีป้า #สี่ห้าเดือนที่ผ่านมาพวกเราคงเอาเวลาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับชีวิตมากกว่านี้ 11. ถ้าไม่มีป้า #สาวคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เพราะไม่ต้องมารับข้อมูลปั่นจากป้า และไม่มีป้าก็คงไม่มีคนคาบข่าวจากสาวมาแปลเพื่อเป็นประโยชน์กับอุดมการณ์บ็องๆของตัวเองแบบนี้ 12. ถ้าไม่มีป้า #คนคงไม่รู้ว่าคนที่ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีวุฒิแค่ม.3 อย่างป้า จะทำให้คนที่จบตรี ถึงดร. เชื่อได้ขนาดนี้ ดังนั้น สาวกเค้าบอกว่าต้องไม่ลืมบุญคุณป้านะ จะเทป้าไม่ได้นะ ก็สมเหตุสมผลอยู่ ถ้าโลกนี้ไม่มีป้า ก็จะมี 12 ข้อนี้ไม่ได้แน่นอน ทุกคน ทุกฝ่าย สูญเสีย แต่ป้าได้อยู่คนเดียว ได้เสพพดราม่าสมใจ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง
    จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD
    โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน
    ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้
    พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน
    - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง
    - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร
    - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว
    - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย
    - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง
    - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ
    - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา
    - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ
    ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน
    - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้ พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ทนายอาคม สารภาพแทนตั้ม ทำลายพินัยกรรมเจ๊อ้อยแล้ว แต่กลายเป็นความผิดอาญามาตรา 188 โทษจำคุก 5 ปี ไม่ยอมส่งคืน
    #7ดอกจิก
    ♣ ทนายอาคม สารภาพแทนตั้ม ทำลายพินัยกรรมเจ๊อ้อยแล้ว แต่กลายเป็นความผิดอาญามาตรา 188 โทษจำคุก 5 ปี ไม่ยอมส่งคืน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts