• 🖥️ Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox
    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน

    ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง

    ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน
    - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง
    - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา
    - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition
    - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว
    - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
    - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง

    การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    🖥️ Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Mozilla fires off emergency patch to fix Nvidia GPU artifacting bugs in Firefox
    Only affects multi-monitor setups with different refresh rates and Nvidia GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์
    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI

    Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026
    - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์
    - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า
    - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม
    - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว
    - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร
    - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต

    Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง

    https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล ✅ ข้อมูลจากข่าว - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026 - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Dell, Nvidia, and Department of Energy join forces on "Doudna" supercomputer for science and AI
    The advanced system, to be housed at Lawrence Berkeley National Laboratory and scheduled to become operational in 2026, will be named "Doudna" in honor of Nobel laureate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔐 การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025
    Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร

    Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in

    Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching
    - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้
    - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง
    - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID
    - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS)

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม
    - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน
    - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี
    - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร

    Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching

    https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    🔐 การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025 Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Securing Windows 11 and Server 2025: What CISOs should know about the latest updates
    Microsoft’s latest rollouts to Windows 11 24H2 and Windows Server 2025 include the arrival of Recall and hotpatching. Here are the security settings and recommendations to note.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight my sweet heart 🥱😪
    Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    Goodnight my sweet heart 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference

    The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions.

    In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions.

    Quick summary

    Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten.

    worse vs. worst

    Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form.

    A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse.

    A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard).

    Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good.

    In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.).

    To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.).

    Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives.

    Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school.

    Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst.

    Is it worse case or worst case?

    The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst.

    For example:

    - In the worst case, the beams will collapse instantly.
    - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario.

    While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is.

    Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst?

    There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense).

    Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example:

    - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window.
    - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me.

    Examples of worse and worst used in a sentence

    Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence.

    - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did.
    - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy.
    - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far.
    - My grades went from bad to worse after I missed a few classes.
    - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab.
    - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions. In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions. Quick summary Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten. worse vs. worst Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form. A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse. A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard). Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good. In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.). To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.). Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives. Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school. Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst. Is it worse case or worst case? The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst. For example: - In the worst case, the beams will collapse instantly. - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario. While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is. Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst? There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense). Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example: - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window. - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me. Examples of worse and worst used in a sentence Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence. - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did. - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy. - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far. - My grades went from bad to worse after I missed a few classes. - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab. - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍
    ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐

    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 บานาฮิลล์
    📍 POP MART
    📍 พักบนบานาฮิลล์
    📍 Apec Park
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 สะพานมังกร
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    อ่านน้อยลง
    เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍 ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 บานาฮิลล์ 📍 POP MART 📍 พักบนบานาฮิลล์ 📍 Apec Park 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 สะพานมังกร 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ อ่านน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • A heartwarming captures an unexpected friendship in nature
    A heartwarming captures an unexpected friendship in nature
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ
    บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม

    🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox
    Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย

    อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN
    - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน
    - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์
    - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี
    - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด
    - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ
    - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่
    - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย
    Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม 🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink ✅ ข้อมูลจากข่าว - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่ - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม
    การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี

    เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง

    นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ
    - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก
    - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน
    - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024
    - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน
    - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก
    - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น
    - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ
    การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024 - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sun's unpredictable outbursts are forcing satellites back to Earth sooner
    A 2.5-kilogram chunk of metal found on a Canadian farm in August 2024 has become a symbol of a growing dilemma in space exploration. The fragment –...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล

    Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่

    นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ
    - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก
    - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง
    - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล
    - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
    - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น
    - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด

    Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่ นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Marvell forecasts second-quarter revenue above estimates on strong demand for custom AI chips
    (Reuters) -Marvell Technology forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on strong demand for its custom chips powering artificial intelligence workloads in data centers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี

    มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์
    - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers
    - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา
    - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก

    แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์ - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    6 rising malware trends every security pro should know
    From infostealers commoditizing initial access to a more targeted approach to ransomware attacks, cybercriminals’ malware tools, tactics, and techniques are evolving rapidly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ

    Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน

    การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน


    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม
    - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป
    - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว
    - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่
    - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ

    นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน ✅ ข้อมูลจากข่าว - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่ - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram, Musk-owned xAI partner to distribute Grok to messaging app's users
    (Reuters) -Elon Musk's AI startup xAI will pay Telegram $300 million to deploy its Grok chatbot on the messaging app, aiming to tap the platform's more than one billion users and sharpen its competitive edge in the booming artificial intelligence market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Animal Farm 1954 | Animation Film | Cartoon Film
    Animal Farm 1954 | Animation Film | Cartoon Film
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    .
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    .
    อธิบายสักรอบ..
    .
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย
    .
    ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม
    .
    ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้
    .
    ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
    .
    ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน . - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า . อธิบายสักรอบ.. . เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้ . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย . ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม . ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้ . ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด . ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight my sweet heart 🥱😪
    Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    Goodnight my sweet heart 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว

  • วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง

    จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง

    ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

    ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง)

    การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://www.sohu.com/a/385169870_100171032
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a
    https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html
    https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา

    #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง ความมีอยู่ว่า ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง) การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://www.sohu.com/a/385169870_100171032 http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎉🇨🇳 ทัวร์เฉิงตู – ภูเขาสี่ดรุณี – จิ่วจ้ายโกว 6 วัน 5 คืน 🚄🌄
    สุดพีค! นั่งรถไฟความเร็วสูงสู่จิ่วจ้ายโกวก่อนใคร 🐼🔥

    📅 เดินทาง 13-18 มิ.ย. 68
    ✈️ โดยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (SL)
    💸 ราคาเพียง 27,999.-

    📌 ไฮไลต์ทริปนี้
    🚄 เปิดประสบการณ์นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเฉิงตูสู่จิ่วจ้ายโกว (2 ชม. เท่านั้น!)
    🌿 อุทยานจิ่วจ้ายโกว มรดกโลกทางธรรมชาติ (รวมรถเวียน)
    🏔 เทือกเขาสี่ดรุณี "แอลป์แห่งแดนมังกร"
    📮 จุดเช็กอินสุดคิ้วท์ PANDA POST
    🎨 เดินเล่นย่านฮิป CHENGDU EASTERN MEMORY
    🐼 เยือนบ้านเกิดหมีแพนด้าแห่งเสฉวน
    🛍 ช้อปกระจายที่ซอยกว้างแคบ (POP MART, 52 TOYS)
    🌃 ถ่ายรูปสวยกับแสงสีที่ห้าง SKP
    🎭 ชมโชว์ทิเบตสุดตระการตา
    🍲 อร่อยกับสุกี้เสฉวนสุดแซ่บ!

    #CHENGDU #สี่ดรุณี #เฉิงตู #จิ่วจ้ายโกว #ภูเขาสี่ดรุณี #เที่ยวจีน #เสฉวน #PandaTrip #สายธรรมชาติ #สายคาเฟ่ #สายถ่ายรูปต้องมา #เที่ยวฟินอินจีน 🇨🇳🧳


    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e959bf

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🎉🇨🇳 ทัวร์เฉิงตู – ภูเขาสี่ดรุณี – จิ่วจ้ายโกว 6 วัน 5 คืน 🚄🌄 สุดพีค! นั่งรถไฟความเร็วสูงสู่จิ่วจ้ายโกวก่อนใคร 🐼🔥 📅 เดินทาง 13-18 มิ.ย. 68 ✈️ โดยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (SL) 💸 ราคาเพียง 27,999.- 📌 ไฮไลต์ทริปนี้ 🚄 เปิดประสบการณ์นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเฉิงตูสู่จิ่วจ้ายโกว (2 ชม. เท่านั้น!) 🌿 อุทยานจิ่วจ้ายโกว มรดกโลกทางธรรมชาติ (รวมรถเวียน) 🏔 เทือกเขาสี่ดรุณี "แอลป์แห่งแดนมังกร" 📮 จุดเช็กอินสุดคิ้วท์ PANDA POST 🎨 เดินเล่นย่านฮิป CHENGDU EASTERN MEMORY 🐼 เยือนบ้านเกิดหมีแพนด้าแห่งเสฉวน 🛍 ช้อปกระจายที่ซอยกว้างแคบ (POP MART, 52 TOYS) 🌃 ถ่ายรูปสวยกับแสงสีที่ห้าง SKP 🎭 ชมโชว์ทิเบตสุดตระการตา 🍲 อร่อยกับสุกี้เสฉวนสุดแซ่บ! #CHENGDU #สี่ดรุณี #เฉิงตู #จิ่วจ้ายโกว #ภูเขาสี่ดรุณี #เที่ยวจีน #เสฉวน #PandaTrip #สายธรรมชาติ #สายคาเฟ่ #สายถ่ายรูปต้องมา #เที่ยวฟินอินจีน 🇨🇳🧳 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e959bf ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ปรับปรุง Operator ด้วยโมเดล o3 เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานบนเว็บ

    OpenAI ได้อัปเกรด AI Agent ที่ชื่อว่า Operator โดยเปลี่ยนจาก GPT-4o เป็นโมเดล o3 ซึ่งช่วยให้ Agent มีความสามารถด้านตรรกะและการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น โดย Operator สามารถกรอกแบบฟอร์ม, สั่งซื้อสินค้า และจัดการงานออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเกรด Operator
    ✅ Operator ใช้โมเดล o3 ซึ่งมีความสามารถด้านตรรกะและการคิดเป็นขั้นตอนที่ดีขึ้น
    - ช่วยให้ AI สามารถจัดการกับอุปสรรคบนเว็บ เช่น CAPTCHA และหน้าต่างล็อกอินได้ดีขึ้น

    ✅ Operator สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การจองโรงแรมและการชำระค่าปรับจราจร
    - ทำให้ AI มีความสามารถในการดำเนินงานที่หลากหลายมากขึ้น

    ✅ OpenAI คาดหวังว่าโมเดล o3 จะช่วยให้ Operator มีความแม่นยำและความต่อเนื่องในการทำงานบนเว็บ
    - ลดโอกาสที่ AI จะหยุดทำงานกลางคันเมื่อเจออุปสรรค

    ✅ Operator มีให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้ ChatGPT Pro ที่จ่ายค่าบริการ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน
    - OpenAI อาจพิจารณาปรับราคาหรือเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT Plus เข้าถึงได้ในอนาคต

    ✅ แม้ว่า Operator จะช่วยให้การทำงานออนไลน์สะดวกขึ้น แต่ยังคงมีข้อจำกัดด้านความคุ้มค่า
    - ผู้ใช้ทั่วไป อาจไม่เห็นความจำเป็นในการจ่ายเงินเพื่อใช้บริการนี้

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/openai-operator-is-getting-bigger-brains-to-control-the-ai-agents-virtual-hands
    OpenAI ปรับปรุง Operator ด้วยโมเดล o3 เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานบนเว็บ OpenAI ได้อัปเกรด AI Agent ที่ชื่อว่า Operator โดยเปลี่ยนจาก GPT-4o เป็นโมเดล o3 ซึ่งช่วยให้ Agent มีความสามารถด้านตรรกะและการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น โดย Operator สามารถกรอกแบบฟอร์ม, สั่งซื้อสินค้า และจัดการงานออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเกรด Operator ✅ Operator ใช้โมเดล o3 ซึ่งมีความสามารถด้านตรรกะและการคิดเป็นขั้นตอนที่ดีขึ้น - ช่วยให้ AI สามารถจัดการกับอุปสรรคบนเว็บ เช่น CAPTCHA และหน้าต่างล็อกอินได้ดีขึ้น ✅ Operator สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การจองโรงแรมและการชำระค่าปรับจราจร - ทำให้ AI มีความสามารถในการดำเนินงานที่หลากหลายมากขึ้น ✅ OpenAI คาดหวังว่าโมเดล o3 จะช่วยให้ Operator มีความแม่นยำและความต่อเนื่องในการทำงานบนเว็บ - ลดโอกาสที่ AI จะหยุดทำงานกลางคันเมื่อเจออุปสรรค ✅ Operator มีให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้ ChatGPT Pro ที่จ่ายค่าบริการ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน - OpenAI อาจพิจารณาปรับราคาหรือเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT Plus เข้าถึงได้ในอนาคต ✅ แม้ว่า Operator จะช่วยให้การทำงานออนไลน์สะดวกขึ้น แต่ยังคงมีข้อจำกัดด้านความคุ้มค่า - ผู้ใช้ทั่วไป อาจไม่เห็นความจำเป็นในการจ่ายเงินเพื่อใช้บริการนี้ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/openai-operator-is-getting-bigger-brains-to-control-the-ai-agents-virtual-hands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมสำหรับหุ่นยนต์เป็นครั้งแรกของโลก

