• บุรุษนาม “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ยกคณะมารุกไล่ทำลายแก๊งจีนเทา แบบเอาตาย และยังสามารถกดดัน “ไทยเฉย” ให้ตื่นจากหลับ สั่งตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมันเชื้อเพลิง ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบ “เรียบร้อยโรงเรียนจีน”

    #ตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งโจรไซเบอร์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #แก๊งจีนเทา #หลิวจงอี #สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ต #ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เรียบร้อยโรงเรียนจีน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    บุรุษนาม “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ยกคณะมารุกไล่ทำลายแก๊งจีนเทา แบบเอาตาย และยังสามารถกดดัน “ไทยเฉย” ให้ตื่นจากหลับ สั่งตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมันเชื้อเพลิง ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบ “เรียบร้อยโรงเรียนจีน” #ตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งโจรไซเบอร์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #แก๊งจีนเทา #หลิวจงอี #สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ต #ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เรียบร้อยโรงเรียนจีน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • ทบ.ร่วม สตช. ประสานความร่วมมือเมียนมา ช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกงได้ 1 รายจาก 12 ราย หลังติดต่อขอความช่วยเหลือ ผ่าน ป.ป.ส.พบฐานสำคัญแก๊งจีนเทาอยู่ทางตอนใต้เมืองเมียววดีในพื้นที่ฐานที่มันของทหาร กะเหรี่ยง DKBA

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000010656

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทบ.ร่วม สตช. ประสานความร่วมมือเมียนมา ช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกงได้ 1 รายจาก 12 ราย หลังติดต่อขอความช่วยเหลือ ผ่าน ป.ป.ส.พบฐานสำคัญแก๊งจีนเทาอยู่ทางตอนใต้เมืองเมียววดีในพื้นที่ฐานที่มันของทหาร กะเหรี่ยง DKBA อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000010656 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 757 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้
    1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น.

    ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก....
    ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็
    วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ!
    เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า
    "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน
    พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘ 
    เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี 
    เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ
    กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ 
    โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย
    แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ" 
    "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี!
    เอ้า...
    ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์"
    ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน
    กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ
    เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย"
    และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย
    ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร!
    โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด
    จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง
    ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น....
    แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย
    แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น
    ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ!
    "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ
    ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า
    แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร?
    ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร?
    ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!!
    เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย
    ปัญหาที่เกิดตามมา คือ...
    "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้?
    ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น!
    เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ!
    กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด
    ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ
    กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ
    "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น!
    ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้
    แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น
    งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย?
    ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ
    ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน
    ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ
    ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย
    ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก
    ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ
    นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ
    แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร?
    เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง
    -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา
    -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ
    -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
    -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย
    สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป
    อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย!
    เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว
    มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย!
    รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท
    เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
    เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย!
    เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน
    ...................................
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม
    พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
    เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน
    -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
    -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
    -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
    ...................................
    ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?"
    ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่
    ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน
    ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร
    แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย?
    เปลว สีเงิน
    ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
    วันเสาร์ที่ปลายซอย

    เปลว สีเงิน
    'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น. ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก.... ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็ วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ! เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘  เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี  เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ  โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ"  "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี! เอ้า... ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์" ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย" และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร! โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น.... แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ! "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร? ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร? ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!! เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย ปัญหาที่เกิดตามมา คือ... "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้? ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น! เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ! กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น! ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้ แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย? ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร? เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย! เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย! รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย! เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน ................................... นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ................................... ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?" ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่ ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย? เปลว สีเงิน ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ วันเสาร์ที่ปลายซอย เปลว สีเงิน
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกมาทำงานในไทยแต่ถูกจับไปกักขังที่พม่า ทำชาวโซเชียลจีนเดือด เชื่อเจ้าหน้าที่ไทยมีเอี่ยวแก๊งจีนเทา จนเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย เมืองไทยอันตราย เบื้องต้นทำนักท่องเที่ยวจีนหายไปราว 10,000 คนในช่วงตรุษจีนนี้ ขณะที่สื่อจีนประเมินว่าไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงราว 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007313

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนถูกหลอกมาทำงานในไทยแต่ถูกจับไปกักขังที่พม่า ทำชาวโซเชียลจีนเดือด เชื่อเจ้าหน้าที่ไทยมีเอี่ยวแก๊งจีนเทา จนเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย เมืองไทยอันตราย เบื้องต้นทำนักท่องเที่ยวจีนหายไปราว 10,000 คนในช่วงตรุษจีนนี้ ขณะที่สื่อจีนประเมินว่าไทยอาจจะสูญเสียรายได้ในช่วงตรุษจีนมากถึงราว 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007313 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1094 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก
    กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา
    หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง
    ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ
    เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย
    โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง
    แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68
    .
    รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68 . รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU
    Like
    6
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • อบรมอาสาตำรวจจีน ฉาวอธิบายไม่เคลียร์ ภาพพจน์โปลิศไทยพัง
    .
    กลายเป็นเรื่องอลหม่านที่ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมาแล้วสำหรับกรณีที่ 'ทนายแจม' ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์พร้อมภาพประกาศข้อความภาษาจีน ลักษณะเป็นการเปิดรับสมัครคนจีนมาอบรม ‘อาสาตำรวจคนจีน’ อ้างต้นสังกัดทั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย มีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาท
    .
    ภาพที่ปรากฏออกมามีการอ้างว่าเป็นการดำเนินการของ Dr. Zhang Li ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ถ้าเป็นการอบรมให้ความรู้ทั่วไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่นี่มีข้อมูลออกมาว่ามีการแจกใบประกาศและป้ายห้อยคอที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับผู้สำเร็จการอบรม ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้
    .
    พอเรื่องเริ่มแดงขึ้นมาแทนที่สังคมจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ มหาวิทยาลัยสยาม แต่กลับปรากฏว่าแต่ละฝ่ายเลือกที่จะตอบคำถามแบบไม่ตอบคำถามที่ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น
    .
    สำนักตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาอ้างแค่ว่าได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรเท่านั้น ซึ่งการระบุในทำนองนี้แม้จะเป็นการทำให้ปัญหาถูกปัดพ้นตัวออกไป แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมอบใบประกาศและป้ายห้อยคอเช่นนั้น
    .
    พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ชี้แจงว่า"เบื้องต้น ได้เห็นพยานหลักฐาน เป็นจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัย ฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยสยาม เขาขอความอนุเคราะห์วิทยากรพิเศษไปบรรยาย จึงได้ส่งรองผู้กำกับสืบสวนไปบรรยาย และ ปรากฏตามสื่อ ไปบรรยาย เข้ารับการอบรมจริง แต่ไม่ทราบว่ากี่วัน เบื้องต้นไปบรรยายเพียง 1 วัน"
    .
    ขณะที่ ในฝั่งของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสยามเองก็ยังไม่ให้ความชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางรายออกมาระบุว่าไม่ได้มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรม หรือแม้แต่อำนาจหน้าที่ของDr. Zhang Li ภายในมหาวิทยาลัยสยามนั้นก็ยังเป็นประเด็นที่ผู้บริหารก็ออกมายืนยันว่าไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติแต่อย่างใด และที่สำคัญมหาวิทยาลัยสยามเองอาจถูกนำชื่อไปแอบอ้างหรือไม่ ภายหลังพบว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเขียนขื่อว่าของมหาวิทยาลัยสยามเป็น 'มหาลัยสยาม' ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทย
    .
    ประเด็นใหญ่และสำคัญของเรื่องนี้ คือ ข้อห่วงกังวลที่ว่าจะมีการนำเอาใบประกาศหรือตราสัญลักษณ์ของทางราชการนี้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบหรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการก่ออาชญากรรมหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ เป็นเพราะต่างทราบกันดีว่าปัจจุบันมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินทางมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจ หรือ นักศึกษาตามโครงการต่างๆของสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนจีนแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ รวมไปถึงการตั้งตัวเป็นมาเฟียเสียเองเพื่อประทุษร้ายคนจีนในประเทศไทย หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า 'แก๊งจีนเทา' หลายกรณีตำรวจไทยก็ตามจับได้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่ตำรวจไทยยังตามไม่ถึงต้นตอ
    .
    ดังนั้น การอบรมในลักษณะนี้ อาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้มีการแอบอ้างเอาชื่อของหน่วยงานภาครัฐของไทยไปกระทำความผิดตามกฎหมายอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับเหยื่อที่คนจีนที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของขบวนการนอกกฎหมายเท่าใดนัก
    .
    ประเทศไทยกำลังเดินไปได้สวยในฐานะเป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อย่าให้ภาพลักษณ์ที่ดีต้องเสียไปเพราะการกระทำในลักษณะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในเบื้องต้นที่จะทำได้ในเวลานี้ คือ การที่ทุกฝ่ายออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจน เพื่อปิดโอกาสของผู้ไม่หวังดีนำเรื่องนี้ไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดต่อไป
    ..........
    Sondhi X
    อบรมอาสาตำรวจจีน ฉาวอธิบายไม่เคลียร์ ภาพพจน์โปลิศไทยพัง . กลายเป็นเรื่องอลหม่านที่ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมาแล้วสำหรับกรณีที่ 'ทนายแจม' ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์พร้อมภาพประกาศข้อความภาษาจีน ลักษณะเป็นการเปิดรับสมัครคนจีนมาอบรม ‘อาสาตำรวจคนจีน’ อ้างต้นสังกัดทั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย มีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาท . ภาพที่ปรากฏออกมามีการอ้างว่าเป็นการดำเนินการของ Dr. Zhang Li ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ถ้าเป็นการอบรมให้ความรู้ทั่วไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่นี่มีข้อมูลออกมาว่ามีการแจกใบประกาศและป้ายห้อยคอที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับผู้สำเร็จการอบรม ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้ . พอเรื่องเริ่มแดงขึ้นมาแทนที่สังคมจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ มหาวิทยาลัยสยาม แต่กลับปรากฏว่าแต่ละฝ่ายเลือกที่จะตอบคำถามแบบไม่ตอบคำถามที่ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น . สำนักตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาอ้างแค่ว่าได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรเท่านั้น ซึ่งการระบุในทำนองนี้แม้จะเป็นการทำให้ปัญหาถูกปัดพ้นตัวออกไป แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมอบใบประกาศและป้ายห้อยคอเช่นนั้น . พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ชี้แจงว่า"เบื้องต้น ได้เห็นพยานหลักฐาน เป็นจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัย ฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยสยาม เขาขอความอนุเคราะห์วิทยากรพิเศษไปบรรยาย จึงได้ส่งรองผู้กำกับสืบสวนไปบรรยาย และ ปรากฏตามสื่อ ไปบรรยาย เข้ารับการอบรมจริง แต่ไม่ทราบว่ากี่วัน เบื้องต้นไปบรรยายเพียง 1 วัน" . ขณะที่ ในฝั่งของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสยามเองก็ยังไม่ให้ความชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางรายออกมาระบุว่าไม่ได้มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรม หรือแม้แต่อำนาจหน้าที่ของDr. Zhang Li ภายในมหาวิทยาลัยสยามนั้นก็ยังเป็นประเด็นที่ผู้บริหารก็ออกมายืนยันว่าไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติแต่อย่างใด และที่สำคัญมหาวิทยาลัยสยามเองอาจถูกนำชื่อไปแอบอ้างหรือไม่ ภายหลังพบว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเขียนขื่อว่าของมหาวิทยาลัยสยามเป็น 'มหาลัยสยาม' ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทย . ประเด็นใหญ่และสำคัญของเรื่องนี้ คือ ข้อห่วงกังวลที่ว่าจะมีการนำเอาใบประกาศหรือตราสัญลักษณ์ของทางราชการนี้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบหรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ . ทั้งนี้ เป็นเพราะต่างทราบกันดีว่าปัจจุบันมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินทางมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจ หรือ นักศึกษาตามโครงการต่างๆของสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนจีนแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ รวมไปถึงการตั้งตัวเป็นมาเฟียเสียเองเพื่อประทุษร้ายคนจีนในประเทศไทย หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า 'แก๊งจีนเทา' หลายกรณีตำรวจไทยก็ตามจับได้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่ตำรวจไทยยังตามไม่ถึงต้นตอ . ดังนั้น การอบรมในลักษณะนี้ อาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้มีการแอบอ้างเอาชื่อของหน่วยงานภาครัฐของไทยไปกระทำความผิดตามกฎหมายอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับเหยื่อที่คนจีนที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของขบวนการนอกกฎหมายเท่าใดนัก . ประเทศไทยกำลังเดินไปได้สวยในฐานะเป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อย่าให้ภาพลักษณ์ที่ดีต้องเสียไปเพราะการกระทำในลักษณะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในเบื้องต้นที่จะทำได้ในเวลานี้ คือ การที่ทุกฝ่ายออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจน เพื่อปิดโอกาสของผู้ไม่หวังดีนำเรื่องนี้ไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดต่อไป .......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1565 มุมมอง 1 รีวิว
  • เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว
    .
    ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์
    .
    เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก
    .
    ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง
    .
    ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย
    .
    ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก
    .
    สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก
    .
    ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า
    .
    ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม
    .
    คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว . ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์ . เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก . ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง . ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย . ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก . สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก . ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า . ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม . คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1101 มุมมอง 0 รีวิว