• "โถ..น่าสงสาร! ไม่มีใครอยากให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้"

    สหรัฐฯ เยอรมนี ฮังการี และสโลวาเกีย ต่อต้านยูเครนเข้านาโต้
    ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยลักเซมเบิร์กก็เคยออกมาพูด ต่อมาสื่อก็เขียนว่าเบลเยียม สโลวีเนีย และสเปนก็คัดค้านเช่นกัน
    "โถ..น่าสงสาร! ไม่มีใครอยากให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้" สหรัฐฯ เยอรมนี ฮังการี และสโลวาเกีย ต่อต้านยูเครนเข้านาโต้ ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยลักเซมเบิร์กก็เคยออกมาพูด ต่อมาสื่อก็เขียนว่าเบลเยียม สโลวีเนีย และสเปนก็คัดค้านเช่นกัน
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท)

    ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์

    รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด

    ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

    สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม

    ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่”

    นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ”
    ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด

    ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ

    “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ

    ที่มา ข่าวสด
    ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท) ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์ รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่” นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ” ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ ที่มา ข่าวสด
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายในวันสุดท้ายของปี 2024 ฮิลด์ โดโซจ์น สาวใหญ่วัย 55 ปีชาวเบลเยียม ประสบความสำเร็จในการทำสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุบสถิติโลก ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่งมาราธอนทุกวันของปีนี้ รวมแล้วเป็นระยะทางราว 15,400 กิโลเมตร หรือเฉลี่ยแล้ว 42 กิโลเมตรต่อวัน

    โดโซจ์น อยู่ในสภาพเหน็ดเหนื่อยแต่ยังไม่ถึงขั้นหมดแรง จากการวิ่งมาราธอนอย่างไม่ลดละ เธอวิ่งฝ่าอากาศหนาวเย็น แสงสลัวๆ เข้าสู่เส้นชัย ท่ามกลางเพื่อนพวกนักวิ่งรวมถึงคนอื่นๆ ที่มายืนต่อแถวร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้

    "ฉันยินดีที่มันถึงจุดสิ้นสุดแล้ว" เธอกล่าวหลังวิ่งผ่านเส้นชัยเมื่อวันอังคาร (31 ธ.ค.) ทั้งนี้นอกเหนือรางวัลแห่งความพากเพียรในฐานะเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่งมาราธอนทุกวันในปีนี้ คิดเป็นระยะทางอย่างน้อย 15,444 กิโลเมตรในปีเดียว ภารกิจครั้งนี้ของเธอยังช่วยระดมทุนได้ราว 60,000 ยูโร สำหรับมอบแก่โครงการวิจัยมะเร็งเต้านม

    เวลานี้จะขึ้นอยู่กับหลักฐานข้อมูลจีพีเอส ภาพถ่ายและวิดีโอ รวมถึงรายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระ ที่เธอรวบรวมในทุกๆ วัน ว่าตรงตามข้อกำหนดขององค์กรกินเนสส์ เวิลด์เรคอร์ดหรือไม่ และถ้าได้รับการรับรอง สถิตินี้ของเธอน่าจะถูกจารึกอย่างเป็นทางการในอีกราว 3 เดือน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9680000000021

    #MGROnline #ชาวเบลเยียม #วันสุดท้ายของปี2024 #วิ่งมาราธอนทุกวัน
    สุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายในวันสุดท้ายของปี 2024 ฮิลด์ โดโซจ์น สาวใหญ่วัย 55 ปีชาวเบลเยียม ประสบความสำเร็จในการทำสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุบสถิติโลก ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่งมาราธอนทุกวันของปีนี้ รวมแล้วเป็นระยะทางราว 15,400 กิโลเมตร หรือเฉลี่ยแล้ว 42 กิโลเมตรต่อวัน • โดโซจ์น อยู่ในสภาพเหน็ดเหนื่อยแต่ยังไม่ถึงขั้นหมดแรง จากการวิ่งมาราธอนอย่างไม่ลดละ เธอวิ่งฝ่าอากาศหนาวเย็น แสงสลัวๆ เข้าสู่เส้นชัย ท่ามกลางเพื่อนพวกนักวิ่งรวมถึงคนอื่นๆ ที่มายืนต่อแถวร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ • "ฉันยินดีที่มันถึงจุดสิ้นสุดแล้ว" เธอกล่าวหลังวิ่งผ่านเส้นชัยเมื่อวันอังคาร (31 ธ.ค.) ทั้งนี้นอกเหนือรางวัลแห่งความพากเพียรในฐานะเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่งมาราธอนทุกวันในปีนี้ คิดเป็นระยะทางอย่างน้อย 15,444 กิโลเมตรในปีเดียว ภารกิจครั้งนี้ของเธอยังช่วยระดมทุนได้ราว 60,000 ยูโร สำหรับมอบแก่โครงการวิจัยมะเร็งเต้านม • เวลานี้จะขึ้นอยู่กับหลักฐานข้อมูลจีพีเอส ภาพถ่ายและวิดีโอ รวมถึงรายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระ ที่เธอรวบรวมในทุกๆ วัน ว่าตรงตามข้อกำหนดขององค์กรกินเนสส์ เวิลด์เรคอร์ดหรือไม่ และถ้าได้รับการรับรอง สถิตินี้ของเธอน่าจะถูกจารึกอย่างเป็นทางการในอีกราว 3 เดือน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000000021 • #MGROnline #ชาวเบลเยียม #วันสุดท้ายของปี2024 #วิ่งมาราธอนทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีปูตินลงนาม "ถอนตัว" จากข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคี (MNEPR)

    ข้อตกลงและพิธีสารว่าด้วยโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคีในสหพันธรัฐรัสเซีย (MNEPR - Multilateral Nuclear Environmental Programme in the Russian Federation) ซึ่งลงนามโดยประเทศสมาชิก OECD หลายประเทศและสหพันธรัฐรัสเซียในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 (2003)

    โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมเและอำนวยความสะดวกในการร่วมมือและความช่วยเหลือแก่สหพันธรัฐรัสเซียในด้านความปลอดภัยของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการจัดการขยะกัมมันตภาพรังสี

    ซึ่งครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยและการทำความสะอาดสถานที่จัดเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการรื้อถอนเรือดำน้ำนิวเคลียร์เก่าที่ปลดประจำการ

    แต่คาดว่าการที่ปูตินถอนตัวออกจากข้อตกลง MNEPR นี้ เนื่องจากเงื่อนไขบางส่วนระบุไว้ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย และการชดใช้ค่าเสียหายตามข้อตกลง MNEPR ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงการยกระดับด้านอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียไปอีกขั้น

    ผู้ลงนามในข้อตกลงเมื่อปี 2546 (2003) ได้แก่ เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหพันธรัฐรัสเซีย สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป
    ประธานาธิบดีปูตินลงนาม "ถอนตัว" จากข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคี (MNEPR) ข้อตกลงและพิธีสารว่าด้วยโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคีในสหพันธรัฐรัสเซีย (MNEPR - Multilateral Nuclear Environmental Programme in the Russian Federation) ซึ่งลงนามโดยประเทศสมาชิก OECD หลายประเทศและสหพันธรัฐรัสเซียในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 (2003) โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมเและอำนวยความสะดวกในการร่วมมือและความช่วยเหลือแก่สหพันธรัฐรัสเซียในด้านความปลอดภัยของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการจัดการขยะกัมมันตภาพรังสี ซึ่งครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยและการทำความสะอาดสถานที่จัดเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการรื้อถอนเรือดำน้ำนิวเคลียร์เก่าที่ปลดประจำการ แต่คาดว่าการที่ปูตินถอนตัวออกจากข้อตกลง MNEPR นี้ เนื่องจากเงื่อนไขบางส่วนระบุไว้ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย และการชดใช้ค่าเสียหายตามข้อตกลง MNEPR ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงการยกระดับด้านอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียไปอีกขั้น ผู้ลงนามในข้อตกลงเมื่อปี 2546 (2003) ได้แก่ เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหพันธรัฐรัสเซีย สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียกล่าวหาเซเลนสกีพยายามติดสินบนด้วยเงิน 500 ล้านยูโร (ราว 18,000 ล้านบาท) จากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ เพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาที่จะสนับสนุนเคียฟเข้าเป็นสมาชิกนาโต

    ฟิโกปฏิเสธและกล่าวว่าสโลวาเกียจะไม่มีวันทำเรื่องน่าละอายนี้ เขาออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่นานหลังจากประชุมลับกับ เซเลนสกี รอบนอกการประชุมซัมมิตผู้นำอียู
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียกล่าวหาเซเลนสกีพยายามติดสินบนด้วยเงิน 500 ล้านยูโร (ราว 18,000 ล้านบาท) จากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ เพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาที่จะสนับสนุนเคียฟเข้าเป็นสมาชิกนาโต ฟิโกปฏิเสธและกล่าวว่าสโลวาเกียจะไม่มีวันทำเรื่องน่าละอายนี้ เขาออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่นานหลังจากประชุมลับกับ เซเลนสกี รอบนอกการประชุมซัมมิตผู้นำอียู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย กล่าวหา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน พยายามติดสินบนเขากว่า 500 ล้านยูโร (ราว 18,000 ล้านบาท) แลกกับคำมั่นสัญญาของบราติสลาวา ที่จะสนับสนุนเคียฟเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
    .
    ฟิโก ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่นานหลังจากประชุมลับกับ เซเลนสกี รอบนอกการประชุมซัมมิตผู้นำอียู
    .
    ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีรายนี้บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า สโลวะเกียอาจพิจารณาใช้มาตรการยื่นหมูยื่นแมว หลังจากยูเครนปฏิเสธขยายกรอบเวลาข้อตกลงส่งต่อก๊าซธรรมชาติกับรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดหมดอายุลงในช่วงสิ้นปี
    .
    ด้วยที่ยูเครนหยิบยกความขัดแย้งกับรัสเซียที่กำลังดำเนินอยู่เป็นข้ออ้าง มันจึงก่อความกังวลแก่สโลวะเกีย ชาติที่ต้องพึ่งพิงอุปทานก๊าซธรรมชาติของรัสเซียที่ส่งผ่านทางยูเครน ในขณะที่ ฟิโก เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีทางออกอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ
    .
    เขาเล่าว่าระหว่างการพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีนั้น ทางผู้นำยูเครนส่งเสียงแข็งกร้าวไม่อนุญาตให้ส่งผ่านพลังงาน พร้อมกับยื่นข้อเสนออันไร้สาระสำหรับทางออกในประเด็นก๊าซ
    .
    นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย อ้างว่านอกเหนือจากสิ่งอื่นๆ แล้ว เซเลนสกี "ยังถามผมว่า ผมจะโหวตการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนหรือไม่ ถ้าเขามอบเงิน 500 ล้านดอลลาร์แก่ผม ด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดในตะวันตก" ตามหลังความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟปะทุขึ้น
    .
    ฟิโก เผยต่อ เขาตอบผู้นำยูเครนกลับไปตรงๆ ว่า เขาจะไม่มีวันตอบตกลงข้อเสนอลักษณะดังกล่าว "คุณรู้ดีเกี่ยวกับความเห็นของผมในเรื่องสถานภาพสมาชิกของยูเครนในนาโต และมันแปลกๆ ที่เขาถามผมด้วยคำถามดังกล่าว เพราะเขารู้เป็นอย่างดีว่า คำเชิญยูเครนเข้าร่วมนาโต ไม่มีทางเป็นจริงโดยสิ้นเชิง"
    .
    อาร์ทีออม โดมิทรูค ส.ส.ฝ่ายค้านของยูเครน ซึ่งมีข่าวว่าได้หลบหนีออกนอกระเทศเมื่อช่วงกลางปี สืบเนื่องจากความหวั่นกลัวถูกตามประหัตประหาร แสดงความเห็นว่า เป็นอีกครั้งที่ เซเลนสกี สร้างความเสื่อมเสียแก่ยูเครนต่อหน้าคนทั้งโลก ด้วยพยายามติดสินบนฟิโก
    .
    "ผมเชื่อว่าการพูดคุยอาจไม่ใช่แค่เงินจากทรัพย์สินของรัสเซีย แต่มันอาจเป็นเงินสดที่เซเลนสีเก็บกวาดเข้ากระเป๋า" โดมิทรูค เขียนบนเทเลแกรมในวันศกร์ (20 ธ.ค.)
    .
    มอสโก ซึ่งมองนาโตในฐานะศัตรู และส่งเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวในการแผ่ขยายเขตแดนมาทางตะวันออก หยิบยกความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเคียฟ ในการเข้าร่วมกลุ่มที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการเปิดปฏิบัติการทางทหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    อย่างไรก็ตาม เคียฟ ยืนกรานถึงความปรารถนาเข้าเป็นสมาชิกนาโตตลอดความขัดแย้งที่ผ่านมา อ้างว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะป้องปรามรัสเซีย ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม เซเลนสกี บอกว่าเขาจะร้องขอประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้ออกคำเชิญเคียฟเข้าร่วมกลุ่มนาโตอย่างเป็นทางการ ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ในขณะที่ ทรัมป์ แสดงความคลางแคลงใจมาตลอดเกี่ยวกับความช่วยเหลือของอเมริกาที่มอบให้แก่ยูเครน
    .
    หนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศส รายงานว่าไม่ใช่แค่สโลวะเกียเท่านั้น แต่รัฐสมาชิกอื่นๆ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ เยอรมนี ฮังการี เบลเยียม สโลวีเนีย และสเปน ปัจจุบันก็คัดค้านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย กล่าวหา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน พยายามติดสินบนเขากว่า 500 ล้านยูโร (ราว 18,000 ล้านบาท) แลกกับคำมั่นสัญญาของบราติสลาวา ที่จะสนับสนุนเคียฟเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) . ฟิโก ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่นานหลังจากประชุมลับกับ เซเลนสกี รอบนอกการประชุมซัมมิตผู้นำอียู . ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีรายนี้บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า สโลวะเกียอาจพิจารณาใช้มาตรการยื่นหมูยื่นแมว หลังจากยูเครนปฏิเสธขยายกรอบเวลาข้อตกลงส่งต่อก๊าซธรรมชาติกับรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดหมดอายุลงในช่วงสิ้นปี . ด้วยที่ยูเครนหยิบยกความขัดแย้งกับรัสเซียที่กำลังดำเนินอยู่เป็นข้ออ้าง มันจึงก่อความกังวลแก่สโลวะเกีย ชาติที่ต้องพึ่งพิงอุปทานก๊าซธรรมชาติของรัสเซียที่ส่งผ่านทางยูเครน ในขณะที่ ฟิโก เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีทางออกอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ . เขาเล่าว่าระหว่างการพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีนั้น ทางผู้นำยูเครนส่งเสียงแข็งกร้าวไม่อนุญาตให้ส่งผ่านพลังงาน พร้อมกับยื่นข้อเสนออันไร้สาระสำหรับทางออกในประเด็นก๊าซ . นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย อ้างว่านอกเหนือจากสิ่งอื่นๆ แล้ว เซเลนสกี "ยังถามผมว่า ผมจะโหวตการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนหรือไม่ ถ้าเขามอบเงิน 500 ล้านดอลลาร์แก่ผม ด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดในตะวันตก" ตามหลังความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟปะทุขึ้น . ฟิโก เผยต่อ เขาตอบผู้นำยูเครนกลับไปตรงๆ ว่า เขาจะไม่มีวันตอบตกลงข้อเสนอลักษณะดังกล่าว "คุณรู้ดีเกี่ยวกับความเห็นของผมในเรื่องสถานภาพสมาชิกของยูเครนในนาโต และมันแปลกๆ ที่เขาถามผมด้วยคำถามดังกล่าว เพราะเขารู้เป็นอย่างดีว่า คำเชิญยูเครนเข้าร่วมนาโต ไม่มีทางเป็นจริงโดยสิ้นเชิง" . อาร์ทีออม โดมิทรูค ส.ส.ฝ่ายค้านของยูเครน ซึ่งมีข่าวว่าได้หลบหนีออกนอกระเทศเมื่อช่วงกลางปี สืบเนื่องจากความหวั่นกลัวถูกตามประหัตประหาร แสดงความเห็นว่า เป็นอีกครั้งที่ เซเลนสกี สร้างความเสื่อมเสียแก่ยูเครนต่อหน้าคนทั้งโลก ด้วยพยายามติดสินบนฟิโก . "ผมเชื่อว่าการพูดคุยอาจไม่ใช่แค่เงินจากทรัพย์สินของรัสเซีย แต่มันอาจเป็นเงินสดที่เซเลนสีเก็บกวาดเข้ากระเป๋า" โดมิทรูค เขียนบนเทเลแกรมในวันศกร์ (20 ธ.ค.) . มอสโก ซึ่งมองนาโตในฐานะศัตรู และส่งเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวในการแผ่ขยายเขตแดนมาทางตะวันออก หยิบยกความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเคียฟ ในการเข้าร่วมกลุ่มที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการเปิดปฏิบัติการทางทหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . อย่างไรก็ตาม เคียฟ ยืนกรานถึงความปรารถนาเข้าเป็นสมาชิกนาโตตลอดความขัดแย้งที่ผ่านมา อ้างว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะป้องปรามรัสเซีย ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม เซเลนสกี บอกว่าเขาจะร้องขอประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้ออกคำเชิญเคียฟเข้าร่วมกลุ่มนาโตอย่างเป็นทางการ ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ในขณะที่ ทรัมป์ แสดงความคลางแคลงใจมาตลอดเกี่ยวกับความช่วยเหลือของอเมริกาที่มอบให้แก่ยูเครน . หนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศส รายงานว่าไม่ใช่แค่สโลวะเกียเท่านั้น แต่รัฐสมาชิกอื่นๆ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ เยอรมนี ฮังการี เบลเยียม สโลวีเนีย และสเปน ปัจจุบันก็คัดค้านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 649 มุมมอง 0 รีวิว
  • (๖/๖) 🇪🇺สหภาพยุโรป