    จีน เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมสำหรับหุ่นยนต์ครั้งแรกของโลก โดยมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จาก Unitree Robotics ลงแข่งในรายการ China Media Group World Robot Competition – Mecha Fighting Series ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง หางโจว มณฑลเจ้อเจียง

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการแข่งขันหุ่นยนต์ต่อสู้
    ✅ การแข่งขันจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน
    - เป็น การนำศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMMA) มาสู่โลกของหุ่นยนต์

    ✅ หุ่นยนต์ที่ใช้แข่งขันคือ Unitree G1 ซึ่งมีน้ำหนัก 35 กิโลกรัมและสูง 132 เซนติเมตร
    - มี ขนาดใกล้เคียงกับมนุษย์ตัวเล็ก

    ✅ การแข่งขันแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ การแสดงทักษะ และการต่อสู้จริง 3 ยก ยกละ 2 นาที
    - หุ่นยนต์ สามารถทำคะแนนได้โดยการชก (1 คะแนน) และเตะ (3 คะแนน)

    ✅ หากหุ่นยนต์ล้ม จะถูกหัก 5 คะแนน และหากไม่สามารถลุกขึ้นได้ภายใน 8 วินาที จะถูกหัก 10 คะแนนทันที
    - ทำให้ การรักษาสมดุลเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน

    ✅ Unitree ใช้ AI เพื่อฝึกหุ่นยนต์ โดยเก็บข้อมูลจากนักมวยอาชีพและให้หุ่นยนต์เรียนรู้ผ่านโลกเสมือนจริง
    - เป็น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์มากขึ้น

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการแข่งขันนี้เป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ในจีน
    - บางคนเชื่อว่า Unitree อาจแซงหน้า Boston Dynamics ในด้านการพัฒนาหุ่นยนต์ต่อสู้

    https://www.techspot.com/news/108079-china-hosts-world-first-mechanical-mixed-martial-arts.html
    จีนจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมสำหรับหุ่นยนต์เป็นครั้งแรกของโลก จีน เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมสำหรับหุ่นยนต์ครั้งแรกของโลก โดยมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จาก Unitree Robotics ลงแข่งในรายการ China Media Group World Robot Competition – Mecha Fighting Series ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง หางโจว มณฑลเจ้อเจียง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการแข่งขันหุ่นยนต์ต่อสู้ ✅ การแข่งขันจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน - เป็น การนำศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMMA) มาสู่โลกของหุ่นยนต์ ✅ หุ่นยนต์ที่ใช้แข่งขันคือ Unitree G1 ซึ่งมีน้ำหนัก 35 กิโลกรัมและสูง 132 เซนติเมตร - มี ขนาดใกล้เคียงกับมนุษย์ตัวเล็ก ✅ การแข่งขันแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ การแสดงทักษะ และการต่อสู้จริง 3 ยก ยกละ 2 นาที - หุ่นยนต์ สามารถทำคะแนนได้โดยการชก (1 คะแนน) และเตะ (3 คะแนน) ✅ หากหุ่นยนต์ล้ม จะถูกหัก 5 คะแนน และหากไม่สามารถลุกขึ้นได้ภายใน 8 วินาที จะถูกหัก 10 คะแนนทันที - ทำให้ การรักษาสมดุลเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน ✅ Unitree ใช้ AI เพื่อฝึกหุ่นยนต์ โดยเก็บข้อมูลจากนักมวยอาชีพและให้หุ่นยนต์เรียนรู้ผ่านโลกเสมือนจริง - เป็น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์มากขึ้น ✅ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการแข่งขันนี้เป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ในจีน - บางคนเชื่อว่า Unitree อาจแซงหน้า Boston Dynamics ในด้านการพัฒนาหุ่นยนต์ต่อสู้ https://www.techspot.com/news/108079-china-hosts-world-first-mechanical-mixed-martial-arts.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China hosts world's first mechanical mixed martial arts tournament
    It was an event reminiscent of the old Robot Wars show in the late 90s but slightly less violent. Four Unitree G1 robots, each roughly the size...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider

    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน
    ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering
    - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ

    ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service
    - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

    ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering
    - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน

    ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
    - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ

    ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย
    - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน

    ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่
    - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่

    https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่ - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่ https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs can defend against Scattered Spider ransomware attacks
    CISOs should fortify help desk and employee defenses, enhance intrusion detection and tracking capabilities, and recognize that paying ransoms is not a viable strategy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ้าท่าฯ”ลุยยกระดับปรับปรุงท่าเรือโดยสารแม่น้ำเจ้าพระยาออกแบบ “อารยสถาปัตย์” ส่งเสริมสิทธิเท่าเทียม รองรับบริการทุกกลุ่ม บริหารท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมพลังงาน ตั้งเป้าปี 69 เสร็จครบ 29 แห่ง เชื่อม”ล้อ - ราง – เรือ” สะดวกไร้รอยต่อ คาดปี 70 มีผู้ใช้บริการท่าเรือโดยสารเฉลี่ย 53,000 คนต่อวัน

    นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือเป็นสถานีเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 29 ท่า นั้นปัจจุบันมีการปรับปรุงและแก้ไขในรูปแบบอารยสถาปัตย์แล้วเสร็จ 16 แห่ง อาทิ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร ท่าเรือราชินี ท่าเรือบางโพ ท่าเรือพายัพ ท่าเรือเตียน เป็นต้น ยังเหลืออีก 13 แห่ง ที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางไว้

    โดยเมื่อเดือนเม.ย. 2568 เพิ่งเปิดให้บริการท่าเรือพระราม 7 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นอีกท่าเรือที่ปรับปรุงด้วยแนวคิด “ท่าเรือยุคใหม่ สะดวกปลอดภัย เทคโนโลยีก้าวไกล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปบนหลังคาท่าเรือ พร้อมสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGER) ให้เป็นท่าเรือ Smart Pier อย่างสมบูรณ์แบบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000049615

    #MGROnline #ท่าเรืออัจฉริยะ #SmartPier
    “เจ้าท่าฯ”ลุยยกระดับปรับปรุงท่าเรือโดยสารแม่น้ำเจ้าพระยาออกแบบ “อารยสถาปัตย์” ส่งเสริมสิทธิเท่าเทียม รองรับบริการทุกกลุ่ม บริหารท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมพลังงาน ตั้งเป้าปี 69 เสร็จครบ 29 แห่ง เชื่อม”ล้อ - ราง – เรือ” สะดวกไร้รอยต่อ คาดปี 70 มีผู้ใช้บริการท่าเรือโดยสารเฉลี่ย 53,000 คนต่อวัน • นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือเป็นสถานีเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 29 ท่า นั้นปัจจุบันมีการปรับปรุงและแก้ไขในรูปแบบอารยสถาปัตย์แล้วเสร็จ 16 แห่ง อาทิ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร ท่าเรือราชินี ท่าเรือบางโพ ท่าเรือพายัพ ท่าเรือเตียน เป็นต้น ยังเหลืออีก 13 แห่ง ที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางไว้ • โดยเมื่อเดือนเม.ย. 2568 เพิ่งเปิดให้บริการท่าเรือพระราม 7 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นอีกท่าเรือที่ปรับปรุงด้วยแนวคิด “ท่าเรือยุคใหม่ สะดวกปลอดภัย เทคโนโลยีก้าวไกล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งถือเป็นท่าเรือที่ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปบนหลังคาท่าเรือ พร้อมสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV CHARGER) ให้เป็นท่าเรือ Smart Pier อย่างสมบูรณ์แบบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000049615 • #MGROnline #ท่าเรืออัจฉริยะ #SmartPier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง

    ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล

    ChatGPT in the ASEAN Market

    Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent.

    In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users.

    Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics.

    To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups.

    Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment.

    Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล ChatGPT in the ASEAN Market Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent. In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users. Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics. To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups. Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment. Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ FD-แอร์เอเชีย
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 สวนดอกไม้
    📍 POP MART
    📍 Apec Park
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 สะพานมังกร
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง
    📍 ơn Trà Marina Cafe

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ FD-แอร์เอเชีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สวนดอกไม้ 📍 POP MART 📍 Apec Park 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง 📍 ơn Trà Marina Cafe รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm

    Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC
    ✅ Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC
    - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5

    ✅ TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm
    - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA

    ✅ Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14
    - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น

    ✅ TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026

    ✅ แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม
    - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น

    https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC ✅ Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5 ✅ TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA ✅ Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14 - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น ✅ TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026 ✅ แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    WCCFTECH.COM
    Google Executives Reportedly Visited TSMC To Secure A Chipset Deal For Pixel Smartphones; Partnership May Last An Estimated Five Years, With The Tensor G5 Being The Company’s First 3nm SoC
    A report claims that Google executives recently visited Taiwan to form a partnership for up to 5 years in making Pixel smartphone chipsets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เปิดตัวแว่น XR รุ่นต้นแบบ – อนาคตของ Smart Frames กำลังใกล้เข้ามา

    Samsung เผยโฉมแว่น XR รุ่นต้นแบบที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Google ซึ่งมีหน้าจอในตัวที่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และการนำทาง โดยแว่นนี้ ใช้เทคโนโลยี Android XR และมีการออกแบบที่คล้ายกับแว่นตาทั่วไป

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่น XR ของ Samsung
    ✅ แว่น XR ของ Samsung มีหน้าจอฝังอยู่ในเลนส์
    - สามารถ แสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และข้อความแจ้งเตือน

    ✅ Google สาธิตฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์บนแว่น XR
    - แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แต่การสาธิตได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงาน

    ✅ แว่น XR สามารถใช้สำหรับการนำทางโดยไม่รบกวนมุมมองของผู้ใช้
    - แสดงเส้นทางที่ด้านบนของมุมมอง โดยไม่ต้องก้มดูโทรศัพท์

    ✅ Google Gemini AI สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพที่ผู้ใช้มองเห็นผ่านแว่น XR
    - เช่น วิเคราะห์ภาพวาด, รีวิวหนังสือ และแนะนำสถานที่ซื้อสินค้า

    ✅ Samsung จะเปิดตัวแว่น XR รุ่นสมบูรณ์ภายในปีนี้
    - คาดว่า จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนา

    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsungs-prototype-xr-glasses-hint-at-the-future-of-smart-frames-and-im-closer-to-all-in-than-ever-before
    Samsung เปิดตัวแว่น XR รุ่นต้นแบบ – อนาคตของ Smart Frames กำลังใกล้เข้ามา Samsung เผยโฉมแว่น XR รุ่นต้นแบบที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Google ซึ่งมีหน้าจอในตัวที่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และการนำทาง โดยแว่นนี้ ใช้เทคโนโลยี Android XR และมีการออกแบบที่คล้ายกับแว่นตาทั่วไป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่น XR ของ Samsung ✅ แว่น XR ของ Samsung มีหน้าจอฝังอยู่ในเลนส์ - สามารถ แสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และข้อความแจ้งเตือน ✅ Google สาธิตฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์บนแว่น XR - แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แต่การสาธิตได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงาน ✅ แว่น XR สามารถใช้สำหรับการนำทางโดยไม่รบกวนมุมมองของผู้ใช้ - แสดงเส้นทางที่ด้านบนของมุมมอง โดยไม่ต้องก้มดูโทรศัพท์ ✅ Google Gemini AI สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพที่ผู้ใช้มองเห็นผ่านแว่น XR - เช่น วิเคราะห์ภาพวาด, รีวิวหนังสือ และแนะนำสถานที่ซื้อสินค้า ✅ Samsung จะเปิดตัวแว่น XR รุ่นสมบูรณ์ภายในปีนี้ - คาดว่า จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนา https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsungs-prototype-xr-glasses-hint-at-the-future-of-smart-frames-and-im-closer-to-all-in-than-ever-before
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts