• เรื่องเล่าจากห้องโค้ด: เมื่อ AI เขียนโค้ดได้ “เป็นระบบ” มากกว่าที่เคย

    Qwen3-Coder คือการต่อยอดจากโมเดล Qwen รุ่นก่อนที่เน้นด้านภาษาและตรรกะ — แต่คราวนี้ Alibaba ได้พัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานจริงด้าน software engineering โดยเฉพาะในระดับ enterprise เช่น:

    - การจัดการหลายไฟล์หรือหลาย repository พร้อมกัน
    - การเขียนโค้ดใหม่จากคำสั่งระดับสูง
    - การแก้บั๊ก, ทำ test case, และ refactoring โดยไม่ต้องกำกับใกล้ชิด

    จุดเด่นของโมเดลนี้คือความสามารถแบบ “agentic” — หมายถึง AI ไม่ได้รอคำสั่งทีละบรรทัด แต่สามารถเข้าใจเป้าหมายระดับภาพรวม แล้ววางแผนเพื่อสร้างหรือจัดการโค้ดได้อย่างเป็นระบบ

    แนวคิดนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการ AI tool สำหรับนักพัฒนา เช่น:
    - Devin AI ที่มองว่าเป็น “AI programmer คนแรกของโลก” โดยสร้าง project ใหม่แบบ end-to-end
    - SWE-Agent ของ Princeton ที่จัดการหลายขั้นตอนแบบมนุษย์
    - Meta และ Google ก็มีการวิจัยด้าน multi-file agent coding ด้วยเช่นกัน

    Alibaba เปิดตัวโมเดลนี้ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส เพื่อผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนาในจีน และลดการพึ่งพาโมเดลจากฝั่งตะวันตก

    Alibaba เปิดตัวโมเดล Qwen3-Coder สำหรับการเขียนโค้ดด้วย AI
    เป็นรุ่นที่บริษัทระบุว่า “ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

    โมเดลนี้เน้นความสามารถด้าน agentic AI coding
    สามารถจัดการเวิร์กโฟลว์และสร้างโค้ดใหม่จากระดับเป้าหมายภาพรวม

    ใช้สำหรับงานที่ซับซ้อน เช่น multi-file, refactoring, และ test generation
    ไม่จำกัดเฉพาะการตอบคำถามโค้ดแบบทั่วไป

    เปิดตัวในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส พร้อม statement อย่างเป็นทางการ
    เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงและพัฒนาต่อยอดได้

    โมเดลนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มในวงการ AI ที่เน้น agent-style coding
    เช่น Devin, SWE-Agent, และโมเดลจาก Meta/Google

    Alibaba ใช้ Qwen3-Coder เพื่อผลักดันระบบนิเวศ AI สำหรับนักพัฒนาในจีน
    เป็นการลดการพึ่งพาโมเดลจากบริษัทตะวันตก เช่น OpenAI หรือ Anthropic

    ความสามารถของ agentic coding ยังอยู่ในระยะทดลองและไม่เสถียรในหลายบริบท
    หากใช้ในระบบ production ต้องมีการทดสอบอย่างรอบคอบ

    การใช้ AI ในการจัดการหลายไฟล์หรือ refactoring อาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาดยากตรวจสอบ
    ควรมีระบบ review และ rollback ที่ดีเพื่อความปลอดภัย

    โมเดลโอเพ่นซอร์สอาจถูกนำไปใช้ในบริบทที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสร้างมัลแวร์
    ต้องมีการควบคุมหรือแนะนำการใช้งานที่รับผิดชอบ

    ความสามารถทางภาษาและตรรกะของโมเดลอาจไม่รองรับภาษาเขียนโปรแกรมทุกภาษาเท่ากัน
    อาจต้องเทรนเพิ่มเติมสำหรับภาษาเฉพาะ เช่น Rust หรือ Erlang

    การใช้โมเดลจากจีนอาจมีข้อจำกัดด้านความโปร่งใสหรือความเป็นส่วนตัว
    โดยเฉพาะในองค์กรนอกจีนที่ต้องปฏิบัติตาม GDPR หรือมาตรฐานตะวันตก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/alibaba-launches-open-source-ai-coding-model-touted-as-its-most-advanced-to-date
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องโค้ด: เมื่อ AI เขียนโค้ดได้ “เป็นระบบ” มากกว่าที่เคย Qwen3-Coder คือการต่อยอดจากโมเดล Qwen รุ่นก่อนที่เน้นด้านภาษาและตรรกะ — แต่คราวนี้ Alibaba ได้พัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานจริงด้าน software engineering โดยเฉพาะในระดับ enterprise เช่น: - การจัดการหลายไฟล์หรือหลาย repository พร้อมกัน - การเขียนโค้ดใหม่จากคำสั่งระดับสูง - การแก้บั๊ก, ทำ test case, และ refactoring โดยไม่ต้องกำกับใกล้ชิด จุดเด่นของโมเดลนี้คือความสามารถแบบ “agentic” — หมายถึง AI ไม่ได้รอคำสั่งทีละบรรทัด แต่สามารถเข้าใจเป้าหมายระดับภาพรวม แล้ววางแผนเพื่อสร้างหรือจัดการโค้ดได้อย่างเป็นระบบ แนวคิดนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการ AI tool สำหรับนักพัฒนา เช่น: - Devin AI ที่มองว่าเป็น “AI programmer คนแรกของโลก” โดยสร้าง project ใหม่แบบ end-to-end - SWE-Agent ของ Princeton ที่จัดการหลายขั้นตอนแบบมนุษย์ - Meta และ Google ก็มีการวิจัยด้าน multi-file agent coding ด้วยเช่นกัน Alibaba เปิดตัวโมเดลนี้ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส เพื่อผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนาในจีน และลดการพึ่งพาโมเดลจากฝั่งตะวันตก ✅ Alibaba เปิดตัวโมเดล Qwen3-Coder สำหรับการเขียนโค้ดด้วย AI ➡️ เป็นรุ่นที่บริษัทระบุว่า “ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ✅ โมเดลนี้เน้นความสามารถด้าน agentic AI coding ➡️ สามารถจัดการเวิร์กโฟลว์และสร้างโค้ดใหม่จากระดับเป้าหมายภาพรวม ✅ ใช้สำหรับงานที่ซับซ้อน เช่น multi-file, refactoring, และ test generation ➡️ ไม่จำกัดเฉพาะการตอบคำถามโค้ดแบบทั่วไป ✅ เปิดตัวในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส พร้อม statement อย่างเป็นทางการ ➡️ เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงและพัฒนาต่อยอดได้ ✅ โมเดลนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มในวงการ AI ที่เน้น agent-style coding ➡️ เช่น Devin, SWE-Agent, และโมเดลจาก Meta/Google ✅ Alibaba ใช้ Qwen3-Coder เพื่อผลักดันระบบนิเวศ AI สำหรับนักพัฒนาในจีน ➡️ เป็นการลดการพึ่งพาโมเดลจากบริษัทตะวันตก เช่น OpenAI หรือ Anthropic ‼️ ความสามารถของ agentic coding ยังอยู่ในระยะทดลองและไม่เสถียรในหลายบริบท ⛔ หากใช้ในระบบ production ต้องมีการทดสอบอย่างรอบคอบ ‼️ การใช้ AI ในการจัดการหลายไฟล์หรือ refactoring อาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาดยากตรวจสอบ ⛔ ควรมีระบบ review และ rollback ที่ดีเพื่อความปลอดภัย ‼️ โมเดลโอเพ่นซอร์สอาจถูกนำไปใช้ในบริบทที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสร้างมัลแวร์ ⛔ ต้องมีการควบคุมหรือแนะนำการใช้งานที่รับผิดชอบ ‼️ ความสามารถทางภาษาและตรรกะของโมเดลอาจไม่รองรับภาษาเขียนโปรแกรมทุกภาษาเท่ากัน ⛔ อาจต้องเทรนเพิ่มเติมสำหรับภาษาเฉพาะ เช่น Rust หรือ Erlang ‼️ การใช้โมเดลจากจีนอาจมีข้อจำกัดด้านความโปร่งใสหรือความเป็นส่วนตัว ⛔ โดยเฉพาะในองค์กรนอกจีนที่ต้องปฏิบัติตาม GDPR หรือมาตรฐานตะวันตก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/alibaba-launches-open-source-ai-coding-model-touted-as-its-most-advanced-to-date
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba launches open-source AI coding model, touted as its most advanced to date
    BEIJING (Reuters) -Alibaba has launched an open-source artificial intelligence coding model, called Qwen3-Coder, it said in a statement on Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่

    แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้

    Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU
    - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA
    - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก
    - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร
    - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น
    - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ
    - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง
    - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง
    - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่

    https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่ แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้ Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่ https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Huawei Looks To Shake Up AI Chip Design To Compete With NVIDIA, Says Report
    Huawei aims to shift chip design strategy to compete with NVIDIA, focusing on general-purpose computing and new chip software.
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • AI สร้างมัลแวร์หลบหลีก Microsoft Defender ได้ – แค่ฝึกสามเดือนก็แฮกทะลุ

    นักวิจัยจาก Outflank ซึ่งเป็นทีม red team ด้านความปลอดภัย เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถฝึกโมเดล Qwen 2.5 (โมเดล LLM แบบโอเพนซอร์สจาก Alibaba) ให้สร้างมัลแวร์ที่สามารถหลบหลีก Microsoft Defender for Endpoint ได้สำเร็จประมาณ 8% ของกรณี หลังใช้เวลาเพียง 3 เดือนและงบประมาณราว $1,500

    ผลลัพธ์นี้จะถูกนำเสนอในงาน Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานสัมมนาด้านความปลอดภัยระดับโลก โดยถือเป็น “proof of concept” ที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถถูกนำมาใช้สร้างภัยคุกคามไซเบอร์ได้จริง

    เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลอื่น:
    - Anthropic’s AI ทำได้ <1%
    - DeepSeek ทำได้ <0.5%
    - Qwen 2.5 จึงถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่ามากในบริบทนี้

    นักวิจัยยังระบุว่า หากมีทรัพยากร GPU มากกว่านี้ และใช้ reinforcement learning อย่างจริงจัง ประสิทธิภาพของโมเดลอาจเพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำหรับอนาคตของการโจมตีแบบอัตโนมัติ

    แม้ Microsoft Defender จะยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในภาพรวม แต่การพัฒนา AI ฝั่งรุก (offensive AI) กำลังไล่ตามอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ระบบป้องกันต้องปรับตัวอย่างหนักในอนาคต

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัยจาก Outflank ฝึกโมเดล Qwen 2.5 ให้สร้างมัลแวร์ที่หลบหลีก Microsoft Defender ได้
    - ใช้เวลา 3 เดือนและงบประมาณ $1,500 ในการฝึกโมเดล
    - ประสิทธิภาพของโมเดลอยู่ที่ 8% ซึ่งสูงกว่าโมเดลอื่น ๆ ที่ทดสอบ
    - จะมีการนำเสนอผลการทดลองในงาน Black Hat 2025
    - ใช้เทคนิค reinforcement learning เพื่อปรับปรุงความสามารถของโมเดล
    - ถือเป็น proof of concept ที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถสร้างภัยไซเบอร์ได้จริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การใช้ AI สร้างมัลแวร์อาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของแฮกเกอร์ในอนาคต
    - โมเดลโอเพนซอร์สสามารถถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ หากไม่มีการควบคุม
    - Microsoft Defender อาจต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจาก AI
    - การมี GPU และทรัพยากรเพียงพออาจทำให้บุคคลทั่วไปสามารถฝึกโมเดลโจมตีได้
    - การพึ่งพาเครื่องมือป้องกันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการฝึกอบรมและวางระบบความปลอดภัยเชิงรุก
    - องค์กรควรเริ่มรวม AI threat modeling เข้าในแผนความปลอดภัยไซเบอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/ai-malware-can-now-evade-microsoft-defender-open-source-llm-outsmarts-tool-around-8-percent-of-the-time-after-three-months-of-training
    AI สร้างมัลแวร์หลบหลีก Microsoft Defender ได้ – แค่ฝึกสามเดือนก็แฮกทะลุ นักวิจัยจาก Outflank ซึ่งเป็นทีม red team ด้านความปลอดภัย เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถฝึกโมเดล Qwen 2.5 (โมเดล LLM แบบโอเพนซอร์สจาก Alibaba) ให้สร้างมัลแวร์ที่สามารถหลบหลีก Microsoft Defender for Endpoint ได้สำเร็จประมาณ 8% ของกรณี หลังใช้เวลาเพียง 3 เดือนและงบประมาณราว $1,500 ผลลัพธ์นี้จะถูกนำเสนอในงาน Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานสัมมนาด้านความปลอดภัยระดับโลก โดยถือเป็น “proof of concept” ที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถถูกนำมาใช้สร้างภัยคุกคามไซเบอร์ได้จริง เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลอื่น: - Anthropic’s AI ทำได้ <1% - DeepSeek ทำได้ <0.5% - Qwen 2.5 จึงถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่ามากในบริบทนี้ นักวิจัยยังระบุว่า หากมีทรัพยากร GPU มากกว่านี้ และใช้ reinforcement learning อย่างจริงจัง ประสิทธิภาพของโมเดลอาจเพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำหรับอนาคตของการโจมตีแบบอัตโนมัติ แม้ Microsoft Defender จะยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในภาพรวม แต่การพัฒนา AI ฝั่งรุก (offensive AI) กำลังไล่ตามอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ระบบป้องกันต้องปรับตัวอย่างหนักในอนาคต ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัยจาก Outflank ฝึกโมเดล Qwen 2.5 ให้สร้างมัลแวร์ที่หลบหลีก Microsoft Defender ได้ - ใช้เวลา 3 เดือนและงบประมาณ $1,500 ในการฝึกโมเดล - ประสิทธิภาพของโมเดลอยู่ที่ 8% ซึ่งสูงกว่าโมเดลอื่น ๆ ที่ทดสอบ - จะมีการนำเสนอผลการทดลองในงาน Black Hat 2025 - ใช้เทคนิค reinforcement learning เพื่อปรับปรุงความสามารถของโมเดล - ถือเป็น proof of concept ที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถสร้างภัยไซเบอร์ได้จริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้ AI สร้างมัลแวร์อาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของแฮกเกอร์ในอนาคต - โมเดลโอเพนซอร์สสามารถถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ หากไม่มีการควบคุม - Microsoft Defender อาจต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจาก AI - การมี GPU และทรัพยากรเพียงพออาจทำให้บุคคลทั่วไปสามารถฝึกโมเดลโจมตีได้ - การพึ่งพาเครื่องมือป้องกันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการฝึกอบรมและวางระบบความปลอดภัยเชิงรุก - องค์กรควรเริ่มรวม AI threat modeling เข้าในแผนความปลอดภัยไซเบอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/ai-malware-can-now-evade-microsoft-defender-open-source-llm-outsmarts-tool-around-8-percent-of-the-time-after-three-months-of-training
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI malware can now evade Microsoft Defender — open-source LLM outsmarts tool around 8% of the time after three months of training
    Researchers plan to show off a model that successfully outsmarts Microsoft's security tooling about 8% of the time at Black Hat 2025.
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • ..นายกฯพระราชทานคือทางออก.
    ..ยุควิกฤตินี้หรือนักการเมืองบัดสบในยุคนี้สุดเสื่อมเลวชั่วแล้วก็ว่า,
    ..นายกฯใหม่ที่มาจากอำนาจพระราชทานจึงสามารถกำหนดทิศทางของประเทศไทยได้ชัดเจนกว่า น่าเชื่อถือกว่า และเด็ดขาดไม่เกรงใจใครได้ด้วย ประชาชนต้องมาก่อนนั้นเอง
    ..เช่นกัน นายกฯใหม่เรา ในมุมมองการสร้างตลาดฟื้นฟูการเงินการตังการเศรษฐกิจการสัมมาชีวิตการสัมมาอาชีพใดๆต่างๆทั่วไทยจะช่วยทำให้การค้าการขายเราเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ไม่ยากจากการสนับสนุนช่องทางตลาดช่องทางทำเงินหรือจัดหาตลาดกลางไร้เอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางได้จริงด้วย,ตลอดจนอำนวยสะดวกระเบียนเงื่อนไขลดต้นทุนค่าขนส่ง เพิ่มกำไรแก่ทุกๆคนไทยในรากฐานสัมมาอาชีพต่างๆนั้นด้วย,พูดเสียยาวคือนายกฯใหม่ไทยจะเป็นเป็นก่อตั้งตลาดซื้อขายออนไลน์กลางระดับชาติไทยแก่คนไทยนั้นเองบนแพลตฟอร์มที่คนไทยสร้างเองเป็นแอปของคนไทยจริงๆ นอกจากshopeeของdeep stateสิงคโปร์หรือ lazada มีdeep stateตัวแม่ทั่วโลกให้นอมินีอย่างalibaba groupเป็นเจ้าของที่เหนียวแน่นบนแผ่นดินไทยเรา ,นายกฯเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มเราเองได้แน่นอน กระแสเงินสดมากมายทั้งภายในเราเองคนไทยหันมาใช้แอปเราเอง ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเอง ไม่มีการหักอะไร กินค่านั้นค่านี้สาระพัดอีก คนขายกำไร คนซื้อได้ของถูกมีคุณภาพจริงไม่ถูกเอาเปรียบทั้งจากคนขายและเจ้าของแอป,รัฐบาลอัดโปรโมตใดๆได้อีก กระตุ้นการซื้อขาย อัดบัตรสวัสดิการช่วยค่าครองชีพผ่านแพลตฟอร์มนี้ก็ได้ เสมือนร้านค้ากองทุนหมู่บ้านออนไลน์ทั่วไทย ร่วมกันเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มร้านค้าร้านตลาดนี้ร่วมกันอีก จะซื้อจะขายได้ทุกๆที่ทุกเวลา มีทั้งตลาดออฟไลน์มีสถานที่จริง จุดรับสินค้าส่งสินค้าฮับประจำหมู่บ้านสายออฟไลน์และออนไลน์ก็ได้ เข้าไปซื้อจริงจับจริงที่ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ได้ สบู่ยาสีฟันยันเรือรบที่ตลาดออนไลน์ได้อีก,ขายข้ามโลกทั่วโลกก็ได้อีก โดยมีรัฐบาลอำนวยงานสร้างให้ตรวจสอบจับกุมจริงในคนไม่ซื่อตรงซื่อสัตย์เพราะล็อกอินคือบัตรประชาชนตัวเป็นจริงนั้นล่ะ,ตลาดออนไลน์นี้ระดับประเทศไทยทั่วโลกรู้จักชัดเจน ขายสาระพัดได้หมด ค่าห้องพักโรงแรม ตั๋วสาระพัดตั๋ว ตั๋วบอลตั๋วเครื่องบินขายได้หมด ทุกๆภาคอุตสาหกรรม ขายซื้อขายได้หมด GtG ,GtB ,BtB,BtC,CtCผู้บริโภคเจอกับผู้บริโภคทางตรงค้าขายได้หมดบนแพลตฟอร์มของไทยเรา,ค้ำประกันโดยรัฐบาลไทยเราด้วย,นี้เราต้องสร้างหน่วยทัพทำตังจริงแบบนี้,ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ นายกฯสั่งตรงทีมเฉพาะกิจพิเศษควบคุมอำนวยการได้หมด,บริหารจัดการได้หมด ลดภาวะประชาชนไม่ต้องปวดหัวอะไร ค้าขายเต็มที่สร้างรายได้สัมมาอาชีพอย่างสุจริตเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถใครมัน,และสามารถให้โอกาสคนทั่วโลกมาร่วมใช้บริการได้ฟรีๆค้าขายเสรีร่วมกันได้อีกเมื่อเราสามารถขนาดงานดาต้าควอนตัมพร้อมรับการไหลผ่านข้อมูลมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกได้แล้ว,รายได้ของแพลตฟอร์มนายกฯใหม่ของคนไทยเราริเริ่มปฐมบทงานสร้าง ตังสะพัดกว่า50ล้านล้านเหรียญทั่วโลกจากปกติอาจอยู่ที่25-30ล้านล้านเหรียญทั่วโลกในทุกๆแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวมกันก็ว่า,คนไทยเราไม่ธรรมดา แพลตฟอร์มเรามันคือโลกเสมือนจริงที่เป็นบ้านใหญ่ของคนไทยและประเทศอื่นๆที่เข้ามาโลกออนไลน์อาจติดความรู้สึกว่าบ้านตนเองคือจีนคืออเมริกาคือคนอาหรับคือคนฝรั่งคือคนผิวสี คือใดๆ แต่เมื่อเข้ามาใช้บนแพลตฟอร์มคนไทย เสมือนว่าคุณทั้งหมดคือคนไทย อยู่ประเทศไทย บ้านนี้คือบ้านคุณ บ้านนี้คือเป็นของคุณด้วยคือคุณเป็นคนไทยเช่นกันนั้นเอง,การต้อนรับมาบ้านกลับบ้านบนโลกเสมือนจริงนี้คือบ้านเราร่วมกันกันทุกๆคน ไร้การแบ่งแยกเชิงสัญลักษณ์ใดๆอีกต่อไป,มันมิใช่นัยยะแค่ตลาดออนไลน์การค้าขายแต่คือจิตวิญญาณคุณค่าความเป็นชาวโลกเราได้มีพื้นที่พอยึดเหนี่ยวนั่งพักจิตพักใจพักกายนั้นเอง มีตัวตนจริงเป็นโลกเสมือนที่คนไทยเราสร้างขึ้นและจะเป็นอารยะธรรมดีงามบนโลกเสมือนจริงอีกแห่งด้วยเช่นกันแม้ไม่ใช่โลกแห่งความจริงก็ตาม รอยยิ้ม ความอิ่มอกอิ่มใจจะเหมือนว่าได้มาเยือนประเทศไทยอยู่ที่ประเทศไทยเราจริงนั้นเอง,เราไม่ได้ขายแค่วัตถุสิ่งของ แต่เราเสมอความสุขด้วยจิตวิญญาณไปด้วย,เบิกบานจิตใจยกจิตยกใจผ่านเน็ตเวิคส์นั้นเองทั่วโลก,เพราะอนาคตมาแน่นอนแว่นเรียลไทม์,และวาล์ปจริงไปโลกเสมือนนั้น ตลอดซื้อสินค้าเสร็จบนโลกเสมือน ออกมาสแกนรอรับสินค้าที่วาล์ปมาได้เลยนั้นล่ะที่จุดบริการรอรับสินค้า ขนส่งเดินรถอาจไม่มีอีกต่อไป,ท่องเที่ยวผ่านแว่นเรียล,ไปได้ทั่วจักรวาลบนโลกเสมือนจริงที่สร้างเสมือนจักรวาลที่ต้องการไปนั่นๆ,ซื้อสินค้าเสร็จจ่ายตัง กลับมาบ้าน รอรับสินค้าทันทีผ่านเครื่องพิมพ์สินค้าวาล์ปเรียลไทม์ก็ว่า,นี้จึงวิถีการบุกเบิกโคตรๆของผู้นำใหม่ประจำประเทศไทยเราจริงๆ,กากๆกระจอกอย่าเสนอตัวออกมาแดกชาติโกงกินบ้านเมืองอีกเลย,ยุคอนาคตตังติดตามเรียลไทม์การผ่านมือใครได้หมดล่ะควอนตัมบันทึกทุกกิจกรรมธุรกรรมการเงินย้อนหลังโคตรๆลบไม่ได้ด้วย,มีหนาวมีอักเสบมีดับอนาถแน่นอนในอนาคตเร็วๆนี้,กอบโกยโกงกินหมูๆหมาๆง่ายๆแบบๆเดิมๆตกยุคแน่นอน,โลกเรากำลังอัพเรเวลคัดกรองคนด้วย,จักรวาลจัดสรรนั่นล่ะ ธรรมะจักรวาลธรรมดาที่ไหน.
    ..นายกฯพระราชทานคือหนทางออกทางเดียวในจังหวะเวลานี้,ยุคใหม่ไม่ธรรมดานะ,และเรามีเวลาเหลือแค่ก่อนพ.ศ.5,000นะ นี้ก็2568แล้ว,มนุษยสมบัติเราสมควรจบที่โลกุตระสมบัติเป็นเบื้องต้น อรหันต์เป็นเบื้องกลาง นิพพานคือที่สุดก็ว่า,ผู้นำผู้ปกครองไทยเราอย่าขัดขวางอย่าเป็นมหามารมหาปีศาจมหาอสูรโคตรเลวโคตรชั่วอีกเลย อย่างน้อยคนไทยโดยมากเป็นผู้มากบุญบารมีพร้อมเลื่อนขั้นสาระพัดมากมายแน่แห่งจิตวิญญาณใครมัน,ท่านทั้งหลายอย่าแสวงหามหานรกโดยกระทำชั่วเลวแก่ผู้มากบุญบารมีประจำประเทศไทยคือประชาชนชาวไทยเลย,โสดาบันเต็มแผ่นดินนะนั้น กรรมใหญ่หลวงนักไปขัดขวางคนไทยตนเองในนามผีบ้าบ้าตำแหน่งอำนาจชื่อสมมุติว่าผู้นำผู้ปกครองประเทศไทยนี้,คนไทยทั้งหลายแค่มาเสวยเศษกรรมตนนิดหน่อยๆแค่นั้นล่ะ,ประเทศไทยนี้จึงมีสิทธิ์ศักดิ์เป็นอันมากเพราะมาปกป้องเจ้านายตนเองด้วยก็ว่าก็มีที่มาเสวยกรรม บ้างก็ลงมาเล่นเพลินๆสาระพัพมุกมาเกิดบนอาณาเขตราชอาณาจักรมหาพุทธภูมินี้.
    ..ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์โคตรๆ เงินทองมากมายเต็มแผ่นดิน,วิกฤติเศรษฐกิจนี้แก้ไม่ยาก แก้ได้มากมาย นี้ก็อีกบริบทหนึ่ง,หรือไปยึดทรัพยากรมีค่ามากมายคืนมาทั้งหมดก็ได้ เอาบ่อน้ำมันคืนมาทุกๆสัมปทานก่อน จากต่างชาติจากเอกชนใดๆทั้งหมด ยึดคืนก่อนก็ได้ มาทำเองเลย ต้นทุนทุกๆมิติของไทยเราจะลดลงทันที,ขายน้ำมันก็ขายนอกประเทศในราคาตลาดโลกก็ได้แต่ขายในไทยถูกๆลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านก็สบายมาก,เศรษฐกิจไทยจะฟื้นฟูทันที บวกอัดเศรษฐกิจพอเพียงสมถะเราไปด้วย,เพียงพอพอเพียงไม่ละโมภโลภมาก ความยัางยืนรอบด้านหลากหลายมิติจะเต็มประเทศไทยเราและขยายไปทั่วโลก,โลกจะมีต่างดาวดีๆมากมายมาเยือนโลกเราและปกป้องคุ้มครองภัยศัตรูช่วยเราได้สบายๆด้วยบนจักรวาลเรานี้.
    ..ให้มันจบที่รุ่นเรา.

    https://www.tiktok.com/@amp.sarun/video/7476739522403798279

    ..นายกฯพระราชทานคือทางออก. ..ยุควิกฤตินี้หรือนักการเมืองบัดสบในยุคนี้สุดเสื่อมเลวชั่วแล้วก็ว่า, ..นายกฯใหม่ที่มาจากอำนาจพระราชทานจึงสามารถกำหนดทิศทางของประเทศไทยได้ชัดเจนกว่า น่าเชื่อถือกว่า และเด็ดขาดไม่เกรงใจใครได้ด้วย ประชาชนต้องมาก่อนนั้นเอง ..เช่นกัน นายกฯใหม่เรา ในมุมมองการสร้างตลาดฟื้นฟูการเงินการตังการเศรษฐกิจการสัมมาชีวิตการสัมมาอาชีพใดๆต่างๆทั่วไทยจะช่วยทำให้การค้าการขายเราเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ไม่ยากจากการสนับสนุนช่องทางตลาดช่องทางทำเงินหรือจัดหาตลาดกลางไร้เอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางได้จริงด้วย,ตลอดจนอำนวยสะดวกระเบียนเงื่อนไขลดต้นทุนค่าขนส่ง เพิ่มกำไรแก่ทุกๆคนไทยในรากฐานสัมมาอาชีพต่างๆนั้นด้วย,พูดเสียยาวคือนายกฯใหม่ไทยจะเป็นเป็นก่อตั้งตลาดซื้อขายออนไลน์กลางระดับชาติไทยแก่คนไทยนั้นเองบนแพลตฟอร์มที่คนไทยสร้างเองเป็นแอปของคนไทยจริงๆ นอกจากshopeeของdeep stateสิงคโปร์หรือ lazada มีdeep stateตัวแม่ทั่วโลกให้นอมินีอย่างalibaba groupเป็นเจ้าของที่เหนียวแน่นบนแผ่นดินไทยเรา ,นายกฯเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มเราเองได้แน่นอน กระแสเงินสดมากมายทั้งภายในเราเองคนไทยหันมาใช้แอปเราเอง ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเอง ไม่มีการหักอะไร กินค่านั้นค่านี้สาระพัดอีก คนขายกำไร คนซื้อได้ของถูกมีคุณภาพจริงไม่ถูกเอาเปรียบทั้งจากคนขายและเจ้าของแอป,รัฐบาลอัดโปรโมตใดๆได้อีก กระตุ้นการซื้อขาย อัดบัตรสวัสดิการช่วยค่าครองชีพผ่านแพลตฟอร์มนี้ก็ได้ เสมือนร้านค้ากองทุนหมู่บ้านออนไลน์ทั่วไทย ร่วมกันเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มร้านค้าร้านตลาดนี้ร่วมกันอีก จะซื้อจะขายได้ทุกๆที่ทุกเวลา มีทั้งตลาดออฟไลน์มีสถานที่จริง จุดรับสินค้าส่งสินค้าฮับประจำหมู่บ้านสายออฟไลน์และออนไลน์ก็ได้ เข้าไปซื้อจริงจับจริงที่ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ได้ สบู่ยาสีฟันยันเรือรบที่ตลาดออนไลน์ได้อีก,ขายข้ามโลกทั่วโลกก็ได้อีก โดยมีรัฐบาลอำนวยงานสร้างให้ตรวจสอบจับกุมจริงในคนไม่ซื่อตรงซื่อสัตย์เพราะล็อกอินคือบัตรประชาชนตัวเป็นจริงนั้นล่ะ,ตลาดออนไลน์นี้ระดับประเทศไทยทั่วโลกรู้จักชัดเจน ขายสาระพัดได้หมด ค่าห้องพักโรงแรม ตั๋วสาระพัดตั๋ว ตั๋วบอลตั๋วเครื่องบินขายได้หมด ทุกๆภาคอุตสาหกรรม ขายซื้อขายได้หมด GtG ,GtB ,BtB,BtC,CtCผู้บริโภคเจอกับผู้บริโภคทางตรงค้าขายได้หมดบนแพลตฟอร์มของไทยเรา,ค้ำประกันโดยรัฐบาลไทยเราด้วย,นี้เราต้องสร้างหน่วยทัพทำตังจริงแบบนี้,ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ นายกฯสั่งตรงทีมเฉพาะกิจพิเศษควบคุมอำนวยการได้หมด,บริหารจัดการได้หมด ลดภาวะประชาชนไม่ต้องปวดหัวอะไร ค้าขายเต็มที่สร้างรายได้สัมมาอาชีพอย่างสุจริตเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถใครมัน,และสามารถให้โอกาสคนทั่วโลกมาร่วมใช้บริการได้ฟรีๆค้าขายเสรีร่วมกันได้อีกเมื่อเราสามารถขนาดงานดาต้าควอนตัมพร้อมรับการไหลผ่านข้อมูลมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกได้แล้ว,รายได้ของแพลตฟอร์มนายกฯใหม่ของคนไทยเราริเริ่มปฐมบทงานสร้าง ตังสะพัดกว่า50ล้านล้านเหรียญทั่วโลกจากปกติอาจอยู่ที่25-30ล้านล้านเหรียญทั่วโลกในทุกๆแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวมกันก็ว่า,คนไทยเราไม่ธรรมดา แพลตฟอร์มเรามันคือโลกเสมือนจริงที่เป็นบ้านใหญ่ของคนไทยและประเทศอื่นๆที่เข้ามาโลกออนไลน์อาจติดความรู้สึกว่าบ้านตนเองคือจีนคืออเมริกาคือคนอาหรับคือคนฝรั่งคือคนผิวสี คือใดๆ แต่เมื่อเข้ามาใช้บนแพลตฟอร์มคนไทย เสมือนว่าคุณทั้งหมดคือคนไทย อยู่ประเทศไทย บ้านนี้คือบ้านคุณ บ้านนี้คือเป็นของคุณด้วยคือคุณเป็นคนไทยเช่นกันนั้นเอง,การต้อนรับมาบ้านกลับบ้านบนโลกเสมือนจริงนี้คือบ้านเราร่วมกันกันทุกๆคน ไร้การแบ่งแยกเชิงสัญลักษณ์ใดๆอีกต่อไป,มันมิใช่นัยยะแค่ตลาดออนไลน์การค้าขายแต่คือจิตวิญญาณคุณค่าความเป็นชาวโลกเราได้มีพื้นที่พอยึดเหนี่ยวนั่งพักจิตพักใจพักกายนั้นเอง มีตัวตนจริงเป็นโลกเสมือนที่คนไทยเราสร้างขึ้นและจะเป็นอารยะธรรมดีงามบนโลกเสมือนจริงอีกแห่งด้วยเช่นกันแม้ไม่ใช่โลกแห่งความจริงก็ตาม รอยยิ้ม ความอิ่มอกอิ่มใจจะเหมือนว่าได้มาเยือนประเทศไทยอยู่ที่ประเทศไทยเราจริงนั้นเอง,เราไม่ได้ขายแค่วัตถุสิ่งของ แต่เราเสมอความสุขด้วยจิตวิญญาณไปด้วย,เบิกบานจิตใจยกจิตยกใจผ่านเน็ตเวิคส์นั้นเองทั่วโลก,เพราะอนาคตมาแน่นอนแว่นเรียลไทม์,และวาล์ปจริงไปโลกเสมือนนั้น ตลอดซื้อสินค้าเสร็จบนโลกเสมือน ออกมาสแกนรอรับสินค้าที่วาล์ปมาได้เลยนั้นล่ะที่จุดบริการรอรับสินค้า ขนส่งเดินรถอาจไม่มีอีกต่อไป,ท่องเที่ยวผ่านแว่นเรียล,ไปได้ทั่วจักรวาลบนโลกเสมือนจริงที่สร้างเสมือนจักรวาลที่ต้องการไปนั่นๆ,ซื้อสินค้าเสร็จจ่ายตัง กลับมาบ้าน รอรับสินค้าทันทีผ่านเครื่องพิมพ์สินค้าวาล์ปเรียลไทม์ก็ว่า,นี้จึงวิถีการบุกเบิกโคตรๆของผู้นำใหม่ประจำประเทศไทยเราจริงๆ,กากๆกระจอกอย่าเสนอตัวออกมาแดกชาติโกงกินบ้านเมืองอีกเลย,ยุคอนาคตตังติดตามเรียลไทม์การผ่านมือใครได้หมดล่ะควอนตัมบันทึกทุกกิจกรรมธุรกรรมการเงินย้อนหลังโคตรๆลบไม่ได้ด้วย,มีหนาวมีอักเสบมีดับอนาถแน่นอนในอนาคตเร็วๆนี้,กอบโกยโกงกินหมูๆหมาๆง่ายๆแบบๆเดิมๆตกยุคแน่นอน,โลกเรากำลังอัพเรเวลคัดกรองคนด้วย,จักรวาลจัดสรรนั่นล่ะ ธรรมะจักรวาลธรรมดาที่ไหน. ..นายกฯพระราชทานคือหนทางออกทางเดียวในจังหวะเวลานี้,ยุคใหม่ไม่ธรรมดานะ,และเรามีเวลาเหลือแค่ก่อนพ.ศ.5,000นะ นี้ก็2568แล้ว,มนุษยสมบัติเราสมควรจบที่โลกุตระสมบัติเป็นเบื้องต้น อรหันต์เป็นเบื้องกลาง นิพพานคือที่สุดก็ว่า,ผู้นำผู้ปกครองไทยเราอย่าขัดขวางอย่าเป็นมหามารมหาปีศาจมหาอสูรโคตรเลวโคตรชั่วอีกเลย อย่างน้อยคนไทยโดยมากเป็นผู้มากบุญบารมีพร้อมเลื่อนขั้นสาระพัดมากมายแน่แห่งจิตวิญญาณใครมัน,ท่านทั้งหลายอย่าแสวงหามหานรกโดยกระทำชั่วเลวแก่ผู้มากบุญบารมีประจำประเทศไทยคือประชาชนชาวไทยเลย,โสดาบันเต็มแผ่นดินนะนั้น กรรมใหญ่หลวงนักไปขัดขวางคนไทยตนเองในนามผีบ้าบ้าตำแหน่งอำนาจชื่อสมมุติว่าผู้นำผู้ปกครองประเทศไทยนี้,คนไทยทั้งหลายแค่มาเสวยเศษกรรมตนนิดหน่อยๆแค่นั้นล่ะ,ประเทศไทยนี้จึงมีสิทธิ์ศักดิ์เป็นอันมากเพราะมาปกป้องเจ้านายตนเองด้วยก็ว่าก็มีที่มาเสวยกรรม บ้างก็ลงมาเล่นเพลินๆสาระพัพมุกมาเกิดบนอาณาเขตราชอาณาจักรมหาพุทธภูมินี้. ..ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์โคตรๆ เงินทองมากมายเต็มแผ่นดิน,วิกฤติเศรษฐกิจนี้แก้ไม่ยาก แก้ได้มากมาย นี้ก็อีกบริบทหนึ่ง,หรือไปยึดทรัพยากรมีค่ามากมายคืนมาทั้งหมดก็ได้ เอาบ่อน้ำมันคืนมาทุกๆสัมปทานก่อน จากต่างชาติจากเอกชนใดๆทั้งหมด ยึดคืนก่อนก็ได้ มาทำเองเลย ต้นทุนทุกๆมิติของไทยเราจะลดลงทันที,ขายน้ำมันก็ขายนอกประเทศในราคาตลาดโลกก็ได้แต่ขายในไทยถูกๆลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านก็สบายมาก,เศรษฐกิจไทยจะฟื้นฟูทันที บวกอัดเศรษฐกิจพอเพียงสมถะเราไปด้วย,เพียงพอพอเพียงไม่ละโมภโลภมาก ความยัางยืนรอบด้านหลากหลายมิติจะเต็มประเทศไทยเราและขยายไปทั่วโลก,โลกจะมีต่างดาวดีๆมากมายมาเยือนโลกเราและปกป้องคุ้มครองภัยศัตรูช่วยเราได้สบายๆด้วยบนจักรวาลเรานี้. ..ให้มันจบที่รุ่นเรา. https://www.tiktok.com/@amp.sarun/video/7476739522403798279
    @amp.sarun

    ขายของออนไลน์ อย่าทำที่เดียวแพลทฟอร์มเดียว ทำทุกที่ ดีทุกทาง กการตลาดการเตลิดก#การตลาดวันละคลิปสสอนการตลาดออนไลน์สสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์สสร้างตัวตนบนtiktokคครูแอ๊มการตลาดการเตลิดttiktokสายความรู้คครูลูกแอ๊มสสร้างแบรนด์bbrandingแแบรนด์ดิ้งกการตลาดออนไลน์กกลยุทธ์การตลาดสสร้างแบรนด์กการตลาดคอนเทนต์ธธุรกิจออนไลน์ดดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งddigitalmarketingก#การตลาดTikTokT#TikTokMarketing

    ♬ เสียงต้นฉบับ - การตลาดการเตลิด - การตลาดการเตลิด
    0 Comments 0 Shares 573 Views 0 Reviews
  • อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ

    ประเด็นร้อนคือ:
    - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค
    - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร

    Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด

    Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน

    หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด

    กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”  
    • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น  
    • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license

    Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”  
    • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด  
    • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล  
    • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง

    Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น  
    • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม

    โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT

    จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ ประเด็นร้อนคือ: - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด ✅ กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”   • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น   • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license ✅ Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”   • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด   • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล   • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง ✅ Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น   • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม ✅ โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT ✅ จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei's AI lab denies that one of its Pangu models copied Alibaba's Qwen
    Huawei's artificial intelligence research division has rejected claims that a version of its Pangu Pro large language model has copied elements from an Alibaba model, saying that it was independently developed and trained.
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • ก่อนหน้านี้ เรามักนึกถึง Alibaba, Huawei, Tencent ว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่จีนในจีน” แต่วันนี้พวกเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะขยายตัวสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เทรนด์ AI Infrastructure กำลังระเบิด → ทุกประเทศต่างแย่งกันสร้างศูนย์ข้อมูล รัน LLMs และติดอาวุธให้ธุรกิจด้วย AI

    จากรายงานของ Taiwan Economic Daily ระบุว่า:
    - Alibaba Cloud ลงทุนกว่า ¥400 ล้านหยวนเพื่อขยายฐาน AI ทั่วโลก
    - Huawei เริ่มปักหมุด Ascend Chips ในมาเลเซีย
    - Tencent ก็เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศเพิ่มเติม

    แม้จะสู้ Big Tech อย่าง AWS, Azure, Google Cloud ในเรื่อง CapEx ยังไม่ได้ แต่ ฝั่งจีนชูจุดขายด้าน “นวัตกรรมวิศวกรรม” และราคาย่อมเยา แถมมีโมเดล AI ที่เริ่มตีตื้น LLM ฝั่งตะวันตก เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2

    โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ซึ่งยังเปิดกว้าง และไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีจากฝั่งสหรัฐฯ → กลายเป็นสนามประลองใหม่ของ CSP จีนและอเมริกา

    Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 400 ล้านหยวน (ราว 2 พันล้านบาท) ขยายบริการ AI Infrastructure สู่ต่างประเทศ  
    • เปิดศูนย์ข้อมูลในกว่า 29 ภูมิภาคนอกจีน  
    • เจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อย่างมาเลเซีย ไทย ฯลฯ

    Huawei ส่งชิป AI “Ascend” ลงพื้นที่ เช่นในมาเลเซีย เพื่อทดแทน GPU จากตะวันตก  
    • ใช้เป็นทางเลือกในการฝึกและรัน LLM แบบ sovereign AI

    Tencent และ Alibaba มี LLM รุ่นล่าสุดที่แข่งขันกับ GPT–Claude ได้ในบาง benchmark
    • เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2  
    • แม้จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ “ด้อยกว่า” แต่ยังสร้างผลงานเทียบเคียงกันได้

    วิศวกรรม + ราคา ถูกชูเป็นข้อได้เปรียบเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ  
    • ไม่เน้น CapEx หนักแบบ AWS แต่ใช้ “โซลูชันเฉพาะกลุ่ม”

    ตลาดเป้าหมายหลักคือ: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อ่าวเปอร์เซีย, ประเทศกำลังพัฒนา

    https://wccftech.com/china-big-tech-csp-are-accelerating-their-overseas-expansion/
    ก่อนหน้านี้ เรามักนึกถึง Alibaba, Huawei, Tencent ว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่จีนในจีน” แต่วันนี้พวกเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะขยายตัวสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เทรนด์ AI Infrastructure กำลังระเบิด → ทุกประเทศต่างแย่งกันสร้างศูนย์ข้อมูล รัน LLMs และติดอาวุธให้ธุรกิจด้วย AI 📌 จากรายงานของ Taiwan Economic Daily ระบุว่า: - Alibaba Cloud ลงทุนกว่า ¥400 ล้านหยวนเพื่อขยายฐาน AI ทั่วโลก - Huawei เริ่มปักหมุด Ascend Chips ในมาเลเซีย - Tencent ก็เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศเพิ่มเติม แม้จะสู้ Big Tech อย่าง AWS, Azure, Google Cloud ในเรื่อง CapEx ยังไม่ได้ แต่ ฝั่งจีนชูจุดขายด้าน “นวัตกรรมวิศวกรรม” และราคาย่อมเยา แถมมีโมเดล AI ที่เริ่มตีตื้น LLM ฝั่งตะวันตก เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2 📍 โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ซึ่งยังเปิดกว้าง และไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีจากฝั่งสหรัฐฯ → กลายเป็นสนามประลองใหม่ของ CSP จีนและอเมริกา ✅ Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 400 ล้านหยวน (ราว 2 พันล้านบาท) ขยายบริการ AI Infrastructure สู่ต่างประเทศ   • เปิดศูนย์ข้อมูลในกว่า 29 ภูมิภาคนอกจีน   • เจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อย่างมาเลเซีย ไทย ฯลฯ ✅ Huawei ส่งชิป AI “Ascend” ลงพื้นที่ เช่นในมาเลเซีย เพื่อทดแทน GPU จากตะวันตก   • ใช้เป็นทางเลือกในการฝึกและรัน LLM แบบ sovereign AI ✅ Tencent และ Alibaba มี LLM รุ่นล่าสุดที่แข่งขันกับ GPT–Claude ได้ในบาง benchmark • เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2   • แม้จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ “ด้อยกว่า” แต่ยังสร้างผลงานเทียบเคียงกันได้ ✅ วิศวกรรม + ราคา ถูกชูเป็นข้อได้เปรียบเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ   • ไม่เน้น CapEx หนักแบบ AWS แต่ใช้ “โซลูชันเฉพาะกลุ่ม” ✅ ตลาดเป้าหมายหลักคือ: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อ่าวเปอร์เซีย, ประเทศกำลังพัฒนา https://wccftech.com/china-big-tech-csp-are-accelerating-their-overseas-expansion/
    WCCFTECH.COM
    China's "Big Tech" CSPs Are Accelerating Their Overseas Expansion; Alibaba, Huawei & Tencent To Spend Billions On Global AI Infrastructure
    Major Chinese CSPs are now pushing towards making moves in the global AI markets, as Huawei, Tencent, and others allocate massive capital.
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว:

    - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย
    - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา

    ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม

    Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace  
    • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก  
    • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก

    ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย  
    • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา  
    • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น

    ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:  
    • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม  
    • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix  
    • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย

    ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ  
    • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”  
    • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น”

    อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ  
    • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto

    https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว: - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม ✅ Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace   • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก   • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก ✅ ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย   • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา   • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น ✅ ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:   • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม   • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix   • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย ✅ ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ   • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”   • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น” ✅ อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ   • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    WWW.TECHRADAR.COM
    Alibaba and Wix join forces, promise great things for SMBs
    New partnership fuses the wholesale ecosystem with website building
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • การยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขาในประทเศไทย ล่าสุดเมื่อ19 มิถุนายน 2568 กระทรวงการคลัง โดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้ประกาศรายชื่อ 3 กลุ่มที่ได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าจัดตั้ง Virtual Bank อย่างเป็นทางการแล้ว .โดย 3 กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบ ได้แก่.1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด”.บริษัทนี้คือบริษัทในเครือ Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney ที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมากและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบธนาคารแบบเดิมได้ ผนึกกำลังกับ CP Group ที่มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายค้าปลีก และ Ant Financial บริษัทภายใต้ Alibaba ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน) กลุ่มนี้เรียกว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้ และมีเทคโนโลยีสินเชื่อและเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งเช่นกัน.2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน).กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของธนาคารใหญ่ของรัฐอย่างธนาคารกรุงไทย ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากและประสบการณ์ด้านการเงิน พร้อมด้วย AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล รวมถึง PTTOR หรือ โออาร์ ที่มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันและร้านค้าปลีกครอบคลุมทั่วประเทศ ลองนึกภาพว่าเราเติมน้ำมันที่ปั๊มโออาร์ แล้วใช้แอป Virtual Bank ของกลุ่มนี้สแกนจ่าย หรือรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทันที สะดวกสุดๆ เลยใช่ไหมคะ.3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp..กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของ SCBX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีศักยภาพด้านการเงินและเทคโนโลยีสูง จับมือกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp. ซึ่ง KakaoBank เป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำจากเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์ตรงและเชี่ยวชาญในการทำ Virtual Bank .แล้วยังไงต่อ?.กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบทั้ง 3 รายนี้ จะต้องดำเนินการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงต้องผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนที่จะยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank จากนั้นจะต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้ ก็คือภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2569 นั่นเอง.สำหรับใครที่สงสัยว่า Virtual Bank คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเงินไทยได้อย่างไรบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/what-is-virtual-bank-thailand/ ที่มา MarketingOops
    การยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขาในประทเศไทย ล่าสุดเมื่อ19 มิถุนายน 2568 กระทรวงการคลัง โดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้ประกาศรายชื่อ 3 กลุ่มที่ได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าจัดตั้ง Virtual Bank อย่างเป็นทางการแล้ว .โดย 3 กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบ ได้แก่.1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด”.บริษัทนี้คือบริษัทในเครือ Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney ที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมากและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบธนาคารแบบเดิมได้ ผนึกกำลังกับ CP Group ที่มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายค้าปลีก และ Ant Financial บริษัทภายใต้ Alibaba ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน) กลุ่มนี้เรียกว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้ และมีเทคโนโลยีสินเชื่อและเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งเช่นกัน.2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน).กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของธนาคารใหญ่ของรัฐอย่างธนาคารกรุงไทย ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากและประสบการณ์ด้านการเงิน พร้อมด้วย AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล รวมถึง PTTOR หรือ โออาร์ ที่มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันและร้านค้าปลีกครอบคลุมทั่วประเทศ ลองนึกภาพว่าเราเติมน้ำมันที่ปั๊มโออาร์ แล้วใช้แอป Virtual Bank ของกลุ่มนี้สแกนจ่าย หรือรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทันที สะดวกสุดๆ เลยใช่ไหมคะ.3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp..กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของ SCBX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีศักยภาพด้านการเงินและเทคโนโลยีสูง จับมือกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp. ซึ่ง KakaoBank เป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำจากเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์ตรงและเชี่ยวชาญในการทำ Virtual Bank .แล้วยังไงต่อ?.กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบทั้ง 3 รายนี้ จะต้องดำเนินการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงต้องผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนที่จะยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank จากนั้นจะต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้ ก็คือภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2569 นั่นเอง.สำหรับใครที่สงสัยว่า Virtual Bank คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเงินไทยได้อย่างไรบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/what-is-virtual-bank-thailand/ ที่มา MarketingOops
    0 Comments 0 Shares 517 Views 0 Reviews
  • ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง

    ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล

    ChatGPT in the ASEAN Market

    Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent.

    In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users.

    Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics.

    To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups.

    Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment.

    Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล ChatGPT in the ASEAN Market Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent. In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users. Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics. To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups. Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment. Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    0 Comments 0 Shares 649 Views 0 Reviews
  • ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM

    ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน
    RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้:

    ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ
    ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้
    การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน
    การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง

    แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต
    RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้:
    การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม:
    IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก
    ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์
    AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870
    อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต
    การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86
    การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ

    โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต
    ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้:
    การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์
    การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล
    การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V
    ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้

    รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V
    การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

    การซื้อ ARM License
    ข้อดี:
    มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
    เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที
    เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น

    ข้อเสีย:
    ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee
    ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง

    การทุ่มกับ RISC-V
    ข้อดี:
    ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน
    สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย
    ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ
    มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค

    ข้อเสีย:
    Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา
    มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

    ข้อเสนอแนะ
    ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ
    ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V
    แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม

    บทสรุป
    RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️ 💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้: ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง 💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้: ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม: 👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก 👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์ 👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870 👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86 ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ 💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้: ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์ ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้ 💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้: 🛍️ การซื้อ ARM License ✅ ข้อดี: 👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก 👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที 👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น ❌ ข้อเสีย: 👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee 👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง 🛍️ การทุ่มกับ RISC-V ✅ ข้อดี: 👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน 👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย 👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ 👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค ❌ ข้อเสีย: 👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา 👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ 💡 ข้อเสนอแนะ ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม 💡 บทสรุป RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 863 Views 0 Reviews
  • CEO ของ Nvidia วิจารณ์นโยบายสหรัฐฯ เรื่องการห้ามส่งออกชิป AI

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยเขาระบุว่า มาตรการนี้เป็น "ความล้มเหลว" และส่งผลตรงกันข้ามกับเป้าหมายของรัฐบาล เนื่องจาก กระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการห้ามส่งออกชิป AI
    สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H20 ไปยังจีน
    - ส่งผลให้ ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ในจีนลดลงจาก 95% เหลือ 50%

    จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
    - บริษัทใหญ่ เช่น Tencent และ Alibaba หันไปใช้ชิปที่ผลิตในประเทศ

    Jensen Huang เชื่อว่าการแพร่กระจายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำ
    - เขากล่าวว่า "หากเป้าหมายคือให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำ การจำกัดเทคโนโลยีจะให้ผลตรงกันข้าม"

    อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ Gina Raimondo เห็นด้วยกับ Huang
    - เธอเคยกล่าวว่า "การพยายามหยุดจีนด้วยมาตรการห้ามส่งออกเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์"

    Nvidia สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์จากการห้ามส่งออก
    - รวมถึง รายได้ภาษีที่สหรัฐฯ สูญเสียไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-says-u-s-ban-on-ai-chip-exports-a-failure-says-spread-of-u-s-chips-vital-to-competitive-advantage
    CEO ของ Nvidia วิจารณ์นโยบายสหรัฐฯ เรื่องการห้ามส่งออกชิป AI Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยเขาระบุว่า มาตรการนี้เป็น "ความล้มเหลว" และส่งผลตรงกันข้ามกับเป้าหมายของรัฐบาล เนื่องจาก กระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการห้ามส่งออกชิป AI ✅ สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H20 ไปยังจีน - ส่งผลให้ ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ในจีนลดลงจาก 95% เหลือ 50% ✅ จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ - บริษัทใหญ่ เช่น Tencent และ Alibaba หันไปใช้ชิปที่ผลิตในประเทศ ✅ Jensen Huang เชื่อว่าการแพร่กระจายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำ - เขากล่าวว่า "หากเป้าหมายคือให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำ การจำกัดเทคโนโลยีจะให้ผลตรงกันข้าม" ✅ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ Gina Raimondo เห็นด้วยกับ Huang - เธอเคยกล่าวว่า "การพยายามหยุดจีนด้วยมาตรการห้ามส่งออกเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์" ✅ Nvidia สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์จากการห้ามส่งออก - รวมถึง รายได้ภาษีที่สหรัฐฯ สูญเสียไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-says-u-s-ban-on-ai-chip-exports-a-failure-says-spread-of-u-s-chips-vital-to-competitive-advantage
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia CEO Jensen Huang says U.S. ban on AI chip exports "a failure," says spread of U.S. chips vital to competitive advantage
    Jensen Huang believes that the U.S. should diffuse its AI tech across the globe instead of stopping its rivals from getting it.
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัวเครือข่ายดาวเทียมคอมพิวเตอร์ในอวกาศ

    จีน ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียม 12 ดวงแรกของโครงการ "Satellite Computing" ซึ่งเป็นเครือข่ายดาวเทียมที่มีความสามารถในการประมวลผล AI ในวงโคจรของโลก โครงการนี้มีเป้าหมาย เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ในอวกาศ และสามารถรองรับการประมวลผลแบบเรียลไทม์

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครือข่ายดาวเทียมคอมพิวเตอร์ของจีน
    ดาวเทียม 12 ดวงแรกถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด Long March-2D
    - เป็น ก้าวแรกของเครือข่ายที่วางแผนจะมีทั้งหมด 2,800 ดวง

    แต่ละดาวเทียมมีความสามารถในการประมวลผลสูงถึง 5 peta-operations per second (POPS)
    - เป้าหมายระยะยาว คือการสร้างเครือข่ายที่สามารถประมวลผลได้ถึง 1,000 POPS

    ดาวเทียมใช้ระบบสื่อสารด้วยเลเซอร์ที่มีความเร็ว 100 Gbps
    - ช่วยให้ สามารถส่งข้อมูลระหว่างดาวเทียมได้อย่างรวดเร็ว

    มีเซ็นเซอร์ X-ray ที่พัฒนาโดย Guangxi University เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ในอวกาศ
    - เช่น การระเบิดของรังสีแกมมา

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ADA Space และ Zhejiang Lab ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีนและ Alibaba Group
    - รวมถึง SoftStone และ Kepu Cloud ที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน

    https://www.techspot.com/news/107969-china-launches-first-12-satellites-massive-computing-constellation.html
    จีนเปิดตัวเครือข่ายดาวเทียมคอมพิวเตอร์ในอวกาศ จีน ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียม 12 ดวงแรกของโครงการ "Satellite Computing" ซึ่งเป็นเครือข่ายดาวเทียมที่มีความสามารถในการประมวลผล AI ในวงโคจรของโลก โครงการนี้มีเป้าหมาย เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ในอวกาศ และสามารถรองรับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครือข่ายดาวเทียมคอมพิวเตอร์ของจีน ✅ ดาวเทียม 12 ดวงแรกถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด Long March-2D - เป็น ก้าวแรกของเครือข่ายที่วางแผนจะมีทั้งหมด 2,800 ดวง ✅ แต่ละดาวเทียมมีความสามารถในการประมวลผลสูงถึง 5 peta-operations per second (POPS) - เป้าหมายระยะยาว คือการสร้างเครือข่ายที่สามารถประมวลผลได้ถึง 1,000 POPS ✅ ดาวเทียมใช้ระบบสื่อสารด้วยเลเซอร์ที่มีความเร็ว 100 Gbps - ช่วยให้ สามารถส่งข้อมูลระหว่างดาวเทียมได้อย่างรวดเร็ว ✅ มีเซ็นเซอร์ X-ray ที่พัฒนาโดย Guangxi University เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ในอวกาศ - เช่น การระเบิดของรังสีแกมมา ✅ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ADA Space และ Zhejiang Lab ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีนและ Alibaba Group - รวมถึง SoftStone และ Kepu Cloud ที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน https://www.techspot.com/news/107969-china-launches-first-12-satellites-massive-computing-constellation.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China launches the first 12 satellites of a massive computing constellation in space
    While Eric Schmidt and other Western space entrepreneurs are still exploring the idea of orbital data centers, Chinese companies have already begun moving forward. Last week, China...
    0 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับข้อตกลง AI ระหว่าง Apple และ Alibaba ในจีน

    รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงของ Apple กับ Alibaba ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อนำ ฟีเจอร์ AI มาสู่ iPhone ในจีน โดยเจ้าหน้าที่ในวอชิงตันมองว่า ข้อตกลงนี้อาจช่วยให้บริษัทจีนพัฒนา AI ได้ดีขึ้น และเพิ่มการควบคุมของรัฐบาลจีนต่อข้อมูลและการเซ็นเซอร์

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลง AI ของ Apple ในจีน
    Apple ต้องหาพันธมิตรในจีนเพื่อให้ iPhone มีฟีเจอร์ AI
    - เนื่องจาก OpenAI ไม่สามารถดำเนินการในจีนได้

    Alibaba เป็นหนึ่งในบริษัทที่ Apple เจรจาด้วย
    - นอกจากนี้ ยังมี Baidu, Tencent และ DeepSeek ที่ Apple เคยพิจารณา

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่าข้อตกลงนี้อาจช่วยให้จีนพัฒนา AI ได้เร็วขึ้น
    - รวมถึง เพิ่มการควบคุมของรัฐบาลจีนต่อข้อมูลและการเซ็นเซอร์

    Apple พบกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและคณะกรรมการสภาเพื่อชี้แจงข้อตกลง
    - แต่ ยังขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลง

    หาก Apple ไม่สามารถทำข้อตกลงได้ อาจสูญเสียลูกค้าในจีนให้กับ Xiaomi และ Huawei
    - เนื่องจาก แบรนด์เหล่านี้มีฟีเจอร์ AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

    https://www.neowin.net/news/the-us-lawmakers-raise-concerns-about-apple-alibaba-ai-venture-in-china/
    สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับข้อตกลง AI ระหว่าง Apple และ Alibaba ในจีน รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงของ Apple กับ Alibaba ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อนำ ฟีเจอร์ AI มาสู่ iPhone ในจีน โดยเจ้าหน้าที่ในวอชิงตันมองว่า ข้อตกลงนี้อาจช่วยให้บริษัทจีนพัฒนา AI ได้ดีขึ้น และเพิ่มการควบคุมของรัฐบาลจีนต่อข้อมูลและการเซ็นเซอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลง AI ของ Apple ในจีน ✅ Apple ต้องหาพันธมิตรในจีนเพื่อให้ iPhone มีฟีเจอร์ AI - เนื่องจาก OpenAI ไม่สามารถดำเนินการในจีนได้ ✅ Alibaba เป็นหนึ่งในบริษัทที่ Apple เจรจาด้วย - นอกจากนี้ ยังมี Baidu, Tencent และ DeepSeek ที่ Apple เคยพิจารณา ✅ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่าข้อตกลงนี้อาจช่วยให้จีนพัฒนา AI ได้เร็วขึ้น - รวมถึง เพิ่มการควบคุมของรัฐบาลจีนต่อข้อมูลและการเซ็นเซอร์ ✅ Apple พบกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและคณะกรรมการสภาเพื่อชี้แจงข้อตกลง - แต่ ยังขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลง ✅ หาก Apple ไม่สามารถทำข้อตกลงได้ อาจสูญเสียลูกค้าในจีนให้กับ Xiaomi และ Huawei - เนื่องจาก แบรนด์เหล่านี้มีฟีเจอร์ AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว https://www.neowin.net/news/the-us-lawmakers-raise-concerns-about-apple-alibaba-ai-venture-in-china/
    WWW.NEOWIN.NET
    The US lawmakers raise concerns about Apple-Alibaba AI venture in China
    Apple's partnership with Alibaba to bring AI features to iPhones in China raises alarms in Washington over security concerns.
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก

    Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์)
    - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน

    บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
    - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย

    Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว

    นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป
    - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ✅ Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์) - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน ✅ บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย ✅ Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ✅ นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba misses quarterly revenue estimates
    (Reuters) -Chinese e-commerce giant Alibaba reported quarterly revenue that missed Wall Street estimates on Thursday, as the firm works on new strategies to keep consumers spending amid persistent economic weakness and global trade uncertainties.
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • Alibaba เปิดตัว ZeroSearch: เทคโนโลยีลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหา

    Alibaba ได้พัฒนา ZeroSearch ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหา สูงสุดถึง 88% โดยใช้เอกสารที่สร้างขึ้นจาก AI แทนข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาจริง เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ การฝึกโมเดล AI มีคุณภาพดีขึ้นและลดการพึ่งพา API ของ Google

    ZeroSearch ใช้เอกสารที่สร้างขึ้นจาก AI แทนข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาจริง
    - ลด ความไม่แน่นอนของข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือค้นหา

    ช่วยลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหาสูงสุดถึง 88%
    - ค่าใช้จ่ายของ ZeroSearch 14B อยู่ที่ $70.80 ต่อ 64,000 คำค้นหา
    - เทียบกับ Google API ที่มีค่าใช้จ่าย $586.70 ต่อ 64,000 คำค้นหา

    ZeroSearch สามารถจำลองสถานการณ์การค้นหาที่ยากขึ้นโดยค่อย ๆ ลดคุณภาพของเอกสาร
    - ช่วยให้ AI สามารถรับมือกับข้อมูลที่มีคุณภาพต่ำได้ดีขึ้น

    Alibaba ยอมรับว่า ZeroSearch ต้องใช้ GPU ในการทำงาน
    - ต้องใช้ 1-4 A100 GPUs ในการฝึกโมเดล
    - ขณะที่ Google API ไม่ต้องใช้ GPU

    เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น Google Search API
    - อาจช่วย ทำให้การพัฒนา AI มีต้นทุนต่ำลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/alibaba-zerosearch-can-reduce-ai-for-search-training-cost-by-88-percent-company-claims
    Alibaba เปิดตัว ZeroSearch: เทคโนโลยีลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหา Alibaba ได้พัฒนา ZeroSearch ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหา สูงสุดถึง 88% โดยใช้เอกสารที่สร้างขึ้นจาก AI แทนข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาจริง เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ การฝึกโมเดล AI มีคุณภาพดีขึ้นและลดการพึ่งพา API ของ Google ✅ ZeroSearch ใช้เอกสารที่สร้างขึ้นจาก AI แทนข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาจริง - ลด ความไม่แน่นอนของข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือค้นหา ✅ ช่วยลดต้นทุนการฝึก AI สำหรับการค้นหาสูงสุดถึง 88% - ค่าใช้จ่ายของ ZeroSearch 14B อยู่ที่ $70.80 ต่อ 64,000 คำค้นหา - เทียบกับ Google API ที่มีค่าใช้จ่าย $586.70 ต่อ 64,000 คำค้นหา ✅ ZeroSearch สามารถจำลองสถานการณ์การค้นหาที่ยากขึ้นโดยค่อย ๆ ลดคุณภาพของเอกสาร - ช่วยให้ AI สามารถรับมือกับข้อมูลที่มีคุณภาพต่ำได้ดีขึ้น ✅ Alibaba ยอมรับว่า ZeroSearch ต้องใช้ GPU ในการทำงาน - ต้องใช้ 1-4 A100 GPUs ในการฝึกโมเดล - ขณะที่ Google API ไม่ต้องใช้ GPU ✅ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น Google Search API - อาจช่วย ทำให้การพัฒนา AI มีต้นทุนต่ำลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/alibaba-zerosearch-can-reduce-ai-for-search-training-cost-by-88-percent-company-claims
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Alibaba, Tencent และ ByteDance ได้สั่งซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia มูลค่ารวมกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศข้อจำกัดการส่งออกชิปดังกล่าวในเดือนเมษายน 2025 การสั่งซื้อนี้เป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าของบริษัทจีนที่คาดการณ์ถึงข้อจำกัดดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

    บริษัทจีนสั่งซื้อชิป H20 มูลค่ากว่า 12 พันล้านดอลลาร์
    - บริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Alibaba, Tencent และ ByteDance
    - ชิป H20 ถูกจัดส่งไปยังจีนก่อนข้อจำกัดการส่งออกในเดือนเมษายน

    การเตรียมพร้อมล่วงหน้าของบริษัทจีน
    - บริษัทจีนคาดการณ์ถึงข้อจำกัดการส่งออกตั้งแต่ปี 2024
    - มีการสั่งซื้อชิป H20 จำนวน 1 ล้านชิ้น เพื่อสำรองไว้

    การผลิตชิป AI ในจีน
    - Huawei สามารถผลิตชิป Ascend A10C AI GPUs ได้ถึง 750,000 ชิ้น
    - ชิปเหล่านี้ยังคงล้าหลังเทคโนโลยี EUV ของ TSMC

    การตรวจสอบคำสั่งซื้อโดย TSMC และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
    - มีการตรวจสอบคำสั่งซื้อที่อาจมาจากบริษัทจีนผ่านบริษัทลูกในต่างประเทศ

    https://wccftech.com/chinese-tech-giants-ordered-more-than-12-billion-of-nvidias-h20-ai-chips-ahead-of-sanctions-report/
    บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Alibaba, Tencent และ ByteDance ได้สั่งซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia มูลค่ารวมกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศข้อจำกัดการส่งออกชิปดังกล่าวในเดือนเมษายน 2025 การสั่งซื้อนี้เป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าของบริษัทจีนที่คาดการณ์ถึงข้อจำกัดดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ✅ บริษัทจีนสั่งซื้อชิป H20 มูลค่ากว่า 12 พันล้านดอลลาร์ - บริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Alibaba, Tencent และ ByteDance - ชิป H20 ถูกจัดส่งไปยังจีนก่อนข้อจำกัดการส่งออกในเดือนเมษายน ✅ การเตรียมพร้อมล่วงหน้าของบริษัทจีน - บริษัทจีนคาดการณ์ถึงข้อจำกัดการส่งออกตั้งแต่ปี 2024 - มีการสั่งซื้อชิป H20 จำนวน 1 ล้านชิ้น เพื่อสำรองไว้ ✅ การผลิตชิป AI ในจีน - Huawei สามารถผลิตชิป Ascend A10C AI GPUs ได้ถึง 750,000 ชิ้น - ชิปเหล่านี้ยังคงล้าหลังเทคโนโลยี EUV ของ TSMC ✅ การตรวจสอบคำสั่งซื้อโดย TSMC และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ - มีการตรวจสอบคำสั่งซื้อที่อาจมาจากบริษัทจีนผ่านบริษัทลูกในต่างประเทศ https://wccftech.com/chinese-tech-giants-ordered-more-than-12-billion-of-nvidias-h20-ai-chips-ahead-of-sanctions-report/
    WCCFTECH.COM
    Chinese Tech Giants Ordered More Than $12 Billion Of NVIDIA's H20 AI Chips Ahead Of Sanctions - Report
    Chinese firms ordered as much as $12 billion of NVIDIA AI GPUs ahead of sanctions says a new report. Take a look!
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเน้นว่าจุดประสงค์ของเทคโนโลยีคือการช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความหมายมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์

    การพัฒนา AI เพื่อมนุษยชาติ:
    - Jack Ma เน้นว่า AI ควรมีเป้าหมายเพื่อเข้าใจและให้บริการมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์
    - เทคโนโลยีควรนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของทุกคนและมอบ "ศักดิ์ศรี" ให้กับแต่ละบุคคล

    การสนับสนุน Alibaba Cloud:
    - Jack Ma ได้เยี่ยมชม Alibaba Cloud ในเมืองหางโจวเพื่อแสดงการสนับสนุน
    - Alibaba Cloud เป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่สุดในจีน และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์ส เช่น Qwen

    โครงการ Blossom:
    - Alibaba Cloud เปิดตัวโครงการ Blossom เพื่อเร่งการนำ AI มาใช้ โดยให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน โมเดล AI และข้อมูลแก่ลูกค้าหลายล้านราย

    ความสำคัญของ AI แบบโอเพ่นซอร์ส:
    - โมเดล Qwen ของ Alibaba ได้ช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสร้างโมเดลอนุพันธ์กว่า 100,000 โมเดล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/alibaba-founder-jack-ma-calls-for-responsible-ai-amid-its-wide-adoption-across-china
    Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเน้นว่าจุดประสงค์ของเทคโนโลยีคือการช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความหมายมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์ ✅ การพัฒนา AI เพื่อมนุษยชาติ: - Jack Ma เน้นว่า AI ควรมีเป้าหมายเพื่อเข้าใจและให้บริการมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์ - เทคโนโลยีควรนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของทุกคนและมอบ "ศักดิ์ศรี" ให้กับแต่ละบุคคล ✅ การสนับสนุน Alibaba Cloud: - Jack Ma ได้เยี่ยมชม Alibaba Cloud ในเมืองหางโจวเพื่อแสดงการสนับสนุน - Alibaba Cloud เป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่สุดในจีน และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์ส เช่น Qwen ✅ โครงการ Blossom: - Alibaba Cloud เปิดตัวโครงการ Blossom เพื่อเร่งการนำ AI มาใช้ โดยให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน โมเดล AI และข้อมูลแก่ลูกค้าหลายล้านราย ✅ ความสำคัญของ AI แบบโอเพ่นซอร์ส: - โมเดล Qwen ของ Alibaba ได้ช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสร้างโมเดลอนุพันธ์กว่า 100,000 โมเดล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/alibaba-founder-jack-ma-calls-for-responsible-ai-amid-its-wide-adoption-across-china
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba founder Jack Ma calls for responsible AI amid its wide adoption across China
    Ma emphasised that AI should be developed with the aim of understanding and serving humanity, not replacing it.
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • มีรายงานว่า บริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ ByteDance ได้ใช้เงินรวมกันกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ ในการซื้อ GPU รุ่น H20 จาก Nvidia ภายในไตรมาสแรกของปี 2025 การเร่งสั่งซื้อครั้งใหญ่นี้คาดว่ามาจากความต้องการเพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์ AI ในตลาดจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยบริษัท AI สตาร์ตอัปอย่าง DeepSeek

    H20—AI Processor ระดับสูงที่ยังคงอนุญาตให้ส่งออกไปจีน
    - Nvidia H20 เป็น AI GPU ที่ทรงพลังที่สุดที่ยังได้รับการอนุมัติให้ส่งออกไปยังจีน ภายใต้ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ
    - คาดว่าความเร่งรีบในการสั่งซื้อนี้เกิดจากข่าวลือเกี่ยวกับ การเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกเพิ่มเติมในอนาคต

    คำแนะนำจากรัฐบาลจีนให้ชะลอการสั่งซื้อ
    - มีรายงานว่าหน่วยงานรัฐบาลจีน แนะนำให้บริษัทชั้นนำหยุดการสั่งซื้อ GPU H20 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการกักตุนฮาร์ดแวร์ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนา GPU ที่ผลิตในประเทศ

    แนวโน้มการออกแบบชิปใหม่ของ Nvidia สำหรับตลาดจีน
    - Nvidia อาจกำลังพัฒนา ชิปรุ่นใหม่สำหรับตลาดจีน ที่จะสอดคล้องกับข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
    - มีข่าวลือเกี่ยวกับการเปิดตัว GPU H20 ที่อัปเกรดด้วย HBM3E modules

    บทบาทสำคัญของ DeepSeek ในการขยายตลาด AI
    - ความต้องการ Nvidia H20 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัป AI ของจีน มี AI โมเดลต้นทุนต่ำที่เข้าถึงตลาดได้กว้าง

    https://www.techpowerup.com/335077/chinas-largest-ai-firms-reportedly-forked-out-usd-16-billion-total-for-nvidia-h20-gpu-supplies-in-2025
    มีรายงานว่า บริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ ByteDance ได้ใช้เงินรวมกันกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ ในการซื้อ GPU รุ่น H20 จาก Nvidia ภายในไตรมาสแรกของปี 2025 การเร่งสั่งซื้อครั้งใหญ่นี้คาดว่ามาจากความต้องการเพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์ AI ในตลาดจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยบริษัท AI สตาร์ตอัปอย่าง DeepSeek ✅ H20—AI Processor ระดับสูงที่ยังคงอนุญาตให้ส่งออกไปจีน - Nvidia H20 เป็น AI GPU ที่ทรงพลังที่สุดที่ยังได้รับการอนุมัติให้ส่งออกไปยังจีน ภายใต้ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ - คาดว่าความเร่งรีบในการสั่งซื้อนี้เกิดจากข่าวลือเกี่ยวกับ การเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกเพิ่มเติมในอนาคต ✅ คำแนะนำจากรัฐบาลจีนให้ชะลอการสั่งซื้อ - มีรายงานว่าหน่วยงานรัฐบาลจีน แนะนำให้บริษัทชั้นนำหยุดการสั่งซื้อ GPU H20 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการกักตุนฮาร์ดแวร์ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนา GPU ที่ผลิตในประเทศ ✅ แนวโน้มการออกแบบชิปใหม่ของ Nvidia สำหรับตลาดจีน - Nvidia อาจกำลังพัฒนา ชิปรุ่นใหม่สำหรับตลาดจีน ที่จะสอดคล้องกับข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด - มีข่าวลือเกี่ยวกับการเปิดตัว GPU H20 ที่อัปเกรดด้วย HBM3E modules ✅ บทบาทสำคัญของ DeepSeek ในการขยายตลาด AI - ความต้องการ Nvidia H20 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัป AI ของจีน มี AI โมเดลต้นทุนต่ำที่เข้าถึงตลาดได้กว้าง https://www.techpowerup.com/335077/chinas-largest-ai-firms-reportedly-forked-out-usd-16-billion-total-for-nvidia-h20-gpu-supplies-in-2025
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    China's Largest AI Firms Reportedly Forked Out ~$16 Billion Total for NVIDIA H20 GPU Supplies in 2025
    Last week, industry reports pointed to evidence of NVIDIA H20 AI GPU shortages in China—supply chain insiders expressed frustration about limited availability, and alleged price hikes. Days later, local media outlets have disclosed staggering sales figures. Two unnamed sources opine that the likes o...
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัวซีพียูเซิร์ฟเวอร์ RISC-V ตัวแรกในชื่อ Lingyu CPU ซึ่งออกแบบเพื่อช่วยลดการพึ่งพาชิปจากตะวันตก ซีพียูนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ “หนึ่งคอร์ สองสถาปัตยกรรม” มี 32 คอร์สำหรับประมวลผลทั่วไป และ 8 คอร์สำหรับ AI การพัฒนานี้ได้รับ การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและบริษัทใหญ่ เช่น Alibaba และ Tencent อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักคือ การสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ x86 และ Arm

    Lingyu CPU ใช้สถาปัตยกรรมแบบ “หนึ่งคอร์ สองสถาปัตยกรรม”
    - มี 32 คอร์สำหรับงานประมวลผลทั่วไป และ 8 คอร์พิเศษสำหรับการคำนวณ AI
    - โครงสร้างนี้ช่วยให้ มีประสิทธิภาพด้านการคำนวณสูง และประหยัดพลังงาน

    RiVAI Technologies ได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรระดับโลก
    - Zhangxi Tan ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นศิษย์ของ Prof. David Patterson ผู้บุกเบิก RISC-V
    - Prof. Patterson ยังคงเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคของ RiVAI

    จีนผลักดันให้ใช้ RISC-V เพื่อลดการพึ่งพา x86 และ Arm
    - RISC-V เป็น สถาปัตยกรรมแบบเปิด ต่างจาก x86 และ Arm ที่มีเจ้าของ
    - ทำให้บริษัทจีนสามารถ ออกแบบและผลิตชิปได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสิทธิ์การใช้งานจากตะวันตก

    มีการสนับสนุนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่
    - รัฐบาลจีนให้ เงินทุนและนโยบายสนับสนุนการพัฒนา RISC-V
    - บริษัทเช่น Alibaba และ Tencent กำลังลงทุนใน RISC-V

    ความท้าทายหลักคือซอฟต์แวร์และการสร้างระบบนิเวศ
    - แม้ RISC-V จะมีศักยภาพสูง แต่ การพัฒนาและปรับแต่งซอฟต์แวร์ยังต้องใช้เวลา
    - การแข่งขันกับ x86 และ Arm จะต้องอาศัย ระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinas-push-for-chip-independence-continues-with-its-first-risc-v-server-cpu
    จีนเปิดตัวซีพียูเซิร์ฟเวอร์ RISC-V ตัวแรกในชื่อ Lingyu CPU ซึ่งออกแบบเพื่อช่วยลดการพึ่งพาชิปจากตะวันตก ซีพียูนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ “หนึ่งคอร์ สองสถาปัตยกรรม” มี 32 คอร์สำหรับประมวลผลทั่วไป และ 8 คอร์สำหรับ AI การพัฒนานี้ได้รับ การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและบริษัทใหญ่ เช่น Alibaba และ Tencent อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักคือ การสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ x86 และ Arm ✅ Lingyu CPU ใช้สถาปัตยกรรมแบบ “หนึ่งคอร์ สองสถาปัตยกรรม” - มี 32 คอร์สำหรับงานประมวลผลทั่วไป และ 8 คอร์พิเศษสำหรับการคำนวณ AI - โครงสร้างนี้ช่วยให้ มีประสิทธิภาพด้านการคำนวณสูง และประหยัดพลังงาน ✅ RiVAI Technologies ได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรระดับโลก - Zhangxi Tan ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นศิษย์ของ Prof. David Patterson ผู้บุกเบิก RISC-V - Prof. Patterson ยังคงเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคของ RiVAI ✅ จีนผลักดันให้ใช้ RISC-V เพื่อลดการพึ่งพา x86 และ Arm - RISC-V เป็น สถาปัตยกรรมแบบเปิด ต่างจาก x86 และ Arm ที่มีเจ้าของ - ทำให้บริษัทจีนสามารถ ออกแบบและผลิตชิปได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสิทธิ์การใช้งานจากตะวันตก ✅ มีการสนับสนุนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ - รัฐบาลจีนให้ เงินทุนและนโยบายสนับสนุนการพัฒนา RISC-V - บริษัทเช่น Alibaba และ Tencent กำลังลงทุนใน RISC-V ✅ ความท้าทายหลักคือซอฟต์แวร์และการสร้างระบบนิเวศ - แม้ RISC-V จะมีศักยภาพสูง แต่ การพัฒนาและปรับแต่งซอฟต์แวร์ยังต้องใช้เวลา - การแข่งขันกับ x86 และ Arm จะต้องอาศัย ระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinas-push-for-chip-independence-continues-with-its-first-risc-v-server-cpu
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเช่น Alibaba และ Tencent เพิ่มการซื้อ GPU Nvidia H20 ขึ้นถึง 6 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2025 เพื่อรับมือกับ กฎ AI ของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม Nvidia รายงานว่ายอดขายในจีนและฮ่องกงสูงถึง 17,110 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 ขณะที่ H3C หนึ่งในผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ของจีนเตือนว่าตลาดอาจเผชิญกับการขาดแคลน GPU มีข้อสงสัยว่า บริษัทในสิงคโปร์อาจมีบทบาทในการส่งสินค้าต่อไปยังจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

    จีนเร่งซื้อ GPU ก่อนที่กฎ AI ของสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้
    - กฎใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ห้ามบริษัทจีนซื้อ GPU ระดับสูงจากอเมริกา
    - ทำให้บริษัทจีน เร่งตุนสินค้าเป็นจำนวนมหาศาลในไตรมาสแรกของปี 2025

    ยอดขาย Nvidia ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
    - Nvidia รายงานว่ายอดขายในจีนและฮ่องกงอยู่ที่ 17,110 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025
    - เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2024 การซื้อ GPU เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า

    H3C หนึ่งในผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำของจีนกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลน GPU
    - ระบุว่า ไม่สามารถหาซื้อ Nvidia H20 ได้เพียงพอสำหรับความต้องการของตลาด

    บริษัทสิงคโปร์อาจมีบทบาทสำคัญในการส่งสินค้าให้จีน
    - ยอดขาย GPU Nvidia ไปยังบริษัทในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในปีงบประมาณ 2025
    - มีข้อสงสัยว่า บางส่วนของสินค้าอาจถูกส่งต่อไปยังจีนอย่างลับ ๆ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-tech-giants-boosted-nvidia-gpu-purchases-by-4x-to-6x-during-q1
    บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเช่น Alibaba และ Tencent เพิ่มการซื้อ GPU Nvidia H20 ขึ้นถึง 6 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2025 เพื่อรับมือกับ กฎ AI ของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม Nvidia รายงานว่ายอดขายในจีนและฮ่องกงสูงถึง 17,110 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 ขณะที่ H3C หนึ่งในผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ของจีนเตือนว่าตลาดอาจเผชิญกับการขาดแคลน GPU มีข้อสงสัยว่า บริษัทในสิงคโปร์อาจมีบทบาทในการส่งสินค้าต่อไปยังจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด ✅ จีนเร่งซื้อ GPU ก่อนที่กฎ AI ของสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้ - กฎใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ห้ามบริษัทจีนซื้อ GPU ระดับสูงจากอเมริกา - ทำให้บริษัทจีน เร่งตุนสินค้าเป็นจำนวนมหาศาลในไตรมาสแรกของปี 2025 ✅ ยอดขาย Nvidia ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล - Nvidia รายงานว่ายอดขายในจีนและฮ่องกงอยู่ที่ 17,110 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 - เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2024 การซื้อ GPU เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ✅ H3C หนึ่งในผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำของจีนกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลน GPU - ระบุว่า ไม่สามารถหาซื้อ Nvidia H20 ได้เพียงพอสำหรับความต้องการของตลาด ✅ บริษัทสิงคโปร์อาจมีบทบาทสำคัญในการส่งสินค้าให้จีน - ยอดขาย GPU Nvidia ไปยังบริษัทในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในปีงบประมาณ 2025 - มีข้อสงสัยว่า บางส่วนของสินค้าอาจถูกส่งต่อไปยังจีนอย่างลับ ๆ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-tech-giants-boosted-nvidia-gpu-purchases-by-4x-to-6x-during-q1
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • จีนพยายามเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI แต่กลับพบว่าหลายโครงการล้มเหลวเพราะวางแผนไม่รอบคอบ และไม่ได้ใช้งานจริงตามที่คาดหวัง โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้กลายเป็นภาระทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลยังคงมองว่าเป็นโอกาสเรียนรู้และปรับตัวในอนาคต โดยจะสนับสนุนบริษัทใหญ่ให้พัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานต่อไป

    การเร่งลงทุนที่มากเกินไป:
    - จีนได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูลกว่า 500 แห่งในปี 2023 โดยมีอย่างน้อย 150 แห่งเริ่มดำเนินการภายในปี 2024 แต่หลายโครงการมุ่งเน้นการดึงดูดเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากกว่าการสร้างศักยภาพ AI ที่แท้จริง.

    ปัญหาด้านเทคโนโลยีและอุปสงค์:
    - เทคโนโลยีที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลไม่ตอบโจทย์ความต้องการปัจจุบัน เช่น งานด้าน AI inference ซึ่งต้องการอุปกรณ์ที่รวดเร็วและประหยัดพลังงาน แต่ศูนย์กลับถูกออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI training ที่ไม่จำเป็นในตลาด.

    ราคาที่ลดลงของ GPU Rental:
    - ค่าเช่าหน่วยประมวลผล AI เช่น Nvidia H100 ลดลงมากจาก 180,000 หยวน ($24,000) ต่อเดือน เหลือเพียง 75,000 หยวน ($10,000) ซึ่งสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาด AI.

    การปรับเปลี่ยนแผนในอนาคต:
    - รัฐบาลจีนยังคงให้ความสำคัญกับ AI โดยมองว่านี่เป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาด และมีแผนจะมอบหมายศูนย์ข้อมูลที่ไม่ประสบความสำเร็จให้กับผู้ดำเนินการที่มีศักยภาพสูงขึ้น เช่น Alibaba และ ByteDance ที่ได้ประกาศลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐาน AI.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-ai-data-center-boom-goes-bust-rush-leaves-billions-of-dollars-in-idle-infrastructure
    จีนพยายามเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI แต่กลับพบว่าหลายโครงการล้มเหลวเพราะวางแผนไม่รอบคอบ และไม่ได้ใช้งานจริงตามที่คาดหวัง โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้กลายเป็นภาระทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลยังคงมองว่าเป็นโอกาสเรียนรู้และปรับตัวในอนาคต โดยจะสนับสนุนบริษัทใหญ่ให้พัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานต่อไป การเร่งลงทุนที่มากเกินไป: - จีนได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูลกว่า 500 แห่งในปี 2023 โดยมีอย่างน้อย 150 แห่งเริ่มดำเนินการภายในปี 2024 แต่หลายโครงการมุ่งเน้นการดึงดูดเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากกว่าการสร้างศักยภาพ AI ที่แท้จริง. ปัญหาด้านเทคโนโลยีและอุปสงค์: - เทคโนโลยีที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลไม่ตอบโจทย์ความต้องการปัจจุบัน เช่น งานด้าน AI inference ซึ่งต้องการอุปกรณ์ที่รวดเร็วและประหยัดพลังงาน แต่ศูนย์กลับถูกออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI training ที่ไม่จำเป็นในตลาด. ราคาที่ลดลงของ GPU Rental: - ค่าเช่าหน่วยประมวลผล AI เช่น Nvidia H100 ลดลงมากจาก 180,000 หยวน ($24,000) ต่อเดือน เหลือเพียง 75,000 หยวน ($10,000) ซึ่งสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาด AI. การปรับเปลี่ยนแผนในอนาคต: - รัฐบาลจีนยังคงให้ความสำคัญกับ AI โดยมองว่านี่เป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาด และมีแผนจะมอบหมายศูนย์ข้อมูลที่ไม่ประสบความสำเร็จให้กับผู้ดำเนินการที่มีศักยภาพสูงขึ้น เช่น Alibaba และ ByteDance ที่ได้ประกาศลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐาน AI. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-ai-data-center-boom-goes-bust-rush-leaves-billions-of-dollars-in-idle-infrastructure
    0 Comments 0 Shares 559 Views 0 Reviews
  • Ant Group ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการฝึก AI ด้วยการใช้ชิปจากจีน เช่น ชิปของ Alibaba และ Huawei นี่เป็นการปรับตัวท่ามกลางข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการใช้ชิป NVIDIA ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศที่ก้าวไกล อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าชิปเหล่านี้จะสามารถแข่งขันในระยะยาวได้ดีเพียงใด

    การตอบสนองต่อข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี:
    - การเปลี่ยนมาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีนเกิดขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการเข้าถึง GPU ระดับสูงของ NVIDIA ส่งผลให้บริษัทจีนต้องหาทางเลือกที่เหมาะสม และนี่ถือเป็นความพยายามสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก.

    ความหลากหลายในฮาร์ดแวร์:
    - นอกจากใช้ชิปของ Alibaba และ Huawei แล้ว Ant Group ยังพึ่งพาชิปจาก AMD และผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพื่อสร้างโมเดล AI ใหม่ โดยยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ NVIDIA ในบางกระบวนการ.

    ศักยภาพของเทคโนโลยีจีน:
    - ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันด้าน AI ของจีน และสอดคล้องกับความสำเร็จล่าสุดของ DeepSeek AI ที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่า GPT-4 ของ OpenAI ในบางเกณฑ์.

    ความท้าทายระยะยาว:
    - แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังมีคำถามว่าชิปจากจีนและผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น AMD จะสามารถแข่งขันและรองรับการทำงานในระยะยาวได้เทียบเท่ากับ NVIDIA หรือไม่.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-fintech-company-uses-domestic-semiconductors-for-ai-breakthrough
    Ant Group ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการฝึก AI ด้วยการใช้ชิปจากจีน เช่น ชิปของ Alibaba และ Huawei นี่เป็นการปรับตัวท่ามกลางข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการใช้ชิป NVIDIA ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศที่ก้าวไกล อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าชิปเหล่านี้จะสามารถแข่งขันในระยะยาวได้ดีเพียงใด การตอบสนองต่อข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี: - การเปลี่ยนมาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีนเกิดขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการเข้าถึง GPU ระดับสูงของ NVIDIA ส่งผลให้บริษัทจีนต้องหาทางเลือกที่เหมาะสม และนี่ถือเป็นความพยายามสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก. ความหลากหลายในฮาร์ดแวร์: - นอกจากใช้ชิปของ Alibaba และ Huawei แล้ว Ant Group ยังพึ่งพาชิปจาก AMD และผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพื่อสร้างโมเดล AI ใหม่ โดยยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ NVIDIA ในบางกระบวนการ. ศักยภาพของเทคโนโลยีจีน: - ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันด้าน AI ของจีน และสอดคล้องกับความสำเร็จล่าสุดของ DeepSeek AI ที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่า GPT-4 ของ OpenAI ในบางเกณฑ์. ความท้าทายระยะยาว: - แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังมีคำถามว่าชิปจากจีนและผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น AMD จะสามารถแข่งขันและรองรับการทำงานในระยะยาวได้เทียบเท่ากับ NVIDIA หรือไม่. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-fintech-company-uses-domestic-semiconductors-for-ai-breakthrough
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ant Group reportedly reduces AI costs 20% with Chinese chips
    The company still uses Nvidia but now relies mainly on Chinese chips
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้

    เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์

    นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง

    ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้ เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Beijing to roll out AI lessons for primary, secondary students
    China's AI industry has gained international attention this year after DeepSeek released a new version of its AI chatbot in January, sending shockwaves across global markets.
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • ลุงสนับสนุนแนวคิดนี้ของจีนครับ

    รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายใหม่ในการส่งเสริมการใช้ชิป RISC-V ที่เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เช่น x86 และ Arm นโยบายนี้ถูกจัดทำโดยหน่วยงานรัฐบาลถึงแปดแห่ง รวมถึง Cyberspace Administration of China และ Ministry of Industry and Information Technology โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้งานชิป RISC-V ในประเทศจีนให้มากขึ้น

    การออกนโยบายใหม่นี้จะส่งเสริมให้บริษัทในจีนหันมาใช้ชิป RISC-V ที่ถูกพัฒนาภายในประเทศมากขึ้น เช่น Alibaba's XuanTie และ Nuclei System Technology ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป RISC-V ชั้นนำของจีน การใช้งานชิปเหล่านี้จะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายและพัฒนาชิปที่เหมาะสมกับการใช้งานในด้าน AI ได้มากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก ชิปเหล่านี้อาจจะยังไม่สามารถแข่งกับชิปของ Nvidia ในด้านประสิทธิภาพได้ แต่ก็จะมีราคาถูกกว่าและถูกออกแบบในจีนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุน

    แม้ว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์ RISC-V จะสำคัญ แต่การสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับชิป RISC-V ก็ไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ Arm และ x86 ได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการและโปรแกรมมากมาย ซึ่งแตกต่างจาก RISC-V ที่ยังมีข้อจำกัดในการรองรับซอฟต์แวร์ หากต้องการสร้างชิป AI ที่ใช้ RISC-V นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศน์ซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบปีในการพัฒนา

    การประกาศนโยบายนี้ทำให้หุ้นของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีน เช่น VeriSilicon, ASR Microelectronics และ Shanghai Anlogic Infotech พุ่งสูงขึ้นถึง 15.4% เนื่องจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V ยังทำให้สหรัฐฯ กังวล เพราะ RISC-V เป็นโอเพ่นซอร์ส และอาจทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-government-shifts-focus-from-x86-and-arm-cpus-promoting-the-adoption-of-risc-v-chips
    ลุงสนับสนุนแนวคิดนี้ของจีนครับ รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายใหม่ในการส่งเสริมการใช้ชิป RISC-V ที่เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เช่น x86 และ Arm นโยบายนี้ถูกจัดทำโดยหน่วยงานรัฐบาลถึงแปดแห่ง รวมถึง Cyberspace Administration of China และ Ministry of Industry and Information Technology โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้งานชิป RISC-V ในประเทศจีนให้มากขึ้น การออกนโยบายใหม่นี้จะส่งเสริมให้บริษัทในจีนหันมาใช้ชิป RISC-V ที่ถูกพัฒนาภายในประเทศมากขึ้น เช่น Alibaba's XuanTie และ Nuclei System Technology ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป RISC-V ชั้นนำของจีน การใช้งานชิปเหล่านี้จะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายและพัฒนาชิปที่เหมาะสมกับการใช้งานในด้าน AI ได้มากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก ชิปเหล่านี้อาจจะยังไม่สามารถแข่งกับชิปของ Nvidia ในด้านประสิทธิภาพได้ แต่ก็จะมีราคาถูกกว่าและถูกออกแบบในจีนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุน แม้ว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์ RISC-V จะสำคัญ แต่การสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับชิป RISC-V ก็ไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ Arm และ x86 ได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการและโปรแกรมมากมาย ซึ่งแตกต่างจาก RISC-V ที่ยังมีข้อจำกัดในการรองรับซอฟต์แวร์ หากต้องการสร้างชิป AI ที่ใช้ RISC-V นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศน์ซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบปีในการพัฒนา การประกาศนโยบายนี้ทำให้หุ้นของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีน เช่น VeriSilicon, ASR Microelectronics และ Shanghai Anlogic Infotech พุ่งสูงขึ้นถึง 15.4% เนื่องจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V ยังทำให้สหรัฐฯ กังวล เพราะ RISC-V เป็นโอเพ่นซอร์ส และอาจทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-government-shifts-focus-from-x86-and-arm-cpus-promoting-the-adoption-of-risc-v-chips
    0 Comments 0 Shares 499 Views 0 Reviews
More Results