    🟥นักล็อบบี้ชาวเบลเยียม เฟรเดอริก บัลดาน กล่าวหาประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน ว่าทุจริตและสมคบคิดกับบริษัทไฟเซอร์ในหนังสือของเขาเรื่อง "Ursula Gate: Compromise by Lobbies"

    🟥ความพยายามที่จะให้เธอรับผิดชอบถูกขัดขวางด้วยการปฏิเสธของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่จะเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง
    .
    (6/6) 🇪🇺EUROPEAN UNION

    🟥Belgian lobbyist Frédéric Baldan has accused European Commission President Ursula von der Leyen of corruption and collusion with Pfizer in his book "Ursula Gate: Compromise by Lobbies."

    🟥Efforts to hold her accountable have been thwarted by the EC's refusal to disclose details of the controversial deal.
    .
    9:20 PM · Dec 4, 2024 · 4,286 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1864313773223248028
    (๖/๖) 🇪🇺สหภาพยุโรป 🟥นักล็อบบี้ชาวเบลเยียม เฟรเดอริก บัลดาน กล่าวหาประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน ว่าทุจริตและสมคบคิดกับบริษัทไฟเซอร์ในหนังสือของเขาเรื่อง "Ursula Gate: Compromise by Lobbies" 🟥ความพยายามที่จะให้เธอรับผิดชอบถูกขัดขวางด้วยการปฏิเสธของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่จะเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง . (6/6) 🇪🇺EUROPEAN UNION 🟥Belgian lobbyist Frédéric Baldan has accused European Commission President Ursula von der Leyen of corruption and collusion with Pfizer in his book "Ursula Gate: Compromise by Lobbies." 🟥Efforts to hold her accountable have been thwarted by the EC's refusal to disclose details of the controversial deal. . 9:20 PM · Dec 4, 2024 · 4,286 Views https://x.com/SputnikInt/status/1864313773223248028
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้
    .
    แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต
    .
    ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก
    .
    ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว"
    .
    ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์
    .
    พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล
    .
    คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ
    .
    "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ
    .
    เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน"
    .
    ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ
    .
    รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์
    .
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน"
    .
    ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน
    .............
    Sondhi X
    ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต . ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้ . แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต . ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก . ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว" . ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์ . พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล . คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ . "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ . อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ . เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน" . ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ . รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์ . แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน" . ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 813 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พวกเยอะกว่า!?!"
    นาโต้ประกาศพร้อมสำหรับการทำสงครามตลอดเวลา

    คณะกรรมการทหารของนาโต้ประชุมกันที่ศูนย์บัญชาการการรบทางยุทธศาสตร์ของนาโต้ที่เมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อเสริมแผนการป้องกันร่วมกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคาม เช่น "รัสเซีย" และการก่อการร้าย

    พลเอกคริสโตเฟอร์ คาโวลี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของนาโต้ฝ่ายพันธมิตร เน้นย้ำถึงความสามัคคีที่เพิ่มขึ้นในปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ กล่าวสนับสนุนว่า "ความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เราต้องพร้อมเสมอ"
    "พวกเยอะกว่า!?!" นาโต้ประกาศพร้อมสำหรับการทำสงครามตลอดเวลา คณะกรรมการทหารของนาโต้ประชุมกันที่ศูนย์บัญชาการการรบทางยุทธศาสตร์ของนาโต้ที่เมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อเสริมแผนการป้องกันร่วมกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคาม เช่น "รัสเซีย" และการก่อการร้าย พลเอกคริสโตเฟอร์ คาโวลี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของนาโต้ฝ่ายพันธมิตร เน้นย้ำถึงความสามัคคีที่เพิ่มขึ้นในปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่พลเรือเอกร็อบ บาวเออร์ กล่าวสนับสนุนว่า "ความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เราต้องพร้อมเสมอ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่แคนาดา ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าพวกเขาพร้อมจับกุมเนทันยาฮู หากเขาเดินทางเข้ามาในเขตดินแดนเหล่านี้

    "ยกเว้น" สหรัฐอเมริกาที่ยืนยันอย่างแน่วแน่ถึงการปฏิเสธจับกัมเนทันยาฮู "เราปฏิเสธ เพราะเรามีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้"
    ในขณะที่แคนาดา ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าพวกเขาพร้อมจับกุมเนทันยาฮู หากเขาเดินทางเข้ามาในเขตดินแดนเหล่านี้ "ยกเว้น" สหรัฐอเมริกาที่ยืนยันอย่างแน่วแน่ถึงการปฏิเสธจับกัมเนทันยาฮู "เราปฏิเสธ เพราะเรามีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 628 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงของรัสเซีย (IRBM) "Oreshnik" โดยอ้างอิงจากเศษชิ้นส่วนที่พบ อาจพัฒนามาจากขีปนาวุธ RS-26 Rubezh

    ค้นพบเอกสารการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2013 มีความเชื่อมโยงกับส่วนประกอบของขีปนาวุธ RS-26 "Rubezh" และ ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (Submarine-Launched Ballistic Missile - SLBM) S-30 "บูลาวา" (Bulava)

    เครื่องหมายจาก TsNIIAG ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสำคัญของรัสเซีย และบันทึกจากโรงงาน Votkinsk ซึ่งผลิตขีปนาวุธ Topol-M และ Yars

    ส่วนประกอบเฉพาะผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องจักร "Fehlmann Picomax 54" ที่มีความแม่นยำซึ่งผลิตในสวิส

    สอดคล้องกับเพนตากอนที่ยืนยันว่า "Oreshnik" พัฒนามาจากการออกแบบของขีปนาวุธ RS-26 เป็นส่วนใหญ่

    ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น

    ระยะเวลาบินถึงเป้าหมายประเทศนาโต้ของขีปนาวุธ Oreshnik:
    ■ อังกฤษ - 19 นาที
    ■ โปแลนด์ - 8 นาที
    ■ เบลเยียม - 14 นาที
    ■ เยอรมนี - 11 นาที

    วิดีโอ1 - แสดงภาพเปรียบเทียบความเร็วประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อวินาที
    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงของรัสเซีย (IRBM) "Oreshnik" โดยอ้างอิงจากเศษชิ้นส่วนที่พบ อาจพัฒนามาจากขีปนาวุธ RS-26 Rubezh ค้นพบเอกสารการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2013 มีความเชื่อมโยงกับส่วนประกอบของขีปนาวุธ RS-26 "Rubezh" และ ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (Submarine-Launched Ballistic Missile - SLBM) S-30 "บูลาวา" (Bulava) เครื่องหมายจาก TsNIIAG ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสำคัญของรัสเซีย และบันทึกจากโรงงาน Votkinsk ซึ่งผลิตขีปนาวุธ Topol-M และ Yars ส่วนประกอบเฉพาะผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องจักร "Fehlmann Picomax 54" ที่มีความแม่นยำซึ่งผลิตในสวิส สอดคล้องกับเพนตากอนที่ยืนยันว่า "Oreshnik" พัฒนามาจากการออกแบบของขีปนาวุธ RS-26 เป็นส่วนใหญ่ ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น ระยะเวลาบินถึงเป้าหมายประเทศนาโต้ของขีปนาวุธ Oreshnik: ■ อังกฤษ - 19 นาที ■ โปแลนด์ - 8 นาที ■ เบลเยียม - 14 นาที ■ เยอรมนี - 11 นาที วิดีโอ1 - แสดงภาพเปรียบเทียบความเร็วประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อวินาที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 การปฏิวัติเพื่อมนุษยชาติ 🇮🇷

    การปฏิวัติที่เป็นแบบอย่างให้กับแกนต่อต้านการกดขี่ทั่วโลก

    ผลของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อการเมืองระดับโลก......

    เหตุใดการปฏิวัติอิสลามจึงมีความสำคัญ ?

    และส่งผลกระทบต่อการเมืองระดับโลกอย่างไร ?

    เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นส่วนใหญ่ส่งผลกระทบเพียงชั่วครู่ชั่วคราวต่อโลก เนื่องมาจากมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นพร้อมกันมากเกินไป บางอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว และความอดอยาก ในขณะที่บางอย่างเกิดจากฝีมือมนุษย์

    สงครามเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ความตาย การทำลายล้าง การอพยพผู้คน และความอดอยาก อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสังคม

    การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังไม่ค่อยมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างเหมาะสม สาเหตุมาจากการต่อต้านและการโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบที่เกิดขึ้นในหมู่จักรวรรดินิยมและไซออนิสต์

    การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แตกต่างจากขบวนการเสรีภาพในช่วงก่อนๆ ที่เพียงแค่โอนอำนาจจากนักล่าอาณานิคมยุโรปไปยังหุ่นเชิดของพวกเขาในสังคมท้องถิ่น การปฏิวัติอิสลามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคม

    ระเบียบโลกในยุคปัจจุบันถูกกำหนดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามอันเลวร้ายนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน โดยที่สหภาพโซเวียตมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุด

    สงครามดังกล่าวได้ทำลายล้างยุโรปไปเป็นจำนวนมาก มหาอำนาจอาณานิคมอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และแม้แต่เบลเยียมซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ต่างก็หมดอำนาจไป มหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงดำรงอยู่คือสหรัฐอเมริกา

    มหาอำนาจยุโรปจำเป็นต้องสละการครอบครองอาณานิคมในเอเชียและแอฟริกา เนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆก็คือ พวกเขาถูกเปลี่ยนมือจากการควบคุมของนักล่าอาณานิคมชาวยุโรปไปอยู่ในมือของลุงแซม ซึ่งกลายเป็นผู้โหดร้ายยิ่งกว่าในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของพวกเขา

    ฐานทัพทหารสหรัฐฯ จำนวนมากรอบอ่าวเปอร์เซียและภูมิภาคเอเชียตะวันตกเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่โลภมากของอเมริกา

    สหภาพโซเวียตได้ดำเนินตามแนวทางที่แตกต่างจากแนวทางของตะวันตกโดยรวมที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แต่แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็เป็นผลผลิตของความคิดทางการเมืองของตะวันตกเช่นกัน ดังนั้น จึงเกิดขั้วตรงข้ามสองขั้วจากรากฐานเดียวกัน ซึ่งประเทศต่างๆ ต่างมาบรรจบกัน

    สิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านก็คือการหลุดพ้นจากการควบคุมของกลุ่มประเทศที่มีอำนาจในโลกตะวันตก นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าร่วมโดยทันทีกับกลุ่มที่นำโดยสหภาพโซเวียตเหมือนที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ

    อิหร่านหวนคืนสู่รากเหง้าของตนเองนั่นคืออิสลาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมากระหว่างมหาอำนาจทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก

    ไม่นานหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน อิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ออกคำประกาศสองประการที่สั่นสะเทือนโลก

    ประการแรก มุสลิมต้องสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและเป็นกิบลัตแรกของมุสลิม ซึ่งประการแรกนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าทายโดยตรงต่อกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานที่เป็นอาณานิคมไซออนิสต์

    ประการที่สอง การส่งออกการปฏิวัติอิสลามไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบอบการปกครองบนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวเปอร์เซีย

    แนวคิดในการส่งออกการปฏิวัติถูกเข้าใจผิดโดยระบอบการปกครองเหล่านี้ พวกเขาคิดว่ากองกำลังปฏิวัติของอิหร่านจะไหลบ่าข้ามพรมแดนและเข้ายึดครองอาณาจักรที่สั่นคลอนของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    ในหลายสิบปีที่ผ่านมา การส่งออกการปฏิวัติหมายถึงการส่งออกแนวคิดและได้รับการนำไปใช้โดยผู้คนในสังคมนั้นๆ

    รัฐบาลอาหรับซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจจักรวรรดินิยม ได้เปิดฉากสงครามอันเลวร้ายต่อสาธารณรัฐอิสลามโดยระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เป้าหมายของมันคือการทำลายสาธารณรัฐอิสลาม !!!

    หลังจากนั้นไม่นาน สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ก็ถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของชาติตะวันตก และด้วยจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงเพื่อทำลายสาธารณรัฐอิสลามผ่านสงครามเศรษฐกิจ

    แปดปีที่สาธารณรัฐอิสลาม ผู้นำการปฏิวัติและประชาชนของสาธารณรัฐอิสลามสามารถต้านทานการโจมตีจากนานาชาติได้เพียงลำพัง พวกเขาได้ปกป้องดินแดนทุกตารางนิ้วและป้องกันการปฏิวัติด้วยการเสียสละอย่างมากมาย การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ปลูกฝังความกลัวให้กับศัตรูจนไม่กล้าที่จะรุกรานสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านด้วยกองกำลังภาคพื้นดินอีกเลย

    ประเด็นการส่งออกของการปฏิวัติอิสลาม การเคลื่อนไหวแรกๆเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือเลบานอน ซึ่งขบวนการฮิซบุลลอฮ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ยึดครองไซออนิสต์และสร้างความอัปยศให้กับไซออนิสต์อิสราเอลจนถึงทุกวันนี้

    แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านถูกส่งออกไปยังปาเลสไตน์ ซึ่งการต่อต้านในฉนวนกาซาก็เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติจากอิหร่าน แม้แต่นักวิจารณ์ชาวอิสราเอลหลายคนก็ยอมรับว่าอิสราเอลพ่ายแพ้ทางทหารต่อฮามาสและญิฮาดอิสลาม อิสราเอลได้สังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคนอย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนที่สุด

    พื้นที่ที่แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านแพร่หลายออกไป ได้แก่ อิรักและเยเมน ในซีเรีย กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC)มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้รัฐบาลในกรุงดามัสกัสล่มสลาย ซึ่งเผชิญกับแผนการสมคบคิดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไซออนิสต์ของสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียมานานกว่าสิบปี

    แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านได้แพร่กระจายไปถึงอเมริกาใต้ ไปถึงบริเวณหลังบ้านของสหรัฐฯ

    นับเป็นเวลากว่าศตวรรษแล้วที่สหรัฐฯ ได้รักษาอเมริกาใต้ไว้เป็นเขตอิทธิพลเฉพาะของตนในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากร

    ทุกวันนี้ หลายๆประเทศ เช่น เวเนซุเอลา นิการากัว และโบลิเวีย ได้หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของสหรัฐฯ และกำลังกำหนดเส้นทางอิสระ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมืออย่างแข็งขันของอิหร่าน

    การล่มสลายของระเบียบโลกขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติของอิหร่าน

    "สิ่งนี้บ่งชี้ว่า เมื่อมีผู้นำที่ จริงใจ ซื่อสัตย์ มีความมุ่งมั่นที่ยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมของศาสนาเป็นตัวตั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องน่าแปลก ที่คนจำนวนน้อยจะสามารถเอาชนะอำนาจแห่งการกดขี่ที่แม้จะติดอาวุธหนักเพียงใดได้"
    🇮🇷 การปฏิวัติเพื่อมนุษยชาติ 🇮🇷 การปฏิวัติที่เป็นแบบอย่างให้กับแกนต่อต้านการกดขี่ทั่วโลก ผลของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อการเมืองระดับโลก...... เหตุใดการปฏิวัติอิสลามจึงมีความสำคัญ ? และส่งผลกระทบต่อการเมืองระดับโลกอย่างไร ? เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นส่วนใหญ่ส่งผลกระทบเพียงชั่วครู่ชั่วคราวต่อโลก เนื่องมาจากมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นพร้อมกันมากเกินไป บางอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว และความอดอยาก ในขณะที่บางอย่างเกิดจากฝีมือมนุษย์ สงครามเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ความตาย การทำลายล้าง การอพยพผู้คน และความอดอยาก อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสังคม การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังไม่ค่อยมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างเหมาะสม สาเหตุมาจากการต่อต้านและการโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบที่เกิดขึ้นในหมู่จักรวรรดินิยมและไซออนิสต์ การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แตกต่างจากขบวนการเสรีภาพในช่วงก่อนๆ ที่เพียงแค่โอนอำนาจจากนักล่าอาณานิคมยุโรปไปยังหุ่นเชิดของพวกเขาในสังคมท้องถิ่น การปฏิวัติอิสลามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคม ระเบียบโลกในยุคปัจจุบันถูกกำหนดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามอันเลวร้ายนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน โดยที่สหภาพโซเวียตมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุด สงครามดังกล่าวได้ทำลายล้างยุโรปไปเป็นจำนวนมาก มหาอำนาจอาณานิคมอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และแม้แต่เบลเยียมซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ต่างก็หมดอำนาจไป มหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงดำรงอยู่คือสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจยุโรปจำเป็นต้องสละการครอบครองอาณานิคมในเอเชียและแอฟริกา เนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆก็คือ พวกเขาถูกเปลี่ยนมือจากการควบคุมของนักล่าอาณานิคมชาวยุโรปไปอยู่ในมือของลุงแซม ซึ่งกลายเป็นผู้โหดร้ายยิ่งกว่าในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของพวกเขา ฐานทัพทหารสหรัฐฯ จำนวนมากรอบอ่าวเปอร์เซียและภูมิภาคเอเชียตะวันตกเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่โลภมากของอเมริกา สหภาพโซเวียตได้ดำเนินตามแนวทางที่แตกต่างจากแนวทางของตะวันตกโดยรวมที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แต่แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็เป็นผลผลิตของความคิดทางการเมืองของตะวันตกเช่นกัน ดังนั้น จึงเกิดขั้วตรงข้ามสองขั้วจากรากฐานเดียวกัน ซึ่งประเทศต่างๆ ต่างมาบรรจบกัน สิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านก็คือการหลุดพ้นจากการควบคุมของกลุ่มประเทศที่มีอำนาจในโลกตะวันตก นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าร่วมโดยทันทีกับกลุ่มที่นำโดยสหภาพโซเวียตเหมือนที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ อิหร่านหวนคืนสู่รากเหง้าของตนเองนั่นคืออิสลาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมากระหว่างมหาอำนาจทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ไม่นานหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน อิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ออกคำประกาศสองประการที่สั่นสะเทือนโลก ประการแรก มุสลิมต้องสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและเป็นกิบลัตแรกของมุสลิม ซึ่งประการแรกนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าทายโดยตรงต่อกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานที่เป็นอาณานิคมไซออนิสต์ ประการที่สอง การส่งออกการปฏิวัติอิสลามไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบอบการปกครองบนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวเปอร์เซีย แนวคิดในการส่งออกการปฏิวัติถูกเข้าใจผิดโดยระบอบการปกครองเหล่านี้ พวกเขาคิดว่ากองกำลังปฏิวัติของอิหร่านจะไหลบ่าข้ามพรมแดนและเข้ายึดครองอาณาจักรที่สั่นคลอนของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในหลายสิบปีที่ผ่านมา การส่งออกการปฏิวัติหมายถึงการส่งออกแนวคิดและได้รับการนำไปใช้โดยผู้คนในสังคมนั้นๆ รัฐบาลอาหรับซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจจักรวรรดินิยม ได้เปิดฉากสงครามอันเลวร้ายต่อสาธารณรัฐอิสลามโดยระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เป้าหมายของมันคือการทำลายสาธารณรัฐอิสลาม !!! หลังจากนั้นไม่นาน สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ก็ถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของชาติตะวันตก และด้วยจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงเพื่อทำลายสาธารณรัฐอิสลามผ่านสงครามเศรษฐกิจ แปดปีที่สาธารณรัฐอิสลาม ผู้นำการปฏิวัติและประชาชนของสาธารณรัฐอิสลามสามารถต้านทานการโจมตีจากนานาชาติได้เพียงลำพัง พวกเขาได้ปกป้องดินแดนทุกตารางนิ้วและป้องกันการปฏิวัติด้วยการเสียสละอย่างมากมาย การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ปลูกฝังความกลัวให้กับศัตรูจนไม่กล้าที่จะรุกรานสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านด้วยกองกำลังภาคพื้นดินอีกเลย ประเด็นการส่งออกของการปฏิวัติอิสลาม การเคลื่อนไหวแรกๆเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือเลบานอน ซึ่งขบวนการฮิซบุลลอฮ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ยึดครองไซออนิสต์และสร้างความอัปยศให้กับไซออนิสต์อิสราเอลจนถึงทุกวันนี้ แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านถูกส่งออกไปยังปาเลสไตน์ ซึ่งการต่อต้านในฉนวนกาซาก็เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติจากอิหร่าน แม้แต่นักวิจารณ์ชาวอิสราเอลหลายคนก็ยอมรับว่าอิสราเอลพ่ายแพ้ทางทหารต่อฮามาสและญิฮาดอิสลาม อิสราเอลได้สังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคนอย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนที่สุด พื้นที่ที่แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านแพร่หลายออกไป ได้แก่ อิรักและเยเมน ในซีเรีย กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC)มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้รัฐบาลในกรุงดามัสกัสล่มสลาย ซึ่งเผชิญกับแผนการสมคบคิดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไซออนิสต์ของสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียมานานกว่าสิบปี แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านได้แพร่กระจายไปถึงอเมริกาใต้ ไปถึงบริเวณหลังบ้านของสหรัฐฯ นับเป็นเวลากว่าศตวรรษแล้วที่สหรัฐฯ ได้รักษาอเมริกาใต้ไว้เป็นเขตอิทธิพลเฉพาะของตนในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากร ทุกวันนี้ หลายๆประเทศ เช่น เวเนซุเอลา นิการากัว และโบลิเวีย ได้หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของสหรัฐฯ และกำลังกำหนดเส้นทางอิสระ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมืออย่างแข็งขันของอิหร่าน การล่มสลายของระเบียบโลกขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติของอิหร่าน "สิ่งนี้บ่งชี้ว่า เมื่อมีผู้นำที่ จริงใจ ซื่อสัตย์ มีความมุ่งมั่นที่ยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมของศาสนาเป็นตัวตั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องน่าแปลก ที่คนจำนวนน้อยจะสามารถเอาชนะอำนาจแห่งการกดขี่ที่แม้จะติดอาวุธหนักเพียงใดได้"
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง

    มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ

    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย"

    รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้:

    ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น

    รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้

    ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์

    รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

    ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย

    ที่มา RT
    รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย" รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้: ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย ที่มา RT
    Like
    26
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2041 มุมมอง 0 รีวิว
  • อียูประกาศให้เงิน35,000 ล้านยูโรช่วยยูเครนด้วยเงินอายัดทรัพย์สินของรัสเซีย

    21 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอเอฟพีระบุว่า นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน( Ursula von der Leyen )ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวระหว่างการเยือนกรุงเคียฟ และพบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ว่าสหภาพยุโรป ( อียู ) มีแผนอนุมัติสินเชื่อ 35,000 ล้านยูโร ( ราว 1.28 ล้านล้านบาท ) ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ ให้ยูเครนใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการทำสงครามกับรัสเซีย

    แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมติสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 แห่ง หรือ จี7 ที่เตรียมมอบความช่วยเหลือให้แก่ยูเครน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.64 ล้านล้านบาท ) โดยจะมาจากผลกำไรหรือดอกเบี้ย ซึ่งมาจากการอายัดทรัพย์สิน

    จี7 และสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกันอายัดทรัพย์สินของรัสเซียไปแล้วราว 300,000 ล้านยูโร ( ราว 11ล้านล้านบาท ) นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเปิดฉาก ส่วนใหญ่เป็นการอายัดโดย “ยูโรเคลียร์” บริษัทบริหารจัดการการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เบลเยียม และวงเงินปล่อยกู้รายปีน่าจะอยู่ที่ระหว่าง 2,500-3,000 ล้านยูโร ( ราว 91,946.43-110,335.71 ล้านบาท ) ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย

    ที่มา :เอเอฟพี

    #Thaitimes

    อียูประกาศให้เงิน35,000 ล้านยูโรช่วยยูเครนด้วยเงินอายัดทรัพย์สินของรัสเซีย 21 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอเอฟพีระบุว่า นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน( Ursula von der Leyen )ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวระหว่างการเยือนกรุงเคียฟ และพบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ว่าสหภาพยุโรป ( อียู ) มีแผนอนุมัติสินเชื่อ 35,000 ล้านยูโร ( ราว 1.28 ล้านล้านบาท ) ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ ให้ยูเครนใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการทำสงครามกับรัสเซีย แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมติสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 แห่ง หรือ จี7 ที่เตรียมมอบความช่วยเหลือให้แก่ยูเครน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.64 ล้านล้านบาท ) โดยจะมาจากผลกำไรหรือดอกเบี้ย ซึ่งมาจากการอายัดทรัพย์สิน จี7 และสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกันอายัดทรัพย์สินของรัสเซียไปแล้วราว 300,000 ล้านยูโร ( ราว 11ล้านล้านบาท ) นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเปิดฉาก ส่วนใหญ่เป็นการอายัดโดย “ยูโรเคลียร์” บริษัทบริหารจัดการการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เบลเยียม และวงเงินปล่อยกู้รายปีน่าจะอยู่ที่ระหว่าง 2,500-3,000 ล้านยูโร ( ราว 91,946.43-110,335.71 ล้านบาท ) ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย ที่มา :เอเอฟพี #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1702 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบลเยียมปฎิเสธจัดการแข่งขันฟุตบอลกับเอล ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
    เบลเยียมกล่าวว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันยูฟ่าเนชั่นส์ลีกกับเอลในเดือนกันยายนเนื่องจาก “สถานการณ์ในกาซา” ที่สร้างความปวดหัวด้านความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เมือง
    เบอนัวต์ เฮลลิงส์ เทศมนตรีคนแรกของบรัสเซลส์กล่าวว่าเมืองเชื่อว่าการจัดการแข่งขันซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นที่สตาด รัว โบดวง ในกรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 6 กันยายนนั้น “เป็นไปไม่ได้”
    เฮลลิงส์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของบรัสเซลส์ได้หารือกันอย่างละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกับรัฐบาลกลาง กองกำลังตำรวจ และสหพันธ์ฟุตบอลเบลเยียม (URBSFA)
    “วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการประกาศการแข่งขันดังกล่าวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของเรา จะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ชม ผู้เล่น ผู้อยู่อาศัย และกองกำลังตำรวจของเรา” เขากล่าวในแถลงการณ์
    “เกมของปีศาจแดงเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีและความสามัคคีมาโดยตลอด สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงในกาซาและผลกระทบทำให้ ต้องแจ้ง URBSFA ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการแข่งขันนัดนี้ที่สนามกีฬา Stade Roi Baudouin”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    #เบลเยียม #การแข่งขันฟุตบอล
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เบลเยียมปฎิเสธจัดการแข่งขันฟุตบอลกับเอล ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เบลเยียมกล่าวว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันยูฟ่าเนชั่นส์ลีกกับเอลในเดือนกันยายนเนื่องจาก “สถานการณ์ในกาซา” ที่สร้างความปวดหัวด้านความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่เมือง เบอนัวต์ เฮลลิงส์ เทศมนตรีคนแรกของบรัสเซลส์กล่าวว่าเมืองเชื่อว่าการจัดการแข่งขันซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นที่สตาด รัว โบดวง ในกรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 6 กันยายนนั้น “เป็นไปไม่ได้” เฮลลิงส์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของบรัสเซลส์ได้หารือกันอย่างละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกับรัฐบาลกลาง กองกำลังตำรวจ และสหพันธ์ฟุตบอลเบลเยียม (URBSFA) “วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการประกาศการแข่งขันดังกล่าวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของเรา จะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ชม ผู้เล่น ผู้อยู่อาศัย และกองกำลังตำรวจของเรา” เขากล่าวในแถลงการณ์ “เกมของปีศาจแดงเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีและความสามัคคีมาโดยตลอด สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงในกาซาและผลกระทบทำให้ ต้องแจ้ง URBSFA ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการแข่งขันนัดนี้ที่สนามกีฬา Stade Roi Baudouin” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง #เบลเยียม #การแข่งขันฟุตบอล ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว